xs
xsm
sm
md
lg

คมพยาบาท ตอนที่ 8

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


คมพยาบาท ตอนที่ 8

เลอสรรขับรถเข้ามาจอดในบ้านด้วยท่าทางโมโห เขาลงจากรถมา เปียตามมาโวยวาย

“อะไรกันคะพี่เลอ กลับบ้านทำไม เปียยังไม่หายสนุกเลย”
“แต่พี่หมดสนุก น้อยก็หมดสนุก เพราะเปีย” เลอสรรดุ
เปียหันไปดุน้อย ไม่กล้าดุเลอสรร
“เธอหมดสนุกเหรอน้อย”
“ไม่ใช่แค่หมดสนุกนะเปีย น้อยไม่เข้าใจ เปียทำอย่างนั้นทำไม เห็นรึเปล่าว่ารถชนกัน คนอื่นเค้าเดือดร้อนน่ะ”
“แล้วไง ฉันผิดตรงไหน อยากมองฉันเองช่วยไม่ได้ เปียไม่ผิดนะคะพี่เลอ”
“พี่ปวดหัว ไว้เราค่อยคุยกัน ไปน้อย พี่ไปส่ง”
“ส่งทำไมคะ บ้านก็อยู่แค่นี้เอง ส่งทำไม” เปียแว้ดทันที
“น้อยกลับเองได้ค่ะ”
น้อยรีบเดินออกไป เลอสรรคว้ามือถือขึ้นมา เปียถาม
“จะโทร ไปง้อน้อยเหรอคะ”
“โทรหาพ่อของเปีย”
เลอสรรเดินหนี แบบรำคาญ เปียเหวอไป

อุทัยที่ไปดูงานไซต์งาน คุยโทรศัพท์ตกใจ
“อะไรนะ ยัยเปียไปทำพิเรนทร์กลางสี่แยก”
“อย่างที่ผมเล่าให้น้าอุทัยฟังนั่นแหละครับ”
“อาจะรีบกลับ เลอดูน้องให้อาด้วย” อุทัยกลุ้มใจ
“ครับคุณอา”
อุทัยสายตามีแต่ความหนักใจ กลุ้มใจมาก

ค่ำนั้น เย็นหัวเราะเยาะสะใจ
“สมน้ำหน้า”
น้อยงง ไม่เข้าใจ
“ น้าเย็น สมน้ำหน้าเปียทำไมคะ”
“ฉันไม่ได้สมน้ำหน้านังเปีย”
“แล้วน้าเย็นสมน้ำหน้าใครคะ” น้อยยิ่งงงไปใหญ่
“พ่อแม่มันน่ะสิ ลูกสาวสุดที่รักบ้าบอขึ้นทุกวัน”
“น่าสงสารท่านจังเลยนะคะ คุณอุทัยกับคุณวณีคงทุกข์ใจมาก”
“ไปเอาอะไรกับน้ำตาจระเข้ มันก็เสแสร้งแกล้งทำ สร้างภาพไปอย่างนั้นล่ะดีไม่ดี มันอาจจะไม่ได้รักยัยเปียเลยก็ได้”
“ทำไม จะไม่รักล่ะคะ ในเมื่อเปียเป็นลูกท่าน”
“นั่นเป็นเรื่องที่เราต้องรอดูกันต่อไป แต่สักวันหนึ่ง ฉันนี่ล่ะจะถลกหนังจระเข้เอามาทำรองเท้า” เย็นหัวเราะสะใจ
น้อยมองเย็น สลดใจ กลัวเพราะคิดว่าเย็นฆ่าแมว น้อยสั่น ถอยห่าง เย็นหันมาเห็น
“แกกลัวฉันเหรอยัยน้อยหรือนังเปียมันเสี้ยม จนแกคิดว่า ฉันฆ่านังฝ้าย”
น้อยอึกอัก หน้าซีด ไม่กล้าตอบ

ท่ามกลางความมืดในห้อง มีเพียงแสงเทียนโรแมนติก เปียนอนแช่ตัวอยู่ในอ่างซ่อนตัวอยู่ใต้ฟองสบู่ ท่าทางสบายใจ แต่ดวงหน้าเปียเคร่งเครียดดวงตาเต็มไปด้วยความสะใจ ยิ่งอยู่ในแสงสลัว
“ไม่ว่าฉันจะทำอะไร ฉันต้องเด่นกว่าแกนังน้อย”
เปียกระชากเทียนที่ตั้งอยู่ในเชิงเทียน วางอยู่ใกล้อ่างขึ้นมามอง ยิ้ม รำพึงในใจ
“ส่วนแก...นังนมแส อีกสักครู่ แกจะได้เจอดี”
เปียเป่าเทียนหัวเราะสะใจ

นมแสอาบน้ำแต่งตัวเสร็จ รู้สึกปวดหัว เดินมาหยิบยาแก้ไข้จากล่วมยา ออกมาก่อนจะเดินมาเทน้ำในเหยือกออกมาหนึ่งแก้ว กินยาตามด้วยน้ำ
“ทำไมมันขมอย่างนี้”
นมแสทำหน้าพิกล ขณะรินน้ำใส่แก้ว คราวนี้ ดื่มเหมือนชิม
“น้ำรสชาติแปลกๆ”
นมแสหยิบเหยือกน้ำไปเททิ้งที่หน้าต่าง เดินกลับเข้าไปในห้อง ล้างเหยือกคว่ำไป ก่อนจะปิดไฟ เดินไปยังห้องนอน ล้มลงบนเตียง ก่อนจะหลับด้วยความง่วงงุน ผิดปกติ ด้านนอก ท่ามกลางความมืด เปียแต่งตัวด้วยชุดสีดำกลืนกับความมืดเดินมาที่บ้านนมแส เปียมองผ่านช่องหน้าต่างที่เปิดอยู่เห็นด้านใน มืด เปียเดินเข้าไปใกล้ เท้าเหยียบพื้นดินเปียกแฉะ เปียทำหน้าจิ๊จ๊ะไม่พอใจก่อนจะเดินเข้าไปใกล้ตัวบ้าน จุดเทียน เผาจนเทียนละลายเหมือนเป็นเชื้อไฟ และจุดไฟอีกครั้ง คราวนี้ไฟลามเลียน้ำตาเทียนและลามตัวบ้านรวดเร็ว เปียยิ้มเยาะเดินออกไป รวดเร็ว

น้อยตั้งสำรับกับข้าว เรียกเย็น
“น้าเย็นคะ...น้าเย็น กินข้าวค่ะ...”
เงียบ ไม่มีเสียงตอบ น้อยเดินไปดูเย็นที่ห้อง ไม่เห็น
“น้าเย็นไปไหนเนี่ย”
น้อยไม่ได้สงสัยอะไรมาก จัดสำรับเป็นปกติ

