xs
xsm
sm
md
lg

“สปช.ที่คุณสมชายไม่เลือก”

เผยแพร่:   โดย: วิทยา วชิระอังกูร


เมื่อแรกเริ่มที่จะมีการคัดเลือกสมาชิกปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) ผมเคยเขียนทักท้วงแกมเหน็บแนมคุณสมชายไว้ว่า เมื่อ คสช.ทำการรัฐประหารยึดอำนาจไปแล้ว และคนไทยส่วนใหญ่ก็ดูเหมือนจะกัดฟันยินยอมพร้อมใจให้ยึดแต่โดยดีแล้ว เพราะการเมืองในระบบเลือกตั้งมันล้มเหลวเละเทะ เกิดปัญหาวิกฤตจนถึงขั้นคนไทยจะฆ่ากันเองเป็นสงครามกลางเมืองแล้ว ทุกคนก็อยากให้ทหารเข้ามาใช้อำนาจพิเศษเด็ดขาด จัดการแก้ไขปัญหา ปฏิรูปประเทศชาติบ้านเมืองให้เกิดสันติสุข และประโยชน์สุขแก่คนไทยทั้งชาติอย่างแท้จริงเสียที และเมื่อเป็นเผด็จการเต็มตัวแล้ว การจะตั้งคนมาทำการปฏิรูปประเทศชาติ ทำไมยังต้องกระมิดกระเมี้ยนดัดจริตอยากทำเลียนแบบประชาธิปไตยอีก คือไปให้แต่ละจังหวัด เปิดรับสมัครแล้วตั้ง ผวจ. กกต. ศาล และ อะไรอีกผมก็จำไม่ได้แล้ว เป็นกรรมการคัดเลือกจังหวัดละ 5 คน ส่งไปให้ คสช.คัดอีกให้เหลือจังหวัดละ 1 คน แล้วก็ให้ กกต.ส่วนกลาง เปิดรับสมัครอีกต่างหาก โดยป่าวประกาศให้มูลนิธิ สมาคม องค์กรที่เป็นนิติบุคคลส่งคนเข้ามาสมัคร แรกๆ ก็เกิดปัญหาปวดเศียรเวียนเกล้าจนคุณสมชายแทบทำอะไรไม่ถูก เพราะคนมาสมัครน้อย ก็ป่าวประกาศแล้วประกาศอีก สุดท้ายก็ใช้วิธีส่งหนังสือถึงผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัด ไปขอร้องให้สมาคม มูลนิธิต่างๆ ในแต่ละจังหวัดส่งคนมาสมัครที่ส่วนกลางให้มีจำนวนมากๆ ด้วยเถิด (ฮา)

ขณะที่ในส่วนของจังหวัดเองก็มีการร้องเรียนมากมายว่าไม่โปร่งใส มีการล็อกสเปก มีการเมืองท้องถิ่นเข้าไปครอบงำกรรมการ มีการเล่นพรรคเล่นพวกกรรมการไม่ซื่อตรง ไม่เป็นกลางอะไรต่อมิอะไร ซึ่งเป็นปัญหาที่ไม่ควรเกิด ถ้าเพียงแต่ คสช.จะกล้าใช้อำนาจพิเศษเด็ดขาดแบบเดียวกับการตั้ง สนช.ซึ่งก็ตั้งทหารมาเป็นโขยง ใครจะมาทำไม

หลายต่อหลายเรื่องครับที่ผมเองกับมวลมหาประชาชนส่วนหนึ่ง ก็รู้สึกหงุดหงิดรำคาญใจกับการทำงานของคุณสมชาย ที่ดูเหมือนจะปากว่าตาขยิบอยู่เนืองๆ ไม่ใช้อำนาจพิเศษเด็ดขาดที่คนไทยกัดฟันกล้ำกลืนยกให้ ไปจัดการปัญหาบ้านเมืองที่ควรจัดการ ยึดอำนาจแล้ว ก็ทำกระมิดกระเมี้ยนอยากเป็นประชาธิปไตยในคราบเผด็จการ ซึ่งหลายต่อหลายเรื่องก็แลดูตลกผิดฝาผิดตัวอย่างไรพิกล

แต่เอาเถอะครับ ไหนๆ ก็ไหนๆ ตอนนี้ก็เรียบร้อย ร.ร.คสช.แล้ว เพราะโดยภาพสรุปรวมแล้วก็ดูเหมือนจะดูดีอย่างที่คุณสมชายอยากจะให้เป็นแบบดู โลกสวย จังหวัดต่างๆ มีคนสมัครสองพันกว่าคน และส่วนกลางอีกสี่พันกว่าคน รวมเป็นเจ็ดพันกว่าคน ในส่วนกลางก็ตั้งคณะกรรมการอีก 11 คณะ คัดจากสี่พันกว่าคนส่งให้ คสช. 550 คนให้ คสช.คัดเหลือ 173 คน รวมกับที่จังหวัดคัดส่งมาจังหวัดละ 5 คน คสช.คัดเหลือจังหวัดละ 1 คน รวม 77 คน ก็เป็นอันว่าครบถ้วน 250 คน ตามต้องการ ซึ่งก็เป็นที่ยุติ แล้ว ส่วนเมื่อปรากฏรายชื่อที่ คสช.คัดแล้ว ใครจะเห็นพ้องเห็นต่างอย่างไร ก็คงได้แต่วิพากษ์วิจารณ์แบบทำตาปริบๆ กันไปเท่านั้นเอง

