คมพยาบาท ตอนที่ 14
เย็นกับน้อยเดินขึ้นบ้าน เย็นเหงื่อแตกพลั่ก
“ร้อนจังเลย”
น้อยเดินไปเอาน้ำเย็นมาให้พลางบอก
“น้าเย็น...ดื่มน้ำก่อนนะคะ เดี๋ยวน้อยทำสาคูแคนตาลูปนมสดให้กิน”
น้อยเดินเข้าไปในครัว เย็นเดินไปดู เห็นน้อยทำสาคูแคนตาลูปอย่างคล่องแคล่ว น้อย
ต้มสาคู ระหว่างรอสาคูเดือด น้อยก็หันมาปอกเปลือกแคนตาลูป ควักไส้ทิ้ง เอาที่ตักผลไม้ ตักแคนตาลูปเป็นลูกเล็กๆ บางชิ้นก็เป็นรูปหัวใจ เย็นมอง เสียงน้อยดังก้องในหัว
“ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น น้อยก็รักน้าเย็นค่ะ”
เย็นยิ้มตื้นตัน น้อยหันมาเห็น
“น้าเย็นยิ้มอะไรคะ”
“เปล่า...เสร็จแล้วแบ่งไปให้ป้าจวนด้วยนะ” เย็นกลบเกลื่อน
“ค่ะน้าเย็น”
เย็นเดินไปพร้อมรอยยิ้ม สายตาทั้งรักและห่วงน้อย
เลอสรรแง้มประตูห้องเปียดู เห็นเปียนอนหลับสนิท เลอสรรมองเวทนาก่อนเดินออกไป ท่ามกลางความมืด เปียค่อยๆลืมตาตื่นขึ้นมา แต่เสียงของอุทัยยังดังก้องหัว
“ผมจะขอให้หนูน้อยตรวจดีเอ็นเอ”
เปียนอนลืมตาโพลง ดวงตาเต็มไปด้วยความเจ็บแค้น โกรธเกลียดริษยา เปียค่อยๆลุกเดินลงจากเตียง
อุทัยที่นั่งกับวณีอยู่ในร้านอาหารรับโทรศัพท์จากเลอสรร
“น้ารอคุณรจนาอยู่ ยังไงฝากเลออยู่เป็นเพื่อนน้องด้วยนะ”
“ครับ...ผมเพิ่งขึ้นไปดู น้องเปียยังหลับอยู่”
“แล้วน้าจะรีบกลับ”
“ผมจะดูแลน้องเอง ไม่ต้องห่วงครับคุณน้า”
ด้านหลังเปียค่อยๆเดินออกไป ดวงตาเหม่อไม่ได้มองเลอสรร ขณะที่เลอสรรก็ไม่ได้มองเปียเพราะมัวแต่คุยโทรศัพท์
“ครับๆเดี๋ยวผมทำงานรอนะครับ สวัสดีครับ”
เลอสรรวางสายกง่วนอยู่กับการทำงานอาร์ตของตัวเอง ไม่รู้เลยว่าเปียเดินออกไปจากบ้าน
เย็นคุยมือถือท่าทางร้อนรน
“ค่ะพี่...เดี๋ยวฉันออกไปเอาเดี๋ยวนี้เลย ค่ะๆ” เย็นวางสายก่อนเดินมาหาน้อย “น้อย...น้ามีงานด่วน ต้องไปเอามาทำ...อยู่บ้านปิดประตูให้ดีนะ”
“ค่ะน้าเย็น”
“แล้วน้าจะรีบกลับ”
เย็นฉวยกระเป๋าเดินออกไปเร่งรีบ เย็นเดินลงบันไดไปท่ามกลางความมืด เปียยืนหลบมุมอยู่
น้อยเดินมาจะปิดประตูแต่ก็ต้องสะดุ้งที่เห็นเปียยืนหน้าหมองอยู่ ดวงตามีน้ำตาคลออยู่ น้อยมองเปียตกใจ
“เปีย...เป็นอะไร”
เปียโผเข้ากอดน้อยร้องไห้ออกมา
“น้อย...เปียอยากตาย” เปียตาวาว
“ใจเย็นๆก่อนนะเปีย มีเรื่องอะไรไหนบอกน้อย” น้อยยิ่งตกใจ
น้อยกุลีกุจอพาเปียมานั่ง เปียมองน้อยแอ๊บซื่อ บอก
“ทุกคนเขาว่าเปียสร้างเรื่องเพื่อโยนความผิดให้น้อย มันไม่จริงนะน้อยมันไม่จริงเลย”
“จ้า...น้อยรู้ มันไม่จริง เปียไม่ทำอย่างนั้นหรอก เพราะเราเป็นพี่น้องกัน”
“ใช่...เราสองคนเป็นพี่น้องกัน” เปียโผกอดน้อย “ถึงใครจะเกลียดเปียยังไง น้อยก็รักเปีย” เปียตาร้าย
“ใช่...น้อยรักเปีย”
เปียมองน้อยแอ๊บร้องไห้
“ยิ่งน้อยดีกับเปียเท่าไหร่ เปียก็ยิ่งรู้สึกไม่ดี” เปียจับมือน้อย “น้อย...เปียขอโทษนะ ขอโทษทุกอย่างที่เคยทำไม่ดีกับน้อย”
“บอกแล้วไงว่าเราเป็นพี่น้องกัน อีกอย่างเปียก็เป็นอย่างนี้มาตั้งแต่เด็กๆ น้อยชินแล้ว”
“ขอบใจน้อยมากจริงๆ”
น้อยเดินไปหยิบกระเป๋าหยิบเงินมาให้
“เอ้า...นี่ เงินที่เปียทิ้งวันนั้น น้อยเก็บไว้ให้”
เปียไม่รับ ดันมือน้อยให้เก็บเงิน
“น้อยเอาไว้เถอะ .เปียคงไม่ได้ใช้”
“ทำไมพูดแบบนี้ล่ะ”
เปียแกล้งยิ้มเซียว
“ก็...เปียคงไม่ได้ใช้อีกไง ที่มาเนี่ย ก็แค่มาลาน้อย...” เปียจับมือน้อย “น้อย...อโหสิกรรมให้เปียนะ เปียรักน้อย ลาก่อน”
เปียพูดจบก็คว้าด้ายถักที่เย็นทำเอาไว้เป็นเส้นยาวๆเดินออกไปท่าทางซึมๆ น้อยร้องตกใจ
“จะไปไหนเปีย ทำไมพูดอะไรแบบนี้”
เปียไม่ตอบ แต่ตาวาว เปล่งรัศมีแห่งความริษยาเดินไป น้อยวิ่งตามห่วง
“เปีย...เปีย”
น้อยวิ่งตามเปียไป ไม่ได้คว้าอะไรไป นอกจากเงินในมือ
เปียในมือมีเชือกถักโบกแท็กซี่ แล้วรีบขึ้นไป น้อยวิ่งออกมาเห็นเปียนั่งแท็กซี่ไปแล้ว น้อยโบกแท็กซี่บอกทันที
“ตามรถคันนั้นไปค่ะ”
น้อยขึ้นแท็กซี่ ตามรถของเปียไป...รถวิ่งด้วยความรวดเร็ว เปียนั่งยิ้มสบายใจเย้ยหยันแววตาร้าย รถของน้อยวิ่งตาม น้อยร้อนรนเป็นห่วงเปีย
เลอสรรนั่งทำงานอยู่ จวนเดินเข้ามาหา
“จะรับอะไรมั้ยคะคุณเลอสรร”
“มีอะไรเย็นๆมั้ยครับน้าจวน อากาศมันร้อน ผมอยากกินอะไรเย็นๆ”
“เดี๋ยวน้าไปเอามาให้ค่ะ”
จวนยิ้ม เดินเข้าไปด้านใน เลอสรรนั่งทำงานต่อ ชั่วครู่จวนก็เดินกลับมาพร้อมสาคูแคนตาลูป
“สาคูแคนตาลูปนมสดค่ะ”
“ของโปรดผมเลย” เขาตักกิน “หอม อร่อยจัง น้าจวนซื้อที่ไหนครับ”
“ไม่ได้ซื้อหรอกค่ะ หนูน้อยเป็นคนทำ” จวนยิ้ม
เลอสรรยิ้มน้อยๆเขินๆแกมดีใจ
“น้อยเป็นคนทำ”
“ค่ะ...คุณเลอสรรต้องกินเยอะๆนะคะ” จวนชี้ให้ดูในถ้วย “บางชิ้น แคนตาลูปเป็นรูปหัวใจด้วย”
เลอสรรยิ้มเขิน
เปียให้แท็กซี่จอดที่หน้าวัด แล้วก็เดินดุ่มๆเข้าไป แท็กซี่ของน้อยวิ่งมาจอด น้อยเปิดประตูรถลงมาหน้าตาตื่น ยื่นเงินให้แท็กซี่แล้วรีบวิ่งตามเปียเข้าไปด้านใน
เปียเดินดุ่มๆเข้าไปยังบริเวณป่าช้า เมรุที่เผาศพ เลือดบ้า เลือดคลั่งทำให้เปียไม่กลัวอะไร น้อยวิ่งตามมาทางด้านหลัง เห็นแต่ความมืดน่ากลัว เห็นเมรุ เห็นโกฏิ น้อยเพ่งมองภาพตรงหน้าด้วยความกลัว เสียงเปียดังก้อง
“ที่มาเนี่ย...ก็แค่มาลาน้อย...น้อย...อโหสิกรรมให้เปียนะเปียรักน้อย ลาก่อน”
น้อยเห็นเปียคว้าเชือกออกมา น้อยประหวั่นพรั่นพรึง
“อย่าคิดอะไรสั้นๆนะเปีย...เปีย...เปีย”
น้อยวิ่งตามเข้าไป เปียที่หลบอยู่ในมุมหนึ่ง ยิ้มเย้ย พอใจ
น้อยวิ่งเข้ามาด้านในป่าช้า สภาพรอบข้างน่ากลัว น้อยเสียงสั่น กลัว
“เปีย...เปีย เปียอยู่ไหน เปีย” น้อยตะโกน “อย่าคิดอะไรสั้นๆนะเปีย”
น้อยกวาดสายตามองหา ร้องตะโกนหา เปียแอบมอง มีความสุขมากที่ได้เล่นหลอกล่อน้อย แต่สายตาของเปียที่แอบมองน้อย ไม่ได้เล่น เปียแกล้งเดินลิ่วออกมาให้น้อยเห็น ให้น้อยตาม แล้วเปียก็เดินลิ่วจากไป ไม่มอง
ในร้านอาหาร อุทัย วณีคุยกับรจนา
“ถ้าคุณอุทัยกับคุณวณีอยากให้รจกลับไปดูแลคุณเปีย รจก็ยินดีค่ะ”
“ผมขอโทษนะครับ ที่เคยทำอะไรไม่เหมาะสม”
“วณีเองต่างหากที่คิดมาก วณีขอโทษนะคะ แล้วก็ขอบคุณคุณรจนามากๆ ที่จะมาช่วยดูแลลูกเปีย”
“ลุงหมอห่วงคุณเปียมากเลยล่ะค่ะ ทั้งเรื่องที่ไม่ยอมกินยา รวมทั้งเรื่องปัญหาส่วนตัวที่คุณอุทัยสงสัยคุณเปีย”
อุทัยกับวณีอึ้งถอนหายใจ รจนาพูดต่อ
“คุณอุทัย คุณวณี ต้องให้ความรัก ความเข้าใจ ความเมตตากับคุณเปียมากๆนะคะ เพราะถ้ายิ่งหวาดระแวง อาการของคุณเปียจะแย่ และอาจทำอะไรที่เลวร้ายลงกว่าเดิม”
อุทัยกับวณีพยักหน้า สองคนมีแต่ความกลุ้ม เหน็ดเหนื่อยหัวใจ
น้อยเดินลึกเข้าไปในป่าช้า กวาดสายตามองหาร้องเรียก
“เปีย...เปีย...” น้อยเริ่มกลัว เสียงสั่นๆ “เปียอยู่ไหนเปีย ออกมาได้แล้ว น้อยเป็นห่วง เปีย”
เปียย่องมาทางด้านหลังน้อยพร้อมไม้หนึ่งท่อนขนาดเหมาะมือ เปียมองจ้องน้อยด้วยความอิจฉาริษยาก่อนฟาดท่อนไม้เข้าที่ด้านหลัง น้อยร้องออกมาได้คำเดียว ก็ทรุดตัวลงนอนแน่นิ่งอยู่ตรงนั้น เปียหัวเราะก้องมองร่างน้อยสะใจ
เลอสรรเดินยิ้มดวงหน้าระบายรอยยิ้ม จะออกไปหาน้อย แต่ต้องชะงักเมื่อเย็นกลับเข้ามาพอดี
“น้าเย็น”
“จะไปไหนคะ”
“เอ่อ...เดินเล่นน่ะครับ...น้าเย็นไปไหนมา”
เย็นยิ้มรู้ทันก่อนบอก
“ไปเอางานมาทำน่ะค่ะ แต่ต้องรีบกลับมา กลัวแมวขโมย” เย็นยิ้มมองเลอสรร
เลอสรรหลบตา เย็นถาม
“แมวนิสัยไม่ดี ชอบจ้องที่จะขโมยปลาของน้า คุณเลอสรรรู้มั้ยคะ เวลาน้าเห็นแมวขโมย น้าทำยังไง”
“ยังไงครับ” เลอสรรหน้าแหยๆ
“เอาสากทุบหัวมันเลยค่ะ”
เลอสรรมองเย็น กลืนน้ำลายลงคอยากเย็น ท่าทางของเย็นน่าแหยง แต่เย็นกลับหัวเราะ
“ไม่ได้ทุบหัวแมวนะคะ ทุบหัวปลา ในเมื่อปลามันเป็นปัญหา ก็ทุบแล้วเอาไปทำปลาร้าซะ แมวนิสัยเสียจะได้ไม่มากวนใจ”
เลอสรรแหยง เย็นหัวเราะขำ เดินกลับบ้านไป เลอสรรมองตามเย็น ไม่กล้าไปหาน้อย
เย็นเดินขึ้นบันได หน้านิ่วคิ้วขมวด เมื่อเห็นประตูเปิดอยู่
“ยัยน้อยนี่ยังไง สั่งให้ปิดประตู ทำไมไม่ปิด...น้อย...ยัยน้อย”
เงียบไม่มีเสียงตอบ ดวงหน้าของเย็นเลิ่กลั่ก วิตกกังวล เดินไปเปิดดูห้องต่างๆ
“น้อย...น้อย”
เย็นหน้าซีดทั้งบ้านน้อยไม่อยู่ เย็นกวาดสายตามองทุกอย่างของน้อยยังเป็นปกติ หนังสือที่กางอ่าน ยังกางเหมือนเดิม มือถือก็ยังอยู่ กระเป๋าเงินก็ยังอยู่ ไม่มีอะไรที่บอกว่าน้อยจะออกไปข้างนอก เย็นตะโกน
“แกไปไหนน้อย น้อย”
เย็นเดินลงบันไดว้าวุ่น
เย็นวิ่งหน้าตั้งตะโกนเรียก
“น้อยๆ...น้อยอยู่นี่รึเปล่า น้อย”
ทุกคนกำลังช่วยกันจัดบ้านช่วยคุณหญิงอยู่ คุณหญิงได้ยิน
“นังเย็นมันมาตะโกนอะไรของมัน”
“เดี๋ยวจวนออกไปดูค่ะ”
“ไม่ต้อง เดี๋ยวฉัน จะออกไปไล่มันเอง”
คุณหญิงเดินหน้าตึงออกไป ทุกคนมองหน้ากันแหย ๆหวานหัวเราะคิก
“นังเย็น ปะทะคุณหญิง สนุกแน่”
จวนค้อนหวาน ตาม ออกไป ทุกคนที่เหลือตามออกไปด้วยอยากรู้
เย็นร้องเรียกอยู่ด้านนอกด้วยร้อนใจ
“น้อยๆ...อยู่นี่หรือเปล่า น้อย”
คุณหญิงเดินออกไปเผชิญหน้าเย็น
“บ้านฉันไม่ใช่ตลาด จะมาตะโกนอะไร”
“ฉันมาหาน้อย”
“ที่นี่ไม่มีน้อย มีแต่เยอะ”
เย็นมองฉุน คุณหญิงยิ้มเย้ย มองไปทางด้านหลัง เห็นทุกคนยืนอยู่ ทั้งประวิทย์ จวน หวาน ช้อย เอิบ ลูกเต่า