ในครัวทุกคนเตรียมสำรับกินข้าว ท่าทางประวิทย์อารมณ์ดีกว่าทุกวัน จวนถามอย่างแปลกใจ
“เอ้า นมแสยังไม่มาอีก ประวิทย์ไปตามนมแสมากินข้าวหน่อยไป”
“ครับน้าจวน”
ประวิทย์จะลุกไป หวานขัดขึ้น
“ไม่ต้อง...ฉันเจอแกเมื่อช่วงหัวค่ำ แกบอกปวดหัว สงสัยจะเป็นไข้ บอกจะเข้านอนเร็วหน่อย”
“อ้าว แล้วมีหยูกยากินรึยังล่ะ” จวนเป็นห่วง
ช้อยหันมาบอก
“มีแล้ว ฉันเอาให้แกเอง ป่านนี้หลับแล้วมั้ง ยาตัวนี้มันแรง กินแล้วง่วง”
“ก็ดี นอนเยอะๆจะได้หายเร็วๆ”
“มาๆงั้นพวกเรากินข้าวกัน” หวานตัดบท
เอิบมองประวิทย์ยิ้มๆ
“แล้ววันนี้ประวิทย์มันจะกินข้าวลงเหรอเนี่ย”
จวนหันไปถามประวิทย์
“เป็นไร เป็นไข้อีกคนเหรอ”
“เปล่าครับน้าจวน”
จวนค้อนเอิบ
“ประวิทย์มันก็สบายดี แล้วมันจะกินข้าวไม่ลงได้ยังไง”
“ก็อิ่มอกอิ่มใจน่ะสิ ฉันเห็นตั้งแต่มันกลับมา มันเอาแต่ยิ้ม” เอิบยิ้มๆ
ทุกคนหันไปมองประวิทย์ที่เขินทำหน้าไม่ถูก หวานมองหน้า
“แกดีกับคุณหนูเปียแล้วเหรอ”
“ประวิทย์มันจะดีกับคุณหนูเปียทำไม ในเมื่อมันไม่ได้โกรธคุณหนู ใช่มั้ยประวิทย์” ช้อยถามอย่างสงสัย
“ครับ”
จวนมองประวิทย์
“งั้นที่ยิ้มแปลว่า...”
เอิบยิ้มแย้มถาม
“คุณหนูเปีย กลับมาหาแก ใช่มั้ยประวิทย์”
ประวิทย์อมยิ้มเขินอายไม่ตอบ ทุกคนหัวเราะคิกคัก ยกเว้นจวน หน้าตึง ครุ่นคิดในใจ
“จะทำอะไรอีกเนี่ยคุณหนู” จวนได้แต่กังวล

ท่ามกลางความมืด เปียเดินร่าเริงมาในสวน คำรามเบาๆ
“แกตายในกองไฟแน่ นมแส”
เปียจะเดินไป แต่ต้องชะงักเมื่อเจอเย็นมาขวางหน้า เปียตกใจ
“น้าเย็น”
เย็นหัวเราะ
“เราสองคนนี่ดวงสมพงษ์กันจังเลยนะ น้ากำลังจะไปหา คุณหนูเปียก็เดินมา ให้น้าเจอพอดี”
“น้าเย็นมีอะไร”
เย็นชูเชือกแดงในมือขึ้น เปียสะดุ้ง ดวงตาหวาดระแวง เย็นยิ้ม
“ถึงกับสะดุ้งเลยหรือคะคุณหนู”
“จะตกใจทำไม เชือกเส้นนี้ มันเป็นของน้าเย็น”
“ใช่...เชือกเส้นนี้เป็นของฉัน แต่เชือกที่ฆ่ารัดคอนังฝ้ายเป็นของแก”
เปียมองสั่น
“เปล่านะ เปียไม่ได้ฆ่านังฝ้าย”
เปียรีบเดินหนี เย็นกระชากผมดึงอย่างแรง
“ตอแหล”
เย็นกระชากร่างเปียจนมาชิด ดวงตาของเปียที่มองเย็นหวาดหวั่น
“นอกจากแกจะตอแหลแล้ว แกยังเลวอีก...”
เย็นตวัดเชือกในมือรัดคอเปีย เปียดิ้น ดิ้นไถลเลื่อนตัวออก เย็นกระชากขาเปีย
ครูดกับพื้นดิน ด่า
“ไม่ต้องดิ้น ยังไงแกก็หลานฉัน ฉันไม่ฆ่าแกตายหรอก แค่อยากจะสั่งสอนแกเท่านั้น นังสารเลว”
เย็นผลักเปีย ตบผลัวะอย่างแรง จนเปียล้มลง รองเท้าหลุด เย็นตามไปบีบคอเปีย
“แกบอกพ่อแม่แกใช่มั้ย ว่าเชือกแดงเป็นของฉัน แกตั้งใจให้ทุกคน เข้าใจผิดว่าฉันฆ่านังฝ้ายใช่มั้ย”
เปียได้แต่เนื้อตัวสั่น ตาเหลือกลาน มองเปียกลัวๆ
“เปล่าค่ะ เปล่า”
“แกหลอกคนอื่นได้ แต่แกหลอกฉันไม่ได้ มิน่า ยัยน้อยมันถึงได้กลัวฉัน” เย็นขย้ำหัวเปีย “ แกรู้ไว้ คนอื่นฉันไม่แคร์ แต่คนที่ฉันแคร์คือยัยน้อย”
“ไปแคร์มันทำไม แคร์เปียสิ เปียคือหลานน้าเย็นนะ”
“ก็เพราะแกเป็นหลานฉันน่ะสิ ฉันถึงได้ปรานีแกอยู่ ไม่อย่างนั้น ฉันเอาขี้เถ้ายัดปากแกไปตั้งแต่พ่อแม่แกตายแล้ว นังสารเลว”
เย็นจิกผมจนหน้าหงาย เปียตะคอก
“นี่แปลว่า น้าเย็น รักยัยน้อยมากกว่าเปียเหรอ”
“ฉันรักยัยน้อย เพราะฉันเลี้ยงมันมา มันดีกับฉัน มันรักฉัน แต่แก แว้งกัดฉันได้ตลอด นังงูพิษ”
เย็นตบผลัวะ
“เลว...เลวเหมือนพ่อแม่แกไม่มีที่สิ้นสุด”
“เอะอะก็เลว เอะอะก็ชั่ว ใช่ซี้ เปียมันลูกโจร ไม่ใช่ลูกผู้ดี ลูกคุณอุทัยสุดที่รักของน้าเย็น อย่างนังน้อยนี่”
เย็นตบผลัวะเข้าที่ปากเปียอย่างแรงด้วยความโมโห
“แกกล้าย้อนฉันเหรอนังเปีย”
เปียเสียงแผ่ว กลัว
“เปียไม่ได้ย้อน เปียพูดความจริง น้าเย็นทำเหมือนไม่รักเปีย รักแต่น้อย เปียเกลียดน้าเย็น”
เปียผลักเย็นออกอย่างแรง ใส่รองเท้าวิ่งหนีไป เย็นตกใจ
“นังเปีย เปีย”

เปียไม่หยุด เย็นเสียใจ กังวลใจไม่น้อยกับคำพูดของเปีย

เปียวิ่งร้องไห้เข้าไปในบ้าน วณีเดินมา เห็นแต่ด้านหลังเปีย ไม่เห็นว่าเปียร้องไห้เห็นแต่วิ่งเร็วๆ ขึ้นบ้าน

