คมพยาบาท ตอนที่ 9
เปียวิ่งพรวดพราดเข้ามาในบ้าน ตรงขึ้นไปบันไดอย่างโกรธจัด เลอสรรที่อยู่ในบ้านมองงงๆ แต่ยังไม่ทันจะพูดอะไร วณีก็วิ่งเข้ามา ตามเปียไปข้างบน แทบเกือบชนหวานที่ยกน้ำมาให้ แต่อุทัยวิ่งตามมาฉุดมือวณีเอาไว้ปราม
“อย่าวณี...เดี๋ยวลูกจะนิสัยเสีย”
วณีร้อนใจมาก
“แต่หมอวิธูบอก ถ้าลูกรู้สึกว่าตัวเองไม่มีค่า ลูกจะฆ่าตัวตาย”
มือของอุทัยที่แตะวณีปรามตกลง กลุ้มใจ หวานมองอยากรู้ รจนารีบบอก
“ตอนนี้เราควรปล่อยให้คุณเปียอยู่คนเดียวสักพักไปก่อน อย่างที่ลุงหมอบอก ไบโพลาร์คือโรคที่มีความปรวนแปรทางอารมณ์สูง...เดี๋ยวก็ก้าวร้าวเดี๋ยวก็ปกติ เราอย่าเพิ่งไปกระตุ้น ไม่ว่าจะด้วยวิธีใดค่ะ”
วณีน้ำตาคลอ กลุ้มใจมากไม่รู้จะทำยังไง อุทัยบอกกับรจนาแกมขอร้อง
“ผมไม่รู้จะทำยังไงแล้วจริงๆ ช่วยหน่อยนะครับคุณรจนา”
“ยินดีค่ะ แต่เดี๋ยวรจขอกลับบ้านไปเอาเสื้อผ้า ของใช้ส่วนตัวมาก่อนนะคะ ไม่ต้องห่วงค่ะ เรา...จะช่วยกันดูแลคุณเปียอย่างดีที่สุด”
รจนายิ้มแล้วเดินออกไป วณีปล่อยโฮกลุ้มใจ อุทัยกอดวณีเอาไว้
“เราจะช่วยกันวณี...เราจะช่วยกัน”
เลอสรรมองภาพตรงหน้าเห็นแต่ความทุกข์ทรมานใจของทั้งสอง อุทัยมองเลอสรรสายตาเจ็บปวดเหลือเกิน
อุทัยบอกเลอสรรด้วยท่าทางทุกข์ใจมาก
“เลอเห็นทุกอย่างแล้วใช่มั้ย”
เลอสรรพยักหน้า รู้สึกเห็นใจ
“ครับ”
“น้ากลุ้มมาก กลุ้มจริงๆ จนขณะนี้ น้าก็ยังไม่อยากจะเชื่อ”
“อะไรครับ”
อุทัยดวงตาคลางแคลงใจสงสัย
“บ้านน้า ตระกูลน้า ไม่เคยมีใครเป็นกลุ่มโรคอาการนี้ แต่ในเมื่อหมอบอก น้าก็คงต้องเชื่อ...ทั้งๆที่...น้าไม่อยากจะเชื่อ ไม่อยากจะเชื่อเลยจริงๆ สิ่งที่น้าอยากทำจริงๆ คือตรวจดีเอ็นเอ”
“คุณน้า” เลอสรรตกใจ
“มันเป็นสิ่งเดียวจริงๆเลอ ที่จะหาคำตอบทุกอย่างได้ ถ้ายัยเปียเป็นลูกของน้าจริงๆ ไม่ว่าแกจะเป็นอะไร น้าก็พร้อมจะรักจะดูแล...แต่ถ้าไม่ใช่ น้าก็ไม่ควรจะมาปวดหัวกลุ้มใจ กับลูกของคนอื่นไม่ใช่เหรอเลอ”
เลอสรรยังตกใจ กังวล แต่บอก
“ใช่ครับ...”
“แต่น้าคงทำตอนนี้ไม่ได้...น้าเกรงใจ แล้วก็เป็นห่วงความรู้สึกของน้าวณี สิ่งเดียวที่น้าต้องทำก่อนคือ ดูแลยัยเปียให้ดีที่สุด เลอช่วยน้าดูแลยัยเปียด้วยนะ...เพราะถ้ายัยเปียยังเป็นแบบนี้ คนที่บ้า หรือตายก่อน อาจเป็นน้ากับน้าวณี”
อุทัยมีแต่ความทุกข์ใจ กลุ้มใจ เลอสรรมองอุทัยเห็นใจ
รูปภาพในเฟรมของเลอสรร เป็นภาพแห่งความร้อนแรงบ่งบอกถึงความยุ่งเหยิง สับสน ดวงตาของเขาไม่มีสมาธิ ดูครุ่นคิดตลอดเวลา มือที่กำพู่กันเริ่มสั่นเกร็ง...ภาพความร้ายกาจของเปีย ตั้งแต่เขารู้จัก เธอดูถูกเขาตอนเป็นคนจรจัด ภาพเปียเป็นพริตตี้...เปียร้องเพลงชอบมานัวเนีย แว่บเข้ามา...ลอสรรหน้านิ่ว คิ้วขมวด ฮึดฮัดหงุดหงิดตวัดปลายพู่กันระบายอารมณ์ จนภาพแทบไม่เป็นภาพ แต่ต้องชะงัก เมื่อเขานึกถึงคำพูดของอุทัยขอร้อง ให้ช่วยดูแลเปีย เขานึกถึงตอนที่ยังเด็กๆ วณี ร้องไห้ที่ลูกหาย และตอนที่อุทัยกับวณีกอดหอมเขา
เลอสรรนึกถึงตอนที่พ่อแม่ตาย อุทัยตกใจมาก
“อะไรนะพ่อแม่ตาเลอสรรประสบอุบัติเหตุเสียชีวิตทั้งคู่”
เลอสรรร้องไห้เสียใจที่พ่อแม่ตาย วณีกับอุทัยกอดเอาไว้ วณีน้ำตาคลอกอดแนบอกบอกว่า
“มาอยู่กับน้านะเลอสรร น้ากับน้าผู้ชาย จะรักและดูแลเลอ เหมือนกับลูกแท้ๆเลยล่ะจ้ะ”
“ไม่ต้องกลัวนะลูก น้าสองคนไม่มีวันทิ้งลูกแน่นอน”
เลอสรรร้องไห้กอดวณีอย่างเด็กไร้ที่พึ่งพึง อุทัยกับวณีกอดเลอสรร รักมาก
มือของเลอสรร ค้างอยู่ที่ผ้าใบ เริ่มนิ่ง ดวงตาอ่อนโยนลงเมื่อคิดถึงความเมตตาของอุทัย ก่อนถอนหายใจเฮือกใหญ่ คงต้องจำยอม
คืนนั้น...เลอสรรถือเฟรมวาดรูปจะกลับบ้าน เจอน้อยเดินมา สองคนมองหน้ากัน สายตา
ของเลอสรรบอกว่าอาวรณ์อยากคุยด้วย น้อยมึนตึงข่มใจ จะเดินหนี
“น้อย...พี่อยากคุยด้วย”
“น้อยไม่กล้าคุยกับคุณเลอสรรแล้วล่ะคะ...น้อยกลัว...จะเผลอหลุดพูดอะไรออกไป...น้อยไม่อยาก นำความเดือดร้อนไปให้น้าเย็น”
“น้อย...น้อย”
น้อยไม่หันกลับมา เลอสรรได้แต่กลุ้มใจ
เลอสรรเดินเข้ามาในห้อง ท่าทางเซ็งสุดๆ วางเฟรมวาดรูปไว้บนโต๊ะ แต่ต้องชะงักเมื่อไม่มีกรอบรูปของน้อย
“รูปน้อยหายไปไหน”
เขากวาดตามองหาทั่วโต๊ะ รอบห้อง ไม่มีจึงเดินออกนอกห้องไปอย่างเร็ว
เลอสรรเดินออกมานอกห้อง เจอนมแสเดินมา
“มีใครเข้าไปทำความสะอาดห้องของผมรึเปล่าครับนมแส” เลอสรรถาม
“ประทานโทษ ดิฉันไม่ทราบค่ะ วันนี้ยุ่งอยู่ข้างล่างทั้งวัน...มีอะไรหรือคะ”
“รูปของผมหายครับ”
เปียในห้องได้ยิน เดินมาแนบหูฟังอยากรู้ ยินเสียงนมแสถาม
“รูปอะไรคะ ดิฉันจะได้ถามดูให้”
“รูป...” เลอสรรชะงักไปไม่กล้าพูด แต่บอก “เอ่อ ไม่เป็นไรครับ เอาเป็นว่า เดี๋ยวผมไปถามเองดีกว่า”
“เป็นงานที่ต้องส่งอาจารย์รึเปล่าคะ ดิฉันจะได้ช่วยหาอีกแรง”
“เปล่าครับ...แต่รูปนั้น มีความสำคัญกับผมมาก...เป็นรูปพิเศษ ของคนที่ผมรู้สึกพิเศษ”
เปียได้ยินมือที่แนบประตู เกร็งจิก
“นังน้อย”
เปียค่อยๆครูดเล็บเป็นตามทางลงมือลงมือกดแรงๆราวกับเป็นใบหน้าของน้อยริษยามากดวงตาเป็นประกายเกลียดชัง
น้อยเดินตรงมายังโรงครัวได้ยิน เสียงด้านในคุยกันเอะอะเสียงดัง เสียงหวานว่า
“ฉันก็ไม่รู้หรอกนะ ว่าคุณหนูเปียเป็นโรคอะไร ได้ยินแค่ ถ้าไม่ดูแลดีๆ อาจฆ่าตัวตายได้”
น้อยได้ยินหน้านิ่วชะงักฟัง ขณะที่ประวิทย์เองที่นั่งอยู่ด้วยก็สนใจ ช้อยถาม
“มีด้วยเหรอวะ โรคจะฆ่าตัวตาย”
“ไม่รู้ว่ะ แต่คงมีมั้ง คนรวยเค้ามีโรคกันแปลกๆ”
จวนหน้าสลด
“น่าเห็นใจคุณท่านจังเลยนะ...”
“นั่นน่ะสิ...มีหลานคนเดียว ก็ไม่รู้เป็นอะไร...ถ้าคุณหญิงรู้จะว่ายังไงเนี่ย” เอิบเห็นใจ
จวนถอนใจ
“จะว่าอาไร้...ก็คงด่าเย็นเหมือนเดิม”
“มันก็น่าด่านะพี่จวน เพราะถ้านังเย็นมันไม่ขโมยคุณหนูเปียไป คุณหนูเปียคงไม่เป็นอย่างนี้หรอก” หวานบอก
“แล้วทำไม หนูน้อยไม่เป็น” จวนสวน
ทุกคนมองหน้ากัน สงสัย หวานเห็นด้วย
“นั่นน่ะสิ...ทำไมแม่น้อยไม่เป็น...รึว่า...”
“ว่าอะไรนังหวาน” ช้อยถามทันที
“นังเย็น มันสลับสับเปลี่ยน จริงๆแล้ว แม่น้อยคือหนูเอื้อยที่ถูกขโมยไป”
น้อยตกใจ ไม่ได้เชื่อ แต่อารมณ์ประมาณ คิดไปได้เพียงนั้น จวนดุ
“อย่าได้พูดอย่างนี้อีกนะนังหวาน ไม่งั้นโดนตบปากแตก ทุกวันนี้บ้านก็ลุกเป็นไฟอยู่แล้ว อยากให้มันไหม้จนเป็นขี้เถ้าเลยรึไง”
จวนเดินออกมา เจอน้อยที่ประตู สะดุ้งตกใจ ถาม
“อ้าว...น้อยมาตั้งแต่เมื่อไหร่ มีอะไรจ้ะ”
“น้อยว่าจะมาขอธูปเทียนไปไหว้พระน่ะคะ...วันนี้วันพระ ที่บ้านหมดพอดี”
“เดี๋ยวพี่หยิบให้”
จวนเดินไปหยิบ มาให้
“ขอบคุณมากค่ะ”
น้อยเดินออกไป ทุกคนมองตาม จวนพูดกังวล
“หนูน้อยได้ยินรึเปล่าก็ไม่รู้”
“ได้ยินก็ดี...เผื่อแม่น้อยจะฮึดสู้คุณหนูเปีย เพื่อชิงตำแหน่งทายาทที่แท้จริง” ช้อยพอใจ
หวานเสริม
“ใช่ๆ เชียร์ให้แม่น้อยลุกขึ้นมาสู้คุณหนูเปีย ฉันชอบดูคนตบกันมันส์ดี”
“งั้นฉันกับแกตบกันเป็นคู่แรกก่อนมั้ยนังหวาน” จวนเงื้อมือ
“ไม่...ไม่ได้กลัวนะ ไม่อยากรังแกคนแก่ ที่สำคัญ ตบที กลัวหนังพี่หลุดติดมือฉันมา” หวานหัวเราะขำ
จวนทำหน้ากลุ้ม ประวิทย์มอง ก่อนเดินออกไป
เลอสรรเดินมาที่สวน ตั้งใจจะผ่านไปยังบ้านอนุรักษ์ เรือนคนใช้ แต่ต้องชะงักเมื่อเห็นน้อยเดินมา ในมือถือธูปเทียน...เลอสรรจะเดินไปหา แต่ประวิทย์ที่ตามน้อยมาร้องเรียก
“น้อย”
“พี่ประวิทย์ มีอะไรเหรอ”
“พี่มีเรื่องสำคัญอยากจะคุยกับน้อย...”
ประวิทย์กวาดตามองไปรอบๆ เลอสรรรีบหลบ ประวิทย์คว้ามือน้อย
“ไปคุยกันที่อื่นดีกว่า”
ประวิทย์คว้ามือน้อยเดินไป เลอสรรมองตามหน้านิ่ว หึงมาก ทำเป็นจะเดินหนีแต่อดใจไม่ไหว หันกลับมา แอบตามประวิทย์และน้อยไป
ประวิทย์พาน้อยมามุมหนึ่งของสวนแล้วถามน้อย
“น้อยได้ยินใช่มั้ย เรื่องที่คุณหนูเปียไม่สบาย และอาจจะฆ่าตัวตายได้น่ะ”
“ค่ะ...น้อย...น้อยเป็นห่วงเปียจังเลย” น้อยกังวล
“พี่ก็เป็นห่วง...เป็นห่วงมาก กลัวถ้ามีเรื่องอะไรไม่สบายใจ คุณหนูเปียจะทำร้ายตัวเองขึ้นมา...งั้น...น้อย...” ประวิทย์ทำท่าอึกอัก
“พี่ประวิทย์มีอะไร”
“น้อยอย่าบอกใคร เรื่องที่คุณหนูเปียทำร้ายน้อยที่สระบัวนะ”
เลอสรรได้ยิน จากความหึงหวงกลายเป็นตกใจ ห่วงน้อยแทน
“น้อยไม่เคยคิดจะบอกใครอยู่แล้ว...พี่กับน้อง ทะเลาะกันเป็นเรื่องธรรมดา บ้านไหนๆก็เป็นอย่างนี้กันทั้งนั้น...”
“จริงเหรอ”
“จริงค่ะ...ถึงใครจะมองว่าน้อยโง่ น้อยก็ยอมเพราะถ้าจะให้น้อยลุกขึ้นมาตบตีกับเปียเพื่อเอาชนะ แลกกับความสะใจ แต่น้าเย็นต้องทุกข์ทรมานใจ กลุ้มใจ ที่พี่น้องตีกัน น้อยไม่เอา”
เลอสรรมองน้อยด้วยสายตาสุดจะประทับใจ ขณะที่ประวิทย์ว่า
“น้อยเป็นน้องที่น่ารักที่สุดเลย เราจะช่วยกันดูแลคุณหนูเปียนะ”
“ค่ะ น้อยขอบคุณพี่ประวิทย์มากนะคะ ที่เป็นห่วงเปีย” น้อยยิ้ม
“ไม่ต้องขอบคุณพี่หรอก...ที่พี่ทำทุกอย่าง เพราะ...”
“เพราะอะไร” ประวิทย์นิ่งไป
เลอสรรมองจ้อง ลุ้นด้วย ประวิทย์ตอบอายๆซื่อๆ
“เพราะพี่รัก...คุณหนูเปีย”
ประวิทย์ยิ้มอาย น้อยยิ้มดีใจ เลอสรรยิ้มโล่งใจ
น้อยเดินถือธูปเทียนกลับมา เย็นเดินออกมาถามที่เชิงบันได
“ไปเอาธูปเทียนแค่นี้ ไปซะนานเลย”
น้อยเดินขึ้นบันได ยื่นธูปเทียนให้เย็น
“พอดี...น้อยได้ยินน้าๆเขาคุยกันในครัวน่ะค่ะ...ว่าเปียไม่สบาย ต้องดูแลดีๆ ไม่งั้นเปียอาจฆ่าตัวตายได้”
“โรคแปลกประหลาดอย่างนั้นฉันไม่รู้จักหรอก...ถ้านังเปียมันจะเป็น มันก็เป็นได้โรคเดียวแหละ”
“โรคอะไรคะน้าเย็น”
“โรคตอแหล เอ้านี่ ผลงานนังเปีย เอาไปทิ้งไป”
เย็นโยนกรอบรูปน้อยที่ถูกเปียกรีด ลงมาที่พื้น น้อยเดินจากบันได ลงมาหยิบรูปขึ้นมามอง
“รูปน้อย...น้อยไม่อยากทิ้งเลย”
“โดนนังเปียมันกรีดซะยับขนาดนั้น แกจะเก็บเอาไว้ทำไม ไม่ดีหรอก”
“แต่น้อย...” น้อยมองเสียดาย
เย็นมองน้อย
“อ้อ...ถึงมันจะไม่ดี แต่คนที่เขาทำมันขึ้นมา...คงทำด้วยความรู้สึกที่ดีแหละ”
น้อยมองงง เลอสรรจ้องมองดูกรอบรูปในมือน้อย ใจเต้นระทึก
“พี่จวน...เล่าให้ฉันฟัง ว่ามันน่าจะหล่นลงมาจากห้องคุณเลอสรร...หรือว่า คุณเลอสรร จะเป็นคนทำรูปนี้ขึ้นมาน้า...คุณหนูเปียดื้อ ถึงได้กลายเป็นอีเปียคลั่งขนาดนั้น น้าว่าแกเอาไปทิ้งเถอะ...ขืนเก็บไว้ นังเปียมันเอาแกตายแน่ๆ”
น้อยอาวรณ์มองรูป เย็นสำทับ
“ไป...เอาไปทิ้งเถอะ”
“ค่ะน้าเย็น”
น้อยเดินถือกรอบรูปออกไป เสียใจ เสียดายอาวรณ์ เย็นมองเวทนากลับเข้าไปในบ้าน เลอสรรตามน้อยไป
น้อยเดินไปจะเอากรอบรูปไปทิ้ง เลอสรรเดินตามมาคว้าแขนกระชาก น้อยร้องตกใจ ก่อนหันมาเห็นเลอสรร
“ปล่อยน้อยนะคะ ปล่อย”
“ไม่ปล่อย”
“ปล่อย”
น้อยดิ้น แนบกรอบรูปที่อกตัวเอง กันเลอสรรเอาไว้
“ไม่ปล่อย...อย่าดิ้นนะ...ไม่งั้น พี่จะกอดน้อยให้แน่นกว่านี้อีก”
เลอสรรกอด น้อยไม่ดิ้น มองเอาเรื่อง
“อยากกอด...งั้นกอดเลยค่ะ...กอดเลย กอดให้แน่นๆ”
“อย่าท้าพี่นะน้อย”
“น้อยไม่ได้ท้า แต่ น้อยจะได้รู้ คุณเลอสรรไม่ได้ต่างจากผู้ชายทั่วไป ชอบฉวยโอกาส”
เลอสรรค่อยๆปล่อยน้อยออกมาบอกจริงจัง
“พี่ไม่เคยคิดฉวยโอกาส...โดยเฉพาะกับน้อย ที่พี่ตามมา จนน้อยอาจจะรู้สึกว่าพี่วุ่นวายเป็นเพราะพี่อยากจะคุยกับน้อยจริงๆ”
น้อยมอง เลอสรรมองอ้อนวอน บอกจริงจัง
“น้อยกรุณา...คุยกับพี่ได้มั้ย”
เลอสรรมองอ้อนวอน น้อยมองใจอ่อนยวบ
เปียแต่งตัวในชุดนอนกระโปรงสีขาวค่อนข้างบางเซ็กซี่ มองตัวเองหน้ากระจก ดวงตาฉายความพึงพอใจในเรือนร่างของตัวเองมาก เปียยิ้มที่มุมปาก ก่อนเดินออกมา
เปียเดินตรงมายังห้องของเลอสรร เคาะประตู
“พี่เลอคะ..พี่เลอ...พี่เลอสรร”
เงียบไม่มีเสียงตอบ เปียเปิดประตูเข้าไป ไฟเปิดอยู่แต่ไม่มีคนอยู่ เปียจะเดินออกมาแต่หางตาเหลือบไปเห็น รูปภาพที่วางไว้ เปียเดินเข้าไปดู เห็นเป็นรูปน้อยที่เลอสรรวาด เปียร้องกรี๊ดๆ คว้ารูปน้อยฟาด เหวี่ยงกระแทกใส่พื้นแล้วเดินออกไป ปิดประตูดังปัง
อุทัยกับวณี กำลังนอนอยู่ ได้ยินเสียงกระแทกประตูดังปังก็สะดุ้ง วณีลุกขึ้นมามอง สายตาเต็มไปด้วยคำถาม มีเรื่องอะไรอีก อุทัยตัดบท
“วณีนอนเถอะ...อย่าคิดมาก เดี๋ยวพี่ไปดูเอง”
อุทัยลุกเดินออกไปทันที
เปียเดินหน้าบึ้งออกไปหน้าบ้านคำราม
“ถ้าพี่เลอสรรไปหาแก ฉันจะเอาแกให้ตายเลยนังน้อย”
อุทัยเดินลงมาจากบันไดทันเห็นเปียในชุดนอนวาบหวามก็ตกใจร้องเรียกเสียงดุ
“เปีย...ยัยเปีย”
อุทัยเดินตามเปียไปโกรธมาก ลืมไปเลยว่าเปียเป็นโรค โกรธจัด
เลอสรรอยู่กับน้อย น้อยเบี่ยงตัวหลบออกกอดกรอบรูปแนบอกแน่น น้อยถามแบบไม่กล้าสบตา
“คุณเลอสรรมีอะไรก็พูดมาเลยค่ะ”
“อย่างแรก พี่ไม่ได้มีเจตนาไปแอบฟัง เพื่อเอาเรื่องน้าเย็นไปบอกต่อ อย่างที่สอง...พี่เสียใจมากที่ได้รู้เรื่องเปียทำร้ายน้อยที่สระบัว”
“คุณเลอสรรรู้ได้ยังไงคะ” น้อยตกใจ
“จะรู้มาจากไหนไม่สำคัญ...มันสำคัญตรงที่ ต่อไปน้อยอย่ายอมได้มั้ย”
“ไม่ยอม แปลว่า พี่เลอสรรจะให้น้อยลุกมาตบตี สู้กับเปียเหรอคะ”
“ไม่ใช่ แต่เรื่องใหญ่ขนาดนี้ผู้ใหญ่ควรจะรู้ เพื่อแก้ไขปัญหา”
“น้อยไม่เห็นว่ามันเป็นปัญหา ก็แค่พี่น้องทะเลาะกัน”
“พี่น้องทะเลาะกัน แล้วนี่อะไร”
เลอสรรกระชากกรอบรูปมาจากน้อย ชูขึ้นตรงหน้า น้อยอึ้ง เลอสรรดุจริงจัง
“ถ้าน้อยไม่พูดไม่บอก ก็แปลว่าน้อยยอมที่จะให้น้องเปียเป็นคนนิสัยไม่ดี”
“ไม่นะคะ...น้อยอยากให้เปียเป็นคนดี”
“งั้นมีอะไร น้อยต้องบอกพี่...”
