รอยฝันตะวันเดือด ตอนที่ 1
เมื่อครั้งอดีต หมู่เกาะกลุ่มหนึ่งทางตอนใต้ของประเทศญี่ปุ่น ณ ดินแดนเอเชียตะวันออก เคยถูกอิทธิพลมืดเข้าครอบงำ อันธพาลชั่วหาญกล้าจนแผ่นดินลุกเป็นไฟ ตระกูลโอะนิซึกะ สายเลือดนักรบผู้กล้า ต้องร่วมมือกับทางการสร้างความถูกต้องให้กลับคืนมา
ความเสียสละ นำมาซึ่งความสูญเสีย ความผูกพันก่อเกิดเป็นความรัก...ความรักจำต้องแปรเปลี่ยนสถานะ เพียงเพื่อให้คนรักมีความสุขแม้ความรักจะแปรเปลี่ยน หากแต่ความผูกพันในจิตใจยังคงอยู่...มิเคยลืมเลือน
โดยภายหลังจากที่ทาเคชิกับริวนำกลุ่มโอะนิซึกะต่อสู้กับพวกริกิ มิซาว่า และพวกเคนอิจิ ซะโต้ ในสงครามครั้งสุดท้าย เมื่อโกดังหลังสุดท้ายระเบิดต่อหน้าต่อตาทุกคน ริวแทบคลั่ง เขาจะวิ่งฝ่าเปลวเพลิงเข้าไปช่วยทาเคชิ แต่ที่สุดแล้ว ริวได้แต่คุกเข่าลงกับพื้นอย่างทดท้อเสียใจ เมื่อได้รับรู้ว่าทาเคชิเสียชีวิตในโกดังนั้น
ในเวลาต่อมา งานศพทาเคชิถูกจัดขึ้นท่ามกลางความเศร้าของทุกคน แพรวดาว ภรรยาของทาเคชิ กอดริวร้องไห้เพราะคิดว่าเป็นทาเคชิ ทุกคนมองเธอด้วยความสงสาร อาการเศร้าเสียใจของแพรวดาวบีบคั้นหัวใจของริวอย่างแรง
หลังจากการเสียชีวิตของทาเคชิ ริวตัดสินใจบอกเลิกมายูมิ ว่าที่คู่หมั้นของเขา เพราะไม่ต้องการเธอต้องสูญเสียอย่างที่แพรวดาวต้องสูญเสียทาเคชิ
วันนั้น...มายูมิกระชากสร้อยทิ้งต่อหน้าริวทั้งสองจากกันด้วยความเสียใจ
7 ปีต่อมา...
ริวกับมายูมิเดินจูงมือกันเดินเล่นในสวนสาธารณะ ทั้งคู่มองธรรมชาติโดยรอบอย่างมีความสุข ริวโอบเอว มายูมิยิ้มหวานให้
“เจ็ดปีก่อนผมเหมือนฝันร้าย เป็นเหมือนคนตายทั้งเป็น เพราะคิดว่าต้องสูญเสียคุณไปแล้ว...มายูมิ”
“หัวใจฉันก็เจ็บปวด ทุกข์ทรมานไม่ต่างจากคุณเลยค่ะริว”
“แต่ในที่สุดเราก็เข้าใจกัน ผมดีใจที่เรากลับมาเป็นเหมือนเดิมขอบคุณที่รักผม และอยู่เคียงข้างผมมาตลอด” ริวยิ้มอย่างมีความสุข
“ฉันอยู่ได้เพราะความรักและความเอาใจใส่ ที่คุณมีให้กับฉันค่ะ”
“ใกล้ถึงวันแต่งงานของเราแล้ว ผมสัญญาว่าจะรักและดูแลคุณตลอดไป”
“ฉันก็สัญญาว่าจะรัก และซื่อสัตย์ต่อคุณคนเดียวค่ะ”
ทั้งสองส่งความรักผ่านทางสายตาหวานซึ้งที่มองกัน ห้วงเวลานี้อบอวลไปด้วยอุ่นไอแห่งรัก
มายูมิยืนรอส่งริวที่รถ แต่ริวยังไม่อยากแยกจากไป
“ผมไปส่งคุณที่โรงพยาบาลก่อนดีกว่า”
“อย่าเลยค่ะ เดี๋ยวคุณไปประชุมสาย”
ริวอิดออด กอดอ้อนมายูมิ ยังไม่อยากไป มายูมิดันตัวริวให้เดินไปสักที ขำท่าทางริวที่ส่งสายตาอาลัยอาวรณ์ สุดท้ายจำใจปล่อยมือ มายูมิมองตามหลังริวที่เดินออกไปพักหนึ่ง ก่อนที่เธอจะเดินแยกไปอีกทาง คนร้ายสองคนปรากฏตัว ปราดเข้ามาดัก มายูมิชะงัก ตกใจ
“พวกแกต้องการอะไร”
ริวหันขวับไปเห็นมายูมิกำลังถูกคนร้ายทั้งสองฉุดกระชากตัวอยู่ก็ตกใจมาก
“มายูมิ”
มายูมิพยายามดิ้นรนขัดขืนคนร้ายอย่างสุดกำลัง
“ฉันไม่ไป”
ริวปราดเข้ามาอย่างรวดเร็ว เงื้อหมัดเล่นงานคนร้ายจนเสียหลัก
“ปล่อยผู้หญิงของฉัน”
ริวเหวี่ยงหมัดจัดการคนร้ายอีกคนจนเซไปอีกทาง แล้วคว้าแขนมายูมิวิ่งหนี
ริวจับมือมายูมิวิ่งหนีอย่างไม่คิดชีวิต คนร้ายทั้งสองตามมากระชั้นชิด คนร้ายหนึ่งวิ่งแยกไปเพื่ออ้อมไปดักหน้า คนร้ายอีกคนวิ่งตามมาประกบหลัง ทั้งคู่ชะงักเมื่อถูกคนร้ายทั้งสองล้อมไว้
คนร้ายวาดปืนเข้าหาริวกับมายูมิ จะยิงใส่ ริวตวัดขาเตะปืนในมือคนร้ายกระเด็นออกไป
คนร้ายทั้งสอง พุ่งเข้าจัดการริวพร้อมกัน ทั้งสามแลกหมัด เตะ ต่อย อย่างดุเดือด ริวรับหมัดคนร้าย แล้วตวัดขาเตะคนร้าย ก่อนจะยกเท้ายันร่างคนร้ายอีกคนล้มลงกับพื้น สบโอกาส ริวรีบคว้าตัวมายูมิวิ่งหลบไป คนร้ายทั้งสองรีบวิ่งตาม
ริวกับมายูมิวิ่งหนีคนร้ายมาถึงสะพานแดง มายูมิตื่นตระหนก เริ่มหมดแรง เซเสียหลักไปยังริมสะพาน พลัดจะตกจากสะพาน
“ว๊าย”
“มายูมิ”
ริวตกใจ รีบคว้าแขนข้างหนึ่งของมายูมิไว้ได้ทัน ยูมิห้อยตัวอยู่กับราวสะพานอย่างน่าหวาดเสียว ริวพยายามออกแรงดึงมายูมิไว้ ขณะยื่นมืออีกข้างเข้าหามายูมิ
“จับมือผมไว้”
มายูมินิ่ง ไม่ยอมเอามืออีกข้างจับริว
“ปล่อยมือฉันเถอะค่ะ”
ริวแปลกใจ
“อะไรนะ”
“ทุกอย่างมันสายไปแล้ว...ริว”
มายูมิเงยหน้าขึ้นมามองริว สีหน้าและแววตาเย็นชาเปลี่ยนไปจากคนเดิม
“มายูมิ...คุณพูดอะไร”
“เราไม่ใช่ว่าที่คู่หมั้นกันอีกต่อไป คุณเป็นแค่รอยฝัน.. ที่ฉันพยายามจะลืม”
มือมายูมิกำลังเลื่อนหลุด ริวพยายามออกแรงดึงไว้
“ส่งมืออีกข้างมาให้ผม จับมือผมไว้”
มายูมินิ่ง ราวกับตั้งใจให้ตัวเองตกลงไป มือมายูมิค่อย ๆ ลื่นหลุดจนริวจะจับไว้ไม่อยู่แล้ว
ริวตกใจมาก พยายามไขว่คว้ามายูมิไว้
“มายูมิ... ส่งมือมาให้ผม...มายูมิ”
มายูมิค่อยๆ ลื่นออก จนหลุดจากมือริว ริวตะโกนสุดเสียง
“ไม่”
ริวสะดุ้งเฮือกตกใจตื่นขึ้นมาจากการฟุบหลับบนโต๊ะทำงานที่มีเอกสารและแฟ้มงานกองอยู่มากมาย
เขาสำรวจตัวเองด้วยความเหนื่อยหอบ ก่อนถอนใจยาว ชำเลืองมองรูปมายูมิในชุดเสื้อกาวน์แพทย์หญิง ในกรอบรูปที่ตั้งบนโต๊ะทำงาน ซึ่งบนนั้นมีรูปมายูมิมากมายหลายชุด ในอิริยาบถต่าง ๆ อยู่ในกรอบอย่างดี เป็นภาพที่เขาแอบถ่ายมายูมิไว้ทั้งหมด โดยที่เธอไม่รู้ตัว ริวหยิบรูปมายูมิในชุดกาวน์มาดู ความรู้สึกเต็มไปด้วยความคิดถึง ห่วงหา
“เจ็ดปีแล้วสินะ...”
เสียงเคาะประตูห้องดังขึ้น ริวรีบวางรูปลง
ประตูเปิดออก โคจิ คาซูมะ มาซาโตะ เดินเข้ามาก้มศีรษะทำความเคารพ
“มิซาว่ากับมิอุระมีปัญหากันอีกแล้วครับ” โคจิรายงาน
“เกิดอะไรขึ้น”
“มิซาว่ายกพวกไปถล่มไนท์คลับมิอุระ เพราะไม่พอใจที่แย่งลูกค้าไปจนทำให้เสียรายได้”
“ท่านผู้บัญชาการตำรวจ โอะซะมุ รู้เรื่องแล้วใช่ไหม”
“มิซาว่ากับมิอุระไหวตัวทันก่อนครับ พอท่านโอะซะมุนำกำลังตำรวจไปถึงเหตุการณ์ก็สงบแล้ว”
ริวฟังสิ่งที่เกิดขึ้นด้วยความหนักใจ
ริวเดินนำโคจิ คาซูมะ มาซาโตะออกมาที่ระเบียงทางเดินบ้านโอะนิซึกะอย่างเร่งรีบ กำลังจะออกไปข้างนอก
“แค่สงบศึกชั่วคราวเท่านั้น...ทาคาโอะไม่หยุดเล่นงานคนที่แย่งผลประโยชน์ของตัวเองไปง่าย ๆ หรอก”
“ทาคาโอะ มิซาว่า นิสัยเจ้าคิดเจ้าแค้นและเห็นแก่ตัวมาตั้งแต่เด็ก คงเพราะเก็บกดที่ท่านริกิรักซาโตชิ มากกว่าลูกที่เกิดจากภรรยารองอย่างเขา” คาซูมะออกความเห็น
ไนต์คลับมิซาว่า ถูกตกแต่งใหม่อย่างสวยงาม นาบุ ลูกน้องคนสนิทของทาคาโอะ คอยสั่งลูกน้องให้จัดเตรียมสถานที่อย่างขะมักเขม้น เร่งรีบ ขณะที่ทาคาโอะใช้มีดพกส่วนตัวแกะสลักจุดไม้ก๊อก สายตาเหี้ยมแต่นิ่ง
ลูกน้องจำนวนหนึ่งช่วยกันยกรูปริกิคู่กับซาโตชิในกรอบใหญ่มากเข้ามา นาบุรีบตรงเข้ามาหาทาคาโอะ โค้งตัว ก่อนถาม
“จะให้ติดรูปท่านริกิกับคุณซาโตชิไว้ตรงไหนครับ”
“มุมดีที่สุด สูงที่สุด ตรงโถงใหญ่”
ทาคาโอะตอบโดยไม่ละสายตาจากการแกะสลัก
“นายไม่พอใจที่ท่านริกิยกย่องท่านซาโตชิมากกว่า แต่ทำไมถึงให้ติดรูปไว้ตรงนั้นล่ะครับ”
“ฉันอยากให้พ่อกับซาโตชิมองเห็นทุกอย่างที่ฉันสร้าง เห็นความยิ่งใหญ่ของมิซาว่าที่เกิดจากฝีมือของฉันเพียงคนเดียว”
ทาคาโอะแกะสลักเสร็จ ยกจุกไม้ก๊อกขึ้นมาเผยให้เห็นว่าทาคาโอะแกะสลักเป็นรูปหัวกะโหลก นาบุกลืนน้ำลายฝืดคอ รู้สึกได้ถึงความเหี้ยมโหดภายใต้แววตาอำมหิตของทาคาโอะที่ลุกไปยืนจ้องมองรูปริกิคู่กับซาโตชิ กำลังถูกยกขึ้นไปติดไว้ในจุดที่สูงและดีที่สุด
“จ้องผมไว้ให้ดี ผมจะทำให้พ่อเห็นว่าลูกนอกสายตาอย่างผม เหนือกว่าลูกรักอย่างซาโตชิแค่ไหน”
ทาคาโอะเก็บกดกับชีวิตที่ผ่านมา และมีความโหดเหี้ยมมากกว่าริกิ และซาโตชิมากนัก
ริวเดินตรวจคุณภาพไวน์ที่อยู่ในลังเรียงรายมากมายในโกดังสินค้าโอะนิซึกะ โคจิ มาซาโตะ คาซูมะ คอยช่วยตรวจ
“สิ้นท่านริกิ ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และไนท์คลับของมิซาว่าขาดทุนอย่างหนักจู่ ๆ ทาคาโอะก็เข้ามาพลิกฟื้นมิซาว่าจนรุ่งเรืองอีกครั้ง” มาซาโตะเล่าเครียดๆ
ริวหยิบไวน์ขวดหนึ่งขึ้นมาดู ชะงักกับข้อสงสัยของมาซาโตะ
“ต่อให้ทาคาโอะเก่งแค่ไหน เขาก็ยังมือใหม่สำหรับธุรกิจ ผมมั่นใจว่าต้องมีคนให้การสนับสนุนทาคาโอะอย่างลับ ๆ”
