รอยฝันตะวันเดือด ตอนที่ 2
ยามค่ำคืน...โคจิ มาซาโตะ คาซุมะเดินคุยกันอยู่ในสวนบ้านโอะนิซึกะ
“เราปล่อยให้เรื่องโซเรียวเป็นแบบนี้ต่อไปไม่ได้ ผู้ต้องหาคนนั้นโดนจัดฉากให้มาเล่นงานโอะนิซึกะชัดๆ” โคจิบอกเสียงเครียด
“ถ้าอย่างนั้นจะทำยังไง” คาซุมะหนักใจ
“ฉันต้องการสอบสวนมันด้วยตัวเอง” โคจิบอกทันที
“แต่คนร้ายยังโดนควบคุมตัวอยู่ที่สำนักงานตำรวจ” คาซุมะแย้ง
“เรายังมีคนของเราอยู่ในนั้น” มาซาโตะคิดนิดหนึ่ง “น่าจะมีทางเข้าไป...”
“ฉันจะทำให้มันพูดให้ได้ว่าใครจ้างมันมาใส่ร้ายโซเรียว ใครสั่งฆ่าท่านโอะซามุ” โคจิสีหน้ามุ่งมั่น
เช้าวันใหม่ โคจิ มาซาโตะ คาซุมะ แอบเข้ามาที่สำนักงานตำรวจ
“จัดการเรียบร้อยใช่มั้ย” โคจิถามมาซาโตะ
“เมื่อถึงเวลา ท่านโคจิสามารถเดินเข้าไปในห้องขังได้เลย”
คาซุมะกระซิบ
“ตำรวจที่เฝ้าห้องขังมาแล้ว...”
มาซาโตะกับคาซุมะ แยกไปหลบที่มุมหนึ่ง โคจิหลบไปอีกทางหนึ่ง นายตำรวจร้อยเวรคนหนึ่งเดินมาจากทางห้องขังอย่างรีบๆ เดินตรงไปยังห้องสุขา เหลือบตามองไปทางมาซาโตะแล้วพยักหน้าเป็นสัญญาณ...ก่อนจะเข้าห้องน้ำไป
“มีเวลา 5 นาทีเท่านั้น” มาซาโตะบอก
โคจิและคาซุมะพยักหน้ารับรู้แล้วรีบเดินเข้าไปทางห้องขังทันที
โคจิและคาซุมะเดินไปตามทางอย่างระมัดระวัง แต่แล้วจู่ๆ ประตูห้องทำงานห้องหนึ่งก็ถูกเปิดออกมา ฮิโระเปิดประตูออกมา แล้วชะงักนิดหนึ่งเมื่อเห็นโคจิกับคาซุมะ ทั้งสามคนประจันหน้ากันนิ่งๆ คาซุมะกำดาบสั้นที่พกมา แต่โคจิส่งสายตาห้าม ฮิโระจ้องตาโคจิ สองคนสบตากันสื่อสารบางอย่าง ฮิโระตัดสินใจปิดประตูห้องกลับไป โคจิและคาซุมะรีบเดินไปที่ห้องขังทันที ฮิโระค่อยเปิดประตูตามออกมาดูโคจิอีกครั้ง
คาซุมะและโคจิเดินเข้ามาตามทางเดินหน้าห้องขังที่เรียงรายกันอยู่ โคจิกำลังจะเดินไปที่ห้องขังของโซว แต่แล้วต้องชะงักไป เมื่อมองไกลออกไปทางห้องขังในสุด เห็นอามิส่งห่อข้าวปั้นให้โซว ท่าทางสองคนสนิทสนมกันมาก
“ใคร...ทำไมได้เข้ามาเยี่ยมแต่เช้า” โคจิถามคาซุมะ
“โซวอยู่กับภรรยาและลูกสาว คนนี้น่าจะเป็นภรรยา”
โคจิพยักหน้ารับรู้ คาซุมะกระซิบถาม
“จะรอหรือจะหาทางอื่น”
โคจิมองไปที่ห้องขัง เห็นโซวรีบกินข้าวปั้นทั้งสามก้อนหมดอย่างรวดเร็ว โคจิกระซิบ
“รอ...”
โคจิเดินนำคาซุมะไปหลบที่อีกทางหนึ่ง
อามิส่งชาร้อนให้โซวรับมาดื่มผ่านซี่กรงขัง
“บอกลูกด้วย...อีกไม่กี่วันเราจะได้ไปเที่ยวเกาะอย่างที่ฝัน เธอเก็บของไว้ให้พร้อม ฉันได้ออกจากที่นี่เมื่อไหร่ เราจะไปกันทันที”
โซวพูดจบก็ดื่มชาอีกรอบ แต่อยู่ๆ ก็เริ่มสำลักน้ำชาออกมาจนทำถ้วยน้ำชาตกแตก เพล้ง อามิมองโซวแล้วเริ่มหน้าเสีย น้ำตาคลอ
“อา...มิ...”
โซวเริ่มหายใจไม่ออก แล้วเอื้อมมือหาอามิ
“ฉันขอโทษ ฉันจำเป็นต้องทำแบบนี้ พวกมันจับลูกเราไป”
โซวล้มคว่ำไป อามิร้องไห้แต่อยู่ๆ ไฟในห้องขังดับพรึ่บ
โคจิกับคาซุมะหันมามองหน้ากันด้วยความตกใจที่จู่ๆ ไฟดับ รีบออกจากบริเวณนั้นตรงไปยังห้องขังทันที ไฟในห้องขังสว่างขึ้น อามิหายไปอย่างไร้ร่องรอย โซวนอนสิ้นใจอยู่ในห้องขัง โคจิกับคาซุมะมาถึงที่หน้าห้องขัง ต่างตกใจกับสิ่งที่เห็น
ในห้องฉุกเฉิน โรงพยาบาล...คนเจ็บจากรถชน 2-3 รายนอนอยู่บนเตียงฉุกเฉิน มายูมิและพยาบาลกำลังช่วยกันตรวจอาการและรักษาคนเจ็บอย่างวุ่นๆ มายูมิใช้ไฟฉายส่องดูรูม่านตาคนไข้ แล้วสำรวจตัว เห็นบาดแผลตามตัว
“ส่งเข้าห้องผ่าตัด”
พยาบาลอีกคนวิ่งเข้ามาตามมายูมิ
“คุณหมอคะ ทางนี้แย่แล้วค่ะ”
มายูมิรีบไปที่อีกเตียงทันที เห็นคนไข้กำลังชัก พยาบาลจับคนไข้ให้นอนตะแคงอยู่
“ฉีดไดอาซีแพมอีก 10 มิลลิกรัม”
พยาบาลฉีดยากันชักให้คนไข้ทันที สักพักเห็นอาการคนไข้เริ่มหยุด แล้วหายใจอย่างอ่อนแรง
“สอดท่อช่วยหายใจ”
มายูมิเข้าไปจัดการสอดท่อช่วยหายใจให้คนเจ็บอย่างคล่องแคล่ว
“ส่งไปห้องผ่าตัดสอง แล้วแจ้งอาจารย์ฮาร่าด้วย”
คนเจ็บคนที่สองถูกส่งตัวออกไป มายูมิมองไปรอบๆ เห็นว่ามีคนเจ็บอีก 2 คนแต่มีหมอดูแลอยู่แล้วก็โล่งใจ พยาบาลคนหนึ่งเข้ามาตาม
“คุณหมอคะ...เชิญที่หน้าห้องฉุกเฉินด้วยค่ะ”
“ยังมีคนเจ็บอีกเหรอ ทำไมไม่ส่งเข้ามา”
“เชิญก่อนเถอะค่ะ”
มายูมิเห็นพยาบาลท่าทางเกร็งๆก็แปลกใจรีบเดินไปที่หน้าห้องฉุกเฉินทันที
ริวยืนรอมายูมิอยู่ด้วยรอยยิ้มละลายใจสาว มายูมิยืนนิ่งไม่เดินต่อ จนริวต้องเป็นฝ่ายเดินเข้ามาหาเอง เขามาหยุดตรงหน้าของเธอแล้วส่งช่อดอกเดซี่ช่อใหญ่ให้
“สำหรับคุณ...”
มายูมิยังนิ่งอยู่ ริวคิดว่าเธอโกรธ เข้าไปจับมือให้มารับช่อดอกเดซี่ไป
“คุณคงไม่โกรธ ที่ผม...ไม่ค่อยได้มาเจอคุณ”
มายูมิจ้องมองริวแล้วยิ้มน้อยๆ
“ทำไมฉันต้องโกรธ เราคุยกันเข้าใจแล้วนี่คะ”
ริวเข้าใจผิดคิดว่ามายูมิรู้สึกอย่างที่พูดจริงๆ
“ผมดีใจที่คุณเข้าใจ ผมยังจำได้ว่าคุณชอบดอกเดซี่”
มายูมิรับช่อดอกไม้จากมือเขา ยกขึ้นมาดูนิดหนึ่ง ยิ้มเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น มายูมิโยนช่อดอกเดซี่ลงถังขยะที่อยู่ใกล้ๆ ทันที ช่อดอกเดซี่โดนทิ้งลงในถังขยะติดเชื้อ มายูมิเดินหันหลังกลับออกไปจากบริเวณนั้นทันที ริวมองอึ้งๆ
มายูมิเดินหนีมาสงบสติอารมณ์อยู่ในสวนสาธารณะ ริวตามเข้ามา ชะงัก เพราะเป็นสถานที่เดียวกับที่เขาฝันถึง...มายูมิหันมาจ้องหน้าริวด้วยความไม่พอใจ อารมณ์ตรงกันข้ามกับในฝัน
“เจ็ดปีก่อน ผมคงทำร้ายความรู้สึกคุณไว้มาก”
“การกระทำของคุณไม่เคยมีผลอะไรกับชีวิตฉัน”
มายูมิจะเดินหนี แต่ริวขยับขวาง
“ผมจะมาปรึกษาคุณ เรื่องกำหนดงานหมั้นตามคำสัญญาของผู้ใหญ่”
“นับเป็นเกียรติอย่างสูงจากโอะนิซึกะโซเรียว แต่ฉันคงรับไว้ไม่ได้”
มายูมิจ้องริว แววตาแฝงความปวดร้าว แต่เสียงแข็ง
“คุณมีคนของคุณแล้ว เราควรจะหลุดพ้นจากพันธะจอมปลอมนี่สักที”
“ผมไม่เคยมีใคร”
“อาคิโกะ คุโด ดาราสาว คู่ควงคนใหม่ของโอะนิซึกะโซเรียว มีข่าวซุบซิบในนิตยสารบันเทิงแทบทุกวัน”
“นิตยสารลงมั่วกันไปเอง”
“ปล่อยฉันไปเถอะค่ะริว ทุกอย่างมันสายไปแล้ว”
ทันใดนั้นเสียงมายูมิซ้อนกับเสียงในความฝันดังแว่วมา ในโสตประสาทของริว
“ปล่อยมือฉันเถอะค่ะ ทุกอย่างมันสายไปแล้ว...ริว”
ริวชะงัก มองหน้ามายูมิ สับสนระหว่างความฝันกับความจริง ภาพในอดีตแว่บเข้ามาอีกมายูมิพูดกับเขาน้ำเสียงเย็นชา
“เราไม่ใช่ว่าที่คู่หมั้นกันอีกต่อไป คุณเป็นแค่รอยฝัน...ที่ฉันพยายามจะลืม”
ปัจจุบัน...มายูมิ พูดตอกย้ำกับริวด้วยน้ำเสียงจริงจัง เด็ดขาด
“เรื่องของเรามันจบไปตั้งแต่เจ็ดปีที่แล้ว ทุกอย่างมันเป็นแค่ความฝัน งานหมั้นของเราจะไม่มีวันเกิดขึ้น”
ริวนิ่งอึ้ง มายูมิมองอย่างตัดสินใจ แล้วจึงหันหลังเดินจากไป ริวมองตามอย่างสับสน จำต้องตัดใจ แล้วเดินหันหลังแยกจากไปคนละทาง มายูมิหันกลับมามองตามหลังริวอีกครั้ง ก่อนเดินออกไป
มายูมิเดินแยกมาจากมุมที่คุยกับริว เดินมาตามลำพัง ชายลึกลับสองคนกำลังสะกดรอยตามมายูมิอยู่
มายูมิเสียใจแม้คิดจะตัดใจจากริวแล้ว ไม่รู้ว่ามีใครตามมา เท้าของชายลึกลับสองคน เดินอย่างรวดเร็วเข้าหามายูมิทางด้านหลัง มายูมิได้ยินเสียงฝีเท้าคนใกล้เข้ามาถึงตัว หันขวับมาเจอ ตกใจมาก
ในร้านซูชิ ชานเมือง มายูมิถูกพาตัวมานั่งบนเก้าอี้ เธอดิ้นรนเปิดผ้าสีดำผืนใหญ่ที่คลุมหน้าเธออยู่ ออกมาได้พร้อมสู้
“พวกแกต้องการอะไร”
มายูมิชะงัก เมื่อเห็นโต๊ะอาหารตรงหน้า ถูกตกแต่งสวยงาม โรแมนติกตรงมุมส่วนตัว ริวก้าวเข้ามานั่งฝั่งตรงข้ามมายูมิ ก้มศีรษะทักทาย ราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“หิวหรือยัง”
มายูมิหันไปเห็นคัตสึกับเซกิ ยืนมุมหนึ่ง ทั้งสองสะดุ้ง ก้มหน้าหลบสายตา มายูมิจ้องริวด้วยความโกรธ
“ทั้งหมดเป็นแผนของคุณ”
“ผมสั่งอาหารพิเศษในร้านไว้ให้คุณ มีโทะโระส่วนท้อง ปลาทูน่าอูหนิ หอยเม่น แล้วก็...”
