รอยฝันตะวันเดือด ตอนที่ 10
โถงบ้านโอะนิซึกะ...โคจิหน้าเครียด ไทชิกับเซกินั่งอยู่ทางด้านข้าง เจ้าหน้าที่ไปรษณีย์อาวุโสที่ใบหน้าและตามตัว มีบาดแผลร่องรอยบาดเจ็บหลายแห่ง เจ้าหน้าที่ก้มหัวด้วยความรู้สึกผิดอย่างมาก
“เกิดอะไรขึ้น” โคจิถามเสียงเครียด
“เจ้าหน้าที่อาวุโส ของสำนักงานไปรษณีย์มีเรื่องมาบอกครับ”
ไทชิพยักหน้าให้เจ้าหน้าที่พูด
“ทาคาโอะขู่บังคับให้ผมบอกที่อยู่คุณริวในจดหมาย ผมไม่มีทางเลือกจริง ๆ ผมขอโทษ...”
โคจิเครียด รู้ว่าอันตรายตกอยู่กับริวแน่
“โซเรียวกำลังตกอยู่ในอันตราย ต้องรีบส่งข่าวไปบอกให้รู้ตัว”
คัตสึวิ่งหน้าตื่นเข้ามา
“คุณมายูมิโทรศัพท์ด่วนมาจากเมืองไทย โซเรียวถูกมิซาว่าทำร้ายอาการสาหัสครับ”
ไทชิ คัตสึ เซกิ ตกใจเช่นกัน
“มิซาว่า...ไอ้สุนัขลอบกัด” เซกิแค้น
“เราจะปล่อยให้มิซาว่าเหิมเกริมโดยไม่ทำอะไรเลยเหรอครับ”
ไทชิถามโคจิอย่างเหลืออด โคจิเครียดจัด คิดหาวิธี
ริมทะลสาบวันใหม่...โคจิยืนนิ่งอยู่ที่ริมทะเลสาบ มองไปเบื้องหน้าอย่างครุ่นคิด ฮิโระก้าวมาหยุดตรงหน้าโคจิ มาตามเวลานัดหมาย
“นึกว่ารองฮิโระจะมาไม่ได้แล้ว”
“ผมไม่เคยผิดนัด”
“ขอโทษที่นัดมากะทันหัน ผมไม่อยากให้ศัตรูของเรารู้ตัว”
“ถ้าเป็นเรื่องความปลอดภัยของบ้านเมือง ผมยินดีให้ความร่วมมือเต็มที่”
“นอกจากความสัมพันธ์ของยามาโมโต้กับมาซารุ ผมอยากรู้ว่าสองคนนี้เกี่ยวข้องกับมิซาว่ายังไง”
“คุณสงสัยว่าทั้งคู่ร่วมมือกับมิซาว่า”
“ด้วยอำนาจและอิทธิพลของยามาโมโต้ เกรงว่าจะไม่ใช่แค่ร่วมมือ แต่น่าจะเป็นผู้บงการที่แท้จริง”
ฮิโระตกใจกับสิ่งที่โคจิบอก
หน้าบ้านโอะนิซึกะ...ไทชิต่อว่าลูกน้องด้วยความไม่พอใจ
“ท่านโคจิออกไปไหน ทำไมไม่มีใครรู้สักคน”
ลูกน้องก้มหน้าหลบสายตาไทชิ ตอบไม่ได้ เซกิออกความเห็น
“อาจมีธุระสำคัญที่ต้องรีบไปจัดการ”
“เหตุการณ์ตอนนี้ไม่น่าไว้ใจ ศัตรูมืดพร้อมจะเล่นงานโอะนิซึกะตลอดเวลา ท่านโคจิไม่ควรไปไหนคนเดียว” คัตสึหนักใจ
ไทชิเป็นห่วงโคจิ หันไปสั่งลูกน้อง
“ระดมคนของเราตามหาโดยเร็วที่สุด”
ฮิโระหนักใจ ยังมองไม่เห็นหนทาง
“ช่วงนี้มาซารุคอยจับตาดูผมตลอดเวลา คงทำงานให้ยากกว่าเดิม แต่ผมก็จะพยายาม”
“ผมเชื่อว่าคนที่สั่งฆ่าท่านโอะซะมุ และลอบทำร้ายโอะนิซึกะคือคนเดียวกัน ถ้าความจริงถูกเปิดเผย เราจะได้คนร้ายตัวจริงที่อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์วุ่นวายทั้งหมด”
ฮิโระพยักหน้าเห็นด้วย ก่อนโค้งตัวลาโคจิตามมารยาท โคจิโค้งตัวตอบ ทั้งสองเดินหันหลังแยกกันไปคนละทาง
โคจิเดินกลับมาที่รถซึ่งจอดอยู่ แต่ต้องชะงักเมื่อพบว่าถูกลูกน้องมิซาว่าหลายคนกรูเข้ามาล้อมไว้
“มิซาว่า”
โคจิจ้องพวกมิซาว่าอย่างระวังตัว ไม่เกรงกลัว ลูกน้องคนหนึ่งพุ่งเข้าจัดการโคจิก่อน แต่ถูกโคจิจัดการจนล็อคตัวไว้ได้ ที่เหลือรุมเข้าเล่นงานพร้อมกัน โคจิผลักลูกน้องที่ล็อคไว้เข้าใส่ทั้งกลุ่มจนพากันเซไป แล้วรีบหนี
“ฆ่ามัน”
ยูจิก้าวเข้ามาสั่งเสียงเหี้ยม ลูกน้องมิซาว่ารีบตามโคจิไปทันที
ทุ่งเปลี่ยว...ลูกน้องมิซาว่าพุ่งมาดักหน้าโคจิ เงื้อดาบจะฟาดฟัน โคจิคว้าข้อมือไว้ แล้วบิดไพล่ จนแย่งดาบมาได้ ก่อนจะถีบล้มไป เหล่าลูกน้องกรูเข้าเล่นงานพร้อมกัน โคจิสู้ไม่ถอยฟาดฟันจนล้มคว่ำไปหลายคน แต่ก็ยังถูกล้อมกรอบ จนไม่สามารถหนีไปไหนได้ โคจิชะงักเมื่อสายตาไปสะดุดกับคน ๆ หนึ่ง ยูจิยืนอยู่ท่ามกลางเหล่าลูกน้องมิซาว่า เห็นเป็นเงามืดอยู่ แต่โคจิจำได้
“ผู้กองยูจิ”
ยูจิยืนนิ่ง ไม่ตอบ
“กล้าเปิดเผยตัวตนที่แท้จริง ก็ควรจะกล้าสู้กันอย่างลูกผู้ชาย ไม่ใช้วิธีหมาหมู่”
ยูจิก้าวออกมาตามคำท้า จนเผยให้เห็นใบหน้าร้ายลึกอย่างชัดเจน โคจิขยับดาบเตรียมต่อสู้กับยูจิตัวต่อตัว แต่ยูจิกระชากปืนออกมา ยิงเข้าใส่โคจิทันที...เปรี้ยง
โคจิสะดุ้งเฮือก มือข้างหนึ่งกุมท้องไว้เลือดไหลทะลักออกมา ทรุดลงคุกเข่า แต่ยังใช้มือที่ถือดาบยันไว้ไม่ให้ล้ม ยูจิก้าวเข้าไป ยิงโคจิอีกหนึ่งนัด...เปรี้ยง โคจิหงายท้องลงไปกองกับพื้น นอนหายใจรวยริน ยูจิยืนเหนือร่างโคจิ ยกเท้าข้างหนึ่งขึ้นมาเหยียบบาดแผลโคจิ บดซ้ำ ขยี้ ด้วยสีหน้าและแววตาเหี้ยม เลือดเย็นมาก โคจิร้องลั่นด้วยความเจ็บปวด
“อ๊าก”
“ลูกผู้ชายอย่างฉัน ไม่จำเป็นต้องเปลืองแรงกับคนแก่ไร้น้ำยา”
โคจิจ้องยูจิเขม็ง แม้มัจจุราชอยู่ตรงหน้า ก็ไม่รู้สึกเกรงกลัว
“ปิดตำนานสามทหารเสือแห่งโอะนิซึกะ”
ยูจิยิ้มเหี้ยม เล็งปืนไปที่ร่างโคจิ แล้วยิงใส่...เปรี้ยง
เสียงปืนดังขึ้นสนั่นหวั่นไหว ไทชิพาลูกน้องโอะนิซึกะออกตามหาโคจิ หันขวับไปยังที่มาของเสียงด้วยความตกใจ ไทชินึกสังหรณ์ใจ เป็นห่วงโคจิ รีบวิ่งนำทุกคนไปยังต้นเสียงทันที
ไทชิและลูกน้องโอะนิซึกะมาถึง เห็นโคจินอนจมกองเลือดอยู่เพียงคนเดียว
“ท่านโคจิ”
ไทชิรีบเข้าไปประคองร่างโคจิ แล้วหันไปสั่งลูกน้อง
“พาท่านโคจิไปโรงพยาบาล...เร็ว”
โคจินอนแน่นิ่ง จมกองเลือด
วันใหม่...ริวนอนหลับอยู่ เริ่มกระสับกระส่าย มายูมินั่งเฝ้าริวอยู่ข้าง ๆ หันมาเห็นริวขยับตัวและลืมตาตื่นขึ้น
“ริว...คุณฟื้นแล้ว”
มายูมิโผกอดริวด้วยความดีใจและโล่งใจเป็นที่สุด ริวมองมายูมิ พยายามเรียกความทรงจำเก่า ๆ กลับคืนมา
“ไอ้ทาคาโอะมันทำอะไรคุณรึเปล่า”
“พี่ทาเคชิกับคนงานในไร่ช่วยกันไล่พวกมิซาว่าไปหมดแล้วค่ะ”
ริวนึกทบทวนเหตุการณ์ที่ต่อสู้กัน ทาคาโอะถีบร่างของเขาไปฟาดกับก้อนหินศีรษะฟาดเข้าที่ก้อนหินอย่างจัง เขาวูบ ตาพร่า แล้วยังถูกทาคาโอะกระแทกศอกเข้าใส่กลางกะโหลก...ริวจำเหตุการณ์ตอนนั้นได้ ไล่สายตามองตั้งแต่ช่วงเอวไปยังขาทั้งสองข้างของตัวเอง หน้าเครียดและเจ็บใจ
“ขาผมไม่มีความรู้สึกอะไรเลย”
“อย่าคิดมากนะคะ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับคุณ ฉันก็พร้อมจะอยู่เคียงข้างคุณเสมอค่ะริว”
มายูมิกุมมือริว ให้กำลังใจ ริวยิ้มรับ ไม่ท้อ ได้กำลังใจดีอย่างมายูมิ
มุมนั่งเล่น บ้านพักในไร่องุ่น...ทาเคชิบอกริวอย่างตัดสินใจ
“ฉันจะหาหมอที่เก่งที่สุดมารักษาแกให้หาย”
“ไม่จำเป็น เพราะหมอที่แกพูดถึงอยู่ข้าง ๆ ฉันแล้ว”
ริวสบตามายูมิด้วยความมั่นใจ แพรวดาวเข้ามา สีหน้าเต็มไปด้วยความกังวล
“คนของโอะนิซึกะเพิ่งโทรด่วนเข้ามาค่ะ”
“เกิดอะไรขึ้น” ริวถามทันที
“อาโคจิถูกลอบทำร้าย อาการเป็นตายเท่ากัน”
“อะไรนะ” มายูมิหน้าตื่น
ทุกคนตกใจ เมื่อรับรู้ข่าวร้ายจากโอะนิซึกะ ริวอึ้ง เครียด กดดันมาก
“ฉันจะเดินทางกลับโอะนิซึกะให้เร็วที่สุด”
“แต่แกยังไม่หาย” ทาเคชิขัดขึ้น
“โอะนิซึกะไม่มีผู้นำก็เหมือนเรือขาดหางเสือ ฉันจะไม่มีวันทิ้งลูกน้อง เพื่อเอาตัวรอดคนเดียว”
ทาเคชินิ่งไปพักหนึ่ง สะท้อนความคิดของริว เมื่อคิดถึงสิ่งที่ตัวเองกำลังเป็นอยู่
“ทั้ง ๆ ที่แกรู้ว่ามันคือกับดัก”
“เกียรติและศักดิ์ศรีของนักรบซามูไรแลกมาด้วยเลือดและชีวิต ฉันขอตายอย่างมีเกียรติร่วมกับพี่น้องโอะนิซึกะ ดีกว่าอยู่อย่างไร้ศักดิ์ศรี”
“ฉันดีใจที่เห็นแกโตขึ้น รู้จักหน้าที่ มีความรับผิดชอบ เข้าใจความรักที่แท้จริง” ทาเคชินึกสะท้อนใจถึงตัวเอง “ไม่เหมือนฉัน ที่ทิ้งโอะนิซึกะมา อย่างเห็นแก่ตัว”
“ความรักไม่ใช่เรื่องเห็นแก่ตัว ทุกอย่างมันผ่านไปแล้ว อย่าเสียใจกับการตัดสินใจของตัวเอง”
ทาเคชิหน้าตายังคงเต็มไปด้วยความไม่สบายใจ แพรวดาวมองทาเคชิ รู้สึกเหมือนตัวเองเป็นต้นเหตุของเรื่องนี้เช่นกัน
สวนหน้าบ้านพักในไร่องุ่นยามเย็น...แพรวดาวเดินมองหา เห็นทาเคชิยืนมองรอยขีดสามขีดตรงต้นไม้ต้นหนึ่งจึงเดินตามเข้าไป
“ลูก ๆ ชอบมาเล่นวัดส่วนสูงกันตรงนี้ค่ะ”
“รอยบนสุด คงเป็นของ ภานุ”
“ภาสกานต์ ก็สูงไล่เลี่ยกับพี่ชายคนโตแล้ว”
แพรวดาวชี้รอยส่วนสูงรอยที่สองให้ดู ทาเคชิยิ้ม ๆ จะยื่นมือไปลูบรอยส่วนสูงล่างสุดด้วยสายตาเอ็นดูการพูดถึงลูกทำให้ทาเคชิคลายความตึงเครียดลงได้บ้าง
“ยายตัวเล็ก พราวตะวัน จะสูงทันพวกพี่ ๆ มั้ย”
“ลูกผู้หญิงไม่ต้องสูงเหมือนผู้ชายก็ได้ค่ะ ถึงยังไงพี่ชายทั้งสอง ก็ต้องคอยปกป้องน้องสาวคนเล็กอยู่ดี”
ท่าทางทาเคชิชะงัก เครียดไป จนแพรวดาวรู้สึกได้
“คุณไม่สบายใจเรื่องโอะนิซึกะใช่มั้ยคะ”
“ศัตรูของโอะนิซึกะตามมาถึงที่นี่ ตราบใดที่ตัวการใหญ่ยังไม่ถูกกำจัด คุณกับลูกก็จะไม่มีวันปลอดภัย”
“แต่พวกมันไม่รู้ว่าคุณยังมีชีวิตอยู่”
“โอะนิซึกะไม่เหลือใครแล้ว ผมทิ้งให้ริวลำบากคนเดียวไม่ได้”
“แต่คุณเคยสัญญาว่าเราจะใช้ชีวิตสงบสุขอยู่ด้วยกันที่นี่ตลอดไป ในที่สุด วันที่ฉันกลัวก็มาถึง”
แพรวดาวเดินหนีไปด้วยความน้อยใจและเสียใจ ทาเคชิมองตามอย่างหนักใจ เครียดมาก ริวนั่งมองทาเคชิกับแพรวดาวอยู่ตรงระเบียงบ้าน เห็นทั้งสองทะเลาะกัน
ทาเคชิเดินผ่านมายังแปลงดอกดาวเรือง ความทรงจำในอดีตฉุดให้เขาต้องหยุดมองดอกดาวเรืองบานสะพรั่ง ทาเคชินึกถึงเหตุการณ์ที่ทาโร่ขอร้องเขาก่อนตาย
“โซเรียวจะมีความสุขกับโอคุซังที่เมืองไทย อย่าทำให้เธอเสียน้ำตาอีกเลย ผมขอร้อง...”
