xs
xsm
sm
md
lg

“บิ๊กตี๋” มั่นใจ “ประยุทธ์” บริหารประเทศตามโรดแมป เมินเสิ้อแดงโหนศพ “อภิวันท์”

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

พล.อ.วรพงษ์ สง่าเนตร  ผู้บัญชาการทหารสูงสุด (ภาพจากแฟ้ม)
ผบ.สส.ประชุมผู้นำเหล่าทัพ ย้ำทำตามนโยบายนายกฯ ส่วนเรื่องความขัดแย้งมีคนรับผิดชอบอยู่แล้ว ชี้กองทัพสนับสนุนรัฐบาล เป้าหมายเลือกตั้งถูกต้องเหมาะสม ไม่อยากเรียกอีกฝ่ายคลื่นใต้น้ำ แค่คนที่เห็นต่าง เมินเสื้อแดงร่วมงานศพ “อภิวันท์” แค่งานศพธรรมดา ได้รับพระมหากรุณาธิคุณ มั่นใจ “ประยุทธ์” บริหารประเทศตามโรดแมป ปัดมะกันลดระดับฝึกคอบร้าโกลด์ แค่ฝึกแต่ละปีหนักเบาไม่เหมือนกัน กรณีเขาพระวิหารให้บัวแก้วดูแล เป้าหมายตั้งเศรษฐกิจพิเศษเข้าสู่อาเซียน



วันนี้ (20 ต.ค.) ที่กองบัญชาการกองทัพไทย พล.อ.วรพงษ์ สง่าเนตร ผู้บัญชาการทหารสูงสุด (ผบ.สส.) เป็นประธานการประชุมผู้บัญชาการเหล่าทัพครั้งแรก หลังการแต่งตั้งโยกย้ายเมื่อเดือน ต.ค.ที่ผ่านมา โดยมีผู้บัญชาการเหล่าทัพเข้าร่วมประชุมอย่างพร้อมเพรียง ประกอบด้วย พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร ผู้บัญชาการทหารบก, พล.ร.อ.ไกรสร จันทร์สุวานิชย์ ผู้บัญชาการทหารเรือ, พล.อ.อ.ตรีทศ สนแจ้ง ผู้บัญชาการทหารอากาศ, พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ก่อนการประชุมผู้บัญชาการเหล่าทัพได้ร่วมสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ภายในกองบัญชาการกองทัพไทย

สำหรับวาระการประชุมผู้บัญชาการเหล่าทัพ พล.อ.วรพงษ์ได้มอบนโยบายการทำงานให้กับทุกเหล่าทัพเพื่อความเป็นเอกภาพและเป็นทิศทางเดียวกัน พร้อมทั้งเน้นย้ำการทำหน้าที่ปกป้องเทิดทูนสถาบัน พัฒนากองทัพให้ทันสมัย และช่วยเหลือประชาชน รวมทั้งเป็นการหารือร่วมกันในประเด็นต่างๆ ด้านความมั่นคง การดูแลสถานการณ์ตามแนวชายแดน รวมทั้งจังหวัดชายแดนภาคใต้ และการรักษาความสงบเรียบร้อยภายในประเทศ นอกจากนี้ยังเป็นการเน้นย้ำความร่วมมือของทุกเหล่าทัพในการสนับสนุนการทำงานของรัฐบาล และคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.)

