xs
xsm
sm
md
lg

รอยรักหักเหลี่ยมตะวัน ตอนที่ 9-2

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


รอยรักหักเหลี่ยมตะวัน ตอนที่ 9 (ต่อ)

บ้านมิซาว่าเช้าวันใหม่...ไอโกะนั่งอยู่หน้ากระจกโต๊ะแป้ง สีหน้าและแววตาเลื่อนลอย คราบน้ำตาปริ่มขอบตา สาวใช้เลื่อนประตูห้องเข้ามาโค้งตัว ก่อนรายงาน
“โอะนิซึกะโซเรียวมาแล้วค่ะ”
ไอโกะชะงักเล็กน้อย ก่อนหันมาด้วยสีหน้าแปรเปลี่ยนเป็นดีใจ สายตาเป็นประกายวาบ ต่างจากอารมณ์เศร้าก่อนหน้านี้ ไอโกะยิ้มอย่างหมายมาดบางอย่าง

มุมรับประทานอาหาร บ้านมิซาว่า...ทาเคชิเลื่อนถ้วยซุปมิโซะไว้ตรงหน้าไอโกะ ที่แสร้งตีสีหน้าเศร้าซึมเหมือนคนป่วย เพื่อเรียกคะแนนสงสารจากทาเคชิ
“ป้าอายะโกะบอกว่าคนป่วยต้องทานซุปมิโซะร้อน ๆ จะช่วยให้ผ่อนคลายและหลับสบายขึ้น”
ไอโกะมองซุป รู้สึกคลื่นไส้ แต่พยายามเก็บอาการ
“ลองชิมสิ”
ทาเคชิชักชวนไอโกะ ยิ้มอบอุ่น ห่วงใย ไอโกะลังเล ก่อนทำทียื่นมือยกถ้วยซุปขึ้นมาอย่างไม่ค่อยมีเรี่ยวแรง ทาเคชิจึงรีบช่วยประคองยกถ้วยซุปให้
“ผมช่วยป้อนแล้วกัน”
“จะดีเหรอคะ”
ไอโกะแสร้งทำเสียงอ่อน เกรงใจ ทาเคชิพยักหน้ายืนยัน ไอโกะจึงจำใจยอมให้เขาป้อนซุปอย่างเลี่ยงไม่ได้ สีหน้าไอโกะกระอักกระอ่วน อยากอาเจียน แต่สุดท้าย...ฝืนใจกลืนซุปลงคอไปอย่างผะอืดผะอม ทาเคชิสังเกตเห็น
“หน้าคุณซีดมาก ปวดท้องหรือเปล่า”
“แค่คลื่นไส้ เอ้อ...ท้องไส้ปั่นป่วนนิดหน่อยค่ะ”
“ไอโกะต้องทานอาหารและทานยาให้ตรงตามเวลา จะได้หายเร็ว ๆ”
“แค่ความห่วงใยของทาเคชิ ก็ทำให้ไอโกะหายป่วยแล้วค่ะ”
ไอโกะกุมมือทาเคชิ ยิ้มชื่น มีความสุข
“ขอบคุณที่มาดูแลไอโกะนะคะ”
ทาเคชิยิ้มรับ มองไอโกะด้วยสายตาอบอุ่น เสมือนพี่ชายคนหนึ่งเท่านั้น ริกิกับซาโตชิยืนมองทั้งสองอยู่มุมหนึ่ง ห่างออกไป ท่าทางริกินิ่งขรึม ผิดกับซาโตชิที่มีท่าทางหงุดหงิดมาก...ซาโตชิกระแทกเสียงอย่างอารมณ์เสีย ไม่ค่อยพอใจ
“ไอโกะเกลียดเต้าหู้ ไม่ชอบซุปมิโซะ แต่ยอมฝืนกินเพราะไอ้ทาเคชิ”
ริกินิ่งเงียบ ไม่ออกความเห็น จนซาโตชิรู้สึกขัดใจ
“พ่อไม่รู้สึกอะไรบ้างรึไง”
“คิดจะเป็นใหญ่ ต้องใช้สมอง ไม่ใช่อารมณ์”
ริกิหันมามองซาโตชิด้วยความเอือมระอา
“แต่เราเปลี่ยนแผน...จะจัดการเก็บไอ้ทาเคชิแล้ว”
“คิดแต่เรื่องทำร้ายทาเคชิ จนมองไม่เห็นความสุขของไอโกะเลยรึ”
ซาโตชิชักสีหน้าสงสัย ไม่เข้าใจ
“ไอโกะเริ่มดีขึ้นเวลาอยู่กับทาเคชิ รอให้ร่างกายและจิตใจของไอโกะแข็งแรงมากกว่านี้ เราค่อยลงมือเก็บทาเคชิทีหลังก็ได้”
ซาโตชิครุ่นคิดตามริกิ ก่อนยิ้มพราย เห็นด้วยในแผนการของผู้เป็นพ่อ

ระเบียงริมสวน บ้านโอะนิซึกะ...ริวนั่งนิ่งมองโคโตะตรงหน้า ราวกับกำลังทำสมาธิ ท่าทางมืออาชีพมาก คัตสึกับเซกิ นั่งอยู่ใกล้ ๆ รอฟังอย่างใจจดใจจ่อ ไม่กล้าส่งเสียงรบกวนสมาธิ ริวยื่นมือทั้งสองไปที่โคโตะ เตรียมลงมือบรรเลง คัตสึกับเซกิ ลุ้น ๆ ตื่นเต้นที่จะได้ฟัง...ริวดีดโคโตะแป่ว... และรัว แป่ว ๆ มั่วไม่เป็นจังหวะ ริวหลับตาพริ้ม ตะบี้ตะบันดีดโคโตะรัวเร็ว ๆ อย่างใส่อารมณ์เต็มที่ มั่ว และไม่เป็นเพลง คัตสึกับเซกิ แทบหงายท้อง...ด้วยความอึ้ง ก่อนหัวเราะขำแข่งกับเสียงดีดโคโตะของริวอย่างสนุกสนาน จนริวต้องหยุดเล่นโคโตะ
“เล่นดนตรี ไม่ได้เล่นตลก”
“เล่นไม่เป็นเพลง ใครฟังก็ขำ ฮ่า ๆ” คัตสึหัวเราะ
เซกิขำมาก
“ฮ่า ๆ อ่อนซ้อม...ไอ้เราก็นึกว่าเซียน”
“มือใหม่หัดเล่น ได้แค่นี้ก็บุญแล้ว”
คัตสึกับเซกิ ยกมือไหว้ และพูดพร้อมกัน
“สา...ธุ”
“ทำบ้าอะไร” ริวดุ
“อ้าว ท่านริวบอกได้แค่นี้ก็บุญแล้ว พวกเราก็อยากได้บุญบ้าง”
เซกิหันไปหัวเราะกับคัตสึสนุกสนาน ริวชักยัวะ
“เอาบุญใหญ่เลยแล้วกัน เดี๋ยวจัดหนักให้”
ริวเงื้อหมัด ลุกเข้าหาคัตสึกับเซกิ ทั้งสองตกใจ รีบลุกเผ่นแนบไปอย่างรวดเร็ว คัตสึหน้าตื่น
“เหวอ...อยู่ไม่ได้แล้ว”
แพรวดาวเข้ามาพอดี เห็นคัตสึกับเซกิ วิ่งหนีไปคนละทาง อดขำทั้งสามไม่ได้ ริวหันมาเจอแพรวดาว ชะงักเล็กน้อย ทำตัวไม่ถูกเมื่อเธอมองโคโตะอย่างพิจารณา
“คุณริวเล่นโคโตะ...พิณญี่ปุ่น ด้วยเหรอคะ”

ริวยิ้ม เขิน ๆ ไม่รู้จะอธิบายยังไง

โถงในบ้านโอะนิซึกะ...ริวใช้ผ้าสะอาดผืนเล็ก บรรจงเช็ดโคโตะอย่างทะนุถนอม แพรวดาวสังเกตมอง ก่อนถามด้วยความสงสัย
“ตั้งแต่เข้ามาอยู่บ้านนี้ ฉันยังไม่เคยเห็นคุณริวเล่นโคโตะเลยสักครั้ง”
ริวมองโคโตะ อมยิ้ม นึกถึงมายูมิ แพรวดาวเห็นสีหน้าท่าทางริว จึงเปรยขึ้นอย่างคาดเดา
“หรือโคโตะ ทำให้คุณริวคิดถึงใคร”
“ผมจะคิดถึงมายูมิทำไม” ริวรีบปฏิเสธ
“ฉันยังไม่ได้เอ่ยชื่อใครเลยนะคะ”
ริวหน้าเหรอหรา เผลอปล่อยไก่ตัวใหญ่ออกไป แพรวดาวอดขำสีหน้าริวไม่ได้
“คนปากแข็ง หัวใจก็เลยต้องพูดแทน”
“โอคุซังรู้” ริวจ๋อยไป
“ทาเคชิสอนให้ฉันสังเกตคนจากแววตา ทุกครั้งที่พูดถึงมายูมิ แววตาคุณริวจะเป็นประกายสดใสของคนที่มีความรัก”
ริวมองแพรวดาวด้วยความทึ่ง ไม่ปฏิเสธความจริง
“ความรู้สึกบางอย่างเก็บไว้ในใจก็ดี แต่ความรู้สึกดี ๆ ที่มีต่อคนที่เรารัก ไม่ควรเก็บไว้นานเกินไปนะคะ”
“ผมไม่แน่ใจว่านั่นคือความรัก”
“คุณริวคนเดียวเท่านั้นที่รู้ค่ะ”
แพรวดาวยิ้มอย่างให้กำลังใจ ริวถามด้วยความเป็นห่วง
“ทาเคชิต้องไปบ้านมิซาว่าทุกวัน โอคุซัง...เอ่อ...”
“ที่สุดของรัก คือการเชื่อใจกันและกัน...ความจริงคุณไอโกะมีสิทธิ์ใกล้ชิดทาเคชิมากกว่าฉัน”
“โอคุซังเข้าใจทาเคชิ แต่ทำไมสีหน้าไม่ค่อยสบายใจ”
“ทาเคชิไปบ้านมิซาว่าคนเดียว...ถ้ามิซาว่าเกี่ยวข้องกับซะโต้จริงรอบตัวทาเคชิก็เต็มไปด้วยอันตราย”
“ทาเคชิเป็นคนเก่งและรอบคอบ ผมมั่นใจว่าเขาต้องปลอดภัย”
แพรวดาวลอบถอนใจ ยังคงไม่สบายใจอยู่ดี

สวนสวยบริเวณบ้านมิซาว่า...ไอโกะกอดแขนทาเคชิเดินชมสวน
“สูดอากาศบริสุทธิ์ คงทำให้ไอโกะสดชื่นขึ้น”
“ที่ไหนมีทาเคชิ ไอโกะก็มีความสุขแล้วค่ะ”
ไอโกะมองดอกไม้รอบ ๆ อย่างสบายตา ทาเคชิหันไปเห็นริกิยื่นซองใส่เอกสารสีน้ำตาล ส่งให้จูโร่มุมหนึ่ง ไกลออกไปเล็กน้อย ท่าทางทั้งสองดูมีลับลมคมในกัน
“เอกสารสำคัญ...เอาไปเก็บในห้องทำงานฉัน”
“ครับนาย”
จูโร่ก้มศีรษะ รับเอกสารจากมือริกิ แล้วเดินเลี่ยงไป ทาเคชิมองตามเอกสารในมือจูโร่ด้วยความสงสัย
“มองอะไรอยู่คะ”
ไอโกะสะกิดทาเคชิ เมื่อเห็นเขาละสายตาจากเธอ
“สวนบ้านมิซาว่าร่มรื่นดี” ทาเคชิแก้ตัว ก่อนคิดหาทางปลีกตัวจากไอโกะ “ไอโกะทานยาแล้ว น่าจะไปนอนพักผ่อน”
“ไอโกะยังไม่ง่วงนี่”
“คนป่วยไม่พักผ่อนเยอะ ๆ จะหายป่วยได้ยังไง”
“หายได้ถ้ามีทาเคชิอยู่ด้วยตลอดเวลา”
ไอโกะยังคงดื้อรั้น ไม่ยอม ทาเคชิมองอย่างครุ่นคิด

ทาเคชิช่วยประคองตัวไอโกะให้นอนลงบนที่นอน เธอยิ้มหวาน ยั่วยวน เลื่อนมือขึ้นไปลูบไล้แขนของเขาอย่างแผ่วเบา
“ความสุขของไอโกะก็คือทาเคชิ”
“พักผ่อนเถอะ ตื่นขึ้นมาจะได้สดชื่น”
ทาเคชิจับมือไอโกะออกจากแขนตัวเอง เลี่ยงอย่างมีมารยาท สายตาไอโกะไม่พอใจแวบหนึ่ง ก่อนยังคงออดอ้อนไม่ลดละ
“อย่าเพิ่งกลับนะคะ ไอโกะอยากตื่นมาเจอทาเคชิเป็นคนแรก”
“ผมจะรอไอโกะตื่น”

ไอโกะยิ้มหวานพึงพอใจ แล้วค่อย ๆ หลับตาลง ทาเคชิลอบถอนใจเบา ๆ

ทาเคชิเลื่อนเปิดประตูห้องไอโกะ ก้าวออกมา แล้วเลื่อนปิดประตูอย่างเบามือที่สุด เขาย่องเงียบมาตามโถงทางเดิน ชะงัก เมื่อได้ยินเสียงเปิดประตูห้องหนึ่งดังขึ้น ทาเคชิรีบหลบเข้าไปยืนอยู่มุมหนึ่งเห็นจูโร่เดินออกมาจากห้องทำงานริกิ ก่อนปิดประตูเดินออกไป ทาเคชิมองประตูห้องทำงานริกิอย่างสบโอกาส