“ฉันจะทำทุกอย่างเพื่อให้เซโกะมีความสุข ฉันสัญญา”
ทาเคชินึกถึงคำสัญญามีที่มีต่อทาโร่และรู้สึกผิดต่อแพรวดาว
ห้องนอนทาเคชิในบ้านพักยามค่ำคืน...แพรวดาวมองรูปครอบครัวของเธอ ที่มีทาเคชิกับลูกชายวัย 10 ขวบ ลูกชายวัย 8 ขวบ และลูกสาววัย 4 ขวบ ถ่ายร่วมกันอย่างอบอุ่น แพรวดาวรู้สึกใจหาย เศร้า เอารูปนั้นมากอดแนบอก น้ำตาไหล ทาเคชิเข้ามาเห็น จึงตรงเข้ามาสวมกอด
“ผมขอโทษ...”
“คุณไม่ได้ทำอะไรผิด”
แพรวดาวหลบสายตาทาเคชิ อารมณ์น้อยใจ
“ผมผิดที่ทำให้คุณเสียน้ำตา”
ทาเคชิปาดน้ำตาให้แพรวดาวอย่างแผ่วเบา
“ทาเคชิคนเก่าตายไปแล้ว แต่ ตะวัน คนใหม่ก็ไม่สามารถลบสายเลือดและชาติกำเนิดของตัวเองได้”
แพรวดาวใจหาย
“ฉันเห็นแก่ตัว ฉันกลัวว่าจะสูญเสียคุณ”
“คุณจะไม่มีวันสูญเสียเพราะคุณกับลูกคือสิ่งมีค่าที่สุดในชีวิตผม”
“เราเกิดมาต่างกัน คิดไม่เหมือนกัน”
“แต่สุดท้าย เราก็อยู่ด้วยกันได้เพราะความรัก”
ทาเคชิดูรูปครอบครัวในมือแพรวดาว กระซิบข้างหูของเธออย่างหยอกเย้า
“สงสัยพยานรักสามคนจะไม่พอ ขอเพิ่มคนที่สี่ได้มั้ย”
“บ้า...”
แพรวดาวค้อนตามอง และทุบอกทาเคชิเบา ๆ ด้วยความเขินอาย
“ไม่มีดวงตะวัน ก็จะไม่มีดวงดาวส่องสว่างบนท้องฟ้า เราคือแสงสว่างของกันและกัน ผมสัญญาว่าจะไม่ทำอะไรให้คุณไม่สบายใจ”
ทาเคชิสวมกอดแพวดาวแน่นขึ้น ก่อนโน้มหน้าไปหอมแก้มเธออย่างทะนุถนอมเอาใจ แพรวดาวยิ้มเขิน รู้สึกอบอุ่น และคลายความน้อยใจลง
ในห้องนอนริวในบ้านพักยามค่ำคืน...ริวนอนไม่หลับ ครุ่นคิดถึงคำพูดทาเคชิ
“เซโกะเจอเรื่องราวร้าย ๆ มามากตอนที่เป็นโอคุซังของฉัน เธอยังหวาดผวาเรื่องการเข่นฆ่าล้างแค้นอยู่เสมอ”
ริวนึกถึงภาพที่แพรวดาวกับทาเคชิทะเลาะกันใต้ต้นไม้
“แต่คุณเคยสัญญาว่าเราจะใช้ชีวิตสงบสุขอยู่ด้วยกันที่นี่ตลอดไป”
ริวทอดถอนใจ คิดไม่ตก มายูมิยื่นแขนมากอดเตือนด้วยความเป็นห่วง
“ไม่มีใครแก้ปัญหาใหญ่ได้ในวันเดียว เครียดจนทุกข์จะทำให้เรายิ่งแย่นะคะ”
ริวหยั่งเชิงถาม
“ถ้าผมตัดสินใจทำอะไรสักอย่าง คุณจะว่ายังไง”
“ชีวิตของเราคือชีวิตเดียวกัน ฉันเชื่อและยอมรับในการตัดสินใจของคุณค่ะ”
มายูมิซบแขนริว และโอบกอดไว้ หวังให้เขาคลายกังวลลงบ้าง ริวหน้านิ่งตัดสินใจแล้ว
ระเบียงบ้านพักในไร่องุ่นเช้าวันใหม่...ทาเคชิมองเหรียญตราโอะนิซึกะสลับกับมองรูปครอบครัวของตัวเองอย่างหนักใจ แพรวดาวหน้าตาตื่นเข้ามาหาทาเคชิ
“แย่แล้วค่ะ”
ทาเคชิหันไปหาแพรวดาว ยังไม่ทันถาม แพรวดาวก็รีบยื่นจดหมายฉบับหนึ่งให้
“ฉันไปตามริวกับมายูมิมาทานอาหารเช้า แต่พวกเขาไม่อยู่แล้ว เจอแต่จดหมายฉบับนี้”
ทาเคชิรีบเปิดอ่านข้อความในจดหมาย
“ถึง ทาเคชิ...ฉันจากมาโดยไม่ได้ลา เพราะรู้ว่าแกต้องขัดขวาง และตามฉันมาแน่...”
“ฉันจะปล่อยให้อิทธิพลเถื่อนอยู่เหนือความถูกต้องของบ้านเมืองไม่ได้ เพราะมันเป็นหน้าที่ของโอะนิซึกะโซเรียว หัวหน้าของนักรบซามูไร...ฉันจากมาโดยไม่ได้ลา เพราะรู้ว่าแกต้องขัดขวางและตามฉันมาแน่ แกเคยยืนยันว่าจะใช้ชีวิตอยู่กับครอบครัวที่รัก สัจจะของสายเลือดนักรบซามูไรคือสัญญาที่ต้องรักษาด้วยชีวิต...ดูแลครอบครัวของแกให้ดี ฉันจะพิทักษ์เมืองนี้ให้ปลอดภัยจาก อันธพาลชั่วด้วยเกียรติและศักดิ์ศรีของสายเลือดโอะนิซึกะ นักรบซามูไร”
ริมหน้าผาในไร่องุ่น...ทาเคชิยืนอ่านจดหมายจบ จึงปล่อยจดหมายให้ปลิวไปกับสายลม
“ขอให้แกโชคดี...ริว”
ทาเคชิมองเหม่อออกไปยังเบื้องหน้า เอาใจช่วยริว
ริวกับมายูมินั่งอยู่บนเครื่องบิน บินกลับมายังญี่ปุ่น ริวหน้าเครียดกับเหตุการณ์บาดเจ็บและเสียชีวิตของสมาชิกสามทหารเสือแห่งโอะนิซึกะ มายูมินั่งอยู่เคียงข้างริว จับมือให้กำลังใจเขาแน่น
มายูมิเข็นริวพาเข้ามาในห้องพักฟื้นโรงพยาบาล เห็นโคจิกับมาซาโตะนอนไม่ได้สติ มีอุปกรณ์ช่วยชีวิตระโยงระยางเต็มไปหมด ริวจ้องไปที่ร่างของทั้งคู่อย่างเครียดๆ มายูมิเห็นอาการของริว นึกรู้ว่าเขากำลังเครียดมาแค่ไหน เธอจึงเอื้อมไปจับมือเขาไว้เพื่อให้กำลังใจ
พิธีศพของคาซูมะจัดขึ้นที่บ้านโอะนิซึกะ เป็นการจัดงานภายใน ไม่มีแขกจากข้างนอกมาร่วมงาน มายูมิเข็นรถเข็นให้ริวนั่งเข้ามาในพิธี ท่ามกลางสายตาอึ้ง ไม่คาดคิดของสมาชิกโอะนิซึกะ ที่เห็นริวเดินไม่ได้ ริวจดจ้องไปยังโลงศพของคาซูมะ สีหน้าเคร่งขรึมมาก
ในพิธีศพ บ้านโอะนิซึกะ...ฮารุเคารพศพคาซูมะเสร็จแล้ว จึงมาคำนับริวที่นั่งอยู่บนรถเข็นข้างโลงศพ โดยมีมายูมิคอยดูแลริวอยู่ด้วย
“โคโนทะบิโนะโกะฝุโค โอคุยาหมิ โมชิอาเงมัสสุ...โปรดรับการแสดงความเสียใจจากมิอุระด้วย”
“ขอบคุณที่ให้เกียรติโอะนิซึกะ”
“ผมเสียใจ ที่ไม่สามารถช่วยคุณคาซูมะได้”
ริวชำเลืองมองรูปคาซูมะหน้าโลงศพ สายตาเต็มไปด้วยความโกรธแค้น
“ไม่มีใครหนีพ้นความตาย แต่สิ่งที่อาคาซูมะได้รับมันเหี้ยมโหดเกินไป ผมสัญญาจะเรียกร้องความยุติธรรมให้อาคาซูมะให้ได้”
เสียงหัวเราะร้ายของทาคาโอะดังขึ้นกึกก้อง จนทุกคนต้องหันขวับไปมอง ทาคาโอะ นาบุ นำลูกน้องมิซาว่าเดินเข้ามาในงาน ท่าทางกร่าง ผยอง ไม่กลัวใคร
“หนึ่งในสามทหารเสือแห่งโอะนิซึกะตายทั้งที น่าจะจัดงานให้มันครึกครื้น ยิ่งใหญ่กว่านี้หน่อย”
ฮารุลุกขึ้นเตือนทาคาโอะอย่างไม่พอใจ
“ให้เกียรติเจ้าภาพด้วย”
“พวกสุนัขพันทาง อย่าแส่”
ชุนไม่พอใจแทนเจ้านาย ขยับตัวจะเข้าเล่นงานทาคาโอะ แต่ฮารุส่งสายตาห้ามไว้ ไม่อยากเสียมารยาทกับริว ทาคาโอะยิ้มย่ามใจ มองสภาพริวบนรถเข็น พูดเย้ย