“น้อย...น้อย ทำไม่ได้ค่ะ”
“ต้องได้” เลอสรรโกรธกระชากน้อยเข้ามา
“อย่ามาบังคับน้อยนะคะ น้อยไม่ชอบ” น้อยดิ้น
“พี่ก็ไม่ชอบที่น้อยเป็นคนดื้อแบบนี้ บอกพี่มา...น้อยจะรับปากพี่รึเปล่า”
“ไม่...” น้อยเถียง งอนๆ
“น้อย” เลอสรรดุ
น้อยเสียงดังไม่ยอม
“ไม่ๆ น้อยไม่บอก คุณเลอสรรจะทำอะไร”
“ทำอะไรน่ะเหรอ”
เลอสรรกระชากน้อยเข้ามาจนแนบอก และก้มหน้าต่ำลงมา น้อยสะดุ้งเฮือก จ้องมองเลอสรรตาโตตกใจ
ค่ำนั้น...เปียเดินลิ่วมาที่สวน ตั้งใจจะเดินทะลุไปยังบ้านเย็น เปียคำราม ดวงตาหวั่นกลัว
“ถ้าพี่เลอสรรอยู่กับแกจริงๆ แกเตรียมตัวตายได้เลยนังน้อย”
น้อยมองเลอสรร ดวงตาหวาดหวั่นระคนเขินอายเลอสรรก้มหน้าลงมา
“อย่าค่ะ”
เลอสรรยิ้มก้มหน้าลงมาต่ำอีกแกล้งน้อยหลับตาปี๋ ผลักเขาออก
“อย่า”
เลอสรรก้มหน้าลงต่ำมาอีก เปียเดินพรวดๆมา แต่ก่อนที่จะเดินมาทางเลอสรรกับน้อย อุทัยที่เดินแกมวิ่งตามมาก็ร้องเรียกดุดัน
“หยุดเดี๋ยวนี้นะเปีย”
เปียตกใจหันกลับมา
“คุณพ่อ”
น้อยหลับตาปี๋ ตัวสั่นสะท้าน เลอสรรมองหน้าน้อยอมยิ้ม ไม่ได้ทำอะไรมากไปกว่านั้น น้อยค่อยๆลืมตาขึ้นมอง ใจเต้น เลอสรรหัวเราะเบาๆ
“คิดว่าพี่จะทำอะไรจ้ะ”
น้อยหน้าตาเหลอหลาใจสั่น อายเขิน ผลักเขาออกแต่เลอสรรขืนตัวเอาไว้
“น้อยด่าพี่ขนาดนี้ แล้วพี่ยังจะฉวยโอกาส พี่คงไม่ใช่ลูกผู้ชายแล้วล่ะ”
น้อยถอยตัวออกห่าง คราวนี้เลอสรรยอมปล่อยโดยดีบอกจริงจัง
“พี่หวังดีกับน้องเปียจริงๆ” เลอสรรอ้อนวอนอ่อนโยน “นะน้อย...ถ้าน้องเปียทำอะไรน้อยอีกน้อยต้องบอกพี่ ไม่อย่างนั้น น้องเปียจะเหลิง กลายเป็นคนนิสัยไม่ดีแน่นอน”
เลอสรรก้มลงหยิบกรอบรูปที่ตกอยู่ที่พื้นเดินออกไปน้อยมองตาม ใจเต้นระรัว ไม่รู้จะทำอย่างไร ว้าวุ่น
วณีเดินลงมาจากบันได ขณะที่อุทัยลากร่างของเปียเข้ามาในบ้าน โกรธจัด
“ทำไมถึงได้ทำตัวเละเทะขึ้นทุกวันจรรยา”
นมแสวิ่งมาจากในครัว เห็นเปียร้องกรี๊ดๆ
“เปียไม่ได้ทำ” เปียแกล้งร้องไห้เข้าไปกอดวณี “คุณแม่ขา ช่วยเปียด้วย”
วณีกอดเปียไว้ปกป้อง
“มันเรื่องอะไรกันอีกคะพี่อุทัยถึงได้ทำกับลูกแบบนี้”
“ก็วณีดูสิ...วณีดูลูกแต่งตัว...โป๊ซะขนาดนี้ ยังจะวิ่งออกไปข้างนอกอีก”
“โป๊ตรงไหน เปียไม่ได้โป๊นะคะคุณแม่...ไม่ได้โป๊...”เปียเถียงทันที
วณีกวาดสายตามองทั่วเรือนร่างของเปียแล้วก็หน้าซีด
“จะโป๊หรือไม่โป๊...ลูกก็ไม่ควรใส่ชุดนอนออกมาข้างนอกนะลูก...”
เปียไม่แยแส
“ไม่เห็นเป็นไรเลยคุณแม่...เปียสวย ไม่ว่าจะใส่ชุดไหนก็สวย...” เปียเล่าแบบตื่นเต้น ภูมิใจลืมที่ถูกด่าไปเลย “คุณแม่รู้ยังคะวันที่เปียนั่งรถเล่นกับพี่เลอสรร คนมองเปียจนขับรถชนกันเลยค่ะ”
“หา...ว่าไงนะลูกรถชนกันเพราะมองเปีย”วณีตกใจเพิ่งรู้
“ค่ะคุณแม่ เปียภูมิใจที่สุดเลย...เปียสวย จนรถชนกัน” เปียหัวเราะ
เลอสรรเดินเข้ามาพอดี ได้ยินเปียพูดและอุทัยกระชากแขนเปียแบบโมโหสุดขีด
“ทำความเดือดร้อนให้คนอื่น ลูกยังหัวเราะได้อีกเหรอเปีย”
“ก็เปียภูมิใจนี่คะคุณพ่อ”เปียยิ้มไม่สลด
“ยัยเปีย”อุทัยโมโห
อุทัยเงื้อมือแบบจะฟาดวณีถลาเข้ามาขวางปัดมืออุทัยออก
“อย่าค่ะพี่อุทัย”
“วณี”อุทัยขัดใจ
วณีปรามให้สติ
“ลูกป่วยนะคะ...ลูกเปียไม่สบาย”
“เปียไม่สบาย” เปียงงแต่รีบสวมรอยเอาตัวรอด “ค่ะๆ เปียไม่สบาย...เปียป่วย”
“งั้นวณีเอายาให้ลูกกินด้วยนะ”อุทัยได้ที
“ค่ะๆ”
“เดี๋ยวดิฉันจัดให้ค่ะ” นมแสรีบเดินออกไป
“ลูกเปียไปนอนนะลูก”
วณีชวนดึงแขนไปด้วย เปียยื้อ ขืนตัวไว้
“แต่เปียยังไม่อยากนอน...เปียอยากไปหาพี่เลอสรร”
เลอสรรที่นั่งอยู่นานพูดขึ้น
“พี่กำลังอยากเจอเปียอยู่เหมือนกัน”
“พี่เลอสรร” เปียดีใจ
เลอสรรชูรูปน้อยที่ถูกกรีดยับขึ้น
“น้องเปียเป็นคนทำใช่มั้ย”
เปียมองดูรูปตกใจ รีบบอก
“เปล่านะคะเปียไม่ได้ทำๆ...คุณแม่ขาพาเปียไปนอนเถอะค่ะ เปียป่วย เปียไม่สบาย”
เปียรีบกระชากมือแม่ วณีพาเปียไป แต่สายตายังมองมายังรูปที่เลอสรรถืออยู่ ไม่เข้าใจ อุทัยกับเลอสรรมองหน้ากัน กลุ้มใจสุดๆ
“ถ้าเป็นอย่างนี้ อีกไม่นาน น้าบ้าตายก่อนใครแน่ๆ”
วณีพาเปียเดินเข้ามาในห้องนอน ก่อนพาไปนอนด้วยรักและห่วงมาก
“คุณแม่ขาเปียไม่ได้ทำนะคะ...เปียไม่ได้ทำ”เปียอ้อน
“จ้ะๆไม่ได้ทำกินยาแล้วนอนนะลูกจะได้หายเร็วๆ”
นมแสเดินเข้ามาพร้อมยาและน้ำวณีหยิบยาส่งให้เปีย
“กินยานะลูก...”
เปียแกล้งทำท่ากินยา แต่ในมือยังกำยาอยู่ เปียดื่มน้ำ ก่อนวางมือลงมามือที่กำยายังกำแน่น วณีทำไม่รู้ไม่ชี้บอกหน้าเศร้า
“พักผ่อนเยอะๆนะลูก ป่ะ...นมแส”
วณีเดินออกไปกับนมแสประตูปิดสนิท เปียยิ้มร้าย แบมือออกมายิ้มเห็นคนอื่นโง่
เลอสรรเปิดประตูเดินเข้ามาในห้องเห็นรูปของน้อยที่เปียฟาดแล้วเหวี่ยงทิ้งลงบนพื้นเลอสรรตกใจ งุนงง เดินไปหยิบขึ้นมา
“มันหล่นได้ยังไง”
เลอสรรครุ่นคิดดูรูปของน้อยที่ถูกเปียกรีด
“ฝีมือน้องเปียอีกแน่ๆเลย”
เลอสรรส่ายหน้าระอา
วณีกับนมแสเดินออกมาจากห้องของเปีย วณีเคร่งขรึม นมแสบอกแบบกลัวๆ
“คุณวณีขา...ดิฉันว่า...คุณหนูไม่ได้กินยานะคะ...”
“ฉันรู้...”วณีเศร้าๆ
“แล้วทำไมคุณวณี...”
“ฉันไม่อยากบังคับลูก ฉันกลัวลูกจะคลั่ง...นมแสอย่าบอกพี่อุทัยนะ”วณีน้ำตาคลอ
“แต่ถ้าคุณหนูไม่ยอมกินยา...คุณหนูจะไม่หายนะคะ”
“ฉันรู้...แต่ฉันไม่อยากให้พี่อุทัยดุอะไรลูกอีกฉันกลัว...กลัวลูกจะรู้สึกว่าตัวเองไม่มีค่า แล้วลูกจะฆ่าตัวตายนะนมแสอย่าบอกพี่อุทัยนะ”
“ก็ได้ค่ะ...”นมแสพยักหน้าจ๋อยๆ
นมแสมองวณีอย่างสงสารเห็นใจที่สุด
วันใหม่...นมแสเดินเข้ามาในครัวท่าทางกลุ้มๆ จวนถาม
“เป็นไรนมแส ท่าทางเหมือนไม่ได้นอน”
หวานหัวเราะพูดแหย่
“หรือมานอนบ้านเจ้านาย ปวด เกร็ง นอนไม่หลับจ้ะ”
“กลุ้มใจมากกว่า”
“นี่ไม่ต้องกลุ้ม ช่างเค้ามาซ่อมบ้านให้แล้ว อีกไม่กี่วัน นมแสก็กลับไปนอนบ้านตัวเองได้เหมือนเดิมแล้วล่ะ” จวนบอก
“ฉันไม่ได้กลุ้มเรื่องนั้น”นมแสหน้าเครียด
ช้อยมองๆ
“แล้วกลุ้มเรื่องอะไรสงสัยว่าใครเผาบ้านนมแสเหรออย่ากลุ้มเล้ย กลุ้มไปก็เสียเวลาเปล่า”
“ใช่ ยิ่งคุณๆไม่ให้เรื่องถึงตำรวจ คนร้ายที่ไหน มันจะเดินออกมาบอกว่ามันเป็นคนทำ”หวานเสริม
“เรื่องบ้าน ฉันปลงแล้ว ยังไงฉันก็เป็นแค่คนอาศัย แต่ฉันกลุ้มใจแทนคุณๆมากกว่า”
“เรื่องอะไรอีกล่ะนมแส”จวนสงสัย
หวานบอกอย่างมั่นใจ
“จะเรื่องอาไร้ฉันตอบแทนก็ได้ เรื่องคุณหนูเปียใช่มั้ย”
“ใช่”นมแสพยักหน้า
“นี่...พวกฉันก็สงสัยคุณหนูเปียใช่ลูกจริงๆของคุณๆหรือเปล่า”หวานลดเสียงลง
“หรือลูกที่แท้จริงจะเป็นแม่น้อยก็ไม่รู้”ช้อยแทรกขึ้น
จวนกังวล ขณะที่นมแสซึ่งเคยสงสัยอยู่แล้ว สงสัยมากขึ้นไปอีก
น้อยในชุดนักศึกษาน่ารักเดินมา นมแสจะเข้าไปหา แต่ต้องชะงัก เมื่อเห็นเลอสรรเดินมาหาน้อย นมแสมองสองคน สายตาบอกความชื่นชม เอาใจช่วย น้อยหยุดก้มหน้างุด ยังเขินอายเหตุการณ์คืนนั้น ไม่พูดจะเดินหลบแต่เลอสรรไม่ยอม เดินมาขวางน้อยมองหน้างอ เลอสรรเก๊กหน้าขรึม แต่ตาเจ้าชู้ อมยิ้ม น้อยเขินเดินหนีอีกเลอสรรเดินขวาง น้อยไม่ยอม หน้างอ เดินหนี คราวนี้ขาพันขาตัวเอง น้อยจะล้มลง
“ว้าย”
เลอสรรรีบคว้าตัวน้อย กอดประคองเอาไว้ ถามแบบแกล้งๆ
“เป็นอะไรเห็นหน้าพี่แล้วถึงกับใจสั่น แข้งขาอ่อนเลยเหรอ”
น้อยหน้างอ เถียงเบาๆ
“ใช่ค่ะ...เห็นหน้าคุณเลอสรรแล้วน้อยใจสั่น ใจเต้นด้วยเพราะถ้ามีคนมาเห็น น้อยเดือดร้อนแน่ๆ...ไม่อยากให้น้อยเดือดร้อน อย่าทำอย่างนี้อีกนะคะ”
เลอสรรยอมปล่อยน้อยแต่โดยดี น้อยรีบเดินไป เลอสรรรีบเดินตาม นมแสเสียดายที่ไม่ได้คุย แต่มองน้อยกับเลอสรร แล้วอมยิ้มเดินไป อีกมุมเย็นมองอยู่ สายตาของเย็นเยือกเย็น
นมแสจะเดินไป เย็นเดินมาขวางหน้า ดวงตาดุดันเอาเรื่อง นมแสตกใจร้องว้ายเย็นถามเสียงเย็น
“มีอะไรจะคุยจะถามยัยน้อย คุยกับฉันก็ได้นะ...นมแส”
“อย่ามาทำเป็นสู่รู้หน่อยเลย” นมแสจะเดินหนี
“แล้วที่ทำลับๆล่อๆดักรอยัยน้อย มันแปลว่าอะไร”เย็นเดินไปขวาง
นมแสยิ้มไม่ยอม
“จะแปลว่าเรื่องอะไรมันก็เรื่องของฉันนอกซะจากเธอเป็นตุ๊กแกกินปูนร้อนท้อง วัวสันหลังหวะ หรือพูดง่ายๆว่าร้อนตัว กลัวความลับที่เธอปิดเอาไว้มันจะแตกดังโพละ”
นมแสจะเดินหนีเย็นกางมือออกขยุ้มคอนมแสลากเข้ามาขู่
“อย่ามาปากดีกับฉันนะนมแส”
นมแสหันมาไม่กลัว
“เธอคิดว่าเธอเป็นใคร ถึงได้มาขู่ฉันแบบนี้”
นมแสผลักเย็นออก ทั้งสองเผชิญหน้ากันมองจ้องไม่มีใครยอมใคร
“ฉันไม่กลัวเธอหรอกนะจะบอกให้...ถ้าเธอทำร้ายฉัน ฉันจะไปบอกคุณท่านอยากรู้เหมือนกัน ระหว่างเธอกับฉัน คุณท่านจะเชื่อใคร”นมแสมองจ้องไม่กลัว “นังสันดานเย็น”
“ฉันยอมให้คุณหญิงด่าฉันได้คนเดียว แต่คนอื่น ฉันไม่ยอม”
นมแสจะเดินไป เย็นจิกผมกระชากหัวนมแสอย่างแรง จนล้มลง
เลอสรรคว้ามือไว้ น้อยตกใจ
“ปล่อยนะคะ” น้อยสะบัดออก
“พี่ปล่อยแน่ แต่น้อยต้องให้พี่ไปส่งที่มหาวิทยาลัย”เลอสรรกำแน่น
“คุณ...”น้อยมองเคือง
เลอสรรมองไปรอบๆยั่ว
“หรืออยากยืนอยู่ที่นี่นานๆให้คนเห็น โดยเฉพาะน้าเย็น”
น้อยหน้าเสีย เลอสรรยิ้ม เปิดประตู ดันร่างน้อยเข้าไปด้านใน ขับออกไปอย่างเร็ว
นมแสนอนดิ้นลงกับพื้น มีเย็นนั่งคร่อม นมแสมองหวาดกลัวเย็นหัวเราะ
“ไหนว่าไม่กลัวฉันไง”
“ไม่กลัว ฉันไม่กลัวแก” นมแสตะโกน “ช่วยด้วยๆ”
เย็นอุดปากนมแสแน่นขู่
“ร้องสิ ร้องให้คอแตกไปเลย เพราะนมแสอาจไม่มีโอกาสได้ร้องอีกต่อไป”
เย็นคว้าหินประดับขนาดเหมาะมือขึ้นมาทำท่าจะทุบนมแสเบิกตากว้างมองดูก้อนหินที่อยู่เหนือหน้าตัวเอง เนื้อตัวสั่น เย็นหัวเราะ
“ไม่ต้องกลัว ฉันไม่ทำคนที่ไม่มีทางสู้แต่ถ้าใครมาทำฉันก่อนนมแสรู้ใช่มั้ยว่าฉันเป็นคนจริง”
เย็นเอามือออกจากปากนมแส และถอนตัวออกนมแสเนื้อตัวสั่น ลุกขึ้นมาถอยหลังกรูด แต่เย็นตามไป บีบคางนมแสแน่น
“อย่ามายุ่งเรื่องของฉันอีก รวมทั้งเรื่องของยัยน้อย ไม่อย่างนั้น นมแสอาจจะต้องไปฟ้องยมบาลแทนการได้ประจบเจ้านาย...ไป๊!”
นมแสมองเย็นหวาดกลัว ดวงตาจ้องเขม็งเอาเรื่อง นมแสยิ่งกลัววิ่งไป
นมแสวิ่งกระหืดกระหอบหนีเย็นมา ตาหวั่นแต่อยากรู้ มองด้านหลังกลัวเย็นตาม
“นังเย็นมีพิรุธ มันต้องปกปิดความจริงเกี่ยวกับหนูน้อยไว้แน่”
นมแสยังคงคาใจ
อ่านต่อหน้า 2
คมพยาบาท ตอนที่ 9 (ต่อ)
เลอสรรจอดรถหน้ามหาวิทยาลัย รถไม่ทันจอดสนิทดี น้อยรีบลง เลอสรรตกใจลงมาเอ็ด
“ประเดี๋ยวก็ได้หกล้มหรอกรังเกียจพี่ขนาดนี้เลยเหรอ”
“ค่ะ”
“งั้น...ทนหน่อยนะเพราะน้อยเลิกเรียนเสร็จ พี่จะมารับ”เลอสรรยิ้ม
“ไม่นะคะ...”