มายูมิลุกขึ้นด้วยความไม่พอใจ จะเดินออกจากร้าน ริวลุกขึ้นตาม รีบคว้าแขนไว้
“จะไปไหน”
“จะกลับบ้าน ฉันไม่ได้เต็มใจมาที่นี่กับคุณ”
“แต่ผมอยากเซอร์ไพรส์ว่าที่คู่หมั้นของผม”
“เราเป็นอิสระต่อกัน นับตั้งแต่คุณเลือกผู้หญิงของคุณแล้วค่ะ”
“จะให้พูดอีกกี่ครั้งว่าอาคิโกะไม่ใช่ผู้หญิงของผม” ริวเริ่มโมโห
“ฉันไม่สนใจ และกรุณาปล่อยฉัน”
ริวกับมายูมิยื้อยุดฉุดกระชากกัน ต่างคนต่างไม่ยอมกัน คัตสึกับเซกิ ลนลานมองริวที มายูมิที ไม่รู้จะห้ามยังไง ไทชิเข็นรถเข็น มีชาเขียวและถ้วยชา ปรี่เข้ามาแทรกระหว่างริวกับมายูมิ แทรกบรรยากาศตึงเครียดให้ชะงักไปชั่วขณะ
“ชาเขียวหอมกรุ่น พร้อมเสิร์ฟครับ”
ไทชิเทชาใส่ถ้วยสองถ้วย ยกให้ริวรับไป ก่อนส่งอีกถ้วยให้มายูมิถือไว้
“ดื่มแล้วรู้สึกสดชื่น เพิ่มความยืดหยุ่นของกล้ามเนื้อหัวใจ ขยายผนังหลอดเลือด เหมาะสำหรับผู้เป็นความดันโลหิตสูงและยังมีสาร...” ไทซิทำทีจำไม่ได้
มายูมิต่อให้
“สารต้านการเกิดมะเร็ง”
“ใช่แล้วครับ มีประโยชน์อย่างนี้ ต้องรีบดื่มให้ชื่นใจ”
ไทชิยิ้มคะยั้นคะยอ มายูมิมองไทชิอย่างระแวง แต่ก็ยอมดื่มตามมารยาท ท่าทีอ่อนลงบ้าง ริวแอบส่งสายตาไล่ไทชิ คัตสึ เซกิ ทั้งสามรีบเลี่ยงออกไปเนียน ๆ ปล่อยให้ริวกับมายูมิอยู่กันตามลำพัง
คัตสึกับเซกิ ถอนใจโล่งอกพร้อมกัน ขณะเดินคุยกับมากับไทชิ
“ท่าทางคุณมายูมิโกรธโซเรียวมาก” คัตสึบอกเสียงเครียด
“โอ๊ย...ทะเลาะกันทุกวันอย่างนี้ฉันเห็นลูกดกทุกราย” เซกิพูดขำๆ
“คนนะไม่ใช่ผลไม้ จะได้ออกดอกออกผลตลอดเวลา”
เซกิกับคัตสึ พากันหัวเราะ ขำๆ
“ปล่อยให้โซเรียวแก้ปัญหาหัวใจด้วยตัวเองเถอะ แยกย้ายไปดูแลความปลอดภัยให้โซเรียวได้แล้ว” ไทชิบอก
เซกิยังสงสัยไม่หาย
“ทำไมโซเรียวพาคุณหมอมาเซอร์ไพรส์ไกลเมือง แล้วยังไม่ให้คนของเราตามมาอารักขาอีก”
คัตสึมองเซกิ
“เข้าใจคำว่าบรรยากาศส่วนตัวไหม ลูกน้องยืนเต็มร้านมันโรแมนติกตรงไหน”
“อืม...นั่นสิ ขนาดฉันเห็นหน้าแกยังหมดอารมณ์เลย”
เซกิหยอกคัตสึอย่างกวน ๆ ไทชิไปตรวจที่หน้าร้าน ขณะที่เซกิและคัตสึแยกไปตรวจกันอีกทางหนึ่ง
ไทชิเดินเข้ามาตรวจความเรียบร้อยในครัวหลังร้าน ในขณะที่เจ้าของร้านกำลังเร่งพ่อครัวและผู้ช่วย
“ของท่านโอะนิซึกะโซเรียวพร้อมแล้วก็รีบยกออกไปเลย”
เด็กเสิร์ฟสองคนกุลีกุจอยกถาดใส่อาหารหรูหลากหลายอย่าง กำลังจะเอาออกไปเสิร์ฟ ไทชิเรียกไว้
“เดี๋ยวก่อน”
เด็กเสิร์ฟชะงัก กลัวเสียงดุเย็น ไทชิตรงเข้าไปตรวจอาหารแต่ละจานอย่างละเอียด สังเกตสีและกลิ่นของอาหาร รวมทั้งจ้องมองเด็กเสิร์ฟทั้งสองด้วยความระแวง จนเจ้าของร้านต้องรีบออกตัวให้
“เด็กเสิร์ฟสองคนนี้ทำงานอยู่ที่ร้านมานาน ผมรับรองได้ครับ”
ไทชิสำรวจลักษณะเด็กเสิร์ฟทั้งสองอย่างละเอียด ก่อนโบกมืออนุญาตให้เอาอาหารออกไปเสิร์ฟริว เจ้าของร้านถอนใจโล่งอก
เด็กเสิร์ฟเดินนำคัตสึกับเซกิ มาชี้ให้ดูบางสิ่งที่หน้าร้าน
“ผมออกมาก็เห็นมันอยู่ตรงนี้”
คัตสึกับเซกิ เห็นมีดสั้นปักอยู่บนกระดาษแผ่นหนึ่งตรงเสาหน้าร้าน ข้อความในกระดาษเขียนว่า “โอะนิซึกะโซเรียว” คัตสึกับเซกิ สบตากันสีหน้าเคร่งเครียด รู้สึกไม่ชอบมาพากล...โอตะในชุดนักธุรกิจภูมิฐาน ถือกระเป๋าเอกสาร เดินเข้าร้านไปเงียบ ๆ โดยไม่มีใครสังเกตถึงเห็นผิดปกติ
อาหารญี่ปุ่นสุดหรู หลากหลายเมนู สีสันน่ารับประทาน ถูกจัดวางไว้บนโต๊ะ ริวคีบซูชิใส่จานให้มายูมิอย่างเอาใจ แต่เธอคีบกลับคืนใส่จานให้เขาทันที
“ฉันไม่อยากทานอาหารร่วมกับคุณ”
ริวยิ้ม อารมณ์ดี
“โบราณว่าผู้หญิงงอน แปลว่าผู้หญิงรัก”
“ยุคสมัยเปลี่ยน อดีตก็ผ่านไปแล้ว กรุณาอย่าหลงตัวเอง”
“อยากให้คุณมาหลงผมจังเลย เรารีบกำหนดวันหมั้นวันแต่งและวันฮันนีมูนเร็ว ๆ ดีกว่า”
“ไม่กลัวคุณอาคิโกะได้ยินแล้วจะเสียใจเหรอคะ”
“ถ้าคุณไม่สนใจ ก็คงไม่ประชดประชันผมหรอก”
มายูมิฮึดฮัดที่ถูกริวยอกย้อน แต่ยังไม่ทันจะโต้ตอบ จู่ ๆ โอตะก็เดินเข้ามา แล้วชะงัก มองทั้งคู่ สีหน้าประหลาดใจ
“ขอโทษครับ ผมจำผิดโต๊ะ”
โอตะรีบก้มศีรษะขอโทษริวกับมายูมิอย่างมีมารยาท ริวก้มศีรษะรับ แล้วหันกลับมาหามายูมิ โอตะแววตาร้าย มีดสั้นไหลลงมาจากแขนเสื้อเข้าสู่อุ้งมือ โอตะวาดลวดลายสะบัดมีดสั้นเข้าใส่ริว เป็นจังหวะเดียวกับที่มายูมิหันไปเห็น ตกใจมาก
“ริว...ระวัง”
ทิศทางของมีดสั้นพุ่งเข้าหาริวกับมายูมิ ริวหันขวับไปเห็น รีบคว้ามายูมิเอี้ยวตัวหลบลง มีดสั้นพุ่งปักเสาบริเวณนั้นอย่างเฉียดฉิว โอตะพุ่งเข้าเล่นงานอย่างไม่รอช้า เหวี่ยงกระเป๋าเข้าเล่นงานริวตั้งรับและต่อสู้กับโอตะอย่างดุเดือด จนจานอาหารบนโต๊ะปลิวกระจัดกระจาย
ไทชิวิ่งมาสมทบคัตสึ เซกิ ที่หน้าร้าน ตกใจเมื่อได้ยินเสียงการต่อสู้ดังมาจากข้างใน รู้ด้วยสัญชาตญาณ
“โซเรียว”
ทั้งสามรีบวิ่งเข้าไปช่วยริวทันที
ริวต่อสู้กับโอตะ จนเสียหลักชนฉากกั้นล้มครืนลงมา ทั้งริว โอตะ และฉากกั้น เด็กเสิร์ฟและลูกค้าวิ่งหนีกันจ้าละหวั่นด้วยความตกใจ โอตะตั้งหลักได้เร็วกว่า ในขณะที่ริวกำลังพยุงตัวลุกขึ้น มายูมิพุ่งเข้าไปจัดการกับโอตะ ลีลาการต่อสู้ของมายูมิขั้นพื้นฐาน ยังไม่เก่งมาก จังหวะหนึ่ง มายูมิพลาดท่า โอตะหมายจะพุ่งเข้าจัดการมายูมิอีกรอบ
“มายูมิ”
ริวคว้าท่อนเก้าอี้ที่พังใกล้มือปราดเข้าไปตวัดตี โอตะใช้กระเป๋าตั้งรับ และหลบได้อย่างเหนือชั้น รวดเร็วมาก ไทชิ คัตสึ เซกิ วิ่งเข้ามาล้อมเล่นงาน โอตะเหวี่ยงกระเป๋าเข้าใส่ทุกคน ก่อนกระชากปืนที่เหน็บซ่อนไว้วาดปืนเข้าหาริวที่ก้าวกระโดดขึ้นไปเหยียบบนโต๊ะลอยตัวคว้างกลางอากาศ ตวัดท่อนเก้าอี้ฟาดโอตะด้วยลวดลายสวยงาม เหนือชั้น โอตะล้มทั้งยืน ไทชิ คัตสึ เซกิ รีบพุ่งเข้าไปล็อกตัวโอตะไว้ และถีบให้โอตะทรุดคุกเข่ากับพื้น ริวหันไปประคองมายูมิลุกขึ้น แล้วเดินตรงมายืนประจันหน้าโอตะ
“ใครส่งแกมา”
โอตะจ้องริวเขม็ง ยิ้มนิ่งเยือกเย็น จู่ ๆ เขาก็ชักจนตัวกระตุก น้ำลายฟูมปาก ล้มแน่นิ่งไปต่อหน้าทุกคน ริวตกใจ
“เกิดอะไรขึ้น มันเป็นอะไร”
มายูมิรีบก้มลงพลิกตัวตรวจชีพจร ทางเดินหายใจ และเปิดปากโอตะตรวจเบื้องต้น มายูมิตกใจ
“ไซยาไนด์”
ทุกคนมองร่างวิญญาณของโอตะด้วยความตกใจ
สำนักงานตำรวจ...เคนอ่านแฟ้มสรุปรายงานผ่าน ๆ แล้วปิดแฟ้ม วางลงบนโต๊ะ
“ผลการชันสูตรศพเบื้องต้น...คนร้ายกัดแคปซูลไซยาไนด์ที่อมไว้ในปากทำให้เสียชีวิตทันที”
“ฆ่าตัวตายเพื่อไม่ให้สาวไปถึงคนบงการที่แท้จริง...ใจเด็ดจริง ๆ” ริวอึ้งๆ
“รู้ไหมคะว่าเป็นฝีมือใคร” มายูมิถาม
“โอะนิซึกะโซเรียวยังมีคดี อาจมีใครจัดฉากเพื่อเบี่ยงเบนคดีก็ได้”
“กล่าวหากันเกินไปแล้วนะคุณตำรวจ” ไทชิสวน
ไทชิ คัตสึ เซกิ รู้สึกฉุน ไม่พอใจเคน
“ไทชิ...อย่าเสียมารยาท” ริวปราม
ไทชิจำต้องพยายามอดทนอย่างถึงที่สุด
“ปกติท่านฮิโระจะเป็นคนรับทำคดีพิเศษด้วยตัวเอง”
“ท่านฮิโระตามท่านมาซารุไปราชการต่างเมือง คดีนี้ไม่ได้ซับซ้อนอะไร แค่นักฆ่ากระจอกทำงานพลาดแล้วฆ่าตัวตาย เราจะหาหลักฐานตามขั้นตอน เพื่อสืบหาตัวผู้บงการ”
ไทชิ คัตสึ เซกิ เริ่มหงุดหงิดกับท่าทางยียวนของเคน จนจะระงับอารมณ์ไม่ได้
“หมดเรื่องแล้ว พวกเรากลับกันเถอะ” ริวตัดบท
“แต่...” ไทชิฮึดฮัด
“ปล่อยให้ทุกอย่างเป็นไปตามกระบวนการของกฎหมาย”
ริวประชดเนียน ๆ เคนลอยหน้าเมินเฉย ไม่สนใจ ไทชิ คัตสึ เซกิ จ้องเคนด้วยความเจ็บใจ
ไทชิพูดออกมาอย่างอึดอัดทันทีที่ทุกคนก้าวออกมาจากสำนักงานตำรวจ
“หมวดเคนตั้งใจหาเรื่องโซเรียวมากกว่าที่จะเร่งสืบคดี”
“ลูกน้องคนสนิทของท่านมาซารุร้ายใช่เล่น” คัตสึแค้นๆ
ริวหันไปเห็นมายูมินิ่งเงียบไป จึงเป็นห่วง
“กลัวมั้ย...”
“ไม่...”