ทาเคชิเดินเข้ามาในห้องทำงานริกิ มองบรรยากาศโดยรอบด้วยสายตาค้นหา เขาเดินไล่ค้นตามชั้นหนังสืออยู่สักพัก แต่ไม่เจออะไรน่าสงสัย จึงตรงไปยังโต๊ะทำงาน ทาเคชิหันไปเห็นซองเอกสารวางอยู่บนโต๊ะทำงานของริกิ จึงเดินตรงไปเพื่อที่จะหยิบมาดู แต่สายตาสะดุดเข้ากับสิ่งหนึ่งบนโต๊ะเสียก่อน มันคือกรอบรูปริกิที่ถ่ายคู่กับอิจิโร่กระจกแตก ตั้งอยู่บนโต๊ะ ทาเคชิหยิบกรอบรูปขึ้นมาดูด้วยสีหน้าแปลกใจ สงสัยมาก ทันใดนั้นเสียงริกิดังขึ้น
“คนใช้ที่บ้านเผลอทำมันตกแตก”
ทาเคชิหันขวับด้วยความตกใจ ริกิยืนอยู่ตรงประตู ไม่รู้ว่ามาตั้งแต่เมื่อไหร่
“คุณลุงริกิ”
ริกิมองทาเคชิด้วยสายตาเรียบ นิ่งขรึม ขณะก้าวเข้ามาหยิบกรอบรูปจากมือทาเคชิไปวางที่เดิม
“ช่วงนี้วุ่น ๆ ยังไม่มีเวลาเปลี่ยนกรอบรูปที่ถ่ายคู่กับเพื่อนรัก”
“คุณพ่อคงดีใจที่รู้ว่ามิตรภาพระหว่างลุงริกิกับพ่อยังเหมือนเดิม”
“ไม่มีอะไรเปลี่ยนความรู้สึกที่ลุงมีต่ออิจิโร่...เมื่อก่อนเคยรู้สึกยังไง ตอนนี้ก็ยังเหมือนเดิม”
ริกิพูดขณะหยิบซองเอกสารสีน้ำตาล เก็บเข้าไปในลิ้นชัก นิ่งมาก ทาเคชิมองตามเอกสาร ยิ่งสงสัย ก่อนเห็นสายตาริกิที่จ้องมองเขาเขม็ง ราวกับมีคำถามในใจว่าเข้ามาอยู่ในห้องนี้ได้ยังไง ทาเคชิรีบแก้ตัว
“ไอโกะให้ผมเข้ามาหาหนังสืออ่าน ระหว่างที่อยู่เป็นเพื่อนตอนเธอหลับน่ะครับ”
สายตาริกินิ่งมาก คาดเดายาก ว่าเชื่อหรือไม่
“ขอบใจที่มาดูแลไอโกะ”
“ไอโกะก็เคยไปดูแลผมที่โรงพยาบาล ผมยินดีครับ”
“อย่ามาเพราะบุญคุณ”
ริกิเดินไปยืนประจันหน้าทาเคชิ สีหน้าและแววตาเคร่งขรึม
“เจตนาดีกับความรู้สึกดีมันต่างกัน...อย่าทำให้ไอโกะผิดหวัง เพราะการทุ่มเทความรักให้กับคนที่ไม่เห็นคุณค่า”
“ผมต้องทำตามหน้าที่ว่าที่คู่หมั้น และรักษาสัญญาของโอะนิซึกะ”
“คำสัญญาอาจไม่มีค่า ถ้าไม่ได้ทำด้วยใจ”
ทาเคชิสีหน้าเรียบ เงียบไป ริกินิ่งมองทาเคชิ ซ่อนความแค้นไว้ในแววตา

ทาโร่เดินเข้าบ้านมา เห็นโคจิกำลังจะซ่อมเสื้อตัวโปรดของทาโร่ให้อยู่ จึงรีบเข้าไปทัก
“ทำอะไรครับ”
“พ่อเห็นกระดุมเสื้อแกหลุด ก็เลยจะซ่อมให้”
“ไม่เป็นไร เดี๋ยวผมทำเอง”
ทาโร่รีบคว้าเสื้อไปจากโคจิ เนียน ๆ
“เสื้อตัวนี้ขาดจนมีแต่รอยเย็บเต็มไปหมด ก็ยังเห็นแกใส่อยู่บ่อย ๆ”
ทาโร่มองเสื้อตัวโปรดในมือ นึกถึงอดีตตอนที่แพรวดาวช่วยเย็บเสื้อให้เป็นการขอบคุณ...ทาโร่อมยิ้มคนเดียว เมื่อนึกถึงแพรวดาว
“แกเคยบอกว่าผ้ามันใส่สบาย แต่พ่อว่ามันมีอะไรมากกว่านั้น”
โคจิมองลูกชายด้วยความสงสัยทาโร่อึกอัก เสเปลี่ยนเรื่อง
“พ่อสายตาไม่ค่อยดี ผมเย็บกระดุมเสื้อเองดีกว่า”
โคจิไม่ยอม
“เดี๋ยวจะสอดด้ายกับเข็มให้ดูเป็นบุญตา”
โคจิพูดพลางหยิบเข็มกับด้ายขึ้นมา พยายามจะสอดด้ายเข้าไปในรูเข็ม แต่พยายามเพ่งยังไงก็มองไม่ค่อยเห็น ทำไม่ได้สักที ทาโร่ขำ ๆ มองโคจิที่เริ่มฮึดฮัด ไม่ได้ดั่งใจ
“ผมเชื่อว่าพ่อทำได้ แต่เมื่อไหร่จะเสร็จก็ไม่รู้ ให้ผมทำเองเถอะครับ”
ทาโร่คว้าเข็มกับด้ายไปจากมือโคจิ แล้วสอดด้ายเข้ารูเข็มได้อย่างง่ายดาย รวดเร็ว พลางหันไปยิ้มเย้ยให้โคจิ อารมณ์อบอุ่นน่ารักของพ่อลูก ทาโร่เย็บกระดุมไป โดยมีโคจิลอบมองด้วยสายตาทึ่งแต่พอทาโร่หันมา โคจิก็ทำเป็นเมินทางอื่น ไม่อยากสนใจ

ทาโร่เย็บกระดุมเสื้อเสร็จ จึงเก็บอุปกรณ์การเย็บกลับใส่กล่องไว้เรียบร้อย โคจิยกชาเข้ามาวางใกล้ ๆลูกชายก่อนจะเทชาใส่ถ้วยชาทั้งสองถ้วย ถ้วยหนึ่งถือไว้เอง ก่อนยื่นอีกถ้วยให้
“ขอบคุณครับ”
ทาโร่ก้มศีรษะขอบคุณ แล้วรับถ้วยชาจากพ่อเข้ามาสูดกลิ่นหอมกรุ่นของชาลึก ๆ จนเต็มปอด อารมณ์สุนทรีย์ แต่แล้วทั้งสองก็ต่างคนต่างชะงัก เมื่อเห็นอีกฝ่ายกำลังทำท่าทางเหมือนกัน ก่อนหลุดขำตัวเองพร้อมกัน
“ตั้งแต่เด็กจนโต แกยังชอบดมกลิ่นชาก่อนดื่มเหมือนเดิม”

“เป็นมรดกทางพันธุกรรมครับ”

สองพ่อลูกอมยิ้ม บรรยากาศอบอุ่นขณะจิบชาร่วมกัน โคจิวางถ้วยชา นึกขึ้นได้
“ป่านนี้ คัตสึ เซกิ คงถึงบ้านมิซาว่าแล้ว”
“โซเรียวน่าจะให้คนของเรารออยู่บ้านมิซาว่าด้วยเลย”
“โซเรียวตั้งใจอยู่ที่นั่นคนเดียว เพราะต้องการให้พวกมิซาว่าไม่ระวังตัวมากเกินไป”
โคจิพูดพลางทอดถอนใจ สีหน้าเป็นกังวล
“หวังว่าการเสี่ยงอันตราย จะทำให้ได้ข้อมูลที่เราต้องการ”
“ถ้ามีหลักฐานยืนยันว่าซะโต้กับมิซาว่าเกี่ยวข้องกัน โอะนิซึกะก็พร้อมจะเล่นงานพวกมันใช่มั้ยครับ”
“ถ้ามันเป็นพวกเดียวกัน...เท่ากับเป็นภัยร้ายแรงของบ้านเมืองเรา การกำจัดพวกมันจะส่งผลให้บ้านเมืองสงบสุขด้วย”
ทาโร่คิดตามโคจิ สีหน้าเคร่งเครียดไปด้วย

หน้าบ้านมิซาว่ายามเย็น...ไอโกะอ้อนทาเคชิอย่างอาลัยอาวรณ์ เมื่อเขากำลังจะกลับ โดยมีคัตสึกับเซกิ ยืนรออยู่ข้างรถ
“ทาเคชิกลับเร็วจัง”
“มีงานหลายอย่างต้องกลับไปจัดการ”
“อยู่ต่ออีกหน่อยไม่ได้เหรอคะ”
“วันนี้อยู่กับไอโกะทั้งวันแล้วนี่”
ไอโกะก้มหน้าเศร้า น้อยใจ
“ขอโทษค่ะ...ไอโกะคงเรียกร้องมากไป”
“พรุ่งนี้จะมาเยี่ยมอีก”
ไอโกะเงยหน้าขึ้นมาดีใจ
“จริงเหรอคะ”
“ผมเคยผิดคำพูดเหรอ”
“ทาเคชิน่ารักที่สุด”
ไอโกะโผเข้ากอดทาเคชิแนบแน่น ด้วยความดีใจ จนเขาไม่ทันตั้งตัว เธอแอบจุมพิตที่ชายคอเสื้อของเขา จนปรากฏเป็นรอยลิปติกสีสด โดยที่ทาเคชิไม่ทันสังเกตเห็น
“พรุ่งนี้ไอโกะจะรอทานมื้อเช้าพร้อมทาเคชินะคะ”
ทาเคชิยิ้มรับ ไม่ตอบ ค่อย ๆ ถอนตัวออก ไอโกะตีหน้าเศร้ามองทาเคชิหันหลังเดินไปขึ้นรถโดยมีเซกิวิ่งไปประจำที่คนขับ คัตสึคอยเปิด-ปิดประตูให้ แล้วขึ้นรถตามไปเป็นคนสุดท้าย รถทาเคชิค่อย ๆ เคลื่อนออกจากบ้านมิซาว่า จนลับไป สีหน้าไอโกะแปรเปลี่ยนเป็นยิ้มร้าย มีเลศนัย

ในครัวบ้านโอะนิซึกะ...แพรวดาววุ่นกับการเตรียมอาหารมื้อเย็นมากมายหลายเมนูในครัว กับอายะโกะและฟุมิโกะ หม้อต้มซุปเดือดจนควันคลุ้ง แพรวดาวจึงรีบปรี่ ใช้ไม้พายค่อย ๆ คนซุป
“ซุปได้ที่แล้ว อีกสักพักโซเรียวก็คงจะกลับพอดี”
ทันใดนั้นเสียงทาเคชิดังขึ้น
“อื้ม...หอม น่าทาน”
แพรวดาวสะดุ้งตกใจเล็กน้อย เมื่อทาเคชิสวมกอดเธอจากด้านหลัง โน้มหน้าเข้ามาสูดกลิ่นแก้มเธออย่างชื่นใจ
“อุ๊ย มาตั้งแต่เมื่อไหร่คะ”
“ผมไม่ได้ไปไหนเลย อยู่ในใจคิมิที่รักตลอดเวลา”
อายะโกะกับฟุมิโกะสะกิดกัน ทำเสียงฮือฮาแซวด้วยความอิจฉา แพรวดาวเขิน ๆ พยายามดันทาเคชิที่พยายามจะหอมเธอให้ออกห่าง
“อย่าค่ะ ตัวฉันมีแต่กลิ่นกับข้าวเต็มไปหมด”
“กลิ่นอะไรก็ปกปิดความหอมที่ตัวคุณไม่ได้”
แพรวดาวยิ้มเขิน
“รีบไปอาบน้ำก่อนเถอะค่ะ จะได้มาทานมื้อเย็นด้วยกัน”
“ขอหนึ่งจุ๊บก่อนไป”
แพรวดาวทำท่าคิด ทาเคชิจึงยื่นหน้าเข้ามาจุ๊บแพรวดาวทันที อย่างไม่รอคำตอบ
“คิดนานแปลว่าอนุญาต”
แพรวดาวเขินมาก ตีแขนทาเคชิเบาๆ
“ไปได้แล้วค่ะ เดี๋ยวฉันเอาชุดไปเปลี่ยนให้”
“เร็ว ๆ นะ...ผมคิดถึง”
ทาเคชิทำสายตาออดอ้อน ก่อนเดินผละไป ยิ่งทำให้อายะโกะกับฟุมิโกะคิกคัก กิ๊วก๊าวแซวแพรวดาว
“ว้าย...ไม่คิดว่าโซเรียวจะหวานหยดจนมดยังกลัวได้ขนาดนี้”
“ป้าเลี้ยงโซเรียวมาตั้งแต่เด็ก เพิ่งจะเห็นโซเรียวร่าเริงตั้งแต่มีโอคุซังนี่แหละ”
ฟุมิโกะยิ้มล้อ
“ความรักเปลี่ยนแปลงทุกสรรพสิ่ง...อีกไม่นานคงมีทายาทน้อย ๆ วิ่งเต็มบ้านนะคะ”
ฟุมิโกะกับอายะโกะหัวเราะดีใจด้วยกับแพรวดาว
“ฟุมิโกะ...พูดอะไรน่ะ”