“ก็พี่จะมาที่สำคัญน้อยต้องจ่ายค่าเสียหายรวมทั้งค่าปรับแทนน้องเปียด้วย”
“ค่าเสียหายค่าปรับอะไรคะ”น้อยงง
“ก็ที่น้องเปียทำรูปของพี่พังน้อยต้องเป็นแบบให้พี่ วาดรูปใหม่”
“ไม่เอานะคะ น้อยไม่เกี่ยว”
“เกี่ยว...เพราะน้อยปกปิด พี่ถือว่าน้อย สมคบร่วมคิดกับเปีย”
“คุณเลอสรร”น้อยหน้ายุ่ง
“ไม่ต้องเถียงพี่ รีบเข้าเรียน เดี๋ยวจะสาย เลิกเรียนพี่จะมารับ”เลอสรรยิ้ม
เลอสรรขับรถออกไปน้อยมองตามหน้างอขัดใจ
“คนอะไร ชอบออกคำสั่ง เผด็จการเปียนะเปีย ไม่น่าสร้างเรื่องเลย”
เปียแต่งหน้าอยู่หน้ากระจกมองดูเงาตัวเองในกระจกด้วยความพอใจแต่งหน้าเสร็จเธอเดินมาเปิดตู้เสื้อผ้าเลือกชุดที่เซ็กซี่สุดๆมาใส่
เปียในชุดเซ็กซี่วิ่งลงมา พลางร้องเรียก
“พี่เลอสรรขา...พี่เลอสรร”
คุณหญิงเดินเข้ามาในบ้านพอดี ได้ยินเปียร้องเรียกเลอสรร
“เรียกหาอะไรตาเลอแต่เช้าแม่เปีย”
“เปียคิดถึงพี่เลอค่ะ”
“เป็นลูกผู้หญิง ต่อให้ตาเลอเป็นพี่ชาย ก็ไม่ควรพูดอย่างนี้ แล้วดูสิแต่งเนื้อแต่งตัวอะไร น่าเกลียด ไปเปลี่ยนชุดดีมั้ยแม่เปีย”
“ไม่เปลี่ยนค่ะ ชุดนี้ออกจะเก๋ทันสมัย”
“ทันสมัย”คุณหญิงมองแววตาตำหนิ
เปียหัวเราะไม่เกรงใจ
“ค่ะ กำลังอินเทรนด์” เปียลอยหน้าลอยตา “อย่างว่า คุณย่าแก่แล้ว เลยไม่รู้ วัยรุ่นเค้าแต่งตัวกันยังไง” เปียตบไหล่เหมือนพูดกับเพื่อน “ปรับตัวให้เข้ากับโลกยุคใหม่หน่อยนะคะคุณย่า เดี๋ยวคนเค้าจะหาว่า แก่กะโหลกกะลา”
“แม่เปีย”คุณหญิงตกใจ
วณีเดินเข้ามาได้ยินตกใจเหมือนกัน รีบวิ่งเข้ามา
“เปีย...ขอโทษคุณย่านะลูก”
“ขอโทษทำไมคะ ก็เปียพูดความจริง ถ้าเปียมัวแต่อวย คุณย่าก็ไม่รู้ตัวสิคะว่าแก่แล้ว คุณย่าอย่าโกรธเปียนะคะ เปียเป็นคนตรง พูดอะไรตรงๆแบบนี้ล่ะค่ะ”เปียยิ้ม
คุณหญิงมองเปียคาดไม่ถึง จะเป็นลม วณีอึ้ง รจนาวิ่งเข้ามา
“คุณเปียคะคุณเปีย มาทางนี้เร็วค่ะ”
รจนามาฉวยมือเปียไปเลยวณีรีบส่งสัญญาณให้รจนาพาเปียออกไปเปียมองรจนางงๆ
“อะไรของเธอเนี่ย”
“มาค่ะมา”รจนารีบลากออกไป
“นมแส ยาลมมาเร็ว”วณีตะโกน
วณีเอายาดมจ่อให้จมูกคุณหญิงที่จะเป็นลม นมแสบีบนวดตามเนื้อตัวให้วณีพร่ำบอกเกรงใจ
“คุณแม่อย่าโกรธลูกเปียนะคะลูกเปียไม่สบายค่ะ”
อุทัยเดินมาสมทบบอกด้วยสีหน้าลำบากใจ
“หมอบอก แกมีความผิดปกติทางสมองน่ะครับเลยอารมณ์แปรปรวน ควบคุมตัวเองไม่ได้”
คุณหญิงหน้าตาสลด คาดไม่ถึง
“มันเป็นไปได้ยังไง”
“ก็...การเลี้ยงดู รวมทั้งพันธุกรรมครับ”อุทัยหนักใจ
“แต่บ้านเรา ตระกูลเรา ไม่มีใครเคยเป็นโรคอะไรแบบนี้เลยนะ”คุณหญิงชะงัก
“ผมทราบครับ...”อุทัยมองวณีหนักใจ “ด้วยเหตุนี้แหละ ผมเลยอยากตรวจดีเอ็นเอ”
“พี่อุทัย”วณีอึ้ง
“ใจเย็นๆก่อนนะวณี มันสำคัญ มันจำเป็นมากจริงๆ”
“พี่อุทัยกำลังทำเรื่องให้มันเลวร้ายลงไปต่างหาก” วณีน้ำตาคลอสะอื้น “ลูกเปียกำลังป่วย แทนที่พี่อุทัยจะดูแลแก ใส่ใจแก พี่อุทัยกลับคิดแต่เรื่องที่ทำให้ลูกเสียใจ วณีถามจริงๆเถอะ...พี่อุทัยยังมีหัวใจของความเป็นพ่อรึเปล่า”
อุทัยเจ็บ ตอบเสียงแผ่ว
“มีสิ...วณี...พี่ถึงอยากทำให้ทุกอย่างถูกต้องพี่จะได้รักได้ดูแล ลูกของพี่ให้สุดหัวใจ”
“นี่แปลว่า...ลูกสงสัย ว่ายัยเปียจะไม่ใช่ลูกหรืออุทัย”คุณหญิงถามอย่างสงสัย
อุทัยมองคุณหญิงนิ่ง แต่สายตาของอุทัยบอกแทน คุณหญิงคาดไม่ถึง วณีร้องไห้โฮ ทุกข์ทรมานใจมาก
เปียสะบัดมือของรจนาออกเต็มแรง
“นี่มันเรื่องอะไรของเธอเนี่ยให้มาดูแลคุณแม่แล้วเธอมายุ่งกับฉันทำไม”
“ก็รจมีเรื่องราวดีๆมาบอกคุณเปียน่ะสิคะ...”
เปียมองระแวง งุนงงสงสัย
“เรื่องอะไร”
“ความสวยค่ะ...พอดีรจได้ยาดีมาจะไปคุยกับคุณวณี เธอก็ไม่สนใจ เลยหลบมาคุยกับคุณเปียดีกว่า”
“กินแล้วสวยจริงป่ะ”เปียสนใจมากๆตาโต
“เค้าว่าจริงนะคะ...มีประกวดด้วย ใครกินแล้วแชร์ภาพไปอินสตราแกรมหรือเฟซบุ๊ค แล้วมียอดไลค์เยอะที่สุด เค้าจะให้เป็นพรีเซนเตอร์เลยค่ะ”
รจนาหยิบยาออกมา เปียยิ้มดวงตาเป็นประกาย
“ฉันกิน ฉันจะกิน” เปียคว้าเอายาหมับ “กินเยอะๆเลย”
รจนารีบบอก
“อุ๊ย!กินทีละเยอะๆไม่ได้ ต้องกินทีละสองเม็ด อย่างที่เค้าบอก เอางี้...”รจนาจับมือ
เปีย “คุณเปียไม่ต้องห่วงนะคะ...ถึงเวลา รจจะจัดยาให้คุณเปียเอง รับรอง อีกไม่นาน คุณเปียสวยเด้งเด่นสะดุดตาทุกคนเลยค่ะ”
เปียชูเม็ดยาขึ้น ดวงตาเป็นประกาย รจนามองท่าทางของเปียโล่งใจ
รจนาเดินเข้ามาในบ้าน วณีที่สุดจะกลุ้มใจผุดลุกขึ้นทันที
“ลูกเปียเป็นยังไงบ้างคะ”
รจนายิ้มอ่อนหวาน
“ดิฉันหลอกให้คุณเปียกินยาไปแล้วค่ะถ้าได้รับยาต่อเนื่องอาการของคุณเปียก็น่าจะดีขึ้นในไม่ช้า”
วณียิ้มดีใจ จับมือรจนามากุมไว้
“ขอบคุณมากนะคะที่ช่วย ขอบคุณจริงๆ”
“คุณวณีอย่าเพิ่งท้อนะคะ ผู้ป่วยที่มีอาการเป็นคนอารมณ์สองขั้ว สองบุคลิก ต้องการกำลังใจและความเข้าใจอย่างมากค่ะ”รจนากุมมือวณี
“ค่ะ ดิฉันจะไม่ท้อ ดิฉันจะไม่มีวันทิ้งลูกเปียเด็ดขาด”
วณียิ้มให้รจนาด้วยความรู้สึกสบายใจขึ้นที่เปียกินยา
เปียเดินท่าทางก๋ากั๋นแบบสก๊อยเข้ามาในสวน ในมือชูเม็ดยาขึ้นมองเม็ดยาแล้วยิ้ม มันเป็นตัวยาเดียวกันกับที่วณีให้
“ถ้าโง่ ก็ไม่ใช่ซีเปียแล้วโว้ย ยัยดอกมะลิ”
เปียตาเขียวปั้ดโยนเม็ดยาทิ้งในสวน ยิ้มหยันรจนา
นมแสประคองคุณหญิงที่ท่าทางกลัดกลุ้มไม่สบายใจเข้ามาในบ้าน
“ดิฉันเข้าใจคุณอุทัยนะคะ ทำไมถึงอยากตรวจดีเอ็นเอเพราะคุณหนูเปียไม่มีอะไรที่เหมือนคุณอุทัย คุณวณี แม้กระทั่งคุณหญิง แม้แต่นิดเดียวค่ะ”
เปียที่กำลังจะเดินเข้าบ้านได้ยิน รีบซ่อนตัวแอบฟังคุณหญิงครุ่นคิดหนักใจพึมพำ
“มันก็ใช่ทั้งหน้าตา อุปนิสัยใจคอ”
“หนูน้อยต่างหากที่มีความเป็นผู้ดี”
นมแสกวาดสายตามอง เปียรีบกระถดซ่อนตัวยิ่งขึ้น พอไม่เห็นใครนมแสก็บอก
“ยิ่งนังเย็นมันตามมาข่มขู่ดิฉัน ดิฉันก็ยิ่งสงสัย”
“อะไรนะ นังเย็นมันมาข่มขู่นมแสวอนซะแล้วนังนี่”คุณหญิงเสียงดัง
คุณหญิงจะเดินไป แต่นมแสฉุดมือเอาไว้บอก
“อย่าค่ะคุณหญิง ลดตัวลงไปแลกกับคนชั้นต่ำ คนเลวๆ อย่างนังเย็นมันไม่คุ้มหรอก”
“มันก็ใช่อย่างดีมันก็ติดคุกแป๊บๆ เดี๋ยวมันก็ออกมาทำเลวทำชั่วอีก”
ตาเปียเป็นประกาย เบ้ปากมองนมแสกับคุณหญิงอย่างเกลียดชัง
“ยิ่งที่เราจะต้องช่วยกันคือค้นหาความจริง ดิฉันจะไปล่อหลอกถามประวิติหนูน้อย นังเย็นมันมีพิรุธ ตามมาข่มขู่ดิฉันแสดงว่ามันต้องปิดบังอะไรไว้แน่ๆ”
เปียมองจ้องนมแส เอาเรื่อง
น้อยมองซ้ายมองขวาหนีเลอสรรเดินลิ่วๆมาที่ป้ายรถเมล์ชะเง้อคอมองรถเมล์ แต่แล้วต้องสะดุ้งเฮือก เมื่อเลอสรรขับรถมาจอดที่ฟุตบาท พร้อมเลื่อนกระจกลงน้อยตกใจ
“คุณเลอสรร”
“ขึ้นมา...”
น้อยไม่ขึ้น
“ไม่เป็นไรค่ะ น้อยกลับรถเมล์ดีกว่า”
“แต่นี่มันเย็นมากแล้ว อีกเดี๋ยวก็มืด อันตราย น้อยไม่ได้อ่านข่าวเหรอดึกๆดื่นๆ ผู้หญิงไปไหนมาไหนคนเดียว ถูกฉุดไปทำร้ายน่ะ”
น้อยเริ่มมีสีหน้ากังวล เลอสรรแกล้งดุ
“ขึ้นมาเร็ว...รถข้างหลังมันติด เดี๋ยวคนเค้าก็ด่าเอาหรอก”
น้อยมองไปด้านหลัง เห็นรถติดยาวเหยียด จำต้องขึ้นรถเลอสรรอย่างรวดเร็ว
ค่ำนั้น เลอสรรขับรถมาตามทาง น้อยนั่งตัวลีบ ไม่พูดไม่คุย มองออกไปแต่ข้างนอกเลอสรรอมยิ้มก่อนแหย่
“น้อย...”
“คะ”น้อยหันมามองซื่อๆ
“ที่ตากไม่มีถนนเหรอ”
“ทำไมถามน้อยอย่างนี้คะ”น้อยงง
“ก็น้อยเอาแต่มองถนน ทำเหมือนไม่เคยเห็นถนนยังไงล่ะ”
“น้อยไม่อยากมองหน้าคุณต่างหาก”น้อยค้อนเล็กๆ
“ทำไมกลัวใจอ่อน หลงรักพี่เหรอ”เลอสรรอมยิ้ม
น้อยแก้มแดงเขินอาย ได้แต่มองออกไปนอกหน้าต่าง เลอสรรหัวเราะ
“เอ้า...ทำเป็นไม่เคยเห็นถนนอีกแล้วหน้าพี่น่ามองกว่าถนนนะจ้ะน้อย”
เลอสรรยิ้มยั่ว อยู่กับน้อยเขารู้สึกอารมณ์ดีเสียจริง
เปียกระเง้ากระงอดจ้องมองหน้าบ้านตลอดเวลา
“พี่เลอสรรกลับดึกจังเลยไปไหนกับใครก็ไม่รู้” เปียตาเขียว แอบเหวี่ยงหึง
“เห็นบอกมีสอนพิเศษน่ะจ้ะ” วณีบอกเรียบๆ
“พี่เลอสรรไปสอนพิเศษใคร ที่ไหนคะคุณแม่”เปียสวนทันที หวงมาก
“น้องของเพื่อน เค้าอยากเรียนศิลปะ เลอสรรเลยไปช่วยสอนให้น่ะจ้ะ”
“ผู้หญิง หรือผู้ชายคะ”เปียถามเร็วปรื๋อ
ทุกคน อึ้งวณีตอบเสียงอ่อยๆ
“แม่ไมได้ถามจ้ะ”
“ทำไมคุณแม่ไม่ถาม”เปียหน้าหงิกหน้างอ
รจนาสงสารวณีช่วยแก้
“มันไม่ใช่เรื่องสำคัญนี่คะเพราะยังไงคุณเลอสรรก็มีน้องสาวที่สุดแสนน่ารักอย่างคุณเปียรออยู่ที่บ้านแล้ว”
เปียยิ้ม ชอบใจกับคำตอบของรจนา เสียงรถแล่นเข้ามาจอด เปียยิ้มกว้าง
“สงสัยจะกลับมาแล้ว เปียไปหาพี่เลอสรรก่อนนะคะคุณแม่”
เปียวิ่งออกไปอย่างเร็ว วณีหน้าเจื่อน รจนา กับนมแสสุดจะเห็นใจวณีรจนาส่งสายตาเป็นกำลังใจให้วณี ก่อนเดินออกไป
เปียวิ่งออกไป เห็นเลอสรรลงมาจากรถพร้อมๆกับน้อยเปียปรี๊ดขึ้นคุมอารมณ์ไม่อยู่
“นังน้อย”
เปียจะถลาออกไปรจนาตามมาคว้ามือเอาไว้
“อย่าค่ะคุณเปีย”
เปียจะกินเลือดกินเนื้อ ตวาด
“ตกลง เธอมาคุมฉัน หรือมาดูคุณแม่กันแน่”
เห็นท่าทางของเปีย รจนาจำต้องปล่อยมือ กลบเกลื่อนบอก
“มาดูแลคุณวณีค่ะ แต่รจรู้ถ้าคุณเปียไม่อยู่ข้างๆ คุณวณีจะไม่สบายใจ”
“ฉันเป็นแฝดกับคุณแม่รึไง ถึงต้องทำตัวติดกับคุณแม่ตลอดเวลาถ้าไม่ใช่ก็อย่ามายุ่งกับฉันอีก” เปียยิ้มเย้ยเข้ามาพูดที่หูรจนา “หัดทำงานให้คุ้มเงินเดือนหน่อยนะรจนาใครจะได้ไม่ว่าเธอถนัดแต่เลียแข้งเลียขา”
เปียตวาดแล้ววิ่งไป รจนาหน้าชา
“แรงจริงๆซีเปีย”
เปียวิ่งมาที่ลานจอดรถหน้าบ้าน ตั้งใจจะหาเลอสรรแต่ไม่เห็น เธอหน้าหงิกหน้างอ
“พี่เลอต้องไปกับนังน้อยอีกแน่ๆ แอร้ย”
เปียได้แต่ตีอกชกหัว ขยุ้มผมตัวเอง ขัดใจ
เลอสรรเดินมาส่งน้อยหน้างอบอกเขา
“กลับไปได้แล้วค่ะ น้อยไม่อยากเดือดร้อน”
“งั้นน้อยต้องรับปากพี่ จะเป็นแบบให้พี่วาดรูป ชดใช้แทนเปีย”
น้อยอึกอักหน้างอ เสียงฝีเท้าย่ำบนบ้านดังมา เลอสรรเข้ามาประชิดดันตัวน้อยหลบมุมกระซิบ
“เร็วสิ เดี๋ยวน้าเย็นเห็น ยุ่งแน่”
น้อยมองไปข้างบน เห็นเย็นกำลังจะเดินลงมารีบบอก
“ค่ะ”
เลอสรรยิ้ม กระซิบแผ่ว
“ขอบใจจ้ะ”
เลอสรรผละไปอย่างเร็วน้อยยืนเนื้อตัวสั่นกลัวเย็นเห็น เย็นชะโงกมองลงมา
“ไปยืนอะไรอยู่ตรงนั้นยัยน้อย...แอบซุกผู้ชายไว้เหรอ”
“ป่ะเปล่าๆค่ะ”น้อยปากคอสั่น
“งั้นก็รีบขึ้นบ้านมาสิ ไปยืนให้ยุงกัดอยู่ทำไม”
น้อยรีบขึ้นบ้าน
น้อยเดินขึ้นมาบนบ้าน เย็นจ้องมอง น้อยหลบตา ท่าทางมีพิรุธ เย็นมองก่อนถาม
“ฉันเลี้ยงแกมากี่ปีแล้วยัยน้อย”
“ก็...ตั้งแต่น้อยเกิดค่ะ”น้อยงงๆ
“ก็..สิบแปด สิบเก้าปีเข้าไปแล้วสินะ”เย็นทำท่าคิด
น้อยมองเย็นไม่เข้าใจ แต่เย็นมองน้อยนิ่งๆบอก
“แกคิดว่า คนที่อยู่กันมาเกือบยี่สิบปี จะรู้จักกันดีมั้ย”
“ดี...ค่ะ”
“ฉันก็ว่าฉันรู้จักแกดี...” เย็นกระชากแขนน้อยเข้ามามองจ้อง “และตอนนี้ฉันก็รู้ว่าแกกำลังโกหก”
น้อยสายตาหวาดหวั่น กลัว ถูกจับได้ เย็นมองหน้าถามเสียงเยียบเย็น
“ตะกี้ไอ้คุณเลอสรรมันมาส่งแกใช่มั้ย”
น้อยเงียบ กลัวจนไม่กล้าตอบ เย็นบีบมือน้อยแรงเข้า ตวาด
“ฉันถามว่าใช่มั้ย”
“ใช่ค่ะน้าเย็น”น้อยแทบร้องไห้กลัว
“ฉันไม่ห้ามแกหรอกนะแค่ฉันจะบอกว่า ไอ้คุณเลอสรรมันเป็นของนังเปียแกรู้ใช่มั้ยว่าแกควรทำตัวยังไง”เย็นยิ้มเยาะเย้ย
น้อยพยักหน้า ไม่กล้าสบตาเย็นกลัว เย็นผลักน้อยอย่างแรง
“ไป๊...เข้าห้อง และอย่าให้ฉันเห็นแกไปไหนมาไหนกับไอ้คุณเลอสรรอีก ไม่งั้นแกเละเป็นโจ๊กแน่นังน้อย”
น้อยรีบปิดประตู ทันทีที่อยู่คนเดียวน้อยก็ร้องไห้โฮกลัวเย็นและรู้สึกปวดใจเรื่องเลอสรร
เปียในชุดนอนเซ็กซี่แบะคอเสื้อให้มันกว้างๆก่อนเดินออกนอกห้อง แล้วปิดไฟตามทางเดินบริเวณนั้นมืดสนิท มีเพียงแสงสว่างรางๆจากภายนอกส่องเข้ามา
เปียย่องมาหยุดยืนที่หน้าห้องเลอสรรเคาะประตู เลอสรรเพิ่งอาบน้ำเสร็จ ท่อนบนเปลือยเปล่าตะโกนถาม
“ใครครับ”
เปียรีบนั่งลงซ่อนตัวหลังแจกันใบใหญ่ เลอสรรเปิดประตูห้องออกมาไม่เห็นใคร แต่เปียเห็นเลอสรร ที่เปลือยท่อนบนออกมาก็ตาโตเอามือปิดปากตัวเองที่กำลังจะหัวเราะเลอสรรทำหน้างง ก่อนปิดประตูเปียยิ้ม ย่องมาเคาะประตูใหม่ เลอสรรที่กำลังจะใส่เสื้อในห้องชะงักถามเสียงดัง
“ใคร”
เปียอยู่ด้านนอก รีบซ่อนตัวเลอสรรเดินมาเปิดประตู มองออกมาเห็นแต่ความมืดเหมือนเดิมไม่มีใคร เลอสรรเดินออกมานอกห้อง ค่อยๆเดินดูโดยรอบแบบอยากรู้เหมือนกัน...ด้านหลังเลอสรร เปียแอบย่องเข้าไปในห้องรวดเร็วเลอสรรมองดู ไม่เห็นใครจริงๆจึงเดินกลับมาที่ห้อง
เลอสรรเดินเข้าห้องแล้วปิดประตูเปียที่ซ่อนตัวอยู่พุ่งเข้ามาปิดตาเลอสรร
“ใครปล่อย เล่นอะไรบ้า”
