xs
xsm
sm
md
lg

คมพยาบาท ตอนที่ 10

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


คมพยาบาท ตอนที่ 10

เลอสรร หยิบรูปของน้อยที่วาดไว้เห็นร่องรอยของการถูกเปียฟาดมาดู เขาค่อยๆลูบรูปของน้อยแผ่วเบาทะนุถนอม นึกถึงที่น้อยเล่าว่า ที่บ้านของเธอมีแต่คนรังเกียจเขายิ่งมองก็ยิ่งรักและสงสารน้อยจับใจ
 
เลอสรรนึกถึงที่วณีขอให้เขาแต่งงานกับเปีย เขาคนเดียวจะช่วยเปียได้เลอสรรถอนหายใจ หน้าบึ้ง บอกกับตัวเองว่า เขาไม่มีทางแต่งงานกับเปียแน่

เลอสรรเดินออกมาจากบ้าน เห็นวณีนั่งอยู่มุมหนึ่ง ท่าทางของวณีดูเศร้า ทุกข์ เลอสรรมองทั้งรักและเห็นใจก่อนเดินไปหานั่งลงข้างๆถามอ่อนโยน
“คุณน้าดูหน้าตาเซียวๆไปนะครับ”
“เดี๋ยวนี้ น้านอนไม่ค่อยหลับน่ะจ้ะเมื่อคืน...ยิ่งนอนไม่หลับเลย”
เลอสรรรู้สึกผิด
“ถ้าเป็นเพราะผม...ผมขอโทษนะครับคุณน้า...แต่...เรื่องจะให้แต่งงานกับน้องเปีย...ผม...ทำไม่ได้”
อุทัยเดินมาได้ยิน เลอสรรพูดต่ออ้อนวอนจริงจัง
“ให้ผม...ตอบแทนพระคุณของคุณน้า อย่างอื่นได้มั้ยครับ”
วณียิ้มรีบบอก
“อย่าพูดเรื่องบุญคุณเลยจ้ะ น้ารักเลอเหมือนลูกเหมือนหลาน ที่น้านอนไม่หลับก็แค่สงสารลูกเปีย...ชีวิตแกช่างอาภัพพอมีความรัก...แอบรักเลอ แกก็อกหักตั้งแต่ยังไม่ได้เริ่ม ลูกเปียน่าสงสารจริงๆนะจ้ะเลอ”
อุทัยมองวณีไม่ค่อยพอใจ แต่เลอสรรรู้สึกผิดหนักใจพูดเสียงแผ่ว
“ครับน่าสงสาร...”
วณีแอบอมยิ้ม พยายามพูดให้เลอสรรคล้อยตาม
“ถ้าเลอสงสารน้อง...รักน้องบ้างได้มั้ยจ้ะน้องจะได้มีกำลังใจ ที่จะสู้อยู่กับโรคร้ายต่อไป”
เลอสรรหนักใจยิ่งกว่าเดิม อุทัยไม่พอใจ

อุทัยบอกกับวณีด้วยท่าทางไม่พอใจ
“พี่ไม่ชอบใจเลย ที่วณีไปบอกกับเลอสรรอย่างนั้น”
เปียที่จะเดินเข้ามา ได้ยินพอดี เปียหลบมุมแอบฟัง
“ทำไมคะ วณีแค่บอก ไม่ได้ขู่ ไม่ได้บังคับตาเลอสักหน่อย”
“แต่วณีกำลังทำความลำบากใจให้เลอสรร ทางที่ดี วณีควรบอกกับยัยเปียตรงๆ ว่าเลอสรรรักหนูน้อย”
เปียตาเป็นประกายวาวโรจน์ด้วยความอิจฉาริษยาวณีตาหวาดหวั่น รีบบอก
“ไม่ได้ค่ะ...วณีกลัวลูกเปียเสียใจแกยิ่งไม่สบาย ถ้าแกรู้ว่าตาเลอไม่ได้รัก วณีกลัวลูกเปียจะฆ่าตัวตาย”
“แต่มันไม่ใช่การแก้ปัญหานะวณีคนเราต้องอยู่กับความจริงยัยเปียควรได้รู้ความจริง”
“ก็บอกแล้วไงคะ วณีกลัวลูกเปียจะฆ่าตัวตาย หรือพี่อุทัยอยากจะให้ลูกเปียฆ่าตัวตาย จะได้เอาเลือดไปตรวจดีเอ็นเอให้สาแก่ใจ”
อุทัยหงุดหงิดใจ และระอามาก
“วณี! อย่ารักอย่าหลงลูกจน ไร้สติ”
“พี่อุทัยดาวณี”
อุทัยปราม ดุจริงจัง
“จะเรียกว่าอะไรก็ได้...แต่วณีต้องมีสติ”
“พี่อุทัย”
เปียมองอุทัยด้วยสายตาที่ไม่ชอบใจเลย ตาวาวโรจน์ รจนาเดินเข้ามา แต่ชะงักเมื่อเห็นท่าทีของอุทัยกับวณีรจนารีบบอก
“ขอโทษค่ะ”
“ไม่เป็นไรครับ คุณรจนามีอะไร”
วณีมองรจนาไม่พอใจ ก่อนเหลือบตามองอุทัยขวางๆ
“รจไปปรึกษาลุงหมอ เล่าอาการ รวมทั้งเอาคลิปวีดีโอที่แอบถ่ายคุณเปียไปให้ดู ลุงหมอเลยสั่งเปลี่ยนยามาให้คุณเปียแล้วค่ะ”
“ไหนคะยา”วณีเหวี่ยงนิดๆ
“นี่ค่ะ”รจนายื่นขวดยาให้
“เดี๋ยวฉันจะเอาไปให้ลูกเปียกินเอง...คุณรจนาจะได้อยู่ดูแลพี่อุทัย”
วณีมองอุทัยเดินเหวี่ยงออกไป รจนามองอุทัยงุนงง
“คุณวณีเป็นอะไรรึเปล่าคะ”
“คงเครียดเรื่องลูกเปียมากน่ะครับ ไม่มีอะไร”
อุทัยระอามองตามเหนื่อยใจ

วณีเคาะประตูห้องของเปีย
“ลูกเปีย ลูกเปียจ๋า” วณีไม่ได้รอฟังคำตอบเปิดเข้าไป ไม่เห็นเปีย “อ้าว...ลูกเปียอยู่ไหน”
วณีกังวลตกใจเดินออกมา

วณีเดินลงมาจากชั้นบนร้องเรียก
“ลูกเปียจ๋าลูกเปีย”
“มีอะไรอีกวณี”อุทัยเข้ามาถาม
“ลูกเปียน่ะสิคะ ไม่รู้หายไปไหนอีก”วณีกังวลมาก
รจนานึกได้
“คุณเปียต้องฉวยโอกาสหนีออกไปตอนรจไปหาลุงหมอแน่ๆเลยค่ะ”
“พี่อุทัย...ช่วยกันตามหาลูกนะคะวณีกลัวแกจะเครียดแล้วคิดสั้น”
อุทัยหน่ายๆ
“นี่วันๆพี่ไม่ต้องทำอะไรเลยใช่มั้ย วิ่งตามหาแต่ลูก ไม่งั้นลูกจะฆ่าตัวตาย เฮ้อ!” อุทัยเดินออกไปข้างนอกตะโกนเรียก “ลูกเปีย...ลูกเปีย”
วณีกับรจนาตาม อีกมุม เปียโผล่หน้าออกมาเบ้ปากยิ้มรำพึงในใจ
“จะทำให้ป่วนทั้งบ้านเลยคอยดู”
เปียแอบย่องขึ้นไปชั้นบน

ทุกคน ตามหาเปีย ทั่วบ้าน ทั้งบ้านคุณหญิงในห้องครัวคนใช้ทำหน้าเหลอหลางงๆ ไม่เห็นเปีย เปียนั่งแต่งหน้าอยู่ในห้องถ่ายรูป ทำท่าคิกขุอัพเฟซตามประสา
 
อุทัยโทรตามมือถือดัง เปียมอง แต่พอเห็นเป็นเบอร์อุทัย ก็โยนมือถือทิ้งลงบนเตียงเบ้ปาก ไม่สนใจ แต่ยิ้มสาแก่ใจ

พระอาทิตย์คล้อยต่ำลงไปทุกที จนมืดสนิทเปียค่อยๆเปิดประตูห้อง มองซ้ายมองขวา พอไม่เห็นใคร ก็รีบวิ่งออกมา...เปียวิ่งลงมาที่บันได กวาดสายตามองอีกไม่มีใครเธอรีบวิ่งออกนอกบ้านไปรวดเร็ว

ค่ำนั้น ทุกคนเดินมาจากมุมต่างๆ มาเจอกันที่หน้าบ้าน วณีถาม
“เจอลูกมั้ยคะพี่อุทัย”
“ที่บ้านคุณแม่ก็ไม่อยู่ ดีนะที่คุณแม่ไปวัด ไม่งั้น ท่านคงตกอกตกใจ” อุทัยถอนหายใจหนักหน่วง
“รจขอโทษจริงๆค่ะ”รจนาจ๋อยๆ
“ไม่เป็นไรคุณรจยัยเปียก็ชอบเรียกร้องความสนใจแบบนี้แหละ”
“ลูกไม่ได้เรียกร้องความสนใจค่ะพี่อุทัย แต่ลูก ไม่สบาย”วณีไม่พอใจ
นมแสแอบเบ้ปาก อุทัยกลุ้มๆ
“และตอนนี้ ลูกก็ทำให้ทุกคน ไม่สบาย” อุทัยทำท่าปวดหัว
เปียเดินเข้ามา ทำท่าเหมือนคนใกล้ตาย เซื่องซึม เหงาหงอย วณีเห็นดีใจ
“ลูกเปีย”
วณีโผเข้าไปกอดดีใจสงสารมาก
“หายไปไหนมาลูก”
เปียแอ๊บหน้าเศร้ามาก
“ตายจริงนี่เปียไม่อยู่ รู้ด้วยเหรอคะ”
“รู้สิคะ...ทุกคนตามหาคุณเปียกันให้วุ่นเลย”รจนารีบบอก
เปียแอ๊บเสียใจ
“เหรอคะ เปียออกไปเดินเล่น ขอโทษคุณพ่อคุณแม่นะคะที่ไม่ได้บอก เปียขอตัวก่อนค่ะ”
เปียเดินซึมเศร้าเข้าบ้านไปทุกคนมองงงๆ ท่าทางเปียเปลี่ยนไปเป็นคนละคน วณีบอกอุทัยท่าทางร้อนรน
“ลูกต้องมีเรื่องอะไรในใจแน่ ถึงได้อมทุกข์ขนาดนี้ วณีไปดูลูกก่อนนะคะ”
วณีรีบวิ่งตามเปียเข้าบ้านไป อุทัยทำหน้าเซ็งหนัก เพลียทั้งแม่ทั้งลูก

เปียเดินเข้ามาในห้อง ทันทีที่ปิดประตูเปียก็เบ้หน้าเบ้ตาตามประสาเดินไปหยิบเชือกที่ซ่อนไว้ในตู้ แล้วลากเก้าอี้ออกมา ก้าวขึ้นไป มือทำเชือกเป็นบ่วงคล้องคอ เปียยิ้ม วณีเปิดประตูเข้ามาเห็นเปียยืนบนเก้าอี้ เอาเชือกคล้องคอทำท่าจะผูกคอตาย วณีร้องกรี๊ดสุดเสียงตกใจมาก
“ลูกเปีย”
อุทัย รจนา นมแสที่ด้านล่างได้ยินตกใจ รีบวิ่งขึ้นบ้านทันที...วณีโผเข้าไปกอดดึงตัวเปียลงมาจากเก้าอี้
“อย่าลูกเปีย อย่า”
เปียไม่โวยวาย ไม่กรี๊ด ร้องไห้จะตาย
“อย่าค่ะคุณแม่ปล่อยเปีย เปียอยากตาย”
วณีร้องไห้ กอดดึงไว้ จนทั้งเปียและวณีล้มลงที่พื้น วณีกอดประคองเปียพร่ำบอก
“ถ้าลูกตาย แล้วแม่ แม่จะอยู่ยังไงแม่จะอยู่ยังไง” วณีร้องไห้อย่างหนัก
เปียจับมือวณีดราม่าเสียงแผ่ว
“อยู่กับคุณพ่อ...เหมือนตอนที่เปียยังไม่มา แล้วก็ปล่อยให้คนที่ไร้ค่าอย่างเปีย ตายๆไปซะดีกว่า” เปียร้องไห้น่าสงสารมาก
วณียิ่งสงสารกอดเปียแน่น เสียงจะขาดใจ
“ไม่ลูก...แม่ไม่ให้ลูกตาย แม่ไม่ยอม”
อุทัย รจนา นมแสวิ่งตามเข้ามา เห็นเก้าอี้ล้มลง มือของเปียกำเชือกที่เป็นบ่วงแน่น อุทัยพึมพำออกมาสลดใจ
“ยัยเปีย”
วณีหันมาเร่งใจจะขาด
“ช่วยเข้ามาห้ามลูกสิคะ เข้ามาห้ามลูก ลูกจะฆ่าตัวตายอยู่แล้ว พี่อุทัยไม่เห็นรึไง”
วณีกอดเปียร้องไห้ เปียทำท่านอนนิ่งๆหมดเรี่ยวหมดแรงเหมือนคนใกล้ตาย

เลอสรรเดินกลับเข้ามาในบ้าน ไม่เห็นใคร เขาทำหน้าฉงนสงสัย แต่แล้วกลับเปลี่ยนเป็นนิ่วหน้าเมื่อมีเสียงวณีดังแว่วมาจากด้านบน
“มัวยืนเฉยอยู่ทำไมเข้ามาดูลูกสิคะพี่อุทัย”
เลอสรรสาวเท้ายาวๆพุ่งขึ้นไปด้านบนอย่างรวดเร็ว

อุทัย เข้าไปกอดประคองเปียช่วยวณี ถามเสียงหนักจริงจัง
“มันเกิดอะไรขึ้นอีก ทำไมถึงได้ทำอย่างนี้”
เปียพูดแบบแผ่วๆไม่โวยวาย แต่ร้องไห้น้ำตาไหลเป็นทาง
“เปีบไม่รู้จะอยู่ทำไมค่ะคุณพ่อเปียมันคนไร้ค่า ไร้ราคา ไม่มีคนรัก คนสนใจ”
“แม่ไงลูก...แม่กับพ่อ ยังไงที่รักเปีย”
เปียแอ๊บ แกล้งฝืนยิ้มเจื่อนๆ
“แต่พี่เลอสรรไม่รักเปีย”
เลอสรรเดินเข้ามาพอดี นมแสกับรจนามองเลอสรรหน้าเจื่อนๆ เปียร้องไห้
“พี่เลอสรรรังเกียจเปียเดินผ่านกันพี่เลอสรรยังไม่มอง”
“มันไม่ใช่อย่างนั้นลูก เชื่อแม่ พี่เลอสรรรักลูก พี่เลอสรรรักลูกจริงๆ”
เปียแอ๊บใหญ่
“ถ้าจริง...พี่เลอสรรก็ต้องแต่งงานกับเปีย...นี่พี่เลอสรร ปฏิเสธใช่มั้ยคะ” เปียจ้องหน้าวณีแบบใส่ซื่อ ถามย้ำ “คุณแม่ถึงไม่กล้าพูดเรื่องนี้กับเปียอีก”
วณีอึ้ง เปียถามอีก
“ใช่มั้ยคะ”
เลอสรร หน้าตาหนักใจ รจนากับนมแสมองเลอสรรเข้าใจ เห็นใจ วณีมองเปีย
“แม่...คือ...”
เปียแอบเห็นเลอสรรก็บีบน้ำตาน่าสงสาร
“พี่เลอสรรไม่รักเปียจริงๆด้วย ไม่เป็นไรค่ะคุณแม่ เปียเข้าใจคนไม่มีอะไรดีอย่างเปีย สมควรแล้วที่จะไม่มีใครรัก”
เปียค่อยๆเอื้อมมือมาหยิบเชือก ทำท่าเหมือนคนใกล้ตาย อุทัยตะปบมือพูดจริงจัง
“ไม่เอาลูก อย่าคิดสั้นๆอย่างนี้อีก”
อุทัยดึงเชือกออกจากมือเปียเปียแอ๊บเสียงแผ่ว น้ำตาไหล ยื้อเชือกคืน
“คุณพ่อ”
“อย่าเรียกร้องขอความรักจากผู้ชายจนลืมนึกถึงเกียรติและศักดิ์ศรีของตัวเอง”
วณีมองแกมตำหนิ
“พี่อุทัย”
อุทัยประคองเปียไปที่เตียง
“พักผ่อนเยอะๆ ตื่นขึ้นมา ลูกจะได้มีสติ แล้วลูกจะรู้ว่า...ชีวิตมีค่า เกินกว่าจะเอาไปทิ้ง เพราะเรื่องผู้ชาย”
เลอสรรได้ยิน หน้าสลด รู้สึกไม่ดี เดินออกไป นมแสกับรจนาได้แต่มองเห็นใจ อุทัยเดินออกมา วณีกอดปลอบเปีย
“อย่าคิดมากนะลูกแม่มั่นใจลูกเปียของแม่ ทั้งสวยและน่ารัก สักวันพี่เลอสรรต้องรักและแต่งงานกับหนูจ้ะเปีย”
วณีก้มลงจูบที่หน้าผากเปียแผ่วเบา แสนรัก วณีเดินออกไปปิดประตู เปียกลายร่างเป็นนางมารร้าย ริมฝีปากบิดเบี้ยว ตาแทบถลน คว้าหมอนข้างมาขย้ำ บีบ
“ด่าฉันตลอดเลยไอ้อุทัย...พี่เลอสรรก็เหมือนกัน แล้วพี่จะรู้ว่าพี่น่ะคิดผิดที่ไม่รักเปีย...แอร้ยย”