โคจิ มาซาโตะ คาซูมะ สบตากัน เห็นด้วยกับริว
“ธุรกิจไนท์คลับและอสังหาริมทรัพย์ของ ฮารุ มิอุระ ก็เติบโตเร็วจนขยายกิจการเพิ่มขึ้นมากมาย เป็นชนวนสำคัญที่ทำให้ทาคาโอะไม่พอใจ” โคจิเสริม
“ฮารุ มิอุระ เป็นอดีตนักค้าอาวุธสงครามรายใหญ่ ที่ผันตัวเองมาทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ เพราะต้องการล้างภาพสีเทาของตัวเองในอดีต”
คาซามุกล่าวเสริม
เหล่าลูกน้องฮารุ มิอุระขนสินค้าลงจากโบกี้บรรทุกสินค้าที่คลังสินค้ารถไฟ อย่างเร่งรีบ
ฮารุยืนหันหลังนิ่ง ไม่โฉ่งฉ่าง แม้ไม่พอใจก็แสดงออกทางน้ำเสียงและสีหน้าเท่านั้น เป็นคนร้ายลึกเยือกเย็นมาก
ชุน ลูกน้องฝีมือดี กระชากตัวยูตะเข้ามา บังคับให้คุกเข่าต่อหน้าฮารุ
“ได้ตัวไอ้ยูตะมาแล้วครับ”
ฮารุหันหน้ามามองยูตะแววตาเยือกเย็นแฝงความเหี้ยม
“แกกล้ามาก...ที่ขโมยทองคำแท่งออกไปจากบ่อนของฉัน”
“ผะ..ผมขอโทษครับท่านฮารุ ลูกผมป่วยหนัก ผมจำเป็นต้องใช้เงินจริง ๆ ได้โปรดยกโทษให้ผมด้วย”
ยูตะก้มศีรษะราบกับพื้น ขอโทษฮารุด้วยความหวาดกลัว ฮารุนิ่งมองยูตะอย่างใช้ความคิด
“ทองจำนวนนั้นมันไม่ได้มากมายสำหรับฉัน ถ้าแกกล้าขอ ฉันก็กล้าให้”
“ผมผิดไปแล้ว ผมสาบานว่าจะไม่ทำตัวแบบนี้อีก”
ฮารุก้าวเข้าไปยืนเหนือร่างยูตะ ยื่นมือไปตบบ่ายูตะเบา ๆ ราวกับเข้าใจ
“ฉันเชื่อว่าแกจะไม่ทำอีก”
ยูตะใจชื้น เริ่มเห็นความหวังที่จะรอดจากการถูกลงโทษ ฮารุสบตาชุนที่รู้หน้าที่ เดินหายไปพักหนึ่งแล้วกลับมาพร้อมเบ้าหลอมทองคำที่ร้อนระอุ ทองเดือดปุดๆ
“แต่ฉันไม่ชอบเลี้ยงคนทรยศ เพราะไม่รู้ว่ามันจะทรยศฉันอีกเมื่อไหร่”
ยูตะสะดุ้งมองเบ้าหลอมทองคำที่ร้อนระอุ ตื่นตระหนกถอยกรูดจะลุกหนี แต่ถูกลูกน้องสามคนเข้ามาล็อกตัวไว้ ฮารุพยักหน้าสั่งอย่างเลือดเย็น ยูตะตกใจกลัวสุดขีด พยายามดิ้นรน ร้องขอชีวิต
“ผมกลัวแล้วท่านฮารุ... ได้โปรดไว้ชีวิตผมด้วย”
ลูกน้องมิอุระบีบปากยูตะให้อ้าออก เททองคำที่เหลวร้อนในเบ้าหลอม ลงปากยูตะอย่างเลือดเย็น
“อ๊าก”
ยูตะตาเหลือกลาน เมื่อทองคำเหลวร้อนผ่านเข้าไปในลำคอ จนไม่สามารถเปล่งเสียงออกมาได้ ร่างยูตะล้มลงกับพื้น ตัวบิดเร่าด้วยความเจ็บปวดและทรมาน ฮารุหันไปสั่งลูกน้อง
“จัดการเอาทองของฉันคืนมาด้วย”
ฮารุยืนมองร่างยูตะด้วยสายตาเลือดเย็นอำมหิตมาก
หน้าโกดังสินค้าโอะนิซึกะ ริวยืนเครียดอยู่กับโคจิ มาซาโตะ คาซูมะ
“คลื่นใต้น้ำกำลังจะกลายเป็นคลื่นลูกใหญ่ที่เป็นภัยร้ายแรง ถ้าเจ้าหน้าที่บ้านเมืองอ่อนแอ บ้านเมืองคงต้องลุกเป็นไฟอีกครั้ง”
“ตอนนี้ท่านโอะซะมุกำลังลำบาก ถูกเบื้องบนขัดขวางการทำงานทุกอย่าง” โคจิบอกเครียดๆ
“เพราะยื่นฟ้อง ยามาโมโต้ ใช่มั้ย” ริวหันมาถาม
“ใช่ครับ ยามาโมโต้เป็นนักการเมืองที่พัวพันกับสิ่งผิดกฎหมายทุกรูปแบบ” มาซาโตะอธิบาย
คาซูมะเสริม
“เชื่อกันว่า.. เมื่อเจ็ดปีที่แล้ว ยามาโมโต้อาจจะอยู่เบื้องหลังมิซาว่ากับซะโต้ คิดล้มโอะนิซึกะ”
ริวฟังแล้วหนักใจมาก รู้ว่าในอนาคตอันใกล้ จะต้องเจอกับศึกหนักแน่
ห้องประชุมสำนักงานตำรวจ...แผนที่เมืองบนผนังแบ่งเขตการค้าเป็นสามสี พื้นที่สีขาวตัวอักษรเขียนว่า “โอะนิซึกะ” มีพื้นที่มากสุด รองลงมาเป็นสีส้ม “มิซาว่า” กับสีน้ำเงิน “มิอุระ” มีพื้นที่โดยเฉลี่ยเท่ากัน โอะซะมุอธิบายให้ทุกคนในที่ประชุมฟังอยู่หน้าแผนที่นั้น บรรยากาศในห้องประชุมเคร่งเครียดมาก
“มิซาว่ากับมิอุระเริ่มขยายธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพิ่มมากขึ้น จนมีปัญหาการแข่งขันทางธุรกิจ ทำให้เกิดการปะทะกันบ่อยครั้ง”
“กลุ่มอำนาจใหม่ไม่น่ากลัวเท่าโอะนิซึกะ”
มาซารุขัดขึ้นด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง ดูผิวเผินเหมือนตำรวจตงฉิน เอาจริงเอาจังกับหน้าที่และความถูกต้องมาก
“โอะนิซึกะเป็นตระกูลซามูไร เป็นสายเลือดนักรบของจักรพรรดิที่ช่วยทางการปกป้องดูแลเมืองนี้มาตั้งแต่บรรพบุรุษ”
“หน้าที่ปกป้องเมืองนี้เป็นของตำรวจ ไม่ใช่ตระกูลของใคร” มาซารุบอกเสียงเข้ม
“โอะนิซึกะให้ความร่วมมือกับทางราชการมาตลอดนะครับ”
“ร่วมมือกับทางราชการ หรือกับคุณ”
โอะซะมุชะงัก หน้าเคร่งขึ้นด้วยความเครียด ฮิโระ ลูกน้องคนสนิทของโอะซะมุ นั่งนิ่งขรึม รู้สึกได้ถึงบรรยากาศที่อึดอัด และกดดัน
“สงครามระหว่าง โอะนิซึกะ มิซาว่า ซะโต้ เมื่อเจ็ดปีก่อน ทำให้ผู้ใหญ่หลายคนเห็นว่าโอะนิซึกะอาจจะเป็นภัยต่อชาวเมือง” ตำรวจชั้นผู้ใหญ่คนหนึ่งพูดขึ้น
มาซารุจ้องโอะซะมุ สายตาจริงจัง
“ถึงคุณจะรอดจากการถูกตั้งคณะกรรมการสอบสวน ข้อหาร่วมมือกับโอะนิซึกะ แต่พวกเราก็ยังจับตาดูพฤติกรรมของคุณอยู่”
โอะซะมุพยายามข่มความไม่พอใจ สีหน้าเครียดมาก
โอะซะมุกับฮิโระ เดินคู่มาด้วยกันทางเดินริมถนนร่มรื่น โอะซะมุที่เครียดจากการประชุมเดินๆเงียบข่มสติอารมณ์ ฮิโระ ชำเลืองมองด้วยความเป็นห่วง พูดขึ้นอย่างกังวล
“คำพูดของท่านมาซารุ เหมือนตั้งใจจะเล่นงานเราโดยตรง”
“มาซารุ โคบายาชิ เป็นตำรวจรุ่นเดียวกับฉัน เราขับเคี่ยวกันมาตั้งแต่สมัยเป็นนักเรียนตำรวจ เขาเถรตรงและเคร่งครัดกฎระเบียบมาก”
“แล้วท่านจะรอดจากการถูกตั้งคณะกรรมการตรวจสอบหรือครับ”
“หน้าที่ของฉันคือการดูแลบ้านเมืองให้สงบสุข ดูแลประชาชนไม่ให้ถูกคนชั่วรังแก...เรื่องอื่นๆ ฉันไม่สนใจ”
ฮิโระ มองโอะซะมุด้วยสายตาชื่นชม
“ถ้าเจ้าหน้าที่บ้านเมืองทุกคนคิดแบบท่าน ประชาชนคงอุ่นใจ สังคมคงสงบสุขกว่านี้”
“ความฝันจะสำเร็จเมื่อเราเริ่มลงมือทำ ถึงการทำดีของเราจะเป็นแค่จุดเริ่มต้นที่เล็กน้อย แต่สักวันจะต้องมีคนเห็น และสานต่อความดีของเรา”
“น่าเสียดาย ถ้าพยานไม่ถูกฆ่าปิดปาก หลักฐานเอกสารไม่ถูกเผาทำลายนักการเมืองชั่วอย่างยามาโมโต้คงโดนจับไปแล้ว”
“คนชั่วยังลอยนวล ตอนนี้เราไว้ใจใครไม่ได้ ฉันจะไปเตือนโอะนิซึกะโซเรียวให้ระวังตัว เราแยกกันตรงนี้แหละ”
ฮิโระ พยักหน้ารับรู้ ก่อนโค้งตัวทำความเคารพ โอะซะมุก้มศีรษะตอบแล้วเดินแยกไป
โอะซะมุเดินมาตามทาง ซึ่งเป็นตึกเปลี่ยว ด้านหลังมีชายลึกลับเดินตาม โอะซะมุรู้สึกว่ามีคนเดินตาม จึงหยุดแล้วหันขวับไปมอง แต่ไม่เห็นใครสักคนบริเวณนั้น ทางเดินว่างเปล่า โอะซะมุโล่งอก
แต่พอหันกลับมา ชะงัก เมื่อโซวก้าวมายืนขวางทางข้างหน้า คัตโตะเข้ามาดักทางด้านหลัง ทั้งคู่เป็นลูกน้องของมิซาว่า
โอะซะมุหันกลับไปมองคัตโตะ สลับกับโซว รู้สึกได้ถึงความไม่ปลอดภัย คัตโตะและโซวยิ้มร้าย ชักปืนออกมาวาดเข้าใส่โอะซะมุพร้อมกัน โอะซะมุตกใจกระโดดหลบจังหวะที่โซวกับคัตโตะลั่นไก เปรี้ยง... เปรี้ยง... เสียงปืนดังสนั่นหวั่นไหว
โอะซะมุกลิ้งตัวหมอบหลบไปตามพื้นก่อนจะพุ่งหลบหนีไปอีกทาง คัตโตะ โซว วิ่งไล่ตามมาพร้อมปืนในมือ มาถึงมุมทิ้งขยะพวกลังใส่ของใหญ่ ๆ กลับพบว่ารอบบริเวณว่างเปล่า ทั้งคู่หันมองหาโอะซะมุรอบตัว
โอะซะมุพุ่งออกมาจากมุมทิ้งขยะ เตะปืนในมือคัตโตะหล่นไถลไปกับพื้น โซวตวัดขาเตะโอะซะมุจนเสียหลักไป และเดินไปยกปืนขึ้นเล็ง โอะซะมุกระชากปืนออกไป ยิงเข้าใส่โซว เปรี้ยง...โซวเอี้ยวตัวหลบอย่างรวดเร็ว คัตโตะยืนเล็งปืนเข้าหาโอะซะมุจากด้านหลัง
“หยุดนะ” ยูจิ นายตำรวจหนุ่มที่ผ่านมาเห็นร้องห้าม
เปรี้ยง... สิ้นเสียงปืน โอะซะมุถูกยิงจากด้านหลัง ทรุดคุกเข่าลง ยูจิเข้ามาวาดปืนยิงเข้าใส่คัตโตะกับโซว ปัง ๆ ทั้งคู่กระโดดหลบกระสุนไปคนละทาง ยูจิหันกลับมามองโอะซะมุ เห็นอกด้านซ้ายโอะซะมุ เห็นเลือดไหลออกมาจากบาดแผลที่ถูกยิง
“ท่านโอะซะมุ”
โอะซะมุเงยหน้ามองยูจิ ก่อนสติดับวูบ นอนแน่นิ่งไป โซววาดปืนยิงเข้าใส่ยูจิเปรี้ยง ๆ ยูจิหมุนตัวหลบ ก่อนพุ่งเข้าไปหาโซว จ่อปืนไปที่โซว ตาเขม็ง
“ใครส่งพวกแกมา”
โซวแม้จะกลัวปืนแต่ก็ยังไว้เชิง ไม่ยอมตอบคำถามจ้องหน้ายูจิเฉย คัตโตะแอบเข้ามาทางด้านหลัง กำลังเงื้อมีดเข้ามาจะทำร้าย ยูจิรู้ตัว เบี่ยงตัวเอี้ยวเต็มแรง วาดปืนในมือยิงเข้าใส่คัตโตะที่กำลังปรี่เข้ามาจะทำร้ายเขา เปรี้ยง ๆ
คัตโตะล้มคว่ำไม่เป็นท่า โซวถือโอกาสโดดถีบยูจิจนปืนหลุดจากมือ แล้วใช้โอกาสนั้น จ่อปืนยิงยูจิ เปรี้ยง...
