คมพยาบาท ตอนที่ 17
อุทัย กับวณีนั่งคุยอยู่ด้วยกันนอกบ้าน
“ถ้าเย็นไม่ได้เป็นอะไรมาก...พี่อยากให้วณีเร่งเย็น เรื่องไปตรวจดีเอ็นเอหนูน้อย”
อุทัยบอกอย่างกังวล เปียที่หน้าตาซึมเศร้า ดวงตายังมีคราบน้ำตา เดินเข้ามาชะงักฟัง
“ท่าทางของเย็นไม่ค่อยดี วณีเลยไม่กล้าค่ะ” วณีบอกอ่อยๆ
“แต่พี่ว่า ยังไงเราต้องช่วยกันเร่งเย็นแล้วล่ะ พี่ร้อนใจ...ยิ่งวณีเล่าเรื่องที่ลูกเปียกระชากผมนมแส พี่ก็ยิ่งกังวล”
เปียหน้าซีดเผือด ดวงตาเบิกกว้างกลัวความผิด
“วณีคงจำได้...ตอนนมแสถูกรถชน คนที่เห็นเหตุการณ์เขาเล่าว่าเหมือนนมแสวิ่งหนีอะไรมาสักอย่าง”
วณีหน้าเจื่อนตกใจตื่นเต้นปนหวาดหวั่น
“แปลว่าพี่อุทัยคิดว่าลูกเปีย...”
“ก็แล้วจะมีเหตุผลอะไรล่ะที่จะทำให้ลูกเปียต้องทำร้ายนมแสทั้งที่แกนอนพิการ นอกซะจากลูกเปียกลัวว่า แกจะฟื้นขึ้นมาบอกความจริงอะไรกับเรา”
เปียมองอุทัยเขม็ง สายตาเต็มไปด้วยความโกรธเกลียดชัง โมโห คิดไปว่าตัวเองเดินพรวดเข้าไป พร้อมปืนยิงเปรี้ยงเข้ากลางแสกหน้าอุทัย แล้วเห็นอุทัยนอนหงายหลังลงกับพื้นดิ้นพราดๆก่อนขาดใจตายน่าอนาถ
อุทัยหันมา ผงะตกใจไปนิดที่เห็นเปียยืนกำมือแน่น ดวงตาของเปียจ้องเขม็งมาอย่างน่ากลัว
“เปีย...ลูกเปีย”
“คะ” เปียสะดุ้งได้สติ
“เป็นอะไรรึเปล่าลูก”
“เอ่อ..เปีย...เปียรู้สึกไม่ค่อยสบายน่ะค่ะ”
“งั้นไปพักนะลูก”
รจนาเดินมาทันได้ยิน จะเดินเข้ามาหาเปีย
“เดี๋ยวรจพาไปค่ะ”
“ไม่เป็นไรค่ะ เปียไปเองได้” เปียมองรจนาอย่างไม่ชอบหน้า
“งั้นเดี๋ยวแม่พาไป” วณีรีบบอก
เปียมองไม่ไว้ใจรีบบอก
“เปียไปเองดีกว่าค่ะ คุณแม่คุยธุระกับคุณพ่อต่อเถอะ”
“งั้น...ทานยานะคะ เดี๋ยวรจเอาไปให้”
“ไม่กิน” เปียพูดห้วนมองไม่พอใจ
“เปีย..พูดจาดีๆ อีกอย่าง ลูกไม่สบาย ลูกต้องกินยา” อุทัยดุ
เปียอัดอั้นใจแต่ไม่กล้าอาละวาดต่อหน้าอุทัย
“ก็เปียไม่ได้เป็นอะไร เปียไม่กินค่ะ”
เปียก้าวฉับๆ เดินออกไป ทุกคนมองตามหนักใจ
“อาการของลูกเปียกำเริบอีกแล้วใช่มั้ยคะ” วณีถามรจนา
“ค่ะ” รจนาหนักใจ
วณีถามอย่างเหนื่อยใจมากๆ
“เราจะทำยังไงกันดีคะ”
รจนาพูดอย่าหนักแน่นจริงจัง
“โรคทุกโรค ถ้าคนป่วยไม่ยอมให้ความร่วมมือก็ยากที่จะรักษา โดยเฉพาะโรคทางจิต และที่คุณเปียเป็น รจว่าไม่ได้เกี่ยวกับโรคอย่างเดียวค่ะ”
“แล้วเกี่ยวกับอะไรอีกครับ” อุทัยสงสัย
“นิสัยของคุณเปียค่ะ...ยังไงรจจะทำหน้าที่ของรจให้ดีที่สุดนะคะ แต่คงต้องบอกคุณอุทัย คุณวณีไว้ก่อน เผื่อเกิดอะไรขึ้นจะได้ไม่เสียใจ เพราะพวกเรา ดูแลคุณเปียอย่างเต็มที่แล้วค่ะ”
อุทัยหน้าเครียดกลุ้มมาก วณีมีท่าทีทดท้อลงทุกวัน
เปียเดินกระแทกเท้าขึ้นห้องก่อนเปลี่ยนใจ ถอยหลังเดินลงมากวาดตามอง ไม่เห็นใคร รีบเดินลิ่วไปยังห้องของนมแสทันที
ในห้อง...นมแสพยายามช่วยตัวเอง ยกมือยกไม้ ขยับตัว แต่ยังทำไม่ได้ นมแส
เหงื่อแตกพลั่กแต่ใจเกินร้อย พยายามออกแรงอีก แต่ไม่เป็นผล เปียเดินเข้ามาจ้องข่ม
“อ้อ...อยากเดินได้...งั้นฉันจะช่วยเอาบุญ”
พูดจบเปียก็ยกเท้าของนมแสขึ้นสูง ก่อนปล่อยมือ ขาของนมแสตกลงกับพื้นอย่าง
แรง ถึงจะไม่รู้สึกแต่นมแสก็มองเปียอย่างเกลียดชัง เปียหัวเราะ
“โมโหฉันเหรอ ใจคอแกคงอยากจะแหกปากเหม็นๆฟ้องทุกคนล่ะสิอีแก่ ว่าฉันทำแกน่ะ...เอาไงดีน้า...เอาไงดี แกถึงจะอ้าปากพูดได้”
นมแสมองเปียเกลียด เปียมองนมแสหัวเราะ
“ลองดูนะ เดี๋ยวฉันช่วย”
เปียจับปากนมแสง้างออก จนปากแทบฉีก นมแสได้แต่ส่งเสียงเท่าที่จะทำได้
“ว้า! ยังพูดไม่ได้อีก งั้นทำไงดี”
เปียหัวเราะ กวาดสายตามองไปรอบๆห้อง เป็นเห็นแจกันดอกไม้วางอยู่
“ฉันคิดออกแล้ว”
เปียเดินไปคว้าแจกันดอกไม้ จับกระแทกฝา จนแจกันแตก เปียหยิบชิ้นส่วนที่คม
ที่สุดขึ้นมา
“ฉันจะกรีดปากแกให้ ลองดูนะ เผื่อแกจะพูดได้ขึ้นมา...”
นมแสมองเศษแจกันในมือเปีย ที่ถูกยื่นเศษกระเบื้องเข้ามาใกล้ นมแสมองหวาดกลัว พยายามสุดชีวิตที่จะถอยหนี แต่ร่างกายไม่ขยับเลย เปียวางเศษแจกันลงที่มุมปากนมแส กรีด จนมีเลือดซึมออกมา
นมแสไม่เจ็บแต่รู้ว่าถูกทำร้ายนมแสเบิกตากว้างช่วยตัวเองไม่ได้รจนาเข้ามา รจนาตกใจร้องลั่น
นมแสไม่เจ็บแต่รู้ว่าถูกทำร้ายนมแสเบิกตากว้างช่วยตัวเองไม่ได้รจนาเข้ามา รจนาตกใจร้องลั่น
“อย่านะคุณเปีย”
รจนาวิ่งเข้ามาปัดมือเปียออกจากปากนมแส เปียผงะเศษแจกันหล่น หันมามองรจตาขวาง
“มันเรื่องอะไรของเธอ”
รจนาโมโห เดินไปหานมแสปกป้อง
“แล้วมันเรื่องอะไรคุณถึงจะกรีดปากนมแส”
“ฉันหวังดี ฉันจะช่วยให้นมแสพูดได้ไง” เปียยิ้มยั่ว
“คุณรู้ว่ามันไม่มีทางเป็นไปได้....แต่ที่คุณทำเพราะ..คุณต้องการที่จะทำร้ายนมแสต่างหาก”
“แสนรู้เหมือนอีด่างขี้เรื้อนที่อยู่หน้าปากซอยเลยนะ และฉันก็ชอบจริงๆเลยคนแสนรู้เนี่ย” เปียคว้ามือรจนา
“คุณจะทำอะไร”
เปียไม่ตอบแต่คว้าเศษแจกันขึ้นมาจะกรีดหน้า รจนาจับมือเปียเอาไว้
“อย่านะคุณเปีย อย่า...”
