ผ่าประเด็นร้อน
อาจจะเป็นเพราะไหนๆ ก็ไหนๆ แล้วก็ได้ ในเมื่ออยู่ในรูปแบบเผด็จการ เป็นผลมาจากการยึดอำนาจของคณะทหารที่นำโดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก ในนามของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ มาตั้งแต่วันที่ 22 พฤษภาคม ทำให้อำนาจทุกอย่างรวมศูนย์อยู่ที่เขาคนเดียวมาตั้งแต่นั้น
อย่างไรก็ดี ทั้งก่อนและหลังการยึดอำนาจดังกล่าวยังมีบรรยากาศการเรียกร้องปฏิรูปบ้านเมืองในทุกภาคส่วน ทั้งการเมือง การปกครอง รวมไปถึงในภาคธุรกิจ ที่ต้องมีการเปลี่ยนแปลงยกเครื่องกันใหม่หมด นั่นคือการเปลี่ยนแปลงไปสู่ระบอบประชาธิปไตยเพื่อประโยชน์ของคนส่วนใหญ่อย่างแท้จริง
และที่ผ่านมา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ก็ประกาศเป็นสัญญาประชาคมว่าจะทำการ “ปฏิรูปทุกภาคส่วน” โดยยืนยันว่าทำให้สำเร็จภายในปีเศษเท่านั้น นั่นคือไม่เกินเดือนตุลาคม 2558 มีการย้ำหลายหนว่า “จะทำตามสัญญา ขอเวลาอีกไม่นาน”
ขณะเดียวกัน ที่ผ่านมามีการประกาศโรดแมปออกมาแบบเป็นขั้นเป็นตอน ตั้งแต่การประกาศใช้รัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราว พ.ศ. 2557 มีสมาชิกสภานิติบัญญัติ และกำลังจะมีการโปรดเกล้าฯ ประธานและรองประธานสภานิติบัญญัติอีกไม่ช้า ขั้นตอนหลังจากนี้มีความน่าสนใจก็คือ จากคำพูดของ วิษณุ เครืองาม ในฐานะที่ปรึกษาของ คสช.ฝ่ายกฎหมาย มีบทบาทสำคัญในการร่างรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราว รวมไปถึงการร่างรัฐธรรมนูญฉบับถาวรในวันหน้า ได้ออกมาบอกว่าภายในหนึ่งสัปดาห์จะได้ตัวนายกรัฐมนตรี จากนั้นอีกราวสองสัปดาห์ก็จะมีคณะรัฐมนตรี และต้นเดือนกันยายน รัฐบาลจะสามารถแถลงนโยบายต่อสภาแล้วบริหารประเทศต่อไป แล้วในเดือนตุลาคมก็จะมีสภาปฏิรูปประเทศเข้าสู่กระบวนการปฏิรูปกันอย่างเต็มตัว ซึ่งก็รวมถึงการพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ด้วย
เมื่อวกกลับมาที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อีกที นาทีนี้ต้องบอกว่านอกจากถนนทุกสายเชื่อมเข้าหาตัวเขาหมดแล้ว ยังมีกระแสสังคมระดับชาวบ้าน ไปจนถึงระดับสูงขึ้นไป ทั้งภาคธุรกิจเอกชนใหญ่น้อย ล้วนเทเสียงสนับสนุนให้เขานั่งควบเก้าอี้นายกรัฐมนตรีเสียเลย สิ่งที่พิสูจน์ให้เห็นได้ชัดเจนก็คือ สารพัดผลสำรวจหรือโพลที่ออกมาในช่วงเวลาไล่เลี่ยกัน ผลปรากฏว่ามีเสียงสนับสนุนท่วมท้น
หากไม่นับพวกคนกันเอง อย่างคนในกองทัพ และคนในคณะรักษาความสงบเรียบร้อยแห่งชาติให้การสนับสนุนเต็มที่อยู่แล้ว เพียงแต่ว่าอีกมุมหนึ่งมองในแง่ความเป็นจริง มันอาจวัดไม่ได้เต็มร้อย เพราะถือว่าเป็นพวกเดียวกัน เป็นลูกน้องย่อมสนับสนุนนายตัวเอง ว่ากันตรงๆ ยังวัดตามมาตรฐานความรู้สึกไม่ได้ เมื่อเทียบกับผลสำรวจของชาวบ้านและสังคมภายนอก
