รอง หน.ปชป.ตอกเลขาฯ สมช.เลิกป้ายสี กปปส.ใช้อาวุธสงคราม ย้อนรู้มีขนอาวุธชายแดนทำไมไม่จับ ชี้มือป่วนไม่ใช่มือที่ 3 แต่เป็นมือผู้มีอำนาจ ลั่นต้องรับผิดชอบ ยกนายกฯ เกาหลีลาออกเป็นอุทาหรณ์นายกฯ ไทย ไม่เคยคิดรับผิดชอบเป็นต้นเหตุทำชาติล่ม ทั้งล้างผิด โกงข้าว รับยังไม่สายเกินไปที่จะเอาอย่าง เชื่อ หน.ปชป.จริงใจแก้ปัญหา ไม่มีอะไรแอบแฝง หวังให้เคารพในจุดยืน
วันนี้ (27 เม.ย.) นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่ พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ หนึ่งใน ศอ.รส.ระบุถึงการใช้อาวุธสงครามก่อเหตุรุนแรงในขณะนี้ว่าเกิดจากมือที่ 3 ที่แฝงตัวอยู่ใน กปปส.ต้องการให้เกิดความรุนแรงว่า ขอให้หยุดใส่ร้ายป้ายสีประชาชนเพราะไม่เกิดประโยชน์กับรัฐบาลแต่จะสร้างปัญหามากขึ้น เพราะหลังการชุมนุมของประชาชนยาวนานถึง 6 เดือน ไม่มีมือที่ 3 ก่อความรุนแรงแต่เป็นมือที่ 1 คือ มือผู้มีอำนาจเป็นผู้ก่อเหตุ กับคนที่ต่อต้านอำนาจรัฐ จึงไม่ควรโยนบาปให้ กปปส. หาก พล.ท.ภราดรทราบว่ามีมือที่สามทำไมไม่ดำเนินการระงับยับยั้งแต่กลับปล่อยให้มีการก่อเหตุครั้งแล้วครั้งเล่า มีการขนอาวุธก่อเหตุโดยที่ไม่สามารถจับกุมได้ แต่กลับอ้างว่าการควบคุมอาวุธสงครามทำได้ยากเพราะมีการนำเข้าผ่านชายแดน ทั้งที่เมื่อทราบข้อมูลน่าจะง่ายต่อการบูรณาการความร่วมมือเจ้าหน้าที่ฝ่ายต่างๆ เพื่อสกัดไม่ให้อาวุธทะลักเข้ามาก่อเหตุรุนแรงในบ้านเมือง
“ผมถามว่าอาวุธสงครามที่ทะลักเข้ามาตามแนวชายแดน หากไม่ได้รับการยักคิ้วหลิ่วตาจากผู้มีอำนาจจะนำอาวุธสงครามเอ็ม 79 เข้ามาได้อย่างไร ผมไม่อยากเชื่อว่าอาวุธเหล่านี้มาจากแนวชายแดนเท่านั้น แต่เชื่อว่าอาวุธอยู่ในเมืองไทยจึงมีการยักย้ายถ่ายเทไปก่อเหตุได้อย่างต่อเนื่อง พล.ท.ภราดรอ้างว่าเห็นเงารางๆ ว่า อาวุธอยู่ที่ไหนอย่างไร จะทำให้เกิดความชัดเจน ขอถามว่าหกเดือนที่ผ่านมาเพิ่งเห็นเงารางๆ ของอาวุธสงครามเป็นการส่งสัญญาณการไร้ขื่อแปโดยที่คนมีหน้าที่รักษาความมั่นคงไม่ให้ความสำคัญ ผมเชื่อมั่นว่าตราบใดที่รัฐบาลไม่เอาจริงเอาจังความรุนแรงจะเกิดจากอาวุธสงครามเหล่านี้เพิ่มเติมอีก รัฐบาลต้องรับผิดชอบในสิ่งที่เกิดขึ้น” นายองอาจกล่าว
นายองอาจยังกล่าวถึงกรณีที่นายซอง ฮงวอน นายกรัฐมนตรีเกาหลีใต้ประกาศลาออกเพื่อแสดงความรับผิดชอบกรณีเหตุเรือล่มว่า เป็นอุทาหรณ์สอนใจ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ทำให้เรือประเทศไทยล่มติดหล่มมานานพอสมควรแต่นายกฯ ไม่เคยแสดงความรับผิดชอบใดๆ กับการที่ทำให้รัฐนาวาประเทศไทยล่มแต่อย่างใด ทั้งๆ ที่มีส่วนทำให้เรือประเทศไทยล่มโดยมีรูรั่วหลายกรณี 1. พยายามให้มีการออกกฎหมายนิรโทษกรรมล้างผิดคนโกง ฆ่าเผา เป็นต้นเหตุสำคัญของปัญหาชาติซึ่ง น.