xs
xsm
sm
md
lg

ผู้จัดการสุดสัปดาห์

x

จับตาก๊วนแดง ชู“ศพอภิวันท์”ต้าน คสช.

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

พ.อ.อภิวันท์ วิริยะชัย อดีตรองประธานสภาผู้แทนราษฎร อดีต ส.ส.พรรคเพื่อไทย และอดีตแกนนำคนเสื้อแดง
ASTV ผู้จัดการสุดสัปดาห์ -การเสียชีวิตของ พ.อ.อภิวันท์ วิริยะชัย อดีตรองประธานสภาผู้แทนราษฎร และอดีตแกนนำคนเสื้อแดง หรือ แนวร่วมประชาธิปไตยขับไล่เผด็จการแห่งชาติ(นปช.) เมื่อคืนวันที่ 6 ต.ค.ที่ผ่านมา อาจไม่อยู่เหนือความคาดหมายนัก เพราะมีข่าวปรากฏตั้งแต่เดือน ส.ค.แล้วว่า พ.อ.อภิวันท์ ป่วยด้วยอาการปอดอักเสบ เป็นแผลที่ปอด ไอเป็นเลือด จนเกิดอาการช็อกหมดสติ อาการโคม่า ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลที่ประเทศฟิลิปปินส์ ทำให้บรรดาอดีต ส.ส.พรรคเพื่อไทยที่ทราบข่าวต่างระดมเงินช่วยเหลือ

พ.อ.อภิวันท์ เป็นหนึ่งในนักการเมืองหลายคนที่หลบหนีออกนอกประเทศ ภายหลังจากการรัฐประหาร โดยคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) เมื่อวันที่ 22 พ.ค.57 โดยมีหมายจับติดตัวในความผิดฐานหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ พระราชินีฯ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ซึ่งเกิดขึ้นระหว่างการปราศรัยบนเวที นปช. ในท้องที่ สน.ชนะสงคราม
ในระหว่างเข้ารับการรักษาตัวที่ฟิลิปปินส์นั้น อดีตนักการเมืองที่รับใช้ระบอบทักษิณมาอย่างเสมอต้นเสมอปลายอย่าง พ.อ.อภิวันท์ ได้รับการดูแลอย่างดีจาก พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ที่อยู่ระหว่างหลบหนีคดีและหมายจับจากศาลเช่นเดียวกัน โดยอาศัยความสัมพันธ์กับอดีตผู้นำระดับสูงของฟิลิปปินส์ประสานในการดูแล ทั้งเรื่องโรงพยาบาล และค่าใช้จ่ายต่างๆ

กระนั้นก็ดี พ.อ.อภิวันท์ได้เสียชีวิตลง เมื่อเวลา 22.38 น.ของวันที่ 6 ต.ค.2557 ด้วยอายุ 65 ปี และญาติได้เตรียมนำศพไปบำเพ็ญกุศลที่วัดบางไผ่ อำเภอบางบัวทอง จังหวัดนนทบุรี ในวันที่ 10 ต.ค.

ข่าวการเสียชีวิตของ พ.อ.อภิวันท์ถูกเผยแพร่อย่างรวดเร็วทางเครือข่ายสังคมออนไลน์ของกลุ่มคนเสื้อแดง รวมทั้งอินสตาแกรมของนายพานทองแท้ ชินวัตร บุตรชายของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ก็ได้ขึ้นภาพ พ.อ.อภิวันท์ พร้อมข้อความว่า “6 ตุลา ... R.I.P. ครับอา”

ส่วน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี น้องสาวของ พ.ต.ท.ทักษิณ ก็โพสต์ข้อความไว้อาลัย พร้อมยกย่องว่าเป็นนักประชาธิปไตย เป็นสุภาพบุรุษ และเป็นพี่ใหญ่ที่มีน้ำใจงดงาม คอยดูแล ให้คำแนะนำแก่นักการเมืองรุ่นน้องของพรรคฯ อยู่ตลอด

ที่น่าสนใจไปกว่านั้นก็คือ การแสดงท่าทีของนายสุนัย จุลพงศธร อดีต ส.ส.เพื่อไทย ที่ฉวยโอกาสใช้การเสียชีวิตของ พ.อ.อภิวันท์ โจมตีระบบยุติธรรมของประเทศ และปลุกระดมคนเสื้อแดงให้ออกมาต่อต้าน คสช.