ยูจิชะงักส่งสายตาจ้องเขม็งไปที่โซว เขาถูกยิงล้มทั้งยืน ร่างยูจิกับโอะซะมุหมดสติ นอนจมกองเลือดอยู่กับพื้น
ทางเดินในโรงพยาบาลประจำเมือง...บุรุษพยาบาลเข็นเตียงยูจิกับโอะซะมุคู่กันเข้ามาอย่างเร่งรีบ โดยมีอาจารย์หมอฮาร่า พยาบาลวิ่งประกบเตียงเข็นเข้ามาตามทางเดิน มายูมิในชุดกาวน์หมอเข้ามาประกบ ท่าทางทะมัดทะแมง คล่องแคล่ว พยาบาลรีบรายงาน
“คนเจ็บถูกยิงมาทั้งคู่ อาการสาหัส เสียเลือดมากค่ะ”
มายูมิหันไปเห็นโอะซะมุที่เตียงรถเข็นหนึ่ง นอนไม่ได้สติ เลือดท่วมตัว ตกใจมาก
“ท่านโอะซะมุ”
“เตรียมห้องผ่าตัดฉุกเฉินด่วน... ผมจะผ่าตัดท่านโอะซะมุ...หมอมายูมิรับเคสคนเจ็บอีกคน”
“ค่ะอาจารย์ฮาร่า”
มายูมิรับคำอาจารย์ฮาร่า ขณะเตียงรถเข็นของยูจิกับโอะซะมุ ถูกเข็นเข้าไปในห้องฉุกเฉินติดๆกัน
ริวถึงกับอึ้ง ตกใจเมื่อทราบเรื่องโอะซะมุจากโคจิ
“ท่านโอะซะมุถูกลอบทำร้าย”
“ตอนนี้อาการสาหัสเป็นตายเท่ากัน”
ทุกคนสีหน้าเคร่งเครียด เป็นห่วงโอะซะมุ
“หวังว่าท่านโอะซะมุจะปลอดภัย” ริวบอกอย่างกังวล
ภายในห้องผ่าตัด อาจารย์ฮาร่ากับพยาบาลกำลังง่วนกับอุปกรณ์ช่วยชีวิตและผ่าตัดโอะซะมุ
พยาบาลวุ่นวายช่วยกันห้ามเลือด โอะซะมุนอนนิ่งไม่ได้สติบนเตียงผ่าตัด เส้นชีพจรจากเครื่องวัดสัญญาณชีพจร ค่อยๆ ลดระดับลงก่อนแปรเปลี่ยนเป็นเส้นตรง อาจารย์ฮาร่าและพยาบาลชะงัก
“หมอคะ เส้นชีพจรคนไข้หยุดไปแล้วค่ะ”
“ขอเครื่องปั๊มหัวใจ เร็วเข้า”
พยาบาลรีบส่งเครื่องปั๊มหัวใจให้ อาจารย์ฮาร่าขึ้นไปคร่อมตัวโอะซะมุ ปั๊มหัวใจให้โอะซะมุครั้งแล้วครั้งเล่า
มายูมิผ่าตัดเอากระสุนที่หน้าอกยูจิออก ใบหน้ามายูมิเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อ พยาบาลคอยซับเหงื่อให้ตลอดเวลา มายูมิพยายามรวบรวมสมาธิอย่างหนักเพื่อช่วยชีวิตยูจิ เธอคีบกระสุนที่มีคราบเลือดวางลงในถาด ในที่สุดการผ่าตัดของยูจิเสร็จเรียบร้อย พยาบาลช่วยกันพันแผลให้ยูจิ มายูมิวางที่คีบลง แล้วดึงถุงมือออก เธอเปิดผ้าปิดปาก หันมองยูจิที่นอนไม่ได้สติ โล่งใจที่การผ่าตัดผ่านพ้นไปด้วยดี
มายูมิออกมาจากห้องผ่าตัด พบอาจารย์ฮาร่าเดินออกมาจากห้องผ่าตัดโอะซะมุ จึงปรี่เข้าไปถาม
“ท่านโอะซะมุเป็นยังไงบ้างคะ”
“คนเจ็บเสียเลือดมากเกินไป เราพยายามเต็มที่แล้ว”
อาจารย์ฮาร่าจับมือมายูมิอย่างให้กำลังใจ ก่อนเดินเลี่ยงไป มายูมิยืนอึ้ง ใจหายวาบ เสียใจที่โอะซะมุไม่รอด ฮิโระเพิ่งเดินทางมาถึง จึงรีบตรงเข้ามาหามายูมิ หน้าตาตื่นตกใจ
“หนูมายูมิ...”
ฮิโระยังไม่ทันถามจบชะงัก เมื่อเห็นมายูมิน้ำตาคลอเบ้า สีหน้าผิดหวังและเศร้ามาก ฮิโระสับสนจนทำอะไรไม่ถูก รู้ว่าโอะซะมุเสียชีวิตแล้ว
ริว โคจิ คาซูมะ มาซาโตะ รู้ข่าวการเสียชีวิตของโอะซะมุ ต่างอึ้ง เสียใจ และเครียดมาก
“สิ้นมือปราบอย่างท่านโอะซะมุ เมืองนี้จะต้องตกอยู่ในอันตรายอีกครั้ง” ริวบอกเศร้าๆ
“โชคดีที่ผู้กองยูจิปลอดภัย” คาซูมะเล่า
“ยูจิ โคบายาชิ ลูกชายท่านมาซารุ ที่เพิ่งย้ายมาประจำเมืองนี้น่ะหรือ” ริวแปลกใจ
“ผู้กองยูจิเข้าไปช่วยท่านโอะซะมุที่ถูกซุ่มทำร้าย จนพลาดท่าถูกยิงไปด้วย” โคจิเสริม
ริวยิ่งคิดยิ่งเจ็บใจ
“อยากรู้นักว่าเป็นฝีมือของใคร”
อ่านต่อหน้า 2
รอยฝันตะวันเดือด ตอนที่ 1 (ต่อ)
ภายในห้องทำงานใหญ่ของสำนักงานแห่งหนึ่ง...ยามาโมโต้ มองเอกสารรูปและข้อมูลของโอะซะมุบนโต๊ะ ก่อนปิดแฟ้มสีดำลง
“หมดเสี้ยนหนามอย่างโอะซะมุ งานของเราก็จะง่ายขึ้น”
ยามาโมโต้ยิ้มพึงพอใจ ลูกน้องยิ้มกริ่มดีใจกับเจ้านาย
“ต่อไป...ก็ได้เวลาปิดบัญชีสายเลือดนักรบซามูไร”
ยามาโมโต้หัวเราะเหี้ยมในลำคอ
มายูมิเปลี่ยนจากชุดกาวน์เป็นชุดไปรเวทแล้ว นั่งเศร้าเสียใจกับการจากไปของโอะซะมุ นานะเพื่อนหมอของมายูมิคอยปลอบใจอยู่ข้าง ๆ
“ฉันเห็นท่านโอะซะมุมาตั้งแต่เด็ก เคารพเหมือนญาติผู้ใหญ่คนนึง ไม่คิดว่าท่านจะจากไปอย่างนี้” มายูมิบอกเศร้าๆ
“ไม่มีใครรู้ชะตาชีวิตล่วงหน้า พวกเราก็พยายามอย่างสุดความสามารถแล้ว”
นานะบีบมือมายูมิอย่างให้กำลังใจ มายูมิยิ้มนิด ๆ ขอบใจเพื่อน แม้จะยังทำใจไม่ได้
“ออกเวรแล้ว...ฉันกลับบ้านก่อนนะ”
“ช่วงนี้เมืองเรามีแต่เหตุการณ์ไม่น่าไว้ใจ ระวังตัวด้วยนะมายูมิ”
มายูมิพยักหน้ารับคำเงียบ ๆ ขณะเก็บของใส่กระเป๋าถือ เตรียมกลับบ้าน
มายูมิเดินออกไปจากตึก ริวแอบมองอยู่บนตึก มองตามหลังมายูมิไป มายูมิเดินมองบรรยากาศยามค่ำคืนรอบตัว อย่างสบายใจ โดยไม่รู้ว่าริวแอบตามมาด้วย
มายูมิเดินผ่านมายังสวนสาธารณะตามลำพังคนเดียว ริวแอบจ้องมองตามมายูมิอยู่หลังต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่ง ยกกล้องถ่ายรูปขึ้นมา กดชัตเตอร์ตามถ่ายรูปเธออยู่หลายภาพ
มายูมิสูดกลิ่นไอธรรมชาติยามค่ำคืนอย่างสดชื่น ไม่รู้ว่าริวตามมา เธอเดินตรงไปยังความมืดด้านหน้า กระทั้งถึงสถานีรถไฟ ยืนรอรถไฟร่วมกับผู้โดยสารที่มีอยู่ประปราย รถไฟแล่นมาเทียบชานชาลา มายูมิรีบก้าวขึ้นรถไฟไปพร้อมผู้โดยสารคนอื่น...ริวก้าวออกมาจากมุมเสา มองตามมายูมิไปด้วยสายตาอาลัย
ริวถือกล้องถ่ายรูปเดินออกมาจากสถานีรถไฟ หลังจากส่งมายูมิขึ้นรถไฟกลับบ้านไปแล้ว
รถเขาจอดรออยู่มุมหนึ่ง โดยมีคัตสึ เซกิ ยืนรออยู่ที่รถ องครักษ์ทั้งสองก้มศีรษะเคารพริวพร้อมเพรียงกัน คัตสึรีบเปิดประตูที่นั่งด้านหลังให้ริว
“ถ่ายจิ๊ง ถ่ายจัง ถ่ายอยู่ได้ทุกวี่ทุกวันจนจะเข้าข่ายโรคจิตอยู่แล้ว” คัตสึแซว
“โรคจิตหรือถ้ำมอง เอ๊ย... โซเรียวมองต่างหาก” เซกิเสริม
“อยากได้อะไรไปอมแก้อาการปากว่างมั้ย”
ริวทำหน้านิ่งๆ ดูดุๆ คัตสึ เซกิ ยิ้มแหะ ๆ รีบพูดเป็นเรื่องเป็นราว
“โซเรียวแอบตามดูแลคุณหนูมายูมิมาตลอดเจ็ดปี ไม่คิดจะปรากฏตัวให้เธอรู้หน่อยเหรอครับ”
“รู้แล้วได้อะไร”
“อ๊าว... ก็ผู้หญิงส่วนใหญ่เขาชอบให้ผู้ชายดูแลเอาใจใส่ ถ้าคุณหนูมายูมิรู้ว่าโซเรียวเป็นห่วงเธอตลอดเวลา เธอก็คงดีใจ”
“ฉันมีความสุขแค่นี้ ไม่ได้ทำเพราะอยากให้ใครปลื้ม”
ริวนิ่งๆ ก้าวขึ้นไปนั่งรอในรถ ก่อนหันมาเร่งคัตสึ เซกิที่ยืนเหวออยู่
“ไม่กลับ ฉันขับเองนะ”
“ไม่เป็นไรคร้าบโซเรียวขับหวาดเสียว ผมขับคนเดียวดีกว่า” เซกิรีบขึ้นรถ
ริวสีหน้าครุ่นคิด ยังคงผูกพันอยู่กับมายูมิอยู่ไม่น้อย
ริววางกล้องถ่ายรูปลงบนโต๊ะทำงานที่มีรูปของมายูมิในหลากอิริยาบถตั้งเรียงรายอยู่ แล้วนั่งมองรูปของมายูมิด้วยความคิดถึง โคจิเข้ามาในห้อง เห็นท่าทางริว จึงเอ่ยทักด้วยความเป็นห่วง
“โซเรียวมีความสุขกับสิ่งที่ทำแค่นี้จริงๆ เหรอ”
“ผมดูไม่มีความสุขเหรอครับ”
ริวทำยิ้มนิ่งๆ กลบเกลื่อนความรู้สึกลึก ๆ ข้างใน
“คุณหนูมายูมิเรียนจบแพทย์แล้ว ถึงเวลาที่โซเรียวจะกำหนดวันหมั้นและแต่งงานสักที”
“ผู้หญิงข้างกายโอะนิซึกะโซเรียวตกอยู่ในอันตรายทุกคน เจ็ดปีที่แล้วก็มีตัวอย่างให้เห็น ผมไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์นั้นซ้ำรอยอีก”
น้ำเสียงริวขรึมและจริงจังขึ้น
“หลายคนชอบนิยาม รักแท้คือการเสียสละ...แต่ถ้าการเสียสละทำให้คนที่เรารักไม่มีความสุข มันก็อาจไม่ใช่ความรักที่แท้จริง แน่ใจแล้วเหรอครับว่าคุณหนูมายูมิต้องการแบบนี้”
ริวมองรูปมายูมินิ่ง ครุ่นคิด
โถงบ้านทากาฮาชิ เมกุมิกำลังอ่านนิตยสารที่มีริวขึ้นหน้าปก และอ่านบทสัมภาษณ์ริวในหนังสือด้วยความสนใจ
“ทาไดมะ...กลับมาแล้วค่ะ”
มายูมิดังขึ้น เมกุมิรอจนมายูมิเดินเข้ามา จึงทำทีเป็นอ่านบทสัมภาษณ์ให้มายูมิได้ยิน
“ริว โอะนิซึกะ นักธุรกิจหนุ่มไฟแรง ตั้งเป้าขยายธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในปีหน้าอีกร้อยเปอร์เซ็นต์ โอ้โฮ....ว่าที่พี่เขยของหนูเก่งจังเลยนะคะพี่มายูมิ”
