xs
xsm
sm
md
lg

จับชายชุดดำแค่ต่อรองให้หยุดคลื่นใต้น้ำ-หนังยาวไม่จบง่าย!?

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ผ่าประเด็นร้อน

ตอนแรกที่มีการจับกุมชายชุดดำจำนวน 5 คน (ชาย 4 หญิง 1) ที่ก่อเหตุใช้อาวุธสงครามยิงถล่มเมื่อวันที่ 10 เมษายน 2553 เรียกเสียงฮือฮาจากสังคมไปทั่ว แม้ว่าเวลาผ่านไปกว่า 4 ปี จากวันก่อเหตุมาจนถึงวันจับกุมผู้ต้องหา แต่ถึงอย่างไรก็ต้องชื่นชมตำรวจว่า แม้ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหน ยากเย็นแค่ไหนก็ไม่พ้นความสามารถของตำรวจไทย ที่ทำได้ทุกอย่างถ้าอยากจะทำ แม้ว่าในรายละเอียดของคดีสาเหตุที่ “ไม่จับ” หรือ “จับไม่ได้” เนื่องจาก “อำนาจยังไม่เปลี่ยนมือ” จนวันนี้อยู่ในมือของอีกกลุ่ม และสถานการณ์เปลี่ยน ทุกอย่างจึงต้องเปลี่ยนตามหรือเปล่า

การจับกุมชายชุดดำดังกล่าว แน่นอนว่าย่อมสร้างแรงสั่นสะเทือนไปไกล กระทบกันหลายกลุ่ม บางกลุ่มนั่งไม่ติดจนต้องโผล่ออกมาเคลื่อนไหวกดดันให้ทุกอย่างกลับไปอยู่แบบเดิม

ขณะเดียวกัน ที่ต้องจับตาไปพร้อมๆ กันก็คือ ข้อมูลของ พ.ต.อ.ประสพโชค พร้อมมูล รอง ผบก.ป. ที่บอกว่า “จากแนวทางการสอบสวนของตำรวจพบว่า พล.ท.มนัส เปาริก เชื่อมโยงในการจัดหาอาวุธไปก่อเหตุในเหตุการณ์วันที่ 10 เมษายน 2553”

แน่นอนว่าถ้าเอ่ยชื่อ พล.ท.มนัส เปาริก สำหรับคนที่ติดตามมาอย่างเกาะติดก็ต้องรับรู้กันว่า เขานี่แหละคือ “ทหารแตงโม” ขนานแท้ และที่สำคัญเขาเป็น “ตท.10” สนิทชิดเชื้อกับ ทักษิณ ชินวัตร กับคนในรัฐบาลชุดที่แล้ว ข้อมูลเพียงแค่นี้ก็น่าจะทำให้หลายคนจินตนาการ คิดต่อยอดกันได้เองอยู่แล้ว มันน่าเชื่อมโยงไปทางไหนกันแน่

ย้อนกลับมาที่กลุ่มชายชุดดำที่เพิ่งมีการจับกุมได้ในยุค พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ว่าที่ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติคนใหม่ ตอนแรกก็ทำท่าขึงขัง มีการนำมาแถลงข่าวประกอบคำสารภาพในที่เกิดเหตุเรียกความสนใจจากสังคมไปทั่ว

แน่นอนว่าหลายคนเชื่อว่าการจับกุมดังกล่าวน่าจะคลี่คลายนำไปสู่ผู้ที่บงการอยู่เบื้องหลังเหตุการณ์ร้ายดังกล่าวได้แน่ โดยเฉพาะการสังหาร พล.อ.ร่มเกล้า ธุวธรรม ทหาร และประชาชน ในเหตุการณ์จลาจลวันนั้นได้มากขึ้น ถึงขนาดที่ นิชา ธุวธรรม ภรรยา ถึงกับพูดว่า “มีความหวังที่สาวไปถึงผู้บงการได้มากขึ้น” แต่เชื่อหรือไม่ว่า ถัดจากนั้นไม่นาน พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง กลับย้ำว่า ชายชุดดำที่ถูกจับกุมดังกล่าวถูกตั้งข้อหาในคดีครอบครองอาวุธโดยไม่ได้รับอนุญาต หรือพกพาอาวุธโดยไม่ได้รับอนุญาต ส่วนคดีก่อการร้ายนั้น เป็นหน้าที่ของกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ได้ยินแล้วรู้สึก “โหวงเหวง” อะไรชอบกล ตอนแรกมีความรู้สึกมีความหวัง แต่แล้วกลับ “หยุดเอาดื้อๆ”

