xs
xsm
sm
md
lg

เพลิงฉิมพลี ตอนที่ 3

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


เพลิงฉิมพลี ตอนที่ 3

ธรรพ์กำลังเดินมาตามทางจากน้ำตกจะกลับไปที่ปาง มองเห็นแสงคำกำลังเดินสวนมา แสงคำพอเห็นธรรพ์ก็หยุดทัก

“จะไปไหนเหรอ แสงคำ”
“ผมจะไปหาเนื้อนาง เนื้อนางคงมาที่น้ำตก”
“น้ำตกเหรอ”
ธรรพ์นิ่งคิดปราดเดียว นึกได้ว่าพี่ชายตัวเองก็อยู่ที่น้ำตก จึงคิดจะกันทางให้หนานไตร
“ผมมาเดินดูรอบๆ ปาง แต่รู้สึกว่าผมกำลังหลงแล้วล่ะ” ธรรพ์ยิ้ม “พาผมกลับปางหน่อยได้มั้ยผมอยากไปดูเด็กๆ ที่โรงเรียนด้วย”
แสงคำมีสีหน้าลำบากใจ เพราะอยากไปตามหาเนื้อนางมากกว่า
“ครับ ทางนี้ครับ”
แสงคำหันหลังเดินกลับไปทางที่มา ธรรพ์มองแล้วเดินตามไปทันที

หนานไตรยังหลบมองเนื้อนางอยู่ที่น้ำตก เนื้อนางวักน้ำขึ้นมาลูบเนื้อตัว มองสายน้ำอย่างปล่อยปลง
โดยไม่รู้ว่าหนานไตรอยู่ตรงนั้นด้วย พอเนื้อนางถอดเสื้อออก หนานไตรมองจ้อง ตกตะลึง
เนื้อนางวางเสื้อพาดไว้บนโขดหินใกล้ๆ หนานไตรตะลึงแลมองตาไม่กะพริบ เมื่อเนื้อนางย่อตัวลงในน้ำ แล้ว ขยับซิ่นขึ้นมากระโจมอก
เนื้อนางปล่อยผมยาวสยาย หนานไตรมองกิริยาอันสวยงามตรงหน้าจนแทบลืมหายใจ เนื้อนางเอี้ยวตัว เอามือวักน้ำ ลูบเนื้อตัวแล้วค่อยๆ เดินไปใกล้ม่านน้ำตก อย่างปล่อยใจ ปล่อยความทุกข์ ไปกับสายน้ำ
หนานไตรมองด้วยสายตาหลงใหล อยากจะเข้าไปปลอบโยนเต็มที

ธรรพ์เดินมา แสงคำพามาหยุดที่โรงเรียน คำฝายอยู่กับเด็กๆ
ธรรพ์ยิ้มทัก “วันนี้เด็กๆ ต้องเรียนกับครูคำฝาย เพราะครูเนื้อนางไม่อยู่”
คำฝายยิ้มแห้งๆ ธรรพ์มองสังเกตเห็นแสงคำมีสีหน้าร้อนรนใจ เพราะเป็นห่วงเนื้อนาง

เนื้อนางวักน้ำลูบที่เนินไหล่ หนานไตรยังหลบมองอยู่ เห็นเนื้อนางลูบน้ำไปที่เนื้อตัวให้สายน้ำเย็นช่วย
คลายความเศร้าหมองในใจ มือเนื้อนางระน้ำอย่างเหงาๆ
หนานไตรหลบมองอยู่เงียบๆ ประทับภาพเนื้อนางตรงหน้าไว้ทุกอิริยาบถ
เนื้อนางรู้สึกเหมือนถูกจ้อง ก็เหลียวหันมามอง
“คุณหนานไตร”
เนื้อนางตกใจมากที่เห็นหนานไตรมองมา รีบยกมือกอดบังเนินอก
“ผม...ผมขอโทษ เนื้อนาง”
เนื้อนางอายมาก รีบพุ่งเข้าไปจะคว้าเสื้อ แต่หนานไตรพุ่งเข้ามาขวางไว้ก่อน พยายามอธิบาย
“คือผมลงมาเล่นน้ำ กำลังจะขึ้น พอดีคุณลงมา”
เนื้อนางไม่ยอมฟัง ตั้งท่าจะถอยหนี หนานไตรรีบคว้า ยึดข้อมือเนื้อนางไว้
“ฟังผมอธิบายก่อน อย่าเพิ่งโกรธ อย่าเพิ่งหนีผมเลยนะ เนื้อนาง”
เนื้อนางถูกหนานไตรยึดข้อมือไว้แน่น สายตาหนานไตรมองมาอย่างเว้าวอน

ธรรพ์มองเห็นแสงคำ ท่าทางกังวล
“ผมขอตัวไปหาเนื้อนางก่อนนะครับ วันนี้เนื้อนางไม่ค่อยสบาย”
“เนื้อนาง เป็นอะไรมากหรือเปล่าครับ”
“ไม่เป็นอะไรมากหรอกค่ะ แค่อยากไม่อยากได้ยินเสียงเห่าเสียงหอน” คำฝายตอบแทน
ธรรพ์ฉงน สีหน้าสงสัย “เสียงเห่าเสียงหอนของใครครับ”
คำฝายยังไม่ทันตอบ คนงานชายวิ่งมา
“แสงคำ เจอรอยเท้าไอ้ยักษ์แล้ว”
“ที่ไหน”
“แถวน้ำตก”
“พาพวกเราไปให้หมด”
แสงคำโลดลิ่ววิ่งนำออกไปทันที คำฝายกับธรรพ์มองตามสีหน้าตื่นตระหนกตกใจ

ฝ่ายหนานไตรตรึงข้อมือเนื้อนางไว้ มองด้วยสายตาลึกซึ้งจริงจัง
“ผมจริงใจกับคุณ เนื้อนาง อย่ากลัวผม อย่าหนีผม”
“ฉันไม่ได้กลัวคุณ แต่เราไม่ควรอยู่ใกล้ๆกัน ในสภาพอย่างนี้ ฉันขอใส่เสื้อก่อน”
พลันเสียงเสือคำรามขึ้น
“เสียงไอ้ยักษ์”
เนื้อนางตกใจ มองไปรอบๆ
“เสียงมันอยู่ใกล้มาก ผมไม่ได้เอาปืนมาด้วย”
เสียงเสือคำรามขึ้นอีก หนานไตรกำข้อมือเนื้อนาง
“เราต้องหาที่หลบ”
เสียงเสือคำรามขึ้นใกล้เข้าม เนื้อนางตื่นตระหนกมากขึ้นทุกที ตัวสั่น มองไปรอบๆ
“มันอยู่แถวนี้”
หนานไตรก้มมอง เห็นแววตาตระหนกของเนื้อนาง

ด้านแสงคำถือปืนวิ่งมากับคนงานชายมุ่งหน้าไปทางน้ำตก
ฝ่ายหนานไตรคว้าข้อมือเนื้อนางขึ้น
“ไม่ต้องกลัว เนื้อนาง”
เสียงเสือคำรามขึ้นใกล้ เนื้อนางสะดุ้ง หนานไตรตัดสินใจทันที พุ่งไปคว้าเสื้อเนื้อนางติดมือมาโดยเร็ว
อีกมือหนานไตรกุมมือเนื้อนาง พาวิ่งลุยน้ำ
หนานไตรกับเนื้อนางที่กุมมือกันวิ่งตรงไปทางน้ำตก เนื้อนางวิ่งไม่ทัน เซตามแรงน้ำ หนานไตรดึงไว้ทันโอบเนื้อนางขึ้นมา เนื้อนางมองสบตาหนานไตรอย่างเห็นเป็นที่พึ่งเดียวในเวลานั้น
เสียงเสือคำรามดังใกล้อีกครั้ง หนานไตรโอบเนื้อนางวิ่งเร็ว ลุยน้ำพุ่งหายเข้าไปซ่อนตัวในม่านน้ำตกทันที
พอเข้ามาหลบหลังม่านน้ำตก หนานไตรเอาเสื้อเนื้อนางวางลง สองคนยืนอยู่ห่างกัน น้ำตกไหลแรงกระเด็นโดนเนื้อนางตลอดเวลา เนื้อนางกอดอก หนานไตรมองแล้วขยับเอาร่างบังสายน้ำไว้ ทำให้ต้องเบียดชิดเนื้อนางในที่แคบนั้น

เนื้อนางมองจ้อง หนานไตรเยื้อนยิ้มมองตอบ

เสียงเสือคำรามดังก้องฝ่าสายน้ำน้ำตกเข้ามา เนื้อนางตกใจเบียดตัวเข้าใกล้หนานไตร

สองกายอยู่ใกล้แค่คืบเกือบจะแนบชิดเป็นเนื้อเดียวกัน เนื้อนางใจเต้นไม่เป็นส่ำ แววตาตื่นกลัว หนานไตรเลื่อนมือมาปัดผมที่เปียกพ้นดวงหน้าเนื้อนาง มือหนานไตรเลื่อนสัมผัสแก้มนวลของเนื้อนางอย่างทะนุถนอม

ที่โรงเรียนในปาง ธรรพ์มีสีหน้ากังวลเห็นถนัดตา คำฝายเองก็ยืนไม่ติด
“ไอ้ยักษ์มันคาบลูกช้างไปหลายตัวแล้ว เนื้อนาง...เนื้อนางอยู่ไหน หรือว่าเนื้อนางไปน้ำตก”
“หนานไตร”
ธรรพ์นึกแล้วรำพึงออกมา ด้วยน้ำเสียงเป็นห่วงพี่ชาย

หนานไตรเลื่อนมือมาประคองแก้มเนื้อนางเนื้อนางตัวสั่น หนานไตรแตะนิ้วลงไปที่ริมฝีปาก สายตามองไปรอบดวงหน้าเนื้อนางที่บริสุทธิ์ สดใส
เนื้อนางเห็นแววตาแห่งความปรารถนาของหนานไตร แล้วนึกหวั่น ยกมือขึ้น ดันอกหนานไตรไว้
“อย่าค่ะ คุณหนานไตร เราไม่ควร...ใกล้ชิดกัน”
หนานไตรไม่อาจยับยั้งอารมณ์รักที่ท่วมท้นล้นใจไว้ได้อีกแล้ว เขารวบมือเนื้อนางไว้ ขยับตัวเข้าไปชิด
“ไม่มีความเหมาะสม ไม่มีคนอื่น...เนื้อนาง...ที่นีมีแต่เรา”
หนานไตรโอบประคองเอวเนื้อนางไว้ เลื่อนหน้าลงมาใกล้ใบหน้าเนื้อนางทุกขณะ

ฝ่ายแสงคำก้าวมาหยุดหน้าน้ำตก คนงานแยกกันเดินดูรอบๆ
แสงคำกำลังจะเดินตามคนงานไปด้านบน แต่ในใจนึกสังหรณ์รุนแรง หันกลับไปมองที่ม่านน้ำตกอีกครั้ง
ที่หลังม่านน้ำตกตอนนี้ หนานไตรก้มลงใกล้เกือบจะถึงริมฝีปากเนื้อนางรอมร่อ
แสงคำมองจ้องที่น้ำตก ขยับจะเดินเข้าไป แต่เสียงคนงานดังขึ้น
คนงาน 1 บอก “ทางนี้แสงคำ เจอรอยเท้ามันแล้ว”
แสงคำหันไปทางที่คนงานบอก แล้วมองกลับไปที่ม่านน้ำตกอีกที ก่อนจะตัดสินใจวิ่งตามคนงานออกไป

ริมฝีปากหนานไตรเคลื่อนมาใกล้กำลังจะจูบ เนื้อนางเอียงหน้าหลบวูบ จมูกหนานไตรเฉียดผิวแก้มไปหนานไตรมองเนื้อนางที่ตัวสั่นสะท้าน แล้วได้สติ
เนื้อนางหลบสายตาเขา หนานไตรเอามือเชยปลายคาง ดึงใบหน้าเนื้อนางหันกลับมาสบตากัน
เนื้อนางมองหนานไตรแววตาตระหนก เหมือนลูกกวางน้อยที่กำลังตื่นกลัว
หนานไตรไล้นิ้วลงไปที่แก้มนวลอย่างแผ่วเบา และอ่อนโยน แล้วดึงเนื้อนางมากอดไว้ในอก ไม่เกินเลยไปมากกว่านั้น
เนื้อนางหนาวสั่น ตัวเปียกปอนอยู่ในอกหนานไตร เงยหน้าขึ้นมองช้าๆ หนานไตรยิ้มอ่อนโยนให้ โอบร่างเนื้อนางเต็มร่าง เอาตัวบังจากน้ำตกที่ไหลแรงไว้

แสงคำวิ่งมากับคนงานชาย 5 คน เห็นเสือโคร่งตัวใหญ่ยืนผงาดในป่าละแวกน้ำตก แสงคำยกปืน เล็งไปที่เสือทันที นิ้วแสงคำเหนี่ยวไก เสียงปืนดังขึ้นก้องป่า

ยินเสียงปืนดังเปรี้ยงๆ กระหน่ำตามมาอีกหลายนัด
เนื้อนางตกใจเสียงปืน หันไปมองด้านนอก ตัวสั่นด้วยความกลัว หนานไตรรู้ว่าเนื้อนางกลัวก็ยิ่งกระชับอ้อมกอด
เสียงเสือคำรามดังขึ้นอีก ก่อนจะเงียบไป ตามด้วยเสียงปืนดังขึ้นอีกนัด เนื้อนางสะดุ้ง หนานไตรกอดกระชับ
เนื้อนางรู้สึกถึงสัมผัสปกป้อง คุ้มภัยของเขา เผยอยิ้มบางๆ ในอกแกร่งของหนานไตรด้วยความอบอุ่นใจ

แสงคำสะพายปืน สั่งคนงาน
“จัดการซากมันด้วย”
แสงคำสั่งแล้วโลดแล่นออกไปโดยเร็ว ทิ้งคนงานไว้กับซากศพเสือไอ้ยักษ์

หนานไตรมองเนื้อนางที่แนบชิดอยู่ในอ้อมอก ความรักท่วมท้นจนหยุดยั้งห้ามใจตัวเองไม่ได้แล้ว
“เนื้อนาง...ขอให้ผมเป็นคนอยู่ข้างๆ คุณ”
เนื้อนางได้ยินน้ำเสียงวิงวอนของหนานไตรก็รู้สึกวาบหวามขึ้นมาเป็นอย่างมาก
หนานไตรโอบกอดดึงร่างเนื้อนางมาแนบชิด แล้วก้มลงประทับจูบเนื้อนางอย่างแผ่วเบาละมุนละไม

ขณะเดียวกันแสงคำวิ่งย้อนกลับมาที่น้ำตก ตะโกนเสียงดังก้อง เรียกหาเนื้อนางด้วยความเป็นห่วง
“เนื้อนาง เนื้อนางอยู่แถวนี้หรือเปล่า เนื้อนาง”

เนื้อนางกำลังถูกหนานไตรจูบได้ยินเสียงแสงคำ ก็รู้สึกตัวออกจากอารมณ์และสัมผัสละมุนของหนานไตร เนื้อนางถอนตัว หลุดจากภวังค์ ดึงตัวห่างออกจากหนานไตรทันที
“อ้ายแสงคำ”
หนานไตรมองตาวาววับที่เนื้อนางเอ่ยชื่อแสงคำ

แสงคำเดินมาหยุดมองไปยังน้ำตกที่ไหลแรงด้วยความรู้สึกสังหรณ์โดยประหลาด แต่ก็ไม่เห็นใคร แสงคำเพ่งมองอีกครั้ง เห็นแต่สายน้ำไหลแรง เขาจึงตัดสินใจหันหลังเดินออกไป

เนื้อนางขยับตัวออกจากอ้อมกอดหนานไตร มองไปด้านนอก
หนานไตรถามขึ้น “คุณจะรีบไปไหน หรือว่าจะไปหาแสงคำ”
เนื้อนางหันมามองหนานไตรพบว่าเขามีสีหน้าโมโห
“อ้ายแสงคำมาตามหาฉัน...เสียงปืนเมื่อกี้ เสียงปืนอ้ายแสงคำ”
หนานไตรเยาะ “จำได้กระทั่งเสียงปืน”
“ฉันไม่อยากเถียงกับคุณ”
เนื้อนางรวบรวมกำลัง ดันอกหนานไตรอย่างแรง หันไปคว้าเสื้อ หนานไตรจะรวบตัว แต่เนื้อนางพุ่งออกไปอย่างเร็ว หนานไตรตามออกไปทันที

