xs
xsm
sm
md
lg

รอยฝันตะวันเดือด ตอนที่ 9

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


รอยฝันตะวันเดือด ตอนที่ 9

มายูมิยังคงมองทาเคชิด้วยความตื่นเต้น
 
“ริวไม่เคยบอกฉันว่าพี่ทาเคชิยังมีชีวิตอยู่”
“ผมกับอาโคจิปิดเรื่องนี้เป็นความลับ เพื่อความปลอดภัยของทาเคชิกับคุณเซโกะ” ริวบอก
“มากคนรู้ ก็มีแต่อันตราย” โคจิเสริม
ทาเคชิมองริวกับโคจิ
“ขอบคุณอาโคจิกับริว ที่ช่วยปิดเรื่องของผมมานานหลายปี”
“นายเลือกเส้นทางชีวิตของตัวเองแล้ว ฉันจะห้ามอะไรได้” ริวยิ้ม
ทาเคชิหันไปยิ้มให้กับแพรวดาว เธอยิ้มหวานตอบเขา มายูมิอมยิ้ม ชื่นใจที่เห็นแพรวดาวกับทาเคชิมีความสุข ริวนึกขึ้นได้
“หลานสามคนของฉันไปไหน”
“เด็ก ๆ ไปพักบ้านคุณตาคุณยายในตัวเมืองช่วงปิดเทอมค่ะ”
“อดเล่นกับหลานเลย”
“คุณริวก็พักอยู่ที่นี่นาน ๆ รอหลานกลับมาตอนเปิดเทอมสิคะ” แพรวดาวยิ้ม
“ผมอาจอยู่ที่นี่ตลอดไป ถ้าร่างกายผม...”
ริวสลด ท้อใจ พูดไม่ออก มายูมิกุมมือเขาให้กำลังใจ
“คุณจะต้องหาย และกลับมาเป็นปกติเหมือนเดิมค่ะ”
ริวพยายามข่มความหงุดหงิดกับสภาพร่างกายตัวเอง ไม่ตอบอะไร ทาเคชิกับแพรวดาวมองริวด้วยความเห็นใจ

บริเวณหน้าผาสวยในไร่...ทาเคชิหน้าเครียด เมื่อรู้เรื่องจากโคจิ
“7 ปีที่แล้วแค่มิซาว่ากับซะโต้ โอะนิซึกะก็รับศึกหนัก คราวนี้มีเจ้าหน้าที่บ้านเมืองเป็นพวกเดียวกับอันธพาล ต่อให้ริวระวังตัวแค่ไหนก็ต้องพลาด”
“ผมจึงต้องพาโซเรียวมาอยู่ในที่ปลอดภัย จนกว่าโซเรียวจะแข็งแรง”
“อำนาจ คือสิ่งที่หลายคนแสวงหา ศัตรูที่ต้องการครอบครองเมืองจ้องจะโค่นโอะนิซึกะ” ทาเคชิถอนใจ “มันเป็นชะตาที่โอะนิซึกะโซเรียวทุกคนหลีกเลี่ยงไม่ได้”
“แต่คุณทาเคชิก็เคยหนีมันมาแล้ว”
“ไม่มีใครรู้อนาคต วันนี้ ผมขอมีความสุขกับครอบครัวที่ผมรักก็พอ”
ทาเคชิ นึกย้อนถึงเหตุการณ์หนึ่งในอดีต...ทาโร่ยิ้มโล่งใจเมื่อเห็นแพรวดาวอยู่ในอ้อมกอดทาเคชิ
“ได้โปรดดูแลโอคุซัง แล้วให้ผมตายแทนโซเรียว”
เสียงของทาโร่เริ่มขาดเป็นห้วง ๆ ใกล้สิ้นใจ
“โซเรียวจะมีความสุขกับโอคุซังที่เมืองไทย อย่าทำให้เธอเสียน้ำตาอีกเลย ผมขอร้อง...”
ทาเคชิจดจำเหตุการณ์นั้นได้เป็นอย่างดี หันไปหาโคจิ
“อาโคจิคือพ่อของทาโร่ ผู้มีพระคุณที่มอบชีวิตใหม่ให้กับผมกับเซโกะ เพราะการเสียสละของทาโร่ทำให้ผมกับเซโกะได้อยู่ด้วยกัน ขอให้อาโคจิรับการแสดงความขอบคุณจากผมด้วย”
ทาเคชิก้มศีรษะขอบคุณโคจิด้วยความซาบซึ้ง โคจิก้มศีรษะรับอย่างเต็มใจ
“การเสียสละของทาโร่ไม่สูญเปล่า เมื่อคนที่เขารักมีความสุขถือเป็นเกียรติของตระกูลซาซากิเช่นกัน”
ทาเคชิกับโคจิเงยหน้าสบตากัน ระลึกถึงวันคืนเก่า ๆ ของทาโร่ร่วมกัน

อาคิโกะอยู่ในห้องที่อพาร์ทเม้นท์ นั่งซึมเหม่อ สภาพโทรมต่างจากปกติ เธอนึกถึงยูจิที่พูดกับเธอด้วยน้ำเสียงและสายตาเลือดเย็น
“ต่อไปนี้คุณต้องทำตามคำสั่งผม ไม่งั้น...ข่าวดาราดาวรุ่งอย่างอาคิโกะ คุโด มีสัมพันธ์สวาทกับหนุ่มนิรนาม จะดังไปทั่วเมือง”
อาคิโกะจิกหมอนแน่นจนสั่นด้วยความเจ็บแค้นระคนเสียใจ ที่พลาดท่าให้ยูจิ ก่อนจะระเบิดอารมณ์ด้วยการเหวี่ยงหมอนทิ้ง
“อ๊าย...”
ด้านนอกประตู ไทชิกำลังจะเคาะประตูเข้ามาหาอาคิโกะ ชะงักไปเมื่อได้ยินเสียงร้องกรีดร้อง
“อาคิโกะ...เกิดอะไรขึ้น อาคิโกะ”

ไทชิเคาะประตูรัว สักพักหนึ่งอาคิโกะจึงเปิดประตูออกมา หน้าเครียดและดูหม่นหมอง ไทชิมองสภาพโทรมของอาคิโกะ อึ้ง ไม่คาดคิด

อาคิโกะเดินหนีไทชิมาที่ระเบียงด้วยความรำคาญ หงุดหงิดมาก
 
“ฉันไม่ได้เป็นอะไร”
“เธอไม่ใช่คนปล่อยตัวโทรมขนาดนี้ ถ้าไม่มีเรื่องอะไรกระทบจิตใจ”
“อย่ามาทำเป็นรู้ดี”
“รึไม่จริง”
ไทชิถามจริงจัง แต่อาคิโกะหลบสายตาไม่กล้าสู้หน้า
“ฉันเป็นห่วงเธอนะ”
“เธอทำดีกับฉันมากเท่าไหร่ ฉันก็ยิ่งเกลียดตัวเองที่รักเธอไม่ได้” อาคิโกะตะโกนใส่หน้าไทชิ “เลิกวุ่นวายกับชีวิตฉันสักที”
“ฉันไม่เคยต้องการอะไรจากเธอ แม้แต่ความรัก ฉันมีความสุขที่ได้รักเธอ แค่นี้ ก็พอแล้วสำหรับฉัน”
อาคิโกะมองไทชิ น้ำตาเอ่อ เก็บกดที่บอกความจริงกับเขาไม่ได้ แม้จะรู้สึกเสียใจ อ่อนแอ และเจ็บปวดกับการกระทำของยูจิมาก ไทชิดึงตัวอาคิโกะมากอด ปลอบใจ
“อย่าเกลียดตัวเอง เพียงเพราะเธอรักใครตอบไม่ได้ อาคิโกะคือความเบิกบาน สดใส เธอจะต้องสวย เข้มแข็งและมั่นใจในตัวเองเหมือนเดิม”
อาคิโกะปล่อยโฮอย่างหมดอาย รู้สึกเหมือนมีที่พึ่งทางใจ ไทชิกอดปลอบ แม้จะไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นกับอาคิโกะกันแน่

ในไร่องุ่นแพรวดาวยามค่ำคืนเงียบสงบ...มายูมินำเสื้อผ้าและของใช้ออกจากกระเป๋าเดินทาง มาจัดเก็บในห้อง ริวนั่งเอนตัวอยู่บนที่นอน เห็นมายูมิหยิบตุ๊กตาฮินะออกมาจากกระเป๋าก็ถามขึ้น
“เอามาด้วยเหรอ”
“ฉันอยากอธิษฐานขอพรจากตุ๊กตาฮินะให้คุณทุกวัน”
“กำลังใจที่ผมต้องการมากที่สุด คือคุณคนเดียว”
มายูมิยิ้มหวาน
“ผู้กองยูจิบอกว่าความรักของฉันและพรจากตุ๊กตาฮินะจะช่วยให้คุณหายเร็วขึ้น”
“ยูจิ...”
ริวจ้องมายูมิอย่างไม่พอใจ สงสัยว่ายูจิมาเกี่ยวข้องได้ยังไง
“ผู้กองยูจิเป็นคนให้ตุ๊กตาตัวนี้กับเรา” มายูมิอึกอักตอบ
“เรา...คงให้คุณคนเดียวมากกว่า”
“ผู้กองเป็นเพื่อนที่หวังดีเท่านั้น”
“เอาตุ๊กตาตัวนี้ไปทิ้ง” ริวโกรธ
“ริวคะ” มายูมิพยายามจะอธิบาย
“ผมบอกให้เอาไปทิ้ง”
ริวตวาด ยื่นคำขาด มายูมิเห็นท่าทางเกรี้ยวกราดของริว ไม่อยากขัดใจ จึงถือตุ๊กตาเดินออกไปจากห้อง ริวมองตาม ยังคงหงุดหงิด ไม่พอใจ

มายูมิอยู่ที่ระเบียงมองตุ๊กตาฮินะในมือ เศร้าใจ แพรวดาวเข้ามา ยืนข้าง ๆ
“รักคือการเสียสละ อดทน และให้อภัย สิ่งที่มายูมิพยายามทำเพื่อริว มันเป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่มาก”
“ถ้าริวเข้าใจก็คงดี”
“ความเข้มแข็งของมายูมิ จะทำให้ริวเข้าใจทุกอย่าง แต่มันอาจต้องใช้เวลา”
“ขอบคุณที่ให้กำลังใจฉันนะคะพี่เซโกะ”
“สำหรับน้องสาว พี่ยินดีและเต็มใจเสมอจ้ะ”

แพรวดาวยิ้มหวาน อบอุ่น มายูมิโผเข้าไปกอดแพรวดาว ราวกับต้องการซึมซับกำลังใจจากพี่สาวที่แสนดีมาให้มากที่สุด

แพรวดาวจัดที่นอน หมอน ผ้าห่มเรียบร้อย หันมาเห็นทาเคชินั่งครุ่นคิด หน้าเครียด แพรวดาวเห็นแววตาทาเคชิ รู้สึกใจหาย
 
“ฉันไม่ได้เห็นแววตาดุดันอย่างนี้มานานมาก แววตากล้าหาญของสายเลือดนักรบซามุไร”
“ผมคงเผลอเป็นห่วงโอะนิซึกะ ทั้งที่ไม่ใช่หน้าที่ของผม”
ทาเคชิพยายามปรับสีหน้าให้กลับมาเป็นปกติ ไม่เคร่งเครียด
“สถานการณ์ที่โน่นคงรุนแรงมาก จนคุณริวต้องหนีมารักษาตัวที่นี่”
ทาเคชิพยักหน้ารับ
“ริวคงคุ้มดีคุ้มร้ายไปอีกสักพัก จนกว่าอาการจะดีขึ้น”
“ฉันนับถือหัวใจของมายูมิจริง ๆ ที่อดทน เข้มแข็ง และทำทุกอย่างเพื่อริวได้ขนาดนี้”
“ความรัก จะช่วยให้ริวกับมายูมิจะผ่านพ้นอุปสรรคทั้งหมด เหมือนที่ผมกับคุณเคยผ่านมาแล้ว”
แพรวดาวไม่สบายใจ เป็นห่วงมายูมิกับริว

