xs
xsm
sm
md
lg

รอยรักหักเหลี่ยมตะวัน ตอนที่ 9-1

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


รอยรักหักเหลี่ยมตะวัน ตอนที่ 9

ค่ำนั้น รถเคนอิจิแล่นมาบนถนนในอุโมงค์...เคนอิจินั่งกอดรัดสาวสวยอยู่เบาะด้านหลังหัวเราะคิกคักกันอย่างมีความสุข โดยมียามะเป็นคนขับรถให้ บนถนนมืดด้านหน้า จู่ ๆ ก็มีชายคนหนึ่งวิ่งตัดหน้ารถเคนอิจิที่กำลังแล่นมา ยามะตกใจ
“เฮ้ย”
ยามะหักหลบรถเข้าข้างทาง และเบรคจนเคนอิจิกับสาวสวยคะมำเสียหลักไปตามแรงเหวี่ยงของรถ
“ว้าย...”
“ขับรถประสาอะไร”
เคนอิจิหันมาตวาดยามะอย่างหัวเสีย แล้วเปิดประตูรถลงไปโวยวายเอาเรื่องชายที่วิ่งตัดหน้ารถ
“ขวางทางรถฉัน อยากตายรึไง”
ทันใดนั้น ลูกน้องมิซาว่าหลายคนก็กรูกันออกมาจากที่ซ่อนตัวข้างทาง ตรงเข้ามาล้อมเคนอิจิไว้ ชายที่วิ่งตัดหน้ารถ หันกลับมา เผยให้เห็นว่าเป็นจูโร่ เคนอิจิตกใจ รู้ทันที
“กับดัก”
เคนอิจิกระชากปืนออกมา แต่ยังไม่ทันยิง ลูกน้องมิซาว่าหลายคนยกปืนขึ้นขู่ ล้อมพวกเคนอิจิไว้แล้ว เคนอิจิชะงัก รู้ว่าเสียเปรียบ จู่ ๆ จูโร่ก็พุ่งเข้ามาฟาดปลายกระบอกปืนเข้าที่ต้นคอเคนอิจิ จนล้มทั้งยืน

ในโกดังร้าง...เคนอิจิถูกเชือกมัดขาผูกติดกับรอกห้อยหัวอยู่เหนือถังน้ำมันใบใหญ่ที่ใส่น้ำเต็มถัง โดยมีจูโร่ยืนดึงเชือกอยู่ทางด้านข้าง เคนอิจิยังคงสลบอยู่ ริกิก้าวเข้ามายืนตรงหน้า จ้องด้วยสายตาเคียดแค้นมาก แล้วพยักหน้าให้สัญญาณ จูโร่ปล่อยเชือก ร่างเคนอิจิพุ่งหัวทิ่มลงในถังทันที ตูม...เคนอิจิจุ่มลงมาในน้ำ รู้สึกตัวเบิกตาโพลงด้วยความตกใจ เขาดิ้นรนอย่างทรมาน จนริกิโบกมือให้หยุด
จูโร่ดึงเชือกรั้งร่างเคนอิจิให้ลอยขึ้นเหนือถังน้ำมัน เคนอิจิพยายามสะบัดน้ำที่หน้า ลืมตาขึ้นมาเห็นริกิยืนนิ่งจ้องหน้าเขาอยู่ สายตาดุกร้าว
“มิซาว่าโซเรียว”
ริกิปราดเข้าไปต่อยเปรี้ยงเข้าหน้าด้วยความแค้นสุดขีด จนเคนอิจิหน้าหัน เลือดกบปาก
“อั่ก”
ริกิหันไปส่งสายตาให้จูโร่ปล่อยเชือก...ร่างเคนอิจิพุ่งดิ่งลงในถังน้ำดิ้นทุรนทุราย ทรมานมาก ริกิยืนนิ่ง จ้องมองเคนอิจิสำลักน้ำด้วยแววตาโหดเหี้ยม อำมหิต ริกิโบกมือ จูโร่ชักร่างเคนอิจิขึ้นจากถังน้ำอีกครั้ง เคนอิจิเริ่มหน้าซีด เนื้อตัวเปียกไปหมด
“แน่จริงก็ฆ่าฉันสิ”
ริกิไม่ตอบ จ้องหน้าเคนอิจิด้วยความแค้น จูโร่ปล่อยเชือกอีกครั้ง ร่างเคนอิจิดิ่งลงถังน้ำ ดิ้นรน สำลักด้วยความทรมานเป็นเวลานานมาก ริกิกระชากคอเคนอิจิ จนหัวผงกขึ้นจากน้ำหอบร่อแร่อย่างหมดแรง
“อย่าเพิ่งตาย...ฉันมีเซอร์ไพรส์”
ริกิพูดด้วยน้ำเสียงเย็นยะเยือก เหี้ยมมาก เคนอิจิตาปรือ สะลึมสะลือใกล้หมดสติ

เคนอิจิถูกผลักเข้าในป่าเปลี่ยว กลิ้งมานอนอยู่ในหลุมลึกแห่งหนึ่ง เนื้อตัวเปียกโชกสะบักสะบอม ถูกมัดมือและเท้าไว้อย่างแน่นหนา เขาเงยหน้าขึ้น หันมองรอบ ๆ อย่างตกใจ
“นี่มัน...”
เคนอิจินอนหงายอยู่ในหลุมลึกขนาดใหญ่กว่าตัวเล็กน้อย ริกิ ยืนอยู่บนปากหลุม มองด้วยสีหน้าและแววตาเหี้ยมโหด สุดแค้น
“ไม่มีใครรู้รสความเจ็บปวดเท่ากับเจอเอง”
“ปล่อยฉันออกไปนะ”
เคนอิจิพยายามดิ้นให้หลุดจากเชือกที่พันธนาการตัวเองไว้ แต่ก็ไม่เป็นผล ริกินิ่ง แววตากร้าวเหี้ยมโหด
“กลิ่นดินกลบหน้า มันหอมหวนจนแกแทบอยากขาดใจตาย”
“ปล่อยฉัน”
เคนอิจิยิ่งพยายามกระเสือกกระสนขึ้นจากหลุม ทั้งที่ถูกมัดไว้จนลุกไม่ได้ ริกิโบกมือสั่ง จูโร่กับลูกน้องใช้พลั่วตักดินกลบหลุมที่มีเคนอิจินอนดิ้นอยู่ในนั้น ดินเริ่มกลบร่างเคนอิจิมากขึ้น มากขึ้นเรื่อย ๆ เคนอิจิก็ยิ่งตื่นตระหนก กลัวตาย ลนลานหาทางรอด
“คิดว่าฆ่าฉันแล้วพวกแกจะรอดเหรอ”
“ศพในหลุมมันพูดไม่ได้”
“ฉันสั่งลูกน้องไว้แล้ว...ถ้าฉันเป็นอะไรไป ความลับจะถูกส่งถึงมือท่านโอะซะมุทันที”
ริกิชะงัก จ้องเคนอิจิเขม็ง ไม่วางตา เคนอิจิระล่ำระลักบอกก่อนจะหมดโอกาส
“และถ้าคนทั้งเมืองได้ยินเทปเสียงลีลาเด็ดของคุณหนูไอโกะ มิซาว่าก็คงโด่งดังไปทั่ว”

ริกิถึงกับอึ้ง พูดไม่ออก สีหน้าเคร่งเครียด เป็นห่วงเรื่องเทปลับของไอโกะ เคนอิจิยิ้มกริ่มสบตาริกิ เริ่มเป็นฝ่ายได้โอกาส ริกิจ้องเคนอิจิด้วยความเคียดแค้น เกลียดชังมาก

โถงบ้านโอะนิซึกะ วันใหม่...มายูมิวางผลไม้ของเยี่ยมไว้ตรงหน้าทาเคชิและแพรวดาว แล้วก้มคำนับทั้งคู่อย่างงดงาม ทาเคชิและแพรวดาวก้มศีรษะรับความเคารพจากมายูมิ อย่างเป็นกันเอง
“ฝากความขอบคุณไปถึงคุณอาฮิโระด้วยที่กรุณาเป็นห่วง”
“ครอบครัวทากาฮาชิของเราดีใจที่โอะนิซึกะโซเรียวฟื้นค่ะ แต่คงไม่มีใครดีใจเท่าพี่เซโกะ”
มายูมิพูดพลางปลายตามองแพรวดาว อมยิ้มแซว แพรวดาวค้อนมายูมิ ยิ้มๆ
“เป็นเด็กเป็นเล็กหัดแซวพี่แล้วนะ”
“รักหรอกจึงหยอกบ่อย ๆ ค่ะ”
“อีกหน่อยริวแต่งงานกับมายูมิ โอคุซังคงโดนหยอกทุกวัน”
มายูมิยิ้มเจื่อน หน้าสลดลงเล็กน้อย แพรวดาวรีบแตะแขนเตือนทาเคชิ กลัวจะพูดอะไรที่ทำให้มายูมิไม่สบายใจ
“มายูมิอยู่ทานมื้อเย็นที่บ้านโอะนิซึกะด้วยกันนะจ๊ะ”
“ไม่รบกวนดีกว่าค่ะ ฉันต้องกลับไปทำธุระให้ที่บ้าน”
มายูมิตอบแพรวดาว แต่สายตาสอดส่ายมองหาใครบางคน แพรวดาวและทาเคชิยิ้ม รู้กัน
“เคยมีคนเล่าให้ฟังว่ามายูมิชอบเล่นกีฬาเคนโด้” แพรวดาวพูดลอยๆ
มายูมิยิ้มนิดๆ
“เป็นการระบายความเครียดหลังจากเรียนได้ดีเลยค่ะ”
“คนที่เล่าให้พี่ฟังก็พูดคล้ายมายูมิว่าเคนโด้ทำให้หายเครียด และช่วยฝึกสมาธิให้จิตตัวเอง”
มายูมิสงสัย

โรงซ้อมเคนโด้บ้านโอะนิซึกะ...ริวหน้าสงบนิ่ง จ้องมองดาบไม้ในมืออย่างใช้สมาธิ เขาเริ่มฟันดาบไม้ในกระบวนท่าต่าง ๆ อย่างว่องไว ก่อนจะจบที่ท่าหนึ่งแล้วค้างไว้ ริวหายใจเหนื่อย จู่ ๆ เขาก็เอะใจเล็กน้อย เมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าใครบางคน ริวทำทีตวัดดาบไม้ ซ้อมเคนโด้ตามปกติ แต่แอบจับทิศทางเสียงที่ใกล้เข้ามา เขาหมุนตัวไปทางด้านหลัง เงื้อดาบไม้จะฟาด แต่แล้วก็ต้องชะงัก เมื่อมายูมิคือคนคนนั้น
“มายูมิ”
ริวดีใจ ก่อนนึกได้ รีบลดดาบไม้ลง

ริววางดาบไม้ไว้ตรงมุมที่เก็บดาบไม้ ก่อนหันกลับมาโค้งตัวขอโทษมายูมิ
“เมื่อกี้ขอโทษด้วย”
“ฉันต่างหากที่เข้ามารบกวนสมาธิคุณ”
“เข้ามาอยู่ในใจได้ไหม อยากให้กวนใจมากกว่า”
มายูมิทำทีเป็นค้อนริวเพื่อกลบเกลื่อนความเขิน
“ชอบเล่นกีฬาเคนโด้มากเหรอคะ”
ริวนิ่งไปพักหนึ่ง แววตารำลึกถึงอดีต
“มันเป็นสิ่งเดียวที่ทำให้พ่อมีเวลาอยู่กับผม...”
“คุณพ่อคุณคงยุ่งมาก”
“พ่อผมช่วยคุณลุงอิจิโร่ดูแลกิจการทุกอย่างของโอะนิซึกะ จนพ่อกับแม่เสียชีวิตจากอุบัติเหตุรถตกเหว”
“ฉันเสียใจด้วยนะคะ”
มายูมิรู้สึกเศร้าไปกับเขา ริวยิ้มบาง ๆ อย่างไม่ถือสา
“หลังจากพ่อผมเสีย ลุงอิจิโร่ก็เลี้ยงหลานอย่างผมเหมือนลูก”
“คุณกับโซเรียวถึงได้รักกันเหมือนพี่น้องแท้ ๆ”
“ต่อให้ผมกับทาเคชิมีสายเลือดเดียวกันแค่หยดเดียว เราก็จะผูกพันกันจนวันตาย”
มายูมิลอบมองริว รู้สึกดีกับมิตรภาพที่เขามีต่อทาเคชิ

ริวเดินมาส่งมายูมิเห็นรถบ้านทากาฮาชิจอดรออยู่ โดยมีคนขับนั่งรออยู่ในรถ เขารู้สึกเสียดาย อยากไปส่งเธอเอง จึงทำทีชวนคุย
“ได้ยินว่าคุณกำลังเตรียมตัวสอบแพทย์ และมีโอกาสสอบติดสูงมาก”
“ขอบคุณมากนะคะ ที่ช่วยพูดให้คุณพ่อใจอ่อนยอมให้ฉันเรียนหมอ”
มายูมิพูดพร้อมก้มศีรษะขอบคุณริว
“หมอน่ะเรียนหนักมาก ขอให้ตั้งใจ...อีก 6 ปีกว่าจะจบ เราค่อยมาคุยกันเรื่องสัญญาของผู้ใหญ่”
มายูมิมองหน้าริว รอฟังว่าเขากำลังจะพูดอะไร
“ถึงเวลานั้นเราสองคนคงเป็นผู้ใหญ่พอที่จะใช้เหตุผลมากกว่าอารมณ์ ถ้าเราเข้ากันได้ ผมก็จะแต่งงานตามที่ผู้ใหญ่ต้องการ”
“แล้วถ้าเราเข้ากันไม่ได้ล่ะคะ”
มายูมิถามด้วยความน้อยใจ หลังจากที่ฟังประโยคท้ายของเขา ริวอึ้ง ๆ พูดไม่ออก มายูมิยิ่งรู้สึกปวดร้าวในอก ฝืนคลี่ยิ้มบาง ๆ
“ชีวิตในมหาวิทยาลัยมีอะไรมากมายรออยู่ บางทีฉันอาจจะเจอคนที่เหมาะกับฉัน คุณก็คงเจอใครที่ถูกใจ เราไม่ควรผูกมัดกันด้วยสัญญา”
“เมื่อถึงวันนั้น เราสองคนคงได้คำตอบให้กับตัวเอง”
“ค่ะ”
มายูมิตอบเสียงขื่นขม รีบโค้งตัวต่ำให้ริว พยายามกลั้นน้ำตาที่เอ่อท่วมท้นดวงตาไม่ให้ไหลริน
“ขอบคุณอีกครั้ง สำหรับการช่วยเหลือให้ฉันได้สอบหมอ ฉันจะไม่ลืมบุญคุณของคุณเลยค่ะ”