เปียไม่ฟังเสียงรจนาแต่พยายามจะกรีดหน้ารจนาให้ได้ รจนาสู้สุดชีวิตผลักเปีย
อย่างแรงจนเปียล้มลงอย่างแรง แล้ววิ่งหนีออกไป พลางร้องตะโกน
“ช่วยด้วยๆ”
เปียได้สติ หวาดกลัวคนรู้รีบตามออกไปรวดเร็ว
รจนาวิ่งหนี เปียวิ่งตามอย่างกังวลสุดๆ
“หยุดนะรจนา หยุด”
รจนาไม่หยุด เปียกระโจนพรวดเดียวกระชากผมรจนาจนหน้าหงายคำราม
“กล้าขัดคำสั่งฉันเหรอ”
เปียตบผลัวะเข้าที่หน้ารจนาอย่างแรงจนเซถลา อุทัยกับวณีวิ่งเข้ามาพอดี สองคนหน้าตาตื่น อุทัยรับร่างรจไว้ได้ทัน
“นี่มันอะไรกัน”
เปียหน้าซีดเผือด กลัวแต่เถียง
“คุณรจนาไม่มีมารยาท แอบดูเปีย”
“ไม่บอกต่อล่ะค่ะ ที่ฉันแอบดูเพราะอะไร” รจนาโต้
เปียถลึงตาใส่รจนาแบบอาฆาตเอาเรื่อง รจนาไม่สนใจเปียเล่าทันที
“คุณเปียจะกรีดปากนมแสค่ะ”
“หา” วณีตกใจมาก
“เปล่านะคะ เปียเปล่า เปียไม่ได้ทำ” เปียโต้
“ถ้าคิดว่ารจโกหก ไปดูหลักฐานในห้องนมแสเลยค่ะ”
เปียหน้าซีดเผือด อุทัยหน้าเคร่งคว้ามือเปียกระชากแรง
“ปล่อยเปียนะคุณพ่อ ปล่อย”
อุทัยไม่ปล่อยลากเปียไปยังห้องนมแส รจนากับวณีรีบตาม
อุทัยลากเปียเข้าไปในห้องนมแส เห็นเศษแจกันเกลื่อนเต็มห้อง นมแสนอนมองตาปริบๆดวงตาแสดงถึงความหวาดกลัว ที่มุมปากมีเลือดซึมออกมา วณีแทบหัวใจจะวาย ถลาไปหา
“นมแส”
เปียตัวสั่นเทามองอุทัยกลัวๆ ชี้หน้ารจนา
“เปียไม่ได้ทำ มันใส่ร้ายเปียคุณพ่อต้องไล่มันออก ไม่งั้นเปียไม่ยอม”
“ไม่ต้องไล่ค่ะ ฉันจะลาออกเอง” รจนาหันไปหาอุทัย กับวณี “รจขอโทษนะคะ แต่รจคงไม่สามารถดูแลคุณเปียได้อีกแล้ว อย่างที่บอก มันไม่ใช่โรคแต่เป็นเพราะนิสัยของคุณเปียเอง รจรับมือไม่ไหว ขอโทษจริงๆค่ะ”
รจนายกมือไหว้เดินออกไป
“ไปเลย ไป ชิ้ว” เปียทำหน้าทำปาก ทำท่าเหมือนไล่หมา
“เดี๋ยวครับคุณรจ เดี๋ยว” อุทัยรีบตามออกไป
“คุณพ่อ จะไปตามมันทำไม”
เปียหน้าตาบิดเบี้ยวไม่พอใจ วณีไม่สนใจเปียตามรจนาออกไป
“คุณรจคะ...อย่าไปค่ะ”
วณีตามออกไป เปียหน้าตาเลิ่กลั่ก คาดไม่ถึง อุทัยกับวณีเลือกตามรจนา เปียกระแทกเท้าตามออกไป นมแสมองเหตุการณ์ตรงหน้าด้วยความสลด ทุกข์ใจแทนวณี
รจนาเดินลิ่วจะไปที่ห้อง อุทัยกับวณีตาม
“อย่าไปเลยนะครับ”
“อย่าไปเลยนะคะ ฉันขอร้อง”
รจนาสีหน้าเสียใจ
“รจขอโทษจริงๆค่ะ”
เปียวิ่งตามมาหน้าตาบึ้งตึง
“ไม่ต้องไปห้ามมัน อยากไปก็ไป”
รจนามองเปียระอาเดินขึ้นไปยังห้องของตัวเอง เปียยิ้มสะใจ อุทัยดุ
“ไม่มีมารยาท”
“นี่คุณพ่ออยากให้นังรจนามันอยู่ จนด่าเปียเลยเหรอคะ เปียเกลียดคุณพ่อ เกลียดๆ”
“เปีย หยุด” วณีปราม
“เปียไม่หยุดค่ะ คุณพ่ออยากได้นังรจนามันเป็นเมียน้อยถึงได้กล้าด่าเปียเปียเกลียดคุณพ่อ”
อุทัยลืมตัวตบผลัวะเข้าที่หน้าเปียอย่างแรง เปียหน้าหัน คาดไม่ถึง ก่อนหันมา น้ำตาไหล บอกเสียใจ
“คุณพ่อตบเปีย คุณพ่อไม่รักเปีย เปียจะฆ่าตัวตาย”
“ไปเลย จะไปตายไหนก็ไป ไป๊” อุทัยทนไม่ไหว
“คุณพ่อ” เปียยิ่งคาดไม่ถึงเข้าไปใหญ่
“พี่อุทัย” วณีปราม
“พี่ทนไม่ไหวแล้ว...จะไปตายไหนก็ไป” อุทัยเสียงดัง
เปียร้องไห้ วิ่งขึ้นบ้าน สวนกับรจนาที่ถือกระเป๋าลงมา เปียผลักรจนาอย่างแรง จน
รจนาแทบตกบันได ดีที่คว้าราวบันไดไว้ทัน วณีจะตาม อุทัยเรียก หน้าตาบึ้งตึง
“ไม่ต้องตาม คนที่ขู่จะฆ่าตัวตายแบบนี้ ไม่ตายจริงหรอก”
รจนามองที่อุทัยกับวณี ด้วยความสงสารเห็นใจ
เปียกระแทกเท้าเข้ามาในห้อง หน้าตาบูดเบี้ยวโกรธจัด ที่ถูกขัดใจไม่มีคนสนใจ
เปียมองที่ประตู แต่ไม่มีคนตามเข้ามาก็เริ่มหวาดหวั่น เสียความมั่นใจ เดินพรวดไปที่ประตู เปิดออก เดินลิ่วไปยังบันได ชะโงกมองไปยังข้างล่างไม่มีใครตามขึ้นมา ก็ยิ่งเจ็บช้ำ ระคนเกลียดชังรุนแรง
วณีเดินเข้าไปในห้อง เห็นเลือดที่มุมปากของนมแสค่อยๆไหลลงมา วณีร้องไห้โฮ ตรงเข้าไปเอามือเช็ดเลือดออกให้ บอกด้วยเสียใจทุกข์ใจที่สุด
“นมแส ฉันขอโทษๆ”
นมแสมองวณีด้วยความสงสาร น้ำตาไหลออกมา
“มันเกิดอะไรขึ้นกับฉัน มันเกิดอะไร ทำไมลูกเปียถึงเป็นแบบนี้ ทำไม”
วณีได้แต่ร้องไห้หาคำตอบไม่ได้ อุทัยที่ตามมามอง ดวงตากร้าวบ่งบอกว่า ควรจบได้สักที
น้อยพาเย็นที่หน้าตาท่าทางทรุดโทรมอย่างคนตรอมใจ ออกมาเดินเล่น
“ไม่รู้จะพาน้าออกมาทำไม” เย็นบ่น
น้อยบอกอาทรเอาใจใส่
“น้อยอยากให้น้าเย็นได้อากาศบริสุทธิ์น่ะค่ะ อากาศโปร่งๆ น้าเย็นจะได้แข็งแรงไวๆ”
รจนาหิ้วกระเป๋าเสื้อผ้าจะออกไปจากบ้าน เย็นหันไปเห็น
“อ้าว นั่นพยาบาลประจำตัวยัยเปียไม่ใช่เหรอ”
น้อยหันไปมอง
“ค่ะ”
เย็นมองสงสัยกังวล
“จะไปไหนล่ะนั่น”
น้อยกับเย็นมอง รจนาหันมาพอดี สายตามีความไม่สบายใจ รจนาอยากจะพูดกับเย็นจึงรอๆ เย็นเดินนำน้อยไปหา
“คุณจะไปแล้วเหรอคะ”
“ค่ะ”
“คุณหนูเปียหายแล้วเหรอ”
“ยังไม่หายค่ะ” รจนาเหนื่อยใจ
เย็นสายตาเต็มไปด้วยคำถาม
“นี่ แปลว่า คุณหนูเปียไม่สบายจริงๆเหรอ”
“ค่ะ”
รจนามองหน้าเย็นบอกกลายๆแกมขอร้อง
“คุณเปียเป็นโรคทางจิตถ้าเธอไม่ยอมรักษา เธออาจจะบ้า และฆ่าตัวตายได้”
“แล้วทำไม คุณไม่อยู่ดูแลคุณหนูเปีย” เย็นตกใจ มองตำหนิ
“ฉันพยายามแล้วค่ะ แต่คุณเปียไม่ให้ความร่วมมือ ที่สำคัญ...ไม่ใช่แค่โรคแต่มันเป็นที่นิสัยของเธอด้วย คุณเย็นเลี้ยงเธอมาน่าจะรู้”
เย็นใจหาย รู้ดีตัวเองผิดเต็มๆ ขณะที่น้อยถามร้อนรนห่วงเปีย
“แปลว่าอะไรคะ”
“สิ่งที่คุณเปียทำไม่ได้เกิดจากโรค แต่เกิดจากความคิด ความต้องการล้วนๆ…คุณเย็นเป็นคนเดียวเท่านั้นที่จะปรามคุณเปียได้...ฉันขอนะคะ...ไม่เห็นแก่คุณวณี คุณอุทัย ก็เห็นแก่คุณเปีย เพราะถ้าคุณเปียยังเป็นคนแบบนี้ อนาคตของคุณเปีย จบไม่สวยแน่ๆค่ะ”
เย็นหน้าซีดยิ่งกว่าเดิม คำพูดของรจนาแทงใจดำ
“ดิฉันเป็นคนพูดตรง ขอโทษด้วยค่ะ”
รจนาเดินแยกไป เย็นทำท่าจะทรุดฮวบลง น้อยต้องประคองอย่างเป็นห่วง
น้อยประคองเย็นเข้ามานั่งในสวน หน้าของเย็นเหงื่อแตกพลั่กจะเป็นลม น้อยจับมือเย็นเขย่าแบบเรียกสติ
“น้าเย็นคะ..น้าเย็น”
“เพราะน้า...น้าคนเดียว...เปียเป็นถึงได้เป็นแบบนี้”
“ไม่จริงค่ะ”
เย็นหันมามอง น้อยพูดเข้มแข็ง หน้าเคร่ง แสดงจุดยืนปกป้องเย็น
“น้าเย็นอย่าโทษตัวเอง เพราะถ้าจริง ทำไมน้อยไม่เป็นเหมือนกับเปีย เปียเป็นอย่างนี้ตั้งแต่ยังเด็ก เอาแต่ใจตัวเอง ชอบข่มเหงรังแกน้อย ถ้าเปียแค่แกล้งน้อยยังยอมรับได้...แต่ที่เปียหลอกน้อยไปฆ่า...น้อย....น้อยเสียใจจริงๆค่ะน้าเย็น”
เย็นมองน้อย ยิ่งมองก็ยิ่งรู้สึกผิด ขณะที่น้อยน้ำตาไหล พูดแบบอัดอั้นตันใจ
“น้อยไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร เปียถึงได้เกลียดชังน้อยขนาดนี้ ถ้าเป็นเพราะพี่เลอสรร น้อยก็ยิ่งเสียใจ แค่เรื่องผู้ชาย เปียถึงกับจะฆ่าน้อยเชียวเหรอ”