“เปีย...เปีย”
วณีมองเปีย ท่าทางของเปียแปลกๆ ขยับจะตามขึ้นบ้าน แต่ต้องชะงักเมื่อเห็น
เห็นรอยเท้าของเปียเปื้อนดินเป็นรอย วณีสงสัย
“เปียไปไหนมา”
วณีจะตามขึ้นไปแต่ต้องสะดุ้งเมื่อเสียงทุกคนตะโกนลั่น ไฟไหม้ๆ
“ไปไหม้”
วณีหน้าซีดเผือดตกใจ รีบวิ่งออกมา

เลอสรรอยู่ในห้องได้ยินเสียงคนตะโกน ไฟไหม้ๆ เย็นอยู่ในสนามมองไป เห็นไฟลุกไหม้มาจากบ้านนมแส เย็นตะลึงตกใจ น้อย ได้ยิน ตกใจ คุณหญิงอนุรักษ์วิ่งลงมาหน้าตาตื่น
“อะไรๆๆ ไฟไหม้ที่ไหน”
“บ้านนมแสค่ะ” จวนบอก
คุณหญิงหันไปมอง เห็นฟ้าเหนือบ้านนมแสเป็นสีแดงเพลิงตัดกับท้องฟ้ายามค่ำคืนน่ากลัว ทุกคนต่างวิ่งไป เปียยืนที่หน้าต่าง มองไปยังบ้านนมแส ยิ้มเยาะสะใจ พูดจังหวะไก่ย่างถูกเผา
“นมแสถูกเผา นมแสถูกเผา แล้วจะถูกไม้เสียบ เสียบตูดซ้าย เสียบตูดขวา”
เปียหัวเราะสะใจ ขณะเดินออกนอกห้อง ใจเย็นมาก

ไฟกำลังลุกไหม้ และลามเลียไปรวดเร็ว นมแสกำลังหลับสนิทด้วยฤทธิ์ยานอนหลับและยาแก้ไข้ ทุกคนวิ่งมา รวมทั้งน้อย คนงานและน้อยถือถังน้ำ ช่วยกันมาดับไฟ เลอสรรวิ่งมา บอกวณี
“แจ้งรถดับเพลิงเร็วครับน้าวณี”
“จ้ะๆ”
วณีวิ่งออกไป เลอสรรวิ่งเข้าไปช่วยดับไฟทันที คุณหญิงตะลึงตกใจ
“มันไหม้ได้ยังไงเนี่ย” คุณหญิงนึกได้ตะโกนเรียก “นมแส...นมแสอยู่ข้างในรึเปล่า นมแส”
ไฟเริ่มไหม้มุ้งของนมแส ใกล้ถึงตัวเข้าไปทุกที ท่ามกลางความชุลมุน เลอสรรจะวิ่งเข้าไป น้อยวิ่งออกมาจะมาเอาน้ำเกิดลื่นล้มลง
“โอ๊ย”
น้อยล้มลง หน้าเหยเกเจ็บปวดมาก เศษไม้ที่ไหม้บนหลังคา กำลังจะร่วงลง คุณหญิงตะโกน
“น้อย...ระวัง”
น้อยหันมามองคุณหญิง เลอสรรมอง เห็นไม้ที่ไหม้ใกล้ร่วงลงมาทุกที
“น้อย”
พูดจบเลอสรรก็กระโจนเข้ามาดึงร่างของน้อยออกมา เศษไม้สีแดงเพลิงหล่นลงมาข้างตัวน้อยแบบฉิวเฉียด น้อยตกใจร้องไห้โฮ เลอสรรกอดน้อยเอาไว้ปกป้อง
“พี่อยู่นี่ ไม่ต้องกลัวนะน้อย ไม่ต้องกลัว”
เลอสรรจะพาน้อยออกมา แต่น้อยขาเจ็บมาก เดินไม่ไหวร้องโอ๊ย
“น้อยขาเจ็บ” เลอสรรถาม
น้อยไม่ทันได้ตอบ เลอสรรก็อุ้มน้อยขึ้นมา เปียที่แอบมองอยู่อีกมุมด้านนอก หน้าซีดเผือดกัดฟันกรอด
“นังน้อย”
เปียได้แต่กำมือแน่น เลอสรร อุ้มน้อยที่หน้าตาเหยเกออกมา คุณหญิงถามทันทีด้วยเป็นห่วง
“ยัยน้อย เจ็บตรงไหนบ้างลูก”
น้อยรีบปฏิเสธ
“น้อยไม่เป็นไรค่ะ”
น้อยจะดิ้นลง เลอสรรกอดเอาไว้แน่น ไม่ให้ดิ้น
“ข้อเท้า คงจะพลิกนะครับคุณย่า เดินไม่ได้”
“ฝากน้องด้วยนะเลอ”
“ครับ”
น้อยยื้อไว้
“น้อยไม่เป็นไร ไปช่วยนมแสก่อนเถอะค่ะ”
“ไม่ต้องห่วงทางนี้ มีกันหลายคน พายัยน้อยออกไปก่อนตาเลอ ยิ่งเดินไม่ได้แบบนี้ อันตราย”
“ครับคุณย่า”
เลอสรรอุ้มน้อยพาออกไป เปียได้แต่กัดริมฝีปากแน่น อิจฉา ริษยาแต่ทำอะไรไม่ได้ ได้แต่เดินออกไปอีกทาง

เปียได้แต่เดินกระทืบเท้าเข้ามาในสวน หักกิ่งไม้ กระชากโกรธ
“ฉันเกลียดนังน้อย ฉันเกลียดแก”
เสียงเท้าคนจะเดินมา เปียหลบ เห็นเลอสรรอุ้มน้อยผ่านไป เลอสรรและน้อยไม่เห็นเปีย เปียมองด้วยริษยาตามไป

จวนวิ่งเข้าไปด้านใน เห็นนมแสนอนหลับ จวนตะโกน
“นมแสๆ”
จวนเข้าไปเขย่า นมแสไม่ตื่น จวนร้องตะโกน
“นมแสอยู่นี่ ช่วยด้วย”
ประวิทย์และเอิบวิ่งเข้าไป ประวิทย์และเอิบช่วยกันพยุงพานมแสออกมาที่ด้านนอก คุณหญิงยืนรออยู่
“นมแสๆ.”
นมแสเงียบ คุณหญิงเอะใจ
“นมแสเป็นอะไร”
จวนส่ายหน้า
“ไม่ทราบค่ะ ปลุกยังไงก็ไม่ตื่น”
“พาออกไปก่อนเร็ว”
ประวิทย์และเอิบพานมแสออกไป ที่เหลือไปช่วยกันดับไฟ คุณหญิงยืนมองบ้านนมแส ใจหายใจคว่ำ เย็นมองอีกมุม มองเหตุการณ์ระทึกขวัญตกใจ

เลอสรรอุ้มน้อยจะพาไปบ้าน น้อยร้องบอก
“ปล่อยน้อยเถอะค่ะ น้อยเดินเองได้”
“จะเดินได้ยังไง น้อยขาเจ็บ”
“น้อยเดินได้จริงๆค่ะ...”
“งั้นก็ลองดู”
เลอสรรปล่อย น้อยทำท่าจะเดินแต่เท้าเจ็บ ทรุดฮวบลง ร้องโอ๊ย เลอสรรรีบคว้าตัวน้อยกอดเอาไว้ ยิ้ม
“บอกแล้วไงว่าน้อยยังเดินไม่ได้ เดี๋ยวพี่ไปส่ง”