“ทั้งหัวหงอก หัวดำ รวมกันอยู่ 7 หัว ไม่เยอะรึไง”
“นี่ไม่ใช่เวลาเล่นนะคะคุณหญิง”
“ฉันก็ไม่เคยลดตัวลงไปเล่นกับแกซักที”
“น้อยอยู่ไหน”
“เอ๊ะ แกนี่ก็ประสาท ถามอยู่ได้ น้อยอยู่ไหนๆ หลานแกก็อยู่กับแกสิ มาถามหาที่นี่ทำไม”
“ก็เพราะคนที่นี่ อยากได้น้อย ฉันถามว่าน้อยอยู่ไหน”
จวนเห็นท่าไม่ดีรีบบอก
“น้อยไม่ได้มาที่นี่เย็น”
“ไม่ได้มาที่นี่ แล้วน้อยไปไหน” เย็นเสียงแผ่วใจหาย
คุณหญิงจริงจัง ตกใจ ลืมโกรธเย็น
“นี่แปลว่าอะไร น้อยหายเหรอ”
เย็นเสียงสั่น
“ค่ะ...หายไปไหนก็ไม่รู้ ฉันกลับมาก็เห็นประตูเปิดอยู่ มือถืออะไรก็ไม่ได้เอาไป”
“ออกไปซื้อของปากซอยหรือเปล่า” หวานแทรกขึ้นมา
เย็นเป็นห่วง
“กระเป๋าเงินก็ยังอยู่ และปกติ น้อยไม่เคยไปไหน น้อยไม่เคยหายไปไหนแบบนี้”
คุณหญิงหน้าเสีย
“อ้าว แย่แล้ว...ไปไหนล่ะยัยน้อย ช่วยกันตามหาน้อยเร็ว”
ทุกคนแยกย้ายกันตามหาน้อย เป็นห่วง
เลอสรรถามประวิทย์ท่าทางร้อนรน
“ว่าไงนะน้อยหาย”
“ครับ ทุกคนกำลังช่วยกันตามหากันอยู่”
เลอสรรหน้าเครียดกังวลห่วงน้อย
“ไปไหน...ทำไมไม่บอกนะน้อย”
เลอสรรเดินลิ่วออกตามหาน้อย กังวลห่วง
เปียเหงื่อแตกพลั่ก ผมเผ้ายาวดูรกรุงรังเหมือนคนบ้า ลากร่างที่ไร้สติของน้อยมายังป่าช้า นเปียพยายามจะลากตัวน้อย ดันตัวใส่ลงไปในโลง
บ้านอนุรักษ์...คุณหญิงตามหาน้อยเหนื่อยจะเป็นลม จวนต้องมาดู
“ไปไหนนะยัยน้อย ไม่รู้รึไง คนเป็นห่วง”
เย็น เดินหาบริเวณบ้าน เลอสรรขับรถหาน้อยในปากซอย ทุกคนตามหาน้อยกันจ้าละหวั่น
สีหน้าทุกคนมีแต่ความร้อนใจ โดยเฉพาะเย็น
“ไปไหนของแก น้อย”
เย็นน้ำตาของเย็นทำท่าจะไหล ร้อนใจมาก
เปียผลักร่างของน้อยจนน้อยเข้าไปนอนในโลง เปียเหงื่อแตกพลั่กยิ้มเยาะ มองร่างน้อยที่อยู่ในโลงสาแก่ใจ
“ฉันจะตอกฝาโลงแกเอง นังน้อย”
เปียค่อยๆเลื่อนฝาโลงมาปิดร่างของน้อย ก่อนคว้าค้อน และตะปูมาตอกฝาโลงย้ำลงไปอีกที
ตาพงษ์สัปเหร่อ นั่งกระดกเหล้าขาวอยู่ในที่พัก ร้องเพลงไปเรื่อยตามประสาคนเมา ท่ามกลางกลางคืนที่เงียบสงัด ตาพงษ์ได้ยินเสียงโป๊กๆก็เงี่ยหูฟัง
“ใครมาทำอะไรวะ”
เปียเอาค้อนตอกฝาโลง ดวงหน้าบิดเบี้ยวเหยเก อำมหิต น้อยนอนหมดสติอยู่ในโลง ร่างสะเทือนไปตามแรงตอกตะปูของเปีย แต่กระนั้นก็ไม่ทำให้เธอได้สติ ตาพงษ์ ได้ยินเสียงโป้กๆดังมาแผ่วๆเงี่ยหูฟังทำหน้าฉงน
“หรือพวกเปรตมาขอส่วนบุญ”
ตาพงษ์กระดกเหล้าหมดขวดวางขวดเหล้า ก่อนเอามือยันฝาบ้าน ประคองร่างที่โงนเงนเดินโซเซออกไป
ท่ามกลางความมืดยามค่ำคืน ตาพงษ์เดินผ่านป่าช้า เริ่มเห็นภาพพร่าเลือน เขาสะบัดหน้าไล่ความมึนเมา และพยายามเพ่งตามอง ไปตามเสียงดังโป๊กๆที่ดังมา
เปียตอกฝาโลงเป็นครั้งสุดท้ายดังโป๊กด้วยท่าทางดุดันก่อนเหวี่ยงค้อนทิ้งมองโลงที่ถูกตอกสนิท พลางยิ้มสาแก่ใจ พูดเย้ยๆเสียงหวานๆ
“หลับให้สบาย...รอถูกเผานะจ้ะน้อย ชาติหน้าค่อยกลับมาเป็นลูกพ่อแม่เธอใหม่ก็แล้วกัน”
มือของเปียเคาะฝาโลงเหมือนบอกกับน้อย มือเหี่ยวย่นของใครคนหนึ่งตะปบลงที่มือ เปียสะดุ้งเฮือกมองมือเหี่ยวย่นก่อนเงยหน้าขึ้นมอง เห็นนมแสมองจ้องเขม็งอยู่
“นังเลว”
“แอร้ย ผี!” เปียตาเหลือก
ตาพงษ์กำลังเดินโซเซโงนเงนมาได้ยินงงๆ
“ผี...”
เปียร้องกรี๊ดๆ สะบัดมือออกจากมือของนมแส ใบไม้แห้งลักษณะใบยาวๆเหมือนมือคนปลิวออกจากมือของเปีย เธอเอาแต่ร้องกรี๊ดๆเต้นเร่าๆล้มลงอย่างตกใจมาก ร่างของเธอกระแทกเข้ากับต้นไม้แถวนั้น จนผ้าขี้ริ้วผืนหนึ่งที่พาดบนต้นไม้ร่วงหล่นลงมา เปียสะดุ้งเฮือก เมื่อร่างกายสัมผัสบางอย่าง ลืมตาขึ้นมอง ก็ต้องกรี๊ดขึ้นมาอีกเมื่อเห็นร่างของนมแสมาคร่อมอยู่สองคนเผชิญหน้ากันแบบตาต่อตา นมแสจ้องตาเปียเขม็ง คำราม
“ต่อให้แกฆ่าคุณน้อย ยังไงคุณน้อยก็เป็นทายาทของอนุรักษ์ธานิน”
เปียตาเหลือกปากคอสั่นมองดูนมแสกลัว ไม่ยอมรับ
“ไม่...ไม่จริง”
นมแสกระชากแขนเปีย
“จริง ส่วนแก...ก็จะเป็นผี เหมือนกับฉัน”
นมแสเอื้อมมือมาบีบคอ เปียร้องกรี๊ดๆสุดเสียง สติแตก ตาพงษ์ได้ยินพยายามฝืนร่างกายที่เมามายแทบครองสติไม่อยู่หรี่ตาขึ้นมามอง แต่ภาพตรงหน้าก็ยังเป็นป่าช้าที่มืดพร่าเลือนตาพงษ์พยายามจะฝืนกายเดินไป แต่แล้วจู่ๆก็ล้มลงไป เมา นอนแผ่อยู่ตรงนั้น
เปียหลับหูหลับตากรี๊ด ดิ้นรนกลิ้งไปกลิ้งมากับผ้าบางเก่าๆขาดๆ เปียร้องกรี๊ดๆจนเหนื่อย เริ่มรู้สึกรอบๆตัวนิ่ง มันเงียบผิดปกติ เธอลืมตาขึ้นมองก็เห็นตัวเองกำลังกอดรัดฟัดเหวี่ยงต่อสู้อยู่กับผ้าเก่าๆสีน้ำตาล จึงสะบัดออก มองไปรอบๆไม่เห็นใครก็ลุกขึ้น สะบัดเนื้อสะบัดตัวก่อนวิ่งออกไปรวดเร็ว น้อยอยู่ในโลงยังคงนอนแน่นิ่งไม่ไหวติง
ทุกคนมารวมตัวกัน เย็นหน้าซีด เหมือนใจจะขาด ดวงตาแข็งกระด้าง กังวล
“เจอมั้ย...มีใครเห็นน้อยมั้ย” คุณหญิงถามอย่างกังวล
ทุกคนยกเว้นเย็นตอบเป็นเสียงเดียว
“ไม่ครับ-ไม่ค่ะ”
เย็นพูดไม่ออกเหมือนใจจะขาดรอนๆต้องเอามือเกาะผนังบ้านเอาไว้ หวานหน้างอ
“น้อยอาจจะแค่ออกไปซื้อของข้างนอก”
“นั่นน่ะสิ แกอย่ากังวลมากเลยนังเย็น” ช้อยเบ้ปากใส่
“ใจเย็นๆรอดูอีกซักพักนะเย็น” จวนปลอบ
เย็นหน้าซีด ไม่ได้มองใคร กังวล เสียงสั่น
“แต่น้อยไม่เคยเป็นแบบนี้”
คุณหญิงห่วง
“นั่นน่ะสิ ตั้งแต่มาอยู่ที่นี่ เลิกเรียนมาฉันก็เห็นแต่น้อยอยู่บ้านตลอด”
เย็นหายใจแผ่วๆแทบไม่มีเสียง
“ฉัน...ฉันเป็นห่วงน้อยจริงๆ”
เย็นพูดได้แค่นั้นก็ทำท่าโอนเอนโงนเงน เหมือนจะเป็นลม
“เย็น” จวนรีบประคองเย็น
“พาเข้าไปข้างในก่อนเร็ว” คุณหญิงร้อนรน
เหล่าผู้หญิงช่วยกันประคองเย็นที่หายใจแผ่วๆดวงตาเหม่อลอยเข้าไปข้างใน คุณหญิงหันมาบอกประวิทย์กับเอิบ
“ไปตามหายัยน้อยแถวบ้านเราหน่อยไป”
“ครับ”
สองคนเดินออกไป กังวลห่วงน้อย
จวนประคองเย็นนั่งบนโซฟา คุณหญิงยื่นยาดมให้
“เอาให้เย็นมันดม”
จวนรับยาดมเอามาจ่อตรงจมูกให้ เย็นพยายามกัดฟันบอก
“ฉันไม่เป็นไร ฉันจะไปตามหาน้อย”
คุณหญิงดุ
“อย่าอวดเก่ง เกิดแกออกไปแล้วล้มหัวฟาดพื้นตาย จะเป็นยังไง ตอนนี้ประวิทย์กับตาเอิบกำลังไปตามหายัยน้อยอยู่”
“ทำใจดีๆก่อนเย็น” จวนเอายาดมให้ดม
เสียงในทีวีดังก้องเป็นช่วงข่าวภาคดึก
“พบศพหญิงสาว อายุประมาณ 20ปี ผิวขาว รูปร่างหน้าตาดี คาดว่าเพิ่งจะเสียชีวิตเมื่อชั่วโมงที่ผ่านมา จากการตรวจสอบยังไม่พบหลักฐานว่าเป็นใคร”
หวานโพล่งขึ้นมา
“หรือว่าจะเป็นน้อย”
“นังหวาน” จวนปราม
เย็นตาเบิกโพลง ตกใจมาก กลัวจะเป็นน้อย
“น้อย...ฉันจะไปตามน้อย”
เย็นลุกขึ้น แต่พอลุกขึ้นได้เท่านั้นร่างของเย็นก็ทรุดฮวบลงกับพื้น ทุกคนร้องลั่นช่วยกันประคองร่างที่อ่อนปวกเปียกของเย็นนั่งบนโซฟา คุณหญิงยกมือไหว้หน้ากังวล
“ขออย่าให้เป็นหนูน้อยเลย”
เปียเดินแกมวิ่งมาด้วยอาการกลัวตกใจ กวาดตามองไปสองข้างทาง เห็นแต่ความมืด ต้นไม้ โกฏิ เปียมองรอบๆข้างด้วยความหวาดกลัว แตกต่างจากตอนแรกที่เข้ามาด้วยแรงอิจฉาริษยาจนไม่ได้หวาดกลัวสิ่งใด เปียมองหน้ามองหลังกลัวนมแสจนไม่ได้มองดูตาพงษ์ที่นอนเมาหลับอยู่ เท้าของเปียก้าว มือตาพงษ์คว้าหมับเข้าที่ข้อเท้า เปียร้องกรี๊ดสุดเสียงขณะที่ตาพงษ์เพ้อประสาคนเมา
“เหล้าจ๋า”
“แอร้ย ไอ้บ้า”
เปียสะบัดเท้าออกแล้วกระทืบที่มือของตาพงษ์อย่างแรง ตาพงษ์ร้องโอ๊ยสุดเสียงแต่อารมณ์คนเมา ร้องได้แค่นั้นก็เมาหลับต่อ ส่วนเปียวิ่งหนีไปด้วยความรวดเร็วอารมณ์เสียปนหวาดกลัว
เลอสรรขับรถตามหาน้อย อย่างกังวลเป็นห่วง เขากวาดสายตามองสองข้างทาง ไม่มีน้อยเลย...อีกทิศหนึ่ง ประวิทย์กับเอิบตามหาน้อยอย่างเป็นห่วง
ทุกคนมีทีท่าร้อนใจ เย็นที่ยังอยู่ในภาวะไม่ได้สติ เพ้อออกมาเบาๆ
“น้อย...น้อย” เย็นเหมือนใจจะขาด “น้อยต้องไม่เป็นอะไร”
ทุกคนมองเย็นเวทนา คุณหญิงพูดขึ้น
“พานังเย็นกลับบ้านดีกว่า เผื่อน้อยกลับมา”
จวนรับคำคุณหญิง
“ค่ะ...ป่ะเย็น” จวนพยุงเย็น
คุณหญิงเห็นร่างของเย็นโงนเงนเหมือนจะล้ม จวนเอาคนเดียวไม่ไหวก็เข้าไปช่วยพยุง หวานกับช้อยมองหน้ากันอย่างคาดไม่ถึง รีบตามไป
รถคันหนึ่งแล่นมาจอดหน้าปากซอย เปียรีบลงมาในสภาพร้อนรน อีกฝั่งเลอสรรขับรถมาหันมามองทางเปีย แต่ไม่เห็นเพราะเธอค้อมตัวลงจ่ายค่าแท็กซี่พอดี
เลอสรรขับรถวนหาน้อยต่อไปด้วยความเป็นห่วง...เปียมองซ้ายมองขวา ก่อนลุกลี้ลุกลนเข้าไปในร้านสะดวกซื้อหอบหายใจกลัว
เปียสภาพขะมุกขะมอมจากการหกล้มในป่าช้าเข้าไปในร้านสะดวกซื้อ
“ซื้อยาแก้ปวดหัวหน่อย”
คนขายมองเปีย ยังไม่ทันจะหยิบอะไรเปียก็ตะคอกด้วยเครียดจัด
“ยาแก้ไข้ก็ได้ ยานอนหลับ ยาอะไรก็ได้ เอามาเร็วๆ”
“ครับๆ”
คนขายรีบหันไปหยิบมาให้ เปียหอบหายใจแรงมองรอบๆตัวด้วยความหวาดระแวง ก่อนเดินไปหยิบน้ำในตู้
หน้าร้าน ประวิทย์กับเอิบเดินมาด้วยกัน ประวิทย์เห็นผู้หญิงคนหนึ่งรูปร่างลักษณะเหมือนน้อย แต่งตัวเหมือนน้อย เดินเลี้ยวไปมุมหนึ่งประวิทย์มองตาม ขณะที่เอิบสะกิด
“ประวิทย์ แวะซื้อน้ำก่อนเถอะ น้าหิว”
เอิบจะผลักประตูร้านเข้าไป ประวิทย์มองตามผ็หญิงมือดึงเอิบไว้
“เดี๋ยวก่อนได้มั้ยน้าเอิบ เหมือนผมจะเห็นน้อย”
“อ้าวเหรอ งั้นไปๆ” เอิบเอามือออกจากประตู
ประวิทย์รีบนำเอิบไป ในร้านเปียเดินมาพร้อมขวดน้ำดื่ม คนขายส่งยาให้ เปียรับมาฉีกยาทั้งแผงที่มีราวๆสี่เม็ดกิน กิน เครียดจัด กลุ้ม กลัว