“เกิดเรื่องวันนี้จะทำให้คุณกลัวที่จะอยู่กับผมมั้ย”
“ผู้หญิงที่จะอยู่ข้างกายคุณ คงไม่ใช่ฉันหรอกค่ะ”
“ถ้าไม่ใช่...แล้วคุณจะเรียนศิลปะป้องกันตัวทำไม”
มายูมิแปลกใจที่ริวรู้เรื่อง
“ผมรู้มาว่าคุณขออนุญาตพ่อเรียนยูโดเพิ่มเติม พ่อคุณสนับสนุนเพราะรู้ว่า ผู้หญิงของโอะนิซึกะโซเรียวจะต้องเจออันตรายรอบตัว”
มายูมิหลบสายตาค้นหาของริว แล้วจึงตัดสินใจหันกลับมาจ้องหน้าเขาตอบตรงข้ามกับความจริง
“ฉันอยากเรียนเพราะชอบ ไม่เกี่ยวอะไรกับคุณ” มายูมิทำทีมองนาฬิกาข้อมือ “เสียเวลาทั้งวันแล้ว ฉันอยากกลับบ้าน”
มายูมิสีหน้าเรียบเฉย เดาความรู้สึกไม่ออก
ทาคาโอะหันมาจ้องนาบุด้วยสายตาดุ นิ่งมาก
“พลาดอีกแล้ว”
“โอตะฆ่าตัวตายทันที ไม่มีทางสืบมาถึงเราได้ครับ”
นาบุระล่ำระลักรายงานอย่างหวั่นเกรง ทาคาโอะเลื่อนมีดพกของตัวเองขึ้นมาดู แววตาแฝงความร้ายลึก เหี้ยมโหด
“นักฆ่าทำงานพลาดยังรู้หน้าที่ของตัวเอง แล้วสมุนมือขวาอย่างแกล่ะ”
ทาคาโอะถือมีดพกเดินเข้าไปใกล้นาบุ แล้วเลื่อนมีดเล่นไล่จากแขนนาบุขึ้นไปที่คอ ช้า ๆ นาบุเริ่มร้อน ๆ หนาว ๆ กับการกระทำของทาคาโอะ
“พลาดครั้งแรกคือบทเรียน พลาดครั้งที่สองคือความโง่”
ทาคาโอะหยุดปลายมีดที่คอหอย นาบุกลืนน้ำลายลงคอด้วยความกลัว
“และนี่คือโทษที่คนโง่ควรจะได้รับ”
ทาคาโอะสะบัดปลายมีดกรีดคอนาบุจนเป็นแผลนิดหนึ่ง แล้วเดินจากออกไป นาบุสะดุ้งร้องอย่างเจ็บแสบลูบแผลที่คอ เลือดไหลซิบติดมือออกมา ตกใจมาก
“ตามเก็บหลักฐานและพยานที่เหลือให้หมด อย่าให้โอะนิซึกะตามสืบมาถึงตัวเราได้”
“ผมจะรีบจัดการครับ”
ทาคาโอะหน้าเหี้ยม
ใกล้ค่ำ...มายูมิเดินคู่กันมากับริว โดยมี ไทชิ คัตสึ เซกิ คอยตามอารักขาห่างออกไปเล็กน้อย
“คิดยังไงถึงพาฉันเดินกลับบ้าน”
“ไม่ได้คิด” ริวกวนๆ
มายูมิหยุดเดิน ชักสีหน้าไม่พอใจ ริวขำก่อนบอกด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“ผมอยากใช้เวลาอยู่กับคุณให้นานที่สุด อยากให้เวลาของเราเดินช้าที่สุด”
มายูมิอึ้งแวบหนึ่ง...เธอเกือบจะใจอ่อน แต่เมื่อริวหันมามองเธอ มายูมิก็ทำทีเป็นเมินเฉยต่อสายตาของเขา ริวเห็นร้านราเม็งรถเข็นข้างทาง นึกขึ้นมาได้ จึงคว้าแขนมายูมิเดินไปที่ร้านราเม็งทันที
“มาทางนี้”
ริวดึงแขนมายูมิมายืนหน้าร้านราเม็งรถเข็นข้างทาง โดยไทชิ คัตสึ เซกิ แยกย้ายกันออกไปดูแลรอบ ๆ อย่างรู้หน้าที่
“ชาชูเมน ใส่ใข่พิเศษหนึ่งที่” ริวสั่ง
คนขายก้มศีรษะรับคำ รีบทำราเม็งตามสั่ง มายูมิฮึดฮัด
“ฉันจะกลับบ้าน”
“เป็นหมอหรือหุ่นยนต์ ตั้งโปรแกรมพูดซ้ำ ๆ ประโยคเดียว” ริวทำเสียงหุ่นยนต์ “ฉันจะกลับบ้าน ฉันจะกลับบ้าน”
“อย่ามาล้อเลียนฉันนะ”
“เอาน่า...เดทแรกในรอบเจ็ดปีของเราพังไปแล้ว คุณกับผมยังไม่ได้ทานอะไรทั้งวัน ผมคิดว่าใจเราตรงกัน...กระเพาะอาหารเราก็ต้องตรงกัน ตอนนี้ผมหิว คุณก็คงหิวแล้วล่ะ” ริวขำๆ
มายูมิจะค้าน เป็นจังหวะเดียวกับที่คนขายเสิร์ฟราเม็งชามพิเศษให้
“คนทั่วไปทานราเม็งคนละชาม แต่ว่าที่คู่หมั้นหวานเว่อร์อย่างเราต้องทานร่วมชามเดียวกัน” ริวเอาตะเกียบส่งให้มายูมิ “ฝากถือแป๊บ”
“จะทำอะไร” มายูมิงงๆ
“ร่ายมนต์รักราเม็ง” ริวหยิบตะเกียบอีกอัน ทำท่าปลุกเสกขำๆ “โอมเพี้ยง...ขอให้คุณหมอมายูมิ รักหลงผมคนเดียว ...เอ้า...ช่วยเสกด้วยสิคุณ”
มายูมิวางตะเกียบ
“ไร้สาระ”
รอยฝันตะวันเดือด ตอนที่ 2 (ต่อ)
คัตสึกับเซกิ แอบมองริวกับมายูมิมุมหนึ่ง
“พ่อแง่แม่งอน แรงกันทั้งคู่” คัตสึลุ้น
“ไม่กล้าคิดเล้ย...ถ้ามีลูกแล้วจะออกมาเหมือนใคร” เซกิยิ้ม
คัตสึกับเซกิ หัวเราะกันคิกคัก ไทชิยืนมองอยู่เงียบ ๆ นึกเอาใจช่วยริวอีกคน
ริวยิ้มให้มายูมิ ยังคงหว่านล้อมเธออย่างไม่ยอมแพ้ด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
“ชิมหน่อย รับรองติดใจ”
“ฉันบอกว่าไม่หิว”
เสียงท้องมายูมิร้องโครกคราก สวนทางกับคำพูด เธอชะงัก เขินจนทำตัวไม่ถูก
“ถึงเวลาน้ำย่อยทำงานแต่อาหารไม่ตกถึงท้อง มันก็จะจู่โจมจนเป็นแผลที่กระเพาะอาหาร ลามไปถึงลำไส้ ถ้าหมอไม่ดูแลตัวเองแล้วคนไข้ที่ไหนจะเชื่อถือ”
ริวเอาตะเกียบใส่มือมายูมิอีกครั้ง เธอมองราเม็งตรงหน้าอย่างลังเล หิวแต่หยิ่ง
“อยากรู้วิธีทานราเม็งให้อร่อยไหม”
“ยังไง...” มายูมิน้ำเสียงรำคาญ
ริวเหมือนจะจริงจัง แต่...
“ก็...ใส่ปาก เคี้ยว กลืน”
ริวขำ แต่มายูมิไม่ขำด้วย ริวยิ้มแหย บรรยายวิธีทานราเม็งเป็นเรื่องเป็นราว
“เริ่มจากเรามองราเม็งให้ซาบซึ้งไปกับกลิ่นหอมและเครื่องปรุง หลังจากนั้นก็ใช้ปลายตะเกียบลูบสัมผัสผิวหน้าราเม็งเบา ๆ ดันเนื้อชาชูขึ้นคลึงเคล้ากับปลายตะเกียบ ก่อนจุ่มเนื้อชาชูลงในน้ำซุปด้านขวาของชาม สิ่งสำคัญคือการขอโทษต่อเนื้อชาชูว่า เดี๋ยวเจอกันนะ จากนั้นเราก็เริ่มทานโดย...”
เสียงดูดเส้นราเม็งดังซ้วบ...ริวหันขวับ เห็นมายูมิกำลังทานราเม็ง ควันออกปาก โดยไม่สนขั้นตอนและวิธีการที่เขาบอก ริวหน้าเหวอ
“อ้าว...ไม่มีศิลปะในการทานราเม็ง เสียอรรถรสหมด”
มายูมิไม่สนใจ คีบเส้นราเม็งใส่ปากอย่างเอร็ดอร่อย ตั้งใจแกล้ง
“โอเค...สรุปว่าหิว แต่แบ่งผมด้วยสิที่รัก”
ริวจับมือมายูมิที่ถือตะเกียบคีบเส้นราเม็ง เอามาใส่ปากตัวเองบ้าง
“ฉันไม่ใช่ที่รักคุณ”
มายูมิไม่ยอมแบ่ง ยื้อแย่งไว้ ริวกับมายูมิยื่นหน้าไปแย่งกันทานราเม็ง จนหน้าเกือบจะชนกัน ใกล้มาก ทั้งสองชะงัก นิ่งมองกันราวกับตกอยู่ในภวังค์ชั่วขณะสายตาริวเต็มไปด้วยความรักที่เก็บซ่อนไว้ ไม่กล้าเอ่ยออกไป มายูมิรู้สึกตัวก่อน รีบวางตะเกียบเสียงดัง จนริวรู้สึกตัว
“อิ่มแล้ว กลับกันได้รึยัง”
ริวพยักหน้ารับด้วยความเสียดาย
โถงบ้านทากาฮาชิยามค่ำคืน ทากาฮาชิก้มศีรษะขอบคุณ ริวรีบก้มศีรษะรับทันที
“ขอบคุณโซเรียวที่พามายูมิกลับบ้านอย่างปลอดภัย”
“สำหรับว่าที่คู่หมั้น ผมยินดีและเต็มใจครับ”
“มีพี่เขยดูแลพี่สาวดีแบบนี้ พวกเราก็หมดห่วงค่ะ” เมกุมิยิ้มปลื้ม
มายูมิชำเลืองมองเมกุมิด้วยแววตาไม่พอใจ ปรามทางสายตา เมกุมิเห็น แต่ยังไม่วายแกล้งพี่สาว
“จะเร็วหรือช้า พี่ริวก็ต้องแต่งงานกับพี่มายูมิ และเป็นพี่เขยของหนู...ชัวร์”
“เมกุมิ” มายูมิดุ
มิยูกิดุเมกุมิด้วยสายตา ให้รักษามารยาท มายูมิหันไปเห็นริวจ้องมองเธออยู่ จึงรีบออกตัว
“ฉันขอตัวไปพักผ่อน ขอบคุณที่มาส่งค่ะ”
มายูมิก้มศีรษะลาริว กำลังจะเลี่ยงไป ริวเรียกไว้
“เดี๋ยวก่อนครับ”
มายูมิหันกลับมา งงๆ
“คะ”
ริวขยับเข้าไปใกล้ เอาถุงกำมะหยี่ออกมาจากกระเป๋าเสื้อ หยิบสร้อยเส้นหนึ่งในถุงกำมะหยี่ออกมายื่นให้มายูมิต่อหน้าทุกคนในครอบครัว
“คุณลืมของไว้ที่ผม...เจ็ดปีมาแล้ว”
มายูมิมองสร้อยจี้รูปดอกเดซี่ในมือริว อึ้งไม่คิดว่าจะได้เห็นอีกครั้ง เธอคิดถึงเหตุการณ์ที่กระชากสร้อยคืนให้เขาแว่บเข้ามา มายูมิจดจำความรู้สึกเจ็บปวดในวันนั้นได้เป็นอย่างดี
“สร้อยเส้นนี้กลับมาหาเจ้าของแล้ว”
มายูมิจะปฏิเสธ แต่ต้องชะงักเมื่อหันไปเห็นสายตาจ้องเขม็งของทากาฮาชิ ทำให้มายูมิจำใจรับสร้อยมาจากมือริวอย่างเลี่ยงไม่ได้
“ขอบคุณค่ะ”
มายูมิรับมาด้วยท่าทางนิ่งมาก ไม่ให้ทุกคนผิดสังเกต แล้วรีบเลี่ยงกลับขึ้นห้อง พยายามเดินออกไปให้เร็วที่สุด ริวมองตามมายูมิ แอบยิ้มที่บังคับเธอให้รับสร้อยกลับคืนไปได้
มายูมิปรี่เข้ามาในห้อง ปิดประตู โกรธที่ต้องรับสร้อยกลับคืนมาอย่างไม่เต็มใจ เธอมองสร้อยในมือ แผลในอดีตกรีดลึกจนยากจะหาย
“ฉันไม่ใช่วัตถุ ฉันจะไม่ยอมเป็นดอกไม้ประดับแจกันของ ริว โอะนิซึกะ”
มายูมิจะเขวี้ยงสร้อยในมือทิ้ง แต่ก็ชะงัก ทิ้งไม่ลง เสียงริวกับทากาฮาชิดังขึ้นหน้าบ้าน
“โอกาสหน้าผมจะมาเยี่ยมใหม่นะครับ”
“บ้านนี้ยินดีต้อนรับโอะนิซึกะโซเรียวเสมอครับ”
มายูมิเดินไปแอบดูริมหน้าต่างเห็นทากาฮาชิก้มศีรษะลาริว แล้วเดินกลับเข้าบ้าน ริวเงยหน้าขึ้นมา เห็นมายูมิทางหน้าต่างห้องนอนพอดี จึงส่งจูบให้ยิ้มกวน ๆ มายูมิรีบปิดหน้าต่างทันที ครุ่นคิดถึงสิ่งที่ริวทำวันนี้ทั้งหมดด้วยความไม่เข้าใจ
“ริว...คุณต้องการอะไรกันแน่”
มายูมิมองสร้อยในมือ สับสนมาก
ภายในรถไฟยามค่ำคืนมีผู้คนบางตา ไม่หนาแน่นเหมือนตอนกลางวัน ริวยืนเหม่ออยู่มุมหนึ่งคนเดียว ใจลอยคิดถึงมายูมิ ภาพเหตุการณ์ที่เขากับมายูมิยื้อแย่งราเม็งกัน อึ้งมองกัน แว่บเข้ามา...ริวอมยิ้ม สุขใจที่ได้อยู่กับมายูมิ คัตสึสะกิดไทชิกับเซกิที่ยืนห่างมาอีกมุม ทั้งสามประหลาดใจที่เห็นริวยิ้มคนเดียว
หน้าบ้านโอะนิซึกะ...เซกิเอ่ยปากถามริวอย่างอดไม่ได้ ขณะริวกำลังจะเดินเข้าบ้าน
“ทำไมไม่บอกความจริงไปล่ะครับ ว่าโซเรียวคอยติดตามดูแลคุณมายูมิมาตลอดเจ็ดปี ไม่เคยหายไปไหน”
“ถ้านายไม่รู้ จะนอนไม่หลับใช่มั้ย”
“นอนคว่ำ หงาย ตะแคงซ้ายขวา ก็คาใจสุด ๆ ครับ” คัตสึพูดขำๆ
“งั้นก็ขออวยพรให้นอนไม่หลับ”
ริวตบบ่าคัตสึกับเซกิ แล้วเดินเข้าบ้านไป คัตสึหน้าเหวอ
“อ้าว...อย่างนี้มีเครียดยันเช้านะครับ”
“ฝากด้วยนะยาม เดี๋ยวฉันนอนเผื่อ”
ไทชิทำท่าหาว ตบบ่าคัตสึกับเซกิ แล้วเดินไปอีกทาง
“ทิ้งกันเห็น ๆ ไม่ได้ดั่งใจสักคน”
เซกิบ่นแล้วหันมาเจอคัตสึ ต่างคนต่างมองกัน แล้วสะบัดหน้าหนีไปคนละทาง เบื่อหน้ากันเอง
เช้าวันใหม่ ในห้องเก็บป้ายบรรพบุรุษ บ้านโอะนิซึกะ...ริวนั่งอยู่บนเบาะ ก้มศีรษะทำความเคารพป้ายบรรพบุรุษอย่างนอบน้อม
โคจิเลื่อนประตู เดินเข้ามาพร้อมกับมาซาโตะ คาซูมะ โคจิรายงานริวด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น
“เจอภรรยาของโซวกับลูกแล้วครับ”
“อยู่ที่ไหน” ริวหันขวับ
โคจิสบตามาซาโตะคาซูมะหน้าเครียด
“สองแม่ลูกถูกไฟคลอกจนเสียชีวิต ที่โกดังร้างชานเมือง”
ริวอึ้ง หน้าเครียดขึ้น คาซูมะหนักใจ
“พยานสำคัญถูกเก็บไปแล้ว โอกาสช่วยโซเรียวให้รอดคดีจ้างวานฆ่าท่าน
โอะซะมุน้อยลงทุกที”
“เราช้ากว่าพวกมันแค่ก้าวเดียว” มาซาโตะเจ็บใจ
“ต่อไปนี้โซเรียวจะต้องระวังตัวให้มากขึ้น เหตุการณ์ที่ร้านอาหารเมื่อวานบ่งบอกว่ามีศัตรูจ้องเล่นงานเราตลอดเวลา” โคจิหน้าเครียด
“โซเรียวไม่ควรประมาทเลือกไปร้านอาหารที่เราไม่คุ้นเคย และไม่มีคนของเราคอยคุ้มกัน” มาซาโตะเตือน
“ผมไปทานข้าว ไม่ได้ไปรบ” ริวถอนใจ
“แต่สถานการณ์ตอนนี้ไม่ค่อยดี เราจะประมาทไม่ได้เด็ดขาด” โคจิขัดขึ้น
“ผมรู้ว่าทุกคนเป็นห่วง ผมจะระวังตัวให้มากกว่านี้”
โคจิรู้ว่าริวดื้อแค่ไหน ยังคงอดเป็นห่วงไม่ได้
ริวนั่งมองรูปถ่ายในมือเงียบ ๆ คนเดียวอยู่ในห้องทำงาน รูปถ่ายในมือของเขาเป็นรูปที่เขาถ่ายคู่กับทาเคชิในชุดนักศึกษา สีหน้าทาเคชิในรูปนิ่งขรึม ผิดกับริวที่ยิ้มแย้ม ร่าเริงมาก แต่สีหน้าเคร่งเครียดของเขาตอนนี้ ต่างจากริวที่ร่าเริงในรูป
“ทาเคชิ...”