เย็นมองน้อย สงสารจนน้ำตาซึม แต่บอกความจริงไม่ได้
“น้าจะไปคุยกับเปีย น้าจะให้เปียรักษาตัว”
“แต่คุณรจนาบอก สิ่งที่เปียทำไม่ได้เกิดจากโรคอย่างเดียว แต่เกิดจากนิสัยความต้องการของเปีย น้าเย็นจะไปพูดให้เปียเปลี่ยนนิสัยได้หรือคะ”
“น้าจะพยายาม” เย็นขมขื่นเจ็บปวดใจ
อ่านต่อหน้า 2
คมพยาบาท ตอนที่ 17 (ต่อ)
อุทัย กับ วณี นั่งกันคนละมุม
“พี่อุทัยจะไม่ขึ้นไปดูลูกเลยหรือคะ” วณีกังวล
“ก็ถ้ายัยเปียจะตาย ป่านนี้คงตายไปแล้ว นี่ก็ยังไม่เห็นเป็นอะไร”
“แสดงว่าที่ผ่านมา พี่อุทัยไม่คิดใช่มั้ยว่าลูกจะฆ่าตัวตาย”
“ใช่...แต่ที่พี่ต้องคอยห้ามยัยเปีย เพราะพี่เป็นห่วงวณี กลัววณีจะทำใจไม่ได้ ถ้าพี่ทำอะไรรุนแรง”
“วณีขอโทษค่ะที่วณีตามใจลูก..จนทุกอย่าง มันเป็นแบบนี้”
“ที่มันเป็นอย่างนี้ เพราะนิสัยของยัยเปีย และการเลี้ยงดูของเย็น”
เย็นเดินเข้ามาหน้าเครียด อุทัยมองแบบอารมณ์ยังเสียอยู่
“เธอจะมาให้คำตอบเรื่องตรวจดีเอ็นเอหนูน้อยใช่มั้ย”
“ฉันมาหาคุณหนูเปีย”
อุทัยทนไม่ไหว ผุดลุกขึ้นมา
“แต่ฉันอยากได้คำตอบเรื่องตรวจดีเอ็นเอหนูน้อย”
เย็นจริงจังแต่ไม่กร้าว
“ถ้าคุณเกลียดยัยเปียขนาดนั้น คืนยัยเปียมาให้ฉันเถอะค่ะ”
อุทัยโกรธ เสียงดัง
“อย่ามาโยกโย้ได้มั้ยเย็น ฉันบอกว่าฉันอยากพาหนูน้อยไปตรวจดีเอ็นเอ ไม่ได้อยากฟังเธอจะมาทำไม”
เปียจะเดินลงบันไดมาได้ยิน ชัดเจน ตอกย้ำเข้าไปอีกว่า อุทัยอยากตรวจดีเอ็นเอ ความน้อยใจ โกรธแค้น ชังชัง ยิ่งทวีความรุนแรง
“แต่คุณต้องฟัง เพราะการที่คุณอยากตรวจดีเอ็นเอยัยน้อย ทำให้เรื่องทุกอย่างมันเลวร้ายขนาดนี้”
“งั้นแปลว่า ฉันต้องนั่งเฉยๆ รอเธอชี้ รอเธอบอกว่าคนไหนเป็นลูกฉันน่ะเหรอ ที่ผ่านมา ฉันทนมามากพอแล้ว ถึงวันนี้ ฉันจะไม่ทนอีก”
เย็นกลุ้มหนัก หันไปเห็นเปียที่สีหน้าโกรธจัด เดินกลับชั้นบน วณีเห็นอุทัยกับเย็นทะเลาะกันก็ปราม
“ใจเย็นๆก่อนค่ะ”
เย็นพยายามข่มใจ
“ไว้ยัยเปียหายดีเมื่อไหร่ ฉันจะพาทั้งยัยเปีย ยัยน้อยไปตรวจดีเอ็นเอค่ะ ขอโทษนะคะ ฉันอยากคุยกับยัยเปีย”
เย็นเดินเข้าไปข้างใน อุทัยมองไม่พอใจ
“อย่าหาเรื่องถ่วงเวลาอีกเลยน่าเย็น”
เย็นหน้าซีดไปนิด อุทัยพูดถูกทุกอย่าง เธอพยายามตั้งสติ เดินขึ้นชั้นบน
“ให้เวลาเย็นหน่อยนะคะพี่อุทัย” วณีขอร้อง
อุทัยหยันด้วยความโกรธ
“จนถึงเมื่อไหร่ นี่ถ้าการแอบตรวจดีเอ็นเอแล้วไม่มีความผิด พี่ทำไปแล้ว ไม่นั่งอึดอัดจนจะตายก่อนยัยเปียหรอก”
เปียนั่งน้ำตาไหล กำมือแน่น โกรธอุทัย จนไม่รู้จะทำยังไง เย็นเดินเข้ามามองเปียเจ็บปวด
“ได้ยินหมดแล้วใช่มั้ย”
“ก็เห็นแล้วนี่ จะถามอีกทำไม” เปียมองเย็นโกรธจัด “หรือน้าเย็นอยากเห็นเปียเจ็บ เปียคลั่ง ถ้าอยากเห็น งั้นน้าเย็นดูเลย...เปียกำลังเจ็บ เปียกำลังคลั่ง เปียกำลังเสียใจ”
“งั้นเปียต้องไปหาหมอ ไปหาหมอนะเปีย”
“น้าเย็นบอกเองไม่ใช่เหรอ ว่าเปียแค่ตอแหล แล้วเปียจะไปทำไม”
“ไปเพื่อตัวแกเองไง ก่อนที่แกจะบ้า”
“ถ้าเปียบ้า น้าเย็นก็บ้า เพราะเปียกับน้าเย็นก็เหมือนๆแกนั่นแหละ”
เย็นยิ่งมองยิ่งสลด บอกเสียงอ่อน
“แกกำลังแย่ รีบไปหาหมอนะเปีย นะ”
“ไม่ไป ทุกวันนี้เปียก็แย่ จนไม่มีที่จะอยู่แล้ว ไม่มีใครรักเปีย ไม่มีใครต้องการเปีย...มีแต่คนรัก ต้องการยัยน้อย”
“น้าถึงบอกไง แกต้องทำตัวน่ารักเป็นเด็กดีอย่างยัยน้อย แล้วทุกคนจะรักแก”
คำพูดที่หวังดีของเย็นกลายเป็นน้ำมันที่ราดลงบนกองไฟ เปียตาเป็นประกาย
ขึ้นมาอีก รู้สึกโกรธ เกลียดทุกครั้งที่ถูกเปรียบกับน้อย ในขณะที่เย็นไม่รู้ พยายามกล่อม
“นะเปีย... เชื่อน้า แกต้องเป็นเด็กดี เป็นคนดีแล้วทุกคนจะรักแก”
เปียร้องไห้ดวงตาเปล่งประกายบางอย่างที่เย็นไม่รู้
อุทัย ยืนอยู่มุมหนึ่งเคร่งเครียด เย็นเดินลงมากับเปีย ก่อนที่เย็นจะเดินออกนอกบ้านไป เปียมองอุทัยร้องไห้ ค่อยๆเดินเข้าไปหา
“คุณพ่อคะ”
อุทัยนิ่งไม่หันมา ท่าทางเหมือนไม่อยากเห็นหน้า เปียมองอุทัยยิ่งเสียใจโกรธ แต่ไม่กล้าแผลงฤทธิ์ จำต้องอ่อน
“เปียขอโทษ”
วณีที่อยู่อีกมุม มองเปีย ตามประสาผู้หญิงใจอ่อน วณีเห็นใจ ขณะที่อุทัยยังเฉย เปียยิ่งร้องไห้ เดินเข้าไปหากอดหลังอุทัย
“คุณพ่อ เปียเสียใจ เปียขอโทษ”
อุทัยหันมามองเฉยชา เหน็บ
“เย็นไปพูดอะไร ถึงได้เปลี่ยนเป็นคนละคนแบบนี้”
“น้าเย็นสอน น้าเย็นอยากให้เปียเป็นคนดี”
“เหรอ...พ่อก็นึกว่า เปียกับเย็นมีข้อตกลงอะไรกันซะอีก ไม่ว่าเย็นจะพูดอะไร เปียถึงได้เชื่อทุกอย่าง”
เปียระแวงขึ้นมาอีก
“ คุณพ่อพูดแบบนี้ แปลว่าอะไรคะ”
“เปียกับเย็นมีความลับอะไรกันอยู่รึเปล่า บอกพ่อมา”
เปียหน้าซีด ส่ายหน้าทันทีมีพิรุธ เสียงดังอย่างลืมตัว
“ไม่มีค่ะ ไม่มี เปียกับน้าเย็นไม่ได้มีความลับ”
เปียวิ่งออกไป อุทัยบอกวณีที่หน้าซีด
“พิรุธ ยัยเปียมีพิรุธ”
“แล้วพี่อุทัยคิดว่า เย็นกับลูกเปียมีความลับอะไรคะ”
“การเข้ามาอยู่ในบ้านของเราไงล่ะ ยิ่งมองยิ่งชัด ยัยเปียอาจไม่ใช่ลูกของเราจริงๆ”
เลอสรรเดินเข้ามาได้ยินพอดี
วณีเดินออกมานอกบ้าน ไม่สบายใจมาก เลอสรรเดินตามออกมาเป็นห่วง
“น้าไม่เข้าใจ ว่าน้าอุทัยจะพูดให้เรื่องทุกอย่างมันบานปลายไปทำไม”
“คุณน้ากลัวน้องเปียจะคิดมาก”
“หรือเลอไม่คิด”
เลอสรรนิ่ง ก่อนพยักหน้า วณีถอนใจ
“เป็นใคร ใครก็ต้องคิด โชคดีที่ลูกเปีย ไม่รู้เรื่องที่จะตรวจดีเอ็นเอหนูน้อยถ้ารู้ คงโกรธขึ้นมาอีก”
เลอสรรตกใจ
“ อะไรนะครับ น้าอุทัยอยากตรวจดีเอ็นเอของน้อย”
“จ้ะ...”
“แปลว่า...น้าอุทัยคิดว่า...”
“น้อยอาจจะเป็นลูก เลอ...น้าพูดจริงๆนะ ถึงน้าจะอยากรู้ ใครกันแน่เป็นลูกจริงๆของน้า แต่น้าก็รักลูกเปีย น้าไม่อยากให้ลูกเปียเสียใจ ลูกเปียโกรธ...เลอก็รู้..ว่าลูกเปียอิจฉาหนูน้อย น้ากลัวจะมีเรื่องอะไรรุนแรงขึ้นมาอีก เลอช่วยน้านะ...อยู่กับน้อง อย่าให้น้องรู้สึกว่าตัวเองไร้ค่า ไม่มีใคร”
“ผมยินดีครับ...แต่ผมสงสัย ทำไม...คุณน้า..ไม่อยู่กับน้องเปีย”
“น้ากลัว...ลูกเปียเอาเศษแจกันกรีดปากนมแส”
เลอสรรหน้าตาตกใจคาดไม่ถึง
ท่ามกลางความมืด เปียที่อยู่ในห้อง กำปืนแน่น ดวงตาของเปียที่มองปืน เต็มไป
ด้วยความอาฆาตแค้น โกรธเกลียด
เลอสรรครุ่นคิดถึงคำพูดของวณี
“ลูกเปียรักเลอ เชื่อเลอ เลอเป็นคนเดียวที่จะฉุดน้องออกมาจากความอิจฉาริษยาได้...นะเลอ”
เลอสรรถอนหายใจ ลึกๆสงสารเปีย ตัดสินใจเดินตรงไปยังห้องของเปีย เห็นห้องมืด เหมือนเปียนอนแล้ว เขาเดินกลับ แต่เปลี่ยนใจเดินมาที่ห้องอีก เพราะห่วง เคาะประตูเบาๆ
“เปีย..น้องเปีย....”