“ผมขอให้พี่น้องเราเดินทางไปรับท่านที่สนามบินและร่วมให้เกียรติท่านในงาน ที่วัดให้มากที่สุดเพื่อให้ คสช.มันรู้ว่าประชาชนไม่พอใจต่อระบบที่ไม่เป็นธรรมนี้และมีผลโดยตรงที่ผลักดันให้ท่านไม่อาจจะกลับมาตายในแผ่นดินแม่ได้”นายสุนัยกล่าวอ้าง

ขณะที่ นายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ อดีตหัวหน้าพรรคเพื่อไทยและอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ที่หลบหนีออกนอกประเทศ ไปตั้งองค์การเสรีไทยเพื่อสิทธิมนุษยชนและประชาธิปไตย พร้อมให้ตัวเองเป็นเลขาธิการ และคอยออกข่าวโจมตี คสช.อยู่ต่างประเทศ ก็ ได้เขียนบันทึกทางเฟซบุ๊ก ไว้อาลัยการจากไปของ พ.อ.อภิวันท์ พร้อมเผยแพร่บันทึกเบื้องหลังการหลบหนีของตนเองและ พ.อ.อภิวันท์ หลังจากการรัฐประหาร 22 พ.ค.2557 ไว้อย่างละเอียด และยกย่องว่าเป็นนายทหารคนเดียวที่จบโรงเรียนนายร้อย จปร.แล้วมีวิสัยทัศน์มีทัศนคติต่อการเรียกร้องประชาธิปไตย เรียกได้ว่า เป็นแกะดำ หรือเป็นแกะหลงฝูง ที่เป็นนายทหารที่มีหัวใจรักประชาธิปไตย “หรือจะเรียกว่า หัวใจท่านอภิวันท์นั้น แดงพันเปอร์เซ็นต์”

พร้อมกับหาเสียงกับคนเสื้อแดงอีกว่า พ.อ.อภิวันนท์ เคยเตรียมนำเสนอให้รัฐบาลของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ นำประเทศไทยเข้าเป็นภาคีในศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ หรือไอซีซี (เพื่อให้ไอซีซีเข้ามาสอบสวนกรณีการสลายการชุมนุมคนเสื้อแดงในปี 2553) โดยเสนอให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเป็นคนลงนามรับรอง แต่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ยุบสภาเสียก่อน

นายจารุพงศ์ อ้างอีกว่า หลังจากรัฐประหาร 22 พ.ค. ตนได้หลบหนีออกมาอยู่ตามตะเข็บขายแดนไทยกัมพูชาและลาว และได้ติดต่อกับ พ.อ.อภิวันท์ตลอด หลังจากไปรายงานตัวตามคำสั่งของ คสช. และถูกนำไปปรับเปลี่ยนทัศนคติเป็นเวลาระยะหนึ่งแล้ว ถูกปล่อยตัวออกมา พ.อ.อภิวันท์ก็ทราบจาก “พรายกระซิบ” ว่า คสช.เตรียมยัดเยียดข้อหาร้ายแรงนั่นก็คือหมิ่นสถาบันพระมหากษัตริย์ จึงหลบหนีออกมาโดยไม่ได้นำเอาอะไรติดตัวออกมาเลย หนีกระเซอะกระเซิงออกมาตามตะเข็บขายแดน แล้วเดินทางไปยังประเทศฟิลิปปินส์ได้ในที่สุด

นายจารุพงศ์ยังอ้างว่า เหตุผลที่เลือกขอลี้ภัยอยู่ในประเทศฟิลิปปินส์เพราะเป็นที่ตั้งของสำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชา ชาติ หรือยูเอ็นเอชซีอาร์ (UNHCR) ที่จะช่วยเหลือให้ได้รับการรับรองการเป็นผู้ลี้ภัยอย่างถูกต้อง และอ้างว่า พ.อ.อภิวันท์ลำบากมาก เพราะ คสช.ยึดทรัพย์สินทั้งหมด แต่ก็ยังมุ่งมั่นที่จะเคลื่อนไหวต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยอยู่ต่างประเทศ และมีความคิดที่จะร่วมกันกำหนดยุทธศาสตร์กับองค์การเสรีไทยฯ ที่จะเคลื่อนไหวต่อสู้ไปด้วยกัน