“ฉันมาแสดงความเสียใจกับโอะนิซึกะ นักรบแห่งตะวันที่กำลังจะดับแสง ในขณะที่มิซาว่ากำลังจะเรืองรองสว่างไสวขึ้นอีกครั้ง”
“กองความเสียใจต่ำๆ ไว้ตรงนั้นแหละ ฉันไม่ต้องการ”
“ลุกขึ้นยืนเองยังไม่ได้ยังกล้าจะตีฝีปากอีกเหรอโอะนิซึกะโซเรียวผู้ต้อยต่ำ”
มายูมิลุกขึ้น ก้าวไปยืนประจันหน้ากับทาคาโอะอย่างสุดทน ริวและทุกคนตกใจ ห้ามไม่ทัน
“ออกไป ที่นี่ไม่ต้อนรับอันธพาล”
“หน้าที่ของผู้หญิงอย่างเธอคือ...จัดดอกไม้...ชงชา” ทาคาโอะปรายตาดูริวอย่างเย้ยหยัน “และดูแลสามีผู้พิการ”
มายูมิโกรธ
“คำพูด ยืนยันสติปัญญาของผู้พูด โอะคะมิซังอย่างฉันเป็นได้มากกว่าที่คุณคิด”
“เก่งกล้ายังไง ผู้หญิงก็เป็นเพศที่อ่อนแอกว่าชาย”
“ถ้ามองกุหลาบเป็นแค่ดอกไม้ ระวังจะตายเพราะคมหนามที่ซ่อนอยู่” มายูมิประกาศกร้าว “โอะนิซิกะไม่มีวันดับแสง”
ทาคาโอะโกรธ ก้าวเข้าหามายูมิแต่ต้องชะงัก เมื่อเหล่าโอะนิซึกะและมิอุระลุกพึ่บพร้อมกัน ขยับเข้าล้อมมิซาว่าไว้ ไทชิตวาด
“ใครกล้าแตะนายหญิงแห่งโอะนิซึกะแม้แต่ปลายเล็บ อย่าหวังว่าจะมีชีวิตรอดออกไป”
“มิอุระก็จะไม่ยอมให้ใครรังแกสุภาพสตรีต่อหน้าต่อตาเช่นกัน” ฮารุเสริม
ทาคาโอะจ้องมายูมิเขม็ง เจ็บใจ มายูมิเชิดหน้ามั่น จ้องตอบทาคาโอะอย่างไม่ยี่หระ มาดหญิงแกร่งและพร้อมเป็นผู้นำ ริวมองมายูมิด้วยสายตาทึ่ง แต่ก็อดเป็นห่วงไม่ได้
รอยฝันตะวันเดือด ตอนที่ 10 (ต่อ)
ในบ่อนมิซาว่า...ทาคาโอะระเบิดอารมณ์ด้วยการเหวี่ยงแจกันบนโต๊ะแตกกระจายด้วยความโกรธ
นาบุกับลูกน้องมิซาว่ากระโดดหลบเศษแจกันแทบไม่ทัน ทาคาโอะยังคงเจ็บใจมายูมิไม่หาย
“ผู้หญิงตัวนิดเดียวจะทำอะไรฉันได้”
“ก็ทำให้แกโมโหเป็นฟืนเป็นไฟอยู่นี่ไง”
มาซารุก้าวเข้ามาพร้อมเคน มองทาคาโอะอย่างสมน้ำหน้า
“ไปทำกร่างถึงถิ่นโอะนิซึกะ แต่กลับถูกผู้หญิงของโอะนิซึกะตอกหน้าหงายกลับมา ขายหน้าจริง ๆ”
ทาคาโอะฮึดฮัดไม่พอใจมาซารุ นาบุชิงแทรกขึ้น เพราะไม่อยากให้มีปัญหากัน
“เราเจอฮารุ มิอุระ อยู่ในงานศพของคาซูมะ”
“มิอุระกลับไปเป็นพวกเดียวกับโอะนิซึกะแล้ว” เคนสงสัย
“ถ้าสองกลุ่มนี้รวมกันได้งานใหญ่ของเราก็จะยากขึ้น”
“ฆ่าพวกมันทิ้งให้หมดก็สิ้นเรื่อง”
“ถ้าง่ายขนาดนั้น...ทำไมแกไม่ฆ่าไอ้ริวตั้งแต่ตอนอยู่เมืองไทย” มาซารุบอกเครียดๆ
“มันตายแน่ ถ้าไม่มีคนเข้ามาช่วยไว้” ทาคาโอะเล่า
“ใคร” มาซารุหันขวับ
“เห็นหน้าไม่ชัด แต่ฝีมือการต่อสู้เก่งพอ ๆ กับไอ้ริว”
“อาจเป็นคนที่โอะนิซึกะส่งไปดูแลโซเรียวของพวกมัน” เคนออกความเห็น
มาซารุยังติดใจสงสัย แต่ทาคาโอะตัดบท
“ตอนนี้ไอ้ริวเดินไม่ได้ ก็ไม่ต่างอะไรกับคนตายไปแล้ว”
มาซารุคิดๆ
“ขนาดเป็นเจ้าชายนิทรายังฟื้นขึ้นมาได้แค่ลุกขึ้นมาเดินคงไม่ใช่เรื่องยาก”
“ตีเหล็กต้องรีบตีตอนร้อน โอะนิซึกะกำลังอ่อนแอ เราควรเร่งจัดการตามแผนท่านยามาโมโต้นะครับ” เคนแทรกขึ้น
มาซารุครุ่นคิดพักหนึ่ง ก่อนหันไปสั่งทาคาโอะ
“คาซูมะ...ที่ปรึกษาด้านธุรกิจของโอะนิซึกะตายไปแล้ว แกต้องรีบขยายธุรกิจของมิซาว่าและกว้านซื้อที่ดินในเมืองนี้มาให้มากที่สุด ฉันจะหาทางแยกโอะนิซึกะกับมิอุระออกจากกันเอง”
ค่ำนั้น ริวนั่งอยู่บนเบาะนอน ทานยาและดื่มน้ำที่มายูมิเตรียมไว้ สีหน้าและแววตายังเต็มไปด้วยความเครียด มายูมิรับถ้วยยาและแก้วน้ำจากริวมาวางบนถาด
“พักผ่อนเยอะ ๆ นะคะ ร่างกายคุณจะได้แข็งแรงเร็วขึ้น”
“เร็วแค่ไหนก็ยังไม่ทันใจผมอยู่ดี วันนี้คุณจัดการทาคาโอะได้อย่างเข้มแข็ง ผมทึ่งในตัวคุณจริง ๆ”
“มันเป็นสิ่งที่ฉันควรทำในฐานะนายหญิงแห่งโอะนิซึกะ”
“แต่ผมเป็นห่วงคุณ”
“สำหรับฉัน ไม่มีอะไรน่ากลัวเท่ากับการไม่ได้อยู่กับคุณ”
มายูมิยกมือทั้งสองของริวขึ้นแตะริมฝีปากของเธอเบา ๆ
“จำไว้นะคะริว ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ฉันจะอยู่เคียงข้างคุณเสมอ เราจะฝ่าฟันปัญหาทุกอย่างไปด้วยกัน”
“ผมจะไม่ยอมให้ใครพรากคุณไปจากผม”
“ฉันเชื่อในสิ่งที่คุณพูด แต่คุณก็ต้องเชื่อในคำแนะนำของหมออย่างฉัน ได้เวลาพักผ่อนแล้วค่ะ”
มายูมิประคองตัวริวนอนลง หน้าทั้งสองแทบจะชนกัน ริมฝีปากเกือบจะประกบกัน มายูมิอึ้ง เขิน ในขณะที่ริวขยับริมฝีปากเข้ามาใกล้เหมือนกำลังจะจูบ แต่แล้วกลับจุมพิตอย่างแผ่วเบาที่หน้าหน้าผากของเธอ
“คุณคือหัวใจดวงเดียวของผม...คิมิ”
“ฝันดีค่ะอะนะตะ”
มายูมิก้มลงหอมแก้มริวเบา ๆ แล้วจึงรีบล้มตัวลงนอนกลบเกลื่อนความเขิน ใบหน้าร้อนผ่าว ริวยื่นมือออกมาจากผ้าห่ม กุมมือมายูมิไว้อย่างอบอุ่น นอนหลับไปด้วยกัน
เช้าวันใหม่...มายูมิลืมตาตื่นขึ้นมา เห็นตัวเองนอนซุกอยู่ในอ้อมแขนของริว เธอมองเขาที่นอนหลับอยู่อย่างอบอุ่นและสุขหัวใจ ริวเริ่มรู้สึกตัวตื่น มายูมิรีบหลับตา แสร้งทำเป็นนอนหลับ ริวยิ้มมองอย่างรู้ทัน ก่อนหอมแก้มฟอดอย่างแผ่วเบาด้วยความทะนุถนอม
“คนฉวยโอกาส” มายูมิอาย
“คุณรู้มั้ย นับวันผมยิ่งมั่นใจ ที่มีคุณเป็นที่รัก”
ริวยื่นหน้าจะหอมแก้มมายูมิอีก แต่เธอเอียงหน้าหลบ ไม่ยอม
“ไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าได้แล้วค่ะคุณต้องทานอาหารเช้าและทานยาตามเวลา ห้ามดื้อเด็ดขาด”
“ถ้าคิมิเอ่ยปากขนาดนี้ ผมจะกล้าดื้อได้ยังไงล่ะครับ”
ริวยิ้มให้กับมายูมิ มองเธอด้วยสายตาที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความรัก
โถงบ้านโอะนิซึกะ...มายูมิหยอกล้อกับริวอย่างมีความสุข ขณะมายูมิเข็นรถเข็นให้ริว แต่ทั้งสองต้องชะงัก เมื่อเห็นอาคิโกะเข้ามาพร้อมกับไทชิ
“ริว...”