แพรวดาวเสหันไปเตรียมอาหารด้วยความเขิน ทำไป ยิ้มไปอย่างมีความสุข

แพรวดาวช่วยสวมชุดยูกาตะให้ ทาเคชิยื่นมือไปโอบเอวรั้งร่างเธอเข้ามากอดไว้ด้วยความเสน่หา
“ทำไมวันนี้ผมคิดถึงคุณเป็นพิเศษ”
“เท่าที่จำได้ ไม่มีสักวันที่คุณไม่คิดถึงฉัน”
ทาเคชิโน้มแก้มตัวเองเข้ามาคลอเคลียหน้าผากนวลของแพรวดาว แผ่วเบา คลายเหนื่อยล้า
“คิมิที่รัก...แค่มีคุณ โลกใบนี้ก็น่าอยู่สำหรับผม”
“ความรักของคุณ ก็ทำให้ฉันรู้จักโลกอีกมุมที่ไม่เคยสัมผัสเช่นกันค่ะ”
แพรวดาวยิ้มหวาน สุขใจที่ได้อยู่ในอ้อมกอดทาเคชิ แพรวดาวนึกได้
“คุณริวรอทานข้าวอยู่ รีบลงไปเถอะค่ะ”
“ไปสิ”
ทาเคชิจับมือแพรวดาวจะเดินไปด้วยกัน แต่เธอขืนตัวเล็กน้อย
“คุณลงไปก่อนเถอะค่ะ เดี๋ยวฉันเก็บเสื้อผ้าเสร็จแล้วจะรีบลงไป”
ทาเคชิยิ้มรับคำ ก่อนหันหลังเดินออกไป แพรวดาวจึงเก็บเสื้อผ้าของเขาชุดที่ใส่กลับมาจากบ้านมิซาว่าที่พาดอยู่บนราว มาใส่ตะกร้าให้เรียบร้อย แพรวดาว เห็นชายคอเสื้อของเขามีรอยลิปสติกติดอยู่ แพรวดาวมองรอยลิปสติกบนเสื้อทาเคชิ อึ้ง ๆ

มุมทานอาหารบ้านโอะนิซึกะยามเย็น...ทาเคชิคุยกับริวอย่างผิดหวังเล็กน้อย
“ฉันเกือบจะได้เอกสารฉบับนั้นมาแล้ว...เสียดายจริง ๆ”
“ท่าทางลุงริกิสงสัยแกบ้างไหม”
“ก็คงสงสัย”
“ต้องระวังตัวให้มาก ๆ ตอนนี้เราไว้ใจใครไม่ได้ทั้งนั้น”
ทาเคชิพยักหน้ารับรู้ ริวหันไปเห็นแพรวดาวนั่งเหม่อ หน้าตาเครียด ๆ
“โอคุซังเป็นอะไรหรือเปล่า”
“คะ”
แพรวดาวรู้สึกตัว เห็นทาเคชิกับริวมองเธอด้วยความเป็นห่วง
“ใจลอยไปไหนแล้วคิมิที่รัก”
“เปล่าค่ะ เดี๋ยวฉันไปเตรียมของหวานให้นะคะ”
แพรวดาวก้มศีรษะ แล้วรีบลุกออกไปอย่างรวดเร็ว ทาเคชิ กับริวมองตาม ก่อนหันมองกันด้วยความสงสัย
“โอคุซังอาจไม่สบายใจเรื่องที่เราคุยกัน”
ทาเคชินิ่ง คิดตามริว

ครัวบ้านโอะนิซึกะ...แพรวดาวเดินมาหยุดอยู่ตรงระเบียง สีหน้าและท่าทางว้าวุ่นใจมาก
“มันไม่มีอะไร...เราต้องเชื่อใจเขา”
แพรวดาวถอนใจแรงอย่างอึดอัด พยายามสลัดความคิดแย่ ๆ ในใจให้หลุดออกไป

โกดังเก็บสินค้าของมิซาว่ายามค่ำคืน...เคนอิจิเดินนำยามะ โคเฮ เข้ามาประจันหน้ากับริกิที่ยืนรออยู่กับกับจูโร่
“ของจะเข้ามาตามกำหนด เตรียมรอรับได้”
เคนอิจิพูดเป็นการเป็นงาน ไม่มีท่าทีล้อเล่น ริกิพอใจ
“แกจัดการดีมาก”
“ท่านคงไม่เรียกผมมาแค่เอ่ยปากชมแน่”
ริกิหัวเราะร่วนในลำคอ ก่อนปรับน้ำเสียงจริงจัง
“ฉันมีข่าวดีที่จะทำให้เราร่วมมือกันโค่นโอะนิซึกะได้แน่นแฟ้นขึ้น”
เคนอิจิหรี่ตามองริกิ อย่างไม่ค่อยไว้ใจ
“ไอโกะท้องแล้ว”
เคนอิจิชะงักดีใจ
“จริงเหรอครับ...คุณหนูไอโกะท้องลูกของผม ท่านจะให้ผมแต่งงานเมื่อไหร่ ผมยินดีทำตามทุกอย่าง”
“ฉันมีข้อแม้”
เคนอิจิสะดุดกึก...เมื่อรู้ว่าริกิมีข้อต่อรอง
“แกจะได้แต่งงานกับไอโกะทันทีที่ฆ่าทาเคชิกับริวสำเร็จ”
“ผมอยากเจอว่าที่ภรรยาของผม”
“ตราบใดที่ทาเคชิกับริวยังไม่ตาย ฉากหน้าของแกกับฉันก็ต้องเป็นศัตรูกันต่อไป”

เคนอิจิจ้องริกิอย่างสะกดกลั้นความแค้น ที่ต้องเป็นฝ่ายจำยอม

รอยรักหักเหลี่ยมตะวัน ตอนที่ 9 (ต่อ)

เคนอิจิยืนนิ่งมองนักพนันมากมายในบ่อนผ่านกระจกใส ครุ่นคิดถึงเหตุการณ์ในอดีต...ตอนนั้น ริกิตบโต๊ะปัง ยกนิ้วชี้หน้าด่าเคนอิจิ โกรธสุดขีด
“อย่าบังอาจพูดกับฉันแบบนี้ ถ้าฉันไม่เก็บแกมาเลี้ยง แกก็คงเป็นแค่ขอทานหรืออันธพาลข้างถนน”
เคนอิจิ ขบกรามแน่น สีหน้าเครียดขึ้น

ริมถนนหน้าตลาดแห่งหนึ่งในอดีต...ริกิเดินคุยมากับลูกน้อง สีหน้าเคร่ง ดุดัน
“ของล็อตก่อนเสียหายเยอะมาก รีบแจ้งให้คุณเคนชดใช้ค่าเสียหายด้วย”
ลูกน้องก้มศีรษะรับคำอย่างหนักแน่น ทันใดนั้นเสียงเด็กดังขึ้น
“ปล่อยสิวะ”
ร่างเคนอิจิวัย 10 ขวบถูกเหวี่ยงเซถลามากองอยู่ตรงเท้าริกิพอดี ลูกน้องซะโต้ขยับตัวจะเข้าหาเคนอิจิ แต่ริกิโบกมือห้าม เคนอิจิหอบเหนื่อย แต่ไม่ยอมแพ้ ฮึดลุกขึ้น วิ่งปรี่เข้าไปยื้อแย่งขนมในมือเด็กที่โตตนเองอีกครั้ง ท่ามกลางสายตาของริกิและลูกน้องที่หยุดมอง
“เอาขนมฉันคืนมา”
“ไม่ให้โว้ย”
เคนอิจิโกรธมาก เงื้อหมัดต่อยเด็กที่โตกว่านัวเนีย ต้องการขนมคืน เด็กโตไม่ให้ ต่อสู้กับเคนอิจิอย่างมั่นใจ สุดท้าย...เคนอิจิปล่อยหมัดต่อยเปรี้ยงจนเด็กโตกว่าล้มคว่ำ โยนขนมทิ้งแล้ววิ่งหนีไป เคนอิจิจึงรีบคว้าขนมมากินอย่างหิวโหยและมูมมามมาก ริกิเห็นพฤติกรรมทั้งหมดของเคนอิจิ รู้สึกทึ่งและเกิดความคิดบางอย่าง จึงเดินเข้าไปหา พูดด้วยน้ำเสียงเป็นมิตร
“ไอ้หนู...ไปอยู่กับฉันไหม”
เคนอิจิเงยหน้าขึ้นมองริกิด้วยความงุนงง ไม่เข้าใจ

โกดังเก็บของมิซาว่าในอดีต...ริกิยืนคุมลูกน้องกำลังยกลังใส่ของไปจัดเรียงไว้มุมหนึ่งในโกดัง โดยมีเคนอิจิช่วยยกของอย่างขะมักเขม้น ไอโกะวัย 8 ขวบวิ่งเข้ามากอดริกิ ยิ้มร่าเริงมาก
“คุณพ่อขา...”
“ไอโกะเข้ามาทำไม ในนี้มันสกปรก”
“ไอโกะคิดถึงคุณพ่อนี่คะ”
ริกิอุ้มไอโกะขึ้น ยิ้มมีความสุขอยู่กับลูกสาว
“พ่อก็คิดถึงลูกสาวสุดที่รักคนนี้เหมือนกัน”
เคนอิจินิ่งมองภาพความอบอุ่นของริกิกับไอโกะ อย่างโหยหาความอบอุ่นนั้นบ้าง ริกิหันมาเห็นเคนอิจิมองอยู่ จึงตวาดใส่เสียงดัง
“ทำงาน...อย่าอู้”
จูโร่รีบเดินเข้าไปส่งสายตาดุเคนอิจิอีกที เคนอิจิจึงต้องรีบก้มหน้าทำงานต่อ อย่างไม่ค่อยพอใจ

ปัจจุบัน...เคนอิจิสีหน้าและแววตาเคียดแค้น
“อีกไม่นาน...ฉันก็จะมีครอบครัวที่อบอุ่น ไอโกะ มิซาว่า...ผู้หญิงของฉัน”
เคนอิจิกระหยิ่มยิ้ม รอคอยเวลาแห่งความสุขที่ใกล้เข้ามาถึง

โถงบ้านมิซาว่าเช้าวันใหม่...จูโร่ก้มศีรษะทำความเคารพริกิ ก่อนรายงานอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ ขณะสายตาไอโกะปราดมองมาราวกับสังหรณ์ใจบางอย่าง
“โอะนิซึกะโซเรียวติดธุระ เลยให้ลูกน้องมาบอกว่าจะเข้ามาเยี่ยมคุณหนู ไอโกะช่วงบ่ายครับ”
“ไม่ยอมนะ ทาเคชิรับปากจะมาทานมือเช้ากับไอโกะแล้ว กรี๊ด”
ริกิรีบเข้าไปกอดปลอบไอโกะ ไม่อยากให้อาละวาด
“โอะนิซึกะโซเรียวมีหน้าที่ต้องรับผิดชอบมากมาย ไอโกะควรมีเหตุผลให้มากกว่านี้นะลูก”
“ถ้าเขาไม่มาล่ะค่ะ”
“เขาไม่กล้าผิดสัญญาหรอก”
ท่าทางไอโกะเริ่มอ่อนลง แต่ยังอาลัยอาวรณ์คิดถึงทาเคชิ ซาโตชิสบถขึ้นมาอย่างหงุดหงิด ไม่พอใจทาเคชิ
“ธุระอะไรจะสำคัญมากกว่าความรู้สึกของน้องสาวฉัน”
ซาโตชิสงสัย

ในห้องทำงานโอะซะมุที่สำนักงานตำรวจ...ฮิโระ อาเบะ เปิดประตูให้ทาเคชิกับริว เดินเข้าไปในห้อง ก่อนปิดประตูเลี่ยงออกไป โอะซะมุหันมาทักทายทาเคชิกับริวอย่างคุ้นเคย
“ขอบใจที่สละเวลามาพบ”
ทาเคชิกับริวก้มศีรษะเคารพโอะซะมุ เสมือนญาติผู้ใหญ่ โอะซะมุออกปากทันทีโดยไม่เยิ่นเย้อ
“โอะนิซึกะคงไม่ปล่อยให้ซะโต้ลอยนวลใช่มั้ย น่าจะคิดทำอะไรอยู่”

“ความคืบหน้าการฆาตกรรมครอบครัวโอะนิซึกะ ไม่เห็นท่านรู้ไวอย่างนี้”

น้ำเสียงริวติดประชด แต่โอะซะมุไม่ถือสา
“พวกเราจำเป็นต้องลงมือเอง”
“ผมถึงได้เรียกคุณสองคนมาซักซ้อมความเข้าใจกันวันนี้”
ทาเคชิกับริวหันมองกัน งง ๆ ไม่เข้าใจความหมายของโอะซะมุ
“เคนอิจิจ่ายเงินให้เบื้องบน พวกมันจะขนของผ่านทางนั้นสะดวก ตำรวจทำอะไรไม่ถนัดแน่ๆ”
ทาเคชิกับริวยิ้มกริ่ม รู้ว่าโอะซะมุต้องการอะไร
“ผมจะจัดการทุกอย่างให้เรียบร้อยตามที่ท่านต้องการ” ทาเคชิน้ำเสียงมุ่งมั่น
โอะซะมุพอใจ
“ขอให้พวกคุณทำสำเร็จ เพื่อความสงบสุขของเมืองนี้”
“ด้วยความยินดีครับ”
ทาเคชิรับคำโอะซะมุอย่างหนักแน่น จริงจัง
หน้าบ้านโอะนิซึกะ...จูโร่เปิดประตูให้ไอโกะก้าวลงมาจากรถอย่างเฉิดฉาย จูโร่มองไอโกะอย่างนึกหวั่น ถามด้วยความแปลกใจ
“คุณหนูบอกท่านริกิว่าจะออกมาช้อปปิ้ง แล้วมาที่นี่ทำไมครับ”
“ฉันแวะมาบ้านว่าที่คู่หมั้นไม่ได้รึไง”
“แต่โอะนิซึกะโซเรียวไม่อยู่นี่ครับ”
“หุบปาก แล้วรอฉันตรงนี้แหละ”
จูโร่จำต้องก้มศีรษะรับคำ ปล่อยให้ไอโกะเดินเข้าบ้านโอะนิซึกะไปคนเดียว

