รอยฝันตะวันเดือด ตอนที่ 3
ลานร่มรื่นหน้าโรงพยาบาล...มายูมิกับนานะ เข้ามาบริเวณลานที่ถูกตกแต่งด้วยริบบิ้นและลูกโป่งหลากสีสันมีเวทีเล็กๆ
บรรยากาศอบอุ่นและเป็นกันเอง พยาบาล ญาติผู้ป่วย ต่างต่อคิวรอรับขนม ของเล่น ดอกไม้ ตามซุ้มที่ไทชิ คัตสึ เซกิ และลูกน้องโอะนิซึกะช่วยกันแจก ริวประกาศผ่านโทรโข่งอย่างอารมณ์ดี อยู่ตรงมุมที่จัดให้ผู้ป่วยต่างวัยนั่งทานอาหารและขนมด้วยกัน
“อาหารอร่อย ขนมอร่อย เชิญชิมได้ตามอัธยาศัย...”
ป้าผู้ป่วยยิ้มๆ
“แล้วคนแจกล่ะจ้ะ”
“คนแจกก็อร่อย...แต่ห้ามชิมเพราะมีคุณหมอมายูมิเป็นเจ้าของแล้วครับ”
ริวหัวเราะคิกคัก พยาบาล ญาติผู้ป่วย เหล่าผู้ป่วยต่างส่งเสียงวี้ดวิ้วแซวริวอย่างชอบใจ ริวตรงเข้าไปช่วยพยาบาล ดูแลผู้ป่วยเด็กและผู้ใหญ่ที่กำลังทานอาหารกันอย่างเบิกบาน มายูมิเดินตรงเข้าไปต่อว่าริวอย่างไม่รอช้า
“ทำอะไรของคุณ”
“กำลังคิดถึงที่รักอยู่พอดี มาช่วยหน่อยสิจ้ะ”
“กฎของโรงพยาบาล...ไม่ให้ผู้ป่วยบางคนทานอาหารตามใจตัวเอง ถ้าผู้ป่วยเป็นอันตราย ใครจะรับผิดชอบ”
“ผม...” ริวจะอธิบาย แต่พูดไม่ทันมายูมิ
“อย่างคุณจะรับผิดชอบอะไรได้ ชีวิตคนไม่ใช่ของเล่น ทำไมไม่นึกถึงความปลอดภัยของผู้ป่วยบ้าง”
“ก็...” ริวจะอธิบาย แต่ก็พูดไม่ทันมายูมิอีก
“ฉันไม่อยากฟังคำแก้ตัวของคุณ”
พยาบาลคนหนึ่งมาเรียก
“คุณหมอมายูมิคะ”
มายูมิหันขวับ สีหน้าดุด้วยความโมโหริว พอเห็นหน้าเจื่อน ๆ ของพยาบาล จึงพยายามปรับสีหน้านิ่ง พยาบาลอธิบายกับมายูมิอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ
“คุณริวจัดอาหารและขนมที่ผู้ป่วยทานได้มาแจกค่ะ ผู้ป่วยคนไหนเป็นเบาหวาน ก็มีอาหารเลี่ยงน้ำตาล ผู้ป่วยคนไหนเป็นโรคหัวใจก็มีอาหารเลี่ยงน้ำมัน”
นานะเสริม
“ใช่ ๆ ขนมส่วนใหญ่จะหวานน้อย แต่อร่อยมาก”
นานะพูดขณะเคี้ยวขนมตุ้ย ๆ อย่างเอร็ดอร่อย ผู้ป่วยสูงอายุ พูดขึ้น
“อาหารดี บรรยากาศดี ทำให้ป้ารู้สึกสดชื่นขึ้นเยอะ”
ผู้ป่วยอีกคนโค้งให้ทั้งสอง
“ขอบคุณโอะนิซึกะโซเรียวกับคุณหมอมายูมิมากค่ะ”
“อาริกาโตะ โกะไซมัส...ขอบคุณโอะนิซึกะโซเรียวกับคุณหมอมายูมิ”
พยาบาล ญาติผู้ป่วย ผู้ป่วย ต่างก้มศีรษะขอบคุณริวกับมายูมิพร้อมกัน ริวสะกิดมายูมิให้โค้งตัวขอบคุณพร้อมเขา มายูมิจำต้องทำตามอย่างอึ้ง ๆ และพูดไม่ออกเมื่อถูกริวทำเนียนโอบเอวเธอไว้อย่างทะนุถนอม
“ผมกับว่าที่คู่หมั้นยินดีมอบรอยยิ้ม และความสุขให้กับทุกคน ใช่มั้ยจ้ะที่รัก”
มายูมิไม่ค่อยพอใจ แต่จำต้องยิ้มรับ กลืนไม่เข้าคายไม่ออก ไทชิ คัตสึ เซกิ ชำเลืองมองกัน ยิ้มรู้ทันความเจ้าเล่ห์ของริว มายูมิแอบลอบมองริว ด้วยความโกรธ
มายูมิดึงตัวริวออกมาข้างซุ้มเวทีด้วยความไม่พอใจ
“เมื่อไหร่คุณจะเลิกวุ่นวายกับฉันสักที”
“ผมอยากให้ทุกคนมีความสุข...ผิดตรงไหน”
“ที่นี่เป็นโรงพยาบาล ไม่ใช่สวนสนุก”
“ผ่อนคลาย...ทำใจให้สบายดีกว่านะที่รัก”
“ห้ามเรียกฉันว่าที่รัก”
มายูมิทุบริวด้วยความโมโห เขาทำเสียงอ้อน ยั่วเย้า
“อูย...นี่ขนาดยังไม่แต่งนะ ดุซะ”
“แต่งแล้วจะทำไม”
“ยอม” ริวชี้ปากตัวเองทะเล้นๆ “ผมยอมคุณทู้ก...อย่าง”
มายูมิชี้ปากตัวเอง ย้ำ เน้น จริงจัง
“ฉันไม่มีวันแต่งงานกับคุณ”
เสียงไทชิดังขึ้น
“ขอเชิญคุณริวกับคุณหมอมายูมิ ขึ้นมามอบเซอร์ไพรส์พิเศษให้กับทุกคนครับ”
มายูมิหันไปเห็นไทชิประกาศอยู่บนเวที โดยมีคัตสึ เซกิ ยกเครื่องดนตรีโคโตะพิณญี่ปุ่นพร้อมอุปกรณ์ขึ้นไปตั้งวางรอไว้เรียบร้อย ท่ามกลางเสียงปรบมือจากทุกคน มายูมิหันกลับมาหาริว ยังไม่ทันเอ่ยปากถาม
“อาหารอร่อย ต้องมีดนตรีขับกล่อมให้อารมณ์สุนทรี ไปร่วมสร้างบรรยากาศดี ๆ กันนะจ๊ะที่รัก”
“ไม่มีทาง” มายูมิเสียงแข็ง
ริวหน้าเหรอหรา คิดหาทางแก้สถานการณ์
บนเวที...ริวนั่งนิ่งมองโคโตะตรงหน้า วางมาดราวกับมืออาชีพ ทำสมาธิเตรียมตัวเล่นดนตรี
ทุกคนต่างเงียบและจดจ้องรอฟังเสียงดนตรีจากริว มายูมิยืนมองอยู่ข้างเวทีด้วยสายตาประเมิน ว่าจะแน่สักกี่น้ำ ริวยื่นมือทั้งสองไปที่โคโตะ เตรียมลงมือบรรเลง คัตสึกับเซกิ หันมาสบตากันราวกับนึกหวั่นใจบางอย่าง
มือริวเริ่มดีดไล่เสียงโคโตะแรก ๆ เสียงเหมือนจะเพราะ ทุกคนฮือฮาตั้งใจฟังเป็นอย่างมาก สักพักริวเริ่มดีดโคโตะมั่ว ๆ ไม่เป็นเพลง ไม่เป็นจังหวะ ทุกคนชะงักอึ้ง ริวยังคงหลับตาพริ้ม บรรเลงโคโตะมั่วต่อไปไม่หยุดยั้ง ไม่สนใจว่าจะเป็นดนตรีรึเปล่า ทุกคนเริ่มหันมองหน้ากันด้วยความเครียด และอึดอัด คัตสึสะกิดเซกิ
“ท่าทางทุกคนจะเริ่มเครียดแล้วนะ”
“ใครจะกล้าหยุดท่านโซเรียว” เซกิถอนใจ
นานะได้ยินคัตสึกับเซกิ ปรึกษากัน นึกขึ้นได้ จึงหันไปส่งสัญญาณบอกมายูมิให้ช่วยทำอะไรสักอย่าง มายูมิส่ายหน้าไม่รู้ว่านานะกำลังบอกอะไร นานะชี้ไปที่โคโตะให้มายูมิขึ้นไปเล่นแทนริว มายูมิเข้าใจแต่ไม่ยอม นานะชี้ให้มายูมิดูสีหน้าคนป่วยที่เริ่มเครียด และพยายามไล่ให้มายูมิขึ้นไป มายูมิเริ่มสองจิตสองใจ
เหล่าพยาบาล ญาติผู้ป่วย ผู้ป่วย เริ่มหงุดหงิดจะลุกหนี เพราะทนฟังเสียงโคโตะของริวไม่ไหวแล้ว เสียงบรรเลงโคโตะเปลี่ยนเป็นจังหวะดนตรีที่นุ่มนวลและไพเราะดังขึ้น ทุกคนชะงัก หันกลับไปมองที่มาของเสียงบนเวทีด้วยความแปลกใจ
มายูมิบรรเลงโคโตะอยู่บนเวที แทนที่ริว โดยมีริวนั่งอมยิ้มอยู่ข้าง ๆ มายูมิบรรเลงดนตรีโคโตะด้วยท่วงทำนองและดนตรีที่ไพเราะ มืออาชีพมาก นานะ ไทชิ คัตสึ เซกิ และคนอื่น ๆ หยุดฟังเสียงดนตรีของมายูมิอย่างเคลิบเคลิ้ม ราวต้องมนต์สะกด...มายูมิเล่นโคโตะในเพลงไพเราะ อ่อนหวาน ริวมองอย่างชื่นชม
มายูมิหันมาเห็นสายตาริว ทั้งสองสบตากัน เหมือนจะเคลิ้มตามท่วงทำนองเพลง เธอรู้สึกตัว บรรเลงโคโตะจนจบเพลง ทุกคนต่างปรบมือชื่นชมเป็นอย่างมาก มายูมิลุกขึ้นโค้งตัวขอบคุณ ริวรีบลุกขึ้นโค้งตัวด้วยเนียน ๆ ไทชิชื่นชม
“คุณมายูมิบรรเลงโคโตะ...พิณญี่ปุ่นได้ไพเราะมากครับ”
“เพื่อนสาวฉันสวย เก่ง เป็นเลิศที่สุด” นานะชมออกนอกหน้า
พยาบาลยิ้มปลื้ม
“คุณริวกับคุณหมอมายูมิเป็นคู่ที่เหมาะสมมาก เมื่อไหร่จะได้ฤกษ์แต่งงานคะ”
ริวยิ้มแย้มบอก
“อีกไม่นานครับ”
มายูมิแทรกขึ้นทันทีอย่างไม่สนใจริว
“จะไม่มีงานแต่งงานของฉันกับริว โอะนิซึกะ เกิดขึ้นค่ะ”
ทุกคนตกใจ งง ๆ มายูมิหันไปมองหน้าริว ประกาศชัดเจน
“เราเป็นอิสระต่อกัน...นับจากวันที่คุณหายไปเป็นเวลา 7 ปี”
“ผมกลับมาแล้ว...และผมจะทำทุกอย่างให้คุณยอมแต่งงานกับผม”
ริวประกาศกร้าวอย่างไม่ยอมแพ้ ทุกคนต่างส่งเสียงเชียร์และให้กำลังใจริวกันทั่วบริเวณ คัตสึกับเซกิเชียร์เจ้านายสุดๆ
“สู้เพื่อรักครับโซเรียว”
หลายคนตะโกน
“พวกเราเอาใจช่วยโอะนิซึกะโซเรียว”
มายูมิก้าวเข้าไปประจันหน้ากับริว สายตาเด็ดขาด มุ่งมั่น
“คุณไม่มีทางชนะใจฉันได้”
“ความรักไม่มีแพ้ไม่มีชนะ แล้วในที่สุด...คุณจะเปิดใจยอมรับผม”
มายูมิทั้งอึ้งทั้งโกรธ มองริวด้วยความสับสน
บ้านทากาฮาชิยามเย็น...ทามาโกะ เมกุมิ มิยูกิ ช่วยกันยกอาหารมาวางจัดวางบนโต๊ะ โดยมีทากาฮาชินั่งอ่านหนังสือรออยู่ มายูมิกลับมาถึงบ้านด้วยสีหน้าท่าทางเครียด ๆ เมกุมิหันไปถาม
“ทำไมพี่มายูมิกลับมาเงียบ ๆ ล่ะ”
มายูมิตอบนิ่งๆ
“เหนื่อยนิดหน่อย”
ทามาโกะหันมาบอก
“ไปล้างหน้าล้างตาให้สดชื่น แล้วมาทานข้าวกันสิลูก”
มายูมิกำลังจะรับคำ แต่มิยูกิรีบพูดขึ้นก่อน
“วันนี้ว่าที่พี่เขยให้คนเอากับข้าวของโปรดพี่มายูมิมาให้ที่บ้าน น่าทานทั้งนั้นเลย”
เมกุมิยิ้มปลื้ม
“ช่างดูแล ช่างเอาอกเอาใจ...อนาคตพี่เขยดีเด่นแน่นอน”
ทากาฮาชิมองลูกสาว
“วันก่อนโอะนิซึกะโซเรียวเกริ่นกับพ่อเรื่องกำหนดวันหมั้น พ่อว่า...”