อาคิโกะถลาเข้ามาหาริวด้วยความดีใจ มองสภาพร่างกายของเขาด้วยความเป็นห่วง
“เป็นยังไงบ้างคะ ฉันเป็นห่วงคุณมากเลยนะ”
“ไม่ต้องห่วง ผมมีกำลังใจดี”
ริวหันไปยิ้มหวานขอบคุณมายูมิ อาคิโกะแอบมองอย่างไม่ค่อยพอใจ รีบแทรกขึ้น
“ฉันทำอาหารและขนมที่คุณชอบมาให้ ป่านนี้ป้าอายะโกะคงจัดเสร็จแล้ว” อาคิโกะเสียงใสชวนมายูมิ “ไปทานด้วยกันนะคะคุณมายูมิ”
มายูมิยิ้มรับหน้าเจื่อน งง ๆ ที่อาคิโกะทำเหมือนเธอเป็นแขก ไทชิเข้าไปช่วยมายูมิเข็นรถเข็นให้ริว แต่ถูกอาคิโกะแย่งไปเข็นแทน
“ฉันจัดการเอง”
“ไม่ใช่หน้าที่คุณ” ไทชิเสียงแข็ง
อาคิโกะเชิดใส่ไทชิ ถือวิสาสะเข็นรถเข็นพาริวไปยังรับประทานอาหารราวกับเป็นเจ้าบ้าน ชวนริวคุยกระหนุงกระหนิง มายูมิเดินตามไปเงียบ ๆ ไทชิถอนใจสุดเอือมพฤติกรรมของอาคิโกะ
อาคิโกะคีบอาหารใส่ถ้วยให้ริวอย่างเอาอกเอาใจ โดยไม่สนสายตาของมายูมิที่นั่งร่วมโต๊ะอาหาร และไทชิเฝ้าอยู่ด้วย
“ปลาย่างเกลือแห้ง ๆ แบบที่คุณชอบค่ะ”
“ขอบคุณ”
“เต้าหู้ทรงเครื่องก็อร่อยนะคะ”
ริวพยักหน้ารับรู้ แล้วคีบเต้าหู้ทรงเครื่องใส่ถ้วยให้มายูมิ
“คุณชอบเต้าหู้ ทานเยอะ ๆ นะ”
มายูมิยิ้มหวานให้ริว อาคิโกะจ้องตาม เคืองที่ริวสนใจมายูมิมากเป็นพิเศษ
“ฉันทำแต่อาหารที่ริวชอบ ไม่รู้จะถูกปากคุณมายูมิรึเปล่า”
“คุณอาคิโกะทำอาหารอร่อยมากค่ะ”
“ฉันฝึกงานบ้านงานครัวมาตั้งแต่เด็ก เพราะรู้ว่าภาระสำคัญของผู้หญิง นอกจากตอบแทนบุญคุณพ่อแม่ ก็ต้องเป็นภรรยาที่ดีของสามี จริงมั้ยคะริว”
อาคิโกะส่งสายตาหวานให้ริว ราวกับต้องการบอกให้มายูมิรู้เป็นนัยว่าเธอรู้สึกยังไงกับริว ไทชิมองอาคิโกะอย่างหนักใจ อยากจะเตือน แต่ก็เกรงใจริว
“วันนี้ฉันว่าง ก็เลยจะมาช่วยดูแลริวเหมือนตอนที่ริวอยู่โรงพยาบาล”
“ที่นี่มีคนดูแลโซเรียวเยอะแล้ว” ไทชิขัดขึ้น
อาคิโกะเมินไทชิ ส่งสายตาอ้อนวอนขอความเห็นใจจากมายูมิ
“ริวเคยช่วยเหลือฉันมาตลอด ฉันก็แค่อยากตอบแทนริวบ้าง คุณมายูมิคงไม่ขัดข้องใช่มั้ยคะ”
มายูมิอึกอัก ลำบากใจ
โถงบ้านโอะนิซึกะ...มายูมิช่วยอายะโกะกับฟุมิโกะยกถาดใส่ถ้วยชามเข้ามาเก็บ หลังทานอาหารเสร็จ อายะโกะรีบบอก
“งานตรงนี้เป็นหน้าที่ของเราอยู่แล้ว คุณมายูมิไม่ต้องช่วยก็ได้ค่ะ”
“ช่วยกันทำจะได้เสร็จเร็ว ๆ ไงคะ”
ฟุมิโกะสองจิตสองใจ ก่อนบ่นมายูมิ
“คุณมายูมิไม่น่าปล่อยให้คุณอาคิโกะดูแลโซเรียวคนเดียว”
“ให้ริวอยู่กับเพื่อนบ้าง เขาอาจจะสดชื่นขึ้น”
“ถ้าคุณอาคิโกะไม่ได้คิดแบบเพื่อนล่ะคะ”
“พูดมากไปแล้วนะ” อายะโกะดุฟุมิโกะ
“ป้าก็รู้ว่าคุณอาคิโกะคิดยังไงกับโซเรียว”
มายูมิถอนใจ
“ฉันอาจจะไม่รู้จักคุณอาคิโกะ แต่ฉันรู้จักริวพอที่จะมั่นใจว่า ความคิดทำร้ายความเชื่อใจของเราสองคนไม่ได้”
อายะโกะเห็นด้วย
“ใจที่หนักแน่น จะทำให้หัวใจมีแต่ความสุขค่ะ”
มายูมิยิ้มรับ พยายามไม่คิดมากเรื่องริวกับอาคิโกะ
อาคิโกะเข็นรถเข็นพาริวมาสูดอากาศบริสุทธิ์ในสวน
“อากาศดีกับแสงแดดอ่อนจะทำให้คุณแข็งแรงขึ้น”
“มายูมิก็เคยบอกผมอย่างนั้น”
อาคิโกะไม่พอใจที่ริวพูดถึงมายูมิ
“คิดถึงตอนเด็ก ๆ ที่เราเคยวิ่งเล่นด้วยกันในสวนนี้นะคะ”
“คุณวิ่งตามผมกับทาเคชิต่างหาก” ริวมองไปรอบๆ “ความทรงจำดี ๆ มีค่าให้จดจำเสมอ”
“ความทรงจำที่มีค่าของฉันคือคุณ”
อาคิโกะย่อตัวลงข้างริว ยื่นมือไปลูบไล้แขนเขาอย่างแผ่วเบา ยั่วยวน
“คุณสุภาพ อ่อนโยน และเป็นผู้ชายคนเดียวที่ช่วยเหลือฉัน โดยไม่หวังอะไรตอบแทน”
“เพราะคุณคือคนของโอะนิซึกะ”
“ถ้าฉันขอให้คุณมองฉันเป็นแค่ผู้หญิงธรรมดาคนหนึ่งล่ะคะ”
ริวดึงแขนออกจากการเกาะกุมของอาคิโกะ น้ำเสียงเรียบแต่เด็ดขาด”
“เราเป็นได้แค่เพื่อนที่ดีต่อกัน ผมยินดีช่วยเหลือคุณทุกอย่าง ในฐานะเพื่อนเท่านั้น”
อาคิโกะอึ้ง ไม่คาดคิดว่าริวจะปฏิเสธเธอตรง ๆ พยายามสกัดกั้นความรู้สึกไม่พอใจเอาไว้อย่างที่สุด
ในสวนอีกมุม...อาคิโกะเลี่ยงออกมาสงบสติอารมณ์ อยากจะกรีดร้องด้วยความแค้น แต่ก็ต้องเก็บกดเอาไว้ด้วยความอึดอัด
“ฉันด้อยกว่านังมายูมิตรงไหน ฉันมีอะไรที่สู้มันไม่ได้”
“ความรักไง”
อาคิโกะหันขวับ ไทชิเข้ามาเตือนอาคิโกะด้วยความหวังดี
“โซเรียวรักคุณมายูมิ แต่ไม่ได้รักเธอ”
“ฉันไม่ได้ถาม”
“ต้องเจ็บอีกกี่ครั้ง เธอถึงจะเลิกยุ่งกับโซเรียว”
“แล้วเมื่อไหร่เธอจะเลิกหวังดี เลิกเป็นห่วงฉันสักที”
“คงไม่มีวันนั้น”
“เธอเลิกเป็นห่วงฉันไม่ได้ ฉันก็เลิกรักริวไม่ได้เหมือนกัน”
อาคิโกะเดินผละไปด้วยความไม่พอใจ ไทชิมองตามเศร้า ๆ และก็ยังเป็นห่วงอาคิโกะเสมอ
ในห้องทำงานสำนักงานตำรวจ...ยูจิเก็บเอกสารบนโต๊ะอย่างเร่งรีบ จะออกไปข้างนอก มาซารุจิเปิดประตูเข้ามาในห้อง เอาแฟ้มเอกสารอีกหลายแฟ้มวางบนโต๊ะให้
“เคลียร์สำนวนคดีในแฟ้มให้เสร็จภายในวันนี้”
“วันนี้” ยูจิตกใจ
“มีปัญหาอะไร”
“ผมมีธุระ”
ยูจิอึกอักตอบ มาซารุรู้ทัน
“ผู้หญิงมีเจ้าของคงเป็นธุระสำคัญมาก”
“พ่อรู้...ก็เลยหาเรื่องขัดขวางผม”
“เมื่อไหร่แกจะตาสว่างซะที ผู้หญิงคนนั้นไม่มีวันเลือกแก”
“ไม่มีริว โอะนิซึกะ มายูมิต้องเป็นของผม”
“ฉันพยายามเคี่ยวเข็ญให้แกเก่ง แกร่ง เพื่อเป็นที่หนึ่ง แต่ไม่คิดว่าแกจะแพ้ความรักโง่ ๆ จนโงหัวไม่ขึ้นอย่างนี้”
มาซารุเดินออกจากห้อง ปิดประตูเสียงดังด้วยความโกรธ
“โธ่เว้ย”
ยูจิปัดแฟ้มเอกสารบนโต๊ะทั้งหมดทิ้งด้วยความเก็บกด โมโหมาก
ห้องพักฟื้นในโรงพยาบาล...โคจินอนไม่ได้สติอยู่บนเตียงคนไข้ โดยมีสายน้ำเกลือระโยงระยาง มาซาโตะอยู่ในสภาพไม่ต่างจากโคจิ ริวกับมายูมินั่งอยู่ตรงกลางระหว่างเตียงทั้งสอง มองร่างไม่ได้สติของโคจิกับมาซาโตะด้วยความเศร้า หดหู่ใจ และพูดขึ้นมาอย่างต้องการคุยกับทั้งสองคน
“ตอนนี้ศัตรูกำลังเหิมเกริม เพราะโอะนิซึกะขาดกำลังสำคัญอย่างอาโคจิกับอาคาซูมะ มาซารุได้รับตำแหน่งการทำงานสูงขึ้น จากการสนับสนุนของยามาโมโต้”
ในอดีต...ยามาโมโต้ติดเหรียญเชิดชูเกียรติให้กับมาซารุ ท่ามกลางเสียงปรบมือแสดงความยินดีของยูจิ เคน และลูกน้องตำรวจ ฮิโระยืนอยู่ท้ายแถว คอยสังเกตพฤติกรรมของมาซารุกับยามาโมโต้อย่างไม่วางตา
“มิซาว่ากว้านซื้อที่ดินหลายแห่งเพื่อขยายกิจการบ่อนและไนท์คลับหนำซ้ำยังข่มขู่บริษัทคู่ค้าของโอะนิซึกะให้ยกเลิกร่วมธุรกิจกับเรา มิอุระถูกมิซาว่าเสนอผลประโยชน์ให้มหาศาล เพื่อร่วมลงทุนในธุรกิจขนส่งทางรถไฟแข่งกับโอะนิซึกะ ไม่รู้ว่าฮารุจะยอมรับข้อเสนอของทาคาโอะรึเปล่า ถ้ามิซาว่าแทรกแซงธุรกิจที่โอะนิซึกะเคยครองฐานการตลาดทั้งหมด ธุรกิจของโอะนิซึกะจะต้องล้มแน่ ๆ”
ริวมองโคจิกับมาซาโตะอย่างรู้สึกผิด
“ผมเป็นโอะนิซึกะโซเรียวที่ไม่ได้เรื่อง ไม่สามารถแก้ไขสถานการณ์ตอนนี้ได้”
ริวก้มศีรษะขอโทษโคจิกับมาซาโตะ ท้อแท้มาก
“ผมขอโทษที่ทำให้อาทั้งสองต้องผิดหวัง”
มายูมิมองริวด้วยความเห็นใจ
บ้านโอะนิซึกะยามค่ำคืน...มายูมิหน้าเคร่งเครียด นั่งอยู่ในห้องบรรพบุรุษ มองไปยังป้ายต่างๆ ครุ่นคิดถึงคำพูดโคจิ
“เวลาที่โซเรียวออกไปจัดการอันธพาลข้างนอก นายหญิงของบ้านจะต้องเข้มแข็งเช่นเดียวกับนักรบ เพื่อปกป้องคนในครอบครัวและรักษาเกียรติยศของตระกูลแทนสามี”
“เข้มแข็งแต่โดดเดี่ยว เพราะไม่รู้ว่าสามีจะมีชีวิตรอดกลับมารึเปล่า อย่างนั้นใช่มั้ยคะ”
“ทุกชีวิตถูกกำหนดไว้แล้ว ไม่ว่าคุณมายูมิจะรู้สึกยังไง นายหญิงแห่งโอะนิซึกะก็ต้องแข็งแกร่ง เพื่อยืนเคียงข้างโซเรียวให้ได้”
มายูมิคิดทำอะไรสักอย่างเพื่อริว
ห้องป้ายบรรพบุรุษวันใหม่...คัตสึกับเซกิ เลื่อนประตูให้ไทชิเข็นรถเข็นพาริวเข้ามาในห้องป้ายบรรพบุรุษ พบว่ามายูมิ ไดกิ สมาชิกอาวุโสและลูกน้องโอะนิซึกะต่างรออยู่กันอย่างพร้อมหน้าแล้ว
ริวมองมายูมิและทุกคนด้วยความแปลกใจ มายูมิพูดขึ้น
“ฉันเรียกประชุมสมาชิกโอะนิซึกะเองค่ะ”
“หมายความว่าไง” ริวแปลกใจ
มายูมิกวาดสายตามองสมาชิกทุกคน พูดด้วยน้ำเสียงเข้มแข็งและเด็ดเดี่ยว
“ทุกคนคงทราบ ขณะนี้โอะนิซึกะกำลังประสบปัญหาอย่างหนัก อาณาจักรโอะนิซึกะ อุดมการณ์การต่อสู้เพื่อความถูกต้องและความดีงาม กำลังสั่นคลอนพร้อมจะล่มสลายทุกเมื่อ คู่แข่งของเรากำลังก้าวหน้า เติบโต และแข็งแกร่งมากกว่าเราหลายเท่า”
