“นพดล” บอกไทยจะล่มจมเหมือนไททานิค เพราะไม่ยึดกติกา ตะแบงทางออกประเทศต้องเลือกตั้งใหม่เท่านั้น สลัดทิ้ง ปชป. ถือเป็นสิทธิ วอน กกต. กำหนดวันหย่อนบัตรโดยเร็ว “เด็จพี่” เตรียมยื่นข้อเสนอให้เลือกตั้งใน 60 วัน อ้าง “สมชัย” เสนอเดือน ก.ค. ไม่สอดคล้อง กุข่าว “มาร์ค” ไม่ลงเลือกตั้งหนีคดีเสื้อแดงตายหรือไม่ หน้าด้านออกโรงป้องเสื้อแดงยึดสนามบินลำปางไล่ “สมชัย” บอกเป็นเงาสะท้อนทำหน้าที่ไม่ดีก็ถูกไล่ จี้เปลี่ยนตัวหรือเขี่ยทิ้ง
วันนี้ (20 เม.ย.) ที่พรรคเพื่อไทย นายนพดล ปัทมะ คณะกรรมการกิจการพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ขณะนี้รัฐนาวาไทยเสี่ยงที่จะล่มเหมือนเรือไททานิคที่ประชาชน 65 ล้านคน จะเดือดร้อน ซึ่งต้นเหตุเกิดจากคนไทยด้วยกันเองที่ไม่ยึดกติกา ไม่รักษาระบอบประชาธิปไตย เช่น กลุ่ม กปปส. ซึ่งเป็นแกนนำมาจากพรรคการเมืองที่ไม่ชนะเลือกตั้ง แล้วมาอ้างการปฏิรูปเพื่อไม่ให้มีการเลือกตั้ง และต้องการได้อำนาจ ตั้งตนเป็นรัฏฐาธิปัตย์ พรรคการเมืองกลับไม่ทำหน้าที่ของตน ยังบอยคอตการเลือกตั้ง และคนในองค์กรอิสระที่ต้องวางตัวเป็นกลาง แต่กล้าประกาศว่างานใหญ่ต้องเอียง รวมทั้งศาลรัฐธรรมนูญที่ควรทำหน้าที่พิทักษ์รัฐธรรมนูญ แต่กลับตัดสินขัดรัฐธรรมนูญเสียเองในหลายครั้งคนไทยทราบกันดี ถ้าบุคคลและองค์กรที่กล่าวมายังคงไม่เปลี่ยนพฤติกรรมมีสำนึกว่าการกระทำของตนขัดทั้งระบอบประชาธิปไตย ขัดหลักนิติธรรม สร้างความเสียหายแก่ประเทศแล้ว อีกไม่นานรัฐนาวาไทยสุ่มเสี่ยงที่จะล่มเหมือนเรือไททานิค
นายนพดล กล่าต่อว่า ทางออกของประเทศที่จะทำให้รัฐนาวาฝ่าคลื่นลมไปได้ คือการให้คนไทยทั้งประเทศใช้สิทธิในการเลือกทางเดินกำหนดชะตากรรมของประเทศผ่านการหย่อนบัตรเลือกตั้ง และไม่ควรให้คนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งเลือกแทนคนทั้งประเทศ เพราะมีหนึ่งสิทธิหนึ่งเสียงเท่ากัน หากเลือกตั้งเสร็จก็จะมีรัฐบาลของประชาชน มีสภาปฏิรูปประเทศ มีการอนุมัติงบประมาณอัดฉีดเม็ดเงินกระตุ้นเศรษฐกิจ หลังจากนั้น 6 เดือนไม่เกิน 1 ปี ก็ยุบสภาเลือกตั้งใหม่ เพราะนี่คือเสียงเรียกร้องของประชาชนทั้งประเทศ จึงอยากเรียกร้องให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กำหนดวันเลือกตั้งที่ชัดเจนโดยเร็ว
ส่วนที่ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส. ประกาศจะขัดขวางการเลือกตั้ง ก็เป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่รัฐเป็นผู้ดำเนินการไม่ให้ใครเกิดเหตุขัดขวางการเลือกตั้ง พรรคการเมืองเกือบร้อยเปอร์เซ็นต์ต้องการเสนอตัวให้ประชาชนเลือก แต่หากจะมีพรรคใดบอยคอตก็เป็นสิทธิ ซึ่งประเทศไทยคงไม่รอพรรคดังกล่าว เพราะประเทศต้องเดินหน้าหาทางออกจากวิกฤตนี้ให้เร็วที่สุด