เนื้อนางก้าวยาวลุยน้ำออกมา รีบใส่เสื้อไปด้วย หนานไตรไม่ยอม ลุยน้ำตาม พุ่งเข้ามารวบตัวเนื้อนางหันกลับมา
“ทำไมต้องหนี หรือว่าผมมันไม่น่าคุยด้วยเหมือนแสงคำ”
“ฉันไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น ฉันแค่จะรีบไปหาอ้ายแสงคำ เค้าต้องเป็นห่วงฉันอยู่”
“คนเป็นห่วงคุณได้ ต้องเป็นแสงคำคนเดียวสินะ”
“ฉันรู้ว่าอ้ายแสงคำเป็นห่วงฉันเท่าๆ กับชีวิตเค้า บางทีอาจจะมากกว่าด้วยซ้ำ”
หนานไตรฟังแล้วยิ่งโมโห กระชากเนื้อนาง จนร่างปลิวมาปะทะอก
“ผมห่วงคุณไม่น้อยกว่าแสงคำ”
หนานไตรประคองหน้าเนื้อนางไว้ เนื้อนางมองจ้อง สองสายตาประสานจ้องกัน
“รู้ไว้เนื้อนาง ในโลกนี้คนอีกคนที่เป็นห่วงคุณมากเท่าชีวิต คือผม”
เนื้อนางสะท้านกับแววตาจริงจังของเขา หนานไตรปล่อยมือลง
เนื้อนางถอยออกมาห่าง ใจเต้นระรัว มองหนานไตร แล้วออกวิ่งไปจากตรงนั้นโดยไว

หนานไตรมองตามเนื้อนางที่ห่างออกไป ทอดสายตามองเศร้าๆ

ไม่นานต่อมา ธรรพ์อยู่กับกลุ่มคนงาน คำฝาย ม่อนดอย เห็นแสงคำที่เดินเร็วกลับมา กลุ่มคนงานพากันตื่นเต้น แสงคำมองแล้วบอกขึ้น

“ฉันยิงมันแล้ว”
ทุกคนเฮโล่งใจ แสงคำหันมาทางคำฝายทันที
“เนื้อนางอยู่ที่ไหน กลับมาหรือยัง”
“ยัง ยังไม่เห็นเลย”
“ไม่เจอหนานไตรกับเนื้อนางที่น้ำตกเลยเหรอ”
ธรรพ์หลุดปากถามขึ้นด้วยความเป็นห่วง
แสงคำหันขวับมองธรรพ์ ม่อนดอยกับคำฝายทำหน้าเสียวสยองเมื่อเห็นแววตาดุเข้มของแสงคำ

บนเรือนเนื้อนางตอนนี้ หมื่นหล้ากำลังไออย่างหนัก หอบจนตัวโยน พอมองไปนอกหน้าต่าง เห็นเนื้อนางกำลังวิ่งตรงมาที่บ้าน ชายชราแข็งใจยืดตัวขึ้น ทำตัวเหมือนปกติ ไม่ได้เจ็บป่วย เนื้อนางเข้าบ้านมา หมื่นหล้ามอง
“ทำไมตัวเปียกแบบนั้นล่ะ เนื้อนาง ไปเล่นน้ำตกมาล่ะสิ”
“จ้ะ ตา”
เนื้อนางเดินลงมานอนในตักผู้เป็นตา หมื่นหล้าลูบหัวเนื้อนางเบาๆ
“ไปอาบน้ำ เช็ดหัวซะ เดี๋ยวจะเป็นไข้”
เนื้อนางขยับตัว ขึ้นนั่งมองตาที่สายตามีแต่ความเป็นห่วง
“ตาจ๋า เนื้อนางรักตาที่สุดนะจ๊ะ”
เนื้อนางกอดตาไว้ หมื่นหล้ายิ้ม
“ตาก็มีแค่หลานนะ เนื้อนาง ตาไม่มีวันทนได้ถ้าเห็นหลานถูกคนมาทำให้ช้ำใจ”
แววตาเนื้อนางสลดลง เมื่อรู้ว่าหมื่นหล้าเตือนเรื่องที่เป็นห่วงที่สุด

หนานไตรเดินเร็วรี่กลับมาในปาง แสงคำวิ่งมาจากอีกด้าน
“เนื้อนางอยู่ที่ไหน”
หนานไตรมองกวนยั่ว แสงคำกระชากเสียงถาม
“คุณอยู่ที่น้ำตกกับเนื้อนางใช่มั้ย คุณเห็นผม แต่คุณเอาตัวเนื้อนางไปซ่อน”
หนานไตรเย้ยทุกถ้อยคำ “ฉันวางแผนเก่งขนาดนั้นเลยเหรอ ถ้างั้นนายก็หาเองสิ ว่าฉันเอาผู้หญิงที่นายรักไปซ่อนไว้ที่ไหน”
แสงคำโมโหถึงขีดสุด พุ่งเข้าชกหนานไตร แต่หนานไตรหลบว่องไว แล้วศอกเข้าเฉียดหน้าแสงคำที่หลบได้ทัน แสงคำพุ่งเข้าหา แต่ถูกหนานไตรจับทุ่ม แสงคำล้มแต่ลุกขึ้นยืนขึ้นโดยเร็ว
หนานไตรกับแสงคำพุ่งเข้าแลกหมัด จนล้มคว่ำ กระเด็นกันไปทั้งคู่
ธรรพ์วิ่งลงมาเห็นก็ตะโกนถามขึ้นเสียงดัง
“หนานไตร มีเรื่องอะไรกัน
หนานไตรกับแสงคำหันไปมอง ธรรพ์พูดด้วยเสียงเป็นคำสั่ง
“ทั้งสองคน ไปที่สำนักงานกับฉัน”
หนานไตรกับแสงคำหันมามองกันด้วยสายตาเอาเรื่อง

เย็นลง เนื้อนางเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้ว กำลังเดินออกมาตากผ้า คำฝายเดินมา พอเห็นเนื้อนางก็ดีใจ รีบวิ่งเข้ามาหา
“เนื้อนาง วันนี้ตั๋วอยู่ที่น้ำตกใช่ก่อ”
“ถามทำไม พี่คำฝาย”
“พี่ถามน่ะไม่เป็นไรหรอก แต่อ้ายแสงคำสิ เปิ้นรู้ว่าตั๋วกับคุณหนานไตรอยู่ที่น้ำตก”
เนื้อนางมีสีหน้าเป็นกังวล รู้ว่าแสงคำจะต้องโมโหมาก

ด้านธรรพ์ยืนอยู่ตรงกลางหนานไตรกับแสงคำที่เผชิญหน้ากัน
“ผมจะไม่ถามว่าใครก่อเรื่องก่อน”
“ผมชกหนานไตรก่อน” แสงคำบอก
ธรรพ์มองหนานไตรที่มีสีหน้ายียวนขณะมองแสงคำ
“ที่จริง คุณธรรพ์ยังไม่น่ามาห้าม จะได้รู้กันไปเลยว่าระหว่างผมกับแสงคำใครกันแน่ที่เป็นคนชนะ ใครกันแน่ที่เป็นเจ้าของหัวใจคนที่นี่”
แสงคำมองเห็นแววตาเยาะเย้ยของหนานไตรแล้วยิ่งเดือด กำหมัดขึ้นทันที
“หยุด ที่นี่ปางของผม ผมไม่ต้องการให้คนงานชกต่อยกัน”
แสงคำลดหมัด หนานไตรยืนมือไพล่หลังมองกวนโทสะ
“อย่าให้ผมเห็นว่ามีเรื่องกันอีก ไม่อย่างงั้น ผมลงโทษหนักทั้งคู่”
หนานไตรขยับ อยากจะไป ธรรพ์เสียงเข้ม
“หนานไตร ยังไปไหนไม่ได้ แสงคำ ไปได้แล้ว”
แสงคำปรายตามองหนานไตรแบบแค้นๆ ก่อนลงเรือนไป
หนานไตรหันมาหาน้องชาย ธรรพ์เดินมาใกล้
“แล้วศึกชิงนางก็ระเบิดขึ้นจนได้ ไม่เอาละ พี่ต้องไปกับผม แม่นายรอพี่อยู่”
“ฉันไม่ไป”
“หรือพี่อยากจะให้แม่นายกับคุณแขมาตามหาเนื้อนางที่นี่อีก อย่าลืมว่าคนที่จะเดือดร้อนที่สุดคือเนื้อนาง”
หนานไตรหันขวับไปมองทางอื่น สายตาแข็งกร้าว ไม่พอใจมาก
“ฉันจัดการปัญหานี้ได้”
“จัดการยังไงครับ พาเนื้อนางหนีงั้นสิ แล้วพี่แน่ใจแล้วเหรอครับ ว่าเค้ารักพี่ พี่ก็รู้ว่าเนื้อนางกับแสงคำ เค้ารักกัน”
หนานไตรเถียง “เนื้อนางไม่ได้รักแสงคำ”
“เนื้อนางก็ไม่ได้รักพี่ด้วย”

หนานไตรแววตาหมองลง เจ็บใจที่ได้ยินคำตอกย้ำของน้องชาย

เนื้อนางยืนอยู่คนเดียวในอาคารเรียนเล็กๆ นั้น เด็กๆ กลับบ้านหมดแล้ว หันไปเห็นแสงคำเดินมาหยุดลงตรงหน้า สีหน้าท่าทีร้อนรนใจมาก

“เนื้อนางอยู่กับหนานไตรที่น้ำตก”
“ไม่มีอะไรอย่างที่คิดนะ อ้ายแสงคำ”
“ไม่มีอะไร แต่สายตาหนานไตรที่มันมองอ้าย...มันมองเหมือนจงใจบอกอ้ายว่าเนื้อนางเป็นของมันแล้ว”
“อ้ายแสงคำเชื่อใจเนื้อนางมั้ย”
“อ้ายเชื่อใจเนื้อนาง แต่อ้ายไม่เชื่อใจหนานไตร”
“อ้ายแสงคำไม่ต้องเชื่อใจคนอื่น แค่เชื่อใจเนื้อนางของอ้ายคนเดียวก็พอแล้ว”
แสงคำมองเห็นแววตาจริงจังของเนื้อนาง แล้วก็ต้องหยุดซักทั้งๆ ที่ยังคาใจ

หนานไตรเดินตัดสวนบ้านหิมวัตเข้ามา สีหน้าหงุดหงิด ธรรพ์เดินตามหลัง
“ยังไงพี่ไตรก็ต้องกลับมาที่นี่บ้าง เพราะบ้านนี้มีผู้หญิงที่รักพี่”
แขไขก้าวออกมาจากด้านในเรือน หนานไตรกับธรรพ์หันไปมอง
สายตาหนานไตรหงุดหงิดที่เห็นแขไข ต่างจากธรรพ์ที่สายตาทอดประกายอ่อนโยน
“พี่ควรจะเห็นหัวใจ...ผู้หญิงที่รักพี่บ้าง”
แขไขเดินเข้ามา ธรรพ์มองแขไข แล้วมองหนานไตร ก่อนจะเดินเลี่ยงออกไปเอง
แขไขเดินมาหยุดตรงหน้าหนานไตร ยิ้มหวานใสเหมือนไม่เคยมีเรื่องขุ่นข้องใจ
“แขรู้ว่าพี่ณไตรต้องกลับมา เลยทำของอร่อยๆ ไว้รอหลายอย่างเลยค่ะ”
แขไขยื่นมือไปควงแขนหนานไตร หนานไตรแค่ยิ้ม แต่ช่างเป็นยิ้มที่แห้งแล้งเหลือเกิน จำใจทำตามมารยาท
“ไปค่ะ เข้าบ้าน...ไปพักให้หายเหนื่อย”
หนานไตรยอมปล่อยให้แขไขควงแขนเข้าไปในบ้าน

เย็นนั้น เนื้อนางเดินมาหยุดทอดอารมณ์มองไปไกล นึกภึงภาพใกล้ชิดหนานไตรที่น้ำตก คำหวานของเขายังก้องอยู่ในหู
“รู้ไว้เนื้อนาง ในโลกนี้คนอีกคนที่เป็นห่วงคุณมากเท่าชีวิต คือผม”
เนื้อนางกอดตัวเอง ทอดสายตาไปไกล ความรู้สึกหวั่นไหวกำลังจู่โจมจิตใจ
แสงคำยืนมองเนื้อนางอยู่ด้านหลัง ด้วยสายตากังวล

โต๊ะกินข้าวบ้านหิมวัต
หนานไตรนั่งอยู่ที่โต๊ะกินข้าว แขไขนั่งข้างๆ แม่นายกับธรรพ์นั่งตรงกันข้าม จันตาเดินมาจะตักข้าวให้หนานไตร แขไขพูดขึ้นเสียงอ่อนหวาน
“ไม่เป็นไรจ้ะ จันตา แขตักให้พี่ณไตรเอง”
จันตายิ้มกริ่ม รีบวางโถข้าว แขไขกุลีกุจอตักข้าวให้หนานไตร แม่นายมอง เอ่ยขึ้นด้วยรอยยิ้ม
“แม่ไปปรึกษาตุ๊เจ้าไว้แล้ว เรื่องวันหมั้นของลูกกับหนูแขไข”
บรรยากาศตึงเครียดขึ้นมาทันควัน หนานไตรลุกพรวดขึ้นทันทีสีหน้าไม่พอใจ ทุกคนมอง
“นั่งลง ณไตร วันนี้เราจะคุยกันเรื่องงานแต่งงาน”
ธรรพ์สีหน้าตกใจเหมือนกันที่แม่นายพูดรวบรัดขึ้น
หนานไตรยังยืนอยู่ ไม่ยอมนั่งลง
“ผมไม่แต่ง”
“ฉันไม่ได้ถามความเห็นแก ฉันบอกให้แกเตรียมตัว”
“ผมก็ตอบแม่นายอยู่นี่ไงครับ ว่าผมไม่เตรียมตัว เพราะผมไม่แต่ง”
หนานไตรหันไปมองทางแขไขด้วยสายตาเห็นใจเพียงแวบเดียว แขไขมองหนานไตร
หนานไตรไม่อยากรับรู้ความผิดหวังของแขไข เดินออกไปทันที
ธรรพ์มองแขไขด้วยความสงสาร แขไขลุกขึ้นวิ่งออกไปอีกทาง ธรรพ์ลุกขึ้นตามหล่อนออกไป
แม่นายหันไปทางที่หนานไตรเดินออกไป สีหน้าต้องการเอาชนะให้ได้

แขไขวิ่งมาหยุดอีกมุมในบ้าน ธรรพ์ตามมาหยุดมอง แขไขสะอื้นออกมาเบาๆ ธรรพ์ก้าวไปใกล้
“คุณแข”
เสียงเรียกนุ่มทุ้มเต็มไปด้วยความห่วงใยของธรรพ์ ทำให้แขไขหันมา ใบหน้านองน้ำตา ธรรพ์มองนิ่งสงสารจับใจ
“แขน่ารังเกียจมากใช่มั้ยคะ พี่ณไตรถึงไม่ยอมแต่งงานกับแข
แขไขพูดระบายออกมาอย่างสุดกลั้น ธรรพ์เดินเข้าไปใกล้
แขไขสะอื้นหนัก โผเข้าร้องไห้ในอกธรรพ์อย่างน่าเวทนา ธรรพ์ค่อยๆ โอบไหล่ ปลอบใจแขไขอย่างสุภาพบุรุษ
“ไม่มีใครรังเกียจคุณแขหรอกครับ คุณแขน่ารัก อ่อนหวาน”
“แล้วทำไมพี่ณไตรไม่รักแข บอกสิคะ ถ้าแขดีจริง ทำไมพี่ณไตรถึงรักแขไม่ได้”
แขไขสะอื้นจนตัวโยน ธรรพ์จับไหล่ไว้
“ให้เวลาอีกนิดนะครับ คุณแข”
“ไม่ค่ะ แขไม่รอ” แขไขถอนสะอื้น พูดออกมาด้วยความเจ็บใจ “ถ้าพี่ณไตรไม่มีใครจริงๆ พี่ณไตรก็ต้องรักแข เพราะแขรักพี่ณไตร แขเป็นผู้หญิงที่ทำได้ทุกอย่างเพื่อพี่ณไตรคนเดียว”
แขไขประกาศความมุ่งมั่นตั้งใจทั้งน้ำตา