ไอโกะนั่งรออยู่ที่โถงบ้านโอะนิซึกะ เชิดคอมองฟุมิโกะเอาน้ำชาเข้ามาเสิร์ฟแล้วถอยตัวเลี่ยงออกไปอย่างหวั่นเกรงสายตาร้ายของไอโกะ แพรวดาวเข้ามาพร้อมทาโร่ โค้งตัวต่ำทักทายไอโกะตามมารยาท ทาโร่ก้มศีรษะเคารพไอโกะ และคอยดูแพรวดาวอย่างใกล้ชิด
“ไม่ทราบว่าคุณไอโกะจะมา เลยไม่ได้เตรียมตัวต้อนรับ ต้องขอโทษด้วยนะคะ”
“ไม่ต้องมากพิธี อีกไม่นานบ้านนี้ก็เป็นบ้านของฉัน”
แพรวดาวยิ้มรับเจื่อน ๆ
“ท่าทางคุณไอโกะแข็งแรงขึ้นแล้วนะคะ”
“ต้องขอบคุณทาเคชิที่คอยดูแลเอาใจใส่ฉันเป็นอย่างดี”
แพรวดาวได้แต่ฝืนยิ้มรับตามมารยาท ทั้งที่ในใจเริ่มอึดอัด ไอโกะแสร้งกวาดสายตามองรอบ ๆ บ้าน ก่อนเอ่ยขึ้น
“เธอคงชอบอยู่กับบ้านมากสินะ มาทีไรก็เจอ”
“ใช่ค่ะ”
“ผู้ชายชอบผู้หญิงที่เป็นแม่บ้านแม่เรือนก็จริง แต่บางที...ผู้ชายก็ต้องการอะไรแปลกใหม่น่าค้นหา มากกว่าของเดิม ๆ จืดชืดที่เห็นกันอยู่ทุกวัน”
แพรวดาวสะดุดกึกกับคำพูดไอโกะ ไอโกะเห็นท่าทีแพรวดาว เริ่มรุกหนักขึ้น
“วันก่อนฉันเผลอทำลิปสติกเปื้อนคอเสื้อทาเคชิ คงไม่ต้องบอกใช่ไหมว่าตอนไหน” ไอโกะทำทีป้องปากยิ้ม อายๆ “ลิปสติกรุ่นนี้ราคาแพง ซักออกยาก ฉันก็เลยเป็นห่วง กลัวเธอซักออกไม่ได้”
“ป้าอายะโกะเป็นแม่บ้านที่เก่งมาก คงจัดการคราบเสื้อพวกนี้ได้ไม่ยากครับ”
ทาโร่แทรกขึ้นตั้งใจช่วยแพรวดาวอีกแรง ไอโกะจิกสายตาจ้องทาโร่อย่างไม่พอใจ
“งานบ้านง่าย ๆ แค่นี้ต้องพึ่งคนใช้ ไม่แปลก...ที่ได้เป็นแค่ภรรยารอง”
ไอโกะพูดพลางลุกขึ้น เตรียมตัวกลับ
“วันนี้ทาเคชิจะคุยกับคุณพ่อเรื่องกำหนดวันหมั้น ฉันคงต้องรีบกลับ...ไม่อยากปล่อยให้ทาเคชิหงุดหงิดที่รอนาน”
ไอโกะยิ้มเย้ย แล้วเดินสะบัดออกไปทันที แพรวดาวนิ่ง เครียด คิดมาก

ในสวนบ้านโอะนิซึกะ...ทาโร่เตือนแพรวดาวด้วยความเป็นห่วง
“โอคุซังควรจะถามโซเรียวตามตรงดีกว่านะครับ”
“ทาเคชิมีเรื่องต้องทำมากมาย ฉันไม่อยากทำให้เขาไม่สบายใจ”
“ปล่อยทิ้งไว้ คนไม่สบายใจก็คือตัวโอคุซังเอง”
สีหน้าแพรวดาวสับสน ไม่สบายใจ
“ฉันไว้ใจทาเคชิ แต่ความร้ายกาจของไอโกะทำให้ฉันกลัว...”
“ผมมั่นใจว่าโซเรียวรักโอคุซังมากเกินกว่าจะเผลอใจให้ผู้หญิงอื่น”
“ไอโกะไม่ใช่คนอื่น เธอมีสิทธิ์ในตัวทาเคชิมากกว่าฉัน เธอคือว่าที่นายหญิงของโอะนิซึกะ”
“แต่หัวใจและชีวิตของโซเรียวมอบให้โอคุซังคนเดียว”
แพรวดาวทอดถอนใจ กลัดกลุ้ม ทาโร่เป็นห่วงแพรวดาว ครุ่นคิดหาทางทำให้เธอสบายใจ
“เมื่อวานผมเห็นต้นดาวเรืองเริ่มออกดอกตูมหลายต้น วันนี้คงกำลังบานสวย อยากไปดูไหมครับ”

แพรวดาวลังเล

แพรวดาวเดินตามทาโร่เข้ามาในแปลงดอกดาวเรือง ตื่นเต้นที่เห็นดอกดาวเรืองออกดอกบานสะพรั่ง เหลืองอร่าม
“ดอกดาวเรืองบานสวยเต็มไปหมดเลย”
“ดอกไม้เบิกบาน...เหมือนรอยยิ้มโอคุซังตอนนี้ไงครับ”
แพรวดาวยิ้มหวานให้ทาโร่ ก่อนเดินไปมองดอกดาวเรืองแต่ละมุม แล้วเด็ดดอกดาวเรืองดอกหนึ่งมาชื่นชมอย่างสบายใจ
“เห็นดอกดาวเรืองแล้วรู้สึกอบอุ่น เหมือนได้อยู่บ้านที่เมืองไทย”
“ที่นี่เป็นบ้านของโอคุซังเหมือนกัน”
“แค่ชั่วคราวเท่านั้นค่ะ...สุดท้ายฉันก็ต้องกลับไปยังที่ที่ฉันจากมา”
สีหน้าแพรวดาวสลดลงทันทีเมื่อคิดถึงวันที่ต้องลาจากทาเคชิ ทาโร่รีบก้มศีรษะขอโทษ อย่างรู้สึกผิด
“ผมขอโทษที่ทำให้ไม่สบายใจ”
“คุณทาโร่ไม่เคยทำอะไรผิด แต่ชอบขอโทษฉันอยู่เรื่อย”
ทาโร่ก้มศีรษะอีก
“ผมขอโทษครับ”
“แน่ะ เพิ่งจะว่าไปหยก ๆ”
ทาโร่ลืมตัว อ้าปากจะขอโทษอีก แต่ถูกแพรวดาวเอาดอกดาวเรืองแตะปากไม่ให้พูด
“นี่คือไม้กายสิทธิ์ของแม่มด...”
ทาโร่ชะงัก แปลกใจ
“ขอสาปให้คุณทาโร่หยุดขอโทษเดี๋ยวนี้”
“โอคุซังควรจะเป็นเจ้าหญิงมากกว่าแม่มด”
“ชีวิตไม่ใช่เทพนิยาย...ความจริงเรากำหนดไม่ได้ว่าอยากเป็นอะไร”
“เรากำหนดไม่ได้ แต่ฝันได้...วันนี้ผมฝันว่าได้เป็นอัศวินคอยดูแลแม่มด”
“งั้นแม่มดขอสาปให้อัศวินอยู่ข้าง ๆ คอยดูแลแม่มดตลอดไป”
ทาโร่แอบดีใจลึก ๆ รีบรับคำ
“อัศวินจะไม่ทิ้งแม่มดจนวันสุดท้ายของชีวิต...ผมสัญญา”
แพรวดาวยิ้มหวาน เพราะคิดว่ากำลังพูดเล่นกับทาโร่ ไม่ได้สงสัยนัยยะทางคำพูดของเขา โคจิแอบมองทาโร่กับแพรวดาวอยู่มุมหนึ่ง สีหน้าเครียด ไม่พอใจมาก

ในบ้านโอะนิซึกะ...แพรวดาวยื่นดอกดาวเรืองหลายดอกส่งให้อายะโกะ ก่อนบอก
“ป้าอายะโกะช่วยเตรียมแจกันให้หน่อยนะคะ หนูอยากจัดดอกไม้เอง”
“ได้ค่ะ”
แพรวดาวหันไปหาทาโร่ เห็นเขาสีหน้าสดชื่น อมยิ้มคนเดียว ทาโร่รู้สึกตัว เมื่อเห็นสายตาแพรวดาวจดจ้องอยู่
“ฉันไม่ค่อยเห็นคุณทาโร่ยิ้มมีความสุขแบบนี้”
“สุขทางใจ มันไม่ได้เกิดขึ้นง่าย ๆ ทุกวันครับ”
“ความสุขของคุณทาโร่ คงเกิดจากกุศลที่ช่วยทำให้ฉันสบายใจ...ขอบคุณมากนะคะ”
“อัศวินยินดีทำเพื่อแม่มดเสมอครับ”
“นาน ๆ จะเห็นคุณทาโร่ขี้เล่นนะคะ”
แพรวดาวอมยิ้ม ขำ ๆ ทาโร่ยิ้มชื่น นิ่งมาก แววตาเปี่ยมไปด้วยความสุข ที่ได้ทำเพื่อหญิงที่แอบรัก

ทาโร่เดินกลับมาบ้าน ยิ้มคนเดียวอย่างมีความสุข ก่อนชะงักเมื่อเห็นโคจิกำลังรื้อทำลายแปลงดอกดาวเรืองจนพังพินาศ และกำลังจะดึงต้นดาวเรืองกอสุดท้ายทิ้ง
“พ่อ อย่า...”
ทาโร่ตกใจ รีบวิ่งเข้าไปห้ามโคจิให้เร็วที่สุด
“อย่านะครับพ่อ...”
โคจิหันมาเห็นทาโร่ กระชากต้นดาวเรืองกอสุดท้ายทันที อย่างไม่ฟังเสียง ทาโร่อึ้ง เมื่อเห็นต้นดาวเรืองถูกรื้อทิ้งไปจนหมดแปลง ถึงกับเข่าอ่อน ทรุดนั่งลงกับพื้น ราวกับทุกอย่างสูญสิ้นไปต่อหน้า
“ทำไมพ่อทำแบบนี้...”
“ฉันกำลังช่วยแก ไม่ให้ตายเพราะคำสาบานของตัวเอง”
โคจิตวาดทาโร่เสียงดัง ดุดัน ทาโร่เงยหน้ามองโคจิ สายตาเจ็บปวดมาก
“ดอกดาวเรืองคือเจ้าสาวของพระอาทิตย์ ไม่ใช่เจ้าสาวของแก...ความจริงมันเจ็บปวด และแกต้องยอมรับมันให้ได้”
โคจิเดินผละไป เพื่อปล่อยให้ทาโร่คิดได้ด้วยตัวเอง ทาโร่เก็บต้นดาวเรืองต้นหนึ่งที่ถูกรื้อทิ้งตรงหน้าขึ้นมามอง ด้วยความเศร้า เขาค่อย ๆ คลานไปเก็บต้นดาวเรืองทีละต้น ที่กองอยู่กระจัดกระจายเต็มพื้นมารวมกัน อย่างคนช็อก ยอมรับความจริงไม่ได้ ทาโร่หอบเหนื่อย...มองกองต้นดาวเรืองที่ถูกรื้อทิ้งทั้งหมดตรงหน้า น้ำตาของลูกผู้ชายรินไหล รู้สึกถึงความสูญเสียและสิ้นหวัง ปวดร้าวเกินกว่าจะร่ำร้องให้ใครได้ยิน

โคจิยืนเคร่งขรึมมองรูปที่เขาถ่ายคู่กับทาโร่ในอิริยาบถต่าง ๆ เขานึกถึงตอนที่ลูกชายทำข้าวต้มมาให้กิน...ตอนที่ทาโร่แย่งเย็บกระดุมเสื้อแทนเขา สีหน้าและแววตาเคร่งขรึมของเขาเริ่มอ่อนลง
“พ่อขอโทษ...แต่พ่อจำเป็นต้องทำแบบนี้”

โคจิเศร้า และรู้สึกผิดเช่นกัน

รอยรักหักเหลี่ยมตะวัน ตอนที่ 9 (ต่อ)

ค่ำนั้น ในห้องเก็บป้ายบรรพบุรุษ บ้านโอะนิซึกะ...ทาเคชินั่งนิ่งอยู่หน้าป้ายบรรพบุรุษ สีหน้าเครียด ขรึมมาก ริวเข้ามานั่งข้างๆก้มศีรษะเคารพป้ายบรรพบุรุษอย่างนอบน้อม แล้วหันหน้าไปมองทาเคชิที่ยังคงนั่งขรึมอยู่ ทาเคชิเอ่ยปากขึ้น ราวกับรู้ว่าริวกำลังจะถามอะไร