ริวนึกถึงคำพูดของทาเคชิ
“แล้ววันหนึ่งนายจะเข้าใจว่าเกียรติและหน้าที่ของโอะนิซึกะโซเรียว เปลี่ยนเราให้กลายเป็นอีกคนได้ยังไง”
ริวนิ่งเครียด นึกถึงอดีต
บ้านพักไร่องุ่นแพรวดาวในอดีตเมื่อสองปีที่แล้ว...ไร่องุ่นอยู่ในหุบเขาที่สวยงามของจังหวัดทางภาคเหนือในประเทศไทย ริวกับทาเคชิกอดกันด้วยความดีใจ
“ริว...ไม่นึกเลยว่านายจะมาเยี่ยมพวกเราถึงเมืองไทย”
“ทำยังกับนายจะกลับไปหาฉันได้งั้นแหละ...หลานชายสุดหล่อของฉันหายไปไหนกันหมด”
“ไปโรงเรียนทั้งสองคน ตอนเย็นกลับมาคงดีใจที่ได้เจอคุณอาริว”
“น้ำกระเจี๊ยบเย็น ๆ ค่ะ”
แพรวดาวยกถาดใส่น้ำกระเจี๊ยบเข้ามา ทาเคชิรีบปรี่เข้าไปช่วยรับมาวาง
“ให้ผมยกออกมาเองก็ได้ คุณกำลังท้องเดี๋ยวก็หน้ามืดไปหรอก”
“ผมกำลังจะมีหลานคนที่สาม” ริวตื่นเต้น
แพรวดาวยิ้มรับ เขิน ๆ ทาเคชิประคองแพรวดาวให้มานั่งอย่างเอาใจ
“เพิ่งเดือนกว่า ๆ เองค่ะ แต่คุณพ่อเห่อราวกับลูกคนแรก คอยดูแลเอาใจใส่ฉันจนแทบไม่ต้องทำอะไร”
“คุณกับลูกเป็นหัวใจของผม ผมต้องรักและดูแลหัวใจของตัวเองให้ดีที่สุด”
“ฉันก็รักหัวใจของฉันเช่นกันค่ะ...ทาเคชิ”
ทาเคชิโอบกอดแพรวดาวด้วยความรัก เธออิงศีรษะซบเขาอย่างอบอุ่น ริวรู้สึกซาบซึ้งใจกับความรักที่ทาเคชิและแพรวดาวมีให้ต่อกัน
ทาเคชิพาริวเดินชมไร่องุ่น ที่มีองุ่นออกผลเป็นพวงสวยงามสุดลูกหูลูกตา
“ไร่ของเราปลูกองุ่นหลายสายพันธุ์ เราขายองุ่นสด และทำเป็นแยมกับอบแห้ง ตอนนี้ฉันกำลังทดลองบ่มไวน์ คิดว่าจะขายในเมืองไทยเพื่อดูทิศทางของตลาดก่อน แล้วค่อยขยายฐานลูกค้าออกไปต่างประเทศ”
ทาเคชิเล่าความตั้งใจของตัวเองให้ริวฟัง ด้วยสีหน้าที่มีแต่ความสุข ริวอึ้งมองการเปลี่ยนไปของทาเคชิ ไม่คาดคิด
“นายคิดจะกลับไปดูแลโอะนิซึกะเหมือนเดิมมั้ย”
ทาเคชิชะงัก สีหน้าแห่งความสุขแปรเปลี่ยนเป็นนิ่งขรึม
“ทาเคชิ โอะนิซึกะ ตายไปแล้ว...ฉันคือ ตะวัน เป็นสามีของแพรวดาวและเป็นพ่อที่น่ารักของลูก ๆ”
“ถ้าฉันขอร้องให้นายกลับไปช่วยฉัน ช่วยกันสานต่อหน้าที่ที่บรรพบุรุษของเรามอบไว้ล่ะ”
“เราถูกสอนให้รักเกียรติและหน้าที่จนลืมว่าตัวเองมีหัวใจ สงครามคราวที่แล้วทำให้ฉันเกือบสูญเสียผู้หญิงที่ฉันรักยิ่งกว่าชีวิตตอนนี้ฉันเลือกแล้ว...ฉันเลือกที่จะดูแลหัวใจของฉันที่นี่”
ทาเคชิยืนยันอย่างหนักแน่น
ระเบียงริมสวนปัจจุบัน...ริวหน้าสลด กำลังเครียดกับชีวิตที่เผชิญอยู่ ทั้งในเรื่องความรัก และเรื่องปัญหาที่ประสบอยู่
“ทาเคชิ...นายกล้าหาญที่ทำตามเสียงหัวใจตัวเอง แต่ฉันขี้ขลาดเกินไป ฉันทำไม่ได้เหมือนนาย”
“ความกลัวและความกล้ามีอยู่ในตัวเราทุกคน ขึ้นอยู่กับว่าเราจะดึงอะไรออกมาใช้มากกว่ากัน”
โคจิเข้ามา ยืนข้างๆ ริวครุ่นคิดตาม
“บางคนมีชีวิตอยู่ได้เพราะความรัก บางคนอุทิศทั้งชีวิตเพื่อหน้าที่ แต่ก็ยังมีบางคน ใช้ความรักเป็นแรงผลักดันไปสู่หน้าที่ที่รับผิดชอบ”
โคจิมองริว ตั้งใจพูดเตือนสติ
“ทุกชีวิตมีทางเลือก และโซเรียวไม่จำเป็นต้องเลือกแค่ทางเดียว”
ริวเครียด สับสน คิดไม่ตก
เคาท์เตอร์โรงพยาบาล...มายูมิกำชับพยาบาล หน้าตาจริงจัง
“ย้ำให้คนไข้ผ่าตัดรายนี้งดช็อกโกแลตโดยเด็ดขาด เพราะมันมีคาเฟอีนที่ทำให้ตับทำงานหนักขึ้น”
พยาบาล รับคำแล้วไปทำงานต่อ มายูมิหันมาเจอนานะยืนพิงเคาเตอร์รออยู่ มายูมิถอนใจเอือม
“นานะ... เธอไม่มีศพให้ผ่า ก็เลยมีเวลามาตื๊อฉันเหรอ”
“เขาเรียกว่าเอาใจใส่ต่อสัมพันธภาพด้านความรักของเพื่อนจ้ะ”
“เรื่องเมื่อวาน ฉันเล่าให้เธอไปหมดแล้ว”
“ว่าที่คู่หมั้นพาไปทานอาหารแบบเซอร์ไพรส์ แต่แจ็กพอตโดนลอบทำร้ายได้ร่วมสุขร่วมทุกข์กับว่าที่คู่หมั้นในเวลาเดียวกัน ถามจริง...เธอจะไม่สปาร์คกันบ้างเหรอ”
“ต่างคนต่างอยู่ เราก็แค่ทำหน้าที่ของตัวเอง”
“แล้วกับผู้กองยูจิล่ะ เธอทำตามหน้าที่...หรือหัวใจ”
มายูมิอึ้ง ๆ ไม่คิดว่าเพื่อนจะถามตรงขนาดนี้ พยาบาลอีกคนเดินเข้ามาตามมายูมิ
“คุณหมอมายูมิ... ผู้กองยูจิมาขอพบค่ะ”
นานะยิ้มแซว
“โอย...พูดปุ๊บก็มาปั๊บ เนื้อคู่ตัวจริง รับรักผู้กองยูจิไปเลยนะมายูมิ คนนี้ฉันเทคะแนนใจเชียร์”
มายูมิค้อนนานะอย่างเหนื่อยใจ รีบเดินหนีไปพบยูจิ
หน้าห้องพักแพทย์...มายูมิเข้ามาทางด้านหลัง ยูจิหันกลับมาเจอ ยิ้มดีใจ
“ขอโทษที่ให้รอค่ะ”
“สำหรับคนอื่นคงไม่นาน แต่ผมรู้สึกเหมือนเข็มวินาทีมันเดินช้ามาก”
“ฉันไปหยิบเสื้อโค้ทมาคืนคุณ ขอบคุณที่ให้ยืมนะคะ”
ยูจิรับเสื้อโค้ทจากมายูมิ แกล้งสัมผัสโดนมือของเธอทำเหมือนไม่ตั้งใจ มายูมิรีบถอนมือกลับอย่างไว้ตัว
“คุณหมอจะเก็บเสื้อไว้ก็ได้นะครับ”
มายูมิยิ้มรับตามมารยาท ไม่ตอบรับข้อเสนอทีเล่นทีจริงของเขา ยูจิหาเรื่องคุย
“เรื่องที่คนร้ายบุกลอบทำร้ายคุณหมอกับว่าที่คู่หมั้น ผมกำลังเร่งตามคดีให้อยู่ครับ”
“ขอบคุณผู้กองมากค่ะ”
“เสียดายที่ผมไม่ได้เป็นคนปกป้องคุณหมอมายูมิเมื่อวาน แต่โอะนิซึกะโซเรียวคงไม่ปล่อยให้ว่าที่คู่หมั้นเป็นอันตรายแน่”
มายูมิชะงัก นิ่งไป เหมือนไม่อยากให้ยูจิพูดถึงริว
“ขอโทษที่พูดจาล่วงเกินว่าที่คู่หมั้นของคุณหมอ” ยูจิรีบก้มศีรษะ
“ไม่เป็นไรค่ะ เขาไม่ได้สำคัญสำหรับฉัน”
“ได้ยินอย่างนี้ผมก็สบายใจ งั้นคุณหมอไปทานอาหารเที่ยงกับผมนะครับ”
มายูมิอึกอัก ราวกับถูกมัดมือชก แต่ก็ปฏิเสธนิ่มนวล
“ฉันต้องอยู่เวรฉุกเฉินค่ะ คงไม่สะดวกไปทานข้างนอก ขอตัวนะคะ”
มายูมิก้มศีรษะลายูจิ แล้วเดินเลี่ยงไป ยูจิมองตาม
โรงอาหารในโรงพยาบาล...นานะตีแขนมายูมิเบา ๆ อย่างหมั่นไส้ ขณะมายูมิกำลังจะรับประทานอาหารเที่ยงกับเธอ
“นี่แน่ะ...หมอใจร้าย ไม่ยอมไปทานข้าวกับผู้กองยูจิของฉัน”
“ผู้กองของเธอ เธอก็ไปสิ”
“ว้าย พูดอะไรบ้า ๆ แต่ฉันไปจริงนะ”
นานะขำกลบเกลื่อนคำพูดตัวเอง
“ขออนุญาตนั่งด้วยคนได้ไหมครับ”
ยูจิถือถุงใส่กล่องข้าวเข้ามา นานะตื่นเต้นจนออกนอกหน้า
“อุ๊ย...”