ธรรพ์มองแล้วยิ่งรู้สึกหนักใจแทนแขไข ที่หล่อนไม่เผื่อใจรักคนอื่นไว้เลย

อ่านต่อหน้า 2

เพลิงฉิมพลี ตอนที่ 3 (ต่อ)

คืนนั้นเนื้อนางห่มผ้าให้หมื่นหล้า แล้วปิดมุ้งเดินออกมายืนที่หน้าต่าง สายตาเนื้อนางมองไปไกล คำฝายคลานมานั่งใกล้ๆ คุยกันประสาผู้หญิงด้วยกัน

“ตั๋วคิดถึงใครอยู่”
เนื้อนางดุ “พี่คำฝาย”
“เราสองคนอยู่ด้วยกันมาตั้งแต่เด็ก ไม่ใช่พี่ก็เหมือนพี่ ไม่ใช่น้องก็รักยิ่งกว่าน้อง แค่นี้จะไม่รู้หรือว่า เนื้อนางคิดถึงใคร”
เนื้อนางเหลือบมองไปทางมุ้งตาสีหน้าเกรงๆ คำฝายอ่านใจออก
“ตั๋วคิดถึงผู้ชายที่ทุกคนห้าม...” คำฝายยิ้มกริ่ม “นี่แหละที่เค้าเรียกกันว่าความรัก”
เนื้อนางมองคำฝายด้วยแววตาเด็กสาวสับสน
“ความรัก”
“ไม่มีถูกไม่มีผิด ไม่มีเหตุไม่มีผล มีแต่...” คำฝายจอมคารมชี้ลงไปที่หน้าอก “ความรู้สึกในนี้ ที่บังคับกันไม่ได้”
“เนื้อนางไม่ได้รัก...คุณหนานไตร”
เนื้อนางถอนหายใจหนักหน่วง พูดแล้วก็กังวลกับความรู้สึกตัวเอง รู้ดีว่าปากเริ่มไม่ตรงกับใจ

หนานไตรยืนดอกอกมองไปไกลลิบตา ใจประหวัดถึงภาพที่เนื้อนางฟ้อนแง้นอันตราตรึง หนานไตรเดินไปเดินมา วุ่นวายใจ คิดถึงแต่ภาพใบหน้า แววตา และรอยยิ้มของเนื้อนาง สุดท้ายหนานไตรทิ้งตัวลงนอนกลางเตียง หลับตาไปกับภาพที่กอดจูบแนบชิดเนื้อนางที่ม่านน้ำตก

เช้าวันรุ่งขึ้น ธรรพ์ยืนรออยู่ในสวน สีหน้ากังวล สักครู่หนานไตรถือหมวกเดินออกมา
“ฉันจะกลับปาง”
“อย่าเพิ่งเลยครับ พี่ไตร”
หนานไตรไม่ฟัง สวมหมวก จะเดินตรงไปที่รถ
แม่นายก้าวออกมาขวาง เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง
“แม่รบกวนเวลาของไตรสักครู่ได้มั้ย”
หนานไตรหันกลับมามองมารดา สีหน้ายุ่งยากใจขึ้นมาทันที

เป้าซึ่งเป็นขวดสีชาที่ตั้งอยู่ห่างออกไป ถูกกระสุนพุ่งเข้าเจาะขวดแต่ละใบที่คอขวด แตกกระจาย แม่นเข้าเป้าทุกนัด
หนานไตรกำลังซ้อนหลังแขไข สอนให้หล่อนยิงปืน
แม่นาย กับธรรพ์ ยืนมองอยู่ด้านหลัง เห็นชัดว่าแขไขยิ้มชื่น ขณะใบหน้าหนานไตรอยู่ใกล้ชิดแค่คืบ

ที่ปางหิมวัต เนื้อนางกำลังหยิบเลือกหนังสือที่วางเรียงกันอยู่ขึ้นมาเตรียมไปสอนเด็กๆ ที่โรงเรียน แสงคำเดินเข้าประตูมา เห็นหมื่นหล้ากำลังยืนจับขอบหน้าต่าง โงนเงนเหมือนจะเป็นลม
แสงคำตกใจปราดเข้ามาประคองหมื่นหล้า สีหน้าเครียด หมื่นหล้าจับข้อมือแสงคำ บอกด้วยสายตาว่าห้ามพูด แสงคำมองไปที่เนื้อนาง สีหน้าไม่ดีนัก

เหตุการณ์ในสวนบ้านหิมวัต
หนานไตรกำลังบอกให้แขไขเหนี่ยวไก แขไขเหนี่ยวทีละนัด จันตา กับบัวผุดยกมืออุดหู กระสุนโดนขวดแตกหลายใบ หนานไตรขยับออกห่าง
“วันนี้หัดยิงแค่นี้ก่อนดีกว่าครับ น้องแข พี่ต้องรีบกลับปาง มีงานรออยู่”
“แหม กำลังสนุกเลย แต่ไม่เป็นไรค่ะ แขแล้วแต่พี่ณไตร”
หนานไตรมองจ้อง เห็นแขไขยิ้มว่าง่าย ก็รู้สึกแปลกๆ ในใจ

ทางฝ่ายเนื้อนางถือหนังสือในมือ หันกลับมาพร้อมรอยยิ้มสดใส
“เนื้อนางไปสอนหนังสือก่อนนะจ๊ะ”
แสงคำกับหมื่นหล้ายิ้มให้ เนื้อนางยิ้มกว้างสดใส ไม่รู้ว่าตากำลังปิดบังเรื่องอาการป่วยหนัก เดินลงเรือน มุ่งหน้าไปทางโรงเรียน

เมื่อหนานไตรเดินมาที่รถ ก็เห็นกระเป๋าเดินทางหลายใบ ตั้งอยู่หลังรถเรียบร้อยแล้ว หนานไตรหันขวับ เห็นแม่นายเดินมากับแขไข
“แม่อนุญาตให้หนูแขไปเป็นครู รีบพาหนูแขไปที่ปางสิ ณไตร”
หนานไตรหน้าเครียด มองแขไขที่ยิ้มหน้าตาสดชื่น
“แขเต็มใจจะไปใช้ชีวิตในปางไม้ค่ะ”
หนานไตรแย้ง “มันไม่สะดวกสบาย มันอันตรายมากนะครับ น้องแข”
“ไม่มีที่ไหนอันตรายสำหรับแขเลยค่ะ ถ้าแขมีพี่ณไตรอยู่เคียงข้าง”
เห็นแขไขแววตาดื้อดึง ยืนยันชัดเจน แม่นายยิ้มกว้างพอใจ

ส่วนหนานไตรมีสีหน้าเครียดเคร่ง ตระหนักชัดว่าต้องเผชิญปัญหาที่พัวพันหนักกว่าเดิม

แสงคำเดินมาเป็นเพื่อนไปโรงเรียนกับเนื้อนางที่ถือหนังสือสอนเด็กๆ ไว้กับอก ยิ้มสดใสภาคภูมิใจ พลางหันมาทางแสงคำ

“ละอ่อนน้อยได้เรียนหนังสือ อีกหน่อยที่นี่ก็จะมีคนแต่คนอ่านออกเขียนได้”
“น่าอิจฉาละอ่อนน้อย”
เนื้อนางหันมามอง แสงคำอมยิ้มอายๆ
“อ้ายอ่านหนังสือบ่ออก อ้ายก็อยากมีครูบ้าง”
เนื้อนางหัวเราะ “โธ่ อ้ายแสงคำจ๋า แค่อ้ายแสงคำเอ่ยปากคำเดียว อ้ายแสงคำก็มีครูแล้วจ้ะ”
“อ้ายสัญญา อ้ายจะไม่ดื้อ จะตั้งใจเรียนกับครูเนื้อนาง”
เนื้อนางกับแสงคำยิ้มสดชื่นให้กัน ทั้งคู่เดินผ่านพุ่มไม้ โดยไม่ทันสังเกตว่ามีสายตาสามคู่หลบอยู่หลังพุ่มไม้นั้นมองตาม
“ดัดจริต เก่งนักเรื่องทอดสะพานหาผู้ชาย” รัญจวนตาขวาง
สร้อยฟ้าต่อ “มันจะรวบหัวรวบหางทั้งปาง ไม่เหลือไว้ให้เราเลย”
“อยากให้แม่นายกับคุณแขไขอยู่ตรงนี้นัก ดูสิ นังเนื้อนางมันจะยิ้มหวานหยด ได้อีกมั้ย” กะเทยชาวไพรบอกปิดท้าย
สามดาวยั่ว มองเนื้อนางด้วยแววตาริษยาเต็มที่

เวลานั้น หนานไตรขับรถแล่นมาบนถนนก่อนจะเข้าปาง แขไขนั่งข้าง มีธรรพ์นั่งอยู่เบาะหลัง หนานไตรหักรถจอดลงไหล่ทาง แขไขมอง
“จอดรถทำไมคะ” แขไขมองไปรอบๆ พูดประชดออกมา “หรือว่าจะทิ้งแขตรงนี้อีก”
“เรามีเรื่องต้องตกลงกันก่อนครับ น้องแข”
หนานไตรเปิดประตูรถนำลงมา แขไขยังนิ่ง ธรรพ์มองแล้วเตือนแขไข
“ลงไปคุยกันเถอะครับ”
แขไขกับธรรพ์ลงจากรถ เดินตรงมายังหนานไตรยืนรออยู่
หนานไตรจ้องแขไขด้วยสายตาเข้ม
“ตอนอยู่ในปาง น้องแขต้องไม่เรียกพี่ว่า ณไตร เพราะที่ปางพี่เป็นแค่ผู้จัดการหนานไตรของทุกคน”
“ทุกคน...โดยเฉพาะครูที่ชื่อเนื้อนางใช่มั้ยคะ”
แขไขย้อนถามด้วยน้ำเสียงน้อยใจ หนานไตรพยามควบคุมอารมณ์ ใช้เหตุผล ไม่ให้แขไขอาละวาด
ธรรพ์มองพี่ชายกับแขไขด้วยสายตาเป็นห่วง
“พี่มาที่ปาง เพื่อทำงาน ดูแลกิจการที่คุณปู่สร้างขึ้นมา พี่มีเหตุผลที่ต้องเป็นแค่หนานไตร”
“ก็ไม่เห็นจะต้องทำตัวต่ำเตี้ย ให้คนงานตีเสมอเรา” แขไขแย้ง
“พี่อยากรู้จักพวกเค้าอย่างเพื่อน ไม่ใช่นายที่มาวางอำนาจบาตรใหญ่”
แขไขไม่เห็นด้วยอีก “ไม่เห็นจำเป็นเลยค่ะ”
“จำเป็นที่สุดครับ ผู้จัดการกี่คนๆ ที่อยู่ไม่ได้ เพราะไม่เคยทำตัวเข้าไปอยู่ในหัวใจคนงาน พี่ขอร้องนะครับน้องแข ในปางพี่มีฐานะแค่ผู้จัดการ ทำงานให้คุณธรรพ์ ที่เป็นลูกชายแม่นาย ส่วนน้องแขไปเป็นครู พี่ก็ขอให้เป็นครูที่ดี เป็นตัวอย่างที่น่านับถือของทุกคน”
แขไขไม่เห็นด้วย ชักสีหน้าไม่พอใจ แต่สายตาหนานไตรที่เอาจริง สะกดแขไขให้ฟัง

โรงเรียนเลิกแล้ว มองเด็กๆ ยกมือไหว้อย่างเอ็นดู แสงคำยืนอยู่ใกล้ๆ
“สวัสดีค่ะคุณครู” / “สวัสดีครับคุณครู”
เนื้อนางเอ่ยขึ้น “ทำการบ้านที่ครูให้ มาส่งพรุ่งนี้ด้วยนะจ๊ะ”
ม่อนดอยเดินถือเลื่อยอันใหญ่ สะพายกระเป๋าเครื่องมือช่าง เตรียมไปทำงานที่โรงซ่อมอุปกรณ์ เดินผ่านมาทางโรงเรียนเห็นเนื้อนางยิ้มแย้ม โดยมีแสงคำอยู่ใกล้ มองเด็กๆ ที่กำลังพากันเก็บหนังสือลงย่ามวิ่งออกไป
“หล่อไม่กลัว กลัวรักแท้มันจะแพ้ใกล้ชิดน่ะเซ่ มัวไปอยู่ไหนวะ หนานไตร”

ม่อนดอยบ่นบ้าตามประสา

ทางด้านหนานไตรยืนอยู่ตรงหน้าแขไขกับธรรพ์ สายตายังมองแขไขเป็นคำสั่งดังเดิม

“ทุกอย่างต้องเป็นไปตามที่พี่บอก...ถ้าใครขัดขวางงานของพี่ ก่อเรื่องให้ปางวุ่นวาย พี่จะส่งกลับทันที แล้วก็ไม่ให้เหยียบเข้าไปในปางอีก”
หนานไตรบอกแล้วเดินไปขึ้นรถ แขไขหันขวับมาทางธรรพ์ด้วยความโมโห
“ดูสิคะ พี่ณไตรทำเหมือนแขเป็นคนงาน”
“ผมเคยบอกแล้ว ถ้าคุณแขอยากชนะใจผู้ชายบ้างาน ก็ต้องเข้าใจ แล้วก็พร้อมจะเสียสละทุกอย่าง แต่ถ้าไม่พร้อม”
ธรรพ์ทำเป็นทอดเสียง สีหน้ายุ่งยากใจ แขไขฟังแล้วคิดได้ ท่าทีอ่อนลง
แขไขบอกด้วยสีหน้ามุ่งมั่น “แขพร้อมทุกอย่างค่ะ แขทำได้”
“ดีครับ งั้นเรากลับไปที่รถกัน”
“ตอนแรกแขก็ไม่รู้ว่าพี่ธรรพ์จะติดรถมาด้วยทำไม แต่ตอนนี้ แขรู้แล้วค่ะ”
ธรรพ์ยิ้มรับ แขไขกลับบอกว่า
“พี่ธรรพ์มาเพราะจะช่วยแก้ตัวให้พี่ณไตร”
ธรรพ์รีบพูดแก้ “ไม่ใช่นะครับ พี่มาเพราะพี่ห่วงคุณแขมาก”
“ดีค่ะ อย่างน้อยในปาง แขก็ยังมีคนมาระบายความอึดอัดได้บ้าง”
แขไขเดินกลับไปขึ้นรถ ธรรพ์ยิ้มเศร้าๆ ปลอบใจตัวเองว่า ยังดีที่แขไขยังเห็นค่า เดินกลับไปขึ้นรถ
ทุกคนขึ้นนั่งในรถ หนานไตรไม่แม้แต่จะเหลือบตามองแขไข ขับรถเร็วออกไปทันที

เวลานั้นรัญจวนกำลังผัดเครื่องแกงกับน้ำมัน ทำน้ำพริกอ่องอยู่ในครัว กำปุ้งสับหมู สร้อยฟ้าเก็บพริกแห้งใส่กระจาด
ส้มปอยคนงานหญิงวิ่งเร็วรี่ ตะโกนมาแต่ไกล
“มาแล้ว มาแล้ว”
กำปุ้งตกใจ ปล่อยอีโต้หล่นจากมือ เฉียดเท้ารัญจวนที่ชักหลบแทบไม่ทัน รัญจวนโมโห ยกตะหลิวเคาะหัวกำปุ้ง
“นังกำปุ้ง ขวัญอ่อนเหลือเกิน เดี๋ยวแม่ปั๊ดเคาะกะโหลกเรียกวิญญาณ”
“เดี๋ยวที่ไหน เคาะไปแล้วค่ะคุณพี่ ก็นังส้มปอยน่ะสิคะ” หันไปแว้ดใส่ส้มปอยทันที “แกจะแหกปากทำไม หรือว่าบรรพบุรุษฟื้นจากป่าช้า”
“ฉันตกใจที่เห็นหน้าพี่ไง”
“อีส้มปอย อยากแก้มแดงด้วยพริกป่นทั้งโหลนี่ใช่มั้ย”
กำปุ้งยกถ้วยพริกป่นขู่ ส้มปอยรีบถอยหนี แล้วบอกว่า
“ชั้นเห็นรถหนานไตรเข้าปางมาแล้ว”
สามคนตาโต
“มีผู้หญิงสวยๆ มาด้วย”
รัญจวนปล่อยตะหลิว กำปุ้งวางโหลพริกป่น ส่วนสร้อยฟ้าวางกระจาดพร้อมกันทันที
สามคนประสานเสียงลั่นครัว “ผู้หญิงสวย”

