“อ้ายปึ้ง-ติ๊งเหล่” ประสานเสียง ปัด “ตระกูลชิน” เว้นวรรค เผย “แม้ว” ห่วงอาวุธสงคราม

“สุรพงษ์” ชี้กระแสตระกูลชินวัตรเว้นวรรคการเมือง แค่ข่าวปล่อย ย้อนถามถ้าให้ตระกูลเทือกสุบรรณเว้นรวรรคการเมืองบ้างทำได้หรือไม่ ด้าน “นพดล” ยัน “ทักษิณ” ไม่ได้สั่ง “ยิ่งลักษณ์” เว้นวรรค ชี้เป็นเรื่องที่พรรคจะพิจารณาปาร์ตี้ลิสต์เบอร์ 1 บอกยิ่งลักษณ์ไม่ได้ทำผิดพร้อมสู้ตายในสนาม ปชต.เผย “ทักษิณ” ห่วงสถานการณ์สร้างข่าวลวง-ใช้อาวุธสร้างสถานการณ์ให้เกิดสับสน

วันนี้ (27 มี.ค.) ที่กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.ต่างประเทศ ในฐานะประธานที่ปรึกษาศูนย์อำนวยการรักษาความสงบ หรือ ศอ.รส.กล่าวถึงกระแสข่าว น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และคนตระกูลชินวัตร จะไม่ลงเลือกตั้งเพื่อเว้นวรรคทางการเมือง ว่า เป็นเพียงการปล่อยข่าวปลุกกระแสให้เกิดความเกลียดชัง เพราะไม่มีความจำเป็นที่จะต้องเจรจาทางลับ เนื่องจากเสนออะไรมา นายสุเทพ เทือกสุบรรณ และ กลุ่ม กปปส.ก็ไม่เอา เนื่องจากกลัวพรรคเพื่อไทยชนะเลือกตั้งอีกครั้ง โดยตนอยากถามกลับว่า หากให้ตระกูลเทือกสุบรรณ และตระกูลพร้อมพันธุ์ เว้นวรรคทางการเมืองทำได้หรือไม่ นอกจากนี้ ตนอยากให้คนไทยใช้สติคิดให้มากกว่านี้

นายสุรพงษ์ กล่าวต่อว่า นายกฯ ไม่ได้พูดเรื่องนี้ ตนคิดว่าถ้า กกต.สามารถกำหนดวันเลือกตั้งขึ้นมาใหม่เมื่อไร หากนายกฯ จะพักก็ต้องพิจารณาตัดสินอีกครั้งว่าผู้สมัครจะเป็นใครบ้าง ซึ่งต้องรอให้ได้วันเลือกตั้งที่แน่นอนก่อน อย่างไรก็ตาม นายกฯ ก็ต้องทำหน้าที่จนกว่าจะมีรัฐบาลใหม่มาจากการเลือกตั้ง การที่นายสุเทพบอกว่าจะให้นายกฯ ลาออก หรือจะให้องค์กรอิสระกล่าวหา ครม.ทั้งคณะ อย่างการที่ ส.ว.ยื่นศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยกรณีโยกย้ายนายถวิล เปลี่ยนศรี เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) โดยขบวนการเหล่านี้ควรหยุดได้แล้ว ถ้ากระบวนการขององค์กรอิสระไม่ให้ความเป็นธรรม คิดว่าประเทศไทยคงอยู่ได้ยาก