พูดแค่นั้น เลอสรรก็อุ้มน้อยพาเดินไปยังบ้าน เปียอึ้ง น้ำตาไหล นาทีนั้นไม่ได้อิจฉาริษยา แต่เจ็บ...เจ็บที่เห็นเลอสรร ดูห่วงน้อยจริงๆ เปียร้องไห้โฮ

อุทัยอยู่ที่ไซต์งานคอนโดคุยกับวณีด้วยท่าทางตกใจ

“แล้วตอนนี้เป็นยังไงบ้าง”
“วณีโทรแจ้งรถดับเพลิงแล้วค่ะ เลยโทรมาบอกพี่อุทัย”
อุทัยหงุดหงิดร้อนใจ
“พี่ก็ว่าจะกลับตั้งแต่ตาเลอโทรมาบอกเรื่องยัยเปียแล้ว แต่ไซต์งานมีปัญหาเลยยังกลับไม่ได้”
“ตาเลอ โทรฯบอกเรื่องลูกเปีย ทำไมคะ” วณีงง
อุทัยหนักใจ
“ไว้พี่กลับบ้านค่อยคุยกัน” อุทัยวางสาย
วณีได้แต่กำมือถือแน่น ว้าวุ่นใจ พึมพำ
“ลูกเปียก่อเรื่องวุ่นวายอะไรอีก”
เปียวิ่งร้องไห้ขึ้นไปด้านบน จังหวะที่วณีหันไปมอง เห็นเพียงด้านหลังแว่บๆเท่านั้น วณีมองตามเปียว้าวุ่นใจ มีแต่เรื่องวุ่นวาย

เปียวิ่งร้องไห้เสียใจ พอเข้าห้องได้ก็ปิดประตูอย่างแรง เจ็บปวดเสียใจที่เห็นเลอสรรอุ้มน้อย เปียร้องไห้โฮ ก่อนที่ดวงตาจะเบิกกว้างแปรเปลี่ยนเป็นความอิจฉาริษยา อาละวาดขว้างปาข้าวของในห้องเละเทะไปหมด ก่อนที่จะเดินออกไปนอกห้องรวดเร็ว

เปียเดินหน้าบึ้งมาหยุดยืนที่หน้าห้องของเลอสรร ดวงตาเจ็บปวดโกรธ ก่อนที่จะกระชากประตูห้องให้เปิดและเดินเข้าไป ท่ามกลางความมืด มีเพียงแสงไฟที่ส่องมาทางประตู ร่างของเปียเป็นเงาตะคุ่มน่ากลัวเดินตรงไปที่โต๊ะทำงานเห็นรูปภาพของน้อยที่วางตั้งอยู่ เปียมองจ้อง จงเกลียดจงชังราวกับเป็นหน้าของน้อย ก่อนที่จะคว้าคัตเตอร์ที่วางในกล่องดินสอปากกาขึ้นมา ค่อยๆกดให้ใบมีดออกมาช้าๆ คมคัตเตอร์เป็นประกายวาววับ เปียมองคมคัตเตอร์ สลับกับมองดูรูปน้อย ก่อนกรีดมีดลงไปที่กรอบรูปของน้อย แรงกดจากคมคัตเตอร์ค่อยๆกรีดกรอบกระจกจนเป็นรอยร้าวดังเปี๊ยะ เปียออกแรงกดลงไปอีก จนกรอบกระจกแตก คมมีดสัมผัสกับรูปภาพของน้อย เปียยิ้มเหี้ยมสะใจก่อนจะลงน้ำหนักกรีดแรงลงไปอีกทวีความรุนแรง กรีดๆรูปของน้อยอย่างสะใจ รูปของน้อยแหลกยับเยินกระจกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย เปียเหวี่ยงกรอบรูปลงไปทางหน้าต่างลงด้านล่าง แล้วยิ้มเหยียดสะใจ... กรอบรูปของน้อยกระแทกพื้น เศษกระจกแตกละเอียด

เลอสรรอุ้มน้อยเดินขึ้นบ้านแล้ววางลงบนเก้าอี้ เย็นเดินกลับมาบ้าน ชะงักไปที่เห็นเลอสรรอุ้มน้อย เย็นสาวเท้า อ้าปากทำท่าจะด่า แต่ต้องหยุดอากัปกริยาทุกอย่าง เมื่อเห็นน้อยกระเถิบตัวห่างออกจากเลอสรรพลางยกมือไหว้นอบน้อมบอกด้วยสีหน้ากังวล
“ขอบพระคุณมากค่ะที่ช่วย คุณเลอสรรรีบกลับไปช่วยเขาดับไฟเถอะค่ะ”
เลอสรรไม่ได้ตามเข้าไปใกล้น้อย แต่ถามห่วงใย
“น้อยไม่ไปหาหมอแน่นะ”
“ค่ะ...”
เลอสรรกับน้อยสบตากัน เย็นมอง สายตาของเลอสรรที่มองน้อยดูอบอุ่น จริงจังมั่นคง ขณะที่น้อยก็มองเลอสรรด้วยสายตาที่ใสซื่อบริสุทธิ์ เลอสรรบอกสุภาพแต่อาทร
“งั้นพี่ไปก่อนนะ ดูแลตัวเองนะน้อย”
“ค่ะ”
เลอสรรหมุนตัวเดินลงมา ไม่มีอาการพิรี้พิไรเจ้าชู้ เย็นมองตามด้วยสายตาที่โปร่งโล่งสบายขึ้น รู้สึกถึงความปลอดภัยของน้อย ก่อนที่เย็นจะเดินขึ้นบ้านทำไม่รู้ไม่เห็น

เลอสรรสาวเท้าเร็วๆตรงไปยังบ้านนมแส เจอคุณหญิงวิ่งกระหืดกระหอบมาพอดี เลอสรรถามเป็นห่วง
“เป็นยังไงบ้างครับคุณย่า”
“ไฟดับแล้ว แต่นมแสน่ะสิ นอนแน่นิ่งไม่ได้สติ หรือจะช็อกก็ไม่รู้ ย่าเลยให้คนพาไปส่งโรงพยาบาล นี่ก็กะจะไปหาแม่น้อย ว่าเป็นยังไงบ้าง ถ้าเจ็บหนักจะได้พาไปโรงพยาบาลพร้อมกัน”
“น้อยขาพลิกน่ะครับ เดินยังไม่ได้ แต่คงไม่ได้หนักอะไร”
“งั้นย่าก็โล่งใจ...แต่งงชะมัดเลย จู่ๆไฟไหม้บ้านนมแสได้ยังไง” คุณหญิงสีหน้าสงสัยยิ่ง