แม้ว่านาทีนี้ยังสรุปไม่ได้ว่ากลุ่มชายชุดดำที่ถูกจับกุม จะเกี่ยวข้องกับการสังหาร พล.อ.ร่มเกล้า ธุวธรรม และเจ้าหน้าที่ทหาร รวมทั้งประชาชนในเหตุการณ์วันนั้น หรือต่อเนื่องไปจนถึงวันที่ 19 พฤษภาคม 53 หรือแม้แต่กรณีของ พล.ท.มนัส เปาริก ที่เจ้าหน้าที่ตำรวจบอกว่า เป็นผู้จัดหาอาวุธให้ผู้ก่อเหตุในวันที่ 10 เมษายน 53 ก็ตาม แต่ถ้าพิจารณาจากความเคลื่อนไหวต่อเนื่อง มันก็น่าจะเข้าใจตรงกันว่า “มันต้องเกี่ยวกันแน่” ส่วนจะมากจะน้อยนั้นอีกเรื่องหนึ่ง

ขณะเดียวกัน หากพิจารณากันอีกมุมหนึ่งทำให้อดคิดไปไม่ได้ว่า การจับกุมในครั้งนี้มันจะเกี่ยวข้องกับการ “ต่อรอง” อะไรบางอย่างหรือไม่ เพราะก่อนหน้านี้มี “ผู้มีอำนาจ” ระบุว่า ยังมีการเคลื่อนไหวทั้งบนดินและใต้ดิน เพื่อต่อต้านรัฐบาลไม่เลิก และขอให้เลิกทันที ซึ่งกำลังติดตามทุกกลุ่มอย่างใกล้ชิด ดังนั้นถ้ามีการเชื่อมโยงมันก็เหมือนกับว่าต้องการให้ “หยุด” อยู่กับที่ ไม่เช่นนั้นจะโดนรุกคืบมากไปกว่านี้

ที่น่าสังเกตก็คือ ในเวลาต่อมาทางฝ่ายตำรวจก็มีท่าทีเปลี่ยนไป ทุกอย่างเบาลง เหมือนกับจำกัดวงอยู่แค่ชายชุดดำสามสี่คนที่ถูกจับมาได้ ยังไม่มีการพูดถึงคนบงการเลย ทั้งที่เชื่อว่าสิ่งที่สังคมกำลังเฝ้าติดตามอยู่ก็คือ อยากรู้ว่า “ไอ้โม่ง” ที่อยู่ข้างหลังนั้นเป็นใครต่างหาก

ดังนั้น แม้ว่าในเวลานี้ยังไม่อาจสรุปแบบฟันธงได้ว่าการจับกุมชายชุดดำ การดำเนินคดีต่อ พล.ท.มนัส เปาริก นักเรียน ตท.10 เพื่อนร่วมรุ่นทักษิณ ชินวัตร ที่ตำรวจระบุว่า เป็นคนจัดหาอาวุธเชื่อมโยงกับการก่อเหตุในวันที่ 10 เมษายน ปี 53 ก็ตาม จะคืบหน้าไปไกลแค่ไหน จะเชื่อมโยงกับคนสั่งการคนไหนหรือไม่ ก็ตาม แต่เชื่อว่าเรื่องแบบนี้จะไม่จบลงง่ายๆ เพราะต้องเป็นหนังยาว จะเป็นประเภท “ตื่นเต้น” เป็นระยะขึ้นอยู่กับในตอนนั้น “มีคลื่นใต้น้ำแรง” หรือไม่มากกว่า!
กำลังโหลดความคิดเห็น