เลอสรรเดินออกมาที่สนามกลุ้มใจมาก เสียงเปียดังก้องในหัว
“พี่เลอสรรไม่รักเปีย รังเกียจเปีย เดินผ่านพี่เลอสรรก็ไม่มอง”
เลอสรรถอนหายใจเฮือกๆกลุ้มมาก แต่ต้องชะงัก เมื่อมองไปเห็นน้อยกำลังเก็บดอกมะลิ ดวงหน้าของน้อยงดงามบริสุทธิ์ ไร้เดียงสา ดูชุ่มเย็น เลอสรรจะเดินไปหาน้อยแต่นึกถึงคำพูดของวณี
“เปียเป็นคนน่าสงสาร รักเปียได้มั้ย”
เลอสรรถอนหายใจเจ็บปวด ตัดใจไม่มองน้อย หันกลับ แต่ห้ามใจตัวเองไม่ได้หันมามองใหม่ เห็นน้อยกำลังเดินไป เขาแพ้ใจตัวเอง ร้องเรียก
“น้อย”

น้อยไม่ได้ยิน เลอสรรรีบตามไป ดวงตาโหยหา รู้ใจตัวเองว่าเขารักน้อย

น้อยเดินถือขันดอกมะลิมาที่บ้าน เลอสรรเดินตามมาโดยที่น้อยไม่รู้ตัวเย็นยืนอยู่มองมาพอเลอสรรเห็นเย็นก็ไม่อยากมีเรื่องทำทีเป็นเดินกลับไป เย็นหันหลัง เดินเข้าไปในบ้าน เลอสรรมองมา แอบเดินกลับมาใหม่

เย็นยืนหันหลังรออยู่ น้อยเดินขึ้นมาบนบ้านเย็นเหน็บแนม
“ไม่ว่าสมัยไหน การแอบกินขโมยกิน มันอร่อยทั้งนั้น”
น้อยมองเย็น งงไม่เข้าใจน้อยจะเดินเลี่ยงไป เย็นเรียก
“นี่แกไม่รู้ร้อนรู้หนาวอะไรเลยใช่มั้ยยัยน้อยฮึ…เหมือนแม่ไม่มีผิด”
“แม่ของน้อยไม่รู้ร้อนรู้หนาวอะไรคะ”
เลอสรรได้ยิน ยิ่งอยากรู้ แอบฟัง
“ก็ดัดจริต ทำตัวไร้เดียงสา แต่ความจริงร้อยเล่ห์ มารยา บ้าผู้ชาย”
“อะไรกันคะน้าเย็น” น้อยงง
เย็นยิ่งมองยิ่งหมั่นไส้ มองสมเพช
“ฉันบอกแกแล้ว คุณเลอสรรเป็นของยัยเปีย ห้ามไปยุ่ง แกก็ยังเที่ยวไปให้ท่าเค้าอีก...” เย็นกระชากแขน อยากจะขย้ำ “คงจะคิดล่ะสิ...ว่าพิมพ์นิยมอย่างยัยวณี หน้าซื่อๆ ท่าทางเหมือนคนใกล้ตาย จะเอาชนะใจผู้ชายได้” เย็นส่ายหน้ามองสมเพช “แกคิดผิดแล้วยัยน้อย เพราะต่อให้คุณเลอสรรเค้ารักแก ชอบแกแค่ไหน สุดท้าย...เค้าก็ต้องแต่งงานกับยัยเปีย เหมือนที่ไอ้คุณอุทัยทิ้งฉัน ไปแต่งงานกับนังวณี เพราะแกมันเป็นแค่คนจน”
เย็นผลักน้อยก่อนเดินเข้าไปในห้องน้อยหน้าสลดเสียใจ เลอสรรส่ายหน้า คำพูดของเย็นไม่จริงเลยน้อยหน้าเศร้าเลอสรรยิ่งมองก็ยิ่งสงสารน้อยมากขึ้นทุกวัน

วันใหม่...เลอสรรมองดูคลิปของเปียตอนเป็นพริตตี้แล้วถูกเย็นลากมา อยู่อุทัยเดินมา
“ดูอะไรอยู่เลอ”
เลอสรรไม่ตอบ เบี่ยงตัวแทน อุทัยมอง เห็นเป็นภาพคลิปของเปีย
“น้าเย็นดูรักและห่วงเปียมากเลยนะครับ”
อุทัยถอนหายใจ
“ลูกเปีย...คงทำตัวน่าห่วง”
“ครับ น้องเปียทำตัวน่าห่วง...ห่วงจนผมสงสัย”
อุทัยมองหน้าเลอสรรเป็นเชิงถาม ตื่นเต้น เลอสรรบอกดวงตาครุ่นคิด
“เหมือนอย่างที่น้าอุทัยสงสัย”
อุทัย ดวงตาวาว
“เลอเห็นด้วยใช่มั้ย ที่น้าอยากตรวจดีเอ็นเอยัยเปีย”
เลอสรรพยักหน้า
“แต่ผมไม่กล้าพูด ผมสงสารน้าวณี”
“น้าเองก็ลำบากใจเหมือนกัน ยิ่งยัยเปียเอาแต่จะฆ่าตัวตาย เรียกร้องความสนใจ น้ายิ่งรู้สึก...มันไม่ใช่...มันไม่ใช่น่ะเลอ”

คุณหญิงตกใจ อึ้งแกมช็อกเรื่องเปียผูกคอตาย ท่านถามแทบไม่มีเสียง
“อะไรนะ ยัยเปียผูกคอตาย”
นมแสอึ้ง...อึ้งแบบรำคาญใจมากเรื่องเปีย เล่าอ้อมแอ้ม
“ก็...ยังไม่ถึงกับผูกแล้วหรอกนะคะ ก็...แค่” นมแสทำตากลัวๆ สยอง “ในห้อง มีเก้าอี้ ในมือคุณหนูเปีย มีเชือก และที่ปลายเชือก มันเหมือนบ่วง แล้วคุณหนูเปียก็เอาแต่ร้องไห้ร้องแทบจะขาดใจ คุณวณีก็เอาแต่กอดคุณเปีย อ้อนวอนไม่ให้ทำ”
“คือ ถ้าคุณวณีไม่ห้าม คุณหนูเปีย คงผูกคอตายห้อยต่องแต่ง ลิ้นห้อยออกมา แบบนี้เลยใช่มั้ยนมแส” หวานทำท่าไปด้วย แนวตลก หมั่นไส้เปีย
จวนตีเพียะที่หวาน ถลึงตาใส่ปรามไม่ให้ทำ ขณะที่คุณหญิงร้องลั่นปราม
“พอๆ ฉันไม่อยากคิดภาพตามไปด้วย แค่นี้ก็สยองเกินทนแล้ว...”คุณหญิงแทบไม่
เชื่อพูดเสียงแผ่วๆ “หลานฉันจะผูกคอตาย...”
นมแสลังเล เพราะคราวนี้เปียดราม่า ไม่ได้โวยวายเหมือนทุกครั้งนมแสพูดแผ่วๆ
“ที่สำคัญ ครั้งนี้ เหมือนคุณหนูจะทำจริงๆด้วยนะคะมันน่ากลัวยังไงไม่รู้ดิฉันก็บอกไม่ถูกเหมือนกัน”
คุณหญิงหน้าเครียด หนักใจเข้าไปใหญ่

คุณหญิงบอกอุทัยวณีหน้าเคร่ง
“แม่ว่า...อุทัยต้องทำอะไรแล้วนะลูก ไม่งั้นยัยเปียตายแน่ๆ”
อุทัยกลุ้มมาก
“หมอวิธูบอก อยากให้ผมพาลูกไปหา แต่ผมยังหาวิธีไม่ได้คุณแม่ก็รู้จะหลอกพาไปทีไร ยัยเปียอาละวาดแทบตาย ไม่ยัยเปียจะตายก็เราแทบตาย”
“แต่วณีว่า ไม่จำเป็นต้องหาหมอ มันยังมีวิธี”
คุณหญิงถามทันที
“วิธีอะไรแม่วณี”
วณีเสียงแผ่วๆเกรงใจอุทัย แต่อยากทำ
“ก็...ให้เลอสรร แต่งงานกับลูกเปีย”
คุณหญิงตกใจ
“หาอะไรนะ ตาเลอ แต่งงานกับยัยเปีย แล้วยัยเปียจะหายได้ยังไง”
“ลูกเปีย แอบรักเลอสรรค่ะคุณแม่”วณีพูดเบาๆ
คุณหญิงหันมามองลูกชาย อุทัยมองวณีแบบหน่ายๆ พูดเสียงหนักจริงจัง
“มันไม่ใช่วิธีการแก้ปัญหาเกิดเป็นคนไม่ใช่อยากได้อะไรแล้วต้องได้ทุกอย่างแล้วนี่อะไร ผู้ชายไม่รัก แล้วจะผูกคอตาย พี่ว่ามันไม่เข้าท่า และน่ารังเกียจที่สุด”
คุณหญิงหน้าแหย...
“แม่ก็ว่าอย่างนั้นล่ะวณี และถ้าแม่วณีจะกดดันให้ตาเลอแต่งงานกับยัยเปีย แม่ว่ากลับจะยิ่งสร้างปัญหาให้ตาเลอเข้าไปใหญ่”
อุทัยมองหน้าวณี
“ปัญหาของคนๆเดียว อย่าทำให้เป็นปัญหาของทุกๆคน” อุทัยครุ่นคิด “ขอผมคิดหน่อยนะครับคุณแม่ ยังไงเรื่องนี้มันต้องจบได้แน่นอน”

อุทัยไปดูงานอยู่ที่ไซต์งาน นึกถึงเปีย นึกถึงเย็น นึกถึงเปียจะฆ่าตัวตายและเย็นตีเปียและน้อยต่อหน้าทุกคนอุทัยทำหน้าแหย
“เย็นทำร้ายเปียกับน้อยได้ยังไง”
อุทัยครุ่นคิดในใจ
“เธอไม่ปกติแน่ๆเย็น”
อุทัยเดินออกไป ดวงตาครุ่นคิดเครียดหนัก มือถืออุทัยถูกวางทิ้งเอาไว้ หัวหน้าคนงานเข้ามาเห็น หยิบมือถือร้องเรียก
“คุณอุทัย ครับคุณอุทัย”

อุทัยขึ้นรถขับออกไป หัวหน้าคนงานวิ่งตามออกมาไม่ทัน

เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น วณีรับสาย

“สวัสดีค่ะ”
“สวัสดีครับคุณวณี ผมจักรนะครับ พอดีคุณอุทัยลืมมือถือไว้ที่ไซต์งานผมเก็บไว้ให้แล้วนะครับ คุณอุทัยจะได้ไม่ต้องกังวล”
“ขอบคุณมากค่ะ”
วณีวางสายแปลกใจลืมไว้ได้ยังไง

อุทัยขับรถมาจอดที่บ้าน วณีเดินออกมาจากในบ้านเห็นพอดี รีบเดินออกมาอุทัยลงจากรถได้ก็เดินลิ่วไปในสวน ทางไปบ้านเย็น โดยที่ไม่เข้าบ้านวณีหน้าเจื่อนด้านหลังเปียเดินมาเห็นท่าทางของวณีแอบยิ้มร้ายสะใจ วณีรีบเดินตามอุทัยไป เปียจะตามแต่รจนาที่เดินออกมาร้องเรียก
“คุณเปียคะ”
เปียหันไปมอง ท่าทางไม่พอใจ รจนายิ้มบอก
“จะไปไหนคะ รจไปด้วย”
“ไปตายไปมั้ย”
“คุณเปีย”รจนาตกใจหน้าเจื่อน
เปียกระชากแขนรจนา
“ฉันรู้นะ...ที่เธอมาที่นี่เพราะอะไรอย่าแส่ถ้าไม่อยากเดือดร้อน จำไว้”
เปียผลักออกอย่างแรง จ้องมองไม่กลัว สะบัดหน้าตามวณีไปรจนาหน้าซีด ดูท่าเปียอาการหนักเอามือถือมาถ่ายอากัปกริยาของเปียเอาไว้

อุทัยเดินตรงไปยังบ้านเย็นวณีแอบตามมา ด้านหลังคือเปียที่แอบย่องตามวณีมาอีกที ดวงหน้าของวณีหวาดหวั่น แต่ดวงหน้าของเปียอมยิ้ม พร้อมเสี้ยมตลอด สองคนเห็นอุทัยเดินขึ้นบันไดไปหาเย็นทันทีที่เห็นอุทัย เย็นชะงัก สองคนสบตากัน วณีมองจ้องที่สองคนดวงตาหวั่นไหว สายตาของเธอเห็นอุทัยและเย็นสบตากันวณียืนอึ้ง หน้าซีด เปียยิ้มสะใจ เดินเข้ามากระตุกมือวณีสะดุ้ง มองตกใจเปียทำเสียงตกใจ คาดไม่ถึงแต่เสี้ยม
“ตายแล้ว คุณพ่อแอบมาหาน้าเย็น”
วณีอึ้ง สะเทือนใจ ดวงตาหวาดหวั่น น้ำตาปริ่มๆ เปียยิ้มเสี้ยมต่อ
“น้อยก็ไม่อยู่ซะด้วย” เปียทำท่าปวดหัว กังวลใจมาก “โอ๊ย...คุณแม่ขา...คุณพ่ออยู่กับน้าเย็นตามลำพังสองต่อสอง เปียไม่อยากคิดเลยจะเกิดอะไร”
วณีกำมือแน่น มือไม้สั่น น้ำตาปริ่มๆยิ่งกว่าเดิม เปียยิ้มเบ้ปากสะใจบอก
“คุณแม่...อย่าอยู่ดูภาพบาดตาบาดใจเลยนะคะ ใครเห็นก็ต้องรู้เหตุการณ์ต่อจากนี้จะเป็นยังไงโอ๊ยเปียไม่อยากได้น้าเย็นเป็นแม่เลี้ยงเลยค่ะ”
วณีกัดริมฝีปากแน่น
“แม่ก็ไม่อยากได้ตำแหน่งเมียหลวง”
วณีหยิ่งเดินกลับไปเปียทำหน้าลิงหลอกเจ้า แอบยิ้มสะใจ หันไปมองเย็นก็เห็นเย็นเชิดหน้าขึ้น เมินไม่มองอุทัย ขณะที่อุทัยก็ทำหน้าลำบากใจที่เห็นเย็นเหินห่างเฉยชาเปียสะใจวิ่งตามวณีไป

เย็นหน้าตึง ไม่สบตาอุทัยถามสั้นๆ
“มีอะไร”
“ฉันอยากให้เย็นพาลูกเปียไปหาหมอ”
“เกี่ยวอะไรกับฉัน”เย็นเสียงสูง
“เกี่ยวสิ เพราะเย็นเป็นคนเดียวที่จะทำให้ลูกเปียไปหาหมอได้ ลูกเปียเชื่อเย็นรักเย็น”
“ฉันเพิ่งรู้นะเนี่ยว่าคุณเป็นคนตลกคุณหนูเปียนะหรือคะเชื่อดิฉัน รักดิฉันไม่ใช่ค่ะ เค้าโกรธดิฉันด้วยซ้ำ ที่ขโมยเค้ามาจากพวกคุณ”เย็นหัวเราะลั่น
“งั้น...เย็นต้องรับผิดชอบ เพราะถ้าเย็นไม่ขโมยลูกฉันไป เค้าก็ต้องเป็นคนปกติ ไม่ใช่คนอารมณ์แปรปรวน คนอารมณ์สองขั้ว เป็นโรคบ้าๆแบบนี้”
เย็นหัวเราะขำใหญ่
“คุณหนูเปียไม่ได้เป็นโรคอะไรหรอกค่ะ นอกจากโรคตอแหล” เย็นเยาะเย้ยหยัน “เหมือนคุณพ่อ”
“ฉันขอโทษ...ที่เคยทำให้เย็นเสียใจ แต่ฉัน ฉันไม่ได้ตั้งใจโกหกหลอกลวงแต่...ความรู้สึกของคนเรา มันเปลี่ยนแปลงกันได้ วันที่ฉันรัก...ฉันก็รักเย็นจริงๆ”
เย็นหัวเราะหึ...หึ...เย้ยหยัน
“ส่วนวันที่ทิ้ง คุณก็ทิ้งฉันจริงๆ อ้อ...นี่เองคือที่มาของคำว่า...รักจริง ทิ้งจริง”
อุทัยรู้สึกผิดมาก
“เย็น...อย่าประชดประชันฉันอีกเลยนะ ทุกวันนี้ฉันรู้ซึ้งไปหมดแล้ว กับความผิดที่ฉันทำกับเธอ รู้สึกถึงความทรมานของเธอ และฉันก็เป็นห่วงมาก ที่เธอไม่สบาย”
“ฉันน่ะหรือไม่สบาย”เย็นมองอุทัย งงๆ
“ใช่...ไม่อย่างนั้น เธอขโมยลูกฉันไปไม่ได้หรอกไม่ใช่แค่ลูกเปียต้องไปหาหมอ ฉันว่าเย็นก็ต้องไปหาหมอเหมือนกัน”
เย็นเสียงดังกร้าว
“ฉันไม่ได้เป็นโรคห่าโรคเหวโรคอะไรทั้งนั้น แต่ที่ฉันเป็นอย่างนี้ก็เพราะคุณ ออกไปจากที่นี่ แล้วอย่ามายุ่งกับฉันอีก ความสัมพันธ์ของฉันกับคุณมันสิ้นสุดลงทุกอย่าง ตั้งแต่วันที่คุณทิ้งฉันไปแล้วคุณอุทัย”
เย็นสะบัดหน้า ปิดประตูใส่ อุทัยถอนหายใจหนักหน่วง มองเย็นเป็นห่วงขณะที่ก็กลุ้มเรื่องเปีย...ในบ้าน น้ำตาของเย็นค่อยๆเอ่อออกมา ก่อนที่จะทะลักล้น เย็นทรุดตัวลงนั่งกับพื้น ร้องไห้โฮๆออกมา ร่ำร้องในใจ
“ความรู้สึกคนเรามันเปลี่ยนแปลงไปได้...แต่ที่ฉันไม่เคยเปลี่ยนคือ...ฉันรักคุณคุณอุทัย”