“หนูยังไม่ค่อยหิว ขอตัวไปพักก่อนนะคะ”
มายูมิตัดบทบอกทามาโกะกับทากาฮาชิ ก่อนหนีขึ้นห้องไป ทุกคนมองตาม งง ๆ ไม่รู้ว่ามายูมิเป็นอะไร
มายูมิอยู่ในห้องนอนยืนมองโคโตะที่มีผ้าคลุมอยู่มุมห้อง สีหน้าสับสนและครุ่นคิด เสียงบรรเลงโคโตะดังแว่วในความคิด
มายูมิตัดสินใจหยิบซองบุกำมะหยี่ มาห่อเก็บโคโตะ เสียงบรรเลงโคโตะยิ่งดังขึ้นในความคิด มายูมิยิ่งพยายามห่อโคโตะไว้อย่างมิดชิดที่สุด ราวกับไม่ต้องการเห็นมันอีก แล้วเธอก็นึกถึงภาพที่เธอกับริวสบตากันที่โรงพยาบาล เหมือนจะเคลิ้มตามท่วงทำนองเพลง มายูมิชะงัก
“ริว โอะนิซึกะ...ฉันโกรธคุณมากเท่าไหร่ ภาพความทรงจำที่เกี่ยวกับคุณก็ยิ่งชัดเจนขึ้น...ทำไม”
มายูมิเจ็บช้ำ สับสน ไม่เข้าใจตัวเอง
บ้านโอะนิซึกะ...ริวยืนเหม่อมองออกไปยังสวนเบื้องหน้าด้วยอารมณ์เบิกบาน สบายใจ โคจิเข้ามา ชำเลืองมอง
“วันนี้โซเรียวทำคะแนนรักแล่นฉิว”
ริวอมยิ้มนิด ๆ
“แต่มายูมิก็ยังไม่ใจอ่อน”
“เรื่องของหัวใจต้องใช้เวลา...กล้าที่จะเริ่ม ก็ใกล้ความสำเร็จแล้วหวังว่าโซเรียวคงไม่ท้อซะก่อน”
“ผมไม่เคยยอมแพ้อะไรง่าย ๆ”
“มีคนเดียวที่ทำให้โซเรียวยอมตั้งแต่เห็นหน้า”
โคจิแกล้งเปรยขึ้น ริวยิ้มในหน้า รู้ว่าโคจิหมายถึงมายูมิ แล้วเขาก็นึกขึ้นได้
“เราจะทำยังไงกับปืนของกลางที่ฮารุเอามาให้”
“ไม่มีหลักฐาน ตำรวจก็เอาผิดเราไม่ได้”
“แต่คนบงการฆ่าท่านโอะซะมุยังลอยนวลอยู่”
“เรื่องนี้มีเงื่อนงำเกี่ยวโยงหลายอย่าง มีคนในสำนักงานตำรวจรู้เห็นด้วย คงต้องรอปรึกษาท่านรองฮิโระอีกที ว่าจะเอายังไง”
ริวพยักหน้ารับรู้หน้าเครียด ไม่สบายใจ
มาซารุตบโต๊ะด้วยความโมโห ยูจิกับเคนก้มหน้า พูดอะไรไม่ออก
“ทำงานกันยังไง ถึงปล่อยให้ปืนของกลางหายไปจากห้องเก็บหลักฐาน”
“ผมสอบปากคำเจ้าหน้าที่ที่อยู่เวรเมื่อวาน แต่ไม่มีอะไรผิดปกติของกลางทั้งหมดในห้องเก็บหลักฐาน มีแค่ปืนของโอะนิซึกะหายไปกระบอกเดียวครับ” ยูจิรายงาน
มาซารุโกรธมาก
“สั่งพักราชการเจ้าหน้าที่ที่อยู่เวรเมื่อวานทุกคน จนกว่าจะหาตัวคนผิดมาลงโทษได้”
“ครับท่าน” ยูจิรับคำ
มาซารุถอนใจแรง หงุดหงิด เคนถามขึ้น
“หลักฐานสำคัญชิ้นเดียวที่จะมัดตัว ริว โอะนิซึกะ หายไปแล้วเราก็จัดการพวกโอะนิซึกะไม่ได้สิครับ”
มาซารุหันขวับจ้องเคนอย่างอารมณ์เสีย เคนรีบก้มหน้าหลบสายตา รู้ว่าพูดไม่เข้าหูเจ้านายมาซารุเครียด เจ็บใจมาก
ไนต์คลับมิซาว่ายามค่ำคืน...สาวสวยมากมายแสดงโชว์เต้นอยู่บนเวที ครู่หนึ่งเสียงเพลงจบลง เสียงปรบมือจากนักเที่ยวดังกึกก้อง เพลงใหม่ดังขึ้น แขกในคลับพากันมองบนเวทีอย่างสนอกสนใจ จุนโกะในชุดสวยงามหวาบหวาม สุดเซ็กซี่ ก้าวออกมายืนกลางเวทีแล้ววาดลวดลายร้องเพลงประกอบการแสดงอย่างสวยงาม มีเสน่ห์มาก นักเที่ยวต่างจ้องมองจุนโกะด้วยความตะลึง ตื่นตาตื่นใจ...ทาคาโอะใช้ปลายมีดพก เล่นวนขอบแก้วเครื่องดื่ม ขณะนั่งมองไปที่จุนโกะบนเวที โดยมีนาบุยืนอยู่ข้าง ๆ ทาคาโอะเอ่ยชม
“ฝีมือการแสดงใช้ได้”
“จุนโกะเรียกความสนใจจากแขกที่มาเที่ยวไนต์คลับของเราทุกคืนครับ”
“อย่างนี้ค่อยคุ้มค่าจ้างหน่อย”
ทาคาโอะยิ้มอย่างพึงพอใจ ขณะยกเครื่องดื่มขึ้นจิบ ลูกน้องมิซาว่าคนหนึ่งเข้ามากระซิบรายงาน ทาคาโอะนิ่งฟัง ก่อนสั่ง
“เชิญเขาไปรอฉันที่ห้องรับรอง”
ลูกน้องก้มศีรษะรับคำ แล้วเลี่ยงออกไป ทาคาโอะลุกขึ้น มองจุนโกะก่อนหันไปสั่งนาบุ
“ให้จุนโกะไปต้อนรับแขกคนพิเศษของฉันด้วย”
“ได้ครับนาย”
นาบุโค้งตัวรับคำสั่ง ขณะทาคาโอะเดินเข้าไปยังห้องรับรอง
ในห้องรับรองวีไอพี...ทาคาโอะหันขวับ จ้องบุคคลที่นั่งอยู่ตรงหน้าด้วยความตกใจ
“ปืนของกลางอยู่ในมือตำรวจ แล้วมันจะหายไปได้ยังไง”
มาซารุถือแก้วเครื่องดื่มนั่งอยู่ตรงโซฟาเหมือนจะใจเย็น แต่สีหน้าเคร่งเครียดมาก เคนยืนประกบอยู่ใกล้ ๆ
“ถ้าไม่ใช่หนอนบ่อนไส้ ก็คงมีคนคอยช่วยพวกโอะนิซึกะ”
ทาคาโอะพึมพำอย่างนึกขึ้นได้
“ฮารุ มิอุระ”
“แน่ใจเหรอว่าเป็นฝืมือพวกมิอุระ”
“คนของผมรายงานว่า ฮารุพาสมุนบุกไปบ้านโอะนิซึกะ ตอนแรกคิดว่าจะมีเรื่อง แต่ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น”
“หรือมิอุระจะร่วมมือกับโอะนิซึกะกำจัดมิซาว่า” เคนสงสัย
“ผมยอมเสียลูกน้องและปิดปากพยานรู้เห็นทุกคน เพื่อช่วยเล่นงานริว โอะนิซึกะ แต่ท่านก็ปล่อยให้หลักฐานชิ้นสำคัญหลุดมือไปทั้งที่เราเกือบจะเล่นงานริวได้อยู่แล้ว”
ทาคาโอะต่อว่ามาซารุอย่างไม่พอใจ มาซารุวางแก้วกระแทกลงบนโต๊ะอย่างโมโห
“แกไม่มีสิทธิ์มาขึ้นเสียงกับฉัน อย่าลืมว่าใครสนับสนุนให้แกฟื้นธุรกิจมิซาว่ากลับขึ้นมา ถ้าไม่มีฉัน...ลูกนอกสมรสของ ริกิ มิซาว่า อย่างแกไม่มีทางยืนอยู่จุดนี้ได้”
ทาคาโอะแอบกำจิกปลายมีดพกเข้าที่มือตัวเองแน่นจนสั่น ลึก ๆ แล้วแอบแค้นมาซารุที่ชอบกดดันทวงบุญคุณ แต่พยายามสกัดกลั้นอารมณ์ไว้เพื่อผลประโยชน์ ทันใดนั้นเสียงนาบุดังขึ้น
“ขออนุญาตครับ”
ประตูถูกเปิดออก มาซารุหยุดมองด้วยความแปลกใจ นาบุเดินนำจุนโกะเข้ามาภายในห้อง จุนโกะยิ้มหวาน ก้มศีรษะให้มาซารุอย่างนอบน้อม
“สวัสดีค่ะท่านมาซารุ...หายหน้าไปนานเลยนะคะ”
“งานยุ่ง”
มาซารุตอบเสียงตึง แต่กลับคว้าตัวจุนโกะเข้ามานั่งกอดข้าง ๆ อย่างไม่รอช้า สายตาเคร่งเครียดแปรเปลี่ยนเป็นอารมณ์หื่น เมื่อเจอเสน่ห์เย้ายวนของจุนโกะ
“อุ๊ย ใจเย็นสิคะท่าน”
“อยู่ใกล้ผู้หญิงสวย ใครเย็นได้ก็บ้าแล้ว”
มาซารุกอดจุนโกะ ใช้มือลูบไล้ผิวเปลือยบนแขน และลูบขาจุนโกะอย่างหยาบคาย สายตาจุนโกะรังเกียจ แต่จำต้องฉีกยิ้มหวาน ทนเอาอกเอาใจมาซารุ
“ดื่มอะไรให้ชื่นใจก่อนดีกว่าค่ะ”
จุนโกะหยิบแก้วเครื่องดื่มบนโต๊ะส่งให้มาซารุ
“ดื่มด้วยกันสิ...ปล่อยให้ฉันสนุกคนเดียวได้ยังไง”
มาซารุยื่นแก้วเครื่องดื่มของตัวเองป้อน จุนโกะจำต้องดื่มอย่างเลี่ยงไม่ได้ สายตามาซารุเป็นประกาย มองจุนโกะตาเป็นมัน เหมือนเสือร้ายจ้องตะครุบเหยื่อ ทาคาโอะลอบมองมาซารุ แอบยิ้มเยาะอย่างดูถูก ที่จุนโกะเปลี่ยนท่าทีของมาซารุได้
จุนโกะหลบมาด้านหลังไนต์คลับมิซาว่า ใช้มือเช็ดและถูแขนตัวเองแรง ๆ เพราะขยะแขยงที่ถูกมาซารุลวนลาม
“ไอ้แก่ชีกอ...น่าเกลียด น่าขยะแขยงที่สุด”
จุนโกะเศร้า รันทดท้อต่อชะตากรรมตัวเอง เพื่อนสาวถอนใจมองจุนโกะด้วยความเห็นใจ
“ผู้หญิงไนท์คลับอย่างเราจะเรียกร้องอะไรได้ นอกจากยอมทนและยอมรับโชคชะตาตัวเอง”
“ไอ้มาซารุมันหยาบคาย ไม่เหมือนแขกคนอื่น”
“จุนโกะ...ฉันได้ข่าวว่าหล่อนก็มีแฟนเป็นตำรวจ...ทำไมไม่ให้แฟนพาออกไปจากที่นี่ล่ะ”
จุนโกะอึกอัก เหมือนไม่อยากพูดถึง ลูกน้องมิซาว่าคนหนึ่งเดินออกมาตามจุนโกะกับเพื่อน เสียงดุ
“กลับไปทำงานได้แล้ว...อย่าอู้”
“จะรีบไปเดี๋ยวนี้ค่ะ”
จุนโกะกับเพื่อนสาวตกใจ รีบรับคำ แล้วพากันกลับเข้าไปข้างในทันที
รอยฝันตะวันเดือด ตอนที่ 3 (ต่อ)
โถงบ้านทากาฮาชิเช้าวันใหม่...มายูมิแต่งตัวลงมาจากห้อง เตรียมตัวออกไปทำงาน
“อิตเตะ คิมัส...จะไปทำงานแล้วนะคะ”
มายูมิชะงัก ตกใจ เมื่อเห็นริวนั่งจิบน้ำชาอยู่กับทากาฮาชิอย่างยิ้มแย้ม ทากาฮาชิหันมาเห็น
“มายูมิลงมาพอดี”
“โอะฮาโย โกไซอิมัส...อรุณสวัสดิ์ครับ”
ริวก้มศีรษะทักทาย มายูมิก้มศีรษะรับตามมารยาท
“โซเรียวมาปรึกษาพ่อเรื่องฤกษ์วันแต่งงานของลูก”
“แต่งงาน” มายูมิตกใจ
“ผมอยากให้ข้ามขั้นตอนการหมั้นไปเลย จะได้ไม่เสียเวลา เพราะยังไงเราก็ต้องแต่งงานกันอยู่ดี”
“พ่อเห็นด้วยกับโซเรียว...หมั้นหมายทางคำพูดกันมานานแล้วจัดงานแต่งงานซะ พ่อก็หมดห่วง”
“หนูขออนุญาตคุยกับโอะนิซึกะโซเรียวหน่อยนะคะ”
มายูมิเรียกชื่อริวอย่างเป็นทางการ ก่อนเดินเลี่ยงออกไปรอข้างนอกด้วยท่าทางนิ่งมาก คาดเดาอารมณ์ยาก ริวชำเลืองมอง ทากาฮาชิพยักหน้าอนุญาต ริวจึงลุกตามมายูมิออกไป
ริวเดินมาหามายูมิ ที่ยืนรออยู่บริเวณมุมหนึ่งในสวน ทันทีที่เสียงฝีเท้าของเขาหยุดอยู่ข้างตัว มายูมิจึงหันไปพูดกับเขาตรง ๆ อย่างตัดสินใจแล้ว
“ฉันขอบคุณที่คุณกรุณากลับมาทำตามสัญญาของผู้ใหญ่ แต่ฉันยืนยันคำเดิม...จะไม่มีงานแต่งงานของเราเกิดขึ้น”
“หมายความว่าคุณจะไม่ยอมทำตามสัญญาของพ่อคุณ”
“ฉันจะอธิบายกับคุณพ่อเอง ว่าตลอด 7 ปีที่ผ่านมา...เราห่างเหินกันเกินกว่าที่จะแต่งงานและใช้ชีวิตร่วมกัน”
“วิเคราะห์ด้วยตา ก็ถูกลวงได้ด้วยตา...แค่คุณไม่เห็นผม 7 ปี ก็คิดเอาเองว่าผมมีคนอื่น หรือผมไม่สนใจ”
น้ำเสียงริวแฝงความขุ่นเคืองน้อยใจ มายูมิมองไม่เข้าใจความหมายที่เขาพูด ริว คิดถึงอดีต
ในอดีตเมื่อ 7 ปีที่แล้ว...ริวเดินตรวจงานอยู่ที่คลังสินค้าหน้าเคร่งเครียด โดยมีโคจิ คาซูมะ มาซาโตะ คอยให้คำปรึกษาและอธิบายรายละเอียดของงานให้ริวเข้าใจ ริวเห็นเอกสารแล้วยิ่งเครียด แต่ก็พยายามรับฟังและเรียนรู้งานจากผู้ใหญ่ทั้งสาม
ปัจจุบัน ริวพยายามอธิบายกับมายูมิ
“ตั้งแต่ไม่มีทาเคชิ...ผมต้องรับหน้าที่ดูแลธุรกิจทุกอย่างของโอะนิซึกะเพียงคนเดียว”
มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งในอดีต...มายูมิกับนานะในชุดนักศึกษา กำลังนั่งติวหนังสือกันอย่างขะมักเขม้นตั้งใจมาก ริวแอบยืนมองมายูมิอยู่มุมหนึ่งอย่างคิดถึง แต่ไม่กล้าเข้าไปหา
ริวอธิบาย...