มายูมิทำหูทวนลม ไม่สนใจ น้องสาวยิ่งแกล้งยั่ว
“นิตยสารอีกเล่มมีข่าวซุบซิบว่าพี่ริวเปลี่ยนคู่ควงใหม่ เป็นดาราสาวเจ้าหญิงแห่งวงการ เอ...สงสัยจะเป็นเพราะคนบางคนไปหักอกพี่ริวก่อนรึเปล่าเนี่ย”
มายูมิทนฟังไม่ไหว คว้านิตยสารจากมือเมกุมิไป แล้ววางคว่ำหน้าลงบนโต๊ะ
“ขึ้นไปนอนได้แล้ว พรุ่งนี้ต้องไปโรงเรียนแต่เช้าไม่ใช่เหรอ”
เมกุมิหัวเราะคิกคักที่ยั่วโมโหพี่สาวได้ ยอมลุกไปอย่างว่าง่าย สวนกับ มิยูกิกับทากาฮาชิ ที่เข้ามาพอดี
“หัวเราะอะไรกัน” มิยูกิถามขึ้นอย่างแปลกใจ
“ไม่รู้สิคะ” มายูมิทำไม่รู้ไม่ชี้
“พ่อได้ข่าวท่านโอะซะมุแล้วนะ” ทากาฮาชิบอกเครียดๆ
มายูมินิ่งไป ยังคงเศร้ากับการจากไปของโอะซะมุ
“แม่ก็ตกใจเหมือนกัน ไม่คิดว่าท่านโอะซะมุจะจากไปเร็วขนาดนี้”
“โชคดีที่มายูมิช่วยชีวิตผู้กองยูจิไว้ได้” ทากาฮาชิทอดถอนใจ
“นั่นสิ... มิเสียแรงที่หนูเรียนจบหมอ เลยมีโอกาสได้ช่วยเหลือเจ้าหน้าที่บ้านเมือง” มิยูกิเห็นด้วย
“บ้านเราคงต้องขอบคุณโอะนิซึกะโซเรียว ที่เคยขอร้องให้พ่ออนุญาตให้มายูมิสอบเข้าเรียนต่อแพทย์”
ได้ยินพ่อพูดถึงริว มายูมิสีหน้าไม่ค่อยดี ไม่อยากจะรับรู้รับฟังเรื่องราวเกี่ยวกับเขา
“หนูรู้สึกเพลีย ขอตัวไปอาบน้ำก่อนนะคะ”
มายูมิรีบเลี่ยงขึ้นห้องไป
มายูมิเข้ามาในห้องรีบปิดประตู สีหน้าเต็มไปด้วยความไม่พอใจ เธอกวาดสายตามองไปเห็นโคโตะ (พิณญี่ปุ่น) ตั้งอยู่มุมห้อง มีผ้าคลุมไว้อย่างดี เธอเดินไปยังโคโตะ เปิดผ้าคลุมออก ลูบไล้ไปตามสายโคโตะ ดีดแต่ละสาย เสียงดังขึ้นเบา ๆ แล้วคิดไปถึงเรื่องราวในอดีตที่เธอเคยปรับสายโคโตะ และบรรเลงเพลงไพเราะต่อหน้าริว
มายูมิรู้สึกตัว รีบถอนมือออกจากโคโตะทันที
“ริว โอะนิซึกะ เมื่อไหร่ชื่อนี้จะหายไปจากโลกของฉันเสียที”
มายูมิรีบเอาผ้าคลุมโคโตะเก็บไว้อย่างเดิม เจ็บปวดกับอดีตที่ยากจะลืม
ริวนั่งมองกล่องกำมะหยี่ในมือ สองจิตสองใจที่จะเปิด แต่ในที่สุดก็ตัดสินใจเปิด จี้ดอกเดซี่วางอยู่ข้างใน เขานึกถึงเหตุการณ์ในอดีต เมื่อครั้งที่มายูมิคืนสร้อยจี้ดอกเดซี่ให้
“หน้าที่และเกียรติของคุณยิ่งใหญ่เกินกว่าที่ฉันจะแตะต้อง ขอบคุณที่พยายามรักษาสัญญาของผู้ใหญ่ ฉันจะรีบส่งข่าวให้คุณทราบทันทีที่เจอหัวใจตัวเอง เราจะได้หลุดพ้นจากพันธะจอมปลอมนี่เสียที”
มายูมิกระชากสร้อยที่ริวเคยให้ ชูขึ้นช้าๆ แล้วทิ้งลงต่อหน้าริว สร้อยลอยตกลงพื้น มายูมิหมุนตัวเข้าบ้านทั้งน้ำตาด้วยความเสียใจ
ริวมองสร้อยในมือ ยังคงรู้สึกผิดต่อมายูมิอยู่เสมอ
วันใหม่...กลางห้องซ้อมเคนโด้ บ้านโอะนิซึกะ ริวตวัดดาบไม้อย่างทรนง นัยน์ตาจ้องเขม็งไปยังคัตสึ เซกิ ที่เป็นคู่ซ้อม โคจิเฝ้ามองการฝึกซ้อมของทั้งคู่อย่างไม่วางตา ริวควงดาบไม้อย่างเหนือชั้น ตรงเข้าเล่นงาน คัตสึ เซกิ วาดดาบไม้ตีตอบโต้ริวพร้อมกัน ริวกระหน่ำดาบไม้ตีใส่ไม่ยั้ง เริ่มบ้าระห่ำราวกับไม่มีสมาธิ จนคัตสึ เซกิ กระเด็นไปคนละทาง
โคจิยกมือขึ้น ให้ทั้งสามหยุดการฝึกซ้อมทันที
“หยุด”
ริวถอดเม็งออก มองโคจิที่เดินมายืนประจันหน้า คัตสึ เซกิ ช่วยพยุงกันลุก อย่างไม่ค่อยมีแรง
“เคนโด้ไม่ได้เน้นการต่อสู้เพื่อวัดพละกำลัง แต่ต้องสู้ด้วยจิตใจและสมาธิที่เป็นหนึ่งเดียวกับการเคลื่อนไหว” โคจิเตือน
“ดาบเดียวในหนึ่งก้าว จัดการคู่ต่อสู้ได้อย่างแม่นยำ...ขอโทษอาโคจิที่ผมไม่มีสมาธิในการฝึกซ้อม”
ริวก้มศีรษะขอโทษโคจิอย่างรู้ตัวว่าผิด โคจิก้มศีรษะรับคำขอโทษจากริว
“อูย...เจ็บนี้ระบมอีกนาน” คัตสึบ่น
“อดทนอีกนิด องครักษ์ใหม่ใกล้จะมาแล้ว” เซกิบอก
“รีบ ๆ มาสักที จะได้มีคนเจ็บตัวแทนเรา”
คัตสึ เซกิ กอดคอกันเดินกระเผลก ทำตัวน่าสงสารออกไป
ริวส่ายหน้าเอือม มองตามองครักษ์ทั้งสองด้วยความหมั่นไส้
ที่ห้องพักฟื้น...มายูมิปิดเสื้อยูจิลงหลังจากตรวจบาดแผล และอาการอื่น ๆ เสร็จเรียบร้อย ยูจิรู้สึกตัวแล้ว แต่ยังยังมีอาการสลึมสะลืออยู่บ้าง
“หลังผ่าตัดคุณอาจมีอาการมึนงง คลื่นไส้อาเจียนเพราะฤทธิ์ยาสลบ ไม่ต้องตกใจนะคะ ...นอนพักเยอะ ๆ เดี๋ยวก็ดีขึ้น”
ยูจิพยักหน้ารับอย่างเชื่องช้า
“ช่วงนี้คุณอาจปวดแผลเป็นระยะ ถ้ามีอาการปวดจนทนไม่ได้ ให้ขอยาแก้ปวดที่พยาบาลได้เลยค่ะ”
“ขอบคุณครับ”
มายูมินิ่งมองยูจิราวกับพยายามทบทวนความทรงจำ จนยูจิรู้สึกได้
“เราเคยรู้จักกันมาก่อนไหมครับ”
มายูมิพยายามครุ่นคิด แล้วก็จำได้ว่ายูจิเคนช่วยจับคนร้ายกระชากกระเป๋าของเพื่อนเธอ และเธอทำแผลให้เขา วันที่เธอไปฟังผลสอบว่าสอบติดคณะแพทย์
มายูมิกับยูจิต่างจำกันได้ เรียกชื่อพร้อมกัน
“คุณยูจิ”
“คุณมายูมิ”
“ไม่นึกเลยว่าจะเจอคุณอีก” มายูมิยิ้มดีใจ
“โชคดีของผมที่ได้คุณหมอมายูมิช่วยชีวิต”
“มันเป็นหน้าที่ของฉันอยู่แล้วค่ะ”
“ถ้าผมหาย ขออนุญาตเลี้ยงอาหารเย็นเป็นการขอบคุณคุณหมอที่ช่วยชีวิตผมสักมื้อนะครับ”
“ขอบคุณสำหรับคำเชิญค่ะ ขอให้คุณหายไว ๆ นะคะ”
มายูมิยื่นชาร์ตคืนให้พยาบาล แล้วก้มศีรษะลายูจิโดยไม่ได้รับปากตามคำเชิญ ยูจิมองตามร่างมายูมิเดินออกประตูไปอย่างรู้สึกถูกใจ
นานะคุยกับพยาบาลที่วอร์ด หันไปเห็นมายูมิเดินผ่านมา
“มายูมิเธอเห็นข่าวนี้หรือยัง”
นานะกวักมือเรียก จนมายูมิต้องเดินเข้าไปหาด้วยความสงสัย
“อะไร”
พยาบาลสองคนเกี่ยงกันไปมา จนนานะทนไม่ได้ ต้องคว้านิตยสารไปให้มายูมิดู
“ข่าวซุบซิบโอะนิซึกะโซเรียวควงอยู่ดาราสาวอาคิโกะ เจ้าหญิงแห่งวงการบันเทิง” นานะบอก
“แล้วไง” มายูมิน้ำเสียงตึง
“ก็เธอเป็นว่าที่คู่หมั้นโอะนิซึกะโซเรียวไม่ใช่เหรอ”
“อ้าว... แล้วใครเป็นตัวจริงกันแน่คะ” พยาบาลสงสัย
มายูมิเอ่ยปากขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบ นิ่งมาก
“การหมั้นของฉัน เป็นแค่คำสัญญาปากเปล่าของผู้ใหญ่เท่านั้น”
มายูมิรีบเดินผละไปทันทีที่พูดจบ นานะกับพยาบาลหันมองกันเอง เหวอ ๆ เป็นต้นเหตุที่ทำให้มายูมิอารมณ์เสีย
มายูมิยืนอยู่หน้ากระจกตรงอ่างล้างมือในห้องน้ำ เธอเปิดน้ำล้างมือตัวเอง และถู ๆ มือตัวเองอย่างแรงอย่างต้องการระบายความอึดอัดภายในใจ พยาบาลสองคนเดินออกมาจากห้องน้ำด้านหลังมายูมิ ออกมาจากคนละห้อง ทั้งสองยืนล้างมือข้างมายูมิและพูดคุยกัน
“เห็นข่าวอาคิโกะเจ้าหญิงแห่งวงการบันเทิง ควง ริว โอะนิซึกะ หรือยัง”
“คู่นี้เหมาะสมกันดี เห็นแล้วอิจฉา”
“ข่าวว่าคุณริวเจ้าชู้มาก ควงสาวไม่ซ้ำหน้า แต่ยอมหยุดนิสัยเจ้าชู้เพื่อคุณอาคิโกะ”
“อร๊าย...เกิดอีกกี่ชาติ ฉันถึงจะเจอผู้ชายรักจริงอย่างนี้บ้าง”
พยาบาลทั้งสองเดินคุยกันออกไป ไม่ได้สังเกตมองมายูมิที่ยืนนิ่งตัวชาอยู่ข้าง ๆ มายูมิยื่นมือไปปิดก๊อกน้ำจนมือสั่น เงยหน้ามองตัวเองในกระจก ความรู้สึกเจ็บปวดในอดีตกลับมาตอกย้ำหัวใจอีกครั้ง
“ฉันจะลบคุณออกไปจากชีวิตได้ยังไง... ริว โอะนิซึกะ”
มายูมิเสียใจระคนเจ็บช้ำ
หอประชุมใหญ่...งานแฟชั่นโชว์การกุศล การแสดงบทเวทีได้เริ่มขึ้น ดนตรีดังกระหึ่มเรียกสายตาและความสนใจของทุกคนที่มาร่วมงานให้หันไปมองเป็นจุดเดียว นางแบบในชุดราตรียาว หลากสี หลากแบบ เดินออกมาอวดโฉมงดงาม ตามจังหวะดนตรี ผู้ชมมากมายต่างปรบมือชื่นชมนางแบบแต่ละคน
ริวนั่งเป็นประธานอยู่ข้างหน้า โดยมีโคจิ คาซูมะ มาซาโตะ นั่งขนาบข้าง ริวจำเป็นต้องปรบมือตามมารยาท ทั้งที่เบื่อหน่ายมาก โคจิสะกิดเตือนริว
“ประธานแฟชั่นโชว์การกุศลเพื่อบริจาคช่วยเด็กกำพร้า ช่วยทำหน้าให้มีความสุขหน่อยไม่ได้เหรอ”
ริวหันมาหาโคจิแกล้งทำเป็นยิ้มแย้ม ก่อนหันกลับไปทำหน้าเบื่อหน่าย ตั้งใจกวน
โคจิถอนใจมองริวอย่างเอือมระอา มาซาโตะหันมาบอกโคจิ
“ถึงคิวไฮไลท์ของงานนี้แล้ว...”