พูดจบ มายูมิรีบหมุนตัวเดินไปขึ้นรถอย่างรวดเร็ว ไม่ปล่อยโอกาสให้ริวได้ล่ำลา ริวนิ่งมองรถมายูมิเคลื่อนออกไปจนลับตาเต็มไปด้วยความปวดร้าวใจไม่แพ้กัน

แพรวดาวอยู่ที่ระเบียงบ้านชะเง้อคอมองออกไปหน้าบ้าน ก่อนคอตกอย่างผิดหวัง
“สองคนนั้นรักกัน แต่ต่างคนต่างถือทิฐิ แล้วจะลงเอยยังไง”
“ริวเป็นคนปากแข็ง มายูมิก็ยังเด็ก ทุกอย่างต้องใช้เวลา” ทาเคชิพูดเรียบๆ
แพรวดาวทอดถอนใจ เป็นห่วงริวกับมายูมิ โคจิเข้ามาโค้งตัวต่ำให้ทาเคชิ เหมือนมีเรื่องจะรายงาน แพรวดาวรีบออกตัว ไม่อยากรับฟังสิ่งที่ทำให้ตัวเองไม่สบายใจ
“ฉันขอตัวไปดูแลในครัวก่อนนะคะ”
แพรวดาวรีบเลี่ยงออกไป โคจิจึงรายงานทาเคชิ
“คนของเราเห็นคุณหนูไอโกะเข้าไปในบ่อนไอ้เคนอิจิ คืนก่อนที่โซเรียวจะกลับจากโรงพยาบาล”
ทาเคชิแปลกใจมาก
“ไอโกะไปที่นั่นทำไม”
“ท่าทางคุณหนูไอโกะเหมือนถูกทำร้ายออกมาด้วยครับ”
“ไอ้ชั่วเคนอิจิ มันทำร้ายผู้หญิงไม่มีทางสู้”
ทาเคชิสบถออกมาด้วยความโกรธจัด แม้ไม่ได้รักไอโกะ แต่ก็ห่วงใยเหมือนน้อง
“อารู้สึกว่าเรื่องนี้มีอะไรไม่ชอบมาพากล มิซาว่ากับซะโต้ไม่ถูกกัน แล้วคุณหนูไอโกะจะเข้าไปที่บ่อนไอ้เคนอิจิทำไม”
ทาเคชิครุ่นคิดตามคำพูดโคจิ

ในห้องทำงานเคนอิจิ...ชินอิจิช่วยใส่ยาแผลที่หางคิ้วให้เคนอิจิ ที่อยู่ในสภาพสะบักสะบอม มีร่องรอยฟกช้ำและบาดแผลที่ตัวมากมาย เคนอิจิสะดุ้ง โวยวายเจ็บแผล
“โอ๊ย แกจะซ้ำฉันหรือไง”
ชินอิจิจ๋อยๆ
“ขอโทษครับ ผมก็เบาที่สุดแล้ว”
“เบาแล้วใช่ไหม นี่แน่ะ”
เคนอิจิถีบชินอิจิออกไปอย่างเกรี้ยวกราด ก่อนจะอาละวาดปัดข้าวของที่อยู่ใกล้มือกระจัดกระจายใส่ลูกน้อง จนทุกคนต้องคอยหลบอย่างเกรงกลัว
“โธ่เว้ย...ฉันไม่น่าพลาดเลย”
โคเฮครุ่นคิด
“น่าแปลกนะครับ...มิซาว่าโซเรียวจับนายไปแก้แค้นแทนคุณหนูไอโกะ แล้วก็ปล่อยนายปล่อยกลับมาเฉย ๆ”
“ขี้ข้าอย่างพวกแก ไม่ต้องแส่รู้ทุกเรื่อง”
ยามะกับโคเฮ ก้มหน้าหลบสายตาเคนอิจิ ไม่กล้าสอดรู้สอดเห็น ชินอิจิแอบลอบมองเคนอิจิ สงสัยและอยากรู้ เคนอิจิขบกราบแน่น อาฆาตแค้นริกิ และมีความลับบางอย่างซ่อนอยู่ในใจ

ค่ำนั้น ไอโกะนอนหลับอยู่บนเบาะนอน หน้าซีดเซียวและโทรมมาก ใบหน้ากระสับกระส่ายของเธอเต็มไปด้วยความเจ็บปวดทั้งร่างกายและจิตใจ หวาดกลัวอยู่ในเหตุการณ์ร้าย ไอโกะสะดุ้งตื่นขึ้น กรีดร้องด้วยความตกใจมาก
“อย่านะ กรี๊ด...”
ริกิเปิดประตู วิ่งเข้ามาหาไอโกะด้วยความเป็นห่วง
“ไอโกะ”
ริกิเข้าไปแตะตัวไอโกะหวังจะกอดปลอบลูก แต่ไอโกะก็เกิดอาการหวาดผวา แยกไม่ออกระหว่างความฝันกับความจริง คิดว่าตัวเองจะถูกทำร้าย
“ออกไปนะ อย่ามายุ่งกับฉัน”
ไอโกะกรีดร้อง คลุ้มคลั่ง...ริกิพยายามล็อคตัวกอดไว้
“ไอโกะ...นี่พ่อนะ”
“อ๊าย...ฉันกลัวแล้ว”
ไอโกะขีดข่วนทำร้ายพัลวัน ริกิต้องยอมเจ็บตัวเพื่อล็อูกไว้ในอ้อมกอด ด้วยความรักของคนเป็นพ่อ
“ไม่ต้องกลัวไอโกะ ไม่ต้องกลัวพ่อ”
“อย่าทำอะไรฉัน...ไม่น่ะ”
“พ่อจะไม่ยอมให้ใครทำร้ายลูก พ่อจะปกป้องลูกเอง”
ริกิกอดไอโกะแน่นอย่างสะเทือนใจ ข่มความเสียใจไว้สุดกำลัง พยายามส่งผ่านความรักและความอบอุ่นไปให้ลูกมากที่สุด
“ลูกรักของพ่อ ไม่ต้องกลัว...ไม่ต้องกลัว...”
ไอโกะดิ้นรนอยู่ในอ้อมกอดริกิ สักพักท่าทีเริ่มอ่อนลง สะอื้นไห้อย่างน่าสงสาร
“ฮือๆ ”

ริกิกอดลูกแน่น ยิ่งเจ็บปวดหัวใจ สงสารลูกมาก

ริกิเข้ามาในห้องทำงาน มองรูปถ่ายที่ถ่ายคู่กับอิจิโร่ด้วยความโกรธ
“เพราะไอ้ทาเคชิ ไอโกะถึงต้องเป็นอย่างนี้”
ริกิแววตาเหี้ยมเกรียม
“ใครทำลูกฉันเจ็บ มันต้องเจ็บกว่าพันเท่า...โอะนิซึกะต้องชดใช้”
ริกิปัดกรอบรูปทิ้ง จนกระจกกรอบรูปแตกกระจาย สายตาของเขาอาฆาตแค้น

แพรวดาวนั่งหวีผมอยู่หน้ากระจก ทาเคชิเดินเข้ามานั่งด้านหลัง ลูบเรือนผมเธออย่างทะนุถนอม ยิ้มหวาน
“ผมมีบางอย่างจะให้คุณ”
แพรวดาวหันไปหา เลิกคิ้วอย่างสงสัย
“มีอะไรจะเซอร์ไพรส์ฉัน”
ทาเคชิยื่นกระดาษข้อมูลท่องเที่ยวให้ แพรวดาวรับกระดาษมาดูเห็นภาพสถานที่ท่องเที่ยวแห่งหนึ่งในญี่ปุ่น
“ผมจำได้ว่าคุณอยากไปเที่ยว ก็เลยให้ทาโร่ไปหาข้อมูลมา”
แพรวดาวตื่นเต้น
“คุณจะพาฉันไปเหรอคะ”
“เราจะไปฮันนีมูน”
แพรวดาวยิ้มหวาน ทาเคชิประคองกอดแพรวดาวไว้อย่างอบอุ่น
“ผมตั้งใจพาคุณไปสองอาทิตย์ แต่ริวกลัวว่าเดินทางต่างเมืองจะไม่ปลอดภัย ยอมให้เราไปแค่อาทิตย์เดียวพร้อมบอดี้การ์ด”
ทาเคชิพูดน้ำเสียงสุดเซ็ง อยากไปกับแพรวดาวตามลำพัง
“เหตุการณ์ช่วงนี้ไม่น่าไว้ใจ เรารอให้ทุกอย่างดีขึ้น ค่อยไปเที่ยวก็ได้นะคะ”
“ทางนี้ก็ให้ริวกับอาโคจิดูแลไป ผมอยากพักผ่อน อยากพาคุณไปในที่ที่มีแค่เราสองคน”
“ฉันอยู่ที่ไหนก็ได้ที่มีคุณ”
ทาเคชิยิ้ม จมูกเริ่มโน้มเข้าไปแตะเรือนผมของแพรวดาว ค่อย ๆ เคลื่อนไปริมใบหู และแตะลงบนแก้มแดงเบา ๆ แพรวดาวตกใจ ผงะออกและหันมอง สายตาทั้งคู่ประสานกันนิ่ง...เนิ่นนาน ทาเคชิสวมกอดแพรวดาว แววตาออดอ้อน โน้มหน้าจุมพิตหน้าผากของเธออย่างแผ่วเบา แพรวดาวหลับตาพริ้ม ยอมรับจุมพิตอันแสบอบอุ่นด้วยความเต็มใจ ทาเคชิประคองตัวแพรวดาวให้นอนลงบนเบาะนอนอย่างนิ่มนวล หญิงสาวโอนอ่อนตามเขาราวกับเคลิบเคลิ้ม ทาเคชิจุมพิตแพรวดาวจากหน้าผาก เลื่อนลงมาที่แก้ม ไล่ลงมาซอกคอ...เริ่มหนักหน่วงขึ้น เธอหายใจหอบ ก่อนดันอกเขาไว้
“คุณเคยสัญญาว่าจะไม่รังแกฉัน”
ทาเคชิชะงัก จำสัญญาที่เคยให้ไว้กับเธอได้
“ผมขอโทษที่ล่วงเกินคุณ”
ทาเคชิดึงร่างของเธอเข้ามาอยู่ในอ้อมกอด หายใจลึก พยายามข่มตาและข่มใจให้หลับ
“ราตรีสวัสดิ์คิมิที่รัก”
แพรวดาวกระพริบตาปริบ ๆ อยู่กับอกของเขา สับสน ทำตัวไม่ถูก

ทาโร่กำลังจัดเสื้อผ้าใส่กระเป๋า เตรียมตัวเดินทาง โคจิเข้ามาหยุดมองก่อนพูดอย่างไม่สบายใจ
“ถ้าอยากอยู่ช่วยงานที่นี่ พ่อจะให้คนอื่นไปดูแลโซเรียวกับโอคุซังเอง”
“ผมต้องทำตามหน้าที่ครับ”
ทาโร่หันมาสบตาโคจิ พูดด้วยสีหน้าที่มุ่งมั่น เริ่มทำใจได้มากแล้ว
“ผมจะคุ้มครองโซเรียวกับโอคุซังด้วยเกียรติของตระกูลซาซากิขอให้พ่อไว้ใจผม”
โคจิมองทาโร่ ยังกังวลเรื่องความรู้สึกที่ทาโร่มีต่อแพรวดาว แต่เมื่อลูกชายยืนยันว่าทำตามหน้าที่ จึงไม่อาจคัดค้านได้
“เตรียมเสื้อผ้าหนาไปหลาย ๆ ชุดล่ะ ที่โน่นอากาศหนาว อย่าลืมถุงมือถุงเท้า ผ้าพันคอ แล้วก็...”
โคจิชะงัก รู้ตัวว่าพูดเยอะไปเมื่อเห็นสีหน้ายิ้ม ๆ ของลูกชาย
“ผมเตรียมทุกอย่างครบหมดแล้วครับ”
โคจิพยักหน้ารับรู้ แล้วเดินผละไปเงียบ ๆ ไม่พูดอะไรอีก ทาโร่อมยิ้ม รับรู้ถึงความห่วงใยของพ่อ

วันต่อมา รถตู้วิ่งมาบนถนนท่ามกลางหุบเขาที่เต็มไปด้วยธรรมชาติสองข้างทางสวยงาม คัตสึเป็นคนขับรถ เซกินั่งข้างคนขับ แพรวดาวกับทาเคชินั่งอยู่ตรงกลางรถ แพรวดาวเกาะกระจกรถ มองธรรมชาติที่งดงามสองข้างทางด้วยความตื่นเต้น ทาเคชิโอบกอด แพรวดาวซบไหล่ของเขาชมวิวด้วยกัน ทาโร่นั่งอยู่เบาะหลังสุด เผลอยิ้มไปด้วยเมื่อเห็นรอยยิ้มมีความสุขของแพรวดาว...แพรวดาวรู้สึกเหมือนกำลังถูกมอง จึงปรายตาไปทางด้านหลัง ทาโร่รู้สึกตัว ทำทียิ้มกลบเกลื่อนให้แล้วเลี่ยงสายตามองไปทางอื่น

