การสำรวจความคิดเห็นของประชาชนล่าสุด คะแนนนิยมของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีเพิ่มขึ้น เป็นสิ่งสะท้อนว่า แนวทางการแก้ปัญหาของรัฐบาลยังเข้าตาชาวบ้าน แต่ไม่ใช่หลักประกันว่า เสถียรภาพรัฐบาลจะราบรื่นตลอดไป
เพราะเริ่มพูดถึงคลื่นใต้น้ำกันบ้างแล้ว พร้อมๆ กับความเคลื่อนไหวของอดีตส.ส.พรรคเพื่อไทย คู่ขนานกับกลุ่มอาจารย์สังกัดค่ายพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตรที่ออกมาแสดงบทบาททางการเมือง
ปฏิกิริยาความไม่พอใจรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ ปะทุขึ้นเป็นจุดๆ แต่เป็นการจุดปะทุจากคนกลุ่มก้อนเดียวกัน ไม่ว่าจะเป็นอดีตรัฐมนตรีรัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตส.ส.พรรคเพื่อไทย หรือกลุ่มอาจารย์มหาวิทยาลัยต่างๆ ล้วนเป็นเครือข่ายพ.ต.ท.ทักษิณทั้งสิ้น
60 อาจารย์จาก 16 มหาวิทยาลัยที่ร่วมลงชื่อคัดค้านการปิดกั้นการเสวนาที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เชิญตัววิทยากรที่ร่วมสัมมนาไปสถานีตำรวจ นำโดยอาจารย์นิธิ เอียวศรีวงศ์ ถือเป็นการเปิดหน้าชนกับ คสช.โดยตรง
60 อาจารย์ที่ออกมาเคลื่อนไหวต่อต้าน คสช.ก็เป็นกลุ่มอาจารย์หน้าเดิมๆ ที่ไม่เคยวิพากษ์พฤติกรรมของพ.ต.ท.ทักษิณไม่แต่น้อย บทบาทความเคลื่อนไหวจึงไม่เรียกความสนใจเท่าไหร่ น้ำหนักเสียงร้องโหวกเหวกไม่ค่อยมี
กระแสของพล.อ.ประยุทธ์ก็ยังดีอยู่ การก่อชนวนทำลายศรัทธารัฐบาลจึงจุดไม่ติด
แต่ความเคลื่อนไหวของพลพรรคภายใต้ปีกของพ.ต.ท.ทักษิณ เป็นสิ่งบ่งชี้ว่า ยุทธการก่อกวนสร้างความวุ่นวาย ทำความรำคาญใจให้รัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว และพ.ต.ท.ทักษิณก็เดินป้วนเปี้ยนใกล้ประเทศไทย
ปัญหาของพล.อ.ประยุทธ์ไม่ได้อยู่ที่คลื่นใต้น้ำ แต่อยู่ที่การบริหารกระแส อยู่กับการรักษาคะแนนนิยม ดำเนินนโยบายที่ “โดน” ใจชาวบ้าน และต้องเร่งรัดแก้ปัญหาค่าครองชีพโดยเร็ว
เศรษฐกิจขณะนี้ยังไม่ดีนัก และซบเซาด้วยซ้ำ แต่เชื่อกันว่า รัฐบาลจะพลิกฟื้นเศรษฐกิจได้ จึงให้เวลาและรอคอยความหวังกันอยู่
ปัญหาค่าครองชีพกำลังไล่หลัง ราคารถเมล์ รถแท็กซี่เตรียมขยับขึ้น ราคาน้ำมันมีแนวโน้มปรับขึ้น เพื่อให้เป็นไปตามกลไกตลาด ราคาสินค้าอุปโภคบริโภคอยู่ในภาวะที่อั้นไม่ไหว แต่รายได้ประชาชนไม่เพิ่มเท่าไหร่
คลื่นใต้น้ำที่เริ่มก่อหวอด ไม่ได้น่ากลัวเท่าไหร่ เพราะเป็นกลุ่มคนหน้าเดิม ไม่ค่อยมีเครดิตทางสังคมเท่าไหร่ มีสมาชิกกลุ่มก้อนที่จำกัด คสช.ไม่ต้องให้ราคามาก
จะขยายแฟชั่นเอาปี๊บคุมหัวไปอีกกี่อาจารย์ก็เป็นเพียงกระแสที่จะดับวูบอย่างรวดเร็ว
แต่ภาวะเศรษฐกิจที่เงียบเหงา ภาวะค่าครองชีพที่บีบรัด จะเป็นชนวนสร้างความสั่นคลอนของรัฐบาลจนก้าวไปไม่ถึงฝัน การคืนความสุขให้ประชาชน
แม้จะขีดเส้นว่า รัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์จะอยู่ประมาณ 1 ปี แต่ก็คาดหมายว่า อาจต้องขยายเวลายาวนานออกไป อาจจะ 2 หรือ 3 ปี และดีไม่ดีอาจลากไปถึง 4 ปี
