รอยรักหักเหลี่ยมตะวัน ตอนที่ 7
มุมทานอาหารบ้านโอะนิซึกะยามค่ำคืน...แพรวดาวกับทาเคชินั่งกินข้าวกันตามลำพัง เธอเห็นเขาหน้าเครียดจึงถามด้วยความสงสัย
“มีเรื่องไม่สบายใจหรือคะ”
ทาเคชินั่งเหม่อไม่ได้ยิน เขากำลังนึกถึงคำพูดของโอะซะมุ
“ถ้าต้องมีผู้มีอิทธิพล ผมขอให้มีแค่โอะนิซึกะเพียงกลุ่มเดียว ถ้าพวกคุณต้องการความร่วมมือจากสำนักงานตำรวจ เรายินดีช่วยเต็มที่”
แพรวดาววางตะเกียบลง ยื่นมือไปแตะแขนเขาเบา ๆ จนทาเคชิรู้สึกตัวหันมามองเธอ
“ไม่สบายใจเรื่องของฉันหรือเปล่า”
“ผมคิดถึงสิ่งที่ท่านโอะซะมุพูดเมื่อกลางวัน”
“คงหมายถึงการแต่งงานกับคุณไอโกะ”
จู่ ๆ แพรวดาวรู้สึกใจหายวาบ เศร้าใจจนพูดไม่ออก ทาเคชิกุมมือ เมื่อเห็นหน้าของเธอสลดลง
“ถึงผมจะแต่งงานกับไอโกะ ปัญหาก็คงไม่จบ...ถ้าเจ้าหน้าที่บ้านเมืองเข้มแข็ง เมืองนี้คงไม่ต้องพึ่งนักรบซามุไรคอยดูแล การตายของครอบครัวผมคงปิดคดีได้นานแล้ว”
“ถ้าคุณรู้ตัวคนบงการจะทำยังไงคะ”
“คนของผมสืบจนรู้ว่า โกะโร่ ซูจิ คนที่วางระเบิดรถยนต์...แอบทำงานให้ซะโต้ ถ้ามีโอกาส...ผมฆ่าไอ้เคนอิจิแน่”
แพรวดาวชะงัก ขณะกำลังยกถ้วยน้ำชาขึ้นจิบ สะท้อนใจถึงวิถีชีวิตที่แตกต่างกันของเขากับเธอ ทาเคชิหันมามองแพรวดาว ไม่สบายใจที่เห็นรอยช้ำบนแก้มของเธอ
“ผมเสียใจที่ปกป้องคุณได้ไม่ดีพอ ไม่คิดเลยว่าไอโกะจะโหดร้ายขนาดนี้”
แพรวดาว นึกถึงคำพูดของเคนอิจิขึ้นมาได้
“ไอ้ทาเคชิคงรักเธอมาก ถึงให้หยกประจำตระกูลเอาไว้” เคนจิหัวเราะลั่น “มิน่า...คุณหนูไอโกะถึงได้โกรธแค้น จนสั่งให้ฉันจับตัวเธอมาขาย”
“ไอโกะ” แพรวดาวสะดุดกึก
“หึ ๆ ผู้หญิงน่ากลัวที่สุดเวลาหวงของรัก”
แพรวดาวทอดถอนใจ หน้าเศร้า
“ฉันเป็นต้นเหตุของเรื่องวุ่นวายทั้งหมด”
“ถ้าจะมีใครผิด คนๆ นั้นก็คือผม ผมผิดที่รักคุณเซโกะ...รัก ถึงแม้คุณจะมีคนรักอยู่เมืองไทย”
แพรวดาวรู้สึกผิดที่หลอกเขาเธอหน้าเศร้าสลด
“คุณไอโกะก็ไม่ผิดที่รักคุณมากเช่นกัน ค่ะ”
“ผมยอมมิซาว่าเพื่อรักษาเกียรติให้โอะนิซึกะมาตลอด แต่ถ้าไอโกะทำร้ายคุณอีกครั้งเดียว ผมจะไม่ปล่อยไว้แน่”
ทาเคชิพูดด้วยน้ำเสียงกราดเกรี้ยว แค้นใจ
ไอโกะร้องห่มร้องไห้เมื่อถูกริกิต่อว่า หลังจากที่ถูกโอะซะมุเรียกไปตักเตือน
“แกกำลังจะทำให้ทาเคชิเกลียดมากกว่าเดิม ไม่รู้จักคิด”
“นังนั่นมันแย่งทาเคชิไปจากหนู แค่กรีดหน้ามันยังน้อยไป”
ซาโตชิเหนื่อยใจ
“ท่านโอะซะมุสั่งห้ามไม่ให้เข้าใกล้ผู้หญิงคนนั้น ทนอีกแค่ปีเดียวไม่ได้รึไง”
“หนูไม่อยากทน คุณพ่อต้องช่วยหนูกำจัดนังนั่นจากทาเคชิ ฆ่ามันโยนทะเล หรือจับมันขายซ่องไปเลยก็ได้”
ไอโกะกรีดเสียง จนริกิต้องตวาดด้วยความโกรธ
“ตอนนี้ปัญหามันน้อยเกินไปเหรอ ถ้าจู่ ๆ ผู้หญิงคนนั้นหายตัวไป ตำรวจต้องสงสัยแกเป็นคนแรก”
ไอโกะชะงัก เถียงไม่ออก ซาโตชิเบื่อหน่าย
“แค่นี้ก็คิดเองไม่เป็น”
ไอโกะหันขวับจ้องซาโตชิเขม็ง ไม่พอใจที่โดนพี่ชายซ้ำเติม ริกิสั่งไอโกะ น้ำเสียงดุดัน เด็ดขาด
“แกต้องทำตามที่ท่านโอะซะมุบอก แล้วแกจะได้เป็นโอะคะมิซังของโอะนิซึกะ ไม่ใช่แค่เมียรองอย่างนังนั่น”
ไอโกะเม้มปากแน่น แววตาดุไม่พอใจ แต่ไม่ตอบโต้ริกิ
ไอโกะปิดประตูห้องนอนเสียงดังปัง ด้วยความโกรธ
“ห้ามเข้าใกล้นังเพศยานั่นเหรอ มันมีดีอะไร ทำไมทุกคนต้องปกป้องมัน ทำไม”
ไอโกะปราดเข้าไปอาละวาดกวาดข้าวของบนโต๊ะเครื่องแป้งทิ้งกระจัดกระจาย ด้วยความโกรธและเดือดดาล เธอหยุดเหนื่อยหอบ ทรุดนั่งลง มองสภาพตัวเองในกระจกด้วยความแค้น ชิงชัง
“นังเซโกะ...ฉันจะทำทุกอย่างเพื่อให้แกหายไปจากชีวิตทาเคชิ ทาเคชิต้องเป็นของฉันคนเดียวเท่านั้น”
ไอโกะสายตาโหดเหี้ยม อำมหิต
ซาโตชิเดินเข้ามาหาริกิที่นั่ง จ้องรูปถ่ายคู่กับอิจิโร่ด้วยสีหน้าเคร่งเครียด อยู่ในห้องทำงาน
“พ่อคิดว่าไอโกะจะเลิกยุ่งกับผู้หญิงคนนั้นจริงเหรอ”
“ถ้าไอโกะไม่เชื่อฟัง ฉันจะจับขัง”
“เพราะไอ้ทาเคชิคนเดียว ที่ทำให้ไอโกะเป็นแบบนี้ โอะนิซึกะทำให้มิซาว่าขายหน้าและเสียศักดิ์ศรี เพราะความเห็นแก่ตัวของมัน”
ซาโตชิพูดด้วยความเคียดแค้น ไม่พอใจทาเคชิ
“ฉันโกรธเกลียดมันไม่ต่างจากแก เมื่อไหร่ที่ไอโกะแต่งงานกับทาเคชิ ฉันจะเอาคืนพวกโอะนิซึกะอย่างสาสม”
ริกิ สายตาเต็มไปด้วยความเกลียดชัง
โคจินั่งจิบสาเกอุ่นอยู่คนเดียวในบ้านพัก หันไปเห็นทาโร่เพิ่งอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเดินออกมา
“วันนี้แกประมาท จนโอคุซังตกอยู่ในอันตราย”
ทาโร่ชะงัก นั่งลงคุกเข่า แล้วก้มตัวขอโทษโคจิ
“ผมขอโทษครับ ต่อไปผมจะรอบคอบให้มากกว่านี้”
“พ่อจะขอให้โซเรียวเปลี่ยนคนดูแลโอคุซัง”
“อะไรนะครับ” ทาโร่ตกใจ
“แกควรไปช่วยดูแลงานที่คลังสินค้า หรือคอยติดตามคุณริวดีกว่า”
โคจิสบตาทาโร่ สองสายตาประสานกันนิ่ง ก่อนทาโร่จะหลบสายตาไป
“ความสวยของโอคุซังเป็นอันตราย ผู้ชายคนไหนอยู่ใกล้ก็ตกหลุมรัก”
“ผมรู้ว่าโอคุซังเป็นของโซเรียว รู้ว่าต้องปกป้องเธอด้วยชีวิต ขอให้ผมได้ปกป้องโอคุซังตลอดเวลาที่เธออยู่ที่นี่เถอะครับพ่อ”
ทาโร่ก้มศีรษะลงต่ำ ขอร้อง โคจิทอดถอนใจ ก่อนยกสาเกขึ้นดื่มจนหมดจอก
“แกไม่มีสิทธิ์แม้แต่จะเจ็บปวดต่อความรู้สึกที่มีให้โอคุซัง”
“ผมถือเป็นเกียรติที่ได้ดูแลเธอ”
ทาโร่ยืนยันหนักแน่น ราวกับเตรียมใจที่จะยอมรับความเจ็บปวดนั้นไว้เช่นกัน
“จำไว้เสมอ...โอคุซังคือหัวใจของโซเรียว เธอไม่มีวันเป็นผู้หญิงของแก”
“ผมจะไม่มีวันลืม”
โคจิกังวลใจ รู้ว่ายังไงทาโร่ก็ต้องเจ็บ
โถงบ้านโอะนิซึกะวันใหม่...แพรวดาวเดินเข้ามาจากห้องนอน เจอทาโร่นั่งรอรับใช้อยู่ แพรวดาวแปลกใจ
“ฉันนึกว่าวันนี้เป็นวันหยุด”
“ผมมีหน้าที่ดูแลโอคุซังทุกวันครับ โซเรียวกับคุณริวออกไปธุระข้างนอก สั่งให้ผมดูแลโอคุซังให้ดี”
ทาโร่ก้มศีรษะเมื่อตอบ ก่อนหยิบแจกันที่ใส่ดอกดาวเรืองสวยงามหนึ่งดอกข้างตัว ยื่นให้
“ดอกดาวเรือง ทาเคชิจัดไว้ให้ฉันเหรอ” แพรวดาวยิ้มดีใจ
ทาโร่ชะงักนิดหนึ่ง ยิ้มเจื่อนตอบแบบอ้อมแอ้ม เพราะความจริงเป็นตัวเอง
“ครับ”
แพรวดาวรีบรับแจกันดอกดาวเรืองมาชื่นชมด้วยความปลาบปลื้ม ดีใจมาก
“เห็นดอกดาวเรืองแล้วคิดถึงเมืองไทย...บ้านฉันที่เมืองไทยมีสวนดาวเรืองปลูกดอกดาวเรืองไว้รอบบ้านเลย”
“ผมดีใจที่โอคุซังชอบ” ทาโร่เผลอ
แพรวดาวหันมองทาโร่ด้วยความงุนงง ทาโร่อึกอัก รีบแก้ตัว
“โซเรียวเป็นคนคิดอะไรลึกซึ้ง ทำในสิ่งที่คนอื่นคิดไม่ถึง”
“รู้มั้ย...ทาเคชิทำให้หัวใจฉันเต้นแรงทุกครั้ง เวลาที่เขาทำอะไรเพื่อฉัน”
“เพราะรัก...โซเรียวจึงทำทุกอย่างให้โอคุซังด้วยหัวใจ” ทาโร่บอก แม้ใจเจ็บ
แพรวดาวเอาดอกดาวเรืองมาจ้องมอง ยิ้มมีความสุข ทาโร่ยิ้มเศร้ามองแพรวดาวเศร้าๆ แพรวดาวหันไปเห็นนาฬิกาในห้องโถง นึกขึ้นได้
“ใกล้เที่ยงแล้ว ทานข้าวกลางวันด้วยกันไหม”
“ผมร่วมโต๊ะอาหารกับโอคุซังไม่ได้ครับ”
“ฉันอนุญาตให้คุณทานข้าวเป็นเพื่อนฉัน”
ทาโร่ก้มศีรษะขอบคุณแพรวดาว และจำใจปฏิเสธ
“ขอบคุณครับ แต่โซเรียวสั่งไว้ว่าจะกลับมาทานอาหารกลางวันกับคุณอีกสักครู่คงมาถึง”
“เหรอคะ ถ้างั้นฉันจะเข้าไปดูในครัวว่าป้าอายะโกะทำอะไรให้ทาเคชิทานบ้าง” แพรวดาวดีใจ
แพรวดาวเอาแจกันดอกดาวเรืองไปฝากไว้กับทาโร่
“ฝากเอาขึ้นไปวางบนโต๊ะทำงานฉันด้วยนะ ขอบคุณมาก”