ย่านเมืองเก่าขายของสวยงาม...ทาเคชิพาแพรวดาวเดินเที่ยวชมบ้านเรือนไม้แบบเก่าที่ดัดแปลงเป็นร้านขายของที่ระลึก แกลเลอรี และร้านอาหารตลอดสองฟากถนน โดยมีทาโร่ คัตสึ เซกิ เดินตามอย่างคอยระแวดระวังภัย
แพรวดาวเดินชมบ้านเรือนไม้ และของที่ระลึกอย่างตื่นตาตื่นใจ ทาเคชิแอบถ่ายภาพของเธอในมุมสวย และอิริยาบถต่าง ๆ ทาโร่เข้าไปรับกล้องจากทาเคชิ ช่วยถ่ายรูปคู่ให้ทาเคชิกับแพรวดาว ทั้งสองถ่ายรูปคู่กัน โอบกอดกัน ยิ้มอย่างมีความสุข

รอยรักหักเหลี่ยมตะวัน ตอนที่ 9 (ต่อ)

โรงแรมแบบเรียวกัง กลางหุบเขายามเย็น...แพรวดาวเดินสะโหลสะเหลเข้ามาในห้องพักในบรรยากาศแบบพื้นบ้าน แล้วเอนร่างนอนลงบนเบาะนอนที่ปูไว้ อย่างอ่อนเพลีย ทาเคชิเดินตามเข้ามา ส่ายหน้ามองอย่างเอ็นดู ก่อนทักท้วง
“ที่นี่มีบ่อน้ำร้อนกลางแจ้ง เป็นออนเซ็นที่ดีที่สุดของเมือง”
แพรวดาวตาโต หายง่วงเป็นปลิดทิ้ง
“จริงเหรอคะ”
“เป็นออนเซ็นที่สวยมาก”
แพรวดาวยิ่งตาโตด้วยความสนใจ อยากเห็น แต่นึกขึ้นได้
“แต่ฉันไม่กล้าอาบน้ำรวมกับคนอื่น”
“ผมก็ไม่ยอมให้ใครเห็นเรือนร่างคุณ...นอกจากผมคนเดียว”
ทาเคชิยิ้มมีเลศนัย

ห้องอาบน้ำแร่ส่วนตัวของโรงแรม...ทาเคชิพาแพรวดาวเข้ามาในห้องอาบน้ำ ที่มีบ่อน้ำทรงกลมขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางสองเมตรเลยชายคาออกไป เหนือผิวน้ำมีควันหนาลอยกรุ่น รอบ ๆ บ่อตกแต่งด้วยสวนญี่ปุ่นที่สวยงาม บรรยากาศเป็นธรรมชาติและส่วนตัวมาก แพรวดาวหันมองไปโดยรอบ ตื่นเต้นมาก
“ออนเซ็นกลางหุบเขา สวยงามมากเลยค่ะ”
ทาเคชิยิ้มกว้างเมื่อเห็นแพรวดาวชอบใจ
“ผมจองห้องอาบน้ำส่วนตัวสำหรับเราสองคน”
“เรา”
แพรวดาวมองทาเคชิ เขินอาย เมื่อรู้ว่าต้องอาบน้ำด้วยกัน เขาถอดเสื้อ เธอรีบหมุนตัวหันหลังให้ทันที ทาเคชิหยิบถังไม้ไปนั่งบนเก้าอี้เตี้ย แล้วตักน้ำราดตัว ก่อนจะก้าวลงไปในบ่อน้ำแร่ จนร่างจมมิดถึงลำคอ แพรวดาวหันกลับมา ค้อนด้วยความอิจฉา อยากลงไปแช่น้ำมาก
“ฉันสวมเสื้อลงได้ไหมคะ”
“น้ำต้องรักษาความสะอาด เสื้อผ้ามีแต่ฝุ่นกับเหงื่อ”
แพรวดาวอ้อน
“ฉันซักเสื้อก่อนก็ได้ ไม่มีใครรู้หรอก...นะคะ”
ทาเคชิครุ่นคิดก่อนต่อรอง
“เสื้อยืดตัวเดียวเท่านั้น อย่างอื่นไม่ได้”
แพรวดาวค้อนทาเคชิอีกที ทั้งอายและอยากลงแช่น้ำ ทาเคชิจ้องตาแป๋ว รอเธอตัดสินใจ
“หลับตาก่อนสิ”
ทาเคชิยิ้มออกมานิดหนึ่ง แล้วเลยหน้าพิงบ่อ ยกผ้าขาวขึ้นปิดตา

ทาโร่ยืนนิ่งมองบรรยากาศสวยงามริมระเบียงของโรงแรม แววตาเหงาและเศร้ามาก สักพักจึงได้ยินเสียงหัวเราะของคัตสึกับเซกิ เดินผ่านมา ทาโร่นิ่วหน้าถาม
“โซเรียวล่ะ”
คัตสึยิ้มๆ
“อาบน้ำกับโอคุซัง ท่ามกลางบรรยากาศสุดแสนโรแมนติก”
เซกิเสริม
“ถ้าท่านทาโร่อยากรู้เหตุการณ์หลังจากนั้น ต้องจินตนาการเอง”
คัตสึกับเซกิหัวเราะคิกคัก สนุกสนาน ทาโร่ชะงักไปเล็กน้อย พยายามข่มใจไม่ให้เจ็บปวดเหมือนที่เคยเป็น
“ไปหาอะไรดื่มกันเถอะ ฉันเลี้ยงเอง”
คัตสึกับเซกิหูผึ่ง ยอมรับข้อเสนอด้วยความเต็มใจ

ทาเคชิค่อย ๆ เลื่อนผ้าขาวออก เมื่อได้ยินเสียงแพรวดาวหย่อนตัวลงในน้ำ เขาเห็นเธอนั่งอยู่ตรงข้ามบ่ออย่างหวาดระแวง สวมเสื้อตัวเดียว
“อุ่นสบายใช่ไหม”
ทาเคชิถาม ระหว่างขยับเข้าไปนั่งข้าง ๆ แพรวดาวเกร็ง ๆ รีบดึงเสื้อให้คลุมสะโพกมิดชิด ทาเคชิเห็นเธอหน้าแดงเพราะเขินอาย จึงทำทีชวนคุย
“ออนเซ็นที่นี่ถูกล้อมด้วยภูเขา สมัยก่อนเป็นบ่อน้ำแร่ลับของตระกูลที่เคยปกครองเมืองนี้ในยุคศักดินา น้ำที่นี่มีความเป็นด่างต่ำ เป็นน้ำที่มีคุณภาพ ใส ไม่มีสี”
แพรวดาวทึ่ง
“คุณรู้ละเอียดจัง”
ทาเคชิหัวเราะ

“ผมอ่านแผ่นพับของโรงแรม ถ้าคุณไม่ง่วงก็คงสังเกตเห็น”

แพรวดาวทำหน้างอนใส่ ทาเคชิจึงควานมือของเธอจากใต้น้ำ ยกขึ้นมาจุมพิตเบา ๆ อย่างเอาใจ
“พรุ่งนี้จะพาไปหมู่บ้านซามุไร อย่างอนเลยนะคนดี”
แพรวดาวเริ่มยิ้ม ทาเคชิยิ้มพราย ยกมืออีกข้างขึ้นไล้แก้มของหญิงสาวอย่างแผ่วเบา เธอหลุบตาลงนิดหนึ่ง อย่างกล้า ๆ กลัว ๆ ทาเคชิโน้มหน้าเข้าหาจุมพิตที่หน้าผากหญิงสาวอย่างแผ่วเบา แพรวดาวหลับตา เคลิ้ม ราวกับต้องมนตราแห่งรัก เขาดึงร่างของเธอมากอดแนบชิด เลื่อนริมฝีปากลงมาที่แก้มนวลของหญิงสาว แพรวดาวประท้วงเสียงแผ่ว จิตใจกำลังต่อสู้กันจนวุ่นวาย
“อะนะตะ...”
“คิมิที่รัก...ผมจะทะนุถนอมคุณ”
“แต่...”
แพรวดาวเสียงสั่นราวกับจะร้องไห้ ไม่อยากทำผิดจารีตประเพณีที่เคยยึดถือ ทาเคชิทอดถอนใจ ไม่อยากให้เธอลำบากใจ
“ผมขอโทษที่ไม่ทำตามสัญญา ผมจะไม่หักหาญน้ำใจคุณอีก”
ทาเคชิคลายกอดจากแพรวดาว หันหลัง กำลังขยับตัวออกห่างไป แพรวดาวลังเล ว้าวุ่น ในที่สุด...หัวใจก็ชนะศักดิ์ศรี เธอรีบโผเข้าไปกอดแผ่นหลังของเขาไว้อย่างไม่รั้งรออีกต่อไป ทาเคชิชะงัก ไม่เข้าใจ
“ฉันรู้แล้วว่าคุณรักฉันมากแค่ไหน และรู้ว่าหัวใจของฉันแทบแหลกสลายตอนที่คุณยังไม่ฟื้น...”
ทาเคชิหันกลับมาโอบกอดแพรวดาวด้วยความดีใจและโหยหา
“เวลาของเราเหลืออีกไม่นานแล้ว...ฉันไม่อยากปล่อยความสุขที่มีคุณไปอีก ฉันจะทำตามหัวใจตัวเอง ตอนนี้...เวลานี้...เราคือความสุขของกันและกัน”
“คิมิที่รัก...คุณคือแสงสว่างในหัวใจผม ผมจะไม่มีวันทำร้ายคุณ”
แพรวดาวกระซิบตอบ
“ฉันเชื่อคุณ...และเชื่อหัวใจตัวเองค่ะอะนะตะ”
แพรวดาวกระซิบตอบ ในขณะที่ทาเคชิเลื่อนริมฝีปากลงมาตามลำคอ เขากอดร่างของเธอแน่น ประพรมจูบไปตามแก้มนวลของเธอ แพรวดาวหลับตาพริ้ม ปล่อยให้ทุกอย่างเป็นไปตามคำเรียกร้องของหัวใจของเขาและเธอ

ทาโร่กับคัตสึกำลังจิบสาเกกันอยู่ จู่ ๆ เซกิก็ปรี่เข้ามาเล่าให้ฟังอย่างตื่นเต้น
“เมื่อกี้ตอนไปเข้าห้องน้ำ แอบเห็นโซเรียวอุ้มโอคุซังกลับห้องไปแล้ว”
ทาโร่นิ่ง เงียบฟัง คัตสึหันไปคุยกับเซกิ หัวเราะคิกคักชอบใจ
“โอคุซังน่ารักขนาดนั้น โซเรียวคงไม่มีอารมณ์อาบน้ำหรอก”
“นึกแล้วก็เสียดาย...ตำแหน่งโอะคะมิซังเหมาะกับโอคุซังมากกว่าคุณหนูไอโกะเสียอีก”
“เหมาะยังไงก็ไม่มีประโยชน์ เพราะฉันแอบได้ยินโอคุซังคุยกับเพื่อนว่าจะกลับเมืองไทยทันทีหลังเรียนจบ”
ทาโร่กำลังจะยกถ้วยสาเกขึ้นจิบ ชะงักตกใจเมื่อรู้ว่าแพรวดาวจะกลับเมืองไทย เซกิถอนใจ
“ถ้าโอคุซังไม่อยู่ แล้วโซเรียวจะเป็นยังไง”
คัตสึกับเซกิ สงสารทาเคชิ ทาโร่เครียดขึ้น

ห้องพักทาโร่ในโรงแรมยามค่ำคืน...ทาโร่หยิบเสื้อตัวที่แพรวดาวเพิ่งซ่อมให้ออกมาจากกระเป๋า เขานั่งมองเสื้อตัวนั้น นิ่งมาก...ทาโร่งนึกถึงตอนที่แพรวดาวรับแจกันดอกดาวเรืองมาชื่นชมด้วยความปลาบปลื้ม ดีใจมาก
“เห็นดอกดาวเรืองแล้วคิดถึงเมืองไทย...บ้านฉันที่เมืองไทยมีสวนดาวเรือง ปลูกดอกดาวเรืองไว้รอบบ้านเลย”
ทาโร่เลื่อนนิ้วไล่ไปตามรอยเย็บ ที่แพรวดาวซ่อมเสื้อให้เขา ทำใจไม่ได้ที่เธอจะจากไป
“เหลือเวลาอีกไม่ถึงปีสินะ...”
ทาโร่ว้าวุ่น ไม่สบายใจ