มายูมิเปิดประตูเข้ามาในห้อง เห็นริวนอนหลับไปแล้ว เธอเดินไปที่เตียง นอนข้างๆกอดเขาไว้แนบแน่น
“ฉันรู้ว่าคุณยังไม่หลับ”
ริวลืมตาขึ้น หลอกเธอไม่ได้ มายูมิเงยหน้ามองอย่างรู้ทัน
“หายโกรธฉันรึยังคะ”
“ผมควรโกรธตัวเอง ที่ไม่ยอมฟังเหตุผลจากคุณ”
“อย่าโทษตัวเองสิคะ เพราะคุณรักฉันมาก ถึงได้เป็นอย่างนี้”
“ไม่โกรธผมเหรอ”
“ความรักของพี่เซโกะกับพี่ทาเคชิ เป็นแบบอย่างให้ฉันเลือกมองแต่สิ่งดี ๆจากคนที่เรารัก ฉันจะอดทน รอวันที่จะได้อยู่กับคุณอย่างอบอุ่น เหมือนครอบครัวพี่เซโกะ”
ริวอึ้ง สะท้อนใจถึงสภาพร่างกายของตัวเองที่ไม่ต่างจากคนพิการ
“ถ้าไม่มีวันที่ผมหายเป็นปกติ ผมอยากให้คุณเปิดใจให้คนอื่น คนที่จะพร้อมจะดูแลคุณได้ดีกว่าผม”
“ทำไมคุณพูดแบบนี้”
“ผมไม่อยากเป็นคนเห็นแก่ตัว รั้งความสุขและอนาคตที่ดีของคุณ”
“อย่าดูถูกความรักของฉัน อย่าทำให้ฉันรู้สึกว่าการมอบความรักให้คุณมันสูญเปล่า” มายูมิน้ำเสียงหนักแน่น “ฉันจะอยู่ตรงนี้เพื่อรักคุณ และจะรักษาคุณให้หายด้วยตัวฉันเอง”
มายูมิกอดริวแน่นขึ้น แทนคำยืนยันว่าจะไม่ยอมจากเขาไป ริวซาบซึ้งกับความรักที่มายูมิมีต่อเขาจนพูดอะไรไม่ออก

ห้องรับรองหรู ไนต์คลับมิซาว่ายามค่ำคืน...ทาคาโอะนั่งควงมีดพกเล่นอย่างสบายใจ นาบุเปิดประตูเข้ามา ยังไม่ทันรายงานเจ้านาย ยามาโมโต้ก็เดินนำมาซารุ ยูจิ เคน เข้ามาในห้อง ทาคาโอะตกใจ รีบลุกขึ้นโค้งตัวแสดงความเคารพยามาโมโต้
“ท่านยามาโมโต้”
ใบหน้ายามาโมโต้เคร่งขรึม น่ายำเกรง สายตาร้ายลึก เยือกเย็นมองทุกคนในห้อง
“ฉันสนับสนุนพวกแกทุกอย่าง ทั้งเงินและอำนาจแต่พวกแกกลับตอบแทนฉันด้วยการทำงานพลาด”
“ผมจะรีบส่งคนไปตามล่าตัวริว โอะนิซึกะ ให้เร็วที่สุด” มาซารุรีบบอก
ยามาโมโต้จ้องหน้า
“รู้เหรอ...ว่ามันอยู่ที่ไหน”
ทุกคนอ้ำอึ้ง ตอบยามาโมโต้ไม่ได้ ทาคาโอะหันไปจ้องหน้ายูจิ
“ถ้าบางคนไม่อวดเก่ง ป่านนี้ไอ้ริวคงเป็นศพไปแล้ว”
“ไอ้ทาคาโอะ”
ยูจิโกรธ ถีบเก้าอี้กระเด็นโครมไปติดผนังกำแพง ทาคาโอะหลบได้หวุดหวิด ทาคาโอะกับยูจิพุ่งเข้ามา ทาคาโอะกระโดดชกหน้ายูจิคว่ำไป
“อย่าคิดว่ามีพ่อคุ้มหัว แล้วฉันจะไม่กล้าทำอะไรแก ไอ้ผู้กองขี้ยา”
ยูจิลุกขึ้นมาถีบเข้าใส่ทาคาโอะล้มคว่ำไปเช่นกัน
“ฉันจะกำจัดอันธพาลชั้นต่ำอย่างแกเมื่อไหร่ก็ได้”
ทั้งสองชกต่อยกันไปอีกคนละดอกสองดอก ก่อนจะคว้าคอเสื้อแบบไม่ยอมกัน
“หยุดได้แล้วทั้งสองคน”
ยามาโมโต้ตวาดดุเสียงดัง จนทาคาโอะกับยูจิชะงัก ก่อนผลักอกผละจากกันด้วยความหงุดหงิด ไม่พอใจ มาซารุรีบดุ
“เรื่องสำคัญที่สุดตอนนี้ คือการตามล่าตัวริวให้เจอ ไม่ใช่มาทะเลาะกันเอง”
“ต้องมีหนอนบ่อนไส้รู้แผนของฉัน แล้วแอบไปช่วยไอ้ริว”
ยูจิมองทาคาโอะกับนาบุด้วยความระแวง ทาคาโอะจ้องตอบยูจิเขม็ง สายตาพร้อมเอาเรื่อง

“ถ้าฉันรู้ว่าใครทรยศ ฉันไม่ปล่อยมันไว้แน่”

จุนโกะแอบฟังอยู่หน้าห้องรับรอง ตกใจกับสิ่งที่ได้ยิน เผลอเอามือไปโดนประตูห้องจนเกิดเสียงขึ้น หลังจากแอบฟังการสนทนาทั้งหมดของพวกมาซารุ
 
“นั่นใคร” นาบุตะโกน
จุนโกะยิ่งตกใจ รีบผละหนีไป นาบุเปิดประตูห้องเดินออกมาเห็นหลังจุนโกะไว ๆ แต่มองไม่ชัดว่าเป็นใคร
“หยุดนะ”
นาบุรีบเดินตามไปทันที

นาบุเดินเร็ว ๆ มาตามทางเดินในคลับสีหน้าดุดัน เอาเรื่อง...จุนโกะก้าวเท้าเร็วขึ้น จนเกือบจะวิ่ง มองหาทางหลบซ่อน นาบุชักดาบสั้นออกมา เดินเร็วขึ้นอีก จุนโกะหันรีหันขวาง ตัดสินใจหลบเข้าไปยังมุมกำแพงด้านหนึ่ง นาบุเดินเข้ามา กวาดสายตามองรอบ ๆเห็นบริเวณนั้นมีแต่ลังเก็บของมากมาย ไม่มีคนอยู่ จุนโกะหลบเงียบอยู่ด้านหลังชั้นวาง มุมกำแพง นาบุถือดาบสั้นสีเงินวาววาบ เดินมาหยุดตรงหน้าเธอพอดี จุนโกะใจระทึก หวาดกลัวว่านาบุจะจับได้ ลูกน้องมิซาว่าเข้ามาตามนาบุ
“เจ้านายเรียกให้ไปพบครับ”
นาบุพยักหน้ารับรู้ แล้วเดินนำลูกน้องมิซาว่าออกไป จุนโกะถอนใจอย่างโล่งอก รอดหวุดหวิด

นาบุรีบรายงานทาคาโอะ
“สำรวจจนทั่ว ไม่มีอะไรผิดปกติครับ”
ทาคาโอะพยักหน้ารับรู้ ก่อนหันไปมองยามาโมโต้ที่นั่งอยู่อย่างเกรง ๆ
“จู่ ๆ ริวกับว่าที่คู่หมั้นก็หายตัวไปพร้อมโคจิ” มาซารุสงสัย “พวกโอะนิซึกะอาจจะมีแผนอะไรบางอย่าง”
“เปิดปากสามทหารเสือแห่งโอะนิซึกะได้ ก็จะรู้ว่าริวอยู่ที่ไหน” ยามาโมโต้สั่งทาคาโอะ “ส่งนักฆ่าที่เก่งที่สุดไปจัดการริว จะได้ปิดบัญชีแค้น ระหว่างมิซาว่ากับโอะนิซึกะ”
ยูจิขยับตัวเหมือนไม่พอใจที่ทาคาโอะได้รับมอบหมายงานที่เขาควรสานต่อให้จบ ยามาโมโต้หันมาหายูจิราวกับรู้ทัน
“ตอนนี้โอะนิซึกะไม่เข้มแข็งพอที่จะช่วยใครได้แล้ว เราจะกำจัดผู้มีอิทธิพลของเมืองนี้พร้อมๆ กัน” ยามาโมโต้สั่งยูจิเสียงเด็ดขาด “ไปกำจัดฮารุให้สิ้นซาก”
ทาคาโอะกับยูจิรับคำพร้อมกัน
“ครับ ท่านยามาโมโต้”
“โค่นสายเลือดนักรบซามูไรและกำจัดเสี้ยนหนามที่ขวางทางให้หมด ถึงเวลาที่เราจะก้าวขึ้นมายิ่งใหญ่ที่สุดในเมืองนี้”
ยามาโมโต้ยิ้มเหี้ยม อำมหิต

ทิวทัศน์หุบเขาสวยงามของไร่องุ่น...มายูมิเริ่มทำกายภาพบำบัดให้ริว ด้วยการยกแขนซ้ายของเขาขึ้น-ลง...กางแขนซ้ายของเขาและหุบลง...งอข้อศอกซ้ายของเขาเข้ามาและเหยียดข้อศอกซ้ายออกไป...งอข้อมือและนิ้วซ้ายและเหยียดข้อมือและนิ้ว
“การทำกายภาพบำบัดช่วงแรก ฉันจะเน้นการช่วยให้คุณเคลื่อนไหวแขนขาเพื่อป้องกันข้อต่อติด และลดแรงเกร็งตัวของกล้ามเนื้อ”
มายูมิงอเข่าและสะโพกซ้ายของริวเข้ามา และเหยียดเข่า สะโพกของเขาออกไป กางขาซ้ายของเขาและหุบขาซ้าย หมุนข้อสะโพกของเขาเข้าใน และหมุนออกนอก กระดกข้อเท้าของเขาขึ้นและกระดกข้อเท้าลง

มายูมิช่วยจัดท่านอนให้ริวในท่าสบาย พร้อมสำหรับกายภาพบำบัดด้วยตัวเอง
“คราวนี้คุณต้องฝึกออกแรงทำด้วยตัวเอง ถ้าทำไม่ได้จริง ๆ ฉันจะช่วย”
ริวมองที่แขนซ้ายตัวเอง พยายามยกแขนซ้ายขึ้น แขนซ้ายค่อย ๆ ขยับขึ้นเล็กน้อย มายูมิมองลุ้นตามอย่างตื่นเต้น
“ดีมาก พยายามอีกนะคะ”
ริวพยายามยกแขนซ้ายขึ้นอย่างยากลำบาก แต่ในที่สุดก็ยกแขนซ้ายขึ้นจนได้ ริวตื่นเต้น ดีใจ
“ผมทำได้แล้ว”
มายูมิยิ้ม ตื่นเต้นดีใจไปกับเขา

ลานหญ้าร่มรื่น ริวพยายามหัดเดินโดยใช้ไม้เท้าค้ำยันช่วย มีมายูมิคอยประคอง
“ระวังนะคะ”
“ไม่เป็นไร ไม่ต้องช่วย”
มายูมิค่อย ๆ ปล่อยมือ ริวใช้ไม้เท้าค้ำยันเดินด้วยตัวเองช้า ๆ ทีละก้าว มายูมิยิ้มลุ้น มองตามอย่างไม่วางตา ริวเสียหลักล้มลงทั้งคนทั้งไม้เท้า มายูมิรีบเข้าไปช่วยประคอง
“ริว เจ็บตรงไหนรึเปล่าคะ”
“ไม่ต้องยุ่ง”
ริวเกรี้ยวกราด อารมณ์เสียใส่ ริวพยายามที่จะใช้ไม้เท้าค้ำยัน พยุงตัวเองลุกขึ้น แต่ก็เสียหลักล้มลงอีก
“โธ่เว้ย”

ริวปัดไม้เท้าค้ำยันทิ้ง มือขวาจิกหญ้าบนดินอย่างเจ็บใจตัวเอง มายูมิเฝ้ามองด้วยความสงสาร เห็นใจ

รอยฝันตะวันเดือด ตอนที่ 9 (ต่อ)

การถ่ายภาพยนตร์ในสตูดิโอแห่งหนึ่ง ผู้กำกับและทีมงานในกองถ่ายต่างจ้องมองการแสดงของอาคิโกะกับพระเอกอย่างใช้สมาธิ
 
พระเอกเดินตามมาคว้าแขน แต่อาคิโกะสะบัดแขนจนหลุดจากการเกาะกุมของพระเอก ก่อนจะหันขวับไปจ้องหน้าพระเอก จู่ ๆ อาคิโกะก็ชะงักเพราะลืมบทพูด 
“คัท”
ผู้กำกับสั่งหยุดเสียงดัง ก่อนจะเดินเข้าไปบ่น
“อาคิโกะ คัทเพราะคุณหลายเทคแล้วนะ ทำไมคุณไม่มีสมาธิเลย”
“ขอโทษค่ะ ฉันอยากพัก”
อาคิโกะเดินหนีไปยังห้องแต่งตัว ไม่สนสายตาของคนทั้งกองถ่าย ผู้กำกับมองตามอึ้ง ๆ ก่อนส่ายหน้าเอือมระอา