เย็นนอนอยู่บนเตียงดวงหน้าซีดเผือด เปลือกตาของเย็นหรี่นิดๆเห็นดวงตาด้าน
ในเคลื่อนไหวไปมาอย่างรวดเร็ว เย็นหอบหายใจแรง บางทีมีอาการคล้ายสะอึกหายใจไมทัน คุณหญิงจับชีพจรของเย็น
“ชีพจรเต้นแรงแต่เบา นังเย็นจะช็อกหรือเปล่าเนี่ย”
“นั่นน่ะสิคะ” จวนมองห่วง
เสียงมือถือของเย็นดังขึ้น จวนมอง รีบคว้ามารับอย่างร้อนใจ
“สวัสดีค่ะ”
เลอสรรที่ขับรถอยู่โทรมาถาม
“น้อยกลับมารึยังครับน้าเย็น”
“นี่จวนค่ะ น้อยยังไม่กลับมาเลยตอนนี้เย็นก็หมดสติทำท่าเหมือนจะช็อกด้วย”
เลอสรรร้อนใจ
“งั้นต้องทำให้น้าเย็นอุ่นนะครับ ถ้ามีถุงน้ำร้อนก็เอาประคบเลย”
“น้าไม่รู้น่ะสิ ว่าบ้านเย็นจะมีรึเปล่า เดี๋ยวน้าจะลองหาดูนะคะ”
“งั้นเดี๋ยวผมแวะซื้อเข้าไปให้ดีกว่า”
เลอสรรร้อนใจห่วงทั้งน้อยและเย็น
“ขอบคุณมากค่ะ” จวนวางสาย
“เอาผ้าห่ม ห่มให้เย็นมันก่อนแล้วกัน” คุณหญิงบอก
“ค่ะๆ”
จวนรีบคว้าผ้าห่มที่อยู่ข้างตัวมาห่มให้เย็น
เปียโผเผออกมาจากร้าน ก่อนจะทิ้งขวดน้ำดื่มไว้ที่ถังขยะหน้าร้าน มองซ้ายมองขวาก่อนเดินลิ่วหลบไป ด้านหลังเลอสรรขับรถมาจอดหน้าร้านสะดวกซื้อ รีบเข้าไปในร้าน โดยไม่ได้มองดูรอบๆบริเวณเลย
ประวิทย์เดินแกมวิ่งตามผู้หญิงที่คิดว่าเป็นน้อย เข้าไปในซอยเล็ก โดยมีเอิบตาม แต่แล้วประวิทย์ก็ชะงัก เมื่อมองเห็นผู้หญิงคนนั้นยืนซื้อของที่รถเข็นข้างทางและเธอไม่ใช่น้อย เอิบสลด
“ไม่ใช่น้อย”
“น้อยไปไหน”
ประวิทย์ได้แต่มองหน้าเอิบ ว้าวุ่นร้อนใจ ด้านหลังปากซอย...เปียเดินผ่านไปรวดเร็ว เป้าหมายคือบ้าน โดยที่ประวิทย์และเอิบไม่ทันได้เห็นเปีย
ลูกเต่างัวเงียขึ้นมากลางดึก ไม่เห็นใครก็ตกใจก่อนจะลุกออกมาอย่างรวดเร็ว...ลูกเต่าเดินมาหน้าบ้านพักไม่เห็นใครก็ตะโกน
“น้าช้อย...น้าหวาน น้าจวน”
เงียบ ไม่มีเสียงตอบ ลูกเต่าเดินตามหาทุกคน
เปียกวาดมองภาพรอบๆตัวอย่างหวาดระแวงก่อนเปิดประตูรั้ววิ่งเข้าไปในบ้าน...ลูกเต่าเดินมาเห็นหลังของเปียวิ่งแว่บๆขึ้นตึกแต่ไม่ได้สนใจอะไร ด้วยใจของลูกเต่า กังวลถึงน้าๆมากกว่า ไปไหนกัน
เปียวิ่งเข้าไปในห้อง ปิดประตูเดินเข้าไปด้านใน เห็นเงาของตนเองที่สะท้อนออกมาจากกระจก เป็นตัวเองที่ผมเผ้ากระเซอะกระเซิงเนื้อตัวมอมแมมสกปรก เปียรีบเปิดตู้ คว้าเสื้อผ้าเข้าห้องน้ำไปเปลี่ยน
อุทัยกับวณี ขับรถเข้ามาในบ้าน วณีคุยกับอุทัย
“ก็ว่าแวะซื้อของแป๊บเดียว แต่กลับซะดึกเลย ลูกเปียกินอะไรรึยังก็ไม่รู้”
“นั่นน่ะสิ วณีเอาโจ๊กไปให้ลูกเปียเถอะ เดี๋ยวพี่ขนของเข้าบ้านเอง”
“ค่ะ”
วณีเดินถือถุงโจ๊กเข้าบ้านไป
วณีเดินเข้าไปในบ้าน พลางร้องบอก
“เลอ...กินอะไรรึยัง น้าซื้อข้าวต้มมาฝาก”
วณีถามพลางกวาดตามอง เห็นเพียงโน๊ตบุ๊ค งานของเลอสรรพร้อมถ้วยสาคูแคนตาลูปวางอยู่ที่โต๊ะ แต่เลอสรรไม่อยู่ วณีสงสัยก่อนมองขึ้นไปชั้นบน หวาดระแวง ตกใจกลัวเลอสรรกับเปียจะอยู่ด้วยกัน วณีวางถุงโจ๊กรีบสาวเท้าขึ้นด้านบนทันที
เปียอาบน้ำเสร็จเรียบร้อยเปลี่ยนชุดใหม่ แต่ท่าทางยังตื่นๆ ทั้งเรื่องที่กลัวความผิดที่ทำร้ายน้อยและเรื่องเห็นนมแส เปียรีบปิดไฟอย่างคนมีพิรุธ ก่อนเดินฝ่าความมืด เอาเสื้อผ้าที่สกปรกใส่ถุง เสียงเคาะประตูดังขึ้นเบาๆ
“เปีย...เปียจ๋า...ลูกเปีย”
เปียหน้าซีดเผือด มือกำถุงเสื้อผ้าแน่น ขณะจรดฝีเท้าย่องขึ้นเตียงนอนรวดเร็ว ก่อน
คว้าผ้าห่มมาคลุมในอ้อมแขนกอดถุงเสื้อเอาไว้ แกล้งหลับ วณีเรียกอีก
“เปีย...ลูกเปีย”
ไม่มีเสียงตอบ วณีเปิดประตูห้อง เดินเข้าไป เห็นเปียนอนหลับอยู่บนเตียง เพียงลำพัง วณีถอนหายใจอย่างโล่งอก ลูบผมเปียพูดเบาๆเอ็นดู
“นอนกอดตุ๊กตาอย่างนี้ แล้วจะหลับสบายได้ยังไงลูก”
วณีจะเลิกผ้าห่มดึงของที่อยู่ภายในออก เปียใจหายแว้บ แต่แล้ววณีก็เปลี่ยนใจ ไม่ดึงออกมากลัวลูกตื่น ได้แต่ยิ้มลูบผมเบาๆ
“นอนให้สบายนะลูก นอนหลับฝันดีจ้ะ”
วณีก้มลงหอมแล้วเดินออกไป ทันทีที่ประตูปิด เปียก็ลืมตาขึ้น ถอนหายใจอย่างโล่งอก ลุกขึ้นเอาถุงผ้าไปซุกไว้ในซอกหลืบของตู้เสื้อผ้า ยิ้มเหมือนจะโล่งใจ แต่ที่สุดก็มีความกังวลอีก
อุทัยจะขนของเข้าบ้าน เลอสรรขับรถเข้ามาจอด ตามด้วยประวิทย์และเอิบเดินเหงื่อแตกพลั่กเข้ามา อุทัยถามสงสัย
“ไปไหนกันมา”
“ตามหาน้อยครับ...น้อยหาย” เลอสรรบอก
วณีเดินออกมาได้ยินพอดี อุทานเสียงดังตกใจ
“หนูน้อยหาย”
อุทัยหน้าเครียด วณีเองก็มีแต่ความกังวลตกใจ
เช้าวันใหม่...น้อยนอนแน่นิ่งอยู่ในโลงก่อนค่อยๆจะรู้สึกตัวปรือตาขึ้นอย่างอิดโรย มองตรงขึ้นไป เห็นเป็นพื้นฝาสีน้ำตาล ไม่คุ้นตา น้อยขมวดคิ้วงุนงง เธอนึกถึงเรื่องราวเมื่อคืนตอนที่เดินตามหาเปียแต่ถูกทำร้าย เธอตั้งสติมองไปรอบๆแล้วก็เห็นตัวเองถูกขังอยู่ในโลง น้อยร้องกรี๊ดออกมา ด้วยความตกใจกลัว ก่อนเอามือทุบฝาโลง
“ช่วยด้วยๆ”
ตาพงษ์ที่นอนหมดสติอยู่ ได้ยินเสียงร้องกรี๊ดๆ ค่อยๆงัวเงียขึ้นมา หรี่ตาฟังอย่างงงๆ เสียงน้อยร้องแว่วมาอีก
“ช่วยด้วยๆ”
ตาพงษ์ลุกขึ้นมานั่งกวาดตามอง รอบๆบริเวณดูเงียบ ไม่มีคนเดินผ่าน ตาพงษ์ขมวดคิ้วสงสัยลุกโซเซโงนเงน เพราะเพิ่งสร่างเมาขึ้นมา เดินไปตามเสียง
อ่านต่อหน้า 2
คมพยาบาท ตอนที่ 14 (ต่อ)
น้อยอยู่ในโลงทั้งดิ้น ทั้งทุบทั้งถีบ กรีดเสียงร้อง
“ช่วยด้วยๆ”
น้อยเหงื่อแตกพลั่กทั้งร้อนทั้งกลัว ดวงหน้าอิดโรย...ตาพงษ์เดินมาเพ่งมอง เห็นโลงที่วางอยู่ สั่นก็ตาเหลือก
“เฮ้ย...จะมาหลอกอะไรกันตอนนี้วะ”
ตาพงษ์วิ่งโซเซกลับไป น้อยเนื้อตัวสั่นร้องไห้หวาดกลัว ตาพงษ์ที่วิ่งหนีหยุดชะงัก สติเพิ่งมา
“เป็นสัปเหร่อจะกลัวอะไรกับผี”
ตาพงษ์หันหลังกลับไปมอง น้อยทั้งร้องทั้งกรี๊ดจนหมดแรง ค่อยๆคอพับคออ่อนนอนหมดสติไป
ตาพงษ์ค่อยๆเดินกลับมายังโลง เห็นโลงนิ่ง ไม่เคลื่อนไหวใดๆ ตาพงษ์ขมวดคิ้วสงสัย นึกถึงเหตุการณ์ที่ผ่านมาเมื่อวาน...ตาพงษ์กับคนส่งโลงช่วยกันแบกโลงมายังบริเวณเมรุ
“เอาวางไว้นี่โลงนึง” ตาพงษ์สั่ง
“อีกโลงล่ะ”
“เดี๋ยวจะเผาตอนเย็นนี้เลย”
คนส่งโลงพยักหน้า สองคนช่วยกันวางโลง
ตาพงษ์จ้องมองโลงที่วางไว้คนละลักษณะกับเมื่อวาน
“มันเป็นอย่างนี้ได้ยังไงวะ”
ตาพงษ์ขมวดคิ้วเมื่อเจอโลงถูกตอก เห็นรอยตะปูชัดเจน เขากวาดตามอง เห็นอุปกรณ์ในการฝังศพใส่โลง กระจัดกระจาย ค้อนถูกเหวี่ยงทิ้งอยู่ที่พื้น เร็วเท่าความสงสัย ตาพงษ์คว้าค้อนขึ้นมา งัดเอาตะปูออกจากฝาโลง ทีละดอกๆแล้วเปิดออก เห็นน้อยนอนแน่นิ่งอยู่ในนั้น ตาพงษ์ตะลึงงัน ขณะจ้องมองน้อย จำได้ว่าเคยเห็นเย็นกับน้อยมาบริจาคโลง ตาพงษ์เขม้นมองน้อยตาเบิกโพลงตกใจ
เลอสรร ขับรถออกไป โดยมีอุทัยกับวณีนั่งออกไป ประวิทย์ปิดประตูก่อนเดินเข้ามา แต่แล้วต้องชะงักเมื่อเห็นเปียเดินออกมา
“คุณพ่อ คุณแม่ พี่เลอสรร ไปไหนกันแต่เช้าประวิทย์”
“ไปสถานีตำรวจครับ”
เปียงง ตกใจจริงๆ
“มีเรื่องอะไร”
“น้อยหายตัวไปครับ”
เปีย แอ๊บตาโตตกใจ เป็นห่วงมาก
“น้อยหาย...หายไปไหน...หายไปได้ยังไง”
“ไม่ทราบครับ พวกเราตามหากันทั้งคืนแต่ไม่เจอ คุณๆเลยไปแจ้งความ”
“โธ่น้อย...น้อย...”
เปียทำท่าจะร้องไห้ออกมา และทำท่าจะเป็นลม
“คุณหนู”
ประวิทย์รีบประคองเปียเข้าไปข้างใน
ตาพงษ์ในมือถือกระดาษบิลผู้บริจาคเดินมาด้อมๆมองๆที่นอกรั้วบ้านมองบ้านเลขที่ สลับกับที่อยู่ในกระดาษ ก่อนกดกริ่ง
ประวิทย์ประคองเปียเข้าไปนั่งในโซฟาด้านใน เปียยังคงแอ๊บร้องไห้เสียใจจับประวิทย์อ้อน
“เปียเป็นห่วงน้อยมาก ประวิทย์ต้องตามหาน้อยให้เจอนะ”
“ทุกคนกำลังช่วยกันตามหาน้อยอยู่ คุณหนูไม่ต้องเป็นห่วงนะครับ”
เสียงกริ่งดัง ประวิทย์บอก
“เดี๋ยวผมไปดูก่อนนะครับ มีใครมา”
ประวิทย์เดินออกไป เปียยิ้มร้าย สาใจ
“มูลนิธิมาตามให้ไปเก็บศพนังน้อยล่ะมั้ง” เปียหัวเราะออกมา
ประวิทย์เดินออกมาหาตาพงษ์ ที่ในมือถือบิลกระดาษ
“ที่นี่บ้านของหนูมารยาท บัวแย้มใช่มั้ย”
“ครับ...มีอะไรครับ” ประวิทย์ถามอย่างร้อนรนตกใจ
เย็นค่อยๆรู้สึกตัวตื่นขึ้นมา จวนหันมาบอกคุณหญิงที่นั่งอยู่อีกมุม ท่าทางร้อนใจเป็นห่วงเย็นอยู่เหมือนกัน จวนตะโกนบอกคุณหญิง
“คุณหญิงขา...เย็นฟื้นแล้วค่ะ”
คุณหญิงรีบเดินเข้าไปหาเย็น ถอนหายใจโล่งอก เย็นมองทุกคนถาม
“น้อยๆ...น้อยล่ะ น้อยอยู่ไหน”
“น้อยยังไม่กลับมา นี่อุทัย วณี เลอสรร กำลังไปแจ้งความที่สน.อยู่”
“น้อย...น้อยของน้า” เย็นร้องไห้โฮแบบจะขาดใจ
คุณหญิงร้อนใจแต่ต้องปราม
“ใจเย็นๆก่อนได้มั้ย แกยิ่งร้องไห้ ฉันยิ่งทำอะไรไม่ถูก”
เย็นเสียงดัง
“จะให้ฉันอยู่เฉยๆได้ยังไง หลานฉันหายไปทั้งคน”
คุณหญิงสวน
“งั้นแกก็เข้าใจ ความรู้สึกของตาอุทัยกับแม่วณี ตอนที่แกขโมยลูกเขาไปแล้วใช่มั้ยว่ามันเจ็บปวดทุกข์ทรมานแค่ไหนนังเย็น”
เย็นอึ้ง สายตาที่มองคุณหญิงเต็มไปด้วยความรู้สึกผิด สะท้อนใจ ละอายใจ
“ฉันอยากจะด่าให้แกจมหายไปกับพื้นธรณีเดี๋ยวนี้เลย แต่ฉันก็เห็นใจ แล้วฉันก็สงสารยัยน้อย แต่กรรมที่แกทำ มันไม่ควรตกอยู่กับยัยน้อยเลยจริงๆ”
เย็นยิ่งร้องไห้โฮออกมา ประวิทย์เดินนำตาพงษ์มาท่าทางร้อนใจ
“น้าเย็นครับ มีคนเจอน้อย”
เย็น คุณหญิง จวนหันหน้ามามอง เย็นจ้องมองตาพงษ์ ขณะที่ตาพงษ์บอก
“คุณ...หนูมารยาทน่ะนอนอยู่ในโลง”
ทุกคนตกใจมาก
“หา...”