ทาเคชินอนเหม่อมองเพดานสีหน้าเต็มไปด้วยความประหลาดใจ จนแพรวดาวที่นอนซุกอยู่ตรงหน้าอกเขา เงยหน้าขึ้นมองเริ่มไม่สบายใจ
“คิดอะไรอยู่คะ”
ทาเคชิอึกอัก ไม่กล้าพูดตรง ๆ แต่เมื่อเห็นสายตาที่จ้องมองมาของแพรวดาว จึงจำเป็นต้องพูด
“วันที่ผมบุกไปช่วยคุณที่ไนท์คลับซะโต้ ผมคิดว่าคุณ...เอ่อ...ถูกไอ้เคนอิจิย่ำยีไปแล้ว แต่ผมเพิ่งรู้วันนี้ว่า...ผมคือ...ผู้ชายคนแรกของคุณ”
แพรวดาวหน้าแดง รีบซุกหน้าลงบนอกของเขาซ่อนความอาย ทาเคชิเชยคางเธอขึ้น สบตาหวานซึ้ง ยิ้มอย่างพึงพอใจที่สุด
“คืนแรกที่เราอยู่ด้วยกัน ผมไม่กล้าล่วงเกินคุณ เพราะไม่อยากให้คุณคิดว่าถูกผมรังแกเหมือนไอ้เคนอิจิ”
“ตอนที่ถูกจับตัวไปฉันก็คิดว่าคงไม่รอด แต่จี้หยกของคุณช่วยฉันไว้”
“เพราะเคนอิจิสนใจฆ่าผมมากกว่า”
“ค่ะ เขาแปลกใจที่คุณรักและหลงฉันจนให้จี้หยกประจำตระกูล ทำให้ไอโกะโกรธจนสั่งจับตัวฉันไปขายซ่อง”
ทาเคชิชะงักอึ้ง
“ฝีมือไอโกะงั้นเหรอ”
ทาเคชิลุกพรวดขึ้นด้วยความโกรธ จนแพรวดาวต้องรีบคว้าผ้าห่มมาคลุมปิดบังร่างกาย รีบเตือนทาเคชิ
“อย่าเพิ่งโกรธสิคะ คนชั่วอย่างเคนอิจิอาจจะสร้างเรื่องโกหกเราก็ได้”
“ทำไมคุณไม่บอกผมแต่แรก”
“ฉันไม่อยากทำให้เรื่องวุ่นวายมากไปกว่านี้”
“ใครทำร้ายคุณ ก็เหมือนทำร้ายหัวใจผม...ผมจะสืบให้รู้ความจริง ถ้าเป็นฝีมือไอโกะ การหมั้นจะถูกยกเลิกทันที”
“แต่คุณต้องทำตามสัญญา เพื่อรักษาเกียรติให้โอะนิซึกะนะคะ”
ทาเคชิอึ้งไปนิด ขบกรามแน่นอย่างตัดสินใจเด็ดขาด
“คำพูดของโซเรียวคือคำศักดิ์สิทธิ์ แต่ถ้าไอโกะร่วมมือกับเคนอิจิจับตัวคุณ โอะนิซึกะกับมิซาว่าจะต้องขาดกัน”

แพรวดาวไม่สบายใจ แต่ก็ไม่กล้าคัดค้านความตั้งใจของทาเคชิ

โกดังเก็บสินค้าของมิซาว่ายามค่ำคืน...ประตูโกดังเปิดออก จูโร่เดินนำชายคนหนึ่งเข้ามาภายใน เคนอิจิหยุดยืนอยู่ด้านหลังจูโร่หน้าโต๊ะทำงานที่มีริกินั่งอยู่ จูโร่รีบเลี่ยงออกไปอย่างรู้หน้าที่ ริกิเงยหน้าสบตาเคนอิจิ แววตาแค้นปรากฏขึ้นบนใบหน้าเรียบ นิ่งมาก เคนอิจิจ้องตอบก่อนก้าวไปประจันกับริกิ เอ่ยด้วยน้ำเสียงยียวน กวนประสาท
“ฝีมือลูกน้องมิซาว่าคงทำให้ผิดหวัง ถึงต้องเรียกใช้ผม”
“รีบกำจัดทาเคชิกับริวให้เร็วที่สุด ก่อนจะถูกจับได้ว่าแกลอบฆ่าพ่อแม่พวกมัน”
“ผมแค่รับคำสั่ง แต่คนบงการทั้งหมดคือท่าน”
ริกิตบโต๊ะปัง ยกนิ้วชี้หน้าหน้าเคนอิจิ โกรธสุดขีด
“อย่าบังอาจพูดกับฉันแบบนี้ ถ้าฉันไม่เก็บแกมาเลี้ยง แกก็คงเป็นแค่ขอทานหรืออันธพาลข้างถนน”
เคนอิจิหน้าตึง ไม่พอใจที่ถูกลำเลิกบุญคุณ
“ท่านสร้างผมขึ้นมาเพื่อทำลายโอะนิซึกะ สั่งให้ผมลอบฆ่าท่านอิจิโร่จนพ่อแม่ของริวรับเคราะห์ตายแทนเมื่อสิบสามปีก่อน ให้ผมลอบวางระเบิดฆ่าท่านอิจิโร่กับครอบครัว ให้ผมออกนอกหน้าค้าสิ่งผิดกฎหมายในเมืองนี้แล้วมาเอาส่วนแบ่งไปสบาย ๆ ที่ผมยอมทำทั้งหมดนี่...ไม่ใช่เพราะเห็นแก่บุญคุณของท่านเหรอ”
“ไอ้ขี้ครอกอย่างแก ต้องเป็นหนี้บุญคุณฉันจนวันตาย”
เคนอิจิหรี่ตามองริกิ พยายามข่มความไม่พอใจ ก่อนเป็นฝ่ายยั่วยุอารมณ์ริกิบ้าง
“คุณหนูไอโกะสุดที่รักของผมสบายดีไหมครับ”
ริกิเดือดพล่าน
“อย่าพูดถึงลูกสาวฉัน”
“ผมกับคุณหนูไอโกะลึกซึ้งเกินกว่าจะพูดกันแล้วครับ”
ริกิสั่งเสียงเหี้ยม
“หุบปากของแกเดี๋ยวนี้”
“ยอมรับความจริงเถอะครับ...ป่านนี้คุณหนูไอโกะอาจกำลังตั้งท้องลูกผมแล้วก็ได้”
ริกิหมดความอดทน ปรี่เข้าไปกระชากคอเสื้อเคนอิจิ แล้วชกเปรี้ยงไปหนึ่งที
“ไอ้สารเลว แกหลอกลูกฉัน”
“ผู้หญิงมาเสนอตัวให้ถึงที่ ใครจะกล้าปฏิเสธ” เคนอิจิแอ่นอกรับอย่างไม่สะท้าน “ถ้าอยากให้ผมรับผิดชอบ ผมก็ยินดีแต่งงานกับคุณหนูไอโกะ”
“ฉันจะถือว่ามันเป็นความโง่ของลูกสาวฉันเอง”
ริกิปล่อยมือจากเคนอิจิด้วยการผลักออกไป จ้องมองด้วยความเกลียดชัง เคนอิจิกระหยิ่มยิ้มอย่างไม่รู้สึกรู้สา ดวงตาฉายแววสะใจ

ริกินั่งนิ่งอยู่เบาะหลังรถหน้าเคร่งขรึมเต็มไปด้วยความแค้นที่คุกรุ่นในใจ จูโร่ขับรถ มองริกิผ่านกระจกมองหลัง
“เคนอิจิแข็งข้อกับท่านมากขึ้นเรื่อย ๆ”
“สุนัขรับใช้...เลี้ยงให้ดียังไงมันก็เป็นได้แค่สุนัข”
ริกิเงยหน้าขึ้นสบตาจูโร่ น้ำเสียงเย็น
“กำจัดโอะนิซึกะได้เมื่อไหร่ ฉันไม่เก็บมันไว้เป็นเสี้ยนตำเท้าตัวเองหรอก”
ริกิหน้าอำมหิต

วันใหม่...ทาเคชิพาแพรวดาวมาเที่ยวชมปราสาทหรือที่ท่องเที่ยวอื่นๆ โดยมีทาโร่ คัตสึ เซกิ คอยติดตามไม่ห่าง...แพรวดาวอ่านแผ่นพับที่ได้รับแจก แล้วหยุดชมประตูป้อมปราการ โดยมีทาเคชิคอยอธิบายรายละเอียดของสถานที่นี้ แพรวดาวพยักหน้า รับฟังด้วยความสนใจ

ทาเคชิประคองมือแพรวดาว เดินชมความสวยงามของหมู่บ้าน เธอชมความสวยงามในตัวบ้านด้วยความทึ่ง โดยมีทาเคชิประคองกอดเดินคู่ไปด้วยกัน แพรวดาวเริ่มเมื่อยขา ทำท่าล้า ๆ เดินไม่ไหว ทาเคชิจึงช่วยประคองหาที่นั่ง แล้วเขาจึงก้มลงนวดขาให้อย่างนิ่มนวล แพรวดาวซาบซึ้งและมีความสุขมาก คัตสึกับเซกิสะกิดกันมองเจ้านายทั้งสองด้วยความอิจฉา ทาโร่นิ่งมองแพรวดาวกับทาเคชิด้วยความสับสน...ดีใจที่เห็นความรักของทั้งคู่เบ่งบาน แต่ก็ใจหายเมื่อรู้ว่าแพรวดาวกำลังจะจากไป

ในร้านขายผ้าตัดชุดกิโมโน...ทาเคชิพาแพรวดาวมาดูการย้อมผ้าแบบโบราณ และการเพนต์บนผืนผ้า เธอเดินดูผ้าสวย ๆ แต่ละชิ้นที่ตั้งโชว์ด้วยความชื่นชม แต่ก็นึกขยาดเมื่อเห็นราคาผ้าผืนหนึ่งมี
ราคาสูงมาก ทาเคชิเดินเข้ามาเคียงข้าง
“ชอบผ้าผืนไหนเป็นพิเศษ ผมจะซื้อให้”
“ไม่ต้องหรอกค่ะ ชุดกิโมโนของคุณแม่คุณสวย ๆ มากมาย ใส่ออกงานได้อีกอีกเยอะ”
แพรวดาวชะงัก เมื่อเจ้าของร้านนำผ้าใส่กล่องมายื่นให้ทาเคชิ ก้มศีรษะอย่างนอบน้อม แล้วถอยตัวออกไป ทาเคชิยื่นกล่องผ้าสีส้มเพนท์รูปดอกไม้สีสด ให้ แพรวดาวถอนใจเอือมที่ห้ามทาเคชิไม่ได้แต่ก็ถูกใจผ้าที่เขาเลือกให้
“ให้ของขวัญฉันเนื่องในโอกาสอะไรคะ”
“สำหรับคนน่ารักที่จะมาอาบน้ำกับผมเย็นนี้”
แพรวดาวเขินๆ
“ใครบอกว่าฉันจะอาบน้ำกับคุณ”
“โธ่...คิมิที่รักจ๋า...ผมสัญญาว่าจะไม่ดื้อไม่ซนนะจ๊ะ”
แพรวดาวทำหูทวนไม่สนใจเดินหนี แกล้งเขา ทาเคชิตามไปออดอ้อน ทั้งสองมีความสุขและอบอุ่น

ในตลาดคึกคักด้วยผู้คนที่เดินจับจ่ายซื้อของกันมากมาย ริวกับโคจิเดินตรวจความเรียบร้อยในตลาดตามลำพัง โดยไม่ได้ให้ลูกน้องติดตามมาด้วย
“ท่านโอะซะมุได้ข้อมูลมาว่าคนร้ายสองคนที่ลอบยิงโซเรียว เป็นมือปืนรับจ้างมาจากเมืองอื่น”
“ถ้างั้นคนร้ายตัวจริงก็เป็นคนในเมืองนี้”
“และพวกซะโต้น่าสงสัยที่สุด”
“ตราบใดที่ท่านโอะซะมุยังหาหลักฐานจัดการคนบงการไม่ได้ เราต้องไม่ประมาทเด็ดขาด”
โคจิพยักหน้ารับรู้

เคนอิจิอยู่ในบ่อนรับถ้วยสาเกที่ยามะรินให้ ยกขึ้นดื่มรวดเดียวจนหมด หน้าตาเคนอิจิเต็มไปด้วยความคั่งแค้น เมื่อนึกถึงคำพูดของริกิ
“อย่าบังอาจพูดกับฉันแบบนี้ ถ้าฉันไม่เก็บแกมาเลี้ยง แกก็คงเป็นแค่ขอทานหรืออันธพาลข้างถนน”
เคนอิจิหน้าตึง ไม่พอใจที่ถูกลำเลิกบุญคุณ
“ไอ้ขี้ครอกอย่างแก ต้องเป็นหนี้บุญคุณฉันจนวันตาย”
เคนอิจิยิ่งคิดถึงยิ่งแค้น กำถ้วยสาเกแน่น ยามะกับโคเฮ เห็นท่าทางเจ้านายหันมาสบตากันเริ่มร้อน ๆ หนาว ๆ กลัวอารมณ์เจ้านาย ชินอิจิพรวดพราดเปิดประตูเข้ามา ไม่ทันได้สังเกตอาการเคนอิจิ
“ไนท์คลับปรับปรุงเสร็จแล้วครับ ผู้รับเหมานัดส่งมอบงานวันมะรืน”
“ตรวจงานรึยัง”
“ผมจะเข้าไปจัดการพรุ่งนี้ครับ”
เคนอิจิตัดบท
“ต้องเดี๋ยวนี้”
“แต่ผมต้องรีบไปรับลูก เมื่อวานผมขออนุญาตนายแล้ว”
เคนอิจิเขวี้ยงแก้วใส่ชินอิจิ จนเฉี่ยวโดนหางคิ้วเลือดซึมออกมา เคนอิจิตวาดใส่
“สั่งแล้วไม่ทำ ฉันจะเลี้ยงแกไว้ทำไม”
ชินอิจิเอามือแตะหางคิ้วมาดู เห็นว่ามีเลือดซึมออกมา พยายามข่มความไม่พอใจ เคนอิจิประกาศกร้าว
“จัดการงานฉันให้เสร็จ แล้วแกจะไสหัวไปไหนก็เชิญ”

