xs
xsm
sm
md
lg

พท.แต่งดำท้วงโหวตโมฆะ แย้มใส่ต่อหากป.ป.ช.ฟัน "ค้อนปลอม" งัดไม้ตายเชิญUN สาระแนไทย

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย (แฟ้มภาพ)
เพื่อไทยแต่งดำพรึ่บ ดื้อเลือกตั้งโมฆะ "เด็จพี่" ถามนายกฯ คนกลางมาจากไหน จวก "สุเทพ" หักหาญน้ำใจชาวบ้าน ท้านับมีกี่หัวมาเดินด้วย สับ "อภิสิทธิ์" โมฆะบุรุษ ด้าน "อนุสรณ์" แย้มแต่งอีกนานหาก ป.ป.ช.ฟัน "สมศักดิ์" มั่วศาลฎีกาตัดสินชายชุดดำไม่มีจริง "ชวลิต" โวยชุมนุมทำร้ายธุรกิจกทม. "จิรายุ" งัดมุกเสี้ยมจ่อพบ "จุติ - อลงกรณ์" ขณะที่ "นพดล" ใช้ไม้ตายฟ้องคุณพ่อยูเอ็น ให้คณะมนตรีฯ เกาะติด ประณามศาลไม่ยุติธรรม

วันนี้ (24 มี.ค.) ที่พรรคเพื่อไทย นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณี นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส.เรียกร้องให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีรักษาการ พร้อมยื่นข้อเสนอมีนายกฯคนกลาง จึงจะยุติการชุมนุมว่า สิ่งที่นายสุเทพ เสนอ ไม่ต่างจากทฤษฎีสมคบคิดล้มเลือกตั้ง เพื่อให้มีนายกฯ คนกลาง เนื่องจาก น.ส.ยิ่งลักษณ์ ได้ประกาศยุบสภาเพื่อคืนอำนาจให้ประชาชน ในการกำหนดอนาคตตัวเองว่าจะเลือกพรรคเพื่อไทย หรือพรรคประชาธิปัตย์แล้ว แต่ก็ยังมีความพยายามขัดขวางการเลือกตั้ง จึงอยากถามไปถึงนายสุเทพ ว่า นายกฯคนกลางที่เสนอนั้นจะมาจากช่องทางใด ใช้กฎหมายรัฐธรรมนูญมาตราใดรองรับ

“นายสุเทพกล้าดีอย่างไร ที่เหิมเกริมหักหาญน้ำใจประชาชนขัดขวางการเลือกตั้ง ทำให้การเลือกตั้งโมฆะ แล้วอ้างว่าจะตั้งนายกฯมาตรา7 อยากให้นายสุเทพอธิบายว่า นายกฯ คนกลางคือนายอภิสิทธิ์ หรือไอ้โม่งคนที่อยู่เบื้องหลังการเคลื่อนไหวนายสุเทพ ใช่หรือไม่ อย่ามัวแต่บ้าน้ำลายส่วนกรณีนายสุเทพ เสนอขอเจรจากับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ตัวต่อตัวนั้น นายสุเทพ ได้ถามใจประชาชนหรือยังว่ายอมหรือไม่ เป็นข้อเรียกร้องที่ไม่มีเหตุไม่มีผลว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ต้องลาออกรักษาการ การที่นายสุเทพ เหิมเกริมที่จะเลือกนายกฯแทนประชาชนคนไทยทั้งประเทศ ถือเป็นการดูถูกประชาชนคนไทย” นายพร้อมพงศ์ ระบุ

นายพร้อมพงศ์ กล่าวว่า นายสุเทพ เดินรณรงค์ชักชวนประชาชนชาวกทม.ที่เริ่มต้นวันที่ 24 มี.ค. ก่อนนัดการเคลื่อนไหวใหญ่วันที่ 29 มี.ค. โดยท้าให้นับหัวมวลมหาประชาชนว่ามีจำนวนเท่าใดที่ออกมาร่วมเดิน จากการตรวจสอบเมื่อวันที่ 24 มี.ค.นั้นพบว่ามีแต่มวลมหาประชาการ์ดที่อยู่รายล้อมนายสุเทพถึง 4 ชั้น สะท้อนให้เห็นว่าคน กทม.และคนไทยเบื่อหน่ายการชุมนุมของนายสุเทพที่สร้างความเสียหายทางเศรษฐกิจไปแล้วถึง 5แสนล้านบาท สร้างความเดือดร้อนให้คน กทม.อย่างใหญ่หลวง