เปียที่ยืนกำปืนอยู่สะดุ้งเฮือก รีบเก็บปืนเข้าที่ซ่อน
“น้องเปียหลับรึยังจ้ะ”
“ยังค่ะ” เปียเดินมาเปิดไฟ เปิดประตู “พี่เลอมีอะไรคะ”
“พี่เป็นห่วงน้องเปียจ้ะ น้องเปียหน้าซีดจัง ไม่สบายรึเปล่า”
“เปล่าค่ะ พี่เลอมาหาเปียแค่นี้เหรอคะ”
“น้าวณีเป็นห่วง อยากให้พี่อยู่เป็นเพื่อนน้องเปีย”
“เหรอคะ เปียนึกว่าคุณพ่อคุณแม่อยากให้พี่เลอมาจับผิดเปียซะอีก”
“งอนอยู่ใช่มั้ย มา...เข้ามาคุยกัน”
เลอสรรจะเดินเข้าห้อง เปียรีบดันตัวออกไม่อยากให้เข้าไป รีบบอก
“ไม่เอาค่ะ ไปเดินเล่นข้างล่างดีกว่า”
เปียรีบเดินนำเลอสรรออกไป กลัวเห็นปืน
มุกเดินมาด้อมๆมองๆบริเวณบ้านของอุทัย อย่างประสงค์ร้าย
“เงินของนังเย็นมันเท่าเศษขี้หมา หลานเปียของฉันสิ จะทำให้ฉันรวย”
มุกเดินไปเรื่อยๆสายตาสอดส่องหาเปีย ขณะที่เปียกับเลอสรรเดินเล่นที่สวน
“น้องเปีย อย่าระแวงนะ คุณน้ารักน้องเปียจริงๆ”
“รัก...จนยอม ที่จะให้เปียฆ่าตัวตาย”
เลอสรรงุนงงไม่รู้ เปียบอกต่อพร้อมน้ำตาที่ไหลเอ่อออกมาน้อยใจ
“ตอนกลางวัน เปียเสียใจที่คุณพ่อคุณแม่ไม่รัก เลยบอกจะฆ่าตัวตาย แต่พี่เลอรู้มั้ยคะ ทั้งคุณพ่อคุณแม่ ไม่มีใครสนใจเปียสักคน”
“คุณน้าอาจจะรู้ว่าน้องเปียแค่ขู่”
“แล้วถ้าเปียฆ่าตัวตายไปจริงๆล่ะคะ ก็แปลว่า...เปียต้องตายไปฟรีๆ”
“น้องเปียก็อย่าเอาเรื่องเป็นเรื่องตายมาล้อเล่นสิจ้ะ”
“เปียไม่ได้ล้อเล่นค่ะ เปียอยากตายจริงๆ”
“ทำไมคิดอย่างนั้นน้องเปีย”
เปียสะอื้นน้อยใจ
“ใครๆก็ไม่รัก..เปีย..เปียไม่รู้จะอยู่ไปทำไม”
“อยู่เพื่อทำให้ทุกคนรักไง...น้องเปียต้องอยู่ เพื่อเอาชนะใจทุกคน”
“คนที่ไม่รัก...ทำยังไงก็ไม่รัก เปียรู้ ต่อให้เปียทำดีแค่ไหน ก็ไม่มีใครรักเปียอยู่ดี มีแต่แห่ไปรักน้อย”
มุกเดินมา มองเห็นเปียและเลอสรร ชะงักแอบฟัง เปียตะโกนถามอย่างโมโห
“พี่เลอตอบมาสิ ที่เปียพูดถูกมั้ย มีแต่คนรักน้อย” เปียมองเห็นมุกร้องเลย “แอร้ย....” เปียร้องเสียงดังแบบกลัวมาก
อุทัยที่กำลังจะเดินออกมานอกบ้านได้ยิน ขณะที่เลอสรรถามตกใจ
“น้องเปีย เป็นอะไรน้องเปีย เป็นอะไร”
เปียชี้ไปทางมุกซ่อนตัวอยู่
“มีคนมา มีคนแอบเข้ามา”
มุกเห็นเปียกรีดเสียงร้องเสียงดังรีบหลบไปรวดเร็ว เลอสรรมองก่อนเดินไปดู แต่ไม่เห็นใคร
“เข้าบ้านกันดีกว่า”
เลอสรรรีบพาเปียเข้าบ้านไป ประวิทย์ที่มาเดินตรวจตราบริเวณบ้าน ได้ยิน เดินตามไป
เลอสรรประคองเปียเข้าบ้านมา อุทัยกับวณีเดินออกมาหน้าตาตื่น
“มีเรื่องอะไรกัน” วณีถามอย่างตกใจ
“มีคนแอบเข้ามาครับ”
“อีกแล้วเหรอ” อุทัยหน้าเครียด
“ก็รู้อยู่หมู่นี้มีคนแอบเข้ามาในบ้าน จะออกไปเดินที่สนามกันทำไม” วณีบ่น
“น้องเปียอยากออกไปเดินเล่นครับ ผมเลยพาไป”
อุทัยมองเปียทันที เปียเหมือนวัวสันหลังหวะพูดทันที
“นี่คุณพ่อสงสัยเปียอีกเหรอคะ”
“พ่อยังไม่ได้พูดอะไรเลย”
“แต่สายตาคุณพ่อบอก”
อุทัยบอกนิ่งๆ แต่ตาบอก
“อย่าร้อนตัว”
“คุณพ่อ” เปียมองเสียใจน้ำตาจะไหล
“ไม่เอาน่าลูกเปีย อย่าคิดมาก คุณพ่อยังไม่ทันได้พูดอะไรเลย” วณีปลอบ
“นั่นน่ะสิ เจอหน้าพ่อก็เอาแต่ฉอดๆ โวยวายใส่พ่อ” อุทัยมองตำหนิ
ทุกคนมองตำหนิ เปียรู้สึกตัว
“เปียขอโทษค่ะเปียขอโทษจริงๆ”
ทุกคนมองเปีย ทั้งเห็นใจ กลุ้มใจระอา ประวิทย์มองอยู่
วันใหม่...เย็นกำลังเดินลงมาจากบ้าน ถามประวิทย์ที่อยู่ในชุดนักศึกษาเสียงดังตกใจ
“ว่าไงนะ เมื่อคืนมีคนลอบเข้ามา”
“ครับ...ผมเลยรีบมาเตือนน้อย ช่วงนี้ดึกๆอย่าออกไปเดินนอกบ้าน อันตราย”
น้อยอยู่ในชุดนักศึกษาอดห่วงไม่ได้
“แล้วนี่เปียไม่ได้เป็นไรใช่มั้ยคะ”
“จ้ะ...โชคดีที่เมื่อคืนเปียอยู่กับคุณเลอสรร ไม่อย่างนั้นก็ไม่รู้อะไรจะเกิดขึ้นเหมือนกัน”
“งั้นน้ารบกวน เลิกเรียนแล้ว ประวิทย์รอน้อยกลับบ้านด้วยนะ” เย็นบอกอย่างกังวล
“ครับ...” ประวิทย์มองเห็นเย็นหน้าซีด “น้าเย็นหน้าซีดจัง เป็นอะไรรึเปล่า”
“พี่ประวิทย์ ไปก่อนก็ได้ค่ะ น้อยจะหายาให้น้าเย็น” น้อยกังวล
“ไม่เป็นไรพี่รอได้ มีอะไรจะได้ช่วยกัน”
“ไปก่อนเถอะค่ะ” น้อยส่งสายตาขอร้อง
“งั้นพี่รอที่ประตูนะ” ประวิทย์เข้าใจ
“ค่ะ”
น้อยประคองเย็นขึ้นบ้านไป
อ่านต่อหน้า 3
คมพยาบาท ตอนที่ 17 (ต่อ)
น้อยเอายาดมให้เย็นที่นั่งพักอยู่ พลางถาม
“น้าเย็น...มีอะไรรึเปล่าคะ”
“น้าต้องถามมากกว่า ว่าน้อยอยากคุยอะไรกับน้า ถึงได้ให้ประวิทย์ไป”
“น้อยเป็นห่วง กังวล แล้วก็สงสัย...กลัวคนที่ลอบเข้ามาในบ้าน จะเป็นผู้ชายคนนั้น”
“คนไหน” เย็นใจเต้นแรง
“คนที่น้าเย็นออกไปกับเขา แล้วกลับมาน้าเย็นบาดเจ็บไง...”