อาคิโกะนั่งลงหน้ากระจกในห้องแต่งตัว สีหน้าเต็มไปด้วยความหงุดหงิด ทันใดนั้นเสียงยูจิดังขึ้น
“ใครทำให้คนสวยอารมณ์เสียแต่วัน”
อาคิโกะจำเสียงคุ้นหูได้ หันขวับไปเห็นยูจิยืนอยู่มุมหนึ่งในห้องตัวเอง กำลังเดินตรงมาหาเธอ
“มาทำไม”
อาคิโกะลุกขึ้นจะเดินหนี แต่ถูกยูจิปรี่เข้ามาดักไว้ เธอจนมุม หลังพิงกระจก ประจันหน้ากับเขา
“คิดถึง มาหาไม่ได้เหรอ”
ยูจิจะโน้มหน้าเข้าหอมแก้ม อาคิโกะเอียงหน้าหลบอย่างรังเกียจ
“ต้องการอะไร”
“ริว โอะนิซึกะ อยู่ที่ไหน”
“ขนาดผู้กองฝ่ายสืบสวนยังไม่รู้ แล้วฉันจะรู้ได้ไง”
“แต่เธอคือคนของโอะนิซึกะ”

ไทชิหิ้วกล่องอาหารหลายอย่างเข้ามาถามทีมงานคนหนึ่งในกองถ่าย
“คุณอาคิโกะอยู่มั้ยครับ”

อาคิโกะเชิดหน้า เย้ยยูจิ
“เห็นฉันเป็นคนของโอะนิซึกะ ก็เลยมาถามความจริงจากฉัน เพิ่งรู้ว่าตำรวจฝ่ายสืบสวนเขาทำงานกันง่าย ๆ แบบนี้”
ยูจิโมโห ยื่นมือไปคว้าหมับที่คออาคิโกะ บีบแน่นจนเธอหน้าแหงน
“ผมไม่มีเวลามาเล่นลิ้นกับคุณ”
“ก็ฉันไม่รู้” อาคิโกะตกใจกลัว
“อาคิโกะ”
เสียงไทชิดังขึ้น ยูจิชะงัก กลัวไทชิเข้ามาเจอสั่งอาคิโกะ
“สืบมาให้ได้ว่าริวอยู่ที่ไหน ไม่งั้นผมจะแฉทุกสื่อเรื่องของเรา”
“สารเลว” อาคิโกะแค้น
ยูจิจะบีบคออาคิโกะ เหวี่ยงไปติดโต๊ะหน้ากระจก แล้วรีบผละหลบไป ไทชิเข้ามาอีกทาง เฉียดฉิว ไม่ทันเห็นยูจิ
“อาคิโกะ เธอเป็นอะไร”
ไทชิรีบวางกล่องอาหาร เข้าไปช่วยประคองอาคิโกะให้นั่งลงตรงเก้าอี้ อาคิโกะหน้าซีด ๆ กลบเกลื่อนบอกไทชิ
“เวียนหัวนิดหน่อย”
“นั่งพักก่อนนะ เดี๋ยวฉันไปหายาดมมาให้”
ไทชิรีบวิ่งออกไปขอยาดมจากทีมงานด้านนอก อาคิโกะหน้าเครียด วิตกกังวลกับคำขู่ของยูจิ

ระเบียงบ้านพักแพรวดาวยามเย็น...มายูมิประคองเท้าทั้งสองข้างของริวมาแช่ในกะละมังที่มีน้ำอุ่นลอยดอกไม้อยู่ ริวนั่งนิ่งหน้าตาเต็มไปด้วยความหงุดหงิด ต่างกับมายูมิที่ยังคงยิ้มแย้มกับเขาตลอดเวลา
“การแช่เท้าในน้ำอุ่นจะช่วยเพิ่มการไหลเวียนของกระแสเลือด น้ำเหลือง และระบบประสาทแทบทุกส่วนในร่างกาย”
มายูมิพูดพลางนวดเท้าให้อย่างนุ่มนวล ไม่รังเกียจ ริวมองการกระทำของมายูมิ ยิ่งรู้สึกว่าตัวเองไร้ค่า ทำอะไรด้วยตัวเองไม่ได้ ความเครียดทำให้อาการปวดหัวของเขากำเริบขึ้น จนต้องยกมือขวาขึ้นมากุมหัว มายูมิมัวแต่ก้มหน้าก้มตานวดเท้าให้ไม่ทันสังเกตอาการ
“แช่เท้าในน้ำอุ่นบ่อย ๆ ระบบไหลเวียนในร่างกายคุณก็จะดีขึ้น”
“พอได้แล้ว”
ริวสะบัดเท้าขวาหลุดจากมือมายูมิ จนทำให้น้ำในกะละมังกระเด็นไปโดนมายูมิอย่างไม่ตั้งใจ มายูมิอึ้งแปลกใจ
“อะไรกันคะริว”
“เลิกทำเหมือนผมเป็นตัวตลกสักที”
“ฉันไม่เคยคิดอย่างนั้นนะคะ”
“ผมเป็นคนไร้ค่าที่ทำอะไรไม่ได้ พยายามแค่ไหนก็ยังยืนด้วยตัวเองไม่ได้” ริวกุมหัวบีบแน่น “ผมเกลียดตัวเอง”
“ปวดหัวเหรอคะ เดี๋ยวฉันไปเอายามาให้นะคะ”
“ผมอยากอยู่คนเดียว”
“ใจเย็น ๆ นะคะริว”
“เลิกยุ่งกับผมสักที”
ริวปวดหัวจี๊ด อาละวาด เท้าขวาของริวเตะกะละมังคว่ำไปโดนมายูมิเปียกชุ่มทั้งตัว ทาเคชิกับแพรวดาววิ่งเข้ามาด้วยความตกใจ
“เกิดอะไรขึ้น”
มายูมิรู้สึกอึดอัดและกดดันจนถึงที่สุด ลุกหนีไปทั้งน้ำตา
“มายูมิ”

แพรวดาวรีบวิ่งตามไป ทาเคชิมองริวด้วยสายตาตำหนิ รู้ว่าต้นเหตุเกิดจากริว

มายูมิร้องไห้วิ่งหนีริวมาที่แปลงดาวเรือง ในไร่องุ่นด้วยความเสียใจ จู่ ๆ ก็สะดุดเท้าตัวเอง ล้มลง
 
“โอ๊ย...”
“มายูมิ”
แพรวดาววิ่งตามมา เห็นมายูมิล้มจึงรีบเข้ามาช่วยประคอง
“เจ็บตรงไหนรึเปล่า”
มายูมิเงยหน้ามองแพรวดาวน้ำตาไหลพราก แววตาเต็มไปด้วยความทดท้อและเหนื่อยใจ
“พี่เซโกะ...ฉัน...” มายูมิเสียงเครือพูดอะไรไม่ออก
แพรวดาวปาดน้ำตาให้อย่างนุ่มนวล ปลอบใจ
“โอะคะมิซังแห่งโอะนิซึกะจะต้องเข้มแข็ง เชิดหน้ารับแสงตะวันเข้าไว้แล้วน้องของพี่จะไม่มีวันได้เห็นเงามืดอีกเลย”
มายูมิโผกอดแพรวดาว ปล่อยโฮ ระบายความเก็บกดภายใจออกมา แพรวดาวกอดมายูมิแน่น ให้กำลังใจ

โถงในบ้านพักแพรวดาว...ทาเคชิจับตัวริวนั่งลงตรงตั่งไม้ สำหรับต้อนรับแขก ท่าทางเอาจริง
“รู้ตัวมั้ยว่าทำอะไรลงไป”
ริวเลี่ยงสายตามองไปทางอื่น ไม่สนใจ ทาเคชิขยับตัวไปยืนอยู่ตรงระยะสายตาริวจ้องหน้าจริงจัง
“ฉันรู้ว่าแกเครียดที่ยังขยับตัวไม่ได้เหมือนคนปกติแต่การรักษาต้องใช้เวลาและความอดทน”
“แกไม่เป็นฉัน ไม่มีวันรู้”
“ฉันอาจจะไม่รู้ว่าแกทุกข์ทรมานยังไง แต่ฉันทนเห็นมายูมิเสียใจเพราะการกระทำแย่ ๆ ของแกไม่ได้”
ริวสบตาทาเคชิเมื่อเขาพูดถึงมายูมิ
“แกรู้สึกว่าตัวเองไร้ค่า แต่การกระทำของแกต่างหากที่ไร้ค่า ถึงแม้ร่างกายจะพัง ก็ไม่ควรทำให้หัวใจของเรากับคนที่รักเราพังตามไปด้วย”
ทาเคชิแตะไหล่ริว เตือนด้วยความหวังดี
“ทุกชีวิตอยู่ได้ด้วยใจ ต่อให้ท้อแท้สิ้นหวังแค่ไหน ถ้ายังมีหัวใจ ก็ยังมีชีวิต แกโชคดีที่ยังมีทั้งชีวิตและหัวใจนะริว”
ริวนิ่ง คิดตามคำพูดทาเคชิ

ค่ำนั้น...มายูมินอนหลับไปอย่างอ่อนเพลีย ขอบตาบวมช้ำ ผ่านการร้องไห้มาอย่างหนัก ริวยังนอนไม่หลับ มองมายูมิ เขานึกถึงอดีตตอนที่มายูมิเข้าไปสวมกอดเขาจากด้านหลัง สงสารเขามาก
“ตั้งสติให้ดีนะคะริว ฉันเป็นหมอ ฉันต้องรักษาคุณจนหาย คุณต้องหายค่ะ เชื่อใจฉันนะคะอะนะตะ ที่รักของฉัน”
ริวนึกถึงเหตุการณ์ที่มายูมิให้กำลังใจ
“คุณยังเหลือร่างกายอีกครึ่งหนึ่งที่ขยับได้ ยังเหลือหัวใจที่เต้นแรงเหมือนหัวใจฉัน ยังมีฉันอยู่เคียงข้างคุณเสมอไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น”
ริวนึกถึงตอนมายูมิกุมมืออย่างให้กำลังใจ ยังไม่ยอมหมดหวัง
“ถ้าคุณเป็นห่วงฉัน คุณจะต้องเข้มแข็งและลุกขึ้นมาปกป้องฉันให้ได้ ปกป้องคิมิที่รักของคุณ”
ริวนึกทบทวนถึงตอนที่มายูมิอยู่เคียงข้างเขามาตลอด รู้สึกผิดต่อมายูมิ
“มายูมิ ผมขอโทษ”
ริวคิดทำอะไรบางอย่าง

เช้าวันใหม่...มายูมินอนหลับอยู่ รับเสียงไม้เท้าค้ำยันหล่นพร้อมเสียงร้องของริวดังขึ้น
“โอ๊ย”
มายูมิสะดุ้งตื่นลุกขึ้น นึกว่าตัวเองหูแว่ว แต่พอหันมองหาริวในห้องไม่เจอก็นึกเอะใจ
“ริว”
มายูมิเป็นห่วงริว รีบลุกจากห้องไปทันที

ลานกว้างหน้าบ้านพักในไร่องุ่น...มายูมิรีบเดินออกมาหน้าบ้าน ร้อนใจเป็นห่วงริว เธอเห็นเขาล้มอยู่กับพื้น พยายามใช้มือซ้ายยื่นไปจับไม้เท้าค้ำยันไว้จนได้ มายูมิอึ้ง ใจเต้นระทึก ยืนมองลุ้น ๆ ริวตั้งใจจะใช้ไม้เท้าค้ำยันยันตัวเองลุกขึ้น ครั้งแรก เขายังทำไม่สำเร็จ
“สู้นะคะริว คุณต้องทำได้” มายูมิพึมพำลุ้น
ริวพยายามรวบรวมแรงกายและแรงใจอย่างไม่ยอมแพ้ ใช้ไม้เท้าค้ำยันค่อย ๆ ยันตัวเองลุกขึ้นอย่างยากลำบาก แต่ก็สามารถลุกขึ้นยืนได้เองในที่สุด
“ริว...คุณยืนได้แล้ว คุณทำได้แล้ว...”
มายูมิเดินช้า ๆ เข้ามาหาน้ำตาเอ่อด้วยความตื่นเต้นดีใจ ริวมองมายูมิที่หยุดยืนอยู่ตรงหน้า แววตาของเขาเต็มเปี่ยมไปด้วยความรักที่มีต่อเธอ
“คุณทำให้ผมเข้มแข็งและพยายามลุกขึ้นสู้เพื่อชีวิตและหัวใจคิมิ คุณคือชีวิตและหัวใจของผม”
“หัวใจคุณกับหัวใจฉัน เราคือหัวใจเดียวกันค่ะอะนะตะที่รัก”
มายูมิโผเข้าไปกอดริวด้วยความรักและพันธนาการแห่งหัวใจที่ผูกพันกันแน่นหนา ริวค่อย ๆ ใช้แขนทั้งสองข้างโอบกอดมายูมิไว้แนบแน่น อบอุ่น
 
ทาเคชิกับแพรวดาวกอดกันมองริวกับมายูมิอยู่มุมหนึ่ง ดีใจไปกับความรักของทั้งคู่

ถนนเปลี่ยวนอกเมือง ห่างไกลชุมชน ขบวนรถสามคันของมิอุระแล่นผ่านไป โดยรถของฮารุอยู่ตรงกลาง มีรถลูกน้องนำหน้าและประกบท้าย...
 