วณีเดินอัดอั้นตันใจกลับมา เสียใจน้อยใจอุทัย เปียยิ้มตามมากอดวณีเอาไว้ปลอบแต่เสี้ยม
“เปียรู้มาตั้งนานแล้วนะคะเรื่องของคุณพ่อกับน้าเย็น”
วณีหันมามองเปีย เสียใจ เปียพูดต่อเสียงแผ่ว
“แต่เปียไม่กล้าบอกคุณแม่”
“ทำไมเปียไม่บอก เปียปล่อยให้แม่โง่อยู่ทำไม”
เปียแอ๊บนางเอกมาก
“เปียสงสารคุณแม่...แค่ที่พวกคนใช้มันรุมสุมหัวนินทา ว่าคุณแม่แย่งผัวเค้ามา เปียก็น้ำตาจะไหลแล้ว แล้วพวกมันยังเมาท์กันอีก ถ้าที่บ้านไม่รวย จ้างให้คุณแม่ก็ไม่ได้แต่งงานกับคุณพ่อ เพราะคุณแม่ไม่สวย ขนาดจนแต่น้าเย็นก็ทั้งสวย ทั้งสาวกว่า เปียงี้แทบขาดใจ”
เปียกอดวณีเอาไว้เอาหน้าซุกอกแต่ยิ้มปั้นเสียงเครือ
“แล้วอย่างนี้...เปียจะบอกคุณแม่ได้อย่างไรคะ”
“แม่เลยต้องกลายเป็นคนโง่”วณีเสียงเครือน้ำตาไหล
เปียหลอกด่าอีก
“คนเรา โง่บ้างก็ได้ค่ะ...ถ้ามันจะทำให้เราไม่ต้องทุกข์...เหมือนอย่างเปีย”
เปียแกล้งเดินหนีวณี ไปยืนบีบน้ำตาทำท่าซังกะตายวณีรีบเดินไปหาเป็นห่วง
“ทำไมจ้ะลูก”
“เปียต้องกลายเป็นเด็กมีปัญหาในสายตาของทุกๆคน เพียงเพราะเปียไม่อยากให้คุณแม่เสียใจ เพราะนอกจากน้าเย็นคุณแม่ก็รู้คุณพ่อสนใจคุณรจนา เปียว่าถึงเวลาที่คุณรจนาต้องไปจากบ้านเราแล้วล่ะค่ะ ไม่งั้นคุณรจนาได้เป็นน้าเย็นสองแน่” เปียเดินไปอมยิ้มร้าย

วณีหน้าเครียดหนักใจ หึงหวงตามประสาผู้หญิง
 
อ่านต่อหน้า 2

คมพยาบาท ตอนที่ 10 (ต่อ)

อุทัยถามวณีแบบงุนงง แปลกใจ

“วณีจะให้คุณรจนากลับ”
วณีลอยหน้าลอยตาแอบงอนๆ
“ค่ะ เพราะวณีไม่เห็นประโยชน์ ตั้งแต่มาอยู่ที่นี่ คุณรจนาก็หละหลวมต่อหน้าที่หลายต่อหลายครั้ง ลูกเปียมีโอกาสไปทำอะไรแผลงๆก็เพราะคุณรจนา”
“ขนาดรปภ. เค้ายังต้องมีกะ แล้วนี่คุณรจนาเค้าเป็นพยาบาลพิเศษนะวณี”
วณีมองอุทัยขวาง เหมือนอุทัยจะขัดใจ อุทัยมองพูดต่อเสียงหนัก
“ไม่มีใครเฝ้ายัยเปียได้ 24 ชั่วโมงหรอก หรือถ้าจะมี ก็ควรจะเป็นเรา2 คน”
วณียิ้มประชด
“วณีเฝ้าลูกของวณีได้อยู่แล้วค่ะ แต่พี่อุทัย ดูเหมือนจะเฝ้าคุณรจนามากกว่าลูกอีกนะคะ”
“นี่อย่าบอกนะว่าหึง”อุทัยจ้องหน้า
วณีไม่ตอบ แต่หน้าบึ้งไม่พอใจ อุทัยเห็นอย่างนั้นก็ถอนหายใจ
“โอเค...พี่เข้าใจแล้ว” อุทัยถอนหายใจกลุ้มๆ “ตามใจ เอายังไงก็ได้...” อุทัยเสียงอ่อน
ลงหน่ายๆ “และที่พี่ยอมตามใจ เพราะพี่ไม่อยากมีปัญหากับวณี”
วณี เห็นท่าทีของอุทัยที่อ่อนลงรู้สึกผิดอยู่เหมือนกัน

วันใหม่...รจนาเหวอไปทันทีเมื่อรู้เรื่องว่าถูกเลิกจ้าง เลอสรรก็เหวอ รจนาถามอุทัยหน้าแหย
“ถ้ารจบกพร่องต่อหน้าที่รจปรับปรุงตัวได้นะคะ”
อุทัยรีบบอกเกรงใจ
“เปล่าครับเปล่า...เพียงแค่ผมรู้สึกว่าหน้าที่ดูแลลูกเปีย ควรเป็นของผมกับวณี”
รจนาหันไปมองวณีวณีทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ แต่ผู้หญิงดูกันออก รจนาเห็นความไม่พอใจในสีหน้าวณี รจนาหันมายิ้มกับอุทัยได้เจื่อนๆ
“ดีค่ะ...อยู่ใกล้ชิดคุณพ่อคุณแม่ คุณเปียจะได้อบอุ่น งั้นรจลาเลยนะคะ”
รจนายกมือไหว้ ก่อนเดินเข้าไปในบ้านเก็บของอุทัยมองตามรู้สึกไม่ดีวณีแอบมองค้อน
“พี่อุทัยจะอาลัยอาวรณ์คุณรจนาไปทำไมคะ ในบ้านยังมีเย็นอีกคน”
“ถ้าพี่จะคบกับเย็น พี่ไม่แต่งงานกับวณีหรอก”อุทัยฉุนกึก
“ก็เผื่อว่าพี่อุทัยจะเบื่ออาหารเหลา อยากลงไปนั่งยองๆกินส้มตำข้างทาง”วณียิ้มเหยียดงอน
“วณีนี่ก็แปลกลดค่าตัวเองไปเปรียบเทียบอะไรแค่เรื่องของกิน” อุทัยฉุนเดินหนีไปเลย
“พี่อุทัย”วณีโกรธ
เปียแอบยิ้มสะใจ เลอสรรรีบตามอุทัยไป นมแสมองเปียไม่พอใจ เปียหันมาสบตานมแสถลึงตาใส่ เชิดหน้าเดินหนี

รจนาหอบกระเป๋าเสื้อผ้าเดินออกมาที่หน้าบ้าน เปียเดินตามออกมาหัวเราะรจนาหันไปมอง เปียมองตายิ้มยั่วเยาะเย้ยอยู่ในที รจนามองดู จากสายตาก็รู้ ฝีมือเปีย รจนาถอนหายใจ รู้สึกเป็นห่วง ท่าทางเปียอาการหนัก จึงไม่ตอบโต้เดินออกไป เย็นเดินเข้ามา เปียหันมาเห็นเย็นหัวเราะพอใจ
“ที่มันต้องกระเด็นออกจากบ้าน มันรู้ว่าเป็นฝีมือของเปียไงน้าเย็น...ฮึมันมองเปียยังกับจะกินเลือดกินเนื้อ แต่มันไม่กล้าพูดอะไรสักคำ”
“เห็นเค้าเงียบ อย่าว่าเค้าโง่ เค้ากำลังประเมินความโง่ของแกก็ได้”
“อะไรอีกน้าเย็น มาถึง ก็มาด่าฉอดๆ”
“ด่าให้แกสำนึก หัดอยู่เฉยๆซะบ้าง อย่าโชว์โง่ ให้เค้าสงสัยอะไรแกอีก”
เปียมองระแวง
“น้าเย็นจะบอกอะไรเปีย”
“พ่อแก...เค้าอยากให้ฉันพาแกไปโรงพยาบาล”
“เปียไมได้เป็นอะไรไป เปียไม่ได้เป็นอะไร”
เปียรีบเดินหนี เย็นตาม

เปียเดินมามุมหนึ่งของบ้านสายตาหวาดระแวงกังวล เย็นเดินตามมาบอก
“ฉันรู้ ว่าแกไม่ได้เป็นอะไร อย่างมากแกก็แค่ตอแหล ฉันถึงได้เตือนแกอยู่บ่อยๆ”
เปียหันมามองเย็น ระแวง สายตาเต็มไปด้วยคำถาม
“ถึงแกจะซ่าจนเป็นขวัญใจสก๊อย แต่คนบ้านนี้เค้าไม่ได้ให้ค่าแก หนำซ้ำยังคอยระแวง จับผิด เพราะฉะนั้น อย่าซ่าให้มาก”
เย็นชนไหล่เปียเดินกลับไปเปียฮึดฮัดไม่พอใจ
“ทำไมจะซ่าไม่ได้...” เปียตบอกตัวเองกร่าง “ในเมื่อ ฉันคือซีเปีย”

ลูกเต๋าโพสต์ท่าแบบค้อมตัวลง แอ่นหน้า เหมือนนางแบบถ่ายปกชุดว้ายน้ำหน้าร้อน ทุกคนมอง งงๆจวนมองตำหนิ
“แกทำท่าอะไรของแก น่ะนังลูกเต๋าเลิกทำได้แล้ว”
ลูกเต๋ายิ้มทะเล้น แต่ทำอยู่
“ทำท่าทางแบบเซ็กซี่ซีเปียไงป้าจวน”
“อะไรของแก เซ็กซี่ซีเปีย”จวนไม่เข้าใจ
“ก็คุณหนูเปียไงป้าจวน”
ช้อยยิ้มแหยๆ
“นังลูกเต๋ามันมีคุณหนูเปียเป็นไอดอล”
“มีคุณหนูเปียเป็นไอดอล”หวานเสียงดัง
“ใช่...ลูกเต่าชอบมากเลย ซีเปีย เป๊ะเวอร์” ลูกเต๋าหัวเราะคิกคักทำท่าซีเปีย
ประวิทย์เดินเข้ามาได้ยินชื่อเปีย หน้าเจื่อนแบบคนอกหัก ลูกเต่าเมาท์ต่อปลื้มมาก
“นี่แล้วซีเปียยังเป็นคนร้ายๆแรงๆด้วยนะ ซีเปียว่าหนูด้วย ว่าหน้าตามาจากบ.ข.ส. ซีเปียรู้ด้วย เดี๋ยวนี้มีรถบ.ข.ส. ติดแอร์ แสดงว่าหนูหน้าตาไฮโซสุดๆ” ลูกเต๋าหัวเราะคิกคัก
ประวิทย์ ได้ยินชื่อเปียยิ่งแสลงหัวใจเอิบหันไปเห็นก็บอก
“นี่ลูกเต๋า...อย่าพูดชื่อซีเปียอีกนะ รู้มั้ยมีคนเค้าแสลงหัวใจ”
ทุกคนหันไปมองประวิทย์หน้าจ๋อยเดินออกไป ลูกเต่าวิ่งตาม

ประวิทย์เดินลิ่วแบบคนอกหักเดินตรงไปในสวน ลูกเต๋าร้องเรียก
“พี่ประวิทย์ๆ”
ประวิทย์ไม่สน ลูกเต๋ายิ้มเจ้าเล่ห์ ท่าทางเหมือนคิดอะไรได้

จวนบอกช้อย
“ช้อย...ลูกเต่ามันยังเด็ก เด็กมาก แกต้องสอนมันสิ ว่าอะไรควรไม่ควร โอ๊ยตะกี้ทำท่าอะไรไม่รู้ ฉันหัวใจจะวาย”
“เด็ก มันก็สนุกไปอย่างนั้นล่ะพี่จวน อย่าไปถือสามันเลย”ช้อยแย้ง
“ต้องถือ...เพราะถ้าลูกเต่ามันเลียนแบบ ทำอะไรไปโดยที่ไม่รู้ว่าอะไรควรไม่ควร เค้าจะเพาะบ่มนิสัยอย่างนั้นไปจนโต”
“ใช่...พูดมาได้ หน้าตามาจากบ.ข.ส. คุณหนูเปียดูถูกคนชะมัด”หวานเสริม
“คนที่ดูถูกคนอื่น ก็เท่ากับกำลังดูถูกตัวเอง...เรารู้...เราก็อย่าไปทำอย่างเค้าแล้วกัน ที่สำคัญ ควรงดนินทาด้วย เพราะการนินทา ไม่ใช่คุณสมบัติของคนดี”จวนถอนใจ
“นินทาที่ไหน แค่เล่าสู่กันฟังเฉยๆนะผัวจ๋า...”หวานหน้าแหย
“จ้า...แค่แลกเปลี่ยนความคิดกันเท่านั้นเอง ฮู้!”เอิบรับลูก

ทุกคนแก้ตัวเป็นพัลวัน จวนกลุ้มใจ

อุทัยนั่งหน้าเครียดอยู่ เลอสรรเดินเข้ามา รีๆรอๆอยู่ครู่ก่อนตัดสินใจเดินมาหา

“ทำไมคุณน้า ให้คุณรจนากลับไปง่ายๆล่ะครับ”
“เลอก็เห็น ท่าทางของน้าวณีแค่เรื่องยัยเปีย น้าก็ปวดหัวจะตายอยู่แล้วน้าไม่อยากมีปัญหากับน้าวณีอีก”
“ผมอยากช่วยคุณน้านะครับ...แต่...ผม...ผมไม่อยากแต่งงานกับน้องเปีย”
“อย่าพูดอย่างนี้อีกนะเลอ ยิ่งได้ฟัง น้าก็ยิ่งอายถ้าเลอจะช่วยน้าจริงๆขอแค่ช่วยกันจับตาดูความผิดปกติที่เกิดขึ้นกับยัยเปีย”
เลอสรรพยักหน้ากับอุทัยสีหน้าของสองคนจริงจัง

นมแสเช็ดเคาเตอร์ในครัวอยู่แต่พอหันมาก็ต้องร้องเมื่อเห็นเปียยืนยิ้มอยู่
“คุณหนูเปียมีอะไรคะ”
เปียยื่นนิ้วมาเขี่ยที่คางนมแสเบาๆแบบล้อๆแต่ตาเอาเรื่อง
“รู้ใช่มั้ยที่ยัยรจนามันกระเด็นออกจากบ้าน ฝีมือใคร”
นมแสมองเปีย กลัว แหยง กระเถิบตัวออก แต่เปียกลับกระชากไหล่อย่างแรงบอกเสียงกร้าว
“เพราะฉะนั้นอย่ามายุ่ง อย่ามาสอดรู้สอดเห็นเรื่องฉันอีก ไม่งั้นจุดจบของนมแส จะไม่ใช่แค่ออกจากบ้าน” เปียคว้ามีดปอกผลไม้ที่เคาเตอร์ขึ้นมาขู่ “แต่จุดจบของนมแส จะอยู่ที่โลงศพแทน”
นมแสมองมีด เห็นคมของมีดเป็นประกายวาววับ นมแสหน้าเจื่อน รีบเดินผละออกไปอย่างรวดเร็วเปียหัวเราะสะใจ

นมแสมองซ้ายมองขวากอดสายตามองไปรอบๆ เปียที่ตามมารีบซ่อนตัว นมแสไม่เห็นใครรีบออกนอกบ้าน เปียรีบตามไปทันทีแววตาเอาเรื่องนมแสเดินเร็วๆเข้าไปหาคุณหญิงที่นั่งอยู่เปียที่ตามมารีบแอบซ่อนตัวรวดเร็ว สีหน้าเต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยว
“คุณหญิงขา...คุณหญิง”นมแสพูดเสียงร้อนรน
“มีเรื่องอะไรอีกนมแส”
“คุณอุทัยให้คุณรจนากลับไปแล้วค่ะ”
“ทำไมล่ะ”
“ดิฉันก็ไม่ทราบรายละเอียด แต่คิดว่าน่าจะเกี่ยวกับคุณหนูเปียค่ะ เพราะคุณหนูเปีย ตามมาขู่ดิฉัน บอกให้ทำตัวดีๆ ไม่งั้นจะต้องกระเด็นออกจากบ้านเหมือนคุณรจนา”
เปียตาแทบถลนออกจากเบ้า โกรธนมแส ขณะที่คุณหญิงตกใจ
“ยัยเปียกล้าพูดกับนมแสขนาดนี้เชียวหรือ”
“ค่ะ แต่คุณหญิง อย่าไปดุคุณหนูเปียนะคะอย่าไปบอกคุณวณี ไม่อย่างนั้นคุณหนูเปีย โกรธดิฉันแน่ๆ”
คุณหญิงได้แต่น้ำท่วมปาก สีหน้าหนักใจ เปียมองนมแส ริมฝีปากเบ้บิดมือเกร็งแน่น มองเอาเรื่อง

นมแสเดินเร็วๆผ่านสวนจะกลับบ้าน เปียรีบตามไป แต่ต้องชะงัก เมื่อประวิทย์เดินมาเผชิญหน้ากัน ประวิทย์มองเปียหน้าเศร้าเสียใจจะเดินผ่านไป แต่เปียมองประวิทย์ เห็นเป็นเหยื่อ ดวงตาเปียเจ้าเล่ห์ยิ้มร้าย มองนมแสสลับกับประวิทย์แล้ววิ่งตามประวิทย์ไปรวดเร็ว