“คุณหมอไม่ว่างออกไปทานอาหารข้างนอก ผมเลยเตรียมข้าวกล่องมาทานกับคุณหมอที่นี่”
นานะรีบแนะนำตัว
“ฉัน...นานะ เพื่อนสนิทหมอมายูมิ ยินดีที่ได้รู้จัก และลาก่อนชั่วคราวค่ะผู้กอง”
“อ้าว จะรีบไปไหนครับ ไม่อยู่ทานด้วยกันเหรอ”
นานะยิ้มมีเลศนัย
“ฮึๆ พอดีนึกได้ว่ามีเคสด่วน ฝากเพื่อนด้วยนะคะ หล่อนเหมือนจะขาดความอบอุ่นนิด ๆ”
นานะรีบชิ่งไปทันที มายูมิดุไม่ทัน ได้แต่หันมาอธิบายกับยูจิ
“นานะเป็นหมอชันสูตรศพ อยู่กับศพทั้งวัน ก็เลยเพี้ยนอย่างนี้แหละค่ะ”
“น่ารักเหมือนคุณหมอมายูมิเลยครับ”
มายูมิวางตัวนิ่ง ไม่หลงไปกับคำชมของยูจิง่าย ๆ
คัตสึกับเซกิ ย่องมาเกาะอยู่มุมเสาคนละฝั่ง แอบมองมายูมิกับยูจิ ทั้งสองเห็นยูจิยื่นตะเกียบให้มายูมิ และเปิดข้าวกล่องให้ดู มายูมิตื่นเต้นเมื่อเห็นอาหารถูกตกแต่งอย่างสวยงามในกล่องข้าว
“ผู้กองทำเองเหรอคะ”
“คุณพ่อผมเป็นคนเข้มงวด อยากให้ลูกรู้จักพึ่งตัวเอง ผมถูกสอนให้ทำทุกอย่างด้วยตัวเองมาตั้งแต่เด็กครับ”
เมื่อเห็นว่ามายูมิเริ่มสนใจ ยูจิจึงเล่าอดีตที่แต่งขึ้นต่อ
“ตั้งแต่เรียนจนเข้ารับราชการตำรวจ ยศตำแหน่งมาจากความพยายามของผมเอง คุณพ่อไม่ยอมช่วยสนับสนุนเหมือนคนอื่น”
“คุณพ่อของผู้กองคงจะภูมิใจในตัวผู้กองมาก”
มายูมิรู้สึกทึ่งในความเพียรพยายามของยูจิ เริ่มรู้สึกดีต่อยูจิขึ้นมาอีก
“ถ้าเป็นอย่างที่คุณหมอพูดก็ดีสิครับ ผมอยากเห็นสายตาที่ภาคภูมิใจของพ่อ มากกว่าสายตาเย็นชาเมินเฉย เหมือนทุกวันนี้”
สีหน้ายูจิสลดลงอย่างเห็นได้ชัด มายูมิมองยูจิด้วยความเห็นใจ
สวนสวยบ้านโอะนิซึกะ...คัตสึประคองมือเซกิขึ้น ดัดเสียงเลียนแบบมายูมิ แสดงละครสาธิตให้ริวดูอย่างโอเวอร์แอคติ้ง
“ฉันขอเป็นกำลังใจให้ผู้กองยูจินะคะ”
เซกิเลียนเสียงยูจิ
“เปลี่ยนจากกำลังใจ มาเป็นเจ้าของหัวใจได้ไหมครับ”
“อุ๊ย อย่าแกล้งฉันสิคะผู้กอง”
“ขอผมชื่นใจนิดนึงนะครับคุณหมอมายูมิ”
คัตสึเสียงเซ็กซี่มาก
“โอว...อย่าค่ะ ฉันอาย...”
ริวหงุดหงิด
“พอ ๆ ไร้สาระ ฉันให้คอยติดตามดูมายูมิ ไม่ใช่ไปหาข้อมูลมาเล่นละครบ้า ๆ นี่”
คัตสึกับเซกิ ขำคิกคักที่ยั่วแหย่เจ้านายได้
“ไร้สาระก็อย่าโมโหสิครับ” คัตสึบอกขำๆ
“ไม่ได้โมโห แต่รำคาญ” ริวบ่นพึมพำอย่างไม่พอใจ “แผลยูจิหายแล้วไม่ใช่เหรอ ยังจะไปป้วนเปี้ยนที่โรงพยาบาลอีกทำไม”
“แผลใจก็ต้องรักษากันนานเป็นเดือน เป็นปีที่รอ พ.ศ.ที่คิดถึงสิครับ” เซกิยิ้ม
“รู้ว่าฉันเครียด ก็กดดันอยู่ได้”
“เป็นเสียงเตือนให้โซเรียวเร่งทำคะแนน รีบเอาใจใส่ดูแลว่าที่คู่หมั้นไงครับ” คัตสึแนะ
“ก็ตามดูอยู่ทุกวัน”
“ดูแบบหลบ ๆ ซ่อน ๆ ไม่บอกแล้วเขาจะรู้มั้ย” เซกิแย้ง
ริวเถียงไม่ออก เพราะเป็นความจริง เขาเครียด คิดไม่ตกกับศึกหัวใจของตัวเอง
บริเวณคลังสินค้ารถไฟ...ฮารุเดินตรวจความเรียบร้อยกับชุน ขณะลูกน้องมิอุระกำลังขนสินค้าลงจากโบกี้บรรทุกสินค้า
“โซวกับลูกเมียถูกฆ่าปิดปากไปแล้ว แต่ตำรวจยังมีปืนที่ใช้ยิงท่านโอะมุเป็นหลักฐาน แค่นี้โอะนิซึกะโซเรียวก็ดิ้นไม่หลุด” ชุนบอกอย่างสะใจ
ฮารุคิดนิดหนึ่ง
“โอะนิซึกะโซเรียวน่ะเหรอที่จะลอบฆ่าท่านโอะซามุ ไม่น่าจะเป็นไปได้ สายเลือดนักรบจักรพรรดิอย่างโอะนิซึกะไม่มีทางใช้วิธีสกปรก”
“ท่านฮารุมั่นใจเหรอครับ” ชุนแปลกใจ
“ฉันจะช่วยให้ริวโอะนิซึกะ หลุดจากคดีนี้”
ชุนนิ่วหน้า ไม่เข้าใจการกระทำของฮารุ
“โอะนิซึกะคือตระกูลเก่าแก่ที่คนทั้งเมืองให้ความเคารพ ถ้าเราคิดจะเป็นใหญ่ในเมืองนี้ เราต้องเลือกข้างให้ถูก”
ฮารุแววตาเจ้าเล่ห์
บ้านอาคิโกะยามเย็น...ไทชิวางกล่องขนมไดฟูกุไว้ตรงหน้าไดกิ ด้วยท่าทางอ่อนน้อมมาก
“ป้าอายะโกะทำขนมไดฟูกุไว้เตรียมต้อนรับแขกคนสำคัญพรุ่งนี้ โซเรียวรู้ว่าคุณอาชอบทานเลยฝากมาให้ครับ”
ไดกิมองกล่องขนมด้วยความซาบซึ้งใจ
“โซเรียวมีน้ำใจกับทุกคนเท่าเทียมกัน รายละเอียดเล็กน้อยยังจำได้ ฝากขอบคุณโซเรียวแทนอาด้วยนะ”
“ผมจะบอกให้ครับ”
“เสียดาย...พรุ่งนี้อาติดธุระตรวจบริษัทสาขาต่างเมือง ไม่ว่างไปช่วยโซเรียวต้อนรับแขกคนสำคัญ”
“มีท่านโคจิ ท่านมาซาโตะ ท่านคาซูมะอยู่ด้วย คงไม่มีปัญหาครับ”
ไดกิพยักหน้ารับ ค่อยหมดห่วง อาคิโกะยืนเงียบอยู่มุมหนึ่ง แอบได้ยินการสนทนาของไทชิกับไดกิ อาคิโกะยิ้มพราย คิดทำอะไรสักอย่าง
ในห้องรับรองแขก บ้านโอะนิซึกะวันใหม่...ริวจับมือกับแฟรงก์ นักธุรกิจต่างชาติ ก่อนผายมือเชื้อเชิญให้แฟรงก์นั่งบนเบาะใกล้กับเบาะของเขา
“ยินดีต้อนรับมิสเตอร์แฟรงก์ เข้ามาร่วมทุนสร้างอพาร์ทเมนท์รูปแบบใหม่ เพื่อปรับภาพลักษณ์ให้ทันสมัยแบบตะวันตก”
“ผมรู้สึกเป็นเกียรติที่โอะนิซึกะโซเรียว ไว้ใจบริษัทต่างชาติอย่างเรา”
“บริษัทของมิสเตอร์แฟรงก์มีชื่อเสียงโด่งดัง เป็นที่ยอมรับในหลายประเทศ เรามั่นใจว่าการร่วมทุนครั้งนี้จะประสบความสำเร็จ” คาซูมะยิ้มแย้ม
“ฐานทางธุรกิจของโอะนิซึกะดีอยู่แล้ว เราแค่เข้ามาช่วยต่อยอดความคิดให้เท่านั้น” แฟรงก์ยิ้มพอใจ
“ขออนุญาตค่ะ”
การสนทนาหยุดชะงัก เมื่อเสียงหนึ่งดังขึ้น พร้อมประตูถูกเลื่อนออก อาคิโกะในชุดกิโมโน แต่งหน้า เกล้าผมสวยสง่างาม ก้มศีรษะขออนุญาตทุกคนในห้อง ริว โคจิ คาซูมะ มาซาโตะประหลาดใจที่เห็นอาคิโกะเดินเข้ามา โดยมีอายะโกะกับฟุมิโกะช่วยยกอุปกรณ์ชงชาตามเข้ามาด้วย
ริวสบตาอายะโกะ สีหน้าอายะโกะบ่งบอกว่าลำบากใจอยู่ไม่น้อย อายะโกะกับฟุมิโกะเลี่ยงออกไป อาคิโกะจึงเริ่มชงชาด้วยวิธีที่ถูกต้องสวยงาม ก่อนส่งชาถ้วยแรกให้แฟรงก์อย่างนอบน้อม แฟรงก์รับถ้วยชามา ค่อย ๆ ยกดื่มอย่างรู้ธรรมเนียม
“รสชาติดีมาก คุณ...”
“อาคิโกะ คุโด ค่ะ”
“คุณอาคิโกะชงชาได้ยอดเยี่ยมจริง ๆ”
อาคิโกะก้มศีรษะรับคำชมอย่างอ่อนหวาน
“การชงชาเป็นหน้าที่ที่กุลสตรีเมืองนี้ต้องทำได้อยู่แล้วค่ะ”
อาคิโกะชงชาอีกถ้วยส่งให้ริว เขารับถ้วยชาไปยกจิบเป็นพิธี สังเกตการกระทำของอาคิโกะอย่างเงียบ ๆ
ระเบียงทางเดินบ้านโอะนิซึกะ...ฟุมิโกะเดินบ่นกับอายะโกะอย่างไม่สบายใจ
“เราจะโดนโซเรียวดุด้วยมั้ยป้า”
“เป็นความต้องการของคุณอาคิโกะ ใครจะกล้าขัด”
ไทชิเข้ามาได้ยินพอดี
“มีอะไรกันหรือครับ”
ฟุมิโกะกับอายะโกะสบตากัน ลังเลที่จะเล่าให้ฟัง
อาคิโกะเอาของว่างเข้ามาเสิร์ฟให้แฟรงก์และทุกคนอย่างนอบน้อม อ่อนหวาน ก่อนจะนั่งพูดคุยกับแฟรงก์อย่างถือวิสาสะ ริวอึ้งไปเล็กน้อย แต่ไม่พูดอะไร แฟรงก์พูดคุยกับอาคิโกะอย่างเป็นกันเอง เพราะเข้าใจว่าอาคิโกะเป็นคู่รักของริว
“คุณอาคิโกะเคยเดินทางไปโชว์ตัวต่างประเทศ คงเคยเห็นอพาร์ทเมนท์หลากรูปแบบ”
“คอนโดแต่ละที่มีจุดสนใจต่างกัน ถ้าเราคำนึงถึงสิ่งที่ผู้อยู่อาศัยต้องการ คุณภาพการก่อสร้าง และสิ่งอำนวยความสะดวก ก็น่าจะเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับลูกค้านะคะ”
แฟรงก์ชื่นชม
“คุณอาคิโกะสวยเก่งรอบด้านอย่างนี้เหมาะสมที่จะยืนเคียงข้าง โอะนิซึกะโซเรียวที่สุด”
อาคิโกะทำทีเขินอายต่อคำชม ยิ้มรับสมอ้างเนียน ๆ ริวเริ่มรู้สึกอึดอัด ไม่พอใจอาคิโกะ แต่ไม่อยากเสียมารยาทต่อหน้าแฟรงก์ โคจิ คาซูมะ
มาซาโตะสบตากัน รับรู้ถึงบรรยากาศอึมครึมภายในห้อง
รอยฝันตะวันเดือด ตอนที่ 2 (ต่อ)
หน้าบ้านโอะนิซึกะ...ริวมาส่งแฟรงก์ที่รถ ยังคงรักษาสีหน้าและอารมณ์เป็นปกติ
“หวังว่าการร่วมทุนครั้งนี้ จะช่วยต่อยอดให้ธุรกิจของโอะนิซึกะเติบโตและน่าเชื่อถือมากขึ้น”
“ด้วยความยินดีครับ”
แฟรงก์จับมือกับริว โคจิ คาซูมะ มาซาโตะ ก้มศีรษะอำลา ไทชิช่วยเปิดประตูให้แฟรงก์ก้าวขึ้นรถ และปิดประตูให้ ริวมองตามรถแฟรงก์จนลับตา ก่อนหันกลับไปมองในบ้าน สีหน้าเครียด
อาคิโกะจัดของเก็บเข้าที่ ดูแลบ้านโอะนิซึกะราวกับเป็นบ้านตัวเอง ริวเดินเข้ามาพร้อมกับไทชิ
“ขอบคุณอาคิโกะ ที่ช่วยทำให้การเจรจาธุรกิจของผมราบรื่นขึ้น”
“ฉันเต็มใจทำเพื่อคุณค่ะริว”
อาคิโกะยิ้มหวานเข้าหาริว ไทชิเลี่ยงสายตาไปทางอื่นอย่างปวดใจ
“ถ้าอยากทำเพื่อผมจริง ๆ คราวหน้าอย่าทำอย่างนี้อีก เพราะมันไม่เหมาะ” ริวตำหนิ
อาคิโกะน้ำเสียงตึงขึ้นเล็กน้อย
“ไม่เหมาะยังไงคะ”
“ผมไม่อยากให้ใครเข้าใจผิดคิดว่าเราเป็นอะไรกัน”
“ฉันก็แค่ช่วยแบ่งเบาหน้าที่ของคุณเท่านั้น”
“ผู้ชายทุกคนต้องทำหน้าที่ด้วยตัวเอง ไม่ใช่พึ่งผู้หญิง”
ริวเริ่มหงุดหงิดอย่างเห็นได้ชัด อาคิโกะจึงเปลี่ยนท่าทีลง
“ฉันขอโทษที่ทำให้คุณไม่พอใจ แต่ฉันอยากทำอะไรเพื่อตอบแทนคุณบ้าง”
“ผมไม่เคยคิดว่าน้ำใจคือบุญคุณ”
“คุณเหนื่อยมาทั้งวันแล้ว ฉันกลับก่อนดีกว่าค่ะ”
“เดี๋ยวผมให้ไทชิไปส่ง”
อาคิโกะขยับเข้าหาริวช่วยปัดฝุ่นที่เสื้อให้อย่างดูแลเอาใจใส่
“คุณมีน้ำใจกับฉันเสมอ รักษาสุขภาพด้วยนะคะ...ฉันเป็นห่วง”
อาคิโกะยิ้มหวาน สายตายั่วยวน แต่ริวกลับนิ่ง เย็นชามาก ไทชิมองอาคิโกะ สายตาเต็มไปด้วยความเจ็บปวด
หน้าบ้านอาคิโกะ...ไทชิเปิดประตูให้อาคิโกะก้าวลงมาจากรถ ยังไม่ทันที่อาคิโกะจะเดินเข้าบ้าน ไทชิก็พูดขึ้น
“เธอไม่ควรทำตัวกับโซเรียวเหมือนวันนี้อีก”
อาคิโกะปรายตามองไทชิ น้ำเสียงห้วน ต่างจากตอนที่คุยกับริว
“มีสิทธิ์อะไรมาเตือนฉัน”
“ฉันไม่อยากให้เธอถลำลึกจนเจ็บหนักทีหลัง”
“คนอย่างอาคิโกะ คุโด อยากได้อะไรต้องได้”
“แต่โอะนิซึกะโซเรียวมีว่าที่คู่หมั้นแล้ว”
“ก็แค่ว่าที่คู่หมั้นเก่าเก็บตั้ง 7 ปี...ฉันไม่สน”
“โซเรียวแอบตามดูแลคุณมายูมิมาตลอด 7 ปี และเพิ่งพาคุณมายูมิไปทานอาหารสุดโรแมนติก แค่นี้พอจะยืนยันได้มั้ยว่าคุณหนูมายูมิสำคัญกับโซเรียวขนาดไหน”
ไทชิหลุดปากบอกอาคิโกะ เพราะอยากให้เธอคิดได้ อาคิโกะอึ้ง เพิ่งรู้เรื่องจากไทชิ
“ไม่จริง...”