วันใหม่...นมแสนอนตาปรืออยู่บนเตียง รอบๆรายล้อมด้วยเพื่อนคนงาน ทั้งจวน หวาน ช้อย
เอิบ และประวิทย์ อุทัยเดินเข้ามาด้วยสีหน้าห่วงใย เคร่งเครียด ช้อยเมาท์อย่างตื่นเต้น
“โชคดีนะนมแสที่เมื่อคืน พวกฉันเลิกงานดึก กว่าจะกินข้าว เลยปาไปซะดึกไม่งั้น...ไม่มีใครเห็นบ้านนมไฟไหม้หรอก”
“ฮู้ย...พอเห็นนะนม” หวานดึงเอิบออกมายืนเอาหน้า “ผัวฉันรีบปีนหน้าต่างเข้าไปช่วยเลย”
จวนขัดขึ้น
“น้อยๆหน่อยนังหวาน คนที่ตะกายฝาปีนเข้าหน้าต่างคือฉันนะ ฉันเข้าไปเป็นคนแรกแล้วก็เห็นนมแสนอนไม่ได้สติ เลยตะโกนเรียกจนประวิทย์กับตาเอิบเข้าไปช่วยน่ะ”
เอิบดึงประวิทย์ออกมาเอาหน้ามั่ง
“ฉันกับประวิทย์ เป็นฮีโร่ช่วยอุ้มเลยนะนม”
“อ้อ...น้อยก็เข้าไปช่วยดับไฟด้วยนะครับนม จนหกล้มขาเจ็บเดินไม่ได้เลย” ประวิทย์เล่า
นมแสซึ้งใจ
“ขอบคุณทุกคนมากๆนะที่ช่วย ไม่งั้นป่านนี้ฉันคงถูกย่างสดไปแล้ว”
“แล้วมันเรื่องอะไร ถึงได้หลับไม่รู้เรื่องขนาดนั้น” อุทัยถามขึ้น
ทุกคนสะดุ้งโหยง หันไปด้านหลังเห็นอุทัยยืนอยู่ พอเห็น ทุกคนก็หลีกทางให้ อุทัยเดินเข้ามา นมแสว่าหน้าตางงๆ
“เมื่อคืนดิฉันไม่สบายค่ะ เลยกินยาแก้ไข้ เข้าไป 2เม็ด”
ช้อยรีบบอกอุทัย
“แต่ยาที่ช้อยเอาให้นมแสกินเป็นแค่ยาแก้ไข้ธรรมดานะคะที่เขาเขียนว่า กินแล้วอาจทำให้ง่วงได้น่ะค่ะ”
อุทัยหน้ายุ่ง
“แค่ยาแก้ไข้ ก็ไม่น่าจะหลับเป็นตายขนาดนั้น”
จวนบอกอุทัย
“คุณเลอกำลังไปคุยกับคุณหมออยู่น่ะค่ะ” จวนเห็นเลอสรรจากหน้าประตู “อ้าว...คุณเลอมาพอดี”
อุทัยหันไปถาม
“หมอว่ายังไงบ้างเลอ”
“ตรวจพบยานอนหลับที่ไม่ใช่ยาแก้ไข้ในกระเพาะของนมแสจริงๆครับ”
“ดิฉันไม่ได้กินยานอนหลับจริงๆนะคะ” นมแสรีบบอก
“แล้วหมอตรวจเจอได้ยังไง” อุทัยแปลกใจ
ทุกคนอึ้ง เงียบไปแป๊บ ก่อนที่นมแสจะบอกเหมือนเพิ่งนึกได้
“แค่รู้สึก ตอนที่ดิฉันดื่มน้ำ น้ำมันมีรสขมๆเฝื่อนๆ ดิฉันก็นึกว่าขมยาแก้ไข้ แต่พอดื่มเปล่าๆ น้ำก็ยังมีรสเฝื่อนๆขมๆอยู่”
“หรือน้ำกินของนมแสจะถูกผสมยานอนหลับ” จวนโพล่งออกมา
ทุกคนอึ้ง ตะลึงไปนิด ประวิทย์อึ้งกว่าทุกคน ฉุกคิดอะไรบางอย่าง เลอสรรรีบบอก
“งั้น ต้องเอาน้ำมาตรวจ”
“ดิฉันเททิ้งไปแล้วล่ะคะ” นมแสหน้าแหย
“เอาขวดมาตรวจก็ได้” อุทัยสวนทันควัน
นมแสหน้าจ๋อยไปใหญ่
“ดิฉันเอาเหยือกไปล้างแล้วค่ะ”
ทุกคนมีอาการว่าเสียดาย ช้อยโพล่งขึ้น
“อดรู้เลยว่าเหยือกน้ำของนมแสมียานอนหลับผสมอยู่จริงรึเปล่า แต่ยังไง ต้องมีคนแอบเอายานอนหลับให้นมแสกินแน่ๆ ไม่งั้น นมแสไม่หลับเป็นตายอย่างนี้หรอก”
ประวิทย์วิตกกังวล
“หรือจะเป็น...” หวานมองอุทัยเกรงๆ “นังเย็นคะ”
ทุกคนหันขวับมามองหน้า หวานพูดต่อถึงจะเกรงอุทัยแต่ท่าทางมั่นใจ
“ก็เมื่อคืน มีนังเย็นคนเดียว ที่ไม่ไปช่วยเราดับไฟ”

“นังเย็น...มันจะวางยาดิฉันอีกรอบ” นมแสแหยงๆ

มุมหนึ่งในบ้านอนุรักษ์...คุณหญิงคุยโทรศัพท์กับอุทัยแบบปักใจเชื่อไปแล้ว

“แม่ก็ว่าต้องเป็นนังเย็นแน่ๆ ที่วางยานมแส”
“เย็นเขาจะทำ ไปทำไมอีกครับคุณแม่” อุทัยยังไม่เชื่อ
คุณหญิงอึ้ง...ก่อนกลบเกลื่อน
“มันก็อาจจะยังโกรธนมแสอยู่”
“โกรธเรื่องอะไรล่ะครับ”
คราวนี้คุณหญิงเงียบ อุทัยว่าต่อ
“ผมแค่โทรมาเล่าให้คุณแม่ฟังเท่านั้น แต่ผมยังไม่อยากให้คุณแม่ ปักใจ หรือว่าปรักปรำเย็นโดยที่เรายังไม่มีหลักฐานอะไร”
“งั้นแจ้งตำรวจมาพิสูจน์หลักฐานเลยดีมั้ยล่ะ จะได้รู้...ไฟไหม้บ้านนมแสได้ยังไงและ...ใครเป็นคนทำ” คุณหญิงเหยียด

“ผมไม่อยากทำให้มันเป็นเรื่องใหญ่ แค่นมแสปลอดภัยก็ดีแล้ว แค่นี้ก่อนนะครับ”
อุทัยวางสายบอกเลอสรรที่ยืนรอด้านหลัง
“น้าฝากที่บ้านด้วยนะเลอ ช่วงนี้จะเปิดโครงการ น้ายุ่งมากจริงๆ”
“ครับคุณน้า”
อุทัยจะเดินไป แต่หยุดเหมือนนึกได้
“โดยเฉพาะน้าวณี น้าฝากด้วย ช่วงนี้ น้าวณีเหมือนมีเรื่องเครียดหลายอย่าง โดยเฉพาะเรื่องลูกเปีย”

วณีกลุ้ม ทุกข์หนักว้าวุ่นใจ วณีนึกถึงตอนที่ได้ยินเปียขู่นมแส และตอนที่ เปียวิ่งเข้ามา รอยเท้าเปื้อนโคลนและเห็นเปียวิ่งร้องไห้เข้าห้องระหว่างไฟไหม้ วณีทุกข์ใจมาก กลุ้ม ทนไม่ไหว เดินออกนอกห้อง
วณีเดินฉับๆมาที่หน้าบ้าน หยิบรองเท้าเปียขึ้นมาดูด้วยความคาใจ เห็นรองเท้าของเปียเป็นรอยดินโคลนเกาะติดอยู่ วณีมองจ้องหวาดหวั่น วณีวางรองเท้าลงเดินเข้าบ้านด้วยร้อนใจ