สมาชิกแต่ละคน หน้าเครียดไม่น้อยไปกว่ามายูมิ
“สามทหารเสือแห่งโอะนิซึกะมีทั้งบาดเจ็บและเสียชีวิต ไม่สามารถช่วยพวกเราได้แล้ว พวกเราเหลือเพียงแค่โซเรียวคนเดียวเท่านั้น”
ริวจ้องหน้ามายูมิ สงสัยว่าเธอจะทำอะไร
“แต่ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น โซเรียวแห่งโอะนิซึกะก็จะยังคงยึดถืออุดมการณ์เกียรติและศักดิ์ศรีของนักรบซามูไร พร้อมจะเสียสละเลือดและชีวิตเพื่อความถูกต้องและดีงามของบ้านเมืองนี้”
มายูมิมองไปที่ผู้นำทีละคน ส่งสายตาที่เข้มแข็งกร้าวแกร่ง
“ฉันเข้าใจทุกคน เราอยู่กันมานาน ทุกคนจึงมีสิทธิเลือกชีวิตของตัวเอง จะอยู่กับโอะนิซึกะต่อ หรือจะแยกตัวออกไป”
ในที่ประชุมต่างฮือฮา มายูมิส่งสายตามองไปที่แต่ละคนด้วยแววตาที่เข้มแข็งและแข็งแกร่ง
“วันนี้ ฉันต้องการให้ทุกคนตัดสินอนาคต จะยอมแพ้กับอุปสรรค ออกไปใช้ชีวิตกับครอบครัวของตัวเองหรือจะร่วมกันกอบกู้ศักดิ์ศรีของโอะนิซึกะ ร่วมกับฉันและโซเรียว”
ไดกิ สมาชิกอาวุโส และลูกน้องโอะนิซึกะต่างหันไปมองหน้ากัน ริว ไทชิ คัตสึ เซกิ มองทุกคน
ไดกิเป็นตัวแทนของสมาชิกทุกคน บอกริวกับมายูมิ
“พวกเราทุกคนยินดีร่วมมือกับโซเรียวและว่าที่นายหญิงแห่งโอะนิซึกะกอบกู้ทุกอย่างที่เป็นของโอะนิซึกะกลับคืนมาโอะนิซึกะคือครอบครัว เราจะไม่มีวันทิ้งกัน”
“ขอบคุณสำหรับความภักดีที่ทุกคนมีต่อโอะนิซึกะโซเรียว”
มายูมิหันหลังไปหาป้ายบรรพบุรุษ ประกาศกร้าวเสียงดัง
“ในฐานะว่าที่นายหญิงแห่งโอะนิซึกะ ฉันขอสาบานว่าจะอยู่เคียงข้างโอะนิซึกะโซเรียว ไม่ว่าเวลาสุขหรือทุกข์ ฉันจะสนับสนุนและเติมเต็มทุกสิ่งในชีวิตของริว โอะนิซึกะ เพื่อสานต่อวิถีสายเลือดแห่งนักรบซามูไร”
มายูมิก้มศีรษะหมอบลงแสดงความเคารพป้ายบรรพบุรุษ ท่าทางสง่า องอาจ ทุกคนภายในห้องก้มศีรษะให้มายูมิพร้อมกัน ริวตะลึง ทึ่งกับความห้าวหาญของมายูมิ
รอยฝันตะวันเดือด ตอนที่ 10 (ต่อ)
มายูมิเข็นรถเข็นพาริวมาหยุดที่ด้านหนึ่งของสวนสาธารณะ เพื่อชมสวนสวยบริเวณนั้น ริวยื่นมากุมมือเธอไว้ จนเธอต้องย่อตัวลงมาหาเขาด้วยความแปลกใจ ริวสบตาซาบซึ้ง
“ขอบคุณ...สำหรับความรัก กำลังใจ และความเข้มแข็งที่คุณมอบให้ผมและโอะนิซึกะ”
“มันคือสิ่งที่ว่าที่นายหญิงแห่งโอะนิซึกะควรทำ” มายูมิยิ้มรับ
“มายูมิ ผมรู้ว่าคุณทำเพื่อผม แต่ตอนนี้เราเสียเปรียบคู่แข่งเกือบทุกด้าน มีโอกาสน้อยมากที่โอะนิซึกะจะกลับมายิ่งใหญ่และมั่นคงเหมือนเดิม”
“สมาชิกโอะนิซึกะทุกคนสามัคคีเป็นหนึ่งเดียว เหลือแค่ความร่วมมือจากมิตรเก่าของเรา”
“คุณหมายถึงมิอุระ”
“ฮารุยังไม่ตกลงร่วมธุรกิจกับมิซาว่า ถ้าเราสานสัมพันธ์ที่ดีกับฮารุได้ มิซาว่าก็จะโค่นล้มเรายากขึ้น”
“ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์กับขนส่งสินค้าทางรถไฟ ถือเป็นรายได้หลักของโอะนิซึกะ ถ้ามิซาว่ายึดครองได้สำเร็จ นั่นคือความสูญเสียครั้งใหญ่ของตระกูลโอะนิซึกะ” ริวหนักใจ
“ศัตรูแข็งแกร่งมากกว่า ไม่ได้แปลว่าเราจะต้องแพ้ ฉันมั่นใจว่าเรายังมีทางแก้ไขสถานการณ์นี้”
มายูมิมีแผนในใจ แต่ยังไม่ยอมบอกริว
ค่ำนั้น ริวนั่งอยู่บนเบาะนอนรับยาจากมายูมิ มองยาด้วยความแปลกใจ
“ปกติคุณไม่ได้จัดยาตัวนี้ให้ผม”
“ฉันเห็นคุณเครียด ๆ ก็เลยเพิ่มยาตัวใหม่ให้คุณผ่อนคลาย หลับสบาย”
“สถานการณ์ไม่น่าไว้ใจอย่างนี้ คงยากที่จะทำใจให้ไม่เครียด”
“ทุกอย่างมันขึ้นอยู่ที่วิธีคิดของเรานะคะริว ความเครียดไม่ทำให้อะไรดีขึ้น ใช้สติในการแก้ปัญหา แล้วเราจะผ่านมันไปได้ค่ะ”
ริวรีบกินยาและดื่มน้ำรวดเดียวจนหมดแก้ว มายูมิรับถ้วยใส่น้ำไปวางในถาด หันไปมองแล้วเห็นว่าเขายังคงอยู่ในความเครียดอยู่ไม่น้อย มายูมิกอดทางด้านหลัง เพื่อให้กำลังใจเขา
“ริว คุณคือความหวังเดียวของโอะนิซึกะที่เหลืออยู่ ฉันเชื่อมั่นในตัวคุณนะคะถ้าวันนี้ยังคิดหาทางแก้ปัญหาไม่ได้ คุณควรจะพักผ่อนเต็มที่ จะได้แข็งแรงเร็ว ๆ”
ริวดึงตัวมายูมิเข้ามากอด สบตาด้วยความซาบซึ้งใจ
“ได้เวลาพักผ่อนแล้วค่ะ...”
มายูมิดันตัวเขาให้นอนลงอย่างว่าง่ายและห่มผ้าให้เรียบร้อย
“ราตรีสวัสดิ์ค่ะ”
มายูมิจุมพิตที่หน้าผากเขาอย่างนุ่มนวล ริวหลับตาพริ้มมีความสุข แล้วค่อย ๆ เคลิ้มหลับไป มายูมิสะกิดเพื่อความแน่ใจ ริวนอนนิ่งไม่รู้สึกตัว มายูมิยิ้มพราย เป็นไปตามแผน
ในห้องแต่งตัว มายูมิแต่งหน้าอยู่หน้ากระจก บรรจงทาลิปสติกสีแดงเปรี้ยวจี๊ด อายะโกะกับฟุมิโกะตะลึง
“โอ้โฮ คุณมายูมิสวยเปรี้ยวเปลี่ยนเป็นคนละคนเลย” ฟุมิโกะชม
มายูมิปล่อยผมพลิ้วสลวยสวยเก๋ลงมาประบ่า หมุนตัวมองตัวเองในกระจกในชุดแซกหรู สุดเซ็กซี่ อายะโกะเตือนมายูมิอย่างไม่สบายใจ
“ไปหามิอุระตอนนี้ มันอันตรายมากนะคะ”
มายูมิก้าวมายืนหน้ากระจก เสื้อผ้า หน้า ผม ในลุคส์สาวเปรี้ยว สวยเฉิดฉาย เธอจับจี้รูปดอกเดซี่ที่คอราวกับต้องการกำลังใจ มองตัวเองในกระจก หน้าเด็ดเดี่ยว ตัดสินใจแล้ว
มายูมิในชุดสวยเซ็กซี่ กำลังยืนอยู่ด้านหน้าอายะโกะกับฟุมิโกะ
“การตัดสินใจของมิอุระสำคัญต่อธุรกิจของโอะนิซึกะ ฉันต้องทำให้มิอุระเป็นพวกเดียวกับเราให้ได้”
“ถ้าโซเรียวรู้คงไม่พอใจ” อายะโกะไม่สบายใจ
“ยาที่ฉันให้ริวทาน คงทำให้หลับถึงเช้า”
“แต่ว่า...”
อายะโกะจะแย้ง มายูมิหันไปถามฟุมิโกะเพื่อตัดบท
“ไทชิเตรียมรถพร้อมรึยัง”
“เรียบร้อยแล้วค่ะ”
มายูมิรีบเดินผละจากไปอย่างไม่รอช้า อายะโกะหนักใจ
“ขอให้บรรพบุรุษโอะนิซึกะคุ้มครองคุณมายูมิให้ปลอดภัยด้วยเถอะ”
อายะโกะเครียด เป็นห่วงมายูมิ
หน้าไนท์คลับมิอุระ มีนักเที่ยวเริ่มทยอยเข้ามาเที่ยวกันอย่างครึกครื้น รถของโอะนิซึกะแล่นเข้ามาจอดหน้าไนท์คลับมิอุระ ไทชิรีบลงจากรถ มาเปิดประตูให้มายูมิก้าวลงมามองเข้าไปในไนท์คลับ ก่อนหันมาสั่งไทชิ
“รอฉันอยู่ข้างนอก”
“ผมปล่อยให้คุณมายูมิเข้าไปคนเดียวไม่ได้”
“นี่คือคำสั่ง”
มายูมิเสียงเข้มใส่ ไทชิจำต้องก้มศีรษะรับคำอย่างขัดคำสั่งไม่ได้ มายูมิเดินอย่างสง่างาม เฉิดฉาย ไปยังประตูทางเข้าไนท์คลับ ที่มีลูกน้องมิอุระสองคนเฝ้าหน้าประตู
“ฉันมาหาคุณฮารุ”
ในห้องทำงาน...ฮารุประหลาดใจ ไม่คาดคิด
“มายูมิมา เป็นไปได้ยังไง”
“คงอยากมาคุยเรื่องธุรกิจแทนว่าที่สามี” ชุนออกความเห็น
ฮารุครุ่นคิดตามชุน
“ผู้หญิงใจเด็ดแบบนี้ สมเป็นนายหญิงของมิอุระมากกว่า” ฮารุสั่งชุน “ต้อนรับแขกคนพิเศษของฉันให้ดีที่สุด คืนนี้ฉันจะทำให้มายูมิลืมว่าที่สามีพิการไปเลย”
ฮารุยิ้มเจ้าเล่ห์
ในห้องรับรองวีไอพีหรู ลูกน้องมิอุระยกเครื่องดื่มเข้ามาเสิร์ฟมายูมิกับฮารุอย่างนอบน้อม
“นึกไม่ถึงว่าคุณมายูมิจะให้เกียรติมาหาผมด้วยตัวเอง”
มายูมิยิ้มให้ฮารุอย่างมีมาด
“ฉันเป็นตัวแทนของโอะนิซึกะ มาในฐานะมิตรที่ดีของมิอุระ”
“กล้ามากที่เข้ามาที่นี่คนเดียว”
“ฉันมั่นใจในความเป็นสุภาพบุรุษของคุณ”
“สวยและใจเด็ด ใครได้เป็นคู่ครองคงโชคดีมาก ยิ่งรู้จัก ยิ่งประทับใจ”
ฮารุมองมายูมิอย่างพึงพอใจ ขณะยกแก้วเครื่องดื่มขึ้น
“แด่มิตรภาพในค่ำคืนนี้”
มายูมิยิ้มหวาน ยกแก้วเครื่องดื่มชนกับฮารุ จิบพอเป็นพิธี เสียงดนตรีหวาน ๆ ดังเข้ามา ฮารุสบโอกาส
“ให้เกียรติเต้นรำกับผมสักเพลงได้มั้ย”
ฮารุลุกขึ้นโค้งคำนับ มายูมิยิ้มหวานลุกขึ้นควงแขนฮารุออกไปเต้นรำ
บริเวณไนต์คลับมิอุระ...ไทชิยืนอยู่ข้างรถ ถอนใจแรง มองเข้าไปในไนท์คลับเพราะเป็นห่วงความปลอดภัยของมายูมิ ลูกน้องโอะนิซึกะลังเล ก่อนพูดขึ้นอย่างไม่สบายใจ
“ถ้าคุณมายูมิเป็นอะไรไป โซเรียวเอาพวกเราตายแน่”
“คุณมายูมิคือหัวใจของโอะนิซึกะ ต่อให้แลกด้วยชีวิตฉันก็ต้องพาเธอกลับไปอย่างปลอดภัย”
ไทชิมุ่งมั่น
มายูมิเต้นรำกับฮารุมุมหนึ่งบนฟลอร์ ท่ามกลางเสียงดนตรีขับกล่อม มายูมิลอบมองฮารุ ก่อนเอ่ยขึ้น
“คุณคงรู้ว่าโอะนิซึกะกำลังประสบปัญหาทางด้านธุรกิจ”
“สามทหารเสือแห่งโอะนิซึกะทั้งเสียชีวิตและบาดเจ็บสาหัส ริวยังเดินไม่ได้ โอะนิซึกะเหมือนเรือขาดหางเสือ...ไม่มีผู้นำ”
“แต่ยังมีว่าที่นายหญิงแห่งโอะนิซึกะอย่างฉัน...”