“ตื่นจากฝันเสียเถอะอาคิโกะ โลกแห่งความจริงของเธอจะได้ไม่เจ็บปวดไปมากกว่านี้”
อาคิโกะจ้องไทชิอย่างขุ่นเคือง ก่อนเดินสะบัดเข้าบ้านไปด้วยความไม่พอใจ ไทชิมองตามอาคิโกะสายตาเศร้าและเป็นห่วง
อาคิโกะเข้ามาในห้องนอนนั่งลงตรงโต๊ะเครื่องแป้ง จ้องมองตัวเองในกระจก สายตาโกรธและเจ็บใจมาก
“ยอมแพ้ เลิกยุ่งกับริว ฮึ...ไม่เคยมีใครห้ามอาคิโกะได้”
อาคิโกะแกะที่เกล้าผมออก ปล่อยให้ผมตกลงมาสยายสวยงาม แล้วหยิบหวีขึ้นมาแปรงผมช้า ๆ อย่างทะนุถนอม
“คนที่จะยืนเคียงข้างริวโอะนิซึกะ คืออาคิโกะ คุโด เท่านั้น”
อาคิโกะเชิดหน้า มั่นใจในตัวเองมาก
ระเบียงหน้าบ้านพักไทชิยามค่ำคืน...
ไทชิใช้ผ้าลูบเช็ดดาบตันโตะอย่างพิถีพิถัน ดูแลเป็นอย่างดี เขานึกถึงตอนที่อาคิโกะมอบดาบตันโตะให้เขา
“ยินดีด้วยที่ได้เป็นองครักษ์ของริว...ชอบมั้ย”
ไทชิตอบประโยคอาคิโกะ จากความรู้สึกลึก ๆ ข้างใน
“ชอบมาตลอด ไม่เคยเปลี่ยน”
ไทชิ คิดถึงอดีต
ในอดีต...พ่อเดินจูงไทชิเข้ามาหยุดอยู่บริเวณสวนหน้าบ้านอาคิโกะ ก่อนกำชับ
“พ่อจะเข้าไปคุยธุระกับอาไดกิ ไทชิรอพ่ออยู่แถวนี้นะ”
“ครับพ่อ”
พ่อก้าวเข้าบ้านไป ไทชิหันมองไปรอบ ๆ เพื่อหาอะไรทำ เขาเห็นอาคิโกะนั่งร้องไห้อยู่ใต้ต้นไม้คนเดียวจึงเดินเข้าไปถามด้วยความสงสัย
“อาคิโกะร้องไห้ทำไม”
“นกที่ฉันเลี้ยงไว้ถูกแมวกัดตาย”
“ไม่เป็นไรนะ...ฉันจะเป็นเพื่อนเล่นกับเธอแทนนกตัวนั้น”
“ไทชิไม่ใช่นก ไม่อยู่ในกรง บินไม่ได้”
“แต่ฉันยอมทำทุกอย่างได้เพื่ออาคิโกะ”
ไทชิปาดน้ำตาให้อาคิโกะอย่างนิ่มนวล
“อาคิโกะ แปลว่า ความเบิกบาน ความสนุกสนาน” ไทซิยิ้มอบอุ่น “เลิกร้องไห้ได้แล้ว”
อาคิโกะยิ้มให้ไทชิด้วยความรู้สึกดี
ไทชิยิ้ม ขณะเก็บดาบใส่ฝักอย่างทะนุถนอม เขาเอาอาบตันโตะมาแนบหัวใจ นิ่ง...ราวกับต้องการส่งผ่านความรู้สึกของตัวเองไปสู่ผู้ให้ดาบเล่มนั้น แล้วจู่ ๆ เขาก็รู้สึกใจหาย ไทชิเศร้า มองดาบอย่างเจียมตัว หลงรักอาคิโกะมาเนิ่นนาน แต่รู้ว่าเป็นไปไม่ได้
วันใหม่...บรรยากาศภายในตลาดมีผู้คนมาจับจ่ายซื้อของกันอย่างคึกคัก แต่เป็นระเบียบเรียบร้อย ไม่วุ่นวาย โคจิ คาซูมะ มาซาโตะ เดินตรวจความเรียบร้อยในตลาด โดยมีลูกน้องจำนวนหนึ่งตามมาดูแล พ่อค้า แม่ค้า และคนเดินตลาด ต่างพากันก้มศีรษะทักทายสามทหารเสือของโอะนิซึกะด้วยความเคารพนับถือ โคจิ คาซูมะ มาซาโตะ ก้มศีรษะรับการแสดงความเคารพจากทุกคน สักพักจึงหันมาปรึกษากันสีหน้าเคร่งเครียด
“ถึงจะมีข่าวโซเรียวพัวพันคดีจ้างวานฆ่าท่านโอะซะมุ ชาวบ้านก็ยังเคารพนับถือโอะนิซึกะเหมือนเดิม” มาซาโตะบอก
โคจิมองผู้คนในตลาด
“ศรัทธา...ไม่ได้สร้างกันได้แค่วันเดียว นักรบแห่งโอะนิซึกะดูแลชาวเมืองเหมือนเป็นญาติมาตั้งแต่บรรพบุรุษ ความเคารพนับถือของชาวบ้านย่อมสืบทอดกันมา”
คาซูมะหันมาถามโคจิ
“คดีของโซเรียวคืบหน้าบ้างหรือยัง”
“ท่านฮิโระแอบให้คนมาส่งข่าวว่าปืนที่โซวใช้ยิงท่านโอะซะมุ เป็นรุ่นเดียวกับปืนที่เราใช้ถล่มพวกมิซาว่าเมื่อ 7 ปีที่แล้ว” โคจิหนักใจ
คาซูมะกับมาซาโตะสบตากัน สีหน้าเครียด
“ตำรวจยึดปืนจำนวนหนึ่งของเราไว้เป็นหลักฐาน ที่เหลือพวกเราก็ทำลายต่อหน้าสมาชิกโอะนิซึกะไปหมดแล้ว” คาซูมะสงสัย
มาซาโตะครุ่นคิด
“เป็นไปได้ไหมว่า...มีคนแอบเอาปืนของกลางที่มีตราของโอะนิซึกะออกมาใช้ เพื่อโยนความผิดให้โซเรียว”
โคจิมองมาซาโตะ สงสัยอย่างที่มาซาโตะพูด
ศาลเจ้าประจำเมือง...ริวโยนเหรียญลงไปในกล่องทำบุญ โค้งคำนับสองครั้ง ปรบมือสองครั้ง ก่อนนิ่งขอพร
เท้าใครคนหนึ่ง ก้าวเข้ามาตรงที่ริวกำลังขอพรเทพเจ้า ริวขอพรเสร็จ จึงโค้งคำนับหนึ่งครั้ง แล้วเงยหน้าขึ้นเห็นฮิโระแต่งตัวนอกเครื่องแบบ สวมหมวกอำพรางสายตาคนทั่วไป ฮิโระโค้งตัวสักการะเทพเจ้าข้างริวโดยมีไทชิ คัตสึ เซกิ คอยเฝ้าอารักขาอยู่บริเวณนั้น ริวเอ่ยขึ้นเบา ๆ
“ผมอยากให้ท่านฮิโระตรวจสอบปืนที่มีตราของโอะนิซึกะที่ถูกยึดเป็นของกลางเมื่อ 7 ปีที่แล้ว ว่ายังอยู่ครบหรือเปล่า”
ฮิโระนิ่ง ตอบโดยไม่หันไปมองริว
“เรายึดปืนของโอะนิซึกะได้ 13 กระบอก เก็บไว้ในห้องเก็บหลักฐานมีเจ้าหน้าที่สับเปลี่ยนดูแลอย่างเข้มงวด”
อีกมุมห่างออกไป ฮารุ หยิบกล่องที่มีแท่งไม้เขียนหมายเลขบรรจุอยู่ขึ้นมาเหมือนการเสี่ยงเซียมซีทั่วไป เงี่ยหูฟังริวกับฮิโระคุยกัน
“ถ้าเจ้าหน้าที่ที่ดูแลห้องเก็บหลักฐาน จะหยิบปืนของกลางออกมาก็คงไม่ใช่เรื่องยาก”
ฮิโระหันไปสบตาริว ไม่อยากเชื่อ ขณะที่เสียงเขย่าเซียมซีเริ่มดังขึ้น ห่างออกไป
“โอะนิซึกะโซเรียวคิดว่าการตายของท่านโอะซะมุ เป็นฝีมือของคนในสำนักงานตำรวจ”
“ผมไม่กล้ายืนยันโดยไม่มีหลักฐาน...คำตอบอยู่ที่ปืนของกลางในห้องเก็บหลักฐาน” ริวบอกอย่างมั่นใจ
ฮารุในชุดโค้ท ปกคอสูง อำพรางสายตา หยิบกระดาษเขียนคำทำนายดวงชะตา จากช่องที่มีหมายเลขตรงกับหมายเลขบนแท่งไม้ เขาอ่านคำทำนายเบาๆ
“ไดคิจิ...โชคดีมาก”
ฮารุยิ้มกริ่ม มั่นใจที่จะลงมือทำอะไรบางอย่าง
บ้านทากาฮาชิ...มายูมิกลับมาบ้านด้วยสีหน้าอิดโรย เหน็ดเหนื่อย
“ทาไดมะ...กลับมาแล้วค่ะ”
เมกุมิถลาออกมาโค้งตัวต้อนรับมายูมิอย่างร่าเริง
“โอะคะเอะริ นาไซ...ยินดีต้อนรับกลับบ้านค่ะ”
“เป็นอะไร...ทำไมร่าเริงขนาดนี้”
“นาน ๆ พี่มายูมิจะกลับบ้านเร็ว วันนี้มีขนมกับดอกไม้เซอร์ไพรส์ให้หายเหนื่อยค่ะ”
“อะไรของเธอ” มายูมิงง
เมกุมิวิ่งหายไปพักหนึ่ง แล้ววิ่งกลับมาพร้อมช่อดอกลิลลี่และกล่องขนมมายื่นให้มายูมิ
“จากใจ...ใครคนหนึ่ง”
เมกุมิหัวเราะคิกคัก อย่างมีเลศนัย มายูมิมองช่อดอกไม้และขนม นิ่ง คิดถึงหน้าริวที่ส่งจูบให้ ยิ้มกวน ๆ...มายูมิคิดว่าดอกไม้และขนมเป็นของริว จึงไม่ยอมรับ
“เอาไปทิ้งซะ”
“อ้าว เดี๋ยวคนให้ก็เสียใจแย่”
“ถ้าเธออยากได้ ก็เอาไปสิ”
เมกุมิเหรอหรา ทำตัวไม่ถูก หันไปมองมุมหนึ่ง ยูจิก้าวออกมาจากมุมที่ยืนหลบอยู่ รับช่อดอกลิลลี่กับกล่องขนมคืนไปจากเมกุมิ ท่าทางผิดหวัง มายูมิหันไปเห็นก็ชะงัก
“ผู้กองยูจิ”
มายูมิอึ้ง ไม่คิดว่าเจ้าของดอกไม้และขนมจะเป็นยูจิ
มายูมิก้มศีรษะขอโทษยูจิอย่างรู้สึกผิด ขณะทั้งสองนั่งคุยกันในสวนหน้าบ้าน
“ขอโทษจริง ๆ ค่ะ ฉันไม่รู้ว่าดอกไม้กับขนมเป็นของผู้กอง”
“ถ้ารู้ว่าเป็นของผมแล้วคุณหมอมายูมิยินดีรับไว้ ผมก็ดีใจครับ”
ยูจิพูดพลางเปิดกล่องขนม เผยให้เห็นขนมวากาชิ หลากสีสัน สวยงาม น่ารับประทาน
“คุณหมอทำงานหนัก ร่างกายอ่อนเพลีย ควรทานขนมหวานเพิ่มสดชื่นให้ร่างกาย”
มายูมิมองขนมในกล่องด้วยความประหลาดใจ
“ขนมวากาชิ...เป็นขนมที่เราทานในโอกาสพิเศษ อย่างงานแต่งงานหรือพิธีชงชาไม่ใช่หรือคะ”
“ได้คุยกับคุณหมอมายูมิ ก็เหมือนเป็นโอกาสพิเศษของผม และผมอยากให้เรารู้จักกันมากขึ้น”
“ฉันขอพูดตรง ๆ นะคะ... ผู้กองไม่ควรเสียเวลากับฉัน”
“เพราะคุณหมอมีว่าที่คู่หมั้นแล้ว”
“กรุณาอย่าพูดถึงบุคคลที่สามเลยค่ะ ฉันแค่อยากมีสมาธิกับงานให้มากที่สุด”
“อดีตเป็นแค่เรื่องราวที่ผ่านไปแล้ว อนาคตเป็นเรื่องลึกลับที่ไม่มีใครรู้ ทำไมคุณหมอต้องปิดกั้นปัจจุบันด้วยล่ะครับ”
มายูมินิ่ง สับสน
“ผมก็เหมือนกับผู้ชายทุกคนที่ชอบผู้หญิงสวย เก่ง มีเสน่ห์แต่ถ้าผมจะถูกชะตาใครสักคน มันไม่ใช่เรื่องบังเอิญ”
มายูมิมองยูจิด้วยสายตาค้นหา ว่าต้องการอะไรกันแน่
“มิตรภาพมีหลายแบบ...ขอให้คุณหมอเปิดใจยอมรับผมเป็นเพื่อน ผมก็พอใจแล้ว”
ยูจิยิ้มให้มายูมิ แววตาขอความเห็นใจ มายูมิมองยูจิ สองจิตสองใจ
ระเบียงบ้านทากาฮาชิยามค่ำคืน...มายูมินั่งมองช่อดอกลิลลี่ข้างตัว สลับกับมองสร้อยจี้รูปดอกเดซี่ของริว
มายูมิสับสนกับความรู้สึกที่มีต่อผู้ชายสองคนนี้เป็นอย่างมาก ทากาฮาชิเข้ามา เห็นช่อดอกลิลลี่ข้างตัวมายูมิ
“ไปสนิทสนมกับผู้กองยูจิตั้งแต่เมื่อไหร่”
มายูมิอึกอักตอบ
“ผู้กองยูจิมาขอบคุณที่หนูเคยช่วยชีวิตเขาไว้ค่ะ”
“เขาน่าจะรู้ว่าลูกมีว่าที่คู่หมั้นแล้ว”
“หนูกับผู้กองยูจิเป็นแค่เพื่อนกัน”
“พ่อรู้จักนิสัยผู้ชายดี...เพื่อน เป็นแค่ข้ออ้างเพื่อใกล้ชิดผู้หญิงที่ตัวเองสนใจ”
มายูมินิ่งงัน ครุ่นคิดตามทากาฮาชิ
“ลูกเป็นว่าที่คู่หมั้นของโอะนิซึกะโซเรียว ควรจะวางตัวให้เหมาะสม ริว โอะนิซึกะ คงไม่พอใจถ้ารู้เรื่องนี้”
“ริวเป็นแค่ว่าที่คู่หมั้น ไม่ใช่เจ้าชีวิต...เขาไม่มีสิทธิ์ห้ามหนูคบใครเป็นเพื่อน”
มายูมิถือช่อดอกลิลลี่เดินเข้าบ้านไป ทากาฮาชิสีหน้าเครียด ไม่สบายใจ
ริวอยู่ในห้องทำงานนั่งยิ้มมองดูรูปมายูมิในอิริยาบถต่าง ๆ ในกรอบรูปที่ตั้งเรียงรายบนโต๊ะ เขานึกถึงช่วงเวลาที่ผ่านมาที่เขาได้พบกับมายูมิ...ริวนึกถึงตอนที่เจอมายูมิในห้องน้ำครั้งแรก...เขาดึงตัวเธอมากอดล็อคตัว ปิดปากไม่ให้ส่งเสียงดัง...มายูมิเล่นงานเขาในห้องน้ำ...เขาแกล้งกลับด้วยความทะเล้น...ริวกับมายูมิสลับกันคร่อมกันไปมาบนพื้นหญ้า มายูมิโวยวาย...