คุณหญิงเดินลิ่วกลับบ้าน พลางบอกจวน
“หยิบโทรศัพท์มาให้ฉันเร็วๆจวน”
“ค่ะคุณหญิง”
จวนรีบวิ่งไปเอามือถือมาให้ คุณหญิงกดสายโทรออกแล้วบอก
“อุทัย ไม่ต้องแจ้งความแล้วนะลูก มีคนมาบอก ยัยน้อยอยู่ในโลง”
เย็นเดินลิ่วเข้ามาในวัด ตามด้วยประวิทย์ เย็นละล่ำละลักถามตาพงษ์
“หลานฉันล่ะ หลานฉันอยู่ไหน”
“อยู่ที่ศาลา”
ตาพงษ์เดินนำเย็นเข้ามายังศาลา น้อยนั่งพิงเสาอยู่ท่าทางอิดโรย ดวงหน้าเขลอะไปด้วยน้ำตา เย็นตะโกนสุดเสียง
“น้อย”
“น้าเย็น”
น้อยร้องไห้โฮออกมา เย็นผวาเข้าไปกอดสองคนร้องไห้ น้อยพร่ำบอก
“น้าเย็น...น้อยกลัว...น้อยกลัว”
“ไม่ต้องกลัว น้าอยู่นี่...” เย็นจับหน้าน้อยประคองมอง “รู้มั้ยน้าเป็นห่วงน้อยมากแค่ไหน”
“ทุกคนเป็นห่วงน้อยมาก ตามหาน้อยทั้งคืน” ประวิทย์บอก
“แล้วน้อยไปอยู่ในโลงได้ยังไง” เย็นถาม
“น้อย...น้อยก็ไม่รู้เหมือนกัน...น้อยจำได้แค่ว่า...”
น้อยทำท่านึก เย็นเร่ง
“อะไร”
“น้อยเดินตามหาเปีย”
เย็นตาเลิกโพลง
“เปีย”
เปียเดินลัลล้ามีความสุขอยู่ในห้อง มองจากหน้าต่างเห็นเลอสรรขับรถมาจอดภายในบ้านด้วยอาการตกใจ อุทัย วณี เดินลงมา เปียยิ้ม เดินออกมาจากห้อง
คุณหญิงนั่งรออยู่ในบ้าน มีจวนรอรับใช้อยู่ข้างๆ อุทัยเดินเข้ามาถามเร็วปรื๋อ
“น้อยนอนอยู่ในโลง หมายความว่ายังไงครับคุณแม่”
เปียแอบมองตรงเชิงบันได ได้ยิน วณีถามร้อนรน
“หนูน้อยตายแล้วหรือคะ”
เลอสรรหน้าเสีย เปียยิ้มเยาะพอใจ
“แม่ก็ยังไม่รู้รายละเอียด สัปเหร่อแค่มาบอก ว่าเจอยัยน้อยนอนอยู่ในโลงในป่าช้า วัดแถวๆบ้านเรานี่แหละ เย็นกับประวิทย์ก็รีบพากันออกไป”
เลอสรรจะออกไป วณีถาม
“จะไปไหนเลอ”
“ผมจะไปหาน้อยครับ”
เปียได้ยินไม่พอใจมาก มองลงมาที่บันได ก่อนตั้งใจปล่อยตัวเองลงมา
“ว้าย”
ทุกคนหันไปมองเห็นเปียตกบันได
“เปีย”
เปียลงมานอนที่พื้น
“ช่วยเปียด้วยค่ะ”
ทุกคนพุ่งความสนใจไปที่เปียทันที รวมทั้งเลอสรร
เย็นลงจากแท็กซี่ พร้อมกับน้อยและประวิทย์ ดวงหน้าของเย็นบึ้งตึง น้อยท่าทางอิดโรยรีบคว้ามือเย็นไว้
“น้าเย็นคะ...เปียไม่เกี่ยวนะคะ”
เย็นโกรธมาก
“เกี่ยว...น้ามั่นใจ มันนั่นแหละเป็นคนจะฆ่าแก”
เย็นจะเดินเข้าไป น้อยยื้อมือเอาไว้
“ไม่ใช่ค่ะน้าเย็น ไม่ใช่เปีย”
“ใช่...หยุดเป็นนางเอกซะที” เย็นจิ้มหัวน้อยแบบโกรธจัด “แกไม่โกรธแต่ฉันโกรธ”
ประวิทย์ตกใจ ขณะที่น้อยพยายามแย้ง
“น้าเย็น อย่าเพิ่งโกรธเปียนะคะ เปียไม่ได้เป็นคนทำน้อยแน่ๆ วันนั้น เปีย...เปียจะฆ่าตัวตายค่ะ”
น้อยมองซื่ออ้อนวอน เย็นตาเป็นประกายวาววับ
“ฉันไม่เชื่อ ทุกอย่างมันเป็นแผนของนังเปีย”
วณีกับเลอสรรประคองเปียมานั่งที่โซฟา เปียร้องโอดโอยเจ็บปวด
“นั่งก่อนๆ...จวนเอายามาทาให้หลานฉันหน่อย” คุณหญิงสั่ง
“ค่ะ...” จวนเดินออกไป
คุณหญิงหันมาถามเปีย
“เดินยังไง พลัดตกบันไดยัยเปีย”
เปียเสียงแผ่วๆ
“เปียไม่สบายนะค่ะ เวียนหัว โลกหมุนไปหมด เลยมองไม่เห็นขั้นบันได”
วณีบอกคุณหญิง
“ลูกเปียไม่สบายน่ะค่ะคุณแม่...เมื่อคืน ก็นอนซมทั้งคืน”
เย็น เดินกระชากมือน้อยที่ยังอิดโรยเข้ามา ประวิทย์ไม่กล้าเข้า ได้แต่ยืนอยู่ที่ประตูแอบมอง เย็นตะโกนเสียงดัง
“ตอแหล”
“มันเรื่องอะไรของเธอเย็น เดินเข้ามาก็มาพูดจาหยาบคาย” อุทัยไม่พอใจ
คุณหญิงหันไปด่า
“แกนี่ไม่มีมารยาท สันดานต่ำขึ้นทุกวัน”
“สันดานต่ำก็ยังดีกว่าคนจิตใจต่ำ ใจร้ายใจดำเหมือนมาจากขุมนรก” เย็นจ้อง
หน้าเปีย “แกทำยัยน้อยทำไม...หา”
เปียหน้าแหย รีบแอ๊บซื่อ
“อะไรน้าเย็น...เปียทำอะไรน้อย”
“ก็ที่แก...”
เย็นหยุด ชะงัก เพิ่งนึกได้
“อะไร” อุทัยถามเสียงเข้ม
เย็นอึกอัก อุทัยจ้องหน้าเย็นหาพิรุธ
“หรือเธอคิดว่า ลูกเปียมีส่วนรู้เห็นกับการหายตัวไปของหนูน้อย”
เปียสั่น กลัวความผิดจริงๆแต่แอ๊บกอดวณีแน่น
“เปียไม่รู้เรื่องนะคะคุณแม่ เปียไม่รู้เรื่อง”
เย็นหมั่นไส้เปียหลุดอีก
“จะไม่รู้เรื่องยังไง ก็แกนั่นแหละ ทำเป็นจะฆ่าตัวตายจนยัยน้อยตายใจ ตามแกไปที่วัดน่ะ”
เปียตกใจ แต่แอ๊บ เสียงอ่อยๆ
“อะไร น้าเย็นพูดอะไร เปียไม่รู้เรื่อง”
เย็นโกรธมากถลันจะเข้าไปทุบเปีย
“นังดัดจริตไม่ต้องทำเป็นไม่รู้เรื่อง”
“คุณแม่ช่วยเปียด้วย” เปียกอดวณีร้อง
วณีมาขวาง มองเย็นดุ ไม่ยอม
“อย่าทำลูกฉันนะ”
“ก็มันทำยัยน้อย มันหลอกยัยน้อยไปที่วัด ทุบยัยน้อย แล้วจับยัยน้อยยัดใส่โลง” เย็นคำราม
เปียหน้าซีดร้องไห้
“เปียเปล่านะคะ...เปียเปล่า เปียไม่รู้เรื่อง...”
เย็นหมั่นไส้มาก จะเข้ามาทุบอีก
“หุบปากเดี๋ยวนี้นะนังเปีย”
เลอสรรถลันมาขวางเย็น
“ใจเย็นๆก่อนนะครับน้าเย็น...”
เย็นตะเบ็งเสียง
“ไม่” เย็นมองจ้องเปีย “แกจะฆ่ายัยน้อย ฉันก็จะฆ่าแกนังเปีย”
เย็นถลันเข้ามา แต่วณีตบเข้าที่หน้าเย็นอย่างแรง ทุกคนตะลึง วณีมองนิ่ง สายตาเย็นเยียบ
“คำก็ฆ่า สองคำก็ฆ่า งั้นเธอบอกฉันมาซิเย็น...เหตุผลอะไร ลูกเปีย ถึงต้องฆ่าหนูน้อย”
“นั่นสิ มันเรื่องอะไร แกถึงคิดว่ายัยเปียจะฆ่ายัยน้อย” คุณหญิงเสริม
เย็นอึ้ง เปียก็อึ้ง สองน้าหลานสบสายตากัน รู้อะไรเป็นอะไร แต่เย็นพูดไม่ได้ เปียได้ทีร้องไห้อ้อน
“นั่นน่ะสิคะน้าเย็น...เปียจะฆ่าน้อยไปทำไม”
เย็นอึ้ง น้อยเงียบ ประวิทย์มองสลดใจ แกมสงสัย เลอสรรแทรกขึ้น
“น้าเย็นใจเย็นๆก่อนนะครับ...ผมว่า อาจจะเป็นการเข้าใจผิด”
“ฉันรู้สันดานนังเปียดี” เย็นจ้องหน้าเปีย “ฉันไม่มีทางเข้าใจผิด”
“แต่เมื่อวาน น้องเปียไม่สบายมากนะครับ...เมื่อคืน ผมก็อยู่เฝ้าน้องเปีย ผมไม่เห็นน้องเปียจะออกไปไหนเลย”
“ฉันก็เห็นเหมือนกัน...ลูกเปียนอนซมอยู่ในห้องตลอด ฉันว่าต้องเป็นเรื่องเข้าใจผิดแน่ๆ” วณีเสริม
เย็นมองเปียโกรธแต่กระชากแขนน้อย
“งั้นก็คงเป็นยัยน้อยที่มันเข้าใจผิด...เข้าใจผิดจนเกือบเอาตัวเองไปตาย กลับบ้านเดี๋ยวนี้เลยนังโง่”
เย็นลากน้อยออกไปน้อยร้องไห้ เลอสรรจะตาม เย็นตวาด
“อย่ามายุ่งกับหลานฉันนะ”
เย็นลากน้อยออกไป ทุกคนมองตาม เปียแอบยิ้มสาใจ ขณะที่คุณหญิงบ่นๆ
“นังเย็นมันบ้า อย่าไปยุ่งกับมันเลยตาเลอ” คุณหญิงปลอบเปีย “ขวัญเอ๊ย...ขวัญมานะลูก”
เปียอ้อนหวาน
“เปียไม่เป็นไรค่ะคุณย่า แค่เสียใจ เพราะเปียเป็นลูกของคุณพ่อคุณแม่แน่ๆ น้าเย็นถึงได้มองเปียในแง่ร้ายตลอด”
เปียร้องไห้สะอึกสะอื้น วณีกอดเปีย ลูบผมเบาๆปลอบ จวนมองตามเย็นสลดใจ อุทัยหน้าเคร่งเครียด ครุ่นคิด
“พี่ไปทำงานก่อนนะ”
อุทัยเดินออกไป
เย็นหน้าเครียด ขณะที่น้อยบอก
“น้าเย็น...เปียไม่ได้เป็นคนทำร้ายน้อยจริงๆนะคะ”
“หุบปาก”
เย็นคว้ากุญแจ จะเดินออกนอกบ้าน น้อยถามอย่างสงสัย
“น้าเย็นจะไปไหนคะ”
“บอกให้หุบปาก แล้วอยู่แต่ในนี้ ใครมาเรียกมาตาม ไม่ต้องสาระแนไปกับเขาทั้งนั้น”
เย็นเดินออกไป แล้วปิดประตูเอาสายยูมาล็อกเอาไว้ น้อยนั่งหน้าซีดในบ้าน ไม่รู้เย็นคิดจะทำอะไร
อุทัยเดินเข้าไปในวัด ตรงไปที่บริเวณเมรุ ตาพงษ์ง่วนอยู่กับการทำงานอยู่ อุทัยเดินเข้าไปหา
“ตาพงษ์ใช่มั้ย”
ตาพงษ์หันมา
“ฉันมีเรื่องจะขอคุยด้วย”
เย็นเดินเข้ามาภายในวัด กวาดตามองรอบๆบริเวณอย่างสงสัย เสียงของน้อยที่เล่ามาดังก้องอยู่ในหัว
“คืนนั้น เปียไปหาน้อย เปียพูดเหมือนจะฆ่าตัวตาย น้อยเป็นห่วง เลยตามเปียออกไป พอไปถึงในป่าช้า เปียก็หายตัวไป แล้วใครก็ไม่รู้มาทุบเข้าที่ด้านหลังของน้อย”
เย็นกัดริมฝีปากแน่น ขัดใจ
“ไม่ใช่นังเปียแล้วมันจะเป็นใคร”
เย็นกวาดสายตามอง พยายามหาหลักฐาน แต่ก็ไม่เห็นอะไรเย็นอ่อนใจ เธอเหยียบเชือกที่เปียถือเอามาจากที่บ้านของเธอ แต่เธอไม่เห็น
ตาพงษ์เล่าให้อุทัยฟังที่มุมหนึ่งในวัด
“เรื่องก็เป็นอย่างที่ผมเล่าให้คุณฟังนี่แหละครับ ผมได้ยินเสียงตอกฝาโลงดังโป๊กๆ ตั้งใจจะออกไปดูเหมือนกันแต่ผมเมามาก ได้สติตอนรุ่งเช้า เดินไปดูก็เห็นหนูมารยาทนอนอยู่ในโลงนั่นแหละครับ”
“ขอบคุณมากที่เล่าให้ผมฟัง”
“ยินดีครับ แต่เสียดาย...เสียดายจริงๆที่ผมไม่เห็นหน้าคนทำ ไม่งั้นล่ะก็ จับมันส่งตำรวจแล้ว คนอะไร ใจดำอำมหิต กะเอาคนมาเผาทั้งเป็น”
อุทัย ดวงตาเคร่งเครียด ยิ่งรู้ ยิ่งสงสัย ใครอยู่เบื้องหลังเหตุการณ์ทั้งหมด
อุทัยกับเย็นเดินออกมา สองคนเผชิญหน้ากัน ต่างคนต่างตกใจ...อุทัยชวนเย็นไปนั่งคุยกันในร้านกาแฟ ต่างคนต่างมีสีหน้าเคร่งเครียด อุทัยเป็นฝ่ายถามก่อน
“เธออยากรู้ใช่มั้ยว่าใครทำน้อย ถึงได้ไปดูที่วัดน่ะ”
“ก็คงเหมือนกับคุณ...”