“ตลอดเวลาที่คุณเรียนแพทย์ ผมอยากให้คุณมีสมาธิกับการเรียน ไม่อยากให้คุณเป็นอันตรายจากศัตรูของโอะนิซึกะ จึงต้องอยู่ห่างคุณเอาไว้”
โรงเรียนสอนยูโดในอดีต...นักเรียนยูโดหลายคนกำลังฝึกซ้อมกัน มายูมิกำลังซ้อมอย่างตั้งใจ โดยมีโค้ชคอยสอนตัวต่อตัว
“แต่ผมคอยเฝ้าดูคุณทุกที่ ไม่ว่าคุณจะทำอะไร...”
โรงเรียนสอนเคนโด้ในอดีต...มายูมิฝึกซ้อมเคนโด้กับเพื่อนคนหนึ่งอย่างจริงจัง เธอตวัดดาบไม้จัดการเพื่อนคู่ซ้อมได้อย่างเหนือชั้น จนครูฝึกยกมือให้คะแนน
“ผมแอบตามไปทุกแห่ง ไม่ว่าคุณจะอยู่ที่ไหน...”
มหาวิทยาลัยในอดีต บรรยากาศการเรียนจบแพทย์ของมายูมิมีทากาฮาชิ ทามาโกะ เมกุมิ มิยูกิ เข้ามาสวมกอดแสดงความยินดี
พร้อมช่อดอกไม้สวยงาม ริวแอบมองมายูมิอย่างชื่นชมและประทับใจในความสำเร็จของมายูมิ
“ในวันที่คุณเรียนจบแพทย์ได้อย่างที่มุ่งมั่นตั้งใจ ผมก็เป็นอีกคนที่รู้สึกภูมิใจในตัวคุณมาก”
ริวพูดกับมายูมิ น้ำเสียงและสีหน้าจริงจัง
“7 ปีที่ผมแค่ไม่เคยมาพบให้คุณเห็นหน้า แต่ไม่ได้หมายความว่าผมหายไป เพราะผมเฝ้ามองคุณอยู่ตลอดเวลา”
มายูมิอึ้ง เพิ่งรู้ความจริง ริวสบตามายูมิ ราวกับต้องการให้เธอเห็นความจริงใจที่เขามีต่อเธอ มายูมิลังเล เหมือนจะเริ่มใจอ่อน...มายูมินึกถึงอดีตตอนที่ริวมาบอกเลิกกับเธอ
“ชีวิตและหัวใจของผม...มอบให้กับโอะนิซึกะหมดแล้ว”
ริวพูดด้วยสีหน้าเย็นชา มายูมิอึ้ง เสียใจ ไม่อยากเชื่อว่าจะได้ยิน...มายูมิ ยังคงเจ็บปวดความรู้สึกนั้นไม่หาย จึงเกิดทิฐิ
“คุณมีเหตุผลของตัวเอง...ฉันก็มีเหตุผลที่จะไม่เปลี่ยนความตั้งใจ”
“คุณยังโกรธผม”
“เมื่อก่อนเรายังเด็ก ฉันจึงยอมให้ผู้ใหญ่จัดการเรื่องหมั้นหมาย แต่ตอนนี้เราโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว...ฉันคิดเองได้ว่าเราสองคนไม่เหมาะสมกัน”
“เก่ง ฉลาด มีความคิดเป็นของตัวเอง...นี่แหละ นายหญิงของโอะนิซึกะ”
“เลิกล้อเล่นกับฉันสักที”
“ผมต้องทำยังไง คุณถึงจะยอมแต่งงาน”
ริวจริงจังจนมายูมิตามแทบไม่ทัน มายูมิมองด้วยสายตาชั่งใจ ลังเล ก่อนตัดสินใจบอกตรง ๆ
“ผู้หญิงทุกคนอยากแต่งงานเพราะความรัก...ทำให้ฉันรักคุณสิ...ฉันจะแต่งงานกับคนที่ฉันรักเท่านั้น ทำให้ฉันเห็นสิว่า คุณรักฉัน”
ริวอึ้งไปเล็กน้อย เพราะตลอดเวลาเขาไม่เคยพูดคำนี้กับมายูมิ นอกจากเก็บมันไว้ในใจคนเดียว
“ความรัก...ทำให้ชีวิตมีจุดอ่อน และมีอันตรายต่อคนที่เรารัก คุณก็เห็นว่าเกิดอะไรขึ้นกับความรักของทาเคชิกับเซโกะ”
“เจ็บปวดจากสิ่งที่เราเลือกเอง ดีกว่าเสียใจในสิ่งที่เราไม่มีโอกาสเลือก”
ริวชะงักไปอีก เริ่มหงุดหงิดในความดื้อดึงของมายูมิ
“ผมจะทำให้คุณยอมแต่งงานกับผม...มายูมิ”
มายูมิท้าทาย
“ฉันก็อยากรู้ว่าคุณจะทำยังไง...ริว โอะนิซึกะ”
“ระวังหัวใจคุณไว้ให้ดี...เพราะมันอาจหนีมาอยู่กับผมโดยที่คุณไม่รู้ตัว”
มายูมิเชิดหน้ามั่น ยืนยันว่าไม่มีวันนั้น ทั้งสองประสานตากันอย่างไม่ลดละ ไม่มีใครยอมกัน
ในบ้านทากาฮาชิ...ทามาโกะช่วยแต่งตัวชุดทำงานให้ทากาฮาชิ ทามาโกะไม่สบายใจ จึงถามขึ้น
“พักนี้มายูมิมีท่าทางแปลก ๆ กับโอะนิซึกะโซเรียว”
“หนุ่มสาวก็ทะเลาะกัน งอนกันเป็นเรื่องธรรมดา”
“ถ้าเป็นเพราะมายูมิไม่อยากแต่งงานกับโอะนิซึกะโซเรียว คุณจะบังคับให้ลูกแต่งงานไหมคะ”
“ถึงท่านอิจิโร่จะเสียชีวิตไปแล้ว...ตระกูลทากาฮาชิก็ต้องรักษาคำพูด”
ทากาฮาชิตอบเสียงแข็ง ยืนยันคำเดิม ทามาโกะรู้สึกกังวลใจแทนมายูมิ
ทางเดินในโรงพยาบาล...มายูมิถือชาร์ตเดินมาอย่างเร่งรีบ สีหน้าเคร่งเครียดกับงานมาก
“เตียงหนึ่ง กล้ามเนื้อหัวใจตาย...กำลังรอเอนไซม์กับเลือด เตียงสอง เส้นเลือดสมองตีบ...ให้ยาละลายลิ่มเลือดและสังเกตอาการตลอด 24 ชั่วโมง”
พยาบาลเดินตาม และจดรายละเอียดที่มายูมิสั่งอย่างรวดเร็ว
“อ้อ...อย่าลืมเช็คจำนวนเม็ดเลือดให้ผู้ป่วยเตียงสามด้วย”
“ค่ะคุณหมอ”
พยาบาลรับคำแล้วรีบแยกออกไปอีกทาง มายูมินึกขึ้นได้อีก จะหันไปสั่งพยาบาล เป็นจังหวะเดียวกับที่ยูจิถือกล่องขนมเดินเข้ามาพอดี ทำให้ทั้งสองชนกันเข้าอย่างจัง
“อุ๊ย”
ชาร์ตในมือมายูมิจะหล่น ยูจิรีบคว้ารับชาร์ตไว้ได้ทัน แต่กลับทำให้กล่องขนมหลุดมือตกกระจัดกระจายเต็มพื้น มายูมิมองขนมบนพื้น รู้สึกผิดมาก
“ขอโทษค่ะ ฉันไม่ได้ตั้งใจ”
“ผมทำหลุดมือเอง คุณหมอมายูมิจะขอโทษทำไมครับ”
“ก็ฉันเป็นเจ้าของตัวต้นเหตุนี่คะ”
มายูมิจับชาร์ตจากมือยูจิชูขึ้นมาสารภาพผิด หน้าจ๋อย ๆ
ในสวนสวยบริเวณโรงพยาบาล...มายูมิมองกล่องขนมว่างเปล่ายังคงรู้สึกผิด ไม่สบายใจ
“น่าเสียดาย...ขนมของผู้กองยูจิหล่นหมดเลย”
“พรุ่งนี้ผมเอามาให้ใหม่ก็ได้ครับ”
ยูจิพูดอย่างยิ้มแย้ม อารมณ์ดี
“ฉันเป็นห่วงความรู้สึกของคนให้ต่างหากค่ะ”
“ผมดีใจที่รู้ว่าคุณหมอมายูมิเป็นห่วง แต่ถ้าคุณหมอยังรู้สึกผิดก็ยิ้มให้ผมเป็นการไถ่โทษแล้วกัน”
“ยิ้ม”
มายูมิมองยูจิ งง ๆ แต่ก็ยอมยิ้ม สายตายูจิเป็นประกาย ดีใจมาก
“รอยยิ้มของคุณหมอมายูมิมีค่ามาก...ผมอยากเห็นรอยยิ้มนี้ทุกวัน”
มายูมิอึ้ง ๆ สลดลง
“ผมพูดอะไรให้ไม่สบายใจหรือเปล่าครับ”
“ผู้กองยูจิเป็นผู้ชายคนแรก...ที่พยายามเข้ามาเป็นมิตรกับฉัน”
“เพราะไม่มีใครกล้ายุ่งกับว่าที่คู่หมั้นของโอะนิซึกะโซเรียว”
มายูมินิ่ง ไม่ออกความเห็น
“แต่ผมมีความจริงใจและความปรารถนาดี หวังว่าคุณหมอมายูมิจะให้โอกาสผมพิสูจน์มิตรภาพของเรา”
“เรียกฉันว่า...มายูมิ เฉย ๆ ก็ได้ค่ะ”
ยูจิหรี่ตามองมายูมิ ไม่เข้าใจ
“เป็นเพื่อนกัน...ก็ไม่ต้องเรียกอย่างเป็นทางการหรอกค่ะ”
“หมายความว่าคุณหมอมายูมิยอมรับผมเป็นเพื่อนแล้ว”
“แต่ผู้กองคงไม่อยากเป็นเพื่อนฉัน เพราะยังเรียกฉันว่าคุณหมออยู่เลย”
“ขอโทษครับ” ยูจิเลิกลั่กดีใจ “ขอบคุณมากครับ...ขอบคุณที่ให้โอกาสผม”
ยูจิยิ้มกว้าง ดีใจมาก มายูมิยิ้ม ๆ แต่แววตาแฝงความกังวล
ริมสระว่ายน้ำแห่งหนึ่ง...อาคิโกะโพสต์ท่าถ่ายแบบอย่างสวยเปรี้ยว สุดเซ็กซี่ ช่างภาพกดชัตเตอร์ตาม
อาคิโกะหมุนตัวและเปลี่ยนท่าในอิริยาบถต่าง ๆ ตากล้องตามถ่ายทุกมุม ทุกช็อต จนพอใจ ช่างแต่งหน้า ช่างทำผม รีบเข้าไปซับหน้าและดูแลจัดทรงผมให้อาคิโกะอย่างรวดเร็ว ทีมงาน ตามเข้าไปแจ้งอาคิโกะ
“เดี๋ยวคุณอาคิโกะไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเลยนะคะ อีกสิบนาทีถ่ายต่อ”
อาคิโกะพยักหน้ารับรู้ กำลังจะเดินไปเปลี่ยนเสื้อผ้ากับทีมงาน นักข่าวเข้ามารุมล้อมขอสัมภาษณ์อาคิโกะ
“ภาพยนตร์เรื่องล่าสุดที่คุณอาคิโกะแสดงคู่กับคุณโตชิโร่ จะมีตัวอย่างให้ชมเมื่อไหร่คะ”
อาคิโกะให้สัมภาษณ์กับนักข่าวอย่างยิ้มแย้ม เป็นกันเอง
“กำลังตัดต่ออยู่ค่ะ...อีกไม่นานคงได้ชมกัน”
“ตอนนี้ความสัมพันธ์ของคุณอาคิโกะกับคุณริว โอะนิซึกะ เป็นยังไงบ้างครับ”
อาคิโกะยิ้มหวาน
“เหมือนเดิมค่ะ..ถ้ามีข่าวดี จะรีบแจ้งให้พี่ ๆ นักข่าวทราบทันทีเลยค่ะ”
นักข่าวทุกคนหันมามองกันด้วยความแปลกใจ
“ข่าวดีของคุณริวกับคุณหมอมายูมิว่าที่คู่หมั้นใช่มั้ยคะ”
“คะ...” อาคิโกะงง
“โอะนิซึกะโซเรียวประกาศที่โรงพยาบาลเมื่อวันก่อน บอกว่าจะทำทุกอย่างให้คุณหมอมายูมิว่าที่คู่หมั้นยอมแต่งงานด้วย”
อาคิโกะช็อก ตกใจ หน้าชามาก แต่พยายามเก็บอาการสุด ๆ ฝืนยิ้มต่อหน้านักข่าว
“ฉันต้องไปทำงานแล้ว ขอตัวก่อนนะคะ”
“เดี๋ยวค่ะคุณอาคิโกะ”
อาคิโกะรีบเลี่ยงหลบไป โดยไม่รอทีมงาน นักข่าวต่างพากันเสียดาย ที่ไม่ได้สัมภาษณ์ต่อ
อาคิโกะเข้ามาในห้องแต่งตัวของกองถ่ายด้วยความโกรธ เหวี่ยงราวเสื้อผ้าที่อยู่ใกล้มือจนล้มระเนระนาด
“ทำไม...ทำไม”
อาคิโกะระบายอารมณ์จนสาแก่ใจ จึงเดินมาหยุดอยู่หน้ากระจก จัดเสื้อผ้า หน้า ผม ของตัวเองให้ดูดีเหมือนเดิม นิ่งต่างจากเมื่อครู่
“มายูมิ ทากาฮาชิ...แล้วเราจะได้เห็นดีกัน”
อาคิโกะสายตาร้ายลึก
ค่ำนั้น มายูมิอยู่ในห้องนอนมองกล่องไม้อย่างชั่งใจ ก่อนหยิบมาเปิดดู เห็นจดหมายเก่า ๆ หลายฉบับ ที่ถูกฉีกมาอ่านแล้ว เก็บเรียงกันไว้อย่างดีในกล่อง ความกลัดกลุ้มและไม่สบายใจ ทำให้เธอตัดสินใจหยิบปากกาจรดตัวหนังสือบนกระดาษเขียนจดหมายหาแพรวดาว
“สวัสดีค่ะพี่เซโกะ...ฉันไม่ได้เขียนจดหมายมาหาพี่นานแล้วแต่พอมีเรื่องไม่สบายใจ กลับคิดถึงพี่เป็นคนแรก...”