ริวหัวเราะเบา ๆ อย่างมีความสุข เมื่อนึกถึงอดีตครั้งแรกที่เคยเจอมายูมิจู่ ๆ อีกเหตุการณ์หนึ่งก็แทรกเข้ามาในความคิดคือ เหตุการณ์ที่มาซารุหยิบซองหลักฐานที่ปืนกระบอกหนึ่งมาวางตรงหน้าเขา
“นี้คืออาวุธที่ฆ่าท่านโอซามุ ทั้งปลอกกระสุน ทั้งตัวปืนมีตราของโอะนิซึกะ”
ใบหน้าที่มีความสุขของริว แปรเปลี่ยนเป็นเคร่งเครียดขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ริวผ่อนลมหายใจ เครียดกับคดีที่ตัวเองพัวพันอยู่ มองรูปมายูมิอย่างต้องการกำลังใจ
ในสำนักงานตำรวจเช้าวันใหม่...ตำรวจสองนายที่เฝ้าห้องเก็บหลักฐาน รีบลุกขึ้นทำความเคารพทันทีที่เห็นฮิโระเดินเข้ามาในห้องเก็บหลักฐาน
“ทำตัวตามสบาย ฉันมาดูข้อมูลของกลางไปสรุปสำนวนคดี”
ตำรวจทั้งสองรับคำ แล้วกลับไปทำหน้าที่ตัวเอง ฮิโระเดินตรงไปยังชั้นที่เก็บหลักฐาน ไล่สายตามองหากล่องเก็บหลักฐานที่ต้องการ ฮิโระนึกถึงคำพูดของริว
“ผมอยากให้ท่านฮิโระตรวจสอบปืนที่มีตราของโอะนิซึกะที่ถูกยึดเป็นของกลางเมื่อ 7 ปีที่แล้ว ว่ายังอยู่ครบหรือเปล่า”
สายตาฮิโระ หยุดอยู่ที่กล่องเก็บหลักฐาน ตรงชั้นวางมุมด้านในสุด เขานึกถึงสิ่งที่พูดกับริว
“โอะนิซึกะโซเรียว คิดว่าการตายของท่านโอะซะมุ เป็นฝีมือของคนในสำนักงานตำรวจ”
“ผมไม่กล้ายืนยันโดยไม่มีหลักฐาน...คำตอบอยู่ที่ปืนของกลางในห้องเก็บหลักฐาน”
ฮิโระหยิบถุงที่ปิดฉลากเขียนเลขคดีกำกับ วางรวมกันในกล่องเก็บหลักฐานขึ้นมา กำลังจะเปิดถุง ทันใดนั้นเสียงเคนดังขึ้น
“ท่านรอง ฮิโระ”
ฮิโระชะงัก วางถุงของกลางไว้ในกล่องเก็บหลักฐานตามเดิม หันไปเห็นเคนยืนจ้องอยู่
“หมวดเคน”
“ท่านผู้บัญชาการมาซารุเรียกพบท่านรอง ด่วนครับ”
เคนพูดพลางเหลือบมองกล่องเก็บหลักฐานตรงหน้าฮิโระ อย่างไม่ไว้ใจ ฮิโระแอบเจ็บใจ เพราะเกือบจะเห็นหลักฐานแล้ว
รอยฝันตะวันเดือด ตอนที่ 2 (ต่อ)
ในห้องทำงาน...มาซารุวางเอกสารฉบับหนึ่งลงบนโต๊ะต่อหน้าฮิโระ เพื่อให้อ่านเอง
“คำสั่งถอดรองผู้บัญชาการฮิโระ อาเบะออกจากชุดสืบสวนคดีฆาตกรรมผู้บัญชาการโอะซะมุ มากิและคดีสืบสวนพิเศษทั้งหมด”
ฮิโระตกใจ เงยหน้าขึ้นมองมาซารุอย่างไม่เข้าใจ
“เบื้องบนเห็นว่า รองฮิโระสนิทสนมกับโอะนิซึกะเป็นการส่วนตัวมากไป อาจทำให้เสียรูปคดี จึงสั่งพักราชการเป็นเวลา 1 เดือน หลังจากกลับมาทำงาน ให้ย้ายรองฮิโระไปดูแลฝ่ายอำนวยการ”
ยูจิขัดขึ้น
“แต่ท่านฮิโระเชี่ยวชาญงานสืบสวนมากนะครับ”
“ผู้กองยูจิได้รับแต่งตั้งให้เข้ามาช่วยผมดูแล คดีฆาตกรรมท่านโอะซะมุแทนรองฮิโระ”
มาซารุอธิบาย ยูจิอึ้ง
“อะไรนะครับ”
“เบื้องบนสั่งการลงมา หวังว่าทุกคนคงรับทราบหน้าที่ของตัวเอง”มาซารุตัดบท
“ครับ”
ฮิโระก้มศีรษะรับทราบคำสั่งอย่างจำยอม ยูจิชำเลืองมองฮิโระด้วยความลำบากใจ
ตำรวจลูกน้องฮิโระต่างพากันมาแสดงความเสียใจ ขณะฮิโระเก็บของใช้ส่วนตัวใส่กล่องกระดาษเตรียมกลับบ้าน
“ท่านฮิโระเป็นตำรวจซื่อสัตย์ มีผลงานดีมาตลอด ไม่สมควรถูกพักราชการ”
“1 เดือนไม่นานหรอก...เดี๋ยวฉันก็กลับมาทำงานเหมือนเดิม”
“แต่ไม่ใช่ตำแหน่งเดิมที่เหมาะสมกับความสามารถของท่าน”
“ขอแค่เราทำงานด้วยหัวใจ ยึดมั่นในความดี...ตำแหน่งหน้าที่ไหนก็ทำคุณประโยชน์ให้กับบ้านเมืองได้เหมือนกัน”
ยูจิก้าวเข้ามาได้ยินพอดี โค้งคำนับฮิโระด้วยความชื่นชม
“ท่านฮิโระเป็นตัวอย่างที่ดีให้กับลูกน้องเหมือนท่านโอะซะมุ ผมรู้สึกเป็นเกียรติที่ได้รู้จักท่าน”
“ผมก็ดีใจที่สำนักงานตำรวจมีคนเก่งอย่างผู้กองยูจิมาร่วมงาน”
“ไม่ต้องห่วงนะครับ ผมจะเร่งตามหาตัวคนบงการฆ่าท่านโอะซะมุมาลงโทษให้ได้”
“ขอบคุณมาก...หวังว่าผมจะได้รับข่าวดี”
ฮิโระยกกล่องใส่ของใช้ส่วนตัว เดินจากไป ยูจิและตำรวจลูกน้องทำความเคารพฮิโระอย่างพร้อมเพรียงกัน
ฮิโระยกกล่องใส่ของใช้ส่วนตัวเดินมาตามทาง ผิดหวังที่ไม่มีโอกาสทำคดีของโอะซะมุต่อ ตำรวจลูกน้องต่างหยุดทำความเคารพฮิโระ เมื่อเห็นเขาเดินผ่าน ชุนเดินเข้ามา สวมแว่นสายตา หวีผมเรียบแต่งตัวเหมือนนักวิชาการกำลังจะสวนกับฮิโระ สายตาฮิโระมองตามชุน อย่างรู้สึกคุ้น ๆ ชุนเดินนิ่งไปโดยไม่ปรายตามอง หรือสนใจฮิโระแม้แต่น้อย ฮิโระรู้สึกสังหรณ์ใจ
ในโรงซ้อมเคนโด้... ริวตวัดดาบไม้อย่างทรนง นัยน์ตาจ้องเขม็งไปยังไทชิ ที่เป็นคู่ซ้อม โคจิ นิ่ง เฝ้ามองการฝึกซ้อมของทั้งคู่อย่างไม่วางตา ริวควงดาบไม้อย่างเหนือชั้น ตรงเข้าเล่นงานไทชิทันที ทั้งสองปะทะกัน แล้วแยกออก
ไทชิหมุนดาบไม้ตวัดตีริวริวเอี้ยวตัวหลบอย่างคล่องแคล่ว รวดเร็วตวัดดาบไม้ตีกลับอีกรอบ ริวกระหน่ำดาบไม้ตีใส่ไม่ยั้ง ไทชิตั้งรับและตอบโต้อย่างไม่ยอมแพ้...ริววาดลวดลายตีดาบไม้เข้าใส่มือไทชิได้โคจิตะโกน
“โคเทะ”
ริวหมุนตัวควงดาบไม้เข้าฟาดกลางท้องไทชิ อย่างเหนือชั้น โคจิตะโกน
“โด”
ริวเงื้อดาบไม้พุ่งเข้าปะทะกับดาบไม้ของไทชิอย่างแรง จนทั้งสองกระเด็นไปคนละทาง ขณะที่ริวกับไทชิจะพุ่งเข้าหากันอีกรอบ รับคัตสึกับเซกิ วิ่งพรวดพราดเข้ามารายงาน
“โซเรียวครับ”
ริวกับไทชิรีบถอดเม็งออก ริวสงสัย
“มีอะไร”
เซกิกับคัตสึต่างคนต่างมองกันว่าใครจะเป็นฝ่ายเล่า
หน้าบ้านโอะนิซึกะ...ฮารุ ชุน และเหล่าลูกน้องมิอุระยืนประจันหน้ากับเหล่าลูกน้องโอะนิซึกะ
ทั้งสองกลุ่มจ้องกันเขม็ง ราวกับรอเวลาปะทะ ริวเดินแทรกเหล่าลูกน้องโอะนิซึกะออกมายืนประจันหน้ากับฮารุ ตัวต่อตัว โคจิ ไทชิ คัตสึ เซกิ ตามมายืนคุมเชิงอยู่ด้านหลัง
“ท่านฮารุ มิอุระ”
“คนนิจิวะ...โอะนิซึกะโซเรียว”
ฮารุโค้งตัวทักทายริวอย่างสุขุม ริวโค้งตัวตอบฮารุอย่างรักษามารยาท
“ไม่รู้ล่วงหน้าว่าท่านฮารุจะมาเยี่ยม จึงไม่ได้เตรียมตัวต้อนรับต้องขออภัยด้วย”
“คนกันเอง...ไม่ต้องมากพิธี”
โคจิกับไทชิสบตากัน ไม่ค่อยไว้ใจฮารุ
“ผมมีของขวัญมามอบให้โอะนิซึกะโซเรียว”
“ของขวัญ” ริวสงสัยว่าคืออะไร
โถงบ้านโอะนิซึกะ...ฮารุวางกล่องบุผ้าไหมอย่างดีกล่องหนึ่งให้ตรงหน้าริว
“กำลังใจเล็กน้อยจากมิอุระ สำหรับเรื่องที่โอะนิซึกะโซเรียวกำลังเผชิญอยู่ตอนนี้”
ริวมองฮารุด้วยความระแวง ฮารุนิ่ง สุขุม รอเวลาให้ริวเปิดกล่องบุผ้าไหมตรงหน้า ริวพยักหน้าอนุญาตให้โคจิเป็นคนเปิด โคจิเปิดกล่องบุผ้าไหมออก เผยให้เห็นปืนกระบอกหนึ่งวางอยู่ในกล่องนั้น โคจิตกใจทันทีที่เห็นตราประจำตระกูลโอะนิซึกะที่สลักไว้ที่ด้ามปืน
“ตราประจำตระกูลโอะนิซึกะ” โคจิหันมาบอกริว “ปืนของโอะนิซึกะ”
ฮารุยิ้ม
“เป็นปืนกระบอกเดียวกับที่คนร้ายใช้สังหารท่านโอะซะมุและเป็นของกลางที่ถูกยึดไว้เมื่อ 7 ปีที่แล้ว”
ริว โคจิ ไทชิ ตกใจ หน้าเครียดขึ้น
“ท่านฮารุได้มันมายังไง” ริวถามอย่างสงสัย
“โอะนิซึกะโซเรียวคงไม่จำเป็นต้องรู้”
“ถึงขนาดยอมเสี่ยงเอาปืนของกลางออกมาให้เรา ต้องการอะไรก็พูดมาตามตรงเถอะ”
“จุดประสงค์เดียว...เราอยากให้โอะนิซึกะรู้จุดยืนของมิอุระ”
ฮารุพูดพร้อมสบตาริว สีหน้าจริงจัง
“มิอุระกับโอะนิซึกะ...เราเป็นมิตรกัน”
ริวจ้องฮารุอย่างค้นหา ยังไม่ค่อยไว้ใจ
ห้องเก็บป้ายบรรพบุรุษยามค่ำคืน...ริว โคจิ คาซูมะ มาซาโตะ จ้องมองปืนในกล่อง ปรึกษากันอย่างเคร่งเครียด ริวครุ่นคิด
“แสดงว่ามีคนในสำนักงานตำรวจ ต้องการเล่นงานท่านโอะซะมุและล้มล้างโอะนิซึกะจริง ๆ”