“ใช่...ฉันอยากรู้...แต่ฉันไม่รู้ ว่าฉันควรสงสัยอะไร เพราะฉันไม่มีข้อมูลอะไรเลย แต่...ที่เธอสงสัยลูกเปีย บอกฉันได้มั้ย ทำไม”
“เพราะคุณหนูเปียเป็นลูกของคุณมั้งคะ ฉันเลยสงสัยว่าคุณหนูเปียจะมีความใจดำอำมหิตเหมือนๆกับคุณ”
“ไม่ใช่...ฉันมั่นใจ เธอกำลังปกปิดอะไรฉันอยู่”
เย็นหลบตาอย่างมีพิรุธ อุทัยถามต่อ
“บอกฉันเถอะเย็น มันเพราะอะไร เธอถึงได้คิดว่าลูกเปียจะลวงหนูน้อยไปฆ่า”
เย็นรู้ว่าตัวเองพลาด ได้แต่กลบเกลื่อน
“ก็ฉันบอกแล้วไง ว่ายัยเปียมันได้นิสัยใจดำอำมหิตเหมือนคุณ”
เย็นลุกขึ้นแบบไม่อยากคุยต่อ อุทัยโมโห
“เหตุผลอ่อนไปมั้ย อำมหิตแล้วลวงคนไปฆ่าทิ้งเล่น มันก็โรคจิตแล้ว ฉันว่ามันต้องมีสาเหตุ เธอถึงได้คิดอย่างนั้น”
“สาเหตุก็คือ ยัยเปียมันโรคจิตไง”
เย็นเดินออกไป อุทัยมองตามสงสัย
เปียยังคงสะอึกสะอื้นร้องไห้แบบนางเอก วณีมองสงสารปลอบ
“อย่าร้องไห้เลยนะลูก”
เปียเสียงอ่อน
“ก็เปียเสียใจจริงๆนี่คะ เปียนอนซมแทบตาย แต่น้าเย็นกลับมาว่าเปียวางแผนเอาน้อยไปฆ่า”
“เฮ้อ! นังเย็นมันคิดอะไรของมัน” คุณหญิงหนักใจ
เปียแอ๊บซื่อ ไม่รู้
“เปียก็ไม่รู้จริงๆค่ะคุณย่าดีที่พี่เลอสรรกับคุณแม่เป็นพยานให้ ว่าเปียอยู่บ้านไม่ได้ออกไปไหน ไม่งั้นทุกคนก็ต้องเข้าใจผิดเปีย” เปียเสียงละห้อยเสียใจมาก “แล้วก็คงจะรังเกียจเปีย”
“ไม่นะลูก...ไม่มีใครรังเกียจหนูนะ” วณีมองเห็นใจ
เปียก้มหน้า ทำเศร้า
“แต่ยังไงเปียก็ไม่สบายใจอยู่ดี พี่เลอสรรขา...เปียเป็นห่วงน้อย แล้วก็อยากเคลียร์กับน้อยให้เข้าใจ พี่เลอสรรไปเป็นพยานให้เปียด้วยนะคะ”
เปีย มองเลอสรรออดอ้อน น่าสงสาร
เลอสรรเดินนำเปียขึ้นไปบนบ้าน เห็นประตูถูกล็อคเอาไว้ด้านนอกมีสายยู ด้านใน น้อยในชุดใหม่ ได้ยินเสียงฝีเท้าย่ำขึ้นมาบันได ก็ตะโกนออกมา
“น้าเย็นกลับมาแล้วเหรอคะ”
เลอสรรกับเปียมองหน้ากัน เลอสรรตะโกน
“นี่น้อยอยู่ในบ้านเหรอ แล้วทำไมล็อคกุญแจเอาไว้”
“น้าเย็นกลัวน้อยจะออกจากบ้านค่ะ เลยล็อคเอาไว้”
“โธ่เอ๊ยน้อย ไม่น่าเลย”
เปียเกาะประตูทำเป็นจะร้องไห้ให้เลอสรรเห็น
“น้อยรู้มั้ย ว่าเปียเป็นห่วงน้อยมาก”
“น้อยก็เป็นห่วงเปีย เลยตามเปียไปไง”
เลอสรรมองเปียฉงน เปียทำท่าแบบน้อยพูดเพ้อเจ้อขณะบอกเสียงหวาน
“น้อยจ๋า...เปียว่าน้อยต้องตาฝาดแน่ๆ เปียนอนซมเป็นไข้ที่ห้องนะ ไม่ได้ไป
ไหนเลย”
น้อยทำหน้าฉงน สงสัย แววตาฉุกคิด ถาม
“เปียไม่ได้ออกไปไหนจริงๆเหรอ”
“ก็จริงนะสิ...ถามพี่เลอสรรดู ใช่มั้ยคะพี่เลอสรร”
เลอสรรอึกอัก ชักไม่มั่นใจ น้อยไม่ได้ยินเสียงเลอสรรตอบเลยบอกออกมา
“งั้น...น้อยก็คงตาฝาด”
“อย่าเพิ่งสรุปอย่างนั้นสิน้อย พี่อยากคุยกับน้อยนะ” เลอสรรรีบบอก
เปียมองเลอสรร ดวงตาฉายแววไม่พอใจ แต่ไม่กล้าได้แต่ติง
“แล้วพี่เลอสรรจะตะโกนคุยกับน้อยอย่างนี้เหรอคะ”
เลอสรรมองไปที่หน้าต่างที่เปิดอยู่ เปียถามตกใจ
“อย่าบอกนะว่าพี่เลอสรรจะปีนหน้าต่างเข้าไป”
น้อยตกใจ ขณะที่เลอสรรพูดเสียงเข้ม
“พี่ก็ไม่อยากทำอย่างนั้นหรอกนะ แต่พี่อยากคุยกับน้อย พี่อยากรู้จริงๆว่าน้อยไปนอนในโลงได้ยังไง”
เลอสรรพูดจบก็เดินลงบันไดไป เปียร้องเรียกตกใจหวง
“อย่านะคะพี่เลอสรร”
น้อยตกใจจริงๆ
“อย่านะคะ พี่เลอสรร”
ผู้หญิงสองคน ร้องห้ามเหมือนกัน แต่แสดงออกไม่เหมือนกัน เปียมองเลอสรรที่พยายามปีนหน้าต่างเข้าไปหาน้อยด้วยหัวใจที่แหลกสลาย สายตาของเลอสรรมีแต่ความห่วงใยน้อย จนเปียต้องสะบัดหน้าเดินออกไป
น้อยยืนพะว้าพะวัง ไม่รู้จะทำยังไง เลอสรร พยายามปีนเข้ามา น้อยรีบมาห้าม
“อย่านะคะพี่เลอสรร อย่าเข้ามา”
“พี่แค่อยากรู้ มันเกิดอะไรขึ้นกับน้อย”
“แต่ถ้าน้าเย็นมาเห็น น้อยตายแน่ๆ”
“แต่ถ้าน้าเย็นรู้ ว่าพี่มาเพราะอะไร น้าเย็นต้องเข้าใจ”
เลอสรรกระโจนเข้ามาจนได้ มองน้อยจริงจัง
“เล่าให้พี่ฟังหน่อยนะ เล่าให้พี่ฟังอย่างละเอียด น้อยไปนอนในโลงได้ยังไง”
น้อยมองเลอสรรลำบากใจ
เปียเดินฮึดฮัดมา แต่พอเห็นเย็นที่เดินตรงมา เปียก็รีบเปลี่ยนท่าทีเป็นแอ๊บซื่อ
“น้าเย็นไปไหนมา”
“ไม่ต้องรู้ รู้แค่ว่าฉันมีเรื่องจะคุยกับแก”
“ก่อนจะคุยกับเปีย น้าเย็นไปดูที่บ้านก่อนมั้ย ตอนที่น้าเย็นไม่อยู่มันมีอะไร” เปียแกล้งซื่อ
“อะไร”
เปียตาละห้อย
“น้าเย็นไปดูให้เห็นกับตาดีกว่าค่ะ เดี๋ยวน้าเย็นจะหาว่าเปียสร้างเรื่องอีก”
เปียจะเดินไป เย็นเรียก
“อย่าคิด ว่าแกจะตบตาฉันได้ ต่อให้แกให้คนทั้งโลกมาเป็นพยาน ฉันก็เชื่อว่าแกเป็นคนร้าย”
เปียบีบน้ำตา
“น้าเย็นมองเปียในแง่ร้าย เปียเข้าใจ แต่น้าเย็นรู้มั้ย ยิ่งน้าเย็นทำแบบนี้ คุณพ่อคุณแม่เขาก็ยิ่งสงสัยเปีย สงสัยทั้งที่เปียไม่ได้ทำอะไรผิด”
“แกแน่ใจนะว่าแกไม่ได้ทำอะไรผิด” เย็นมองยิ้มเยาะ
“แน่ใจสิน้าเย็น” เปียย้ำยืนยัน
“แต่นายอุทัยไปดักเจอฉัน แล้วก็ยังคาดคั้น สงสัย จนฉันมั่นใจ แกต้องรู้อะไรมาแน่ๆ ถึงได้คิดกำจัดยัยน้อย”
เปียเบิกตากว้างแอ๊บไม่ทัน ตกใจจริงๆ
คุณหญิงถามอุทัย ท่าทีหัวเสียกังวล
“ตกลงคุยกันไม่รู้เรื่อง”
“จะรู้เรื่องได้ยังไงล่ะครับคุณแม่ เย็นเล่นโยกโย้ พูดอะไรไม่รู้ น่ารำคาญ”
“มันหาข้อแก้ตัวไม่ได้น่ะสิ”
“ยิ่งเย็นทำอย่างนั้น มันก็ยิ่งทำให้ผมสงสัย ทำไมเย็นถึงคิดว่าลูกเปียเป็นคนร้ายลวงหนูน้อยไปฆ่า”
คุณหญิงครุ่นคิดก่อนเปรยเบาๆ
“นั่นน่ะสิ...ถ้ายัยเปียรู้ ว่าอุทัยจะพาหนูน้อยไปตรวจดีเอ็นเอก็ว่าไปอย่าง”
“นั่นน่ะสิครับ ผมก็ยังสงสัยอยู่ เพราะที่เราคุย ก็คุยกันอยู่สองคน ขนาดวณียังไม่รู้เลยว่าผมจะทำอะไร”
สองคนมองหน้ากันกลุ้มใจ สงสัย
เปียหอบหายใจรัว แต่ทำเป็นไม่รู้เรื่อง ตีหน้าซื่อ
“เปียไม่รู้เรื่องอะไรจริงๆนะน้าเย็น แล้วเปียก็ไม่ได้เป็นคนหลอกน้อยไปทำร้ายด้วย” เปียกอดมือเย็นอ้อน “น้าเย็นเชื่อใจเปียนะ เปียไม่ได้ทำจริงๆ”
เย็นมองเปีย ดวงตาเปียมีแต่น้ำตา เป็นดวงตาที่เย็นไม่เคยเห็นมาก่อน จนทำให้
เย็นลังเล เปียเห็นอย่างนั้นก็ออดอ้อนต่อ
“จะให้เปียไปสาบานที่ไหนก็ได้ ตอนนี้เปียมีความสุขจริงๆ ทุกคนรักเปีย คุณพ่อก็ล้มเลิกที่จะตรวจดีเอ็นเอ ไม่มีเหตุผลอะไรเลยที่เปียจะฆ่าน้อย”
เย็นสับสนลังเล
“แต่ยัยน้อยยืนยันว่ามันตามแกไป”
“จะตามได้ยังไง ในเมื่อเปียนอนป่วย น้าเย็นคิดบ้างมั้ย ว่าน้อยเป็นคนสร้างเรื่องขึ้นมา”
เย็นมองเปีย สายตาของเย็นบอกไม่เชื่อ
“ตั้งแต่ตอนที่แผงไฟในตู้อบมันหล่นลงมาแล้ว...” เปียหลบตาเย็นพูดต่อ “ไม่มีใครเชื่อว่าน้อยเป็นคนทำ ทั้งๆที่น้อยเป็นคนเข้าไปในนั้น บางทีน้อยอาจจะเอาความเชื่อใจของทุกคน ทำในสิ่งที่คาดไม่ถึงก็ได้”
“เพื่ออะไร”
“ทวงตำแหน่งทายาทของอนุรักษ์ธานินคืนจากเปียน่ะสิคะ...”
เลอสรรคาดคั้นถามน้อย
“ตกลงน้อยจะไม่พูดอะไรใช่มั้ย”
“น้อยพูดไปหมดแล้ว”
“แปลว่า น้อยตามน้องเปียออกไปจริงๆ”
“น้อยบอกแล้วไงคะ น้อยตาฝาด”
“น้อย” เลอสรรมองผิดหวัง
“ในเมื่อพี่เลอสรร คุณวณี เห็นเปียอยู่ที่บ้าน เราจะเถียงกันเพื่ออะไรคะ”
“ความจริงไง”
“มีแค่น้อยกับเปียเท่านั้นค่ะที่รู้ว่าความจริงคืออะไร แต่ในเมื่อเปียยืนยันว่าเปียไม่สบาย น้อยก็คงตาฝาด กลับไปเถอะนะคะ”
“ไม่...”
น้อยอ่อนใจ
“พี่เลอสรร กลับไปเถอะค่ะ”
น้อยผลักให้ออกไป เลอสรรขืนตัวไว้ แล้วจับมือน้อย
“ไม่”
น้อยอ่อนใจ
“พี่เลอสรร”
เย็นไขกุญแจเข้ามา เสียงกุญแจทำให้สองคนหันไปมอง เป็นจังหวะเดียวกับที่เย็นเปิดประตูเข้ามา เห็นเลอสรรจับมือน้อยอยู่ในลักษณะน้อยแทบจะอยู่ในอ้อมกอดของเขา
เปียยืนนิ่งท่าทางไม่สบายใจ วณีเดินมาหา ปลอบ
“อย่าคิดมากเลยนะลูก”
เปียถอนหายใจ
“เปียกลุ้มใจนี่คะ ตะกี้ไปคุยกับน้อย น้อยก็บอกกับพี่เลอสรรว่าน้อยเห็นเปีย จะเป็นไปได้ยังไงคะคุณแม่ก็เห็น พี่เลอสรรก็เห็นว่าเปียไม่สบาย คุณแม่จับดูสิ เปียยังตัวร้อนอยู่เลย”
เปียจับมือวณีไปจับที่หน้าผากตัวเอง วณีจับเห็น เปียปกติ วณียิ้มเจื่อน เปียเห็นสีหน้าวณีก็อ้อน
“เปียไม่ได้ทำจริงๆนะคะคุณแม่ เปียไม่ได้ทำ”
“แม่เชื่อจ้ะ”
“แต่น้าเย็นไม่เชื่อ”
“เอาอย่างนี้ดีมั้ย แม่จะให้คุณรจนามาอยู่กับลูกดีกว่า เกิดอะไรขึ้น จะได้มีคุณรจนาเป็นพยาน ว่าลูกของแม่ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับใครทั้งนั้น.ดีมั้ยลูก”
“เอ่อ...” เปียหน้าเจื่อน
“แม่ว่าดีที่สุดเลยจ้ะ แม่จะโทรเรียกคุณรจนามาเลยนะ”
วณีเดินออกไป เปียมองตามหน้าเสีย ไม่กล้ากรี๊ด ตาวาวโรจน์ขัดใจ
วณีเดินออกมาหน้าบ้าน หยิบมือถือมาคุย
“คุณรจนาคะ ดิฉันขอรบกวนให้คุณรจนามาอยู่ดูแลลูกเปียได้เลยนะคะ...ขอบคุณมากค่ะ”
วณีวางสายแต่ต้องชะงักเมื่อเห็นเย็นเดินนำเลอสรรและน้อยเข้ามา เย็นหน้าบึ้ง วณีหันไปถาม
“มีอะไรจ้ะเย็น”
“คุณเลอสรรปีนเข้าไปหายัยน้อยถึงในห้อง คุณวณีคิดว่า ฉันควรจะทำอย่างไรดีคะ”
เปียเดินออกมา อึ้ง อย่างที่สุด ไม่คิดเย็นจะทำแบบนี้
คุณหญิงกับอุทัยเดินออกมาจากบ้าน อุทัยมีสีหน้ากลุ้มใจอย่างเห็นได้ชัด คุณหญิงหน้าเครียด แบบไม่รู้จะปลอบยังไงเหมือนกัน
“อย่ากลุ้มใจเลยน่า”
“ไม่กลุ้มได้ยังไงครับคุณแม่...นี่ขนาด...เล่นกันถึงตาย”
“มันก็จริง แม่เองก็ไม่รู้จะทำยังไงเหมือนกัน ยัยเปียก็หลาน ยัยน้อยก็” คุณหญิงเกือบพูดว่าหลานแต่ชะงักแบบคิดได้ “เป็นเด็กดี...”