โดยส่วนตัวที่ผมเองเกิดมีส่วนเข้าไปเกี่ยวข้องกับขบวนการคัดเลือก สปช.ของคุณสมชาย ก็ขอนำมาบอกเล่าแต่พอสังเขปเป็นกระสาย ดังนี้

ผมเองหลังจากเก็บรองเท้าผ้าใบกับสายนกหวีดเพราะทหารออกมาเป่านกหวีดยึดอำนาจเองแล้ว ก็ทำตัวเป็นพลเมืองดีแม้จะไม่เคยไปร่วมเล่นลิเกปรองดองในที่ต่างๆกับคณะของคุณสมชาย เพราะรับไม่ได้ที่จะไปโพสต์ท่าถ่ายรูปจับมือหรือจับตะหลิวผัดหมี่กับแกนนำเสื้อแดงหลายคน ที่เคยจาบจ้วงล่วงละเมิดสถาบันที่ผมหวงแหนเทิดทูน แต่ผมก็ทำตัวเป็นพลเมืองดีจริงๆ ที่สงบเสงี่ยมเจียมตัว ไม่กระโตกกระตากอันใด ยกเว้นบางครั้งที่อดรนทนไม่ไหวจะกลั้นอ้วกไม่อยู่ ก็แค่หยิบปากกามาขีดเขียนเหน็บแนมแกมประชดพอเป็นกระสาย แล้วก็ทำตนเป็นคนดีให้ความร่วมมือเพื่อให้บ้านเมืองเกิดความสงบสุขอย่างที่คุณสมชายเปิดเพลงคืนความสุขกรอกหูอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน

และเนื่องจากในช่วงเวลาดังกล่าวเป็นยามว่าง ผมก็ปลีกเวลาไปจัดเก็บรวบรวมบทกวีที่เขียนระหว่างการชุมนุมไปเข้าโรงพิมพ์จัดการพิมพ์เป็นพ็อกเกตบุ๊กได้อีก เป็นเล่มที่สองต่อจาก “นักรบนกหวีด” โดยให้ชื่อตรงกับเหตุบ้านการเมืองว่า “ทหารเป่านกหวีด” ซึ่งจัดจำหน่ายเองโดยไม่พึ่งสำนักพิมพ์หรือเอเย่นต์หนังสือใดๆ ก็ขายดิบขายดีเหมือนเดิม เพราะมวลมหาประชาชนยังให้การสนับสนุนเป็นอย่างดี

ระหว่างนั้นก็มีการประกาศเปิดรับสมัคร สปช.ในจังหวัดต่างๆ ทั่วประเทศ ก็มีผู้คนมาชักชวนให้ไปสมัคร สปช.ที่จังหวัดนครราชสีมา ที่ผมมีภูมิลำเนาอยู่ นัยว่าเพราะเห็นหน่วยก้านเป็นคนกล้าคิดกล้าเขียน และกล้าขึ้นปราศรัยบนเวทีสาธารณะในห้วงบ้านเมืองวิกฤตคับขัน น่าจะเข้าไปช่วยคิดอ่านปฏิรูปบ้านเมืองให้ดีขึ้นได้ ซึ่งผมก็ขอบคุณและปฏิเสธหลายคนไปอย่างนุ่มนวล โดยบอกว่าสันดานลึกๆ ผมเป็นคนรักอิสระเสรี ผมอยากอยู่วงนอกจะได้คิดเขียนได้อย่างอิสระเสรีมากกว่า

แต่ก็ดูเหมือนชะตากรรมจะหนีไม่พ้นวังวน ต้องพาตัวเข้าไปข้องเกี่ยวกับการคัดเลือก สปช.ของคุณสมชายจนได้ พับผ่าสิ คือ วันหนึ่งผมเกิดจับพลัดจับผลูไปเข้าร่วมประชุมสมาคมนิสิตเก่าจุฬาฯ นครราชสีมา ที่โรงแรมปัญจดาราในเมืองโคราช นัยว่าจะเป็นการประชุมเตรียมการจัดงาน 23 ตุลาคม แต่แล้วที่ประชุมก็เกิดมีวาระเพื่อพิจารณาแทรกซ้อนขึ้นมาว่าสมาคมจะเสนอคนเข้ารับการคัดสรรเป็น สปช.ตามที่ทางจังหวัดประชาสัมพันธ์เชิญชวนมา อภิปรายกันพอหอมปากหอมคอแล้ว ที่ประชุมโดยท่านนายกสมาคม นายชวน ศิรินันทน์พร อดีตอธิบดีกรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทยซึ่งเป็นประธานที่ประชุมก็ให้มีการเสนอชื่อ และท่านประธานเองก็ร่วมกับผู้เข้าร่วมประชุมเสนอแกมขอร้องให้ผมยอมรับให้สมาคมส่งเข้ารับการคัดสรรเป็น สปช.ด้านสังคม โดยผู้เข้าร่วมประชุมรุมกันคะยั้นคะยอจนผมต้องยอมตาม เรื่องก็เลยตามเลย เมื่อผมจำต้องลงนามยินยอมให้สมาคมส่งเข้ารับการสมัครที่ กกต.ส่วนกลาง ตามรูปแบบที่คุณสมชายกำหนด