เลอสรรสะบัดออกอย่างแรงเปียเจอแรงผู้ชายถลาลงไปนั่งกับพื้น หลังกระแทกขอบเตียง
“โอ๊ย”
“น้องเปีย เล่นอะไรบ้าๆ”เลอสรรหงุดหงิด
“ก็เปียอยากเล่นกับพี่ชาย” เปียทำเสียงพากษ์ละครเกาหลี ลากเสียงยาวๆ
“แต่มันไม่เหมาะ ออกไป”เลอสรรดุ
“เปียออกไปไม่ไหวค่ะ พี่ชายขา เปียเจ็บ พี่ชายช่วยเปียหน่อยสิคะ”
เปียยื่นมือให้แบบอ้อนๆเลอสรรสุดจะเซ็ง ยืนมองหน่ายๆเปียอ้อน
“ช่วยเปียหน่อยนะคะพี่ชาย”
เลอสรรสุดจะเบื่อ จำต้องยื่นมือไปกระชากร่างเปียขึ้นมา เปียได้ทีโผเข้ากอดและโถมตัวใส่จนเลอสรรล้มลงไปบนเตียง โดยมีร่างเปียทาบทับ เลอสรรตกใจ แต่เปียมองเจ้าชู้ หัวเราะคิกคัก กอดเขาเอาหน้าแนบอกเปลือย ร้อง
“แอร้ยฟูกห้องพี่ชายแน๊น แน่นเนื้อก็เด้งดึ๋งดั๋งดีจังเปียจะนอนนี่”
เปียกอดใหญ่เลอสรรตกใจมาก
“ปล่อยนะเปีย ปล่อย”
เปียเอาหน้าแนบอกเลอสรรกอดแน่น
“ไม่ปล่อย ฟูกเนื้อดี๊...ดี...เปียจะนอนนี่ๆ”
“ออกไป”
เลอสรรดันตัวออกเปียกอดซุกใหญ่
“ก็บอกแล้วไง เปียจะนอนนี่ๆแต่ถ้าพี่ชายไม่ให้นอนเปียจะร้อง แล้วก็บอกว่าพี่ชายปล้ำเปียชายคงไม่อยากให้คุณพ่อคุณแม่กลุ้มใจใช่มั้ยคะ”
เลอสรรไม่ดิ้น มองสมเพชถามเสียงแข็ง
“ตกลงอยากนอนนี่นักใช่มั้ย”
เปียค่อยๆเงยหน้าขึ้นมาสบตาส่งสายตายั่วยวน
“ค่ะเปียจะนอนที่นี่นอนกับพี่ชาย”
เปียมองเลอสรร ก้มหน้าลงต่ำ ปากแทบจะสัมผัสปากเลอสรรมองพูดเสียงแผ่ว
“ตามใจอยากนอนก็นอน”
เปียตาโตคาดไม่ถึง ปลื้มปริ่ม
“พี่ชาย”
เปียเผลอไปไม่ระวังตัวเลอสรรฉวยจังหวะนั้นผลักอย่างแรงจนร่างเปียหงายหลังลงบนเตียง เลอสรรรีบลุกขึ้นมา เปียแว้ดแบบงุนงง
“แปลว่าอะไรคะเนี่ย”
“เปียอยากนอนที่นี่ก็นอนไป แต่พี่จะไปนอนที่อื่น”
เลอสรรคว้าเสื้อเดินออกไปเปียกรี๊ด
“พี่เลอสรร ไม่เอานะ เปียไม่นอนคนเดียว”
เปียตามออกไป
เลอสรรคว้าเสื้อมาใส่ เปิดประตูเดินพรวดๆออกมา เปียถลาตามมา
“ไม่เอานะ อย่าไป เปียจะนอนกับพี่เลอสรร”
เลอสรรมองไม่พอใจ บอกนิ่งๆ
“เปียรู้มั้ยถ้าเปียเป็นน้องผู้ชายพี่ได้เตะคว่ำอยู่ตรงนี้แน่”
เลอสรรเดินผละออกไปแบบรำคาญฉุนจัดเปียกรี๊ด
“พี่ชาย...เปียเกลียดพี่ชาย เกลียดๆ”
เปียกระทืบเท้าเดินไปยังห้องของตัวเองรจนาค่อยๆเปิดประตูห้องออกมามอง สายตาสลด เพลียก่อนปิดประตูเข้าห้อง
รจนาเดินเข้าไปนั่งโต๊ะทำงาน เขียนอีเมล์รายงาน
“เรียนลุงหมออาการของคุณเปียไม่ดีขึ้นเลยค่ะ เธอทำหลายอย่างที่ไม่สมควรถ้ารจไม่รู้ว่าคุณเปียเป็นโรค รจคงต้องตั้งคำถาม มีคนที่ไม่รู้จักกาลเทศะ ไม่รู้อะไรควรไม่ควร ขนาดนี้เชียวหรือ”
รจนามีแต่ความหนักใจ ไม่รู้ว่าเปียไม่เคยกินยา
เปียเข้าไปในห้องได้ ก็กรี๊ด ตีอกชกหัว ขยุ้มหัวตัวเองขัดใจ
“นังน้อย เป็นเพราะแก เป็นเพราะแกคนเดียว”
เปียคว้าลิปสติกที่วางอยู่ ปาใส่กระจก เนื้อลิปสติกกระแทกกระจกเละกระจายเป็นสีแดงน่ากลัว
วันใหม่...น้อยเดินลงบันไดมา ต้องชะงักเมื่อเจอเปียเดินพรวดๆมา
“มีอะไรเปีย”
เปียตรงเข้าไปลากข้อมือน้อย
“มานี่เลยนังน้อย แกมานี่เลย”
“อะไรเปีย อะไร”น้อยยื้อตัวเอาไว้งง
เปียไม่ตอบแต่ตบผลัวะเข้าที่หน้าน้อยจนเซ น้อยร้องว้าย เปียกระชากผม
“อย่า”น้อยตะกายหนีขึ้นบันได
“มานี่”
เปียตามไปกระชากน้อยลากตัวลงมาจากบันได และลากตัวออกไป
เปียลากน้อยมาในสวนเหวี่ยงลงกับพื้นแล้วขึ้นไปคร่อมตบด้วยแรงริษยา
“โอ๊ย”
น้อยตกใจหันมา พยายามจับมือเปียไว้
“ใจเย็นๆก่อนเปีย มันเรื่องอะไรมาตบน้อยทำไม”
เปียเสียงเครือเสียใจ กระชากคอน้อยขึ้น
“ฉันบอกแกแล้วใช่มั้ยไม่ให้แกยุ่งกับพี่เลอสรร แล้วแกไปยุ่งกับเค้าทำไม”
เปียตบผลัวะน้อยหน้าหันก่อนหันกลับมาร้องไห้
“น้อยไมได้ไปยุ่งกับเค้าเลยนะเปีย”
“แกกำลังจะบอกว่า เค้ามายุ่งกับแกเองใช่มั้ยนังน้อย”
เปียจิกกระชากน้อยขึ้นมาเขย่าตัวแรงๆแบบขัดใจ น้อยร้องไห้ไม่รู้จะบอกยังไงเปียยิ่งคลั่ง
“ทำตัวเงียบๆหงิมๆที่แท้ ก็เนียน แอบฉกผู้ชายของฉันไปกิน ฉันเกลียดแก นังดัดจริต”
เปียกระชากตบไม่ยั้ง น้อยกรี๊ด
ประวิทย์เดินตรงมา ได้ยินเสียงคนกรี๊ดเอะอะโวยวายไกลๆ ก็หน้านิ่วรีบเดินตรงมา เย็นเดินออกมาหน้าบ้าน ได้ยินเสียงเปียกับน้อยแว่วๆ เย็นตกใจรีบลงบันไดมา
น้อยร้องไห้ พยายามดันมือเปียออก
“เปีย...ใจเย็นๆนะ ฟังน้อยก่อน น้อยกับคุณเลอสรรไม่ได้มีอะไรกันจริงๆ”
เปียกระชากคอขึ้นมาอีก
“ถ้าไม่มีแล้วแกไปไหนมาไหนกับพี่เลอสรรทำไม”
ประวิทย์เดินหน้าตื่นมาได้ยิน มองเปียตะลึง
“แกคิดจะแย่งเค้าไปจากฉัน แต่อย่าหวังเลย แกจำไว้นะนังน้อย พี่เลอสรรเป็นของฉัน” เปียกรีดเสียงร้อง เขย่าร่างน้อย “เค้าเป็นของฉัน”
เปียกระหน่ำตบ เย็นเดินมาอีกทางโกรธที่เห็นเปียทำร้ายน้อยจะเข้าไป แต่ช้ากว่าประวิทย์ที่กระโจนพรวดเข้ามา
“อย่าครับคุณหนู”
ประวิทย์ลากตัวเปียออกมา น้อยผุดลุกขึ้นเปียดิ้น
“ปล่อยฉันนะ ปล่อย มันแย่งพี่เลอสรรของฉัน ฉันจะตบมัน”
ประวิทย์กระชากร่างเปียหันมาเผชิญหน้า
“นี่แปลว่าอะไรที่คุณหนูตบตีน้อยเพราะหึงคุณเลอสรร” ประวิทย์มองจ้องเสียใจ “ความจริงแล้ว คุณหนูรักคุณเลอสรรใช่มั้ย”
ประวิทย์เขย่าร่างเปียอย่างแรงเปียผลักออก
“โอ๊ย…ปล่อยฉันนะไอ้บ้า ฉันจะรักใครมันเรื่องอะไรของแก”
“เรื่องของผมสิเพราะคุณหนูบอกว่ารักผมคุณหนูทำแบบนี้ หลอกผมชัดๆ”
“อยากโง่เอง ช่วยไม่ได้”
เย็นยืนมอง ดวงตาของเย็นฉายความสลดใจที่ได้ยินคำนี้ ประวิทย์น้ำตาคลอ
“ถ้าคุณหนูตีค่าผมเป็นแค่ คนโง่คนหนึ่ง ผมก็จะไม่ยุ่งกับคุณหนูอีก”
เปียเบ้ปากไม่ยี่หระประวิทย์คว้ามือน้อย
“แต่ต่อไป...ผมจะไม่ให้คุณหนูทำร้ายน้อยอีกเป็นอันขาด”
เปียเนื้อตัวสั่น โกรธ ชี้มือเร่าๆ
“แกเห็นนังน้อยดีกว่าฉันเหรอไอ้ประวิทย์”
“ครับ...ไปน้อย”
ประวิทย์หันหลังจะพาน้อยไปเปียหน้าตาบูดเบี้ยวเหยเกโกรธมาก คำราม
“กล้าทำอย่างนี้กับฉันเหรอ”
เปียกระโดดถีบประวิทย์อย่างแรง ประวิทย์ร้องลั่น เซ จะล้ม แต่เปียกระชากผมแล้วล็อกคอ ทุบประวิทย์ใหญ่บ้าคลั่งน้อยร้องห้าม
“อย่าเปีย อย่า”
“หุบปาก ไม่งั้น แกโดนอีกแน่ยัยน้อย”
เปียทำท่าจะหันมาเล่นงานน้อยอีก เย็นหัวเราะสะใจ
“คุณหนูเปีย คลั่งแล้วโว้ย”
ทุกคนหันขวับไปมองตกใจ
“น้าเย็น”
เย็นหน้าบึ้ง เอาเรื่อง มองเปีย
“ฉันบอกแกแล้วใช่มั้ย ห้ามทำยัยน้อยแกทำมันทำไม”
เย็นเดินเข้ามาหาเปียเห็นเย็นเอาจริงก็กลัว
“เปียไม่ได้ทำๆ”
เปียรีบวิ่งหนีไปเย็นด่าน้อย
“หยุดร้องได้แล้ว” เย็นหันไปตวาดประวิทย์ “เธอก็เหมือนกัน ไสหัวไปได้แล้ว”
“ครับ น้าเย็น”ประวิทย์กลัวเย็น ตัวลีบ
ประวิทย์รีบผละจากไป เย็นมองตามเปีย ไม่พอใจ
เปียวิ่งกระฟัดกระเฟียดผมเผ้ายุ่งเหยิงมาตามทางขัดใจ
“ปัทโธ่เว้ยกำลังตบคนมันๆน้าเย็นจะมายุ่งทำไมวะ”
เปียกระฟัดกระเฟียดเดินต่อ แต่ต้องสะดุ้งเฮือก เมื่อร่างชนเข้ากับเลอสรรเต็มแรงจนเฟรมวาดรูปในมือเลอสรรหล่นพื้นแต่เปียไม่ได้มอง ด่าโดยอัตโนมัติ
“มาขวางทางฉันทำไม”
เลอสรรมองตำหนิ
“พี่สิควรเป็นคนถาม น้องเปียเดินยังไงมาชนพี่”
“พี่เลอสรร”เปียหน้าซีด จ๋อยไปทันที
เลอสรรยิ้มหน่ายๆ
“ที่สำคัญคำขอโทษสักคำก็ไม่มี อย่าบอกอีกนะว่าอินดี้ ไม่รู้จักมารยาททางสังคมน่ะ”
เปียโพล่งทันที กลัวเลอสรรโกรธ
“เปียขอโทษ”
เลอสรรไม่สนใจก้มลงหยิบเฟรมวาดรูปเดินไป เปียถามทันที
“พี่เลอสรรจะไปไหน”
“วาดรูปน้อย”
เปียตาเบิกโพลง เสียใจ ตกใจ โกรธ
“เปียยืนอยู่นี่ ทำไมไม่วาด”
เลอสรรยิ้ม บอกแผ่วๆตั้งใจกวนประสาท
“เพราะพี่รักน้อยไง...”
“พี่เลอสรรร” เปียกรี๊ดตรงเข้ามาทุบตี “เปียไม่ยอมๆ ได้ยินมั้ยเปียไม่ยอม”
เฟรมในมือเลอสรรหล่นอีก เขาฉุนกระชากร่างเปีย
“เป็นบ้าอะไรเปีย”
“เปียไม่ยอม...พี่เลอสรรต้องรักเปีย”เปียเนื้อตัวสั่นโกรธ
“พี่จะทำอย่างนั้นได้ยังไง ในเมื่อพี่ไม่ได้รักเปีย”
เลอสรรมองแบบไร้สาระแล้วก้มลงหยิบเฟรมวาดรูปขึ้นมาอีกแต่เปียบ้าปัดเฟรมอย่างแรงจนหลุดอีกเปียหน้าตาถมึงทึง
“เปียสั่ง ยังไงก็ต้องได้” เปียเขย่าตัวเลอสรร “พี่เลอสรรต้องรักเปีย ได้ยินมั้ยพี่เลอสรรต้องรักเปีย”
เลอสรรโมโหมาก กระชากไหล่เปียมองจ้อง
“หยุดบ้าได้แล้ว แล้วก็ฟังชัดๆ” เขาตะโกนใส่หน้า “พี่รักน้อย ได้ยินมั้ย พี่รักน้อย”
เลอสรรผลักเปียออกอย่างแรงเปียล้มลงกับพื้นไม่สนใจหยิบเฟรมวาดรูปไป เปียได้แต่ร้องกรี๊ดๆคลั่ง
อ่านต่อหน้า 3
คมพยาบาท ตอนที่ 9 (ต่อ)
เปียร้องไห้กระทืบเท้าขึ้นไปบนตึกวณีตกใจ
“ลูกเปียร้องไห้ทำไม ใครทำอะไรลูกเปียจ้ะ”
“พี่เลอสรร...พี่เลอสรรทำเปียค่ะคุณแม่”
เปียโผเข้ากอดวณี ร้องไห้จะขาดใจวณีกับรจนา นมแสสบตากันตกใจ แปลกใจ วณีสายตาหวาดหวั่นถามเร็วปรื๋อ
“เลอสรรทำอะไรเปียลูก”
เปียสะอื้นฮักๆกอดวณีอ้อน
“พี่เลอสรรไม่รักเปีย...แต่เปีย...” เปียเงยขึ้นมาจ้องวณีอ้อนวอน “แต่เปีย...เปียรักพี่เลอสรร”
“โถ…คงทะเลาะกันมาล่ะสิจ้ะ เลยน้อยใจ...” วณีลูบหน้าลูบตารักและสงสาร “ไม่ต้องห่วงนะจ้ะ...พี่เลอสรรรักเปียแน่นอนจ้ะ”
“ถ้าพี่เลอสรรรักเปีย...งั้น...งั้น...คุณแม่” เปียมองหน้าวณี
“อะไรจ้ะ หนูอยากให้แม่ทำอะไร”
“ให้พี่เลอสรรแต่งงานกับเปียได้มั้ยคะ”
วณีเบิกตาโพลงตกใจ นมแสเงิบ รจนาหน้าเสีย ไม่ได้เหนือการคาดเดา
“นะคะคุณแม่...คุณแม่สั่งให้พี่เลอสรรแต่งงานกับเปียนะคะ เปียรักพี่เลอสรรเปียอยากแต่งงานกับพี่เลอสรรค่ะ”
“คุณเปียคะ” รจนาติง
เปียถลึงตาใส่
“หุบปาก ไม่ใช่เรื่องของเธอ”
“ลูกเปีย”วณีเสียงแผ่วลำบากใจ
เปียไม่รอวณีพูด อ้อนต่อ
“นะคะคุณแม่ให้พี่เลอสรรแต่งงานกับเปียนะคะ”เปียหน้าตาเหมือนเด็กอยากได้ของเล่น “เปียสัญญา เปียจะเป็นเด็กดี ไม่ดื้อ ไม่ซน เปียจะขยัน เปียจะกลับไปเรียน ขอแค่เปียได้แต่งงานกับพี่เลอสรรนะคะคุณแม่” เปียเขย่าตัววณีตามอารมณ์ที่พุ่งขึ้น “นะคะคุณแม่”
วณีหน้าแหย พยายามเตือนสติ ปราม
“อย่าเปีย”
“อย่าค่ะคุณเปีย อย่า”รจนาเข้ามาห้าม
“อย่ามายุ่ง”
เปียผลักรจนาอย่างแรงล้มลงเปียไม่สน หันมาเขย่าวณี รุกเร้า เอาแต่ใจ
“ได้ยินมั้ยคะคุณแม่เปียจะแต่งงานกับพี่เลอสรร เปียจะแต่งงานกับพี่เลอสรร”
เปียอารมณ์พุ่งขึ้น ระงับไม่อยู่ หายใจติดขัดจะเป็นลม คอพับคออ่อนวณีกรี๊ด จะขาดใจ
“เปีย...ลูกเปีย” วณีรีบประคองเปีย สั่งรจนา “ยา คุณรจ ยา”
“ค่ะๆ” รจนารีบวิ่งออกไป
วณีกอดประคองเปียที่คอพับคออ่อนร้องไห้เสียใจกังวลห่วงสารพัดไปหมด นมแสเข้าไปช่วย รจนาวิ่งกลับมาพร้อมยา สามคนช่วยกันจับเปียที่ตัวอ่อนปวกเปียกกินยา
น้อยนั่งร้องไห้เงียบๆอยู่บนบ้าน เย็นมองนิ่งๆเวทนาถามประชด
“มือก็มี ทำไมไม่รู้จักตบนังเปียมันคืนมั่งล่ะ”
น้อยนิ่ง พูดจริงจัง
“ถ้าจะให้ตบตีกันเพื่อแย่งผู้ชาย น้อยไม่ทำ” น้อยมองเย็นอ่อนโยน “ที่สำคัญ เปียเป็นพี่ ถ้าน้อยตบตีกับเปียทะเลาะกัน คนที่จะต้องทุกข์ใจคือน้าเย็นน้อยไม่อยากให้น้าเย็นทุกข์ใจค่ะ”
เย็น ยิ่งมองน้อยเวทนาสายตาอ่อนโยน ลูบหัวน้อยเบาๆ
"ขอบใจมากที่เห็นหัวใจของน้า ขอบใจ”
เลอสรรเดินถือเฟรมเข้ามาหยุดยืนมองก่อนตะโกนเรียกสุภาพแต่ไม่กลัว
“น้อย...น้อย”
น้อยสะดุ้งที่ได้ยินเสียงเลอสรรแต่พอหันมาเจอเย็นที่ยืนมองอยู่ น้อยก็หลบตาเลอสรรเรียกอีก
“น้อย...น้อยจ้ะ”
น้อยไม่กล้ากระดุกกระดิก แต่เย็นเดินลงบันไดไป น้อยมองตามใจเต้นเป็นส่ำค่อยๆย่อง ลุกเดิน ไปเกาะขอบประตูมองลงไปที่ด้านล่าง เห็นเลอสรรยกมือไหว้เย็นสุภาพ
“สวัสดีครับน้าเย็น ผมมาหาน้อย”
“หูไม่ได้ตึง ถึงได้เดินออกมา” เย็นมองจ้องถามห้วน “มีอะไร”
“ผมมีนัดวาดรูปน้อย”
“วาดรูปคุณหนูเปียแทนดีกว่ามังคะ”เย็นยิ้มเย้ย
เลอสรรมองเย็น ไม่เข้าใจเจตนา เย็นมองเลอสรรบอกตรงๆ
“คุณก็รู้ว่าคุณหนูเปียรู้สึกยังไงกับคุณ การที่คุณยังมายุ่งกับยัยน้อยนั่นแปลว่าคุณจงใจหาเรื่องให้ยัยน้อยชัดๆ”
“ผมไม่มีเจตนาอย่างนั้น ผมแค่ต้องการแสดงความจริงใจที่มีต่อน้อย”
“กลับไปเถอะค่ะมันไม่มีประโยชน์ เพราะยังไงคุณก็ต้องเป็นของคุณหนูเปีย”
เลอสรรทำหน้าอ่อนใจ จะปฏิเสธ แต่เย็นไม่เปิดโอกาสให้พูดบอกเสียงเข้ม
“อย่าให้ผู้หญิงสองคนต้องฆ่ากันตาย เพราะผู้ชายคนเดียวเลยค่ะ มันทุเรศ”
เย็นเดินกลับขึ้นไปบนบ้าน น้อยรีบหลบไปนั่งที่เดิมเลอสรรเซ็งสุดขีด
น้อยนั่งก้มหน้างุด ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ เย็นถามนิ่งๆ
“เจ็บมากมั้ย”
น้อยพยักหน้า เย็นเดินไปหยิบยามาทาให้พลางบอก
“ขนาดแค่คุย แกยังโดนขนาดนี้คิดดูถ้าแกจะคบกับผู้ชายคนนั้นจริงๆแกจะเป็นยังไง”
น้อยมองเย็นน้ำตาคลอ เย็นพูดออกมาเสียงนิ่งๆแต่ทว่าเด็ดขาด