ด้าน นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย แถลงว่า ในวันที่ 22 เม.ย. พรรคเพื่อไทยจะส่ง นายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ไปร่วมหารือกับ กกต. เพื่อกำหนดกรอบการเลือกตั้งใหม่ พร้อมจะเสนอข้อกำหนด 5 ข้อต่อ กกต. อาทิ การให้จัดการเลือกตั้งภายใน 60 วัน การแก้ไขระเบียบการรับสมัครเลือกตั้งให้สมัครทางไปรษณีย์ หรืออินเทอร์เน็ตได้ และให้จัดสถานที่ปลอดภัย เช่น ค่ายทหาร ค่าย ตชด. เป็นสถานที่ลงคะแนนเลือกตั้ง ตลอดจนการให้ กกต. เคร่งครัดดำเนินคดีกับกลุ่มที่ขัดขวางการเลือกตั้งด้วย
ส่วนที่ นายสมชัย ศรีสุทธิยากร กกต. ระบุว่า จะจัดการเลือกตั้งภายใน 90 วัน โดยให้มีการเลือกตั้งระหว่างวันที่ 20-27 ก.ค. นั้น ไม่สอดคล้องกับสถานการณ์ความขัดแย้งทางการเมืองในปัจจุบัน ดังนั้นในวันที่ 22 เม.ย. กกต. ควรมีกรอบเวลาที่ชัดเจนว่า จะจัดการเลือกตั้งใหม่ในวันใด ซึ่งพรรคเพื่อไทยเห็นด้วยกับข้อเสนอของพรรคเล็ก 53 พรรคที่อยากให้มีการเลือกตั้งในวันที่ 15 มิ.ย. ถ้าเสียงส่วนใหญ่ต้องการให้จัดการเลือกตั้งโดยเร็ว กกต. ก็ต้องปฏิบัติตาม หากยังยื้อจัดการเลือกตั้งระหว่างวันที่ 20-27 ก.ค. แล้วเกิดวิกฤตการเมืองขึ้น กกต. ต้องรับผิดชอบ
นายพร้อมพงศ์ กล่าวว่า ส่วนที่พรรคประชาธิปัตย์กำหนดเงื่อนไขการลงสมัครรับเลือกตั้งว่า รัฐบาลต้องแก้ปัญหาการใช้กำลังข่มขู่ คุกคาม จ้องทำร้ายของคนเสื้อแดง การยอมรับกระบวนการยุติธรรม การจัดการคนหมิ่นสถาบันให้ได้ก่อนนั้น ดูแล้วเป็นข้ออ้างที่พรรคประชาธิปัตย์พยายามหาเหตุไม่ลงเลือกตั้ง ที่ผ่านมารัฐบาลและพรรคเพื่อไทยยอมรับกระบวนการยุติธรรม และดำเนินคดีกับบุคคลที่หมิ่นสถาบันมาตลอด พรรคประชาธิปัตย์อย่ามาหาข้ออ้างไม่ลงเลือกตั้ง เพื่อเลี้ยงม็อบนายสุเทพ ดูแล้วเป็นการเล่นการเมืองแบบรับลูก แตะมือกันป่วนเมือง ถ้าไม่ลงสมัครครั้งนี้ ต้องถูกร้องยุบพรรค แม้ไม่มีพรรคประชาธิปัตย์ก็ต้องเดินหน้าเลือกตั้งต่อไป ขอท้าว่าในวันที่ 22 เม.ย. ให้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ประกาศลงเลือกตั้ง ถ้าไม่กล้าประกาศก็ให้ลาออกจากหัวหน้าพรรค ตนทราบข้อมูลจากคนในพรรคประชาธิปัตย์ว่า ทุกวันนี้ที่พยายามยื้อไม่ลงเลือกตั้ง เพื่อต้องการล้มคดีสลายการชุมนุมคนเสื้อแดง 99 ศพ จริงหรือไม่
นายพร้อมพงศ์ ยังกล่าวถึงกรณีมวลชนกลุ่มคนเสื้อแดงเดินทางไปขับไล่นายสมชัย ระหว่างที่นำนักศึกษาหลักสูตรการพัฒนาการเมืองและการเลือกตั้งระดับสูง (พตส.) รุ่นที่ 5 ของ กกต. ลงพื้นที่ดูงานที่ จ.ลำพูน ถึงขั้นยึดสนามบินลำปาง และค้นข้อมูลผู้โดยสารโดยไม่ได้รับอนุญาตจากทางสายการบินบางกอกแอร์เวย์ส ว่า เป็นกระจกเงาสะท้อนการทำหน้าที่ของนายสมชัยว่า หากทำหน้าที่อย่างขาดสติ มีอคติทางการเมือง จะเกิดปัญหากับองค์กร ถ้าประชาชนไม่ยอมรับจะสะท้อนออกมาให้เห็นเช่นนี้ จึงขอให้ กกต. ทบทวนบทบาทตัวเอง และเปลี่ยนหน้าที่นายสมชัยไปทำงานด้านอื่นแทนการบริหารจัดการเลือกตั้ง ขณะที่นายสมชัยก็ควรแสดงความรับผิดชอบลาออกจากการทำหน้าที่บริหารจัดการเลือกตั้ง ให้คนอื่นมาทำหน้าที่แทน เพื่อมิให้ กกต. ทำงานลำบาก