ชินอิจิก้มศีรษะรับคำ สายตาเต็มไปด้วยความคับแค้นใจและอึดอัดสุด ๆ

หน้าตลาดที่มีผู้คนเดินไปมาขวักไขว่ รถแล่นผ่านไปมาดูวุ่นวายมาก ชินคุงยืนชะเง้อมองหาชินอิจิ กังวลใจ ที่ไม่เห็นพ่อมาสักที พ่อค้าเข็นรถเข็นขายแป้งกลมๆ ปิ้งผ่านมา ชินคุงหันมองตามกลิ่นหอม กลืนน้ำลายด้วยความหิว เคลิ้ม ๆ อยากกินมาก เท้าชินคุงเสียหลัก จนล้มกลิ้งไปบนถนน
“โอ๊ย”
รถกระบะส่งของในตลาดคันหนึ่ง แล่นมาด้วยความเร็ว ริวกับโคจิ เดินออกมาจากตลาด หันมาเห็นรถกำลังวิ่งมาทางชินคุง ริวตะโกนลั่น
“ระวัง”
รถกระบะพุ่งเข้ามาหาชินคุง ใกล้มาก ชินคุงตกใจสุดขีด รถกระบะบีบแตรเสียงดังลั่น ริวพุ่งเข้ามากระชากตัวชินคุงหลบรถได้อย่างหวุดหวิด ทั้งสองล้มกลิ้งไปกับพื้นด้วยกัน โคจิรีบเข้าไปดูทั้งสอง...ริวลุกขึ้นนั่งได้ เห็นชินคุงหมดสติอยู่ในอ้อมแขน ริวมองชินคุงด้วยความเป็นห่วง สีหน้าเครียด

ค่ำนั้น ภรรยาชินอิจิแปลกใจ เมื่อไม่เห็นชินคุงกลับมาพร้อมกับสามี
“ชินคุงไปรอคุณที่ตลาด ไม่เจอกันเหรอคะ”
ชินอิจิชะงัก
“ไปแล้วไม่เจอลูก ก็คิดว่ากลับบ้านมาแล้ว”
ภรรยาวิตกกังวล
“ชินคุงหายไปไหน”
ชินอิจิหน้าเครียด เป็นห่วงลูก ขณะเดียวกันนั้นเสียงชินคุงดังขึ้น
“พ่อครับ”
ชินอิจิหันไปตามเสียง ตกใจเมื่อเห็นริวจูงมือชินคุงเข้ามาในบ้าน พร้อมโคจิ
“ชินคุง”
ชินอิจินิ่งมองริวกับโคจิ งุนงง ไม่เข้าใจว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น

มุมรับแขก...ชินอิจิหน้าเครียด เมื่อรู้เรื่องจากริว
“หมอตรวจอย่างละเอียดแล้ว เด็กปลอดภัย ไม่ได้รับความกระทบกระเทือนรุนแรง”
“ขอบคุณที่ช่วยชีวิตลูกผม...ขอให้รับการแสดงความขอบคุณจากผมด้วย”
ชินอิจิก้มศีรษะให้ริวอย่างนอบน้อม ขอบคุณด้วยใจ
“ผมไม่รู้จะตอบแทนบุญคุณยังไง หากมีอะไรที่ผมช่วยได้...ก็ยินดี”
“ช่วยได้แน่ ถ้าอยากช่วย”
ชินอิจิชะงัก สบตาริวนิ่งสักพัก เริ่มเข้าใจสิ่งที่ริวต้องการ
“ทรยศต่อพรรคพวก ก็เท่ากับทรยศตัวเอง”
โคจิแทรกขึ้น
“ความภักดีเป็นเรื่องถูกต้อง แต่ถ้าผู้นำดึงลูกน้องเข้าไปรับดาบแทน ถือว่าไร้เกียรติและศักดิ์ศรี”
ชินอิจิสับสน นึกถึงสิ่งที่เคนอิจิเคยทำไว้กับตน เขานึกถึงตอนที่ เคนอิจิต่อสู้กับทาเคชิ แล้วดึงตัวเขาเข้ามารับดาบทาเคชิแทน...ชินอิจินึกถึงตอนที่ ชินคุงถูกแก้วบาด เลือดไหล แต่เคนอิจิกลับไล่อย่างไม่สนใจ....เขานึกถึงตอนที่เคนอิจิไม่ยอมปล่อยให้เขามารับลูก...ชินอิจิยิ่งคิดยิ่งแค้นเคนอิจิ ก่อนหันไปสบตาริว
“ผมเป็นแค่ลูกน้องปลายแถว จะช่วยอะไรได้”
“ใครส่งคนมาฆ่าโอะนิซึกะโซเรียว”
“ไม่ใช่ฝีมือซะโต้”
ริวกับโคจิสบตากัน สงสัยว่านอกจากเคนอิจิจะเป็นใคร
“เคนอิจิเป็นคนวางระเบิดคุณลุงอิจิโร่ และฆ่าปิดปากโกะโร่ ซุจิใช่ไหม”
ชินอิจินิ่งไปสักพัก ก่อนพยักหน้ารับ ริวขบกรามแน่น แค้นเมื่อรู้ว่าเป็นฝีมือเคนอิจิแน่นอน โคจิรีบถามชินอิจิด้วยความสงสัย
“แล้วคุณหนูไอโกะกับเคนอิจิเกี่ยวข้องกันยังไง”
“สองคนนั้น...เอ่อ...มีความสัมพันธ์กัน แต่เพราะอะไรผมไม่รู้”
ริวกับโคจิตกใจที่ได้รู้ แต่พยายามคุมอาการเพื่อยื่นข้อเสนอให้ชินอิจิ
“โอะนิซึกะไม่รับคนเข้าทำงานง่ายๆ แต่ถ้าแกยอมทำงานให้เรา แกจะได้เข้ามาอยู่ด้วยกันกับเรา”

ชินอิจินิ่งครุ่นคิดอย่างหนัก ริวกับโคจินิ่งจ้องหน้าชินอิจิรอคำตอบ

รอยรักหักเหลี่ยมตะวัน ตอนที่ 9 (ต่อ)

วันใหม่...ไอโกะนั่งเหม่อลอยมองเพดาน ไม่สนใจแม้เสียงเคาะประตูดังขึ้น สาวใช้ถือถาดอาหารเข้ามาวางข้างตัวไอโกะ
“ทานอาหารแล้วทานยานะคะคุณหนู”
สาวใช้พูดพลางเปิดฝาที่ปิดครอบถ้วยอาหาร สักพัก ไอโกะก็ชะงัก เมื่อได้กลิ่นอาหารลอยโชยมา
“เหม็น...”
ไอโกะรู้สึกคลื่นไส้ แล้วรีบลุกไปโก่งคออาเจียนใส่ถังขยะที่วางอยู่มุมห้อง สาวใช้ตามมาช่วยลูบหลังไอโกะที่กำลังอาเจียนด้วยความตกใจ
“คุณหนูเป็นอะไรคะ”
ไอโกะ นึกถึงเหตุการณ์ที่โดนเคนอิจิข่มขืน เธอเริ่มลำดับเหตุการณ์ด้วยความตกใจ
“หรือว่า...ไม่จริง...ต้องไม่ใช่ ไม่...”
ไอโกะกรีดร้อง ทุบท้องตัวเอง สาวใช้พยายามห้าม
“อย่าค่ะคุณหนู”

โถงบันไดชั้นล่าง บ้านมิซาว่า...ริกิ กำลังคุยงานกับซาโตชิและจูโร่ สีหน้าเคร่งเครียด รับเสียงกรีดร้องของไอโกะดังมา
“ฉันไม่ต้องการแก ออกไป”
สาวใช้ตกใจ
“แย่แล้วค่ะ ช่วยด้วยค่ะ”
“ไอโกะ”
ริกิหันขวับ รีบวิ่งเข้าไปในบ้านด้วยความเป็นห่วงลูกสาว ซาโตชิกับจูโร่รีบตามไป

ไอโกะกวาดข้าวของบนโต๊ะเครื่องแป้งทิ้งระเนระนาด สาวใช้ตามห้าม ต้องคอยหลบของที่จะกระเด็นมาโดน
“กรี๊ด...”
ไอโกะหันไปเห็นกรรไกรอันหนึ่งวางอยู่ ครุ่นคิด ก่อนคว้ากรรไกรขึ้นมา เงื้อจะแทงท้องตัวเอง ริกิวิ่งเข้ามาเห็นพอดี ตกใจมาก
“ไอโกะ...อย่า...”
ริกิรีบปราดเข้ามาคว้าข้อมือไอโกะไว้ แล้วพยายามแย่งกรรไกรจากมือของเธอ ไอโกะดิ้นรนขัดขืน ไม่ยอมปล่อยกรรไกร
“ปล่อยหนูนะ...ปล่อย”
“ลูกกำลังจะทำอะไร รู้ตัวบ้างไหม”
“มันทำลายชีวิตหนู มันต้องตาย”
ไอโกะพยายามยื้อกรรไกรจะแทงท้องตัวเอง ริกิพยายามรั้งไว้สุดแรง
“อย่าทำอย่างนี้ไอโกะ พ่อขอร้อง”
“ไม่...ไม่”
ซาโตชิกับจูโร่วิ่งเข้ามาช่วยล็อคตัวไอโกะ ซาโตชิกระชากกรรไกรออกจากมือไอโกะได้ แล้วเหวี่ยงทิ้งทันที ไอโกะกรีดร้องเต้นเร่า ๆ
“เอาคืนมา ฉันจะฆ่ามัน...อ๊าย”
ไอโกะกรีดร้องจนเป็นลม หมดสติไป ในอ้อมกอดริกิพอดี

หมอบอกอาการของไอโกะกับริกิ ด้วยท่าทางหวาดกลัว
“คุณหนูไอโกะตั้งครรภ์ประมาณ 6 สัปดาห์แล้วครับ ผมให้ยาแก้อาเจียนไปแล้ว อีกสักพักคงหลับได้”
ริกินิ่ง อึ้ง ร่างกายชาหนึบจนแทบพูดไม่ออก
“หมอตรวจแน่แล้วใช่ไหม”
หมอพยักหน้ายืนยัน เริ่มหวาดหวั่นต่อท่าทางเย็นยะเยือกของเขา ริกิจ้องหมอ ขู่เสียงกร้าว
“ถ้าใครรู้เรื่องนี้...”
“ผมรับรองจะไม่บอกใครเด็ดขาดครับ”
หมอรีบโค้งตัวรับคำด้วยความกลัว แล้วรีบหิ้วกระเป๋าเดินตามจูโร่ออกไป ริกิมองตามหมอ ยังไม่ไว้ใจ

ไอโกะนอนร้องไห้สะอึกสะอื้นอยู่เบาะนอน ดวงตาแดงกล่ำ เสียใจมาก ริกิเดินเข้ามาในห้อง มองด้วยสายตาปวดร้าว สงสารลูก...เขาคุกเข่าลงข้างเบาะ ยกมือลูบหน้าผากไอโกะแผ่วเบาด้วยความเป็นห่วง
“หนูจะเอามันออก”
ไอโกะพูดเสียงลอดไรฟัน เลื่อนมือไปกุมท้องตัวเอง ก่อนบีบแน่น ริกิคว้ามือไอโกะที่บีบท้องออกมา กัดฟันตอบอย่างเจ็บปวดไม่แพ้กัน

“อย่าทำ...พ่อไม่อยากให้ไอโกะตกเลือดตายเหมือนพวกผู้หญิงในซ่อง”

ริกินิ่ง ขบกรามขึ้นเป็นสันนูน คิดหาทางอย่างหนัก ก่อนประกาศ
“ในเมื่อมันเป็นหลาน พ่อจะรับเลี้ยงเด็กคนนี้เอง”
“ถ้าทาเคชิรู้ เขาต้องรังเกียจ...” ไอโกะร้องไห้เสียงดังขึ้น “หนูจะไม่ได้เป็นโอะคะมิซัง”
“ช่างหัวพวกโอะนิซึกะ”
“แต่หนูรักทาเคชิ หนูจะไม่ยอมให้เลือดชั่วของไอ้เคนอิจิอยู่ในตัวหนู”
ไอโกะน้ำตาไหล ตาปรือเหมือนจะหลับ
“เพราะไอ้ทาเคชิไม่ใช่เหรอ ที่ทำให้ลูกเป็นอย่างนี้”
ริกิมองสภาพไอโกะ ช่วยซับน้ำตาให้ลูกอย่างปวดร้าว และลูบผมเพื่อปลอบใจ ไอโกะสะอื้นไห้ ตาปรือจนค่อย ๆ ปิดลง เริ่มเคลิ้มหลับเพราะฤทธิ์ยา ริกิลูบใบหน้าลูกสาวด้วยความรักและทะนุถนอม มองท้องของลูกอย่างนึกขึ้นได้
“บางที...เด็กในท้องอาจเป็นเครื่องมือต่อรองที่ดีที่สุด”
ซาโตชิยืนอยู่ตรงประตู มองสภาพไอโกะด้วยความสงสารน้องมาก ก่อนสีหน้าแปรเปลี่ยนอาฆาตแค้น แววตาเหี้ยมมาก

ซาโตชิถือดาบซามุไรเดินออกมาด้วยท่าทางเกรี้ยวกราดเดือดดาล ริกิเดินตามออกมาติด ๆ
“หยุดนะซาโตชิ”
“ผมจะฆ่าไอ้ทาเคชิกับไอ้เคนอิจิด้วยมือผมเอง”
“อย่าเพิ่งวู่วาม”
“มันสองคนต้องชดใช้ ที่ทำให้ไอโกะเจ็บ”
ซาโตชิหุนหันจะออกไป ริกิรีบหันไปสั่งจูโร่และลูกน้องที่วิ่งเข้ามาพอดี
“จับตัวซาโตชิไว้”
จูโร่และเหล่าลูกน้องปราดเข้ามาล้อม ซาโตชิกวาดสายตาจ้องทุกคนเขม็ง ก่อนเงื้อดาบตวัดไล่ลูกน้องที่ขวางทาง ลูกน้องบางคนหลบได้ บางคนโดนฟาดเจ็บตัว จังหวะหนึ่ง จูโร่ปรี่เข้าไปล็อคตัวได้ ลูกน้องคนอื่นจึงรีบกรูเข้าไปช่วยจับตัวไว้ ซาโตชิโวยวายดิ้นรน
“ปล่อยฉัน ปล่อย...”
ซาโตชิทรุดคุกเข่าลงกับพื้น ด้วยความคลั่งแค้น ริกิรีบเข้ามาคว้าดาบไปจากมือลูกชาย
“ห้ามผมทำไม”
ซาโตชิตะโกนถามแววตาเต็มไปด้วยความแค้นที่ต้องการชำระ ริกินิ่งมองซาโตชิ เครียด หนักใจ