ริวกำลังเขียนจดหมายหาทาเคชิ ด้วยความเครียดเช่นกัน
“ผู้หญิงเข้าใจยาก อารมณ์แปรปรวนตลอดเวลา นายเข้าใจฉันใช่ไหมทาเคชิ”
มายูมิหยุดคิดนิดหนึ่ง ก่อนลงมือเขียนต่อ
“ฉันไม่เข้าใจว่าริวต้องการอะไรกันแน่ นึกอยากจะไป เขาก็ผลักไสแล้วจู่ ๆ ก็กลับมาเรียกร้องความเป็นเจ้าของ โดยไม่นึกถึงหัวใจฉันเลย”
ริวก้มหน้าก้มตาเขียนไป หยุดอ่านไป เคร่งเครียดมาก
“ฉันรู้ว่าผู้กองยูจิตั้งใจสานสัมพันธ์กับมายูมิ...ตำรวจคนนี้คาดเดายากดูไม่ออกเลยว่าเป็นคนยังไงกันแน่”
มายูมิถอนใจแรง คิดไม่ตก
“ฉันสับสน...ไม่แน่ใจความรู้สึกที่ฉันมีต่อริว”
รอยฝันตะวันเดือด ตอนที่ 3 (ต่อ)
ริว เขียนไป หงุดหงิดไป
“มายูมิอาจเคลิ้มไปกับความเป็นสุภาพบุรุษของผู้กองยูจิ”
มายูมิกับริวจบคำลงท้ายเหมือนกัน
“ฉันควรทำยังไงดี”
มายูมิทอดถอนใจกลัดกลุ้ม...ริวเอนหลังพิงเก้าอี้ด้วยความเครียด ไม่สบายใจ
โถงในสำนักงานตำรวจวันใหม่...กลุ่มนายตำรวจยืนเข้าแถวที่โถงอย่างเป็นระเบียบ พร้อมเพรียงกัน มาซารุเดินเข้ามาตรวจความเรียบร้อยของลูกน้อง นายตำรวจทั้งหมดทำความเคารพ มาซารุพยักหน้ารับ นิ่งมาก เดินเลยออกไป เคนปรี่เข้ามาทำความเคารพมาซารุ ก่อนรายงานเสียงเบา
“มีคำสั่งด่วน...ให้ท่านมาซารุรีบเข้าไปพบครับ”
มาซารุสบตาเคน รู้ทันทีว่าใคร
ห้องทำงานใหญ่ ยามาโมโต้ นั่งหันหลังอยู่ เสียงเคาะประตูห้องดังขึ้น
“เข้ามา”
ประตูเปิดออก ลูกน้องเดินนำมาซารุกับเคนเข้ามาภายในห้อง
“ท่านมาซารุมาถึงแล้วครับ”
ยามาโมโต้หมุนเก้าอี้กลับมา มาซารุก้มศีรษะทำความเคารพเขาพร้อมกับเคน
“ทำไมโอะนิซึกะโซเรียวถึงรอดไปได้”
ยามาโมโต้พูดด้วยสีหน้าที่ไม่ค่อยสบอารมณ์
“ผมกำลังหาวิธีอื่นจัดการมันครับ”
“พลาดอีกจนได้”
“ผมเสียใจครับท่าน”
“พักเรื่องโอะนิซึกะไว้ก่อน พวกมันคงระวังตัวกันมากกว่าเดิม ฉันอยากให้เปลี่ยนเป้าหมายไปเล่นงานพวกมิอุระ ทำให้เมืองนี้เหลือแค่โอะนิซึกะกับมิซาว่า”
“ผมจะสั่งให้มิซาว่าเร่งจัดการครับ”
“ยืมมืออสรพิษไปเล่นงานศัตรู...เสร็จงานแล้วตีมิซาว่าให้ตายด้วย อย่าให้มันกลับมาแว้งกัดเราทีหลัง”
“แน่นอนครับ คนอย่าง ทาคาโอะ มิซาว่า ไว้ใจไม่ได้...ผมหลอกใช้มันกำจัดโอะนิซึกะกับมิอุระ แล้วค่อยเก็บมันเมื่อหมดประโยชน์”
“ฉันอยากเห็นสายเลือดนักรบซามูไรอย่างโอะนิซึกะถูกโค่นลงจนสิ้นตระกูล อยากเห็นมิอุระกับมิซาว่าถูกทำลายสิ้นซาก เพื่อเราจะก้าวขึ้นมายิ่งใหญ่ที่สุดในเมืองนี้”
ยามาโมโต้กับมาซารุยิ้มสบตากัน หน้าเหี้ยมเกรียม ร้ายกาจมาก
มายูมิเลื่อนประตูห้องนอนเปิดออก แปลกใจที่เห็นทามาโกะยิ้มรออยู่ โดยมีเมกุมิกับมิยูกิ อมยิ้มเหมือนมีลับลมคมใน
“ยังไม่แต่งตัวอีกเหรอลูก”
มายูมิงงๆ
“หนูหยุดวันนี้...แม่จำไม่ได้เหรอคะ”
“แม่หมายถึงแต่งตัวออกไปเดทกับว่าที่คู่หมั้นของพี่มายูมิต่างหาก” เมกุมิแซว
“เพ้อเจ้ออะไรเนี่ย”
เมกุมิกับมิยูกิยิ้มรู้กัน ก่อนดึงแขนมายูมิไปที่หน้าต่าง
“ดูโน่นสิคะ”
มายูมิ เห็นริวยืนยิ้มมองมายังหน้าต่างห้องนอน รออยู่หน้าบ้าน เธอตกใจที่เห็นเขา
“พี่ริวฝากบอกว่าถ้าปล่อยให้รอนาน จะขึ้นมาตามเอง”
มายูมิจะค้านไม่ไป
“แม่คะ...”
“พ่ออนุญาตแล้ว...รีบเปลี่ยนเสื้อผ้าเร็ว ๆ นะลูก”
มายูมิฮึดฮัดไม่พอใจ แต่ก็ขัดความต้องการของทากาฮาชิไม่ได้
หน้าบ้านโอะนิซึกะ...ไทชิเปิดประตูด้านหลังรถให้ริวกับมายูมิก้าวลงมา มายูมิแปลกใจ
“พาฉันมาบ้านคุณทำไม”
“รำลึกความหลังครั้งเก่าของเราสอง...เผื่อคุณคิดถึง”
ริวหัวเราะคิกคัก คัตสึกับเซกิ ขำตามเจ้านาย แต่พอเห็นสีหน้าจริงจังไม่เล่นด้วยของมายูมิ
จึงพากันหยุดขำ อายะโกะกับฟุมิโกะถลาเข้ามาก้มศีรษะแสดงความเคารพ ต้อนรับมายูมิด้วยความดีใจ
“ไม่ได้เจอตั้งนาน...คุณมายูมิสวยสง่า ดูเป็นผู้ใหญ่ขึ้นมากนะคะ”
มายูมิก้มศีรษะทักทายอายะโกะที่เป็นผู้ใหญ่กว่าอย่างนอบน้อม
“ป้าอายะโกะก็ยังแข็งแรงเหมือนเดิมเลยค่ะ”
“เข้าไปเปลี่ยนชุดข้างในกันเถอะค่ะ ฉันเตรียมชุดไว้ให้แล้ว” ฟุมิโกะชวน
“ชุด” มายูมิงงๆ
มายูมิหันมองริวอีกครั้ง อยากรู้ว่าจะมีลูกเล่นอะไรอีก ริวลอยหน้าลอยตาตอบ
“ว่าที่นายหญิงของโอะนิซึกะจะต้องแข็งแกร่ง ช่วยเหลือตัวเองได้ ฝีมือต่อสู้ของคุณคราวก่อนถือว่าใช้ได้ แต่ยังต้องฝึกเพิ่ม...ผมเลยพาคุณมาเดทด้วยการซ้อมเคนโด้ จะได้ไม่ซ้ำกับหนุ่มคนไหนของคุณ”
“เป็นวิธีเดทที่แปลกพิศดารดี แต่ฉันไม่ประทับใจเลยสักนิด”
มายูมิเดินสะบัดเข้าไปในบ้าน โดยมีอายะโกะกับฟุมิโกะรีบตามเข้าไป ไทชิ คัตสึ เซกิ รีบรุมริวทันที คัตสึตีแขนริวเบาๆ
“นี่แน่ะ สอนไม่จำ เตือนไม่ฟัง”
ไทชิส่ายหน้า
“พูดจานุ่มนวล ละมุนละม่อมกับผู้หญิงหน่อยสิครับ อย่ายั่วให้เธอโมโห”
“พวกนายก็เห็นว่าฤทธิ์เยอะแค่ไหน”
“พอกันทั้งคู่นั่นแหละ” เซกิสวน
ริวหันขวับ เซกิรีบกลบเกลื่อน
“หมายถึงให้นุ่มนวลด้วยกันทั้งคู่” เซกิทำท่าทางสะกดจิต “ท่องไว้ครับ นุ่มนวล...นุ่มนวล...”
ในโรงซ้อมเคนโด้...ริวตวัดดาบไม้ตีเข้าใส่มายูมิอย่างแรง ดูจากฝีมือและท่วงท่า รู้ว่ามายูมิเป็นรองอยู่มาก
“ย้าก...”
ริวควงดาบไม้รุกไล่มายูมิอย่างย่ามใจ ไม่หยุดยั้ง ตั้งใจแกล้ง มายูมิเริ่มซวนเซ แต่ก็ตั้งรับและหลบหลีกอย่างไม่ยอมแพ้เช่นกัน ไทชิ คัตสึ เซกิ อึ้งมองริวกับมายูมิ ไทชิบ่นๆ
“นี่นุ่มนวลแล้วเหรอ”
คัตสึส่ายหน้า
“เจ้านายใคร... ดื้อจริง ๆ”
ริวยิ้มกริ่ม เริ่มสนุกที่ได้แกล้งมายูมิ วาดดาบไม้ พุ่งเข้ามาอีกครั้ง โคจิมองทิศทางการต่อสู้ของริว แล้วรีบตะโกนบอกมายูมิ
“ใช้ความอ่อนโยนต่อสู้กับความแข็งกร้าว”
มายูมิตีดาบไม้กลับอย่างไม่ค่อยเข้าใจโคจิ แต่ก็สกัดดาบไม้ของริวได้ ริวตะโกะบอกไทชิ พร้อมกับโยนดาบไม้ให้
“ไทชิ...รับ”
ไทชิวิ่งไปรับดาบไม้อย่างรวดเร็ว งง ๆ แต่รู้หน้าที่ ริวปรี่เข้าไปซ้อนร่างมายูมิ มือหนึ่งโอบเอวเธอไว้ ส่วนอีกมือกุมมือของเธอจับดาบไม้ มายูมิตกใจ
“จะทำอะไร”
“สอนการต่อสู้ฉบับรวดรัด”
ไทชิเงื้อดาบไม้ ปรี่เข้ามาหามายูมิ ริวจับมือมายูมิตวัดดาบไม้รับอย่างรวดเร็ว พร้อมกับสอนมายูมิไปในตัว
“ประสานใจให้เป็นหนึ่งเดียว...แล้วมันจะเป็นอาวุธที่ทรงพลัง”
ริวจับมือมายูมิ ตีโต้กลับไทชิไปอย่างเด็ดขาด
“สมาธิอยู่ที่ปลายดาบ ตัดสินใจให้รอบคอบและรวดเร็ว”
ไทชิพุ่งเข้ามาอีกครั้ง ริวโอบตัวมายูมิหลบวูบ จนเธออยู่ในอ้อมกอดเขา มายูมิ อึ้ง ใจเต้นรัว มองเขาอย่างทำตัวไม่ถูก ริวจับมือมายูมิวาดดาบตีกลับไทชิอย่างหนักหน่วง
“สมาธิแน่วแน่...จัดการคู่ต่อสู้”
ไทชิถูกริวกับมายูมิควงดาบไม้ฟาดเข้าที่กลางท้อง โคจิตะโกน
“โด”
โคจิยกมือให้คะแนนมายูมิ คัตสึกับเซกิ ปรบมือให้ มายูมิตื่นเต้นจนลืมตัว หันขวับไปหาริว
“ฉันทำได้แล้ว”
มายูมิหันไปหาริว ทำให้แก้มของเธอถูกเขาหอมเข้าอย่างจัง ริวชะงักมายูมิรีบเบี่ยงตัวออกจากแขนของเขาเขินมาก ไทชิ คัตสึ เซกิ ชำเลืองมองกันเลิกลั่ก ได้แต่อมยิ้ม ไม่กล้าแซว โคจิพูดขึ้น
“พื้นฐานดี แต่ขาดเทคนิค ถ้าหมั่นฝึกฝน ไม่นานก็อาจเอาชนะโซเรียวได้...คุณมายูมิเก่งมากครับ”
“ขอบคุณที่กรุณาช่วยสอนนะคะ”
มายูมิก้มศีรษะขอบคุณโคจิ เหมือนศิษย์เคารพครู โคจิก้มศีรษะรับ นิ่งมาก ริวบอกกับมายูมิ
“ไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าสิ ผมจะพาคุณไปข้างนอก”
มายูมิพยักหน้ารับคำส่ง ๆ ไป เพราะยังเขินจนไม่กล้าสู้หน้าเขา ริวยิ้มมุมปาก เริ่มมีกำลังใจ เมื่อเห็นมายูมิมีปฏิกิริยากับเขา
สวนสาธารณะบรรยากาศร่มรื่น เต็มไปด้วยดอกซากุระสีชมพูอ่อน บานสะพรั่งเต็มต้นสวยงาม สดชื่นมาก มายูมิเดินจ้ำเท้ามาลิ่ว ไม่ยอมรอริวที่กึ่งเดินกึ่งวิ่งตามมาติด ๆ
“ที่รักจ๋า...รอด้วยสิจ้ะ”
“ฉันจะกลับ...ถ้าคุณยังไม่หยุดเรียกฉันว่าที่รัก”
มายูมิหมุนตัวจะกลับจริง แต่ริวรีบปราดเข้าไปขวางไว้ พูดไปหอบไป
“งั้นเปลี่ยนเป็นดาร์ลิ้งฮันนี๊เบบี๋ ยาหยี หรือศรีภรรยาดีจ้ะ”
มายูมิก้มลงกวาดดอกซากุระบนพื้นขึ้นมาเต็มกำมือ จะเอายัดปากริว แต่ริวรีบเบี่ยงตัวหลบทันควัน
“เหวอ...อะไรกันจ้ะที่รัก”
“ถ้ายังไม่หยุดกวน ฉันจะเอาซากุระกลบปากคุณให้มิดเลย”
ริวชี้ ๆ เขิน ๆ
“เปลี่ยนจากซากุระเป็นปากคุณแทนได้มั้ยอ่ะ”
“ตาบ้า”
มายูมิปาดอกไม้ใส่หน้า ริวหลบไม่ทัน รับซากุระไปเต็ม ๆ หน้า
“ถ้ารู้ว่าคุณจะเครียดกับชีวิตขนาดนี้...ผมคงไม่ช่วยพูดให้พ่อคุณ อนุญาตให้คุณเรียนหมอแต่แรก”
“ฉันก็จะหาทางให้พ่อยอมเอง”
“อ๊ะ ไม่ซาบซึ้งบุญคุณแล้วยังทำปากเก่ง”
“ไม่ได้เก่งแค่ปาก อยากลองอย่างอื่นดูบ้างมั้ย”
มายูมิกำหมัดตีมืออีกข้างของตัวเอง หมั่นไส้ริวเต็มที่
“รีบไปดูดอกซากุระกันเถอะ เดี๋ยวมันงอนจนร่วงหมดต้น”
ริวตัดบทการต่อล้อต่อเถียงด้วยการคว้าข้อมือไปทันที มายูมิตกใจไม่ทันตั้งตัว
“ปล่อย”
พุ่มไม้ใหญ่... คัตสึกับเซกิ ถือช่อใบไม้บังหน้า ขณะยื่นหน้าขึ้นมาจากพุ่มไม้ หันซ้ายมองขวาอย่างระแวดระวัง
ท่าทางลับ ๆ ล่อ ๆ ไทชิแทรกเข้ามาระหว่างกลางของทั้งคู่
“ฉันให้ทุกคนกระจายกันไปดูแลความเรียบร้อยรอบ ๆ พวกนายทำอะไร”
“พรางตัว...นิ่ง และเนียนไปกับธรรมชาติ” คัตสึบอก
“จะได้ไม่เป็นก้างขวางคอเจ้านายด้วย” เซกิเสริม
“อืม...ซ่อนซะมิดเลย”
ไทชิประชด ถอนใจเอือมระอาคัตสึกับเซกิ
ในสวนซากุระ...ริวหยุดเดินเมื่อพามายูมิมาถึงบริเวณหนึ่ง เธอสะบัดแขนหลุดจากการเกาะกุมของเขา
“ปล่อยฉันได้แล้ว”
ริวยืนนิ่ง ไม่โต้เถียง ทำให้มายูมิแปลกใจ เงยหน้าขึ้นมองตามสายตาของเขา มายูมิอึ้ง ตะลึง มองต้นซากุระที่ออกดอกบานสะพรั่ง งดงาม ไม่ว่าเธอจะหันไปทางไหน ล้วนเต็มไปด้วยต้นซากุระทั้งหมด
“ดอกซากุระ...”