ดนตรีบนเวที เปลี่ยนจังหวะตื่นเต้นเร้าใจเป็นไฮไลท์ของงาน อาคิโกะในชุดราตรีอลังการ สวมมงกุฎสวยงามสง่าราวกับเป็นเจ้าหญิงในเทพนิยาย เดินเฉิดฉายออกมาโชว์ตัว แสงไฟจากสปอตไลต์ส่องไปที่ร่างงาม เดินโดดเด่นอย่างสง่างามอยู่บนเวทีคนเดียว มาซาโตะมองตะลึง
“อาคิโกะ คุโดซัง ลูกสาวของท่านไดกิ คุโดซัง หนึ่งในหุ้นส่วนคนสำคัญของโอะนิซึกะ”
แขกในงานต่างพากันมองตาค้าง ตะลึงในความสวยของอาคิโกะ เสียงฮือฮาและเสียงปรบมือดังลั่น นักข่าวกดชัตเตอร์ถ่ายภาพอาคิโกะด้วยความสนใจ อาคิโกะหมุนตัวพลิ้ว และส่งยิ้มหวานให้ทุกคนจนก่อนเห็นริวนั่งอยู่หน้าเวที
“ความจริงหนู อาคิโกะ สวย สง่า การศึกษาดี เหมาะสมและคู่ควรกับโซเรียวทั้งฐานะและศักดิ์ศรี” คาซูมะออกความเห็น
อาคิโกะตั้งใจเดินไปหยุดโพสต์ท่าตรงมุมที่ใกล้ริวมากที่สุด เพื่อส่งสายตาหวานซึ้งแสดงความรู้สึกบางอย่างเป็นนัย นักข่าวหลายคน หันมองตามสายตาอาคิโกะไปหาริวด้วยความสนใจ
ริวยิ้มตอบอาคิโกะตามมารยาท เพราะรู้จักคุ้นเคยกันมาเป็นอย่างดี
“แต่ว่า... โซเรียวของเรามีผู้หญิงหนึ่งเดียวในหัวใจแล้ว” โคจิพูดเบาๆ
มาซาโตะ คาซูมะ ปรายตามองริวตามโคจิ ริวได้ยินที่สามทหารเสือพูด แต่ทำหูทวนลม แกล้งไม่ได้ยิน การแสดงบนเวทีจบลง พร้อมสายรุ้งที่ถูกปล่อยลงมาสวยงาม ระยิบระยับทั่วงาน เรียกเสียงปรบมือดังสนั่นในงาน คาซูมะหันมาเตือนโคจิ
“การแสดงจบแล้ว”
โคจิเอาช่อดอกไม้ช่อใหญ่ยื่นใส่มือริว อย่างยัดเยียด
“อะไร” ริวงง
“โซเรียวต้องมอบให้คุณอาคิโกะ ในฐานะประธานจัดงานครั้งนี้
“ผมเนี่ยนะ” ริวโวย
โคจิบังคับริวด้วยสายตา
“มันเป็นหน้าที่ของประธานจัดงาน”
ริวอิดออด แต่สุดท้ายจำต้องลุกอย่างเลี่ยงไม่ได้
หน้าเวทีในงาน...ริวถือช่อดอกไม้มายื่นให้อาคิโกะหน้าเวที ท่ามกลางสายตาของแขกและนักข่าวมากมาย
“ขอบคุณที่ให้เกียรติมาร่วมงานการกุศลเพื่อช่วยเด็กกำพร้าที่บริษัทโอะนิซึกะจัดขึ้น” ริวบอกเรียบๆ
“เต็มใจและยินดีมากค่ะ”
อาคิโกะก้มลงรับช่อดอกไม้จากมือริว สายตาหวานซึ้ง พูดเสียงดังตั้งใจให้คนโดยรอบได้ยินไปทั่ว
“ขอบคุณสำหรับดอกไม้จากคนพิเศษ ของอาคิโกะนะคะ”
อาคิโกะโน้มหน้าเข้าไปหอมแก้มริว โดยที่ริวไม่ทันตั้งตัว ริวอึ้งทำตัวไม่ถูก เสียงฮือฮา ตื่นเต้นของผู้คนในงานดังขึ้นอีกครั้ง นักข่าวต่างกดชัตเตอร์ถ่ายภาพสำคัญนั้นไว้ รัวไม่หยุด อาคิโกะถือโอกาสกอดริว ยิ้มชื่นมีความสุข ให้นักข่าวมากมายถ่ายรูปราวกับยืนยันความสัมพันธ์ของเขาและเธอ
ริวจำต้องปั้นสีหน้านิ่ง ฝืนยิ้มเพื่องาน ทั้งที่รู้สึกอึดอัดใจมาก
อ่านต่อหน้า 3
รอยฝันตะวันเดือด ตอนที่ 1 (ต่อ)
ประตูห้องประชุมถูกเปิดออก กลุ่มนักข่าวถอยกรูกันออกมาพร้อมกดชัตเตอร์รัว อาคิโกะควงแขนริวออกมาถือช่อดอกไม้มาด้วยยิ้มหวานให้นักข่าว ส่วนริวยิ้มนิ่งๆไม่แสดงท่าทีใดๆ
“งานวันนี้ถือเป็นการเปิดตัวคุณอาคิโกะในฐานะคู่รักใช่มั้ยคะ”
นักข่าวต่างยื่นไมค์และเครื่องอัดเสียงไปให้ริวตอบคำถาม คัตสึและเซกิเข้ามากันนักข่าวออก แต่ริวพยักหน้าอนุญาต ทั้งสองเลยกันแค่ไม่ให้เข้าใกล้ริวมากไป
“วันนี้ก็แค่งานเปิดตัวสินค้า” ริวบอกเรียบนิ่ง
“แล้วที่หอมแก้มกันบนเวทีล่ะคะ”
อาคิโกะรีบออกตัวตอบแทน
“เป็นการขอบคุณสำหรับดอกไม้ค่ะ จริงๆ เราก็ขอบคุณกันแบบนี้เป็นปกติอยู่แล้ว” อาคิโกะยิ้มอายๆ
นักข่าวต่างฮือฮา อาคิโกะยิ่งทำท่าเขินอายแต่ริวกลับนิ่งไม่แสดงอาการใดๆ
“สนิทสนมขนาดนี้แสดงว่าคบกันอยู่จริงๆ ใช่มั้ยคะ”
อาคิโกะยิ่งออกอาการเขินอายมากขึ้น ส่วนริวนิ่ง เซกิเข้ามาขัดจังหวะ
“ห้องรับรองพร้อมแล้วครับโซเรียว”
คัตสึบอกกับนักข่าว
“ขอทางด้วยครับ”
คัตสึและเซกิกันนักข่าวออกเพื่อให้ริวและอาคิโกะเดินไปที่ห้องรับรอง แต่นักข่าวยังตื้อจะสัมภาษณ์อีก
ทางเดินไปห้องรับรอง...ชายชุดดำคนหนึ่ง ใส่แว่นดำอำพรางใบหน้า ซุ่มมองริวและอาคิโกะอยู่ ชายชุดดำล้วงมือเข้าไปกระเป๋าเสื้อแจ็คเก็ตเพื่อหยิบมีดพกออกมา เซกิหันมามองที่กลุ่มนักข่าวอีกครั้ง แต่ไม่เห็นชายชุดดำในกลุ่ม คัตสึกำลังเปิดประตูห้องรับรองให้ริวและอาคิโกะ แต่กลุ่มนักข่าวเข้ามารุมขอถ่ายรูปอีก
“ขอรูปคู่อีกรูปนะครับ”
อาคิโกะดึงตัวริวให้มาถ่ายรูปแล้วโพสท่าซบไหล่ริวแสดงความเป็นเจ้าของสุดๆ ส่วนริวยิ้มพอเป็นพิธี ชายชุดดำกำมีดไว้ในมือแล้วพุ่งเข้าไปหาริวทันที คัตสึหันมาเห็นตะโกน
“โซเรียวระวัง”
ริวและอาคิโกะหันมาเห็นชายชุดดำพุ่งเข้ามาพร้อมง้างมีดจะแทงริว อาคิโกะตกใจกรี๊ดลั่น คัตสึเข้าขวางจะล็อคตัวชายชุดดำ แต่ชายชุดดำเอี้ยวตัวหลบและวาดปลายมีดถากแขนคัตสึไป เซกิพุ่งมาจากอีกทางแล้วล็อคตัวชายชุดดำไว้ ชายชุดดำศอกกลับแล้วหมุนตัวหลุดจากเซกิพร้อมสวนหมัดไปทันที เซกิเสียหลัก
ชายชุดดำพุ่งเข้าไปหาริวทันที ริวผลักอาคิโกะให้หลบไป แล้วตั้งรับพร้อมสู้กับชายชุดดำ ทันใดนั้นมีมือผู้ชายคนหนึ่งพุ่งมาขวางทางริว พร้อมจับข้อมือชายชุดดำไว้ ไทชิ บอดี้การ์ดคนใหม่บิดมือชายชุดดำไพล่หลังทันที มีดพกตกลงไปที่พื้น ไทชิเตะมีดพกให้กระเด็นออกไปอีกทาง ชายชุดดำอาศัยจังหวะเบี่ยงตัวหลุดจากไทชิแล้วสู้กลับ ไทชิหลบหลีกหมัดของชายชุดดำได้อย่างคล่องแคล่ว พร้อมทั้งสู้สวนกลับไปทันที ไทชิล็อคตัวชายชุดดำไว้กับพื้นโดยใช้มีดพกของชายชุดดำจี้ไว้ที่คอ
“พาตัวไปส่งตำรวจ” ริวบอกกับคัตสึ
ไทชิลุกขึ้นพร้อมดึงตัวชายชุดดำขึ้นมา คัตสึและเซกิเข้าช่วยล็อคตัวชายชุดดำไว้ นักข่าวยิ่งฮือฮากดชัตเตอร์รัวเก็บภาพตามคัตสึและเซกิไป ไทชิหน้าเสีย
“ผมขอโทษที่ปล่อยให้คนเข้ามาทำร้ายโซเรียว”
“ทำดีแล้วไทชิ...แต่ระวังไว้อย่าง ถ้ามีนักข่าวหรือชาวเมืองทั่วไปอยู่ด้วย เราต้องเลี่ยงการใช้อาวุธทุกชนิด อย่าให้ใครพูดว่าโอะนิซึกะทำตัวเหนือกฎหมาย”
“ครับโซเรียว...”
ริวเดินนำเข้าไปในห้องรับรอง ไทชิหันมาเจออาคิโกะที่ยืนหลบอยู่
“เชิญครับคุณอาคิโกะ”
ไทชิโค้งศีรษะให้อาคิโกะเล็กน้อย อาคิโกะเหลือบมองไทชิด้วยหางตาอย่างหยิ่งๆ แล้วรีบตามริวไป
อีกมุมหนึ่ง...โคจิ มาซาโตะ คาซุมะสามทหารเสือของโอะนิซึกะยืนมองเหตุการณ์อยู่ โคจิพยักหน้าพอใจ
“ไทชิ คูกิ...ลูกชายคนเดียวของมากิ คูกิ อดีตองครักษ์ของท่านอิจิโร่”
มาซาโตะชื่นชม
“ฝีมือไม่แพ้พ่อเลย สมแล้วที่ท่านอิจิโร่ส่งให้ไปเรียนการอารักขาในโตเกียว”
“ว่องไว รอบคอบ ไว้ใจได้แบบนี้ถึงจะแทนที่ทาโร่ ลูกชายของท่านโคจิได้” คาซุมะเสริม
โคจินิ่งไปสักพักเมื่อนึกถึงท่าโร่ลูกชายคนเดียวตัวเอง แล้วพยักหน้าเห็นด้วย
“แต่ฝีมือจะดีแค่ไหนก็อย่าชะล่าใจ พวกคลื่นใต้น้ำที่คิดจะทำลายโซเรียวและโอะนิซึกะยังมีอยู่เยอะ”
ทั้งสามคนหันไปมองที่ไทชิอีกครั้ง
ไทชิยืนอยู่หน้าห้องรับรองแล้วมองเข้าไปในห้องด้วยแววตาเศร้าๆ เมื่อพบว่าอาคิโกะกำลังเทน้ำชาเอาใจริวอยู่
ริวมีสีหน้านิ่งเรียบดูเย็นชาต่างจากที่ให้นักข่าวถ่ายรูปอย่างสิ้นเชิง อาคิโกะนั่งลงข้างๆริวแล้วมองช่อดอกไม้ที่วางอยู่ใกล้ๆ
“ขอบคุณสำหรับดอกไม้นะคะ ฉันชอบมากเลย”
ริวนิ่งไม่โต้ตอบไม่สนใจอาคิโกะแม้แต่น้อย
“เหนื่อยเหรอคะริว งั้นฉันนวดให้นะคะ”
อาคิโกะกำลังจะเอื้อมมือไปปลดเนคไทให้ แต่ริวชิงปลดเนคไทเอง อาคิโกะชะงักไป
“ที่คุณทำบนเวทีมันไม่เหมาะสม ทีหลังอย่าทำแบบนี้อีก”
“ไม่เหมาะยังไง ฉันก็แค่ขอบคุณสำหรับดอกไม้”
อาคิโกะขยับตัวจะซบไหล่ แต่ริวขยับตัวหนี
“อาคิโกะ คุโด นางเอกเบอร์หนึ่งของประเทศ มาถูกเนื้อต้องตัวกับผู้ชายแบบนี้เสียภาพพจน์เปล่าๆ”
“ฉันไม่สน หอมแก้มแค่นี้เล็กน้อยจะตาย ถ้าเทียบกับที่คุณเคยช่วยฉันไว้”
ค่ำคืนหนึ่งในอดีต...ในห้องรับรองร้านอาหารหรู อาคิโกะในชุดกิโมโน ท่าทางกลัวๆ แต่พยายามเก็บอาการไว้ เธอนั่งอยู่ข้างๆ โมโตรุ นักการเมืองวัย 60 ปีที่โอบไหล่อยู่แล้วหัวเราะชอบใจ ในห้องรับรอง นักการเมืองอีก 3 คนกำลังได้รับการเอาใจจากสาวๆ ในชุดยูกาตะที่หลุดหลุ่ยดูเซ็กซี่
“ท่านบอกว่าจะนัดมาคุยเรื่องออกทุนสร้างหนัง จะให้ฉันเป็นนางเอก” อาคิโกะกลัวๆ
โมโตรุกะลิ้มกะเหลี่ย
“เรื่องงานไว้คุยกันทีหลัง ตอนนี้เธอต้องดูแลฉันก่อน”
โมโตรุโอบตัวอาคิโกะมาใกล้แล้วจะหอมแก้มแต่เธอเบี่ยงตัวหนี
“อย่านะ ฉันไม่ได้มาเพื่อทำแบบนี้”
โมโตรุไม่สนใจพยายามลวนลามอีก คนอื่นๆ ในห้องมองแล้วก็หัวเราะชอบใจ อาคิโกะสู้แรงโมโตรุไม่ไหว โดนหอมแก้มและพยายามจะลวนลามอีก อาคิโกะยิ่งหน้าเสีย ทันใดนั้นฉากกั้นห้องอาหารก็ถูกเลื่อนเปิดออก ริวเดินออกมาด้วยมาดเท่ๆ ขรึมๆ น่าเกรงขาม โมโตรุตกใจ
“โอะนิซึกะโซเรียว”
ริวเหลือบมองที่อาคิโกะเล็กน้อย แล้วยิ้มทักทายโมโตรุ
“สวัสดีครับท่านโมโตรุ”
โมโตรุเห็นริวก็ปล่อยมือจากอาคิโกะ สาวๆคนอื่นรีบผละจากนักการเมืองทั้งสามอย่างกลัวๆ โมโตรุและนักการเมืองทั้งสามท่าทีเกรงๆริว
“ไม่นึกว่าจะได้เจอโอะนิซึกะโซเรียวที่นี่”
“แต่ผมไม่แปลกใจที่เจอท่านรัฐมนตรีที่นี่ กับสาวสวยเหล่านี้”
“สาวๆพวกนี้เต็มใจมา ผมไม่ได้บังคับ”
“ดีแล้ว...จะได้ไม่มีข่าวลงหน้าหนึ่งอีกว่าท่านหลอกสาวๆ มาทำเรื่องไม่ดี”
โมโตรุและนักการเมืองหน้าเสียไป ริวโค้งศีรษะให้โมโตรุเล็กน้อย
“ผมขอตัว และขออนุญาตพาคนของผมกลับไปด้วย”
ริวมองไปที่อาคิโกะแล้วพยักหน้าให้ อาคิโกะยิ้มดีใจรีบลุกขึ้นจะไปหาริว แต่โมโตรุรั้งไว้
“เธอเป็นผู้หญิงของโซเรียว”
“อาคิโกะเป็นญาติของหุ้นส่วนในโอะนิซึกะ ผมถือว่าเธอเป็นคนในครอบครัวของผม”
โมโตรุอึ้งช็อคไปที่ไปยุ่งกับคนของริว อาคิโกะสะบัดมือโมโตรุออกแล้วรีบวิ่งไปหาริวทันที ริวเหลือบมองอาคิโกะ ยิ้มให้อย่างอ่อนโยนก่อนจะจ้องกลับไปที่โมโตรุอย่างเขร่งขรึมอีกครั้ง อาคิโกะจ้องมองริวด้วยแววตาปลาบปลื้มและหลงรักริวเข้าแล้ว
ปัจจุบัน...อาคิโกะยิ้มให้ริว
“ถ้าวันนั้นไม่ได้คุณช่วยไว้ ฉันคงแย่ไปแล้ว”
“ผมรับปากพ่อคุณไว้ว่าจะช่วย ผมก็แค่ทำตามคำพูด”
“ทุกคนที่ช่วยฉันหวังผลตอบแทนกันทุกคน ยกเว้นคุณ...”