ส.ยิ่งลักษณ์จะปฏิเสธความรับผิดชอบไม่ได้ เพราะร่วมผลักดันให้มีการออกกฎหมายที่ขัดต่อหลักนิติรัฐ นิติธรรม 2. การทุจริตเชิงนโยบายโดยเฉพาะการทุจริตในโครงการรับจำนำข้าวซึ่ง น.ส.ยิ่งลักษณ์ถูกกล่าวหาอยู่ใน ป.ป.ช.ด้วย เนื่องจากปล่อยปละละเลยให้เกิดการทุจริตไม่ฟังเสียงท้วงติงจากทั้งฝ่ายค้าน นักวิชาการ และ ป.ป.ช. อีกทั้งไม่เคยแสดงความรับผิดชอบแต่อย่างใด 3. การใช้อำนาจหน้าที่โดยมิชอบในการบริหารราชการแผ่นดิน
“หาก น.ส.ยิ่งลักษณ์แสดงความรับผิดชอบทางการเมืองมาตั้งแต่ต้น คงไม่เกิดวิกฤตรุนแรงขนาดนี้ แต่วันนี้ยังไม่สายเกินไปถ้านายกฯ จะเอาแบบอย่างนายกรัฐมนตรีเกาหลีใต้ก็อาจมีส่วนช่วยให้ปัญหาทุเลาเบาบางลงได้ จึงฝากให้พิจารณาการดำรงตำแหน่งของตัวเองโดยนำกรณีนายกรัฐมนตรีเกาหลีใต้มาเป็นอุทาหรณ์”
ส่วนกรณีที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ออกมาเคลื่อนไหวเป็นส่วนหนึ่งในการหาทางออกให้กับประเทศไทยว่า ตนเชื่อมั่นว่านายอภิสิทธิ์มีความจริงใจและจริงจังที่อยากเป็นส่วนหนึ่งในการแก้ปัญหาและหาคำตอบให้กับประเทศโดยไม่มีเจตนาเหมือนที่นายนพดล ปัทมะ ที่ปรึกษากฎหมายของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร พยายามกระแนะกระแหนว่าดัดจริต เพราะความเห็นของทั้งนายนพดล และพรรคเพื่อไทยที่ออกมาแสดงความไม่เห็นด้วยกับการดำเนินการของนายอภิสิทธิ์นั้นแม้เป็นสิทธิ์แต่ก็ไม่ได้ช่วยหาทางออกให้แก่บ้านเมืองจึงไม่เกิดประโยชน์ใดๆ ต่อชาติ ทั้งนี้ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตามสามารถแสดงตนออกมาเพื่อร่วมแสวงหาทางออกแก้ปัญหาและหาคำตอบให้ประเทศไทยเป็นเรื่องควรรับฟังด้วยจิตใจที่เปิดกว้างว่ามีอะไรทีเป็นไปได้จะได้ร่วมมือร่วมใจเดินหน้าดีกว่าปล่อยให้ทุกอย่างเดินหน้าโดยไม่มีความพยายามใดๆ ที่จะหาทางออกร่วมกัน
อย่างไรก็ตาม การเคลื่อนไหวของนายอภิสิทธิ์เคารพจุดยืนหรือความเห็นของทุกฝ่ายที่แสดงออกในบ้านเมือง แต่เราหวังว่าทุกฝ่ายจะเคารพในจุดยืน ความคิดเห็นหรือการดำเนินการของนายอภิสิทธิ์ที่จะเป็นส่วนหนึ่งในการหาคำตอบให้ประเทศ หากทุกฝ่ายยึดประโยชน์ส่วนรวมไม่คำนึงถึงประโยชน์ส่วนตนหรือครอบครัว ตนเชื่อว่าทุกปัญหามีทางออกและประเทศนี้จะมีคำตอบเดินหน้าต่อไปได้ ดังนั้นการนัดหมายกับภาคส่วนต่างๆ ของนายอภิสิทธิ์ในสัปดาห์หน้าจะเดินหน้าต่อไปเพื่อทำตามความมุ่งหวังที่จะช่วยแก้ปัญหาบ้านเมือง และคิดว่าไม่น่าจะมีอุปสรรคใดๆ แม้จะมีเสียงวิจารณ์ก็ถือว่าเป็นเรื่องปกติธรรมดา แต่อยากให้อยู่บนพื้นฐานความเข้าใจนายอภิสิทธิ์ที่พยายามช่วยหาคำตอบให้ประเทศโดยไม่มีอะไรแอบแฝงทำผิดเป็นถูกใดๆ ทั้งสิ้น