ริวจับมือมายูมิเดินลอดเข้าไปใต้กิ่งซากุระที่โน้มต่ำเป็นแถวยาว คล้ายอยู่ในอุโมงค์ดอกไม้สีขาว หญิงสาวเดินตามไปอย่างว่าง่าย ตื่นตาตื่นใจมาก ริวพามายูมิเข้ามายืนอยู่ใต้กิ่งซากุระที่โอบล้อมทั้งคู่ไว้อยู่ด้วยกันท่ามกลางดอกซากุระขาวชมพู เสมือนถูกตัดขาดจากโลกภายนอก มายูมิยกมือขึ้นแตะดอกไม้เหนือศีรษะอย่างตื่นเต้น
“งดงาม...เหมือนอยู่ในความฝัน”
ริวแอบอมยิ้ม ดีใจที่เธอชอบ
“ทุกอย่างคือความจริง...เราสองคนถูกกองทัพดอกซากุระโอบล้อมไว้ด้วยกัน”
มายูมิเดินเอามือแตะไล้ไปยังดอกซากุระแต่ละกิ่ง ที่โน้มต่ำลงมาใกล้มาก อย่างมีความสุข
“ซากุระ...จะร่วงพร้อมกันหมด เป็นสัญลักษณ์ของนักรบ หมายความว่าพร้อมจะสู้ตายด้วยกัน”
“แม้ดอกซากุระจะมีชีวิตช่วงสั้นๆ แต่ช่วงเวลาแสนสั้นนั้น...ดอกซากุระจะสวยสดใสและงดงามเสมอ”
ดอกซากุระดอกหนึ่งร่วงหล่นลงบนฝ่ามือมายูมิพอดี เธอยิ้ม เอาดอกซากุระในมือขึ้นมาจรดจมูก เป็นจังหวะเดียวกับที่ริวยื่นหน้าเข้ามาสูดกลิ่นดอกซากุระในมือของเธอ...ริวกับมายูมิสูดกลิ่นดอกซากุระพร้อมกัน มายูมิอึ้งไปพักหนึ่ง ก่อนดึงมือกลับ ค้อนกลบเกลื่อนความเขิน
“คนเจ้าเล่ห์”
“ผมก็อยากดมกลิ่นดอกซากุระเหมือนกัน”
“แล้วทำไมต้องดมจากมือฉัน”
“ไม่ดมจากมือที่รัก แล้วจะดมจากมือนางฟ้าที่ไหน”
มายูมิจะต่อว่าแต่จู่ ๆ ริวก็แบมือออกมา พูดขณะจ้องหน้าเธอจริงจัง
“ผมขอดอกซากุระในมือคุณได้ไหม”
มายูมิชะงัก ลังเล...แต่เมื่อเห็นสายตาแน่วแน่ของเขาก็เริ่มใจอ่อน วางดอกซากุระลงในมือของเขา ริวดีใจที่ได้รับดอกซากุระจากมือมายูมิ รีบยกดอกซากุระขึ้นจรดจมูก สูดกลิ่นหอมของดอกซากุระ ชื่นชมเป็นบทกลอน
“ซากุระแย้มสะพรั่ง
ดุจดังตะวันฉายฉาน
หัวใจนักรบผลิบาน
จำนรรค์กลิ่นกรุ่นดรุณี...”
ริวมองมายูมิ
“ไม่มีดอกไม้ใด หอมเท่าดอกไม้ที่ถูกคุณสัมผัสเลย...มายูมิ”
ริวยิ้มหวาน สบตามายูมิ หวังส่งความรู้สึกในใจให้เธอรับรู้ทางสายตา มายูมิประสานสายตากับเขาหวั่นไหว เหมือนจะเคลิ้มไปกับความหวานของเขา มายูมิเลี่ยงสายตารู้สึกสับสนมาก
บ้านพักไทชิยามเย็น...ไทชิกลับมาถึงบ้าน แปลกใจที่พบอาคิโกะนั่งรออยู่ อาคิโกะยิ้มร่า ทันทีที่หันมาเห็น
“ประตูห้องนอนฉันฝืดเหมือนจะเสีย ไทชิไปซ่อมให้หน่อยสิ”
“ปกติจะใช้เด็กที่บ้านมาบอก ทำไมวันนี้มาเอง”
“ฉันอยากมาถามทุกข์สุขของเพื่อนรักบ้างไม่ได้รึไง”
“เพื่อน...”
ไทชิสลดลงอย่างเจียมตัว
“จริงสิ...เราเป็นเพื่อนกันมาตั้งนานแล้ว”
“ท่าทางไทชิเหนื่อย ๆ วันนี้งานที่บริษัทคงยุ่งมากสินะ”
ไทชิพยักหน้ารับคำเงียบ ๆ
“ก็อย่างว่าแหละนะ เป็นองครักษ์ของโอะนิซึกะโซเรียว ต้องยุ่งไม่น้อยไปกว่ากัน เพราะโซเรียวไปที่ไหนไทชิก็ต้องไปด้วย”
อาคิโกะดึงแขนไปนั่ง ไทชิก็ยอมนั่งลงอย่างว่าง่าย อาคิโกะเดินอ้อมไปด้านหลังของเขาเริ่มใช้มือทั้งสองบีบนวดที่ไหล่ของเขา
“ไหล่ตึงขนาดนี้ ทำงานหนักและเครียดเกินไปรึเปล่า”
ไทชิงง ๆ อึกอัก
“อาคิโกะไม่ต้องนวดให้ฉันหรอก”
“ไทชิดีกับฉัน ทำอะไรให้ฉันกับพ่อมาตลอด...ฉันเต็มใจนวดให้ไทชิ”
อาคิโกะเลื่อนมือไล่แผ่นไหล่ของเขากดย้ำนวดให้เป็นจุด ๆ ไทชิเริ่มเคลิ้มและผ่อนคลายกับการนวดของเธอ อาคิโกะขยับหน้าเข้าไปถามใกล้หูไทชิขณะนวด น้ำเสียงนุ่มนวล แต่ในใจมีแผน
“พรุ่งนี้ไทชิเลิกงานเร็วไหม ฉันจะแวะมานวดซ้ำให้ ไทชิจะได้สบายตัวขึ้น”
ไทชิครุ่นคิด ก่อนเปรยออกมาอย่างไม่ระวังตัว
“พรุ่งนี้โซเรียวมีนัดเจรจาซื้อขายที่ดินหลายแห่ง”
“โซเรียวมีงานทั้งวัน” อาคิโกะฟังแล้วแววตาลุกวาว ถามย้ำ “คงต้องยุ่งทั้งวันสินะ”
“ฉันอาจจะกลับค่ำ ๆ แต่อาคิโกะมีคิวงานแสดงเยอะ ควรจะพักผ่อนมากกว่า”
อาคิโกะเสียงอ้อน
“ฉันก็อยากทำอะไรให้ไทชิบ้าง”
“เห็นอาคิโกะสุขภาพดี มีความสุข ฉันก็พอใจแล้ว”
“ไทชิน่ารักกับฉันที่สุดเลย”
อาคิโกะกอดอ้อนไทชิจากด้านหลัง ไทชิอึ้ง ตื่นเต้นและรู้สึกดีที่ถูกกอด อาคิโกะยิ้มพอใจที่รู้ความเคลื่อนไหวของริว
เคาน์เตอร์โรงพยาบาล...อาคิโกะใส่แว่นสีชาอำพราง ถามพยาบาลที่เคาน์เตอร์ด้วยน้ำเสียงเรียบ
“พรุ่งนี้คุณหมอมายูมิเข้าเวรกี่โมงคะ”
“สักครู่นะคะ”
พยาบาลหันไปเปิดแฟ้มตารางทำงานของหมอ เพื่อเช็คเวลาให้ อาคิโกะนิ่งรอฟัง
บ้านทากาฮาชิยามค่ำคืน...เมกุมิ มิยูกิ นั่งติวหนังสือไป หยิบผลไม้ทานไป โดยมีทากาฮาชินั่งอ่านหนังสืออยู่ใกล้ ๆ เสียงดนตรีโคโตะดังขึ้นเป็นจังหวะเพลงรักที่ไพเราะ นุ่มนวล ทากาฮาชิ เมกุมิ มิยูกิ หยุดฟังเสียงดนตรีที่ดังแว่วมาด้วยความแปลกใจ มิยูกิพูดขึ้น
“เสียงโคโตะ...ของพี่มายูมิ”
ทามาโกะยกน้ำชาเข้ามาวางเสิร์ฟให้ แปลกใจกับเสียงบรรเลงโคโตะเช่นกัน
“มายูมิไม่ยอมเล่นโคโตะมา 7 ปีแล้ว...วันนี้เกิดอะไรขึ้น”
ทุกคนในบ้านต่างพากันสงสัย
มายูมิกำลังบรรเลงโคโตะอยู่คนเดียวในห้องนอน อย่างตั้งใจ และใช้สมาธิ สลับกับการดีดโคโตะ สลับกับชำเลืองมองสร้อยจี้ดอกเดซี่ของริวที่วางอยู่ข้าง ๆ
ริวนั่งมองดอกซากุระในมืออย่างไม่วางตา ยิ้มมีความสุข ดอกซากุระมาประทับริมฝีปาก แทนความคิดถึงมายูมิ
มายูมิบรรเลงโคโตะจนจบเพลง...หยิบสร้อยจี้ดอกเดซี่ขึ้นมามองใกล้ ๆ คิดถึงริว มายูมินึกถึงช่วงเวลาที่อยู่กับริว...เขาซ้อนร่างของเธอสอนเคนโด้ เธออยู่ในอ้อมกอดของเขาและหันแก้มไปถูกเขาหอมเข้าอย่างจัง...เขาพาเธอเข้าไปในสวนท่ามกลางต้นซากุระ เขาขอดอกซากุระจากมือเธอแล้วพูดเป็นกลอน
“ซากุระแย้มสะพรั่ง
ดุจดังตะวันฉายฉาน
หัวใจนักรบผลิบาน
จำนรรค์กลิ่นกรุ่นดรุณี...”
ริวมองมายูมิ
“ไม่มีดอกไม้ใด หอมเท่าดอกไม้ที่ถูกคุณสัมผัสเลย...มายูมิ”
มายูมิอมยิ้ม เขินคนเดียวมองสร้อยดอกเดซี่ เริ่มรู้สึกดีกับริว
ไนต์คลับมิซาว่ายามค่ำคืน...ทาคาโอะยืนจ้องมองรูปริกิคู่กับซาโตชิ ที่ตั้งตระหง่านอยู่เบื้องหน้า แววตานิ่งนึกถึงคำพูดของมาซารุที่ผ่านมา
“แกไม่มีสิทธิ์มาขึ้นเสียงกับฉัน อย่าลืมว่าใครสนับสนุนให้แกฟื้นธุรกิจ มิซาว่ากลับขึ้นมา ถ้าไม่มีฉัน...ลูกนอกสมรสของ ริกิ มิซาว่า อย่างแกไม่มีทางยืนอยู่จุดนี้ได้”
ทาคาโอะ ขบกรามแน่นเป็นสันนูน เจ็บแค้นมาซารุ
“เมื่อถึงเวลาฉันจะเอาคืนแกอย่างสาสม...ไอ้มาซารุ”
ทาคาโอะหันกลับมาหานาบุที่ยืนรอรับคำสั่งอยู่ด้านหลัง
“มีคำสั่งด่วนให้เราจัดการ ฮารุ มิอุระ”
“หลังจากโอะนิซึกะโดนเล่นงาน มิอุระคงระวังตัวกันมากขึ้น”
“ระวังตัวแค่ไหนก็ต้องมีจุดอ่อน...ฉันจะส่งคนที่พวกมันนึกไม่ถึงเข้าไปเป็นเหยื่อล่อ”
ทาคาโอะยิ้มอย่างมีแผนการ นาบุสงสัย
“ใครครับ”
ห้องแต่งตัวในไนต์คลับมิซาว่า...จุนโกะนั่งแต่งหน้ารวมอยู่กับบรรดาสาวสวยไนท์คลับ หลายคนคุยกันหัวเราะสนุกสนาน
“แขกฉันทิปหนักมาก ใจป้ำสุด ๆ”
“หมั่นไส้ คราวหน้าเชียร์แขกหล่อนให้เลือกฉันมั่งสิ”
นาบุเปิดประตูเข้าห้องมา ตรงไปหาจุนโกะ สาวสวยต่างพากันเงียบกริบ ไม่กล้าสบตานาบุ
“จุนโกะ...ท่านทาคาโอะเรียกให้ไปพบ”
จุนโกะมองหน้านาบุ รู้สึกไม่ชอบมาพากล
“เรื่องอะไร”
ห้องทำงานทาคาโอะ...จุนโกะตกใจ ปฏิเสธไม่ยอมทำงานให้
“ไม่ค่ะ ฉันไม่ขอยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดเด็ดขาด”
“จะปฏิเสธฉันเหรอ”
ทาคาโอะถามน้ำเสียงเย็นยะเยือก จุนโกะสบสายตาทาคาโอะแล้วกลัวอย่างเห็นได้ชัด
“คนที่ปฏิเสธฉัน มีจุดจบเป็นยังไง...เธอก็น่าจะรู้”
ทาคาโอะหันไปสบตานาบุ เหมือนออกคำสั่งให้ทำอะไรบางอย่าง
“ไม่...เรื่องยาเสพติดฉันขอเถอะ”
จุนโกะรับรู้ด้วยสัญชาตญาณ ถอยกรูดจะหนี แต่ถูกนาบุล็อกตัวไว้
“ปล่อยฉันนะ”
“เธอไม่มีสิทธิปฏิเสธประกาศิตของมิซาว่า”
จุนโกะดิ้นรนขัดขืน ไม่ยอม จนนาบุโมโหต่อยเข้าเต็ม ๆ ที่ท้องน้อย จุนโกะจุกจนทรุดลงไปแทบพื้น แต่ยังพยายามรวบรวมแรงและสติ คืบคลานจะหนี
“ช่วยด้วย...”