“ฉันยังไม่มีโอกาส”
“ต้องหาทางแยกตัวลุงริกิกับซาโตชิออกไป เพื่อแกจะมีโอกาสหาหลักฐานได้มากขึ้น”
“มีวิธี”
ทาเคชิหันไปถามริวด้วยความสงสัย ริวครุ่นคิด

ทาเคชิยืนทอดถอนใจในห้องนอน สีหน้าเคร่งเครียด แพรวดาวเข้ามาเห็น สองจิตสองใจ ก่อนเดินเข้าไปนวดคลึงศีรษะให้ทาเคชิเบา ๆ อย่างเอาใจ
“ขอบคุณครับ”
ทาเคชิจับมือแพรวดาวออกอย่างนิ่มนวล ปฏิเสธ แพรวดาวสลดลงทันที รู้สึกเหมือนถูกคนรักหมางเมิน ทาเคชิเห็นสีหน้าของเธอ นึกขึ้นได้ จึงรีบดึงเข้ามากอดอย่างรู้สึกผิด
“ขอโทษ...เมื่อกี้ผมเครียดนิดหน่อย”
“ค่ะ” แพรวดาวยิ้มเจื่อน
“คุณไม่สบายใจเพราะผม”
แพรวดาวไม่ตอบ แต่สีหน้าบ่งบอกถึงความไม่สบายใจ
“ถ้าเป็นเรื่องที่ผมไปบ้านมิซาว่า ผมขอยืนยันว่าผมกับไอโกะ...”
แพรวดาวนึกถึงคำพูดของไอโกะ
“ต้องขอบคุณทาเคชิที่คอยดูแลเอาใจใส่ฉันเป็นอย่างดี”
แพรวดาวชะงัก มองทาเคชิที่พยายามอธิบายให้เธอเข้าใจ แต่เสียงที่ได้ยินกลับเป็นเสียงไอโกะแทรกเข้ามาแทน
“ผู้ชายชอบผู้หญิงที่เป็นแม่บ้านแม่เรือนก็จริง แต่บางที...ผู้ชายก็ต้องการอะไรแปลกใหม่น่าค้นหา มากกว่าของเดิม ๆ จืดชืดที่เห็นกันอยู่ทุกวัน”
แพรวดาวมองทาเคชิ สับสน เสียงไอโกะยังดังก้อง
“วันก่อนฉันเผลอทำลิปสติกเปื้อนคอเสื้อทาเคชิ คงไม่ต้องบอกใช่ไหมว่าตอนไหน...”
ทาเคชิ สะกิดเรียกแพรวดาวด้วยความเป็นห่วง
“เซโกะ...ได้ยินที่ผมพูดไหม”
“พอเถอะ ฉันไม่อยากฟัง”
จู่ ๆ แพรวดาวก็เสียงดังขึ้น จนทาเคชิชะงัก อึ้ง คิดว่าเธอกำลังไม่พอใจเขา
“คุณไม่เชื่อใจผม”
“ไม่ต้องพูดอะไรอีกแล้วค่ะ”
ทาเคชิเริ่มใจเสีย ทำอะไรไม่ถูก กลัวแพรวดาวไม่เข้าใจ แพรวดาวมองทาเคชิ นึกถึงความรักที่เขาและเธอมีร่วมกัน จู่ ๆ แพรวดาวก็โผกอดเขา
“สิ่งที่ฉันรู้สึกกับคุณ มันมากกว่ารัก มากกว่าความเชื่อใจ ไม่ว่าใครจะพูดอะไรก็ไม่สำคัญเท่าเสียงจากหัวใจคุณ”
ทาเคชิยิ้ม โล่งอก เชยคางแพรวดาวขึ้นมามองแววตาเสน่หา สุดรัก
“ขอบคุณที่เชื่อในรักของผม”
“ฉันเชื่อคุณ...เชื่อในรักของเราค่ะ”
ทาเคชิกอดแพรวดาวอย่างอบอุ่น ด้วยรักที่เชื่อใจกันและกัน

เช้าวันใหม่...ทาโร่เข้ามาในห้องอาหาร เห็นโคจิกำลังวุ่นอยู่กับการเตรียมอาหารเช้าบนโต๊ะทานอาหาร 2 ชุด โคจิหันไปเห็น
“มื้อเช้าเพิ่งเสร็จพอดี รีบมาทานสิ”
ทาโร่นั่งลงมุมหนึ่งของโต๊ะ เริ่มทาน โคจินั่งลงอีกมุม ทั้งสองทานมื้อเช้าร่วมกัน เงียบมาก โคจิจึงทำทีเป็นเลื่อนถ้วยถั่วหมักให้ทาโร่
“ชิมนัตโตะ...ถั่วหมัก ฝีมือพ่อ”
“ขอบคุณครับ”
ทาโร่ก้มศีรษะขอบคุณเล็กน้อย จึงใช้ตะเกียบคีบถั่วหมักเหนียวหนืดไปทาน นิ่งและเงียบเช่นเดิม
“เอาแตงกวาดองเพิ่มไหม”
โคจิคีบแตงกวาดองจากถ้วยตัวเองให้ ทาโร่ก้มศีรษะขอบคุณ แล้วทานต่อ
“วันนี้ชงชาที่แกซื้อมาฝาก รสชาติดีทีเดียว”
โคจิเทชาใส่ถ้วยให้ตัวเอง และทาโร่ ทั้งสองยกถ้วยชาขึ้นมาพร้อมกัน โคจิสูดกลิ่นหอมจากถ้วยชา แต่ทาโร่ดื่มชาจนหมดทันทีโดยไม่สูดกลิ่นชาเหมือนที่เคยทำ
“ผมอิ่มแล้ว ขอตัวไปทำงานครับ”

ทาโร่ก้มศีรษะให้โคจิ แล้วลุกออกไปด้วยท่าทางนิ่งมาก เขาเสียใจแต่ยังคงเคารพพ่อเหมือนเดิม โคจิวางถ้วยชา กลุ้มใจและรู้สึกผิดต่อลูก แต่จำเป็นต้องทำ

แพรวดาวถามอายะโกะกับฟุมิโกะที่กำลังช่วยกันหอบเสื้อผ้าและผ้าปูที่นอนเดินสวนมาพอดี
“คุณริวยังไม่ตื่นเหรอคะ ไม่เห็นลงมาทานมื้อเช้าเลย”
“เมื่อกี้ป้าขึ้นไปทำความสะอาดห้องนอนคุณริว ก็ไม่เห็นแล้วนะคะ” อายะโกะบอก
ฟุมิโกะคิดๆ
“หรือคุณริวจะออกไปพร้อมโซเรียวคะ”
“ทาเคชิไปบ้านมิซาว่า แล้วคุณริวจะตามไปทำไม”
แพรวดาวแปลกใจ

รถทาเคชิแล่นเข้ามาจอดบริเวณหน้าบ้านมิซาว่า โดยมีลูกน้องมิซาว่ายืนเฝ้าอย่างแข็งขัน คัตสึ ลงจากรถ รีบมาเปิดประตูที่นั่งด้านหลังให้ทาเคชิก้าวลงมา ไอโกะปรี่เข้ามาหาทาเคชิ กอดและควงแขนเขาไว้ด้วยความดีใจ
“คิดถึงทาเคชิที่สุดเลยค่ะ”
“เราก็เจอกันทุกวัน”
“รีบกำหนดวันหมั้นสิคะ เราจะได้อยู่ด้วยกันตลอดเวลา”
“เรื่องนี้เราคุยกันเข้าใจแล้ว”
ประตูทางด้านหลังอีกฝั่งถูกเปิดออกอย่างเงียบ ๆ ระหว่างที่ไอโกะเริ่มทำเสียงตึงใส่ทาเคชิ
“ไอโกะไม่เข้าใจ จนกว่าเราจะหมั้นและแต่งงานกับทาเคชิ”
ริวแทรกตัวออกมาจากประตูอย่างรวดเร็ว และปิดประตูกลับเบา ๆ เขาอยู่ในมุมที่ไอโกะและลูกน้องมองไม่เห็น เพราะรถบังอยู่ คัตสึกลับขึ้นรถ เซกิจึงขับรถออกไปช้า ๆ สายตาชำเลืองมองริวจากกระจกข้างรถเห็นริวย่องตามรถทาเคชิที่เคลื่อนไป ก่อนม้วนตัวหลบเข้าไปในพุ่มไม้บริเวณสวน รถทาเคชิแล่นออกไป พุ่มไม้ไหวเล็กน้อย สายตาทาเคชิชำเลืองไปดูแวบหนึ่ง รู้ว่าริวลงมาจากรถแล้ว ลูกน้องมิซาว่ามองพุ่มไม้อย่างสงสัย จะก้าวเข้าไปดู ทาเคชิแสร้งถามลูกน้องมิซาว่า เพื่อถ่วงเวลา
“มิซาว่าโซเรียวอยู่ไหม”
ลูกน้องมิซาว่าชะงัก กำลังจะตอบ แต่ไอโกะแทรกขึ้น
“ถามไอโกะก็ได้ ไม่เห็นต้องถามลูกน้องกระจอกพวกนี้เลย”
สบโอกาส...ริวรีบหลบไปอีกทางหนึ่งในสวนอย่างรวดเร็ว ลูกน้องมิซาว่าเดินไปชะโงกหน้ามองบริเวณพุ่มไม้ ไม่เจออะไร ทาเคชิแอบโล่งใจ
“เข้าไปหาคุณพ่อกันเถอะค่ะ”
ทาเคชิพยักหน้ารับคำ ไอโกะจึงคล้องแขนทาเคชิ พาเดินเข้าบ้านไป

บริเวณหน้าห้องเก็บของหลังบ้านมิซาว่า มีลูกน้องเดินผ่านไปมา คอยตรวจตราเป็นระยะ สักพักจึงปลอดคน ริวก้าวเข้ามาหันซ้ายมองขวาอย่างระมัดระวังตัว ก่อนตรงไปยังประตูห้องเก็บของที่ล็อคกุญแจลูกใหญ่ไว้แน่นหนา ริวมองแม่กุญแจดอกใหญ่ คิดหาทางเข้าไป

ภายในห้องเก็บของ กุญแจถูกไขพร้อมกับประตูถูกเปิดออก ริวก้าวเข้ามาในห้องอย่างรวดเร็ว ปิดประตู ยิ้มกริ่มมองเส้นลวดในมือ ก่อนก้มลงเก็บลวดซุกไว้ตรงถุงเท้าของเขาแล้วเดินกวาดสายตามองรอบห้องเก็บของ ก่อนจะหยุดอยู่มุมเสาหนึ่งของห้อง เขาล้วงห่อกระดาษขนาดพอดีมือ ออกมาจากกระเป๋ากางเกงวางห่อกระดาษซุกไว้บนคานเสา ยิ้มอย่างมีแผน

ทาเคชินั่งนิ่ง สีหน้าเรียบ เมื่อไอโกะตัดพ้อเขาต่อหน้าริกิ
“ถ้าตำรวจหาหลักฐานจับคนร้ายตัวจริงที่ฆ่าลุงอิจิโร่ไม่ได้ ไอโกะก็ต้องรองานหมั้นต่อไปเหรอคะ”
“คงอย่างนั้น” ทาเคชิเสียงนิ่งมาก
“คนก็ตายไปนานแล้ว จะมากเรื่องทำไม” ซาโตชิไม่พอใจ
“คนตายที่พูดถึงคือพ่อ แม่ พี่ชายและพี่สะใภ้ของผม”
ทาเคชิจ้องซาโตชิด้วยสายตาขึงขัง ไม่พอใจ
ไอโกะยื่นคำขาด
“ไอโกะไม่รออีกแล้ว...ทาเคชิต้องกำหนดงานหมั้นและแต่งงานกับไอโกะให้เร็วที่สุด”
ริกินิ่งสังเกตกิริยาท่าทางทาเคชิ แสร้งปรามไอโกะอย่างใจเย็น
“อย่าดื้อสิไอโกะ โอะนิซึกะโซเรียวเป็นคนรักษาคำพูด ลูกควรให้เกียรติว่าที่คู่หมั้นของตัวเอง”
ซาโตชิแทรกขึ้น
“ข้ออ้าง ถ่วงเวลา ไม่ควรได้รับเกียรติ”
ทาเคชิลุกขึ้นอย่างหมดความอดทน
“หมายถึงใคร”
“อย่าร้อนตัว”
ซาโตชิก็ลุกขึ้นมาประจันหน้าทาเคชิอย่างไม่เกรงกลัวเช่นกัน ทั้งสองจ้องมองกันด้วยสายตาเชือดเฉือน ไม่ยอมแพ้ จูโร่ปรี่เข้ามาหาริกิ หน้าตาตื่น
“ท่านโอะซะมุมาครับ”

ทั้งหมดชะงัก หันมองจูโร่ด้วยความแปลกใจ

หน้าบ้านมิซาว่า...โอะซะมุก้มศีรษะทักทายริกิ ก่อนบอกจุดประสงค์ที่พาลูกน้องตำรวจมาที่บ้าน