ซาโตชิหันขวับมองริกิด้วยความตกใจ
“เคนอิจิคือเด็กที่พ่อเก็บมาเลี้ยง”
ริกิขบกรามแน่นจนเป็นสันนูน คิดแค้นเคนอิจิ
“เคนอิจิ ซะโต้ เป็นฉากหน้าค้าสิ่งผิดกฎหมายในเมือง และเป็นสุนัขรับใช้คอยเล่นงานโอะนิซึกะให้เรา”
ซาโตชิอึ้ง ไม่คาดคิดมาก่อน
“การแต่งงานของไอโกะกับทาเคชิ จะทำให้มิซาว่าขึ้นมาเทียบเท่าโอะนิซึกะ และครองเมืองได้ไม่ยาก แต่พอไอโกะท้อง...” ริกินิ่งข่มความรู้สึกเจ็บปวดพักหนึ่ง “มิซาว่ากับโอะนิซึกะไม่จำเป็นต้องเกี่ยวข้องกันอีก”
“เราจะประกาศตัวเป็นศัตรูกับโอะนิซึกะใช่มั้ย”
“มีสุนัขรับใช้อย่างเคนอิจิ เราจะเหนื่อยเองทำไม”
“เรื่องไอโกะ” น้ำเสียงซาโตชิยังคงเจ็บแค้นเคนอิจิไม่หาย
“พ่อเองก็เจ็บแค้นไอ้เคนอิจิไม่น้อยไปกว่าแก แต่เราต้องใช้มันทำงานใหญ่...เมื่อไหร่ที่ทาเคชิกับริวไปลงนรก ไอ้เคนอิจิต้องหมดลมหายใจ”
สองพ่อลูกหน้าตาเต็มไปด้วยความโกรธแค้นที่รอวันชำระ

เคนอิจิอยู่ในห้องทำงานกางแผนที่กระดาษแผ่นใหญ่บนโต๊ะ ชี้เส้นทางเดินเรือ
“เปลี่ยนช่องทางขนผู้หญิงกับยาล็อตใหม่ที่จะเข้ามาอาทิตย์หน้า”
ชินอิจิ โคเฮ ยามะ ประหลาดใจ
“แล้วจะหลบสายตาเจ้าหน้าที่ได้หรือครับ” ยามะถามอย่างกังวล
“เงินของฉันปิดหูปิดตาพวกมันได้ไม่ยาก”
เคนอิจิกระหยิ่มยิ้ม ก่อนหันไปสั่งชินอิจิอย่างนึกขึ้นได้
“คัดผู้หญิงในซ่องของเราห้าคน ส่งไปให้มิซาว่าแทนสินค้าใหม่”
“ซะโต้กับมิซาว่าไม่ถูกกัน ทำไมนาย...”
“หน้าที่ของแกคือทำตามที่ฉันสั่ง”
เคนอิจิเสียงดุกร้าว จนชินอิจิต้องรีบพยักหน้ารับคำ
“พวกแกต้องจดจำเส้นทางใหม่ให้ดี งานนี้พลาดไม่ได้เด็ดขาด”

โคเฮกับยามะหันไปสนใจแผนที่ที่เคนอิจิชี้ให้ดู ชินอิจินิ่งมองตามเส้นทางที่เคนอิจิชี้อย่างจดจำรายละเอียด เป็นจังหวะเดียวกับที่เคนอิจิหันมาเจอชินอิจิมองเขาอยู่พอดี ชินอิจิอึกอัก ทำทีสนใจฟังการประชุม เคนอิจิยังคงจ้องชินอิจิอย่างจับพิรุธ

ทางเข้าศาลเจ้าประจำเมืองยามเย็น...ชินอิจิหันมองหลังอย่างระมัดระวังตัว ก่อนเร่งฝีเท้าเดินตรงไปยังศาลเจ้า ยามะกับโคเฮ ก้าวออกมายืนขวางทางเข้า ยามะจ้องหน้าถาม
“จะรีบไปไหน”
ชินอิจิชะงัก ตกใจ แต่พยายามกลบเกลื่อนท่าที
“ธุระ”
โคเฮไม่เชื่อ
“ในศาลเจ้า”
ยามะกับโคเฮ จ้องชินอิจิเขม็ง เริ่มไม่ไว้ใจ
“ลูกชายฉันป่วยบ่อย ฉันมาขอพรให้ลูกแข็งแรงไม่ได้หรือไง”
ชินอิจิเดินเข้าศาลเจ้าไป ด้วยท่าทางไม่พอใจยามะกับโคเฮ ทั้งสองสบตาปรึกษากัน ก่อนเดินตามชินอิจิเข้าไป

มุมแขวนใบคำอธิษฐานในศาลเจ้า...ชินอิจิหยุดเขียนใบคำอธิษฐาน ชำเลืองมองยามะกับโคเฮ ที่ทำทีเป็นเดินชมศาลเจ้า แต่ความจริงต้องการจับผิด ชินอิจิเขียนใบคำอธิษฐานเสร็จ จึงถือไปยืนหลับตานิ่งหน้าที่แขวนใบคำอธิษฐาน ราวกับกำลังขอพรในใจ ยามะกับโคเฮ หยุดมองชินอิจิอย่างสงสัย สักพัก ชินอิจิลืมตาขึ้น เอาใบคำอธิษฐานไปแขวน จึงหันไปถามทั้งสองอย่างหงุดหงิด
“สงสัยอะไร”
โคเฮ ยักไหล่ ยียวน
“ก็แค่อยากรู้ว่าเขียนแล้วได้อะไร”
“คนไม่มีครอบครัวอย่างพวกแก ไม่มีวันเข้าใจ”
ชินอิจิเดินออกไปด้วยความรำคาญ ยามะกับโคเฮ กวาดสายตามองรอบ ๆ จนทั่วบริเวณ เห็นว่าไม่มีอะไรน่าสงสัย จึงพากันกลับ โคจิก้าวออกมาจากมุมลับตาคน ข้างศาลเจ้า เดินตรงมายังมุมแขวนใบคำอธิษฐานมองทุกคนเดินลับไปจนแน่ใจ จึงดึงใบคำอธิษฐานของชินอิจิออกมาอ่าน โคจิยิ้มกริ่ม พอใจในข้อมูลที่ได้จากชินอิจิ

บ้านโอะนิซึกะวันใหม่...แพรวดาวเอาถุงกระดาษและกล่องของฝากมากมาย มายื่นให้อายะโกะกับฟุมิโกะ
“กล่องนี้เป็นของป้าอายะโกะ ถุงนี้ของฟุมิโกะ ที่เหลือฝากแจกให้คนอื่นด้วยนะคะ”
ฟุมิโกะช่วยอายะโกะรับของจากแพรวดาวด้วยความตื่นเต้นดีใจ ฟุมิโกะก้มศีรษะขอบคุณ
“ขอบคุณโอคุซังมากค่ะ”
“น้ำใจโอคุซังงดงามเหลือเกิน ไปเที่ยวพักผ่อนยังมีของฝากมาพวกเราอีก” อายะโกะชื่นชม
“โซเรียวเป็นคนซื้อให้ทั้งหมด ฉันแค่ช่วยเลือกค่ะ”
อายะโกะยิ้มๆ
“ที่ๆ ไปเที่ยวคงอากาศดี สีหน้าโอคุซังถึงได้ดูสดใสขึ้น”
แพรวดาวยิ้ม ๆ ไม่ตอบอะไร ฟุมิโกะหันมองหา
“โซเรียวไปไหนแล้วล่ะคะ”
“มาถึงก็เรียกประชุมทันที ฉันเลยเลี่ยงออกมา”
“ประชุมด่วนขนาดนี้ ต้องเป็นเรื่องสำคัญมากแน่ ๆ”
อายะโกะหยิกเตือนฟุมิโกะเบา ๆ แต่ไม่ทัน แพรวดาวไม่สบายใจ

ในห้องประชุมใหญ่...ทาเคชิสีกำมือแน่น เคียดแค้น เมื่อรู้ความจริงจากริวและโคจิ
“ฉันจะประกาศสงครามกับเคนอิจิ ซะโต้ เพื่อล้างแค้นให้ทุกคนในครอบครัว”
“สายของเราให้ข่าวตรงกับชินอิจิว่า เคนอิจิจะไปรับผู้หญิงกับยาล็อตใหม่จากขบวนรถไฟจากทางตะวันออก แล้วอ้อมเข้ามาในเมืองทางคลังสินค้าด้านใต้” โคจิบอก
ทาเคชิหันมาถาม
“ท่านโอะซะมุรู้เรื่องหรือยัง”
ริวส่ายหน้า
“คงไม่รู้ ถ้าไอ้เคนอิจิจ่ายค่าปิดปากให้เจ้าหน้าที่”
“อันธพาลชั่วอย่างพวกมัน คงรอให้กฎหมายจัดการไม่ได้”
ทาเคชิคำรามด้วยความเกรี้ยวกราด จริงจัง
“ถึงเวลาที่โอะนิซึกะจะแก้แค้น กวาดล้างอิทธิพลมืดให้หมดไปจากเมือง สายเลือดนักรบซามูไรจะไม่ยอมให้อันธพาลหน้าไหนเข้ามาทำลายเมืองนี้เด็ดขาด”
ริวเจ็บแค้น
“ฉันรอเวลาสะสางบัญชีแค้นนี้มานานแล้ว”
ทาเคชิกับริวสบตากัน แววตามุ่งมั่น เด็ดเดี่ยว โคจิพูดขึ้น
“ยังมีอีกเรื่องที่สำคัญ ชินอิจิเล่าว่าไอโกะมีความสัมพันธ์กับเคนอิจิและยืนยันว่าคนที่ส่งมือปืนไปลอบฆ่าโซเรียว ไม่ใช่ฝีมือซะโต้”
ทาเคชินิ่งครุ่นคิด
“หรือมิซาว่ากับซะโต้จะเกี่ยวข้องกัน”
คาซูมะขัดขึ้น
“แต่ท่านริกิเคยขอให้ท่านอิจิโร่จัดการกับเคนอิจิมาตลอด จู่ ๆ จะมาร่วมมือกันได้ยังไง”
ริวนึกขึ้นได้
“คืนที่ไอโกะหนีไปจากโรงพยาบาล คนของเราแอบเห็นไอโกะถูกทำร้ายออกมาจากบ่อนซะโต้”
“มันชั่วขนาดรังแกผู้หญิงเลยเหรอ” ทาเคชิโกรธ
“น่าแปลกนะครับ...คุณหนูไอโกะถูกรังแก แต่มิซาว่ากลับเงียบ เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น” ทาโร่สงสัย
ทุกคนครุ่นคิดตามทาโร่ ต่างพากันสงสัยเช่นกัน
“ฉันจะต้องรู้ให้ได้ว่ามิซาว่ากับซะโต้เกี่ยวข้องกันยังไง” ทาเคชิหน้าตามุ่งมั่นมาก

ทุกคนมองทาเคชิ สงสัยว่าเขาคิดทำอะไร

ไอโกะนั่งเหม่อมองออกไป สีหน้าเต็มไปด้วยความเครียดและทุกข์ใจ ซาโตชิเลื่อนประตูเข้ามาในห้อง เห็นอาหารในถาดวางอยู่โดยที่ยังไม่ได้ทาน จึงเดินเข้าไปนั่งข้างๆ เตือนเสียงเรียบ
“แม่บ้านบอกว่าเธอยังไม่ทานอะไรตั้งแต่เช้า”
ไอโกะนิ่ง ไม่สนใจที่จะตอบ
“เดี๋ยวก็หน้ามืดเป็นลมไปหรอก”
“ก็ดี”
“เลิกดื้อสักทีเถอะ”
“ไม่ต้องมายุ่ง”
“ทำแบบนี้แล้วได้อะไร ไม่รักตัวเองก็หัดคิดถึงเด็กในท้องบ้าง”
“ฉันไม่ต้องการมัน พี่อยากหัวเราะเยาะฉัน อยากสมน้ำหน้าฉันเหมือนทุกครั้งก็เอาเลยสิ...เอาเลย”
ไอโกะหันมาทุบตีทำร้ายซาโตชิอย่างคลุ้มคลั่ง แต่เขากลับนิ่ง ไม่ตอบโต้ ปล่อยให้น้องทำร้ายจนเธอหมดแรงทรุดลงไปเอง น้ำตาไหลสะอึกสะอื้น
“ทำไมไม่ด่าฉัน...ไม่เยาะเย้ยฉัน...ทำไม...”
“ถึงเราจะเคยพูดไม่ดีต่อกัน ทะเลาะกันแรงแค่ไหน แต่สายเลือดของความเป็นพี่น้องก็ยังอยู่เหมือนเดิม”
ไอโกะเงยหน้ามองซาโตชิ อึ้ง ๆ
“ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น...ไอโกะยังเป็นเจ้าหญิงดอกไม้ของพี่เสมอ”
ไอโกะน้ำตาเอ่อ ซาโตชิมองไอโกะ นึกถึงอดีตที่เคยมีความสุขร่วมกับน้อง
“เราเคยเป็นพี่น้องที่รักและสนิทกันมาก แต่ต้องห่างกัน เมื่อถึงเวลาที่พี่ต้องเรียนรู้งานเพื่อสืบทอดตำแหน่งโซเรียวต่อจากพ่อ พี่ขอโทษที่ปกป้องน้องไม่ได้ พี่ปล่อยให้ไอโกะถูกรังแก พี่ขอโทษ...”
ซาโตชิก้มศีรษะขอโทษอย่างละอายใจ ไอโกะอึ้ง รีบจับไหล่ให้พี่ชายเงยหน้าขึ้น
“พี่ซาโตชิอย่าทำแบบนี้...ไอโกะผิดเอง ขอโทษที่ทำให้พี่กับพ่อผิดหวัง”
ไอโกะโผเข้ากอดพี่ชายทั้งน้ำตา ซาโตชิลูบเรือนผมน้องสาวด้วยความสงสารและเจ็บปวด เขาตัดสินใจแน่วแน่
“ต่อไปนี้พี่จะดูแลไอโกะกับลูกให้ดีที่สุด...พี่สัญญา”
“พี่ซาโตชิ...”
ไอโกะร้องไห้โฮด้วยความซาบซึ้ง ซาโตชิกอดไอโกะอย่างอบอุ่น ความสัมพันธ์ของพี่น้องที่เริ่มกลับคืนมา