“ภาระทุกอย่างตกอยู่ที่ผู้หญิงตัวคนเดียว หากไม่รังเกียจ ผมยินดีช่วยคุณเสมอ”
ฮารุส่งสายตาเจ้าชู้ กรุ้มกริ่มมองมายูมิ
“น้ำใจจากมิอุระมีค่าสำหรับโอะนิซึกะมาก ฉันยินดีรับไว้”
“แล้วถ้าเป็นน้ำใจที่ผมมีต่อคุณเพียงคนเดียวล่ะ”
มายูมิแกล้งเขินอย่างมีเชิง ฮารุถือโอกาสดึงตัวมายูมิเข้ามากอด
“คุณคือผู้หญิงที่มีค่า ถ้าเป็นผู้หญิงของมิอุระ ผมจะทนุถนอมคุณให้ดีกว่าริว โอะนิซึกะ”
ฮารุยิ้มหวาน มองมายูมิอย่างลุ่มหลง แววตาเจ้าชู้ มายูมิมองฮารุอย่างมีแผนการในใจ จึงยอมประคองกอดฮารุตอบ ฮารุฉวยโอกาสจะจูบใบหน้าของทั้งสองคนใกล้กันเข้ามาเรื่อย ๆ ริมฝีปากใกล้จะจุมพิตกันอยู่แล้ว มายูมิหมุนตัวผละจากฮารุเนียน ๆ อย่างมีจริต
“จะเหมาะเหรอคะ”
“งั้นเราไปคุยกันในที่ส่วนตัว”
ฮารุยิ้มพราย โอบเอวมายูมิพากลับไปยังห้องรับรองวีไอพี ระหว่างที่เดินผ่านชุน ฮารุส่งสายตาทำนองห้ามให้ใครตามเข้าไปรบกวน ชุนก้มศีรษะรับคำ ยิ้มรู้กันกับเจ้านาย
ฮารุพามายูมิเข้ามาในห้อง ปิดประตู ก่อนดึงตัวเธอเข้ามากอดอย่างย่ามใจ มายูมิเบี่ยงตัวหลบจากอ้อมกอดฮารุไปอีกทาง
“เรายังไม่ได้คุยเรื่องสำคัญกันเลย”
ฮารุมอง ยิ้มอย่างเหนือชั้นและรู้ทัน
“คุณต้องการอะไร”
“คุณคิดว่าอะไรมีค่าจนทำให้ฉันเสี่ยงเข้ามาที่นี่คนเดียว” มายูมิยิ้มมีเชิง
“ผมให้ได้ทุกอย่างที่คุณต้องการ”
ฮารุดึงตัวมายูมิมาโอบเอวกอดอย่างหลงใหลและเสน่หา มายูมิสบตาฮารุสายตาโปรยเสน่ห์ ยั่วยวน
“ฉันอยากได้ความร่วมมืออย่างเต็มใจจากมิอุระ”
“พูดให้ชัด ๆ ดีกว่า”
“ไม่ทำธุรกิจร่วมกับมิซาว่า ร่วมมือกับโอะนิซึกะ ปกป้องอันธพาลที่ต้องการครอบครองเมืองนี้”
“ผมจะได้อะไรจากโอะนิซึกะ”
“มิตรภาพ”
“ถ้าเปลี่ยนจากมิตรภาพเป็นตัวคุณ”
ฮารุเลื่อนมือไปแตะที่ต้นขามายูมิอย่างกระหยิ่มเมื่อฮารุไม่ทันระวังตัว รีบสะบัดหมุนตัวออกจากฮารุ แล้วดึงมีดพกที่เหน็บซ่อนอยู่ต้นขาอีกข้างออกมาตวัดมีดพกเข้าจ่อคอหอยฮารุ สายตาดุกร้าว จริงจัง
“หนามของกุหลาบร้ายกว่าที่คุณคิด อย่าเสี่ยงเข้าไปสัมผัสดีกว่าค่ะ”
ฮารุชะงัก จ้องมายูมิอย่างเสียรู้
“ต้องการอะไรกันแน่”
“แค่ต้องการแสดงให้คุณเห็นว่า ภายใต้ความสวยและอ่อนหวานที่ผู้ชายหลงใหล ยังมีหนามคมที่น่ากลัว”
“เก่งแบบนี้ ผมไม่เสียใจเลยที่หลงใหลกุหลาบร้ายอย่างคุณ”
ฮารุจ้องตอบอย่างไม่กลัวตาย มายูมิปล่อยมือจากฮารุ เก็บมีดเหน็บไว้อย่างเดิม
“โอะนิซึกะไม่อยากประกาศสงครามกับคนดี มิตรภาพของเรายังเหมือนเดิม หวังว่าคุณจะเลือกข้างที่ถูกต้องนะคะ”
ฮารุอึ้งไป ครุ่นคิดตามคำพูดมายูมิ
ไทชิเริ่มกระวนกระวาย เป็นห่วงนายหญิง สักครู่มายูมิเข้ามาด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง มีมาด ไทชิหันไปเห็นดีใจ
“เป็นยังไงครับ ฮารุยอมร่วมมือกับเรารึเปล่า”
มายูมินิ่งไม่ตอบ อยากรู้คำตอบจากฮารุเช่นกัน
ฮารุนั่งมองแก้วเครื่องดื่มสองแก้วของเขากับมายูมิ ครุ่นคิดถึงคำพูดของมายูมิ
“แน่ใจรึครับว่าโอะนิซึกะต้องการเป็นมิตรกับพวกเราจริง” ชุนถาม
“สายตาของมายูมิไม่โกหกฉัน”
ลูกน้องคนหนึ่งเดินเข้ามากระซิบที่ข้างหูชุน
“นายคงต้องตัดสินใจแล้วว่า จะเข้าร่วมกับมิซาว่าหรือโอะนิซึกะ”
ฮารุหันไปมองชุนด้วยแววตาสงสัย
นาบุและลูกน้องมิซาว่าก้าวเข้ามาขวาง ทันทีที่ฮารุ ชุน ลูกน้องมิอุระ ก้าวเข้ามา
“ทาคาโอะเชิญให้ท่านฮารุมาพบ”
“เข้าไปได้แค่สองคน” นาบุเสียงเข้ม
ฮารุกับชุนสบตากัน ก่อนฮารุหันจะหันไปสั่งลูกน้องมิอุระ
“รอฉันอยู่ตรงนี้”
ลูกน้องมิอุระโค้งตัวรับคำฮารุ นาบุผายมือเชิญฮารุเข้าไปข้างใน
จุนโกะนั่งคุยอยู่กับแขกมุมหนึ่งในไนต์คลับ ฮารุกับชุนเดินตามนาบุเข้ามา
“ฮารุ”
จุนโกะตกใจ แสร้งทำเป็นหันไปชนแก้วเครื่องดื่มกับแขก เพื่อหลบหน้าไม่ให้ฮารุเห็น นาบุเดินนำฮารุกับชุนไปทางห้องรับรองวีไอพี จุนโกะแอบมองตามด้วยความสงสัย
ห้องรับรองหรูในไนต์คลับมิซาว่า...นาบุพาฮารุกับชุนเข้ามาในห้อง พบทาคาโอะยืนรออยู่แล้ว
“ตรงเวลาดี”
“ฉันตรงต่อเวลาเสมอ”
ทาคาโอะผายมือให้ฮารุนั่งตรงโซฟาสุดหรู แต่ฮารุไม่ยอมนั่ง ไม่ไว้ใจทาคาโอะ
“พูดมาเลย ไม่ต้องอ้อมค้อม”
“คนที่อยากคุยตัวจริง คงใกล้มาถึงแล้ว”
“หมายความว่าไง”
เสียงเคาะประตูดังขึ้น นาบุรีบไปเปิดประตูอย่างรู้หน้าที่ ยามาโมโต้ก้าวเข้ามาหยุดอยู่ในห้อง ฮารุกับชุนตกใจและแปลกใจมาก
“ท่านยามาโมโต้”
ยามาโมโต้สบตาฮารุ ยิ้มกริ่ม
จุนโกะแอบย่องมาอย่างระมัดระวังตัว กลัวคนเห็น ลูกน้องมิซาว่าเปิดประตูออกมาจากห้อง
เธอรีบหลบเข้าไปมุมหนึ่งอย่างรวดเร็ว รอจนลูกน้องมิซาว่าเดินลับไป จุนโกะเห็นประตูห้องแง้มอยู่เล็กน้อย จึงรีบย่องไปแอบฟังการสนทนาของคนในห้องอย่างเงียบ ๆ
ฮารุนั่งมองยามาโมโต้กับทาคาโอะด้วยสายตาระแวง คลางแคลงใจในความสัมพันธ์ของคนทั้งสอง
“ขอบคุณที่ให้เกียรติมาตามคำเชิญ” ยามาโมโต้มองฮารุ
“ถ้าไม่มา คงไม่รู้ว่าคนที่ต้องการคุยกับผมคือท่านยามาโมโต้”
“ฉันทำธุรกิจร่วมกับมิซาว่ามานาน...”