ที่ด่านตรวจ มีแผงกั้นของด่านตำรวจปลอมตั้งอยู่กลางถนน โดยมีตำรวจตรึงกำลังอยู่หลายนาย อาวุธครบมือ ฮารุกับชุนนั่งข้างคนขับเห็นด่านตำรวจไกล ๆ ด้านหน้า ชุนรีบหันไปบอกฮารุ
“ข้างหน้ามีด่านตำรวจ”
ฮารุมองออกไป เข้าใจว่าเป็นเพียงด่านตรวจความเรียบร้อยตามปกติ
“ชะลอความเร็วลง ฉันไม่อยากโดนยัดข้อหา”
ลูกน้องคนขับเริ่มชะลอความเร็วรถลงตามคำสั่งฮารุ

มุมซ่อนตัวข้างทาง ยูจิแอบซุ่มมองขบวนรถฮารุแล่นเข้ามาที่ด่านตรวจ ยิ้มเหี้ยม รอเวลา
“แกเสร็จฉันแน่...ไอ้ฮารุ”

ขบวนรถสามคันของมิอุระแล่นเข้ามาจอดหน้าด่านพอดี ทันทีที่รถของมิอุระจอดรอให้ตำรวจปลอมเปิดแผงกั้นผ่านทาง จู่ ๆ ตำรวจปลอมทั้งหมดก็ยกปืนขึ้นลั่นไกยิงเข้าใส่รถทั้งสามคันของมิอุระไม่ยั้ง ปัง ๆ ฮารุก้มตัวหลบเศษกระจกแตกกระจายใส่ร่างเขา เสียงปืนยังดังรัวต่อเนื่องไม่มีหยุด ฮารุรู้ทันที
“กับดัก”
ฮารุมองผ่านช่องกลางระหว่างเบาะด้านหน้า เห็นลูกน้องคนขับนอนแน่นิ่งจมกองเลือด ชุนชักปืนออกมาจะยิงตอบโต้ แต่ยังไม่มีจังหวะยิง
“ชุน หาทางหนีออกไปให้เร็วที่สุด”
ชุนพยักหน้ารับรู้ หันรีหันขวางมองหาทางหนีรอดออกไป

ภายนอกรถ ยูจิแทรกตัวเดินนำเหล่าตำรวจปลอม ตรงเข้ามายิงปืนเข้าใส่รถฮารุอย่างดุเดือด ปัง ๆ ฮารุกับชุนถีบประตูรถอีกด้าน รีบคลานออกมาจากรถ หลบกระสุนที่กระหน่ำยิงเข้ามาในรถอย่างไม่มีทีท่าว่าจะหยุด ฮารุถูกกระสุนพุ่งเฉี่ยวหัวไหล่ขวาจนเลือดกระฉูด ทรุดลง
“อ๊าก”
“เจ้านาย”
ชุนรีบเข้าไปช่วยพยุงตัวฮารุพากันคลานหนีไปอย่างยากลำบาก รถทั้งสามคันของมิอุระ ถูกตำรวจปลอมยิงจนสภาพรถย่อยยับ ลูกน้องมิอุระตายเรียบ ยูจิยกมือขึ้นให้ลูกน้องหยุดยิง แล้วรีบปรี่ไปสำรวจรถของฮารุเห็นเพียงลูกน้องคนขับเสียชีวิตอยู่ในรถคนเดียว ไม่มีฮารุ ตำรวจปลอมหันไปเห็นชุนพยุงตัวฮารุลุกขึ้น มุ่งหน้าเข้าไปในชายป่าข้างทาง ไกลออกไป
“ไอ้ฮารุมันหนีไปทางโน้นครับ”
“ตามไป” ยูจิตะโกนสั่ง
เหล่าตำรวจปลอมวิ่งกรูกันตามไล่ล่าฮารุกับชุน ยูจิรีบตามไปติด ๆ

ชุนพยุงฮารุวิ่งหนีห่ากระสุนของเหล่าตำรวจปลอมมาถึงริมแม่น้ำ กระสุนเฉี่ยวเข้าที่ขาชุน เลือดสาดกระเซ็น
“โอ๊ย...”
ชุนล้มกลิ้งกับพื้น ฮารุตกใจ รีบไปพยุงตัวชุน ตำรวจปลอมคนหนึ่งวิ่งนำมาก่อน ฮารุคว้าปืนที่มือชุนยิงใส่ตำรวจปลอมล้มลง ก่อนจะหันไปเห็นตำรวจปลอมอีกคนโผล่เข้ามาอีกด้าน จึงยิงใส่ ตำรวจปลอมล้มลง ฮารุกัดฟันพยุงชุนยืนขึ้น ทั้งที่ตัวเองก็มีบาดแผลที่หัวไหล่ เลือดไหลไม่หยุด
“รีบไปเร็ว”
ฮารุพยุงชุนมาถึงริมแม่น้ำ หมดทางหนี ชุนหันขวับมองหน้าฮารุ ราวกับรู้การตัดสินใจของฮารุ เหล่าตำรวจปลอมยังไล่ตามมายิง ปัง ๆ ฮารุพยักหน้าส่งสัญญาณบอกชุน ทั้งสองตัดสินใจกระโดดออกไปยังแม่น้ำเบื้องหน้าทันที ฮารุกับชุนลอยละลิ่ว ตกลงในแม่น้ำตูมใหญ่ ยูจิและเหล่าตำรวจปลอมวิ่งมามองตาม
“มันหนีลงน้ำไปแล้ว”

ยูจิแค้น เจ็บใจมาก

ฮารุกับชุนว่ายน้ำมาขึ้นฝั่ง ฮารุพยุงชุนขึ้นมาจากน้ำอย่างทุลักทุเลเพราะชุนถูกยิงบริเวณขา
 
“ไหวมั้ย”
“สบายมากครับ”
ชุนหันไปเห็นบาดแผลถูกยิงที่ไหล่ขวาของฮารุมีเลือดไหลทะลักออกมามากกว่าเดิม จึงรีบฉีกชายเสื้อของตัวเองเป็นทางยาว เอามาพันแผลห้ามเลือดให้ฮารุชั่วคราว
“ไปโรงพยาบาลดีกว่า”
“แค่กระสุนยิงเฉี่ยว ฉันไม่ตายง่าย ๆ หรอก” ฮารุย้อนถาม “แน่ใจรึว่าจะไม่มีใคร
ไปดักรอเราที่โรงพยาบาล”
ชุนชะงักไป เห็นด้วยกับคำพูดของฮารุ
“รีบกลับไปตั้งหลักที่มิอุระ ฉันจะต้องรู้ให้ได้ว่าเหตุการณ์วันนี้เป็นฝีมือใคร”
ฮารุหน้าเคียดแค้น

วันใหม่...มือซ้ายของริวจับช้อนไปตักกับข้าวจานหนึ่งด้วยตัวเอง มายูมิ ทาเคชิ แพรวดาว นิ่งมองริวยกช้อนที่ตักกับข้าวกลับมาใส่จานตัวเองอย่างเอาใจช่วย จนริวทำได้สำเร็จ ทาเคชิบอกกับริว
“ร่างกายซีกซ้ายของแกเริ่มเคลื่อนไหวได้ดีขึ้นแล้วนะ ฉันดีใจกับแกด้วย”
“เคลื่อนไหวได้ แต่ก็ยังไม่คล่องตัวเหมือนเดิม”
แพรวดาวยิ้มให้กำลังใจ
“อย่าใจร้อนสิคะ คุณริวขยันทำกายภาพบำบัดทุกวัน แถมยังมีคุณหมอประจำตัวคอยดูแลอย่างใกล้ชิด อีกไม่นานก็วิ่งได้ค่ะ”
ริวหันไปหามายูมิ กุมมือเธอด้วยความซาบซึ้งใจ
“ขอบคุณนะมายูมิ ที่ไม่เคยทิ้งผม”
“ฉันจะทิ้งชีวิตและหัวใจตัวเองได้ยังไงล่ะคะ”
“หวานไม่เกรงใจคนแถวนี้เลยนะครับ” ทาเคชิกระแอม
“แกหวานล้ำหน้าฉันไป จนมีลูกสามคนแล้ว เดี๋ยวฉันจะรีบฟิตแซงแกมั่ง”
มายูมิหันไปตีแขนริวเบา ๆ ด้วยความเขิน จนทาเคชิกับแพรวดาวหัวเราะขำมายูมิกับริว
“ขอบคุณพี่ทาเคชิกับพี่เซโกะ ที่คอยให้กำลังใจเราสองคนด้วยนะคะ”
“เราแค่ให้กำลังใจ แต่อาการที่ดีขึ้นของริวเกิดจากหัวใจที่เข้มแข็งและไม่ยอมแพ้ของเธอสองคน อุปสรรคแท้จริงไม่ใช่สิ่งที่เรามองเห็นตรงหน้า แต่มันคือสิ่งที่อยู่ในใจของเราเอง”
“ถ้าอาโคจิไม่รีบกลับ ก็คงดีใจที่เห็นอาการคุณริวดีขึ้น”
แพรวดาวรำพันด้วยความเสียดาย ริวกับทาเคชิสบตากัน รับรู้ถึงภาระหน้าที่ที่โคจิต้องกลับไปจัดการแทน

หน้าสนามบิน...โคจิเข็นรถขนกระเป๋าเดินออกมา คัตสึ เซกิ เข้ามาหาโคจิ โค้งตัวทำความเคารพ
“ท่านโคจิ”
“รถจอดอยู่ทางด้านนี้ครับ”
เซกิผายมือบอก โคจิเดินนำไป คัตสึ เซกิช่วยเข็นรถขนกระเป๋าเดินตาม ขณะที่มีใครกำลังจ้องการกลับมาของโคจิในครั้งนี้

บ่อนมิซาว่า...มาซารุหันหลังกลับมาอย่างไม่เชื่อหู เมื่อรู้เรื่องจากทาคาโอะ
“ไอ้โคจิบินกลับมาจากฮ่องกง”
“ผมเช็คการเดินทางของโคจิที่สนามบินแล้ว...โคจิขึ้นเครื่องบินไปลงที่ประเทศสิงคโปร์ แต่บินกลับมาจากประเทศฮ่องกง”
มาซารุสงสัย
“แล้วริวกับว่าที่คู่หมั้นของมันอยู่ที่ไหนกันแน่”

โคจิท่าทางสุขุมลุ่มลึก ขณะคุยกับคาซูมะ มาซาโตะ
“พวกมันไม่มีทางรู้ว่าโซเรียวอยู่ที่ไหน”

เคนครุ่นคิดตาม ก่อนออกความเห็น
“โอะนิซึกะวางแผนหลอกล่อให้พวกเราสับสน”

คาซูมะพยักหน้าเห็นด้วยกับโคจิ
“ความปลอดภัยของโซเรียวกับคุณมายูมิสำคัญที่สุด เราจะให้ศัตรูรู้ไม่ได้ว่าโซเรียวอยู่ที่ไหน”

มาซารุคิดหาทาง ไม่ยอมแพ้
“ในเมื่อสืบจากข้อมูลการเดินทางไม่ได้ ก็ต้องทำให้คนที่รู้มันพูดเอง”
ทาคาโอะหันมาถาม
“ท่านจะทำยังไง”
“สามทหารเสือแห่งโอะนิซึกะ มันจะเข้มแข็งสักเท่าไหร่กันเชียว”

มาซารุหน้าเหี้ยมเกรียม อำมหิต

รอยฝันตะวันเดือด ตอนที่ 9 (ต่อ)

อาคิโกะไขกุญแจห้องพัก เปิดประตูห้องแล้วหันมาบอกไทชิที่ยืนรออยู่
 
“ขอบคุณที่มารับส่ง แต่ไม่ต้องมาทุกวันก็ได้”
“ฉันเต็มใจ”
“เธอไม่รู้จริง ๆ เหรอว่าริวอยู่ที่ไหน”
ไทชิเงยหน้าสบตาอาคิโกะ ไม่อยากพูดถึงเรื่องนี้
“ฉันถามเพราะเป็นห่วงริว”
“เพื่อความปลอดภัยของโซเรียว องครักษ์อย่างฉันไม่จำเป็นต้องรู้ เธอเหนื่อยมาทั้งวันแล้ว รีบพักผ่อนเถอะ”
อาคิโกะเดินเข้าห้อง งอนไทชินิด ๆ เมื่อเข้าไปในห้อง ล็อกประตูห้องเสร็จ หันหลังมาเจอยูจิ ยืนประชิดตัวเธออยู่ ใกล้มาก
“คุณ”
อาคิโกะตกใจ จะหนี แต่ถูกยูจิคว้าตัวและเอามือปิดปากไม่ให้ส่งเสียง อาคิโกะขัดขืนจนเสียหลัก หลังกระแทกประตูห้องเสียงดัง ไทชิที่กำลังเดินไป หันขวับเมื่อได้ยินเสียงดังมาจากห้องอาคิโกะ จึงรีบเดินกลับมาหน้าห้อง เคาะประตูเรียกด้วยความเป็นห่วง
“มีอะไรรึเปล่า”
อาคิโกะตื่นตระหนกอยู่ในอ้อมกอดยูจิที่กระซิบสั่งเสี่ยงดุ
“ไล่มันไป”
ยูจิเลื่อนมือที่ปิดปากอาคิโกะลง ไทชิเคาะประตูเรียกอีกหลายครั้ง
“อาคิโกะ”
อาคิโกะพยายามปรับน้ำเสียงให้เป็นปกติ ตอบไทชิ
“กลับไปเถอะไทชิ ฉันง่วงแล้ว”
ไทชิยังลังเล
“พรุ่งนี้ ฉันจะมารับเธอนะ”
ไม่มีเสียงตอบออกมาจากในห้อง ไทชิจึงหันหลังเดินจากไป ทั้งที่ยังรู้สึกเป็นห่วงอาคิโกะ