หลังจากนั้นเวลา 11.30 น. พล.อ.วรพงษ์ พร้อมผู้บัญชาการเหล่าทัพ ได้ร่วมกันแถลงผลการประชุมว่า การประชุม ผบ.เหล่าทัพในวันนี้ได้เน้นย้ำการปฏิบัติงานตามนโยบายของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้า คสช. และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง และ รมว.กลาโหม โดยเฉพาะงานที่ทำอยู่ยังคงปฏิบัติเหมือนเดิม โดยเน้นเรื่องผลผลิต ผลลัพธ์ และตัวชี้วัดให้เกิดความชัดเจนมากขึ้น สามารถจับต้องได้ ทั้งนี้นายกฯได้ให้แนวทางไว้ว่าใน 3, 6, 9 เดือน ต้องมีผลงานชัดเจนเป็นรูปธรรม ส่วนนโยบายของเหล่าทัพในการสนับสนุนงานของรัฐบาลและ คสช.นั้น เหล่าทัพมีหน้าที่สนับสนุนงานรัฐบาลอยู่ ซึ่งเป็นภารกิจของกองทัพและส่วนราชการ และในปีนี้ถือว่ามีความสำคัญเพราะมีความต่อเนื่องในการทำงานของ คสช.ในโรดแมปที่ 2 โดยกองทัพถือเป็นส่วนหนึ่งของกระทรวงกลาโหม ทำหน้าที่ทั้ง คสช. สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) สภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) ตามบทบาทหน้าที่ที่รับผิดชอบ โดยให้ความร่วมมือสนับสนุนรัฐบาลอย่างเต็มที่

เมื่อถามว่า กองทัพจะมีส่วนเข้าไปดูแลทำความเข้าใจกับประชาชนที่มีความเห็นต่างอย่างไร พล.อ.วรพงษ์กล่าวว่า มีหน่วยงานที่รับผิดชอบดูแลอยู่แล้ว ซึ่งการแก้ไขปัญหาเรื่องความขัดแย้งเป็นส่วนหนึ่งที่อยู่ใน สปช.ที่จะต้องดูแล ส่วนความเห็นที่ไม่ตรงกันมีหน่วยงานที่รับผิดชอบอยู่ เน้นการทำความเข้าใจ พูดคุยกัน ชี้ประเด็นต่างๆให้เห็นเพื่อทำความเข้าใจที่ตรงกัน ทุกคนมีเป้าหมายเดียวกันคือทำให้ประเทศชาติมั่นคงเจริญรุ่งเรือง ซึ่งไม่น่ามีปัญหาอะไรเมื่อเราเดินไปจุดหมายเดียวกัน สามารถร่วมมือร่วมใจในการทำงานได้

เมื่อถามว่า ได้ประเมินปัญหาเรื่องคลื่นใต้น้ำอย่างไร พล.อ.วรพงษ์กล่าวว่า ไม่อยากให้เรียกว่าคลื่นใต้น้ำ เป็นเพียงคนที่มีความคิดเห็นไม่ตรงกับ คสช.และรัฐบาล 100% อาจจะมีบางประเด็นไม่ตรงกัน แม้แต่ใน สนช.เอง ก็ยังมีความเห็นไม่เหมือนกันเพียงแต่ว่าจะทำอย่างไรที่จะเอาความเห็นของทุกคนมาทำเป็นความเห็นร่วมกันได้ เท่าที่ดูไม่มีปัญหาอะไรมาก สามารถดำเนินการได้ตามโรดแม็ปที่วางไว้

“จริงๆ แล้วกองทัพไม่ได้อยู่จุดยอดสูงสุด แต่อยู่อยู่กลางๆ มีหน้าที่สนับสนุนรัฐบาล ส่วนบุคคลที่ไปทำหน้าที่อื่นทั้งในตำแหน่ง รองนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรี หรือแม้แต่ คสช.ก็ทำไปตามหน้าที่และบทบาทตัวเอง แต่ทุกอย่างต้องมาบูรณาการเพื่อให้บรรลุตามเป้าหมาย คือมีการเลือกตั้งที่ถูกต้องและเหมาะสม” พล.อ.วรพงษ์กล่าว

เมื่อถามว่า กรณีที่มีกลุ่มคนเสื้อแดงไปร่วมงานศพ พ.อ.อภิวันท์ วิริยะชัย อดีตรองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่ 2 เป็นการส่งสัญญาณอะไรหรือไม่ พล.อ.วรพงษ์กล่าวว่า ไม่มีปัญหาอะไร เป็นงานศพธรรมดาที่มีคนรู้จักชอบพอมาร่วมงานมาก ซึ่ง พ.อ.อภิวันท์ได้รับพระราชทานโกฐและพระราชทานเพลิงศพ ถือเป็นพระมหากรุณาธิคุณ ก็เรียบร้อยดี ไม่มีปัญหาอะไร