รถหนานไตรจอดที่หน้าเรือนรับรองแขก แขไขมองกำปุ้ง รัญจวน และสร้อยฟ้าที่พนมมือไหว้ หนานไตรยืนอยู่ข้างรถ ธรรพ์มองคนงานชายขนกระเป๋าแขไขใบใหญ่ หลายใบขึ้นเรือนไป
“ดีใจเหลือเกินค่ะที่คุณแขไขมาอยู่ เป็นเกียรติเป็นศรีให้พวกเรา” รัญจวนประจบ
สร้อยฟ้าสอพลอ “แม่พระอย่างนี้หาที่ไหนไม่ได้อีกแล้ว อุตส่าห์มาลำบาก เป็นครูกลางป่า”
แขไขยิ้มกว้าง ดีใจที่พวกรัญจวนพร้อมใจเยินยอ หนานไตรหันไปทางธรรพ์กับแขไข
“ผมไปดูคนงานก่อนนะครับ คุณธรรพ์” หนานไตรเน้นคำ “คุณแขไข”
จากนั้นหนานไตรเดินออกไปเลย แขไขขยับตาม ธรรพ์เรียกไว้
“คุณแขไปดูห้องพักก่อนมั้ยครับ”
แขไขหันมามองค้อนตาขุ่นที่ธรรพ์ขัดจังหวะ ธรรพ์ยิ้มให้ โดยไม่สนใจตาวาววับของอีกฝ่าย
“จะได้ให้รัญจวน กำปุ้ง สร้อยฟ้า เค้าช่วยจัดของ” ธรรพ์หันมามองกลุ่มรัญจวน “เธอสามคนผลัดกันมานอนเฝ้าทุกคืน อยู่เป็นเพื่อนคุณแขไข”
“มาพร้อมกันทั้งสามคนเลยก็ได้ค่ะ คุณธรรพ์” กำปุ้งกะเทยไพรทำตาวิบวับ “เผื่อไปเฝ้าหน้าห้องคุณธรรพ์ด้วย”
แขไขเอ่ยขึ้น “ไม่ต้อง มาทีละคน เดี๋ยวจะเสียงดังเอะอะ น่ารำคาญ”
แขไขสะบัดหน้าเดินขึ้นเรือนไป
สามสาวหันมาแลบลิ้นให้อย่างเอือมระอา
“แหวะ”
เสียงแขไขเร่ง
“รีบๆ ขึ้นมาจัดของชั้นสิ”
สามสาวรีบฉีกยิ้ม ทอดเสียงหวานกระแดะชวนหมั่นไส้
“ได้เจ้า” สามสาวพากันเดินเร็วรี่ขึ้นเรือน ก่อนจะโดนแขไขด่า

ส่วนธรรพ์หันไปมองทางที่หนานไตรเพิ่งออกไปหน้าเคร่ง

แรงรักแรงคิดถึงเนื้อนาง เป็นพาหะนำพาหนานไตรโลดลิ่วมาตามทาง ด้วยท่าทีกระฉับกระเฉง จนมาหยุดลงหน้าโรงเรียน แลไปเห็นทั้งโรงเรียนโล่งว่าง ไม่มีใครสักคน

จังหวะนี้ม่อนดอยผิวปาก แบกจักรยานยางแบน เดินสวนมาจากอีกทาง พอเห็นหนานไตรยืนเก้อๆ อยู่ก็ร้องทัก
“อ้าว หนานไตร กลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่”
หนานไตรไม่สบอารมณ์ หันไปหาม่อนดอย สีหน้าเซ็งๆ
“ก็ตอนที่เห็น”
“น้ำเสียงหยั่งงี้ แสดงว่าไม่สบอารมณ์โก๋” ม่อนดอยรู้ทัน
“ทำไมวันนี้ละอ่อนน้อยไม่เรียนหนังสือ”
“ถามถึงละอ่อน หรือถามถึงครู”
หนานไตรแหย่เท้าจะเตะ ม่อนดอยหัวเราะคิกคัก ดีดตัวออกห่าง
“นี่มันบ่ายแล้ว ละอ่อนน้อยก็เลิกเรียน ไปช่วยพ่อแม่ทำงานส่วนครูสาวคนสวย... ธิดาดอย...” ม่อนดอยเว้นเสียงไว้
หนานไตรมองตาขุ่น ม่อนดอยทำเป็นเต้นถอยหลังหนี พูดกวนๆ
“หายไปไหนน้า...ที่สวยๆ...เย็นๆ เสียงน้ำกระทบหินดังครืดๆ”
หนานไตรหันหลังวิ่งไปทางน้ำตกทันที ม่อนดอยมองแล้วตะโกนแซวไล่ตามหลังไป
“คนมีความรัก นี่มันเหมือนไฟเผาป่าจังโว๊ย”

หนานไตรวิ่งเร็วเป็นพายุ ลัดเลาะป่ามา ได้ยินเสียงน้ำตกดังใกล้ๆ หนานไตรยิ้มกับตัวเอง มีความหวังเต็มที่
พอพ้นแนวป่า หนานไตรมองไปที่น้ำตกยามบ่าย แสงแดดสะท้อนน้ำอ่อนๆ เห็นเนื้อนางนั่งพับเพียบอยู่ที่โขดหิน มีหนังสือในมือ หนานไตรยิ้มมองภาพงดงามตรงหน้า กำลังจะเดินเข้าไป กลับเห็นแสงคำก้าวตามโขดหินลงมานั่งข้างกัน เนื้อนางหันไปยิ้มกับแสงคำ
หนานไตรชะงักเท้าหยุด หลบมุมแอบมอง
เนื้อนางเปิดหนังสือแบบเรียนในตัก ชี้ให้แสงคำหัดอ่าน
“ฉอ ไม้หันอากาศ นอ ฉัน”
แสงคำหัดผสมคำตาม เนื้อนางยิ้มมอง แล้วคอยบอกให้กำลังใจ
หนานไตรหยุดมองภาพเนื้อนางที่สอนแสงคำอ่านหนังสือ ท่าทางใกล้ชิดกัน แล้วกำหมัดแน่นอย่างสะกดอารมณ์ ความหวงปนแรงหึง แล่นเป็นริ้วๆ ขึ้นสู่หัวใจ
เนื้อนางชี้ลงไปบนหนังสือ แสงคำเอียงตัวมาใกล้ เนื้อนางยิ้มให้กำลังใจแสงคำ
หนานไตรสุดจะทนเห็นภาพนั้นได้ เบือนหน้าหนีจากภาพเนื้อนางยิ้มให้กับแสงคำ แต่ตัดใจไม่ได้ หันกลับมา มองจ้องรอยยิ้มหวานหยาดของเนื้อนางด้วยสายตาเศร้า แล้วเดินออกไปจากตรงนั้นโดยเร็ว
เนื้อนางรู้สึกแปลกๆ เหมือนมีคนจ้อง เงยมองไปทางที่หนานไตรเพิ่งออกไป
“เนื้อนางมองหาใคร”
“รู้สึกเหมือนมีคนมองเราอยู่”
แสงคำฉุนเฉียวขึ้นมาทันที “หนานไตรหรือเปล่า”
“ไม่ใช่หรอกจ้ะ ก็อ้ายแสงคำบอกว่าหนานไตรลงไปในเมือง”
เนื้อนางทำเป็นไม่สนใจ หันกลับมาดูหนังสือ แสงคำลอบยิ้ม โล่งใจ

หนานไตรเดินหุนหันมาตามทางกลับปาง ในใจคิดถึงแต่ภาพที่ตัวเองเคยใกล้ชิดเนื้อนางที่น้ำตก ตามด้วยภาพเนื้อนางยิ้มกับแสงคำที่เพิ่งเห็น หนานไตรสีหน้าโมโห และเจ็บใจ
ม่อนดอยแบกจักรยานจะไปซ่อม เห็นหนานไตรกำลังเดินหน้ามุ่ยสวนมา ก็เดินตรงเข้าไปแซวเหมือนเคย
“ยิ้มหล่อๆ เมื่อกี้หายไปไหนซะละ หรือว่าโดนแสงคำมันขโมยยิ้มไป นี่ละน้า...มัวแต่ไปรับใช้คุณแขไข”
หนานไตรยิ่งฟังยิ่งฉุน ยกเท้าถีบม่อนดอยตูม ร่างม่อนดอยกระเด็น ก้นจ้ำเบ้าจักรยานล้มไปคนละทิศละทาง
ม่อนดอยมองเกรงๆ หนานไตรไม่พูดอะไร เดินผ่านไปเลย ม่อนดอยจุกแอ๊ก มองตาม

“เอ็งนะเอ็ง ไอ้หนานไตร ไฟไหม้ทั้งป่ายังไม่เท่าอารมณ์เอ็งคนเดียวเลย”

อ่านต่อหน้า 3

เพลิงฉิมพลี ตอนที่ 3 (ต่อ)

ฝ่ายแขไขเดินมาชะโงกมองหาหนานไตร แล้วหันกลับมานั่ง รัญจวน กำปุ้ง และสร้อยฟ้าชะโงกตาม แล้วกลับมาพับเพียบนั่งท่าเดียวกัน

สักครู่ ธรรพ์เดินออกมาจากอีกห้องที่เป็นห้องนอนของเขาเอง แขไขลุกขึ้น สามนางก็ลุกตามอีกเหมือนกัน
“ทำไม พี่ณ...”
ธรรพ์รีบขัดขึ้นทันที “หนานไตร”
แขไขยังคิดไม่ทัน ธรรพ์รีบพูดแทรก
“คุณแขจะถามถึงผู้จัดการหนานไตรใช่มั้ยครับ”
แขไขมองสายตาธรรพ์แล้วเพิ่งเข้าใจ กระแทกเสียงใส่
“ค่ะ ผู้จัดการหนานไตรหายไปไหน ทำไมไม่มาดูแลแข”
สามสาวดาวยั่วหันมามองแขไขพร้อมกัน แขไขเห็นสายตาสงสัยของสามสาวก็รีบแก้
“ดูแลเรา”
“ก็คงไปดูคนงานลากไม้นั่นแหละค่ะ” รัญจวนว่า
แขไขคิดปราดเดียว มีแววตาเจ้าเล่ห์ ทำเป็นปัดยุง
“อุ๊ย ตัวอะไร ว้าย ตัวอะไรกัดแข”
แขไขแกล้งร้องขึ้น ธรรพ์จะเดินเข้ามาดู แขไขยิ่งโวยวาย
“พี่ธรรพ์คะ แขเจ็บมากเลย แมลงอะไรไม่รู้กัดแข มียามั้ยคะ”
“มีครับ อยู่ในห้อง รอแป๊บนึงนะครับ”
ขณะที่ธรรพ์รีบวิ่งกลับเข้าห้องไป แขไขหันมาทางสามสาวถามขึ้นทันที
“เนื้อนางอยู่ที่ไหน”
สร้อยฟ้างง “อ้าวไหน คุณแขไขบอกว่าโดนแมลงกัด”
“จั๊ดง่าวขนาด นังสร้อยฟ้า คุณแขไขเค้าอยากไปเยี่ยมนังเนื้อนาง ใช่มั้ยคะ”
กำปุ้งว่า ยิ้มกับรัญจวนด้วยสายตาร้ายกาจ สบตาแขไขอย่างรู้กัน

ฝ่ายเนื้อนางเดินถือหนังสือกลับมาจากน้ำตกถึงเรือน เห็นคำฝายกำลังตากสมุนไพรที่ข้างเรือน บ่นกระปอดกระแปด
“หายไปสอนหนังสืออ้ายแสงคำตั้งนานสองนาน”
เนื้อนางยิ้มขำ วางหนังสือบนแคร่ไม้ แล้วมาช่วยคำฝายตากสมุนไพร
“ก็กลับมาช่วยแล้วไงจ๊ะพี่คำฝาย”
รัญจวน กำปุ้ง และสร้อยฟ้าเดินเร็วรี่เข้ามา คำฝาย เนื้อนางหันไปมอง
“กลางวันแสกๆ ใครดันจุดธูปเชิญวิญญาณสามตัว”
พอสามสาวแหวกออก เผยให้เห็นเป็นแขไขที่อยู่ด้านหลังเดินมาจ้องเนื้อนาง
“ว้าย...สี่...เอ๊ย” คำฝายตกใจ “คุณแขไข”
คำฝายรีบเอาตัวบังเนื้อนางทันที เนื้อนางไม่เคยเห็นแขไข ก็ยิ้มให้
รัญจวนสั่ง “นั่งลง แล้วกราบคุณแขไขเดี๋ยวนี้”
เนื้อนางสงสัย “กราบ”
รัญจวนเสียงเข้ม “นี่คือคุณแขไข ตัวแทนแม่นาย เจ้าของปางหิมวัต”
เนื้อนางยกมือไหว้อย่างอ่อนน้อม
สร้อยฟ้าบอก “แกต้องก้มลงกราบ”
คำฝายฉุน “มันจะมากไปหรือเปล่า ไม่ใช่เจ้าไม่ใช่นาย”
รัญจวนถลึงตาใส่ “อิคำฝาย ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง อยากลองดีใช่มั้ย”
แขไขปรายตามองกำปุ้งเป็นเชิงสั่ง กำปุ้งเดินบิดแรงๆ ใช้บั้นท้ายชนกระแทกกระจาดสมุนไพรที่ตากอยู่หกลงมา
“อุ๊ย...หล่น...หกหมดเลย” กะเทยไพรกรี๊ดกร๊าด หัวเราะเยาะ “โสะน้ำหน้า”
คำฝายโมโห ก้มลงคว้ากระจาดยกขึ้นพร้อมฟาดกำปุ้ง แขไขตวาดลั่น
“แกจะทำอะไรคนของชั้น”
เนื้อนางรีบดึงมือ ยื้อคำฝายไว้ แขไขจ้องเนื้อนางนิ่งๆ เนื้อนางพยายามคุยด้วยเหตุผล
“คุณแขไขมาที่นี่ มีอะไรจะสั่งงานเราหรือคะ”
แขไขมองเชิด ปรายตาดูถูกไปที่เนื้อนาง
“หน้าตา ท่าทางสมกับที่ฉันได้ยินมา”
เนื้อนางแปลกใจ “คุณแขไขได้ยินว่าฉันเป็นคนยังไงหรือคะ”
“ใฝ่สูง” แขไขว่า
คำฝายเดือดแทน แต่เนื้อนางพยายามอดทน
“คุณแขไขได้ยินไม่ผิดหรอกค่ะ”
สามสาวกับแขไขเหยียดยิ้ม
เนื้อนางบอกต่อน้ำเสียงเรียบว่า “เนื้อนางจิตใจใฝ่สูง เพราะตาเคยสอนว่า คนใฝ่ต่ำคือพวกที่วันๆ คอยแต่หาเรื่องคนอื่น มีแต่ไฟริษยาเผาใจตัวเอง”
สามสาวกับแขไขผงะ หุบยิ้มแทบไม่ทัน
“เนื้อนาง แกกล้าด่าคุณแขไข” กำปุ้งแผดเสียง
เนื้อนางจ้องกำปุ้ง “ไม่ต้องเสนอหน้าเป็นบ่างช่างยุ กำปุ้ง ฉันด่าแก” แล้วหันไปทางรัญจวน “แก”
สุดท้ายไปจบลงที่สร้อยฟ้า “แล้วก็แก”
“อย่ายุ่งกับคนของชั้น” แขไขขึ้นเสียง
พวกรัญจวนแยกเขี้ยวใส่ คำฝายยืนข้างเนื้อนาง เตรียมพร้อมสู้
แขไขมองจ้อง เนื้อนางมองกลับไม่ลดสายตา
“รู้มั้ย ฉันต้องอดทนแค่ไหนที่ต้องมายืนเหม็นสาบผู้หญิงไม่เจียมตัวอย่างเธอ”