เย็นอึ้ง เพราะใจจริงเย็นก็คิดอย่างน้อย กลัวจะเป็นมุก น้อยเห็นเย็นมีพิรุธก็สงสัย
“ตกลงเขาเป็นใครคะ แล้วเขาเป็นคนทำร้ายน้าเย็นใช่มั้ย”
“มันผ่านไปแล้ว อย่าไปพูดถึงมันอีกเลย”
“แต่น้าเย็นกำลังจะปล่อยให้คนชั่วลอยนวล”
“น้าเชื่อกฎแห่งกรรม คนทำผิดทุกคน ต้องได้รับผิด จะเร็วจะช้าเท่านั้นเอง...” เย็นเสียงเครือ ขมขื่น “อย่างน้า...ตั้งแต่ขโมยลูกเขามา ไม่มีวันไหนที่น้ามีความสุขเลย น้าทุกข์ระทมขมขื่นทุกวัน...รู้มั้ยน้อย”
สายตาเย็นมีแต่ความเจ็บปวด น้อยได้แต่มองสงสารเห็นใจ
เลอสรรกับเปียเดินเข้ามาในฟิตเนตด้วยกัน ดวงหน้าเปียเคร่งเครียดอย่างคนกังวลตลอดเวลา เลอสรรจับไหล่เปียสองข้าง บอกอาทร
“ออกกำลังกายนะ จะสบายใจขึ้น”
“ค่ะพี่เลอ” เปียหน้าจ๋อยๆกังวลไม่ยิ้ม
เลอสรรมองอาทรห่วง
“ไม่ใช่รับคำอย่างเดียว น้องเปียต้องยิ้มด้วย”
เปียมองหน้าเลอสรร ก่อนจะฝืนยิ้มออกมาแต่ดวงตายังกังวลเหมือนเดิม
“พี่รู้ว่าน้องเปียยังกลัวคนร้ายอยู่ แต่ไม่ต้องกลัวนะ ถ้าพี่อยู่ มันทำอะไรน้องพี่ไม่ได้แน่ๆ”
เลอสรรพูดอ่อนโยน เปียมองเต็มตื้น
“ค่ะพี่เลอ”
เลอสรรคลึงหัวเบาๆ
“ไป...ไปออกกำลังกาย”
เปียยิ้มให้แล้วเดินไป อีกมุม มุกแอบมองเปียอยู่ ดวงตากระเหี้ยนกระหือประสงค์ร้าย
เปียกำลัง แต่ละท่วงท่าที่เปียเตะออกเหวี่ยงมือออกเต็มไปด้วยความดุดัน...เลอสรรออกกำลังกายแบบปกติธรรมดา เปียเหงื่อโทรมกายคว้าผ้าขนหนูซับหน้าก่อนเดินออกมา มุกมองดูความเคลื่อนไหวของเปียตลอดเวลา
เปียเดินตรงมาทางเข้าห้องน้ำ ความรู้สึกของเธอเหมือนมีคนตามตลอดเวลา เธอหัน
ขวับไปมองข้างหลัง มุกที่เดินตามมาหลบด้วยท่วงท่าธรรมชาติ ทำทีเป็นพนักงานทำงานตามปกติ เปียมองมุก แต่จำไม่ได้ เธอมองแบบระมัดระวัง ก่อนเดินเข้าห้องน้ำไป มุกมองตามไปไม่ให้คลาดสายตาท่ามกลางผู้คนในฟิตเนตที่เดินสวนผ่านกันไปมา
เปียเดินเข้าห้องน้ำด้วยท่าทางกังวล รู้สึกเหมือนคนตาม เธอหันไปมองก็ไม่เห็นใคร เธอมองเข้ามาในห้องน้ำ แล้วเธอก็นึกถึงตอนที่เคยเห็นนมแสในห้องน้ำ เปียรู้สึกกลัว กวาดตามองไล่ไปทีละห้องๆ ไม่มีใคร เปียสะบัดหน้า พยายามไล่ความกังวลหลอกหลอนตรงไปวักน้ำล้างหน้ารวดเร็ว
เปียเดินตรงมายังรถ พร้อมผ้าขนหนูซับหน้า มุกตามมา เปียรู้สึกตัวหันขวับไปมอง มุกยืนเผชิญหน้าไม่หลบ เพราะรอโอกาสมานาน เปียถามพยายามควบคุมเสียงไม่ให้สั่น
“มีอะไร”
มุกยิ้มเจ้าเล่ห์ ทำทีเป็นพนักงาน
“ผมมีเรื่องอยากคุยด้วย”
“เป็นพนักงาน อย่ามาทำตาอย่างนี้ใส่ลูกค้า ไม่งั้นฉันจะฟ้องผู้จัดการ”
“แล้ว...ถ้าผมเป็นอาของคุณ ผมมองคุณแบบนี้ได้ใช่มั้ยครับ”
“หมายความว่ายังไง” เปียงง
“ผมชื่อมุก เป็นน้องชายคนเดียวของพี่โมก” มุกมองเปียยิ้มยั่ว “พ่อใครหว่า”
เปียมองมุกตกตะลึงคาดไม่ถึง พนักงานคนหนึ่งเดินผ่านมาทางด้านหลัง เห็นแค่มุกกับเปียยืนคุยกัน แต่ไม่เห็นสายตาของคนทั้งสอง พนักงานมองแว่บเดียวไม่ได้สนใจอะไร ก่อนเดินผ่านไป มุกยิ้มเยาะ
“ถึงกับอึ้งด้วยความดีใจ ตื่นเต้นสุดขีดเลยเหรอจ้ะหลานเปีย ที่ได้เจอหน้าอาน่ะ”
เปียดวงตาเหลือกลาน กลัวไม่อยากเจอจะขยับตัวหนี มุกตะครุบเข้าที่คอลาก
“มานี่”
“ปล่อยนะ ปล่อย”
เปียร้องได้แค่นั้นมุกก็ตบหน้าเปียอย่างแรง หน้าตาเอาจริงเป็นเชิง ร้องมากนี้โดนแน่ๆ เปียมองมุกด้วยความหวาดกลัวสุดขีด วิ่งหนีรวดเร็ว มุกตาม
เปียวิ่งหนีออกมาตามทาง นอกฟิตเนต มุกวิ่งตาม
“หยุดนะนังเปีย หยุด”
เปียมองมุกร้องลั่น
“ช่วยด้วยๆ”
มุกวิ่งตามมากระชากคอแล้วเหวี่ยงอย่างแรง จนเปียเซไปติดอยู่กับผนังกำแพงข้างทาง มุกกดคอเปียเข้ากับกำแพง พร้อมควักมีดขนาดเล็กขึ้นมาจ่อบริเวณลำคอขู่
“แกกับนังเย็นไม่มีทางหนีฉันไปได้หรอก”
เปียเหงื่อแตกพลั่กมองมีดเนื้อตัวสั่น
“อย่าทำอะไรฉันนะ ฉันกลัว”
มุกเอามือข้างหนึ่งลูบผมหัวเปียเบาๆ ขณะที่มืออีกข้างเอามีดจ่อเหมือนเดิม หัวเราะ
“โถๆ อาจะทำหลานเปียได้ยังไง”
“งั้นก็ปล่อยฉันไปสิ”
เปียทำท่าจะไป มุกขวางไว้ไล้มีดขู่
“ปล่อยแน่ถ้าหลานเปียจะแบ่งเงินให้อามุกใช้สักนิดสักหน่อย”
เปียมองมุกตาวาวไม่ชอบการขู่
“ขู่ฉันเหรอ”
“เว้ากันตรงๆซื่อๆ ขู่ที่ไหน แค่อยากได้เงินไปใช้สักก้อน” มุกยิ้มๆ “แกจะให้เงินฉันเท่าไหร่ ว่ามา”
“ไม่มี...ฉันไม่มี”
“เงินก็ไม่ใช่เงินของแก แกจะขี้เหนียวทำไมวะ”
“แปลว่าอะไร” เปียกังวล ร้อนใจ
มุกหัวเราะกวน
“นังเย็นมันบอกฉันหมดแล้ว ว่าแกนี่แหละคือลูกของพี่โมก พี่ลำยอง และมันก็บอกฉันด้วยว่า...แกอยากเป็นลูกเศรษฐีเนื้อตัวสั่น”
เปียมองมุก โกรธไปถึงเย็น
“แกคิดว่า ถ้าพ่อแม่คนรวยของแกรู้ความจริงว่าแกเป็นลูกโจรจะเป็นยังไงวะ”
เปียปากคอสั่นทำเป็นพูดดี
“อามุกอย่าบอกพวกมันนะ”
“ทีอย่างนี้ล่ะนับญาติขึ้นมาทันที ได้...อาจะไม่บอก แต่หลานเปียก็ต้องเอาเงินของพวกมันมาให้อาเยอะๆ ไม่งั้น” มุกทำทีเอามีดคืนกลับมา มองยิ้มบอก “มีดเล่มนี้มันจะไปปักเล่นๆแถวคอของหลานเปีย” มุกหัวเราะ
เปียมองมุกด้วยความหวาดกลัว เกลียดชัง
เลอสรรยืนรอเปียอยู่ที่รถ สักครู่เปียเดินกลับมา สีหน้าหวาดหวั่นหวาดกลัว
“ไปไหนมาน้องเปีย”
“ว้าย” เปียไม่ทันตั้งตัวสะดุ้งโหยง
“เป็นอะไร” เลอสรรมองจ้อง
เปียเนื้อตัวสั่น หลบหน้าหลบตาเลอสรรท่าทางมีพิรุธ
“เปล่าค่ะ”
เลอสรรมองไปทางข้างหลังเปีย ก่อนถาม
“แน่ใจนะ พี่ว่าน้องเปียท่าทางแปลกๆ”
“ไม่มีอะไรจริงๆค่ะ...” เปียฉวยมือเลอสรร “รีบกลับกันเถอะค่ะ”
เปียบอกพร้อมเดินไปยังที่นั่งของตัวเอง เลอสรรมองตามงงๆ สงสัย
เปียกับเลอสรรเดินเข้ามาบ้านมาด้วยกัน แต่ท่าทางของเปียดูเครียดกังวลตลอดเวลา มาถึงเธอก็เดินลิ่วขึ้นห้องไม่สนใจอุทัยกับวณีที่มองอยู่
“ยัยเปียเป็นอะไรอีก” อุทัยถามเลอสรรที่เดินตามเข้ามา
“นั่นสิ ท่าทางแปลกๆ ทะเลาะกันรึเปล่าเลอ”
“เปล่าครับเปล่า” เลอสรรมองตามกังวล
“ไปออกกำลังกายกลับมา แทนที่จะสดชื่น ผ่อนคลาย ทำไมยัยเปียเหมือนจะแย่ลง”
ทุกคนได้แต่มองตามเปียกังวล เครียดไปหมดทั้งบ้าน
เปียเดินเข้ามาในห้อง ดวงหน้าเครียด คิดไปถึงที่มุกขู่
“อีกหนึ่งอาทิตย์ อามุกจะไปรอหลานเปียที่ตึกร้าง แถวบ้านหลาน เอาเงินมาให้อา ไม่งั้นพ่อแม่หลานได้รู้แน่...ว่ามีลูกปลอมๆ”
เปียดวงหน้าบิดเบี้ยวโกรธจัด
“คนอย่างซีเปียไม่มีวันให้ใครมาขู่” เธอคว้ามือถือขึ้นมา “191 นะคะ ฉันมีเบาะแสคนร้ายที่ชื่อ มุก ค่ะ”
มุกกำลังทำความสะอาดอยู่ในฟิตเนตยิ้มกับตัวเอง
“อีกอาทิตย์เดียว ไอ้มุกจะไม่มาเป็นขี้ข้าใครแล้วโว้ย”
มุกโยนม็อบเข้ากับที่เก็บอุปกรณ์ทำความสะอาดแล้วเดินออกไป