แพรวดาวยิ้มหวาน แล้วรีบหมุนตัวเดินไปในครัวอย่างรวดเร็ว ทาโร่มองตามแพรวดาว ก่อนก้มลงมองดอกดาวเรือง สายตาเศร้าสร้อย เจียมตัว
ในครัวบ้านโอะนิซึกะ...แพรวดาวสนุกกับการช่วยอายะโกะและฟุมิโกะทำอาหารที่ทาเคชิกับริวชอบทาน อายะโกะยิ้มแย้มบอก
“โซเรียวชอบทานปลาตั้งแต่เด็ก โดยเฉพาะปลาย่าง”
“หนูก็ชอบทานปลาเหมือนกันค่ะ”
แพรวดาวฟังอายะโกะเล่า โดยช่วยจัดอาหารหลายชนิด มีข้าวปั้นโรยงา ปลาแซลมอนย่าง สลัดผัก และขิงดอง จัดไว้ในถาดเดียวกันอย่างสวยงาม
“ส่วนคุณริวชอบอาหารพวกเนื้อสัตว์ อย่างเนื้อและหมูชุบแป้งทอด”
“สองคนนั้นทานไม่เหมือนกัน ในครัวไม่วุ่นวายแย่เหรอคะ”
“ตอนเด็ก ๆ ก็มีบ้างค่ะ ป้าต้องทำอาหารหลายอย่าง โซเรียวกับคุณริวชอบเอาอาหารมาแลกกัน”
“โซเรียวกับคุณริวดูรักกันดีนะคะ”
“สองคนนั้นโตมาด้วยกันตั้งแต่เด็ก เป็นทั้งเพื่อนและพี่น้องที่สนิทกันมากค่ะ”
แพรวดาวพยักหน้ารับรู้ เริ่มเข้าใจความสัมพันธ์ของทาเคชิกับริว ขณะเดียวกันนั้นเสียงริวดังขึ้น
“ทาไดมา...กลับมาแล้วครับ”
แพรวดาวหน้าตื่นด้วยความดีใจ อายะโกะยิ้มขำ
“เสียงดังขนาดนี้ ท่าจะหิวโซมาแล้วค่ะ”
มุมทานอาหารบ้านโอะนิซึกะ...แพรวดาวช่วยอายะโกะกับฟุมิโกะยกถาดอาหารมาวางไว้ในบนโต๊ะอาหาร โดยมีทาเคชิกับริวนั่งรออยู่แล้ว
“โอะคาเอะรินาไซ...ขอต้อนรับกลับบ้านค่ะ”
ทาเคชิยิ้มให้แพรวดาวด้วยใบหน้าสดใส มองแพรวดาวนั่งลงประจำที่ทานอาหาร อายะโกะกับฟุมิโกะจัดอาหารมาจนครบแล้วจึงเลี่ยงออกไป ริวแกล้ง
“อาหารวันนี้ดูหวาน ๆ เลี่ยน ๆ นะ”
“ฉันช่วยป้าอายะโกะทำกับข้าว แทบไม่ได้ใส่น้ำตาลเลยนะคะ”
แพรวดาวตอบตามซื่อ จนริวอดขำไม่ได้
“คนมีปมเรื่องความรัก มันอิจฉาน่ะเซโกะ” ทาเคชิ แดกดันริว
“ใช่ซี้...ใครจะมีความสุขเพราะรักล้นทรวงเหมือนโซเรียวล่ะ”
“คุณสองคนเถียงกันได้ทุกเรื่องเหมือนที่ป้าอายะโกะพูดจริง ๆ”
ริวชะงัก
“ป้าอายะโกะนินทาอะไรผม”
แพรวดาวอมยิ้ม ไม่ยอมตอบ คีบปลาใส่จานให้ทาเคชิ
“ปลาที่คุณชอบค่ะ”
ทาเคชิแปลกใจที่แพรวดาวรู้ว่าเขาชอบทานอะไร ริวเย้าแหย่
“โธ่...ทำไมฟ้าดินต้องกลั่นแกล้งให้ริวมาติดแหง่กอยู่กลางวิมานรักของ สองคนนี้ด้วย”
“ของคุณริวต้องทานหมูทอดเยอะ ๆ”
แพรวดาวคีบหมูทอดให้ ริวตื่นเต้นโอเวอร์แอคติ้งมาก
“วู้...รู้ใจขนาดนี้ ถ้าไม่มีเจ้าของผมจองด่วน”
ทาเคชิกระแอมเสียงดัง ราวกับหวงแพรวดาว ริวทำลอยหน้าลอยตาไม่สนใจ แพรวดาวอมยิ้มขำท่าทางไม่ยอมกันของทาเคชิกับริว ทาโร่เข้ามา ก้มศีรษะขออนุญาต ก่อนรายงาน
“คุณฮิโระ ทากาฮาชิ ให้คนมาเชิญโซเรียวกับโอคุซังไปทานข้าวที่บ้าน เพื่อแสดงความยินดีให้โซเรียวกับโอคุซังครับ”
“บ้านทากาฮาชิ ฉันต้องไปด้วยรึเปล่า”
ริวถามเสียงอ้อมแอ้ม ทาเคชิปรายตามองริวอย่างรู้ทัน
“แกอยากไปมั้ยล่ะ”
ริวแกล้งวางท่า
“ก็...ถ้าเป็นงานเลี้ยงต้อนรับโอคุซัง ฉันก็ต้องไปเพื่อให้เกียรติโอคุซังของฉัน”
“ของฉันไม่ใช่ของแก”
“ของแกก็เหมือนของฉันนั่นแหละ”
“เรื่องมาก ไม่ต้องไป”
“เฮ้ย...ไม่ได้นะ ฉันไปด้วย เดี๋ยวเสียมารยาท”
“อยากเจอมายูมิก็บอกมาตรง ๆ ไม่ต้องทำปากแข็ง”
ริวทำทีเป็นคีบอาหารทาน ไม่สนใจต่อปากต่อคำกับทาเคชิ ทาเคชิกับแพรวดาวอมยิ้มขำริว อย่างรู้ทัน
ภายในห้องนอนทาเคชิ แพรวดาวจัดที่นอนของทาเคชิกับตัวเองเรียบร้อยแล้ว หันมาเห็นแจกันดอกดาวเรืองที่โต๊ะอ่านหนังสือของเธอ จึงเดินมานั่งมองดอกดาวเรือง ยิ้มปลื้มใจ ทาเคชิเลื่อนประตูเดินเข้ามาในห้อง หลังจากอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้ว แพรวดาวหันไปกล่าวขอบคุณทาเคชิ ยิ้ม ๆ
“ขอบคุณสำหรับทุกอย่างนะคะ”
ทาเคชิชำเลืองมองดอกดาวเรือง งง ๆ แพรวดาวลุกไปกุมมือทาเคชิ ยิ้มขอบคุณ
“คุณทำให้ฉันนึกถึงบรรยากาศอบอุ่นที่เมืองไทย บ้านฉันที่นั่นปลูกดอกดาวเรืองเต็มไปหมด...ฉันประทับใจมากค่ะ”
“ผมดีใจที่เห็นคุณมีความสุข”
ทาเคชิเออออรับไป เพราะเห็นว่าแพรวดาวมีความสุข
“สำหรับคิมิที่รัก...ผมอยากให้คุณมากกว่าดาวเรืองดอกเดียว แต่จะปลูกสวนดาวเรืองให้คุณจนสุดสายตา เหมือนความรักที่ผมมีให้คุณไม่สิ้นสุด”
แพรวดาวยิ้มหวาน ปลื้มใจ ทาเคชิยิ้มตอบ จู่ ๆ สีหน้าก็แปรเปลี่ยนเป็นกังวลแพรวดาวสังเกตเห็น
“คุณไม่สบายใจ”
“ผมเห็นความรักของตัวเอง แล้วเหนื่อยใจแทนริว ไม่รู้ผมจะตายก่อนที่มันจะเลิกปากแข็งยอมรับว่ารักมายูมิมั้ย”
แพรวดาวใจหายวาบ รีบเอามือแตะปากปรามทาเคชิ
“อย่าพูดถึงความตายสิคะ คนไทยถือ”
“ผมพูดเล่น” ทาเคชิยิ้มขำๆ
แพรวดาววิตกกังวล เศร้า ในความแตกต่างของเธอและเขา
“ชีวิตของเราต่างกัน...เส้นทางนักรบของคุณมีแต่การเข่นฆ่าล้างแค้น ไม่เหมือนชีวิตธรรมดาที่ฉันเติบโต ฉันไม่รู้ว่าจะเป็นโอคุซังของคุณได้นานแค่ไหน”
ทาเคชินิ่ง เศร้า เข้าใจแพรวดาว
“ผมเห็นแม่แอบร้องไห้ทุกครั้ง เวลาพ่อพาลูกน้องออกจากบ้านไปจัดการศัตรู ผมไม่อยากให้คุณมีชีวิตที่ทุกข์ทรมานเหมือนแม่ผม”
แพรวดาวสบตาทาเคชิ แววตาเต็มไปด้วยความสับสน
“อดทนนะคิมิ...อีกปีเดียวคุณจะได้กลับเมืองไทย กลับไปอยู่กับคนรักของคุณ ผมยอมเจ็บปวดให้คุณจากไป ดีกว่ายื้อให้คุณอยู่ท่ามกลางอันตรายที่นี่”
ทาเคชิดึงตัวแพรวดาวเข้ามากอด เศร้ามาก เพราะรักแพรวดาวมากและรู้ว่าต้องจากกันในที่สุด แพรวดาวเศร้า ไม่ต่างจากทาเคชิ
บรรยากาศยามราตรีในบ่อนเคนอิจิ เต็มไปด้วยนักพนันตามมุมต่าง ๆ ชินคุงแอบเปิดประตูทางออกด้านหลัง ย่องหลบ ๆ เข้ามาโดยไม่มีใครสังเกตเห็น อีกมุมหนึ่งชินอิจิเดินมาตรวจความเรียบร้อยภายในบ่อน ตามปกติ ชินอิจิเห็นร่างเล็ก ๆ รีบหลบไปอยู่ตรงมุมเสาลับตาคน ชินอิจินิ่วหน้าสงสัย จึงเดินอ้อมไปทางด้านหลังเสา แล้วคว้าตัวเด็กที่หลบอยู่ไว้ทันที
“จับตัวได้แล้ว”
“พ่อ”
ชินอิจิชะงักตกใจ เมื่อเห็นหน้าลูกชาย
“ชินคุง มาที่นี่ทำไม”
ขณะเดียวกันนั้นเสียงเคนอิจิดังขึ้น
“ถามอะไรไม่รู้เรื่องสักอย่าง ไอ้ชินอิจิอยู่ไหน”
ชินอิจิหันไปเห็นเคนอิจิเดินโวยวายเข้ามากับโคเฮ กลัวเคนอิจิเห็นชินคุง จึงรีบพาชินคุงเข้าไปหลบใต้โต๊ะวางของอย่างรวดเร็ว
“อยู่ตรงนี้เงียบ ๆ นะลูก”
ชินคุงพยักหน้ารับคำ นั่งซุกตัวเงียบอยู่ใต้โต๊ะ ชินอิจิรีบตรงเข้าไปรับหน้า เคนอิจิปราดเข้ามา เงื้อหลังมือฟาดหน้าชินอิจิทันทีเจอ
“โอ๊ย”
ชินอิจิเสียหลักล้มลง ชินคุงสะดุ้งตกใจที่เห็นพ่อถูกทำร้ายต่อหน้าต่อตา เคนอิจิตรงเข้าไปชี้หน้าต่อว่าด้วยความโมโห
“แกทำงานพลาด ปล่อยให้ผู้หญิงในซ่องฉันหนีออกไปสองคน ถ้ามันเอาเรื่องไปบอกตำรวจ ฉันไม่ซวยเหรอ”
“ขอโทษครับนาย ผมกำลังส่งคนตามล่ามันอยู่”
“เท้าฉันเหยียบเข้าตะรางไปข้างนึงแล้ว ขอโทษยังไงก็ไม่คุ้ม...โธ่เว้ย”
เคนอิจิอาละวาดปัดข้าวของบนโต๊ะกระจัดกระจาย แก้วใบหนึ่งถูกปัดตกลงแตกข้าง ๆ โต๊ะ เพล้ง ชินคุงร้องลั่น
“โอ๊ย”
“ชินคุง”
ชินอิจิหันไปเห็นมือชินคุงยกขึ้นบังหน้า ถูกเศษแก้วบาดจนเลือดไหล รีบเข้าไปดูลูกด้วยความตกใจเป็นห่วง
“แกปล่อยให้ลูกเข้ามาในนี้ทำไม แค่นี้ฉันยังเดือดร้อนไม่พอใช่มั้ย”
เคนอิจิตวาดลั่น เมื่อเห็นชินคุงนั่งร้องไห้ ในมือมีบาดแผลเลือดไหลเพราะถูกเศษแก้วบาด
“รีบไล่มันออกไปเดี๋ยวนี้ อย่าให้ลูกแกเข้ามายุ่มย่ามที่นี่อีก”
“นายครับ ลูกผม...”