ริวเดินออกมาตรงระเบียงทางเดิน เจอแพรวดาวอยู่บริเวณนั้น หันมาทักเขาพอดี
“ประชุมเสร็จแล้วเหรอคะ”
“ทาเคชิอยู่เคลียร์งานกับคุณอาทั้งสามครับ”
“ฉันหมายถึงคุณริวค่ะ”
ริวชี้ตัวเอง งงๆ
“ผม”
“ฉันมีเรื่องจะรบกวนให้คุณริวช่วยนิดหน่อย”
“สำหรับพี่สะใภ้คนสวย ผมยิ่งกว่ายินดีและเต็มใจ...มีอะไรให้ช่วยครับ”
แพรวดาวยิ้มหวาน มีเลศนัย

ระเบียงริมสวน บ้านทากาฮาชิยามเย็น...มายูมิดีดโคโตะ เป็นจังหวะดนตรีญี่ปุ่นที่นุ่มนวล ริวก้าวเข้ามาในสวนเงียบ ๆ มายูมิกำลังบรรเลงโคโตะอยู่คนเดียว ด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม มีความสุขมาก ริวเดินแหวกพุ่มไม้ออกมา เห็นมายูมิกำลังหลับตาพริ้ม บรรเลงดนตรีอย่างใส่อารมณ์และความรู้สึกเข้าไปเต็มที่ เขาชะงัก มองเธอบรรเลงเครื่องดนตรีโคโตะราวกับตกอยู่ในภวังค์ เคลิ้มไปกับเสียงดนตรีที่ไพเราะและใบหน้าแสนหวานของหญิงสาว มายูมิลืมตามาเจอริว...สบตากันเธอชะงัก หยุดเล่นดนตรี ริวรีบโค้งตัวต่ำ ทันทีที่รู้สึกตัว
“ขอโทษที่เข้ามาทำให้คุณเสียสมาธิ”
มายูมิรีบก้มศีรษะตอบ
“ไม่เป็นไรค่ะ ฉันซ้อมเล่น ๆ”
“โคโตะ...พิณญี่ปุ่น เป็นเครื่องดนตรีที่ต้องฝึกฝนจนชำนาญถึงจะเล่นได้ คุณซ้อมเล่น ๆ ยังเพราะขนาดนี้ ถ้าจริงจังจะเพราะขนาดไหน”
มายูมิเขิน ๆ ทำหน้าไม่ถูก จึงถามกลบเกลื่อน
“มีธุระกับคุณพ่อเหรอคะ”
“ผมมาหาคุณ”
มายูมินิ่ง แอบดีใจลึก ๆ แต่ต้องผิดหวังเมื่อริวก้าวเข้ามายื่นถุงกระดาษใบใหญ่ให้
“โอคุซังให้ผมเอาของฝากมาให้คุณ”
มายูมิก้มศีรษะขอบคุณ พูดเสียงแผ่ว
“ฝากขอบคุณพี่เซโกะด้วยค่ะ”
มายูมิเงยหน้าขึ้นมา เจอริวยังคงยืนมองเธอไม่วางตา ยิ่งทำให้รู้สึกสับสน
“คุณพ่อพาทุกคนออกไปงานเลี้ยงของลูกค้า ถ้าคุณหมดธุระแล้ว...”
“ผมว่าง”
มายูมิมองหน้า
“นี่...”
“ถ้าพ่อคุณรู้ว่าคุณต้อนรับว่าที่ลูกเขยไม่ดีล่ะก็...ติ๊กต่อก...ติ๊กต่อก...จะเกิดอะไรขึ้น”

มายูมิฮึดฮัดพูดไม่ออก จ้องริวอย่างหมั่นไส้ที่ใช้ข้ออ้างนี้

รอยรักหักเหลี่ยมตะวัน ตอนที่ 9 (ต่อ)

โถงในบ้านทากาฮาชิ...มายูมิวางถ้วยน้ำชากระแทกบนโต๊ะให้ริว บ่งบอกถึงความไม่พอใจ ริวแอบชอบใจ ทำทียกถ้วยชาขึ้นมาสูดกลิ่นหอม และจิบอย่างมีความสุข
“กลิ่นชาห๊อม...หอม จนน่าแวะมาดื่มบ่อย ๆ”
“ถ้าคุณชอบเศษชาเหลือ ๆ ฉันจะห่อกลับบ้านให้”
ริวเกือบสำลัก วางแก้วชา หรี่มอง จู่ ๆ ก็ทำเสียงตกใจ
“ตัวอะไรเกาะอยู่บนไหล่ซ้ายคุณ”
มายูมิเบ้หน้า
“มุกตื้น ๆ”
“มันกำลังไต่ลงมาที่หน้าอกคุณแล้ว”
มายูมิขึงตาใส่
“ทะลึ่ง”
ริวยิ้มๆ
“คุณรู้ใจผมทุกอย่าง”
มายูมิพยายามเก็บซ่อนความเขิน จะลุกหนีไป แต่ถูกริวคว้ามือไว้ เธอพยายามสะบัดให้หลุด
“ปล่อยฉันนะ”
ริวส่ายหน้า ยิ้มยียวน
“ฉันบอกให้ปล่อย”
“ไม่”
“ปล่อย”
มายูมิฮึด กระชากแขนตัวเองสุดแรง ริวไม่ทันตั้งตัว ถูกกระชากจนตัวเองถลาเข้าไปจูบแก้มมายูมิเข้าเต็ม ๆ มายูมิตะลึง อึ้ง ๆ
“โอ๊ะโอ...แก้มนุ๊มนุ่ม”
“คนลามก”
มายูมิทั้งโกรธทั้งอาย เหวี่ยงตีริว เขาหมุนตัวหลบ แล้วคว้าข้อมือเธอบิดไพล่หลังเบาๆแล้วโอบกอดเธอจากด้านหลัง มายูมิดิ้นรนขัดขืน
“ชอบความรุนแรงก็ไม่บอก มามะ...เดี๋ยวป๋าจัดหนัก”
ริวทำปากจุ๊บ ๆ โน้มหน้าเข้าหา
“อย่านะ”
มายูมิกรี๊ดลั่นขณะหน้าริวโน้มเข้ามาใกล้ ก่อนสะบัดตัวหลุด ผลักเขาออก แล้ววิ่งหนีขึ้นห้องไป ริวหัวเราะขำ ที่แกล้งมายูมิได้

มายูมิรีบวิ่งเข้ามาในห้องแล้วปิดประตูเอามือลูบแก้มที่โดนริวจูบ ใบหน้าร้อนผ่าว ใจเต้นไม่เป็นจังหวะ
“เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย...คุณต้องการอะไรกันแน่ริว”
มายูมิสับสน ไม่เข้าใจ

ค่ำนั้น...แพรวดาวกำลังจัดที่นอนให้ทาเคชิกับตัวเอง ทำไปอมยิ้มไป พอทาเคชิอาบน้ำเสร็จกลับมาเธอจึงรีบเล่าให้ฟัง
“คุณริวหน้าตาสดใสกลับมา คงจะเข้าใจกับมายูมิแล้ว”
“งั้นเหรอ”
น้ำเสียงเรียบ และสีหน้าเครียด ๆ ของทาเคชิ ทำให้แพรวดาวรู้สึกได้
“ประชุมเครียดหรือคะ”
ทาเคชิทอดถอนใจ ขณะนั่งลงข้างแพรวดาว
“เราสงสัยว่าท่านลุงริกิกับเคนอิจิเกี่ยวข้องกันตอนไหน”
“ตั้งแต่ตอนที่ไอโกะไปหาเคนอิจิรึเปล่า”
“ท่านลุงริกิรักและหวงไอโกะมาก ไม่มีทางปล่อยให้ไอโกะสนิทสนมกับคนอย่างเคนอิจิแน่”
ทาเคชิมองแพรวดาวอย่างสองจิตสองใจ ก่อนเอ่ยขึ้น
“ผมจะไปบ้านมิซาว่าเพื่อสืบความจริงเกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่...”
“อะไรคะ”
ทาเคชิกังวล
“ผมไม่อยากให้คุณคิดมากเรื่องผมกับไอโกะ”
แพรวดาวกุมมือทาเคชิเพื่อให้เขาคลายความกังวล
“ฉันเข้าใจค่ะ”
ทาเคชิสบตาแพรวดาวอย่างไม่แน่ใจ
“ไม่ว่าคุณจะอยู่ที่ไหน ฉันมั่นใจว่าทั้งตัวและหัวใจคุณอยู่กับฉันหมดแล้ว”
“คิมิที่รัก...ผมรักคุณ เพราะหัวใจที่งดงามของคุณ”
“ฉันก็รักหัวใจที่ซื่อสัตย์ของคุณค่ะอะนะตะ”

แพรวดาวเอียงตัวเข้าไปซบอกทาเคชิ อย่างรู้สึกถึงความรักและความอบอุ่นในตัวคนรัก ทาเคชิกอดแพรวดาวไว้แนบแน่น โล่งใจ

หน้าบ้านพักโคจิ...ทาโร่พรวนดินที่แปลงดอกดาวเรือง ครุ่นคิดถึงแพรวดาว ทาโร่พรวนดินไป ยิ้มไปคนเดียว พอเหลือบไปเห็นต้นดาวเรืองหลายต้นแห้งเฉาตาย จึงดึงออกมาทิ้งด้วยความเสียดาย โคจิยืนเงียบมองทาโร่อยู่มุมหนึ่ง ก่อนเอ่ยปากถาม
“ดึกแล้ว ทำไมยังไม่นอน”
“ผมไม่อยู่หลายวัน ดอกดาวเรืองเฉาตายไปหลายต้น ก็เลยแวะมาดูหน่อย”
“ทุกอย่างเปลี่ยนแปลงไปตามเวลา...เราทำได้แค่ยอมรับ”
ทาโร่ทำไม่สนใจ ก้มหน้าก้มตาถอนต้นดาวเรืองที่แห้งเฉาต่อไป โคจิปรี่เข้าไปปัดดอกดาวเรืองแห้งเฉาในมือทาโร่ทิ้ง แล้วกระชากตัวทาโร่ขึ้นมาอย่างสุดทน
“หัวใจแกกำลังเฉาตายเหมือนดอกไม้พวกนี้...รู้ตัวบ้างไหม”
“ผมมีความสุข และรู้หน้าที่ของตัวเอง”
“ไม่มีใครซ่อนความจริงได้ในแววตา...เอาหัวใจที่แฝงไว้ในหน้าที่ของแกออกมาก่อนจะสายเกินไป”
โคจิปล่อยมือจากตัวทาโร่ เดินผละจากไป ทาโร่มองดอกดาวเรือง ยิ้มเศร้า ไม่ยอมเปลี่ยนความคิด

วันใหม่...ไอโกะวางถ้วยซุปที่เพิ่งซดลงบนถาดข้างตัว โดยมีริกินั่งอยู่ข้าง ๆ
“หนูอิ่มแล้ว”
ไอโกะพูดเสียงเรียบ ใบหน้าซีดเซียว อมทุกข์ ริกิสงสาร สองจิตสองใจก่อนเอ่ยปาก
“พ่อจะให้แกดร็อปเรียน หลบไปคลอดลูกที่ฮาวาย”
ไอโกะหันขวับ ตกใจ
“ฮาวาย”
“คลอดเสร็จกลับมา พ่อจะรับเลี้ยงเด็กไว้ ไม่ให้ใครรู้ว่าแกมีลูก”
“ไม่ไป...ไอโกะจะอยู่กับทาเคชิ”
“ยังไม่ใช่ตอนนี้”
“ไอโกะไม่ไป...ไม่...อ๊าย”
ไอโกะกรีดร้อง ทุบท้องตัวเองอีก ริกิรีบปรี่เข้าไปห้าม และล็อคตัวไอโกะมากอดไว้แน่ เพื่อไม่ให้ทำร้ายตัวเอง
“อย่าทำอย่างนี้ไอโกะ...พ่อขอร้อง”
ไอโกะร้องไห้สะอึกสะอื้น ทำใจไม่ได้ จูโร่เปิดประตูพรวดพราดเข้ามาเหมือนมีเรื่องรายงาน แต่พอเห็นสภาพไอโกะ จึงไม่กล้าพูด ริกิหันไปถาม
“มีอะไร”
จูโร่อึกอัก