“ร้องให้ตาย ก็ไม่มีใครช่วยแกได้” นาบุตวาด
นาบุกดล็อกตัวจุนโกะไว้ให้อยู่นิ่ง จุนโกะแพ้แรง เริ่มขวัญเสีย กลัวจนตัวสั่น ทาคาโอะ ถือเข็มฉีดยาเดินเข้าหา
“เธอต้องทำทุกอย่างตามที่มิซาว่าต้องการ ถึงแม้ว่าจะต้องไปลงนรก”
นาบุยิ้มเหี้ยม จุนโกะมองเข็มฉีดยาตรงหน้า ตกใจและกลัวมาก ฮึดดิ้นหนีอีกครั้งแต่ไม่หลุด เพราะนาบุล็อกตัวไว้แน่นมาก
“อย่าทำอะไรฉันเลย...ได้โปรด...อย่า...”
“ทำใจให้สบาย แล้วทุกอย่างจะเรียบร้อย”
“ไม่...”
นาบุเอามืออุดปากไว้ จุนโกะดิ้นรน น้ำเสียงอู้อี้ฟังไม่ได้ใจความ ทาคาโอะขยับเข้าหายิ้มเย็น สายตาอำมหิต
เข็มฉีดยากำลังจะถูกปักเข้าที่แขน จุนโกะตาโตช็อกและตกใจสุดขีด
รอยฝันตะวันเดือด ตอนที่ 3 (ต่อ)
ห้องพักแพทย์ในโรงพยาบาลวันใหม่...นานะเปิดประตูเข้ามา แปลกใจที่เห็นพยาบาลจัดเอกสารในห้องพักตามลำพัง
“คุณหมอมายูมิไม่อยู่เหรอ”
“วันนี้คุณหมอมายูมิมีตรวจคนไข้ทั่วไปค่ะ”
“ขอบใจจ้ะ”
นานะยิ้ม ๆ รับรู้
ในห้องตรวจ...คนไข้ชายก้มศีรษะขอบคุณ มายูมิก้มศีรษะตอบ พยาบาลจึงเปิดประตูนำคนไข้ชายออกไปข้างนอก มายูมิก้มลงอ่านแฟ้มประวัติคนไข้คนต่อไป เสียงรองเท้าส้นสูงก้าวเข้ามาในห้อง มายูมิเงยหน้าขึ้น แปลกใจที่เห็นผู้หญิงคนหนึ่งใช้ผ้าคลุมศีรษะสวยเก๋ สวมแว่นตาดำ ก้าวเข้ามานั่งฝั่งตรงข้าม
“ขอโทษที่เข้ามาแทรกคิวนะคะ”
อาคิโกะถอดแว่น ยิ้มอาย ๆ ก่อนก้มศีรษะทักทาย มายูมิก้มศีรษะรับ นึกคุ้นใบหน้า มายูมินึกถึงตอนที่ นานะคว้านิตยสารไปให้ดู
“ข่าวซุบซิบโอะนิซึกะโซเรียวควงอยู่ดาราสาวอาคิโกะ เจ้าหญิงแห่งวงการบันเทิง”
มายูมิมองหน้าอาคิโกะชัด ๆ จำได้
“คุณอาคิโกะ”
“คุณหมอรู้จักฉันด้วยเหรอคะ” อาคิโกะทำตื่นเต้น ก่อนนึกขึ้นได้ “จริงสิ...ใครไม่รู้จักดาราดังอย่างฉันคงเชยแย่”
อาคิโกะแอ๊บใส หน้าซื่อ แสร้งทำเป็นไม่รู้จักมายูมิ เนียนมาก มายูมิสงวนท่าที ไม่พูดอะไรต่อ จดบันทึกในชาร์จคนไข้
“ป่วยเป็นอะไรมาหรือคะ”
“ไม่ได้เป็นอะไรหรอกค่ะ”
มายูมิชะงัก
“ไม่ได้เป็นอะไร”
อาคิโกะแสร้งทำเป็นยิ้มผูกมิตร เหมือนไม่รู้ว่ามายูมิเป็นคู่หมั้นคู่หมายกับริว
“ฉันจะมาขอให้คุณหมอ...” อาคิโกะอ่านป้ายชื่อที่เสื้อมายูมิ “คุณหมอมายูมิช่วยสั่งยาให้แฟนฉันหน่อย”
มายูมินิ่งมองท่าทีอาคิโกะงง ๆ
“แฟนฉันปวดหัวไมเกรนบ่อยมาก แต่ไม่ค่อยมีเวลาว่าง เพราะธุรกิจรัดตัวทั้งวัน ยาที่ต้องกินก็ต้องใช้ใบสั่งแพทย์ ริวขอให้ฉันมาเอายาแทนค่ะ”
“ริว”
“ริว โอะนิซึกะ ไงคะ คุณหมอมายูมิน่าจะรู้จักตระกูลซามูไรเก่าแก่ ที่มีธุรกิจอสังหาริมทรัพย์มากมายในเมือง”
มายูมิรับคำไม่ค่อยเต็มปาก ไม่เข้าใจว่าอาคิโกะต้องการอะไรกันแน่
“ค่ะ...ฉันรู้จัก”
“ริวเขาบ้างานจนลืมดูแลตัวเองอย่างนี้เสมอ ถ้าฉันไม่คอยเข้มงวด เขาก็จะดื้อไม่ยอมทานยา”
มายูมินิ่งฟัง ปล่อยให้อาคิโกะเล่าอยู่ฝ่ายเดียว
“แต่ถ้าริวว่างจากงาน...เขาจะน่ารักมากนะคะ ชอบมาดูแลฉันเวลาทำงาน เราสองคนเหมือนคู่รักที่เติมเต็มซึ่งกันและกันเลยละค่ะ”
อาคิโกะอมยิ้ม เล่าให้มายูมิฟังอย่างมีความสุข
ในอดีต...แหล่งช้อปปิ้งในเมือง อาคิโกะควงแขนริวราวกับเป็นคู่รัก เดินชมเสื้อผ้าและของที่ขายตามร้านต่าง ๆ อาคิโกะยิ้มหวานให้ริว ทำเหมือนมีความสุขกันมาก
“เลือกของเสร็จรึยัง ผมมีธุระต้องรีบไป” ริวหน้านิ่ง
“อีกแป๊บนึงนะคะ จะไปงานประจำปีที่สนับสนุนโดยโอะนิซึกะ นักแสดงนำอย่างฉันต้องสวยเป็นพิเศษสิคะ ถึงจะสมเกียรติโซเรียว”
ริวท่าทางไว้ตัว ขณะที่อาคิโกะพูดตรงข้ามกับความเป็นจริง
“ฉันกับริวรู้จักกันมาตั้งแต่เด็ก เพราะพ่อฉันเป็นผู้บริหารบริษัทของโอะนิซึกะ เราโตมาด้วยกัน ผูกพันกัน จนมีความรู้สึกลึกซึ้งต่อกัน ริวปลื้มทุกครั้งที่พาฉันไปเลือกซื้อของ ผู้ชายอะไรก็ไม่รู้...ชอบช็อปปิ้งยิ่งกว่าผู้หญิง เอ...รึว่าอาจจะเป็นเพราะเขาไปกับฉันก็ได้ เลยอยากใช้เวลาอยู่ด้วยกันให้นานที่สุด ริวเป็นคนน่ารัก เอาใจเก่ง ชอบเซอร์ไพรส์ฉัน เรื่องเครื่องเพชรเนี่ยไม่ต้องพูดถึงเลย เขาจดจำรายละเอียดที่เกี่ยวกับตัวฉันได้ทุกอย่าง”
ความจริง...อาคิโกะเปิดกล่องกำมะหยี่เล็ก ๆ ที่ริวเอามาให้ ตื่นเต้นเมื่อเห็นสร้อยแขนเพชร
เปล่งประกายวูบวาบ
“สวยจังค่ะริว”
“เจ้าของจิวเวลรี่ให้เรายืม เพื่อใช้ในการแสดงครั้งนี้เป็นพิเศษ”
อาคิโกะยิ้มอ้อนๆ
“แล้วถ้าฉันขอให้คุณซื้อให้ คุณจะซื้อให้ฉันมั้ยคะ”
ริวนิ่งๆ เงียบๆ ขรึมๆ ไม่ตอบ
อาคิโกะคุยโอ่ไปอีกอย่าง
“ล่าสุดริวแอบซื้อสร้อยเพชรมาให้ฉันในวันเกิด...ฉันละปลื้มเขาจริงๆ ค่ะ ริวเคยขอฉันแต่งงานหลายครั้ง...แต่คนทำงานบันเทิงมีชื่อเสียงอย่างฉัน ยังเปิดเผยเรื่องส่วนตัวมากไม่ได้ ฉันก็เสียใจที่ทำให้ริวผิดหวัง”
สวนสวยแห่งหนึ่ง ริวยืนเศร้าผิดหวัง อาคิโกะเข้ามากอดปลอบริวจากด้านหลัง
“อย่าเสียใจไปเลยค่ะ เรื่องการค้าอาคิโกะอาจจะช่วยอะไรคุณไม่ได้แต่ฉันช่วยปลอบใจคุณได้นะคะ ไป...วันนี้ไปหาอะไรอร่อยๆ ทานกันดีกว่า”
“ไม่ดีกว่า...ค่ำนี้ผมมีงาน”
ริวเดินแยกไป
อาคิโกะเล่าตรงกันข้าม
“สุดท้ายคืนนั้นฉันต้องนั่งเป็นเพื่อนริวทั้งคืน เพื่อปลอบใจที่ไม่ยอมรับแหวนแต่งงานจากเขา”
อาคิโกะยังคงยิ้มใส ราวกับไม่รู้สถานะของมายูมิกับริวเลยสักนิด
“7 ปี ที่ฉันกับริวคบกัน เป็นช่วงเวลาที่เราสองคนมีความสุขมากเราเจอกันทุกวัน...ยิ้มและหัวเราะกันทุกวัน”
มายูมิอึ้ง คำพูดของริวดังขึ้นในความคิด
“7 ปีที่ผมแค่ไม่เคยมาพบให้คุณเห็นหน้า แต่ไม่ได้หมายความว่าผมหายไปเพราะผมเฝ้ามองคุณอยู่ตลอดเวลา”
มายูมิเจ็บแปลบในอก พยายามซุกซ่อนความเจ็บปวดนั้นไว้ภายใต้ใบหน้าเรียบ อาคิโกะเห็นสีหน้ามายูมิ นึกขึ้นได้
“อุ๊ย...ขอโทษค่ะ ฉันเผลอเล่าเรื่องส่วนตัวให้คุณหมอฟังเพลินเลย” อาคิโกะหัวเราะร่าเริง “ไม่รู้เป็นยังไงค่ะ คุยกับคุณหมอแล้วฉันถูกชะตาจริงๆ”
“คุณต้องการยาแก้ปวดไมเกรน”
“ใช่ค่ะ...รบกวนช่วยสั่งยาแก้ปวดให้แฟนฉันหน่อยนะคะ ในประวัติคนไข้น่าจะมีว่าริวใช้ยาชนิดไหน ถือว่าช่วยฉันเป็นกรณีพิเศษก็แล้วกันค่ะ”
มายูมินั่งชั่งใจว่าจะเขียนใบสั่งยาให้ดีมั้ย
“เดี๋ยวฉันจะเอาไปให้ริวตอนนัดทานอาหารมื้อดึก” อาคิโกะทำทีกระซิบ “ริวทานยา
ยากมากค่ะ ชอบอ้อนให้ฉันป้อนอยู่เรื่อย...น่าตีที่สุด”
อาคิโกะพูดเอง ขำเอง เขินเอง หน้าใสซื่อมาก มายูมิฝืนยิ้มให้อาคิโกะ ทั้งที่ภายในใจเจ็บช้ำ
อาคิโกะสวมแว่นตาดำ และผ้าคลุมผมสวยเก๋ เปิดประตูเดินออกมาจากห้องตรวจ
นานะเข้ามา เห็นอาคิโกะเดินผ่านไป จึงมองตามอย่างไม่แน่ใจ มายูมิยืนมองอาคิโกะอยู่ตรงประตู นานะรีบเข้าไปถามด้วยความสงสัย
“ที่เดินออกไปนั่น...อาคิโกะที่เป็นดาราใช่ไหม”
มายูมิพยักหน้ารับ โดยไม่ตอบ
“มาทำไม”
“มาขอยาให้ริว” มายูมิโกรธริวมาก
“หา...อะไรนะ...มาขอยากับเธอ ว่าที่คู่หมั้นริวเนี่ยนะ” นานะหน้าตื่น
“เขาคงไม่รู้มั้ง...ว่าฉันรู้จักกับ ริวสุดที่รัก ของเขา”
นานะงง ๆ ประหลาดใจมาก
ห้องรับรองในบริษัทแห่งหนึ่ง...ริวเผลอทำปากกาหลุดมือ ตกลงบนโต๊ะ จนการเจรจาหยุดชะงัก ทุกคนหันมองริวเป็นตาเดียว
“ขอโทษครับ”
ริวรีบก้มศีรษะขอโทษ ทุกคนจึงหันกลับไปสนทนากันอีกครั้ง โคจิสังเกตท่าทางของริว กระซิบถามอย่างรู้ทัน
“ใจลอยไปหาคนที่โรงพยาบาลใช่ไหม”
“วันนี้ผมยังไม่ได้เห็นหน้าว่าที่คู่หมั้นเลย” ริวยิ้มๆ
“อีกสักพักก็ประชุมเสร็จแล้วครับ”
ริวยิ้ม ดีใจ
“แต่โซเรียวมีนัดทานมื้อเย็นกับท่านโยชิโร่ที่ไชน่าทาวน์”
ริวยิ้มเก้อ ก่อนถอนใจอย่างเบื่อหน่าย โคจิอมยิ้ม อดขำสีหน้าริวไม่ได้
หน้าโรงพยาบาลยามเย็น...มายูมิในชุดไปรเวท เจอพยาบาลคนหนึ่งทักทาย ขณะเดินสวนกัน
“ออกเวรแล้วเหรอคะคุณหมอมายูมิ”
“ใช่จ้ะ”
พยาบาลก้มศีรษะลา มายูมิก้มศีรษะรับแล้วเดินแยกออกมาสักพัก ชะงัก เมื่อเจออาคิโกะนั่งอยู่มุมหนึ่ง เหมือนกำลังรอใครอยู่ อาคิโกะหันมาเจอมายูมิ ดีใจมาก
“คุณหมอมายูมิ”
“ยังไม่กลับอีกหรือคะ”
“ฉันมีอีกเรื่องจะรบกวนให้คุณหมอช่วยน่ะค่ะ”
อาคิโกะยิ้มอาย ๆ สีหน้าอ้อนวอน ขอร้อง มายูมิมองอาคิโกะ สองจิตสองใจ
อาคิโกะหิ้วตะกร้าเดินเลือกซื้อผักและผลไม้ในซุปเปอร์มาเก็ตกับมายูมิ
“ขอบคุณคุณหมอมายูมิมากนะคะที่อุตส่าห์มาเป็นเพื่อน ฉันเป็นห่วงสุขภาพของริว ก็เลยอยากให้คุณหมอช่วยเลือกอาหารที่มีประโยชน์กับคนไข้ที่ปวดหัวไมเกรนเป็นประจำ”