เนื้อนางหน้าเสีย นึกไม่ถึงว่าจะถูกกล่าวโทษรุนแรงจากคนที่เพิ่งเจอกันครั้งแรก

ทางด้านหนานไตรกำลังดูหมื่นหล้าคุมควาญสั่งช้างลากไม้ มีม่อนดอยยืนอยู่ไม่ไกล หนานไตรมีสีหน้าเครียด ถอนใจหนักหน่วง หมื่นหล้าหันไปมองแล้วเอ่ยสอน

“ความทุกข์มันก็เหมือนโซ่ตรวน จะโง่เอามาผูกขาตัวเอง แล้วเดินลากมันไปทุกวันๆ ทำไม”
“หน้าผมคงเป็นคนมีความทุกข์มาก”
หมื่นหล้ายิ้ม “ตั้งแต่มายืนตรงนี้ ข้าได้ยินเอ็งถอนใจไม่รู้กี่ครั้ง กำลังกลุ้มใจเรื่องอะไร หนานไตร”
หนานไตรยังไม่ทันตอบ เห็นแสงคำเดินมา สีหน้าสดชื่น
อินเพื่อนควาญช้างที่กำลังทำงานเห็นแล้วก็ตะโกนแซว
“หายไปเรียนหนังสือซะนานเลยนะ อ้ายแสงคำ เรียนหนังสือ หรือว่าเรียนรักกับครูสาว”
แสงคำอมยิ้ม หนานไตรได้ยินแล้วใจยิ่งร้อนกว่าไฟ

ฝ่ายเนื้อนางมองจ้องแขไข สองสาวเผชิญหน้ากัน
“คุณบอกว่าฉันไม่เจียมตัว เรื่องอะไรบ้างเหรอคะ คุณแขไข”
แขไขมองเนื้อนางเห็นท่าทีที่ไม่ยอมลงให้ ก็ยิ่งโมโห
“เธอมันชอบปั่นหัวผู้ชายในปาง”
“พวกปากมากที่ฟ้องคุณ ก็คงไม่พ้นสามคนนี้”
แขไขเยาะหยัน “ก็มันใช่มั้ยล่ะ”
เนื้อนางบอกเสียงดัง “ไม่ใช่ค่ะ”
แขไขโกรธ “กล้าเถียงชั้นเหรอ เนื้อนาง”
“ฉันกำลังบอกความจริงกับคุณ”
คำฝายสอดขึ้นพยายามช่วย “นังสามคนนี้มันขี้อิจฉา คุณแขไขอย่าไปฟังมัน”
แต่ถูกแขไขด่า “แกอย่าสะเออะ คำฝาย”
“พี่คำฝายกับฉันกำลังจะบอกคุณให้เข้าใจ ฉันคิดว่าคุณคงมีความยุติธรรม พอที่จะรับฟังคำพูดของคนงานทุกคนในปาง ว่าฉันกับพี่คำฝายเป็นคนยังไง”
“ฉันคือคนของแม่นายที่มาดูแลความเรียบร้อยของปางนี้ เพราะฉะนั้น อะไรที่ฉันเห็นว่ามันไม่ถูกต้อง ฉันก็มีสิทธิ์จัดการทุกอย่าง และนี่คือคำสั่งของชั้น จำใส่กะโหลกหนาๆ ของเธอไว้ เนื้อนาง”
เนื้อนางมองจ้องแขไขที่วางอำนาจเต็มที่
“ไม่ต้องไปสอนหนังสือที่โรงเรียนอีก เด็กที่นี่ต้องการครูที่ดี มีการศึกษา”
เนื้อนางมีสีหน้าเจ็บปวดเมื่อถูกแขไขด่าเรื่องความรู้
“มองดูตัวเองสิ เธอเป็นใคร แค่คนงานในปาง...อวดดียังไงถึงจะมาเป็นครู”
คำฝายสอดอีก “เนื้อนางอ่านภาษาปะกิดออก”
“ฉันก็ได้ยินมาแบบนั้น” แขไขเหยียดยิ้มใส่ “เพราะอะไรนะ...พ่อเธอเป็นฝรั่งใช่มั้ย”
เนื้อนางไม่พอใจ “กรุณาอย่าพูดถึงพ่อแม่ฉันด้วยน้ำเสียงอย่างนั้น”
“ทำไม”
เห็นเนื้อนางตาวาววาบด้วยความโกรธจนแขไขต้องหยุด
“คุณคงเป็นคนมีการศึกษามากกว่าฉัน ที่ๆ คุณเรียนหนังสือมา คงสั่งสอนว่าการดูถูกพ่อแม่คนอื่น เป็นเรื่องน่าละอาย ไม่ใช่สมบัติผู้ดี”
แขไขโกรธจัด เงื้อมือขึ้น พวกรัญจวนเตรียมเฮที่เนื้อนางจะถูกแขไขตบ
เสียงธรรพ์ดังขึ้น “คุณแขไข”
แขไขพอหันไปเห็นธรรพ์ ก็รีบลดมือ ปรับสีหน้าเป็นเชิดหยิ่ง ถือตัว
ธรรพ์เดินเข้ามาถึง เนื้อนางพอเห็นธรรพ์ก็กลั้นน้ำตา ยกมือไหว้
ธรรพ์มองเนื้อนางด้วยความสงสาร

ส่วนทางหนานไตรมองแสงคำที่ยิ้มแย้มด้วยอารมณ์พลุ่งพล่าน อินมองแล้วยังแซวแสงคำต่อ
“อย่างงี้ถือว่าอู้งานนะ อ้ายแสงคำ”
“ฉันไม่ได้อู้ เดี๋ยวจะทำงานเกินเวลาให้”
“พวกควาญน่ะทำงานคุ้มเงินอยู่แล้ว แต่พวกลอยไปลอยมา กินตำแหน่งเนี่ยซี้...เอาแต่ขี่รถไปโน่นมานี่ ให้มาขี่ช้างลากไม้กลางแดดอย่างพวกเรา สงสัยจะลมจับ” อินแดกดันหนานไตร
หมื่นหล้าปราม “ไอ้อิน ปากเอ็งอย่าลามให้มันมากนัก คนเราหน้าที่ไม่เหมือนกัน”
“จะให้ฉันขี่ช้างลากไม้ก็ได้นี่ อิน” หนานไตรท้า
ม่อนดอยร้องห้าม “เฮ้ย หนานไตร อย่าไปท้าพวกควาญนะ ขึ้นช้างไม่ใช่ง่ายๆ ตกลงมาช้างเหยียบหลังหัก”
“ไม่มีอะไรในปางนี้ ที่หนานไตรจะทำไม่ได้”
หนานไตรประกาศเสียงชัดเจน บรรยากาศเขม็งเกลียวขึ้นมาทันที

ที่เรือนเนื้อนางตอนนี้ ธรรพ์มองเห็นเนื้อนางที่พยายามอดทน ก็พูดช่วยขึ้น
“ผมมาตามคุณแข จะคุยด้วยเรื่องโรงเรียน”
แขไขมองธรรพ์นิ่ง ธรรพ์ส่งสายตาขอร้อง แขไขปรายตามองเนื้อนาง มองข่มเต็มที่
“ไปสิคะ แขก็อยากจะคุยเรื่องหลักสูตรที่จะสอนเด็กๆ”
เนื้อนางมองแขไขด้วยสายตาเจ็บช้ำ
“ตั้งแต่พรุ่งนี้...ที่นี่จะมีแค่” แขไขเน้นคำตอนท้ายว่า “ครูแขไข คนเดียว”
สามคนประสานเสียง “ค่ะ คนเดียว ครูเถื่อนไม่เกี่ยว ไสหัวไป”
แขไขสะบัดหน้าเดินนำออกไป ธรรพ์มองกลุ่มรัญจวน ทั้งสามรีบหลบตา ตามแขไขออกไปด้วย
ธรรพ์หันไปมองเนื้อนางด้วยความสงสาร
“เนื้อนาง”
เนื้อนางฝืนยิ้มกับธรรพ์ “ไม่เป็นไรค่ะ คุณธรรพ์ เด็กๆ จะได้เรียนหนังสือกับครูที่มีความรู้สูงๆ”
“ขอบใจมาก เนื้อนาง ขอบใจความอดทนของเธอ”
เนื้อนางยิ้มเศร้า ขณะธรรพ์เดินออกไป
คำฝายเดินมาใกล้ โอบไหล่เนื้อนางอย่างเข้าใจ เนื้อนางหันมา น้ำตาหยด ร่วงพรู อย่างสุดจะกลั้นไหว
“ตั๋วอดทนได้ยังไง เนื้อนาง ตั๋วทนได้ยังไง”
คำฝายปาดน้ำตาตัวเองที่ร่วงลงมาเหมือนกัน แล้วกอดปลอบเนื้อนางที่กำลังสะอื้นไว้ด้วยความสงสาร
“คนอย่างเรา เจ็บเจียนตายก็ต้องทนให้ได้”

เนื้อนางน้ำตาไหลพรากด้วยความเสียใจ

ในขณะนั้นหนานไตรยืนเงยมองขึ้นไป เห็นแสงคำที่นั่งตระหง่านอยู่บนหลังช้าง ม่อนดอย กับคนงานพากันยืนมองอยู่ห่าง หมื่นหล้ามองหนานไตรอย่างถามความแน่ใจ

“เอ็งไม่จำเป็นต้องทำนะ หนานไตร”
“สอนผมสิครับ หมื่นหล้า ผมจะหัดขี่ข้างลากไม้”
อินจูงช้างพังเข้ามา ม่อนดอยพอเห็นเป็นช้างตัวเมียก็คำรามใส่อิน
“ไอ้อิน นี่มันช้างพัง มึงให้หนานไตรขี่ไม่ได้”
“กูจะให้มันขี่ช้างตัวเมีย” อินจ้องเอาเรื่อง แล้วขยับขอสับช้างในมือเป็นการขู่ “มึงหุบปาก ไอ้ม่อนดอย”
หนานไตรมองเห็นช้างที่เดินเข้ามา ก็พยายามหาทางขึ้นขี่ช้าง หนานไตรมองเล็งแล้วยื่นมือไป ช้างสะบัดงวง ส่งเสียงร้องดัง หนานไตรผงะ อินนำพวกคนงานหัวเราะ
หมื่นหล้าบอก “อย่าเพิ่ง หนานไตร”
หนานไตรมองไปเห็นสายตาแสงคำที่มองเยาะลงมา ก็ใจร้อน ไม่ฟังหมื่นหล้า หาทางขึ้นให้ได้ พอช้างย่อตัว หนานไตรใช้ความไว เหยียบขึ้นที่ขา แล้วม้วนตัวขึ้นนั่งบนหลังช้าง
แสงคำมองจ้อง เห็นหนานไตรที่ขึ้นช้างมา นั่งเสมอกัน สองหนุ่มจ้องหน้ากัน
อินขี้โกงทันที แอบสับขอลงไปที่ขา ช้างตัวเมียร้องดังลั่น ยกขาหน้าด้วยความเจ็บ
หนานไตรเสียหลัก หงายหลังตกลงมา กลิ้งไปกับพื้น
“หนานไตร” ม่อนดอยตาเหลือก
หมื่นหล้าหันไป พุ่งเข้าชกหน้าอินจนคว่ำไป
“มึงนึกว่ากูไม่เห็นหรือ ไอ้อิน”
แสงคำกระโดดลงจากหลังช้างทันที หนานไตรที่ยังเจ็บ จุก มองหมื่นหล้า
“ควาญมีศักดิ์ศรี เราไม่โกงใคร มึงเอาช้างตัวเมียมาให้หนานไตรขี่ ก็เท่ากับมึงดูถูกเค้า มึงจงใจหยามเค้า เพราะไม่มีควาญคนไหนขี่ช้างตัวเมีย”
หนานไตรกัดฟันทนเจ็บ พยุงตัวเองขึ้น เห็นหมื่นหล้าโกรธมาก
“ฉันขอโทษแทนไอ้อิน” แสงคำเอ่ยขึ้น
“เอ็งไม่ต้องขอโทษแทน ไอ้อินผิดคือผิด แสงคำ ข้าสอนเอ็งมายังไง เอ็งก็สอนลูกน้องเอ็งอย่างที่ข้าสอนด้วย อย่าให้อาชีพควาญช้างโดนคนอื่นเค้าดูหมิ่น ดูแคลน”
หมื่นหล้าหันไปมองหนานไตร แล้วสั่ง
“ไปดูแลตัวเองซะ หนานไตร”
หนานไตรยังใจสู้ “แต่ผมอยากลองอีกครั้ง”
“ไม่ใช่วันนี้ อย่าเอาชนะใครด้วยความโกรธ ที่นี่เรามีกฏของป่า กฎของควาญ เอ็งต้องเรียนรู้มันก่อน ม่อนดอย พามันไปพัก”
หนานไตรพยายามกัดฟัน ฝืนความเจ็บ เดินออกไป ม่อนดอยรีบวิ่งตาม
หมื่นหล้าหันมามองทางแสงคำที่สีหน้ารู้สึกผิดแทนอิน ลูกน้องคนสนิท

แขไขกลับมาถึงเรือยรับรอง นั่งกอดอกนิ่งเฉย สีหน้ามึนตึง ธรรพ์หันมามองสามนางที่นั่งพับเพียบเหมือนองครักษ์ สามคนลอยหน้า จนธรรพ์ต้องสั่ง
“ออกไปให้หมด”
สามคนรีบคลานลงไป แขไขหันมามองธรรพ์
“พี่ธรรพ์ไล่แขด้วยหรือเปล่าคะ”
“คุณแข”
“หยุดค่ะ หยุดทำตัวเป็นทนายหน้าหอ แก้ตัวแทนคนอื่น” แขไขลุกขึ้น มองธรรพ์ “แขจะไปหาพี่ณไตร”
แขไขจะเดินลง ธรรพ์คว้าแขนแขไขไว้ทันที
“อยู่ที่นี่ครับ คุณแข รอให้ผู้จัดการเดินเข้ามาหา ไม่ใช่คุณแขไข คนของแม่นายที่ต้องวิ่งไปหาผู้จัดการหนานไตร” ธรรพ์เตือนสติ
แขไขอิดออด “แต่...”
“ไม่มีแต่ครับ คุณแขเป็นผู้หญิง ไม่ต้องไปวิ่งตามหาคนระดับผู้จัดการเอง มันไม่เหมาะสมครับ อย่าลืมที่ตกลงกับพี่ณไตรไว้ซีครับ”

แขไขได้ฟังแล้วยิ่งหงุดหงิด สะบัดแขนเดินออกมายืนเชิดระงับโทสะ ธรรพ์มองท่าทีนั้นอย่างอ่อนใจ

เพราะไม่อยากเจอหน้าแขไข หนานไตรจึงมาหลบมาพักที่เรือนม่อนดอยในตอนเย็น หนานไตรทรุดลงนั่ง ท่าทางยังเจ็บหลังที่ตกกระแทกพื้น  ม่อนดอยมองอย่างเป็นห่วง

“เจ็บมากมั้ย หนานไตร”
หนานไตรกัดฟันตอบ “นอนพักสักเดี๋ยว ก็คงดีขึ้น”
หนานไตรทรุดลงนอน ม่อนดอยมองอย่างไม่แน่ใจ เสียงหนานไตรครางเบาๆ
“ช้ำในหรือเปล่าวะ”
หนานไตรเจ็บปวดตรงหลังมาก