มุกสะพายกระเป๋าเดินออกมาจะกลับบ้าน รถตำรวจแล่นเข้ามาจอดมาด้วยท่าทีแบบมาดูลาดเลา มีคนแจ้งก็มา ไม่ได้มาแบบลักษณะจู่โจม มุกมองตกใจแบบวัวสันหลังหวะหน้าแหย
“พ่อกูมากันทำไมวะ”
มุกผละจะหนี แต่ตำรวจหันมาเห็นก่อน ตะโกนบอกเพื่อน
“นายมุกอยู่นั่น”
มุกได้ยินอย่างนั้นยิ่งตกใจกลัว วิ่งหนีออกไป ตำรวจตามอย่างเร็ว
มุกหนีตำรวจหัวซุกหัวซุนมาตามทาง ตำรวจวิ่งตาม
“อย่าหนี นายมุก อย่าหนี”
มุกไม่สน วิ่งหนีด้วยความตกใจกลัว เขาวิ่งเข้าซอยนั้นออกซอยนี้ แล้วก็พลาดลื่นล้ม ตำรวจเกือบจะตามทัน มุกลุกขึ้นมาได้ หนีต่อ ตำรวจตามไม่ทัน มุกรอดไปได้หวุดหวิด
ค่ำนั้น เย็นหน้าเครียดกลุ้มใจ น้อยในชุดนักศึกษาเดินกลับเข้ามาในบ้าน เย็นยังนั่งที่เดิม น้อยมองห่วง
“น้าเย็น”
เย็นสะดุ้ง กวาดตามองหา
“อ้าว ทำไมกลับมาคนเดียว ประวิทย์ล่ะ”
“พี่ประวิทย์กลับบ้านไปแล้วค่ะ”
เย็นถอนหายใจโล่งอก น้อยมองสังเกตก่อนถามเกรงใจแต่อยากรู้
“น้าเย็นขา...มีอะไรบอกน้อยเถอะนะคะ”
เย็นมองน้อยท่าทางกลุ้มใจ ชั่งใจ น้อยมองอ้อนวอนอีก
“นะคะน้าเย็น มีอะไรเราสองคนจะได้ช่วยกันระวังตัว”
น้อยเข้าไปหาทรุดตัวลงนั่งที่พื้นจับมือเย็น มองอ้อนวอน
“ผู้ชายคนนั้น...เขาเป็นคนไม่ดีใช่มั้ยคะ แล้วน้าเย็นก็กลัวว่า เขาจะกลับมาอีกใช่มั้ยคะ”
เย็นอึ้ง น้อยพูดถูกทุกอย่าง
บริเวณนอกบ้านของอุทัย มุกที่หนีตำรวจวิ่งมา กวาดมองไปรอบๆแบบคนระวังตัว ดวงหน้าบึ้งตึงโกรธเกรี้ยว ถึงจะกลัวตำรวจ แต่ความโกรธมีมากกว่า มุกมอง พอไม่เห็นคนก็ปีนรั้วบ้านเข้ามาทันที
เย็นยังคงนิ่งเงียบงัน ยิ่งเห็นท่าทางของเย็น น้อยก็ยิ่งสงสัยถามจริงจัง
“ผู้ชายคนนั้นเขาเป็นใครคะน้าเย็น”
เย็นลำบากใจมาก
“เป็น...เป็น”
น้อยใจเต้นรัว ถามทันที
“เป็นใครคะ”
เย็นไม่ทันตอบ คุณหญิงก็เดินขึ้นมาพร้อมจวนที่ถือสำรับข้าวต้มเข้ามา
“ประวิทย์บอกว่าแกยังไม่หายดี ฉันเลยให้จวนต้มข้าวต้มมาให้”
เย็นยกมือไหว้
“ขอบพระคุณมากค่ะคุณหญิงที่เมตตา”
“นี่ ถ้าไม่หายก็ไปหาหมอซะนะ...แต่ฉันดูท่าทางแกแล้ว มันเหมือนคนตรอมใจ มีเรื่องทุกข์ใจใช่มั้ย”
เย็นน้ำตาคลอ สีหน้าเหมือนคนอมทุกข์ พูดอะไรไม่ได้ คุณหญิงมองจ้อง
“มันเรื่องอะไรเย็น”
เย็นอึดอัดมาก จนแทบทนไม่ไหว
“ฉัน...ฉัน...” เย็นน้ำตาจะไหล
“มีอะไรก็พูดออกมาเถอะ”
เย็นมองคุณหญิงชั่งใจ ไม่ทันตอบ มุกก็เดินพรวดเข้ามา หน้าตาของมุกขึ้งโกรธดูน่ากลัว คุณหญิงมองมุกตกใจ แถมแกมตำหนิ
“แกเป็นใคร เข้ามาที่นี่ได้ยังไง”
เย็นอึ้งตะลึงมองมุก น้อยก็มองมุกตกใจ ถึงจะกลัวแต่ดวงตาของน้อยก็เข้มแข็งพร้อมปกป้องเย็น มุกหัวเราะแบบเลือดขึ้นหน้า
“เป็นใครก็ถามนังเย็นเองสิ”
เย็นรีบบอกคุณหญิงที่จ้องอยู่
“เป็นญาติของฉันเองค่ะ เพิ่งมาจากบ้านนอก”
คุณหญิงไม่ว่าอะไร ได้แต่มองสงสัย ก่อนบอก
“งั้นฉันกลับก่อน...ไว้ค่อยคุยกัน รู้ไว้นะ แกยังมีฉันอยู่”
คุณหญิงเดินนำออกไป จวนมองมุกสงสัยก่อนมาบอกเย็น
“จำได้ใช่มั้ย วันแรกที่เย็นมาที่นี่ คุณหญิงก็เป็นคนรับเย็นเข้ามา ท่านเป็นคนมีเมตตา” จวนมองมุก “และพี่ก็เชื่อว่า ถ้าเย็นมีปัญหา ท่านจะช่วยเย็นได้”
จวนเดินออกไปพร้อมกับมองมุกเป็นนัย
คุณหญิงกับจวนเดินจะกลับบ้าน คุณหญิงถามจวนกังวลแกมอยากรู้
“รู้จักมั้ยจวน นายคนนั้น เป็นญาติส่วนไหนของเย็น”
“จวนไม่ทราบค่ะ”
คุณหญิงไม่ได้สงสัยพูดไปตามที่เห็น
“ฉันเพิ่งรู้...ว่าเย็นมีญาติแบบนี้ เหมือนกุ๊ย เหมือนโจรเลย”
คุณหญิงเดินไปอย่างกังวล
พอคุณหญิงและจวนเดินห่างออกไป เย็นหันมามองมุก ตาเขียว
“แกมาที่นี่ทำไม”
มุกเสียงเข้ม ท่าทางน่ากลัว
“ไม่แกก็นังเปีย ทรยศฉัน และแกก็รู้ใช่มั้ยคนที่ทรยศฉันมันต้องเจอยังไง”
มุกกระชากเย็นเข้ามาตบอย่างแรง เย็นไม่ทันตั้งตัวร้องลั่น น้อยถลันเข้ามาขวางเย็น ตวาดมุกแบบไม่กลัว
“อย่าทำน้าเย็น”
มุกมองน้อยพูดล้อเลียน
“แหม...ช่างเป็นคนดี สมกับเป็นคุณหนูจริงๆ คิดว่าจะทำอะไรฉันได้เหรอ...หนูน้อย”
มุกกระชากน้อยออกมาจากเย็น จะทำร้าย เย็นร้องกรี๊ด ถลันเข้ามาผลักมุกออกเอาตัวขวางน้อย
“อย่าทำหลานฉัน”
มุกหัวเราะเยาะตาร้าย
“นังนี่น่ะเหรอ หลานแก...ไม่ใช่ม้างงงน้าเย็น” มุกหัวเราะ
น้อยมองสองคน เย็นมองเข้ม แบบแม่เสือพร้อมสู้ตัดบทบอกมุก
“หุบปาก...ไปคุยกันข้างนอก”
เย็นเดินลิ่วออกไป มุกมองน้อย ล้อๆ
“ฉันไปก่อนนะจ้ะหนูน้อย...หนูนี่...ช่างเป็นเด็กที่น่ารักน่าเอ็นดูจริงๆ” มุกมองโลมเลียเอามือมาเขี่ย น้อยตบผลัวะที่มือของมุก สายตาสู้ไม่ยอม มุกหัวเราะก้องเดินไป น้อยมองตามเป็นห่วงเย็น
อ่านต่อหน้า 4
คมพยาบาท ตอนที่ 17 (ต่อ)
เย็นเดินนำมาที่สวน มุมลับตาคน ถามเกรี้ยวกราดเอาเรื่อง
“แกว่ามาเลยไอ้มุก ใครทรยศแก อะไรยัง”
“ก็ใครมันแจ้งตำรวจมาจับฉัน”
เย็นงงตกใจ
“ว่าไงนะ ตำรวจนะเหรอตามจับแก”
มุกมองเย็นหมั่นไส้ตบอย่างแรงจนเย็นล้มลง คำรามโมโหมาก
“เออ” มุกกระชากเย็นขึ้นมา “แกร้ายมากนังเย็น”
มุกจะตบ เย็นจับมือไว้ ดวงตาไม่รู้เรื่อง
“ฉันเปล่า...เปล่าจริงๆ”
“ถ้าไม่ใช่แก งั้นก็ต้องเป็นนังเปีย”
เย็นเบิกตากว้าง เปียมาเกี่ยวได้ยังไง
เปียยืนอยู่ในสวน ดวงหน้าเต็มไปด้วยความสะใจ สมใจ เป็นดวงตาของคนไม่ยอมแพ้ คุณหญิงกับจวนที่จะเดินกลับมาบ้านเจอเข้าก็เอ่ยทัก
“อ้าว...ยัยเปีย มายืนอะไรอยู่ตรงนี้”
“มาเดินเล่นน่ะค่ะคุณย่า”
“ค่ำๆมืดๆอย่ามาเดินคนเดียว พ่อเราบอก หมู่นี้มีคนแอบเข้ามาในบ้าน”
เปียยิ้มเป็นนัย
“แต่เปียเห็นตำรวจออกตรวจเยอะนะคะ บางทีตอนนี้ พวกผู้ร้ายอาจจะถูกจับไปแล้วก็ได้”
“ยังไงก็อันตราย ย่าว่ารีบเข้าบ้านเถอะ ไป”
“ค่ะคุณย่า”
เปียหันจะกลับ คุณหญิงเหมือนนึกได้
“อ้อ...ยังไงตอนนี้อย่าเพิ่งไปหาเย็นนะ ย่าเห็นเย็นมีญาติมาหา ท่าทางน่ากลัวเชียว”
เปีย ดวงตาเต็มไปด้วยความตื่นเต้นอยากรู้ ใจนึกไปถึงมุก ระแวง
น้อยยืนกระวนกระวายชะเง้อคอมองเย็นแต่ไม่เห็นกลับมา เธอกวาดสายตา
มองหาอาวุธ ก่อนคว้าไม้ท่อนหนึ่งขนาดเหมาะมือเดินออกไป ด้วยความเป็นห่วงเย็น
เย็นถามมุกสงสัย
“แกสงสัยว่าเป็นยัยเปีย แปลว่าอะไร แกเจอยัยเปียแล้วเหรอ”
มุกเงียบ มีพิรุธ เย็นตะคอกถาม
“บอกฉันมา...แกเจอยัยเปียแล้วใช่มั้ย”
มุกกลบเกลื่อนความผิด ก่อนตะคอก
“ถ้าใช่ แล้วจะทำไม”
“ไอ้เลว” เย็นตบผลัวะ “แกรับปากฉันแล้วว่าจะไม่ยุ่งกับยัยเปีย ยัยน้อย แต่แกก็ยังทำ” เย็นกระชากคอเสื้อมุกไม่กลัว “สันดารโจรอย่างแก เชื่อไม่ได้จริงๆไอ้มุก”
มุกปัดมือเย็นออกแล้วกระชากผมอย่างแรง
“นังเปียมันหาเรื่องเอง เพราะถ้ามันไม่ทรยศฉัน ฉันก็ไม่มาที่นี่”
เปียเดินมาถึง แอบมอง ได้ยินที่มุกว่าทุกอย่าง เปียมองทั้งตกใจทั้งเกลียดทั้งกลัว มุกขู่เย็นอีก