“ค่ะ”
มายูมิตอบสั้น ๆ พยายามข่มซ่อนความอึดอัดใจไว้ อาคิโกะเดินไปหยิบผักกาดหอมห่อขึ้นมา
“ให้ริวทานผักกาดหอมห่อดีไหมคะ”
“ผักกาดหอมช่วยบำรุงสมองและระบบประสาท...ทานได้ก็ดีค่ะ”
อาคิโกะทำท่าจะเอาผักกาดหอมห่อใส่ตะกร้า ก่อนชะงักนึกได้ จึงวางผักกาดหอมห่อไว้ที่เดิม แล้วหยิบผักกาดหอมต้นมาใส่ตะกร้าแทน อาคิโกะยิ้มแย้มบอกมายูมิ
“ริวชอบทานผักกาดหอมต้นมากกว่าค่ะ”
มายูมิยิ้มรับ ไม่ตอบอะไร อาคิโกะหันไปเป็นสตรอเบอรี่สด รีบถลาเข้าไปหยิบกล่องใส่สตรอรี่ขึ้นมาด้วยความตื่นเต้น
“อุ๊ย...สตรอเบอรี่ลูกใหญ่น่าทานมาก ผลไม้สุดโปรดของริวกับฉันเลยค่ะ”
“สตรอเบอรี่มีวิตามินซีและธาตุเหล็ก มีประโยชน์ต่อระบบเลือดและหัวใจ”
“คุณหมอแนะนำขนาดนี้...ฉันต้องซื้อสตรอเบอรี่ไปทานกับริวเยอะ ๆ หัวใจกับเลือดของเราจะได้สูบฉีดเหมือนกัน”
อาคิโกะยิ้มใส ขณะหยิบกล่องสตรอรี่สดใส่ตะกร้าหลายกล่อง มายูมิเลี่ยงสายตามองไปทางอื่น รู้สึกอึดอัดและลำบากใจมาก
หน้าซุปเปอร์มาเก็ต...อาคิโกะหิ้วถุงผัก ผลไม้ และอาหารมากมาย โค้งตัวขอบคุณมายูมิด้วยความซาบซึ้ง
“ขอบพระคุณคุณหมอมากนะคะ ที่กรุณาช่วยฉันหลายเรื่องในวันนี้”
“ไม่เป็นไรค่ะ”
“ฉันรู้สึกถูกชะตากับคุณหมอมากเลยค่ะ โอกาสหน้า...ฉันจะไปขอคำปรึกษาคุณหมออีกได้ไหมคะ”
อาคิโกะยิ้มให้มายูมิอย่างจริงใจและเป็นมิตรมาก มายูมิลังเล จำต้องรับคำ
“ยินดีค่ะ”
“คุณหมอน่ารักและใจดีที่สุดเลยค่ะ” อาคิโกะแสร้งนึกขึ้นได้ “ฉันต้องรีบไปแล้วปล่อยให้ริวรอนาน เดี๋ยวจะโมโหหิว”
อาคิโกะเขิน ๆ หัวเราะคิกคัก
“เวลาริวหิวจัด ชอบแกล้งฉันด้วยวิ่งไล่หอมไล่กอด ฉันต้องวิ่งหนีจนเหนื่อยทะเล้นมาก ๆ ริวเนี่ย”
อาคิโกะก้มศีรษะให้มายูมิอีกครั้ง แล้วเลี่ยงไป มายูมิยืนนิ่ง อึ้งมาก พูดอะไรไม่ออก
มายูมิเดินอยู่ริมถนนเหม่อลอย ครุ่นคิดถึงแต่คำพูดอาคิโกะ
“ริวเป็นคนน่ารัก เอาใจเก่ง ชอบเซอร์ไพรส์ฉัน เขาจดจำรายละเอียดที่เกี่ยวกับตัวฉันได้ทุกอย่าง”
มายูมิก้าวเท้าเร็วขึ้น หน้าเคร่งเครียด เมื่อเสียงอาคิโกะยังดังแว่วในความคิด
“แต่ถ้าว่างจากงาน ริวก็จะมาดูแลเทคแคร์ฉันเวลาทำงาน เราสองคนเหมือนคู่รักที่เติมเต็มกันและกัน”
มายูมิก้าวเท้าเร็วขึ้นอีก พยายามไม่นึกถึงเรื่องที่คุยกับอาคิโกะ แต่เสียงนั้นก็ยังคงตามหลอกหลอนไม่หยุด
“7 ปี ที่ฉันกับริวคบกัน เป็นช่วงเวลาที่เราสองคนมีความสุขมากเราเจอกันทุกวัน...ยิ้มและหัวเราะกันทุกวัน”
เสียงหัวเราะสดใสของอาคิโกะดังสลับกับฝีเท้าที่ก้าวเร็วมากของมายูมิ เธอสะดุดเท้าตัวเอง ล้มลง
“โอ๊ย”
มายูมิก้มมองเท้าตัวเอง เหนื่อยหอบ เจ็บช้ำใจ ก่อนรู้สึกว่ามีน้ำปริ่ม ๆ ที่ตา จึงยกมือขึ้นปาดทิ้งด้วยความเศร้า
“ฉันจะไม่เสียน้ำตาให้กับ ริว โอะนิซึกะ ผู้ชายหลอกลวง”
มายูมิน้ำตาไหลอาบแก้ม เจ็บปวดและเสียใจมาก เธอนั่งสะอื้นอย่างเดียวดาย ท่ามกลางแสงตะวันที่กำลังลับขอบฟ้า
วันใหม่...ริว โคจิ คาซูมะ มาซาโตะ เดินปรึกษากันออกมาจากคลังสินค้าโอะนิซึกะ
“อาคาซูมะช่วยติดตามสินค้าล็อตสุดท้ายด้วย ถ้ามีปัญหาขนส่งล่าช้าหรือคุณภาพสินค้าไม่ได้ เราจะได้ให้อามาซาโตะดำเนินการตามกฎหมาย”
คาซูมะกับมาซาโตะรับคำ
“ครับโซเรียว”
รถของมาซารุแล่นเข้ามาจอดอย่างรวดเร็ว ริว ทุกคนสบตากันอย่างไม่ค่อยไว้ใจ เคนรีบลงมาเปิดประตูให้มาซารุ ทั้งสองเดินตรงมายังริว
“ท่านมาซารุ มีอะไร ทำไมต้องรีบมาพบผมที่นี่ทั้งที่ไม่ได้นัด”
ริวก้มศีรษะทักทายมาซารุตามมารยาท มาซารุไม่ก้มศีรษะรับ ยืนประจันหน้าริว สายตาหาเรื่อง
“ดูเหมือนโอะนิซึกะโซเรียวไม่ทุกข์ร้อน กับคดีจ้างวานฆ่าท่านโอะซะมุเลย”
“ตำรวจมีหน้าที่ติดตามสืบคดี และจับตัวคนผิดมาลงโทษ ไม่ใช่ธุระของโอะนิซึกะ”
“ตำรวจกำลังเร่งติดตามคดีอยู่ ประตูห้องขังเปิดรอรับคนผิดเสมอ”
“จับตัวคนบงการฆ่าตัวจริงได้เมื่อไหร่ วิญญาณท่านโอะซะมุคงสู่สุขคติ”
มาซารุโกรธเพราะเหมือนถูกท้าทาย โคจิแทรกขึ้น
“ท่านมาซารุคงไม่ได้แค่แวะมาทักทาย”
“มีคนเห็น ฮารุ มิอุระ ยกพวกบุกไปบ้านโอะนิซึกะ แต่กลับไม่มีเหตุการณ์ร้ายแรงเกิดขึ้น”
“แล้วยังไงครับ” โคจิจ้องหน้า
“มันน่าแปลกใจ ผู้มีอิทธิพลถูกบุกเข้ามาถึงในบ้าน แต่ทุกอย่างกลับสงบ”
“สุภาพชนพูดคุยกันด้วยเหตุผล” ริวย้ำกับมาซารุ “โอะนิซึกะไม่ใช่พวกอิทธิพลเถื่อน ใครมาดีเราก็ต้อนรับ”
“หวังว่าการต้อนรับ...จะไม่นำไปสู่การร่วมมือทำเรื่องผิดกฎหมาย”
“อย่าด่วนสรุปแบบนั้น ทำไมไม่คิดว่าเราคิดจะทำเรื่องดีๆ บ้างล่ะ” โคจิแย้ง
“เรื่องดีๆ หรือฮารุเอาอะไรมาบรรณาการโอะนิซึกะกันแน่”
ริวจ้องหน้าไม่กลัว
“ท่านมาซารุคิดว่าเป็นอะไรล่ะครับ”
มาซารุไม่ตอบ จ้องตอบแววตาริวเขม็ง
“ถ้าโอะนิซึกะร่วมมือกับมิอุระ ทำเรื่องผิดกฎหมาย ผมไม่ปล่อยพวกคุณ
ไว้แน่”
มาซารุดุดัน เอาจริง ริวจ้องหน้ามาซารุ นิ่ง ไม่รู้สึกเกรงกลัว
เคนนั่งประจำที่คนขับ เอ่ยขึ้นหลังจากมาซารุขึ้นมานั่งเบาะด้านหลังรถอย่างหงุดหงิด
“โอะนิซึกะโซเรียวไม่วิตกเรื่องที่พัวพันคดีฆ่าท่านโอะซะมุเลย”
“ฮารุ มิอุระ ส่งมอบปืนของกลางไปให้มันแล้วแน่ๆ”
“ทำไมท่านถึงมั่นใจ”
“แววตามั่นใจของริว มันบอกฉันอย่างนั้น”
ริว โคจิ มาซาโตะคาซูมะ มองตามรถมาซารุที่กำลังแล่นออกไป
“คงรู้แล้วว่าปืนของกลางหายไป ถึงได้โกรธเป็นฟืนเป็นไฟที่ทำอะไรพวกเรา
ไม่ได้” ริวพูดลอยๆ
โคจิหน้านิ่ง
“มาซารุมาก็เพื่อตอกย้ำความมั่นใจว่า ฮารุ มิอุระ เป็นพวกเดียวกับเรา”
“เราควรจะทำยังไงต่อไปดีครับอาโคจิ” ริวหนักใจ
“เตรียมตัวให้พร้อม...เมืองนี้คงสงบไปได้อีกไม่นาน”
โคจิสีหน้าเข้มเต็มไปด้วยความกังวล
มาซารุมองริวผ่านกระจกมองหลัง
“มิซาว่าจัดการพวกมิอุระได้เมื่อไหร่ ฉันจะกลับมาคิดบัญชีกับโอะนิซึกะ”
มาซารุมองกลุ่มริวอย่างอาฆาต
ไนต์คลับมิอุระยามค่ำคืน...มีนักเที่ยวมานั่งฟังดนตรีและดื่มกับสาวสวยอย่างสนุกสนาน จุนโกะเดินเข้ามาในชุดสวยเปรี้ยว สุดเซ็กซี่ เหมือนสาวนักเที่ยวมีเงิน ถือกระเป๋าสุดหรู พนักงานต้อนรับปรี่เข้ามาหาจุนโกะ มองด้วยสายตาประหลาดใจ
“ฉันมีธุระกับท่าน ฮารุ มิอุระ”
พนักงานต้อนรับรีบเดินไปกระซิบบอกลูกน้องมิอุระ
ห้องทำงานฮารุ...ชุนถามย้ำลูกน้อง อย่างไม่ค่อยไว้ใจ
“ผู้หญิงที่มาขอพบท่านฮารุเป็นใคร”
“เป็นคนที่ท่านฮารุจะคุ้มค่าเมื่อได้เจอ”
จุนโกะก้าวเดินเข้ามาภายในห้องด้วยท่าทางงามระหง สายตาเซ็กซี่ยั่วยวน ฮารุนั่งอยู่ตรงโต๊ะทำงาน ตะลึงในความเย้ายวนของเธอ
“ฉันรู้สึกเป็นเกียรติที่ท่านฮารุสละเวลาให้เข้าพบ”
“ท่านฮารุยังไม่อนุญาต เธอเข้ามาได้ยังไง” ชุนเสียงแข็ง
จุนโกะบอกกับฮารุ
“ท่านไม่อนุญาตให้ฉันเข้าพบจริงๆ เหรอคะ”
ฮารุโบกมือห้ามชุน
“ฉันไม่เคยปฏิเสธไมตรีของสาวสวย”
ฮารุส่งสายตาให้ชุนกับลูกน้องออกไปจากห้อง ชุนกับลูกน้องก้มศีรษะรับคำสั่ง ก่อนออกจากห้องอย่างรู้หน้าที่ จุนโกะเดินเข้าไปหาฮารุใกล้โต๊ะทำงาน ยิ้มอย่างมีจริต
“ท่านมีเมตตาต่อฉันมาก”
ฮารุลุกจากเก้าอี้ โอบตัวจุนโกะเข้ามาหาตัวเหมือนคนละเมอ
“แล้วเธอจะตอบแทนความเมตตาของฉันยังไง ถ้าเดาไม่ผิด เธอน่าจะมีข้อเสนอการทำธุรกิจ บางอย่าง ระหว่างเรา”
ฮารุโอบกอดมากยิ่งขึ้น จนจุนโกะต้องทำเป็นเบี่ยงตัวออกจากอ้อมกอดของเขาเดินเลี่ยงโต๊ะมาอีกมุม แล้ววางกระเป๋าถือไว้บนโต๊ะฮารุอย่างมีเชิง
“ฉันมีธุรกิจใหม่มาเสนอ”
“ธุรกิจอะไร”
ฮารุมองจุนโกะหัวจรดเท้า สนใจจุนโกะมากกว่าสิ่งที่จะนำมาเสนอ
ภายนอกไนต์คลับ...ยูจิโชว์บัตรประจำตัวตำรวจกับลูกน้องมิอุระสามคนที่ยืนคุมหน้าประตูทางเข้า
“ผู้กองยูจิ...จากสำนักงานตำรวจ เราได้รับรายงานว่ามีการลักลอบขายยาเสพติดที่นี่”
ลูกน้องแย้ง
“ไนต์คลับมิอุระไม่เคยยุ่งกับยาเสพติด”
ยูจิเอาเอกสารจากลูกน้องตำรวจนอกเครื่องแบบยื่นให้ดู
“หมายค้น”
ลูกน้องมิอุระเปิดอ่านหมายค้น ก่อนหันมาปรึกษากันว่าจะเอายังไงดี
ฮารุเอื้อมมือไปจับข้อมือจุนโกะ ตวัดดึงร่างเธอมากอดไว้ จุนโกะยิ้มยั่ว ไม่บ่ายเบี่ยง
“ฉันยินดีทำธุรกิจกับสาวสวยเสมอ”
ฮารุโน้มหน้าจะจูบ แต่จุนโกะใช้นิ้วชี้แตะริมฝีปากฮารุไว้
“ฟังข้อเสนอของฉันก่อนสิคะ ถ้าเราตกลงกันได้...ทุกอย่างจะเป็นไปตามที่ท่านต้องการ”
ฮารุหัวเราะในลำคอ ชอบใจในความท้าทายของหญิงสาว จุนโกะแอบชำเลืองมองนาฬิกาโบราณติดผนังในห้อง รู้เวลา