ขณะที่เนื้อนางนั่งกอดเข่าเหม่อเศร้าอยู่บนเรือน ม่อนดอยวิ่งมา
“เนื้อนาง เนื้อนาง”
เนื้อนางหันไปมอง คำฝายที่อยู่ใกล้ๆ ขยับมองตาม
“มีอะไร ม่อนดอย”
“หนานไตรน่ะสิ จะหัดให้ช้างลากไม้ แต่โดนไอ้อินแกล้งจนตกหลังช้าง”
คำฝายถามกวนๆ “ตับไตไส้พุง ยังอยู่ครบมั้ย”
“อยู่ครบ แต่สงสัยจะหนัก มีอะไรช่วยแก้ช้ำในบ้าง”
เนื้อนางได้ยินแล้วสีหน้าไม่ดี

เวลานั้นหนานไตรนอนถอดเสื้อ คว่ำหน้า ร้องครางเบาๆ เห็นใครคนหนึ่งนั่งลงข้างร่างหนานไตร โดยหนานไตรไม่ได้หันไปมองคิดว่าเป็นม่อนดอย เอ่ยถามขึ้น
“หายไปไหนมา ม่อนดอย”
หนานไตรไม่ได้เหลียวมามอง ถูกลูกประคบกดลงที่หลัง
“โอ๊ย...ไอ้ม่อน”
หนานไตรพลิกตัวเร็วมาจับข้อมือคนที่ถือลูกประคบไว้ เบิกตากว้าง ดีใจ
“เนื้อนาง”
เนื้อนางที่ถือลูกประคบ มองหนานไตรอย่างเป็นห่วง

คำฝายกับม่อนดอย ยืนดูอยู่ด้านหลัง
“ม่อนดอย แกมานี่ แกมาช่วยฉันต้มยาก่อน”
คำฝายขยิบตา ม่อนดอยรู้กัน ทำเป็นบ่น
“แกน่ะใช้ฉันอยู่เรื่อย คำฝาย”
สองคนรีบเดินออกจากเรือน
หนานไตรมองเนื้อนาง แล้วพยายามจะลุกขึ้น
“อย่าขยับสิ หนานไตร นอนลงก่อน”
หนานไตรรีบกอดอกทำเป็นกลัว “อย่ารังแกผมนะ เนื้อนาง”
เนื้อนางตีเผียะลงที่แขน
“โอ๊ย เจ็บนะครับ เจ็บจัง”
“เดี๋ยวจะประคบให้เจ็บยิ่งกว่านี้ ประคบร้อนๆ ตรงปากเลย ชอบพูดอะไรห่ามๆ ดีนัก”
“ผมก็อยากล้อเล่น อยากเห็นคุณยิ้มบ้าง”
“นอนลง ฉันจะประคบให้ จะได้ค่อยยังชั่วขึ้น”
หนานไตรนอนคว่ำหน้าอย่างว่าง่าย เนื้อนางเอาลูกประคบวางลงที่หลัง คลึงไปเบาๆ
“เนื้อนาง”
“เจ็บเหรอ”
หนานไตรค่อยๆ พลิกตัวมามอง
“ฉันกดแรงไปหรือเปล่า”
“ผมหายแล้ว...หายตั้งแต่เห็นหน้าคุณ”
หนานไตรมองตรงไปใบหน้าเนื้อนาง จนเนื้อนางเขินอาย แก้มแดงระเรื่อขึ้นมาทันที

ที่เรือนรับรองแขก แขไขคอยชะเง้อมองหา ธรรพ์กำลังคุยกับคนงานชาย พอคนงานชายเดินออกไป แขไขรีบเดินมา ธรรพ์เอ่ยขึ้น
“พี่ณไตรตกหลังช้าง”

แขไขมีสีหน้าตกใจมาก “ตอนนี้พี่ณไตรอยู่ที่ไหน”

อ่านต่อหน้า 4

เพลิงฉิมพลี ตอนที่ 3 (ต่อ)

เหตุการณ์ที่เรือนม่อนดอยเวลานี้ หนานไตรลุกขึ้นนั่ง เนื้อนางขยับตัวออกห่างนิดๆ หนานไตรชี้ไปที่ต้นแขนตัวเอง

“เจ็บตรงแขนด้วย”
หนานไตรมองอ้อนอีกด้วย เนื้อนางถาม
“ม่อนดอยบอกว่าหลังกระแทกพื้น ทำไมเจ็บแขน”
“ม่อนดอยไม่เห็นตอนแขนผมกระแทกพื้นนี่”
หนานไตรแก้ตัวส่งเสียงอ้อน แล้วแกล้งครางเบาๆ
“แล้วก็เจ็บตรงนี้” เขาชี้ตรงที่หัวใจ
“เอ๊ะ ชักเยอะนะ”
“จริงจริ้ง” หนานไตรเสียงสูง “ตกแรง มันกระดอนพลิกหน้าพลิกหลังจริงๆนะ”
เนื้อนางขยับเข้ามาประคบลงที่หัวใจหนานไตร
หนานไตรมองเนื้อนางที่อยู่ใกล้แค่เอื้อม พอเนื้อนางเหลือบมอง หนานไตรทำท่าเจ็บ
“คุณไม่เคยขี่ช้าง วันหลังต้องให้ตาสอนก่อน”
“ผมฝากตัวเป็นศิษย์หมื่นหล้าได้มั้ย”
“ถามตาสิ ถามฉันไม่ได้หรอก”
“ก็ถามคุณก่อน เผื่อคุณจะช่วยพูดกับหมื่นหล้า ไม่ให้รังเกียจผม”
หนานไตรทอดเสียง เนื้อนางมองจ้อง สายตาหนานไตรมีความหมายลึกซึ้ง จนเนื้อนางต้องหลบตา
“ไม่มีใครที่นี่เกลียดคุณหรอก หนานไตร”
หนานไตรแกล้งทำเสียงจริงจัง “มี”
เนื้อนางสงสัย “ใครเหรอ”
“มีคนๆนึง เอาแต่วิ่งหนี ไม่ยอมให้ผมเข้าใกล้”
เนื้อนางมองเห็นสายตายั่วล้อของหนานไตร จึงแกล้งกดลูกประคบลงที่หัวใจแรงๆ
หนานไตรร้องลั่น “โอ๊ย...นี่ไง ๆ คนที่ไม่ชอบผม”
“ฉันไม่เคยพูด ว่าฉันไม่ชอบคุณ”
“งั้นคุณก็พูดได้ใช่มั้ย เนื้อนาง” หนานทอดสายตามอง “พูดกับผมว่า ...ชอบ”
หนานไตรทอดสายตาหวานเยิ้มจนเนื้อนางแก้มแดงด้วยความอาย หนานไตรขยับเข้าใกล้ ถามเนื้อนางเสียงอ่อนโยน
“บอกให้คนเจ็บชื่นใจหน่อยได้มั้ยครับ”
เนื้อนางมองหนานไตรที่อยู่ใกล้แล้วยิ่งอาย

จังหวะนี้ แขไขพรวดเข้ามาในเรือน ธรรพ์ตามมาด้านหลัง เนื้อนาง หนานไตรหันไปมอง
แขไขตาลุกวาว คำรามออกมาด้วยความหวงที่แล่นลิ่วสู่กลางใจ
“เนื้อนาง”
ขณะเดียวกัน แสงคำยังคุมคนงานกับช้างทำงาน หมื่นหล้ายืนมองดูอยู่ด้วย แล้วไอขึ้น หมื่นหล้าไอหนักจนต้องทรุดลง
แสงคำหันมาเห็น ก็วิ่งมาประคอง หมื่นหล้าปิดปากไออย่างรุนแรง เห็นเลือดสดๆในอุ้งมือหมื่นหล้า
แสงคำมองหมื่นหล้าด้วยสีหน้าตื่นตกใจ

ที่เรือนม่อนดอยตอนนี้ เนื้อนางมองด้วยสีหน้าตกใจ แขไขพุ่งพรวดจะเข้าหาเนื้อนาง หนานไตรคว้าร่างเนื้อนางมาโอบบังไว้ ปกป้องเต็มป้อง
“เนื้อนาง” แขไขคำราม
“คุณแขหยุด” ธรรพ์รวบแขไขไว้สุดแรง
แขไขดิ้นหนี หนานไตรลุกขึ้น ขวางร่างเนื้อนาง ไม่ให้แขไขเข้าถึงตัวได้
“ทำไมแกมาอยู่ที่นี่ เนื้อนาง”
เนื้อนางยังงงกับท่าทางอาละวาดของแขไข หนานไตรรีบตอบขึ้นให้เอง
“ผมตกหลังช้าง เนื้อนางเอาสมุนไพรมาช่วยรักษา”
แขไขไม่เชื่อ “โกหก”
“คุณแขไขครับ” หนานไตรจ้องแขไขเน้นเสียง พูดชัดๆ ช้าๆ “ผมไม่สบาย มีอะไรจะสั่งงาน พรุ่งนี้ผมจะไปหา”
หนานไตรมองจ้องไปยังธรรพ์ที่ดึงแขไขไว้ เป็นเชิงบอก
“นายเป็นอะไรมากหรือเปล่า หนานไตร”
“ค่อยยังชั่วแล้ว ขอบคุณมากครับ คุณธรรพ์”
“งั้นก็กลับเถอะครับ คุณแข พรุ่งนี้ค่อยเรียกหนานไตรไปสั่งงาน
แขไขทำท่าแข็งขืนจะไม่ยอมไป เนื้อนางมองหนานไตร มองแขไขสลับกัน ท่าทีงงๆ หนานไตรกลัวเนื้อนางรู้ความจริง
“ไป เนื้อนาง ผมเดินไปส่ง”
แขไขตาวาววาบทันที “ไหนว่าไม่สบายไงล่ะ หนานไตร”
“ไม่เป็นไรหรอก หนานไตร คุณพักเถอะ ที่นี่ฉันอยู่มาตั้งแต่เกิด เดินยังไงก็ไม่หลงหรอก”
“ก็รีบไปสิ เนื้อนาง อยู่ในเรือนสองต่อสองกับผู้ชาย...ใครรู้เข้า มันน่าทุเรศใช่มั้ย”
“คุณแขไข”
หนานไตรเสียงเข้ม แขไขต้องหยุด เนื้อนางพยายามระงับอารมณ์
“ฉันมาด้วยเจตนาดี ถ้าใครจะคิดอกุศล ฉันก็ห้ามไม่ได้...ยาในห่อนั่น ให้ม่อนดอยต้มให้กินนะ หนานไตร จะได้หายช้ำใน”
แขไขมองห่อยาที่วางบนพื้น แล้วหันมามองเนื้อนางอย่างกินเลือดกินเนื้อ
เนื้อนางมองแขไขแล้วเดินออกจากเรือนไป หนานไตรมองตาม
แขไขหันมาพูดกับหนานไตร
“ทำอย่างนี้กับแขได้ยังไง”
หนานไตรเดินเข้ามาใกล้แขไข มองจ้อง
“พี่กับเนื้อนางไม่ได้ทำอะไรผิด อย่างที่คุณกำลังคิด จำได้ใช่มั้ย ถ้าอยากอยู่ที่นี่ คุณควรจะทำตัวยังไง กลับไปเรือนรับรองแขกซะ ก่อนที่คนงานจะเอาไปพูดกันสนุกปากว่า คุณแขไข คนของแม่นายลงมาหาคนงานผู้ชายถึงเรือน”
แขไขกลายเป็นฝ่ายหน้าเสียเมื่อหนานไตรย้อนในสิ่งที่ด่าว่าเนื้อนาง

เนื้อนางนั่งลงบนเรือนแล้ว สายตาเศร้า คำฝายโผล่จากในเรือนมามอง แล้วถามเสียงล้อ
“หนานไตรหายดีแล้วล่ะสิ แว่วเสียงฉะอ้อนว่าเจ็บตรงนั้น เจ็บตรงนี้ เจ็บเข้าไปถึงไหนล่ะ”
“พี่คำฝาย...คุณแขไขเค้าเกลียดเนื้อนางเรื่องอะไรกันแน่” เนื้อนางถามเรื่องที่คาใจ
“อ้าว เฮ้ย ยังไงกัน นังปีศาจคนเมืองอาละวาดตกมันอีกแล้วเรอะ”
คำฝายรีบคลานมานั่งใกล้ มองเนื้อนางที่แววตาเต็มไปด้วยความสงสัย
“ท่าทางเหมือนเค้าหวง...หนานไตร”
“จะหวงอาไร้ คนหัวสูงอย่างคุณแขไข เค้าไม่ชอบผู้จัดการปางต๊อกต๋อยหรอก”
เนื้อนางฟังคำฝายที่ทำท่าเป็นผู้รู้เต็มที่
“อย่างคุณแขไขเค้าก็ต้องชอบคนรวยๆเหมือนกันอย่างคุณธรรพ์โน่น”
“แต่เค้าจ้องเนื้อนางเหมือนจะกินเลือดกินเนื้อ”
“เค้าอิจฉาตั๋วไง ก็เหมือนพวกรัญจวน เห็นใครสวยกว่าไม่ได้”
“เนื้อนางไม่อยากมีเรื่องกับคุณแขไขเลย มีเรื่องกับพวกเจ้าของปาง ตารู้เข้า จะยิ่งไม่สบายใจ”
คำฝายมองอย่างเห็นด้วย เนื้อนางถอนใจหนักหน่วง ไม่สบายใจเลย

ฝ่ายแสงคำจุดคบไฟตรงเสาที่หมื่นหล้านั่งพิงร่างอยู่ ด้านหลังคนงานกำลังเก็บข้าวของเครื่องมือ หมื่นหล้ามองกำชับแสงคำ
“เอ็งสัญญากับข้าสิ แสงคำ อย่าบอกเนื้อนางเรื่องนี้เด็ดขาด”
“แต่เนื้อนางห่วงพ่ออุ๊ย”
“ข้ารู้ เดี๋ยวข้าก็ดีขึ้น สัญญาสิ ไอ้แสงคำ”
“ฉันสัญญา ฉันจะไม่บอกเนื้อนาง”
แสงคำจำใจให้สัญญา เสียงส้มปอยดังมาตามทาง
“อ้ายแสงคำ อ้ายแสงคำจ๋า”
หมื่นหล้า แสงคำหันไปมองเห็นส้มปอยเดินถือข้าวห่อใบตอง เข้ามามองหาแสงคำ
“นังส้มปอย มันคงอยากได้เอ็งเป็นผัว” หมื่นหล้าว่า
“ฉันไม่ได้รัก ส้มปอย พ่ออุ๊ยก็รู้ ฉันรักเนื้อนาง”
หมื่นหล้ามองแสงคำเห็นแววตาอันเด็ดเดี่ยว
“ผู้หญิงคนเดียวที่ฉันจะกินแขก แต่งงานด้วย คือ เนื้อนาง”
ส้มปอยเดินมาถึงพอดี “อ้ายแสงคำ อยู่ตรงนี้เอง”
หมื่นหล้า แสงคำมองส้มปอยที่ตามหาจนเจอ ส้มปอยยื่นห่อข้าวให้
“ข้าวนึ่งกับจิ้น ส้มปอยทำเอง”
“เอากลับไปเถอะ ข้าไม่กิน แล้ววันหลังไม่ต้องทำอะไรมาให้ข้าอีก”
หมื่นหล้ามองแสงคำที่เฉยเมย ส้มปอยหันมองหมื่นหล้า
“ถ้าเป็นพี่เนื้อนาง สั่งให้ไปตาย อ้ายแสงคำก็คงรีบไปล่ะสิ”
หมื่นหล้าฉุน “เอ๊ะ! นังส้มปอย”
ส้มปอยกระฟัดกระเฟียดวิ่งออกไป แสงคำมองเกรงใจหมื่นหล้า

ด้านเนื้อนางนั่งอยู่บนแคร่หน้าเรือน เท้าแขนมองไปไกล สายตาเศร้าๆ นึกทบทวนถึงภาพตอนที่แขไขด่าตัวเองถึงสองครั้ง เนื้อนางยิ่งไม่สบายใจ

ขณะเดียวกันนั้น หนานไตรยืนพิงต้นไม้ หลบมองเนื้อนางอยู่ ด้วยสายตาห่วงหาอาทร

ฟากแขไขนั่งอยู่บนเตียงในห้องนอน สายตามีแต่ความโกรธเกลียดเนื้อนาง รัญจวนนั่งพับเพียบ อยู่หน้าเตียง พูดขึ้นด้วยเสียงเจ้าเล่ห์