ประวิทย์เดินจ้ำอ้าวอยากจะพ้นจากเปียให้เร็วที่สุด เปียวิ่งตามมาคว้ามือประวิทย์อ้อนทำเสียงละห้อย
“เดี๋ยวก่อนประวิทย์”
ประวิทย์แกะมือออก นอบน้อม แต่ดวงตาเสียใจ
“คุณหนูมีอะไรจะให้ผมรับใช้ครับ”
“ทำไมประวิทย์พูดกับเปียอย่างนี้ล่ะ เปียเสียใจนะ”เปียจับมือใหม่
ประวิทย์แกะมือออกอีก
“เพราะผมต้องเจียมตัวครับ ว่าผมเป็นใครคุณหนูเป็นใครคนที่เหมาะสมคู่ควรกับคุณหนู คือคุณเลอสรร”
“นี่ประวิทย์หึงเปียใช่มั้ย”เปียยิ้มจับมือประวิทย์อีก
“ก็คนที่คุณหนูรักคือคุณเลอสรร”
ประวิทย์จะแกะมือเปียออกเปียยื้อมือไว้ไม่ปล่อย
“เปียรักพี่เลอ เพราะเค้าคือพี่ชายแต่วันนั้นที่เปียโกรธเพราะประวิทย์เข้าข้างน้อย”
เปียปล่อยมือประวิทย์ ทำท่างอนสะบัดสะบิ้ง
“ผมไม่ได้เข้าข้าง”
“ที่ประวิทย์ทำนั่นแหละ คือเข้าข้างเปียเสียใจที่ประวิทย์เห็นน้อยดีกว่าทั้งๆที่ประวิทย์กับเปียรักกัน”
เปียคว้ามือมาจับอีกประวิทย์จะดึงมือเปียออก ปฏิเสธเสียใจ
“ไม่ใช่...เราไม่ได้รักกัน”
เปียมองจ้องตายั่ว
“เปียรักประวิทย์ถ้าประวิทย์กล้าพูด ไม่รักเปียประวิทย์ก็บอกมา”
เปียทอดสายตามอง แกล้งส่งสายตาที่บอกว่ารัก หลงใหลประวิทย์มองตาเปีย หัวใจอ่อนระทวย สายตายังบอกว่ารักเปียอยู่ เปียยิ้มอ้อน
“ดูก็รู้ประวิทย์ยังรักเปีย”
ประวิทย์เจ็บปวด ดวงตาปวดร้าว พยายามตัดใจ
“ไม่...ผมไม่รักคุณหนูเปีย”
ประวิทย์ดึงมือของเปียออก จ้ำอ้าวเดินไปรวดเร็ว กลัวจะแพ้หัวใจตัวเองเปียเหวอไปทันที
“เปียไม่ยอม”
เปียตาวาวไม่พอใจมาก รีบตามประวิทย์ไปทันที

ประวิทย์เดินลิ่วมาที่บ้านของตัวเอง จะเข้าไป เปียวิ่งตามไปอ้อนทำเสียงเง้างอด
“หยุดนะประวิทย์ หยุด”
เปียวิ่งไปขวางที่ประตู
“อย่าทำอย่างนี้ครับคุณหนู กลับไป”
“ไม่เอา เปียไม่กลับ จนกว่าเราสองคนจะพูดกันรู้เรื่อง”
“รู้เรื่องแล้วครับ...เราไม่ได้รักกัน”
เปียโผเข้ามากอดอ้อน
“รักสิ...เรารักกัน ประวิทย์รักจรรยาจรรยาก็รักประวิทย์”
ประวิทย์ตกใจ พยายามเอามือออก
“คุณหนู อย่าทำอย่างนี้ครับ เดี๋ยวใครมาเห็นเข้า”
“ไม่อยากให้ใครมาเห็น ประวิทย์ก็พาเปียเข้าไปข้างในสิ”
“คุณหนู”ประวิทย์ชะงัก
เปียอ้อน ส่งสายตายั่วยวน
“น้า...พาเปียเข้าห้องประวิทย์มีเรื่องจะคุยกับประวิทย์เยอะแยะเลย” เปียมองตามองปากเจ้าชู้ “โดยเฉพาะ...เรื่องของเรา”

ประวิทย์ลำบากใจ มองซ้ายมองขวา รีบเปิดประตู พาเปียเข้าไปข้างใน อีกมุม หวานยืนจ้องมองอยู่ ตาโตรีบวิ่งออกไปรวดเร็ว

ในห้อง ทันทีที่อยู่กันตามลำพัง เปียก็โผเข้ามากอดประวิทย์ร้องลั่น

“อย่าครับคุณหนูอย่า”
ประวิทย์พยายามผลักออกเปียไม่ยอมปล่อยอ้อน
“ไม่เอา...ไม่ได้อยู่ด้วยกันตั้งนาน รู้มั้ยเปียคิดถึงจะแย่ขอหอมหน่อยน้า...ขอหอมหน่อย”
“อย่าครับ”เปียระดมหอม
ประวิทย์ผลักออกจนได้เปียแอ๊บหวาน
“ประวิทย์ใจร้ายที่สุด คนคิดถึงจะตาย หอมหน่อยก็ไม่ได้...”
“ก็มันไม่ควร”
“จริงๆแล้วยังโกรธเปียอยู่ใช่มั้ย” เปียเข้ามากอดประวิทย์ซบไหล่อ้อน “อย่าโกรธเปียเลยน้าที่เปียมาหาประวิทย์ไม่ได้ เพราะถูกจับตามองตลอดเดี๋ยวก็คุณรจนา เดี๋ยวก็นมแส โดยเฉพาะนมแสนี่ตัวดีเลย...พอเปียออกนอกบ้านเมื่อไหร่ ต้องไปฟ้องคุณพ่อคุณแม่ คุณย่าเปียเลยมาหาประวิทย์ไม่ได้”
“ทุกคนหวังดีกับคุณหนู”
“หวังร้ายต่างหาก...” เปียหลอกด่า “แค่ประวิทย์จน เป็นคนใช้ นี่เหรอคือเหตุผลที่ห้ามไม่ให้เรารักกัน” เปียจับมือประวิทย์ “มันไม่ถูกนะประวิทย์ นมแสนี่ตัวดีเลย...ถ้าไม่มีนมแสสักคน...”
“คุณหนูหมายความว่ายังไง”
“ก็ถ้าไม่มีนมแสซักคน ก็จะไม่มีใครมาขัดขวางความรักของเรานะประวิทย์” เปียมองหน้า ดวงตาเหี้ยม “เปียอยากให้ประวิทย์...”
ประวิทย์ดวงตาประหวั่นพรั่นพรึง
“คุณหนูจะให้ผมทำอะไร”
“กำจัดนมแสให้พ้นทางรักของเรา”
“คุณหนู”ประวิทย์ตกใจมาก

ลูกเต่าร้องเสียงดัง เง้างอด ตีโพยตีพาย
“พี่ประวิทย์พาคุณหนูซีเปียเข้าห้อง มิน่าพี่ประวิทย์ถึงไม่สนใจลูกเต่า”
“อย่าแก่แดดให้มันมากนักนะลูกเต่า”จวนดุ
“ไปถือสาอะไรกับเด็กไม่เต็มเต็งล่ะพี่จวน”หวานแย้ง
“ยิ่งรู้ว่าลูกเต่าไม่เต็มเต็ง เราต้องช่วยกันสอน ปล่อยไว้ ทำอะไรน่าอายแน่”
“คนที่ควรอาย ควรเป็นคุณหนูเปียนะ อาไร้...เข้าห้องผู้ชายไม่มีอับไม่มีอาย”ช้อยขัดขึ้น
เย็นเดินมาที่หน้าครัวได้ยิน
“ฉันไม่ยอม...”
จวนจะเดินออกไปหวานคว้ามือเอาไว้
“จะไปไหน”
“ไปห้ามประวิทย์นะสิกินบนเรือน ขี้รดหลังคาใช้ได้ที่ไหน”
“เรื่องมันถึงขนาดนี้แล้ว อย่าปิดเลยพี่ ไปบอกคุณๆดีกว่า”ช้อยขวางอีกคน
“ใช่...ไปบอกคุณๆดีกว่าคุณๆจะได้จัดการคุณหนูเปีย”หวานเห็นด้วย
“เพราะคนที่ควรถูกดุ ควรเป็นคุณหนูเปีย ไม่ใช่ประวิทย์”ช้อยเสริม
เย็นตาเขียวไม่พอใจเปีย แต่ความห่วงมีมากกว่า เย็นรีบผละไปทันที...จวนคิดหนัก ช้อยกับหวานเร่งเร้า
“ป่ะพี่จวน...ไปบอกคุณๆกันเถอะ”
“ให้ลูกเต่าไปบอกมั้ยคะป้าจวน ลูกเต่าวิ่งเร็ว”
ช้อยหันมาดุ
“เดี๋ยวก็ถูกด่าอีกจนได้หรอก นังเปรตขาสั้นลูกเต่า”

ประวิทย์มองเปียตกใจ ปฏิเสธ
“ไม่เอาครับผมไม่เอา”
ประวิทย์จะหนี เปียตะปบไหล่ให้หยุด แล้วโน้มตัวเข้ามาหา จับไหล่จ้องหน้าตะล่อม
“แต่ถ้าไม่มีนมแสเราสองคนจะได้รักกันนะประวิทย์...” เปียมองตา ไล้ริมฝีปากประวิทย์ยั่วยวน “เปียจะมาหาประวิทย์ได้ ทุกเวลาที่หัวใจต้องการ”
ประวิทย์ผลักเปียออก
“ไม่ครับผมไม่ได้ต้องการคุณหนูแบบนี้”
“แล้วประวิทย์ต้องการแบบไหน บอกมา เปียจัดให้ได้ทุกอย่าง”
เปียทำท่าจะปลดประดุมเสื้อออกประวิทย์ร้องลั่นห้าม
“อย่าครับ ผมไม่ได้ต้องการอะไรจากคุณหนูทั้งนั้น นอกจากหัวใจ...”
เปียพยายามต่อ ยิ้มออกมา
“แต่เปียต้องการประวิทย์มากกว่าหัวใจ”
เปียมองประวิทย์ ส่งสายตายั่วยวนมองไปทั้งร่างของเขาดวงตาเจ้าเล่ห์เอาชนะ

มุมหนึ่งของสวน...เย็นยืนเครียดๆคิดหนัก หวานกับช้อย ลากจวน เดินกันเร็วๆผ่านหน้า ตรงไปยังบ้านของอุทัย เย็นยิ้มรำพึงในใจ
“ถ้านังวณีได้เห็นลูกสุดที่รักอยู่กับผู้ชายมันหัวใจวายตายแน่...”
ดวงหน้าของเย็นเจื่อนลง มือของเย็นสั่นอย่างเห็นได้ชัดเย็นว้าวุ่นในใจ
“แต่น้าให้แกทำอย่างนั้นไม่ได้ เปีย”
เย็นหยิบมือถือขึ้นมารวดเร็ว โทรหาเปีย

ในห้องของเปีย มือถือดังลั่น ไม่มีคนรับเย็นที่โทรหาเปีย ร้อนใจกังวลโมโหหงุดหงิด
“ทำไมไม่รับสาย”
เย็นกดโทรออกห่วงเปียมาก

หวาน กับช้อย ลากจวนที่มีทีท่ากังวลเข้ามา นมแสเดินออกมา
“อ้าวมีเรื่องอะไรกันถึงได้ยกโขยงกันมา”
“พวกฉันมีเรื่องคุณหนูเปียจะบอก”ช้อยรีบบอก
“อะไร”นมแสตื่นเต้นอยากรู้
หวานโพล่งออกมา
“ก็คุณหนูเปียแอบไปหาประวิทย์ถึงที่ห้องน่ะสิ”
นมแสตกใจ สายตาตำหนิ
“อีกแล้วเหรอ”
ช้อยพยักหน้า
“ก็อีกแล้วน่ะสิพวกฉันถึงคิดว่า สมควรที่คุณๆจะรู้สักที”
“คุณๆล่ะ” หวานถาม
“คุณอุทัยไปทำงาน คุณวณีเพิ่งขึ้นไปพักผ่อนเมื่อตะกี้นี้เอง”
หวานทำหน้าเสียดายมาก
“ว้า! คุณหญิงก็ไม่อยู่ แล้วเราจะทำยังไงดีวะ”
“กลับเถอะป่ะ...”
จวนจะลากสองคนกลับช้อยกับหวานขืนตัวเอาไว้ ช้อยบอกอย่างหวังดี
“ไหนๆก็ไหนๆแล้ว คุณวณีควรได้รู้ไปเรียนคุณวณีเถอะนมแส”
วณีเดินเข้ามาพอดี
“ฉันอยู่นี่แล้วมีอะไร”

ทุกคนยิ้ม ยกเว้นจวนที่ท่าทางกลุ้มใจมาก

เย็นกดโทรหาเปียที่กำลังหลอกล่อประวิทย์สะดุ้งเฮือก ทำหน้านิ่วปากจิ๊จ๊ะแต่ไม่ยอมรับสายยังไม่ดูว่าใครโทรมา

“รับสายสิครับคุณหนู”
“ไม่เอาเปียไม่อยากให้ใครรบกวน เปียอยากอยู่กับประวิทย์” เปียกอดอ้อนต่อ
เย็นร้อนใจมาก
“อยู่กับผู้ชายแล้วไม่ยอมรับสาย แกนี่มันจริงๆเลยนังเปีย”

วณีตกใจมากที่รู้เรื่องเปียเสียงดังออกมา
“อะไรนะ ลูกเปียไปหาประวิทย์ที่ห้อง”
จวน หวาน ช้อย นมแส กังวล เดาทีท่าวณีไม่ออก จวนแก้ต่างทุกคน
“ขอโทษนะคะคุณวณีที่พวกเรานำความเดือดเนื้อร้อนใจมาให้ คงไม่มีอะไรหรอกค่ะ คุณหนูอาจจะแวะไปคุยธุระเฉยๆก็ได้...ป่ะพวกเรากลับ”
จวนพยักหน้ากับหวานช้อย ส่งสายตาบอกให้กลับ แต่วณีกลับร้องเรียก
“เดี๋ยว”
ทุกคนหน้าแหยเข้าไปใหญ่ เดาทีท่าวณีไม่ถูกจริงๆ แต่วณีกลับพูดขึ้น
“ฉันจะไปดูให้เห็นกับตา ถ้าลูกเปียกับประวิทย์ทำเรื่องเสื่อมเสีย ฉันจะจัดการขั้นเด็ดขาด...ทั้งคู่”
ทุกคนมองวณีคาดไม่ถึงเลอสรรเดินเข้ามาได้ยิน ตกใจ

ประวิทย์ผลักเปียออกบอกเปียจริงจัง แกมดุ หันหลังให้
“กลับไปเถอะครับคุณหนู”
เปียโผเข้ามากอดทางด้านหลัง
“ไม่เอาเปียไม่กลับถ้าประวิทย์รักเปีย ประวิทย์ต้องทำอะไรเพื่อเราสองคนบ้างสิ”
ประวิทย์พยายามแกะมือออก
“แต่สิ่งที่คุณหนูทำ มันไม่ใช่วิธีที่ถูกต้อง” ประวิทย์หันมาเผชิญหน้า “ถ้าเราสองคนรักกันจริงเราต้องทำทุกอย่าง เพื่อพิสูจน์ความรักของเราคุณหนูกลับไปเรียนนะครับ ผมเองก็จะตั้งใจเรียน พยายามสร้างอนาคตที่ดี ให้ทัดเทียมกับคุณหนู”
“ประวิทย์ก็รู้ว่าเปียไม่สบายเปียต้องได้รับการดูแล” เปียจับมือเขาเขย่า “นะ...น้า...ประวิทย์...ต้องช่วยเปียจัดการกับนมแสและทุกคนที่มันมาขัดขวาง ความรักของเรา” เปียโผเข้าไปกอดแน่น เบียดอ้อน “น้า...ประวิทย์น้า...”
ประวิทย์ยืนนิ่ง ดวงตาสับสน กังวล ไม่รู้จะทำอย่างไร

เย็นโทรอีกเปียหงุดหงิด
“ปั๊ทโธ่เว้ยจะโทรฯมาทำไมนักหนา”
“รับสายเถอะครับคุณหนู เดี๋ยวเรื่องจะใหญ่”
เปียหงุดหงิดควักมือถือมามองตกใจ
“น้าเย็น”
วณี เดินนำทุกคน จะมุ่งหน้าไปยังบ้านประวิทย์เย็นยิ่งร้อนใจ
“รับสายสินังเปีย รับสายสิ”
“รับสายสิครับคุณหนู”ประวิทย์มองเปีย
เปียจำต้องรับสาย
“อะไรน้าเย็น”
“นังวณีกำลังไปหาแกที่บ้านประวิทย์ ถ้าไม่อยากตกสวรรค์ รีบหนีให้เร็วที่สุดฉันจะถ่วงเวลาให้เอง”เย็นวางสาย
เปียหน้าซีดตกใจ ประวิทย์ถาม
“มีเรื่องอะไรครับคุณหนู”
“คุณแม่กำลังมาที่นี่”
ประวิทย์หน้าซีดเผือดตกใจมาก