“แต่มีความลับอย่างนึง...ที่ฉันต้องบอกท่านตอนนี้”
ฮารุนิ่งรอฟัง จุนโกะยื่นมือไปลูบแขนของฮารุ ยั่วยวน และ โน้มหน้าเข้าไปกระซิบข้างหูฮารุ
“ขอเข้าห้องน้ำก่อนได้มั้ยคะ” จุนโกะยิ้มหวาน “ฉันต้องเตรียมตัวให้พร้อม”
“ร้ายกาจมาก ฮึๆ ฉันจะรอนะ”
ฮารุผายมือเชิญให้จุนโกะไปห้องน้ำอย่างอารมณ์ดี จุนโกะส่งสายตาเซ็กซี่ให้ก่อนเดินกรีดกรายออกไป โดยทิ้งกระเป๋าถือไว้บนโต๊ะฮารุ
จุนโกะเข้ามาในห้องน้ำรีบปิดประตู ลงกลอน ก่อนตรงมาเปิดก๊อกน้ำที่อ่างล้างมือทิ้งไว้ ขณะลนลานมองหาทางออกจากห้องน้ำ เห็นหน้าต่างช่องระบายอากาศในห้องน้ำ จุนโกะยิ้มได้โอกาส รีบปรี่ไปยังหน้าต่าง หาทางเปิด
ชุนกับลูกน้องสองคนหน้าตาตื่นเข้ามารายงานฮารุ
“มีตำรวจมาขอค้นไนต์คลับเราครับ”
ฮารุตกใจ สายตาหยุดอยู่ที่กระเป๋าถือของจุนโกะตรงหน้า นึกเอะใจ รีบเปิดกระเป๋าดู เห็นภายในกระเป๋าถือของจุนโกะบรรจุถุงใส่ผงสีขาวมากมายในกระเป๋า
“ยาเสพติด นังผู้หญิงคนนั้นเป็นนกต่อ...ไปจับตัวมันมา”
ลูกน้องมิอุระ วิ่งออกไปจับตัวจุนโกะทันที ฮารุหันไปสั่งชุนอย่างรวดเร็ว
“เอากระเป๋าใบนี้ไปทำลาย”
ชุนคว้ากระเป๋าถือยังไม่ทันก้าวออกจากห้อง ยูจิกับลูกน้องตำรวจก็บุกเข้ามาในห้อง
“รีบร้อนไปไหน”
ชุนชะงัก ออกไปไม่ได้ ลูกน้องมิอุระวิ่งกระหืดกระหอบกลับมารายงานโดยไม่ทันมองยูจิ
“ผู้หญิงคนนั้นหนีไปแล้วครับ”
ยูจิมองลูกน้อง มองฮารุ และมองกระเป๋าที่ชุนถืออยู่
“กระเป๋าอะไร”
ชุนสบตาฮารุ เห็นเจ้านายให้สัญญาณทางสายตา จึงวาดกระเป๋าเหวี่ยงเข้าใส่ยูจิกับตำรวจที่มาด้วยทันที ยูจิกับตำรวจเบี่ยงตัวหลบ ชุนรีบโยนกระเป๋าส่งให้ลูกน้องมิอุระอย่างรวดเร็ว
“รีบไป”
ลูกน้องมิอุระ เอากระเป๋าวิ่งหนีไปอย่างรู้หน้าที่ ยูจิรีบวิ่งตามไปอย่างไม่รอช้า
“หยุดนะ”
ฮารุกับชุนขยับตัวจะตามไปอีก แต่ถูกตำรวจที่เหลือชักปืนออกมาขู่ ฮารุกับชุนชะงัก ยูจิวิ่งไล่ตามลูกน้องมิอุระทั้งสองเข้ามา ริมกำแพงซอกตึกก่อนวาดปืนขู่
“ยอมให้จับซะดี ๆ”
ลูกน้องมิอุระทั้งสองไม่ยอมหยุด ยูจิจึงลั่นไกยิง เปรี้ยงๆ ลูกน้องมิอุระกระโดดหลบไปคนละทาง ยูจิพุ่งเข้าไปหาลูกน้องที่ถือกระเป๋าไว้ ลูกน้องมิอุระปราดเข้าเล่นงานยูจิพร้อมกัน ต่อสู้กับยูจิด้วยหมัด เตะ ต่อย แบบสองรุมหนึ่ง
ยูจิต่อสู้กับลูกน้องมิอุระทั้งสองอย่างคล่องแคล่วเด็ดขาด ลูกน้องคนหนึ่งกระโดดเตะปืนในมือยูจิหล่น ยูจิเหวี่ยงแขนฟาดจนกระเป๋าในมือลูกน้องกระเด็นไถลไปกับพื้น ทำให้ถุงผงสีขาวมากมายกระจัดกระจายเต็มพื้น ยูจิหันไปเห็น
“มิอุระค้ายาเสพติดจริงๆ”
ยูจิหันมาชก ลูกน้องรับหมัดแล้วตวัดขาเตะทั้งคู่แลกหมัดกันอย่างดุเดือด ลูกน้องอีกคนสบโอกาส ยกเท้ายันร่างยูจิจากด้านหลัง
ยูจิล้มลงกับพื้น ยูจิคว้าปืนที่หล่นอยู่ยิงใส่ เปรี้ยงๆ ลูกน้องกระโดดหลบ กระสุนระเบิดใส่อย่างเฉียดฉิว ยูจิลุกขึ้น จะยิงซ้ำ แต่ไม่ทันระวังตัว โดนลูกน้องอีกคนคว้าแผ่นไม้ฟาดเข้าเต็มกลางหลัง
“โอ๊ย”
ยูจิเสียหลักทรุดลง ลูกน้องเงื้อไม้ฟาดยูจิซ้ำอีกครั้ง จนยูจิล้มคว่ำกับพื้น ลูกน้องเงื้อไม้จะฟาดยูจิซ้ำ ตำรวจหลายนายกรูเข้ามาล้อมลูกน้องมิอุระทั้งสอง แล้วชักปืนขู่
“อย่าขยับ”
ลูกน้องมิอุระทั้งสองชะงัก หน้าเสีย
บ้านโอะนิซึกะเช้าวันใหม่...ริวหน้าเคร่งเครียดขณะที่ คัตสึ เซกิ กำลังแต่งตัวให้ เมื่อโคจิรายงานเรื่องมิอุระ
“มีใครเป็นอะไรบ้าง”
“ผู้กองยูจิพลาดท่าถูกทำร้าย แต่ไม่เป็นอันตรายมาก”
“ลูกชายท่านมาซารุเจ็บตัวแบบนี้ มิอุระถูกเล่นงานไม่มีทางดิ้นหลุดแน่”
ริวครุ่นคิด ก่อนตัดสินใจ สั่ง คัตสิ เซกิ
“ไปตามอามาซาโตะกับอาคาซูมะ ฉันต้องการให้ไปกับฉัน”
โคจิมองริวอย่างอ่านใจออก รู้ว่าริวจะทำอะไร
สำนักงานตำรวจ...ฮารุอยู่ในห้องขังกับเหล่าลูกน้อง ก้มศีรษะขอบคุณริว
“ตำรวจไม่ยอมให้เราประกันตัว อ้างว่าหลักฐานแน่นหนามาก”
“ขอบคุณ...แค่โอะนิซึกะโซเรียวมีน้ำใจมาเยี่ยม เราก็ซาบซึ้งใจแล้ว”
“ผมอยากได้ยินความจริงจากปากท่านฮารุ”
“ไนต์คลับของมิอุระค้ายาเสพติดจริงมั้ย” คาซูมะถามเสียงเข้ม
ฮารุจ้องริว นิ่งสักพัก ก่อนพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“มิอุระจะมีอำนาจและความยิ่งใหญ่ไปเพื่ออะไร ถ้าสังคมเมืองนี้เสื่อมทรามเพราะสิ่งผิดกฎหมาย...ผมเลือกอยู่ข้างเดียวกับโอะนิซึกะ สายเลือดซามูไรผู้ปกป้ององค์จักรพรรดิ มิอุระก็ต้องเดินตามความถูกต้อง”
ริวพึงพอใจในคำตอบที่ได้จากฮารุ มาซาโตะพูดขึ้น
“โอะนิซึกะจะพยายามหาทางช่วยมิอุระทุกวิถีทาง...”
“ในฐานะที่เราเป็น มิตร ที่ดีต่อกัน” โคจิเสริม
“ขอบคุณมาก” ฮารุโค้งให้
“โอะนิซึกะ...ให้ความสำคัญกับคำว่า มิตรภาพ เสมอ”
ริวกับฮารุจ้องมองกัน รับรู้ถึงมิตรภาพที่มีต่อกัน
ริวกับพวกเดินออกมาตามทางเดินในสำนักงานตำรวจ มาซารุกับเคนเข้ามาขวางเอาไว้
“คิดไม่ถึงว่าโอะนิซึกะจะสนิทสนมกับมิอุระได้เร็วขนาดนี้”
“ไม่มีกฎหมายห้ามใครเป็นมิตรกัน”
“ช่วยคนผิด...ไม่ได้ทำให้ตัวเองเป็นฮีโร่ขึ้นมาหรอก...โอะนิซึกะโซเรียว”
โคจิสวนทันที
“ท่านไม่ควรรีบกล่าวหาใคร จนกว่าศาลจะพิพากษาว่าคนนั้นผิดจริง”
มาซารุตรงเข้ามาประจันหน้าริว น้ำเสียงไม่พอใจ
“มีหลักฐานยาเสพติดอยู่กับมิอุระ ยังจะบอกว่าไม่ผิดอีกเหรอ”
มาซาโตะขัดขึ้น
“ท่านฮารุให้การไปแล้ว กระเป๋าถือเป็นของผู้หญิงที่หายตัวไปเมื่อคืน”
“ไม่เคยมีผู้ต้องหายอมรับความผิดอยู่แล้ว” มาซารุเยาะ
“ชาวเมืองให้ความสนใจคดียาเสพติดมาก...ท่านมาซารุควรหาตัวผู้หญิงที่เป็นพยานสำคัญคนนั้น เพื่อการสรุปคดีที่ถูกต้อง” โคจิพูดด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง
ริวจ้องหน้ามาซารุแบบไม่เกรงกลัว แววตาทรงอำนาจ
“โอะนิซึกะเชื่อมั่นในการทำงานของท่าน ท่านต้องใช้อำนาจในทางที่ถูกต้องแน่นอน”
“ขอบคุณที่เชื่อมั่น...โอะนิซึกะก็ควรระวังตัวไว้ให้ดี ถ้าผมมีหลักฐานว่าพวกคุณเกี่ยวข้องกับธุรกิจผิดกฎหมาย ชะตากรรมของโอะนิซึกะจะไม่ต่างกับมิอุระ”
มาซารุขู่กร้าว ก่อนเดินออกไปกับเคน ริวมองตามมาซารุอย่างไม่ไว้ใจ
หน้าสำนักงานตำรวจ...ริวพูดกับโคจิ สีหน้าเคร่งเครียด
“ยาเสพติด...ผู้หญิงลึกลับที่หายตัวไป มันไม่ใช่ความบังเอิญแน่ๆจะต้องมีคนอยู่เบื้องหลังการจัดฉากครั้งนี้”
“น่าจะเป็นฝีมือของมิซาว่า” โคจิออกความเห็น
มาซาโตะครุ่นคิด
“ถ้าได้ตัวผู้หญิงเจ้าของกระเป๋าใบนั้น คดีของท่านฮารุก็มีสิทธิ์รอด”
“ปัญหาอยู่ที่ผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร อยู่ที่ไหน” คาซูมะหนักใจ
ริวฟังแล้วเครียดทันที
ห้องพักฟื้นในโรงพยาบาล...เสียงเคาะประตูดังขึ้น มายูมิจะเปิดประตูเข้ามาเห็นพยาบาลกำลังตรวจสายน้ำเกลือให้ยูจิที่นอนอยู่บนเตียง ยูจิหันมาเห็นมายูมิ ยิ้มดีใจ
“ผมตายแล้วใช่ไหม...ถึงได้ตื่นขึ้นมาเจอนางฟ้า”
พยาบาลอมยิ้ม เขินแทนมายูมิ
“แค่สลบกับฟกช้ำนิดหน่อย ไม่ทำให้ผู้กองยูจิตายง่าย ๆ หรอกค่ะ ถ้าฝืนลุกไหว ก็รับยากลับไปพักต่อที่บ้านได้”
“ผมอยากอยู่ที่นี่นาน ๆ จะได้เห็นหน้าคุณหมอทุกวัน”
“เอาเปรียบคนไข้ที่ต้องการเตียงรักษานะคะ”
“ถ้าผมยอมคืนเตียงให้คนไข้ คุณมายูมิจะไปทานข้าวกับผมสักมื้อได้ไหม”
มายูมินิ่ง ลังเล พยาบาลแอบลุ้น ว่ามายูมิจะตอบยังไง
“ถ้าคุณหายและฉันว่าง ฉันจะไปทานข้าวกับผู้กองค่ะ”
ยูจิรีบลุกขึ้นด้วยความตื่นเต้น
“ตอนนี้ผมหายแล้วครับ”
“แต่ฉันยังไม่ว่างค่ะ”
“ว้า...งั้นผมนอนเจ็บอย่างเดิมดีกว่า”
ยูจิทำทีล้มตัวลงนอนอย่างคนหมดแรง ท่าทางอ้อน น่ารัก ๆ พยาบาลแอบหัวเราะคิกคักคนเดียว มายูมิยิ้มนิด ๆ รู้สึกดีกับยูจิ
ในห้องประชุม...หมอหลายคนเริ่มทยอยเข้ามานั่งประจำที่ของตนในห้องประชุม มายูมิเดินเข้ามา ตรงมานั่งข้าง ๆ นานะที่โบกมือเรียก
“แวะไปเยี่ยมว่าที่แฟนมาแล้วเหรอ” นานะถามทันทีที่มายูมินั่งลง
มายูมิค้อนขวับ
“ฉันกับผู้กองยูจิเป็นเพื่อนกัน”
“ตอบเหมือนดาราเลย...เป็นเพื่อนที่ห่วงใยกันดีเนอะ”
“ฉันห่วงเฉพาะคนที่ดีกับฉัน”
“คุณริวก็ดีกับเธอสารพัด แล้วทำไม...”
“เลิกพูดถึงผู้ชายคนนั้นสักที ฉันไม่อยากได้ยิน”
มายูมิขยับท่านั่ง เตรียมพร้อมประชุมร่วมกับคุณหมอคนอื่น ๆ นานะมองมายูมิอย่างเหนื่อยใจ
มายูมินิ่งมองไปเบื้องหน้า ไม่ต้องการพูดเรื่องริวอีกต่อไป
จบตอนที่ 3