อาคิโกะขยับตัวซบไหล่ริวแล้วค่อยๆ ไล้มือจากไหล่ของเขามาที่คอแล้วไล้ลงมาที่กระดุมเสื้อของเขา
“คุณไม่เคยทำร้ายความรู้สึก ไม่เคยทำร้ายจิตใจฉัน คุณทะนุถนอมดูแลฉันมาตลอดหลายปี”
อาคิโกะกำลังจะกลัดกระดุมเสื้อเขาออก แต่ริวจับมือเธอไว้
“ผมต้องดูแลคนในโอะนิซึกะทุกคน”
ริวผละออกจากอาคิโกะอย่างไม่สนใจใยดี ไทชิเปิดประตูเข้ามา
“รถพร้อมแล้วครับโซเรียว”
ริวพยักหน้าแล้วเดินออกไปทันที อาคิโกะมองไทชิไม่พอใจที่เข้ามาขัดจังหวะแล้วรีบตามริวออกไป ไทชิมองตามอาคิโกะกับริวเศร้าๆ
เขามีความหลังกับอาคิโกะโดยไม่มีใครรู้
ภายในห้องรับแขกบ้านอาคิโกะ มีภาพถ่ายขาวดำของอิจิโร่พ่อของทาเคชิ และไดกิติดอยู่ที่ผนัง ไดกิโค้งศีรษะให้ริวอย่างรู้สึกผิด
“ผมขอโทษแทนลูกสาวด้วย ที่ทำให้โซเรียวต้องลำบากมาส่งถึงบ้าน”
ริวรีบเข้าไปจับไหล่ไดกิให้ยกตัวขึ้นจากการโค้ง
“อาไดกิครับ...อาคิโกะมาเดินแฟชั่นโชว์ให้ผมโดยไม่คิดค่าตัว มาส่งแค่นี้ถือว่าเป็นการตอบแทนน้ำใจ”
“โซเรียวไม่จำเป็นต้องตอบแทนอะไรพวกผมเลย”
“พ่อผมบอกเสมอ...คุณอาคือหนึ่งในรากฐานที่สำคัญของโอะนิซึกะ ถ้าไม่ได้คุณอาช่วยงานมาตั้งแต่แรก โอะนิซึกะก็จะไม่ยิ่งใหญ่เหมือนทุกวันนี้”
เสียงเลื่อนประตูดังขึ้นพร้อมกับเสียงอาคิโกะดังมา
“ขอโทษที่ให้รอค่ะ”
อาคิโกะในชุดยูกาตะสวยงามเกล้าผมเรียบร้อย เข้ามาพร้อมอุปกรณ์ชงชา เธอลงนั่งอย่างอ่อนช้อยแล้วเริ่มชงชาให้ริวอย่างถูกต้องและท่าทางสวยงาม อาคิโกะตักชาเขียวป่นลงในถ้วยชา แล้วตัดน้ำร้อนจากหม้อต้มใส่ลงไป จากนั้นใช้ไม้สำหรับคนชาคนจนเป็นฟอง แล้วส่งถ้วยชาให้ ริวรับถ้วยมาแล้วค่อยๆยกขึ้นดื่ม
“อาคิโกะยังชงชาได้ดีเสมอ...โชคดีมากที่คุณอามีลูกสาวเก่งรอบด้าน”
ไดกิโค้งศีรษะรับคำ อาคิโกะยิ้มภูมิใจ
“ผู้หญิงมีภาระที่สำคัญ...นอกจากตอบแทนบุญคุณพ่อแม่แล้ว เรายังต้องพร้อมจะเป็นภรรยาที่ดีของสามีค่ะ”
อาคิโกะส่งสายตาให้ริวรู้ว่าเธอพร้อมจะเป็นภรรยาของเขา แต่ริวนิ่งไม่แสดงอาการใดๆ
ขบวนรถของริวขับออกไปจากบ้าน ไดกิก้มหัวส่งริวออกไปแล้วจึงหันมาทางไอโกะด้วยท่าทางไม่พอใจ
“อย่าทำตัวเสมอโซเรียวแบบวันนี้อีก”
“คนรักกัน จะไม่ให้สนิทกันได้ยังไงคะ”
“โซเรียวไม่เคยพูดว่าลูกเป็นคนรัก อย่าคิดไปเอง”
“ไม่เคยพูดแต่ก็ไม่เคยปฏิเสธ พ่อก็แปลกคน แทนที่จะดีใจที่มีลูกสาวเป็นคนรักโอะนิซึกะโซเรียว ต่อไปถ้าหนูได้เป็นโอะคะมิซัง พ่อจะสบายไปทั้งชาติ”
“อย่าหวังสูงขนาดนั้น โซเรียวมีคู่หมั้นอยู่แล้ว ลูกก็รู้”
อาคิโกะยักไหล่ไม่สนใจ
“ก็แค่ว่าที่ ยังไม่ได้หมั้นสักหน่อย ผ่านมา 7 ปี ริวไม่เคยพูดถึงผู้หญิงคนนั้นเลย”
“อาคิโกะ ยิ่งตื่นจากความฝันช้ามากเท่าไหร่ มันจะยิ่งทำให้ลูกเจ็บมากขึ้นเท่านั้นนะ”
“อาคิโกะไม่ใช่ความฝันค่ะ หนูเป็นความจริงของ ริว โอะนิซึกะ”
อาคิโกะสีหน้าและแววตามั่นใจในตัวเองมาก
ในห้องพักคนไข้...ยูจิยิ้มอารมณ์ดี มายูมิกำลังตรวจดูรอยแผลที่ถูกยิง พร้อมทั้งรอยแผลอื่นๆ ตามตัว
“อีกสองอาทิตย์ค่อยนัดเข้ามาตัดไหมนะคะ”
มายูมิหยิบชาร์ทขึ้นมาเขียนรายงานไปแล้วคุยกับยูจิไปด้วย
“ช่วงนี้งดออกกำลังกายหนักๆ ส่วนยาเดี๋ยวพยาบาลจะเอามาให้ตอนกลับบ้าน มีอะไรสงสัยมั้ยคะ”
“ไม่มีครับ แค่รู้สึกใจหาย”
มายูมิชะงัก
“ใจหาย”
“ใจหายที่จะไม่มีหมอมาตรวจทุกเช้าอีกแล้ว” ยูจิยิ้มขรึมๆ
มายูมิอึ้งเหวอไปแล้วค่อยๆ ผละถอยจากยูจิ พยาบาลแอบยิ้มขำที่มายูมิโดนยูจิจีบ มายูมิพยายามเปลี่ยนเรื่องพูด
“ไม่มีอาการผิดปกติแล้วนะคะ”
มายูมิส่งชาร์ทให้พยาบาล
“ถ้าคนไข้ใจสั่นทุกครั้งที่เห็นหน้าใครบางคน หมอถือว่าผิดปกติมั้ยครับ”
ยูจิกำลังจะพูดต่อ แต่มาซารุเปิดประตูห้องเข้ามาพอดี มายูมิโค้งศีรษะให้มาซารุ
“คุณหมอนี่เองที่ช่วยชีวิตลูกชายผมไว้ ขอบคุณมากครับ”
มาซารุโค้งศีรษะขอบคุณ มายูมิโค้งตัวรับคำขอบคุณอย่างนอบน้อม
“เป็นหน้าที่ของฉันอยู่แล้วค่ะ”
มายูมิเงยตัวขึ้นแล้วยิ้มให้มาซารุและยูจิ
“ฉันขอตัวนะคะ”
มายูมิออกไปพร้อมพยาบาล ยูจิชะเง้อมองตามไปอย่างเสียดาย มาซารุเห็นก็ปราม
“จะทำอะไรก็คิดให้ดี นั่นไม่ใช่คนที่ลูกควรสนใจ”
“ทำไมครับ”
“มายูมิ ทากาฮาชิ เป็นว่าที่คู่หมั้นของ ริว โอะนิซึกะ”
ยูจิได้ยินชื่อริวก็อึ้งนิ่งไป
ตกตอนกลางคืน ริวเดินอธิบายเส้นทางต่างๆ ให้ไทชิฟังอยู่ในบริเวณสวนบ้านโอะนิซึกะ
“ฉันจะเปลี่ยนเส้นทางการเดินทางทุกวัน ไม่กำหนดล่วงหน้าว่าจะไปทางไหนเพื่อความปลอดภัย”
ริวส่งเอกสารชุดหนึ่งให้ไทชิ
“ตารางงานของฉันจะสรุปเป็นรายวัน นี่คือนัดหมายของวันพรุ่งนี้”
ไทชิรับตารางนัดหมายมาดู
“ห้ามให้ใครรู้ตารางของฉันเด็ดขาด”
“ครับโซเรียว”
ริวเดินกลับเข้าไปในบ้าน ไทชิมองตารางนัดหมาย
เช้าวันใหม่...ไทชิขี่จักรยานไปยังบ้านไดกิ ด้านหน้าจักรยานมีกล่องเบนโตะผูกผ้าสวยงามอยู่ด้วย ไทชิดูยิ้มแย้มสบายใจในสิ่งที่ตัวเองกำลังทำอยู่
บริเวณบ้านไดกิ...ประตูหน้าบ้านเปิดออก คนใช้ในบ้านก้มหัวต้อนรับไทชิอย่างคุ้นเคย
“คุณไทชิ...มาตรงเวลาทุกเช้าเลยนะคะ”
ไทชิยิ้มๆ ขี่จักรยานเข้าไปภายในบริเวณบ้าน
อาหารเช้าสไตล์ญี่ปุ่นพื้นบ้านถูกจัดอยู่ในกล่องเบนโตะสวยงาม ไทชิจัดวางกล่องเบนโตะให้ไดกิอยู่ในห้องรับประทานอาหาร ไดกิเดินเข้ามา สีหน้าเมตตาและคุ้นเคยกับไทชิเป็นอย่างดี
“วันนี้ไม่ทานด้วยกันหรือไทชิ”
“ผมทานเรียบร้อยแล้วครับ พอดีโซเรียวมีงานแต่เช้า”
“ต่อไปไม่ต้องลำบากเอาอาหารเช้ามาให้อากับอาคิโกะหรอก แค่ตามอารักขาโซเรียวก็เหนื่อยแย่แล้ว”
“ไม่ได้หรอกครับ... ตั้งแต่พ่อกับแม่ผมจากไป มีแต่คุณอาที่เลี้ยงผมเหมือนลูกแค่นี้ถือเป็นเรื่องเล็กน้อยครับ”
ไดกิพยักหน้ายิ้มๆ ภูมิใจในตัวไทชิมากที่เป็นคนกตัญญู ไทชิหยิบกล่องเบนโตะอีกกล่องมาจัดวาง ในกล่องเป็นอาหารอีกเซ็ทที่เป็นผลไม้ สลัดผัก เป็นอาหารที่ไม่อ้วนสำหรับอาคิโกะ
“ขึ้นไปตามอาคิโกะมาทานอาหารเช้าสิ ป่านนี้น่าจะแต่งตัวเสร็จแล้ว”
“ขออนุญาตนะครับคุณอา” ไทชิก้มหัว
“ไปเถอะ...แหม ทำตัวเหมือนเป็นคนอื่นคนไกล”
ไทชิยิ้มๆ กับไดกิ ก่อนจะเดินออกไป
ไทชิเดินขึ้นมาที่หน้าห้องอาคิโกะ กำลังจะเคาะประตู แต่จู่ๆ อาคิโกะเปิดประตูห้องออกมา
“มาแล้วเหรอ”
ไทชิเงยหน้าขึ้นมามองที่อาคิโกะแล้วชะงักไปเห็นอาคิโกะในชุดคลุมที่ใส่ไว้แบบหลวมๆ ดูเซ็กซี่ ไทชิรีบหลบตามองไปทางอื่นอย่างเกรงใจ อาคิโกะยิ้มหวานเดินเข้าไปหาอย่างอารมณ์ดี ท่าทางผิดกับเมื่อวาน
“ทำไมวันนี้มาส่งอาหารเช้าให้ฉันเร็วจัง”
ไทชิมองอาคิโกะแล้วนึกน้อยใจ
“ไม่วางตัวเป็นเจ้านายกับลูกน้องอย่างเมื่อวานแล้วเหรอ”
“อยู่ต่อหน้าริวจะให้ทำตัวสนิทกับเธอได้ยังไง มันไม่เหมาะสม”
ไทชินิ่งไม่พอใจ อาคิโกะเข้าไปจัดเสื้อผ้าให้ไทชิหวังอ้อนให้หายโกรธ
“โอเค...ต่อไปเวลาเจอหน้ากัน ฉันจะไม่ทำเมินเฉยกับเธอก็ได้”
ไทชิเห็นท่าทางอ้อนของอาคิโกะก็ยิ้มออก
“วันนี้ฉันเอาสลัดผักกับผลไม้มาให้ เธอมีถ่ายแบบตอนเช้าใช่มั้ย”
“รู้ใจฉันที่สุดเลย...เคยดูแลฉันมายังไงก็ไม่เคยเปลี่ยน”
“ทำอยู่ทุกวัน ถ้าจู่ๆ ไม่ทำก็คงแปลก”
“นี่...ฉันให้...”