วณีเดินตรงมา เย็นรีบเดินไปขวางทันที วณีมองเย็น บอกสั้นๆ
“หลีกไปเย็น”
“ตามประสาคนรวย ยังไม่รู้เหตุผลเลยว่าฉันมาทำไมคุณก็สั่งให้ฉันหลีกไปซะแล้ว ฉันจะมาคุยเรื่องคุณอุทัย”เย็นยิ้มเหยียด
“เย็น”จวนตกใจ
วณีเสียงเครือ
“เธอกับพี่อุทัยจะอะไรกันอีก ก็ตามสบายเลยเย็น ฉันไม่ยุ่ง”
วณีจะเดินไป เย็นย้อน
“ถ้าก่อนที่จะแต่งงาน คุณรู้จักถอยอย่างนี้ก็ดีนะจะได้ไม่ต้องแย่งสามีคนอื่น”
วณีชะงัก กำมือแน่น เย็นยิ้มเยาะ
“แต่อย่างว่าบางทีคนเราก็โรคจิต ที่แย่ง เพราะอยากโชว์ว่าตัวเองเหนือกว่าก็เท่านั้น”
เลอสรรเดินเข้ามา บอกเย็น
“ไม่มีใครแย่งใครได้หรอกครับน้าเย็นโดยเฉพาะเรื่องของความรักและถ้าเรารักใครสักคนจริงๆ ต่อให้มีคนใหม่เข้ามา เราก็จะไม่มีวันเปลี่ยนใจ แต่ถ้าหากเราเปลี่ยนใจนั่นแปลว่าเราไม่ได้รักคนคนนั้นจริงๆ...ถ้าน้าเย็นเข้าใจที่ผมพูด น้าเย็นไม่ควรจะจมอยู่อดีต กับคนที่ไม่ได้จริงใจกับน้าเย็นนะครับ”
เลอสรรจะพาวณีไป เย็นอึ้ง จุก เถียง
“มันก็จริงค่ะถ้ามือที่สามจะไม่พยายามแทรกเข้ามา”
“งั้นน้าเย็นรอดูนะครับ ต่อให้มีคนอื่นเข้ามา ผมก็จะไม่รัก ไม่สนใจเค้าและถ้ามีอุปสรรคผมก็จะทำทุกอย่างเพื่อพิสูจน์ความรักของผม ซึ่งผมจะพิสูจน์ให้น้าเย็นเห็นว่าผมรักน้อยจริงๆ”
ทุกคนตาค้าง คาดไม่ถึง เลอสรรจะพูดอะไรตรงๆออกมาแบบนี้ แต่ในความคาดไม่ถึง กลับเป็นสายตาที่ยินดีของทุกคนยกเว้นวณี เย็นมองเลอสรรอึ้ง เลอสรรบอกวณี
“รีบไปดูน้องเปียเถอะครับคุณน้า”

เลอสรรแตะมือวณีไปทุกคนตามวณี เย็นตาค้าง อึ้งไปไม่คิดเลอสรรจะจริงจังกับน้อยขนาดนี้
 
อ่านต่อหน้า 3

คมพยาบาท ตอนที่ 10 (ต่อ)

ประวิทย์ลากเปียออกมาจากห้องอย่างร้อนใจ

“กลับไปได้แล้วครับคุณหนู ก่อนที่คุณท่านจะมา”
เปียร้อนใจแต่ยังยื้อ
“งั้นประวิทย์ก็รับปากเปียก่อน ว่าจะจัดการกับนมแสและคนที่มาขัดขวางความรักของเรา”
“มันไม่ใช่เวลาจะมาพูดเรื่องนี้ครับ กลับไป”
ประวิทย์ลากจะให้กลับเปียยื้อ
“เปียไม่กลับ ถ้าประวิทย์ไม่รับปากเปีย”
“คุณหนู” ประวิทย์ระอาความรั้น
“เปียก็อยากรู้เหมือนกัน ถ้าเปียบอกว่าประวิทย์ปล้ำเปียคุณแม่จะเชื่อใคร ระหว่าง...ลูก กับ คนใช้”เปียยิ้มเย้ยท้าทาย
“คุณหนู”ประวิทย์เสียใจ คาดไม่ถึง
“รับปากเปียเดี๋ยวนี้”เปียถลึงตาใส่ร้าย
“ไม่”ประวิทย์ดุ ไม่ยอม
“ประวิทย์”เปียโกรธ
“กลับไปเดี๋ยวนี้คุณหนู”
ประวิทย์ลากลงบันไดวณี เลอสรร และกลุ่มแม่บ้านเดินมาเห็น วณี เลอสรร จวน ตกใจ แต่นมแส หวาน ช้อย ยิ้มสาแก่ใจ วณีกรีดเสียงร้องดุอย่างไม่เคยมาก่อน
“ยัยเปีย”
เปียหันมาเห็น ไม่กลัว นึกว่าจะอ้อนได้ รีบร้อง
“คุณแม่...พี่เลอ” เปียปั้นหน้าตกใจ “ช่วยเปียด้วยค่ะช่วยเปียด้วย เปียถูกประวิทย์หลอกมาปล้ำ”
“เปล่านะครับผมเปล่า” ประวิทย์ปล่อยเปีย
เปียหล่นลงมาจากบันได ร้อง
“โอ๊ย...ประวิทย์โกหก ประวิทย์ปล้ำเปีย”
“เงียบ แล้วกลับบ้านเดี๋ยวนี้ กลับ”วณีตัวสั่น
วณีตรงไปกระชากเปียเลอสรรเข้าไปช่วยฉุด
“กลับบ้านเดี๋ยวนี้เปีย” เลอสรรหันไปหาประวิทย์ “นายด้วยเรามีเรื่องต้องคุยกันประวิทย์”
เลอสรรช่วยกันกับวณี พาเปียออกไปประวิทย์หน้าเสีย หน้าเจื่อนกังวลหมู่มวลแม่บ้าน มองประวิทย์เห็นใจแต่สะใจเปียอีกมุมเย็นยืนมองอยู่ สายตาที่มองความเจ็บปวดของวณีสะใจ แต่พอมองเปียเย็นก็ได้แต่สลด ถอนหายใจระอารำพึงในใจ
“ในเมื่อฉันเตือนแก แล้วแกไม่ฟัง มันก็ต้องเป็นอย่างนี้แหละนังเปีย”

วณีเดินเข้าบ้าน ท่าทางโกรธจัด เปียกอดมือเลอสรรอ้อน
“พี่เลอช่วยพูดกับคุณแม่หน่อยสิคะคุณแม่โกรธเปีย”
“ก็สมควรแล้วที่คุณแม่จะโกรธ”เลอสรรแกะมือเปียออก
“โกรธเปียทำไม ในเมื่อเปียถูกหลอกไปปล้ำ”
“ผมเปล่านะครับ ผมเปล่า”ประวิทย์รีบแย้ง
“เธอหลอกฉันไปปล้ำประวิทย์”เปียแย่งพูด
“ผมเปล่า”ประวิทย์เถียง
วณีเสียงดังโวยวายอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน
“เลิกพูดได้แล้วฉันรู้ว่าอะไรเป็นอะไร” วณีมองประวิทย์ “เธอจะพิจารณาตัวเองยังไงประวิทย์”
เปียยิ้ม เย้ย คิดว่าวณียังเข้าข้างตัวเองอยู่ ขณะที่ประวิทย์นั่งลงหน้าซีดเจื่อน
“ผม...ผมขอโทษ...แต่ผม...ผมไม่ได้หลอกคุณหนูจริงๆนะครับ”
นมแสมองสงสารบอก
“อย่าไล่ประวิทย์เลยนะคะคุณ ประวิทย์เป็นเด็กดี”
“พูดแบบนี้แปลว่าฉันเลว ฉันให้ท่าผู้ชายเหรอนมแส”เปียแว๊ดทันที
นมแสก้มหน้า ไม่กล้ามอง เปียมองนมแสเกลียดชัง วณีพูดขึ้น
“งั้นฉันสั่ง ต่อไป ห้ามเธอพูดคุยกับลูกเปียอีก ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไรก็ตาม”
“ครับ”ประวิทย์รับคำทันที
เปียรู้สึกเสียหน้า มองประวิทย์แบบจะกินเลือดกินเนื้อวณีบอกประวิทย์
“ไปได้แล้ว”
ประวิทย์เดินออกไปขณะที่วณีผลุนผลันเดินขึ้นบ้าน ไม่สนใจ เปียร้องเรียก
“คุณแม่...คุณแม่ขา”
วณีไม่สนใจ เปียหันมองเลอสรรอ้อน
“พี่เลอ”
เลอสรรไม่สนใจเดินหนีไปเหลือแต่นมแสที่ยิ้มเยาะ เปียหันมาเห็นพอดีนมแสรีบหลบเดินออกไปรวดเร็ว เปียอึ้ง นาทีนี้ไม่เหลือใคร เปียโกรธมาก

เย็นนั่งอยู่ในสวน น้ำตารื้น นึกถึงคำพูดของเลอสรรที่บอกว่า ถ้าเปลี่ยนใจแปลว่าไม่ได้รักจริง เย็นน้ำตาคลอ คิดได้...อุทัยคงไม่ได้รักเธอจริงๆ น้อยในชุดนักศึกษากลับมาเห็นก็ถามอย่างสงสัย
“น้าเย็น เป็นอะไรคะ”
“ก็มารอน้อยนั่นแหละ ทำไมวันนี้กลับซะเย็น” เย็นรีบปรับสีหน้า
“ทำรายงานกับเพื่อนน่ะค่ะ...น้าเย็นไม่ได้เป็นไรแน่นะคะ...” น้อยเป็นห่วง
“เป็นมั้ง” เย็นยิ้มขื่น
“น้าเย็นเป็นอะไรคะ” น้อยมองตกใจ
“มีคนมาบอกรักน้อย และน้ากำลังคิดอยู่ ว่าน้าสมควรที่จะปล่อยให้น้อยกับเขารักกันหรือยัง”
น้อยมองเย็นงุนงง ตระหนกตกใจ ก่อนถามเสียงแผ่ว
“ใครคะน้าเย็น”
“คุณเลอสรร”

น้อยทั้งตื่นเต้นยินดีเขินอายปนตกใจสับสน

เลอสรรอาบน้ำออกมาจากห้องน้ำ กำลังจะใส่เสื้ออยู่ จู่ๆเปียก็เปิดประตูห้องเข้ามาผวามากอดร้องไห้โฮ เลอสรรตกใจ

“อะไรเปีย อะไร”
เลอสรรดันตัวออก เปียไม่ยอมปล่อยร้องไห้กอดแน่น
“พี่เลอ ช่วยเปียด้วยนะ ไม่มีใครเชื่อเปียเลย ว่าเปียถูกประวิทย์หลอกไปปล้ำ”
เลอสรรดันตัวออกบอกดุ
“ก็เปียทำตัวแบบนี้ใครจะเชื่อ”
เปียอึ้ง เหมือนถูกด่าตรงๆ
“ใช่ซี้...เปียทำอะไรก็ผิด ทำอะไรพี่เลอก็ดูถูก ไม่เหมือนนังน้อยนี่ แอบไปพบ ไปคุยกับพี่เลอค่ำๆมืด พี่เลอยังเห็นว่ามันดี”
“เพราะพี่รักน้อยไง”
“แอร้ย...พี่เลอ”
เปียโกรธมาก กระตุกผ้าขนหนู เลอสรรกุมผ้าขนหนูแน่น
“เฮ้ย อย่าทำอะไรบ้าๆนะเปีย”
“ก็รู้อยู่แล้วว่าเปียมันบ้า ไหนๆพี่เลอก็ด่าเปียแล้ว เปียก็จะบ้าให้สุดๆไปเลย”
เปียพยายามดึงผ้าขนหนู เลอสรรกุมผ้าแน่นดุเปีย
“หยุด ไม่มีใครดูถูกเปียได้หรอก ถ้าเปียไม่ทำตัวเอง”
“พี่เลอ”
“เป็นผู้หญิง ทำตัวแบบนี้ทันทุเรศ ไม่ใช่แค่พี่ด่านะเปีย คนที่เขารู้ว่าเปียทำตัวแบบนี้ เขาด่าเปียทุกคน ออกไป๊...”
เลอสรรลากเปียไปที่ประตูเหวี่ยงออกไป
“ว้าย!”
เปียถูกเหวี่ยงลงไปนั่งที่พื้น เลอสรรปิดประตูดังปัง เปียโกรธเสียหน้าคำราม
“นังน้อย”

เปียโกรธจัดเดินกระแทกเท้าตึงๆขึ้นบ้านเย็น พอไปถึงก็ไม่พูดพล่ามทำเพลงจิก กระชากผมน้อยที่กำลังนั่งอ่านหนังสือเหวี่ยงลงกับพื้นอย่างแรงด้วยความโกรธ น้อยตกใจร้องกรี๊ด เปียไม่รอช้าตรงเข้าไป จิกตบตีน้อยด้วยบันดาลโทสะอิจฉาริษยา น้อยร้องลั่น
“อะไรเปีย อะไร ตีน้อยทำไม”
น้อยมองเปียงุนงง ขณะที่มือหนึ่งของเปียกระชากผมน้อยจนหน้าหงาย อีกมือบีบคางน้อยแน่น จ้องมองน้อยด้วยความเกลียดชังระคนสงสัย
“ทำเป็นตีหน้าซื่อ เงียบๆหงิมๆ แต่เอาเข้าจริง วิ่งตามผู้ชายไปทั่ว” เปียขยุ้มหัวน้อยด้วยความเกลียดชัง ริษยา “ฮึ! พี่เลอสรรอาจจะไม่รู้ ว่าผู้หญิงเงียบๆหงิมๆอย่างแก ความจริงมันดัดจริต ไม่เหมือนคนที่แรงๆอย่างฉัน ความจริงก็แค่คนตรงๆ ไม่มีอะไร”
เย็นเดินขึ้นบันไดมา ในมือมีดอกไม้และกรรไกรตัดกิ่งไม้ ดวงตาของเย็นโกรธเกรี้ยวโมโห ตวาด
“แต่คนตรงๆ แรงๆ แล้วความจริงมันแรดน่ะมีถมไป แกล่ะคนหนึ่ง นังเปีย”
เย็นตรงเข้าไปกระชากร่างเปียที่คร่อมน้อยขึ้นมา เปียร้องตกใจ
“อะไรน้าเย็น”
ร่างเปียเซแทร่ดๆตามแรงลากของเย็น
“ทีแรก...ฉันตั้งใจ ไปตัดดอกไม้มาไหว้พระ แต่ตอนนี้ ฉันจะเอาดอกไม้ มาไหว้ศพ” เย็นเอาดอกไม้ยัดปากเปีย “แล้วมัดตราสังข์แก นังเปีย”
เย็นลากเปียมาที่บันได แล้วเหวี่ยงลงไปเต็มแรง เปียร้องสุดเสียง
“อ๊าก”
ร่างเปียกลิ้งหลุนๆลงบันได แม้เธอพยายามจะจับราวไว้ก็หล่น น้อยเห็นร้องกรี๊ด เย็นชี้หน้าน้อย ตวาดเสียงดัง
“หุบปาก แล้วเข้าห้องไป”
“ค่ะ น้าเย็น” น้อยกลัวมาก
น้อยรีบวิ่งเข้าไปในห้องรวดเร็ว เย็นถือกรรไกรลงบันได

เปียหล่นลงไปนอนกับพื้น เย็นเดินลงมาหน้าตาเอาเรื่อง เปียเห็นก็รู้แน่นอนโดนดีแน่ๆ เปียจะหนี แต่เย็นเหยียบช่วงขาเอาไว้ กดน้ำหนักลงแรง เปียร้อง
“จะหนีไปไหน” เย็นจิกผมเปียขึ้นมา “พูดดีๆกันไม่ได้ ตกลง ฉันต้องคว้านหัวใจตัดต่อมอิจฉาริษยาออกจากแกใช่มั้ย นังเปีย”
เย็นเงื้อกรรไกรในมือขึ้น เปียร้องหวาดกลัว
“อย่านะน้าเย็น”
“คนอย่างซีเปียไม่เคยกลัวอะไรไม่ใช่เหรอ แล้วแกจะมาร้องทำไมนังเปีย คว้านหัวใจ ตัดต่อมอิจฉาไปซะ มันจะได้จบๆซักที” เย็นง้างกรรไกรขู่
เปียลอยหน้าลอยตา เย้ย
“ถ้ามันง่ายขนาดนั้น งั้นน้าเย็นก็ตัดต่อมอาฆาตแค้นพยาบาทออกจากหัวใจน้าเย็นด้วยสิ...เรื่องมันจะได้จบๆไปเหมือนกัน”
“นังเปีย” เย็นโกรธมาก
เย็นเงื้อกรรไกรขึ้น เปียเย้ย
“รู้ไว้ด้วย เพราะความอาฆาตแค้นพยาบาทของน้าเย็นนั่นแหละ เพราะถ้าน้าเย็น ไม่ขโมยลูกเขามา เรื่องมันก็ไม่เป็นอย่างนี้หรอก”
เย็นมือสั่นระริก ความรู้สึกอื้ออึง เปียผลักเย็นออกอย่างแรง จนล้มลง เปียเย้ย
“คราวหน้าคราวหลัง ก่อนจะว่าใคร ดูตัวเองก่อนนะน้าเย็น ไม่งั้น คนเขาจะด่าน้าเย็นได้ ไพร่ สันดานต่ำ อวดดี แต่ไม่มีมันสมอง”
เปียเดินหนี เย็นลุกขึ้น กระชากไหล่เปียให้หันมา ตบอย่างแรง เปียร้องว้ายล้มลง เย็นตามลงไปคร่อมตบปากเปียเต็มแรง แล้วบีบคางแน่น
“ฉันไม่มีมันสมองจริงๆน่ะแหละถึงได้เลี้ยงลูกโจรเอาไว้ เอาเลยนะแม่คนเก่งคนฉลาด แผลงฤทธิ์ออกมาให้หมด แต่อย่าลืม เก็บเส้นผม เนื้อเยื่อ กลากเกลื้อนของแกเอาไว้ให้ดี ไม่งั้น ถูกเอาไปตรวจดีเอ็นเอแน่”
เย็นผลักร่างของเปียออกเต็มแรง สองน้าหลานจ้องหน้ากัน เย็นมองเปียเสียใจอดไม่ได้ เย็นเหน็บ
“หรือจะเก็บไม่ได้ก็ไม่รู้สินะ เพราะความชั่วของแกมันซึมอยู่ในดีเอ็นเอ แถมยังลามเร็วยิ่งกว่าขี้กลากอีก นังเลว” เย็นเดินขึ้นบ้าน
เปียมองตามเย็น โกรธ โมโห ขัดใจ ไม่พอใจ