ชินอิจิกำลังจะบอกว่าได้รับบาดเจ็บ เคนอิจิตวาดไล่
“รีบพามันออกไปสิ ไป๊”
เคนอิจิตบชินอิจิล้มคว่ำไปต่อหน้าลูก ชินอิจิกดดันและเก็บกดกันการกระทำของเคนอิจิ แต่พยายามอดกลั้นไว้ เขารีบพาตัวชินคุงออกไปทันที เคนอิจิมองตามอย่างหงุดหงิด อารมณ์เสียมาก
รอยรักหักเหลี่ยมตะวัน ตอนที่ 7 (ต่อ)
เมื่อออกมาจากบ่อน ชินอิจิพลิกหลังมือลูก ดูบาดแผล นึกเจ็บแค้นใจเคนอิจิ
“พ่อบอกแล้วใช่มั้ยว่าไม่ต้องมาหาที่นี่”
“แต่แม่ไม่สบาย...ผมมาขอเงินพ่อไปซื้อยาให้แม่”
ชินอิจิมองลูก ยิ่งรู้สึกเจ็บปวดใจที่เห็นลูกต้องบาดเจ็บ ก่อนควักเงินในกระเป๋ากางเกงใส่มือลูก
“เอาเงินนี่ไปซื้อยาใส่แผลกับซื้อยาให้แม่ แล้วกลับไปรอพ่อที่บ้าน เสร็จงานแล้วพ่อจะรีบกลับ”
“ครับ”
ชินคุงรับคำ เสียงเศร้า ชินอิจิกอดลูกด้วยความสงสาร แววตาเต็มไปด้วยความกดดัน
เคนอิจิอยู่ในห้องทำงาน ยืนมองคนเล่นในบ่อน หน้าตาหงุดหงิด โคเฮมองเคนอิจิอย่างชั่งใจ ก่อนรายงาน
“ไนท์คลับเราเสียหายต้องปิดซ่อมหลายเดือน รายละเอียดค่าใช้จ่ายทั้งหมด ผู้รับเหมาจะแจ้งให้ทราบอีกทีครับ”
“โชคดีที่ยังมีรายได้จากบ่อนเข้ามา ไม่งั้นธุรกิจซะโต้พังหมดแน่”
ชินอิจิเปิดประตูเข้ามา เคนอิจิปรายตามองด้วยสายตาไม่พอใจ ชินอิจิก้มหลบสายตานิ่ง พยายามข่มความแค้นใจเคนอิจิ ที่ทำร้ายลูกชาย เคนอิจิเมินหน้ามองคนเล่นในบ่อน ไม่สนใจชินอิจิ พลางลูบรอยแผลเป็นที่ใบหน้าด้วยความแค้นอาฆาต
“เม็ดเงินมหาศาลสูญไปเพราะไอ้ทาเคชิ มันทำฉันเจ็บแสบ ฉันจะส่งมันลงนรกให้ได้”
ยามะเปิดประตูเข้ามา โค้งตัวต่ำเคารพเคนอิจิ ก่อนยื่นจดหมายฉบับหนึ่งให้
“คุณหนูไอโกะฝากมาให้ครับ”
เคนอิจิรีบดึงจดหมายมาเปิดอ่านด้วยความสงสัย
“เจอกันพรุ่งนี้ ที่เดิม...ไอโกะ”
เคนอิจิยิ้มร้าย สายตาเจ้าเล่ห์
“ตัวช่วยกำจัดไอ้ทาเคชิ มาได้จังหวะพอดี”
วันใหม่...ไอโกะอยู่ในชุดมิดชิดอำพรางสายตาคนทั่วไป พนมมือภาวนาหน้าเทพเจ้า ก่อนตบมือ 2 ครั้ง โค้งตัวต่ำ แล้วค่อย ๆ ถอยออกมา เคนอิจิเดินเงียบๆมาสวมกอดจากด้านหลัง ยื่นหน้าไปสูดกลิ่นหอมจากตัวไอโกะ ทำเสียงกระเซ้า
“คิดถึงสามีสุดที่รักเหรอจ๊ะเมียจ๋า”
ไอโกะตกใจ รีบสะบัดตัวออกจากเคนอิจิด้วยความรังเกียจ และกลัวคนมาเห็น
“โดนดาบทาเคชิจนปากจะฉีกถึงหูแล้ว ยังไม่เข็ดอีกเหรอ”
“เจ็บแค่ไหนมันก็ไม่เท่าเจ็บใจ”
“แกทำงานพลาด”
“ต้องโทษไอ้ทาเคชิที่ยกพวกมาถล่มไนท์คลับ ทำให้ผมสูญเสียรายได้ไปตั้งเยอะ”
เคนอิจิพูดด้วยน้ำเสียงแววตาเคียดแค้น
“แกต้องจับตัวนังเซโกะมาขายซ่องอีก หรือจะฆ่ามันทิ้งก็ได้”
“ผมไม่รับคำสั่งใคร อย่ามาขึ้นเสียงกับผม”
ไอโกะจำต้องลดโทนเสียงลง เพื่อขอร้อง
“ช่วยกำจัดนังเซโกะให้ฉันหน่อย ต้องการค่าจ้างเท่าไหร่ ฉันยินดีจ่าย”
เคนอิจิครุ่นคิด ขณะไล่สายตามองรูปร่างไอโกะด้วยสายตาหื่น
“ผมไม่อยากได้เงิน”
“จะเอาอะไร”
“ไปหาผมคืนวันเสาร์ แล้วคุณจะรู้เอง”
“แก...ไอ้...”
ไอโกะตั้งท่าจะด่า แต่ถูกเคนอิจิขัดขึ้น
“ถ้าไม่ตกลง ไม่ต้องติดต่อมาอีก”
เคนอิจิเดินผละไป กระหยิ่มยิ้มอย่างเหนือกว่า ไอโกะโกรธจนแทบจะกรี๊ด แต่พยายามตั้งสติระงับอารมณ์ ไม่โวยวายในวัดให้เป็นที่สนใจ
ในห้องทาเคชิ...อายะโกะวางกล่องกระดาษกล่องใหญ่ให้แพรวดาว
“ของขวัญจากโซเรียวค่ะ”
แพรวดาวแปลกใจ รีบเปิดกล่องกระดาษออกดู เผยให้เห็นชุดกิโมโนสีแดงสดพับไว้อย่างดี
“ชุดกิโมโนสวยมากเลยค่ะคุณป้า”
“ลายดอกซากุระตรงชายผ้าและปลายแขนเสื้อ บ่งบอกว่าเป็นชุดของหญิงที่มีสามีแล้ว”
แพรวดาวอมยิ้ม เขิน ๆ
“เดี๋ยวโซเรียวกับคุณริวซ้อมเคนโด้เสร็จคงกลับมาแต่งตัว โอคุซังรีบอาบน้ำเปลี่ยนชุดเถอะค่ะ ป้าจะคอยช่วยผูกโอบิให้”
“ขอบคุณค่ะคุณป้า”
แพรวดาวรับคำ ลุกขึ้นออกไปอาบน้ำ
ในห้องแต่งตัว...แพรวดาวอยู่ในชุดกิโมโนสีแดง แต่งหน้าและทำผมสวยงามเข้ากับชุด โดยมีอายะโกะคอยช่วยแต่งตัว ขยับโอบิให้เข้าที่ ทาเคชิที่อาบน้ำเรียบร้อยแล้ว เดินเข้ามาในห้องแต่งตัวพอดี ถึงกับตะลึงในความสวยของเธอ
“โอคุซังของผมสวยที่สุด”
อายะโกะยิ้มมองทาเคชิด้วยสายตาเอ็นดู ก่อนก้มตัวและถอยออกไปจากห้อง ให้ทาเคชิกับแพรวดาวอยู่ด้วยกันตามลำพัง พออายะโกะออกไปแล้ว ทาเคชิก็ถอดชุดออกจนเห็นอกเปลือย
“เอ่อ...”
แพรวดาวตกใจ รีบยกเสื้อขึ้นมาบังสายตาตัวเอง ทาเคชิหัวเราะขำที่เห็นแพรวดาวหลบสายตาอาย ๆ
“ยังไม่ชินอีกเหรอ”
“ฉันไม่ใช่โรคจิตชอบมองคนแก้ผ้านี่คะ”
“แต่ผมชอบมองคุณ”
ทาเคชิส่งสายตากรุ้มกริ่ม แพรวดาวทั้งเขินทั้งงอน
“ถ้ายังไม่เลิกแกล้งฉัน ก็ให้คัตสึ เซกิ มาช่วยแต่งตัวเถอะค่ะ”
“คิมิของผมยิ่งงอนยิ่งน่ารัก”
“ฉันทำอะไรก็ดีไปหมดสำหรับคุณ” แพรวดาวเขินๆ
“แค่มีคุณคนเดียว โลกนี้ก็น่าอยู่สำหรับผม”
แพรวดาวหน้าสลดลง เมื่อนึกถึงอนาคตที่จะเกิดขึ้น
“ถ้าฉันกลับเมืองไทยหลังจากเรียนจบ โลกของคุณจะเป็นยังไง”
“คงเหมือนคนตายทั้งเป็น” ทาเคชิสลดลงนิดหนึ่ง
แพรวดาวใจหายวาบ กับน้ำเสียงเศร้าของเขา ทาเคชิขยับเข้าไปสอดแขนทั้งสองสวมกอดแพรวดาวเข้ามาแนบตัว
“แต่ตอนนี้เราอยู่ด้วยกัน...ผมจะเก็บความสุขที่มีคุณไว้ให้มากที่สุด”
แพรวดาวสบตาทาเคชิด้วยความซาบซึ้งระคนเศร้า ทาเคชิฝืนยิ้มราวกับเรียกกำลังใจให้ตัวเอง
ริวยืนรออยู่ในชุดกิโมโนสีเทาเข้ม หวีผมเรียบ โกนหนวดเกลี้ยงจนเห็นใบหน้าหล่อเหลา ทาเคชิประคองมือแพรวดาวเดินลงมา จึงแกล้งแซว
“แต่งตัวเสร็จเร็วจริง”
“คงตื่นเต้นจนรอแทบไม่ไหวแล้วค่ะ” แพรวดาวเสริม
“เข้ากันจริงนะ...ใครจะมีความสุขกุ๊กกิ๊กได้ทุกที่ทุกมุมเหมือนคนบางคู่ล่ะ”
ริวทำท่าเซ็ง ทาเคชิกับแพรวดาวสบตากัน หัวเราะขำริว คัตสึ เซกิ เดินเข้ามาโค้งตัว รายงานทาเคชิ
“รถพร้อมแล้วครับ”
แพรวดาวไม่เห็นทาโร่ก็ถาม
“ทาโร่ไม่ไปด้วยเหรอคะ”
“วันนี้คุณมีผมเป็นบอดี้การ์ดส่วนตัว ให้ทาโร่หยุดพักผ่อนบ้าง”
“รีบไปเถอะ ให้ผู้ใหญ่รอนานมันน่าเกลียด” ริวตัดบท
“ใจไปเร็วกว่าตัวอีกนะแก”
ทาเคชิแซวริว ก่อนหันไปเห็นท่าทางประหม่า กังวลใจของแพรวดาว
“ไม่สบายรึเปล่าคิมิ”
“ฉันเพิ่งออกงานนอก บ้านเป็นครั้งแรกในฐานะโอคุซัง ก็เลยรู้สึกแปลก ๆ”
“ทำให้ใจสบาย...คุณคือโอคุซังคนเก่งของผม”
ทาเคชิยกศอกตั้งขึ้นเล็กน้อย รอเธอมาควงแขน แพรวดาวมองทาเคชิ รวบรวมความมั่นใจให้ตัวเอง แล้วควงแขนเขาเดินคู่กันออกไป ริวยิ้มมองตามทั้งคู่ด้วยสายตาชื่นชมปนอิจฉานิด ๆ
ขบวนรถของโอะนิซึกะเข้ามาในบ้านทากาฮาชิ ทาเคชิ แพรวดาว และ ริวลงมาจากรถ ฮิโระ ทากาฮาชิ ทามะโกะ มายูมิ เมกุมิ ยืนรอต้อนรับอยู่หน้าบ้านแล้ว ฮิโระและทามะโกะโค้งตัวทักทายแขกทั้งสามด้วยความดีใจ
“ยินดีต้อนรับโซเรียว...วะคะกะชิระ...และโอคุซัง”
แพรวดาวโค้งตัวต่ำแสดงความเคารพฮิโระกับทามะโกะพร้อม ๆ กับทาเคชิและริว
“ผมและโอคุซังรู้สึกเป็นเกียรติที่ได้เป็นแขกของบ้านทากาฮาชิ”
ริวเห็นมายูมิในชุดกิโมโนสีชมพู ถึงกับสะดุดตาในความน่ารักสดใสของเธอ มายูมิเห็นสายตาริว จึงหลบสายตาด้วยความเขิน ทาเคชิเห็นริวมัวแต่เหม่อจนลืมทักทายเจ้าของบ้าน จึงถองศอกสะกิดเบา ๆ ริวสะดุ้งลืมตัว
“สวยนะครับ”
ทุกคนหันมองริวด้วยสีหน้า งง ๆ ริวรีบแก้ตัวทันที
“เอ้อ บ้านสวยดีครับ”
เมกุมิ มิยูกิ หลุดหัวเราะคิก ขำคำแก้ตัวของริว จนทามาโกะต้องปรามด้วยสายตา ไม่ให้เสียมารยาทต่อหน้าแขก
“โซเรียวมาก่อนเวลานัด ขอประทานโทษด้วยที่ต้องให้รออาหารอีกสักครู่”
“ไม่เป็นไรครับ ผมตั้งใจมานั่งคุยกับคุณอาฮิโระอยู่แล้ว”
“งั้นดิฉันขอตัวไปดูความเรียบร้อยในครัวก่อนนะคะ”
ทามาโกะพยักหน้าเรียกมายูมิ แพรวดาวนึกได้ รีบออกตัว
“ขอฉันเข้าไปช่วยในครัวได้ไหมคะ”
ทามาโกะกับมายูมิชะงัก มายูมิตอบด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง
“โอคุซังเป็นแขก คงไม่เหมาะค่ะ”
ฮิโระแทรกขึ้น
“ไม่เป็นไร...ให้โอคุซังช่วยปรุงอาหารให้ถูกปากโซเรียวก็ดีเหมือนกัน”
“ค่ะพ่อ”
ทามาโกะ มายูมิสบตากัน ไม่กล้าค้านฮิโระ จำใจเดินนำแพรวดาวเข้าครัวไป ฮิโระรีบผายมือเชิญทาเคชิ กับริวเข้าไปในบ้าน
“เชิญโซเรียวกับวะคะกะชิระในบ้านเลยครับ”
ในครัวบ้านทากาฮาชิ...ทามาโกะกับสาวใช้ช่วยกันจัดอาหารหลายอย่าง วางใส่ถาดเรียบร้อย
“จัดผักเสร็จแล้ว อย่าลืมดูมิโซะชิรุ...ซุปเต้าเจี้ยว ด้วยนะมายูมิ”
“ค่ะแม่”
