“ประวิตร” แย้ม “พล.อ.อักษรา” อยู่ในข่ายเป็นหัวหน้าพูดคุยสันติภาพภาคใต้ ไม่ปิดกั้นคนแห่ร่วมงานศพ “อภิวันท์” แต่อย่าก่อให้เกิดความวุ่นวาย เล็งส่งเจ้าหน้าที่ประกบ พอใจ ผบ.ตร.แจงปมสงสัยจับสองพม่าฆ่านักท่องเที่ยวต่างชาติ
ที่กระทรวงกลาโหม เมื่อเวลา 09.00 น.วันนี้ (8 ต.ค.) พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง และ รมว.กลาโหม ให้การต้อนรับนายนิ่ง ฟู่ โขย เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย ที่เข้าเยี่ยมคารวะ พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า เป็นการมาเยี่ยมคารวะและกระชับความสัมพันธ์ระหว่างไทยและสาธารณรัฐประชาชนจีน รวมถึงการขยายความร่วมมือด้านความมั่นคงในทุกด้านของทั้งสองประเทศ ทั้งการแลกเปลี่ยนการเยือนของผู้นำทางทหารในทุกระดับชั้น การแลกเปลี่ยนการศึกษา การฝึกร่วม การประชุมแลกเปลี่ยนข่าวกรอง โดยเฉพาะอย่างยิ่งความร่วมมือด้านอุตสาหกรรมการป้องกันประเทศ เพื่อเสริมสร้างความเข้าใจและความสัมพันธ์อันดีระหว่างกองทัพทั้งสองประเทศให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น
พล.อ.ประวิตรยังกล่าวถึงการพูดคุยเพื่อสันติภาพในจังหวัดชายแดนภาคใต้ว่า ขณะนี้ได้วางรูปแบบไว้เรียบร้อยแล้ว ทั้งนี้มีหลายฝ่ายที่ต้องเข้ามามีส่วนร่วม รวมถึงความต้องการของประชาชนในพื้นที่ด้วย ส่วนบุคคลที่จะเข้ามาเป็นหัวหน้าการพูดคุยสันติภาพนั้น ยอมรับว่า พล.อ.อักษรา เกิดผล ประธานที่ปรึกษากองทัพบก มีรายชื่ออยู่ข่ายเพราะเป็นนายทหารชั้นผู้ใหญ่ ส่วนกรณีที่ พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร ผบ.ทบ. ตั้งเป้าจะทำให้สถานการณ์ภาคใต้ลดลง 50%ในเวลา 1 ปีนั้น หากเราทำงานโดยยึดหลัก เข้าใจ เข้าถึง พัฒนา ตามปรัชญาของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เชื่อว่าจะสามารถลดเหตการณ์ในพื้นที่ได้ และ พล.อ.อุดมเดชก็มีความเข้าใจสถานการณ์ และติดตามงานในพื้นที่ภาคใต้มาโดยตลอดอยู่แล้ว
ผู้สื่อข่าวถามว่า ต้องรอให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เดินทางไปเยือนประเทศมาเลเซียก่อนหรือไม่ ถึงจะเริ่มการพูดคุยสันติภาพ รองนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ไม่จำเป็น หากมีความพร้อมก่อนก็ดำเนินการได้เลย เพราะการเดินทางไปเยือนประเทศมาเลเซียของนายกรัฐมนตรีมีหลายเรื่องที่ต้องไปหารือกับประเทศมาเลเซีย
พล.อ.ประวิตรกล่าวถึงการดูแลความมั่นคงภายในประเทศว่า เราก็ทำทุกมิติอยู่แล้ว อยากขอร้องให้ทุกฝ่ายหยุดการเคลื่อนไหวที่ทำให้ไม่เกิดสันติสุข อย่าเพิ่งออกมาเคลื่อนไหวเลย ซึ่งก็ทราบกันดีว่ารัฐบาลกำลังทำงานในหลายๆ ด้าน ทั้งเศรษฐกิจ สังคม รวมถึงแก้ไขปัญหาเรื่องความต้องการของประชาชน จึงขอว่าอย่าเพิ่งออกมาเคลื่อนไหวจนส่งผลกระทบต่อความมั่นคง
ส่วนความเป็นไปได้ที่จะผ่อนคลายกฎอัยการศึกในจังหวัดท่องเที่ยวนั้น พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า กฎอัยการศึกนั้นไม่ได้ส่งผลกระทบต่อคนทั่วไป ยกเว้นจะมีไว้ดำเนินการต่อกลุ่มที่ทำผิดกฎหมาย สำหรับกลุ่มที่ยังเคลื่อนไหวใต้ดินควรที่จะยุติดำเนินการ เพื่อจะได้ไม่เกิดความวุ่นวาย ทั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้พูดชัดเจนแล้วว่าจะมีการผ่อนคลายกฎอัยการศึกภายหลังการปฎิรูปประเทศ และหากสถานการณ์สงบ ไม่มีคลื่นใต้น้ำ เราก็ต้องผ่อนคลาย ไม่มีใครอยากเอาไว้ ส่วนการจัดเสวนาของกลุ่มนักศึกษา หรือนักวิชาการ หากเป็นไปตามหลักทางวิชาการ สามารถทำได้ แต่ขออย่ามีประเด็นทางการเมือง หรือสร้างความแตกแยก
ผู้สื่อข่าวถามว่า นายสุนัย จุลพงศธร อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย ได้โพสต์ข้อความปลุกระดมให้คนออกมารับและร่วมพิธีศพ พ.อ.อภิวันท์ วิริยะชัย อดีตรองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 2 และอดีต ส.ส.พรรคเพื่อไทย ที่เสียชีวิตที่ประเทศฟิลิปปินส์ และจะเคลื่อนศพมาถึงประเทศไทยในวันที่ 10 ต.ค.นี้ เพื่อแสดงสัญลักษณ์ต่อต้านคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า หากเป็นการร่วมพิธีศพทางศาสนา เป็นญาติ เพื่อน หรือบุคคลที่เคารพนับถือย่อมดำเนินการได้ เราไม่เคยปิดกั้น แต่ทุกอย่างต้องเป็นไปตามกฎหมาย แต่หากมีเรื่องที่เกี่ยวข้องทางการเมืองทำให้เกิดความวุ่นวาย หรือไม่ปรองดอง จะส่งเจ้าหน้าที่เข้าไปดูแล และส่วนตัวยังพร้อมที่จะเปิดโอกาสให้นายสุนัยเข้ามาพูดคุยเพื่อปรับความเข้าใจ
รองนายกรัฐมนตรียังให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผบ.ตร. แถลงข่าวชี้แจงประเด็นที่สังคมออนไลน์ตั้งข้อสงสัยสัยเกี่ยวกับการจับกุมแรงงานพม่าที่สังหารนักท่องเที่ยวที่เกาะเต่า จ.สุราษฎร์ธานี ว่ารู้สึกพอใจต่อการแถลงข่าวชี้แจงของตำรวจในการทำสำนวนคดีฆาตกรรมสองนักท่องเที่ยวชาวอังกฤษ เพราะเจ้าหน้าที่ตั้งใจทำงานอย่างเต็มที่ และมีขีดความสามารถในการสร้างชื่อเสียงให้กับประเทศ ส่วนสังคมออนไลน์ยังวิจารณ์การทำงานของตำรวจอยู่จะมีการฟ้องร้องดำเนินคดีกลับหรือไม่ อยู่ที่ตำรวจพิจารณา เพราะรู้ดีว่าต้องดำเนินการอย่างไร