“คุณแขไขไม่ต้องลงมือเองหรอกค่ะ เสนียดอีเนื้อนางมันจะติดตัวเอา”
แขไขเลื่อนสายตามามองรัญจวนที่ยิ้มร้ายเอาใจ
“รัญจวนขอรับใช้ กำจัดนังเนื้อนางให้คุณแขไขเอง”
แขไขฟังแล้วคลี่ยิ้มพอใจ

รุ่งเช้า ได้ยินเสียงเพลงจากกีตาร์ของธรรพ์ที่กำลังเล่นร้องอยู่หน้ากระดานดำในโรงเรียน แขไขตบมือ เด็กปรบมือไปตามจังหวะ
เนื้อนางมาแอบยืนหลบมองอยู่ใต้ต้นไม้ ด้วยสายตาเศร้า ก่อนจะเดินออกไป
ธรรพ์ดีดกีตาร์ให้แขไขชวนเด็กๆ ร้องเพลงตาม สีหน้าสดชื่น

ด้านหนานไตรยืนอยู่หน้าช้างเชือกหนึ่ง ม่อนดอยกับคนงาน 2-3 คนมองอย่างเอาใจช่วยอยู่ห่างๆ หนานไตรพยายามทำความรู้จักกับช้าง หมื่นหล้าก้าวมามองหนานไตร
หนานไตรค่อยๆ ลูบหัว จนช้างคุกเข่าลง หนานไตรโหนตัวปีนขึ้นหลังช้าง ช้างลุกขึ้น หนานไตรตบข้างลำตัวเบาๆ ควาญช้างค่อยๆ บอกให้ควบคุมช้าง
หนานไตรตบข้างลำตัวอีกครั้ง ช้างค่อยๆ เดินไปตามที่หนานไตรบอก ม่อนดอยยกมือเฮ
หมื่นหล้ามองดูความตั้งใจของหนานไตรที่อยู่บนหลังช้าง
หนานไตรยิ้มชื่น แววตามุ่งมั่นจะเรียนรู้ และทำงานทุกอย่างในปางให้ได้

เนื้อนางเดินกลับมาถึงหน้าบ้าน เจอรัญจวนรออยู่แล้ว พร้อมกับโยนผ้ากองใหญ่ลงบนแคร่หน้าเรือน เนื้อนางมองสงสัย
“คุณแขไขให้แกซักผ้าทั้งหมดนี่”
เนื้อนางมองผ้า แล้วยกขึ้นมาอย่างไม่อยากมีเรื่อง

หนานไตรเดินเร็วรี่มาตามทาง มุ่งหน้ามาหาเนื้อนางที่โรงเรียน สีหน้าแสนสดชื่น ได้ยินเสียงเด็กๆ ร้องเพลง พอเข้ามาใกล้ หนานไตรชะงักเท้า เพราะไม่เห็นเนื้อนางด้านหน้า มีแต่ธรรพ์
“มองหาครูคนเก่าอยู่เหรอคะ”
หนานไตรหันไปเห็นแขไขที่ยืนอยู่ด้านหลัง
“เนื้อนางไปไหน ทำไมไม่มาสอนเด็ก”
“ที่นี่ไม่มีครูชื่อเนื้อนางแล้วค่ะ ที่นี่ต้องมีแต่ครูชื่อแขไขคนเดียว”
หนานไตรหันหลังจะเดินออกไปทันที แขไขพูดขึ้นยิ้มในสีหน้า
“ถ้าพี่ณไตรเดินหนีแข ไปหาเนื้อนางอีกก้าวเดียว...ทุกคนจะได้รู้ความจริงเรื่องผู้จัดการปาง...ดีมั้ยคะ”
หนานไตรหันขวับมองแขไขที่ยิ้มอ่อนหวาน อย่างเหนือกว่า

เนื้อนางกำลังซักเสื้อผ้าเบาบาง สีสันสวยงามของแขไขอยู่ที่ริมลำธาร รัญจวนแอบซุ่มมอง เนื้อนางหยิบชุดชั้นในแขไขออกมาซักด้วยสีหน้าอดทน

หนานไตรยอมนั่งอยู่ด้านหลังห้องเรียน มองแขไขที่ส่งสายตามองมาเป็นระยะ ตอนที่กำลังสอนเด็กๆหัดคัดลายมือ
หนานไตรสีหน้าอดทนเต็มที่ เพราะไม่อยากให้แขไขโวยวาย
ธรรพ์มอง ส่งสายตาเห็นใจให้พี่ชาย
แขไขสั่งเด็กๆ คัดลายมือ เด็กๆ ก้มหน้าทำ แขไขเดินมาที่หนานไตร
“แขสอนเด็กใช้ได้มั้ยคะ แต่แขมั่นใจว่าต้องสอนดีกว่าครูคนเก่า”
หนานไตรยังนิ่ง ขณะที่แขไขเดินมาใกล้
“แขชอบเป็นครูที่นี่ แขรักเด็กๆ”
“แล้วไม่ห่วงน้องสาว คุณดาวเด่นเลยหรือครับ ทั้งๆ ที่เธอไม่ค่อยสบาย แต่ก็ทั้งรัก ทั้งห่วงพี่สาวมาก น่าสงสาร ถ้าคุณดาวเด่นรู้ว่าพี่สาวมัวแต่ห่วงคนอื่นมากกว่า”
หนานไตรพูดเสียงเรียบๆ แขไขฟังแล้วเถียงไม่ออก

คุณหญิงมาลัยกับท่านนายพลกลับพระนคร ไปแล้ว ภายในบ้านหิมวัตตอนนี้ ดาวเด่นนั่งอยู่ที่สุดปลายโต๊ะอาหาร แม่นายศรีวัลลาอยู่ตรงข้าม จันตา บัวผุดยืนอยู่ฝั่งแม่นาย
หน้าตาดาวเด่นเบื่อมาก สุดท้ายลุกขึ้น ไม่ยอมกินข้าว
“ไม่มีใครสั่งสอนหนูหรือ ดาวเด่น ว่าต้องให้ผู้ใหญ่ลุกออกจากโต๊ะก่อน” แม่นายดุ
“ไม่มีค่ะ”
ดาวเด่นตอบกวน แม่นายมองมาด้วยสายตาคมกริบ
“นั่งลง อยู่ที่นี่เธอต้องมีมารยาท ครูบาอาจารย์คงเคยอบรมสั่งสอนมาบ้าง”
“หนูไม่ได้ไปโรงเรียนหรอกค่ะ ไม่สบาย เลือดจาง เข้าโรงพยาบาลบ่อยๆ เลยเรียนไม่ทันเพื่อน คุณหญิงน้าเลยจ้างครูมาสอนที่บ้าน”
แม่นายมองดาวเด่นที่กล้าย้อนทุกคำ
“มิน่า ถึงเข้าสังคมไม่เป็น กิริยาหยาบกระด้าง”
ดาวเด่นมองแม่นายอย่างไม่ชอบใจ แม่นายยิ้มจ้องดาวเด่น
“เด็กอย่างเธอ ไปที่ไหนก็ไม่มีใครต้องการ”
ดาวเด่นลุกพรวดขึ้น จันตา กับบัวผุดตกใจท่าทีนั้น แต่แม่นายยังยิ้ม สายตาเย็นเยียบ
“ที่ทุกคนเค้าทนเพราะความเวทนา เธอเข้าใจใช่มั้ย” แม่นายย้ำ “ความสมเพชเวทนา
“ไม่ต้องมาสงสารหนู”
ดาวเด่นเสียใจหันหลังวิ่งออกไป จันตากับบัวผุดหัวเราะเบาๆ แม่นายมองสะใจมากที่ได้สั่งสอนดาวเด่น

ดาวเด่นกวาดเสื้อผ้าลงใส่กระเป๋าเดินทางอย่างรวดเร็ว ตั้งใจจะออกไปให้พ้นบ้านนี้ เลือกเก็บเสื้อผ้าที่พอใช้ได้ แล้ววิ่งออกไปจากห้องทันที

วันดีเดินถือถาดยาของพ่อเลี้ยงอินถาออกมา เห็นดาวเด่นสะพายกระเป๋าใบย่อม วิ่งลงบันไดไปก็สงสัย
“คุณดาวเด่น”
วันดีรีบวางถาดยา เดินตามดาวเด่นไป
“จะไปไหนคะ คุณดาวเด่น”
“ฉันไม่อยู่บ้านนี้แล้ว”
“คุณดาวเด่น ใจเย็นๆนะคะ มีอะไรค่อยๆ พูดกัน”
“ฉันไม่อยากพูดกับคนบ้านนี้ พวกผีดิบ ไม่มีหัวใจ”
วันดีเอื้อมจะดึงรั้งดาวเด่นไว้ ถูกดาวเด่นสะบัด จนวันดีล้มลงไปที่บันไดขั้นสุดท้าย ดาวเด่นหันมามองด้วยสีหน้าตกใจ
จันตา กับบัวผุดโผล่มาเห็น
“ตายแล้ว คุณดาวเด่นผลักนังวันดีตกกะได” จันตาร้องขึ้น
“ผลักบ้าอะไรล่ะ ป้า ลืมตาดูก่อน” ดาวเด่นโมโห
“ผลักค่ะ ผลัก บัวผุดเห็นกับตา”
จันตารีบบอก “ไปบอกแม่นายเร็ว”
“เอ้า เอาเข้าไป...รีบไปฟ้องเลยนะ เผื่อปีนี้จะได้เงินเดือนขึ้นสัก 20 บาท”
ดาวเด่นประชดแล้วจะวิ่งหนี วันดีร้องห้าม
“จับไว้ จับตัวคุณดาวเด่นไว้”
จันตาผลักบัวผุดออกไป บัวผุดคว้าแขนไว้ได้ ดาวเด่นดิ้นแต่ไม่หลุด ดาวเด่นเอากระเป๋าฟาดหน้า จนบัวผุดหงายไปชนจันตา
จากนั้นดาวเด่นก็วิ่งเร็วออกไป

วันดีฝืนลุกขึ้นมาได้วิ่งตามไปทันที จันตา และบัวผุดวิ่งตามออกไปเป็นพรวน

ดาวเด่นหอบกระเป๋าวิ่งหนีมา ท่าทีเหนื่อยล้าเพราะร่างกายไม่แข็งแรง จนเกือบถึงประตูรั้วหน้าบ้านแล้ว วันดี จันตา และบัวผุดวิ่งตาม

“อย่าไป คุณดาวเด่นอย่าไป” วันดีห้าม
ดาวเด่นหายใจแรงเพราะเหนื่อย แต่พอเห็นด้านหลังวิ่งตามมา ก็ฝืนวิ่ง ดาวเด่นกำลังจะถึงรั้ว คนงานชายมาขวาง ดาวเด่นตกใจ
“จับไว้” วันดีร้องขึ้น
คนงานชายอ้าแขนจะรวบตัว ดาวเด่นก้มต่ำลอดใต้แขน พุ่งออกไปที่ประตู
จันตา บัวผุดวิ่งเบรคไม่ทัน ชนคนงานชายล้ม
แม่นายก้าวออกมามอง เห็นดาวเด่นวิ่งหนีออกไปจากบ้านอยู่ตรงหน้า
วันดีสั่ง “ตามไปเร็ว”
แม่นายบอก “ไม่ต้อง”
ทุกคนหยุดกึก หันไปมองแม่นาย จันตา กับบัวผุดหอบแฮ่ก วันดีรีบรายงาน
“คุณดาวเด่นเปิ้นหนีไปแล้ว”
แม่นายมองด้วยแววตาเย็นชา เดินลงมาอีกสองสามก้าว
“ทุกคนก็เห็น มันวิ่งหนีออกไปเอง”
“คุณดาวเด่นเปิ้นไม่ค่อยสบายนะ แม่นาย”
“เกิดอะไรนอกบ้านหิมวัต ก็ไม่ใช่ความรับผิดชอบของชั้นแล้วนี่ วันดี”
แม่นายมองจ้อง วันดีต้องหยุด
“เด็กไม่รู้จักที่ต่ำที่สูงอย่างดาวเด่น มันอยากดิ้นรนไปตายนอกบ้านชั้นเอง”
แม่นายพูดเสียงเรียบ รอยยิ้มที่ริมฝีปากสุดแสนจะเลือดเย็น
วันดีได้แต่มองกลัว ไม่กล้าออกความเห็นอะไรอีก

ดาวเด่นหนีวิ่งมาตามถนนยาวคดเคี้ยวหน้าบ้านหิมวัต เหนื่อยหนัก เพราะออกแรงมากกว่าเคย จนต้องหยุดหอบกลางถนน เสียงรถบีบแตรดังลั่น ดาวเด่นหันไปมองสีหน้าตกใจ เมื่อเห็นรถกระบะเก่าๆ ของชาวบ้านวิ่งมาจอดกึก เกือบชนร่างเธอ
พอหายตกตะลึง ดาวเด่นรีบวิ่งไปที่คนขับ เห็นสองผัวเมียชาวบ้านแก่ๆ ดาวเด่นยกมือไหว้ปลกๆ
“น้าจ๋า น้าคนสวยจะไปไหน ลงไปในเมืองหรือเปล่า หนูขอติดรถไปด้วยนะ”
เมียคนขับถูกชะตา รีบพยักหน้า ดาวเด่นรีบวิ่งไปกระบะ พยายามรวบรวมแรงปีนขึ้นไปนอนแผ่
รถกระบะขับออกไปตามทางสวยคดเคี้ยว

แขไขเงยขึ้นจากสมุดของเด็กๆ ที่กำลังคัดลายมือ มองไปด้านหลัง ไม่เห็นหนานไตรนั่งอยู่ตรงที่เดิม
แล้ว แขไขทิ้งดินสอเด็กในมือทันที
ธรรพ์เงยจากสมุดของเด็กหันไปมองแขไขที่วิ่งออกไป ธรรพ์วิ่งตามติด

เนื้อนางซักผ้าแขไขเสร็จ บิดผ้าชิ้นสุดท้ายลงใส่ตะกร้าจะเอาไปตาก ยกแขนปาดเหงื่อ
ระหว่างนี้รัญจวนแอบซุ่มมอง รอโอกาสอยู่ เนื้อนางก้มลงวักน้ำล้างหน้า ลูบเนื้อลูบตัว คลายเหนื่อย รัญจวนรีบเอาไม้ยาวแหย่กระทุ้งตะกร้าผ้าอย่างแรง ตะกร้าผ้าหล่นน้ำ ผ้ากระจายตกลงน้ำ รัญจวนรีบหลบ
เนื้อนางหันกลับมาเห็นเสื้อผ้าแขไขกำลังลอยลงน้ำ
“ชุดคุณแขไข”
รัญจวนแอบมอง ยิ้มสะใจ
เนื้อนางวิ่งลงไปในลำธาร ตามเก็บผ้าแขไขที่กำลังลอยน้ำใส่ตะกร้าอย่างเร็ว
“ทีนี้แกโดนไล่ออกจากปางแน่ๆ”
รัญจวนยิ้มสะใจแล้วรีบวิ่งกลับไปทางโรงเรียน เพื่อรายงานผลงานความชั่ว
เนื้อนางรวบเสื้อผ้าที่กระจัดกระจายโยนลงตะกร้าไว้ก่อน เสื้อสวยตัวหนึ่งกำลังไหลไปตามแรงน้ำ พอเนื้อนางเห็นก็รีบวิ่งตามไปทันที
หนานไตรวิ่งมา เห็นเนื้อนางกำลังวิ่งตามชุดแขไขที่ลอยน้ำไปโดยเร็ว
“เนื้อนาง”
หนานไตรลุยน้ำวิ่งตามเนื้อนางไปอย่างเร็ว