อุทัยถอนหายใจกลุ้ม
“ผมควรเป็นคนเดินหมากนะครับคุณแม่ ไม่ใช่เป็นหมาก ให้ใครไม่รู้ จับไปเดิน”
เสียงมือถือดัง อุทัยรับ
“ว่าไงจ้ะวณี”
วณีอยู่ที่บ้านบอกกลุ้มใจ
“ตาเลอเข้าห้องไปหาหนูน้อย เย็นจะเอาเรื่องค่ะ”
คุณหญิงกับอุทัย เดินพรวดๆเข้าไปในบ้าน ท่าทางของสองคนร้อนใจ แตกต่างจากเย็นที่ไม่ได้หน้าบึ้ง แต่สีหน้าของเย็นเหมือนนิ่งสงบ น้อยหน้าแหย เปียตาวาวแต่ไม่กล้าออกฤทธิ์ วณีเห็นคุณหญิงก็ร้องเรียกร้อนใจ แบบคนหาที่พึ่ง
“คุณแม่”
คุณหญิงโบกมือห้ามวณี ถามเลอสรร
“บอกย่ามาซิ ตาเลอ เราปีนเข้าหาหนูน้อยเป็นเรื่องจริงหรือเปล่า”
“จริงครับ”
เปียรีบบอกทันที
“แต่เปียเป็นพยานได้นะคะ พี่เลอสรรกับน้อยไม่ได้มีอะไรกัน หรือน้อยบอกน้าเย็นว่ามี”
น้อยตกใจกลัวอาย
“เปล่านะ น้อยไม่ได้บอก”
“ผมยืนยันด้วยเกียรติของลูกผู้ชาย ผมไม่ได้ล่วงเกินน้อย แต่ถ้าน้าเย็นจะให้ผมรับผิดชอบน้อย ผมก็ยินดีและเต็มใจ”
ทุกคนหันขวับไปมองเลอสรรตาเป็นตาเดียว น้อย ตกใจ เย็นคาดไม่ถึง เลอสรรต่างจากอุทัยเปียเสียใจ คุณหญิงกับอุทัย เครียด
อ่านต่อหน้า 3
คมพยาบาท ตอนที่ 14 (ต่อ)
เย็นกับน้อยจะเดินขึ้นบ้าน เปียวิ่งตามไป
“น้าเย็น”
“แอ๊บแตกแล้วหรือคะคุณหนูเปีย” เย็นยิ้มรู้ทัน
น้อยมองเย็นกับเปีย สีหน้าไม่เข้าใจ สองคนมีอะไรกัน แต่ไม่ได้ระแวงอะไร
เมื่ออยู่ด้วยกันตามลำพัง เปียถามเย็นด้วยความเสียใจ
“น้าเย็นก็รู้ว่าเปียรักพี่เลอสรร น้าเย็นให้พี่เลอสรรแต่งงานกับน้อยทำไม”
“เพราะน้ารู้ คุณเลอสรรกับน้อยรักกัน”
“แล้วเปียล่ะ” เปียน้ำตาคลอ
“เปียได้ทรัพย์สมบัติ เปียได้เป็นทายาทของอนุรักษ์ธานิน ให้น้อยได้อะไรสักอย่างบ้างนะ”
“แต่ถ้าน้อยได้แต่งงานกับพี่เลอสรร นั่นก็แปลว่า...น้อยได้ทั้งทรัพย์สมบัติ ทั้งความรัก” เปียเสียงสั่นเริ่มคุมตัวเองไม่ได้ “น้าเย็นแก้แค้นประสาอะไร ให้สิ่งที่ดีที่สุดกับลูกของศัตรู”
“น้าคิดได้...ตอนน้อยหายตัวไปไงล่ะ”
เย็นจ้องมองเปีย หาความจริง ดวงตาของเปียสะท้าน รู้สึกเจ็บ แผนที่ตัวเองทำ มันให้ผลร้ายกับตัวเอง เย็นเห็นท่าทางของเปียก็บอก
“เจ็บใช่มั้ย ที่แผนที่แกทำ มันให้ผลร้ายกับตัวแกเอง”
เปียดวงตาหวาดหวั่น
“น้าเย็น”
เย็นนิ่งๆแต่รู้ทัน
“ต่อให้แกหลอกฉันยังไง สันดานแกมันก็ทำให้ฉันเชื่อไม่ได้ ว่าแกบริสุทธิ์ใจจริงๆ ให้ยัยน้อยมันบ้างเถอะ บางทีการยอมแพ้มันก็เป็นเรื่องที่มีศักดิ์ศรี มากกกว่าไปดันดุรัง ยื้อแย่งเอาชัยชนะมา”
เปียตาวาว ดวงหน้าบึ้งตึง โกรธก่อนเดินผละไป เย็นมองตาม ยิ้มเจื่อนๆพูดลอยๆ
“ฉันกำลังทำให้แกได้ทุกอย่าง อย่างสมศักดิ์ศรีที่สุด ยังไงคุณเลอสรรก็ไม่มีทางได้แต่งงานกับยัยน้อยหรอก...ยัยเปีย”
โต๊ะรับประทานอาหาร...เปียมีท่าทีเหม่อลอย กินข้าวไม่ได้ วณีมองห่วงใย
“ลูกเปีย ไม่เห็นกินอะไรเลยลูก”
เปียหน้าจ๋อยซึมเศร้า
“เปียกินไม่ลง ขอตัวนะคะ”
เปียเดินออกไป ทุกคนมองตาม วณีลุกเดินตามไป
เปียเดินเข้าห้อง ท่าทางเซื่องซึม วณีเดินตามเข้าไป
“เปียเสียใจเรื่องพี่เลอสรรหรือลูก”
“เปล่าค่ะ เปียแค่ยังรู้สึกไม่สบาย ขอบคุณคุณแม่มากที่ห่วงเปีย”
เปียกอดวณี ซบลงกับอก แต่สายตามีความเจ็บปวด ยังรู้สึก ไม่ไว้ใจวณี
วันใหม่...วณี ถามคุณหญิงกับอุทัยด้วยท่าทางเกรงใจ
“ตกลง...เรื่องตาเลอกับหนูน้อย คุณแม่ กับพี่อุทัย คิดเห็นอย่างไรคะ”
คุณหญิงนิ่งไปก่อนบอกหนักใจ
“แม่ไม่ได้รังเกียจหนูน้อย...แต่...แม่ก็รู้สึกอยู่ดีว่าหนูน้อยกับเลอสรรไม่ได้เหมาะสมกัน”
“พี่ก็ไม่ได้รังเกียจ แค่รู้สึก ตาเลอกับหนูน้อยยังเด็กเกินไป”
“วณีก็รู้สึกอย่างนั้นเหมือนกันค่ะ คุณแม่ขา...วณีไม่กล้า คุณแม่กรุณาช่วยไปพูดให้เย็นเข้าใจหน่อยนะคะ” วณีแอบยิ้ม
คุณหญิงมีทีท่าหนักใจ
น้อยในชุดนักศึกษา มองเย็นที่นั่งทำงานเหมือนไม่รู้สึกรู้สาอะไร น้อยบอกหน้าจ๋อย
“น้าเย็น...น้อยไม่อยากแต่งงานกับคุณเลอสรร”
“หุบปากเถอะน่า”
“งั้นน้อยไปเรียนนะคะ”
น้อยยกมือไหว้เย็นทำท่าจะเดินออกไปแต่ต้องชะงัก หน้าบ้านคุณหญิงเดินขึ้นมา น้อยยกมือไหว้คุณหญิง เย็นหันมามองพอเห็นคุณหญิง เย็นก็ยกมือไหว้นอบน้อม
“สวัสดีค่ะ”
“รู้ใช่มั้ยว่าฉันมาทำไม”
“ค่ะ...น้อยอย่าเพิ่งไป”
คุณหญิงมองงงๆ สายตาคำถามจะเรียกน้อยมาทำไม เย็นยิ้มบอก
“ก็คุณหญิงมาเรื่องของยัยน้อยกับคุณเลอสรรไม่ใช่หรือคะ”
คุณหญิงหน้ายุ่ง พูดเบาๆ
“แล้วแกจะเรียกยัยน้อยมาฟังทำไม”
“ก็มันเป็นเรื่องของยัยน้อย...เอ้านั่งฟัง พูดมาเลยค่ะ”
คุณหญิงมองน้อยอึกอัก ก่อนมองเย็นอย่างขย้ำ เย็นยิ้มน้อยๆบอก
“คุณหญิงไม่กล้าพูด...งั้นฉันก็จะพูดเอง คุณหญิงไม่เห็นด้วยเรื่องการแต่งงานของคุณเลอสรรกับยัยน้อย”
น้อยมอง คุณหญิงมองน้อย สุดจะอึดอัดใจ จำต้องพูดออกมา
“ก็หนูน้อยยังเด็กอยู่”
“งั้นก็แปลว่า ถ้ายัยน้อยไม่เด็ก เรียนจบ มีการมีงานทำ คุณหญิงก็ให้ยัยน้อยแต่งงานกับคุณเลอสรรได้ใช่มั้ยคะ” เย็นสวน
คุณหญิงหน้ายุ่ง มองน้อยเวทนา ไม่กล้าพูด ก่อนมองเย็นเคืองๆ เย็นหัวเราะพูด
“ไม่ได้...เพราะยัยน้อยกับคุณเลอสรรไม่ได้เหมาะสมกัน”
คุณหญิงมองน้อยที่นั่งหน้าจ๋อย มองเย็น อยากขย้ำเข้าไปใหญ่ เย็นหัวเราะอีก
“นังเย็น”
“ไม่ต้องพูดอะไรหรอกค่ะ ฉันว่า ฉันกับยัยน้อยเข้าใจ ถ้าอย่างนั้นให้คุณเลอสรรแต่งงานกับคุณหนูเปียเถอะนะคะ คุณเลอสรรจะได้เลิกยุ่งกับยัยน้อย และยัยน้อยของฉันจะได้ตัดใจจากคุณเลอสรรได้สักที”
วณีพูดออกมาอย่างดีใจ
“วณีเห็นด้วยกับเย็นนะคะ”
“แต่พี่ไม่เห็นด้วย” อุทัยขัดขึ้น
“ทำไมคะ ลูกเปียกับตาเลอไม่ใช่พี่น้องแท้ๆกันสักหน่อย แต่งงานกันได้อยู่แล้ว ดีซะอีกถ้าลูกเปียมีความสุข ลูกเปียจะได้หายจากการเป็นโรค”
อุทัยหงุดหงิด
“แล้วเราก็จะไปสร้างความทุกข์ให้กับตาเลอแทน เลิกพูดเรื่องนี้เถอะวณีมันวนอยู่ในรูปเดิม”
“แล้วพี่อุทัยจะทำยังไง อย่าบอกนะคะ ยังคาใจเรื่องตรวจดีเอ็นเออีก”
“พี่จำได้พี่เคยบอกวณีไปแล้ว ถึงพี่จะไม่ตรวจดีเอ็นเอยัยเปีย แต่พี่ก็ต้องรู้ให้ได้ ว่ายัยเปียเป็นลูกจริงๆของเรารึเปล่า”
คุณหญิงแทรกขึ้น
“แม่เองก็อยากรู้...ไม่ใช่แค่ยัยเปีย แต่แม่อยากรู้ ยัยน้อยด้วย”
“คุณแม่กับพี่อุทัยจะทำอะไร” วณีชะงัก
“แม่กับอุทัย อยากจะขอหนูน้อย ตรวจดีเอ็นเอ”
วณีตะลึงคาดไม่ถึง
อุทัยยื่นสัญญาฉบับหนึ่งให้วณีดู
“พี่ทำสัญญาไว้แล้ว กะจะให้เย็นดู สัญญาระบุทุกอย่าง ไม่ว่าผลการตรวจดีเอ็นเอของหนูน้อยจะเป็นอย่างไร เราจะรักและเลี้ยงดูยัยเปียเป็นลูกเหมือนเดิม รวมทั้งไม่เอาผิดกับเย็นด้วย พี่ว่าวิธีนี้ น่าจะเป็นทางออกที่ดีที่สุด สำหรับทุกคน”
อุทัยยื่นให้ วณีรับไปอ่าน
“เซ็นนะวณี เรื่องยุ่งๆจะได้จบลงสักที”
วณีมองอุทัย
เปียถือสำรับใส่เครื่องดื่มมา มองหาวณี
“คุณพ่อ คุณแม่ขา เปียทำน้ำผลไม้มาให้ค่ะ”
เปียกวาดตามองไม่เห็น
ในห้อง อุทัยมองวณีแกมขอร้อง วณีมองอุทัยก่อนจับปากกามาเซ็นชื่อในสัญญา เสียงเปียดังมา
“คุณพ่อคุณแม่ขา เปียทำน้ำผลไม้มาให้ค่ะ”
อุทัยกับวณีสะดุ้ง เป็นจังหวะเดียวกับที่เปียเปิดประตูเข้ามา ทันเห็นอาการของสองคน วณียิ้มกลบเกลื่อน
“น่ารักที่สุดเลยลูกแม่”
เปียเดินเข้าไปเอาน้ำผลไม้ให้ และก็เห็นอุทัยเก็บเอกสารลงในลิ้นชัก เปียทำเป็นไม่สนใจ ยิ้มแย้ม
“น้ำผลไม้ต้องดื่มทันทีที่คั้นเสร็จ เปียเลยรีบเอามาให้ ขอโทษนะคะที่รบกวน”
อุทัยยิ้ม
“ไม่ได้กวนอะไรเลยลูก”
“เปียลงไปก่อนนะคะ เชิญคุณพ่อคุณแม่ตามสบายค่ะ”
เปียเดินออกไป เปียสงสัยในสิ่งที่วณีกับอุทัยทำ
อุทัยเดินลงมากับวณี เลอสรรที่รออยู่เดินเข้ามาหาร้อนใจ
“เรื่องของผมกับน้อย ตกลงยังไงครับ”
“เย็นบอกไม่ให้เลอไปยุ่งกับหนูน้อยอีกจ้ะ”
“ทำไมครับ...ก็ผม ผมยินดีที่จะแต่งงานกับน้อย” เลอสรรงง
“ไว้เราค่อยคุยกัน น้าไปทำงานก่อน”
อุทัยเดินออกไป เลอสรรมองงงๆ วณีมองเลอสรรก่อนบอก
“คือ...น้า คุณย่า อยากให้เลอแต่งงานกับลูกเปียมากกว่าจ้ะ”
เลอสรรหน้าเสีย เปียเห็นอุทัยขึ้นรถขับไป วณีกับเลอสรรคุยกัน เปียรีบย่องเข้าไปบนบ้านทันที
เปียกวาดสายตามอง แอบย่องเข้าไปในห้องของอุทัยล็อกประตูก่อนตรงไปยังลิ้นชักหยิบเอกสารออกมาดูเห็นข้อความชัดเจน...