“คุณเลอสรรเป็นของยัยเปีย จำไว้” เย็นเดินไป
น้อยนั่งร้องไห้เงียบๆแต่น้ำตาทะลัก…เลอสรรเดินถือเฟรมวาดรูปมา หงุดหงิดได้แต่เหวี่ยงทุบต้นไม้ไปเรื่อยเซ็งเปีย
เปียนอนหลับอยู่วณีนั่งมองน้ำตาคลอทุกข์ใจ บีบมือเปียเบาๆเป็นห่วง ข้างๆเป็นรจนา ห่างออกไปคือนมแส มองเปียแบบนาถใจ พอวณีเห็นเปียหลับสนิทก็คลุมผ้าห่มให้ก่อนเดินออกมา
รจนาบอกวณีด้วยท่าทางเห็นใจ
“คุณเปียกินยาไปแล้ว คงจะหลับไปสักพักนึง ขอโทษนะคะ รจเผลอแป๊บเดียว คุณเปียก็หายไปไหนก็ไม่รู้”
วณีเสียงแผ่วๆเพลียเหมือนกัน
“แล้วกลับมาก็เกิดเรื่อง...” วณีถอนหายใจหนักหน่วงกลุ้มมาก “เฮ้อ...แต่ฉันไม่โทษคุณรจหรอกนะคะถ้าจะโทษฉันคงต้องโทษเวรโทษกรรมที่ทำให้ลูกเปียเกิดมามีชะตากรรมแบบนี้”
วณีปล่อยให้น้ำตาไหลออกมาแบบกลั้นไม่อยู่ นมแสกับรจนาได้แต่มองเห็นใจ
คุณหญิงถามนมแสท่าทางเป็นห่วง กังวลหนักใจ
“ยัยเปียก็ไปหาหมอ กินยาอยู่ไม่ใช่เหรอ ทำไมอาการถึงยังเป็นแบบนี้”
“ดิฉันก็ไม่ทราบค่ะ...สงสารก็แต่คุณวณี กินไม่ได้นอนไม่หลับ มีเรื่องเมื่อไร เป็นต้องร้องไห้ทู้กที”
“คนเป็นแม่ก็แบบนี้แหละ ถ้าลูกทุกข์ แม่ก็ทุกข์กว่า เจ็บกว่าเป็นร้อยเป็นพันเท่าเอาเป็นว่าค่ำๆเดี๋ยวฉันจะไปแวะไปให้กำลังใจแม่วณีแล้วกัน”
“ค่ะคุณหญิง”
สองคนมองหน้ากัน เหนื่อยใจ
คุณหญิงเดินผ่านสวนมาจะไปยังบ้านอุทัย เห็นเงาของใครคนหนึ่งตะคุ่มๆอยู่ข้างกอมะลิคุณหญิงหยุดมอง ถาม
“นั่นใคร”
น้อยที่กำลังเก็บดอกมะลิสะดุ้งโหยง ถอนตัวออกมายกมือไหว้นอบน้อม
“น้อยค่ะ”
“อ้าวแล้วมาทำอะไรดึกๆดื่นๆ”
“เก็บดอกมะลิไปร้อยพวงมาลัยค่ะ”
“อ้อ” คุณหญิงมองเอ็นดู
“เดี๋ยวน้อยร้อยเอาไปฝากนะคะ พรุ่งนี้วันพระ คุณหญิงจะได้ไหว้พระ”
“ขอบใจจ้ะ”
น้อยยกมือไหว้แล้วถือขันดอกมะลิออกไป คุณหญิงมองสายตาอ่อนโยนเอ็นดู
เปียลืมตาตื่นขึ้นมางงๆนอนเหม่อมองเพดานหน้าห้อง วณีกับคุณหญิงเดินตรงมายังห้องเปีย
“แม่เห็นใจแม่วณีมากนะ แต่ไม่รู้จะช่วยยังไง นอกจากคอยส่งกำลังใจให้เฮ้อ...ทำไม แม่เปียไม่น่ารักน่าเอ็นดูเหมือนแม่น้อยบ้างนะ”
เปียได้ยิน ตาเหลือกโพลงขึ้นมา วณียิ้มอ่อนดูเหนื่อยใจ
“อย่าเปรียบเทียบกันเลยนะคะคุณแม่ทั้งลูกเปีย หนูน้อย มีดีกันคนละแบบ”
“มันก็ใช่แม่เปียเป็นคนสวยสะดุดตา แต่มันจะดีกว่ามั้ยถ้าแม่เปียจะสวยด้วย เก่งด้วย นิสัยดีด้วย”
เปียในห้อง ตาลุกโพลง มือกำจิกที่นอนโกรธจัด
“นี่...ตะกี้แม่เจอแม่น้อย เก็บดอกมะลิ จะไปร้อยพวงมาลัย เด็กอะไร น่าเอ็นดู๊น่าเอ็นดูเห็นแล้ว อยากได้เป็นลูกเป็นหลานเลยจริงๆ”
เปียน้อยใจ แค้นใจจนน้ำตาไหลออกมา วณียิ้มเศร้าสงสารเปีย
“การที่หนูน้อยมาอยู่ในบ้านเรา ก็เหมือนลูกเหมือนหลานแล้วล่ะค่ะไปดูลูกเปียกันนะคะคุณแม่ ไม่รู้ป่านนี้ตื่นรึยัง”
วณีเดินนำคุณหญิงมาที่ประตู
วณีเปิดประตูนำคุณหญิงเข้ามาเห็นเปียนอนหลับสนิทวณีมองสงสาร
“ลูกเปียคงจะเพลียมากน่ะค่ะ ยังไม่ตื่นเลย”วณีลูบหน้าลูบตา
“งั้นอย่ากวนแม่เปียดีกว่า แกจะได้นอนหลับพักผ่อนเยอะๆ ไปแม่วณี”
คุณหญิงเดินออกไปโดยไม่ได้สัมผัสเนื้อตัวเปีย วณีลูบผมเปียนิดๆก่อนเดินออกไปทันทีที่ประตูปิด ตาของเปียก็ลุกโพลงขึ้น โกรธ แค้นชิงชัง ริษยาอิจฉาน้อย
เย็นนั่งทำงานถักเชือกอยู่ ส่วนน้อยนั่งร้อยพวงมาลัย เปียกระแทกเท้าขึ้นมาปังๆแหกปากเรียก
“น้าเย็น...น้าเย็น”
เย็นถลึงตาใส่
“เป็นบ้าอะไรอีกมาจิกเรียกฉันแบบนี้ เดี๋ยวฉันได้เอาเข็มเย็บปากแกหรอกนังเปีย”
“เปียมีเรื่องจะคุยด้วย”
เปียบอกเย็นแต่ถลึงตามองน้อยน้อยรีบหลบตา
“อยากคุยอะไรก็คุยไปสิ”
“ไม่ได้เป็นความลับ”เปียเสียงเขียว
เย็นหัวเราะหยัน
“อ้อ...ตั้งแต่เป็นคุณหนูเปียมานี่ มีความลับเยอะนะรู้ว่าตัวเองมีชนักปักหลัง ก็เจียมกะลาหัวหน่อยนังเปีย อยากคุยอะไร มา”
เย็นเดินลงไปจากบ้าน เปียเดินไปผลักหัวน้อยอย่างแรง แล้ววิ่งตามเย็นไป น้อยได้แต่ถอนหายใจระอา
เย็นมายืนรอเปียด้านนอก เปียเดินมาหาร้อนรนกระซิบ
“น้าเย็นพวกนั้นมันกำลังสงสัยเปีย”
เย็นมองเปียนิ่ง แต่ดวงตาเป็นประกายตื่น โกรธ เปียละล่ำละลักบอก
“เปียแอบได้ยินนังนมแสมันไปฟ้องคุณหญิง แล้วตะกี้เปียก็ได้ยิน นังคุณหญิงมันอยากให้นังน้อยเป็นหลานแท้ๆของมันแล้วนี่มันยังส่งนังรจนามาประกบเปียอีก” เปียเขย่ามือเย็นบอกร้อนรน สายตาหวาดหวั่น “น้าเย็นต้องช่วยเปียนะ เปียกลัว”
“ทีอย่างนี้ทำเป็นกลัว แต่ก่อนทำ แกไม่เคยคิด”
“เปียทำอะไร”เปียเผลอแว้ด
เย็นจิกผมหน้าหงาย
“ทำสันดานชั่วๆอย่างที่แกทำไงสร้างเรื่องสร้างราวไม่มีหยุด”
เย็นผลักเปียออกจนเซ ดวงตาเย็นกลุ้ม ดวงตาเปียหวั่น แต่เถียง
“ก็พวกมันขัดใจเปีย”
“ขัดใจแล้วแกเป็นใครนังเปีย นังวณีคุณอุทัยมันถึงจะขัดใจไม่ได้”
“นี่เปียมาให้น้าเย็นช่วยนะ ไม่ได้มาให้ด่า”
“แต่คนอย่างแก มันต้องด่าไง ถึงจะรู้สำนึก”
เย็นเอามือขยี้จิกๆหัวอีกแบบหมั่นไส้
“นี่ถ้าแกไม่แผลงฤทธิ์ จนวุ่นวาย พวกมันก็ไม่สงสัยหรอก”
เปียหน้าเสียขัดใจแต่ไม่กล้าออกฤทธิ์
“แล้วเปียต้องทำยังไงน้าเย็น”เปียลนจะร้องไห้ “เปียต้องทำยังไง”
“ทำแบบยัยน้อยไง”
เปียริษยา โกรธแว้ด
“น้าเย็นจะให้เปียทำแบบยัยน้อย”
เย็นยิ้มขำเย้ยหยัน
“แอ๊บ เรียบร้อยแบบยัยน้อยไงในเมื่อร้ายแล้วไม่ได้ผล แกก็ต้องทำตัวใสซื่อไร้เดียงสา ส่วนนังนมแส ฉันจะจัดการมันเอง”
เย็นพูดเสียงเฉียบ ดวงตาเฉียบน่ากลัวก่อนหันมามองเปีย สายตาอ่อนลง
“ยังไงแกก็เป็นหลานรัก ฉันไม่ปล่อยให้แกตายเดี่ยวหรอกน่านังเปีย”
“เปียรักน้าเย็นที่สุดเลย”เปียยิ้มออก
เปียโผเข้ากอดเย็นยิ้มดีใจเย็นยิ้มสายตาอ่อนโยน สายตาเปียที่มอง มองแค่เย็นเป็นเหยื่อ
เช้าวันใหม่...ระหว่างรับประทานอาหารเช้า เลอสรรไม่มองหน้าเปีย ทำเฉยๆไม่รู้ไม่ชี้ วณีมอง
สลับระหว่างเลอสรรกับเปีย เห็นภาวะของเลอสรรอึดอัด แต่เปียปกติยิ้มแย้มแจ่มใสเปียตักอาหารให้วณีกับอุทัยเอาใจ
“คุณแม่คุณแม่ลองชิมนี่นะคะอร่อยที่สุดเลยค่ะ” เปียมองเลอสรรแบ๊ว “พี่เลอด้วยนะคะ ลองชิมดู เปียชอบ อร่อยดี”
เปียตักให้ยิ้มใสเลอสรรมองเปีย ไม่รู้จะมาไม้ไหน เห็นท่าทางปกติก็โล่งใจ
“เปียอยากเรียนพิเศษ”
ทุกคนหันมามองเปียอย่างไม่เชื่อสายตา เปียยิ้มหวานตาแบ๊วบอก
“เผื่อเทอมหน้า เปียจะได้เรียนต่อมหาวิทยาลัยเหมือนอย่างน้อยบ้างค่ะน้อยชอบเล่าให้ฟัง น้อยเรียนภาษา การท่องเที่ยว สนุ้กสนุก”
อุทัยมองเปียจับสังเกต เลอสรรมองงง นมแสมองไม่เชื่อ วณีเชื่อยิ้มดีใจถาม
“ลูกเปียอยากเรียนเหมือนน้อยเหรอจ้ะ”
“เปล่าค่ะ เปียอยากเรียนการแสดง เปียอยากเป็นนางเอก” เปียมองเลอสรรแอบแบ๊ว แต่ตาไม่แบ๊วตาม “จะได้คู่กับพระเอกค่ะ”
เลอสรรเมินไม่มอง นมแสค้อนขวับแอบเบ้ปาก อุทัยกระแอมติง
“ถ้าหนูชอบ ไม่ว่าจะเรียนอะไร พ่อสนับสนุนทุกอย่าง”
“ขอบพระคุณคุณพ่อมากค่ะ”เปียยกมือไหว้
เปียยิ้มให้ทุกคนเหมือนเป็นนางงามเปียมองทุกคนสังเกตแต่ละคนมองเปียต่างรู้สึกกันไป ยกเว้นวณีที่ชื่นใจมาก
วณีเดินมาส่งอุทัยไปทำงาน รจนาเดินตามมาพร้อมนมแส
“ต้องเป็นเพราะยาแน่ๆเลย ลูกเปียถึงได้น่ารักน่าเอ็นดูขนาดนี้...วณีดีใจจริงๆเลยค่ะพี่อุทัย”
วณียิ้มแย้มบอก อุทัยยิ้ม แต่ยังไม่เต็มที่หันไปบอกรจนา
“ขอบคุณมากนะครับที่มาช่วยดูแลยัยเปีย”
“รจแค่ทำตามคำสั่งของลุงหมอน่ะค่ะ อย่างที่บอก ผู้ป่วยไบโพลาร์ ถ้าได้รับการรักษาอย่างถูกต้อง ก็จะสามารถควบคุมอาการของโรคได้”
อุทัยขื่นๆอย่างเหนื่อยๆ
“แต่ถ้าไม่...ก็อาจจะกลายเป็นคนวิกลจริต หรือไม่ก็ฆ่าตัวตายได้”
“พี่อุทัย” วณีติง
“พี่พูดอะไรผิดจ้ะวณี พี่ก็พูด ตามที่หมอวิธูบอกพี่ทุกอย่างนะ” อุทัยยิ้ม
“แต่สายตาพี่อุทัย ยังระแวงสงสัยลูกเปีย”
อุทัยถอนหายใจ
“การรักษาทุกอย่างต้องใช้เวลา ยาก็ไม่ได้เป็นยาอัศจรรย์ มันเร็วไปรึเปล่าที่ยัยเปียจะเปลี่ยนไปเป็นคนละคนได้ขนาดนี้ ขอโทษนะครับคุณรจนาที่ผมพูดอะไรตรงๆ พี่ไปทำงานก่อนนะวณี”
อุทัยเดินขึ้นรถไปทำงาน รจนาหน้าเสียถามวณี
“ขอโทษค่ะ รจทำอะไรไม่ดีหรือเปล่าคะ ท่าทางคุณอุทัยเหมือนไม่พอใจ”
“เปล่าค่ะ คุณรจทำดีทุกอย่าง แต่ที่พี่อุทัยไม่พอใจ เพราะพี่อุทัยระแวง คิดว่า ยัยเปียไม่ใช่ลูก”
วณีงอนอุทัย รจนาตาโต เพิ่งรู้ นมแสเห็นคล้อยตามอุทัย
นมแสมาด้อมๆมองๆแถวบ้านเย็น เห็นน้อยในชุดนักศึกษากำลังปัดกวาดทำความสะอาดบ้านเพียงคนเดียว นมแสก็โล่งใจ พอน้อยเดินถือตำราเรียนเดินลงมา นมแสก็พุ่งเข้าไปหา
“หนูน้อยๆ”
“คะ...นมแส”
นมแสชะเง้อมองบนบ้านแบบกลัวๆกระซิบถาม
“เย็นอยู่รึเปล่า”
“ไม่อยู่ค่ะ”
นมแสยิ้มโล่งใจดีใจ
“พอจะมีเวลามั้ย ยายขอคุยด้วยหน่อย”
“ได้ค่ะ” น้อยยิ้มมองนมแสอ่อนโยน
ในสวน เปียเดินคุยกับเย็นบอกอย่างกังวล
“น้าเย็น เปียทำอย่างที่น้าเย็นบอกแล้วนะ เรียบร้อยน่ารัก แต่ดูเหมือนจะมีแต่ยัยคุณวณีคนเดียวที่เชื่อ...ส่วนไอ้คุณอุทัย เหมือนมันจะระแวงเปียตลอดเวลา”
“มันก็ต้องใช้เวลาบ้างสิ แกเคยร้าย จู่ๆกลับมาดี ใครมันจะไปเชื่อเพียงชั่วข้ามวันข้ามคืน อย่างนังวณี”
“แต่เปียกลัว...กลัวจริงๆว่าความลับมันจะแตก เปียกลัวมันจะพาเปียไปตรวจดีเอ็นเอ ถ้ามันทำอย่างนั้น เปียตายแน่ๆเลย” เปียวิตก
เย็นเคร่งเครียด คิดหนัก ก่อนบอก
“ทำตัวให้เรียบร้อยน่ารักเข้าไว้ เชื่อน้า ถ้าแกไม่แผลงฤทธิ์อะไรอีก พวกมันไม่ทำอย่างนั้นหรอก”
“แต่เปีย...” เปียดวงตากลัวจริงๆ
“เชื่อน้า ทำตัวเรียบร้อยน่ารัก แล้วจะไม่มีใครสงสัยอะไรแก” เย็นเสียงเข้มย้ำ
“ก็ได้...ถ้าพวกมันไม่ชอบคนตรง แต่ชอบคนแอ๊บแบ๊วแบบยัยน้อย เปียก็จะแอ๊บให้มันดู แล้วถ้าเปียทำ รับรองเนียนกว่านังน้อยเป็นร้อยเท่าพันเท่า”
“งั้นอย่างแรก เลิกอิจฉาริษยายัยน้อยมันได้แล้ว แกรู้มั้ย คนที้ขี้อิจฉาน่ะตามันปิดไม่มิดหรอก”
เปียค้อนเย็นหน้างอ ก่อนเบิกตาโพลงขึ้นมา ดึงเย็นลากมาหลบ เย็นไม่ทันตั้งตัว
“อะไรของแก”
เปียไม่ตอบแต่หันไปมองเห็นนมแสฉุดมือน้อยผ่านไป เย็นกับเปียมองหน้ากัน สองน้าหลานตาร้ายกังวลขึ้นมาทันที
นมแสลากมือน้อยมายังมุมอับ น้อยถามงุนงง
“มีอะไรคะนมแส”
“ยายอยากรู้ เกี่ยวกับพ่อแม่ของน้อย”
“ก็น้อยเคยบอกนมแสแล้วไงคะ...ว่าแม่ของน้อยเป็นพี่สาวของน้าเย็น” น้อยยิ้ม
“จริงเหรอ”
“จริงสิคะ...ทำไม...นมแสถึงได้ถามน้อยอย่างนี้”
“ก็...ก็...”
“อะไรคะ”
เย็นกับเปียที่ตามมาแอบฟัง หน้านิ้วคิ้วขมวดใจเต้นรัว นมแสบอก
“ก็หนูน้อยท่าทางเป็นผู้ลากมากดี ไม่มีอะไรเหมือนนังเอ๊ยแม่เย็นเลยน่ะสิ พูดก็พูดเถอะ” นมแสมองหน้าน้อย “ยิ่งมอง...ยายก็ว่าหนูน้อยยิ่งเหมือนคุณอุทัยกับคุณวณี”
เย็นกับเปียตาเขียว น้อยร้องลั่น
“อย่าพูดอย่างนี้อีกนะคะนมแส”
“ยายก็ไม่อยากพูดหรอก แต่มันอดไม่ได้ เลยอยากมาถามหนูน้อยให้หายคาใจ แต่ถ้าหนูน้อยยืนยันว่าเป็นหลานของแม่เย็นจริงๆ ยายก็คงจนปัญญา”
นมแสสุดเซ็ง เย็นกับเปีย ตาเขียวปั้ด จ้องมองนมแสเป็นตาเดียว
เย็นเดินกลับบ้าน เปียเดินไปด้วยท่าทางร้อนรน ถามเย็น
“น้าเย็นเห็นความร้ายกาจของอีแก่นั่นมั้ย”
เย็นนิ่งๆ แต่ตาวาวเอาเรื่อง
“ตาไม่ได้บอด”
เปียมองหมั่นไส้
“น้าเย็นจะอยู่เฉยๆ ทำใจเย็นเป็นเป็นตู้เย็นไม่ได้แล้วนะ”
“แล้วถ้าใจร้อน ปากเสียอย่างแกมันได้อะไร”
“แปลว่า...น้าเย็นจะไม่ทำอะไรอีแก่นั่น” เปียเริ่มโกรธเย็น
เย็นเงียบ เปียมองไม่พอใจ บอกกร้าว
“ด๊าย! ถ้าน้าเย็นไม่จัดการ เปียจะจัดการเอง”
เปียจะเดินหนี เย็นคว้าคอหมับบีบ
“อย่าอวดเก่งเกินสมองนังเปีย นอกซะจาก...” เย็นมองจ้องเย้ยหยัน “แกอยากจะเร่งให้คนพวกนั้น ตรวจดีเอ็นเอแกเร็วเข้า อยู่เฉยๆ แอ๊บนางเอกไป คืนนี้ฉันจะจัดการอีแก่แสเอง”
เย็นผลักเปียลงกับพื้นตาวาว เปียมองเย็นขัดใจ สายตาระแวง กลัวเย็นจะไม่ได้ดั่งใจ
ค่ำนั้น เย็นเดินตรงไปที่บ้านนมแส นมแสอยู่ในบ้านบ่นพึมพำ
“ไม่อยากจะเชื่อเลยจริงๆว่าหนูน้อยจะเป็นหลานนังเย็นจริงๆ”
เย็นเดินจังหวะหนักๆขึ้นบันได นมแสได้ยินเหมือนคนเดินชะงักหันมามองเห็นประตูบ้านเปิดอยู่ นมแสร้องลั่น
“ตาย...ลืมปิดประตู”
นมแสรีบวิ่งมา เย็นเดินขึ้นบันไดขั้นสูงขึ้น นมแสกระชากประตูปิด เย็นเห็นประตูกำลังจะปิดเงื้อเท้ายันประตูอย่างแรง นมแสไม่ทันตั้งตัวร้องลั่น เมื่อประตูกระแทกเข้าที่ร่างเต็มแรงจนล้มลง พอเงยหน้าขึ้นมาก็เห็นเย็นยืนหน้าบึ้งจ้องหน้าอยู่ นมแสตกใจสุดขีด
“นังเย็น”
เย็นปิดประตูดังปังเดินเข้าไปเหมือนไม่ติดใจอะไร
“จำฉันได้ แสดงว่า สมองยังไม่เสื่อม” เย็นหันขวับมาจ้องหน้านมแส “แล้วที่ฉัน
บอก ทำไมนมแสไม่จำ หา!”