หลังจากนั้นก็เลยต้องมานั่งรอลุ้นแบบระทึกพอประมาณ (นี่ว่ากันอย่างตรงไปตรงมาไม่ดัดจริตนะ) ว่าจะได้รับเลือกจากคุณสมชายหรือไม่ จนในที่สุดก็รับรู้ว่า ไม่มีชื่อใน 250 คน ที่คุณสมชายเลือกซึ่งหลายพันคนที่สมัครและอยากเป็น สปช.อาจเสียอกเสียใจที่ไม่ได้รับเลือก แต่ผมกลับถอนหายใจโล่งอกเหมือนปลอดโปร่งโล่งสบาย จนมีอารมณ์มานั่งเขียนบทกวีบทนี้ ทันทีที่รับทราบข่าวนั่นแหละ

“สปช.ตกรอบ”
ขอบคุณที่เขาไม่เอาเรา
เราก็อยู่อย่างเก่าแบบเราอยู่
ตั้งโต๊ะตั่งกางเต็นท์เป็นคนดู
นั่งบนภู ดูวิถี ที่เขาทำ
ผิดชอบชั่วดีมีมาตรวัด
อยู่บนภูเห็นชัดทุกเช้าค่ำ
ถูกก็เชียร์ผิดก็ชี้อย่างมีธรรม
ปฏิรูปคือการกำชะตาเมือง
ขอเป็นกำลังใจให้ สปช.
งานหนักกำลังรอให้ปลดเปลื้อง
วางแบบแปลนประเทศชาติให้ประเทือง
ปรับแก้ทุกบทเบื้องให้บริบูรณ์
มากปัญหาหมักหมมถมทับ
ถ้ากู่ไปไม่กลับจักสิ้นสูญ
ต้องกล้ารื้อกล้าล้างทุกปฏิกูล
แล้วสร้างใหม่ให้เพิ่มพูนธรรมาภิบาล
ขอบคุณที่เขาไม่เอาเรา
อยู่วงนอกจะคอยเฝ้าส่งเสียงประสาน
บทกวีจักถั่งถ้อยคอยทัดทาน
คิดเขียน คิดอ่าน เพื่อบ้านเมือง

              ว.แหวนลงยา

ท่านอาจารย์ ดร.ปราโมทย์ นาครทรรพ ผู้ก่อกำเนิดคอลัมน์ “คิดถึงเมืองไทย” ที่ใจคงไม่อยากให้สมาชิกไปข้องแวะกับคุณสมชายเท่าไรนัก เมื่อทราบข่าว ก็รีบแสดงอาการดีใจร่วมด้วยบทกวีที่สั้นๆ แต่ลึกซึ้งกินใจดังนี้ครับ

“ด้วยยินดีที่ทรงความอิสระ
อะไรจะแทนที่เสรีได้
ใช้พระธรรมล้ำค่าเป็นธงชัย
ไปใส่สูทผูกเนกไท...ไร้น้ำยา”

         ปราโมทย์ นาครทรรพ

เอวังก็มีด้วยประการฉะนี้...แลนา
เพลิงฉิมพลี ตอนที่ 3
เพลิงฉิมพลี ตอนที่ 3
ธรรพ์กำลังเดินมาตามทางจากน้ำตกจะกลับไปที่ปาง มองเห็นแสงคำกำลังเดินสวนมา แสงคำพอเห็นธรรพ์ก็หยุดทัก “จะไปไหนเหรอ แสงคำ” “ผมจะไปหาเนื้อนาง เนื้อนางคงมาที่น้ำตก” “น้ำตกเหรอ” ธรรพ์นิ่งคิดปราดเดียว นึกได้ว่าพี่ชายตัวเองก็อยู่ที่น้ำตก จึงคิดจะกันทางให้หนานไตร “ผมมาเดินดูรอบๆ ปาง แต่รู้สึกว่าผมกำลังหลงแล้วล่ะ” ธรรพ์ยิ้ม “พาผมกลับปางหน่อยได้มั้ยผมอยากไปดูเด็กๆ ที่โรงเรียนด้วย” แสงคำมีสีหน้าลำบากใจ เพราะอยากไปตามหาเนื้อนางมากกว่า “ครับ ทางนี้ครับ” แสงคำหันหลังเดินกลับไปทางที่มา ธรรพ์มองแล้วเดินตามไปทันที
กำลังโหลดความคิดเห็น