วณีเดินขึ้นบันไดบ้านด้วยความรวดเร็ว ตรงไปยังห้องเปีย...เปียหน้าตาเกรี้ยวกราดอารมณ์ไม่ดี เดินออกมาพอดี พอเห็นวณีก็เปลี่ยนสีหน้าเป็นยิ้มสดใส สองคนเผชิญหน้ากันตรงเชิงบันได ขณะที่เปียทัก
“คุณแม่มีอะไรกับเปียคะ”
“เมื่อคืน หนูไปไหนมาลูก”
“ไม่ได้ไปไหนเลยค่ะ...หลับปุ๋ยเลย...”
วณีมองจ้องหน้า แบบทนไม่ไหว ถามจริงจัง
“ไม่ได้ไปไหน หลับปุ๋ย แล้วทำไมรองเท้าของลูกมันถึงเปื้อนดิน เปื้อนโคลนไปหมดล่ะลูก”
เปียหัวเราะคิกคัก
“โธ่ คุณแม่ขา...รองเท้ามันก็ต้องเปื้อนดิน เปื้อนโคลน เป็นเรื่องธรรมดานะคะ”
“ไม่ธรรมดาหรอกลูก บ้านเราไม่มีดินแบบนี้ จะมีก็แต่หน้าบ้านพักคนงาน หน้าบ้านประวิทย์...หน้าบ้านนมแส”
เปียปรี๊ดเผลอ หลุด
“นี่คุณแม่กำลังจะบอกว่า สงสัยว่าเปียเผาบ้านนมแส”
“แม่ไม่ได้ว่า แต่เปียกำลังสารภาพออกมาเอง” วณีเสียงเข้ม
เปียตาเหลือกโพลง โกรธ
“เปียไม่ได้ทำ เปียไม่รู้เรื่อง”
เปียหันหลังกลับจะเดินหนี วณีกระชากแขนกลับมา
“ไม่รู้เรื่อง แล้วเปียจะพูดเรื่องนี้ได้ยังไง ในเมื่อ เปียเป็นคนบอกเอง ว่าเมื่อคืนนอนหลับ...”
เปียตกใจ คิดกลบเกลื่อน
“ก็...ก็...เมื่อคืนเปียได้ยินเสียงคนเอะอะโวยวาย”
วณีทนไม่ไหว ตะโกน
“หยุด...หยุดแก้ตัวได้แล้วเปีย เลิกเล่นละครตบตาแม่ได้แล้ว หยุดตีหน้าเป็นคนใส่ซื่อบริสุทธิ์ซะที”
“เปียไม่ได้แกล้งทำ หน้าเปียใสซื่อบริสุทธิ์เอง คุณแม่นั่นแหละ กล้าดียังไงมาปรักปรำเปีย ว่าเปียเผาบ้านนมแส” เปียโกรธ
“เพราะนมแสรู้เรื่อง ที่เปียฆ่าฝ้ายน่ะสิ”
เปียคาดไม่ถึง
“คุณแม่”
“แม่ได้ยินหมดแล้ว ที่เปียขู่จะทำร้ายนมแสน่ะ” วณีเสียงดังยิ่งขึ้นแบบช้ำใจ เขย่า
ตัวเปีย “แม่ได้ยินหมดแล้ว...นี่ใช่มั้ย มันทำให้เปียโกรธ จนเผาบ้านนมแสน่ะ”
เปียผลักออกไม่ยอม กรี๊ดใส่
“อย่ามาปรักปรำเปียนะ ก็บอกแล้วไง เปียไม่ได้ทำ...ไม่ได้ทำ”
เปียผลักวณีออกอย่างแรงเซเสียหลัก แทบตกบันได ร้องสุดเสียง
“ว้าย”
วณีรีบคว้าราวบันไดเอาไว้ เปียไม่สนใจวิ่งหนีเข้าห้องไป วณีตั้งหลักร้องเรียก
“เปีย...หยุดเดี๋ยวนี้นะเปีย หยุด”
วณีรีบตามไป

เปียวิ่งเข้าไปในห้อง ตกใจ กลัว เสียงของวณีดังก้อง
“แม่ได้ยินหมดแล้ว ที่เปียขู่จะทำร้ายนมแสน่ะ จนเผาบ้านนมแสน่ะ”
สายตาเปียเห็นห้องตัวเอง รกเละเทะ เต็มไปหมด เปียหวาดกลัวเหมือน วณีต้องรู้แน่ๆ ว่าเมื่อคืนเปียอาละวาด เปียตรงไปจะเก็บข้าวของให้เข้าที่ แต่เสียงวณีทุบประตูดังปังๆตะโกนเข้ามา
“อย่าอาละวาดอะไรนะเปีย ออกมาคุยกับแม่เดี๋ยวนี้”
เปียชะงัก ได้ยินคำว่าอาละวาด เปียทิ้งของในมือที่กำลังจะเก็บ อาละวาดทำลาย
ข้าวของในห้องเข้าไปใหญ่ ร้องกรี๊ดๆเล่นสงครามประสาทกับวณี
“คุณแม่ไม่รักเปีย เปียจะตายให้ดู”
เปียถีบเก้าอี้ในห้องล้มลง วณีตกใจมาก
“เปีย...อย่าทำร้ายตัวเองนะลูก เปิดประตูออกมาคุยกับแม่เปิดๆ”

ด้านล่าง คุณหญิงเดินเข้ามาพอดี ได้ยินเสียงเอะอะโวยวาย ของเปียกับวณีรีบวิ่งขึ้นบันไดมารวดเร็ว
เปียอยู่ในห้อง กอดอกเย้ย นิ่งเงียบ รอดูท่าที วณีใจหาย เห็นทุกอย่างเงียบผิดปกติ ใจสั่นระรัว ทุบประตูเรียก
“เปีย...อย่าทำอะไรบ้าๆนะลูก เปิดประตู เปิด”
เปียเงียบไม่เปิด ทำปากเบ้ตาขวางตามประสา ด้านนอกคุณหญิงวิ่งมาถึง
“ทะเลาะอะไรกันแม่วณี”
“ก็เปียน่ะสิคะโกรธที่วณีจับได้ว่าแกเผาบ้านนมแส”
คุณหญิงหน้าตื่น
“หา...ว่าไงนะ ยัยเปียน่ะเหรอเป็นคนเผาบ้านนมแส”
เปียตาเหลือก รีบอ้อนคุณหญิง
“เปล่านะคะ เปล่า คุณย่า เปียไม่ได้ทำ...แต่ถ้าคุณแม่มั่นใจว่าเปียทำ เปียก็จะตายๆไปซะ คุณแม่จะได้ไม่ต้องอับอาย ที่มีลูกชั่ว ลูกเลวอย่างเปีย อ๊อกๆ” เปียทำเสียงเหมือนรัดคอตัวเองตาย
วณีกับคุณหญิงตาเหลือกตกใจ
“อย่านะยัยเปียอย่า อย่านะลูกเปีย อย่า”
“อย่านะลูก อย่าคิดสั้น...เปิดประตูออกมาคุยกับย่าก่อนลูก ออกมา”
เปียได้ที รีบเปิดประตูออกมา โผเข้ากอดคุณหญิง
“คุณย่าขา...ช่วยเปียด้วย” เปียบีบน้ำตาร้องไห้ “เปียไม่รู้เรื่องจริงๆนะคะ...ไม่รู้เรื่องจริงๆ”
“ย่าเชื่อลูก...ย่าเชื่อ”
วณีอึ้ง
“คุณแม่”
“ตาอุทัยโทรมาคุยกับแม่แล้ว เมื่อคืน ก่อนบ้านจะไหม้ นมแสถูกวางยานอนหลับ แล้วคนที่มันชอบวางยานอนหลับจะมีใคร ถ้าไม่ใช่นังเย็น”