“คนอย่างนังเปีย มันเลว ทำร้ายหักหลังได้แม้กระทั่งญาติพี่น้องของตัวเองและฉันก็เชื่อว่า...สักวัน นังเปียมันจะต้องหักหลังแก”
มุกผลักอย่างแรง เย็นล้มลง เปียมองภาพสองคนโกรธมากที่มุกพูดจี้ใจดำ
“ทางที่ดีแกต้องจัดการมันก่อน ทำยังไงก็ได้ ให้มันเข็ดหลาบ อยู่ในเงื้อมมือของแก ถ้าแกทำไม่ได้ ฉันจะทำมันเอง” มุกหน้าเหี้ยม
เปียมองเย็นกับมุกโกรธเกลียด ก่อนผละไปด้วยความระแวง เย็นมองมุก สมเพช
“ต่อให้นังเปียมันจะคิดร้ายกับฉัน ฉันก็ทำร้ายมันไม่ได้ ไม่เหมือนแกเลี้ยงก็ไม่ได้เลี้ยง ยังหน้าด้านมาขอเงิน ทุเรศ”
“อย่าปากดีกับฉันนังเย็น” มุกตบผลัวะ
น้อยย่องมาข้างหลัง ฟาดเข้าที่ต้นคอมุกสุดแรง มุกร้องลั่น น้อยฟาดซ้ำ มุกโกรธ
หันมาจะทำร้ายน้อย เย็นกระโดดขวาง
“อย่าทำหลานฉัน ไม่งั้น ฉันเอาแกตาย” เย็นจับไม้มั่นเตรียมฟาด
มุกชี้หน้าเย็น
“แกกล้าเหรอนังเย็น”
“ก็เข้ามาสิ”
“น้อยจะแจ้งตำรวจ” น้อยมองกร้าว
“ได้ยินแล้วใช่มั้ย ไม่มีใครยอมให้แกข่มขู่ได้ตลอด ฉันก็เหมือนกัน”
“แปลว่า แกจะให้ฉันแฉ”
“แกก็ได้ยินคุณหญิงบอกแล้วนี่ ท่านพร้อมจะช่วยฉันแก้ปัญหาทุกอย่างถึงตอนนี้ ฉันไม่กลัวแกแล้วไอ้มุก”
มุกหน้าเสีย เย็นไม่กลัวคำขู่ตะคอก
“ไปเดี๋ยวนี้นะ ไป๊”
“คนอย่างไอ้มุก ไม่ยอมง่ายๆโว้ย”
มุกชี้หน้าเย็นแบบโกรธจัด แล้วหนีไป เย็นกอดน้อย หวงแหนเป็นห่วง
มุกโกรธ เลือดขึ้นหน้า มุ่งหน้าไปยังบ้านของอุทัย
เปียเดินมาเกาะต้นไม้แน่น พยุงกายที่เหมือนจะหมดแรง สายตาของเธอมีทั้งหวาดหวั่น วิตกกังวล ปนโกรธเกลียดเคียดแค้นชิงชัง มุกเดินมาหน้าตาบูดบึ้งเห็นเปีย มุกยิ้มร้าย จะลอบเข้าไปหา เป็นจังหวะเดียวกับที่เปียจะเดินเข้าบ้าน มุกปราดเข้าไปขวางทันที บอกเยาะเย้ย
“เป็นโชคของอามุกจริงๆ อยากเจอหลานเปียก็ได้เจอ”
เปียมองตะลึง ขณะที่มุกกระชากคอ
“มานี่”
มุกลากเปียมาที่มุมอับหน้าบ้านอุทัยตบเข้าที่หน้าเปียอย่างแรง จนล้มลง มุก
กระชากขึ้นมา เปียร้อง
“อย่า”
“นี่แค่สั่งสอนที่แกไปแจ้งตำรวจ”
เปียมองกลัว มุกมองจ้องข่มขู่ทั้งดวงตาเหี้ยมและกระชากผมแรง
“แต่ถ้าแกไม่เอาเงินมาให้ฉัน แกรู้ใช่มั้ยว่าแกจะเจออะไร”
เปียมองกลัว แต่ตาแอบสู้ไม่ยอม มุกมองข่มขู่ ประวิทย์เดินมา มุกเห็นรีบบอกเปีย
“ไปตามนัด ไม่งั้น ตาย”
มุกผลักเปียจนล้มแล้วผละไป ประวิทย์เห็นแว่บๆรีบมาหาเปีย
“คุณหนู” ประวิทย์ประคองเปียขึ้นมา “เป็นอะไรมั้ยครับ”
เปียเนื้อตัวสั่นกลัวมุกผลักประวิทย์ออก
“อย่ามายุ่งกับฉัน”
“แต่คุณหนูถูกทำร้าย”
“บอกว่าอย่ามายุ่ง” เปียกดดันตะโกน
เปียผลักอีก ประวิทย์งง
“แต่คนร้าย”
เปียตบผลัวะข่มขู่ระบายอารมณ์
“หุบปาก อย่าบอกเรื่องนี้กับใคร ไม่งั้นแกได้ออกจากบ้านหลังนี้แน่ ไอ้ประวิทย์”
เปียกระแทกร่างประวิทย์อย่างแรงแล้วไป ประวิทย์เซ มองเปียไม่เข้าใจเลย
วณียืนนิ่งหน้ากลุ้มคิดถึงสิ่งที่เลอสรรบอก
“ผมคิดว่าที่น้องเปียซึมๆ เป็นเพราะแกน้อยใจที่จะฆ่าตัวตายแล้วคุณน้าไม่สนใจน่ะครับ”
วณีถอนหายใจกลัดกลุ้มเดินไปยังห้องของเปีย
วณีเดินมาหาเปียที่ห้อง เคาะประตู
“เปีย...ลูกเปีย”
ไม่มีเสียงตอบ วณีเปิดประตูเข้าไป เปียไม่อยู่ เห็นแต่สภาพห้องที่ไม่เรียบร้อย ผ้าห่มก็วางไม่เป็นระเบียบ เสื้อผ้าก็เหวี่ยงไม่เป็นที่ วณีถอนหายใจระอา เดินมาเก็บเสื้อผ้าที่ใช้แล้ว ใส่ตะกร้า จัดที่นอนให้เป็นที่เป็นทาง รวมทั้งยกเตียง ขึงผ้าปูเตียงใหม่ให้ตึง วณียกเตียงขึ้น จะเก็บชายผ้าปูที่นอน เปียเดินเข้ามา ทองของนมแสอยู่ที่ใต้ฟูก แต่วณีไม่เห็น ทันทีที่เปียเข้ามา วณีก็วางฟูกลง เปียมองอย่างมีพิรุธรีบเดินเข้ามาถามตกใจ
“คุณแม่ทำอะไร”
“จัดเตียงให้หนูน่ะสิ” วณียิ้ม
เปียก้าวเข้ามา ดันวณีออกจากฟูกจับเตียง
“เดี๋ยวเปียจัดเอง”
“โกรธแม่เหรอ”
“เปล่าค่ะ” เปียฝืนยิ้ม
“อย่าโกรธ อย่าน้อยใจนะลูก...แม่รักหนูที่สุด”
เปียยิ้ม แต่ตาไม่เชื่อระแวง
“ค่ะ...ฝันดีนะคะคุณแม่”
วณีดูสายตาก็รู้ เปียไม่อยากให้อยู่ วณียิ้ม หอมหน้าผากเปีย
“ฝันดีจ้ะ”
วณีเดินออกไปเปียเดินมาปิดประตูล็อกทันที เธอเดินไปหยิบปืนมาดู ตาวาวโกรธแค้นมุกมาก
วันใหม่...เย็นกลุ้มทุกข์หนัก น้อยทายาที่ฟกช้ำของเย็นพลางถาม
“น้าเย็นจะไม่บอกน้อยจริงๆเหรอคะว่าผู้ชายคนนั้นเป็นใคร”
“น้าไม่อยากให้น้อยไปยุ่งกับคนเลวๆ”
“ถ้ามันทำร้ายน้าเย็น ข่มขู่ไปถึงเปีย แล้วก็ยังจะแฉ...มันจะแฉอะไร เปียทำอะไรผิดคะ”
เย็นเสียงสั่นเครือ
“เปียไม่ได้ทำอะไรผิด คนที่ผิดคือน้า ถ้าน้อยไม่อยากให้น้ารู้สึกผิดไปกว่านี้เลิกถาม แล้วก็ไม่ต้องไปสนใจ ว่าผู้ชายคนนั้นมันเป็นใคร”
น้อยมองเย็น แล้วก็ได้แต่ถอนใจ ที่สุดก็ไม่เข้าใจ ไม่รู้เรื่องอะไรอยู่ดี
น้อยกลุ้มใจคุยกับประวิทย์ เขาถามถึงรูปร่างของมุกที่เขาเห็นคุยกับเปียเมื่อคืน น้อยแปลกใจ
“ทำไมพี่ประวิทย์รู้”
“คุณหญิงท่านคุยให้ที่ครัวฟัง บอกท่าทางเขาไมค่อยดี ท่านเป็นห่วงน้าเย็นที่สำคัญ พี่เห็นเขาคุยกับคุณหนูเปีย”
“คุยกับเปีย”
“แปลว่า เขาต้องรู้จักกัน แล้วน้อยไม่รู้จักเหรอ”
“ไม่รู้จักค่ะ แล้วน้อยก็อยากรู้ น้าเย็นกับเปียไปรู้จักกับผู้ชายคนนั้นได้ยังไง” น้อยบอกอย่างคิดหนัก
เปียแต่งชุดสวยแต่ดูทะมัดทะแมงเดินลงมา เจอหน้าอุทัยกับวณี
“เดี๋ยวเปียจะออกไปช็อปปิ้งหน่อยนะคะ”
วณีรีบบอกเอาใจกลัวลูกงอน
“เดี๋ยวแม่ไปเป็นเพื่อนนะลูก”
“ไม่เป็นไรค่ะ เปียไปคนเดียวได้”
เลอสรรเดินเข้ามา วณีเห็นรีบบอกเอาใจ
“ให้พี่เลอไปเป็นเพื่อนดีกว่านะลูก”
“พี่ไปเป็นเพื่อน” เลอสรรอาสา
“ไม่เป็นไรจริงๆค่ะ เปียไปคนเดียวได้”
อุทัยปรามวณี บอกแบบไม่เอาใจ
“ยัยเปียโตพอที่จะจัดการกับชีวิตตัวเองได้แล้ว อย่าไปยุ่งวุ่นวายอะไรนักเลย”
เปียมองขมขื่น
“ใช่ค่ะ เปียโตพอที่จะจัดการอะไรๆในชีวิตตัวเองได้แล้ว ไม่ต้องมายุ่งวุ่นวายอะไรกับเปีย”
เปียเดินออกมาหน้าบ้าน ก่อนล้วงมือเข้าไปในกระเป๋ากำกระบอกปืนแน่น ดวงตาโกรธแค้นชิงชังทุกคน
วณี บอกอุทัยแบบเหนื่อยใจ
“ไม่รู้พี่อุทัยจะพูดให้ลูกเปียเสียใจทำไม”
“ก็พี่ยังโกรธ”
“พี่อุทัยเป็นพ่อ ไม่ว่าเป็นเรื่องอะไรพี่อุทัยต้องให้อภัยลูกได้”
“ถ้าเป็นลูกพี่จริงๆ ทำไมพี่จะให้อภัยไม่ได้...แต่นับวัน พี่ยิ่งสงสัย เด็กคนนั้นไม่ใช่ลูกพี่ ทั้งเย็น ทั้งเปีย กำลังหลอกเรา”
วณีหน้าซีดเผือด
เปียเดินเข้ามาในตึกร้าง ดวงหน้าของเปียเคร่ง นิ่ง ภายนอกดูเหมือนจะเฉยๆ มีเพียงดวงตาเท่านั้นที่บอกว่าไม่ยอม เปียค่อยๆเดินขึ้นบันไดไปเรื่อยๆ เดินอย่างช้าๆ จนถึงบริเวณชั้นที่นัดพบ เปียยืนนิ่ง มุกเดินออกมาจากที่ซ่อนปรบมือให้
“หลานอา น่ารักจริงๆ...”
