“ประวิตร” แจง ผลถกขับเคลื่อนเขต ศก.พิเศษ รับก้าวหน้ามาก ตั้งเป้าเปิด 2 จุด ตะวันตก-ตะวันออก รบ.พร้อมหนุนนักลงทุน ชี้ไม่ใช่หน้าที่ “ประยุทธ์” คุย “นช.แม้ว” แถมเจ้าตัวมีคดีติดตัว ยัน ตัวเองก็ไม่เคยพบ โยน สปช.หาวิธีปรองดอง จี้ทุกฝ่ายอย่าเคลื่อนนอกเวที ฝืนผิด กม. ย้อน “กษิต” กองทัพปฏิรูปมาตลอด ไม่รู้อย่าพูด ย้ำสัมปทานปิโตรฯทำตามขั้นตอน ไม่กดดัน รอฟังเสียงส่วนใหญ่
วันนี้ (16 ก.พ.) ที่อาคารเกษะโกมล พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมในฐานะประธานคณะกรรมการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) แถลงข่าวภายหลังการประชุมขับเคลื่อนเรื่องเขตเศรษฐกิจพิเศษ และการเข้าถึงแหล่งทุนของประชาชนว่า เป็นการประชุมเพื่อติดตามความคืบหน้าการขับเคลื่อนเขตเศรษฐกิจพิเศษ โดยทาง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช.ได้เน้นย้ำตลอดว่าการดำเนินการคืบหน้าไปถึงไหน โดยเฉพาะในส่วนของ กระทรวง หน่วยงานต่างๆที่ต้องไปเร่งดำเนินการทั้งในเรื่องกฎหมาย ผังเมือง โครงสร้างพื้นฐานที่จะเข้าไปอยู่ในเขตเศรษฐกิจพิเศษในทุกพื้นที่ ทั้งนี้ การดำเนินการมีความก้าวหน้าไปมากพอสมควร โดยได้หารือกันว่ายังมีเรื่องอะไรที่ยังไม่เกิดความชัดเจนก็ต้องเร่งดำเนินการ
“เวลานี้มีนักลงทุนหลายประเทศจะเข้ามาลงทุนในพื้นที่เศรษฐกิจพิเศษ โดยเราตั้งเป้าว่าในปีนี้จะเปิดพื้นที่เศรษฐกิจพิเศษให้ได้ 2 จุด คือ พื้นที่ภาคตะวันตก และภาคตะวันออก พร้อมกันนี้รัฐบาลจะอำนวยความสะดวกเรื่องภาษีบุคคล หรือ การช่วยเหลือเรื่องการลงทุนในด้านต่างๆ กับนักธุรกิจที่เข้ามาลงทุนในพื้นที่เศรษฐกิจพิเศษ” พล.อ.ประวิตรกล่าว
พล.อ.ประวิตรกล่าวถึงกรณีที่สภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) เสนอให้ พล.อ.ประยุทธ์ เดินทางไปพูดคุยกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เพื่อสร้างความปรองดองว่า สปช.ก็ว่าไปว่าจะคุยอย่างไร เราพร้อมทุกอย่าง คิดว่าอดีตนายกฯ ทักษิณก็พร้อม พล.อ.ประยุทธ์ย้ำตลอดเวลาว่าให้กลับมาคุยกัน คิดว่าเป็นเรื่องของ สปช.ทำอย่างไรให้เกิดความปรองดองก็ทำไป เมื่อถามว่า มีการเสนอให้ พล.อ.ประยุทธ์เดินทางไปพบ พ.ต.ท.ทักษิณ ไปพูดคุยเอง พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า ไม่ใช่หน้าที่ของนายกรัฐมนตรี มันเป็นเรื่องของกฎหมาย ทั้งนี้นายกรัฐมนตรีมีหน้าที่ดูแลกฎหมาย ถามว่าผิดหรือไม่
เมื่อถามว่า ถ้านายกรัฐมนตรีมอบหมายให้เดินทางไปพูดคุยกับ พ.ต.ท.ทักษิณ สามารถทำได้หรือไม่ พล.อ.ประวิตรย้อนถามกลับว่า แล้วมอบหมายได้หรือไม่ เพราะขณะนี้ พ.ต.ท.ทักษิณก็มีคดีความ เมื่อถามย้ำว่า ถ้าไม่พูดถึงเรื่องคดีความ แต่จะพูดถึงเรื่องอื่น พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า ตนไม่ทราบ ก็ไปหามา สปช.ต้องไปทำมา ต้องดูว่าผิดกฎหมายหรือไม่ เมื่อทาง สปช.เป็นผู้เสนอแนะก็ไปทำมา ส่วนหลักการจะเป็นอย่างไรนั้น ตนไม่รู้ แต่จะต้องไปดูว่าต้องไม่ผิดกฎหมาย เพราะเรายึดตัวกฎหมาย ถ้า สปช. คิดอะไรและเห็นว่าอะไรสามารถทำได้ก็ทำเลยถือเป็นเรื่องของ สปช. ทั้ง สปช.มีหน้าที่ในการปฏิรูปเพื่อนำไปสู่การปกครองดองในทุกเรื่อง และที่ผ่านมาตนก็ไม่เคยเจอกับ พ.ต.ท.ทักษิณ