อาคิโกะนิ่งฟังข้างประตูจนแน่ใจว่าไทชิจากไปแล้ว จึงหันไปผลักยูจิออกห่างจากตัวเธอทันที
“เข้ามาในห้องฉันได้ยังไง”
“ไม่ใช่เรื่องยากสำหรับผม”
อาคิโกะจะเดินหนี แต่ถูกยูจิกระชากแขน รั้งไว้
“เรื่องที่ผมให้คุณไปสืบล่ะ”
“ไทชิไม่รู้ว่าริวอยู่ไหน”
“แล้วคนอื่น”
“ฉันมีงานต้องทำ จะเอาเวลาที่ไหนไปหาคำตอบให้คุณ”
“คงต้องรื้อฟื้นเรื่องของเรา เผื่อจะกระตุ้นให้คุณขยันขึ้น”
ยูจิมองอาคิโกะด้วยแววตาหื่นกระหาย อาคิโกะรู้ทัน รีบสะบัดแขนหลุดจากยูจิ หาทางหนี
ยูจิตามไปกระชากตัวไว้ พยายามดันตัวเธอติดกับกำแพง”
“ปล่อยฉันนะ อย่าทำอะไรฉัน”
ยูจิหัวเราะร้าย เหวี่ยงอาคิโกะลงบนโซฟาใกล้ ๆ แล้วโน้มตัวตามลงไปจัดการทันที
“อย่า!” อาคิโกะ กรีดร้อง

แพรวดาวอยู่ในครัว เปิดฝาหม้อนึ่ง จนควันจากหม้อคลุ้งไปทั่วบริเวณ เธอมองขนมตาลที่เพิ่งนึ่งสุกใหม่ ๆ สีสันน่ารับประทานอย่างพอใจ มายูมิถือถาดมาวางข้างหม้อนึ่ง มองขนมตาลด้วยความตื่นเต้น ไม่เคยเห็น
“หอม น่าทานจังเลยค่ะ”
“ขนมตาล ทำมาจากลูกตาลสุก ผสมกับแป้งข้าวเจ้า กะทิ น้ำตาลทราย โรยด้วยมะพร้าวทึนทึกจ้ะ”
“พี่เซโกะสอนฉันทำขนมไทยบ้างสิคะ”
“จะไปทำให้ว่าที่สามีทานใช่มั้ย”
“รู้ทันอยู่เรื่อย” มายูมิเขิน
แพรวดาวยิ้มให้มายูมิด้วยความเอ็นดู

ริวกับทาเคชิฝึกซ้อมเคนโด้ด้วยไม้ไผ่อยู่บริเวณลานหน้าบ้าน ริวยังตั้งรับและตอบโต้ทาเคชิได้ไม่ถนัดนัก ทาเคชิตวัดไม้ไผ่ในมือ พุ่งเข้าใส่ ริวตั้งรับไม่ทัน โดนฟาดล้มลง
“ไม่ได้เรื่อง” ทาเคชิต่อว่า
ริวลุกขึ้นเงื้อไม้ไผ่พุ่งเข้าใส่ แต่กลับถูกทาเคชิตีจนล้มลงไปอีก
“มีฝีมือแค่นี้เหรอ”
ริวฮึดลุกขึ้นอย่างไม่ยอมแพ้ ปราดเข้าเล่นงานทาเคชิอีกครั้ง ทาเคชิหมุนตัวหลบริว แล้วตวัดไม้ไผ่ตีจนริวล้มคว่ำไปอีก
“ลุกขึ้นมาสู้กับฉัน”
ทาเคชิเป็นฝ่ายเงื้อไม้ไผ่พุ่งเข้าหาริวบ้าง ริวกัดฟันยกไม้ไผ่ขึ้นรับ พยายามสู้เต็มที่ไม่ยอมแพ้
ทาเคชิตวัดไม้ไผ่ตีรุกไล่ ริวได้แต่ถอยตั้งรับ
“หัวใจของการต่อสู้คือสมาธิ หัวใจของสมาธิคือมีสติตลอดเวลา ตั้งสติให้ดีริว แกต้องทำได้... แกต้องไม่แพ้”
ริวกัดฟันรวบรวมสมาธิและความมุ่งมั่น ควงไม้ไผ่พุ่งเข้าเล่นงานทาเคชิ
“ย้าก”
ริวฟาดไม้ไผ่เข้าใส่ทาเคชิสุดแรง ทาเคชิตั้งรับได้ แต่เสียหลัก ริวอาศัยจังหวะนั้นตวัดไม้ไผ่ตีเข้าใส่ทาเคชิซ้ำอีกครั้ง จนทาเคชิล้มลงไปกองกับพื้น แพรวดาวกับมายูมิช่วยกันยกจานใส่ขนมตาลและน้ำหวานมาเห็นพอดี
แพรวดาวชะงักอึ้งมองทาเคชิ ความรู้สึกหวาดกลัวในอดีตผุดขึ้นในความคิดอีกครั้ง ริวรีบเข้าไปช่วยประคองทาเคชิลุกขึ้นด้วยความดีใจ
“ฉันทำได้แล้ว”
ริวชะงักไปนิด อาการปวดหัวเริ่มจะกลับมาอีก พยายามสะบัดศีรษะ
“อย่าเพิ่งหักโหม ได้แค่นี้ก็เก่งมากแล้ว”
แพรวดาววางจานขนมลงบนแคร่ไม้ใกล้ ๆ แล้วเดินหนีไปอย่างไม่พอใจ
“พี่เซโกะ” มายูมิร้องเรียก

ทาเคชิ ริว มายูมิ มองตามแพรวดาวด้วยความแปลกใจ ทาเคชิรีบตามแพรวดาวไป

ทาเคชิเดินตามมา เห็นแพรวดาวยืนมองแปลงดาวเรืองที่ออกดอกบานสะพรั่ง สวยงาม ด้วยใบหน้าหม่นหมอง ไม่สบายใจ
 
“คุณจำที่มาของแปลงดอกดาวเรืองพวกนี้ได้มั้ยคะ”
“มันคืออนุสรณ์ของความรักและความเสียสละที่ทาโร่มีให้กับเรา โกรธที่ผมซ้อมเคนโด้กับริวเหรอ”
“อาวุธคือสัญลักษณ์ของสงคราม คือการพลัดพราก ฉันไม่อยากให้เรากลับไปสู่วิถีแห่งการต่อสู้อีก”
แพรวดาวรู้สึกใจหาย หวั่นวิตก
“ผมช่วยริวฝึกการเคลื่อนไหวร่างกายเท่านั้น ขอโทษ ที่ทำให้คุณไม่สบายใจ”
“ฉันกลัว...”
ทาเคชิช้อนมือทั้งสองของแพรวดาวมากุมไว้ ยืนยันหนักแน่น
“ทาเคชิคนเก่าตายไปนานแล้ว ผมคือตะวัน สามีชาวไร่ของคุณ ตะวันกับแพรวดาวจะใช้ชีวิตอย่างสงบสุขด้วยกันตลอดไป”
แพรวดาวกอดซบทาเคชิอย่างกลัวคนรักจะถูกพรากจากไป ทาเคชิโอบกอดแพรวดาวแนบแน่น หวังให้แพรวดาวคลายความวิตกกังวล

ในห้องทำงานมาซารุ ที่สำนักงานตำรวจ มาซารุเงยหน้าขึ้นมองยูจิที่อยู่ในสภาพเหมือนคนเพิ่งตื่นนอน
“หายหัวไปไหนมาทั้งคืน”
“ตามประสาคนโสด”
“ผู้หญิงของไอ้ริวไม่อยู่ ทำให้แกกลับมาเป็นเพลย์บอยได้ก็ดี”
“ถ้าเรียกมาถามเพราะเรื่องแค่นี้ ผมขอตัวไปทำงาน” ยูจิไม่พอใจ
“แกไม่มีสิทธิใส่อารมณ์กับฉัน”
มาซารุตบโต๊ะใส่ยูจิอย่างหมดความอดทน ก่อนลุกมายืนประจันหน้า
“ท่านยามาโมโต้โกรธมากที่แกจัดการไอ้ฮารุไม่ได้ เรากำลังจะเดือดร้อน รู้ตัวบ้างมั้ย”
“ผมขอโทษ”
“คำขอโทษไม่มีความหมาย ทางเดียวที่แกจะลบล้างความผิดคือทำงานใหม่ให้สำเร็จ”
“งานใหม่” ยูจิแปลกใจ
“ถ้าพลาดอีก ฉันก็คุ้มกะลาหัวแกไม่ได้”
ยูจินิ่ง แต่ความรู้สึกไม่พอใจพ่ออย่างมาก

โถงบ้านโอะนิซึกะ...อายะโกะเสิร์ฟชาให้มาซารุกับเคน แล้วรีบเลี่ยงออกไป
“เป็นเกียรติของโอะนิซึกะที่ท่านมาซารุเข้ามาดูแลคดีลอบฆ่าโซเรียวด้วยตัวเอง แต่โซเรียวอยู่ในช่วงพักรักษาตัว” โคจิบอกเรียบๆ
“ที่ไหน”
เคนแทรกขึ้นแต่ต้องชะงัก เมื่อมาซารุส่งสายตาปราม ไทชิคอยสังเกตท่าทางมาซารุกับเคนอย่างไม่ไว้ใจ
“เราไม่สามารถเปิดเผยเรื่องภายในโอะนิซึกะให้ทราบ”
มาซารุไม่พอใจ
“หมายความว่าคุณจะไม่ให้ความร่วมมือกับตำรวจ ในการติดตามตัวคนร้ายมาดำเนินคดี”
โคจิไม่ตอบ กลับมองหน้ามาซารุด้วยท่าทีสุขุม นิ่งมาก

วันต่อมา คลังสินค้าโอะนิซึกะ...ไทชิชี้ลังสินค้าจำนวนหนึ่ง ให้ลูกน้องดูด้วยความไม่พอใจ
“มีสินค้าเลี่ยงภาษีปะปนมากับสินค้าของเราได้ยังไง”
“ผมไม่ทราบครับ”
มาซาโตะเดินเข้ามาหยุดมองและครุ่นคิด ก่อนสั่งลูกน้อง
“เอาเอกสารกำกับสินค้ามาให้ฉันตรวจ เราต้องรีบส่งของกลับไปก่อนที่ โอะนิซึกะจะเดือดร้อน”
ลูกน้องโค้งตัวรับคำ แล้วรีบไปเอาเอกสาร มาซาโตะกับไทชิมองลังสินค้าตรงหน้าด้วยความไม่สบายใจ

ห้องรับรองในร้านซูชิ คาซูมะนั่งอยู่ในห้องรับรองส่วนตัวที่มีฉากไม้กั้นห้อง รอใครบางคนอยู่
คัตสึ เซกิ สะกิดเกี่ยงกัน ก่อนเซกิจะเป็นคนเอ่ยปากก่อน
“เลยเวลานัดมาเกือบครึ่งชั่วโมงแล้วนะครับ”
“คุณชูตะ คงกำลังเดินทางอยู่” คาซูมะหันมาบอก
“ผู้ร่วมลงทุนรายใหม่ไม่มีวินัย จะมีปัญหากับธุรกิจของเรารึเปล่าครับ” คัตสึกังวล
คาซูมะครุ่นคิด ก่อนตัดสินใจลุกขึ้นจะกลับ ไม่รอแล้ว เด็กเสิร์ฟคนหนึ่งปรี่เข้ามาในห้อง ยกถาดที่วางกระดาษโน๊ตเล็ก ๆ แผ่นหนึ่ง ยื่นให้คาซูมะอย่างนอบน้อม คาซูมะหยิบกระดาษโน้ตมาเปิดอ่านข้อความด้วยความสงสัย
“ยินดีต้อนรับสู่...กับดัก !”
เด็กเสิร์ฟเงยหน้าขึ้น ยิ้มร้าย กระชากดาบสั้นที่ซ่อนอยู่ใต้ถาดออกมา เงื้อมีดปรี่เข้าหา คาซูมะเบี่ยงตัวหลบ วาดปืนพกออกมาจะยิง เด็กเสิร์ฟกระโดดเตะจนปืนคาซูมะหลุดจากมือ กระเด็นไป คัตสึ เซกิพุ่งมาถีบเด็กเสิร์ฟจนเสียหลักไปชนฉากกั้นห้องจนล้มพังระเนระนาด ลูกน้องมิซาว่าที่ปลอมตัวเป็นเด็กเสิร์ฟอีกหลายคนก็ปราดเข้ามา ในมือถือดาบสีเงินวาววาบ รุมล้อมทั้งสามไว้ คาซูมะจำได้
“มิซาว่า”
เหล่าลูกน้องมิซาว่ากรูเข้ามาเล่นงานคาซูมะ คัตสึ เซกิ อย่างไม่รั้งรอ คาซูมะคว้าแจกันใบใหญ่ทุ่มเข้าใส่ลูกน้องมิซาว่าที่พุ่งเข้ามา คัตสึคว้าเก้าอี้ตวัดตีเข้าใส่ลูกน้องมิซาว่า เซกิเลื่อนโต๊ะผลักเข้าขวางลูกน้องมิซาว่า ก่อนหันไปบอกคาซูมะ
“รีบหนีไปก่อนครับ”
“แต่...” คาซูมะลังเล
“เร็ว”