วณีหน้าเหวอ ตกใจเพิ่งรู้แต่ไม่ได้คิดว่าเป็นเย็น แค่เพิ่งรู้ เปียแอบอมยิ้มโล่งใจเหมือนมีแพะรับบาปแล้ว
 
อ่านต่อหน้า 2

คมพยาบาท ตอนที่ 8 (ต่อ)

เย็นกำลังนั่งย่างใบพลับพลึงอยู่ พอย่างได้ที่พออุ่นๆไม่ถึงขั้นเปลี่ยนสี เย็นก็เดินเอาใบพลับพลึงมาพันที่รอบๆข้อของน้อย ทันทีที่เท้าสัมผัสความอุ่นร้อน น้อยก็สะดุ้ง เย็นพูดอ่อนโยน

“ทนเอาหน่อยนะ จะได้หายเร็วๆ”
“นี่ก็ค่อยยังชั่วแล้วค่ะ” น้อยยกมือไหว้ “น้อยขอบคุณน้าเย็นมากเลยนะคะ ที่นวดให้น้อยทั้งคืน แล้วยังเอาใบพลับพลึงย่างมาประคบให้น้อยอีก”
“ก็เราไม่ยอมไปหาหมอ น้าก็ต้องใช้วิธีชาวบ้านอย่างนี้ล่ะ พูดแล้วก็อยากจะหยิกนัก จะเดินจะเหินไม่รู้จักระวังตัวเลย ดีนะ ที่ไม่ล้ม แล้วไฟมันหล่นลงมาบนหัวน่ะ” เย็นอาทร
น้อยแอบเขินก้มหน้า
“เกือบไปแล้วล่ะค่ะ ดีที่คุณเลอสรรมาช่วยได้ทัน...”
เลอสรรที่ในมือถือถุงยากำลังจะเดินขึ้นมาบนบันไดบ้านได้ยิน เขาแอบอมยิ้ม เย็นทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ ขณะที่น้อยถามแต่ไม่ได้จับผิดหรือสงสัย
“แล้วเมื่อคืน ตอนไฟไหม้บ้านนมแส น้าเย็นไปไหนมาคะน้อยเรียกหาก็ไม่เห็น”
เลอสรร ได้ยินชะงัก เงี่ยหูฟังอยากรู้ เย็นตอบเรื่อยๆ
“น้าออกไปธุระ กลับมาเขาก็ดับไฟกันเสร็จพอดี เลยไม่ทันได้ช่วยเลย นี่...เราค่อยยังชั่วแล้วจริงนะ”
“ค่ะ”
“งั้นน้าจะออกไปเอางานที่ร้านมาทำ อยากได้อะไร โทรไปบอกน้าแล้วกัน”
“ค่ะ”
“หายไวๆล่ะ...”
เย็นคลึงหัวน้อยเอ็นดู ก่อนฉวยกระเป๋าเดินลงไป เลอสรรรีบหลบ เย็นผ่านหน้าเลอสรรไป
โดยที่ไม่เห็น เลอสรรรอจนเย็นเดินลับหายตาไป จึงเดินขึ้นไปบนบ้าน เห็นน้อยกำลังคลึงข้อเท้าตัวเองอยู่ น้อยสะดุ้งนิดๆที่ได้ยินเท้าคนย่ำเข้ามา หันไปมองก็ตกใจแกมดีใจ
“คุณเลอสรร”
“พี่เป็นห่วง พี่ซื้อยามาให้จ้ะ”
น้อยกับเลอสรรสบตากัน บ่งบอกความรู้สึกอยู่ในที

เปียกอดออดอ้อน ด้วยการเอาหน้าซบไหล่คุณหญิง
“ไง...มาอยู่กับย่า สบายใจขึ้นรึเปล่าลูก”
เปียมองซึ้งออดอ้อน
“สบายใจขึ้นมาเลย คุณย่าเป็นที่พึ่งคนเดียวของเปียจริงๆ”
เปียกอดคุณหญิงซบอ้อนใหม่ คุณหญิงยิ้มพอใจ
“ก็เปียเป็นหลานของย่านี่”
เปียหน้าละห้อยตาซื่อ
“คุณย่า เห็นเปียเป็นหลาน แต่คุณพ่อคุณแม่ไม่เคยเห็นเปียเป็นลูกเลย อะไรเลว อะไรชั่ว” เปียบีบน้ำตา “คุณพ่อคุณแม่โยนใส่เปียหมด”
คุณหญิงสุดจะเห็นใจ
“เปียของย่า ต้องเข้าใจพ่อเข้าใจแม่นะลูก...พ่อแม่หนูเจ็บช้ำกับการกระทำของนังเย็นมันมากและนังเย็นมันก็เลวแสนเลว พ่อแม่หนูเลย คิดว่าหนูจะเป็นอย่างนังเย็นน่ะสิ”
เปียรีบบอก
“ไม่เหมือนนะคะคุณย่า...เปียไม่มีอะไรเหมือนน้าเย็นเลย ทั้งๆที่ผ่านมา น้าเย็นพยายามสอนตลอด”
“นังเย็นมันสอนอะไรลูก”
เปียแอบอมยิ้มเจ้าเล่ห์ก่อนทำตาซื่อ
“น้าเย็นบอกว่า ใครทำอะไรให้เจ็บให้แค้นต้องเอาคืนเป็นร้อยเป็นพันเท่า แต่เปีย...เปียทำไม่ได้ค่ะคุณย่าขา...เปียไม่เข้าใจ จะเจ็บจะแค้นกันไปทำไม” เปียแอ๊บซื่อมาก “คนเราถ้าเกลียดกันก็ต่างคนต่างอยู่เท่านั้น” เปียยิ้มหวานนางเอก “แต่ที่ผ่านมา เปียไม่เคยโกรธเกลียดใครเลยนะคะคุณย่า...แล้วก็ไม่มีใครโกรธเกลียดเปีย”
คุณหญิงกอดเอ็นดูมาก
“ก็แหงล่ะสิหลานย่าน่ารักขนาดนี้ ใครจะโกรธจะเกลียดลง”
เปียตื่นเต้น
“อุ๊ย!คุณย่าขา” เปียชี้ออกไปนอกบ้าน “ผีเสื้อบินน่ารักจังเลยค่ะ” เปียลุกขึ้นทำท่าตื่นเต้นแอ๊บซื่อ “ขอเปียออกไปเล่นกับน้องผีเสื้อหน่อยนะคะ”
“จ้ะลูก อะไรสบายใจ หนูทำเถอะ”
“งั้น...เปียอยู่กับคุณย่าดีกว่า สบายใจที่สุดเลย” เปียกอดประจบอีก
คุณหญิงเอ็นดูมาก
“เปียหลานย่า น่ารักที่สุดเลย...ไปเถอะลูก ไปเล่นกับผีเสื้อเถอะ ไปแบ่งความรัก ความเมตตาให้เพื่อนร่วมโลกนะลูกนะ โลกจะได้สงบสุข”
เปียประจบตาซื่อ
“เปียเชื่อคุณย่าค่ะ เปียอยากเป็นคนดี มีเมตตาอย่างคุณย่า”
คุณหญิงเอ็นดูมากๆ
“น่ารักจริงๆ จรรยาหลานย่า” คุณหญิงกอดมีความสุขมาก