มายูมิรับคำขณะกำลังจัดผักในจานอย่างสวยงาม ทามาโกะพยักหน้าบอกสาวใช้ ให้ช่วยกันยกถาดใส่อาหารออกไป แพรวดาวจะเข้าไปช่วยทามาโกะ แต่ทามาโกะเมินเฉย เดินผ่านแพรวดาวไปเหมือนเธอไม่มีตัวตนอยู่ในห้องครัว แพรวดาวยืนเก้ ๆ กัง ๆ ทำตัวไม่ถูก จนตัดสินใจเข้าไปช่วยมายูมิ
“ให้ฉันช่วยจัดผักนะคะ”
“ช่วยจัดลำดับความสำคัญของผักแต่ละชนิดให้ถูกด้วยนะคะ ว่าผักชนิดไหนควรทานก่อนหรือทานทีหลัง ถึงแม้บางครั้ง คนทานจะชอบผักสีสวยที่มีความสำคัญน้อยกว่า ก็ไม่ได้แปลว่าผักชนิดนั้นจะมีค่ามีความสำคัญมากกว่า”
มายูมิเลื่อนจานให้แพรวดาว ก่อนลุกไปยังหม้อต้มซุปที่เห็นน้ำเริ่มเดือด แพรวดาวมองตามมายูมิ รู้สึกแปลก ๆ กับคำพูดของมายูมิ...มายูมิเริ่มปรุงซุปเต้าเจี้ยวอย่างคล่องแคล่ว แพรวดาวจัดผักใส่จานเสร็จ จึงเดินไปมองมองหวังช่วยเป็นลูกมือให้ มายูมิปรายตามองแพรวดาวอย่างรู้สึกอึดอัด แต่ไม่พูดอะไร
“คุณมายูมิทำอาหารเก่งเหมือนกันนะคะ”
“ผู้หญิงเมืองนี้ถูกฝึกให้เก่งงานบ้านงานเรือนทุกคน เพื่อเตรียมเป็นภรรยาที่ถูกต้องตามขนบธรรมเนียมของสามี”
มายูมิตอบโดยไม่มองหน้าแพรวดาว ทำให้แพรวดาวเริ่มรู้สึกว่ามายูมิกำลังพูดกระทบ แต่ก็พยายามนิ่ง และยิ้มให้อย่างเป็นมิตร มายูมินำมิโซะใส่ในทัพพี วางลงในหม้อน้ำซุป ตะแคงทัพพีรินน้ำซุปเข้าไปนิดหน่อย แล้วใช้ตะเกียบคนให้มิโซะเป็นเนื้อเดียวกัน แพรวดาวพูดขึ้น
“ป้าอายะโกะเคยสอนว่า ต้องคนมิโซะให้ละลายเป็นเนื้อเดียวกัน มิโซะจะได้ไม่จับเป็นก้อน”
มายูมิใช้ตะเกียบคนมิโซะลวก ๆ อย่างขอไปที แล้วเทมิโซะลงในหม้อเลย ไม่ยอมทำตาม แพรวดาวเห็นไฟยังเดือดอยู่ จึงรีบเตือนมายูมิ
“ใส่มิโซะลงไปแล้วให้ใช้ไฟอ่อนนะคะ กลิ่นหอมของมิโซะจะได้ไม่หายไป”
มายูมิเร่งไฟแรงขึ้น ตั้งใจประชด แพรวดาวอึ้ง พูดไม่ออก บรรยากาศเต็มไปด้วยความอึดอัดและตึงเครียด
บ้านพักโคจิ...โคจิยืนมองรูปถ่ายของเขากับทาโร่ในวัยเด็ก ยิ้มมองรูปเหล่านั้น นึกถึงอดีตอย่างมีความสุข ทาโร่ยกน้ำขิงเข้ามาวางให้ขณะที่โคจิเริ่มกระแอมไอ
“ผมได้ยินเสียงพ่อไอตั้งแต่เมื่อคืน จิบน้ำขิงอุ่น ๆ ให้ชุ่มคอหน่อยนะครับ”
“ขอบใจ”
โคจิยกถ้วยน้ำขิงขึ้นจิบ ทาโร่หันไปมองรูปถ่ายตรงหน้า ยิ้ม ๆ
“แม่เสียตั้งแต่ผมยังเด็ก เราสองคนพ่อลูกก็อยู่ด้วยกันมาตลอด ถ้าวันนี้แม่ยังอยู่ คงดีใจที่เรามีวันนี้นะครับ”
โคจิหยิบกรอบรูปที่ถ่ายสามคนพ่อแม่ลูกมาดู คิดถึงภรรยาในรูป
“แม่กำลังยิ้มให้พ่อ เพราะแม่ดีใจที่พ่อเลี้ยงดูผมมาเป็นอย่างดี”
“แม่เขายิ้มให้เราสองคน เพราะแกก็เป็นลูกที่ดี เชื่อฟังคำสั่งสอนของพ่อ”
ทาโร่ยิ้มรับคำชมจากโคจิด้วยความภูมิใจ
“แกเป็นทายาทคนเดียวของพ่อ พ่อทุ่มเทสอนวิชาความรู้ทุกอย่างให้ เพราะต้องการให้แกสืบทอดหน้าที่ของตระกูลซาซากิต่อจากพ่อ”
“ผมพร้อมจะทำหน้าที่นั้นให้ดีที่สุดครับ”
โคจินิ่งมองทาโร่ด้วยสายตาชื่นชม
“ถ้างั้นก็คงถึงเวลาแล้ว”
ทาโร่มองโคจิด้วยความสงสัย
ในห้องเก็บป้ายบรรพบุรุษบ้านโอะนิซึกะ...ทาโร่เดินตามโคจิเข้ามาในห้อง โคจินั่งคุกเข่าต่อหน้าป้ายบรรพบุรุษ แล้วก้มศีรษะต่ำแสดงความเคารพ ทาโร่นั่งลงข้าง ๆ พ่อก้มศีรษะต่ำเคารพป้ายบรรพบุรุษทุกป้ายด้วยความเคารพเช่นกัน
“พ่อพาผมเข้ามาในนี้ทำไมครับ”
โคจินิ่งขรึม ถอดแหวนที่นิ้วชี้ข้างซ้ายของเขา ยื่นให้ ทาโร่รับแหวนไปมองด้วยความแปลกใจ
“แหวนประจำตระกูลซาซากิ”
“ต้นตระกูลเราสืบทอดหน้าที่องครักษ์ของโอะนิซึกะจากรุ่นสู่รุ่น ถึงเวลาแล้วที่พ่อจะมอบหน้าที่แห่งเกียรติยศให้ลูกเป็นผู้ดูแล ขอให้ลูกทำหน้าที่นี้ให้ดีที่สุด”
ทาโร่ก้มตัวต่ำขอบคุณโคจิ
“ขอบคุณครับพ่อ...ผมสัญญาจะดูแลโอะนิซึกะด้วยเลือดและลมหายใจของผม”
ทาโร่เงยหน้าขึ้น สีหน้าเต็มไปด้วยความมุ่งมั่น จริงจัง โคจิยิ้มมองทาโร่ ภูมิใจมาก
ห้องทานอาหารบ้านทากาฮาชิยามเย็น...ทุกคนเริ่มรับประทานอาหารพร้อมกัน ฮิโระออกปากชมแพรวดาวไม่ขาดปาก
“โอคุซังของโซเรียวสวยสง่า สมเป็นแม่บ้านแม่เรือนจริง ๆ”
“สุดรักสุดหวงของโซเรียวเลยครับ ทะนุถนอมดูแลกันทั้งวันทั้งคืน ถ้าไม่เกรงใจคุณอาฮิโระคงไม่ยอมให้ออกงาน เพราะไม่อยากให้ใครชื่นชมความสวยของโอคุซังน่ะครับ” ริวเย้าแหย่
“ริวเขาเก่งเรื่องเพ้อเจ้อครับ ฟังให้สนุกผ่านหูก็พอ”
“ถึงจะพูดเล่น ก็ถือเป็นเกียรติของบ้านทากาฮาชิ ที่ได้เลี้ยงต้อนรับโอคุซังของโอะนิซึกะโซเรียว” ฮิโระยิ้ม
ทาเคชิโค้งตัวต่ำรับคำชมของฮิโระด้วยความปลาบปลื้มใจ มายูมิกับทามาโกะลอบมองแพรวดาวด้วยสายตาดูหมิ่น ไม่ชอบใจ แพรวดาวหันมาเจอสายตาของมายูมิกับทามาโกะ ชะงัก หน้าเจื่อนชาอย่างบอกไม่ถูก ทาเคชิหันมาเห็น
“หน้าคุณซีดจัง เป็นอะไรรึเปล่า”
แพรวดาวยังไม่ทันตอบ จู่ ๆ ริวที่กำลังซดซุปเต้าเจี้ยวก็สำลักออกมา จนทุกคนตกใจ
“เสียมารยาทจริง” ทาเคชิดุริว
“ขอโทษครับ ผมสำลักก้อนมิโซะในซุป”
ริวก้มศีรษะขอโทษฮิโระและทามาโกะ ทุกคนหันกลับไปมองถ้วยซุปของตนเองด้วยความสงสัย เห็นมิโซะยังลอยเป็นก้อนอยู่ในถ้วย เมกุมิกับมิยูกิยกถ้วยซุปขึ้นมาซดชิม แล้วทำหน้าผะอืดผะอม เมกุมิเบ้หน้า
“นอกจากเค็มแล้วยังไม่มีกลิ่นหอมของมิโซะเลย”
ฮิโระหันไปมองทามาโกะกับมายูมิด้วยความไม่พอใจ ที่ทำให้ขายหน้าแขก มายูมิก้มหน้าหลบสายตาฮิโระอย่างรู้สึกผิด แพรวดาวไม่อยากให้มายูมิโดนดุ จึงรีบโค้งตัวต่ำขอโทษฮิโระ ออกรับแทนมายูมิ
“ต้องขอประทานโทษด้วยที่ดิฉันปรุงน้ำซุปได้แย่มาก”
มายูมิหันมองแพรวดาว อึ้ง ไม่คาดคิด ทาเคชิชะงัก
“คุณเป็นคนทำหรือ”
“ค่ะ เมื่อกี้ฉันลืมสูตรที่ป้าอายะโกะสอน เดี๋ยวจะรีบทำให้ใหม่นะคะ”
“ไม่ต้องหรอกครับโอคุซัง อาหารเรามีเยอะแยะแล้ว” ฮิโระรีบบอก
“ไม่เป็นไรค่ะ ฉันอยากแก้ตัวที่ปรุงพลาด”
แพรวดาวรีบปลีกตัวออกไปในครัว โดยที่ฮิโระร้องห้ามไม่ทัน ทามาโกะกับมายูมิสบตากัน ไม่เข้าใจเจตนาของแพรวดาว
แพรวดาวปรุงซุปมิโซะเสร็จแล้วจึงตักซุปร้อน ๆ ใส่ถ้วยหลายถ้วย ให้สาวใช้ยกวางบนถาด เอาออกไปเสิร์ฟ แพรวดาวถอดผ้ากันเปื้อน หันหลังจะออกไปจากครัว ชะงัก เมื่อเจอมายูมิยืนมองอยู่ตรงประตู
“คุณรับผิดแทนฉันทำไม” มายูมิถามเสียงเรียบ
แพรวดาวยังยิ้มให้ด้วยความเป็นมิตร
“ฉันอาสาเข้ามาช่วยทำครัว...ถือเป็นความบกพร่องของฉันเหมือนกัน”
“หวังจะทำดีเพื่อตีสนิทเหรอคะ”
“พูดเหมือนคุณรู้สึกไม่ดีกับฉัน”
แพรวดาวถามมายูมิตรง ๆ เพราะทนเก็บความรู้สึกคับข้องใจไว้ไม่อยู่ มายูมิมองแพรวดาวด้วยสายตาอคติ
ฮิโระยกถ้วยน้ำซุปขึ้นจิบ ก่อนหันไปชื่นชมกับทาเคชิ
“น้ำซุปฝีมือโอคุซังคราวนี้ รสชาติดีทีเดียว”
“เซโกะกับมายูมิยังไม่ออกมาจากครัวอีกเหรอ” ทาเคชิเปรยขึ้นอย่างนึกขึ้นได้
“โอคุซังเข้าครัวไปแป๊บเดียวก็คิดถึงแล้วหรือครับโซเรียว” ริวแซว
ทาเคชิปรายตามองริวอย่างฝากไว้ก่อน ริวยิ้มยียวน ไม่รู้สึกรู้สา ทามาโกะหันมาบอก
“เมื่อกี้แม่บ้านบอกว่าสองคนนั้นเดินเล่นอยู่ในสวนค่ะ”
“ปล่อยให้สาว ๆ คุยกันบ้างก็ดี เทอมหน้ามายูมิจะเข้ามหาวิทยาลัย จะได้มีรุ่นพี่ให้คำปรึกษา”
ฮิโระยิ้มแย้ม ทามาโกะมีแววไม่พอใจ แต่พยายามเก็บอาการ
แพรวดาวเดินออกมายังสวนญี่ปุ่นด้านนอก โดยมีมายูมิเดินตามมาอย่างจำใจ
“บ้านหลังเล็กแต่อบอุ่น ดีกว่าบ้านหลังโตที่เงียบเหงานะคะ”
“คุณไม่มีความสุขที่ได้อยู่บ้านหลังใหญ่หรือคะ” มายูมิประชด
แพรวดาวยังคงตอบด้วยน้ำเสียงปกติ
“หลายคนใฝ่หาความยิ่งใหญ่ แต่บางคนไม่อยากรับมัน”
“คุณเป็นแบบใฝ่หา หรือปฏิเสธ”
“อย่างหลังค่ะ”
แพรวดาวยิ้มบาง ๆ สร้างความแปลกประหลาดใจให้มายูมิมาก
“ฉันเข้าใจอคติที่คุณมีต่อเมียรอง...ถ้าฉันเป็นคุณก็คงไม่พอใจถ้าริวมีโอคุซัง...แต่ฉันไม่มีทางเลือกมากนักหรอกนะคะ”
“หมายความว่ายังไงคะ”
แพรวดาวหน้าเศร้าและอึดอัดใจ
“หลายอาทิตย์ก่อนฉันถูกพวกซะโต้จับตัวไป เพื่อล่อทาเคชิออกมา พวกเค้าต้องการฆ่าโอะนิซึกะโซเรียว”
“จริงเหรอคะ” มายูมิตกใจ
“ทาเคชิกับริวช่วยฉันออกมาได้ เค้าพาฉันกลับไปที่โอะนิซึกะ ประกาศให้เป็นโอคุซังเพื่อคุ้มครองไม่ให้ใครทำร้ายฉันอีก จนกว่าฉันจะเรียนจบกลับเมืองไทย”
มายูมิมองแพรวดาวด้วยท่าทีอ่อนลง เริ่มเห็นใจ
“เป็นฉันก็ทำใจไม่ได้ ถ้าต้องแบ่งผู้ชายของตัวเองให้ใคร ฉันไม่ได้ตั้งใจแย่งทาเคชิจากไอโกะนะคะ”
น้ำเสียงแพรวดาวเศร้ามาก ยิ่งทำให้มายูมิรู้สึกผิด
“ฉัน...เอ้อ...”