“ทำธุรกิจร่วมกับมิซาว่า หรือ มิซาว่าออกหน้าแทนท่านยามาโมโต้กันแน่” ฮารุรู้ทัน
“พูดอย่างนี้หาเรื่องกันรึไง”
ทาคาโอะฮึดฮัดไม่พอใจ แต่จำต้องชะงัก เมื่อยามาโมโต้ส่งสายตาปราม
“เราทำงานกันเป็นทีม อยากได้กำลังเสริมที่แข็งแกร่งมาร่วมทีม”
“แต่โอะนิซึกะครองพื้นที่ธุรกิจไปหมดแล้ว”
“ถ้าเราร่วมมือกัน คงจัดการโอะนิซึกะได้ไม่ยาก”
“ดูเหมือนจุดประสงค์ของท่านยามาโมโต้ ต้องการเล่นงานโอะนิซึกะมากกว่าแย่งชิงผลประโยชน์ทางธุรกิจ”
“ฉลาดสมกับที่ฉันอยากร่วมงานด้วยจริง ๆ” ยามาโมโต้ยิ้ม
“ในบ้านเมืองนี้ คงไม่มีใครกล้าตอบปฏิเสธท่านยามาโมโต้ผู้ยิ่งใหญ่”
ยามาโมโต้ยิ้มพอใจ ฮารุหน้าเข้มเครียดขึ้น
“แต่ผมมันคนพิลึก คิดไม่เหมือนชาวบ้าน รักสันโดษ ชอบตัดสินใจคนเดียว” ฮารุก้มหัวให้นิดหนึ่ง “ขอบคุณที่ให้โอกาส”
“กลับไปทบทวนดูให้ดี อนาคตของมิอุระอยู่ในมือคุณ”
“ฮารุ มิอุระ ไม่ใช่คนย้ำคิดย้ำทำ ไม่ ก็คือ ไม่”
ฮารุลุกขึ้นด้วยท่าทางหยิ่งทะนง มีมาด โค้งตัวลายามาโมโต้ แล้วเดินออกไปจากห้องกับชุน ทาคาโอะฮึดฮัดลุกขึ้นด้วยความโมโหฮารุ
“ไอ้ฮารุมันไม่ให้เกียรติท่านยามาโมโต้ เราไม่น่าปล่อยให้มันมีชีวิตกลับไป”
ยามาโมโต้ปราม
“รอก่อน ถ้ามันไม่ยอมเปลี่ยนใจ มิอุระกับโอะนิซึกะจะต้องถูกโค่นจนไม่เหลือซาก”
จุนโกะแอบฟังอยู่ตรงประตูที่แง้มอยู่ ตกใจ เมื่อได้ยินเรื่องราวทั้งหมด
วันใหม่...ริวหน้าเคร่งเครียด เมื่อรู้เรื่องจากไทชิ
“เมื่อคืนฮารุไปหาทาคาโอะที่ไนต์คลับมิซาว่า”
“การเจรจาธุรกิจ ไม่ได้คุยกันแค่ครั้งสองครั้งแล้วจะตกลงกันได้” มายูมิปลอบริว “อย่าเพิ่งคิดมากนะคะ”
“ผลประโยชน์มหาศาล เปลี่ยนใจคนได้เสมอ”
ฮารุหันขวับมาหาชุน น้ำเสียงเคียดแค้น
“มิอุระไม่มีทางร่วมงานกับศัตรูที่คิดจะฆ่าเราตลอดเวลา”
“แต่ท่านยามาโมโต้เป็นนักการเมืองที่ทรงอิทธิพล เจ้านายจะปฏิเสธได้เหรอ”
รอยฝันตะวันเดือด ตอนที่ 10 (ต่อ)
ไทชิครุ่นคิด ก่อนออกความเห็น
“ถ้ามิอุระปฏิเสธเท่ากับประกาศตัวเป็นศัตรู”
“ฉันหวังว่าฮารุจะตัดสินใจเลือกสิ่งที่ถูกต้องให้กับตัวเองและบ้านเมือง” ริวถอนใจ ยังวิตกกังวล
มายูมิมองริวด้วยความเป็นห่วง แต่ในใจลึกๆ มั่นใจในสิ่งที่เพิ่งเจรจาไปกับฮารุเมื่อวันก่อน
จุนโกะอยู่ในห้องพักไม่สบายใจ นึกถึงเรื่องที่แอบได้ยินทาคาโอะวางแผนกับยามาโมโต้
“ฉันจะให้มาซารุจับตาดูมันไว้ ถ้าฮารุไม่ยอมเปลี่ยนใจ มิอุระกับโอะนิซึกะจะต้องถูกโค่นจนไม่เหลือซาก”
จุนโกะสับสน สองจิตสองใจ จุนโกะนึกถึงวันที่ริวพูดกับเธอที่บ้านเด็กกำพร้า
“เธอคงรู้ว่ามิซาว่าต้องการโค่นโอะนิซึกะเพราะมีต้องการมีอำนาจเหนือคนเมืองนี้...เธอก็เห็นว่าทาคาโอะโหดเหี้ยมแค่ไหน เธอจะยอมนิ่งเฉยปล่อยให้เด็กๆ และชาวเมือง ตกอยู่ใต้อิทธิพลชั่วของมิซาว่างั้นเหรอ”
จุนโกะมองเด็กที่กำลังวิ่งเล่นกันอย่างสนุกสนาน ด้วยความสับสน
“แค่เธอยอมร่วมมือกับโอะนิซึกะ เปิดโปงแผนชั่วของมิซาว่าจะมีเด็กและผู้หญิงอีกหลายคนรอดพ้นจากความโหดร้าย”
จุนโกะนึกถึงคำพูดของริว ทำให้คิดทำอะไรสักอย่าง
“ฉันจะไม่ยอมให้มิซาว่าทำร้ายใครได้อีก”
จุนโกะตัดสินใจแน่วแน่
ทางเดินบริเวณอุโมงค์...จุนโกะในชุดทะมัดทะแมง ใส่หมวกอำพรางใบหน้า เร่งรีบเดินไปตามทางอย่างระแวดระวัง นาบุกับลูกน้องมิซาว่าแอบตามเงียบ ๆ แต่จุนโกะรู้สึกว่ามีคนตามมา จึงหยุดเดิน นาบุกับลูกน้องรีบหามุมหลบซ่อนตัว แล้วหลบไปอย่างรวดเร็ว จุนโกะหันหลังกลับไปมอง ไม่เห็นใคร จึงหันกลับมาเดินต่อเธอมั่นใจว่าต้องคนแอบตามเธอมา คิดหาวิธีหลบเลี่ยง
จุนโกะเดินเข้ามาหยุดที่หน้าตู้กดน้ำ ทำทีเป็นกำลังเลือกจะกดน้ำกระป๋อง เธอมองผ่านกระจกของตู้กดน้ำ เห็นนาบุและลูกน้องมิซาว่าแอบมองอยู่มุมหนึ่ง บริเวณในอุโมงค์ เธอตกใจแต่พยายามเก็บอาการ ตัดสินใจเดินหนีไปอีกทางทันที นาบุและลูกน้องมิซาว่ารีบจะตามไอโกะ แต่บังเอิญมีชาวบ้านสองสามคนเดินมาขวางทาง ทำให้ทั้งนาบุกับลูกน้องต้องเสียเวลาไปพักหนึ่ง ก่อนจะตามจุนโกะไปอีกทางหนึ่งได้
นาบุกับลูกน้องมิซาว่าวิ่งออกมาทางอีกด้านของอุโมงค์ แต่ก็พบกับความว่างเปล่า นาบุเจ็บใจ
“หาตัวมันให้เจอ”
นาบุกับลูกน้องมิซาว่าแยกย้ายกันออกไป บริเวณมุมทิ้งขยะ จุนโกะค่อย ๆ โผล่หน้าขึ้นมามอง โล่งใจ แล้วรีบหลบไปอีกทาง
จุนโกะเห็นบ้านโอะนิซึกะอยู่ไม่ไกลนัก ยิ้มกริ่ม รีบเร่งฝีเท้าเดินเข้าไป ชายคนหนึ่งเข้ามา จุนโกะไม่ทันระวังจึงชนเข้าอย่างจัง จนหมวกของเธอหล่นลงพื้น
“ขอโทษค่ะ”
ชายคนนั้นก้มเก็บหมวกขึ้นมายื่นให้จุนโกะ เผยให้เห็นใบหน้าเหี้ยมของนาบุ
“นาบุ” จุนโกะตกใจมาก
บ่อนมิซาว่า...จุนโกะโดนทาคาโอะตบคว่ำ เซล้มไปกับพื้น นาบุกระชากตัวขึ้นมาใหม่ จุนโกะโดนซ้อมอย่างหนัก ทาคาโอะจ้องหน้าคาดคั้น
“ไปบ้านโอะนิซึกะทำไม”
จุนโกะหวาดผวา แต่ยังคงปิดปากเงียบไม่ยอมบอก ทาคาโอะสะบัดมีดพกขึ้นมา แกว่งไปมาต่อหน้า
“ต้องกรีดปากแกให้กว้าง จะได้ตอบฉันง่าย ๆ”
จุนโกะตื่นกลัว
“อย่าทำอะไรฉันเลย ฉันกลัวแล้ว...”
“กลัวแต่ไม่เคยจำ”
ทาคาโอะยื่นปลายมีดไปที่ปาก จุนโกะส่ายหน้าไม่ยอม
“ไม่นะ ได้โปรด”
ทาคาโอะตะคอกถาม
“แกเป็นสายให้โอะนิซึกะใช่มั้ย”
“ฉันไม่รู้เรื่อง ก็แค่บังเอิญเดินผ่านไปเท่านั้น”
“โกหก”
ทาคาโอะตวัดปลายมีดเข้าใส่แก้มจนจุนโกะกรีดร้อง ลงไปดิ้นพล่านกับพื้นอย่างเจ็บปวดและทรมานมาก เธอตัวสั่นงักงกด้วยความกลัว เลือดไหลเป็นทางที่ข้างแก้ม
“ฉันจะทำให้แกพูดเอง”
ทาคาโอะหันไปพยักหน้า นาบุหยิบเข็มฉีดยาออกมาหลายอันกำอยู่ในมือ จุนโกะตะลึง
“อย่านะ...”
จุนโกะพยายามกระเสือกกระสนหนี แต่ถูกลูกน้องมิซาว่าพากันล็อกตัวไว้ นาบุยิ้มเย็น แววตาร้ายลึก ปักเข็มยาที่แขนจุนโกะ รอจนยาไหลสู่แขนจนหมด จุนโกะกรีดร้องอย่างทรมานแสนสาหัส...สักพัก จุนโกะตาปรือ เริ่มเบลอเพราะฤทธิ์ยาจนสลบเหมือด ทาคาโอะออกคำสั่ง
“เอาไปขัง แล้วอย่าให้มันหนีรอดไปได้เด็ดขาด ฉันจะทรมานจนกว่ามันจะพูดความจริง”
ทาคาโอะมองร่างไม่ได้สติของจุนโกะด้วยสายตาเหี้ยมโหด อำมหิต
ไนต์คลับยามค่ำคืน...ฮารุเดินอยู่กับชุน ดูแลความเรียบร้อยภายในบริเวณไนท์คลับของตัวเอง
“เจ้านายคิดดีแล้วเหรอครับ ที่ส่งคนไปปฏิเสธความร่วมมือกับท่านยามาโมโต้อีกครั้งหนึ่ง”
“เป็นเรื่องถูกต้องที่สุดแล้ว”
“เจ้านายตัดสินใจแบบนี้เพราะผู้หญิง...”