คัตสึตะโกนบอก ขณะต่อสู้กับลูกน้องมิซาว่า เริ่มจะต้านทานไม่อยู่ คาซูมะจำใจหนีไปทางหนึ่ง ลูกน้องมิซาว่าคนหนึ่งเห็น รีบตามคาซูมะไป

หลังร้าน ลูกน้องมิซาว่าพุ่งมาดักหน้า ตวัดดาบเข้าใส่ คาซูมะเอี้ยวตัวหลบ ก่อนคว้าท่อนไม้ไผ่ใกล้ตัวเข้ามารับดาบ
 
ลูกน้องมิซาว่ากดน้ำหนักที่ดาบลง คาซูมะฮึดใช้ไม้ไผ่ผลักดาบออก แล้วตวัดไม้ไผ่ตีเข้าใส่ลูกน้องมิซาว่าจนล้มคว่ำไป คาซูมะกำลังจะหนี ยูจิก้าวเข้ามาจากด้านหลัง คาซูมะเห็นเงาหันขวับไปมอง พร้อมๆกับที่ยูจิฟาดสันปืนเข้าที่ต้นคอ ภาพตรงหน้าคาซูมะดับมืดลง ล้มทั้งยืนไปทันที

ในร้านซูชิ คัตสึ เซกิ กระเด็นไปกองกับพื้นคนละทาง ทั้งสองถูกลูกน้องมิซาว่าฟันด้วยดาบจนมีบาดแผลหลายแห่งตามตัว ลูกน้องมิซาว่าควงดาบ เตรียมจะพุ่งเข้าจัดการคัตสึ เซกิ อีกครั้ง
“หยุดนะ”
ฮารุ ชุน ลูกน้องมิอุระวิ่งมาถึง ต่างตวัดดาบฟาดฟันลูกน้องมิซาว่า คัตสึ เซกิ อึ้ง ไม่คาดคิดว่ามิอุระจะเข้ามาช่วย
“มิอุระ”
ฮารุพุ่งเข้าไปจัดการลูกน้องมิซาว่าคนหนึ่งอย่างเหนือชั้น ชุนและลูกน้องมิอุระช่วยกันต่อสู้กับลูกน้องมิซาว่าทีรายล้อมเข้ามา ลูกน้องมิซาว่าเห็นท่าไม่ดี จึงกระชากปืนออกมายิงเข้าใส่พวกมิอุระ เปรี้ยง ๆ ฮารุ ชุน ลูกน้องมิอุระต่างกระโดดหลบไปคนละทาง ลูกน้องมิซาว่าอาศัยจังหวะนั้นพากันหลบหนีไป

คัตสึ เซกิ ในสภาพบาดเจ็บ สะบักสะบอม ถูกลูกน้องมิอุระประคองเดินออกมาจากร้าน ขณะที่ลูกน้องมิอุระกระจายกำลังกันหาตัวคาซูมะจนทั่วบริเวณนั้น ฮารุมองชุนที่เดินเข้ามารายงาน
“หาจนทั่วแล้ว ไม่พบท่านคาซูมะครับ” ชุนรายงาน
คัตสึ เซกิ เครียด เป็นห่วงคาซูมะ
“มิซาว่าจับตัวท่านคาซูมะไปทำไม” คัตสึแปลกใจ
“ริว โอะนิซึกะ บาดเจ็บสาหัส ถ้าขาดสามทหารเสือแห่งโอะนิซึโกะไปอีก ตระกูลนักรบซามูไรคงเหลือแต่ชื่อ” ฮารุบอก
“หมายความว่า...”
“ทหารเสืออีกสองคนกำลังตกอยู่ในอันตราย”
ฮารุพูดด้วยน้ำเสียงและแววตาเครียด

ริวพูดกับทาเคชิอย่างรู้สึกผิด รู้ว่าตัวเองอาจเป็นสาเหตุทำให้ทาเคชิกับแพรวดาวผิดใจกัน
“ฉันเป็นต้นเหตุที่ทำให้คุณเซโกะไม่สบายใจ”
“เซโกะเจอเรื่องราวร้าย ๆ มามากตอนที่เป็นโอคุซังของฉัน เธอยังหวาดผวาเรื่องการเข่นฆ่าล้างแค้นอยู่เสมอ” ทาเคชิบอกอย่างหนักใจ
“ไม่คิดจะกลับไปดูแลโอะนิซึกะจริง ๆ เหรอ”
“ไม่ว่าจะถามอีกกี่ครั้ง ฉันก็ขอยืนยันที่จะใช้ชีวิตอยู่กับครอบครัว ที่ฉันรักเท่านั้น”
ริวจะพูดโน้มน้าวทาเคชิ แต่ทาเคชิตัดบทด้วยการวางมือบนบ่าริว กดย้ำแต่ไม่แรง
“รีบรักษาตัวให้หาย หน้าที่สำคัญของโอะนิซึกะโซเรียวรอแกอยู่ แกต้องกลับไปกอบกู้บ้านเมืองให้หลุดพ้นจากอำนาจมืด ก่อนที่เราจะสูญเสียทุกอย่างให้กับคนชั่ว”
ริวเครียด หนักใจภาระหนักอึ้งที่รอเขาอยู่

คลังสินค้าโอะนิซึกะ มาซาโตะตรวจเอกสารอย่างละเอียดกับไทชิ
“สินค้าเลี่ยงภาษีพวกนั้นไม่ระบุชื่อและที่อยู่ผู้ส่ง เป็นไปได้ยังไง” มาซาโตะแปลกใจ
“หรือมีคนจงใจแกล้งเรา” ไทชิกังวล
เสียงลังสินค้าหลายลังล้มครืนลงมาจนดังสนั่น มาซาโตะ ไทชิ หันขวับไปตามที่มาของเสียง

มาซาโตะ ไทชิ วิ่งมาดูอีกมุมหนึ่งของคลังสินค้า เห็นลังสินค้าล้มกระจัดกระจาย แต่กลับไม่มีลูกน้องโอะนิซึกะอยู่เลยสักคน ไทชิหันมองหา
“หายไปไหนกันหมด”
“ฉันส่งพวกมันไปรับใช้โซเรียวคนเก่าในนรกแล้ว”
ทาคาโอะ นาบุ และลูกน้องมิซาว่าปรากฏตัวขึ้นล้อมไทชิและมาซาโตะไว้
“ทาคาโอะ” มาซาโตะตกใจ
ไทชิสังเกตจำนวนคนของมิซาว่าที่มีมากกว่า สู้ยังไงก็แพ้ ตัดสินใจถีบลังสินค้าที่วางซ้อนกันหลายชั้นใกล้ตัว จนล้มระเนระนาดลงมา พวกมิซาว่ากระโดดหลบไปคนละทาง ไทชิคว้าแขนมาซาโตะวิ่งหนีไปทางหนึ่ง
“ทางนี้ครับ”

“ตามมันไป”

ไทชิพามาซาโตะวิ่งมายังบริเวณลังสินค้าที่วางซ้อนกันหลายชั้น ทาคาโอะ นาบุ ลูกน้องมิซาว่ากรูตามเข้ามาพร้อมดาบในมือ
 
ไทชิกับมาซาโตะแยกกันไปยืนหลบคนละมุม ก่อนหันมาพยักหน้าส่งสัญญาณนัดแนะให้ดักเล่นงานพวกมิซาว่าคนละทาง
ทันทีที่นาบุ และลูกน้องมิซาว่าเดินใกล้เข้ามา ไทชิกับมาซาโตะจึงกระโดดหลบจากที่ซ่อน เล่นงานลูกน้องมิซาว่าไปทีละคน จนทั้งคู่สามารถแย่งดาบมาจากลูกน้องมิซาว่าได้ ทั้งคู่ต่อสู้กับพวกมิซาว่าอย่างสุดกำลัง
ทาคาโอะตวัดดาบพุ่งเข้ามาเล่นงานไทชิที่ตอบโต้อย่างคล่องแคล่ว ลูกน้องมิซาว่าแอบเข้ามาเล่นงานไทชิจากด้านหลัง ไทชิไหวตัวหลบได้ทัน จังหวะนั้นเองที่ทาคาโอะได้เปรียบ หมุนดาบเข้าฟาดฟันไทชิถึงสองครั้ง ไทชิโดนฟันที่ไหล่และแขน ล้มลง
“โอ๊ย”
มาซาโตะหันขวับมาเห็น นาบุสบโอกาส ปราดเข้ามาเงื้อดาบฟันเข้ากลางหลังมาซาโตะ จนทรุดลงไปอีกคน
“อ๊าก”
“ท่านมาซาโตะ”
ลูกน้องมิซาว่า 2 คน รีบเข้าไปล็อคตัวมาซาโตะไว้ จะพาตัวไป ทันใด มีดสั้นสองเล่มพุ่งแหวกอากาศเข้ามาปักกลางหน้าอกของลูกน้องมิซาว่าทั้งสองคนจนล้มคว่ำ ทาคาโอะตกใจว่าเกิดอะไรขึ้น หันขวับไปเห็นฮารุ ชุน ลูกน้องมิอุระ มาล้อมพวกมิซาว่าไว้อีกทีหนึ่ง
“ฮารุ” ทาคาโอะอึ้งๆ
ฮารุวาดลวดลายซัดมีดสั้นเข้าใส่ทาคาโอะอย่างรวดเร็ว ทาคาโอะไม่เกรงกลัว ตวัดดาบปัดมีดของฮารุออกไป ชุนนำลูกน้องมิอุระ กรูเข้าเล่นงานนาบุกับลูกน้องมิซาว่าทันที มิอุระมีกำลังเยอะกว่า รุกไล่มิซาว่าจนเริ่มถอยร่น
ทาคาโอะรู้ว่ากำลังเสียเปรียบ มองขึ้นไปเห็นป้ายผ้าผืนใหญ่ยักษ์อยู่บนคาน จึงปราดเข้าไปฟาดคมดาบเข้าใส่เชือกที่ตรึงป้ายผ้านั้นอยู่ ป้ายผ้าขาดหลุดร่วงลงมา จะคลุมพวกมิอุระ
“เฮ้ย หลบเร็ว”
ชุนกระโดดหลบไปทางหนึ่ง ลูกน้องมิอุระกระโดดหลบกันอลหม่าน ทาคาโอะผิวปากส่งสัญญาณ นาบุและลูกน้องมิซาว่าอาศัยจังหวะนั้นรีบหนีไป กว่าลูกน้องมิอุระจะรื้อป้ายผ้าที่ขวางออกได้ ก็ตามพวกมิซาว่าไปไม่ทันแล้ว ไทชิบาดเจ็บแต่ก็ยังกระเสือกกระสนไปประคองร่างมาซาโตะที่สลบไปเพราะเสียเลือดมาก พยายามเขย่าตัวเรียก
“ท่านมาซาโตะ”
ฮารุก้าวเข้ามา ไทชิมองฮารุอย่างไม่ค่อยไว้ใจ กลัวว่าฮารุจะทำร้าย

โรงพยาบาล...โคจิมองมาซาโตะหลับไม่ได้สติอยู่บนเตียง และสภาพบาดเจ็บของไทชิ คัตสึ เซกิ ด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
“มิอุระรู้การเคลื่อนไหวของมิซาว่าได้ยังไง” โคจิหันไปถามฮารุอย่างตรงไปตรงมา
“เมื่อหลายวันก่อนเราถูกลอบทำร้าย เราสะกดรอยตามกลุ่มอิทธิพลเถื่อนทุกกลุ่มมาหลายวันแล้ว”
ฮารุเปิดแผลที่หัวไหล่ด้านขวาให้โคจิดูด้วยความแค้น
“แต่คนที่เล่นงานเราวันนั้น ไม่ใช่มิซาว่า”
“ยังมีคนอื่นอีกเหรอ”
“อาจเป็นพวกเดียวกันหรือไม่ใช่ก็ได้”
“ฉันจะไปชิงตัวคาซูมะกลับมา”
โคจิโกรธ หันหลังจะเดินออกไป ชะงัก เมื่อมาซารุเปิดประตูเดินเข้ามาพร้อมเคน
“ท่านมาซารุ”
มาซารุจ้องมองฮารุกับโคจิด้วยสายตาหาเรื่องจับผิด