“มีคนแจ้งเบาะแสซุกซ่อนยาเสพติดที่นี่”
โอะซะมุพูดพลางสบตาทาเคชิแวบหนึ่ง ทั้งสองรู้กัน ซาโตชิถามเสียงแข็ง
“ใคร”
ฮิโระ อาเบะหันมาบอก
“เราเปิดเผยข้อมูลผู้แจ้งไม่ได้ครับ”
“ใครแจ้งความก็ไม่รู้ หลักฐานก็ไม่มี แล้วจะมากล่าวหากันง่าย ๆ งั้นเหรอ”
ซาโตชิโวยวายด้วยความไม่พอใจริกิปราม
“ซาโตชิ...อย่าเสียมารยาท”
ริกิดุซาโตชิ ทำให้ซาโตชิได้แต่ฟึดฟัด หงุดหงิดมาก
“เราเป็นผู้รักษากฎหมาย ต้องดำเนินการอย่างถูกต้องตามกฎหมายอยู่แล้ว”
โอะซะมุพยักเพยิด ฮิโระ อาเบะจึงก้าวไปยื่นซองเอกสารหมายค้นให้ ริกิรับไปเปิดอ่านข้อความในกระดาษจดหมายที่ได้รับ สีหน้าเครียดขึ้นทันที
“หมายค้น”
“บ้านมิซาว่าไม่มีอะไรน่าสงสัยสักหน่อย” ไอโกะโวยวาย
โอะซะมุบอกเรียบนิ่ง
“เราทำตามขั้นตอนครับ”
ไอโกะจะต่อว่า แต่ริกิรีบแทรกขึ้น
“ท่านโอะซะมุเดินทางมาด้วยตัวเอง มีหรือโซเรียวแห่งมิซาว่าจะไม่ให้ความร่วมมือ เชิญตรวจค้นได้ตามสบาย”
โอะซะมุก้มศีรษะขอบคุณริกิอย่างมีมารยาท ก่อนหันไปพยักหน้าสั่งฮิโระ อาเบะและลูกน้องตำรวจให้แยกย้ายกันค้นรอบ ๆ บ้าน ริกิกับซาโตชิ รีบเดินตามโอะซะมุไปอย่างไม่ไว้ใจ
“ต้องมีใครใส่ร้ายมิซาว่าแน่ ๆ”
ไอโกะยืนอยู่กับทาเคชิ มองตำรวจกระจายกำลังค้นบ้านตัวเองอย่างอารมณ์เสีย ทาเคชินิ่ง แต่สายตามองไปยังห้องทำงานริกิอย่างหาโอกาส

ตำรวจตรวจค้นตามมุมต่าง ๆ บริเวณในบ้าน และนอกบ้านมิซาว่า ไอโกะมองตำรวจเดินไปมาด้วยความหงุดหงิด ทาเคชิหันมาบอก
“ขอตัวไปห้องน้ำ”
ไอโกะพยักหน้ารับรู้ ทาเคชิจึงรีบเดินผละไป

ตรวจค้นมาจนถึงหน้าห้องเก็บของหลังบ้าน ฮิโระ อาเบะเปิดประตูออกได้อย่างง่ายดาย โอะซะมุเดินเข้าไป ริกิ ซาโตชิ รีบตามไปติด ๆ

ทาเคชิแอบเปิดประตู ย่องเงียบเข้ามาในห้องทำงานริกิ เดินตรงไปยังโต๊ะทำงานเปิดลิ้นชักโต๊ะหาซองเอกสารที่ริกิเคยเก็บไว้ แต่หายังไงก็ไม่เจอ ทาเคชิผิดหวัง แต่ก็ยังพยายามค้นหาต่อไป

โอะซะมุเดินตรงไปยังมุมเสาของห้องมุมเดียวกับริว ราวกับรู้ทางในห้องนั้นเป็นอย่างดี ริกินิ่ง แอบสังเกตท่าทางโอะซะมุอยู่เงียบ ๆ สายตาโอะซะมุไล่มองขึ้นไปบนคานเสา แต่กลับว่างเปล่า ไม่เจออะไรบนนั้น โอะซะมุนิ่วหน้า แปลกใจมาก

ทาเคชิเริ่มท้อที่หาซองเอกสารไม่เจอสักที ก่อนสายตาสะดุดเข้ากับแฟ้มเอกสารและสมุดบัญชีที่ซุกซ่อนไว้ด้านล่างสุด ทาเคชิหยิบแฟ้มเอกสาร และสมุดบัญชี ออกมาด้วยความอยากรู้ รีบเปิดอ่านสมุดบัญชี ไล่อ่านรวดเร็ว ก่อนชะงัก ตกใจ
“ซะโต้โอนเงินให้มิซาว่ามาตลอด”
เขารีบเปิดหน้าอื่น ๆ แล้วชะงักอีก
“ซะโต้กับมิซาว่าร่วมกันค้ายาเสพติดกับผู้หญิงจริง ๆ”
ทาเคชิอึ้ง ไม่คาดคิด ก่อนตั้งสติเปิดแฟ้มเพื่อหาข้อมูลอื่น
“สินค้าสั่งพิเศษ...ไนโตรกรีเซอรีน ไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ สารเคมีพวกนี้ไม่เกี่ยวกับธุรกิจของมิซาว่าเลย”
ทาเคชิครุ่นคิดสงสัย

โอะซะมุโค้งตัวขอบคุณริกิตามมารยาท ฮิโระกับลูกน้องตำรวจจึงโค้งตัวตามเจ้านาย
“ขอบคุณที่ให้ความร่วมมือกับเราเป็นอย่างดี”
“ผมบริสุทธิ์ใจ ไม่มีอะไรต้องปิดบัง”
“ท่านโอะซะมุจะตรวจสอบแหล่งข่าวให้ดี ก่อนจะพาลูกน้องมาหน้าแตกเกือบทั้งกรมตำรวจ”
ซาโตชิพูดเหน็บ สีหน้าเอาเรื่อง โอะซะมุหน้านิ่ง ไม่ตอบโต้
“หมดธุระแล้ว พวกผมขอตัวกลับก่อน”

โอะซะมุก้มศีรษะลา ริกิก้มศีรษะตอบ โอะซะมุ ฮิโระอาเบะ ลูกน้องตำรวจขึ้นรถและขับออกไป ริกิมองตามรถตำรวจ ขบกรามแน่นเป็นสันนูนด้วยความโกรธ

ทาเคชิรีบออกมาจากห้องทำงานริกิ แล้วรีบปิดประตู กลัวคนมาเห็น ไอโกะเดินมองหาทาเคชิ จนหันมาเจอพอดีแต่ไม่ทันเห็นว่าทาเคชิเพิ่งออกมาจากห้อง
“ทาเคชิคะ”
ทาเคชิตกใจ พยายามทำตัวปกติ ไอโกะรีบปรี่เข้ามาควงแขนน้ำเสียงออดอ้อน
“ไอโกะนึกว่าคุณแอบหนีกลับบ้านแล้ว”
“ผมจะไปโดยไม่ลาได้ยังไง”
“ไอโกะเบื่อบ้าน...เราออกไปช้อปปิ้ง ดินเนอร์โรแมนติกกันดีกว่า”
“ถ้าอาการคุณดีขึ้นแล้ว ผมก็ต้องกลับไปทำงาน”
“คำก็งาน สองคำก็งาน ลูกน้องโอะนิซึกะมีตั้งเยอะแยะก็จิกหัวใช้ไปสิคะ”
ไอโกะออกอาการไม่พอใจ แต่พอเห็นทาเคชินิ่งขรึม ไม่โต้แย้ง ก็จำก็ต้องรีบเก็บอาการ คิดหาทางรั้งเขาไว้ให้นานที่สุด ไอโกะแสร้งทำเป็นหน้ามืด โอนเอนราวกับจะทรุดลง
“ไอโกะ”
ทาเคชิรีบประคอง ไอโกะทำเนียนโอบกอดไว้
“ไอโกะรู้สึกมึนหัว หน้ามืดค่ะ”
ไอโกะทำทีไม่มีแรง เรียกร้องความสงสาร ทาเคชิมองอย่างตัดสินใจ

ทาเคชิอุ้มไอโกะเข้ามาในห้องนอนของเธอ วางลงบนที่นอนด้วยความจำใจ
“เดี๋ยวผมให้แม่บ้านเอายาดมมาให้”
ทาเคชิจะผละออกไป แต่ไอโกะยังคงโอบกอดเขาไว้ไม่ยอมปล่อย ยิ้มอย่างมีเสน่ห์ ยั่วยวน
“ไอโกะต้องการทาเคชิเท่านั้น”
“คุณไม่สบาย ต้องพักผ่อนเยอะ ๆ”
ไอโกะไม่สนใจ
“อ้อมกอดไอโกะอบอุ่นบ้างไหมคะ”
“ปล่อยผมเถอะ”
ทาเคชิลำบากใจ พยายามถอนตัวอย่างนิ่มนวล ไอโกะกอดแน่นขึ้น มือข้างหนึ่งลูบไล้ไปตามแขน รุกไล่ไปจนถึงใบหน้าเข้มของเขา ไอโกะเชิดหน้าเข้าหา ใกล้มาก สายตาออดอ้อน ยิ้มหวานเย้ายวน ทาเคชิจ้องมองใบหน้าไอโกะ อึ้ง ๆ
“คุณเป็นผู้ชายคนเดียวที่ไอโกะอยากอยู่ด้วย”
ทาเคชิยังพอมีสติบ้าง
“เราก็เจอกันทุกวัน”
“หมายถึงความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้ง...มีแค่คุณกับฉัน”
ไอโกะเลื่อนมือมาโอบคอทาเคชิ ประทับริมฝีปากที่แก้มเขาเบา ๆ ทาเคชิชะงักไปนิดหนึ่ง ไอโกะได้ที เลื่อนมือไปปลดกระดุมเสื้อเขาออกทีละเม็ด...ทีละเม็ด...สายตายั่ว ทาเคชิรู้สึกตัว มีสติ รีบผละออกจากไอโกะ ไม่ยอมหวั่นไหว
“ผมขอโทษ...ไอโกะนอนพักเถอะ”
ไอโกะลุกขึ้น ไม่พอใจที่ถูกทาเคชิหมางเมิน
“ไอโกะไม่ดีตรงไหน ด้อยกว่านังเซโกะตรงไหน”
“เซโกะไม่เกี่ยว”
“ก็นังหน้าด้านนั่นมันแย่งทาเคชิไปจากไอโกะ”
“เซโกะไม่เคยแย่งผมไปจากคุณ ทุกอย่างที่เกิดขึ้น เป็นเพราะผมรักเซโกะเอง... ผมรักเซโกะคนเดียวเท่านั้น”
ไอโกะอึ้ง มองทาเคชิด้วยสายตาปวดร้าว น้ำตาหลั่งไหลด้วยความชอกช้ำ
“หัวใจทาเคชิไม่มีไอโกะบ้างเลยเหรอ”
ทาเคชิเงียบ มองไอโกะด้วยความสงสาร ห่วงใยเหมือนน้องสาวเท่านั้น ไอโกะเห็นสายตาทาเคชิ รับรู้ถึงสายตาที่ไม่มีวันได้เป็นผู้หญิงที่เขารัก...ความรู้สึกผิดหวังประดังถาโถม จนระเบิดความอัดอั้นออกมา
“ทาเคชิต้องรักไอโกะ...ไม่ใช่นังนั่น...ไม่จริง...อ๊าย”
ไอโกะกรีดร้องออกมาอย่างสุดเสียง คลุ้มคลั่งจะทำร้ายตัวเอง
“เพราะแกทำลายชีวิตฉัน...เป็นเพราะแก”
“ไอโกะ...คุณทำอะไร”
ทาเคชิตกใจ รีบเข้าไปห้าม ริกิ ซาโตชิ จูโร่ วิ่งเข้ามา ตกใจที่เห็นไอโกะกำลังคลั่ง สติแตก
“จับตัวไอโกะไว้”
ซาโตชิกับจูโร่รีบเข้าไปช่วยจับตัวไอโกะที่ยังคงร้องไห้ และกรีดร้องด้วยความเสียใจ
“ปล่อย...ฉันจะอยู่กับทาเคชิ อ๊าย”
ริกิหันมาบอกทาเคชิ
“กลับไปก่อนเถอะ ทางนี้ลุงจัดการเอง”
ริกิรีบบอกให้ทาเคชิกลับ เพราะกลัวไอโกะไร้สติจนเปิดเผยความลับเรื่องเด็กในท้อง ทาเคชิมองไอโกะอย่างชั่งใจ ก่อนรับคำ แล้วจึงเลี่ยงออกไป ไอโกะตะโกนลั่น
“ทาเคชิอย่าไป... กลับมาก่อน”

ไอโกะร้องไห้สะอึกสะอื้น ก่อนทรุดเหมือนคนหมดแรงอยู่ในอ้อมกอดซาโตชิ ริกิเครียด หนักใจ

รอยรักหักเหลี่ยมตะวัน ตอนที่ 9 (ต่อ)

โถงบ้านมิซาว่า...ริกิถอนใจแรง สีหน้าเคร่งเครียดมาก ซาโตชิเดินเข้ามา สีหน้าเครียดไม่ต่างกัน
“นี่คือสิ่งที่ไอ้ทาเคชิทำให้ไอโกะดีขึ้นใช่ไหม”
ริกินิ่ง ไม่เถียง
“ไอโกะเป็นยังไงบ้าง”
“เพิ่งหลับเพราะฤทธิ์ยา”
“เกือบไปแล้ว...”
“หมายถึงความลับเรื่องไอโกะท้อง หรือยาเสพติดที่มีคนเอามาซ่อนไว้ในบ้านมิซาว่า”
ซาโตชิพูดพร้อมยื่นห่อกระดาษใส่ยาเสพติดของริวให้ริกิ
“โชคดีที่จูโร่เอะใจ แอบไปค้นเจอก่อนท่านโอะซะมุ”
ริกิรับห่อกระดาษไปเปิดดู ข้างในห่อกระดาษเต็มไปด้วยผงสีขาวในซองเล็ก ๆ มากมาย ริกิกำห่อกระดาษแน่นจนมือสั่น แค้นมาก
“มันกล้าลูบคมมิซาว่า”
“ไอ้ทาเคชิเข้าออกบ้านเราทุกวัน ผมมั่นใจว่าเป็นมัน”
ริกิสบตาซาโตชิ นิ่ง คิดตาม