ทาเคชิเดินเข้ามาหน้าบ้านมิซาว่า โดยให้คัตสึกับเซกิ รออยู่ที่รถ ซาโตชิก้าวออกมาขวาง ยืนประจันหน้ากับทาเคชิ สายตาดุแค้น
“มาทำไม”
“มิซาว่าต้อนรับแขกแบบนี้เหรอ”
“เฉพาะกับบางคน”
“ทำใจหน่อย เพราะเราคงต้องเจอกันอีกนาน”
“ไอ้ทาเคชิ”
ซาโตชิกระชากคอเสื้อ ทาเคชิปัดมือซาโตชิทันที แล้วผลักจนซาโตชิแทบจะล้มคว่ำไป ทาเคชิกับซาโตชิ ต่างคนต่างยื้อดึงคอเสื้อกันไปมา อย่างไม่ยอมกัน คัตสึกับเซกิ รีบวิ่งเข้ามา แต่ไม่กล้าเข้าไปห้าม เสียงริกิตวาดดังขึ้น
“ซาโตชิ อย่าเสียมารยาท”
ทาเคชิกับซาโตชิชะงัก หันไปเห็นริกิประคองไอโกะที่ใบหน้าซีดเซียวเดินออกมา ทั้งสองรีบผลักมือออกจากกัน ไอโกะดีใจ รีบผละจากริกิเข้าไปหาทาเคชิทั้งที่ไม่ค่อยมีแรง
“ทาเคชิ”
ไอโกะเดินซวนเซเข้ามาทาเคชิ เสียหลักจะล้ม ซาโตชิตกใจ
“ไอโกะ”

ซาโตชิจะปรี่เข้าไปช่วยน้อง แต่ทาเคชิประคองรับไอโกะไว้ได้ทัน ซาโตชิเจ็บใจ ทาเคชิมองไอโกะยิ้มหน้าซีดในอ้อมกอด อึ้ง ๆ

โถงบ้านมิซาว่า...ไอโกะเอียงหน้าซบไหล่ กอดแขนทาเคชิด้วยความดีใจ หน้าตาสดชื่นขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
“ไอโกะดีใจมากที่ทาเคชิมาหาถึงบ้าน”
“ผมไม่รู้ว่าไอโกะป่วย ขอโทษจริง ๆ”
ซาโตชิมองหยัน
“แกไม่เคยเห็นน้องฉันอยู่ในสายตาอยู่แล้ว”
ริกิส่งสายตาปราม จนซาโตชิจำเงียบทั้งที่มีท่าทางฮึดฮัด ไม่สบอารมณ์
“ไอโกะป่วยเป็นอะไรครับ”
ไอโกะหน้าเจื่อน สีหน้าเครียดอย่างเห็นได้ชัด ริกิกลัวไอโกะจะสติแตก รีบแก้ต่างแทน
“โรคกระเพาะ...ทานข้าวไม่ตรงเวลา”
ทาเคชิชำเลืองมองอาการ ไอโกะหลบสายตาไม่กล้าสู้หน้าเขา ริกิพูดอย่างนึกขึ้นได้
“ว่าที่คู่หมั้นน่าจะเจียดเวลามาดูแลกันบ้าง ไอโกะจะได้แข็งแรงเร็ว ๆ”
“ไอโกะอยากให้ทาเคชิมาทุกวันค่ะ”
“แต่ช่วงนี้งานผมยุ่งมาก”
“ไม่เป็นไร ลุงเข้าใจว่าโอะนิซึกะให้ความสำคัญมิซาว่าแค่ไหน”
น้ำเสียงริกิตึงขึ้น ทาเคชินิ่งไปสักพักก่อนจำใจตอบ
“ผมจะพยายามหาเวลามาเยี่ยมไอโกะครับ”
“งั้นเย็นนี้ทาเคชิอยู่ทานข้าวกับไอโกะก่อนนะคะ”
ไอโกะออดอ้อนทาเคชิ จนเขาพยักหน้ารับคำ ไอโกะดีใจมาก
“ทาเคชิน่ารักที่สุด”
ซาโตชิขบกรามแน่น อึดอัดมาก

ในห้องทำงาน...ซาโตชิต่อว่าริกิด้วยความไม่พอใจ
“พ่อไม่น่าให้ไอ้ทาเคชิมาวุ่นวายกับไอโกะ ถ้ามันรู้ว่าไอโกะท้อง”
“ฉันไม่สนใจเรื่องนั้น”
ริกินิ่งขรึม แววตาร้ายลึก
“เก็บเพื่อนไว้ใกล้ตัว เก็บศัตรูไว้ใกล้ยิ่งกว่า...โอะนิซึกะโซเรียวอยู่ใกล้เรามากเท่าไหร่ โอกาสครองเมืองนี้ก็อยู่ไม่ไกล”
“หมายความว่าพ่อจะใช้ไอโกะเป็นเหยื่อล่อให้ไอ้ทาเคชิมาที่นี่”
“ทุกความแค้นของมิซาว่า ถึงเวลาทวงคืน”
สองพ่อลูกยิ้มเหี้ยม เจ้าเล่ห์มาก

เคนอิจิอยู่ในห้องทำงานสีหน้าเรียบนิ่ง ครุ่นคิด เมื่อได้รับรายงานจากยามะ
“จู่ ๆ ไอ้ทาเคชิไปบ้านมิซาว่าทำไม”
“คนของเราเห็นโอะนิซึกะโซเรียวอยู่ที่นั่นทั้งวัน”
โคเฮคิดตาม
“หรือมิซาว่าจะร่วมมือกับโอะนิซึกะมาเล่นงานเรา”
“ไม่มีทาง” เคนอิจิพูดอย่างมาดมั่น ใจเย็นมาก
ชินอิจิลอบมองท่าทางเคนอิจิด้วยความแปลกใจ
“โอะนิซึกะโซเรียวแทบไม่เคยไปเยือนถิ่นมิซาว่า...ไอ้ทาเคชิมันคิดจะทำอะไรกันแน่”
เคนอิจิสงสัย

มุมโต๊ะอาหาร บ้านโอะนิซึกะยามค่ำคืน...แพรวดาวนั่งมองอาหารมากมายหลายเมนูบนโต๊ะ และคอยชะเง้อมองออกไปนอกบ้าน รอรถทาเคชิกลับมา ทาโร่เตือนด้วยความเป็นห่วง
“เลยเวลามื้อเย็นมากแล้ว โอคุซังควรจะทานอะไรบ้างนะครับ”
“ทาเคชิกลับมาทานพร้อมฉันทุกวัน ฉันต้องรอเขา”
“โซเรียวอาจแวะทำธุระหลายที่ กว่าจะกลับคงดึก”
“ฉันเป็นห่วงทาเคชิ...”
สีหน้าแพรวดาวเศร้า กังวลใจ ทาโร่เงียบไป รู้ว่าความห่วงใยของเขาไม่สามารถสู้ความผูกพันของแพรวดาวกับทาเคชิได้ เสียงรถทาเคชิแล่นเข้ามาภายในบริเวณบ้าน แพรวดาวจำได้
“ทาเคชิกลับมาแล้ว”
แพรวดาวดีใจมาก รีบวิ่งออกไปหาทาเคชิทันที ทาโร่โล่งอก ที่เห็นแพรวดาวคลายกังวล

ทาเคชิเดินเข้ามาในโถงบ้านด้วยสีหน้าไม่ค่อยสบายใจ แพรวดาวยิ้มหวานเข้ามาต้อนรับ ทาเคชิจึงพยายามปรับสีหน้าให้เป็นปกติ
“ขอโทษที่กลับช้า”
“ท่าทางคุณเพลีย ๆ”
ทาเคชิยิ้มนิด ๆ แทนคำตอบ
“ไปอาบน้ำให้สบายตัว แล้วค่อยมาทานอาหารด้วยกันนะคะ ฉันให้ป้าอายะโกะเตรียมของโปรดไว้ให้คุณเยอะเลย”
ทาเคชิอึกอัก
“ผมทานมาแล้ว ขอตัวไปอาบน้ำเลยดีกว่า”
“เดี๋ยวฉันไปเตรียมน้ำอุ่นให้ค่ะ”
“ให้คัตสึ เซกิ ทำเถอะ คุณจะได้ไม่เหนื่อย”
แพรวดาวหน้าสลดลงเล็กน้อย ฝืนยิ้มอย่างเข้าใจ ทาเคชิไม่ทันเห็นสีหน้าของเธอ เดินเลี่ยงไป ริวหยุดยืนอยู่มุมหนึ่ง มองตามทาเคชิไปด้วยความสงสัย

ในห้องสำหรับอาบน้ำ บ้านโอะนิซึกะ...ทาเคชินั่งเอนตัวเอาผ้าขนหนูผืนเล็กปิดหน้าไว้ พิงคอตรงขอบอ่างอาบน้ำขนาดใหญ่ ขณะแช่ตัวอยู่ในอ่างที่เต็มมีควันจากน้ำอุ่นจัดลอยขึ้น ทาเคชิถอนใจแรงราวกับต้องการระบายความอึดอัดภายในใจ เสียงประตูห้องน้ำเปิดออกเบา ๆ พร้อมเสียงฝีเท้าก้าวเข้ามาตรงอ่างอาบน้ำ ทาเคชิจึงเอ่ยขึ้นทั้งที่ยังคงหลับตาผ่อนคลาย
“คราวหน้าผสมน้ำอุ่นจัดกว่านี้นะเซกิ”
เงียบ ไม่มีเสียงตอบ ทาเคชิเอะใจเปิดผ้าที่ปิดหน้าออกดู แต่ยังไม่ทันเห็นอะไร มือลึกลับก็กดหัวทาเคชิให้จมลงในอ่างน้ำอย่างรวดเร็ว ทาเคชิดิ้นสำลักน้ำ สองมือไขว่คว้าหาที่จับ ก่อนมือข้างหนึ่งคว้าข้อมือลึกลับได้ จึงกระชากข้อมือคน ๆ นั้น เข้ามาหาตัวเขาอย่างแรง ทาเคชิกำลังเงื้อมืออีกข้างเล่นงานคนลึกลับ ชะงัก เมื่อคนที่กระชากตัวมาได้คือริว
“ริว”

ริวยิ้มแหยเมื่อถูกจับได้

ในห้องเปลี่ยนเสื้อ...ทาเคชิยืนหันหลังสวมชุดเรียบร้อย หมุนตัวกลับมาบ่นริวที่ยืนมองเขาแต่งตัวอยู่
“คราวหน้าอย่าเล่นบ้า ๆ แบบนี้อีกนะ”
“ก็อยากสั่งสอนคนที่ทำร้ายจิตใจพี่สะใภ้ฉันนิดหน่อย”
“พูดอะไรของแก”
“แกไม่เคยละสายตาเสน่หาจากโอคุซัง แต่วันนี้กลับหมางเมิน ทั้ง ๆ ที่เธอเฝ้ารอแกกลับมาทานข้าวเย็นด้วยกัน”
ทาเคชิอึ้ง ๆ เมื่อรู้ว่าเขาทำร้ายแพรวดาวโดยไม่รู้ตัว
“เซโกะโกรธฉันไหม”
“เสียใจมากกว่ามั้ง”
ทาเคชิรู้สึกผิด
“ฉันอาจจะต้องไปดูแลไอโกะที่บ้านมิซาว่าอีกสักพัก เป็นโอกาสเหมาะที่จะเข้าไปหาหลักฐานเชื่อมโยงระหว่างมิซาว่ากับซะโต้”
“แกลำบากใจที่จะบอกโอคุซังเรื่องนี้”
“ฉันไม่อยากให้เซโกะคิดมาก แต่ก็ไม่รู้จะพูดกับเธอยังไง”
“พูดความจริง...ฉันเชื่อว่าโอคุซังเข้าใจ”
ริวแตะบ่าทาเคชิอย่างให้กำลังใจ ทาเคชิเครียด ลำบากใจ

สวนบ้านโอะนิซึกะ...แพรวดาวยืนเหม่อมองแสงดาวระยับบนท้องฟ้า แววตาเศร้า ลมพัดมาวูบหนึ่ง เธอกอดตัวเอง รู้สึกหนาว ทาเคชิก้าวเข้ามาเอาผ้าคลุมไหล่มาคลุมและสวมกอดเธอจากข้างหลังอย่างอบอุ่น แพรวดาวคลี่ยิ้ม สุขใจที่อยู่ในอ้อมกอดของเขา ทาเคชิแหงนมองดาวบนฟ้า นึกถึงกลอนที่แต่งให้แพรวดาว
“คืนเดือนแรมแซมดาวเพียงพราวพร่าง
หนึ่งกระจ่างกลางใจให้ใฝ่ฝัน
บนทางรักนักรบแห่งตะวัน
สว่างจันทร์ส่องใจในคืนเพ็ญ…”
ทาเคชิหันมาสบตาหวาน แพรวดาวยิ้มรับเขิน ๆ ต่อกลอนกับเขา
“คืนเดือนแรมแซมดาวสกาวฟ้า
หนึ่งดารากลางใจให้ห่วงหา
แม้นทางรักนักรบไร้จันทรา
ดาริกาพรายพร่างส่องทางใจ”
ทาเคชิหมุนตัวแพรวดาวให้หันหน้ามาสบตาเขา
“ผมเคยแต่งกลอนนี้อย่างไร้ความหวัง ไม่คิดว่าจะมีวันนี้...วันที่คุณรับรักผมทั้งตัวและหัวใจ”
“ฉันได้ยินเสียงหัวใจคุณ...เสียงดังแว่วแสนไกล จนกระจ่างชัดขึ้นในใจฉัน”
“เส้นทางนักรบอาจไม่ราบเรียบเหมือนทางทั่วไป ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ผมอยากให้คุณหนักแน่นและเชื่อใจ”
“ฉันเชื่อหัวใจตัวเองเสมอค่ะอะนะตะ หัวใจคุณ หัวใจฉัน เราคือหัวใจดวงเดียวกัน”

ทั้งสองสบตาหวานซึ้ง กอดกันอย่างแนบแน่น ด้วยหัวใจที่เต็มเปี่ยมไปด้วยรักท่ามกลางท้องฟ้าที่ส่องแสงระยิบระยับของดวงดาว
 
อ่านต่อตอนที่ 9-2  
กำลังโหลดความคิดเห็น