มายูมิอึกอัก ก่อนก้มศีรษะติดกันหลายครั้ง
“ฉันขอโทษที่เข้าใจผิดและมองคุณไม่ดี...ฉันขอโทษค่ะ”
“คุณไม่รู้จะผิดได้ยังไงคะ”
แพรวดาวกุมมือมายูมิ
“เลิกคิดมาก แล้วกลับเข้าไปช่วยเสิร์ฟเครื่องดื่มให้พวกผู้ชายดีกว่า ฉันรู้ว่าคุณกับคุณริวคิดถึงกันแย่แล้ว”
“อีตาริวมหาเสน่ห์นั่นคิดถึงใครเป็นด้วยเหรอคะ”
มายูมิเหน็บริว แพรวดาวยิ้มรู้ทัน ตบบนหลังมือมายูมิเบา ๆ
“ทาเคชิบอกว่าริวเป็นคนขอให้พ่อคุณยอมให้คุณเรียนหมอ เขาเป็นห่วงความรู้สึกของคุณมากนะคะ คุณควรตั้งใจเรียน ปล่อยให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์หัวใจ”
“โอคุซังน่ารักมาก ฉันไม่แปลกใจเลยว่าทำไมโอะนิซึกะโซเรียวถึงได้รักคุณขนาดนี้”
“เรียกเซโกะดีกว่า ถือว่าฉันเป็นพี่สาวคุณแล้วกัน”
“ขอบคุณมากค่ะพี่เซโกะ...ขอบคุณที่ทำให้ฉันรู้จักโลกอีกมุมที่ไม่เคยสัมผัส”
มายูมิยิ้มกว้าง นัยน์ตาสุกสกาว ทั้งสองยิ้มให้กัน มิตรภาพฉันท์พี่น้องเริ่มก่อตัวขึ้น
รอยรักหักเหลี่ยมตะวัน ตอนที่ 7 (ต่อ)
ระเบียงบ้านทากาฮาชิยามเย็น...แพรวดาวกับมายูมิเดินจูงมือคุยกันมา ใบหน้ายิ้มแย้มทั้งคู่ ริวเดินสวนออกมาพอดี แปลกใจที่เห็นทั้งคู่คุยกันอย่างสนิทสนม แพรวดาวหันไปเห็น
“อ้าว คุณริวจะออกมาเอาอะไรคะ”
“ผมแค่ออกมาเดินเล่น”
“ไม่เป็นไรค่ะ เดี๋ยวฉันไปหยิบสาเกให้เอง”
แพรวดาวหันไปบอกมายูมิ แล้วเดินเลี่ยงเข้าไปในบ้าน เพื่อปล่อยให้ริวกับมายูมิอยู่กันตามลำพัง ริวมองตามแพรวดาวอย่างรู้ทัน
“โอคุซังเจ้าเล่ห์จริง ๆ”
“พี่เซโกะเป็นคนน่ารัก ไม่เจ้าเล่ห์เหมือนคุณ”
“โว้ ๆ เจอกันเป็นทางการครั้งเดียว กลายเป็นพี่น้องกันไปแล้ว สงสัยจะซาบซึ้งที่โอคุซังออกรับแทนเรื่องซุปรสชาติแย่ของใครบางคน”
มายูมิเลิกลั่ก แปลกใจว่าริวรู้ได้ยังไง
“ผมทานอาหารฝีมือโอคุซังอยู่บ่อย ๆ แค่ปรุงน้ำซุป โอคุซังไม่พลาดแน่”
“แสนรู้ดีค่ะ”
มายูมิจะเดินหนี แต่ถูกริวโอบเอวมากอดไว้ เธอตกใจ ดิ้นขัดขืน
“นี่...ปล่อยฉันนะ”
“เธอว่าฉันเป็นไอ้ด่างเหรอ”
“ฉันบอกว่า แสนรู้ ที่เหลือคุณจินตนาการเอง”
“อืมม์...รู้ว่าผมชอบจินตนาการซะด้วย แล้วรู้มั้ยว่าตอนนี้ผมกำลังจินตนาการเรื่องของเรายังไง”
ริวพูดพลางโน้มหน้าเข้าหามา มายูมิดิ้น แต่ถูกกอดรัดแน่นกว่าเดิม หน้าริวใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ มายูมิเริ่มหวาดหวั่นใจ ทั้งสองประสานสายตากัน ใกล้มาก มายูมินิ่งงัน ใจสั่นจนทำอะไรไม่ถูก
“ไม่ขัดขืน...หมายถึงยอมทุกอย่าง” ริวกระซิบเย้า
“ตาบ้า”
มายูมิผลักริวออกจากตัวหลุดแรง กำลังจะหมุนตัวหนีเข้าบ้าน
“เดี๋ยว...ผมยังไม่ได้บอกคุณอีกเรื่อง”
มายูมิหันขวับ
“อะไร”
“วันนี้คุณใส่ชุดกิโมโนสวยมาก”
มายูมิอึ้ง เหวอกับคำชมซึ่ง ๆ หน้าของเขา ก่อนรู้สึกตัว รีบเดินผละไปด้วยความเขินอาย ริวยิ้มมองตามมายูมิอย่างรู้สึกชื่นใจ
บ้านโอะนิซึกะยามค่ำคืน...ริวเดินกลับเข้าบ้านด้วยใบหน้าสดชื่น โดยมีทาเคชิกับแพรวดาวเดินจูงมือตามเข้ามา อายะโกะเข้ามา ก้มศีรษะต้อนรับทั้งสาม
“งานเลี้ยงบ้านทากาฮาชิเป็นยังไงบ้างคะ”
“ดูเหมือนอาหารจะน่าสนใจน้อยกว่าคนปรุงอาหาร”
ทาเคชิพูดพลางพยักเพยิดให้อายะโกะมองริว ที่ยังคงอมยิ้มนึกถึงมายูมิ
“คนอิ่มใจ ทานอะไรก็อร่อยค่ะป้า” แพรวดาวแหย่
เสียงหัวเราะคิกคักของอายะโกะกับแพรวดาว ทำให้ริวตื่นจากภวังค์หันขวับมองทาเคชิ
“นินทาอะไร”
“ไม่ได้นินทา พูดกันตรง ๆ ไม่ปากแข็งเหมือนบางคน” ทาเคชิแดกดัน
แพรวดาวหันมายิ้มให้ริว
“ถึงรักจะเกิดจากหัวใจ แต่ถ้าไม่บอกออกไป คนที่เรารักก็ไม่ทางรู้นะคะ”
“หนังท้องตึง หนังตาหย่อน ไปนอนดีกว่า”
ริวทำทีป้องปากหาว แล้วเดินไม่รู้ไม่ชี้ขึ้นห้องไป ทาเคชิมองตามอย่างเหนื่อยใจ
“ทำตัวแบบนี้ แล้วเมื่อไหร่จะรู้ใจกันซะที”
แพรวดาวหันมาบอก
“มายูมิยังเด็ก ให้ทุกอย่างเป็นไปตามธรรมชาติก็ดีนะคะ”
“กลัวธรรมชาติจะลงโทษเจ้าริวก่อนน่ะสิ”
อายะโกะนึกขึ้นได้
“เมื่อครู่... คนของมิซาว่ามาถามหาคุณหนูไอโกะที่นี่ค่ะ”
แพรวดาวใจหายวาบ กลัวไอโกะบุกมาที่บ้าน
“ไอโกะมาบ้านเราเหรอ”
“ป้าไม่เห็นคุณหนูไอโกะมาเลยค่ะ สงสัยจะแอบหนีเที่ยวจนมิซาว่าโซเรียวเป็นห่วง เลยให้คนออกมาตาม”
ทาเคชิฟังแล้วแปลกใจ
ไอโกะขับรถมาจอดหน้าบ่อนเคนอิจิ นิ่งครุ่นคิด สองจิตสองใจ เธอนึกถึงเหตุการณ์ที่เธอนัดให้เคนอิจิมาเจอที่วัด เพื่อขอให้ช่วยจัดการกับแพรวดาว
“ช่วยกำจัดนังเซโกะให้ฉันหน่อย ต้องการค่าจ้างเท่าไหร่ ฉันยินดีจ่าย”
เคนอิจิครุ่นคิด ขณะไล่สายตามองรูปร่างไอโกะด้วยสายตาหื่น
“ผมไม่อยากได้เงิน”
“จะเอาอะไร”
“ไปหาผมคืนวันเสาร์ แล้วคุณจะรู้เอง”
ไอโกะบีบพวงมาลัยแน่น ลังเล กระวนกระวายใจแล้วเธอก็นึกถึงเหตุการณ์ที่ทาเคชิประคองกอดแพรวดาวอย่างทะนุถนอม เธอไม่พอใจมากที่ทั้งสองคนดักกันมาก...ไอโกะเงยหน้ามองตัวเองในกระจก แววตาแค้น มือบีบพวงมาลัยแน่นจนสั่น
“ฉันจะไม่ยอมให้แกแย่งทาเคชิไปจากฉัน...นังเซโกะ”
ไอโกะตัดสินใจเปิดประตู ก้าวลงไปจากรถ เดินไปหาลูกน้องซะโต้ที่ยืนคุมประตูทางเข้า
ห้องทำงานเคนอิจิอยู่ชั้นบนของบ่อน เสียงเคาะประตูห้องดังขึ้น เคนอิจิเดินมาเปิดประตูอย่างใจเย็น ประตูเปิดออก ไอโกะยืนนิ่ง เชิด ๆ อยู่ข้างนอก เคนอิจิยิ้มพราย อย่างคาดไว้แล้ว
“มาตามเสียงหัวใจใช่มั้ยจ๊ะเมียจ๋า”
“ฉันไม่ใช่เมียแก”
เคนอิจิลอยหน้าไม่สนใจคำพูดไอโกะ ผายมือเชื้อเชิญให้เข้าไปในห้อง ไอโกะมองภายในห้องสูทที่ตกแต่งสุดหรูของเคนอิจิ ยังคงลังเล ไม่กล้าเข้า เคนอิจิเริ่มไม่พอใจ จะปิดประตู ไอโกะรีบเอามือยันประตูไว้ ไม่ยอมให้ปิด
“เดี๋ยว”
ไอโกะตัดสินใจเดินเข้าไปในห้อง เคนอิจิปิดประตู ล็อค ยิ้มพอใจ
ไอโกะเดินเข้ามา กวาดสายตามองรอบๆ พยายามข่มซ่อนความกลัว เคนอิจิเดินตามมา กระชากตัวเข้ามากอดหอมอย่างไม่พูดพร่ำทำเพลง
“รู้ไหม...ผมคิดถึงคุณแค่ไหน”
ไอโกะพยายามขัดขืน
“เรามีเรื่องต้องตกลงกันก่อน”
“ขอผัวชื่นใจหน่อยสิจ้ะเมียจ๋า”
เคนอิจิระดมจูบไอโกะอย่างโหยหา แต่ไอโกะออกแรงขัดขืน หวังเจรจากับเขาให้รู้เรื่องก่อน
“คราวนี้...นังเซโกะต้องตาย”
“เราเป็นคู่ผัวเมียที่เหมาะกันมาก คุณยิ่งร้าย ผมก็ยิ่งคลั่ง”
เคนอิจิพยายามซุกไซ้อย่างหื่นกระหาย แต่ไอโกะยังคงยื้อ ดึงเวลา
“แกต้องรับปากฉัน ว่าจะทำให้นังเซโกะหายไปจากชีวิตทาเคชิ”
เคนอิจิผลักร่างไอโกะลงบนโซฟาอย่างแรง หัวเราะร้าย สายตาหื่นกระหาย ขณะโถมตัวเข้าหา
“ได้สิทูนหัว”
ไอโกะหวาดหวั่นตกใจ ถอยตัวหนี จนร่วงลงไปกับพื้นข้างโซฟา เคนอิจิคืบคลานเข้าหาอย่างไม่ลดละ ก่อนกดตัวเธอ ล็อคแขนลงไปนอนราบกับพื้น ไอโกะจะอ้าปากร้อง เคนอิจิรีบเตือนสติ
“ศัตรูหัวใจของคุณจะเป็นหรือตาย ขึ้นอยู่กับตัวคุณ”
ไอโกะสับสน กับข้อต่อรองที่แลกเพื่อกำจัดแพรวดาว เคนอิจิยิ้มได้ที โน้มหน้าเข้าหาแล้วซุกหน้าลงตรงซอกคอของเธอ ไอโกะหันหน้าหนี สีหน้าเต็มไปด้วยความรู้สึกขยะแขยงเกลียดชังเคนอิจิ เธอกัดฟันฝืนทน น้ำตารินผ่านหางตาด้วยความเจ็บแค้นใจที่ต้องยอมจำนนต่อเคนอิจิ
โถงบ้านมิซาว่ายามค่ำคืน ริกิโวยวายซาโตชิ กับ จูโร่ด้วยความโมโห
“ไอโกะหายไปไหน ทำไมไม่มีใครรู้สักคน”
“ผมให้คนไปตามคุณหนูไอโกะที่บ้านเพื่อนสนิททุกคน แต่ก็ไม่พบครับ” จูโร่บอกเสียงอ่อย
ริกิเครียด ไม่สบายใจ
“หรือจะเกิดอะไรขึ้นกับไอโกะ”
“ผมกลัวว่าคนของเราจะไปก่อเรื่องที่ไหนมากกว่า”
ซาโตชิหงุดหงิด และเบื่อหน่ายนิสัยของน้องสาวมาก
“โตจนป่านนี้ ยังหาเรื่องปวดหัวมาให้ไม่หยุดหย่อน”
“ช่วยกันคิดตามตัวไอโกะกลับมาดีกว่า” ริกิหันไปสั่งจูโร่ “สั่งคนของเราตามหาไอโกะให้ทั่วเมือง ถ้าไม่เจอ...พวกแกไม่ต้องกลับมาให้ฉันเห็นอีก”
“ครับ ๆ”
จูโร่รับคำแล้วรีบออกไปทำตามคำสั่ง ริกิร้อนรนไม่สบายใจ เดินผละไป ซาโตชิมองตามริกิอย่างอารมณ์เสีย เบื่อหน่ายที่พ่อคอยคอยปกป้องน้องตลอดเวลา
ริกิผลักประตู เดินปรี่เข้ามาหยุดอยู่ตรงหน้ารูปที่ถ่ายคู่กับอิจิโร่
“ไอโกะคือแก้วตาดวงใจของฉัน ฉันรักและดูแลเขาเป็นอย่างดี ไม่เคยทำให้ลูกฉันต้องเสียใจและเสียน้ำตา”
ริกิหยิบกรอบรูปอิจิโร่ขึ้นมา กำแน่นด้วยความเจ็บแค้น
“ฉันยอมยกไอโกะให้ลูกชายแก แต่มันกลับไม่เห็นคุณค่าของลูกสาวฉัน มันเหยียบย่ำความรู้สึกไอโกะ ก็เหมือนเหยียบหัวใจฉัน”