ไม่ว่าวาระที่แน่นอนจะกี่ปีแน่ แต่ยังไม่มีการพูดถึงการอยู่ครบวาระหรือไม่ เพราะเร็วเกินไปที่จะพูดถึงอายุขัยของรัฐบาล และสถานการณ์รอบด้านไม่มีสัญญาณใดที่ คสช.จะเกิดความสั่นคลอน
คะแนนนิยมที่ดี นโยบายส่วนใหญ่ออกมาโดนใจ ประชาชนยังให้โอกาส กลุ่มคลื่นใต้น้ำก็มีความเคลื่อนไหวอยู่กลุ่มเดียว พยายามส่งเสียงโหวกเหวกก่อชนวนความวุ่นวายอยู่ฝ่ายเดียว เอกภาพในเหล่าทัพยังแน่นปึก จึงไม่ต้องห่วงในด้านเสถียรภาพ
รัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ยังหายใจสบายๆ อยู่
แต่ช่วงเวลาสบายๆ อาจสั้นลง หรือเหลือเพียงแค่ช่วงปลายปีนี้เท่านั้น ใน 3 เดือนข้างหน้า ต้นปีหน้า ถ้าเศรษฐกิจยังไม่ถูกขับเคลื่อน การค้าขายยังฝืดเคือง ปัญหาค่าครองชีพทับถม ขาลงของความศรัทธาอาจมาถึง
กลุ่มกองแช่งที่รอจังหวะอยู่ จะถือโอกาสผสมโรง จนรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์เสียศูนย์ได้
ภาพทางเศรษฐกิจและการลงทุนที่ดูดีมีเพียงตลาดหุ้นเท่านั้น และตั้งแต่มี คสช.ดัชนีพุ่งขึ้นมาประมาณ 180 จุดแล้ว เพราะนักลงทุนคาดหวังการแก้ปัญหาของรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ และพากันซื้ออนาคต
ดัชนีหุ้นจึงพุ่งสวนทางกับความรู้สึกของคนทั่วไปที่เห็นว่า เศรษฐกิจยังแย่อยู่
แสดงฝีมือการจัดระเบียบทางสังคมแล้ว แสดงความสามารถในการทำให้การเมืองสงบแล้ว ภารกิจต่อไป ต้องแสดงให้เห็นว่า มีความสามารถพลิกฟื้นเศรษฐกิจ แก้ปัญหาปากท้องของประชาชนได้
ถ้าพลิกฟื้นเศรษฐกิจได้ บรรเทาปัญหาค่าครองชีพลงได้ ไม่ต้องห่วงอะไรแล้ว คลื่นใต้น้ำก็ไร้ความหมาย อยากจะอยู่กี่ปีก็ตามใจ
แต่ถ้ารบกับเศรษฐกิจไม่ชนะ ปีหน้าจะเป็นปีที่แสนเหน็ดเหนื่อยของพล.อ.ประยุทธ์
เพราะเริ่มพูดถึงคลื่นใต้น้ำกันบ้างแล้ว พร้อมๆ กับความเคลื่อนไหวของอดีตส.ส.พรรคเพื่อไทย คู่ขนานกับกลุ่มอาจารย์สังกัดค่ายพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตรที่ออกมาแสดงบทบาททางการเมือง
ปฏิกิริยาความไม่พอใจรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ ปะทุขึ้นเป็นจุดๆ แต่เป็นการจุดปะทุจากคนกลุ่มก้อนเดียวกัน ไม่ว่าจะเป็นอดีตรัฐมนตรีรัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตส.ส.พรรคเพื่อไทย หรือกลุ่มอาจารย์มหาวิทยาลัยต่างๆ ล้วนเป็นเครือข่ายพ.ต.ท.ทักษิณทั้งสิ้น
60 อาจารย์จาก 16 มหาวิทยาลัยที่ร่วมลงชื่อคัดค้านการปิดกั้นการเสวนาที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เชิญตัววิทยากรที่ร่วมสัมมนาไปสถานีตำรวจ นำโดยอาจารย์นิธิ เอียวศรีวงศ์ ถือเป็นการเปิดหน้าชนกับ คสช.โดยตรง
60 อาจารย์ที่ออกมาเคลื่อนไหวต่อต้าน คสช.ก็เป็นกลุ่มอาจารย์หน้าเดิมๆ ที่ไม่เคยวิพากษ์พฤติกรรมของพ.ต.ท.ทักษิณไม่แต่น้อย บทบาทความเคลื่อนไหวจึงไม่เรียกความสนใจเท่าไหร่ น้ำหนักเสียงร้องโหวกเหวกไม่ค่อยมี
กระแสของพล.อ.ประยุทธ์ก็ยังดีอยู่ การก่อชนวนทำลายศรัทธารัฐบาลจึงจุดไม่ติด
แต่ความเคลื่อนไหวของพลพรรคภายใต้ปีกของพ.ต.ท.ทักษิณ เป็นสิ่งบ่งชี้ว่า ยุทธการก่อกวนสร้างความวุ่นวาย ทำความรำคาญใจให้รัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว และพ.ต.ท.ทักษิณก็เดินป้วนเปี้ยนใกล้ประเทศไทย