เย็นเดินขึ้นมาบนบ้าน เหมือนคนหมดแรง เสียใจที่เปียด่า เสียงเปียดังก้องในหัว
“ถ้ามันง่ายขนาดนั้น งั้นน้าเย็นก็ตัดต่อมอาฆาตแค้นพยาบาทออกจากหัวใจน้าเย็นด้วยสิ เรื่องมันจะได้จบๆไปเหมือนกัน เพราะถ้าน้าเย็น ไม่ขโมยลูกเขามา เรื่องมันก็ไม่เป็นอย่างนี้หรอก”
เย็นร้องไห้ ดวงตาบ่งบอกถึงความเสียใจทุกข์ใจ น้อยค่อยๆแง้มประตูออกมามอง เห็นเย็นร้องไห้ น้อยได้แต่มองเย็นน้ำตาไหล สงสารเห็นใจ ค่อยๆเดินออกมานั่งลงข้างๆ เอามือเช็ดน้ำตาให้ เย็นมองน้อยจ้องเขม็ง น้อยมองเย็น สายตาประหวั่นพรั่นพรึง เย็นตวัดมือน้อยที่เช็ดน้ำตาให้ตัวเอง มากำแน่น น้อยตกใจ แต่โดยที่น้อยไม่คาดคิด เย็นตวัดกอดร่างน้อยเอาไว้แน่น เหมือนต้องการที่พักพิง ร้องไห้ออกมา
 
น้อยกอดเย็นแน่น กอดเหมือนปลอบประโลม ไม่มีใครพูดอะไรออกมา นอกจากอ้อมกอดที่บอกว่าไม่ทิ้งกัน

นมแสเดินมาที่ห้องเปีย พร้อมเครื่องดูดฝุ่น อุปกรณ์ทำความสะอาดห้อง

“ไม่อยากจะยุ่งเลยจริงๆ”
นมแสเข้าห้องไปทำความสะอาดแบบหน่ายๆ เปียเดินกระแทกเท้ากลับมา อารมณ์ขุ่นมัวจากเย็นเห็นนมแสกำลังก้มๆเงยๆ ทำความสะอาดห้องก็โมโห ตรงไปกระชากผมนมแสจนหน้าหงายโดยที่นมแสไม่ทันตั้งตัว
“โอ๊ย... อะไรกันคะคุณเปีย”
“คิดว่าฉันไม่รู้เหรอว่าแกจะมาเอาเส้นผม เล็บเลิ๊บ อะไรของฉันน่ะ นี่คงอยากจะตรวจดีเอ็นเอฉันจนตัวสั่น ใช่มั้ยนังแก่”
เปียปัดมือนมแสเหมือนปัดเส้นผมและอะไรๆออก นมแสมองตำหนิมาก
“ค่ะ...เพราะยิ่งนานวัน คุณยิ่งทำตัวมีพิรุธ”
“นังนมแส”
เปียตบผลัวะอย่างแรง ขย้ำคนแก่ นมแสปัดป้องผลัก
“อย่า...คุณเปียอย่า”
“ฉันจะทำใครจะทำไม” เปียผลักนมแสจนเซ “ไปเล้ย แกไปฟ้องคุณแม่เลยไป อยากรู้เหมือนกันคุณแม่จะเชื่อใคร ระหว่างไส้อย่างฉัน กับขี้อย่างแก”
“คุณเปียไม่ได้เรียนรู้อะไรจากเรื่องของประวิทย์บ้างเหรอคะ ว่าคุณวณีจะเชื่อใคร”
“นังนมแส” เปียเสียหน้า
“คุณวณีไม่ได้ฟังลงปากของใครหรอกค่ะ เธอเชื่อจากสิ่งที่คุณประจานตัวเอง”
นมแสเดินไป เกลียดเปียมาก เปียโกรธมาก คุมตัวเองไม่ได้ได้แต่ร้องกรี๊ดๆ

วณีนั่งน้ำตาคลอทุกข์ใจ นมแสเดินเข้ามาเห็นก็สงสาร วณีถามเหนื่อยๆ
“ยัยเปียเป็นอะไรอีก ร้องกรี๊ดๆ”
“เธออาละวาดเพราะเข้าใจผิด คิดว่าดิฉันจะไปหาเส้นผม เล็บของเธอไปตรวจดีเอ็นเอค่ะ”
วณีฟังแบบเหนื่อยๆทุกข์ใจ
“นมแสรู้มั้ย ที่ฉันไม่ตรวจดีเอ็นเอเพราะอะไร”
“ไม่ทราบค่ะ”
“ฉันไม่กล้า ฉันไม่กล้าพอที่จะเผชิญกับความจริง” วณีเสียงเครือแผ่ว
“ความจริงอาจจะเจ็บปวด แต่ดิฉันว่าความไม่รู้ จะทำให้เราเจ็บกว่านะคะ”
“งั้น...ฉันคงเป็นคนขี้ขลาด ที่ไม่กล้าเผชิญกับความจริง ความจริงที่ว่า ฉันรักลูกเปียมากเหลือเกิน จนฉันกลัว กลัวจะทำใจไม่ได้กับความจริงทุกอย่าง”
วณีปล่อยให้น้ำตาไหลออกมาอย่างยั้งไม่อยู่ นมแสมองสงสารมาก

นมแสนั่งคุยกับจวนในบ้าน นมแสหน้าเครียดหนักใจ
“จริงๆตอนแรก ฉันว่าจะบอกคุณวณี เรื่องถูกคุณเปียมาข่มขู่ทำร้าย แต่พอเห็นคุณวณีร้องไห้ บอกตรงๆฉันสงสาร ฉันไม่อยากเอาความทุกข์ไปสุมใจให้เธออีก”
“ไม่รู้ทำไม คุณหนูเปียถึงเป็นไปได้ขนาดนี้” จวนถามอย่างไม่เข้าใจ
“จริงๆแม่จวนก็รู้แหละว่าทำไม”
จวนมองนมแสกลัวคำตอบ
“เพราะนังเย็นไง ถ้านังเย็นไม่ขโมยเอาคุณหนูเอื้อยไป ทุกอย่างก็ไม่เป็นอย่างนี้ คนที่ผิดที่สุด ยังไงก็คือนังเย็น”

เปียเดินหน้ายุ่งขึ้นไปบนบ้านเย็น น้อยพอเห็นเปียก็รีบหลบทันที ไม่อยากมีเรื่อง แต่แอบฟัง แอบมอง เห็นเปียเรียกเย็นท่าทางร้อนรน
“น้าเย็นช่วยเปียด้วย นังนมแสมัน...”
“น้ามันเป็นไพร่ สันดานต่ำ เอาแต่อวดดี แต่ไม่มีมันสมอง คงช่วยอะไรคุณหนูไม่ได้หรอกค่ะ”
“ก็น้าเย็นมัวแต่เป็นแบบนี้ไง ใช้อารมณ์ ยั่วโมโห เราเลยไม่เคยคุยกันดีๆได้”
“แกบอกฉันใช่มั้ย ก่อนจะว่าใคร ให้มองตัวเองก่อนเพราะฉะนั้นแกกลับไปส่องกระจก ดูเงาตัวเองก่อนไป และถ้ามันไม่เห็น ก็แปลว่า จุดจบของแก ใกล้มาถึงแล้วล่ะเปีย” เย็นนิ่งๆระอา
เย็นดันร่างของเปียออกแล้วปิดประตูบ้าน เปียมองโกรธตะโกน
“ได้...ถ้าเย็นไม่ช่วย เปียก็จะช่วยตัวเอง แล้วอย่ามาว่าเปียทีหลังแล้วกัน”
เปียกระแทกเท้าลงบันไดกลับไป เย็นสลดระอาเปีย น้อยที่แอบฟัง งุนงงไม่เข้าใจ

เช้าวันใหม่...เลอสรรแต่งตัวสุภาพเรียบร้อยเดินขนเฟรมวาดรูปตรงไปที่รถ ด้านหลังเปียมองจะเอาชนะให้ได้ จะวิ่งไปหา แต่วณีร้องเรียก
“จะไปไหนลูกเปีย”
เปียนิ่งๆแอ๊บ
“จะไปเป็นแบบให้พี่เลอวาดรูป”
“ตาเลอบอกให้หนูเป็นแบบเหรอลูก” วณีมองรู้ทัน
เปียโกหกเลย
“ค่ะคุณแม่ พี่เลอบอก อยากให้เปียใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ เลยขอให้เปียไปเป็นแบบให้หน่อย จริงๆเปียไม่อยากไปเลยนะคะ” เปีนกอดวณีอ้อน “เปียคิดถึงคุณแม่ แต่เกรงใจพี่เลอ”
วณีรู้ทันแต่ไม่พูด
“ไม่ต้องเกรงใจหรอกลูก สงสัยตาเลอคงจะลืมไปแล้วล่ะว่านัดหนู เพราะตาเลอบอกแม่จะไปเป็นอาจารย์พิเศษที่โรงเรียนศิลปะ ต่อไปคงไม่ว่างอีกแล้วจ้ะ”
วณีเดินกลับไปข้างใน นมแสมองรู้ทันเปีย และวณี ถอนหายใจ เดินตามวณีเข้าบ้านไป เปียหน้านิ่ง
สายตาไม่ยอม

เปียวิ่งตามเลอสรรมาที่รถ มาถึงก็ถามทันที
“ที่พี่เลอออกไปทำงาน เพราะไม่อยากอยู่บ้านเจอเปียใช่มั้ย”
“คิดมาก...”
เปียยิ้ม ดวงตาดีใจนึกว่าเลอสรรจะปฏิเสธแต่เลอสรรกลับพูดต่อ
“พี่ไม่ได้ให้ค่าเปียขนาดนั้นหรอก ต่อให้พี่อยู่บ้าน แล้วเปียมาหา พี่เดินหนีเปียก็ได้ แต่ที่พี่ออกไปทำงาน เพราะพี่อยากใช้ความรู้ให้เป็นประโยชน์” เลอสรรมองจ้องว่าเปียกลายๆ “เพราะคนที่ไม่มีความรู้ แล้ววันๆยังอยู่เฉยๆ ไม่ต่างจากขอนไม้ที่ตายแล้วหรอกเปีย”
เปียจะร้องไห้ เสียใจเสียหน้าจริงๆ
“พี่เลอ”

น้อยในชุดนักศึกษาเดินออกมา เลอสรรเห็นรีบเดินไปหา น้อยมองเห็นเขาก็ตกใจแกมเขินอาย แต่พอหันไปมองเห็นเปียที่จ้องจนตาแทบหลุด น้อยก็ก้มหน้างุดรีบเดินหนี เลอสรรเห็นน้อยเดินออกประตูไป ก็รีบขึ้นรถขับออกไปทันที

น้อยกอดหนังสือแนบอกเดินเร็วๆเป้าหมายคือป้ายรถเมล์ เธอนึกถึงคำพูดของเย็นที่บอกว่าเลอสรรชอบ เธอก็ยิ่งก้มหน้างุด เขินอาย จากหางตาน้อยเห็นรถของเลอสรรขับตามมา ก็ยิ่งเร่งฝีเท้าเร็วขึ้น เลอสรรขับรถมาจอดแล้ววิ่งตามมาหา

“ขึ้นรถเร็วน้อย พี่จะไปส่ง”
“ไม่เป็นไรค่ะ”
“วันนั้นเราดีกันแล้วไม่ใช่เหรอ น้อยยอมเรียกพี่ว่าพี่แล้วไง”
“เอ่อ...”
“พี่บอกน้าเย็น เรื่องของเราแล้วนะ เพราะฉะนั้นต่อไปน้อยไม่ต้องกลัว” เลอสรรคว้ามือน้อย “ขึ้นรถเร็ว พี่จะไปส่ง”
น้อยยื้อมือลำบากใจ เลอสรรบอกแกมบังคับ
“เร็วขึ้นรถ ชักช้า เดี๋ยวพี่ก็เสียค่าปรับหรอก”
น้อยหันไปมอง เห็นเลอสรรเปิดไฟกระพริบไว้ที่ข้างทาง แต่เป็นที่ห้ามจอด น้อยยอม

เลอสรรขับรถมาตามทาง น้อยนั่งตัวแข็ง อายกับสิ่งที่ได้รู้และยังเกรงเปีย เลอสรรมอง ถามขำๆ
“น้อยเป็นอะไร ท่าทางแปลกๆ”
“เปล่าค่ะ”
“หรือว่าน้าเย็นบอกน้อยแล้ว”
“เรื่องอะไรคะ”
“ก็เรื่องที่พี่รักและจริงใจกับน้อยไง”
น้อยอ้าปากค้างตกใจ อาย
“พี่เลอสรร”
“ขอโทษ ที่ไม่ได้บอกน้อย” เลอสรรยิ้มขื่นๆ “บอกตรงๆ บ้านเราไม่มีเวลาให้โรแมนติกกันเลย วันๆมีแต่เรื่อง พี่เลยต้องบอกผ่านน้าเย็น” เลอสรรเอื้อมมือมากุมมือน้อย บอกจริงจัง “ต่อไปพี่จะทำตามหัวใจตัวเอง น้อยก็ควรทำตามหัวใจตัวเองเหมือนกัน”
น้อยมองเลอสรร ยังประหม่า ไม่แน่ใจ ได้แต่ดึงมือตัวเองออกมา

เลอสรรมาจอดรถหน้ามหาวิทยาลัย น้อยจะเปิดประตูลงไป แต่เลอสรรดึงมือไว้บอก
“เดี๋ยว”
“คะ...”
“เลิกเรียนแล้วพี่มารับนะ แล้วต่อไป พี่จะมารับมาส่งน้อยทุกวัน”
น้อยดึงมือออกจากมือของเลอสรร เดินลงไปไม่พูดอะไร เลอสรรมองน้อยยิ้มชื่นหัวใจ ในขณะเดียวกันก็กลุ้มหัวใจเหมือนกัน

จวนเดินถือสำรับอาหารมา นมแสจะออกไปข้างนอกพอดี ท่าทางนมแสไม่สบาย
“อ้าว จะไปไหนนมแส”
“ไม่สบาย ว่าจะออกไปซื้อยาสักหน่อย”
“แล้วกลับมากินข้าวนะ วันนี้ฉันทำแกงบอน ทำมาเผื่อนมแสด้วย”
“ขอบใจจ้ะ”
นมแสเดินออกมา จวนเดินเข้าบ้านไป อีกมุม เปียยืนมองอยู่ ยิ้มร้าย

นมแสเดินด้วยท่าทางเมื่อยๆไปตามทาง เปียแอบย่องตามไปจากสัญชาตญาณ นมแสรู้สึกเหมือนมีคนตามมา หันขวับไปมอง เปียซ่อนตัวเข้าข้างทางรวดเร็ว นมแสไม่เห็น แต่รู้สึกผิดปกติหยิบมือถือมากดบันทึกภาพเอาไว้สาวเท้าเดินเร็วเข้าอย่างหวาดระแวง แล้วเก็บมือถือในกระเป๋าตามเดิม เปียเห็นนมแสเดินไปก็รีบสาวเท้าตามไปรวดเร็ว และหลบเข้าไปข้างทางที่เป็นซอย
นมแสเดินสาวเท้าเร็วๆผ่านตึกร้างหันไปมองทางด้านหลัง แต่มองไม่เห็นใครก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่โล่งใจ แต่ต้องสะดุ้งเฮือกเมื่อเห็นเปียเดินมาจากด้านหน้ามาดักหน้าไว้
“คุณเปีย”
นมแสจะหลบไปทางอื่น เปียขวางหน้าเอาไว้
“จะหนีไปไหน” เปียมองร้าย
นมแสไม่ตอบ มองดูก็รู้เปียหาเรื่อง นมแสจะเลี่ยงไปทางอื่น แต่เปียก็ปราดมาขวางทางไว้เหมือนเดิม นมแสผงะขณะที่เปียกระชาก คว้าแขน
“เรามีเรื่องต้องคุยกันนมแส”
เปียลากนมแสเข้าไปในตึกร้างที่สภาพโดยรอบอึมครึมน่ากลัว เปียลากนมแสขึ้นบันไดเพื่อหลบ
สายตาผู้คนที่มองเข้ามาหากอยู่ชั้นหนึ่ง นมแสร้อง
“ปล่อยฉัน ช่วยด้วยๆ”
เปียเอามืออุดปากนมแส ลากนมแสขึ้นบันไดไป