ริกิจ้องรูปอิจิโร่เขม็ง สายตาเต็มไปด้วยไฟอาฆาต
“ถ้าไอโกะเป็นอะไรไปเพราะไอ้ทาเคชิ ฉันจะถล่มโอะนิซึกะให้สิ้นตระกูล”
สาวใช้รีบเปิดประตูเข้ามารายงานริกิ
“คุณหนูไอโกะกลับมาแล้วค่ะ”
ซาโตชิต่อว่าไอโกะที่เพิ่งกลับมา สภาพไอโกะหน้าซีด ท่าทางเพลียมาก
“พ่อเป็นห่วงเธอมาก ถึงกับให้คนออกตามหาทั้งเมือง”
“อะไรนะ”
ไอโกะตกใจ กลัวริกิจะรู้ว่าเธอหายไปไหน ริกิปรี่เข้ามากอดลูกสาวด้วยความดีใจ
“ไอโกะ...ลูกหายไปไหนมา”
ไอโกะกลบเกลื่อน
“หนูแค่ไปติวหนังสือกับเพื่อน ทำไมต้องตกใจกันด้วย”
“เราไปถามบ้านเพื่อนเธอทุกคน ไม่เห็นมีใครรู้เรื่อง” ซาโตชิมองอย่างจับผิด
“ฉันจะคบเพื่อนคนไหน ต้องรายงานพี่ซาโตชิเหรอ”
ไอโกะแกล้งเหวี่ยงกลับซาโตชิ ก่อนหันไปแก้ตัวกับริกิ
“หนูไปติวหนังสือกับเพื่อนที่ห้องสมุดของมหาวิทยาลัย เพราะอยากเรียนให้จบเพื่อเป็นเกียรติให้มิซาว่า และจะได้เป็นโอะคะมิซังที่ดีของทาเคชิ”
“ไอโกะคิดได้อย่างนี้ก็ดี พ่อภูมิใจในตัวลูกที่สุด”
ริกิกอดไอโกะด้วยความดีใจ ไอโกะหน้าเรียบนิ่ง คาดเดายาก ซาโตชิมองไอโกะอย่างค้นหา ไม่อยากเชื่อสิ่งที่น้องพูด
ไอโกะนั่งมองสภาพตัวเองในกระจก น้ำตาไหลอาบแก้ม ความเจ็บใจที่เสียตัวให้เคนอิจิอีก
“เลือด...วิญญาณ...น้ำตา...ฉันยอมแลกทุกอย่างเพื่อคนที่ฉันรัก”
ไอโกะข่มความเสียใจ หยิบผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาปาดน้ำตาทิ้ง
“ฉันจะต้องชนะนังเซโกะ ทาเคชิต้องเป็นของฉันคนเดียว”
ไอโกะเชิดหน้ามองตัวเองในกระจก สายตาเต็มไปด้วยไฟแค้นที่พร้อมเผาผลาญทุกอย่างตรงหน้าให้มอดไหม้
วันใหม่...ทาเคชิกำลังค้นหาหนังสือ บนโต๊ะทำงานที่ติดกับโต๊ะอ่านหนังสือของแพรวดาว เขาหยิบหนังสือเล่มหนึ่งขึ้นมา ทำให้ปัดโดนสมุดบันทึกของแพรวดาวตกลงพื้นโดยบังเอิญ จึงก้มเก็บสมุดบันทึกขึ้นมาเห็นโน๊ตในปฏิทินสมุดบันทึกเขียนว่า “my birthday”
“วันเกิดเซโกะ”
ทาเคชิยิ้ม เมื่อได้รู้
ทาโร่ตัดดอกดาวเรืองดอกหนึ่งขึ้นมา ยิ้มมองอย่างสุขใจ ทาเคชิเดินผ่านมาเห็นพอดี จึงหยุดทักทายทาโร่
“ชอบปลูกดอกดาวเรืองเหรอ”
ทาโร่หันไปเห็น ชะงัก รีบโค้งตัวเคารพทาเคชิ
“ครับ โซเรียว”
ทาเคชิมองดอกดาวเรืองในมือทาโร่ และกระถางดอกดาวเรืองมากมายหน้าบ้านพักโคจิ เขายิ้ม ๆ ก่อนนึกขึ้นได้
“เห็นโอคุซังไหม”
ทาโร่อึกอัก ไม่รู้จะบอกยังไง
แพรวดาวยืนอึ้ง ตะลึง เมื่อเห็นสวนญี่ปุ่นเบื้องหน้า กลายเป็นสวนดอกดาวเรืองสีเหลืองอร่ามสว่างไสว
“สวนดาวเรือง...อะไรกันเนี่ย”
แพรวดาวหันมองไปรอบตัว ทุกพื้นที่ในสวนมีแต่ดอกดาวเรืองเต็มไปหมด ทาเคชิเดินเข้ามา ชะงัก มองสวนดอกดาวเรือง งง ๆ แพรวดาวหันไปเห็นทาเคชิ จึงโผเข้าไปกอดด้วยความซาบซึ้ง เข้าใจว่าเขาเป็นคนจัดสวนดอกดาวเรืองให้
“ขอบคุณมากนะคะ คุณทำให้ฉันมีความสุขที่สุด”
ทาเคชิยังงง ๆ กับสวนดอกดาวเรือง แต่ก็นึกขึ้นได้ว่าวันนี้เป็นวันสำคัญของแพรวดาว
“สุขสันต์วันเกิดคิมิที่รักของผม”
ทาเคชิสวมกอดแพรวดาวแนบแน่น ยิ้มหวาน แพรวดาวไม่คาดคิด
“คุณรู้”
“ผมเห็นในสมุดบันทึกของคุณโดยบังเอิญ ก็เลยเอาของขวัญวันเกิดมาให้คุณ”
ทาเคชิเอาถุงผ้ากำมะหยี่ออกมาจากกระเป๋าเสื้อ เปิดออก หยิบสร้อยทองคำขาวเส้นหนึ่งออกมา
“สร้อยเส้นนี้เข้ากับจี้หยกที่คอคุณมากกว่า”
แพรวดาวอึ้งมอง ในขณะที่ทาเคชิถอดสร้อยที่คอเธอออก เอาจี้หยกไปห้อยไว้กับสร้อยทองคำขาวเส้นใหม่ แล้วสวมกลับให้แพรวดาวอย่างเดิม
“ผมอยากหาของขวัญที่ดีกว่านี้ให้คุณ แต่กลัวช้าไป เลยเอาสร้อยที่พ่อเคยให้แม่ตอนสาว ๆ มาให้”
“นี่คือของขวัญที่ดีที่สุด และมีค่ามากที่สุดสำหรับฉันแล้วค่ะอะนะตะ”
แพรวดาวยิ้มหวาน ประทับใจมาก
“คืนนี้เราจะไปฉลองวันเกิดกันสองคน...ถือเป็นการออกเดทของเรา”
“ห้ามคุณเอาของขวัญราคาแพงมาเซอร์ไพรส์ฉันอีก ได้สร้อยของแม่คุณเป็นของขวัญวันเกิด ฉันก็รู้สึกเป็นเกียรติมากพอแล้ว”
“คิมิรู้ทันผมทุกเรื่อง”
ทาเคชิกับแพรวดาวยิ้มหวานให้กัน แล้วพากันเดินชมดอกดาวเรืองที่บานสะพรั่งในสวน ทาโร่แอบยืนมองแพรวดาวอยู่มุมหนึ่งในสวน ในมือถือดอกดาวเรืองดอกหนึ่ง เขาพูดคนเดียวเบาๆ
“สุขสันต์วันเกิดครับคุณ...แพรว...ดาว”
ทาโร่พยายามออกเสียงเรียกชื่อแพรวดาวเป็นภาษาไทยด้วยความยากลำบาก มองดอกดาวเรืองอย่างเจียมตัว แล้วเดินจากไปเงียบ ๆ
ไอโกะแอบมาคุยกับจูโร่หน้าบ้าน หลังจากให้จูโร่ไปสืบเรื่องทาเคชิมา
“ทาเคชิจะพานังสารเลวนั่นไปฉลองวันเกิดงั้นเหรอ อ๊าย”
ไอโกะกรีดเสียงลอดไรฟันออกมาด้วยโมโห ไม่กล้าเสียงดังให้ริกิได้ยิน ซาโตชิเข้ามาด้านหลัง รู้เรื่องที่ไอโกะกับจูโร่คุยกัน
“ให้คนของเราไปสืบข่าวบ้านโอะนิซึกะทำไม จำเรื่องที่ท่านโอะซะมุเตือนไม่ได้เหรอ”
“ท่านโอะซะมุห้ามฉันยุ่งกับนังเซโกะ แต่ไม่ได้ห้ามให้ติดตามเรื่องของมัน”
“รู้แล้วได้อะไร นอกจากแค้น”
“ความแค้นจะทำให้ฉันจำและอาฆาตนังนั่นไปจนวันตาย”
“คนที่ทำร้ายแกก็คือไอ้ทาเคชิ ต่อให้ไม่มีผู้หญิงคนนั้น มันก็ไม่มีทางรักแก”
“อ๊าย...ไอ้พี่ขี้อิจฉา พี่กลัวทาเคชิจะได้ดีกว่า ถึงได้เกลียดทาเคชิใช่มั้ย”
“หยุดนะไอโกะ” ซาโตชิตวาด
“พี่นั่นแหละเลิกยุ่งเรื่องของฉันสักที ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ฉันต้องได้เป็นโอะคะมิซังของทาเคชิ”
ไอโกะเดินสะบัดหนีไปด้วยความไม่พอใจซาโตชิ
“ไอ้ทาเคชิ”
ซาโตชิขบกรามแน่น แค้นทาเคชิมาก
รถของทาเคชิและลูกน้องแล่นมาในบริเวณที่จอดรถใต้ดิน รถแล่นเข้ามาจอด ณ มุมๆ หนึ่งคัตสึกับเซกิ รีบลงจากรถ มาเปิดประตูให้ทาเคชิกับแพรวดาวก้าวลงมาด้วยกัน
“ร้านอาหารที่ผมกับพ่อชอบมาทานอยู่ทางด้านบน”
ทาเคชิจูงมือแพรวดาวไปตามทางเดินที่มุ่งหน้าไปยังอุโมงค์ที่จะทะลุขึ้นไปบนตึกร้านอาหาร ทาโร่หันไปสั่งคัตสึกับเซกิ และลูกน้องคนอื่น
“จับตาดูรอบ ๆ ให้ดี ใครมีพิรุธให้รีบรายงานฉัน”
“ครับ”
ทาโร่ คัตสึ เซกิ ลูกน้องโอะนิซึกะ เดินประกบคุ้มกันทาเคชิกับแพรวดาวอย่างระแวดระวัง คนร้าย 2 คน เดินแอบอยู่ตรงตู้กดน้ำด้านหนึ่งของอุโมงค์ คอยแอบมองตามทาเคชิกับแพรวดาวสายตาร้าย อำมหิต
ในร้านอาหารจีนสุดหรูยามค่ำคืน...เจ้าของร้านเข้ามาต้อนรับและบริการทาเคชิด้วยตัวเอง
“ร้านเราจัดมุมพิเศษไว้ต้อนรับโซเรียวกับโอคุซังโดยเฉพาะ”
“ขอบคุณมากครับ”
เจ้าของร้านผายมือเชื้อเชิญให้ทาเคชิกับแพรวดาวนั่งมุมหนึ่งภายในร้านที่จัดไว้ให้เป็นพิเศษ
“อีกสักครู่อาหารจะเข้ามาเสิร์ฟนะครับ”
เด็กเสิร์ฟ 5 คน ทยอยยกอาหารทะเลหลากเมนูเข้ามาเสิร์ฟที่โต๊ะทาเคชิ เด็กเสิร์ฟคนสุดท้ายเป็นคนร้ายปลอมตัวมา แอบเอามีดพับออกมาจากชายพก ซ่อนไว้บนฝ่ามือที่ถือจานอาหาร สายตาจ้องเขม็ง เดินตรงไปยังโต๊ะที่ทาเคชิกับแพรวดาวนั่งอยู่ จู่ ๆ ทาโร่หันมามอง คนร้ายจึงรีบก้มหลบสายตา ทาโร่จับตามองเด็กเสิร์ฟทุกคนที่เข้าใกล้ทาเคชิและแพรวดาว เห็นทุกคนรีบวางจานอาหาร แล้วรีบเดินออกไป คนร้ายจำใจเดินหันหลังออกไป ก้มมองมีดพกที่กำซ่อนไว้ในมืออย่างเจ็บใจ ที่ไม่สำเร็จ ทาโร่มองตามคนร้าย รู้สึกไม่ไว้ใจ จึงเดินตามไป
ทาโร่เดินเข้ามาในครัวหลังร้าน เห็นพ่อครัวและผู้ช่วย กำลังวุ่นวายอยู่กับการทำอาหาร ทาโร่กวาดสายตามองหาตัวคนร้าย จนทั่ว แต่ก็ไม่หาไม่เจอ
“ขอทางหน่อยครับ”
ผู้ช่วยกุ๊กก้มศีรษะขอทางทาโร่ ท่าทางรีบมาก ทาโร่โค้งตัวขอโทษ ก่อนจำใจเดินเลี่ยงออกไปจากครัว คนร้ายก้าวออกมาจากมุมชั้นวางของในครัว สายตามาดร้าย
ทาเคชิคีบอาหารหลายอย่างให้แพรวดาวอย่างเอาอกเอาใจ
“ทานเยอะ ๆ นะ ผมสั่งเมนูพิเศษมาให้คุณทั้งนั้น”
แพรวดาวยิ้มขอบคุณ ก่อนหันไปเห็นครอบครัวที่นั่งโต๊ะใกล้กัน เป็นพ่อ แม่ ลูกชาย 8 ขวบ ลูกสาว 10 ขวบ กำลังทานอาหาร ยิ้มแย้มให้กันอย่างอบอุ่น แพรวดาวนิ่งมองภาพครอบครัวตรงหน้า สลดลง เพราะคิดถึงครอบครัวตัวเองที่เมืองไทย ทาเคชิเห็นสายตาและสีหน้าแพรวดาว รู้สึกเป็นห่วง
“คิดถึงบ้านเหรอครับ”
“วันเกิดฉันทุกปี แม่จะอบขนมเค้กให้ ฉันกับน้องชายจะช่วยกันละเลงครีมบนหน้าเค้กตามใจเรา”
“ละเลงครีมเหรอ เคยได้ยินแต่แต่งหน้าเค้ก”
แพรวดาวยิ้มมีความสุข ขณะเล่า
“น้องชายฉันชอบแอบหยิบน้ำตาลดอกไม้หน้าเค้กไปทาน มีอยู่ปีนึง หน้าเค้กวันเกิดฉันโล่งมาก...”