มุมหนึ่งในโรงพยาบาล มาซารุย้อนถามฮารุ ราวกับไม่เชื่อเรื่องราวที่ได้ยิน
“มีใครเห็นมิซาว่าจับตัวคาซูมะไปมั้ย”
“เรามั่นใจว่า...” ฮารุบอกหนักแน่น
มาซารุตัดบท
“ความรู้สึกส่วนตัว ใช้เป็นหลักฐานเอาผิดทางกฎหมายไม่ได้”
“แต่มิซาว่าบุกเล่นงานโอะนิซึกะทั้งสองแห่งในเวลาไล่เลี่ยกัน”
“โอะนิซึกะกับมิซาว่าทะเลาะวิวาทกันจนเป็นเรื่องปกติ ส่วนการหายตัวไปของคาซูมะ ถ้าไม่ครบ 24 ชั่วโมง...ก็ยังแจ้งความไม่ได้”
“จะไม่ทำอะไรเลยใช่มั้ย” ฮารุถามไม่พอใจ
“ทุกอย่างต้องเป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย”

ฮารุจะโต้แย้ง แต่ถูกโคจิสบสายตาเตือน ไม่ให้พูด มาซารุยิ้มในหน้า สายตาร้ายลึก เจ้าเล่ห์

รอยฝันตะวันเดือด ตอนที่ 9 (ต่อ)

ริวกับมายูมิยืนสูดอากาศบริสุทธิ์ยามค่ำคืน ท่ามกลางแสงดาวระยิบระยับบนท้องฟ้า
 
“คืนนี้ดาวสวยจังเลยนะคะ”
ริวเหม่อ ไม่ได้ยิน มายูมิยื่นมือไปแตะแขนริวเบา ๆ
“อาการคุณดีขึ้นจนเกือบหายแล้ว ยังไม่สบายใจอีกเหรอคะ”
“วิถีนักรบซามูไร ไม่มีอะไรแน่นอน”
“ขอแค่เราได้อยู่ด้วยกัน อนาคตจะเป็นยังไงฉันก็ไม่กลัว”
“คุณพร้อมจะเป็นโอะคะมิซังของผมรึยัง”
“ฉันพร้อมที่จะร่วมทุกข์และสุขกับคุณตลอดไปค่ะ”
ริวรวบมายูมิไว้ในอ้อมแขน แล้วจุมพิตที่หน้าผากมายูมิอย่างแผ่วเบา มายูมิยืนนิ่ง เขินเล็กน้อย
“ความรักของคุณมีค่าสำหรับผมมาก คิมิที่รัก”
“การได้รักคุณ คือความสุขที่สุดของฉันเช่นกัน”
“ผมเพิ่งเข้าใจว่าทำไมทาเคชิถึงยอมทิ้งทุกอย่างเพื่อเซโกะ”
“เราจะเข้าใจทุกอย่าง เมื่อเราเปิดใจ”
ริวกอดมายูมิอย่างมีความสุข ท่ามกลางแสงดาวบนท้องฟ้าที่โอบล้อมทั้งสองไว้

ห้องมืดในโกดังร้าง...คาซูมะลืมตาตื่นขึ้น พบว่าตัวเองถูกพันธนาการมัดขึงแขนขาทั้งสองข้างอยู่กับเสาสองต้นท่ามกลางความมืด เขาตกใจพยายามขยับตัวแต่ก็ไม่เป็นผล ฉับพลัน...ไฟดวงหนึ่งสว่างวาบขึ้น คาซูมะต้องเบือนหน้าหนี เสียงฝีเท้าใครคนหนึ่งก้าวเข้ามาตรงหน้า คาซูมะพยายามหรี่ตามองคนที่ยืนอยู่ตรงหน้า แต่ยังเห็นเพียงแค่เงามืดเท่านั้น
“ทาคาโอะ”
“หึ ๆ”
คาซูมะพยายามเพ่งสายตาจ้องมองอีกครั้ง จึงเห็นว่าคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าคือยูจิ
“ผู้กองยูจิ”
“แปลกใจมากเหรอ”
คาซูมะเข้าใจทันที
“แกเป็นพวกเดียวกับมิซาว่า”
ยูจิยิ้มเหี้ยม ยื่นมือมาบีบหมับที่คอ จนคาซูมะหน้าแหงนขึ้น ตะคอกถาม
“ริวอยู่ที่ไหน”
คาซูมะทุรนทุรายเพราะหายใจไม่ออกสักพัก ยูจิจึงปล่อยมือ คาซูมะหอบ เกือบหายใจไม่ออก แต่ไม่ยอมปริปากพูดอะไร
“ฉันต้องการคำตอบ”
“ตำรวจชั่วอย่างแกมันไร้เกียรติยิ่งกว่าเดรัจฉาน”
ยูจิต่อยหน้าคาซูมะอย่างแรงหลายครั้งด้วยความโกรธ
“จะตายแล้วยังปากดี”
ยูจิต่อยคาซูมะอีกไม่ยั้ง สุดท้ายคาซูมะนั่งหอบเลือดสด ๆ หยดออกจากปาก ใบหน้าช้ำไปหมด คาซูมะมองยูจิด้วยแววตาแค้นเคือง ไม่สะท้าน
“วิถีแห่งซามูไร การตายของฉัน ถือเป็นเกียรติที่ยิ่งใหญ่”
“คนที่ใช้ชีวิตเพื่อเกียรติและศักดิ์ศรี มันตายไปหมดแล้ว”

ยูจิต่อยคาซูมะเต็มแรงอีกครั้ง คราวนี้คาซูมะสลบเหมือดไปทันที

วันใหม่ ห้องๆ หนึ่งบริเวณโกดัง ยูจิรายงานมาซารุด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด
 
“เจ็บปางตาย มันก็ยังไม่ยอมปริปากบอกที่อยู่ไอ้ริว”
“สามทหารเสือแห่งโอะนิซึกะมันรักศักดิ์ศรีมากกว่าชีวิตตัวเอง” ทาคาโอะออกความเห็น
ยูจิหันขวับ
“ฉันไม่ได้ขอความเห็นจากคนทำงานพลาดอย่างแก อย่าแส่”
“เพิ่งแก้ตัวได้ครั้งนี้ ไม่ได้หมายความว่าแกจะวิเศษมากกว่าฉัน”
ยูจิกับทาคาโอะจะพุ่งเข้าเล่นงานกัน แต่ถูกมาซารุผลักให้แยกจากกันอย่างเหลืออด
“มันก็ห่วยด้วยกันทั้งคู่นั่นแหละ”
“ถ้าเดาไม่ผิด ซ้อมให้ตายคาซูมะก็ไม่มีวันบอกแน่ว่าไอ้ริวอยู่ที่ไหน โอะนิซึกะสำคัญมากกว่าชีวิตของมัน” ทาคาโอะออกความเห็น
มาซารุคิดตามคำพูดนั้น

ลูกน้องมิซาว่าสองคนเดินเข้ามาตรวจความเรียบร้อย เห็นคาซูมะที่ถูกมัดอยู่กับเสาต้นหนึ่ง ก้มหน้าสลบ ไม่ได้สติ ลูกน้องมิซาว่าใช้เท้าสะกิดเรียก แต่ก็ยังนิ่ง ไม่ไหวติง ทั้งสองหันมองกัน รู้สึกแปลก ๆ จึงรีบก้มลงใช้มืออังจมูก แล้วตกใจ
“ไม่หายใจ”
“ถ้ามันเป็นอะไรไป พวกเราซวยแน่”
ทั้งสองรีบแก้มัดอย่างตื่นตระหนก กลัวถูกลงโทษ เมื่อเชือกที่มัดตัวถูกคลายออก คาซูมะลืมตาขึ้น ผงกหัวขึ้นกระแทกคางลูกน้องอย่างแรง จนหน้าหงายร้องลั่น
“โอ๊ย”
ลูกน้องอีกคน หันมาจะเล่นงาน แต่กลับถูกคาซูมะใช้เชือกรัดคอจนแน่นิ่งคามือ แล้วหนีออกไปทันที

เคนครุ่นคิด แล้วหันมาถามมาซารุ
“เราจะทำให้คาซูมะยอมบอกที่อยู่ของริวได้ยังไงครับ”
มาซารุนิ่งครุ่นคิดหาวิธี แล้วยิ้มกริ่มอย่างนึกขึ้นได้
“โอะนิซึกะยอมตายอย่างมีศักดิ์ศรี ดีกว่าทรยศงั้นเหรอ ฉันมีวิธีหาตัวไอ้ริวแล้ว”
ทุกคนมองมาซารุด้วยความอยากรู้

คาซูมะวิ่งลัดเลาะออกมาภายนอกโกดังอย่างทุลักทุเล คอยมองหลังด้วยความระแวง กลัวลูกน้องมิซาว่าจะตามมา เขาโล่งใจที่ไม่เห็นคนของมิซาว่า ทันใดนั้น...มาซารุก็ก้าวออกมาจากมุมหนึ่ง ดักหน้าคาซูมะในระยะกระชั้นชิด
“จะรีบไปไหน”
“มาซารุ”
มาซารุวาดปืนออกมาจ่อที่หน้าอกด้านซ้ายของคาซูมะ ยิ้มเลือดเย็น คาซูมะตกใจ พร้อมเสียงปืนดังขึ้น... เปรี้ยง !

ฝูงนกบินพึ่บขึ้นสู่ท้องฟ้า เมื่อเสียงปืนดัง ริวกับมายูมิหันขวับ มองออกไปยังไร่องุ่นกว้างไกลสุดสายตาด้วยความตกใจ
“เสียงอะไร”
ทาเคชิเดินมาหาทั้งคู่ ยิ้มเหมือนเป็นเรื่องปกติ
“อยู่ในป่าในเขาแบบนี้ เสียงปืนไม่ใช่เรื่องแปลก บางครั้ง คนงานก็ยิงปืนขู่ ฝูงนกที่จะเข้ามาสร้างความเสียหายในไร่”
“ต้องฆ่ามันเลยเหรอคะ” มายูมิตกใจ
“แค่ใช้เสียงไล่เท่านั้นครับ”
มายูมิยิ้มโล่งใจ ก่อนหันไปเห็นสีหน้าเคร่งเครียดของริว
“ปวดหัวเหรอคะ”
ริวส่ายหน้า
“ผมสังหรณ์ใจยังไงไม่รู้”
ทาเคชิเห็นสีหน้าของริว จู่ ๆ ก็เกิดความรู้สึกไม่สบายใจขึ้นมาด้วย

ทางเดินในโรงพยาบาล...โคจิเดินนำลูกน้องโอะนิซึกะสองคนเข้ามาด้วยสีหน้าเคร่งเครียด ไทชิอยู่ในสภาพที่ยังมีผ้าพันแผล ปรี่เข้าไปหา
“ทางนี้ครับ”

โคจิรีบเดินตามไทชิไป

ประตูห้องดับจิตเปิดออก ไทชิเดินนำโคจิเข้ามา คัตสึ เซกิ ยืนเศร้าอยู่ข้างเตียงที่มีร่างคน ๆ หนึ่งถูกคลุมด้วยผ้าสีขาวนอนอยู่บนเตียง
 
นานะเปิดผ้าคลุมร่างบนเตียงให้ทุกคนดู เพื่อยืนยันการเสียชีวิต ผ้าคลุมสีขาวถูกเปิดออก เผยให้เห็นคาซูมะนอนแน่นิ่ง ไร้ลมหายใจแล้ว โคจิอึ้ง
“คาซูมะ”
ไทชิ คัตสึ เซกิก้มศีรษะเคารพศพคาซูมะ แสดงความเสียใจ
“คุณคาซูมะเสียชีวิตมาแล้วไม่ต่ำกว่า 6 ชั่วโมง ศพถูกพบบริเวณชายป่าชานเมืองค่ะ”
“ฝีมือพวกมิซาว่า” ไทชิบอกแค้นๆ
“ไม่ว่าฆาตรกรจะเป็นใคร มันต้องชดใช้กรรมที่ก่อไว้”
โคจิดึงผ้าสีขาวคลุมร่างให้คาซูมะอย่างมิดชิด แล้วโค้งตัวเคารพศพ
“หลับให้สบายเถอะเพื่อน โอะนิซึกะทุกคนจะทวงความยุติธรรมให้เอง”
ใบหน้าเคร่งขรึมของโคจิ แฝงแววตาเคืองแค้น