คาซูมะยังไม่วางใจ
“แน่ใจเหรอว่า ฮารุ มิอุระ ไม่ได้วางแผนเล่นงานเราด้วยอีกคน”
โคจิเดาสถานการของฮารุได้
“มิอุระกำลังขัดแย้งเรื่องธุรกิจกับมิซาว่าอย่างหนัก ที่พึ่งของเขามีเพียงโอะนิซึกะเท่านั้น”
มาซาโตะพยักหน้าเข้าใจ
“กล้ามาก...ที่ยอมเอาตัวเองเข้ามาเสี่ยง เพื่อแลกความไว้ใจจากพวกเรา”
“ทุกชีวิตต่างต้องดิ้นรนเอาตัวรอด...” ริวสั่งโคจิ “ให้คนของเราคอยจับตาดูมิอุระไว้ ยังไงเราก็ประมาทไม่ได้”
“ครับโซเรียว”
ริวมองปืนในกล่องอย่างโล่งใจขึ้นมาบ้าง ที่คดีของเขากำลังมีทางออก
ริวเดินไปเดินมาที่ระเบียงทางเดินบ้าน ครุ่นคิดอะไรบางอย่าง ท่าทางอารมณ์ดีขึ้น อายะโกะเข้ามา โค้งตัวให้ริวอย่างนอบน้อม
“โซเรียวให้ฟุมิโกะไปตาม มีอะไรจะใช้ป้าหรือคะ”
“ผมมีเรื่องรบกวนป้าอายะโกะหน่อยครับ”
“บอกมาได้เลยค่ะ ป้ายินดี”
ริวยิ้มมีแผน
ห้องพักแพทย์วันใหม่...มายูมิทิ้งตัวนั่งลงบนเก้าอี้ในห้องพัก ผ่อนลมหายใจอย่างเหน็ดเหนื่อย เพิ่งตรวจคนไข้เสร็จ
ไม่นานนัก พยาบาลก็ยกชามาวางให้ถ้วยหนึ่ง พร้อมกับชุดอาหารแบบกล่องเบนโตะ มายูมิมองกล่องเบนโตะด้วยความแปลกใจ
“ฉันสั่งชาอย่างเดียวไม่ใช่เหรอ”
พยาบาลทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ รีบเลี่ยงออกไป ยิ้ม ๆ มายูมิมองตามพยาบาลอย่างนึกสงสัย ก่อนเปิดกล่องเบนโตะออกดูเห็นอาหารในกล่องเบนโตะหลายอย่าง ถูกจัดไว้สวยงาม น่ารับประทาน
พร้อมป้ายข้อความเล็ก ๆ มายูมิหยิบป้ายข้อความ จากอาหารอย่างแรกขึ้นมาอ่าน
“ซุเกะโมะโนะ...ผักดอง อยากให้คุณลองชิม”
มายูมิวางป้ายข้อความแรก งง ๆ และหยิบป้ายที่สองขึ้นมาอ่านต่อ
“ยะกิโมะโนะ...ปลาย่าง ผมจะไม่ห่างจากคุณ”
มายูมิเริ่มรู้สึกแปลก ๆ รีบหยิบข้อความที่เหลือขึ้นมาอ่าน
“อะเงะโมะโนะ...ปลาทอด อยากได้กอดจากคุณ มิโนะโมะ...ผักต้ม ผมคิดถึงคุณ”
มายูมิอึ้งมองข้อความสุดท้าย เผลออมยิ้มเพราะรู้สึกดี
“เฮ้อ...แค่เห็นอมยิ้มเธอ ก็สุขใจ”
มายูมิหันขวับไปเห็นริวยิ้มหวานมองเธออยู่ เข้ามาเมื่อไหร่ไม่รู้
“คุณเข้ามาได้ยังไง”
“เปิดประตูเดินเข้ามา” ริวทำหน้าเหรอหรา กวนๆ “ทันเห็นว่าที่คู่หมั้นถูกใจกล่องอาหารที่ผมเอามาฝากด้วย”
มายูมิเลื่อนกล่องอาหารออกไปจากตัว เมื่อรู้ว่าเป็นของริว
“อย่าเข้ามาวุ่นวายในที่ทำงานของฉัน”
“แค่แวะมาดูแลว่าที่คู่หมั้นเฉย ๆ”
“ฉันไม่ได้พิการ ไม่ต้องมาดูแล”
“หัวใจผมอยู่กับคุณ ไม่ดูแลคุณแล้วจะดูแลใคร”
มายูมิเริ่มหงุดหงิด
“คุณนี่พูดไม่รู้เรื่อง”
“คุณต่างหากที่ไม่ยอมเข้าใจ”
มายูมิลุกขึ้นด้วยความโมโห ขณะจัดเสื้อกาวน์ให้เรียบร้อย จะก้าวออกจากห้อง ริวขวาง
“แน่ะ...โกรธจนต้องรีบไปห้องน้ำเลยเหรอที่รัก”
“ฉันมีงานต้องทำ และฉันไม่ใช่ที่รักของคุณ”
มายูมิผลักริวแล้วเดินหนีออกไปจากห้องด้วยความโกรธ ริวหัวเราะ ขำ รีบตามไป
มายูมิเข้ามาตรวจผู้ป่วยในวอร์ดผ่าตัด มีพยาบาลคอยติดตามหนึ่งคน ขณะที่มายูมิพยุงตัวผู้ป่วยลุกขึ้นนั่ง ริวก็ปรี่เข้ามาช่วยประคองผู้ป่วยด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม มายูมิอึกอัก จะไล่ก็เกรงใจผู้ป่วย
มายูมิกำลังคุยกับผู้ป่วยอีกราย เพื่อถามอาการหลังผ่าตัด ผู้ป่วยพูดไป ก็ไอไป เพราะระคายเคืองคอ ริวรีบเทน้ำบนหัวเตียง เอามาให้ผู้ป่วยจิบ จนผู้ป่วยรู้สึกดีขึ้นยิ้มขอบคุณริว มายูมิมองการกระทำของริว เริ่มอึดอัด
มายูมิตรวจผู้ป่วยคุณยายคนหนึ่งเสร็จ ริวจึงรีบประคองตัวคุณยายให้นอนลง และห่มผ้าให้ แย่งหน้าที่พยาบาลไปหน้าตาเฉย
“ขอบใจนะพ่อบุรุษพยาบาล”
“ไม่ใช่ครับ...ผมเป็นว่าที่คู่หมั้นคุณหมอมายูมิ คุณยายเรียกใช้ผมได้เลยนะครับ...ถ้าผมอยู่”
“คุณหมอมายูมิมีว่าที่คู่หมั้นน่ารักขนาดนี้เลยเหรอ”
ริวยังชวนยายคุย หัวเราะกันสนุกสนาน พยาบาลติดตามมายูมิ แอบยิ้มไปกับริวด้วยความชื่นชม มายูมิเริ่มทนไม่ไหว คิดหาวิธีการขับไล่ริว
ในห้องผ่าชันสูตร...นานะเปิดวิทยุรุ่นโบราณ เป็นดนตรีญี่ปุ่นไพเราะ ช้า ๆ เย็น ๆ เข้ากับบรรยากาศวังเวงในห้องมาก
นานะฮัมเพลงตามไปด้วยอารมณ์สุนทรี กำลังจะเริ่มผ่าศพที่ถูกคลุมผ้าขาวบนเตียง มายูมิปรี่เข้ามา ระล่ำระลักบอกนานะ
“นานะ...ทำเนียน ๆ ช่วยฉันหน่อย”
“เรื่องอะไร” นานะงง
เสียงริวดังมา
“จุ๊กกรู...ที่รักของผมอยู่ไหน กุ๊ก ๆ ๆ ๆ”
มายูมิบ่นอุบ
“ตาบ้า...คนนะไม่ใช่แม่ไก่”
ริวตามเข้ามา ชะงัก เมื่อเห็นศพถูกคลุมผ้าขาวอยู่บนเตียง นานะชำเลืองมองมายูมิ เข้าใจทุกอย่างทันที ก่อนก้มศีรษะทักทายริว
“สวัสดีค่ะ...โอะนิซึกะโซเรียว ว่าที่คู่หมั้นคุณหมอมายูมิ อุ๊ย”
นานะสะดุ้ง เมื่อถูกมายูมิหยิก มายูมิกระซิบ
“ไม่ต้องเรียกเต็มยศขนาดนั้นก็ได้”
ริวก้มศีรษะรับ กวาดสายตามองไปรอบ ๆ
“ผมเข้ามารบกวนหรือเปล่า”
มายูมิหันรีหันขวาง ก่อนคว้ามีดผ่าศพขึ้นมา เดินช้า ๆ เข้าหาริว
“มาได้จังหวะเลยค่ะ ฉันกับนานะกำลังต้องการผู้ช่วยผ่าศพอยู่พอดี”
นานะทำหน้า งง มายูมิส่งสายตาปรามให้เฉย ๆ ไว้ ริวชะงักมองมีด
“เอ่อ...ผ่าอะไรครับ”
“ผู้ตายเสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งต่อมลูกหมาก เราจะผ่าชิ้นเนื้อส่วนนั้นออกมาพิสูจน์...”
“ส่วนนั้น ส่วนไหนเหรอครับ”
นานะยิ้มๆ แกล้งๆ
“ก็มะเร็งต่อมลูกหมากเป็นกันที่ไหน...เราก็จะผ่าตรงนั้นแหละค่ะ” นานะพูดเสียงเย็น “เริ่มด้วยการกรีด” นานะเสียงดุ “แล่ทีละชิ้น” นานะพูดดังขึ้น “หรือสับเป็นท่อน”
ประกายมีดวาบผ่านใบหน้า ริวกลืนน้ำลายฝืดคอ เริ่มหวาดเสียว
“ผ่าต่อมลูกหมาก อืม...เพิ่งนึกได้ว่ามีธุระด่วน ขอยืมตัวเองไปเคลียร์ก่อนนะครับ”
ริวมองมีดสลับกับสีหน้าดุดันของมายูมิ รีบเลี่ยงออกไปอย่างรวดเร็ว
นานะเดินขำมากับมายูมิยังคงหงุดหงิดไม่หายมาตามทางเดินในโรงพยาบาล
“นึกถึงหน้าคุณริวแล้วขำไม่หาย คิดได้ไงเนี่ย...มุขผ่ามะเร็งต่อมลูกหมาก”
“ไล่ดี ๆ ไม่ยอมไป ก็ต้องใช้วิธีนี้แหละ”
“รักแรง แกล้งกันแรงขนาดนี้ ฉันว่าเธอกับคุณริวอาจจะเป็นเนื้อคู่กันจริง ๆ ก็ดี...ผู้กองยูจิจะได้ตกเป็นของฉัน”
มายูมิค้อนนานะขวับอย่างหมั่นไส้
“ฉันกับ ริว โอะนิซึกะ จะเป็นได้ก็แค่คู่เวรคู่กรรม”
“จ้า...แม่หญิงตึงไปซะทุกเรื่อง ระวังเถอะ...เกลียดอะไรจะได้อย่างนั้น”
พยาบาลกับญาติผู้ป่วยหลายคน ถือขนมและดอกไม้เดินมาจากทางเดียวกัน พูดคุยกันด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม นานะแปปลกใจ
“เอ๊ะ...วันนี้โรงพยาบาลมีงานอะไรเหรอ”
พยาบาลและญาติผู้ป่วยหันมาเห็นมายูมิ จึงรีบเข้ามาหา
“ขอบคุณสำหรับขนมแสนอร่อยนะคะคุณหมอมายูมิ”
“ขนม” มายูมิงง
ญาติคนไข้เสริม
“ดอกไม้ก็สวยมากค่ะ ผู้ป่วยได้รับไปคงสดชื่น”
มายูมิยิ่งงุนงง ไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น เสียงริวประกาศผ่านโทรโข่ง ดังแว่วมา
“เอ้า...เร่เข้ามารับขนมอร่อยกันเร็ว ๆ ช้าหมด อดชิม ผมกับคุณหมอมายูมิว่าที่คู่หมั้นสุดเลิฟ มาช่วยเพิ่มความหวานเติมน้ำตาลให้ทุกหัวใจทางนี้ครับ”
เสียงเชียร์และเสียงปรบมือของพยาบาล คนไข้ และญาติผู้ป่วยหลายคนดังขึ้น มายูมิได้ยิน ตกใจ รีบวิ่งไปตามต้นเสียงทันที
“มายูมิ...รอฉันด้วย”
นานะรีบวิ่งตามมายูมิไป
จบตอนที่ 2