ทาเคชิขำ
“น้องชายคุณแอบกินน้ำตาลดอกไม้หมดน่ะสิ”
แพรวดาวพยักหน้ารับ ขำ ๆ สักพักสีหน้าสลดลงอย่างนึกได้
“เสียดายปีนี้ฉันไม่ได้อยู่กับ พ่อ แม่ และน้องชาย”
“แต่คุณอยู่กับผม”
ทาเคชิดึงมือแพรวดาวมากุมไว้
“ตอนนี้...เวลานี้...ที่เมืองนี้...เราคือครอบครัวเดียวกันครับคิมิ”
“ขอบคุณค่ะอะนะตะ...คุณดีกับฉันเหลือเกิน”
“คุณคือหัวใจของผม...ผมต้องดูแลหัวใจให้ดีที่สุด แม้จะแลกด้วยชีวิต”
แพรวดาวรีบเอามือป้องปากทาเคชิด้วยความตกใจ
“ฉันบอกแล้วไงคะว่าอย่าพูดแบบนี้”
“ขอโทษครับ ผมชินปาก คุณจะลงโทษด้วยการจูบหรือหอมแก้มผมก็ได้นะ ผมยอมทุกอย่าง”
“นับวันจะปากหวานเหมือนคุณริว”
“ไม่เหมือน...ริวปากหวานกับผู้หญิงทุกคน แต่ผมปากหวานกับคุณคนเดียว”
ทาเคชิส่งสายตาหวาน อ้อน แพรวดาวยิ้มให้แต่สายตากลับมีแววกังวลใจ
รอยรักหักเหลี่ยมตะวัน ตอนที่ 7 (ต่อ)
ทางเดินในอุโมงค์ที่กลับมายังที่จอดรถ...ทาเคชิจูงมือแพรวดาว ทั้งสองยิ้มให้กันในบรรยากาศที่เต็มไปด้วยความรัก ทาเคชิเอียงแก้มให้ แพรวดาวเอามือตัวเองดันแก้มเขาออกเบา ๆ ทั้งสองหัวเราะหยอกเย้ากันอย่างมีความสุข โดยมีลูกน้องเดินตามอารักขา ทาโร่เลี่ยงสายตาจากแพรวดาว ก้มลงมองแหวนประจำตระกูลที่นิ้วชี้ข้างซ้ายของตน ราวกับย้ำเตือนหน้าที่ของตน เขานึกถึงตอนที่เขารับมอบแหวนประจำตระกูลจากโคจิ
“แหวนประจำตระกูลซาซากิ”
“ต้นตระกูลเราสืบทอดหน้าที่องครักษ์ของโอะนิซึกะจากรุ่นสู่รุ่น ถึงเวลาแล้วที่พ่อจะมอบหน้าที่แห่งเกียรติยศให้ลูกเป็นผู้ดูแล ขอให้ลูกทำหน้าที่นี้ให้ดีที่สุด”
“ขอบคุณครับพ่อ... ผมสัญญาจะดูแลโอะนิซึกะด้วยเลือดและลมหายใจของผม”
ทาโร่สีหน้าเข้มเครียด ระลึกถึงหน้าที่ซึ่งสัญญาไว้กับพ่อ คัตสึ เซกิ ลูกน้องโอะนิซึกะ คอยสังเกตผู้คนที่เดินผ่านไปมา รอบตัวอย่างระมัดระวังตลอดเวลา ทาเคชิกับแพรวดาวเดินผ่านตู้กดน้ำที่มีคนกำลังกดน้ำอยู่ดูเหมือนเป็นปกติไม่มีอะไรน่าผิดสังเกต ทาโร่ คัตสึ เซกิ เดินตามไป ทันทีที่ทาเคชิกับแพรวดาวกำลังเดินผ่านอยู่นั้นเอง คนที่กำลังกดน้ำอยู่หันขวับกลับมา ชักปืนออกมาเล็งที่ทาเคชิ ทาโร่หันขวับไปเห็น
“คุ้มกันโซเรียว”
ทาโร่พุ่งเข้าไป ดึงร่างทาเคชิกับแพรวดาวหมอบหลบวิถีกระสุนที่คนร้าย ยิงเข้าใส่ เปรี้ยง ๆ เสียงปืนทำให้ผู้คนแถวนั้นวิ่งแตกตื่น หลบกันอลหม่าน ทาโร่ คัตสึ เซกิ ลูกน้องโอะนิซึกะ กระชากปืนออกมายิงตอบโต้คนร้าย ปัง ๆ คนร้ายหมุนตัวหลบอย่างคล่องแคล่ว รวดเร็ว พร้อมกับลั่นไกยิงทาโร่ เปรี้ยง... เป็นจังหวะเดียวกับที่ทาโร่ยิงสวนเข้าหาคนร้ายทันที เปรี้ยง...ทาโร่เอี้ยวตัวหลบ แต่ไม่พ้น ถูกกระสุนยิงเฉี่ยวไหล่ขวาจนทรุดลง คนร้ายถูกทาโร่ยิงเข้ากลางหน้าอก ล้มลงนอนแน่นิ่ง คัตสึ เซกิ ลูกน้องโอะนิซึกะกรูกันเข้าไปล้อมร่างคนร้ายไว้อย่างไม่ไว้ใจ คัตสึเอามืออังจมูกคนร้าย
“มันตายแล้วครับ”
คนร้ายอีกคนปรากฏตัวอีกมุมใกล้กัน ในขณะที่ทุกคนไปรุมดูร่างคนร้าย ทาเคชิหันขวับไปเห็นคนร้ายเล็งปืนมาที่เขากับแพรวดาว
“เซโกะ...ระวัง”
ทาเคชิกอดร่างแพรวดาว แล้วหมุนตัวให้หลังของเขาเป็นที่กำบังตัวของเธอเปรี้ยง...เสียงปืนของคนร้ายยิงเข้าใส่ร่างทาเคชิจากข้างหลังจนเขาสะดุ้งเฮือก...ทาเคชิทรุดลง แพรวดาวประคองรับไว้ด้วยความตกตะลึง
“ทาเคชิ”
“โซเรียวถูกยิง” คัตสึตกใจ
ทาโร่ พยายามชักปืนยิงเข้าใส่คนร้ายทั้งที่บาดเจ็บ คัตสึ เซกิ และลูกน้องโอะนิซึกะ ระดมยิงเข้าใส่คนร้ายไม่ยั้ง ทาโร่ตะโกนเตือน
“ระวังอย่าให้โดนชาวบ้าน”
คนร้ายอาศัยช่วงชุลมุนหลบหนีไป ท่ามกลางชาวบ้านที่วิ่งวุ่นวายบริเวณนั้น ลูกน้องโอะนิซึกะไล่ตามออกไป แพรวดาวกางมือที่กอดทาเคชิออกมาดู ตกใจที่เห็นเลือดสีแดงฉานในมือ
“เลือด”
ทาโร่พยุงตัววิ่งมาพร้อมกับคัตสึ เซกิ เห็นแพรวดาวกำลังเขย่าตัวทาเคชิ ร้องเรียกอย่างตกใจ
“ทาเคชิ...ทาเคชิ”
แพรวดาวประคองตัวทาเคชิที่นอนจมกองเลือดอยู่ ตะโกนลั่นด้วยความตกใจมาก
ในห้องผ่าตัด...ทาเคชินอนแน่นิ่ง เลือดไหลไม่หยุด หมอและพยาบาลช่วยกันห้ามเลือดอย่างรีบเร่ง
“ช่วยกันห้ามเลือดก่อน”
ทาเคชิหน้าเคร่งเครียดมาก ภาพบางอย่าง ผุดขึ้นในความคิด เป็นภาพที่เขากับอิจิโร่ทะเลาะกัน
“ผมชอบคุยด้วยเหตุผล มากกว่าใช้กำลัง”
“อ่อนแอ เพราะอย่างนี้ฉันถึงไม่ไว้ใจให้ดูแลโอะนิซึกะ”
“พี่ไดสุเกะดูแลทุกอย่างได้ก็ดีแล้วนี่ครับ”
“ถึงแกจะเป็นทายาทลำดับที่สอง แต่ก็ต้องร่วมสืบทอดเหมือนกัน”
“ผมไม่เคยปฏิเสธชาติกำเนิด แต่ไม่อยากมีชีวิตอยู่ท่ามกลางคมหอกคมดาบ ผมไม่ต้องการต่อสู้กับใครจนตาย”
“ไอ้ลูกไม่รักดี”
ดวงตาของทาเคชิเริ่มขยับ กลอกไปมา ภายใต้หนังตาที่ปิดอยู่ เครื่องวัดสัญญาณชีพจร เส้นชีพจรค่อย ๆ ลดระดับลง พยาบาลหันมาบอกหมอ
“ความดันคนไข้ลดลงค่ะหมอ”
“เตรียมเครื่องปั๊มหัวใจ”
ทาเคชิยังคงฝันอยู่ ภาพในฝัน เขากำลังปะทะเคนโด้กับอิจิโร่อย่างหนักหน่วง หน้าตาของทั้งคู่ดุเดือดจริงจังมาก
“แกจะต้องเข้มแข็ง ไม่อ่อนข้อให้ใคร แกจะต้องเป็นโอะนิซึกะที่แข็งแกร่งและยิ่งใหญ่ที่สุด”
ทาเคชิทนความอึดอัดใจไม่ไหว รับดาบไม้ของอิจิโร่ แล้วผลักออกอย่างหมดความอดทน
“ผมไม่อยากเป็นแบบนี้”
ทาเคชิหันโยนดาบไม้ทิ้งไป หันหลังให้อิจิโร่ ระบายความอึดอัดใจออกมา
“ผมต้องการมีชีวิตสงบ ไม่อยากต่อสู้กับใครอีกแล้ว เลิกยุ่งกับผมสักที”
เสียงระเบิดตูม...ดังขึ้นมาจากข้างหลัง ทาเคชิหันหลังกลับไป เห็นอิจิโร่ ฮิเดโกะ ไดสุเกะ คุมิโกะ นอนจมกองเลือดอยู่ทั้งสี่คน ทาเคชิช็อค ตกใจมาก
“พ่อ...แม่...พี่ไดสุเกะ...พี่คุมิโกะ...”
ทาเคชิทรุดลง ก่อนคลานเข้าไปช้อนร่างฮิเดโกะขึ้นมากอดไว้ด้วยความรู้สึกเจ็บปวด
“ไม่จริง ทุกคนต้องไม่ตาย”
“ทาเคชิคะ”
ทาเคชิชะงัก หันไปเห็นแพรวดาวยืนอยู่ตรงหน้า
“เซโกะ”
“ทิ้งอำนาจทุกอย่างแล้วไปกับฉันเถอะค่ะ ไปอยู่ในโลกที่แสนสงบของเรา”
แพรวดาวยิ้มหวาน ค่อย ๆ เลือนหายเข้าไปในม่านหมอกเหมือนลอยได้
“ฉันรักคุณค่ะทาเคชิ...”