เย็นตบโต๊ะดังปัง นมแสสะดุ้งโหยง กลัวเย็น
“จำ...จำสิจ้ะจำ”
“จำแล้วไปถามยัยน้อยอีกทำไม ว่ามันเป็นลูกเต้าเหล่าใคร” เย็นเสียงดัง
“ก็...ก็...ฉัน...”
นมแสเนื้อตัวสั่นปากคอสั่นพูดไม่ออกไม่รู้จะพูดยังไง เย็นกระชากแขนอย่างแรงจนนมแสลุกขึ้น
“อยากรู้ อยากเห็น พยายามเสี้ยมให้ยัยน้อยมันหลงตัวเอง”
เย็นผลักอย่างแรงจนนมแสติดผนังเดินตามไปจ้องหน้าใช้มือข้างหนึ่งยันฝาผนังคร่อมกันร่างของนมแสเอาไว้อีกมือหนึ่งบีบคอ
“อยากให้หลานฉันมันแข็งข้อกับฉันใช่มั้ย” เย็นบีบคอแล้วกระชากขึ้น
นมแสที่ถูกบีบคอเอามือแกะมือเย็นบอก
“เปล่า...เปล่า”
เย็นเย้ยหยัน
“แล้วทำทำไม ถ้าอยากรู้ประวัติโคตรเหง้าศักราชของยัยน้อยนัก” เย็นคว้ามีดปอกผลไม้บนโต๊ะขึ้นมา “ฉันส่งนมแสไปถามกับยมบาลก็ได้นะ...” เย็นชูมีดขึ้นขู่ “เอามั้ย”
นมแสเห็นมีดจ่อหน้า มีดส่งประกายวาววับน่ากลัว
“ไม่...ไม่เอา” นมแสยกมือไหว้ “อย่าทำอะไรฉันนะ ฉันกลัวแล้ว”
“กลัว...กลัวตลอด แต่ก็เห็นปากดีตลอด...หรือว่าฉันจะตัดไฟแต่ต้นลมดี นมแสจะได้ไม่ต้องพูด” เย็นเอามีดไล้ที่บริเวณปากนมแส “จะให้ฉันตัดลิ้นหรือตัดปากบอกมา” เย็นเยาะ
เย็นกดมีดลงไปแต่ไม่ทำอะไร เปียอยู่ด้านนอก ได้ยินสาแก่ใจมาก ยิ้มร้าย ด้านในนมแสสั่นหลับตาปี๋กลัว ร้องลั่น
“ไม่...ไม่เอา...อย่าทำอะไรฉันเลย ฉันกลัว...กลัวจริงๆ”
“ก็เห็นว่ากลัว ที่ผ่านมาฉันก็เมตตาตลอด อยากให้แก่ตายเอง แต่แกก็แส่หาเรื่องตลอด...หรือครั้งนี้...ฉันจะไม่ใจอ่อนดี”
เย็นกระชากลากตัวนมแสมาหยุดยืนที่หน้าต่าง นมแสร้องลั่น แต่ไม่กล้าทำอะไรมากเพราะเย็นจ่อมีดไว้ด้านหลัง นมแสมองพื้นด้านล่าง เนื้อตัวสั่น เย็นหัวเราะ
“ไม่สูงมาก แต่ถ้าคนแก่ๆตกลงไป ไม่ตายก็คงเลี้ยงไม่โต แล้วการที่ต้องพิการตอนแก แบบไม่มีคนแล มันน่าสมเพชมากนะนมแส”
นมแสร้องไห้ยกมือไหว้
“อย่าทำอะไรฉันเลยนะเย็น ฉันกลัวแล้ว กลัวแล้วจริงๆ ต่อไปฉันจะไม่แส่ ไม่ยุ่งเรื่องหนูน้อยเรื่องคุณๆอีก”
“ดี...เพราะฉันว่า...ถ้าจะแส่จริงๆ นมแสควรแส่เรื่องหลานของตัวเองจะดีกว่า”
“แปลว่า...” นมแสมองเย็นงุนงง
“ก็ถ้าฉันปล่อยไป แล้วนมแสทำปากดีปากเก่งไปฟ้องคุณหญิง หรือฟ้องใครๆอีก...คนเดือดร้อนจะไม่ใช่แค่นมแสคนเดียว...แต่จะเป็นโคตรเหง้าศักราชญาติโกโหติกาของนมแสทุกคน”
เย็นเหวี่ยงนมแสลงกับพื้นลงไปกองกับพื้นมองเย็นที่สายตาโหดเหี้ยมเอาจริง นมแสรู้สึก
หวาดกลัว เป็นครั้งแรกที่กลัวเย็นจับขั้วหัวใจ นมแสกับเย็นจ้องหน้ากันก่อนที่เย็นจะเดินออกไป นมแสวิ่งตามมาจะปิดประตู แต่เย็นกลับเอามือยันประตูอีก ประตูกระแทก นมแสร้องลั่น ล้มลงไปกองกับพื้น มองเย็นกลัว แต่เย็นพูดสั้นๆ
“ลืม!”
เย็นเหวี่ยงมีดในมือลงมา มีดปักลงที่พื้นข้างๆตัว นมแสร้องหัวใจแทบวายแต่เย็นหัวเราะก้องเดินหัวเราะสะใจลงไป นมแสปล่อยโฮ
“อีเย็นบ้า อีโรคจิต!”
เปียยืนรอเย็นที่หน้าบ้านนมแส พอเย็นเดินลงมา เปียก็เดินตามมาโวย
“ทำไมน้าเย็นไม่ฆ่าปาดคออีแก่แส หรือไม่ก็ ตัดปากตัดลิ้นมันเลย”
“ถ้าฉันฆ่าคนตาย ทำร้ายคนขนาดนั้น แกคิดว่าคนในบ้านจะปล่อยให้ฉันลอยนวลเหรอ เพราะฉะนั้น อย่าโชว์โง่นังเปีย”
เย็นเดินไป เปียเดินตามขัดใจ
“แล้วถ้านังนมแสมันปากดีไปฟ้องใครล่ะ”
“ไม่มีหลักฐาน ฉันจะโง่ไปรับทำไม แต่ถ้านังแสมันทำ มันรู้ มันตายแน่ๆ”
เปียขัดใจ หวาดหวั่น
“กว่ามันจะตาย เปียไม่ตายก่อนเหรอ”
“ก็ถ้าไม่อยากตาย แกก็หุบปาก เลิกโวยวายซะทีนังเปีย”
เย็นเดินไปท่าทางไม่สบอารมณ์ เปีย ไม่สบอารมณ์ยิ่งกว่าเย็น ได้แต่ยืนฮึดฮัดขัดใจคางคกตัวหนึ่งกระโดดมา เปียยกเท้ากระทืบคางคกจนไส้แตกสะใจ
เลอสรรอยู่ที่สระว่ายน้ำ ยืนมองพื้นน้ำท่าทางไม่สบายใจ อุทัยเดินมาถามอาทร
“หมู่นี้ดูเลอไม่ค่อยสดชื่นเลย ไม่สบายใจ เรื่องที่น้าให้ดูแลเปียเหรอ”
เลอสรรมองแบบเกรงใจสายตาอ่อนโยน
“ผมไม่คิดว่า ผมจะดูแลน้องได้ดีน่ะครับ”
“ดูแลได้ไม่ดี หรือ ไม่อยากจะดูแล”
เลอสรรเงียบ อุทัยถาม
“ลูกเปียเฮี้ยว จนทำให้เลอไม่สบายใจใช่มั้ย”
“ก็ถ้าไม่สบายจริงๆ ผมว่า น้องควรอยู่ในความดูแลของแพทย์อย่างใกล้ชิด”
“น้าก็อยากให้เป็นอย่างนั้นนะ แต่เลอก็เห็น ลูกเปียไม่ยอม น้าเองก็ไม่รู้จะทำยังไง นี่ก็จนปัญญาเหมือนกัน”
“เราลองพูดกับน้องเปียใหม่ดีมั้ยครับคุณน้า”
“เอาเป็นว่า น้าจะลองพูดดู แต่ถ้าเลอไม่สบายใจที่จะดูแลลูกเปียจริงๆ น้าไม่ว่านะ...น้าเข้าใจ”
อุทัยยิ้มอารี แต่ยิ่งเห็นรอยยิ้มที่เปี่ยมไปด้วยความเมตตาของอุทัย เลอสรรก็ยิ่งลำบากใจ
อทัยกับวณีคุยกันอยู่มุมหนึ่งในบ้าน
“พี่อุทัยบอกตาเลออย่างนั้น ตาเลอต้องไม่ดูแลลูกเปียแน่ๆเลย”
“ก็ถ้าตาเลอไม่สบายใจ เราก็ไม่ควรบังคับเค้าไม่ใช่เหรอ”
“แต่วณีว่าถ้าให้ ตาเลอใกล้ชิดกับลูกเปียมากๆ อาจจะดีนะคะ เพราะสองคนจะได้ใกล้ชิด สนิทสนมเห็นใจกัน แล้วก็...อาจจะ รักกัน”
อุทัยตกใจ ปราม
“วณี”
“ลูกเปียบอก ว่ารักตาเลอ และอยากแต่งงานกับตาเลอค่ะ”
เปียเดินมาได้ยิน รีบหลบมุมแอบฟัง ใจเต้นรัว ดวงตายิ้มมีความหวัง
“พี่อุทัยคิดว่ายังไงคะ”
“พี่ยินดี”
เปียยิ้มแทบจะกรี๊ดดีใจ แต่อุทัยกลับบอกต่อ
“แต่ยัยเปียต้องตรวจดีเอ็นเอก่อน”
เปียตาเขียวปั้ด โกรธมาก
เปียเปิดประตูห้องเข้ามาแล้วปิดประตูดังปัง ตรงเข้าไปรื้อข้าวรื้อของในห้องกระจุยกระจายโมโหมาก
“คำก็ตรวจดีเอ็นเอ สองคำก็ตรวจดีเอ็นเอ ญาติโกโหติกาทำงานที่นิติเวชกันรึไง ถึงอยากหางานให้เค้าจัง”
เปียโมโหฮึดฮัดก่อนเดินไปมองลงไปหน้าต่างเห็นน้อยในชุดนักศึกษาเดินกลับมา เปียยิ้มแสยะ
“ได้...อยากตรวจดีเอ็นเอนัก...ฉันจะได้ไปกล้อนผมแล้วก็ถลกหนังหัวนังน้อยมารอพวกแก”
เปียดวงตาร้ายมาก
วันใหม่...น้อยนั่งทำงานบ้านอยู่ เปียเดินกระแทกเท้าขึ้นไปบนบ้าน น้อยสะดุ้ง เห็นท่าทาง
เปียก็รู้มาไม่ดี น้อยถอยห่างถามดีๆ
“เปียมีอะไรจ้ะ”
เปียเดินมากระชากผม ชูกรรไกรขึ้น
“ขอผมแกหน่อย...”
“หา!” น้อยตาเหลือก
“แล้วก็...” เปียกวาดตามองทั่วร่างน้อย “ขอ...หนังกำพร้าแกซักคืบสองคืบ”
เปียง้างกรรไกรออก จะเงื้อแทง น้อยร้องกลัวตัวสั่น
“เปียจะบ้าเหรอ อย่า”
น้อยจะหนีแต่เปียดึงผมเอาไว้กัดฟันกรอด
“ไม่ตายหรอกน่า จะร้องทำไม นิดเดียว”
“ม่าย...ไม่เอา อย่านะเปีย อย่า” น้อยร้อง
น้อยผลักออกเต็มแรง
“เอ๊ะ!นังบ้า แกกล้าขัดใจฉันเหรอ”
เปียพุ่งเข้าหา น้อยยกเท้ายันเปียออกไปอย่างแรงป้องกันตัว ร่างของเปียเซถลาไปชนกับฝาผนังดังโครม เปียหน้านิ่วเจ็บ แต่ก็โกรธ จะทะยานหาน้อย จวนเดินถือชามแกงเข้ามาร้องลั่น
“อย่าค่ะคุณเปีย”
เปียชะงักหันมามองจวนจะกินเลือดกินเนื้อ จวนเดินไปหาน้อย วางชามแกงลง
“น้าเอาแกงมาให้” จวนหันไปหาเปีย “ได้เวลาอาหารแล้ว...คุณหนูรีบไปนะคะ เดี๋ยว คุณๆจะรอ วันนี้คุณหญิงท่านมาด้วยค่ะ”
เปียเขวี้ยงกรรไกรลงกับพื้นอย่างแรง จวนกอดน้อยเนื้อตัวสั่น เปียโกรธ
จวนประคองน้อยที่หน้าซีดตกใจ มานั่งมุมใหม่ จวนถามอาทร
“น้าว่า คุณหนูเปียทำขนาดนี้ น้อยควรบอกคุณท่านนะ เพราะบอกเย็น เย็นคงช่วยอะไรไม่ได้...หรือไม่ก็ไม่ช่วย”
“พี่น้องทะเลาะกันแค่นั้นเองค่ะน้าจวน”
“พี่น้องที่ไหนจะฆ่ากันตายแบบนี้”
“น้อยกับเปียนี่แหละค่ะ เปียเป็นอย่างนี้ตั้งแต่เด็กๆ”
“แล้วเย็นก็ปล่อยให้คุณหนูเปียทำกับน้อยอย่างนี้ตั้งแต่เด็กๆ เฮ้อ!เย็นมันต้องเป็นบ้าไปแล้วแน่ๆ...แล้วนี่เย็นไปไหน” จวนร้องเสียงหลง
“เอางานไปส่งร้านเจ๊...เห็นบอกขากลับจะซื้อขนมมาฝากน้าจวนด้วยค่ะ”
“เย็นเป็นคนดีมีน้ำใจ...ถ้าเย็นไม่ไปยุ่งเกี่ยวกับคุณอุทัย เย็นคงไม่เปลี่ยนไปขนาดนี้หรอก...นี่กินข้าวซะนะ...เดี๋ยวน้าจะไปรับใช้คุณๆ”
จวนเดินไป น้อยนั่งเศร้ากลุ้มกับชีวิตตัวเอง
อ่านต่อหน้า 4
คมพยาบาท ตอนที่ 9 (ต่อ)
ทุกคนนั่งที่โต๊ะอาหาร เปียเดินกระแทกเท้าเข้าไปแต่พอเห็นทุกคนมองก็หัวเราะแกล้งทำเป็นเดินไปกระโดดไปกลบเกลื่อน วณียิ้มแย้ม
“ลูกเปียมาแล้วค่ะ”
เปียวิ่งเข้าไปกอดวณีอุทัยแอ๊บ
“คุณแม่คุณพ่อขา” เปียโผกอดคุณหญิง “คุณย่าขา...” เปียเดินไปสวมกอดเลอสรรเนียนๆ “พี่เลอด้วยนะคะ...เปียขอโทษค่ะ ออกไปเดินดูผีเสื้อเพลินไปหน่อย”
เลอสรรอึกอักถูกกอด คุณหญิงมองไม่ค่อยพอใจบอก
“ไม่เป็นไรๆ มานั่งกับย่ามะ...” คุณหญิงตบที่นั่งข้างๆ
เปียยิ้มหวานแอ๊บ
“เปียนั่งข้างพี่เลอก็ได้ค่ะ” เปียนั่งข้างเลอสรรเลย
ทุกคนอึ้งไปกันหมด อุทัยถอนหายใจระอา ไม่อยากดุ
“เปียมาแล้วก็กินข้าวเลยลูก...มะ...”
นมแสตักข้าว ดูแลทุกคน เปียตวัดสายตามองนมแสเอาเรื่อง นมแสรีบหลบ อุทัยแกล้งถามรจนา
“เอ่อ...หมอวิธูนัดวณีอีกเมื่อไหร่ครับ”
“วันไหนก็ได้...แล้วแต่คุณวณีสะดวกเลยค่ะ”
“ลูกเปียสะดวกวันไหนลูก...จะได้พาคุณแม่ไปหาหมอด้วยกัน” อุทัยหันไปหาเปีย
เปียชักสีหน้าแต่พยายามคุมตัวเองอยู่
“เปียไม่ไปได้มั้ยคะ เปียเกลียดหมอ เกลียดโรงพยาบาล”
“หนูแค่ไปเป็นเพื่อนคุณแม่เองลูก”
“นะเปีย...ไปเป็นเพื่อนแม่หน่อย” วณีอ้อน
“นะจ้ะน้องเปีย” เลอสรรช่วยกล่อม
อุทัยคิดได้
“เลอสรรก็ไปด้วย ไปด้วยกันนะจ้ะลูกเปีย”
“นะคะคุณเปีย ไปเป็นเพื่อนคุณแม่นะคะ คุณแม่จะได้มีกำลังใจ” รจนากล่อม
คุณหญิงช่วยพูดอีกแรง
“นะแม่เปีย...ไปโรงพยาบาลเป็นเพื่อนแม่เค้าหน่อย”
เปียมือสั่นเหวี่ยง
“คิดว่าเปียโง่จนไม่รู้เหรอคะว่าทุกคนจะหลอก พาเปียไปโรงพยาบาล”
“เปล่านะจ้ะลูกเปีย เปล่า” วณีปากคอสั่น
“ไม่ต้องมาโกหก เปียรู้...ทุกคนอยากให้เปียไปโรงพยาบาล เพราะจะได้หลอกเปียไปตรวจดีเอ็นเอ ได้...ถ้าอยากตรวจกันนัก เอาเลือดของเปียไปเลย” เปียตวาด
เปียคว้ามีดปอกผลไม้กลางโต๊ะขึ้นมาทำท่าจะเชือดข้อมือตัวเอง เลอสรรเข้าห้าม
“อย่านะน้องเปีย”
เลอสรรประชิดเข้าด้านหลังเปียจับข้อมือให้ปล่อยมีด เปียโกรธสุดๆ
“ปล่อยเปียนะ ปล่อย อยากได้เลือดนักก็เอาเลือดเปียไปเลย”
เปียพยายามจะเอามีดเชือดข้อมือตัวเอง เลอสรรดึงข้อมือเปียเอาไว้ ทุกคนร้องเอะอะโวยวายตกใจ จวนวิ่งเข้ามาเห็นภาพชุลมุนวุ่นวาย เลอสรรพยายามจะดึงมีด เปียไม่ยอม ดราม่าสุดๆ ทุกคนร้องห้ามเป็นเสียงเดียว
“อย่าเปีย”
เปียกรี๊ด แต่มือยังกำมีดแน่น
“ปล่อยนะพี่เลอ เปียจะเอาเลือดให้ ปล่อยเปีย”
เลอสรรตวาดโมโห
“หยุดเปีย เลิกบ้าได้แล้ว”
“เปียไม่ได้บ้า อยากได้เลือดเปียนัก เปียก็จะให้ไง”
เปียจะยื้อเอามีดเชือดแขนตัวเองให้ได้ เลอสรรพยายามบิดมือให้ปล่อย วณีร้องไห้แทบคลั่ง
“ไม่เปีย...อย่าทำร้ายตัวเอง อย่า...พี่อุทัยบอกลูกสิ เราจะไม่พาลูกไปตรวจดีเอ็นเอ ยังไง ลูกก็เป็นลูกของเรา พี่อุทัยบอกลูกสิคะ...”