นายจารุพงศ์ยังถือโอกาส เปรียบเทียบการเสียชีวิตจอง พ.อ.อภิวันท์กับการเสียชีวิตของนักศึกษาประชาชนเมื่อวันที่ 6 ตุลาคม 2519 และอุปโลกน์ว่าเป็นต้นแบบของวีรชน 6 ตุลาฯ อีกหนึ่งคน ที่เสียสละชีวิตเพื่อปกป้องและเรียกร้องประชาธิปไตยให้กับประชาชนคนไทย

ท่าทีของนายสุนัยและนายจารุพงศ์ ทำให้ คสช.ได้เห็นชัดเจนว่ากระแสต่อต้านนั้น ยังมีอยู่แน่นอน เพียงแต่ในขณะนี้มีกฎอัยการศึกควบคุมเอาไว้จึงไม่มีการเคลื่อนไหวอย่างเปิดเผยเท่านั้น

พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกลาโหม จึงกล่าวเมื่อวันที่ 8 ต.ค.ในเชิงปรามว่า การไปร่วมพิธีศพ พ.อ.อภิวันท์ในฐานะเป็นญาติ เพื่อน หรือบุคคลที่เคารพนับถือย่อมทำได้ รัฐบาลไม่เคยปิดกั้น แต่หากมีเรื่องที่เกี่ยวข้องทางการเมืองทำให้เกิดความวุ่นวาย หรือไม่ปรองดอง จะส่งเจ้าหน้าที่เข้าไปดูแล และส่วนตัวยังพร้อมที่จะเปิดโอกาสให้นายสุนัยเข้ามาพูดคุยเพื่อปรับความเข้าใจ
ด้าน พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รมช.กลาโหม ในฐานะผู้บัญชาการทหารบก ก็ให้สัมภาษณ์เมื่อ 9 ต.ค. ถึงการเคลื่อนไหวใต้ดินต่อต้าน คสช. ยอมรับว่า แนวความคิดของคนเป็นเรื่องเปลี่ยนยาก ซึ่งทางกองทัพบกได้ติดตามสถานการณ์มาโดยตลอด ภายใต้การดูแลของกองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อย (กกล.รส.) โดยให้แต่ละกองทัพภาคไปทำความเข้าใจกับประชาชนทุกพื้นที่ เพราะรู้ว่าพื้นที่ใดเรียบร้อย และมีพื้นที่ใดไม่เรียบร้อย หรือพื้นที่ใดหนักหรือเบา อีกทั้งก็รู้ว่ามีใครคิดอะไรอยู่ ทั้งนี้ นายกฯ ได้ให้โอกาสทุกฝ่ายสามารถเดินเข้ามาพูดคุยทำความเข้าใจกัน เพื่อให้เกิดความปรองดอง อย่างไรก็ตามตนได้เน้นย้ำกับเจ้าหน้าที่ให้ควบคุมสถานการณ์ให้ได้

ส่วนกรณีที่มีบางกลุ่มพยายามจะใช้ประเด็นงานศพของ พ.อ.อภิวันท์ มาเคลื่อนไหวนั้น พล.อ.อุดมเดชบอกว่า เรื่องดังกล่าวทางนายกฯ และรองนายกฯได้พูดชัดเจนว่าเรื่องพิธีกรรมนั้นเป็นเรื่องปกติ สามารถดำเนินการได้ เพียงแต่อย่านำประเด็นดังกล่าวมาจุดกระแส เพราะเป็นสิ่งที่ไม่เหมาะสม และทำไม่ได้ อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่ได้มีการติดตามอย่างใกล้ชิดอยู่แล้ว

จึงน่าติดตามดูว่า สถานการณ์ตั้งแต่วันที่ 10 ต.ค.เป็นต้นไป หลังจากศพของ พ.อ.อภิวันท์มาถึงประเทศไทยแล้ว จะมีการเคลื่อนไหวของกลุ่มคนเสื้อแดงเพื่อต่อต้าน คสช.ตามที่แกนนำบางคนปลุกระดมไว้หรือไม่ และหากมีจริง คสช.จะจัดการอย่างไร การใช้เพียงกฎอัยการศึกห้ามการเคลื่อนไหว และป่าวประกาศว่าให้ทุกฝ่ายปรองดองกัน จะสามารถสยบคลื่นใต้น้ำให้นิ่งสนิทได้หรือไม่


กำลังโหลดความคิดเห็น