“ไม่ว่าผลการตรวจดีเอ็นเอ ของนางสาวมารยาท บัวแย้มจะออกมาเป็นอย่างไร ข้าพเจ้า นายอุทัย อนุรักษ์ธานิน และนางวณี อนุรักษ์นิน จะไม่เอาผิดกับนางสาวเย็น บัวแย้มแต่อย่างใด”
เปียเห็นเป็นลายเซ็น อุทัย วณี ดวงตาเบิกกว้าง เสียใจ โกรธ
เปียปิดประตูดังปัง ก่อนเดินไปรื้อข้าวของบนเตียงระบายอารมณ์ น้ำตาของเธอไหลออกมาเป็นทาง ยิ่งคิดยิ่งแค้น เปียหยิบมือถือขึ้นมา กดไปที่รูปของอุทัยกับวณี แล้วใช้แอพแต่งภาพ เป็นเลือดสาดกระเซ็น ท่วมหน้าของวณีกับอุทัย
น้อยในชุดนักศึกษาจะเดินออกไปเรียน เลอสรรเดินมาพอดี พอเห็นเลอสรรเธอก็รีบเดินออกไป แต่เลอสรรขวาง
“ถึงทุกคนอยากจะให้พี่แต่งงานกับน้องเปีย...แต่พี่จะแต่งงานกับน้อย”
น้อยยุ่งยากใจ อ่อนใจ
“พี่เลอสรร เลอสรร พี่รักน้อย....ใครก็ห้ามพี่ไม่ได้”
“น้อยเองนี่แหละค่ะ”
“น้อย”
“อย่าให้น้อยลำบากใจมากกว่านี้เลยนะคะ ขอให้เรื่องของเราจบกันสักที อย่าทำให้ชีวิตของน้อย...ต้องจบลงแบบน้าเย็นเลยค่ะ”
น้อยรีบเดินแยกไป เลอสรรกลุ้มใจมาก
“พี่ก็ไม่ยอมให้เป็นอย่างนั้นแน่ เพราะพี่รักน้อย รักจริงๆ”
น้อยเดินน้ำตาคลอออกไป เลอสรรกลุ้มใจ
ในฟิตเนต...เลอสรรออกออกกายด้วยความหงุดหงิด เสียงของวณีดังก้อง
“ทุกคนอยากให้เลอแต่งงานกับเปีย”
เลอสรรกลุ้มใจไม่อยากแต่ง เลิกเล่นเครื่องเล่น หยิบมือถือออกมามองเห็นเป็นรูปน้อยกับเย็น ที่แอบถ่ายเอาไว้เป็นมุมน่ารักอ่อนโยนของสองคน ยิ่งมองเลอสรรก็ยิ่งเสียใจ ได้แต่ถอนหายใจกลัดกลุ้ม เก็บมือถือในกระเป๋าเดินออกมา จังหวะที่หันมาชนเข้ากับมุกที่ทำความสะอาดฟิตเนตอย่างจัง
“ขอโทษครับ”
เลอสรรฉวยเอาผ้าขนหนูที่หล่นอยู่พื้น ไม่ได้เห็นมือถือที่หล่นอยู่ ก่อนเดินออกไป มุกเห็นมือถือก็ตาวาวรีบคว้าเอารวดเร็ว
มุกมาหลบมุมแอบดูมือถือ ยิ้มพอใจ
“เอาไปขายได้หลายเงินแน่ๆ”
มุกเอามือถือมาตรวจ เช็คดู
เลอสรรล้างหน้าล้างตาเสร็จ เช็ดหน้า จะหยิบเอามือถือ ก็ไม่เห็นเขาขมวดคิ้วเดินออกมาหาเจ้าหน้าที่
“ผมทำมือถือหาย รบกวนขอใช้มือถือหน่อยได้มั้ยครับ”
“ยินดีค่ะ” เจ้าหน้าที่ยื่นมือถือให้
เลอสรรรับมือถือ รีบกดเข้าเครื่องของตัวเอง
มุกกำลังดูมือถือ เห็นรูปน้อยกับเย็น แต่เห็นหน้าเย็นไม่ชัดเพราะน้อยบังตามลักษณะรูปที่เลอสรรแอบถ่าย มุกเขม้นตามอง มุกเขม้นมอง แต่ไม่แน่ใจ
“นังเย็นรึเปล่าวะเนี่ย”
เลอสรรโทรมา มุกที่ดูรูปอยู่สะดุ้งโหยงแต่สัญชาตญาณโจร มุกรีบกดมือถือปิดอย่างรวดเร็ว เลอสรรชักสีหน้า เจ้าหน้าที่ถาม
“มีคนรับมั้ยครับ”
“เขาปิดมือถือไปแล้วครับ” เลอสรรหน้ายุ่งเสียดาย
“ขอโทษนะคะ...เดี๋ยวเราจะตรวจสอบกับพนักงานให้อีกที ว่ามีใครเก็บได้หรือเปล่า”
“ขอบคุณครับ”
เลอสรรเดินกลับออกไปแบบหัวเสีย มุกมองมือถือนิ่ง ยังตัดสินใจไม่ได้ว่าจะทำอย่างไรดี
“ถ้าเป็นนังเย็น มันมาอยู่กับคนรวยๆๆแบบนี้ได้ยังไง”
ค่ำนั้น น้อยทำงานบ้านตามปกติ แต่ดวงหน้าเซื่องซึม เย็นมองเห็นใจถาม
“เสียใจมั้ย”
“เรื่องอะไรคะ”
“คุณเลอสรร”
“ไม่ค่ะ”
เย็นไม่เชื่อ
“จริงเหรอ”
“ค่ะ...” น้อยมองเย็น “น้อยจะเสียใจมากกว่า ถ้าไม่มีชีวิต อยู่ตอบแทนบุญคุณน้าเย็น”
น้อยมองเย็นน้ำตาคลอก่อนเขยิบมานั่งแทบเท้า
“น้าเย็นขา...คืนนั้น น้อยกลัวที่สุดในชีวิตเลย กลัวจะไม่ได้อยู่กับน้าเย็น”
เย็นมองทั้งรัก ทั้งระอา
“เขาถึงได้บอก ดีได้ แต่อย่าดีจนโง่”
“น้อยไม่ได้คิดว่าน้อยโง่...น้อยแค่เป็นห่วงเปีย น้อยไม่ได้บ้าไม่ได้ตาฝาด คืนนั้นน้อยตามเปียไปจริงๆ แต่น้อยไม่ได้คิดว่าเปียจะเป็นคนทำน้อย ที่น้อยเสียใจ ทำไมเปียต้องโกหกด้วย น้อยไม่เข้าใจ ทำไมเปียต้องโกหก”
“น้าก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่น้อยไม่ต้องเสียใจหรอก ซักวัน ความจริงก็ต้องปรากฏ อย่างที่เขาเรียกว่า กรรม ไง”
เย็นลูบผมน้อยเวทนา
ในครัว...ทุกคนกินข้าวกัน พร้อมคุยกันอย่างออกรสตื่นเต้น เอิบพูดขึ้น
“นี่ถ้าสัปเหร่อไม่เปิดโลงดู หนูน้อยถูกเผาทั้งเป็นแน่ๆ”
“มันต้องมีคนลวงหนูน้อยไปทำร้าย” ช้อยบอกเครียดๆ
หวานรีบบอก
“ใช่ๆ ฉันก็คิดอย่างนั้นแหละ นี่ถ้าคุณวณี กับคุณเลอสรรไม่บอกว่าคุณหนูเปีย นอนป่วยอยู่ที่ห้อง ฉันว่าคนร้ายต้องเป็นเธอแน่ๆ”
ลูกเต่าครุ่นคิด เพราะคืนนั้นเธอเห็นเปีย ขณะที่ประวิทย์ปกป้องเปีย
“คุณหนูไม่ใช่คนใจร้ายใจดำขนาดนั้นหรอก อีกอย่างคุณหนูจะฆ่าน้อยไปทำไม” ประวิทย์เดินออกไปแบบไม่อยากฟัง ไม่ชอบ
หวานตะโกนไล่หลัง
“โถ...พ่อพระเอก ทนฟังความจริงไม่ได้อีกแล้ว”
“ประวิทย์มันรักมันชอบของมัน จะไปว่าให้มันเสียใจทำไม แกเนี่ย”
จวนมองเห็นใจประวิทย์ ลูกเต่าเดินตามประวิทย์ออกไป
ประวิทย์เดินฮึดฮัดออกมาไม่สบายใจ ลูกเต่าเดินตามออกมาเรียก
“พี่ประวิทย์”
ประวิทย์หันมา ลูกเต่าบอก
“คืนนั้นคุณหนูไม่ได้ป่วยนะ ลูกเต่าเห็นคุณหนูไปไหนมาไม่รู้ แล้วย่องกลับเข้ามาในบ้านค่ะ”
ประวิทย์ตกใจมาก
ประวิทย์เดินกระวนกระวายในห้องก่อนตัดสินใจหยิบมือถือขึ้นมาโทร...เปียอยู่ในห้อง หน้าตาบูดบึ้งเครียด ได้ยินเสียงโทรศัพท์ รีบคว้ามือถือมาดู เปียพอเห็นประวิทย์ก็หน้าหงิก
“จะโทรมาทำไมวะ”
เปียกดสายทิ้ง ประวิทย์ร้อนใจ กดโทรอีก เปีย กดทิ้งอีก ประวิทย์รู้ เปียหลบหน้าส่งข้อความหยิบมาหงุดหงิดอ่าน
“มาหาผมด่วนวันที่เกิดเรื่องมีคนเห็นคุณหนูไม่อยู่บ้าน”
เปียตกใจ หน้าซีดเผือด คาดไม่ถึง
เปียก้าวฉับๆเข้าไปในบ้าน ประวิทย์รออยู่ ทันทีที่ประตูปิด เปียก็ถามร้อนใจ
“ใคร ใครเห็นอะไรเปีย”
“ไม่ต้องรู้หรอกครับว่าใคร ผมแค่อยากทราบ มันจริงรึเปล่า”
“ไม่จริง”
“แต่คนที่เห็นเขายืนยัน คุณหนูหลอกน้อยออกไปใช่มั้ยครับ”
“พูดอะไรปัญญาอ่อน”
ประวิทย์จริงจัง
“ก็มันจริงมั้ยล่ะครับ”
เปียมองเอาเรื่อง
“ถ้าประวิทย์พูดอะไรปัญญาอ่อนแบบนี้อีก เปียจะตบประวิทย์ให้สมองไหลเลย”
“ถึงคุณหนูจะไม่ยอมรับ ผมก็เชื่อว่าเป็นเรื่องจริง เพราะท่าทางของคุณหนูมันฟ้อง และถ้าเราคุยกันดีๆไม่ได้...เรื่องคงต้องถึงคนอื่น”
เปียหอบหายใจแรงอย่างโกรธจัด แต่ไม่โต้ตอบ เดินไปแบบไม่แคร์
เปียเปิดประตูเข้าห้อง ท่ามกลางความมืด ยืนตัวสั่นอยู่หน้ากระจก เธอนึกถึงคำพูดของเลอสรรที่บอกว่ายินดีแต่งงานกับน้อย...เปียนึกถึงเหตุการณ์ที่วณีกับอุทัยจะเอาไปให้เย็น และประวิทย์บอกเรื่องคงต้องถึงคนอื่น เปียเครียด ยกมือกุมหัว จนต้องควานเอายาแก้ปวดที่ซื้อเองมากินลนลาน...ด้านนอกห้อง เสียงอุทัยกับวณีคุยกันดังมา
“ผมไม่ยักกะเห็นคุณรจ”
“ติดธุระอยู่น่ะค่ะ บอกว่าจะมาพรุ่งนี้”
“ก็ดี...คุณรจจะได้ดูแลลูกเปียอย่างใกล้ชิด เป็นหูเป็นตาแทนเรา”
เปียยืนกำมือแน่น ดวงตาเหลือกโพลงโกรธ ค่อยเดินไปเปิดตู้เสื้อผ้าหยิบถุงดำ พร้อมควักเสื้อผ้าคืนเกิดเหตุออกมาดู เปียมีแต่ความวิตกกังวล ว้าวุ่นใจ
ประวิทย์กลุ้มอยู่ในห้อง ก่อนตัดสินใจเดินออกมาทันที...เปียค่อยๆเปิดประตูออกมาจากห้อง พร้อมถุงดำ กวาดสายตามอง พอไม่เห็นใคร ก็วิ่งลงไปข้างล่างอย่างรวดเร็ว...
เปียวิ่งลงมาจากบันไดด้วยความรวดเร็ว จะออกนอกบ้าน แต่ต้องชะงักเมื่อเจอเลอสรรเดินอยู่ ท่าทางกลัดกลุ้ม เปียหน้าซีด มองถุงดำในมือ จะทำอย่างไรดี เปียสะดุ้งโหยง เมื่อมีเสียงฝีเท้ากำลังย่ำลงบันไดมา เธอหันไปมองก็เห็นปลายเท้าของอุทัย มองไปหน้าบ้านก็เห็นเลอสรร มือของเธอที่กำถุงดำอยู่เหงื่อแตกพลั่ก เธอพะว้าพะวง
อุทัยเดินลงมา เลอสรรอยู่หน้าบ้าน เปียยืนอยู่ตรงกลาง ทันใด ประวิทย์เดินตรงมาหาเลอสรร
“ผมมีเรื่องอยากจะคุยด้วย” ประวิทย์บอกเลอสรร
เลอสรรเดินไปกับประวิทย์ เปียได้โอกาสถือถุงดำวิ่งออกไปอย่างเร็ว อุทัยเดินลงมาพอดี...เปียวิ่งไปหน้าบ้าน กวาดสายตามอง ก่อนหย่อนถุงดำลงถังขยะอย่างรวดเร็วถอนหายใจโล่งอก
เลอสรรกับประวิทย์ ยืนคุยอยู่มุมลับตาคน
“มีอะไรประวิทย์”
ประวิทย์ว้าวุ่นใจ
“ลูกเต่าบอกผมว่า...คืนที่น้อยถูกคนทำร้าย ลูกเต่าเห็นคุณหนูเปีย”
“เห็นที่ไหน” เลอสรรตกใจ
“ลูกเต่าไม่ได้บอกครับ เล่าแค่ว่า...เห็นคุณหนูวิ่งกลับเข้ามาในบ้าน”
เลอสรรอึ้งกับสิ่งที่ได้ยิน
“ผมรู้ว่าสิ่งที่ผมพูด ไม่เกิดผลดีกับคุณหนู แต่ผมคิดว่าผมปล่อยให้เรื่องเป็นแบบนี้ไม่ได้ ไม่ว่าคุณหนูจะมีส่วนเกี่ยวหรือไม่เกี่ยวกับการที่น้อยถูกทำร้าย แต่น้อยไม่ควรถูกมองว่าเป็นคนโกหก”
เลอสรรถอนหายใจ โล่งใจเรื่องน้อย แต่กลุ้มเรื่องเปีย
เปียรีบกลับเข้ามาในบ้าน แต่พอเข้ามาในบ้านก็ต้องชะงักเมื่อเจออุทัยยืนมองอยู่อย่างจับสังเกต
“ไปไหนมาลูก”
เปียคิดหาทางออก
“เอ่อ...คือ...คือ...เปียเห็นประวิทย์มาหาพี่เลอสรรเลยตามออกมาดูค่ะ”
“ประวิทย์มาหาเลอสรรทำไม”
อุทัยมองไม่ไว้ใจ ระแวง กลัวเปียโกหก
“เปียไม่ทราบค่ะ” เปียมองตาแป๋ว ยืนยันฉันไม่ได้โกหก
เลอสรรเดินกลับมากับประวิทย์ เปียรีบบอกอุทัย
“นั่นไงคะมากันแล้ว”
อุทัยหันไปมองเห็นประวิทย์เดินมากับเลอสรรจริงๆ อุทัยถามทันที
“คุยอะไรกัน”
เลอสรรมองเปียแต่บอกอุทัย
“เปล่าครับ”
เปียมองประวิทย์ ท่าทางของประวิทย์มีพิรุธชัดเจน เปียมองอย่างระแวง อุทัยก็มองเลอสรรระแวงสงสัยเหมือนกัน
เลอสรรจะเดินขึ้นบ้าน อุทัยร้องเรียก
“เดี๋ยวก่อนเลอ”
“ครับคุณน้า”
“ไม่ได้คุยอะไรกับประวิทย์แน่เหรอ” อุทัยสงสัย
เลอสรรเงียบไปนิดก่อนตอบ
“เปล่าจริงๆครับ”
อุทัยมองจ้อง
“ถ้ามีเรื่องอะไรเกี่ยวกับยัยเปีย เลอไม่ควรปิดน้า เพราะมันอาจจะทำให้เรื่องเลวร้ายไปใหญ่”
เลอสรรมองหนักใจ
“ครับคุณน้า”
อุทัยมองหน้าเลอสรรค้นหาความจริง เลอสรรเลี่ยง ไม่อยากให้อุทัยกลุ้มใจ เปียแอบมองตาวาว ระแวง แค้น ไม่พอใจทุกคน
อ่านต่อหน้า 4
คมพยาบาท ตอนที่ 14 (ต่อ)
วันใหม่...เปียเดินฉับๆกำลังจะออกนอกบ้าน ภาพในความคิดของเธอเป็นภาพ อุทัย วณี น้อย นอนคลานอยู่กับพื้น แต่ละคนต่างโดนวางยา อาเจียน...เปียยิ้มเหี้ยมกับสิ่งที่คิด เลอสรรเดินตามเปียออกมา
“เดี๋ยวก่อนน้องเปีย”
เปียหันมามองเลอสรร ปรับสีหน้าปกติ
“คะพี่เลอ”
“จะไปไหน”
“เอ่อ...เดินเล่นแถวนี้ค่ะ”
เลอสรรจ้องมองเปียจับสังเกต
“น้องเปียหายดีแล้วเหรอ”
“ก็...ไม่ค่อยสบายค่ะ เดี๋ยวเดินเล่นเสร็จ เปียก็จะกลับไปนอนแล้วค่ะ”
“เหมือนคืนนั้นใช่มั้ย น้องเปียไม่สบาย...แต่มีคนเห็นน้องเปียออกมาเดินเล่น”
เปียหน้าซีดเผือด มองเลอสรรหวาดระแวง เลอสรรกระชากแขนเปียถาม
“ใช่มั้ย”
“เปล่านะคะเปียเปล่า...”