อาคิโกะยื่นดาบตันโตะสำหรับผู้ชายให้ไทชิ
“ยินดีด้วยที่ได้เป็นองครักษ์ของริว...ชอบมั้ย”
ไทชิรับดาบมาดูแล้วพยักหน้าให้
“ปกป้องว่าที่สามีฉันด้วยนะ แล้วต่อไปเธอต้องมาบอกฉันทุกวันว่าริวมีตารางงานที่ไหนบ้าง”
ไทชิชะงักสีหน้าเปลี่ยนไปทันที
“บรรพบุรุษของเราต้องภูมิใจมากที่เธอได้เป็นองครักษ์ของโอะนิซึกะโซเรียว...ส่วนฉัน อีกหน่อยก็จะได้เป็นโอะคะมิซัง”
อาคิโกะยิ้มภูมิใจในตัวเอง ไทชิมองอาคิโกะเศร้าๆ
อ่านต่อหน้า 4
รอยฝันตะวันเดือด ตอนที่ 1 (ต่อ)
ภายในห้องทำงานของผบ.ตร. เวลานี้ นายตำรวจ 2 นายกำลังช่วยกันเลื่อนชั้นวางเอกสารให้เข้าที่ ฮิโระเข้ามาในห้อง ลูกน้องทั้งสอง รีบทำความเคารพ
“จัดห้องเรียบร้อยรึยัง”
“เรียบร้อยแล้วครับท่านรอง”
“เอาแฟ้มคดีพวกนี้วางไว้บนโต๊ะด้วย ท่านผู้บัญชาการมาถึงจะได้เซ็นเลย”
ฮิโระส่งแฟ้มคดีให้ลูกน้องไปวางที่โต๊ะทำงานของผบ.ตร.
“ความจริงท่านฮิโระควรจะได้ขึ้นเป็นผู้บัญชาการคนใหม่ต่อจากท่านโอะซามุไม่ใช่เหรอครับ”
“นั่นสิ...ทำไมจู่ๆ คนอื่นถึงได้ตำแหน่งไป” อีกคนสงสัย
“สำหรับฉัน...ตำแหน่งและอำนาจไม่ใช่เรื่องสำคัญ ท่านโอะซามุสอนเสมอว่าสิ่งสำคัญที่สุดสำหรับตำรวจอย่างเรา คือต้องเป็นที่พึ่งสำหรับประชาชนยืนอยู่ข้างความถูกต้อง”
ฮิโระพูดด้วยน้ำเสียงและแววตาเครียดๆ
ตำรวจทยอยมายืนเข้าแถวที่โถงทางเข้า สำนักงานตำรวจ อย่างตื่นเต้นและอยากรู้อยากเห็น มาซารุในเครื่องแบบตำรวจเต็มยศ ผู้บัญชาการตำรวจเดินเข้ามา
“ทั้งหมดทำความเคารพ” ฮิโระสั่งเสียงเข้ม
ฮิโระและนายตำรวจทั้งหมดทำความเคารพมาซารุอย่างพร้อมเพรียงกัน มาซารุยิ่งยิ้มพอใจ ฮิโระโค้งตัวแสดงความยินดีกับมาซารุ
“ขอแสดงความยินดี ที่ท่านได้รับตำแหน่งผู้บัญชาการครับ”
“เรื่องยินดีเอาไว้ทีหลัง พวกเรามีเรื่องสำคัญต้องทำ”
ฮิโระและนายตำรวจคนอื่นมองหน้ากันงงๆ ว่ามาซารุจะทำอะไร
“จัดเตรียมกองกำลังไปกับฉัน”
“ไปไหนครับ” ฮิโระแปลกใจ
“จับตัวคนร้ายที่ฆ่าท่านโอะซามุ”
มาซารุสีหน้าและแววตาจริงจังมาก
ในขบวนรถตำรวจ...ฮิโระนั่งอยู่ข้างมาซารุ อย่างไม่ค่อยเข้าใจนัก
“ท่านรู้ว่าใครฆ่าท่านโอะซามุ”
“รู้มากกว่านั้นอีก...ฉันรู้ว่าใครอยู่เบื้องหลังทั้งหมด คนของฉันเพิ่งจับไอ้ฆาตกรได้ มันซัดทอดไปถึงคนบงการแล้ว”
“ใคร...”
มาซารุไม่ตอบ มองไปยังทางเบื้องหน้า
ในห้องตั้งป้ายบรรพบุรุษ บ้านโอะนิซึกะ...ริวนั่งอยู่ต่อหน้าป้ายบรรพบุรุษ แล้วโค้งศีรษะ ก้มตัวลงทำความเคารพต่อวิญญาณทุกดวงที่เสียชีวิต ริวมองไปยังป้ายชื่อของอิจิโร่...เขามองดาบประจำตระกูลแล้วมองไปยังป้ายชื่อทาเคชิ ริวค่อยๆ หลับตาลงพยายามสงบสติอารมณ์ของตัวเองไม่ให้เสียใจไปกับเรื่องราวที่ผ่านมา
มาซารุและโคจิยืนประจันหน้ากันอยู่ที่โถงบ้านโอะนิซึกะโดยมีฮิโระและเหล่าตำรวจรายล้อม โคจิรายล้อมไปด้วย ไทชิ คัตสึ และเซกิ
“โซเรียวยังไม่สะดวกให้เข้าพบ” โคจิพูดเรียบนิ่ง
“เราจะควบคุมตัว ริว โอะนิซึกะ ไปสอบสวน” มาซารุเสียงเข้ม
“ข้อหาอะไร”
โคจิหันไปทางฮิโระด้วยสายตาสงสัย ฮิโระลำบากใจที่จะพูดออกมาเป็นอย่างยิ่ง
“จ้างวานฆ่าผู้บัญชาการตำรวจโอะซามุ”
โคจิอึ้งไป พยายามเก็บอาการ ไม่ยอมให้มาซารุบุกไปหาริว
“โซเรียวทำธุระส่วนตัวอยู่ ถ้าจะพบ...ต้องรอ”
มาซารุทำเหมือนกำลังจะบุกเข้าไป แต่โดนคนของโคจิขวางไว้ ออกอาการเหมือนกำลังจะลุยกันแล้ว
“โอะนิซึกะทำเหมือนถ่วงเวลา รอให้โซเรียวหลบหนี”
“โอะนิซึกะโซเรียวไม่เคยหนี”
“งั้นก็หลีกไป”
มาซารุตั้งท่าจะบุกเข้ามา คัตสึและเซกิชักดาบขวางทางไว้ทันที
“ถ้าโซเรียวไม่อนุญาตก็เข้าพบไม่ได้” โคจิเสียงเข้ม
“บ้านเมืองมีกฎหมาย...จะใช้อาวุธกับเจ้าหน้าที่แบบนี้ได้ยังไง”
ทันใดนั้นเสียงริวดังขึ้น
“เก็บดาบ”
ริวยืนอยู่ที่ทางเข้าห้องโถง ท่าทางไม่เกรงกลัวมาซารุแม้แต่น้อย พวกคัตสึจำใจทำตามที่ริวสั่ง ฮิโระพูดขึ้น
“อย่าขัดคำสั่งเจ้าพนักงานเลยครับโอะนิซึกะโซเรียว เราต้องการสอบสวนเท่านั้น”
“ผมยินดีให้ควบคุมตัว ถ้าพวกคุณมีหลักฐานยืนยันว่าเป็นผมเป็นคนจ้างวานฆ่าท่านโอะซะมุจริงๆ”
ริวจ้องหน้ามาซารุด้วยแววตาที่ไม่เกรงกลัวเลยแม้แต่น้อย
ในห้องสอบปากคำ มาซารุเป็นคนสอบสวนริว อีกห้องหนึ่งที่ฮิโระสอบสวนโซว
“โอะนิซึกะเปลี่ยนไปตั้งแต่มิซาว่าล่มสลาย ริว โอะนิซึกะ คิดเป็นใหญ่คับฟ้าพอท่านโอะซามุได้รับคำสั่งให้กวาดล้างอิทธิพลเถื่อน โอะนิซึกะก็เริ่มมีปัญหา” โซวให้การ
ในห้องสอบสวนริว มาซารุสอบสวนมีแฟ้มเอกสารหลายแฟ้มวางเรียงอยู่
“ผมไม่มีเหตุผลที่จะฆ่าท่านโอะซามุ เราร่วมมือกับทางตำรวจมาตลอด”
“ร่วมมือหรือคิดจะอยู่เหนือตำรวจกันแน่” มาซารุถามเยาะๆ
“เราไม่เคยอยู่เหนือกฎหมาย เราแค่ช่วยดูแลบ้านเมืองให้สงบสุข”
“นั่นเป็นหน้าที่ของตำรวจ ไม่ใช่พวกมีอิทธิพลเถื่อน”
“โอะนิซิกะเป็นสายเลือดซามูไรคุ้มครององค์จักรพรรดิ เราไม่เคยใช้อิทธิพลเถื่อน” ริวบอกอย่างหนักแน่น
โซวให้ปากคำกับฮิโระ
“ริวสั่งเก็บท่านโอะซามุเพราะต้องการให้ทุกคนเกรงกลัว”
“โอะนิซึกะมีคนมากมาย ทำไมต้องใช้มือปืนรับจ้างอย่างแก” ฮิโระถามอย่างไม่เชื่อ
“ต้องใช้คนนอก ท่านโอะซามุจะได้ไม่รู้ตัว” โซวตอบทันที
มาซารุสอบสวนริว
“แค่คำพูดจากปากคน...จะพูดยังไงก็พูดได้” มาซารุยิ้มหยัน
“ถ้าคิดว่ากล้าคุมตัวโอะนิซึกะโซเรียวมาเพราะหลักฐานแค่นั้น คุณคิดผิดแล้ว”
มาซารุหยิบกล่องใส่หลักฐานมา
“พยานบุคคลอาจจะให้การเท็จ แต่พยานวัตถุพูดแต่ความจริงเท่านั้น”
มาซารุหยิบซองหลักฐานที่ปืนกระบอกหนึ่งมาวางตรงหน้าริว
“นี้คืออาวุธที่ฆ่าท่านโอซามุ ทั้งปลอกกระสุน ทั้งตัวปืนมีตราของโอะนิซึกะ”
มาซารุพลิกซองหลักฐานอีกด้านขึ้นมา เห็นตราประจำตระกูลโอะนิซึกะที่สลักไว้ที่ด้ามปืน ริวเห็นหลักฐานแล้วอึ้งนิ่งไป
มายูมิยืนอยู่ที่เคาท์เตอร์ ฟังพยาบาลที่อ่านตารางตรวจคนไข้ให้รู้
“วันนี้เหลือคนไข้อีกแค่ 2 รายค่ะ”
นานะวิ่งหน้าตาตื่นเข้ามาหามายูมิ
“มายูมิ...รู้ข่าวโอะนิซึกะโซเรียวหรือยัง”
“ฉันบอกแล้วไงว่าเขาจะเปลี่ยนคู่ควงอีกกี่สิบคนฉันก็ไม่สน”
มายูมิจะเดินไปห้องคนไข้
“โอะนิซึกะโซเรียวโดนจับข้อหาจ้างวานฆ่าอดีตผู้บัญชาการตำรวจ”
มายูมิอึ้งช็อคไปทันที ชะงักไม่เดินต่อ
“ข่าวออกเมื่อตอนบ่าย เห็นว่าโดนคุมตัวไปที่สำนักงานตำรวจ แต่ยังไม่มีใครออกมายืนยันเรื่องนี้”
มายูมิมีสีหน้าเป็นห่วงริว นานะสังเกตเห็น
“โอะนิซึกะโซเรียวน่าจะได้ประกันตัว ถ้าเธอเป็นห่วงก็ไปหาเขาสิ”
มายูมิรีบปรับสีหน้าทันที
“ทำไมฉันต้องเป็นห่วง”
“ก็เขาเป็นคู่หมั้น...” มานะนึกได้ “เอ้อ...ว่าที่คู่หมั้น”
มายูมิจ้องหน้านานะไม่พอใจ
“ไม่พูดก็ได้...” มานะมองทางด้านหลังแล้วอมยิ้ม “ถ้าไม่มีใจให้โอะนิซึกะโซเรียวแล้วจริงๆ ก็ลองเปิดใจให้คนข้างหลังเธอบ้างนะ” มานะกระซิบยิ้มๆ “คนนี้ฉันเชียร์”
นานะพูดจบก็ชี้มือไปทางด้านหลัง มายูมิงงๆ กับอาการของนานะแล้วหันไปมองด้านหลัง...ไกลออกไป ยูจิกำลังเดินเข้ามาในมือถือช่อดอกลิลลี่สีขาว 3 ดอกจัดช่อง่ายๆ ยูจิใส่เสื้อโค้ทยาวดูเท่มาก มายูมิเห็นยูจิก็อึ้งๆงงๆ
ในสวนโรงพยาบาล...ยูจิยื่นช่อดอกลิลลี่ให้มายูมิ
“สำหรับที่คุณหมอคนเก่งที่ช่วยชีวิตผมไว้”
“ขอบคุณค่ะ ความจริงหมอก็ต้องช่วยชีวิตคนอยู่แล้ว”
“คุณเป็นคนลงมีด สร้างแผลเป็นที่จะติดอยู่ที่หัวใจของผมไปตลอดชีวิต”
“ตกลงขอบคุณที่ช่วย หรือโกรธที่จะมีแผลเป็นคะ” มายูมิยิ้มๆ
“ดีใจมากกว่าครับ ที่จุดเริ่มต้นความสัมพันธ์ของเราจะไม่มีวันจางหายไป”
มายูมิอึ้งๆกับคำพูดของยูจิ แต่พยายามไม่สนใจ
“เดี๋ยวนี้มียารักษารอยแผลเป็นค่ะ หมั่นทาทุกวัน แผลก็จะจางไปเอง”
“เวลาทำให้บาดแผลจางหายได้ และเวลาก็ทำให้ความผูกพันเกิดขึ้นได้เช่นกัน...ใช่มั้ยครับ”
ยูจิจ้องมองมายูมิอย่างจริงใจ มายูมิทั้งอึ้งทั้งเขินที่โดนยูจิจีบซึ่งๆ หน้า เลยต้องหลบสายตาไป
“ถ้าคุณไม่มีอะไรแล้ว ฉันขอตัวนะคะ”
“จะไม่ถามเหรอครับว่า ทำไมผมถึงเอาดอกลิลลี่มาให้”
มายูมิมองช่อดอกลิลลี่สีขาวในมือแล้วหันไปหายูจิ
“ลิลลี่แทนความหมายว่าขอบคุณ”
ในระหว่างนั้น สายลมพัดมาเบาๆทำให้ปอยผมของมายูมิปลิวมาบังใบหน้าเล็กน้อย ยูจิมองยิ้มๆแล้วค่อยๆเดินเข้าไปหา
“นั่นแค่ส่วนหนึ่ง ลิลลี่มีความหมายสามอย่าง...อย่างแรก คุณช่างอ่อนหวานและแสนดี...อย่างที่สองขอบคุณที่ได้รู้จักกัน และความหมายสุดท้าย...”