นอกจากนี้ยังมีเสียงสนับสนุนจากกลุ่มการเมืองที่เป็นคู่กรณี อย่างแกนนำคนเสื้อแดง เท่าที่เห็นชัดก็มี วีระกานต์ มุสิกพงศ์ คนหนึ่งละที่ออกมาเชียร์ แม้ว่าในใจลึกๆ ไม่รู้ว่าออกมาแบบหวังดีประสงค์ร้ายหรือเปล่า แต่ก็ต้องบอกว่าในทางเปิดเผยเขาสนับสนุน
นั่นว่ากันถึงเรื่องกระแสสนับสนุนที่ออกมาอย่างท่วมท้น
ขณะเดียวกัน ในแง่ของหลักการการขับเคลื่อนให้ภารกิจถึงเป้าหมายในท่ามกลางภาวะจำกัดเวลาตามโรดแมปที่กำหนดเอาไว้ล่วงหน้าว่าต้อง “เสร็จสิ้นภายในเวลาปีเศษ” โดยเมื่อพิจารณาถึง “งานใหญ่” ที่รออยู่ มันก็ต้องการ “ภาวะผู้นำ” และความเบ็ดเสร็จเด็ดขาด “ของอำนาจสั่งการ” จึงจะเดินไปถึงได้ทันท่วงที อย่างไรก็ดีอาจมีคนท้วงติงว่า มันไม่มีหลักประกันอะไร หากอำนาจอยู่ในมือของคนเพียงคนเดียว ซึ่งคำตอบมันก็ใช่ แต่บางครั้งมันก็ต้องยอมเสี่ยง และที่ผ่านมาก็ต้องยอมรับมันเบ็ดเสร็จอยู่แล้ว ก็สมควรให้เบ็ดเสร็จต่อไป
เพราะเมื่อเบ็ดเสร็จรวมศูนย์ ผลที่ออกมาก็ต้องมีอยู่สองทางคือ สำเร็จ กับล้มเหลว เท่านั้น จะออกกลางๆ ไม่ได้เป็นอันขาด ถ้าสำเร็จ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ก็ต้องรับช่อดอกไม้ไปเต็มๆ ส่วนจะแบ่งให้คนอื่นด้วยหรือไม่ ก็แล้วแต่น้ำใจ แต่ถ้าพลาดทำให้ “เสียของ” เสียเวลาเปล่า ทั้งที่มีอำนาจอยู่ในมือพร้อม มีบรรยากาศและแรงสนับสนุนพร้อมสรรพ แบบนี้เขาก็ต้องโดนหนักเช่นเดียวกัน
ส่วนกระแสต้านภายนอกประเทศ เช่น พวกประเทศทางตะวันตก ทั้งสหรัฐอเมริกา ยุโรป ออสเตรเลีย ประเทศพวกนี้ระยะหลังมีท่าทีอ่อนลงอย่างเห็นได้ชัด ที่สำคัญพวกนี้คบกันด้วยผลประโยชน์ หากเราไม่คุกคาม หรือทำให้พวกเขาเสียผลประโยชน์ ทุกอย่างก็ย่อมเหมือนเดิม เพียงแต่ว่าที่ผ่านมามักดัดจริต อ้างหลักการประชาธิปไตยแบบเลือกตั้งเป็นบรรทัดฐานเท่านั้น ซึ่งบางครั้งก็อธิบายเหตุผลไม่ได้ เมื่อเปรียบเทียบกับจีน เวียดนาม หรือแม้แต่อียิปต์ ที่เพิ่งเลือกตั้ง ได้ประธานาธิบดีคนใหม่มาจากผู้นำกองทัพที่ก่อรัฐประหาร แต่ปราบปรามฝ่ายตรงข้ามอย่างนองเลือด สหรัฐฯ กลับทำเอาหูไปนาเอาตาไปไร่ มองไม่เห็นเสียงั้นแหละ ดังนั้นเชื่อว่าทาง คสช.ก็คงประเมินออกแล้ว
มาถึงนาทีนี้เชื่อว่าเสียงสนับสนุนให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นั่งควบตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ดังมาจากทุกทิศทางอย่างท่วมท้น เพื่อหวังว่าการรัฐประหาร มีเป้าหมายเพื่อการปฏิรูปจะไม่เสียของ ต้องทำแบบฉับไว ซึ่งจะทำให้สำเร็จดังกล่าวได้ ต้องมีผู้นำที่เข้าใจ และมีอำนาจในมือเบ็ดเสร็จเท่านั้น
แต่ถ้าทำไม่ได้ ก็พอจะนึกภาพออกว่าจะเป็นแบบไหน เพราะความคาดหมายมันมีสูงเหลือเกิน!!