ส่วนกระแสข่าวให้ นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา รองนายกรัฐมนตรี ลงสมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อลำดับที่ 1 นายสุรพงษ์ กล่าวว่า เรื่องนี้อยู่ที่คณะกรรมการบริหารพรรคเพื่อไทย เป็นผู้ตัดสิน โดยตอนนี้คนในพรรคก็พูดคุยถึงเรื่องนี้ และบอกว่าเป็นเพียงข่าวลือที่ปล่อยออกมา ทั้งนี้ สมาชิกพรรคยังให้การสนับสนุน น.ส.ยิ่งลักษณ์ เป็นนายรัฐมนตรีต่อไป เพราะเป็นที่รักของประชาชน โดยประชาชนส่วนใหญ่ในต่างจังหวัดให้ความเชื่อมั่นในการทำงาน 2 ปีที่ผ่านมา ซึ่งทำได้อย่างดี และพิสูจน์ได้ชัดถึงการยอมรับจากต่างชาติ โดยการเดินทางไปต่างประเทศกว่า 50 ประเทศ ทั้งฝ่ายที่สนับสนุนนายสุเทพ ต้องตระหนักได้แล้วว่านายสุเทพ สร้างความเสียหายให้ประเทศ วันนี้ประเทศต้องการการแก้ไขสถานการณ์ฟื้นการลงทุนและท่องเที่ยวให้เร็วที่สุด

นายสุรพงษ์ กล่าวถึงกรณีที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ต้องการขอเพิ่มบังเกอร์ และต้องการเข้าตรวจสอบพร้อมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ว่า ทาง ศอ.รส.ได้ให้ทาง ผบ.ตร.ปรับเพิ่มลดกำลังพลให้สอดคล้องกับสถานการณ์ หากสถานการณ์รุนแรงก็สามารถเพิ่มกำลังได้ตามความเหมาะสม โดยทางทหารมีอำนาจเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่ ไม่ใช่ผู้ช่วยเจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งมีอำนาจหน้าที่เทียบเท่ากับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ส่วนเรื่องการปรับเพิ่มบังเกอร์ทำให้บ้านเมืองดูไม่เรียบร้อย สร้างความเสียหายให้การท่องเที่ยว ซึ่งภาคเอกชนหลายรายมีการขอปรับลดบังเกอร์บริเวณที่เป็นพื้นที่ธุรกิจ ทางทหารควรจะปรับย้ายไปในส่วนที่รั้วรอบขอบชิด

นายสุรพงษ์ กล่าวต่อว่า อย่างไรก็ตาม การเพิ่มบังเกอร์ไม่ได้มีผลใดๆ เพราะยังคงมีการยิงเอ็ม 79 ต่อเนื่องใส่ทุกฝ่าย ไม่ว่าจะเป็นองค์กรอิสระ นปช. กปปส.ไม่มีใครรู้มือที่ 3 คือใคร โดยทางเจ้าหน้าที่พยายามดำเนินการจับกุมผู้กระทำความผิดให้ได้ ตนไม่รู้ใครทำ แต่อาจจะเป็นการกระทำเพื่อเรียกร้องความเห็นใจ ส่วนกรณีที่กลุ่ม กวป.เข้ารื้อบังเกอร์ทหาร ที่บริเวณสำนักงาน ป.ป.ช.ทำให้ทหารเปลี่ยนแนวคิดมาใช้มอเตอร์ไซค์ลาดตะเวน ตนคิดว่าเป็นสิ่งที่ดี

อีกด้านหนึ่งที่พรรคเพื่อไทย นายนพดล ปัทมะ ที่ปรึกษากฎหมาย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า กรณีที่มีการปล่อยข่าวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ สั่งการให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ เว้นวรรคการเมือง 1 ปี เพื่อให้มีการเจรจาต่อรองกันนั้น ตนได้ตรวจสอบเรื่องนี้และคุยกับ พ.ต.ท.ทักษิณ แล้ว ยืนยันว่าเรื่องดังกล่าวนั้นไม่เป็นความจริง เป็นการปล่อยข่าว ไม่มีความคิดนี้ และไม่มีการพูดคุยกัน ซึ่งการที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ จะลงเลือกตั้งหรือไม่ ลงสมัครในบัญชีรายชื่อลำดับที่ 1 หรือไม่ หรือพรรคจะส่งใครลงในลำดับที่ 1 ยังไม่ได้มีการหารือกัน ซึ่งเป็นเรื่องของคณะกรรมการบริหารที่จะได้หารือกันต่อไป และขณะนี้เองก็ยังไม่มีกฤษฎีกาวันเลือกตั้งออกมาเลย คงยังไม่ใช่เวลาที่จะหารือกัน