“ไม่เกี่ยวกับมายูมิ ถึงไม่มีโอะนิซึกะ ฉันก็ไม่มีวันร่วมมือกับมิซาว่า เพราะฉันมั่นใจว่าทาคาโอะมีส่วนร่วมในเหตุการณ์ลอบทำร้ายฉันคราวก่อน”
ทันใดนั้นมีเสียงระเบิดดังขึ้นกึกก้อง จนสั่นสะเทือนมาถึงในบริเวณนั้น ฮารุกับชุนชะงัก ตกใจมาก
“เกิดอะไรขึ้น”
ไม่นานนัก ลูกน้องมิอุระวิ่งหน้าตาตื่นเข้ามารายงาน
“แย่แล้วครับ มิซาว่าบุกเข้ามาถล่มไนท์คลับเรา”
“ไอ้ทาคาโอะ”
ฮารุแค้น คว้าดาบประจำตัวรีบวิ่งออกไปกับชุนทันที
ทาคาโอะพาลูกน้องมิซาว่ามาถล่มไนท์คลับมิอุระ ลูกน้องมิอุระกำลังต่อสู้กับลูกน้องมิซาว่าอย่างดุเดือด นักเที่ยวและสาวสวยต่างร้องเสียงหลง ตื่นตระหนกตกใจ วิ่งหนีกันจ้าละหวั่น ฮารุกับชุนเข้ามา เห็นความวุ่นวายตรงหน้า
“จัดการพวกมิซาว่า” ฮารุสั่งลูกน้อง
ฮารุกับชุนวิ่งแยกย้ายกันไปต่อสู้กับลูกน้องมิซาว่า วาดดาบออกมาฟันลูกน้องมิซาว่าที่ดาหน้าเข้ามา ทาคาโอะตวัดดาบเล่นงานลูกน้องมิอุระคนหนึ่งล้มลง ก่อนมองเห็นฮารุกำลังต่อสู้อยู่กับลูกน้องของตน ประกาศกร้าว
“ฮารุ...วันนี้เป็นตายของแก”
ทาคาโอะตวัดตีลูกน้องมิอุระที่รายล้อม หมายฝ่าวงล้อมนั้นตรงเข้าเล่นงานฮารุ
ยูจิเฝ้ามองดูการต่อสู้ของมิซาว่ากับมิอุระอยู่ในมุมซ่อนตัวอย่างใจเย็น ฮารุควงดาบอย่างคล่องแคล่ว เล่นงานลูกน้องมิซาว่าจนล้มคว่ำ ทาคาโอะปรี่เข้ามา ตวัดดาบตีเข้าใส่ ฮารุพลิกดาบตั้งรับได้อย่างทันท่วงที อย่างเหนือชั้น ดาบของฮารุกับทาคาโอะกระแทกเข้าใส่กันอย่างแรง จนทั้งคู่กระเด็นออกไปคนละทาง ทาคาโอะตั้งตัวได้เร็วกว่า หันกลับมาฟาดดาบเข้าใส่อีกครั้ง ฮารุหมุนตัววูบ ตวัดดาบรับได้อย่างว่องไว
“สันดานสุนัขลอบกัด”
“ท่านยามาโมโต้ให้โอกาสแล้ว แต่แกเลือกที่จะไม่รับเอง”
ชุนต่อสู้กับนาบุอย่างดุเดือด ไม่ยอมกัน ขณะที่ชุนตวัดขาเตะนาบุ สายตาหันไปลูกน้องมิซาว่าคนหนึ่ง ถือปืนย่องเข้าหาฮารุ ชุนยกขาถีบนาบุ แล้ววิ่งปรี่เข้าคว้าล็อกตัวลูกน้องมิซาว่าที่ถือปืน
เขาจัดการลูกน้องมิซาว่าได้ แต่ก็ถูกลูกน้องคนอื่นรุมล้อมเข้าเล่นงาน
จบตอนที่ 10
ฮารุเซถลา เมื่อถูกดาบทาคาโอะกระแทกเข้าใส่
“ฉันไม่ร่วมมือกับคนที่เคยลอบฆ่าฉัน”
“ฉันอยากให้แกตาย แต่คราวก่อนไม่ใช่ฝีมือฉัน”
“มีคนอื่นนอกจากแก” ฮารุสงสัย
ทาคาโอะยิ้มร้ายไม่ตอบ เงื้อดาบพุ่งเข้าหา ฮารุหมุนตัววูบ ตวัดดาบตีเข้าใส่ ทาคาโอะฟาดดาบเข้ามาปะทะได้อย่างหวุดหวิด
“ใครร่วมมือกับแก”
“เก็บไว้ถามยมบาลในนรกเถอะ”
ทาคาโอะถีบฮารุอย่างแรง จนเซเสียหลักไปทางหนึ่งชนเข้ากับใครบางคนที่ก้าวออกมาจากมุมซ่อนตัว ฮารุหันไปมองร่างนั้นอย่างชัดเจน ถึงกับผงะ ตกใจ
“ผู้กองยูจิ”
“อยากรู้ใช่มั้ยว่าใครลอบฆ่า” ยูจิวาดปืนเข้าหาฮารุอย่างใจเย็น “วันนี้ฉันไม่พลาดเหมือนคราวก่อนแน่”
เปรี้ยง...ยูจิยิง ฮารุทรุด ล้มทั้งยืน ชุนหันขวับไปเห็น
“เจ้านาย”
จังหวะนั้น นาบุปราดเข้ามาเงื้อดาบฟาดชุนจนล้มลงไปอีกคน ยูจิตามไปใช้เท้าถีบร่างฮารุจนหงายท้อง นอนกองกับพื้น เลือดอาบร่าง ฮารุจ้องยูจิเขม็งด้วยความเจ็บใจ
“โจรในคราบตำรวจ แกอยู่เบื้องหลังเหตุการณ์ร้ายทั้งหมด”
ยูจิยิงอีกเปรี้ยง...จนร่างฮารุสะดุ้งเฮือก เลือดทะลัก ยูจิมองร่างฮารุด้วยสายตาเลือดเย็น เหี้ยมโหดมาก ลูกน้องทาคาโอะคนหนึ่งวิ่งหน้าตาตื่นเข้ามารายงานทาคาโอะ
“มีรถตำรวจกำลังมุ่งหน้ามาที่นี่ครับ”
ทาคาโอะหันขวับไปมองยูจิ
“หมายความว่าไง”
“ฉันเป็นคนแจ้งเหตุบอกตำรวจเอง รีบเผาทำลายหลักฐาน สร้างสถานการณ์ให้ดูเป็นการล้างแค้นของพวกโอะนิซึกะ”
ลูกน้องมิซาว่ารีบแยกย้ายกันไปทำตามคำสั่ง ร่างฮารุนอนอยู่กับพื้น อาการร่อแร่ มองเห็นการกระทำทุกอย่างของยูจิกับมิซาว่าแต่ทำอะไรไม่ได้
บ้านโอะนิซึกะเช้าวันใหม่...มายูมิเลื่อนเปิดประตู จะเข็นรถเข็นให้ริวออกมาจากห้อง เซกิเข้ามารายงาน
“ท่านมาซารุมาขอพบโซเรียวครับ”
ริวกับมายูมิสบตากัน ด้วยความประหลาดใจ
ในห้องรับแขกบ้านโอะนิซึกะ...มายูมิกำลังชงชาเสิร์ฟให้มาซารุ ขณะพูดคุยกับริว
“ขอโทษที่มารบกวนเวลารักษาตัวของโอะนิซึกะโซเรียว”
“ท่าทางท่านมาซารุไม่ได้ตั้งใจมาเยี่ยมผม”
“ผมมาธุระเรื่องมิอุระ”
ริวสงสัย ไม่เข้าใจ เคนพูดขึ้น
“ไนท์คลับมิอุระถูกเผาเมื่อคืน ฮารุกับลูกน้องบาดเจ็บสาหัส”
มายูมิตกใจ ทำถ้วยชาหลุดมือเสียงดัง จนทุกคนหันมองเป็นตาเดียว
“ขอโทษค่ะ ฉันไม่ทันระวัง”
มายูมิรีบออกตัว ท่าทางเลิกลั่ก เหมือนมีอะไรบางอย่างปิดบัง มาซารุสังเกตท่าทางมายูมิอย่างรู้อยู่แล้ว ก่อนหันมาพูดกับริว
“พยานยืนยันว่า คืนก่อนเกิดเหตุ คนของโอะนิซึกะเดินทางไปพบฮารุที่ไนท์คลับ”
“ผมไม่ได้ส่งใครไปเจรจากับฮารุ” ริวงงๆ
“ว่าที่นายหญิงแห่งโอะนิซึกะไม่ได้บอกอะไรคุณเลยเหรอ”
ริวหันมองมายูมิด้วยความสงสัย มายูมิทำตัวไม่ถูก ไม่รู้จะอธิบายกับริวยังไง
สวนในบ้านโอะนิซึกะ...ริวโกรธมากเมื่อรู้เรื่องจากมายูมิ
“คืนวันก่อน คุณให้ยานอนหลับผมแล้วแอบไปหาฮารุ ทำเหมือนผมเป็นคนโง่ เป็นตัวตลกของคุณ”
“ฉันไม่ได้คิดอย่างนั้นนะคะ แต่ถ้าฉันบอก คุณคงไม่ยอมให้ไป”
“ไม่มีใครยอมให้ผู้หญิงที่ตัวเองรักออกไปเสี่ยงอันตรายอยู่แล้ว ผมจะลงโทษทุกคนที่ร่วมมือกับคุณ”
“ฉันเป็นคนสั่งพวกเขา ถ้าคุณจะลงโทษ ก็ควรลงโทษฉันคนเดียว”
มายูมิรับผิดด้วยท่าทางเด็ดเดี่ยว
“ผมมันไม่ได้เรื่อง ปกป้องคุณไม่ได้ ทำให้คุณต้องลำบาก”
“ฉันยินดีช่วยคุณและโอะนิซึกะเอง ถ้าจะผิด ก็ผิดที่ฉันรักคุณอย่าโกรธฉันเลยนะคะริว”
มายูมิสวมกอดริวอย่างรู้สึกผิด ริวนิ่งสักพัก ท่าทีเริ่มอ่อนลง กอดตอบ
“สัญญาได้มั้ยว่าจะไม่ทำแบบนี้อีก ชีวิตผมอยู่ได้เพราะมีคุณ ถ้าคุณเป็นอะไรไป ผมคงไม่ให้อภัยตัวเอง”
“ฉันจะไม่ทำให้คุณเป็นห่วงอีกแล้วค่ะ” มายูมินึกขึ้นได้กังวล “เราจะถูกกล่าวหาเรื่องฮารุถูกลอบทำร้ายรึเปล่าคะ”
เคนเดินคุยกับมาซารุ ระหว่างเดินเข้ามาในสำนักงานตำรวจ
“มีแค่พยานยืนยันว่าโอะนิซึกะไปหามิอุระ แต่เราไม่มีหลักฐานว่ามิอุระถูกโอะนิซึกะทำร้าย”
มาซารุแสยะยิ้ม
“หลักฐานสร้างได้ไม่ยาก แต่ความเชื่อถือของคนทั้งเมืองที่มีต่อโอะนิซึกะจะต้องลดลงแน่นอน”
“ท่านยามาโมโต้ฉลาดมากที่วางแผนเล่นงานมิอุระแล้วโยนความผิด ให้พวกโอะนิซึกะ”
“เป็นโชคดีของเรา ที่มายูมิเดินไปติดกับดักเอง”
“เสียดายที่ฮารุยังไม่ตาย”
“แค่นี้มันก็เหมือนตายทั้งเป็นแล้ว”
มาซารุกับเคนหัวเราะร้าย เดินไปด้วยกัน ฮิโระก้าวออกมาจากมุมหนึ่ง มองตามไป ได้ยินการสนทนาของทั้งคู่
บ้านโอะนิซึกะ...ริว ไทชิ คัตสึ เซกิ ปรึกษากัน หน้าตาเคร่งเครียด ก่อนจะหันไปเห็นมายูมิเข้ามา แต่งตัวในชุดทำงาน
“ฉันจะไปโรงพยาบาล ไทชิเตรียมรถให้ฉันด้วย”
“ยังไม่ครบกำหนดลางานของคุณ” ริวขัดขึ้น
“ฉันอยากไปดูอาการฮารุ”
ไทชิหันมาบอก
“แต่ตำรวจให้หมอเจ้าของไข้เข้าออกได้เท่านั้น ห้ามคนนอกเยี่ยมก่อนได้รับอนุญาต”
“ฉันจะลองหาทางคุยกับหมอเจ้าของไข้ดู”
ริวไม่สบายใจ ยังไม่อยากให้มายูมิไปตอนนี้ มายูมินั่งลงข้างๆเขาขอร้อง
“ฉันเป็นต้นเหตุทำให้มิอุระเดือดร้อน ถ้าไม่เห็นกับตาว่าเขาปลอดภัย ฉันคงไม่สบายใจ ให้ฉันไปเถอะนะคะ”
ในห้องพักแพทย์...นานะยิ้มร่า เมื่อเห็นมายูมิกลับมาทำงานอีกครั้ง
“ฉันคิดถึงเธอมากเลยรู้มั้ย เธอซูบไปรึเปล่า ไม่ค่อยได้พักผ่อนเหรอ ทำไมถึงไม่ดูแลตัวเองบ้าง”
“ถามรัวขนาดนี้ อยากให้ตอบคำถามไหนก่อน”
“ก็ฉันเป็นห่วงเพื่อน ได้ข่าวว่าคุณริวยังไม่หายจากอาการบาดเจ็บ เธอคงเหนื่อยแย่ที่ต้องทำทุกอย่างแทน”
“ริวดีกับฉันมาก มากจนฉันรู้สึกผิดที่เคยเข้าใจผิดเค้ามาตลอด ต่อไปนี้ฉันจะทำทุกอย่างเพื่อให้เขามีความสุข”
“ความรักเป็นทั้งพลังในด้านบวกและลบ ฉันดีใจ ที่เธอเลือกพลังด้านบวก มอบความสุขให้ตัวเอง”
มายูมิเข้ามาตรวจผู้ป่วยในห้องฉุกเฉินพร้อมกับพยาบาลติดตามคนหนึ่ง ขณะที่เธอพยุงตัวผู้ป่วยลุกขึ้นเพื่อตรวจอาการ
“ต้องหมั่นลุกขึ้นเดินนะคะ ร่างกายจะได้ฟื้นตัวเร็วขึ้น”
มายูมิเดินมาเตียงผู้ป่วยอีกเตียงหนึ่ง เห็นอาคิโกะนอนอยู่บนเตียงด้วยอาการเพลียๆ อาคิโกะเห็นมายูมิจึงหันมาทำเหมือนกำลังอ่อนเพลียมาก
“หมอมายูมิ...”
“คุณอาคิโกะเป็นอะไรคะ”
“จู่ๆ ก็หน้ามืดอาการไม่ค่อยดีเลย เป็นมาหลายวันแล้วค่ะ คุณหมอมายูมิช่วยฉันหน่อยนะคะ”
พยาบาลวัดความดันเรียบร้อย หันมารายงานมายูมิ
“ความดันปกติค่ะ แต่คนไข้บอกว่ายังวิงเวียนศีรษะอยู่เลย”
“ระยะนี้ฉันทำงานหนัก พักผ่อนน้อย ถ้าได้พักฟื้นที่โรงพยาบาลอาการน่าจะดีขึ้น”
“คุณอาคิโกะอยากนอนพักที่โรงพยาบาล”
“โรงพยาบาลเป็นที่เดียวที่ฉันจะพักผ่อนได้ อยู่ข้างนอกมีทั้งนักข่าวทั้งแฟนคลับกวนใจตลอดเวลาเลยค่ะ คุณหมอมายูมิช่วยฉันหน่อยนะคะ”
อาคิโกะพูดจบก็หลับตาเหมือนเพลียมากและต้องการพักผ่อน มายูมิมองอาคิโกะอย่างไม่ค่อยไว้ใจนัก ไม่เข้าใจว่าจะมาไม้ไหนกันแน่
จบตอนที่ 10