พล.อ.ประวิตรกล่าวต่อถึงกรณีที่มีนักการเมืองทั้งพรรคประชาธิปัตย์ และพรรคเพื่อไทย ออกมาแสดงความคิดหลากหลายว่า อยากจะแสดงความคิดเห็นก็ไปเลยที่ สปช.ไม่มีใครห้าม อย่ามาตะโกนปาวๆ มันไม่ใช่เรื่อง ทาง สปช.ก็มีอยู่แล้ว อยากให้ทำอะไรก็ไปบอกไปเขาได้เลย เราพร้อมสนับสนุนเพื่อให้ทุกกลุ่มทุกฝ่ายแสดงความคิดเห็นผ่านทาง สปช. เพราะเรามีการเปิดเวทีให้มากมายเชิญเลย
ส่วนกรณีที่นายกษิต ภิรมย์ อดีต รมว.ต่างประเทศ เสนอให้มีการเสนอปฏิรูปกองทัพ โดยเสนอให้ยุบกองบัญชาการกองทัพไทย พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า กองทัพมีการปฏิรูปมาตลอด และทำอยู่ นายกษิตไม่รู้ว่าเขาทำอยู่หรือเปล่า อย่าไปพูดอย่างนี้ กองทัพทำตลอดเวลา โดยมีแผนงานในการที่จะปฏิรูปอยู่แล้ว สิ่งที่นายกษิตสามารถคิดได้ และไปเสนอที่ สปช. อยากคิดอะไรก็คิดได้ ตนไม่ว่าเลย กองทัพมีแผนงานที่จะทำเหมือนกัน และจะนำเข้าสู่สภาปฏิรูปเหมือนกัน เชิญเลยไม่ว่าอะไร สื่อเองก็เสนอได้เช่นกันอย่างเสนออะไรใน สปช.ก็เสนอไป มีเวทีอยู่แล้ว ตามสบาย
เมื่อถามว่า ทุกฝ่ายออกมากดดันรัฐบาลและ คสช. พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า ไม่เคยรู้สึกกดดัน และไม่เคยคิดว่ามีการกดดัน เราอยากให้ทุกฝ่ายแสดงความคิดเห็นใน สปช. ไม่ใช่ว่าแสดงความคิดเห็นอะไรและเรียกมาคุย เพียงแต่เราดูว่าอะไรที่มันเกินเลยไปจนเกิดความไม่ปรองดองเราถึงจะเรียก ถ้าเป็นความคิดก็เสนอไป ส่วนกรณีที่กลุ่มพลเมืองโต้กลับออกมาเคลื่อนไหวที่บริเวณหน้าหอศิลป์นั้น ตนก็อยากทำความเข้าใจไปคุยกันที่ สปช. เพราะมีหลายเวทีไปพูดจากันไม่พอใจเรื่องอะไรก็ไปคุยกัน แต่การเคลื่อนนอกเวทีถามว่าผิดกฎหมายหรือไม่ ซึ่งเรามีเวทีให้อยู่แล้วไม่จำเป็นจะต้องไปเปิดใหม่ ถ้าอะไรที่ผิดกฎหมายก็ไปทำให้ถูกกฎหมาย
เมื่อถามว่า ทางกลุ่มพลเมืองโต้กลับยืนยันว่าจะเคลื่อนไหวนอกเวที พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า คงไม่ได้ เพราะผิดกฎหมายไปคิดอย่างนั้นได้อย่างไรต้องช่วยกัน เพราะขณะนี้ทางรัฐบาล และ คสช.มีเวลาที่จำกัด เหลือเวลาอีกไม่กี่เดือนแล้ว ก็จะต้องเดินตามไปโรดแมป หากมาแคะมาแกะแบบนี้คงเดินไม่ได้
พล.อ.ประวิตรยังกล่าวถึงกรณีมีกลุ่มต่อต้านการเปิดสัมปทานปิโตรเลียมครั้งที่ 21 ออกมากดดันให้นายกรัฐมนตรียกเลิกการเปิดสัมปทานดังกล่าวว่า กดดันอย่างไร เรื่องนี้ว่าไปตามขั้นตอน ขณะนี้นายกรัฐมนตรีได้เลื่อนยื่นแจ้งความจำนงไปแล้ว พร้อมทั้งเปิดเวทีให้พูดคุยกันในวันที่ 20 กพ.นี้ ก็ไปหารือกัน ซึ่งนายกรัฐมนตรีไม่ได้มีผลประโยชน์อะไร ทุกอย่างทำไปตามกฎหมาย เพราะเกี่ยวข้องกับพลังงาน ซึ่งทาง รมว.พลังงาน ได้มีการเสนอมาว่าพลังงานกำลังจะหมดภายในกี่ปี ก็มีการเสนอขั้นตอนการดำเนินการเกี่ยวกับการหาแหล่งพลังงาน แต่ถ้าหน่วยงานส่วนใหญ่บอกให้ยกเลิกทั้งหมด หรือประชาชนทั้งหมดยอมรับได้ก็เอา เพราะเป็นเรื่องของภาพส่วนรวม ยืนยันว่าทุกคนทำงานเพื่อประชาชนและประเทศชาติ