แขไขเดินเร็วรี่มาตามทางในปาง ธรรพ์รีบวิ่งมาดักหน้าไว้
“คุณแข ใจเย็นก่อนนะครับ”
แขไขปัดธรรพ์ให้พ้นทาง รัญจวนวิ่งมาจากอีกทาง แขไขเห็นก็รีบถาม
“เห็น ...หนานไตรมั้ย อยู่กับเนื้อนางหรือเปล่า”
“ไม่มีค่ะ เนื้อนางมันซักผ้าให้คุณแขไขที่ลำธาร”
รัญจวนทำตาเล็กตาน้อย แขไขมองแล้วเข้าใจ ยิ้มในสีหน้า
ธรรพ์ได้ยินก็เข้ามาถาม
“ทำไมคุณแขให้เนื้อนางซักผ้า”
“ใช้ไม่ได้เหรอคะ คนงานคนนี้ หรือว่าเป็นคนโปรด คนพิเศษของใคร”
แขไขย้อนถามธรรพ์เสียงแข็ง

ฟากเนื้อนางกำลังลุยน้ำลงไปคว้าเสื้อของแขไขที่ลอยน้ำไป หนานไตรวิ่งตามหลัง ตะโกนเรียกเสียงดัง
“เนื้อนาง อย่าวิ่ง ระวังลื่น”
เนื้อนางเหลียวไปมองหนานไตร รีบบอก
“เสื้อคุณแขไข”
“ช่างมัน ปล่อยมันไป”
เนื้อนางหันกลับไป ไม่ยอมเชื่อ พุ่งเข้าไปคว้าสุดแขน แต่ลื่นเสียหลักล้มลง
“ว้าย” เนื้อนางล้มลงหัวกระแทกก้อนหิน
“เนื้อนาง”
หนานไตรตกใจพุ่งเข้ามา เนื้อนางมีเลือดไหลออกมา กำลังจะหมดสติ ยื่นมือไป
“หนานไตร ช่วยด้วย”
หนานไตรกุมมือเนื้อนางไว้แน่น พุ่งเข้ามาช้อนร่างเนื้อนางขึ้นจากน้ำมากอดไว้ในอก
เนื้อนางอยู่ในอ้อมอกหนานไตรใกล้หมดสติแล้ว มองเห็นหน้าหนานไตรที่ซบลงมาใกล้
“เนื้อนาง ไม่ต้องตกใจ ผมอยู่ตรงนี้แล้ว”
เนื้อนางมองหนานไตรแล้วยิ้มโล่ง ก่อนจะสลบไปในอ้อมแขนอันแข็งแรงของหนานไตร
หนานไตรอุ้มเนื้อนางจากกลางน้ำขึ้นมา กอดไว้แนบอกหน้าแนบหน้า ความเป็นห่วงท่วมท้นล้นใจ

ทางด้านแขไขเดินนำธรรพ์จะไปทางลำธาร รัญจวนเดินตาม
หมื่นหล้า แสงคำ เดินมาจากอีกทาง แขไขมองหมื่นหล้าไม่รู้จัก ธรรพ์เอ่ยแนะนำ
“หมื่นหล้าครับ ควาญช้างที่เก่งที่สุดของเรา”
รัญจวนรีบสาระแนบอก “ตาเนื้อนางค่ะ”
แขไขหน้าตึงทันที หมื่นหล้ามองแขไขอย่างที่ไม่เคยเห็นหน้า

จังหวะนี้เอง หนานไตรอุ้มเนื้อนางที่ร่างเปียกโชกและยังสลบอยู่ มาอีกทาง แสงคำหันไปเห็นก่อน
“เนื้อนาง”
ทุกคนมองตาม พอเห็นภาพหนานไตรอุ้มเนื้อนางก็ตกใจ แขไขหันไปทางรัญจวน
“ไหนว่าเนื้อนางอยู่คนเดียว”
รัญจวนถอยหลบทันที
แสงคำหน้าตื่น “เนื้อนางเป็นอะไร”
“ตกน้ำ” หนานไตรหันไปทางแขไขจ้องตาทุกคำพูด “เพราะพยายามจะเก็บเสื้อชิ้นนึง”
“เสื้ออะไร เสื้อใคร” หมื่นหล้าคาดคั้น
แขไขสอดขึ้นมา หมั่นไส้เต็มทน “วางมันลงได้แล้ว แกล้งมารยา ทำเป็นตกน้ำล่ะสิ”
“คุณแขไข คุณใช้เนื้อนางทำงานที่ไม่สมควรทำ” หนานไตรตำหนิ
“ไม่สมควรตรงไหน กะอีแค่ซักผ้า ทำไมเนื้อนางจะซักผ้าให้แขไม่ได้ หรือว่าเนื้อนางมีอภิสิทธิ์กว่าคนอื่น แขมีสิทธิ์ใช้คนงานทุกคนในปางนี้ ไม่ว่าหน้าไหนทั้งนั้น ทุกคนคือข้ารับใช้แม่นาย และคุณแขไข...”
แขไขพูดยังไม่ทันจบ หมื่นหล้าที่อดทนฟัง พูดขัดขึ้นทันที
“ปล่อยหลานข้าลง หนานไตร”
“แต่เนื้อนางเจ็บนะครับ” หนานไตรย้อน
“ข้าบอกให้ปล่อย” หมื่นหล้าหันไปสั่ง “แสงคำ”

แสงคำรีบเข้าไปช้อนร่างเนื้อนางจากหนานไตร

หมื่นหล้าเหลียวไปมองแขไขกับธรรพ์ตาขุ่น

“ข้ารับใช้ปางนี้มาตั้งแต่รุ่นพ่อเลี้ยงอินถา ไม่เคยเลยที่จะมีใครมาด่าว่าควาญหรือคนงานอย่างพวกเรา แต่ถึงตอนนี้ เรามีนายใหม่...”
หนานไตรเอ่ยขึ้น “หมื่นหล้า...ผมขอโทษ”
“ไม่ต้อง ข้าไม่ได้หมายถึงผู้จัดการอย่างเอ็ง เอ็งมันก็ลูกจ้างเค้าเหมือนกับพวกข้า”
หนานไตรอัดอั้น น้ำท่วมปาก หมื่นหล้ามองไปทางแขไขกับธรรพ์
“หมื่นหล้า คุณแขไขคงไม่ได้หมายความอย่างนั้น” ธรรพ์พยายามแก้สถานการณ์
“จะหมายความยังไงก็ช่าง แต่ข้าจะบอกว่าคนอย่างหมื่นหล้า ถึงจน ไม่ได้เรียนหนังสือ แต่ข้าไม่เคยแบมือขอใครกิน ข้าสอนหลานข้าเอาแรง เอาสติปัญญาแลกเงิน ไม่ใช่ตัว
หนานไตรหันมองแขไขอย่างตำหนิทันที เพราะรู้ดีว่าหมื่นหล้าโกรธมาก
“แสงคำ พาเนื้อนางกลับเรือน”
หมื่นหล้าหันหลังทันที แสงคำอุ้มร่างเนื้อนางตามออกไปโดยไว
หนานไตรหันมามองแขไขด้วยแววตาโกรธเต็มที่

ร่างเนื้อนางถูกแสงคำวางลงบนที่นอน หมื่นหล้าเข้ามามองใกล้ๆ คำฝายกับม่อนดอยวิ่งหน้าตื่นเข้ามานั่งข้างเนื้อนางที่ยังสลบอยู่
“โธ่ เนื้อนาง พี่ไม่น่าไปเก็บสมุนไพรในป่าเลย ไม่งั้นพวกมันไม่มีทางทำอะไรตั๋วได้”
แสงคำเอามืออังหน้าผากเนื้อนาง แววตาเป็นห่วง
“ตัวร้อนมาก”
คำฝายวิ่งไปค้นขวดยา เห็นยาฝรั่งแอสไพริน คำฝายรีบเท แต่ไม่มียาสักเม็ด
“ยาหมด ต้มยามั้ยพ่ออุ๊ย”
“มัวต้มยา เห็นจะไม่ทันนะ เกิดจับไข้ขึ้นมา” ม่อนดอยบอก
“ฉันจะลงไปในเวียง ไปซื้อยาแก้ไข้”
แสงคำพุ่งออกไปเลย หมื่นหล้า ม่อนดอยมองเป็นห่วง คำฝายรีบเอาผ้าห่มมาห่มให้เนื้อนาง

ที่เรือนรับรองแขกร้อนเป็นไฟในตอนนี้ หนานไตรยืนจ้องแขไขที่หน้าเชิด ไม่ยอมรับผิด
“ธรรพ์ ไปบอกคนขับรถ พาคุณแขไขกลับบ้านหิมวัต”
“แขไม่กลับ”
“คุณทำอะไรลงไปรู้มั้ย แขไข หมื่นหล้าเป็นคนสำคัญของที่นี่”
“กะอีแค่คนงานแก่ๆ ไล่มันออกไปสิคะ ไล่มันออกไปทั้งตา ทั้งหลาน”
“คุณแขไข”
หนานไตรขึ้นเสียง ธรรพ์รีบเข้ามาใกล้
“พี่ครับ ใจเย็นๆ ก่อน”
หนานไตรไม่สนใจน้อง ระเบิดอารมณ์ใส่แขไขต่อ “ถ้าผมไล่หมื่นหล้าออก คุณมาคุมช้างลากไม้แทนได้มั้ย”
หนานไตรจี้หนัก จนแขไขหน้าเสีย
“ถ้าปางหิมวัตไม่มีควาญสั่งช้าง ใครจะจ่ายค่าปรับ ค่าเสียหายให้ลูกค้าทั้งหมดที่สั่งไม้ไว้กับเรา”
หนานไตรจ้องแขไขตาวาว ธรรพ์มอง นึกเป็นห่วงแขไข
“พ่อแม่แขรวยค่ะ แขมีเงิน แขจ่ายเองก็ได้”
หนานไตรพูดด้วยน้ำเสียงเยาะหยัน “ถึงผมจะทำงานกลางป่ากลางดอย แต่ผมก็รู้มาก่อนหน้านี้ ตั้งแต่กลับจากเรียนที่อังกฤษ ตระกูลของคุณ ไม่ได้มีเงินทองมากมาย สมกับความเป็นผู้ดีเก่าเหมือนแต่ก่อน”
แขไขหน้าเสียเมื่อเห็นความโกรธสุดขีด อย่างไม่ไว้หน้าใครอีกแล้วของหนานไตร
“ถ้าผมจะคิดความเสียหายในการกระทำไร้สติ หูเบาของคุณ ผมถามว่าคุณมีเงินเป็นล้านจ่ายให้ปางไม้หิมวัตหรือเปล่า”
แขไขผงะ หนานไตรมองจ้องด้วยความโกรธสุดขีด

รัญจวน เดินไปเดินมาหน้าเครียดอยู่หน้าโรงครัว กำปุ้ง กะ สร้อยฟ้ามอง
“คุณแขไขก็ปากเสียไม่รู้เวลาจริงๆ ตาหมื่นหล้าแกโกรธควันออกหูเลย”
“เกิดคุณแขไขเธอรำคาญ ไม่ยอมอยู่ที่นี่ต่อล่ะ” สร้อยฟ้าว่า
กำปุ้งเอ่ยขึ้น “ฉันได้กลิ่นแล้ว”
รัญจวนงง “กลิ่นอะไรของแก กำปุ้ง”
“กลิ่นหมาหัวเน่า 3 ตัวแถวนี้ไงคะ”
กะเทยดอยกำปุ้งกระแทกเสียง สร้อยฟ้าหมั่นไส้แต่ก็นึกหวั่นขึ้นมาเหมือนกัน
“แล้วใครจะเป็นหมาเน่าตัวแรก” รัญจวนเค้นเสียงถาม
กำปุ้งหน้าแหยแฝ่นใส่ทันใด “ข้าเจ้าเอง แม่นายรัญจวนใจ”
รัญจวนโกรธหน้าแดงหน้าดำ

เนื้อนางนอนหนาวปากสั่นอยู่ในเรือน คำฝายเอาผ้าห่มมาเพิ่มให้ ตาแดงๆ เหมือนจะร้องไห้ ม่อนดอยมองแล้วสงสาร
“เนื้อนางมันเกิดมาสวย ถึงมีแต่คนอิจฉามัน โดนแกล้งไม่หยุดไม่หย่อนคุณแขไขนี่ก็ท่าจะบ้า มาด่ามาแกล้งอะไรกับเนื้อนาง”
ม่อนดอยใช้ความคิด “หรือว่าจะหึงหนานไตร”
หมื่นหล้าที่ถือกาน้ำร้อนมาได้ยิน ก็หลบฟัง
“แกพูดอะไร ไอ้ม่อนดอย” คำฝายท้วง
“ไม่รู้สิ ข้าเดาว่าท่าทางแบบนี้ เหมือนคุณแขไขเค้าหึงที่หนานไตรมาชอบเนื้อนาง”
คำฝายไม่อยากเชื่อ “คุณแขไขน่ะนะชอบหนานไตร”
“เรื่องคุณแขไขน่ะ ข้าเดา แต่เรื่องข้าแน่ใจ นั่งยันนอนยันได้ ก็เรื่องหนานไตร”
หมื่นหล้าที่หลบฟังอยู่สีหน้าเครียดหนัก
“หนานไตรไม่ได้คิดจะหลอกเนื้อนาง มันจริงใจกับเนื้อนาง” ม่อนดอยว่า
“นี่แค่สนใจ เนื้อนางยังแทบจะถูกฉีกเป็นชิ้น ต่อไปถ้ารักกัน ได้กินแขกแต่งงานกัน เนื้อนางมันคงตายคามือพวกขี้อิจฉา”
คำฝายบ่นบ้าออกมา มองเนื้อนางด้วยความสงสาร
หมื่นหล้าฟังแล้ว ถึงกับเครียด ยืนแทบไม่ไหว เอากาน้ำร้อนวางห่างตัว แววตาวิตกกังวล
“เนื้อนาง...ตาจะไม่ปล่อยให้ชีวิตเอ็งเหมือนแม่ ตายอมให้เอ็งถูกทิ้งไม่ได้”
หมื่นหล้ามองไปที่เนื้อนางด้วยความเป็นห่วงสุดหัวใจ

แสงคำปั่นจักรยานมาตามเนินถนนในเมืองอย่างรวดเร็ว
อีกด้านของถนน รถกระบะมาจอดลง ดาวเด่นปีนลงจากรถ ยกมือไหว้ 2 ผัวเมีย รถกระบะขับออกไป
ดาวเด่นกอดกระเป๋า มองไปรอบๆ
“ปางไม้หิมวัตไปทางไหน”
แสงคำปั่นจักรยานใกล้เข้ามา

ขณะที่เนื้อนางยังนอนสลบอยู่ หนานไตรเดินเข้าประตูเรือนมา ม่อนดอย กะ คำฝายหันไปมอง
ม่อนดอยทัก “เอ้า หนานไตร”
หมื่นหล้าได้ยินชื่อหนานไตร ก็เหลียวขวับไปมองทันที
หนานไตรเดินเข้ามา “เนื้อนางเป็นยังไงบ้าง”
หมื่นหล้าขึ้นเสียง “หยุดอยู่ตรงนั้น”
หนานไตรหันไปมองหมื่นหล้าถือขอสับช้างไว้ในมือ ม่อนดอย และ คำฝายตกใจ
“ผมมาเยี่ยมเนื้อนาง”
“ไม่ต้องเยี่ยม กลับไป”
เนื้อนางที่ไม่ได้สติ เพ้อขึ้นมาว่า “หนานไตร”
ทุกคนหันไปมองเนื้อนาง หนานไตรสีหน้ากังวลมาก
“หนานไตร...ช่วยด้วย
หนานไตรจะเดินเข้าไปหาเนื้อนาง หมื่นหล้ายกขอสับช้างขวางทาง
“ให้ผมพาเนื้อนางไปหาหมอนะครับ”
“บอกว่าไม่ต้อง ออกไป อย่ามายุ่งกับหลานข้า”
ไม่พูดเปล่าหมื่นหล้าถีบหนานไตรกระเด็นล้มไปกับพื้น คำฝาย กับม่อนดอยตกใจ

เสียงเอะอะนั้นทำให้เนื้อนางฟื้นตื่นลืมตาขึ้นมา มองไปเห็นหมื่นหล้าเอาขอสับช้าง จ่อหน้าหนานไตรที่กลิ้งอยู่กับพื้นอย่างเอาเป็นเอาตาย

อ่านต่อตอนที่ 4
กำลังโหลดความคิดเห็น