เปียหันไปมอง มุกถาม
“ไหนจ้ะเงิน”
เปียล้วงเงินจากกระเป๋ากางเกงออกมา มุกเห็นแบงค์พันเป็นปึกตาวาว มองเงินในมือเปียแบบไม่คาดฝัน
“หลานเปียของอามุก น่ารักที่สุดเลย”
มุกเดินมาใกล้จะคว้าเอาเงิน แต่เปียกลับขว้างเงินออกไปสุดแรง เงินแบงค์พันปลิวว่อนไปทั่วภายในบริเวณตึกร้าง มุกมองเปียไม่เข้าใจ หงุดหงิด แต่ใจอยากได้เงินมากกว่า เขาตะครุบเอาเงินขึ้นมา แต่ก็ต้องหน้านิ่ว เมื่อเห็นเป็นแบงค์กงเต็ก มุกโกรธโมโหชูเงินขึ้นมา
“แบงค์กงเต็ก แกทำอย่างนี้แปลว่าอะไรนังเปีย”
“ก็เมืองผี มีใครเขาใช้แบงค์ปกติธรรมดาล่ะคะอามุกขา” เปียยิ้มหยัน
มุกโกรธมาก
“นังเปีย”
มุกจะถลันเข้ามาแต่เปียควักปืนออกมา ไม่ได้ขู่แต่พร้อมเผชิญหน้า ท่วงท่าการจับปืนของเปียแบบคนที่คุ้นเคย ผ่านการฝึกฝนมาก่อน มุกมองตะลึง ไม่คิดว่าเปียจะมีปืนและจะกล้า เขาได้แต่ตะล่อม
“ใจเย็นๆ...มีอะไรค่อยๆพูดค่อยๆจากันนะเปีย”
“สันดานแกก็คงไม่ต่างจากพ่อแม่ฉันหรอกมั้ง...สันดานโจร เชื่อไม่ได้”
มุกยิ้มเย้ย
“ก็เหมือนกับสันดานแกนั่นแหละ เพราะแกกับฉัน มันมีเลือดโจรเหมือนๆกันนังเปีย”
ดวงตาของเปียสะท้าน เกลียดเหลือเกินคำนี้ มุกฉวยโอกาสที่เปียเผลอลุกขึ้นมา
ตบเข้าที่หน้าเปียอย่างแรงจนล้มลง ปืนกระเด็นหลุดจากมือ เปียร้อง มุกเข้ามากระชากตบซ้ำ ไม่ให้ตั้งตัว เลือดกำเดาของเปียไหลออกมาแดงฉาน มุกไม่สน หันไปคว้าปืน เปียยันเข้าที่ตัวของมุกอย่างแรง จนล้มลง เปียลุกขึ้นใช้เท้ากระทืบเข้าที่ร่างของมุก เลือดกำเดาของเปียหยดลงตรงหน้าอกของมุก ก่อนที่เขาจะจับข้อเท้าของเธอกระชากอย่างแรง จนล้มลง มุกคำราม
“แกคิดจะสู้ฉันเหรอ”
มุกควักมีดออกมา เปียยันร่างของมุกออกเต็มแรง คำรามคืน
“คนที่ไม่สู้ คือคนแพ้ และมันก็ไม่ใช่ฉัน รู้ไว้ด้วย”
เปียกระโจนเข้าหาต่อสู้กับมุก สองคนผลัดกันแพ้ ผลัดกันเป็นต่อ เปียเตะมีดของมุกออกไปไกล มุกยิ่งแค้น ตบเข้าที่หน้าเปียอย่างแรงจนล้มลง มุกหันไปจะคว้าปืน แต่เปียไวกว่า ถีบเข้าที่หลังจนมุกหน้าคะมำ เพลี่ยงพล้ำ เปียคว้าปืนมาถือได้ เล็งใส่ มุกตื่นกลัว
“อย่านะเปีย อย่า”
เปียเล็งปืน
“ฉันเกลียดการข่มขู่ที่สุด เพราะฉันโดนมาตลอดชีวิต”
“นังเย็นใช่มั้ย นังเย็นใช่มั้ยมันทำหลาน อาจะไปจัดการมันให้”
มุกทำทีจะฉวยโอกาสลุกไป แต่เปียยันมุกอย่างแรง เอาปืนขู่ ตวาด
“แกนั่นแหละ แกทำให้ฉันเป็นหมาจนตรอก และแกก็คงจะรู้ ว่าหมาจนตรอกมันจะสู้ยิบตา”
เปียเล็งปืน มุกปากคอสั่น
“อย่านะเปีย อย่า”
เปียยิ้มหยัน
“สันดานโจร เป็นสันดานที่เชื่อไม่ได้...”
เปียลั่นไก กระสุนพุ่งเข้าเจาะที่หน้าผาก มุกสะดุ้งเฮือก เปียลั่นไกปืนออกมาอีก ร่างของมุกนอนหงายผึ่งสิ้นใจตาเหลือกโพลง
เลอสรรมาออกกำลังกายตามปกติ ออกกำลังกายเสร็จก็เดินออกมาเจอพนักงานทักทาย
“วันนี้คุณเปียไม่มาด้วยหรือคะ”
“ครับ” เลอสรรยิ้ม
“คุณเปียเป็นคนน่ารักจังเลยนะคะ อัธยาศัยดี ไม่ถือตัว ม่านเห็นเคยคุยกับกับชดด้วย”
เลอสรรชะงัก
“ชด...”
“คนที่เก็บมือถือของคุณเลอสรรได้ยังไงล่ะคะ”
“อ้อ...เหรอครับ” เลอสรรยิ้มๆ เพิ่งรู้
“ค่ะ คุณเปียเป็นคนน่ารักจริงๆ”
เลอสรรยิ้ม ยืนรับคำชมแทนเปีย
มุกนอนตาเหลือก สภาพสุดจะอนาถ เปียในสภาพทรุดโทรมนั่งมองศพอยู่ ในมือของเธอกำแบงค์กงเต็กเป็นฟ่อน และยัดแบงค์กงเต็กลงในปากของมุกอย่างแรง
“ชาติหน้าชาติไหน แกกับฉันอย่าได้เจอกันอีกเลย ไอ้มุก”
เปียลุกขึ้นกระทืบเข้าที่ตัวของมุกอีกทีอย่างอำมหิตก่อนยืนมองนิ่ง แสงสุดท้ายของวันกำลังจะลับหายไป ร่างของเปียยืนทะมึนเป็นเงาตะคุ่มอย่างน่ากลัว
ค่ำนั้น เปียเดินหอบหายใจเข้ามาในบ้าน ความรู้สึกลึกๆ มีทั้งความกังวลตกใจกลัว เธอเปิดประตูเข้าห้องได้ก็ปิดทันที พอหันกลับมาก็สะดุ้งสุดตัวเมื่อเจอมุกยืนอยู่ท่ามกลางความมืดกำลังมองจ้องมา เปียอ้าปากค้างตกใจ เผลอตัวร้อง พร้อมกับชักปืนออกมาทำท่าจะยิง แต่พอเพ่งมอง มุกก็หายไปแล้ว เปียผ่อนลมหายใจ หันไปอีกทางแต่ก็ต้องผงะเมื่อเจอนมแสยืนอยู่ เปียร้องตกใจ หันปืนมาทางนมแส...นมแสหายไปแล้ว เปียกวาดตามอง คำรามเบาๆ
“มาเลย ฉันไม่กลัวพวกแกสักคน”
ท่ามกลางความมืด มีเปียยืนอยู่คนเดียว เธอเหวี่ยงปืนทิ้ง ปืนกระเด็นไปอยู่ใต้เตียง ด้ามเหลื่อมๆออกมา ภาวะนั้นเธอไม่สนใจ ดวงตากร้าวโผเผเดินออกมา
อ่านต่อตอนที่ 18