เมื่อถามว่า กองทัพอยากให้รัฐบาลและ สปช.ปฏิรูปเรื่องใดในกองทัพที่เห็นว่าสำคัญที่สุด พล.อ.วรพงษ์กล่าวว่า กองทัพมีส่วนเกี่ยวข้อง ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้มีการดำเนินการมาก่อนหน้านี้แล้วในเรื่องการปฏิรูปประเทศ โดยมอบหมายให้สำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหมดำเนินการ วางกรอบ 11 ด้าน เราก็อยู่ในนั้นด้วย ทั้งเรื่องการบริหารราชการแผ่นดิน การปรับปรุงโครงสร้าง การปรับปรุงแกไขกฎหมายต่างๆ ซึ่งทั้ง 11 ด้านได้ผ่านการกลั่นกรองมาแล้ว ส่วนที่เกี่ยวข้องว่ามีความสำคัญใน 10 ด้านและอื่นๆ อีก 1 ด้าน ก็แล้วแต่จะเพิ่มเติมขึ้นมา

“การปฏิรูปประเทศทั้ง 11 ด้านต้องทำพร้อมๆ กัน จะมุ่งเน้นด้านใดด้านหนึ่งไม่ได้ เหมือนร่างกายต้องฟิตทุกจุด จะไปเน้นแต่เล่นกล้ามอย่างเดียวไม่ได้ แขน ขา ตับ ไต ปอด หัวใจ ต้องแข็งแรง ทั้งนี้มองว่า 11 ด้านที่คิดกันมาสมบูรณ์แล้ว แต่ก็จะมีด้านอื่นไว้ เผื่อช่วงเวลาจำกัดไม่ครอบคลุม ด้านอื่นๆ ก็จะเป็นตัวเสริมให้สมบูรณ์ ทั้งนี้การปฏิรูปกองทัพ อยู่ในส่วนการบริหารราชการอยู่แล้ว เราไม่ได้แปลกแยกจากส่วนอื่น กองทัพถือเป็นส่วนราชการของรัฐบาล เหมือน กระทรวง ส่วนราชการที่รับเงินเดือนหลวงเหมือนกัน กองทัพจึงไม่จำเป็นต้องแยก เว้นแต่มีปัญหาหนักๆ ต้องยกขึ้นมา” พล.อ.วรพงษ์กล่าว

เมื่อถามว่า ควรปฏิรูปส่วนไหนของกองทัพก่อน พล.อ.วรพงษ์กล่าวว่า นโยบายที่ให้เหล่าทัพไปก็คือการพัฒนาคน เรามองว่าประเทศไทยมีปัญหาก็เพราะคน ถ้าคนดี คิดดี ทำดี ปัญหาจะลดลงไปมากกว่าครึ่ง เช่นเรื่องการคอรัปชั่น ถ้ามีคนดีปัญหาจะลดลง เราไม่ต้องไปแก้ที่ปลายเหตุโดยการออกกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ เพื่อแก้ปัญหาคอรัปชั่น เพราะคนดี จะรู้หน้าที่ ความรับผิดชอบ เขาสามารถทำให้ปัญหาลดลงเกินครึ่ง เมื่อถามว่า ถ้าปฏิรูปสำเร็จ การรัฐประหารก็จะไม่เกิดขึ้นอีกแล้วใช่ไหม พล.อ.วรพงษ์กล่าวว่า ถ้าปฏิรูปได้ก็ไม่น่าจะมีอะไรเกิดขึ้น เพราะเราเขียนโรดแม็ปเอาไว้เพื่อนำไปสู่การเลือกตั้งที่บริสุทธิ์ ยุติธรรม ได้นักการเมืองที่ดีมาบริหารประเทศ ถ้านักการเมืองบริหารประเทศดีก็ไม่มีปัญหา