ปัญหาของพล.อ.ประยุทธ์ไม่ได้อยู่ที่คลื่นใต้น้ำ แต่อยู่ที่การบริหารกระแส อยู่กับการรักษาคะแนนนิยม ดำเนินนโยบายที่ “โดน” ใจชาวบ้าน และต้องเร่งรัดแก้ปัญหาค่าครองชีพโดยเร็ว
เศรษฐกิจขณะนี้ยังไม่ดีนัก และซบเซาด้วยซ้ำ แต่เชื่อกันว่า รัฐบาลจะพลิกฟื้นเศรษฐกิจได้ จึงให้เวลาและรอคอยความหวังกันอยู่
ปัญหาค่าครองชีพกำลังไล่หลัง ราคารถเมล์ รถแท็กซี่เตรียมขยับขึ้น ราคาน้ำมันมีแนวโน้มปรับขึ้น เพื่อให้เป็นไปตามกลไกตลาด ราคาสินค้าอุปโภคบริโภคอยู่ในภาวะที่อั้นไม่ไหว แต่รายได้ประชาชนไม่เพิ่มเท่าไหร่
คลื่นใต้น้ำที่เริ่มก่อหวอด ไม่ได้น่ากลัวเท่าไหร่ เพราะเป็นกลุ่มคนหน้าเดิม ไม่ค่อยมีเครดิตทางสังคมเท่าไหร่ มีสมาชิกกลุ่มก้อนที่จำกัด คสช.ไม่ต้องให้ราคามาก
จะขยายแฟชั่นเอาปี๊บคุมหัวไปอีกกี่อาจารย์ก็เป็นเพียงกระแสที่จะดับวูบอย่างรวดเร็ว
แต่ภาวะเศรษฐกิจที่เงียบเหงา ภาวะค่าครองชีพที่บีบรัด จะเป็นชนวนสร้างความสั่นคลอนของรัฐบาลจนก้าวไปไม่ถึงฝัน การคืนความสุขให้ประชาชน
แม้จะขีดเส้นว่า รัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์จะอยู่ประมาณ 1 ปี แต่ก็คาดหมายว่า อาจต้องขยายเวลายาวนานออกไป อาจจะ 2 หรือ 3 ปี และดีไม่ดีอาจลากไปถึง 4 ปี
ไม่ว่าวาระที่แน่นอนจะกี่ปีแน่ แต่ยังไม่มีการพูดถึงการอยู่ครบวาระหรือไม่ เพราะเร็วเกินไปที่จะพูดถึงอายุขัยของรัฐบาล และสถานการณ์รอบด้านไม่มีสัญญาณใดที่ คสช.จะเกิดความสั่นคลอน
คะแนนนิยมที่ดี นโยบายส่วนใหญ่ออกมาโดนใจ ประชาชนยังให้โอกาส กลุ่มคลื่นใต้น้ำก็มีความเคลื่อนไหวอยู่กลุ่มเดียว พยายามส่งเสียงโหวกเหวกก่อชนวนความวุ่นวายอยู่ฝ่ายเดียว เอกภาพในเหล่าทัพยังแน่นปึก จึงไม่ต้องห่วงในด้านเสถียรภาพ
รัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ยังหายใจสบายๆ อยู่
แต่ช่วงเวลาสบายๆ อาจสั้นลง หรือเหลือเพียงแค่ช่วงปลายปีนี้เท่านั้น ใน 3 เดือนข้างหน้า ต้นปีหน้า ถ้าเศรษฐกิจยังไม่ถูกขับเคลื่อน การค้าขายยังฝืดเคือง ปัญหาค่าครองชีพทับถม ขาลงของความศรัทธาอาจมาถึง
กลุ่มกองแช่งที่รอจังหวะอยู่ จะถือโอกาสผสมโรง จนรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์เสียศูนย์ได้
ภาพทางเศรษฐกิจและการลงทุนที่ดูดีมีเพียงตลาดหุ้นเท่านั้น และตั้งแต่มี คสช.ดัชนีพุ่งขึ้นมาประมาณ 180 จุดแล้ว เพราะนักลงทุนคาดหวังการแก้ปัญหาของรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ และพากันซื้ออนาคต
ดัชนีหุ้นจึงพุ่งสวนทางกับความรู้สึกของคนทั่วไปที่เห็นว่า เศรษฐกิจยังแย่อยู่
แสดงฝีมือการจัดระเบียบทางสังคมแล้ว แสดงความสามารถในการทำให้การเมืองสงบแล้ว ภารกิจต่อไป ต้องแสดงให้เห็นว่า มีความสามารถพลิกฟื้นเศรษฐกิจ แก้ปัญหาปากท้องของประชาชนได้
ถ้าพลิกฟื้นเศรษฐกิจได้ บรรเทาปัญหาค่าครองชีพลงได้ ไม่ต้องห่วงอะไรแล้ว คลื่นใต้น้ำก็ไร้ความหมาย อยากจะอยู่กี่ปีก็ตามใจ
แต่ถ้ารบกับเศรษฐกิจไม่ชนะ ปีหน้าจะเป็นปีที่แสนเหน็ดเหนื่อยของพล.อ.ประยุทธ์