ฮารุนั่งลงอย่างงุนงงและตกใจ เมื่อรู้เรื่องจากชุน
“โอะนิซึกะเสียขุนพลสำคัญไปหนึ่ง บาดเจ็บสาหัสอีกหนึ่ง แต่มิซาว่าคงไม่หยุดแค่นี้”
“เจ้านายคิดว่ามีคนอื่นร่วมมือกับมิซาว่ามั้ย” ชุนสงสัย
“แน่นอน ยังมีตัวการใหญ่อีกคนนึง คนที่อยู่เบื้องหลังอาชญากรรมทุกรูปแบบของมิซาว่า”
“พวกมันต้องการโค่นโอะนิซึกะ แล้วเราจะเข้าไปเสี่ยงด้วยทำไม”
“ถ้ากำจัดโอะนิซึกะสำเร็จ แกคิดว่าใครจะเป็นเหยื่อรายต่อไป ทางรอดเดียวของมิอุระคือการผนึกกำลังกับโอะนิซึกะให้แข็งแกร่ง”
“แต่โอะนิซึกะโซเรียวจะหายเป็นปกติรึเปล่าก็ไม่รู้ เราเลือกถูกข้างแล้วเหรอ”
ฮารุคิดหนัก

โคจิเดินออกมาตามทางเดิน พลางยื่นจดหมายฉบับหนึ่งให้ไทชิที่เดินตามมา
“พรุ่งนี้เอาจดหมายไปส่งไปรษณีย์ด่วนที่สุด อย่าให้ใครเห็นที่อยู่บนจดหมายฉบับนี้เด็ดขาด”
“ผมทราบครับ”
ไทชิก้มศีรษะรับคำ แล้วรับจดหมายจากมือโคจิไปเก็บไว้ในกระเป๋าเสื้อด้านในสูท โดยไม่รู้ว่านาบุปลอมตัวเป็นคนทำความสะอาด ที่แสร้งก้มหน้าก้มตาถูพื้นอยู่ในบริเวณนั้น ลอบจ้องมองไทชิกับโคจิไม่วางตา

หลายวันต่อมา แพรวดาวเดินดูคนงานตัดผลองุ่นออกจากเถา แล้วชะงักหันกลับไปมองคนงานห้าคนที่กำลังก้มหน้าก้มตาตัดผลองุ่นอยู่ เพราะไม่คุ้นหน้ามาก่อน
“คนงานใหม่เหรอ”
ทาคาโอะกับนาบุก้มหน้ารับคำ แต่ไม่ยอมตอบ
“สงสัยอะไรก็ถามลุงบุญหัวหน้าคนงานนะจ๊ะ”
แพรวดาวยิ้มอย่างมีเมตตา ก่อนเดินไปดูงานทางอื่นต่อ ทาคาโอะ นาบุ ลูกน้องมิซาว่าเงยหน้าขึ้น ทาคาโอะยิ้มร้าย สายตาอำมหิต

ลานหน้าบ้านพัก ริวกับมายูมิฝึกซ้อมเคนโด้ด้วยไม้ไผ่อย่างตั้งใจ
“คุณต้องหมั่นฝึกกล้ามเนื้อ เพื่อให้การเคลื่อนไหวเป็นปกติ”
ริวเหมือนๆ จะหมดแรง มายูมิหมุนตัวเข้าไปซ้อนด้านหลัง จับมือริวที่ถือไม้ไผ่อยู่ ดึงร่างริวเข้ามาประชิด ริวชะงักไปนิด พอใจที่ได้ใกล้ชิดกับมายูมิ ทั้งสองยิ้มให้กันอย่างมีความหมาย ก่อนที่ มายูมิจะจับมือริวตวัดไม้ไผ่วาดไปมาอย่างสวยงาม เธอเผลอสบตาริว ทำให้เสียหลัก
“อุ๊ย”
ริวโอบรับมายูมิมากอดไว้ได้ทันก่อนที่เธอจะล้ม ทั้งคู่สบตากันหวานซึ้ง ตกอยู่ในห้วงภวังค์รัก เสียงกระแอมของทาเคชิดังขึ้น มายูมิรู้สึกตัวก่อน รีบผละออก ริวค้อนที่ถูกขัดจังหวะ ทาเคชิอมยิ้ม ขำริว ก่อนยื่นจดหมายฉบับหนึ่งให้
“จดหมายจากอาโคจิ น่าจะเป็นเรื่องสำคัญมาก ไม่อย่างนั้นอาโคจิคงไม่ส่งมาแน่ๆ”
ริวรับจดหมายจากทาเคชิไปเปิดอ่านด้วยความสงสัย สีหน้าริวอึ้ง ตกใจมาก มายูมิเห็น
“มีอะไรเหรอคะ”
ริวสบตาทาเคชิ สีหน้ายังอึ้ง ๆ
“อาคาซูมะ เสียชีวิตแล้ว”
“อะไรนะ”
ทาเคชิกับมายูมิตกใจไปด้วย ริวขยำจดหมายในมือแน่นอย่างใจเสีย

ริวทอดสายตามองวิวสวยตรงหน้าด้วยความเครียด เศร้า และรู้สึกผิด มายูมิตามมายืนอยู่ข้าง ๆ ริวด้วยความเป็นห่วง
“ผมเป็นต้นเหตุที่ทำให้อาคาซูมะตาย”
“อย่าโทษตัวเองสิคะ คุณเคยบอกฉันว่า หนทางของนักรบซามูไรไม่มีอะไรแน่นอน”
“การตายของอาคาซูมะถือเป็นเกียรติอันยิ่งใหญ่ แต่ไม่ควรเป็นเวลานี้”

“ฮึๆ ตอนนี้แหละเหมาะที่สุด”

เสียงหัวเราะของทาคาโอะดังขึ้น ริวกับมายูมิขวับมองหาต้นเสียงด้วยความตกใจ
 
“ทาคาโอะ”
ทาคาโอะปรากฏตัวพร้อมกับนาบุ ลูกน้องมิซาว่า ล้อมริวกับมายูมิไว้
“คิดไม่ถึงว่าคนป่วยใกล้ตายจะกลับมายืนได้อีก ฉันไม่น่าพลาดเลย”
“นรกไม่ต้องการฉัน แต่ต้องการคนชั่วอย่างพวกแกต่างหาก”
ริวตวาด ทาคาโอะโกรธ วาดดาบออกมา พุ่งตรงเข้าฟาดใส่ริวกับมายูมิอย่างไม่ทันตั้งตัว จนทั้งสองล้มไปคนละทาง
“ต้องขอบคุณวิญญาณไอ้คาซูมะ ที่ทำให้ฉันตามที่อยู่ในจดหมายมาเจอแก ในที่สุดเกียรติยศและศักดิ์ศรีของโอะนิซึกะ ก็ทำร้ายโซเรียวของมันเอง”
ทาคาโอะตวัดดาบด้วยลีลาเหนือชั้น ริวหมุนตัวหลบได้เฉียดฉิว คว้าท่อนไม้บริเวณนั้นขึ้นมารับดาบของทาคาโอะได้ทัน ลูกน้องมิซาว่าอีกคนควงดาบจะเล่นงานมายูมิ แต่ถูกมายูมิตวัดขาเตะจนล้มลง แล้วแย่งดาบจากลูกน้องมิซาว่าไป
ลูกน้องมิซาว่าบุกรุมเข้าเล่นงานริวที่ตวัดท่อนไม้เข้าเล่นงานกลับอย่างเหนือชั้น นาบุเงื้อดาบเข้าไปฟันมายูมิ ริวหันไปเห็น
“มายูมิ ระวัง”
มายูมิเอี้ยวตัวหลบ ฟาดดาบโต้กลับนาบุไปบ้าง

ในไร่องุ่นอีกด้าน ทาเคชิถอนใจแรง เครียดกับการเสียชีวิตของคาซูมะ แพรวดาวเดินเข้ามาใกล้ กวาดสายตามองหาใครบางคน
“มองหาใคร”
“คนงานใหม่เพิ่งเริ่มงานเมื่อเช้า หายไปไหนก็ไม่รู้ทั้งห้าคน”
“ห้าคน” ทาเคชิแปลกใจ
คนงานวิ่งกระหืดกระหอบมาบอกทาเคชิ
“ญาตินายถูกคนงานใหม่รุมทำร้ายอยู่ทางด้านโน้นครับ”
“ตายจริง” แพรวดาวตกใจ
ทาเคชิประมวลเรื่องราวทั้งหมด ก่อนหันไปสั่งแพรวดาว
“คุณรีบเข้าไปอยู่ในบ้าน ปิดประตูลงกลอนให้หมด ถ้าผมไม่เรียก ห้ามเปิดประตูให้ใครเด็ดขาด”
“นี่มันเรื่องอะไรกันคะ ฉันงงไปหมดแล้ว” แพรวดาวถามอย่างตกใจ

ริวพุ่งเข้าไปจัดการลูกน้องมิซาว่าแต่ละคนอย่างแม่นยำ แย่งดาบลูกน้องคนหนึ่งมาได้ ทาคาโอะปราดเข้าไปเล่นงาน ริวตอบโต้ไม่ยอมแพ้ มายูมิต่อสู้กับนาบุ หันไปเห็นริวถูกทาคาโอะและลูกน้องรุม จึงหาโอกาสพุ่งเข้าไปช่วย ตวัดดาบไล่ จนถึงตัวริว แล้วหันหลังชน ยืนหยัดสู้กับริวไม่ถอย
นาบุกระชากปืนออกมา หันกระบอกปืนมาทางริว รอจังหวะเหนี่ยวไก ทาเคชิพุ่งเข้ามาเตะปืนในมือนาบุกระเด็นไป ทาเคชิผูกผ้าปิดหน้าแบบนินจามาด้วย ทำให้พวกมิซาว่าไม่รู้ว่าทาเคชิเป็นใคร
ริวต่อสู้กับทาคาโอะ เห็นมายูมิต่อสู้กับลูกน้องมิซาว่า จึงตะโกนบอก
“รีบหนีไปก่อน มายูมิ”
“ฉันจะร่วมต่อสู้กับคุณ” มายูมิยืนยัน
“รักกันมาก ขอแนะนำให้กอดกันลงนรกซะเลย”
ทาคาโอะและลูกน้องมิซาว่าปรี่เข้ามาเล่นงานริวกับมายูมิ จนทำให้ทั้งคู่ต้องแยกกันต่อสู้อีก
“ฟื้นตัวได้เร็วมาก ไม่เหมือนคนที่โดนยิงเจาะกบาล แต่คนป่วยยังไงก็เป็นคนป่วยวันยังค่ำ”
ทาคาโอะฟาดดาบในมือเข้าใส่ริวรัวเร็ว ริวที่เพิ่งหายไม่นาน เมื่อต้องตั้งรับรุนแรง จึงเริ่มออกอาการย่ำแย่ จังหวะหนึ่งทาคาโอะถีบเข้าที่กลางยอดอก ร่างของริวถลาไปที่หินก้อนใหญ่ที่อยู่แถวนั้น ศีรษะฟาดเข้าที่ก้อนหินอย่างจัง ริววูบเสียหลัก อยู่ในอาการมึน สะบัดศีรษะไปมาอย่างต้องการเรียกสติให้กลับคืน สายตาริวเริ่มพร่าเบลอ ทาคาโอะฟันดาบเข้าใส่ ริวถลาหลบไปได้ แต่โดนทาคาโอะหมุนตัว กระแทกข้อศอกเข้าใส่กลางกะโหลกอย่างจัง ริวสลบกลางอากาศ ล้มทั้งยืน มายูมิหันไปเห็น ตกใจ
“ริว”

ทาเคชิเห็นริวล้มแน่นิ่งไป โกรธมาก จึงเตะนาบุสุดแรงจนเสียหลัก แล้วก้มลงหยิบปืนที่ตกจากนาบุมาได้ ยิงเข้าใส่ เปรี้ยงๆ นาบุโอนยิงเข้าไปนัดหนึ่ง แต่วิ่งหนีไปได้ ทาเคชิไม่สนใจนาบุเพราะเป็นห่วงริว รีบวาดปืนไปทางทาคาโอะ ยิงเปรี้ยงๆ เพื่อป้องกันริวที่สลบไปแล้วไม่ให้ถูกทำร้ายมากไปกว่านี้ คนงานในไร่หลายคนต่างถือมีด ถือเสียม เข้ามาจะป้องกันเจ้านาย ทาคาโอะเห็นท่าไม่ดี ขว้างดาบเข้าใส่ ทาเคชิหลบ ทาคาโอะได้โอกาส รีบโดดหนีออกไปอีกทางหนึ่ง รอดไปได้
“ริวคะ ได้ยินฉันมั้ย ริว”

ทาเคชิหันไปดูมายูมิที่ประคองร่างริวขึ้นมา ตรวจอาการ และเรียกให้ฟื้นสติ
 
จบตอนที่ 9 
กำลังโหลดความคิดเห็น