เมื่อถามว่า ถ้าเป็นรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์บริหารงานไป 1 ปีไม่มีอะไรดีขึ้น ทหารจะมีบทบาทอะไรหรือไม่ พล.อ.วรพงษ์กล่าวว่า ท่านบริหารประเทศได้อยู่แล้วตามโรดแมปที่วางไว้ ตนมั่นใจในตัวนายกรัฐมนตรี และกองทัพก็ให้การสนับสนุนงานเต็มที่อยู่แล้ว เพราะเราเป็นข้าราชการ ส่วนกำลังใจเราให้ท่านนายกรัฐมนตรีอยู่แล้ว แต่เราต้องทำงานสนับสนุนท่านด้วย ไม่ใช่เชียร์อย่างเดียว นายกรัฐมนตรีสั่งมาก็ต้องทำงานให้สำเร็จด้วย เพราะที่ท่านสั่งมาเกี่ยวข้องกับ หลายกระทรวง ทบวง กรม ถ้าของใครคนใดคนหนึ่งไม่สำเร็จก็จะมีปัญหา เหมือนจิ๊กซอว์ที่มีตัวต่อเป็นร้อย ถ้าแต่ละตัวมีปัญหาภาพก็ไม่เหมือนที่ต้องการ เราต้องทำของเราให้ดีที่สุด

เมื่อถามว่า มีอะไรอยากเสนอหรือติชมรัฐบาลหรือไม่ พล.อ.วรพงษ์กล่าวว่า มีแต่คำชมไม่มีคำติ

พล.อ.วรพงษ์กล่าวถึงกรณีที่ประเทศสหรัฐอเมริกาลดระดับการฝึกร่วมคอบร้าโกลด์ กับประเทศไทยภายหลังที่กองทัพไทยทำรัฐประหารว่า ไม่เป็นความจริง เพราะขณะนี้กำลังเริ่มการฝึกแล้ว โดยเดือน พ.ย.นี้จะมีการประชุมเตรียมการฝึกประจำปี 2558 เพื่อเตรียมความพร้อมด้านกำลังพล อาวุธยุทโธปกรณ์ ทั้งนี้ อาจเป็นเพราะในปี 2558 เป็นปีการฝึกแบบ “light year” ซึ่งเน้นการฝึกเจ้าหน้าที่ในที่บังคับการ หรือ Command post exercise : CPX ขณะที่การฝึกทางยุทธวิธี การรบต่างๆ จะเน้นการฝักในห้วง”Heavy year”

“อาจจะมองว่าเบาลง แต่ความจริงเราแบ่งในแต่ละปีหนักและเบาสลับกันไปอยู่แล้ว ครั้งนี้ก็ก็จะทำให้เป็นเฮฟวีในไลต์เยียร์ ให้เห็นว่าสหรัฐอเมริกาไม่ได้ลดระดับลงไป แต่ภาพใหญ่เป็นการฝึกขั้นตอนการวางแผน ประสานงาน ซึ่งมีกำลังพลน้อย แต่เราจะทำให้ใหญ่ในไลต์เยียร์เพื่อให้เห็นว่าความสัมพันธ์ไม่มีปัญหา” ผบ.สส.ระบุ

เมื่อถามถึง ความสัมพันธ์ของกองทัพกับประเทศเพื่อนบ้าน พล.อ.วรพงษ์กล่าวว่า รัฐบาล และอดีต ผบ.เหล่าทัพที่ผ่านมา ทำมาได้ดีมาก ต่อไปคือ พวกเราต้องรักษาเสถียรภาพระหว่างประเทศ ส่วนกรณีเขาพระวิหารนั้นจะมีกระทรวงการต่างประเทศเป็นผู้ดูแล ทั้งนี้นโยบายรัฐบาลคือ ทำอย่างไรให้มีความสงบสุข และจะตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษ และมองว่าเมื่อเราเข้าสู่ประชาคมอาเซียน ปัญหาบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชาก็จะมีผลน้อยลง


กำลังโหลดความคิดเห็น