อุทัยมัวแต่อึ้ง มองความดราม่าเลอะเทอะของเปียงงหนัก เปียเห็นท่าทีอ้ำอึ้งของอุทัยก็ยิ่งโกรธ
“ถ้าคุณพ่อไม่บอก ก็เอาเลือดเปียไปเลย”
เปียเงื้อมีดขึ้น กรีดร้อง เลอสรรร้องห้าม
“อย่าเปีย”
เลอสรรบิดมือจนมีดหล่นลงที่พื้นเตะมีดออกไปไกล ทุกคนตะลึง เปียมองจ้องอุทัย บอกเสียงกร้าว
“ยังไงคุณพ่อก็อยากได้เลือดของเปียไปตรวจใช่มั้ยคะ ได้ค่ะ”
เปียวิ่งออกไป ท่ามกลางความตะลึงตกใจของทุกคนได้แต่ร้อง
“อย่าเปีย”
ทุกคนวิ่งตามเปียออกไป คุณหญิงทำท่าจะเป็นลม นมแสกับจวนต้องเข้ามาประคอง แต่คุณหญิงยังดื้อดึงตามไป
เปียวิ่งถลามายังหน้าบ้าน แล้วพุ่งตัวทำท่าจะเอาหัวไปโขกกับเสาบ้าน เลอสรรวิ่งตามมากระชากร่างเปียกอดเอาไว้
“อย่าเปีย อย่า”
“ปล่อย...” เปียดิ้น
เปียดราม่าจะพาตัวเอง เอาหัวโขกเสาให้ได้
“หยุด...จะทำร้ายตัวเองไปทำไม”
เปียดราม่าแบบออดอ้อน เรียกความสงสารเห็นใจ
“ก็แล้วเปียจะอยู่ทำไม ในเมื่อพลัดพรากจากพ่อแม่มาเกือบยี่สิบปี แต่พอได้มาอยู่ด้วยกัน คุณพ่อคุณแม่กลับไม่เชื่อว่าเปียเป็นลูก” เปียเขย่าเลอสรรถาม “เปียถามหน่อย เปียจะอยู่ทำไม”
เปียจะพุ่งตัวหัวชนเสาอีก เลอสรรกอดเอาไว้
“อย่า”
“เปียอยากตาย...ตายให้พ้นๆไปเลย แล้วพอเปียตาย เอาตัวเปียไปตรวจเลยนะคะ จะได้รู้...คุณพ่อคุณแม่ คุณย่า ฆ่าลูกหลานตัวเอง”
เปียแกล้งจะพุ่งเอาหัวโขกเสา เลอสรรกอดเอาไว้ เปียทำระทดระทวยซบอกเขา วณีร้องไห้ปานใจจะขาด
“อย่าลูกเปีย อย่า...พี่อุทัย วณีขอ...บอกลูกนะคะ บอก เราจะไม่พาลูกไปตรวจดีเอ็นเออีกแล้ว บอก”
อุทัยมองเปีย ภาวะนั้นอึ้ง คาดไม่ถึง รวมไปถึงรำคาญใจ หน่ายใจ ระอา วณีเห็นอุทัยยืนนิ่งเฉย กรี๊ดแทน
“บอกลูกสิคะพี่อุทัย”
“บอกแม่เปียสิอุทัย จะให้ลูกตายต่อหน้าต่อตาเลยรึยังไง” คุณหญิงเข้ามา
เปียเห็นอุทัยนิ่งก็พยายามจะดิ้น แต่เลอสรรกอดเอาไว้แน่น อุทัยหนักใจกับเปียมาก
“อย่าเปีย อย่าทำร้ายตัวเอง พ่อรับปาก จะไม่พาเปียไปตรวจดีเอ็นเออีกแล้วลูก...” อุทัยเสียงสั่นคุมอารมณ์ “อย่า...อย่าทำร้ายตัวเอง”
เปียร้องไห้มองทุกคน แต่ยังลีลา คุณหญิงร้องไห้
“พอแล้วแม่เปีย อย่าทำร้ายตัวเองอีก ย่าหัวใจจะวาย พอได้แล้วลูก...พอ”
วณีอ้อนวอน
“มาหาแม่นะลูก...เปีย...มาหาแม่นะลูก” วณียื่นมือไปปลอบขวัญ
เปียได้จังหวะวิ่งมาหาวณีกอดแน่น
“คุณแม่ของเปีย...คุณแม่”
เปียกอดวณีแน่น คุณหญิงเดินมากอดปลอบ อุทัยกับเลอสรรอื้ออึง นมแสทำท่าแบบน่าจะตายๆไปซะ จวนตกใจ รจนามองสังเกต อาการเปียเหมือนไม่ได้รับยา คุณหญิงตีอกชกหัวตัวเอง
“ที่หลานฉันเป็นอย่างนี้เพราะนังเย็นคนเดียว นังสันดานเย็นคนเดียว”
เย็นในมือถือถุงขนมเดินตรงมาที่ครัว แต่แล้วก็ต้องชะงักเมื่อได้ยินเสียงจวน
“โอ๊ย...ตอนที่คุณหนูเปีย จะเอามีดกรีดข้อมือตัวเอง ฉันก็ว่าฉันหัวใจจะวายแล้วนะ แต่คุณหนูเปีย วิ่งเอาหัวโขกเสาอีก หัวใจฉันแทบหยุดเต้น”
“โถๆแต่จริงๆแล้วคุณหนูเปียน่าจะเอามีดกรีดข้อมือให้แล้วๆไปเลยนะ” หวานแทรกขึ้น
“ไม่ก็เอาหัวโขกเสาให้มันสมองไหล จะได้เอาเลือดเอาเนื้อไปตรวจดีเอ็นเอเรื่องวุ่นๆจะได้จบลงสักที” ช้อยเสริม
เย็นเดินหน้าบึ้งเข้าไป วางถุงขนมลงบอกจวน
“ฉันเอาขนมมาฝาก” เย็นหันไปหาหวาน ช้อย เอิบ “ฝากพวกแกด้วย ทีแรก...อยากจะ
ทำบุญ แต่คนอย่างฉัน ท่าจะทำบุญไม่ขึ้นซะแล้ว”
“ใจเย็นๆ แกจะทำอะไรเย็น” จวนมองเย็น
“ก็ถ้าไม่เชื่อว่าคุณหนูเปียเป็นลูกคุณอุทัย คุณวณีจริงๆ ฉันก็จะพาหลานฉันไปน่ะสิ”
เย็นเดินหน้าบึ้งออกไป ทุกคนตะลึง งุนงง คาดไม่ถึง
น้อยปัดกวาดเช็ดถูบ้านอยู่ เย็นเดินขึ้นบันไดไป หน้าบึ้งตึงตะโกน
“นังน้อย”
น้อยงง...กลัวๆ
“ขาน้าเย็น”
“มานี่...”
น้อย ทำอะไรไม่ถูก เย็นโกรธตะเบ็งเสียง
“ฉันบอกให้มานี่”
น้อยเงอะๆงะๆไม่ทันใจ เย็นเดินไปกระชากลากคอน้อยขึ้นมา
“หูตึงรึไง ฉันบอกให้มานี่”
“โอ๊ย!น้าเย็น น้อยเจ็บ”
“หุบปาก แล้วมากับฉัน”
เย็นลากน้อยอย่างแรงด้วยความโมโห โกรธเกลียดขัดใจ
คุณหญิงจะเป็นลม ขณะที่นมแสประกบ อีกฝั่งคือเลอสรร อีกด้านคืออุทัย แต่ละคนมีสีหน้ากลุ้มใจ
“ถ้าแม่เปียเป็นอย่างนี้แม่ว่าเลิกล้มการตรวจดีเอ็นเอเถอะ” คุณหญิงบอกอย่างหนักใจ
“ตรงกันข้าม...ผมว่า...เรายิ่งต้องตรวจ” อุทัยหน้าเคร่ง
“จะตรวจให้แม่เปียมาฆ่าตัวตายต่อหน้าเราเหรอตาอุทัย” คุณหญิงตกใจ
“เราจะต้องทำด้วยวิธีใหม่สิครับคุณย่า...เช่น เอาเส้นผม เล็บ เนื้อเยื่ออื่นๆ” เลอสรรแนะ
“ต้องทำกันถึงขนาดนี้เลยเหรอ” คุณหญิงหน้าเสีย
“ครับ...ต่อให้หมอวิธูบอกว่ายัยเปียเป็นโรค แต่ยิ่งนานวัน ผมก็ยิ่งไม่แน่ใจ” อุทัยเสียงแผ่ว
เย็นเดินเข้ามาพูดสวนอุทัยทันทีด้วยความโกรธเกรี้ยว
“ไม่แน่ใจ ว่ายัยเปียจะเป็นลูกของคุณ”
ทุกคนหันขวับไปมอง เห็นเย็นลากคอน้อยที่หน้าเหยเกเข้ามา อุทัยตกใจ
“เย็น”
“นังเย็น” คุณหญิงโกรธ
“น้อย” เลอสรรมองน้อยสงสาร
เย็นมองทุกคนแค้นเคือง
“สงสัยมากใช่มั้ย ส่งคนนั้นคนนี้ไปสืบ”
เย็นมองนมแสที่หลบตาเย็นกลัว เย็นมองเลอสรรที่มองน้อยอย่างห่วงๆ เย็นยิ้มเยาะ
“หนักเข้าถึงจะหลอกพายัยเปียไปตรวจดีเอ็นเอ ได้...ถ้าไม่เชื่อว่ายัยเปียมันเป็นลูกเป็นหลาน ฉันจะจัดให้ ยัยเปียอยู่ไหน”
เงียบ ไม่มีคนตอบ
“ไปเรียกยัยเปียมา”
คุณหญิงถลามามองเย็น
“แกอยากจะพูดอะไรก็พูดมา ไม่ต้องไปยุ่งกับหลานฉัน”
“อ้อ!ทีตอนนี้มาเรียกยัยเปียว่าหลาน...มันสายไปแล้วค่ะ” เย็นหัวเราะเยาะ
“ยัยเปียอยู่ไหน ไปเรียกยัยเปียมา” คุณหญิงเสียงดัง
“ไปตามยัยเปียมาเร็ว” อุทัยบอกกับนมแส
“ค่ะ”
นมแสมองเย็นกลัวๆ รีบผละไปอย่างรวดเร็ว เลอสรรมองน้อยเป็นห่วง
“ปล่อยน้อยได้มั้ยครับน้าเย็น”
“อดใจรอสักครู่เดียวค่ะ” เย็นเย้ยหัวเราะ
คุณหญิงมองเย็นกัดฟันกรอดๆอยากเข้าไปกระทืบเสียเหลือเกิน
วณีกอดเปียที่ร้องไห้แนบอก พร่ำบอก
“อย่าร้องไห้นะลูกนะ แม่เสียใจ แม่ขอโทษ...ต่อไปแม่จะไม่ยอมให้คุณพ่อทำอย่างนี้อีก”
“คุณแม่สัญญานะคะ ถ้าไม่สัญญา เปียจะฆ่าตัวตาย”
วณีกับรจนาร้องเสียงหลง
“อย่านะลูก อย่าค่ะคุณเปีย”
เปียร้องไห้คร่ำครวญ
“งั้นคุณแม่ต้องสัญญากับเปียก่อน นะคะคุณแม่ เปียทนไม่ได้จริงๆ ถ้าทุกคนทำเหมือนเปียไม่ใช่ลูก”
“จ้ะลูก แม่สัญญา แม่จะไม่ให้คุณพ่อหรือใครๆพาเปียไปตรวจดีเอ็นเออีก แม่สัญญา”
สองคนกอดกันร้องไห้ นมแสวิ่งหน้าตาตื่นเข้ามา
“คุณคะ...เย็นมาค่ะ”
วณีแว้ด อารมณ์เสียเก็บกด
“มาแล้วยังไง”
“เย็นบอกให้พาคุณหนูเปียลงไปค่ะ”
“พาลงไปทำไม” เปียกอดวณีแน่น ตัวสั่น กลัวไม่รู้เย็นมาทำไม
“เอ่อ...ดิฉันไม่ทราบค่ะ แต่เย็นโกรธมาก ที่คุณๆจะพาคุณหนูไปตรวจดีเอ็น
เอ เลยบอกให้พาคุณหนูเปียลงไป เย็นจะจัดการที่คุณๆสงสัยให้ค่ะ”
ดวงตาเปียหวาดหวั่น แต่แอบมีความหวัง เชื่อมั่นในเย็น แต่วณีโกรธ
“ก็แล้วทำไมฉันต้องฟังคำสั่งเย็น ในเมื่อลูกเปีย คือลูกฉัน” วณีกอดเปียแน่น
“แต่เปียว่า...ลงไปหาน้าเย็นเถอะค่ะ...เผื่อน้าเย็นจะมีวิธีทำให้คุณพ่อ คุณย่าเชื่อว่าเปียเป็นลูกคุณพ่อ คุณแม่จริงๆ” เปียพูดขึ้น
วณีฮึดฮัดโกรธ ไม่อยากลงไป รจนาแตะแขนวณี
“ลงไปเถอะค่ะคุณ...เผื่อเรื่องมันจะคลี่คลาย”
วณีจำต้องฮึดฮัดพาเปียลงไป
วณีพาเปียลงมาด้านหลังคือนมแสกับรจนา วณีเห็นเย็นยืนเอามือบีบคอน้อยอยู่ ท่าทางของเย็นเหมือนมีรัศมีบางอย่าง ที่ทำให้ทุกคนที่เห็นเกรง นั่งนิ่งพอเห็นเปียเดินมา เย็นก็จ้องมองวณีกับอุทัยและคุณหญิง
“สงสัยกันนักใช่มั้ย ว่ายัยเปียมันไม่ใช่ลูก แล้วอยากได้กันนักใช่มั้ย อยากได้นังน้อยเป็นลูกเป็นหลานน่ะ อยากได้ก็เอาไป”
เย็นเอาเท้าถีบน้อยออกไปเต็มแรง ร่างของน้อยทรุดลงกับพื้น หน้าคะมำต่อหน้าทุกคน น้อยร้องกรี๊ดเจ็บปวด เลอสรรตรงไปประคองท่ามกลางความตะลึงของทุกคน เย็นบอกกร้าว
“ส่วนยัยเปียมานี่”
เย็นฉวยมือเปียกระชากอย่างแรง ร่างของเปียเซถลามาอยู่กับเย็นแบบไม่ทันตั้งตัวติด ทุกคนตะลึงตกใจ โดยที่ทุกคนคาดไม่ถึง เย็นจิกหัวเปียตบอย่างแรงหลายที เปียร้องกรี๊ดๆตั้งตัวไม่ทัน อุทัยร้อง
“ทำอะไรของเธอน่ะเย็น...หยุด”
“ไม่หยุด”
เย็นจิกเปียจนหน้าหงายยั่วทุกคน
“ในเมื่อพวกคุณสงสัยว่ายัยเปียมันไม่ใช่ลูก ฉันก็จะเอาหลานฉันคืนมาไง และในเมื่อนังเปีย มันเป็นหลานของฉัน ฉันย่อมมีสิทธิ์ทำอะไรมันก็ได้ นังสารเลว ฉันจะกระทืบแกให้ตายลงตรงนี้เลยนังเปีย”
เย็นตบเปียอีกหลายฉาด จนเปียกองกับพื้น ก่อนที่เย็นจะยกเงื้อเท้ากระทืบ วณีร้องกรี๊ด
“อย่าทำอะไรลูกฉันนะเย็น”
เย็นมองวณี สุดจะหมั่นไส้
“ก็แล้วจะมาแคร์อะไร กับคนที่ไม่ใช่ลูกของคุณ”
เย็น เงื้อเท้าขึ้นสูงจะกระทืบเปีย อุทัยปราดเข้ามาผลักเย็นออกอย่างแรงจนเย็นล้มลง น้อยร้องกรี๊ด
“น้าเย็น”
วณีฉวยโอกาสดึงร่างของเปียออกไป กอดเอาไว้แน่นปกป้อง ขณะที่น้อยผลักเลอสรรออกวิ่งมาหาประคองเย็น เย็นผลักน้อยตวาด
“อย่ามายุ่งกับฉัน ไปอยู่กับคนที่เค้าอยากได้แกโน่น”
เย็นผลักน้อยออกอย่างแรงตะโกนออกแรงจะคว้าเปีย
“เอาหลานฉันมา”
เปียร้องกรี๊ดหลบหลังวณี วณีกอดเปียแน่นปกป้องเต็มที่ ทุกคนเฮโลมากันเปียออก
จากเย็น ยกเว้นเลอสรรที่จะดึงน้อยออก แต่น้อยไม่ไป เย็นยังจะพยายามลากเปียกลับมา ทุกคนห้าม
“อย่า”
คุณหญิงปราดเข้ามาจะตบเย็น
“แกกล้ามาทำหลานฉันเหรอนังเย็น”
“อย่าคุณแม่”
อุทัยกระชากมือคุณหญิงที่ตบเย็นไปแล้วกลับคืนมาแล้วกอดไว้ คุณหญิงดิ้น
“ปล่อยแม่ ตาอุทัย ปล่อยแม่ นังเย็นมันจะฆ่าหลานแม่ แม่จะฆ่ามัน”
“อย่าคุณแม่” อุทัยดึงคุณหญิงไว้อีก
“มาซี้...มาฆ่าฉันสิ ไม่งั้น ฉันก็จะฆ่านังเปีย” เย็นท้าคุณหญิง
น้อยตกใจผลักเลอสรรออกไปหาเย็น
“อย่าค่ะน้าเย็น อย่าทำเปีย”
เย็นผลักน้อยออกเต็มแรง จนน้อยล้มลงไปใหม่
“อย่ามายุ่งกับฉันนังน้อย”
เย็นตามมาผลักน้อยให้พวกอุทัย
“พวกเค้าอยากได้แกนัก แกก็ไปอยู่กับเค้าไป๊”
น้อยร้องไห้ ผวามากอดขาเย็นเอาไว้ ละล่ำละลักบอก
“ไม่...น้อยไม่ไปไหน น้อยจะอยู่กับน้าเย็น น้อยเป็นหลานน้าเย็น น้อยรักน้าเย็น”
“พวกคุณได้ยินแล้วใช่มั้ย นังน้อยมันเป็นหลานฉัน มันรักฉัน ส่วนนังเปีย ถ้าพวกคุณคลางแคลงใจนัก ก็เอามันมานี่ ฉันจะกระทืบนังสันดานเลวให้มันตายติดเท้าฉันเลย”
เย็นตรงมาจะกระชาก เปียกอดวณีแน่น
“คุณแม่...ช่วยเปียด้วย”
วณีกอดเปียแน่น แต่อีกมือผลักเย็นโมโหปกป้องเปีย
“อย่ามายุ่งกับลูกฉัน”
“อ้อ...ยอมรับแล้วใช่มั้ย ว่านังเปียมันเป็นลูก ดี…งั้นก็เลี้ยงลูกคุณไว้ให้ดี...เพราะวันไหน ที่พวกคุณเลี้ยงมันไม่ดี เห็นมันไม่ใช่ลูก ฉันจะมาเอามันคืน นังน้อยกลับ”
เย็นเดินกลับไป ไม่ต้องรอให้เย็นเรียกซ้ำ น้อยวิ่งตามเย็นไปทันทีด้วยความรักและภักดี ทุกคนสลด คุณหญิงโกรธมาก
“นังเย็น นังบ้า นังโรคจิต อยากรู้นักหัวใจมันทำด้วยอะไร”
คุณหญิงมองเปียที่หน้าบูดบวมแต่ไม่มีเลือดออกสุดสงสาร
“โถๆแม่คุณ น่าสงสารเหลือเกินเปียเอ๊ย ทูนหัวของย่า”
ทั้งคุณหญิงและวณีกอดเปียไว้แนบอก สงสารเปียมาก
เปียเดินโผเผเข้าไปในห้อง ร้องไห้ดราม่า วณีกอด
“อย่าร้องไห้นะลูก ต่อไปแม่จะไม่ให้เย็น ทำอะไรลูกแม่อย่างนี้อีกแล้ว”
เปียแอ๊บ
“อย่าโทษน้าเย็นเลยค่ะ เปียเข้าใจน้าเย็น เพราะถ้าเปียเป็นน้าเย็น เปียก็จะพาเปียกลับไปเหมือนกัน”
“เปีย” วณีเสียงแผ่ว ใจหาย
เปียผละจากอ้อมกอดของวณีเดินตรงไปเปิดตู้เสื้อผ้า หยิบกระเป๋าออกมา อุทัยเข้ามา
“เปียจะทำอะไรน่ะลูก”
เปียแอ๊บนางเอกเสียงเศร้า
“เพื่อความสบายใจของคุณพ่อ คุณแม่...เปียจะไปจากที่นี่เองค่ะ”
เปียเก็บเสื้อผ้าใส่กระเป๋า
“ไม่นะเปีย ไม่” วณีรีบเข้าไปดึงเสื้อผ้าออกจากมือเปีย “แม่จะไม่ให้เปียไปไหนทั้งนั้น แม่รักเปีย ได้ยินมั้ยแม่รักเปีย” วณีกอดแน่น ร้องไห้ใจจะขาด
“แต่ถ้าเปียอยู่ที่นี่...จะมีแต่คนร้อนใจ” เปียบีบน้ำตา แกล้งปรายตาเหน็บอุทัย “ทุกข์ใจ ทางที่ดี เปียควรเป็นฝ่ายไปค่ะ” เปียเก็บเสื้อผ้าต่อ
“ไม่นะเปีย ไม่...พี่อุทัย” วณีใจจะขาด
อุทัยรีบเดินเข้ามา จับเสื้อผ้าออกจากมือเปีย
“ไม่เอานะลูก อย่าทำอย่างนี้อีก หนูคือลูกของพ่อ พ่อรักหนูจ้ะ”
อุทัยกอดเปียเอาไว้ ถึงจะยังคลางแคลงสงสัย แต่สิ่งหนึ่งที่มีคือเวทนา เลอสรรมองภาพที่เปียร้องไห้อย่างหมดแรง มีอุทัย วณีกอดปลอบด้วยความรู้สึกที่สับสนสลดใจยิ่ง ก่อนจะเดินออกไป
คุณหญิงเดินออกจากตึก เลอสรรตามมา
“ย่าเข้าใจนะ ทำไมแม่วณีถึงไม่คิดพายัยเปียไปตรวจดีเอ็นเอ”
“ทำไมครับคุณย่า ในเมื่อการตรวจดีเอ็นเอ จะทำให้ทุกอย่างชัดเจนขึ้น”
“ลองคิดดูสิตาเลอ ถ้ามีใครคนหนึ่งรักเรามาก เราจะทำให้เค้าเสียใจได้มั้ย ในความรู้สึกของวณี ยัยเปียรักวณีมาก ในขณะเดียวกัน วณีก็ทั้งรักทั้งสงสารโหยหายัยเปีย อย่างว่าแม่ลูกที่พลัดพรากจากกันมาเกือบยี่สิบปี ไม่มีแม่คนไหน จะตัดใจปล่อยลูกไปได้หรอก ด้วยเหตุนี้...วณีจึงกลัว กลัวมาก ถ้าจะต้องเสียยัยเปียไป...”