“การเริ่มต้นรณรงค์ในวันนี้ (24 มี.ค.) ถือว่าล้มเหลวโดยสิ้นเชิง ที่นายสุเทพ ยังคงทำม็อบอยู่ได้ เพราะเป็นม็อบมีเส้นและมีท่อน้ำเลี้ยงใช่หรือไม่ อยากขอให้เลิกทำร้ายคนกรุงเทพฯ คนไทย ทำลายประเทศไทย เลิกชุมนุมแล้วหันมาดำเนินการทางการเมืองจะเสนอปฏิรูป ปรับนโยบายอย่างไรก็ทำในนามพรรคการเมือง นำไปสู่การเลือกตั้ง ถ้าคนเห็นด้วยพรรคประชาธิปัตย์จะชนะการเลือกตั้ง ถ้าไม่ใช่ก็ต้องยอมรับ อย่าจับประเทศไทยเป็นตัวประกัน สร้างความหายนะกับระบบประชาธิปไตย ทำให้การเลือกตั้งเป็นโมฆะ หยุดทำเวรทำกรรมกับประเทศไทยได้แล้ว” โฆษกพรรคเพื่อไทยกล่าว

นายพร้อมพงศ์ กล่าวอีกว่า การที่นายอภิสิทธิ์ ระบุว่าขอให้รัฐบาลเลิกอ้าง 20 ล้านเสียงจากการเลือกตั้งเมื่อ 2 ก.พ.ที่ผ่านมา แปลกใจที่ไม่เคารพคนออกมาใช้สิทธิ์ เป็นคำพูดน่าจะเป็นโมฆะบุรุษของคนที่อ้างว่ายึดหลักการ ยึดมั่นประชาธิปไตย ระบบรัฐสภาฯ นายอภิสิทธิ์ดูถูกประชาชนที่มาลงคะแนน การประชุมใหญ่พรรคประชาธิปัตย์ 29มี.ค.ขอให้นายอภิสิทธิ์ เสนอให้พรรคประชาธิปัตย์ลงสมัครรับเลือกตั้ง ถ้าไม่ลงถือว่าไม่ใช่ลูกผู้ชาย ไม่เหมาะสมเป็นหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ไม่แสดงวุฒิภาวะนำพรรคประชาธิปัตย์นำสู่การเลือกตั้ง

ส่วน นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รองโฆษกพรรคเพื่อไทย เปิดเผยว่า วันนี้เป็นวันแรกในการรณรงค์ให้สมาชิกพรรคแต่งกายสีดำ โดยกำหนดการรณรงค์ครั้งนี้ประมาณ 1 สัปดาห์ แต่ในช่วงเดือน เม.ย.ที่จะถึงนี้ หากทาง คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) จะวินิจฉัยชี้มูล นายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนทน์ อดีตประธานรัฐสภา และ 308 ส.ส.-ส.ว. ออกมาในทำนองเดียวกับพรรคประชาธิปัตย์ และการเคลื่อนไหวของ กปปส. อาจจะมีการกำหนดแต่งดำไว้ทุกข์กันอีกนานเพื่อไว้อาลัยให้กับกระบวนการยุติธรรมไทย

นายอนุสรณ์ ยังได้กล่าวถึงกรณีที่ นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ โฆษก กปปส. ออกมาระบุว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯว่าจ้างชายชุดดำเตรียมก่อความรุนแรงในพื้นที่ กทม.กว่า 40 จุดว่า ก่อนหน้านี้ศาลฎีกาก็ได้วินิจฉัยแล้วว่า ชายชุดดำไม่มีอยู่จริง และเป็นเพียงวาทกรรมของ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส.เท่านั้น ซึ่งก็ส่งผลให้ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าฯกทม.ถูก คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ให้ใบเหลือง อย่างไรก็ตามชายชุดดำปรากฏตัวจริงๆก็เมื่อเหตุการณ์ปะทะที่แยกหลักสี่ ซึ่งมีคนที่ได้รับการขนานนามว่าเป็นมือปืนป็อปคอร์นออกมาใช้อาวุธสงคราม โดอ้างว่าปกป้องกลุ่มผู้ชุมนุม กปปส. นอกจากนี้เท่าที่ทราบอาคารสูงรอบๆเวที กปปส.สวนลุมพินี ส่วนใหญ่เจ้าของก็เป็นเครือข่ายของ กปปส.และพรรคประชาธิปัตย์ทั้งนั้น