“รอผมด้วยเซโกะ...อย่าทิ้งผมไป...เซโกะ” ทาเคชิเริ่มเพ้อ
ในห้องผ่าตัด...ร่างทาเคชิกระตุกตามแรงกดของเครื่องปั๊มหัวใจ ก่อนจะล้มตัวลงนอนแน่นิ่งดังเดิม หมอวางเครื่องปั๊มลงบนร่างของเขาอีกครั้ง
“หนึ่ง สอง สาม เคลียร์”
หมอกดปั๊ม ร่างทาเคชิกระตุกเครื่องวัดชีพจร เส้นชีพจรกลับมากระเตื้องขึ้น หมอและพยาบาลพยายามช่วยชีวิตทาเคชิ
แพรวดาวยืนรออยู่หน้าประตู ร้องไห้โฮ เป็นห่วงทาเคชิมาก
“ทาเคชิ...คุณต้องไม่เป็นอะไรคุณต้องมีชีวิตอยู่...เพื่อฉัน”
แพรวดาวร้องไห้สะอึกสะอื้น ทรุดลงอย่างหมดแรง ทาโร่เข้าไปประคองรับเธอไว้ ทั้งที่ตัวเองยังมีรอยเลือดเพราะบาดเจ็บที่หัวไหล่
“โอคุซังต้องเข้มแข็งนะครับ โซเรียวถึงมือหมอแล้วจะต้องปลอดภัย”
แพรวดาวเงยหน้ามองทาโร่ น้ำตารินไหลไม่ขาดสาย ทาโร่เห็นน้ำตาของเธอลังเล ทำท่าจะยื่นมือไปซับน้ำตาให้ พอดีเสียงคัตสึดังมา
“คุณริว...ทางนี้ครับ”
ทาโร่ชะงัก หันไปเห็นริวโคจิ คาซูมะ มาซาโตะกระหืดกระหอบเข้ามา ทาโร่รีบเก็บมือกลับ ลุกขึ้นโค้งตัวเคารพริว
“โซเรียวเป็นยังไงบ้าง” ริวถามอย่างร้อนใจ
แพรวดาวนั่งร้องไห้อยู่ข้าง ๆ ทาโร่ คัตสึ เซกิ สีหน้าเครียด ตอบริวไม่ได้ พยาบาลคนหนึ่ง ถือถุงเลือดเดินผ่านมาจะเข้าไปในห้องฉุกเฉิน แพรวดาวรีบตรงเข้าไปดึงแขนไว้
“คุณพยาบาล...ทาเคชิปลอดภัยรึยังคะ”
“ตอนนี้คนไข้เสียเลือดมาก ขอทางก่อนนะคะ”
“ทาเคชิ” แพรวดาวตกใจมาก
พยาบาลถือถุงเลือด รีบเข้าห้องฉุกเฉินไป แพรวดาวมองตามเข้าไปอย่างใจเสีย วิตกกังวลมาก ริวขยับเข้าไปแตะแขนแพรวดาวแผ่วเบา พูดปลอบใจ
“วิญญาณคุณลุงอิจิโร่จะต้องคุ้มครองทาเคชิให้ปลอดภัย...ทำใจดี ๆ ไว้นะครับโอคุซัง”
แพรวดาวน้ำตาร่วง ไม่รับรู้อะไรนอกจากห่วงความเป็นตายของทาเคชิ ทุกคนหน้าเคร่งเครียด เป็นห่วงทาเคชิเช่นกัน
ริกิอยู่ในห้องทำงานตวาดลั่นเมื่อรู้เรื่องจากปากซาโตชิ
“แกว่าอะไรนะ”
“ผมจ้างมือปืนจากที่อื่นไปฆ่าไอ้ทาเคชิ แต่มันทำงานพลาด”
ซาโตชิก้มหน้ารายงานริกิ ละอายใจที่ทำงานพลาด ริกิหน้าเครียด มองซาโตชิอย่างอ่อนใจ
“เรื่องใหญ่ขนาดนี้ ทำไมไม่ปรึกษาพ่อก่อน”
“ผมแค้นที่ไอ้ทาเคชิทำให้ไอโกะเสียใจ ถ้าบอก...พ่อคงห้าม”
ริกิหัวเสียที่ซาโตชิใช้อารมณ์ตัดสินใจแบบนี้ ครุ่นคิดหาวิธี
“รีบส่งคนไปเก็บมือปืนของแก แล้วเผาศพมันทิ้งซะ อย่าให้ใครสืบได้ว่าเราเป็นคนจ้างมันมา”
“แล้วศพของมือปืนอีกคนที่ไชน่าทาวน์ล่ะครับ”
“ป่านนี้ตำรวจคงเอาศพมันไปชันสูตรแล้ว...ถ้าแกมั่นใจว่าไม่มีใครรู้จักมัน เราก็ทำปกติ อย่าให้มีพิรุธ”
“ทำไมเราไม่ประกาศสงครามกับโอะนิซึกะไปเลย”
“ถ้าเราเผชิญหน้ากับโอะนิซึกะตอนนี้จะเสียเปรียบ จำเป็นต้องแสดงตัวเป็นมิตรกับพวกมันไปก่อน รีบไปเก็บมือปืนของแกตามที่ฉันสั่ง ก่อนที่ตำรวจหรือไอ้ริวจะแห่มาล้างแค้นให้ไอ้ทาเคชิ”
ซาโตชิยืนลังเล ริกิทุบโต๊ะปัง รู้สึกขัดใจที่เห็นซาโตชิทำท่าไม่แน่ใจ
“แกจะเป็นโซเรียวในอนาคต ต้องเด็ดขาด ใครทำงานพลาดก็ต้องฆ่ามันทิ้ง แล้วอย่าให้ไอโกะรู้เรื่องนี้เด็ดขาด”
“ครับพ่อ”
ซาโตชิรับคำเสียงแผ่ว แล้วเดินออกไป ริกิทิ้งตัวนั่งลงตรงเก้าอี้หน้าเคร่งเครียด ก่อนหันไปมองรูปที่ถ่ายคู่กับอิจิโร่ ริกิสายตาเหี้ยม อำมหิต
หน้าห้องผ่าตัดฉุกเฉิน...มาซาโตะเดินมารายงานริวกับโคจิและคาซูมะ ที่คอยนั่งเป็นเพื่อนปลอบใจแพรวดาว
“อาให้คนของเราไปแจ้งความกับท่านโอะซะมุแล้ว”
“ถ้าเป็นฝีมือของพวกซะโต้ อาจะลากตัวมือปืนมาลงโทษเอง” โคจิแค้นๆ
ริวพยักหน้ารับรู้ ก่อนนึกขึ้นได้เมื่อเห็นบาดแผลที่หัวไหล่ของทาโร่
“ทาโร่บาดเจ็บ เป็นยังไงบ้าง”
“กระสุนถากไปนิดหน่อยครับ ผมไม่เป็นไร”
ประตูห้องผ่าตัดเปิดออก แพรวดาวกับริวรีบถลาเข้าไปหาหมอที่เดินออกมา
“ทาเคชิเป็นยังไงบ้างคะคุณหมอ”
“ปลอดภัยแล้วครับ แต่ตอนนี้คนไข้ยังหมดสติเพราะเสียเลือดมาก”
“ขอบคุณมากค่ะ”
แพรวดาวน้ำตารินไหลด้วยความดีใจท่ามกลางความโล่งใจของริว โคจิ มาซาโตะ คาซูมะ ทาโร่คัตสึ เซกิ
ในห้องพักฟื้นทาเคชิ...ทุกคนเดินเข้ามาในห้อง ทาเคชินอนหลับอยู่บนเตียงมีสายน้ำเกลือและสายเลือดระโยงระยาง แพรวดาวตรงเข้าไปกุมมือข้างที่ไม่มีสายน้ำเกลือของเขามองอย่างทุกข์ใจเพราะห่วงใย ริวหันไปบอกกับโคจิ
“ให้คนของเราเฝ้าหน้าห้อง ห้ามคนนอกเยี่ยมเด็ดขาด”
โคจิโค้งตัวรับคำ ริวจึงหันไปบอกแพรวดาว
“หมอยังไม่แน่ใจว่าโซเรียวจะฟื้นเมื่อไหร่ โอคุซังกลับไปพักผ่อนที่บ้านดีกว่า คืนนี้ผมจะเฝ้าโซเรียวให้เอง”
“ไม่ค่ะ ฉันอยากอยู่กับทาเคชิอยากให้เขาเห็นฉัน เป็นคนแรกตอนที่เขาฟื้น”
“ถ้างั้นผมจะให้ป้าอายะโกะจัดเสื้อผ้ามาให้โอคุซัง แล้วให้คัตสึ เซกิ อยู่เป็นเพื่อนคุณที่โรงพยาบาล”
“ผมมีหน้าที่ดูแลโอคุซังไม่ใช่เหรอครับ” ทาโร่ขัดขึ้น
โคจิมองลูกชายหน้าเคร่งขรึม
“แกบาดเจ็บ กลับบ้านไปพักผ่อนก่อน”
ทาโร่อึกอัก แต่ก็จำก้มศีรษะรับคำพ่อ ริวกับโคจิมองสภาพทาเคชิด้วยความเจ็บแค้น
“ทาเคชิเป็นญาติเพียงคนเดียวของฉัน...ทำร้ายทาเคชิก็เหมือนทำร้ายฉัน กฎหมายเล่นงานพวกซะโต้ช้าไป พาพวกเราไปถล่มซะโต้ให้สิ้นซากเลยดีกว่า”
คาซูมะขัดขึ้น
“จัดการพวกซะโต้มันไม่ยาก แต่ต้องแน่ใจว่ามือปืนเป็นคนของพวกมัน”
“ช่วงเวลาแบบนี้...เราไม่ควรตัดสินใจทำอะไรลงไปโดยใช้อารมณ์” มาซาโตะเตือน
“เคนอิจิตั้งตัวเป็นศัตรูกับพวกเรา ถ้าไม่ใช่พวกมันแล้วจะเป็นใคร” ริวเจ็บแค้นใจ
แพรวดาวหน้าซีด ไม่สบายใจ เมื่อต้องได้ยินการพูดคุยเรื่องฆ่าแกงกันอย่างเลี่ยงไม่ได้ ริวสังเกตเห็นสีหน้าท่าทางแพรวดาว รู้สึกตัวว่าพูดมากไป จึงพยักเพยิดชวนโคจิกับทาโร่กลับ
“พวกผมขอตัวกลับก่อน แล้วพรุ่งนี้จะมาเยี่ยมใหม่”
ริวโค้งตัวร่ำลาไปพร้อมโคจิ มาซาโตะ คาซูมะ และ ทาโร่ที่มองแพรวดาวอย่างอาลัย จำใจเดินตามออกไป แพรวดาวยกมือขึ้นลูบแก้มทาเคชิอย่างแผ่วเบา
“อะนะตะ...ชีวิตคุณจะเดินอยู่บนเส้นทางอันตรายนี้ไปอีกนานแค่ไหน ฉันคงไม่มีวันชินกับวิถีชีวิตของซามุไรได้เลย...”
แพรวดาวสะท้อนใจวูบ เศร้าเมื่อนึกถึงวันที่เขาและเธอไม่มีทางได้อยู่ร่วมกัน
ห้องทำงานในบ่อน...เคนอิจิหันมาหัวเราะลั่นด้วยความสะใจ เมื่อรู้เรื่องจากโคเฮ
“ไอ้ทาเคชิถูกยิงบาดเจ็บสาหัส เป็นข่าวดีวันนี้สำหรับฉันเสียดาย...มันไม่น่าใจแข็งรอดชีวิตเลย”
“มันคงอยากตายด้วยมือของนายมากกว่า” ยามะเสริม
“พูดถูกใจ เดี๋ยวให้รางวัล”
ชินอิจิครุ่นคิด นิ่งมาก เคนอิจิสังเกตเห็น
“แกไม่ดีใจกับฉันเหรอชินอิจิ”
“ผมสงสัยว่าใครเป็นคนสั่งฆ่าโอะนิซึกะโซเรียว”
“แค่โอะนิซึกะโซเรียวตาย เราก็ได้ประโยชน์มหาศาล ไม่เห็นต้องคิดให้รกสมองโง่ ๆ ของแกเลย”
เคนอิจิหันไปหัวเราะกับยามะ โคเฮ ด้วยความรำคาญ ชินอิจิพยายามสะกดกลั้นความคับแค้นใจ ที่ถูกเคนอิจิดูถูกมากขึ้นเรื่อย ๆ
ในบ้านพัก...โคจิล้างแผลที่ไหล่ข้างขวาให้ทาโร่ ด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง ทาโร่เจ็บแผล แต่พยายามกัดฟันอดทน
“เจ็บมากมั้ย”
“พอทนได้ครับ”
“พ่อเคยเตือนแกเรื่องความรอบคอบ เพราะทุกวินาทีที่เราพลาดหมายถึงความตาย”
“ผมจะระวังให้มากกว่าเดิมครับ”
“จำไว้เป็นบทเรียน คราวหน้า...แกอาจไม่โชคดีเหมือนวันนี้”
โคจิปิดปากแผลให้ทาโร่เสร็จเรียบร้อย ทาโร่ก้มศีรษะขอบคุณพ่ออย่างทุลักทุเล เพราะเจ็บแผล
“ขอบคุณครับพ่อ”
“แผลที่กายทายาไม่นานก็หาย แต่แผลที่ใจ เผลอถูกกรีดเมื่อไหร่ ยาอะไรก็รักษาไม่ได้”
ทาโร่สบตาโคจิ นึกหวั่นว่าพ่อจะรู้ทันเรื่องแพรวดาว
“ตามพ่อมา”
โคจิสั่งก่อนลุกเดินออกไป ทาโร่ลุกตามไปด้วยความสงสัย
ทาโร่เดินตามโคจิเข้ามาในห้องเก็บป้ายบรรพบุรุษ โคจิหันไปสั่งเสียงดุ
“คุกเข่า”
ทาโร่มองพ่อ งง ๆ ไม่เข้าใจ โคจิดุกร้าว
“พ่อบอกให้แกคุกเข่า”
ทาโร่คุกเข่าลง โคจิจึงก้าวมานั่งลงข้าง ๆ
“แกต้องสาบานต่อหน้าบรรพบุรุษตระกูลโอะนิซึกะ ว่าจะมอบชีวิตและหัวใจจงรักภักดีต่อโอะนิซึกะทุกคน ไม่ใช่เพื่อใครคนหนึ่ง”
“ผมก็ทำทุกอย่างเพื่อโอะนิซึกะอยู่แล้วนี่ครับ”
“งั้นแกก็สาบานสิ ว่าจะไม่ทรยศหักหลังโอะนิซึกะโซเรียว ด้วยการกระทำ หรือด้วยหัวใจของแก”
“แต่...พ่อครับ”
โคจิตวาด
“ถ้าไม่กล้าสาบาน แหวนประจำตระกูลซาซากิ ก็ไม่คู่ควรกับลูกหลานอย่างแก”
ทาโร่สับสน มองสายตาดุกร้าวเอาจริงของพ่อ สุดท้าย...จึงจำใจกล่าวคำสาบานต่อหน้าป้ายบรรพบุรุษ เสียงดัง
“ผม ทาโร่ ซาซากิ ขอสาบาน...จะจงรักภักดีต่อโอะนิซึกะโซเรียวด้วยชีวิต วิญญาณ หัวใจ และจะไม่มีวันทรยศหักหลังโซเรียว ตราบจนลมหายใจสุดท้ายของชีวิต”
ทาโร่ก้มศีรษะต่ำเคารพป้ายบรรพบุรุษ ด้วยความเจ็บปวดใจ โคจิหน้าเคร่งขรึม
ทาโร่เดินมาหยุดมองดอกดาวเรืองในสวน แววตาเต็มไปด้วยความเศร้า เขานึกถึงอดีตตอนที่รับเสื้อจากแพรวดาว ทำให้มือของเขาแตะโดนมือเธออย่างไม่ตั้งใจ แพรวดาวยิ้มให้ด้วยความจริงใจ ไม่ได้คิดอะไร ทาโร่อึ้งมองรอยยิ้มของเธอ รู้สึกหวั่นใจอย่างแปลกประหลาด
ทาโร่ เอื้อมมือไปช้อนดอกดาวเรืองดอกหนึ่งไว้ ราวกับกำลังมองหน้าใครบางคน เขานึกถึงตอนที่ช่วยประคบน้ำแข็งที่แก้มให้แพรวดาว
“คราวก่อนคุณก็ประคบเย็นให้ฉัน คราวนี้ก็อีก สงสัยเราจะสมพงษ์กันเรื่องนี้”
ทาโร่มองแพรวดาวแล้วยิ้มรู้สึกดีสุดๆ
“เป็นเกียรติสำหรับผม ที่ได้ดูแลโอคุซังครับ”
ทาโร่มองแพรวดาวด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความรัก
“ผมสัญญาว่าผมจะดูแลและปกป้องคุณ...ด้วยชีวิต”
ทาโร่ ยิ้มเศร้า พูดกับดอกดาวเรือง
“ผมสัญญาว่าผมจะดูแลและปกป้องโอคุซังของโซเรียว...ด้วยชีวิต”
ทาโร่เจ็บช้ำ และทุกข์ทรมานใจมาก
จบตอนที่ 7