น้ำเสียงของคุณหญิงมีแต่ความเวทนา เลอสรรสลด สะเทือนใจ
เย็นยืนนิ่ง ดวงตาเจ็บช้ำกับสิ่งที่ทำกับน้อย น้อยเดินมากอดเย็นทางด่านหลังร้องไห้
“น้าเย็น...น้าเย็นจะโกรธจะเกลียดน้อยยังไง น้อยไม่ว่า แต่น้าเย็นอย่าผลักไสน้อยไปให้คนอื่นได้มั้ยคะ กรุณาน้อยเถอะ น้อยรักน้าเย็น ต่อให้คนอื่นรวยล้นฟ้า มียศถาบรรดาศักดิ์ น้อยก็ไม่สนใจ น้อยเต็มใจที่จะอยู่ อยู่กับน้าเย็น...เพราะน้อยรักน้าเย็นค่ะ”
เย็นแกะมือน้อยออก ก่อนหันมาเผชิญหน้าน้อย น้ำตาคลอ
“น้าก็...” เย็นหลับตาลง ไม่พูดต่อ ได้แต่ตะโกนก้องในใจ “รักแกมากเหลือเกินน้อย น้ารักแกจริงๆ แต่น้าก็เจ็บปวดใจทุกครั้ง ที่เห็นหน้าพ่อแม่ของแก”
น้อยมองซื่อถาม
“น้าเย็นก็...อะไรคะ...น้าเย็น...จะบอก...ว่าน้าเย็นรักน้อยเหมือนกันใช่มั้ยคะ”
เย็นถอนหายใจหนักหน่วง ตัดใจบอก
“น้าก็จะบอกแกว่า น้าจะอยู่กับแกเพราะพ่อแม่ของแก มันฝากให้น้า เลี้ยงดูแก”
เย็นผละจากน้อยเดินเข้าห้องไปโดยที่ไม่บอกรักน้อยสักคำ น้อยยืนน้ำตาไหลร้องไห้เสียใจอยู่ตรงนั้น เย็นเปิดประตูเข้าห้องปิดห้องได้ก็ร้องไห้โฮเสียใจ
เลอสรรคิดถึงน้อยสงสารเห็นใจ เขานึกถึงภาพที่เย็นพยายามผลักไสน้อย แต่น้อยกอดขาเย็นเอาไว้ไม่ไป เลอสรรถอนหายใจ ท่าทางห่วงน้อยมากเดินออกมาจากบ้าน
น้อยยืนมองประตูห้องของเย็นที่ปิดสนิท เธอนึกถึงภาพที่เย็นไล่เธอให้ไปอยู่กับอุทัย น้อยร้องไห้นาทีนั้นรู้สึกเดียวดายอย่างเหลือเกินทุกข์ใจจนต้องเดินลงบันไดมา
พระจันทร์ยามกลางคืนที่ดูสวยงามท้องฟ้ากระจ่าง แตกต่างจากเลอสรรกับน้อยที่เดินมาคนละมุม หน้าตาเศร้าหมองด้วยกันทั้งคู่ เลอสรรเห็นร่างบอบบางของน้อยเดินร้องไห้มา หัวใจแทบสลาย รู้สึกเจ็บทุกข์แทน น้อยเห็นเลอสรรก็ได้แต่อึ้ง เลอสรรเดินตรงมาหาสวมกอดเอาไว้เบาๆ ปลอบประโลม น้อยตกใจลึกๆต้องการกำลังใจจากเขา
“คุณเลอสรร”
เลอสรรสุดจะสงสารเห็นใจ
“ที่ผ่านมาน้อยต้องอยู่ในสภาพนี้ มาตลอดเลยใช่มั้ย”
น้อยนิ่งไปนิดก่อนพยักหน้าแบบอัดอั้นใจจริงๆ
“ค่ะ...แต่น้อยไม่เป็นไร น้อยทนได้ แต่ที่น้อยทนไม่ได้ น้อยไม่อยากให้ใครว่าครอบครัวของเรา ไม่อยากให้มีใครมาว่าน้าเย็น”
เลอสรรมอง น้อยก้มหน้าพูดเหมือนระบาย และรู้สึกละอายใจ
“ตั้งแต่อยู่ที่ตาก คนแถวบ้าน ก็ว่าแต่บ้านของน้อย มีแต่เรื่องวุ่นวาย วันๆมี เรื่องกับคนเค้าไปทั่ว”
เลอสรรฉุกคิดเมื่อตอนที่เขาไปที่ตากมีคนบอกเขาเรื่องบ้านเย็นมีเรื่องกับเค้าไปทั่ว เลอสรรจ้องหน้าน้อย แต่น้อยไม่รู้ระบายต่อ
“เค้าว่าบ้านเรา เอะอะเสียงดัง น่ารำคาญ”
เลอสรร ฉุกคิดที่เพื่อนเขาบอกไม่อยากกลับบ้านเพราะหลังบ้านเอะอะเสียงดัง น่ารำคาญ เลอสรรมองหน้าน้อยที่ร้องไห้
“มีแต่คนรังเกียจ และแม้กระทั่งวันนี้...น้อยก็เห็นสายตาของคุณๆมองมาอย่างรังเกียจ”
เลอสรรรีบบอก
“ไม่นะน้อย ไม่มีใครรังเกียจน้อยเลย แต่...” เลอสรรหนักใจไม่กล้าพูด
“จะรังเกียจน้อย น้าเย็น...หรือเปียก็เหมือนกันค่ะ เพราะเราคือครอบครัวเดียวกัน ยังไงน้อยก็เห็นว่าเปียเป็นพี่ของน้อยอยู่เสมอ รู้มั้ยคะ ตั้งแต่มาอยู่ที่นี่ น้อยไม่มีความสุขเลย เพราะน้อยเห็น แต่ความทุกข์ทรมานใจของน้าเย็น” น้อยร้องไห้โฮออกมาอย่างสุดกลั้น
เลอสรรดึงตัวน้อยกอดปลอบขวัญ
“ร้องไห้ออกมาเถอะน้อย พี่จะไม่ทิ้งน้อยไปไหน พี่จะอยู่ข้างๆ คอยเช็ดน้ำตาให้กับน้อยเอง”
น้อยมองซึ้งใจ แพ้หัวใจตัวเอง
“ขอบคุณมากค่ะ พี่เลอสรร”
เลอสรรยิ้มตื้นตันดีใจ กอดน้อยแน่น
“พี่ดีใจมาก...รู้มั้ย...ที่น้อยให้พี่กลับมาเป็น พี่เลอสรรของน้อยเหมือนเดิม”
น้อยยิ้มทั้งน้ำตามองดูเลอสรรตื้นตัน
วันใหม่...คุณหญิงนั่งคุยกับเลอสรร แล้วก็ได้แต่เวทนาน้อย
“โถๆ น่าเวทนาแม่น้อยจริงๆ แต่ย่าก็ไม่รู้จะช่วยได้ยังไง ในเมื่อแม่น้อยยืนยันที่จะเป็นหลานนังเย็น”
“หรือว่า...” นมแสสายตากลัวเย็น
“อะไรครับนมแส” เลอสรรหันไปถาม
“นังเย็น ข่มขู่หนูน้อยน่ะสิคะ...”
เลอสรรถอนหายใจ
“ผมว่าน้าเย็นไม่ได้ขู่น้อยหรอกครับ แต่น้อยรักน้าเย็นด้วยหัวใจ”
“แล้วเปียล่ะ เปียรักนังเย็นด้วยหัวใจรึเปล่า” คุณหญิงสมเพชเย็น “มันก็เปล่า...”
เลอสรรกับนมแสนิ่ง จากท่าทางดูก็รู้เปียไม่รัก คุณหญิงรำพึงออกมาเบาๆ
“ย่าล่ะสงสัยจริงๆ นังเย็นมันเลี้ยงเด็กสองคนมาด้วยกันได้ยังไง ไม่มีอะไรเหมือนกันเลย แม้กระทั่งความรักที่มีให้มันก็ไม่เท่ากัน”
นมแสพูดเสียงแผ่วๆแบบกลัวเย็นอยู่
“แล้วอย่างนี้จะไม่ให้พวกเราสงสัยได้ยังไง ระหว่างหนูน้อยกับคุณหนูเปีย ใครกันแน่เป็นทายาทที่แท้จริงของอนุรักษ์ธานิน”
คุณหญิงถอนใจ
“มันก็จริง เพราะเลือดของอนุรักษ์ธานิน น่าจะเป็นเลือดที่ดี มีคุณสมบัติผู้ดี ไม่ใช่ เลือดไพร่ นิสัยชั่วถอดแบบมาจากนังเย็น”
คุณหญิงทำหน้าแหย เหมือนจะเผลอตัวว่าเปียที่ทุกคน อัดอั้น กลุ้มใจ ไม่รู้จะทำอย่างไร
เปียเดินเหวี่ยงลงมาจากบ้านตามประสา แต่ต้องชะงัก เมื่อลูกเต่า หลนของช้อย วิ่งทะเล่อทะล่ามาพอเห็นเปียลูกเต่าก็ร้องกรี๊ดๆแบบดีอกดีใจมาก
“กรี๊ด ซีเปีย อร๊าย” ลูกเต๋าถลาเข้ามา
“เฮ้ยๆ ก้อนอะไรดำๆเนี่ย” เปียตกใจทำท่ารังเกียจสุดๆ “ออกไป...เอาออกไป”
เปียเอาเท้าเขี่ยลูกเต่าอย่างแรง ล้มลงหัวคะมำกับพื้น แต่หัวเราะร่าไม่เจ็บ เงยหน้ามองเปีย ช้อยที่ถือกระเป๋าเดินทางของลูกเต่าวิ่งตามมา ตกใจ คว้าตัวลูกเต่าขึ้น
“อะไรของแกนังลูกเต่า” ช้อยบอกกับเปียหน้าตาตื่น “ขอโทษค่ะคุณหนู ขอโทษค่ะ”
“ต๊าย! นี่คนเหรอยะ” เปียทำท่าตกอกตกใจ
“ค่ะ นังลูกเต่า หลานดิฉันเอง ทุกๆปี ปิดเทอม มันจะมาอยู่ที่นี่” ช้อยหน้าเสีย
“หลาน” เปียหัวเราะในลำคอ “เฮอะๆๆ ลิงที่เขาดิน น่ารักกว่าหลานแกตั้งเยอะนะนังช้อย”
ช้อยหน้าแหย แต่ลูกเต่ากลับมองหน้าเปียหัวเราะร่า เปียโมโห
“แกมองหน้าฉันแล้วหัวเราะ แปลว่ายังไงลูกเต่า”
ลูกเต่าชี้เปีย ทำท่าดีใจสุดๆ
“ดีใจ เจอซีเปีย ไอดอลของหนู เจออยู่บ่อยๆในเพจแวนซ์บอย สก๊อยเกิร์ล”
“ต๊าย! ติ่ง...หน้าตามาจากบขส.อย่างนี้ ฉันไม่เอาหรอกย่ะ...บ้านน้อกบ้านนอก อย่ามาเป็นติ่งฉัน ฉันอาย” เปียทำท่าขยะแขยงสุดๆ
ลูกเต่ากรี๊ดชอบใจมาก
“ว้าย ซีเปียมายไอดอล ปากกับใจตรงกันเลยนะคะเนี่ย ปากก็หมา ใจก็หมา”
“กรี๊ด แอร้ย นังลูกเต้า”
“นังลูกเต่า” ช้อยตกใจ
“แรง ตรง ขวัญใจสก๊อย ถ่อยเถื่อน กรี๊ด” ลูกเต๋าชื่นชมมาก
“นังเด็กเปรตขาสั้น นังเตี้ย นังดำ นังหน้าไม่ได้ศัลยกรรม นัง...” เปียเนื้อตัวสั่น
“ไปได้แล้วนังลูกเต่า เร้ว!” ช้อยฉุดมือลูกเต่าวิ่ง
ช้อยพาลูกเต่าวิ่งหนีไป เปียตะโกน
“อย่าให้ฉันเจออีกนะนังลูกเต่า...ฉันจับแกมาทำต้มเปรตแน่ ฮึ๊ย!”
เปียอารมณ์เสียสุดๆ
ลูกเต่านั่งกินข้าวตามประสาเด็กเต็มบ้าง ไม่เต็มบ้าง เดี๋ยวก็ขาดก็เกิน ทุกคนมองลูกเต่า เวทนา จวนทำหน้าเจื่อนๆถาม
“แล้วไงเนี่ย...ไปด่าคุณหนูเปียขนาดนั้น นังลูกเต่ามันจะอยู่ที่นี่ได้ยังไง”
“นั่นสิ ด่าแต่ละคำ ปากหมา ใจหมา ขวัญใจสก๊อย ถ่อยเถื่อน ฮู้ย! บอกตรงๆ หวานสะใจ อุ๊บ!” หวานเอามือปิดปากตัวเองแทบไม่ทัน
ช้อยค้อนขวับ
“แต่ที่คุณหนูเปียด่านังลูกเต่า ฉันนับแต้มแทบไม่ทันเลยนะ”
“คุณหนูเปียถนัดด่าด้วยเรอะ นึกว่าคุณหนูเปียจะถนัดแต่นับแต้มผู้ชาย” เอิบแปลกใจ
ประวิทย์ที่เดินเข้ามาได้ยินพอดีหน้าเจื่อนขณะเดินกลับออกไป แต่ยังได้ยินเสียงหวานเมาท์ในครัว
“ยุคสมัยมันเปลี่ยนไปแล้ว...เดี๋ยวนี้ผู้ชายดีๆก็เป็นฝ่ายถูกทิ้งได้เหมือนกันน่ะ”
ประวิทย์เดินมาทรุดตัวลงนั่งพิงต้นไม้ในสวนหมดแรงน้ำตาคลอเมื่อนึกถึงความหลังที่เปียบอกรักเขา...ไม่มีประวิทย์ก็จะไม่มีจรรยา...ถ้าไม่มีจรรยาก็จะไม่มีประวิทย์...ประวิทย์นึกถึงตอนที่เปียตบน้อย ด่าที่แย่งเลอสรร ประวิทย์น้ำตาไหล อกหักเสียใจ
“ต่อไป ประวิทย์ จะไม่มีจรรยาอีกแล้วใช่มั้ยครับ คุณหนูเปีย”
ประวิทย์อกหัก เสียใจสุดๆ
เปียเดินมา เห็นรจนาแอบโทรศัพท์ เปียแอบฟัง
“รจมีเรื่องร้อนใจมากๆ เกี่ยวกับคุณเปีย”
อุทัยอยู่ที่ไซต์งานตกใจ
“ยัยเปียทำอะไรเหรอครับ”
“ไว้คืนนี้เจอกันนะคะ...รจจะเล่าให้คุณอุทัยฟัง”
“ได้ครับได้ แล้วเจอกัน”
“งั้นสักสองทุ่ม รจจะไปรอที่ร้าน...นะคะ” รจนาวางสายหน้าเครียด
เปียเบ้ปาก ดวงตาร้ายเจ้าเล่ห์
เปียนั่งทำท่าเหงา ดวงตาเศร้าสร้อยเหมือนคนทุกข์หนัก วณีเดินมาเห็นมองสงสารเดินมากอด
“เปียจ๋า...นี่ลูกยังไม่หายโกรธพ่อกับแม่เหรอจ้ะ”
“เปียเป็นลูก...และลูกที่ดี ยังไงก็ไม่ควรโกรธพ่อโกรธแม่ค่ะ” เปียแอ๊บหวาน
วณียิ้มตื้นตัน ประคองหน้ามอง
“แล้วทำไมเปียจ๋าของแม่หน้าเศร้านักล่ะจ้ะ”
“เปียกลุ้มใจค่ะ...”
“เรื่องพี่เลอเหรอลูก อย่ากลุ้มใจนะ...ยังไง แม่จะหาวิธีพูดกับพี่เลอ ให้พี่เลอแต่งงานกับหนูให้ได้”
“คุณแม่ขา...ตอนนี้เปียไม่ได้คิดถึงเรื่องของตัวเองแล้วล่ะค่ะ ที่เปียกลุ้ม เปียเป็นห่วงคุณแม่ต่างหาก” เปียดีใจแต่แอ๊บ
“ทำไมจ้ะลูก” วณีงุนงงตกใจ
“ก็เปียได้ยินคุณรจนาแอบนัดคุณพ่อไปเจอน่ะสิคะ”
“คงไม่มีอะไรมั้งลูก คุณพ่อกับคุณรจอาจจะนัดคุยกันเกี่ยวกับอาการของแม่ก็ได้”
“ก็แล้วทำไมไม่คุยที่บ้านค่ะ นี่ไปนัดเจอกันข้างนอกแถมยังกลางค่ำกลางคืนอีก คุณแม่ไว้ใจไม่ได้นะคะ...คืนนี้เราต้อง ตามไปดูค่ะ” เปียเสี้ยมแบบเนียนๆ
วณีกังวล เปียแอบยิ้ม
ค่ำนั้น อุทัยนั่งคุยกับรจนาในร้านอาหาร
“ลุงหมออยากให้พาคุณเปียไปหาน่ะค่ะ จะได้ตรวจเช็กร่างกายอย่างละเอียดเพราะอาการของเธอไม่ดีขึ้นเลย บางทีอาจจะต้องเปลี่ยนยา”
“ได้ครับ ผมจะหาวิธีพายัยเปียไปพบหมอวิธูให้ได้”
“ขอโทษนะคะที่ต้องนัดออกมาข้างนอก ดิฉันกลัว ถ้าพูดในบ้าน คุณเปียได้ยินจะเป็นเรื่องอีกน่ะค่ะ”
หน้าร้านเปียกับวณีแอบยืนมองอยู่ ไม่รู้ว่าอุทัยคุยอะไรกับรจนา แต่เห็นท่าทางทั้งสองดูใกล้ชิดกัน
วณีเดินตรงมายังรถที่จอดอยู่ข้างทาง เปียเสี้ยมต่อ
“คุณแม่เห็นท่าทางของคุณรจนามั้ยคะ เปียจะไม่อยากจะเมาท์เลย แต่ดูตะกี้ซิคะ เอียงซ้ายเอียงขวาเข้าใกล้คุณพ่อ หัวเราะคิกคัก ทำตัวยังกับเป็นเด็กไร้เดียงสา กำลังหลงรักผู้ชาย ที่สำคัญ จ้องหน้าจ้องตาคุณพ่อยังกับจะเขมือบ เปียว่าคุณแม่ส่งคุณรจนากลับไปเถอะค่ะ”
“เอ่อ...ไม่ได้หรอกลูก” วณีลำบากใจ
เปียยิ้ม เสี้ยม ขู่
“ถ้าไม่ได้ เปียว่าอีกหน่อย คุณรจนาได้เป็นแม่เลี้ยงของเปียแทนการเป็นพยาบาลประจำตัวคุณแม่แน่ๆเลยค่ะ”
วณีหน้าตาวิตกกังวล เปียจับมือวณีบีบเบาๆอ้อน
“นะค้าคุณแม่ ในบ้านก็มีน้าเย็นเป็นหนามแทงใจอยู่แล้ว คุณแม่อย่าเก็บคุณรจนาไว้เป็นหนามยอกอกอีกคนเลย ส่งคุณรจนากลับไปเถอะค่ะ”
อุทัยนั่งทำงานอยู่ในห้องทำงานที่บ้านหน้าเครียดอยู่หน้าคอม วณีเดินมาหาพยายามเลียบๆเคียงๆ
“งานที่ไซต์ยังยุ่งอยู่หรือคะ พี่อุทัยกลับดึกทุกวันเลย”
อุทัยทำงานเพลิน หน้าเครียด ไม่ได้ยิน วณีถามอีกพี่อุทัยคะ...วันนี้งานยุ่งเหรอคะ ถึงเพิ่งกลับ”
อุทัยเพิ่งได้ยิน
“จ้ะๆ ยุ่งมากจ้ะ”
อุทัยทำงานต่อ วณีครุ่นคิดในใจ
“พี่อุทัยโกหกเรา...”
วณีเดินหน้าเศร้า น้ำตาคลอออกนอกบ้านไป เปียแอบมองยิ้มสะใจตามไปลิงโลด...เลอสรรเดินเข้ามาจะเข้าบ้าน เจอวณีกำลังจะเดินออกไปที่สวน เลอสรรทัก
“คุณน้าไม่สบายใจเรื่องน้องเปียอีกเหรอครับ”
“เอ่อ...จ้ะ”
เปียที่ตามมาซ่อนตัวฟังอยู่ เบ้ปากรำพึงในใจ
“นังคุณนายวณี ตอแหลอย่างที่น้าเย็นบอกจริงๆด้วย กลุ้มใจเรื่องผัวยังมาโบ๊ยใส่เราอีก”
เลอสรรปลอบวณี
“คุณน้าอย่าคิดมากนะครับ...เราทุกคนกำลังหาทางช่วยน้องเปียอยู่”
“แต่น้าว่า...เลอคนเดียวเท่านั้นที่ช่วยได้”
“คุณน้าจะให้ผมช่วยอะไรครับ”
วณีลำบากใจ แต่ก็เห็นแก่เปีย
“แต่งงานกับลูกเปียได้มั้ย”
เปียยิ้มดีใจ กระดี๊กระด๊าแต่เลอสรรตกใจมาก
“คุณน้า”
“น้องต้องการคนดูแล คนห่วงใย เอาใจใส่...และน้องก็ต้องการเลอเพียงคนเดียวเท่านั้น นะจ้ะเลอ...ช่วยน้าเถอะนะ แต่งงานกับลูกเปีย” วณีอ้อนวอน
“ผม...ผม...” เลอสรรอ้ำอึ้ง
เปียตาวาว ลุ้นมาก วณีถามเลอสรร เหมือนถามแทนเปีย
“ทำไมจ้ะ เลอไม่ได้รักลูกเปียหรือว่าเลอ มีคนอื่นอยู่แล้ว”
“ครับ...ผมไม่ได้รักน้องเปียอย่างนั้น และผมก็มีคนที่ผมรักอยู่แล้ว”
เปียหน้าซีดเจ็บปวดใจ วณีถามเลอสรร
“เลอรักใครจ้ะ...น้ารู้จักรึเปล่า”
“รู้ครับ”
“ใครจ้ะ”
“น้อยครับ...ผมรักน้อยครับน้าวณี”
วณีคาดไม่ถึง แต่ดวงตายิ้มก่อนแปรเปลี่ยนเป็นเศร้าสงสารเปีย เปีย แม้จะรู้อยู่แล้วแต่ก็ขัดใจ โกรธอย่างที่สุด กระทืบเท้าออกไป ขัดใจมาก
น้อยนั่งอ่านหนังสือ นึกถึงตอนที่เลอสรรอยู่เคียงข้างเธอ น้อยยิ้มน้อยๆ ดวงตาตื้นตัน มีความสุข แต่ดวงหน้าของน้อยต้องเจื่อนลง เมื่อนึกถึงคำพูดของเย็นว่าเลอสรรเป็นของเปีย น้ำตาของน้อยเอ่อคลอออกมาเสียใจ...เปียเดินไปแอบมอง ดวงตาที่มองน้อยเต็มไปด้วยไฟริษยา เปีย
เหยียดริมฝีปากออก ตาวาว ขณะกระชากกิ่งไม้อย่างแรงจนหักติดมือมา คำรามในใจก้อง
“คนที่จะเป็นเจ้าสาวของพี่เลอสรร ต้องเป็นฉันคนเดียวเท่านั้น ไม่ใช่แก นังน้อย”
อ่านต่อตอนที่ 10