ที่สำคัญคือ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ไม่ได้ทำอะไรผิด ได้รับการเลือกตั้งมาจากประชาชนทั้งประเทศให้มาเป็นนายกฯ แล้วถูกกดดันให้ยุบสภา จนถึงตอนนี้ก็ยังเป็นนายกฯรักษาการอยู่ ซึ่ง น.ส.ยิ่งลักษณ์ เองไม่ได้หวงอำนาจหรือตำแหน่ง แต่ต้องอยู่ทำหน้าที่ต่อไป เพื่อรักษากรอบกติกาประชาธิปไตย และ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ก็พร้อมที่จะสู้เพื่อรักษากฎหมาย กติกาประชาธิปไตย อย่างที่ได้เคยพูดไว้ว่าจะสู้จนนาทีสุดท้ายและพร้อมยอมตายในสนามประชาธิปไตย ดังนั้นอนาคตพรรคเพื่อไทยจะส่งใครลงสมัครเลือกตั้งก็เป็นสิ่งที่คณะกรรมการบริหารพรรคจะได้พิจารณา ตอนนี้เร็วเกินไปที่จะมีมติใดๆ ออกมา

นายนพดล กล่าวต่อว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ได้แสดงความเป็นห่วงต่อสถานการณ์ในไทยระยะนี้ว่า ในช่วงนี้จะมีการปล่อยข่าว โดยเฉพาะข่าวล่วงอย่างมาก ตนทราบว่าขณะนี้ก็มีการปล่อยข่าวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ประสบอุบัติเหตุ ซึ่งยืนยันว่ายังสบายดีอยู่ไม่ได้มีปัญหาใดๆ ขณะเดียวกัน มีความเป็นห่วงว่าจะมีการใช้อาวุธสงครามมากขึ้น เพื่อสร้างสถานการณ์ สร้างความสับสนให้เกิดขึ้นในสังคม ตนจึงอยากฝากไปถึงพี่น้องประชาชนให้ใช้วิจารณญาณในการรับข้อมูลข่าวสารในแต่ละวันให้มาก

ด้านนายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ขณะนี้กำลังมีความพยายามการสร้างข่าวล่วง ปล่อยข่าวสร้างความเชื่อที่ผิดให้ประชาชน พยายามสร้างวาทกรรม สร้างอุปทานหมู่ว่าการฉีกรัฐธรรมนูญนั้นไม่ผิด การรัฐประหารเป็นสิ่งที่ยอมรับได้ ไม่ใช่ต่างชาติไม่ยอมรับ และมีความพยายามาบอกว่าการจับกุมตัว น.ส.ยิ่งลักษณ์ เพื่อให้ลาออกจากตำแหน่งนั้นเป็นสิ่งที่สามารถทำได้ จึงอยากฝากเตือนประชาชนไว้ตรงนี้ว่าอย่าตกเป็นเหยื่อการสร้างข่าวล่วงเช่นนี้

นายอนุสรณ์ กล่าวต่อว่า จะเห็นได้ว่าในระยะนี้มีเอ็ม 79 ตกถี่มากขึ้น ที่จริงฝ่ายความมั่นคงก็ได้ประเมินกันแล้วในเรื่องนี้ว่าในช่วงท้ายๆของการชุมนุมไม่ต้องกังวลเรื่องการขนอาวุธเข้า แต่ให้กังวลเรื่องการขนอาวุธออก ดังนั้นจึงไม่แปลกใจที่จะมีการเร่งก่อเหตุเพื่อให้อาวุธในสต็อกหมดไปโดยเร็ว ตนจึงอยากเรียกร้อง กปปส.ว่าให้เปิดคลังแสงของตนเองด้านหลังเวทีเพื่อให้มีการตรวจสอบ และอยากเรียกร้องไปยังกองทัพด้วยว่าขอให้ตรวจสอบจำนวนยอดอาวุธสงครามและรายงานต่อประชาชนว่ายังมีจำนวนอยู่ครบหรือไม่