เปียลากนมแสพ้นบันไดขึ้นมาได้ก็เหวี่ยงร่างของนมแสลงกับพื้นอย่างแรง นมแสละล่ำละลักบอก
“อย่าทำอะไรฉันเลยนะ ฉันไม่ได้ยุ่งเรื่องอะไรของคุณ”
เปียกระชากผมนมแส
“เหรอ แต่หน้าตาแก่ๆของแก ดูยังไง มันก็ไว้ใจไม่ได้สอดรู้สอดเห็นไม่มีที่สิ้นสุด นังแกเอ๊ย”
เปียมองหมั่นไส้ตบผลัวะ นมแสหน้าหันก่อนหันกลับมา สงสัย
“การที่คุณกับเย็นกลัวนักกลัวหนา กับความอยากรู้อยากเห็นของฉันแปลว่า คุณสองคนมีความลับกันอยู่ใช่มั้ย”
“ใช่ แล้วจะยังไง จะคาบข่าวไปบอก คุณพ่อ คุณแม่ หรือว่าคุณย่าดีคะ นมแสขา” เปียเย้ย
“คุณก็รู้นี่คะ ถึงฉันไม่คาบข่าวไปบอก ทุกคนในบ้าน เขาก็สงสัยคุณอยู่แล้ว ไม่งั้น เขาไม่คิดที่จะตรวจดีเอ็นเอคุณหรอกค่ะ”
เปียเหมือนถูกจี้จุด เนื้อตัวสั่น นมแสมองท่าทีของเปียก็รู้พูดต่อ
“และมันก็ทำให้คุณวิ่งพล่านเป็นหมาบ้า น่าอนาถที่สุด กลับตัวเถอะนะคะคุณเปีย ไม่อย่างนั้น ความรัก ความเมตตาที่คุณๆเขามีให้คุณ มันต้องหมดลงไปซักวันแน่ๆ”
เปียถูกจี้จุดคลั่ง
“ไม่ต้องทำปากดีปากเก่งมาสอนฉัน”
“ดิฉันเตือนเพราะหวังดีจริงๆค่ะ ไม่ใช่เพราะคุณนะคะ แต่ดิฉันสงสาร และเห็นใจคุณวณี ชีวิตของเธอไม่ควรจะพบกับความอัปยศขนาดนี้ ถ้าเย็นไม่ขโมยเอาลูกของเธอไป...” นมแสหรี่ตามองพูดมีเลศนัย “และเอาใครมาอ้างว่าเป็นลูกก็ไม่รู้”
เปียสะดุ้งเฮือกตกใจ เนื้อตัวสั่น ขย้ำหัวนมแสถามโกรธ
“แกรู้ได้ยังไงนังนมแส บอกฉันมาแกรู้ได้ยังไง”
เปียคลั่งเขย่านมแส หัวสั่นหัวคลอน
“การกระทำของคุณนั่นแหละค่ะมันฟ้องตัวคุณเอง”
“ไม่จริง...” เปียลนลาน กลัว
“จริงค่ะ...ไม่อย่างนั้น” นมแสย้ำแบบยั่วให้พูด “ทุกคนเขาไม่สงสัยคุณหรอก”
“ไม่จริ๊ง ! ฉันนี่แหละลูกคุณพ่อคุณแม่ ฉันนี่แหละคือลูกที่แท้จริง” เปียกรี๊ด
เปียขย้ำ นมแสเจ็บแต่พยายามตะล่อม
“โอ๊ย...งั้นถ้าคุณเป็นลูกจริงๆ คุณก็ไม่ต้องกลัวอะไรนะคะ แค่กลับเนื้อกลับตัวใหม่ เป็นคุณหนูเปียที่น่ารัก เรียบร้อย เหมือนแม่น้อย รับรองทุกๆคนจะรักคุณ รวมทั้งคุณเลอสรรค่ะ”
เปียเหมือนช็อก เสียใจ คำพูดของนมแสกรีดหัวใจทุกอย่าง นมแสฉวยโอกาสนั้นค่อยๆลุกเดินออกไป มือของเปียคว้าหมับเข้าที่ขานมแสกระชากอย่างแรงจนนมแสล้มลงไปกองกับพื้นร้องลั่น มือถือที่ซ่อนเอาไว้ในกระเป๋าร่วงหล่นออกมา เปียและนมแสมองเห็นมือถือ สองคนมองตากัน นมแสแสดงพิรุธ ยื่นมือไปคว้าเอามือถือ แต่มือของเปียเร็วกว่าตะปบอย่างแรงบนมือของนมแส ก่อนสะบัดออก แล้วคว้าเอามือถือขึ้นมา เปียเห็นมือถือยังบันทึกคลิปเอาไว้อยู่ เปียเบิกตากว้างโกรธจัดคว้าหมับกำที่คอนมแสแน่น นมแสร้องโอดโอย
“ปล่อยฉันนะคะปล่อย”
“ปล่อยทำไม ในเมื่อฉันรอโอกาสนี้มาตั้งนาน และนี่ก็เป็นหลักฐาน” เปียชูมือถือขึ้น “ให้ฉันรู้ว่า แกเป็นงูพิษจริงๆ”
เปียเอามือถือฟาดหน้านมแส นมแสร้องสุดเสียงหน้าคว่ำลงไปกับพื้น เปียกระชากผมขึ้น ตาวาวน่ากลัว
“แกบังคับให้ฉันต้องทำเอง อีแก่”

เปียเงื้อมือจะตบ นมแสยกเท้ายันเปียอย่างแรงจนเปียล้มนมแสฉวยโอกาสหยิบมือถือวิ่งหนี เปียรีบลุกตาม
 
อ่านต่อหน้า 4

คมพยาบาท ตอนที่ 10 (ต่อ)

นมแสจะวิ่งลงบันได แต่เปียมาดักหน้าขวางทางเอาไว้ ยกมือตบนมแสอย่างบ้าคลั่งพร้อมแย่งเอามือถือ

“เอามาให้ฉัน”
“ไม่...” นมแสตะโกน “ช่วยด้วย”
เปียตบเข้าที่ปากของนมแสอย่างแรง พร้อมกับแย่งมือถือ นมแสไม่ยอมปล่อยจะหนี ลงบันไดข้างล่างไม่ได้ เปียยืนต้อน นมแสจำต้องหนีขึ้นชั้นบน เปียจับเข้าที่ขาของนมแสที่กำลังก้าวขึ้นบันไดกระชากอย่างแรง นมแสร้องลั่น เสียหลักหงายหลังลงมานอนแอ้งแม้งที่พื้น ท่าทางสะบักสะบอม แต่มือนมแสมยังกำมือถือแน่น เปียกระชากเอามือถือของนมแส ตวาด
“แกจะหวงเอาไว้ยัดปากผีแกเหรออีแก่”
เปียพยายามแย่ง แต่นมแสไม่ยอม พอเห็นว่าท่าจะไม่สำเร็จ นมแสก็ขว้างมือถือไป
ทางอื่นเพื่อเอาตัวรอด ได้ผล เปียวิ่งไปเอามือถือที่ถูกปาออกไป จังหวะนั้นนมแสวิ่งหนีออกไปทุลักทุเล

เปียคว้าเอามือถือขึ้นมาเห็นหน้าจอมือถือพังไปแล้ว เปียยิ้ม ทิ้งมือถือลงกับพื้น หันขวับไปมองนมแสตาวาว รีบตามไป...นมแสสะบักสะบอมวิ่งขากระเผลกออกไปจากตึกร้าง เปียวิ่งตามออกมาแต่ตามในลักษณะมองซ้ายมองขวา กรอกตาไปมองรอบๆ แถวนั้นมีคนหรือเปล่า พอไม่เห็นใครเปียก็วิ่งตามนมแสออกไป นมแสเห็นเปีย ก็หน้าเสีย พยายามร้องแบบเหนื่อยมากและเจ็บ
“ชะ ช่วยด้วย”
เปียยิ้ม เดินตามแบบไม่เกี่ยว แต่ตาร้าย เอาเรื่อง นมแสเห็นเปียตามมาก็กลัวมองเปียรีบข้ามถนนหนี แบบไม่ดู รถกระบะคันหนึ่งวิ่งมาด้วยความเร็วสูงชนเข้ากับร่างของนมแสอย่างจัง นมแสร้องได้คำเดียวแล้วร่างก็ทรุดลงไป เปียเบิกตากว้างมองภาพตรงหน้าอย่างสาแก่ใจ ทำทีเป็นเห็นเหตุการณ์ร้อง
“ช่วยด้วยค่ะช่วยด้วย...คนถูกรถชน”
รถกระบะหนีไปด้วยตกใจกลัว เปียวิ่งไปหานมแสที่นอนแบ่บกลางถนน นมแสนอนลืมตาโพลง เลือดไหลออกมานองพื้น และยังมีเลือดไหลออกมาจากจมูก เปียวิ่งเข้าไปหามองสะใจ
“ฉันไม่ได้ทำอะไรแกเลยนะอีแก่...แกมันซวย วิ่งออกมาให้รถชนตายเอง”
นมแสมองเปียอ้าปากพะงาบๆสติไม่สมประดี เปียมองเห็นสร้อยทองในคอนมแสก็หัวเราะ
“ขอนะ”
เปียกระตุกเอามารวดเร็ว ปากหันไปตะโกน
“ช่วยด้วยค่ะช่วยด้วย”
เปียมอง เห็นผู้คนวิ่งมาก็อาศัยความเร็วรูดเอาแหวนทองมาด้วย พลเมืองดีวิ่งกรูกันเข้ามา ขณะที่นมแสนอนแน่นิ่ง เปียแกล้งบอก
“ช่วยด้วยค่ะคนถูกรถชน”
คนกรูกันเข้ามาดูตามประสาไทยมุง บางคนตรงเข้าไปดูนมแส บางคนหยิบเอาโทรศัพท์โทรแจ้งความ เปียอาศัยช่วงผู้คนชุลมุนผละออกไปอย่างเร็ว

เปียวิ่งเร็วๆเข้าบ้าน ในมือกำสร้อยและแหวนแน่นผ่านหน้าวณี
“ไปไหนมาลูกเปีย” วณีเรียก
เปียไม่ตอบวิ่งขึ้นบันไดไปชั้นบน วณีจะตามแต่เซ็ง เปลี่ยนใจไม่ตาม

เปียปิดประตูห้องได้ก็ชูแหวนและสร้อยของนมแสขึ้น มองงงๆ
“ราคาไม่กี่ตังค์ เอามาทำไมเนี่ย ทำไมฉันมือเร็วอย่างนี้”
เปียทำหน้าครุ่นคิด งงตัวเองเหมือนกัน เอามาทำไม เปียกวาดตามองก่อนเอาสร้อยและแหวนของนมแสไปซ่อนที่ใต้ฟูกบนเตียง ยิ้มสะใจ
“ใครที่เป็นมารชีวิตฉัน ฉันจะจัดการมันให้หมด รวมทั้งแกด้วย นังน้อย”
เปียตาวาวโรจน์ น่ากลัว

น้อยเดินออกมาจากมหาวิทยาลัย จะหลบไปป้ายรถเมล์ แต่ต้องสะดุ้งโหยง เมื่อเลอสรรเดินมาขวางหน้า
“เราตกลงกันแล้วนี่ว่า ต่อไปพี่จะมารับมาส่งน้อยทุกวัน รีบขึ้นรถเร็ว”
น้อยลังเลอิดออด เลอสรรคว้าแขนน้อยกระซิบแกล้ง
“อ้อ!รู้แล้ว ที่อิดออดเพราะอยากให้พี่จับมือนี่เอง”
น้อยร้องเสียงหลง ดึงแขนออก
“เปล่านะคะ”
“เปล่าก็รีบขึ้นรถเร็วๆ จะได้กลับบ้าน และถ้าน้อยยังอิดออด พี่จะถือว่าน้อยอยากให้พี่...กอด นะจ้ะ”
เลอสรรยิ้มทะเล้น กางแขนออก ทำท่าจะกอดพาขึ้นรถ น้อยเลยต้องวิ่งขึ้นรถรวดเร็ว

เลอสรรขับรถ น้อยนั่งตัวลีบ เลอสรรมองขำ
“เย็นแล้ว พี่หิว หาอะไรกินก่อนเข้าบ้านนะน้อย”
“อย่าดีกว่าค่ะ เดี๋ยวน้าเย็นรอ”
“ก็...เดี๋ยวซื้อไปฝากน้าเย็นด้วยไง...นะ...น้าเย็นจะได้กินของอร่อยๆเหมือนเรา”
เลอสรรเอาชื่อเย็นมาอ้าง น้อยยิ้ม เลอสรรมองอาทรสายตาของน้อยมีแต่ความรักที่มีต่อเย็น

ค่ำนั้น เลอสรรพาน้อยมานั่งในร้าน ยื่นเมนูให้ ส่วนตัวเองก็ก้มดูเมนูพลางถาม
“ร้อนๆอย่างนี้กินข้าวแช่กันนะ”
น้อยยิ้ม เลอสรรมอง
“ยิ้มอะไร”
“ก็พี่เลอสรรบอกจะพามากินของอร่อย จะได้ซื้อไปฝากน้าเย็น”
“ก็ข้าวแช่นี่ไง”
“แต่ข้าวแช่น้อยทำให้น้าเย็นกินอยู่บ่อยๆ”
“อ้าว น้อยทำข้าวแช่เป็นด้วยเหรอ”
“เป็นค่ะ แต่อร่อยหรือเปล่า...ไม่รู้...”
“งั้น วันหลังทำให้พี่กินด้วยสิ”
“ก็แล้วทำไมน้อยต้องทำด้วยล่ะคะ”
“พี่ชอบไง” เลอสรรมองหน้าน้อยยิ้ม
“ชอบ ก็เรื่องของพี่เลอ” น้อยยิ้ม
“จะเรื่องของพี่ได้ยังไง ก็พี่ชอบน้อยน่ะ”
เลอสรรมองน้อยยิ้ม น้อยเขินเข้าไปใหญ่
“พี่เลอสรร”
น้อยก้มหน้างุดมองแต่เมนู เลอสรรหัวเราะมอง
“ไหนบอกว่าไม่หิว ไหงจะกินเมนูซะแล้ว”
เลอสรรหันไปเรียกพนักงาน
“สั่งอาหารครับ”

น้อยเงยหน้าขึ้นมาค้อน สายตาบอกว่าเอียงอายเขินและมีใจ

ในครัว ทุกคนนั่งประจำโต๊ะรอกินข้าว แต่ไม่มีประวิทย์ จวนถาม

“ประวิทย์ล่ะ ทำไมไม่มากินข้าว”
“นั่งเศร้าอยู่ในสวน ตามประสาคนอกหัก” เอิบบอก
“สงสารประวิทย์เหมือนกันนะ ถูกห้ามไม่ให้พูดคุยกับคุณหนูแม้แต่คำเดียว” ช้อยถอนใจ
หวานขัดขึ้น
“จะเสียใจไปทำไม๊...ดีแล้ว ไม่ต้องพูดคุยกันกับคุณหนู ความซวย จะได้ไม่มาถึงตัว”
“เดี๋ยวฉันไปตามประวิทย์มากินข้าวก่อนแล้วกัน”
พูดเสร็จจวนจะไป ลูกเต่าแทรกขึ้น
“เดี๋ยวลูกเต่าไปตามให้ค่ะ”
“บอกประวิทย์รีบมานะ เดี๋ยวกับข้าวมันจะเย็น”
“ค่ะป้าจวน”
ลูกเต่าเดินออกไป

ประวิทย์นั่งซึมเศร้า แต่ต้องสะดุ้งเมื่อได้ยินเสียงของลูกเต่าที่เลียนเสียงเปีย
“พี่ประวิ้ด”
ประวิทย์หันมามองสะดุ้งโหยงเมื่อเห็นลูกเต่าโพสต์ท่าแบบซีเปีย
“ทำท่าอะไรเนี่ยลูกเต่า”
“เซ็กซี่ซีเปียไง...แต่นี่เซ็กซี่ลูกเต่า...”
ประวิทย์ทำหน้าสยองขณะที่ลูกเต่าเดินมานั่งข้างๆบอก
“พี่ประวิทย์อย่าเสียใจไปเลยนะ ถึงเซ็กซี่ซีเปียจะไม่รักพี่ แต่เซ็กซี่ลูกเต่ารักพี่ พี่ประวิทย์มองดูสิ...” ลูกเต่าจับไหล่ประวิทย์ให้หันมามอง “ตรงไหนบ้างที่เซ็กซี่ลูกเต่าไม่เหมือนเซ็กซี่ซีเปีย เหมือน...เหมือนกันทุกอย่าง” ลูกเต่าลุกขึ้นโพสต์ท่าแบบเซ็กซี่แต่ดูตลก “ทั้งหน้าตา ผิวพรรณ ทรงผม ส่วนสูง โคลนนิ่งกันมาแบบเป๊ะเวอร์! เป๊ะเวอร์จริงๆ”
ประวิทย์หัวเราะ ลูกเต่าถามตามประสาเด็ก
“พี่ประวิทย์หัวเราะทำไม”
“หัวเราะในความพยายามของลูกเต่า แต่ก็นะ...เซ็กซี่ซีเปีย กับ เซ็กซี่ลูกเต่าเหมือนกันแบบเป๊ะเวอร์จริงๆ...ไปๆกินข้าว”
ประวิทย์จูงมือลูกเต่าเดินเข้าไป ลูกเต่ายิ้มบอกจริงจัง
“ถึงคุณหนูซีเปียจะไม่รักพี่ประวิทย์ แต่พวกเราทุกคนรักพี่ประวิทย์ค่ะ”
“ขอบใจจ้ะ”
ประวิทย์ลูบหัวเอ็นดูก่อนพาเข้าไป

จวนกับหวานเดินมากันที่หน้าบ้าน สองคนคุยกันหนุงหนิง หวานบอกยิ้มๆ
“เอาเข้าจริง ลูกเต่าก็รู้จักความเหมือนกันนะ ฉันก็นึกว่ามันจะไม่เต็มเต็งเที่ยวเล่นไปวันๆ”
“เด็ก...ขึ้นอยู่กับการเลี้ยงดูขัดเกลา พี่ถึงได้คอยบอกช้อย ให้สอนลูกเต่าดีๆเพราะเด็กวัยนี้ พร้อมจะซึมซับทุกอย่าง ถ้าไปเอาอย่างสิ่งที่ไม่ดี มันจะยุ่ง”
“แบบเซ็กซี่ซีเปียน่ะเหรอพี่จวน”
“เดี๋ยวเถอะ”
สองคนชะงักเมื่อเห็นวณีเดินอยู่หน้าบ้านท่าทางเหมือนรอใครสักคน จวนสงสัย
“อ้าว คุณวณี”
“จะไปไหนกันเหรอจ้ะ” วณีถาม
“จะไปซื้อของที่ตลาดหน่อยน่ะค่ะ คุณวณีรอใครหรือคะ”
“นมแสน่ะสิ หายไปไหนก็ไม่รู้”
“แกบอกจะไปซื้อยา ยังไม่กลับมาอีกเหรอคะ” จวนตกใจ
วณีพยักหน้า
“จะไปไหนมาไหนต่อ ก็ไม่รู้จักโทรมาบอก”
“งั้นถ้าจวนเจอนมแส จะรีบบอกว่าคุณรอค่ะ”
“ขอบใจมากจวน”
จวนกับหวานเดินออกไป วณียืนรอร้อนใจ ก่อนเข้าบ้าน