“พี่ไม่เชื่อน้องเปีย พี่เชื่อน้อย”
เปียเสียงแผ่วๆใจหาย ถามเจ็บปวด
“แปลว่า...พี่เลอสรรไม่เชื่อคุณแม่ ไม่เชื่อแม้กระทั่งตัวเอง แต่เชื่อน้อยใช่มั้ยคะ” เปียมองตำหนิเลอสรร
เลอสรรชะงักไปได้สติ เปียรีบพูดต่อ
“เปียรู้...ว่าพี่เลอสรรรักน้อย เลยเข้าข้างน้อยทุกอย่าง แต่เข้าข้างจนดูถูกคุณแม่ ดูถูกตัวเอง เปียว่ามันไม่ถูกต้องค่ะ” เปียตีหน้าเศร้าหมุนตัวกลับ
เลอสรร อึ้งไปกับคำพูดของเปีย
ประวิทย์อยู่ในห้อง ต้องสะดุ้งเฮือกเมื่อมีเสียงเคาะประตูดังปังๆ เสียงเปียดังดุดัน
“ประวิทย์เปิดประตู เปิด”
“คุณหนู”
ประวิทย์รีบเปิดประตู พอเปิดออกไป ก็เจอเปียหน้าบึ้งตึงเอาเรื่องชี้หน้า
“ห่วงนังน้อยมากใช่มั้ย ถึงได้หักหลังฉันน่ะ”
“แปลว่าคุณหนูยอมรับแล้วใช่มั้ย ว่าคืนนั้นคุณหนูหลอกน้อยออกไป”
“เออ...แล้วไง”
เปียลอยหน้าลอยตาเย้ย ประวิทย์ผิดหวังสลด
“คุณหนู”
“เอาเล้ยประวิทย์ เอาเลย อยากทำอะไรก็ทำ ฉันจะคอยดู ว่าแกจะปกป้องยัยน้อยได้นานแค่ไหน” เปียเน้น หยาม ผลักไหล่ “ไอ้ประวิทย์”
เปียหันหลังจะเดินไป ประวิทย์ร้องบอก
“ผมจะปกป้องจนกว่า น้อยกับคุณเลอสรรจะได้แต่งงานกัน”
“มันไม่มีวันนั้นหรอก”
เปียมองรังเกียจท้าทาย ประวิทย์เสียใจ
“งั้นมีวิธีไหนมั้ย ที่จะทำให้ผมตัดใจจากคุณหนูได้...ถึงวันนี้ผมหมดแรง ที่จะรักคนใจร้ายใจดำอย่างคุณหนูแล้ว”
เปียหัวเราะหยัน
“มีสิ...ไปตายไง”
เปียเบ้ปากสะบัดหน้าเดินไป ประวิทย์มองเจ็บปวด ได้แต่ทุบผนังบ้าน พึมพำทั้งน้ำตา
“คนโง่เพราะความรัก เป็นอย่างผมนี่เอง”
ประวิทย์มองตามเปียอย่างเสียใจ
เปียเดินพรวดๆจากบ้านของประวิทย์ออกมายังสวน ตาวาวอย่างร้ายกาจ
“ไม่มีใครขวางฉันได้หรอก”
เปียเดินพรวดออกไป
เปียเดินมายังร้านโชห่วยขายของในตลาด คนขายถาม
“เอาอะไรครับ”
“ยาเบื่อหนูโหลนึง”
คนขายเอายาเบื่อหนูใส่ถุงยื่นให้อย่างมีแผน
เปียเดินมายังบริเวณที่พักของเย็น เห็นน้อย ง่วนอยู่ในบ้าน เปียมองน้อย ยิ้มเจ้าเล่ห์ ก่อนหยิบยาเบื่อหนูออกจากถุง เก็บเอาไว้ซองหนึ่ง ส่วนที่เหลือวางทิ้งไว้บริเวณนั้นก่อนเดินมา...น้อยเดินลงบันไดมาพร้อมถุงขยะ แต่ต้องชะงักเมื่อมองเห็นซองยาเบื่อหนูเป็นโหลกองอยู่ น้อยหยิบขึ้นมามองอย่างแปลกใจ
น้อยนึกถึงในอดีต...สมัยตอนอยู่ที่ตาก เปียถือซองยาเบื่อหนูมาเป็นกำ
“เปีย...เอายาเบื่อหนูมาจากไหนเยอะแยะ” น้อยถามอย่างตกใจ
“ก็น้าเย็นซื้อมาเบื่อหนูไง” เปียยิ้ม
“แล้วเปียเอามาทำไม”
เปียยิ้มตาร้ายออกจิต
“เอามาเบื่อหมาของยายฟัก”
“จะไปทำมันทำไม”
“ก็เกลียดยัยฟัก ปากมาก ชอบเอาเรื่องเปียไปฟ้องน้าเย็น ให้น้าเย็นตีเปีย”
“แต่หมาไม่เกี่ยวอะไรนะ”
“งั้นเบื่อยายฟักแทนดีมั้ย จะได้หุบปาก ตายๆไปซะที” เปียยิ้มโหดร้าย
น้อยกำซองยาเบื่อหนูแน่น มองกังวล
“น้าเย็นซื้อยามาเบื่อหนูอีกแน่ๆ...แล้วถ้าเปียเจอ”
น้อยเบิกตาโพลงกลัว เย็นเดินลงมาเห็น
“ทำอะไรน่ะน้อย”
น้อยอึกอักกลบเกลื่อน
“จะเอาขยะไปทิ้งน่ะค่ะ”
“ก็รีบเอาไป มายืนเก้ๆกังๆทำไม”
“ค่ะน้าเย็น”
น้อยรีบเดินออกไป เย็นมองตามไม่ได้สงสัยอะไร
น้อยเดินลิ่ว มือหนึ่งถือถุงขยะ อีกมือหนึ่งถือซองยาเบื่อหนู ไปยังถังขยะหน้าบ้าน น้อยไปเปิดถังขยะ จะเอาถุงขยะไปหย่อนทิ้งแต่แล้วน้อยก็ชะงัก เห็นถุงดำ ภายในถุงมีเสื้อแล่บออกมา น้อยมองแล้วล้วงเอาถุงดำขึ้นมาดู เห็นเป็นเสื้อของเปียขะมุกขะมอม สภาพเหมือนเปื้อนดิน น้อยยืนใจสั่น หน้าแหย ไม่กล้าคิดอะไรมาก จวนจะมาทิ้งถังขยะ เห็นน้อยยืนหันหลังในมือกำอะไรบางอย่าง จวนไม่เห็นเสื้อ
“ทำอะไรน้อย”
น้อยสะดุ้ง ซองยาเบื่อหนูนับสิบที่ถือในมือร่วงลงกับพื้นพร้อมๆกับถุงดำเสื้อเปีย อารามที่น้อยห่วงเปีย น้อยรีบคว้าเอาถุงดำพร้อมยาเบื่อหนูรวบๆลงถังขยะบอก
“น้อยเอาขยะมาทิ้งค่ะ”
“แล้วมองอะไรตั้งนาน”
“ปะเปล่าค่ะ น้าจวนจะเอาขยะมาทิ้งใช่มั้ยคะ”
น้อยเดินมาเอาถุงขยะจากจวนไปหย่อนลงในถังอย่างมีพิรุธ จวนมองเห็นที่พื้นมีซองยาเบื่อหนู น้อยก้มหน้ารีบเก็บยาเบื่อหนูที่ยังเหลือที่พื้น ทิ้งถังขยะ ก่อนบอก
“เข้าบ้านเถอะค่ะน้าจวน”
น้อยเดินลิ่วเข้าบ้าน จวนมองตามไม่เข้าใจ
น้อยเดินตรงมาที่บ้านอย่างครุ่นคิด เรื่องเสื้อของเปีย น้อยจะเดินขึ้นบันไดแต่เปลี่ยนใจเดินกลับไป...บนบ้านเย็นเห็นน้อยเดินลิ่วไป ก็เรียก
“น้อย จะไปไหนน่ะน้อย น้อย”
น้อยไม่หัน เย็นมองสงสัย แต่ไม่ได้ตาม
น้อยเดินเข้าไปในบ้านของอุทัย อย่างเกรงใจไม่กล้าเข้าบ้าน แต่ร้อนใจ...เปียนั่งอยู่พอดี พอเห็นเปีย น้อยก็เดินเข้าไปหา
“เปีย...น้อยมีเรื่องอยากคุยด้วย”
เปียสะดุ้งมองน้อยระแวง
“เปียไม่ค่อยสบาย ไว้วันหลังได้มั้ย”
“ไม่ได้...น้อยอยากรู้ ตะกี้น้อยไปทิ้งขยะ น้อยเห็นเสื้อผ้าของเปียอยู่ในนั้น”
เปียอึกอักก่อนบอก
“อ้อ...มันเก่าแล้ว เปียเลยเอาไปทิ้ง”
“แต่น้อยจำได้ มันเป็นชุดที่เปียใส่ไปหาน้อย วันที่น้อยถูกทำร้าย”
“น้อยคงไม่ได้คิดว่าเปียคนทำร้ายน้อยใช่มั้ย”
น้อยกลุ้มใจหนักใจ
“งั้น...เปียบอกน้อยได้มั้ย ทำไมเสื้อผ้าของเปีย มันถึงได้เปื้อนดิน”
เปียหัวเราะขำ
“ก็...ก็แค่ เปียหกล้มที่สนาม น้อยนี่ถามอะไรไร้สาระ”
“ไม่ไร้สาระหรอกเปีย บอกลุงสัปเหร่อแค่เล่าให้ฟัง เหมือนแกจะกระชากขาคนร้ายจนล้มด้วย” น้อยจ้องหน้าเปีย
เปียมองน้อยอึกอัก มีพิรุธไม่รู้จะแก้ตัวยังไง เลอสรรเดินเข้ามา
“คุยอะไรกันอยู่จ้ะ”
เลอสรรมอง สองคนไม่มีใครตอบ
มุก ทำความสะอาดฟิตเนตพลางควักมือถือของเลอสรรมาดู เขายิ้มอย่างมีแผนบางอย่าง จึงเดินไปหาเจ้าหน้าที่เคาน์เตอร์
“เก็บมือถือได้”
“ลูกค้าหาอยู่พอดีเลย เธอทำดีมาก ชด”
เจ้าหน้าที่รับโทรศัพท์มา แล้วยกโทรศัพท์ของฟิตเนตโทรหาเลอสรร มุกมองใจจดจ่อ
เลอสรรมองสองสาว
“ว่าไง คุยอะไรกัน พี่ถามแค่นี้ทำไมไม่มีใครตอบ”
เปียกับน้อยอึ้ง เสียงโทรศัพท์บ้านดัง เปียรีบมองไปที่โทรศัพท์
“เดี๋ยวเปียไปรับโทรศัพท์”
“เดี๋ยวพี่รับเอง” เลอสรรเดินไป
น้อยมองหน้าเปีย น้ำตาคลอๆ กลัวคำตอบเหมือนกัน
“เปียบอกน้อยมาดีกว่า ความจริงมันคืออะไร”
เปียทำท่าจะเป็นลม เวียนหัว
“น้อย...เปีย...เปีย...”
น้อยตกใจ
“เปีย”
เลอสรรเดินไปรับโทรศัพท์
“สวัสดีครับ...ครับ...ผมเลอสรรครับ...ขอบคุณมากครับ เดี๋ยวผมไปรับคืนเดี๋ยวนี้เลย”
เลอสรรดีใจวางสายเดินกลับมา
เปียทำท่าไม่สบาย น้อยเป็นห่วง เลอสรรเดินมา
“อ้าว น้องเปียเป็นอะไร”
“ไม่สบายน่ะค่ะ...พี่เลอสรร พาเปียไปหาหมอหน่อยนะคะ” เปียจับหัวตัวเองมึนๆ
“อ้าว เป็นไร ตะกี้ยังดีๆอยู่เลย พอดีพี่จะรีบไปเอาโทรศัพท์”
น้อยเห็นพิรุธเปีย
“พี่เลอสรรไปเถอะค่ะ เดี๋ยวน้อยจะดูเปียเอง”
เลอสรรไมได้ติดใจอะไร
“งั้นฝากน้องเปียด้วยนะน้อย เดี๋ยวพี่มา”
เลอสรรเดินออกไป น้อยจับมือเปียออกจากหัว
“เปีย...เลิกเล่นได้แล้ว เรามาคุยกันดีๆ น้อยอยากรู้ความจริง”
“ความจริงอะไรน้อย...ก็เปียป่วย เปียไม่สบาย น้อยนี่พูดจาไม่รู้เรื่อง เปียขี้เกียจพูดด้วยแล้ว”
เปียลุกหนีไปเลย น้อยคาใจ
“เดี๋ยวก่อนเปีย...เดี๋ยว”
น้อยรีบตามเข้าไป
เปียวิ่งเข้าไปในห้อง จะปิดประตู น้อยวิ่งตาม
“เปียเดี๋ยวเปีย”
น้อยดันประตูไม่ให้ปิด เปียไม่พอใจ
“นี่มันบ้านเปียนะ ทำอย่างนี้ได้ยังไง ไม่มีมารยาท”
น้อยร้อนรน
“น้อยยอมเสียมารยาท เพราะน้อยทนไม่ไหวแล้ว”
วณีเดินออกมาจากห้องเห็น
“อะไรกันลูกอะไร” วณีรีบเดินมา
เปียแอ๊บ
“เปียไม่สบายน่ะค่ะคุณแม่ น้อยขึ้นมาส่ง ขอบใจมากนะน้อย” เปียทำท่าจะหมดแรง “เปียขอโทษ...ที่ไม่ได้คุยด้วย เปียไม่ไหวจริงๆ”
วณีจับหน้าจับตา
“ไปหาหมอมั้ยลูก”
เปียทำเสียงแผ่วๆตาปรือๆ
“ไม่เป็นไรค่ะคุณแม่ เปียจะกินยา แล้วจะนอนเลย”
“กินยา แล้วกินข้าวรึยัง เดี๋ยวแม่ไปต้มข้าวต้มให้นะลูก รอเดี๋ยว”
“ขอบคุณค่ะคุณแม่” เปียหันมาหาน้อย ตามีแววเยาะ “ขอโทษด้วยนะจ้ะน้อย”
เปียปิดประตู ยิ้มร้าย
วณีเดินไปที่ครัว หยิบอุปกรณ์ เครื่องปรุงจะทำข้าวต้ม น้อยรีบบอก
“น้อยทำให้นะคะ”
วณียิ้มเอ็นดูมาก
“ขอบใจจ้ะ เอาข้าวสวยต้มเลยน้อย จะได้สุกเร็วๆ”
วณีกุลีกุจอ เลื่อนข้าวสวยให้น้อย ขณะถาม
“แล้วคุยอะไรกันกับลูกเปียเหรอ”
“อ้อ...เรื่องทั่วๆไปค่ะ ไม่มีอะไร” น้อยยิ้มบอก
วณียิ้ม ยังไม่ทันซัก เสียงกริ่งก็ดังขึ้น
“อ้าว…ใครมา เดี๋ยวฉันไปดูก่อนนะ”
“ค่ะ”
วณีเดินออกไป น้อยทำข้าวต้มต่อ
เปียเดินไปที่ลิ้นชัก ก่อนล้วงเอายาเบื่อหนูที่เก็บเอาไว้ขึ้นมา
“รนหาที่นัก ฉันจะโยนความผิดทุกอย่างให้แก นังน้อย”
เปียยิ้มร้ายเดินออกไป
อ่านต่อตอนที่ 15