“พ.ต.ท.ทักษิณ ได้สั่งให้ทีมกฏหมายของพรรคเพื่อไทยเตรียมเอาผิดกลุ่มบุคคลที่เผยแพร่ข้อมูลในทำนองที่ว่า พ.ต.ท.ทักษิณ เตรียมก่อเหตุรนแรง ซึ่ง พ.ต.ท.ทักษิณ จะฟ้องให้หมดไม่ว่าใครก็ตามที่เผยแพร่ แชร์ หรือฟอร์เวิร์ดข้อมูลเหล่านี้” นายอนุสรณ์ ระบุ

นายอนุสรณ์ กล่าวอีกว่า จากพฤติกรรมของ กกต.ที่มุ่งมั่นจับผิดพรรคเพื่อไทย และให้ท้ายกลุ่มบุคคลที่ต้องการล้มเลือกตั้ง ซึ่งตนทราบข่าวเบื้องต้นมาว่า 53 พรรคการเมืองที่ลงสมัครรับเลือกตั้งจะฟ้องเอาผิด กกต.และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่ทำให้ชาติต้องสูญเสียงบประมาณในการเลือกตั้งกว่า 3,800 ล้านบาท รวมไปถึงการที่แต่ละพรรคการเมืองต้องสูญเสียเงินที่ใช้ในการเลือกตั้งอีกจำนวนมาก

นายอนุสรณ์ ยังได้กล่าวโจมตี นายอภิสิทธิ์ว่า นายอภิสิทธิ์ ไม่เคยคิดที่จะชนะเลือกตั้งแบบเท่ๆ แมนๆ จะรอเก็บเกี่ยวผลประโยชน์จากความรุนแรง เพื่อรอเข้ามาเป็นรัฐบาลใช่หรือไม่ หรือจะสวมบทเป็นตาอยู่พอเขารบราฆ่าฟันกันแล้วนายอภิสิทธิ์ค่อยเข้ามาเป็นนายกฯ มาตรา 7 ใช่หรือไม่ จึงอยากให้สมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ ควรพิจารณาว่า จะยังอยากจะเดินตามหลังนายอภิสิทธิ์ต่อไปอีกหรือไม่ หรือจะเดินออกไปตั้งพรรคใหม่

ขณะที่ นายชวลิต วิชยสุทธิ์ อดีตผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ได้กล่าวตำหนิการเคลื่อนไหวของกลุ่ม กปปส.ที่จะมีการชุมนุมใหญ่ในวันที่ 29 มี.ค.ว่า ขณะนี้ถือว่า กปปส.หมดความชอบธรรมในการเคลื่อนไหวอย่างสิ้นเชิง เพราะที่ผ่านมา นายสุเทพ บอกเสมอว่า การชุมนุม กปปส.เป็นไปโดยสันติปราศจากอาวุธ แต่เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจได้จับกุมมือปืนป๊อบคอร์นได้ โดยให้รับสารภาพว่า เป็นการ์ด กปปส.และได้มีการใช้อาวุธสงครามจริง นอกจากนี้เป้าหมายและวัตถุประสงค์ของ กปปส.ในเรื่องสภาประชาชน และนายกฯคนกลางนั้นไม่มีกฎหมายรองรับ รวมไปถึงพฤติกรรมการขัดขวางการเลือกตั้ง ที่ทำให้ประเทศต้องสูญเสียงบประมาณถึง 3,800 ล้านบาท และผู้มีสิทธิ 20 ล้านคนที่เดินทางไปลงคะแนนเลือกตั้งต้องสูญเปล่า

“การชุมนุมของ กปปส.สร้างความเสียหายให้ธุรกิจ การค้าใน กทม.อย่างใหญ่หลวง จนคน กทม.สนับสนุน กปปส.น้อยลงเรื่อยๆ จึงขอดูใจพรรคประชาธิปัตย์จะทำร้ายธุรกิจ การค้าในกทม.ซ้ำเติมอีกหรือไม่ ขอให้อย่าทำลายธุรกิจ การค้าใน กทม.มากไปกว่านี้” นายชวลิต กล่าว

ด้าน นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ รองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวเรียกร้องให้ ส.ส.รุ่นใหม่ในพรรคประชาธิปัตย์ ปลดแอกจาก นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ มาร่วมลงสมัครรับเลือกตั้งใหม่ เพื่อรักษาจุดยืนการก่อพรรคในการรักษาระบอบประชาธิปไตย ไม่ต้องรอคำสั่งของนายอภิสิทธิ์ ส่วนที่ตนเคยระบุว่าจะไปกราบเท้านายอภิสิทธิ์ให้มาลงสมัครรับเลือกตั้งใหม่นั้น จะไม่ไปแล้ว เพราะดูแล้วนายอภิสิทธิ์ยังกลัวเสียงนกหวีด และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส.อยู่ จึงไม่กล้าตัดสินใจ โดยตนจะไปพบ นายจุติ ไกรฤกษ์ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ และนายอลงกรณ์ พลบุตร อดีต ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ที่มีท่าทีชัดเจนในการลงสมัครรับเลือกตั้ง และปฏิรูปพรรคประชาธิปัตย์