วณีเดินเข้าไปในบ้าน เห็นเปียนั่งกระดิกขาเล่นโทรศัพท์อย่างสบายใจ
“เปีย...ไปเป็นเพื่อนแม่หน่อยนะลูก”
“คุณแม่จะไปช้อปที่ปิ้งไหนคะ” เปียยิ้ม
“แม่จะไปตามหานมแสจ้ะ แกไปซื้อยาที่ตลาด ป่านนี้ยังไม่กลับมาเลย”
เปียหน้าเจื่อน แต่กลบเกลื่อน
“เดี๋ยวแกก็กลับมาเองล่ะค่ะคุณแม่”
“แต่แกไปนานแล้วนะตั้งแต่เมื่อกลางวัน แม่เป็นห่วง เปียไปเป็นเพื่อนแม่หน่อยนะลูก”
“ไม่เอาค่ะ เปียไม่ว่าง เล่นคุกกี้รันอยู่” เปียจิ้มมือถือ
วณีมองระอา เดินออกไป เปียเบ้ปาก พึมพำ
“ไปหานมแสในนรก ใครจะไปคะคุณแม่”

วณีเดินออกไป เจอเลอสรรขับรถเข้ามา และลงมาจากรถพร้อมกับน้อย วณีชะงักไปนิดหนึ่ง วูบหนึ่งที่เสียใจแทนเปีย น้อยยิ้มให้วณี เลอสรรบอก
“ผมไปกินข้าวกับน้อยมา น้อยซื้อขนมมาฝากน้าวณีด้วยนะครับ”
น้อยยื่นขนมให้วณี
“อร่อยมากๆเลยค่ะ”
“ขอบใจมากจ้ะที่นึกถึง เดี๋ยวฉันกลับมาชิมนะ” วณีวางไว้แถวนั้นจะออกไป
“คุณน้าจะไปไหนครับ”
“ไปหานมแสที่ตลาดน่ะจ้ะ ไปซื้อยาตั้งแต่กลางวัน ป่านนี้ยังไม่กลับมาเลย”
“ไปคนเดียวเหรอคะ มันดึกมากแล้ว น้อยไปเป็นเพื่อนมั้ยคะ”
“เดี๋ยวผมกับน้อยไปด้วยนะครับ”
“ขอบใจมากจ้ะ” วณียิ้มอุ่นใจ

เลอสรรกับน้อยประกบวณีพาขับรถออกไป

เลอสรรขับรถมาจอดที่ตลาด สามคนเดินลงจากรถ จวนกับหวานเดินมา

“คุณวณีคะ คุณวณี” จวนหน้าตาตื่น
“มีอะไรจ้ะจวน”
“คนที่ตลาดเขาคุยกัน เมื่อกลางวัน มีคนถูกรถชน”
“จากที่เขาเล่าลักษณะท่าทางเหมือนนมแสเลยค่ะ” หวานเล่า
วณีหน้าซีดเผือด น้อยกับเลอสรรมองหน้ากันตกใจ
“ตอนนี้เขาบอก คนเจ็บอยู่โรงพยาบาล น่ะค่ะ” จวนบอก
“เลอ” วณีใจไม่ดี
“เดี๋ยวผมพาไปดูครับคุณน้า”
เลอสรรพาวณีและน้อยไป
“จวนจะรอฟังข่าวที่บ้านนะคะ”
หวานยกมือพนมท่วมหัว
“อย่าให้เป็นนมแสเล้ย สาธุ”

วณี เลอสรร น้อยเดินลิ่วมายังห้องฉุกเฉิน เลอสรรบอก ตำรวจที่กำลังพูดคุยกับ ชาวตลาด วณีเข้าไปบอก
“ฉันขอดูคนเจ็บหน่อยค่ะ”
เลอสรรเสริม
“พวกเราสงสัย ว่าจะเป็นคนที่บ้านน่ะครับ”
“เชิญครับ”
ตำรวจเดินนำเข้าไปทันที

ตำรวจเดินนำเข้าไปในห้อง ทุกคนเห็นเป็นนมแสนอนหมดสติหน้าตาบูดปวม ตามเนื้อตัวห้อยสายระโยงระยางค์ วณีร้องไห้โฮออกมา
“นมแส”
วณีทำท่าจะเป็นลม น้อยกับเลอสรรรีบประคองไว้

วันใหม่...วณีมีท่าทีเสียใจร้องไห้ อุทัยว่า
“อย่าเพิ่งคิดมากเลยวณี ถึงอาการนมแสจะยังไม่ดี แต่ก็ยังโชคดีที่มีชีวิตรอดอยู่ อาการอัมพาต พูดไม่ได้ ก็ค่อยๆรักษากันไป”
คุณหญิงถอนใจเครียด
“ทำไมถึงได้เคราะห์ร้ายนักก็ไม่รู้”
เลอสรรพูดขึ้น
“จากการสอบปากคำพยานที่เห็นเหตุการณ์ เขาเล่าว่า เหมือนนมแสวิ่งหนีอะไรมาสักอย่าง ก่อนที่จะวิ่งออกไปแล้วถูกรถชนครับ”
“วิ่งหนีอะไร” อุทัยสงสัย
เปียที่ฟังอยู่ ลุ้นระทึก แต่พยายามทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ วณีหันมาบอก
“ตำรวจสันนิษฐานว่าอาจจะวิ่งหนีคนร้ายที่มาชิงทรัพย์ค่ะ เพราะมือถือ ของมีค่า หายไปหมดเลย”
“ตาย...น่ากลัวจังเลยนะคะ”
เปียกระเถิบมานั่งเบียดเลอสรร กลัวแบบเนียนๆ คุณหญิงถอนใจ
“ใช่...บ้านเมืองทุกวันนี้น่ากลัวขึ้นไปทุกวัน มีแต่ข่าวสะเทือนขวัญ จะไปไหนมาไหนระวังด้วยนะยัยเปีย”
เปียแอ๊บกลัว
“ค่ะคุณย่า...แต่เปีย...กลัว กลัวจังเลย ต่อไปถ้าไปไหนรบกวนพี่เลอไปเป็นเพื่อนเปียด้วยนะคะ”
“อย่ารบกวนพี่เขาเลยลูก...คนเราต้องดูแลตัวเอง ถ้ามันลำบากนัก ก็อยู่แต่ในบ้านนี่แหละ” อุทัยขัดขึ้น
เปียหน้าเสียถูกอุทัยหักหน้าแต่ไม่กล้าโวยวาย มีแต่วณีที่ขัดอุทัย
“พี่อย่าดุลุกสิคะ...ก็รู้อยู่ว่าลูกไม่สบาย”
“ไม่สบายก็ต้องกินยา ถ้าไม่กินยา ก็ไม่หายนะลูก”
“ก็เปียไม่ได้เป็นอะไร” เปียเถียง
“เวลาคุณพ่อสอนอะไร อย่าเถียงสิเปีย” คุณหญิงปราม
เปียหน้างอ
“นั่นก็ไม่ได้นี่ก็ไม่ได้ เปียแต่งตัวไปช้อปปิ้งดีกว่า”
“จะออกไปข้างนอก ไม่กลัวแล้วเหรอ” อุทัยถามทันที
“กลัวหรือไม่กลัว ก็ไม่มีคนห่วงเปียอยู่แล้วค่ะ”
เปียหน้าหงิกหน้างอเดินออกไป ทุกคนระอา

ในห้อง เปียปิดประตูดังปัง โมโหมาก
“ทำไมแกไม่ตายๆๆไปซะนังนมแส”
เปียฮึดฮัดก่อนกระชากตู้เสื้อผ้าเปิดออกอย่างไม่สบอารมณ์

เปียแต่งตัวสวยเฉี่ยวจะออกนอกบ้าน แต่หน้าตาหงุดหงิดจะเดินไปที่รถแต่ต้องชะงักเมื่อเห็นเย็นกับน้อยในชุดนักศึกษาเดินมาด้วยกันท่าทางของเย็นรักน้อย เปียมองด้วย ท่าทางหวาดระแวง แอบย่องตามไป เย็นบอกน้อยด้วยท่าทางเป็นห่วง
“สังคมทุกวันนี้น่ากลัวจริงๆ หลายวันก่อนก็มีข่าวฆ่าข่มขืนเด็กสาวใต้สะพายลอย นี่...ไปกลับมหาวิทยาลัยน่ะระวังตัวด้วยนะรู้มั้ยน้อย”
“ค่ะน้าเย็น”
“วันไหนจะกลับมืดๆค่ำๆก็บอก น้าจะไปรับ”
“เอ่อ...” น้อยอึกอักมีพิรุธ
“ทำไม มีคนไปรับไปส่งเหรอ”
“เอ่อ...” น้อยกลัว
“ใครไปรับ น้าถามว่าใคร” เย็นดุ
เปียใจเต้นรัว ตั้งใจฟัง น้อยมองเย็นหยั่งเชิงก่อนบอก
“พี่เลอสรรค่ะน้าเย็น”
เปียกำมือแน่น ดวงตาเหลือกโพลงอิจฉาริษยาเหลือใจ เย็นถอนหายใจนิ่งไปนิดก่อนมองน้อย พูดออกมาเบาๆ
“จริงๆน้าก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะไปกำกับชีวิตใคร เอาเป็นว่าดูชีวิตน้าเป็นตัวอย่าง” เย็นจับไหล่น้อยมองจริงจัง “คิด...แล้วตัดสินใจเองแล้วกัน” เย็นมองเฉยชา
เปียมอง เห็นด้านหลังไม่ได้เห็นดวงตาของเย็น ดวงตาของเปียบ่งบอกถึงความเสียใจ ผิดหวังเจ็บปวด เปียสะบัดหน้าเดินไป น้อย เกรงใจเย็น
“น้าเย็นโกรธเหรอคะ”
“ไม่...แต่น้าคงเสียใจมาก ถ้าวันหนึ่งน้อยจะถูกทิ้ง เหมือนกับน้า”

เย็นมองหน้าน้อยรักและเป็นห่วง น้อยมอง เห็นสายตาแห่งความรักและห่วงของเย็นสายตาของน้อยเหมือนครุ่นคิดกังวล

เปียเดินกระฟัดกระเฟียดในสวน เจอเสียม เปียคว้าขึ้นมาฟาดที่ต้นไม้อย่างแรง

“น้าเย็นให้นังน้อยคบกับพี่เลอ น้าเย็นทรยศ เปียเกลียดน้าเย็น”
กิ้งกือคลานอยู่ที่พื้น เปียทิ่มเสียมลงกึ่งกลางตัว กิ้งกือขาดกระเด็น

ในครัว ทุกคนนั่งคุยกันเรื่องนมแส
“น่าสงสารนมแสจริงๆเลย” จวนบอกเสียงเศร้า
“นั่นน่ะสิ...ป่านนี้ตำรวจยังจับคนร้ายไม่ได้เลย” หวานหน้าสลด
เอิบถอนใจ
“แต่ก็ยังดี ที่คนขับเข้ามามอบตัว อย่างน้อยก็ได้เบาะแส ก่อนที่นมแสจะพุ่งออกมานอกถนน เหมือนแกวิ่งหนีใครมา”
ประวิทย์ที่นั่งฟังอึ้งๆ ฟังอย่างตั้งใจ ขณะที่ทุกคนเมาท์กันตามประสา
“ก็คงเป็นคนร้ายแหละ มือถือ ทองหยอง ถูกเอาไปหมดเลย” ช้อยออกความเห็น
“นี่อย่าแอบหนีไปไหนคนเดียวนะลูกเต่า มันอันตราย” จวนหันไปหาลูกเต่า
“ไม่อันตรายหรอกค่ะ ลูกเต่ารู้ตัวดี มีหน้าตาเป็นอาวุธ”
“ทำเป็นขำ...ประเดี๋ยวเถอะ เจอของจริงจะขำไม่ออก” จวนค้อน
“งั้น...เวลาไปไหนมาไหน ให้พี่ประวิทย์พาไปก็ได้ค่ะ นะคะพี่ประวิ้ด”
ทุกคนหันไปมอง ประวิทย์ไม่อยู่ซะแล้ว จวนงงๆ
“อ้าว ประวิทย์ไปไหน ไวจัง”

เปียเดินอารมณ์เสียหงุดหงิด โกรธเย็น น้อย เลอสรร โกรธทุกคน เปียเดินตรงไปที่รถ ประวิทย์วิ่งมา มองซ้ายมองขวาแบบระวัง พอไม่เห็นใครก็วิ่งไปหาเปีย
“ผมไปด้วย ผมมีเรื่องจะคุยเรื่องนมแส”
เปียตาระแวงหงุดหงิด
“แต่ฉันไม่มี”
ประวิทย์เข้ม
“แต่ผมมี หรือคุณหนูจะให้ผมบอกคุณๆคุณหนูไปหาผมที่บ้านด้วยเรื่องอะไร”
เปียมองประวิทย์เนื้อตัวสั่น ภาวะนั้นอยู่ในอาการตกใจอื้ออึง ประวิทย์ไม่รอคำตอบจากเปีย เปิดประตูรถเข้าไปนั่ง เปียจำต้องขึ้นรถโดยเร็ว อีกมุม เลอสรรยืนมองอยู่ น้อยเดินมาท่าทางไม่สบายใจไม่อยากให้เย็นกังวล
“ขอโทษนะคะ น้อยว่าต่อไป น้อยไปกลับเองดีกว่าค่ะ”
เลอสรรไม่ได้ฟังน้อย สายตามองเปียและประวิทย์ น้อยมองตามสายตาเลอสรร
“เปีย พี่ประวิทย์”
“เร็วน้อย”
เลอสรรเดินนำไปที่รถ
“พี่เลอคะ...”
น้อยจะไม่ไป เลอสรรดุไม่ได้ฟัง
“เร็ว”
เลอสรรตามองตามรถเปีย เดินพรวดๆไปที่รถ น้อยจำต้องเดินตามเลอสรรไปขึ้นรถ

เปียขับรถ ท่าทางไม่พอใจมาก โดยมีประวิทย์นั่งข้างๆ ด้านหลังเลอ สรรขับรถตามโดยมีน้อยนั่งอยู่ด้วย
“พี่เลอจะตามเขาไปทำไมคะ”
“น้าวณีสั่ง ห้ามประวิทย์พบปะพูดคุยกับเปียอีก แล้วทำไมประวิทย์ทำแบบนี้ดูก็รู้ ข่มขู่น้องเปียชัดๆ”
เลอสรรมองไปข้างหน้าเห็น เปียขับรถอยู่ หน้าหงิก ประวิทย์นั่งข้างๆ
“พี่สงสัยว่าจะมีอะไร”

เปีย ขับรถมองค้อนไม่พอใจประวิทย์
“ตกลง จะขู่กันใช่มั้ย”
“คุณหนูก็บอกเรื่องนมแสมาก่อนสิ”
เปียกระชากเสียงเขียว
“เรื่องอะไร”
“เรื่องที่แกถูกทำร้ายจนนอนแบ่บ พูดไม่ได้อยู่นี่ไง”
เปียหันมามองประวิทย์ ดวงตาหวาดหวั่นแบบคนมีพิรุธ
“คุณหนูบอกผมมา...คุณหนูเป็นคนทำร้ายแกใช่มั้ย”
“ฉันเกี่ยวอะไรด้วย” เปียยังเถียง
“เกี่ยวสิ...เพราะคุณหนูเป็นคนบอกให้ผมจัดการกับแก แต่ถ้าคุณหนูไม่ยอมรับ ผมคงต้องเอาเรื่องนี้ไปปรึกษาคุณๆ”
“อย่านะประวิทย์” เปียตาพรั่นพรึง
“งั้นคุณหนูก็บอกผมมา”
เปียดวงตากังวลครุ่นคิดนึกแผนการก่อนบอกหวาน
“ได้...เปียจะบอก”

เลอสรรขับรถตามเปียมา ระวังระยะห่างไม่ให้เปียรู้ตัว รถคันหนึ่งขับแซงรถของเลอสรรจนคั่นรถของเปียเอาไว้ เลอสรรมองไม่เห็นก็หงุดหงิด
“เฮ้ย”
รถของเปียเลี้ยวเข้าม่านรูดข้างทางอย่างเร็ว

เปียจอดรถในม่านรูด ประวิทย์ตาเหลือกร้องลั่น
“นี่คุณหนูจะทำอะไร”
เปียเอื้อมมือมาลูบไล้หน้าประวิทย์แบบยั่วๆพูดหวาน
“ก็มาคุยเรื่องนมแสไง”
ประวิทย์ตาเหลือก มองเปียคาดไม่ถึง ตกใจ งุนงง

เลอสรรมองบนถนนไม่เห็นรถเปีย หงุดหงิดร้อนใจ
“น้องเปียหายไปไหนเร็วจัง”
เลอสรรมองแต่ถนน ขับผ่านม่านรูด น้อยมองไปข้างทางเห็นรถของเปียจอดอยู่ยังไม่ได้เข้าไปด้านใน น้อยตาเหลือก อึ้ง เลอสรรหันมาเห็น
“อะไรน้อย”
น้อยอ้ำอึ้งไม่กล้าพูด แต่สายตาของน้อยส่อพิรุธ เลอสรรมองไปทางด้านหลัง เห็นป้ายม่านรูดหรา เลอสรรหันมามองน้อยถามตกใจ
“อย่าบอกนะว่าน้องเปีย เข้าไปในนั้น”

น้อยหน้าซีดเผือด ไม่กล้าพูด เลอสรรหน้าเสีย จะถอยรถก็ถอยไมได้เพราะรถข้างหลังบีบแตรดังสนั่น เลอสรรจำต้องขับรถไปต่อ หาทางกลับรถด้านหน้าอย่างร้อนใจ
 
อ่านต่อตอนที่ 11
กำลังโหลดความคิดเห็น