ยูจิเดินเข้ามาใกล้มายูมิมากขึ้น จนหน้าใกล้กัน
“ขอบคุณที่ผมได้อยู่ใกล้คุณ”
ยูจิค่อยๆ จะปัดปอยผมของมายูมิออก แต่มายูมิตกใจถอยห่างออกมา ยูจิเห็นอาการมายูมิเลยลดมือลงแล้วยิ้มให้
“ขอบคุณนะครับ ที่ไม่ปฏิเสธคำขอบคุณจากผม”
ยูจิละมือออกจากมายูมิแล้วค่อยๆ เดินจากไป
มายูมิยังยืนอึ้งๆ ทำตัวไม่ถูก จิตใจเริ่มไม่แน่ใจในตัวเองว่ารู้สึกยังไงกับผู้ชายคนนี้
ภายในสำนักงานตำรวจ...โคจิและมาซาโตะยืนรออยู่ที่หน้าห้องสอบสวน มาซารุเปิดประตูออกมา ริวเดินออกมาจากห้อง สีหน้านิ่งเรียบ ไม่แสดงอาการใดๆ
มาซารุมองโคจิและมาซาโตะที่รออยู่อย่างไม่พอใจ
“ถึงจะได้ประกันตัว แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าคุณจะอยู่เหนือกฎหมาย” มาซารูหันไปพูดกับมาซาโตะ “ผมคงไม่ได้ข่าวว่าโอะนิซึกะโซเรียวหนีออกนอกเมือง”
“โซเรียวไม่ได้ทำอะไรผิด ไม่จำเป็นต้องหนี” มาซาโตะจ้องหน้า
มาซารุหันกลับมาจ้องหน้าริวจริงจัง
“หลักฐานที่ตำรวจมี มันก็ไม่หนีไปไหนเช่นกัน”
“หลักฐานมีไว้จับคนผิด ซึ่งไม่ใช่ผม”
ริวเดินนำโคจิและมาซาโตะออกไปโดยไม่สนใจมาซารุ
มาซารุเดินเข้ามาสั่งงานเคนกับลูกน้องส่วนหนึ่ง
“ส่งคนของเราไปเฝ้าริวที่บ้าน ถ้ามีท่าทีจะหนีไปนอกเมืองให้รวบตัวทันที”
ฮิโระเดินมาหามาซารุ
“โอะนิซึกะโซเรียวเป็นคนดีกว่าที่ท่านคิด”
“ดีได้ก็เลวได้”
“ท่านยังไม่รู้จักโอะนิซึกะดีพอ พวกเขาต่างจากมิซาว่าและมิอุระ”
“ผมยังไม่รู้จักคุณดีพอมากกว่า ไม่น่าเชื่อว่าตำรวจมือสะอาดอย่างคุณจะเข้าข้างพวกนอกกฎหมาย”
มาซารุมองฮิโระอย่างไม่พอใจ
ระเบียงบ้านโอะนิซึกะ...ริวนั่งเล่นโคโตะอยู่ในห้อง เขาเครียดกับเรื่องที่เกิดขึ้น เล่นโคโตะไปครู่เดียวก็หลับตาลงอย่างเหนื่อยๆ เขาลืมตาขึ้นแล้วหยุดเล่นโคโตะแล้วลุกขึ้น
“ไทชิ...เตรียมรถ ฉันจะไปข้างนอก”
ริวเดินนำออกไปทันที ไทชิงงๆ ในขณะที่คัตสึและเซกิมองหน้ากัน ยิ้มๆ รู้ทันว่าริวจะไปหามายูมิ
หน้าโรงพยาบาล...มายูมิถือกระเป๋าและช่อดอกลิลลี่เดินมาตามทาง สวนกับคุณหมอท่านอื่นก็โค้งตัวลา
“กลับก่อนนะคะ”
มายูมิเดินมาจนถึงหน้าโรงพยาบาลแล้วชะงักไปเมื่อเห็นยูจิยืนรออยู่ มายูมิมองอึ้งๆงงๆ
“คุณ...”
“ผมไปส่งคุณที่บ้านเองครับ”
“คุณเป็นคนไข้ คงไม่เหมาะถ้าฉันจะกลับด้วย”
“ใครว่าผมเป็นคนไข้ ผมออกจากโรงพยาบาลแล้วนะครับ”
“คุณยังต้องมาตัดไหม ยังถือว่าเป็นคนไข้ของฉันอยู่ดี อย่าทำให้ฉันลำบากใจเลยนะคะ”
“งั้นพบกันครึ่งทาง ผมไม่ไปส่งคุณที่บ้านก็ได้ แต่ขอเดินไปส่งที่สถานีรถไฟแทน”
ยูจิเห็นมายูมิกำลังจะปฏิเสธ
“อย่าทำให้ผมลำบากใจเลยนะครับ”
“นี่คุณจะตื้อไม่เลิกจริงๆ ใช่มั้ย” มายูมิยิ้มอ่อนใจ
“ใช่ครับ ไปกันเถอะครับ เดี๋ยวรถไฟคนเยอะ” ยูจิยิ้ม
ยูจิฉวยจังหวะมายูมิเผลอคว้าช่อดอกไม้กับข้าวของไปถือแล้วเดินนำไปทันที มายูมิตกใจรีบตามไปทั้งๆ ที่ยังอึ้งกับความช่างตื้อของเขา
มุมหนึ่งใกล้ๆทางไปสถานีรถไฟ...รถของริวขับมาจอดที่ประจำที่ริวมาซุ่มดูมายูมิเป็นประจำ ริวเดินลงมาจากรถ คัตสึและเซกิแอบกระซิบบอกไทชิ
“โซเรียวมาที่นี่ทุกวัน”
เซกิกระซิบบ้าง
“แบบว่าแค่เห็นเธอไกลๆ ก็ชื่นใจแล้ว”
“เห็นใครครับ” ไทชิแปลกใจ
คัตสึกับเซกิกระซิบตอบพร้อมกัน
“คุณมายูมิ ว่าที่คู่หมั้นของโซเรียว”
ทั้งสามคนหันกลับไปมองที่ริวเห็นกำลังมองไปทางที่มายูมิจะเดินมา ริวยิ้มยืนมองอย่างมีความสุข แต่แล้วสีหน้ากลับเปลี่ยนไป เมื่อเห็นว่ามายูมิกำลังยืนรอข้ามถนนอยู่กับยูจิ แล้วพูดคุยกันสนุกสนาน
ริวอึ้งนิ่งงันไปในทันที
มายูมิและยูจิยืนรอสัญญาณไฟอยู่ ใกล้ๆ กันนั้นหญิงชราคนหนึ่งเดินมาพร้อมกับข้าวของเต็มไม้เต็มมือท่าทางเธอเหนื่อยอ่อนเหมือนจะเดินไม่ค่อยไหว ยูจิเดินเข้าไปหาหญิงชราคนนั้น
“มาครับ...ผมช่วยถือของเองครับ”
ยูจิเข้าไปช่วยหญิงชราถือของ พร้อมกับประคองเธอไว้เพื่อจะข้ามถนน เขายิ้มให้อย่างอ่อนโยน มายูมิมองภาพนั้นด้วยความประทับใจ
“ไม่นึกว่าตำรวจมาดขรึมจะมีมุมแบบนี้ด้วย”
“ผมก็คนธรรมดา...มีทั้งด้านดีด้านเสีย ด้านเข้มแข็ง ด้านอ่อนแอ”
สัญญาณไฟเปลี่ยนเป็นให้ข้ามถนนได้ ยูจิประคองพาหญิงชราเดินข้ามถนน มายูมิช่วยประคองอีกข้าง ทั้งสองหันมามองหน้ากัน ยิ้มให้กันอย่างเป็นมิตร พอมาถึงอีกฟากหนึ่ง หญิงชราก็ก้มหัวขอบ ยูจิยิ้มแย้มส่งของคืนให้แล้วโค้งตอบ หญิงชราเดินออกไป มายูมิมองยูจิด้วยสายตาชื่นชม ลมพัดแรง...
“ลมพัดแรง...เสื้อคุณหนาไม่พอ เดี๋ยวจะไม่สบาย”
ยูจิตัดสินใจถอดเสื้อคลุม คลุมไหล่ให้ มายูมิอิดออดจะไม่ยอมใส่
“ใส่เถอะครับ...ถ้าคุณไม่สบาย คนไข้จะไม่มีหมอฝีมือดีรักษานะครับ”
“แล้วคุณไม่หนาวเหรอ”
“สบายมาก ที่พักผมอยู่ใกล้ๆ กับสถานีรถไฟนี่เอง ไม่ต้องเป็นห่วงผมหรอกครับ”
มายูมิยิ้มๆ จำต้องรับไมตรีจากยูจิ ทั้งสองคนคู่กัน ยิ้มแย้มราวกับเป็นคนรัก
ริวมองเหตุการณ์ทั้งหมดอย่างอึ้งๆช็อคๆ เต็มไปด้วยความสับสน องครักษ์สามคนมองหน้ากันหวั่นใจ ริวยังคงมองภาพเหตุการณ์ระหว่างมายูมิกับยูจิด้วยอาการช็อคและปวดใจ ขณะที่ยูจิพามายูมิเดินกันมาที่สถานีรถไฟ โดยมีความใกล้ชิดชวนให้คิดมากเป็นอย่างยิ่ง
ริวคิดถึงเรื่องราวในอดีต...ที่อิจิโร่เล่าให้เขาฟังว่ามายูมิเป็นเด็กเฉลียวฉลาด เรียนเก่ง เป็น
เป็นประธานนักเรียนถึง 3 ปีซ้อน และยังมีความสามารถทางด้านกีฬาเคนโด้ ที่เด็กสาวน้อยคนจะให้ความสนใจ...และคิดถึงเรื่องราวต่างๆระหว่างเธอกับเขาที่ผ่านมาอย่างเศร้าๆ...
ค่ำนั้น...มายูมิเข้ามาในห้อง แล้วมองเสื้อของยูจิในมือ มายูมิทิ้งตัวลงนั่งบนเตียงแล้วมองเสื้อของยูจิอย่างสับสน เธอถอนหายใจออกมาเบาๆ
โรงซ้อมเคนโด้บ้านโอะนิซึกะ...ริวกำลังง้างดาบเคนโด้จะฟาดใส่ไทชิเต็มแรง
“ย๊าก”
คัตสึและเซกิยืนดูอยู่อีกมุม ในมือถือกล่องปฐมพยาบาลอยู่
“ไทชิตายแน่” คัตสึสยอง
“ส่วนเรารอด ฮ่าๆ” เซกิมองไปทางริวแล้วตกใจ “เฮ้ย”
ไทชิตั้งรับริวได้ทัน คัตสึออกปากชม
“เจ้าไทชิมันเก่งกว่าที่เราคิดเยอะว่ะ”
ริวยิ่งโมโหรุกเข้าไปฟาดไม่ยั้ง ไทชิทั้งตั้งรับ ทั้งสู้กลับริวได้อย่างยอดเยี่ยม คัตสึและเซกิมองอึ้งๆ ริวที่อารมณ์ยังร้อนอยู่ พุ่งเข้าหาไทชิอย่างเต็มแรง แต่ไทชิสามารถสู้กลับได้ จนริวพลาดท่าโดนดาบเคนโด้ของไทชิฟาดเข้าที่มือ ดาบเคนโด้ของริวตกลงที่พื้น คัตสึและเซกิยิ่งอึ้ง ไทชิรีบโค้งศีรษะขอโทษริวทันที
“ผมขอโทษครับโซเรียว”
ริวที่ยืนหายใจหอบเหนื่อยอยู่เริ่มได้สติ
“ฉันไม่มีสมาธิเอง ไปพักได้แล้ว”
ไทชิโค้งศีรษะรับคำแล้วเดินไปหาคัตสึและเซกิ ที่ยกนิ้วโป้งชื่นชมฝีมือไทชิอยู่
“ฝีมือแจ่มมากไอ้น้อง” เซกิชม
“จากนี้ไปพี่ฝากด้วยนะ”
เซกิและคัตสึโล่งใจคิดว่าตัวเองรอดจากริวแล้ว
“คัตสึ เซกิ”
ทั้งสองคนสะดุ้งเฮือก แล้วหันไปหาริวอย่างกลัวๆ
“ครับโซเรียว”
ริวถือดาบเคนโดตั้งท่าพร้อมประลองอีกครั้ง
“เข้ามาพร้อมกันทั้งสองคนเลย”
คัตสึและเซกิกลืนน้ำลายดังเอื้อก มองหน้ากันอย่างลังเลแล้วซุบซิบกัน
“แกต้องพูดแล้วล่ะ”
“แกสิพูด วันนี้แกเห็นเหตุการณ์” เซกิเกี่ยง
“ตอนนั้นแกก็อยู่” คัตสึแย้ง
“อยู่แต่ไม่ได้สนใจ ไม่รู้เรื่องอะไรจริงจริ๊ง”
คัตสึและเซกิซุบซิบเกี่ยงกันไปมาอยู่สักพัก ริวเห็นแล้วเริ่มรำคาญ
“มีอะไรก็พูดมา”
คัตสึและเซกิยังไม่กล้าพูด ไทชิเห็นก็แกล้งฟาดดาบเคนโด้ลงพื้นเสียงสนั่น...ปัง คัตสึและเซกิสะดุ้งเฮื้อกแล้วหลุดปากพร้อมกัน
“ได้เวลาเผยตัวให้คุณหนูมายูมิเห็นหน้าแล้วครับ”
“ผ่านมาตั้ง 7 ปี โซเรียวไม่เคยแวะไปหาเธอเลย” คัตสึบอก
“เดี๋ยวผู้หญิงจะคิดว่าโซเรียวไม่รักนะครับ” เซกิเสริม
คัตสึและเซกิรู้ว่าหลุดปากพูดไปแล้วก็หน้าเสีย ริวจ้องหน้าทั้งสองคนนิ่งๆ ก่อนจะโยนดาบเคนโด้ทิ้ง แล้วเดินออกไปทันที คัตสึและเซกิถอนใจโล่งอก
“นึกว่าจะไม่รอดแล้ว”
ริวเดินเข้ามาในห้องทำงาน สีหน้าครุ่นคิดถึงเรื่องระหว่างตัวเองกับมายูมิ เขามองไปที่ภาพถ่ายของเธอที่เขาเคยแอบถ่ายไว้ในอริยาบถต่างๆ
ริวทิ้งตัวลงนั่ง ถอนหายใจยาวคิดว่าควรจะทำยังไงดี
จบตอนที่ 1