ในห้องทำงานโอะซะมุที่สำนักงานตำรวจ ริวยืนยันกับโอะซะมุอย่างมั่นใจ
“ผมเป็นคนวางห่อกระดาษไว้บนคานกับมือ มันจะหายไปได้ยังไง”
โอะซะมุหน้าเครียด
“พวกมิซาว่าคงไหวตัวทัน”
“เรารู้แล้วว่ามิซาว่ากับซะโต้ทำธุรกิจร่วมกันมาตลอด เสียดายที่เอาหลักฐานออกมาด้วยไม่ได้ เพราะตำรวจเอาตัวมิซาว่าโซเรียวกับพวกออกมาจากบ้านไม่ได้” ทาเคชิพูดอย่างเจ็บใจตัวเอง
“ได้รู้ในสิ่งที่อยากรู้ ถือว่าเรามาถูกทางแล้ว”
“ขอบคุณท่านโอะซะมุที่ช่วยดึงความสนใจมิซาว่าโซเรียวไป”
“ความเสียสละของโอะนิซึกะยิ่งใหญ่มาก ถ้าไม่ติดขัดเบื้องบนที่เคนอิจิจ่ายเงินไว้ ตำรวจคงช่วยได้มากกว่านี้”
ริวแทรกขึ้น
“จัดการไอ้เคนอิจิได้ ก็เหมือนตัดท่อน้ำเลี้ยงเบื้องบน”
ริวเห็นทาเคชินิ่ง ครุ่นคิดบางอย่าง จึงยื่นมือไปแตะไหล่สะกิด
“คิดอะไร”
“ธุรกิจของมิซาว่าไม่จำเป็นต้องใช้สารเคมี แต่ทำไมมีการสั่ง ไนโตรกรีเซอรีน ไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ เข้ามา”
โอะซะมุครุ่นคิด นึกขึ้นได้
“สารตั้งต้นผลิตระเบิด”
ทาเคชิกับริวมองโอะซะมุ ตกใจ
“ระเบิด” ทาเคชิอุทาน
“เป็นไปได้ไหมว่ามิซาว่าโซเรียว อยู่เบื้องหลังการระเบิดรถลุงอิจิโร่” ริวหน้าตื่น
“ถ้าไม่มีหลักฐาน เราเอาผิดเขาไม่ได้” โอะซะมุหน้าเครียด
“ถ้าผมกลับเข้าไปเอาหลักฐานที่บ้านมิซาว่าอีกครั้ง” ทาเคชิเสนอ
ริวขัดขึ้น
“โอกาสน้อยมาก...ทางเดียวที่ทำได้ตอนนี้คือเร่งแผนจัดการ เคนอิจิ ซะโต้ในวันขนของล็อตใหญ่”
ทาเคชิหน้าเครียด ยังคงติดใจเรื่องสารเคมีไม่หาย

โถงบ้านโอะนิซึกะ...แพรวดาวนั่งจัดดอกไม้อย่างคล่องแคล่ว ข้างตัวมีดอกไม้ถูกจัดในแจกันเสร็จแล้ว สวยงามมาก ฟุมิโกะพามิโยะโกะเข้ามา มิโยะโกะยกนิ้วชี้แตะปากตัวเอง เป็นเชิงบอกให้ฟุมิโกะเงียบ ฟุมิโกะยิ้ม ๆ ก้มศีรษะรับคำ แล้วเลี่ยงออกไป มิโยะโกะย่องเงียบไปข้างหลังแพรวดาว โดยที่เจ้าตัวไม่รู้เรื่อง ยิ้มมองแพรวดาวจัดดอกไม้
“ฝีมือจัดดอกไม้ของโอคุซังสวยงามและดูอ่อนช้อย”
แพรวดาวจำน้ำเสียงได้ หันขวับมาเห็นมิโยะโกะยิ้มระรื่นอยู่
“มิโยะโกะ”
แพรวดาวโผกอดมิโยะโกะด้วยความดีใจ
“ฉันกำลังคิดถึงอยู่พอดี”
“คนอินเลิฟ...มีเวลาคิดถึงคนนอกโลกสีชมพูด้วยเหรอ”
“เจอหน้าก็แซวเลยนะ” แพรวดาวเขิน
“ขอแซวเป็นค่าจ้างนิด ๆ หน่อย ๆ ไม่ได้หรือไง”
แพรวดาวแปลกใจ
“ค่าจ้างอะไร”

มิโยะโกะอมยิ้ม บอกนัยยะของจุดประสงค์ที่มา

ม้านั่งในสวน บ้านโอะนิซึกะ...มิโยะโกะยื่นจดหมายฉบับหนึ่งให้แพรวดาว
“ป้ามาซาโกะวานให้ฉันเอามาให้ และฝากความคิดถึงมาให้เธอด้วย”
แพรวดาวยิ้ม และรับจดหมายไปอ่านชื่อผู้ส่ง ตื่นเต้นมาก
“จดหมายจากเมืองไทย”
แพรวดาวรีบเปิดซองจดหมาย และดึงกระดาษจดหมายออกมาเปิดอ่านด้วยความดีใจข้อความในจดหมายเขียนด้วยลายมือของแม่ เป็นภาษาไทย
“สวัสดีจ้ะ...แพรวดาวลูกรัก...สบายดีหรือเปล่า พักนี้ลูกไม่ค่อยติดต่อมา ทำให้พ่อแม่เป็นห่วง แต่คิดว่าลูกคงเรียนหนัก เพื่อเรียนให้จบภายในเวลาที่เหลืออีกไม่ถึงปี พ่อแม่และน้องชายตัวแสบ นับวันรอให้ลูกกลับเมืองไทย...กลับมาอยู่แผ่นดินเกิดของเรา...กลับมาอยู่บ้านของเรา...”
“บ้าน...”
แพรวดาวอึ้งไป สะท้อนใจถึงข้อความในจดหมาย ภาพในอดีตปรากฏขึ้นในความคิด

บ้านแพรวดาว ที่เชียงใหม่เป็นบ้านไทยในต่างจังหวัดทางเหนือ มีพื้นที่สำหรับปลูกผักสวนครัวและเลี้ยงไก่เลี้ยงหมู ไว้รับประทานในครัวเรือนตามวิถีไทย ในอดีต...แพรวดาวช่วยพ่อปลูกผัก พรวนดิน โดยมีน้องชายถือบัวรดน้ำ คอยรดน้ำตามแปลงผักต่าง ๆ
“เมืองไทยสมเป็นเมืองอู่ข้าวอู่น้ำจริง ๆ นะคะ”
“เพราะวิถีชีวิตดั้งเดิมของเรามาจากเกษตรกรรมตั้งแต่สมัยปู่ยาตายาย ต่อให้ไปอยู่ที่ไหน... เราก็ไม่มีวันลืมรากเหง้าเดิม” พ่อยิ้ม
แม่เด็ดมะเขือเทศ พริก มะนาว ที่ออกผล ใส่กระเช้าที่หิ้วมา หันมาเสริม
“ถึงเราจะไม่ร่ำรวยเงินทอง แต่เราก็ปลูกผักปลูกหญ้าพออยู่พอกิน สามารถพึ่งพาตัวเองได้อย่างไม่เดือดร้อนใคร”
“หนูดีใจที่ได้เกิดเป็นลูกเกษตรกรอย่างพ่อกับแม่ค่ะ”
น้องชายพูดขึ้น
“แล้วก็ดีใจที่มีผมเป็นน้องชายแสนดีด้วยใช่ไหม”
“น้องชายตัวแสบต่างหาก” แพรวดาวเย้าหยอก
น้องชายแกล้งรดน้ำจากบัว กระเด็นโดนแพรวดาว
“หนอย...แกล้งพี่อีกแล้วนะ”
แพรวดาววิ่งเข้าไปแย่งบัวรดน้ำจากน้องชาย เพื่อจะทำให้น้องชายเปียกบ้าง ทั้งสองยื้อกันไปมา ต่างคนต่างเปียกทั้งคู่ พ่อแม่ยืนมองลูกทั้งสองหยอกแกล้งกัน บรรยากาศอบอุ่น

แม่ช่วยแพรวดาวเก็บกระเป๋าเดินทางเดินทางไปเรียนต่อ
“ได้ข่าวว่าเมืองนั้นอากาศหนาว อย่าลืมเอาเสื้อกันหนาวหนา ๆ ไปหลายตัว”
“หนูเตรียมหมดแล้วค่ะ”
“ของใช้ส่วนตัว ยา เตรียมไปให้ครบเลยนะ”
แพรวดาวพยักหน้ารับคำ มองแม่เศร้าที่จะต้องจากกัน แม่ลุกเข้าไปกอดแพรวดาวอย่างใจหายไม่แพ้กัน
“ผู้หญิงตัวคนเดียวไปเรียนต่างบ้านต่างเมือง ต้องระวังตัวไว้ให้ดีนะลูก คบเพื่อนก็ต้องระวัง อย่าไปสุงสิงกับคนที่ฐานะต่างจากเรามากเกินไป ตัดปัญหาเรื่องความแตกต่าง”
“แม่คิดมากไปหรือเปล่าคะ”
“ตั้งใจเรียนให้จบแล้วรีบกลับบ้าน อย่าหลงระเริงกับสิ่งที่ไม่ใช่ตัวเรา จนลืมบ้านของเรานะลูก”
“หนูจะไม่ทำให้พ่อแม่ผิดหวังค่ะ”
แพรวดาวกอดแม่ ให้สัญญา

สวนสวยในบ้านโอะนิซึกะยามเย็น...แพรวดาววางจดหมายลง นั่งน้ำตาซึม เศร้า คิดถึงครอบครัวที่เมืองไทย ทาโร่เข้ามา เห็นเธอร้องไห้
“โอคุซังร้องไห้ทำไมครับ”
แพรวดาวเช็ดน้ำตา ทาโร่รีบหยิบผ้าเช็ดหน้าของตัวเองออกมาซับน้ำตาให้อย่างลืมตัว
“ไม่เป็นไรค่ะ”
แพรวดาวจะรับผ้าเช็ดหน้ามาซับน้ำตาเอง แต่กลายเป็นไปจับมือทาโร่เอาไว้ ทั้งสองชะงัก นิ่งไปครู่หนึ่ง ทาโร่รู้สึกตัวก่อน แล้วถอนมือและก้มศีรษะขอโทษอย่างรู้สึกผิด
“ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจล่วงเกินโอคุซัง”
“ฉันเข้าใจค่ะ ทำตัวตามสบายเถอะ”
ทาโร่ชำเลืองมองเห็นจดหมายในมือแพรวดาว พอคาดเดาได้
“มีเรื่องไม่สบายใจ ระบายกับผมได้นะครับ”
แพรวดาวนิ่งมองสายตาที่จริงใจของทาโร่ ลังเล ก่อนเอ่ยน้ำเสียงเศร้า
“ฉันคิดถึงบ้าน... คิดถึงครอบครัวที่เมืองไทย”
“ที่นี่ก็เป็นครอบครัวของโอคุซังเหมือนกัน”
“ชีวิตที่ฉันเติบโตกับชีวิตที่อยู่ที่นี่มันแตกต่างกันมากเกินไป สุดท้าย...ฉันก็ต้องกลับไปอยู่ในที่ที่ฉันจากมา กลับไปอยู่บ้านของฉัน”
“โอคุซังจะทิ้งโซเรียวไปจริง ๆ เหรอครับ”

ทาโร่ถามแทนความรู้สึกลึก ๆ ของตัวเอง หากแพรวดาวต้องจากไป แพรวดาวเศร้า ตัดสินใจแล้ว


บ่อนเคนอิจิยามค่ำคืน...เคนอิจิแปลกใจมาก เมื่อรู้เรื่องจากยามะ
“ท่านโอะซะมุพาตำรวจบุกไปบ้านมิซาว่า”
“สายของเราบอกว่าตำรวจเข้าไปค้นอะไรสักอย่าง สักพักก็กลับไปครับ”
โคเฮคิดตาม
“หรือตำรวจจะรู้เรื่องการขนของวันมะรืน”
เคนอิจิครุ่นคิด
“ถ้าแผนรั่ว มิซาว่าคงรีบบอกเราแล้ว”
โคเฮหันมาถาม
“มิซาว่าโซเรียวไว้ใจได้จริงเหรอครับ”
“ทำธุรกิจกับคนประเภทเดียวกันมันก็ต้องเสี่ยง วันไหนพลาด...ก็แค่ตาย เตรียมตัวให้พร้อม วันมะรืนเราจะพลาดไม่ได้”
ยามะกับ โคเฮรับคำเสียงหนักแน่น
“ครับนาย”
ชินอิจิทำทีก้มศีรษะรับคำ แต่สนใจฟังทุกอย่าง