มีรายงานว่า บรรยากาศที่พรรคเพื่อไทยในวันนี้ บรรดาอดีต ส.ส.และสมาชิกพรรคต่างแต่งกายในชุดสีดำโดยพร้อมเพรียงกัน เพื่อแสดงสัญลักษณ์ไม่ยอมรับคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ต่อกรณีที่ลงมติ 6 ต่อ 3 เสียงให้การเลือกตั้งเมื่อวันที่ 2 ก.พ.ที่ผ่านเป็นโมฆะ

ทางด้าน นายนพดล ปัทมะ กรรมการยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย เปิดเผยว่า อดีต ส.ส. และสมาชิกพรรคเพื่อไทย ได้ร่วมกันทำหนังสือเพื่อยื่นต่อ นายบัน คี มูน เลขาธิการองค์การสหประชาชาติ ในวันที่ 25 มี.ค.เพื่อฟ้องต่อชาวโลก และชาติมหาอำนาจที่มีที่นั่งในคณะมนตรีความมั่นคง ให้ทราบถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในประเทศไทยว่า มีขบวนการสมคบคิดขององค์กรต่างๆทำให้การเลือกตั้งไร้ผล ชี้ให้เห็นพฤติกรรมของพรรคประชาธิปัตย์ที่บอยคอตการเลือกตั้ง การชุมนุมที่ผิดกฎหมายของ กปปส. มีวงจรอุบาทว์ตั้งแต่ปี 2549 และ อาจจะเกิดขึ้นอีกในปี 2557 ชี้ให้เห็นองค์กรอิสระที่เป็น 2 มาตรฐาน อย่างไรก็ตามเราไม่ได้เรียกร้องให้องค์การสหประชาชาติเข้ามาแทรกแซง แต่ต้องการให้เข้ามาติดตามดูสถานการณ์ประเทศไทยอย่างใกล้ชิด ทราบถึงการละเมิดกฎหมาย สิทธิมนุษยชน โดยผู้ต่อต้านรัฐบาลที่เป็นอภิสิทธิ์ชน คำตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญหลายกรณี และขององค์กรอิสระ มิชอบด้วยกฎหมาย ไม่ยุติธรรม ไม่เป็นประชาธิปไตย เพื่อช่วยสอดส่องป้องกัน รวมทั้งประณามการสมคบคิดอย่างไม่เป็นประชาธิปไตย

นายนพดล ในฐานะที่ปรึกษากฎหมาย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เปิดเผยด้วยว่า จากกรณีที่ นายเอกนัฏ พออกมาระบุว่า พ.ต.ท.ทักษิณ จ้างชายชุดดำให้ประจำการตึกสูง 40 จุดทั่วกทม.นั้น ตนขอปฏิเสธโดยสิ้นเชิง เรื่องนี้ไม่มีมูลความจริงถ้ามีหลักฐานก็นำมาแสดง ยืนยันอีกครั้งว่า พ.ต.ท.ทักษิณไม่เห็นด้วยกับความรุนแรง และจะไม่มีวันทำอย่างนั้น ขณะนี้ พ.ต.ท.ทักษิณ ได้ติดตามดูสถานการณ์ในประเทศไทยด้วยความเป็นห่วง อยากให้ทุกคนเคารพการตัดสินใจของประชาชนผ่านการเลือกตั้ง ขอให้ยึดหลักประชาธิปไตย และยึดหลักนิติธรรม วันนี้เราเสียโอกาสไปมากแล้ว

“วันนี้อย่าถามว่าถ้ามีเลือกตั้งพรรคเพื่อไทยจะลงหรือไม่ ต้องไปถามพรรคประชาธิปัตย์ ตอนนี้ก็ยังไม่ชัดเจนจะเอาอย่างไร แต่ประเทศไทยไม่สามารถรอการตัดสินใจของพรรคประชาธิปัตย์เพียงพรรคเดียวได้ สำหรับพรรคเพื่อไทยยืนยันว่าจะตัดสินใจในสิ่งที่เป็นทางออกของบ้านเมือง จะไม่นำไปสู่จุดอับทางตันแน่นอน”นายนพดล กล่าว


กำลังโหลดความคิดเห็น