หน้าศาลเจ้าประจำเมือง...ชินอิจิรีบเดินมายังศาลเจ้าประจำเมือง คอยหันมองหลังอย่างระวังตัว กลัวใครแอบตามมาเท้าลึกลับ เดินตามมา ชินอิจิมาชะงักนิดหนึ่ง รู้สึกว่ามีคนเดินตามเขาจึงหันขวับไปมองทันที ชินอิจิกวาดสายตาแต่ไม่เห็นใคร จึงหันกลับเดินต่อไป เท้าลึกลับเดินออกมาจากต้นไม้ใหญ่ข้างทาง เดินตามชินอิจิต่อ
ชินอิจิได้ยินเสียงฝีเท้าคนอีกครั้ง ชะงักหันไปมองอีก เขากวาดสายตามองซ้าย มองขวาไม่มีใครตามมาเลย ถนนเงียบสงัด ไร้ผู้คนสัญจรผ่าน ชินอิจิถอนใจโล่งอก แล้วหันเดินต่อไป แต่เดินไปได้แค่ 2-3 ก้าว ก็ได้ยินเสียงฝีเท้าคนตามมาอีก คราวนี้เขาเริ่มไม่ไว้ใจ รีบก้าวเท้าอย่างรวดเร็ว ปราดเข้าหลบที่มุมทางเข้าศาลเจ้าทันที ชินอิจิรอโอกาสอย่างใจเย็น จังหวะเดียวกันเงาของชายคนหนึ่ง ก็ทอดผ่านเดินเข้ามาตรงที่ที่ชินอิจิแอบอยู่ อย่างช้า ๆ ชินอิจิลุ้น รอจังหวะ ก่อนปรี่ออกไปกระชากคอเสื้อชายลึกลับ แต่ชินอิจิกลับถูกอีกฝ่ายล็อคตัวไว้
“เฮ้ย...”
ชินอิจิเงยหน้าขึ้นมาเห็นโคจิ จึงชะงัก โล่งอก
“ท่านโคจิ”
โคจิปล่อยมือจากชินอิจิ ท่าทางเคร่งขรึม
“มีข่าวอะไรบ้าง”
โคจิรอฟังข่าวจากชินอิจิ

ในห้องเก็บป้ายบรรพบุรุษบ้านโอะนิซึกะ...ทาโร่รีบเลื่อนเปิดประตูเข้ามาในห้อง เห็นทุกคนนั่งประชุมกันพร้อมหน้า ท่าทางเคร่งเครียด
“ขอโทษที่มาช้าครับ”
ทาโร่ก้มศีรษะให้ทาเคชิ ก่อนตรงไปนั่งประจำที่ตัวเอง โคจิพูดขึ้น
“ซะโต้ยืนยันการขนผู้หญิงกับยาล็อตใหม่มาทางคลังสินค้ารถไฟแน่นอน”
“แล้วพวกมิซาว่า” ริวถาม
“สายของเราไม่รู้การเคลื่อนไหว เพราะเคนอิจิไม่พูดถึงเลย”
ทาเคชิพูดขึ้น
“มิซาว่าอาจระวังตัวมากขึ้น แล้วแอบติดต่อกับเคนอิจิเป็นการส่วนตัว”
“ถ้าพวกมันร่วมมือกัน โอะนิซึกะจะไหวเหรอครับ” คัตสึหนักใจ
ทาเคชิหน้าขรึม
“นักรบที่ประมาทฝีมือตนเอง ก็เหมือนแพ้ตั้งแต่ยังไม่ออกรบ”
คัตสึก้มศีรษะขอโทษทาเคชิ ไม่กล้าออกความเห็นอีก
“แพ้ชนะอยู่ที่ใจ สิ่งที่เราทำมีผลต่อความสงบสุขของเมือง ฉันมั่นใจว่าวิญญาณบรรพบุรุษต้องอวยพรให้พวกเราได้รับชัยชนะครั้งนี้”
ริวแววตามุ่งมั่น
“เราจะสั่งสอนให้พวกซะโต้รู้ว่า เมืองนี้ไม่ใช่ที่ที่พวกมันจะมาครอบครองได้ง่าย ๆ”
“วันมะรืน...ทันทีที่พวกมันรับของที่คลังรถไฟ เราจะจู่โจมทันที”
ทาเคชิประกาศแผนออกมา ทุกคนก้มศีรษะรับคำสั่งอย่างพร้อมเพรียง สีหน้ามุ่งมั่น

แพรวดาวเดินอยู่ที่ทางเดินมุมหนึ่ง หันไปเห็นแสงไฟด้านหนึ่งของโถงสว่าง เธอเดินไปมอง เห็นทาเคชิกำลังเช็ดดาบประจำตระกูล สีหน้าและแววตาดูเคร่งเครียด แพรวดาวนิ่วหน้าสงสัย

เช้าวันใหม่...ทาโร่อยู่ในห้องโถง แพรวดาวเดินเข้ามาทักทาย
“อรุณสวัสดิ์ค่ะ”
“อรุณสวัสดิ์ครับโอคุซัง”
ทาโร่ก้มศีรษะตอบ ก่อนรายงานต่อ
“โซเรียวฝากบอกว่าออกไปธุระที่บริษัท จะกลับมาทันมื้อเย็นครับ”
“ไปธุระที่บริษัท แล้วทำไมเมื่อคืนฉันเห็นทาเคชิเอาดาบประจำตระกูลมาทำความสะอาดล่ะคะ”
ทาโร่อึ้งไปนิด แพรวดาวขมวดคิ้ว ท่าทางรีบร้อนของทาโร่ทำให้สะกิดใจ
“ฉันตกข่าวอะไรหรือเปล่าคะ”

ทาโร่หลบสายตาวูบ เพราะโกหกไม่เก่ง แพรวดาวมองทาโร่ ยิ่งสงสัย

แพรวดาวยกมือทาบอก ตกใจเมื่อรู้เรื่องจากทาโร่
“แก้แค้น...ทั้งที่รู้ว่าอันตรายถึงชีวิต พวกคุณก็ยังจะไปเหรอคะ”
“มันเป็นสิ่งที่นักรบเลี่ยงไม่ได้”
แพรวดาวหวาดกลัวและเป็นห่วงทาเคชิ น้ำตาซึม ทาโร่เห็นน้ำตาแพรวดาว รีบปลอบ
“โอคุซังคงไม่รู้ธรรมเนียมของเรา...การต่อสู้ของนักรบถือเป็นเกียรติใหญ่หลวง การเสียชีวิตจากการต่อสู้เพื่อบ้านเมือง ถือเป็นความสวยงามดุจกลีบดอกซากุระร่วงหล่น”
“การตายคือการสูญเสีย มันสวยงามตรงไหนคะ” แพรวดาวแย้ง
“โอคุซังเป็นผู้หญิงของโซเรียว ต้องเข้มแข็งและคอยเป็นกำลังใจให้ยามออกรบ ห้ามร้องไห้เด็ดขาด เพราะน้ำตาเป็นสิ่งอัปมงคล แพรวดาวนิ่งคิดตามไปครู่หนึ่ง ก่อนรีบเช็ดน้ำตา ถามเสียงตะกุกตะกัก
“ฉันต้องทำยังไงบ้าง”
“ช่วยโซเรียวแต่งตัวเมื่อออกรบ บอกให้ท่านกลับบ้านอย่างปลอดภัยพร้อมชัยชนะ เหมือนอย่างที่แม่เคยทำกับพ่อผมเสมอ”
“ถ้ารู้ว่าคนที่เรารักกำลังจะออกไปตาย ฉันคงทำไม่ได้”
ทาโร่อึ้ง ๆ หัวใจร้าวราน เมื่อแพรวดาวยืนยันว่ารักทาเคชิอย่างชัดเจน แพรวดาวลำคอตีบตัน พยายามสกัดกลั้นน้ำตาจนพูดไม่ออก ทาโร่รู้ว่าแพรวดาวกำลังทุกข์ใจ แต่จำเป็นต้องย้ำราวกับขอร้อง
“กำลังใจจากคนรัก จะทำให้นักรบแข็งแกร่ง กรุณาอย่าร้องไห้ต่อหน้าโซเรียวนะครับ”
“ฉันจะพยายามค่ะ”
แพรวดาวรับปาก ทั้งที่ไม่แน่ใจว่าตัวเองจะเข้มแข็งได้

สวนบ้านโอะนิซึกะ...คัตสึกับเซกิ นั่งจ้องมองริวที่กำลังจะเริ่มเล่นโคโตะ พิณญี่ปุ่น ลุ้น ๆ เตรียมขำ ริวกำลังจะบรรเลงโคโตะ จู่ ๆ ก็ชะงัก หันมาบอกคัตสึกับเซกิ
“ขอมีสมาธิหน่อยได้ไหม”
คัตสึกับเซกิ พยักหน้ารับทราบ แล้วทำท่ารูดซิปปากสนิท
“หมายถึงโลกส่วนตัว ขออยู่คนเดียว”
คัตสึ เซกิ พยักหน้ารับรู้ เข้าใจ ริวจ้องหน้าทั้งสอง ไล่ด้วยสายตาดุ เอาจริง
“จะไปดี ๆ หรือต้องมีน้ำตา”
เซกิบอกกับคัตสึ
“ไปกันเถอะ วันนี้อารมณ์ศิลปินแตก”
คัตสึกับเซกิ ยิ้มแหย ๆ พากันลุกไปอย่างรวดเร็ว ริวหันกลับมา เริ่มบรรเลงโคโตะอย่างหงุดหงิด ดีดโคโตะมั่ว ๆ รัว ๆ ไม่เป็นเพลง ราวกับต้องการระบายอารมณ์มากกว่าเล่นดนตรี เสียงฝีเท้าใครคนหนึ่งเดินเข้ามา ริวหยุดเล่น แล้วหันไปต่อว่าทันที
“ฉันต้องการสมาธิ เข้าใจไหม”
ริวชะงัก เมื่อคนที่ยืนอยู่เป็นมายูมิ ไม่ใช่คัตสึ เซกิ มายูมิมองโคโตะ และท่าทางริว ก่อนเอ่ยขึ้น
“ถ้าใจคุณไม่นิ่ง เงียบแค่ไหนคุณก็ไม่มีสมาธิหรอกค่ะ”
ริวอึ้งเขิน ทำตัวไม่ถูก เมื่อมายูมิรู้ความลับที่เขาแอบเล่นโคโตะแล้ว

ในห้องครัวบ้านโอะนิซึกะ...ฟุมิโกะถือกระเช้าใส่ผลไม้มากมายมาให้อายะโกะ
“คุณมายูมิเอาผลไม้มาฝากโซเรียวกับโอคุซังค่ะ”
ฟุมิโกะพูดไปแอบอมยิ้มไปคนเดียว อายะโกะมองฟุมิโกะอย่างรู้ทัน
“แอบยุ่งเรื่องเจ้านายอีกล่ะสิ”
“แหมป้า...นาน ๆ จะเห็นคุณริวเขินผู้หญิงก็วันนี้แหละ”
“ปกติคุณริวไม่เคยเขินผู้หญิงเลย งั้นก็แสดงว่า...”
อายะโกะกับฟุมิโกะสบตารู้กัน หัวเราะคิกคัก

ระเบียงริมสวน บ้านโอะนิซึกะ...มายูมิมองโคโตะของริวอย่างชื่นชม ขณะลองดีดไล่เสียงแต่ละเส้น
“โคโตะ...พิณญี่ปุ่น ของคุณเสียงเพี้ยนไปหน่อย”
มายูมิพูดพร้อมคอยปรับสายโคโตะ จนได้เสียงที่ดีขึ้น มายูมิเล่นโคโตะอย่างไพเราะ ริวมองอย่างชื่นชม มายูมิหยุดเล่น หันมาบอก
“เสียงไม่เพี้ยนแล้วค่ะ...”
ริวรู้สึกทึ่ง แต่ทำฟอร์มเก๊ก ๆ
“เล่นบ่อย ๆ เสียงก็ต้องเพี้ยนกันบ้าง”
“ฉันไม่เคยรู้ว่าคุณชอบเล่นโคโตะ”
“ก็คุณไม่ได้อยู่กับผมตลอดเวลา เอ๊ะ หรือจะลองมาอยู่ด้วยกัน จะได้รู้จักผมมากขึ้น”
“ทะลึ่ง”
“ผมยังไม่ได้คิดอะไรเลย แสดงว่าคุณคิดแล้วใช่ไหม”
“คนบ้า”
“คนที่คุยกับคนบ้ารู้เรื่อง ต้องบ้ากว่า”
“นอกจากกะล่อนไปวัน ๆ คุณเคยจริงจังกับอะไรบ้างไหม”
“เคย...”
ริวพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง มองมายูมิด้วยสายตาที่นิ่งมาก จนเธอชะงักกับสายตาที่จริงจังของเขารอฟังคำพูดประโยคต่อไปจากเขาอย่างนึกลุ้น
“ก็พยายามจริงจังกับการซ้อมโคโตะนี่ไง”
มายูมิรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย
“งั้นก็ขอให้คุณสมหวังกับสิ่งที่คุณจริงจังนะคะ...ฉันต้องขอตัวกลับก่อน”
ริวอ้าปากจะไปส่ง แต่มายูมิพูดดักคอไว้ก่อน
“ไม่ต้องไปส่งหรอกค่ะ ฉันมากับรถที่บ้าน”
มายูมิก้มศีรษะลาริว กำลังจะลุกไป ริวรีบคว้ามือเธอไว้อย่างสองจิตสองใจ
“เดี๋ยวก่อน”
“คะ”
ริวหาข้ออ้าง
“คือ... ถ้าผมอยากรู้เรื่องโคโตะ”
“ปรึกษาฉันได้ค่ะ ฉันยินดี”
“ขอบคุณมากครับ”

ริวยิ้มให้มายูมิด้วยความดีใจ มายูมิหลบสายตาด้วยความเขิน ค่อย ๆ ดึงมือตัวเองออกจากมือเขา แล้วก้มศีรษะลา มายูมิเดินหันหลังออกมา มองมือที่เขาจับเมื่อครู่ แอบยิ้มคนเดียวอย่างสุขหัวใจ...ริวยิ้มมองตามเธอเช่นกัน

จบตอนที่ 9  
กำลังโหลดความคิดเห็น