เปียเดินออกมาจากบ้านอนุรักษ์ พร้อมทำท่าขยะแขยง ทำท่าดมตัวเอง
“โอ๊ย...เหม็นสาบคนแก่”
เปียปัดเสื้อผ้าตัวเอง แบบรังเกียจ ผีเสื้อบินผ่าน เปียฉุนเฉียว
“โอ๊ย! จะบินอะไรนักหนา เดี๋ยวฉันก็จับมากระทืบ ให้กลายเป็นผีหรอก”

เย็นเดินมาบริเวณสวน ในใจครุ่นคิดท่าทางไม่สบายใจ ที่เปียบอกว่าเกลียดเธอ เปียเดินมาเห็นเย็นก็เคืองโกรธ เดินหนี เย็นพูดขึ้น
“นี่แกยังโกรธน้าอยู่เหรอ”
“เปียไม่โกรธน้าเย็นหรอก เพราะน้าเย็นไม่ได้สำคัญกับเปียขนาดนั้น” เปียกวน
“แต่แกสำคัญกับน้า” เย็นยิ่งเสียใจ
เปียยิ้มหยัน
“บอกแล้วไงว่าไม่จำเป็น...ไปเอาอกเอาใจ ให้ความสำคัญกับนังน้อยเถอะ”
เปียจะเดินหนี เย็นใจเย็น รู้สึกผิด คว้าแขน
“เดี๋ยวก่อนเปีย”
เปียสะบัดออก โกรธ
“อย่ามาถูกเนื้อต้องตัวเปีย บอกแล้วไง ไปเอาอกเอาใจนังน้อยโน่น”
เปียจะเดินหนีอีก เย็นเสียงอ่อนแกมอ้อนวอน รู้สึกผิด
“อย่าเพิ่งไป คุยกับน้าก่อน”
“คุยกับน้าเย็นทำไม ให้เสียเวลา สู้เอาเวลาไปดูผลงานของเปียดีกว่า”
“ผลงานอะไร” เย็นชะงัก
“ความฉิบหายของนังนมแสไงล่ะ” เปียหลุดปากกร่าง
เย็นตกใจ กระชากแขนเปียอย่างแรง
“แปลว่าอะไร แกเผาบ้านนมแสเหรอ”
เปียตกใจ รู้ว่าหลุดปากรีบปฏิเสธ
“เปล่านะน้าเย็น เปียเปล่า” เปียหลบตามีพิรุธ
เย็นดุเอาจริง ขย้ำแขนเปียแรงขึ้น
“อย่ามาโกหกฉัน”
เย็นจับหน้าเปียหันมาสบตา
“แกเผาบ้านนังนมแสใช่มั้ย” เย็นจ้องเอาจริง
เปียเห็นเย็นเอาจริงก็กลัว อ้อน
“ก็...นังนมแสมันแส่เรื่องเปีย...มันเอาเรื่องที่เปียฆ่านังฝ้ายไปฟ้องคุณพ่อ แล้วก็ยังขู่เปียอีกหลายอย่าง” เปียอ้อน จับแขนเย็น “เปียกลัวความลับแตก เปียเลยต้องทำ...น้าเย็นอย่าดุเปียนะ เปียเป็นหลาน น้าเย็นต้องช่วยเปีย น้าเย็นต้องปกป้องเปีย”
เปียโผเข้ากอดเย็นแกล้งเนื้อตัวสั่น เย็นกอดตอบ
“ถ้านังนมแสมันแส่จริงๆ...แกไม่ต้องกลัว น้าจะปกป้องแกเอง”
เปียดีใจสุดๆที่เอาเย็นเป็นพวกได้ ยิ้มหยัน เบ้ปากให้เย็นอีกต่างหากก่อนจะประจบ
“เปียก็จะช่วยน้าเย็นทำทุกอย่าง เพื่อทำลายพวกอนุรักษ์ธานิน”

วณีนั่งร้องไห้อยู่หน้าบ้าน เอามือกุมขมับแบบปวดหัวมากคร่ำครวญ
“เวรกรรมอะไร ทำไมลูกของแม่ถึงได้เป็นคนอย่างนี้”
เย็นเดินไปมอง ยิ้มพอใจก่อนตีหน้าทำเป็นสงสาร
“นั่งร้องไห้ขนาดนี้ ท่าทางคุณวณีจะกลุ้มหลายอย่างนะคะ”
วณีสะดุ้งเงยหน้าขึ้นมามอง เย็นยิ้มบอกสั้นๆ
“ไม่รู้จะช่วยคุณยังไง เอาเป็นว่า ดิฉันจะไปบริจาคโลงแล้วกัน จะได้เป็นการสะเดาะเคราะห์ ก่อนจะมีใครตายขึ้นมา”

เย็นพูดจบก็เดินไป วณีอึ้ง อึ้งกับคำพูดของเย็น ตกลงจะปลอบหรือจะแช่ง

เปียเดินมาที่บ้านเย็นหน้าตาหงิกงอ จะหาเรื่องน้อย แต่แล้วก็ต้องชะงักเมื่อเห็นเลอสรรกับน้อยนั่งสบตากัน

“ขอบคุณมากค่ะที่เอายามาให้ ถ้าคุณเลอสรรมีธุระอะไร เชิญตามสบายนะคะ น้อยไม่เป็นไรแล้ว”
เลอสรรยิ้มเขินๆ
“ก็...เห็นอยู่เหมือนกัน...ว่าน้อยไม่เป็นไรแล้ว แต่...พี่ ก็เป็นห่วงน้อยอยู่ดี”
น้อยหน้าแหย
“ถ้าห่วงน้อย งั้นคุณเลอสรรกลับนะคะ...เพราะถ้ามีใครเห็น แล้วเรื่องไปถึงน้าเย็น น้อยเดือดร้อนแน่ๆ”
เลอสรรมองอาทร
“พี่เข้าใจ งั้นพี่กลับก่อนนะ...ไว้มีโอกาสพี่จะมาหาใหม่ ยังไง...พี่ก็อยากให้น้าเย็นเห็นอยู่ดี ว่าพี่จริงใจและปรารถนาดีต่อน้อยจริงๆ”
เลอสรรเดินลงบันไดไป น้อยมองตาม ลำบากใจ เปียที่แอบมอง จิกมือตัวเองแน่น อย่างเกลียดริษยาน้อยมาก

น้อยเดินขากะเผลก ถึงจะดีขึ้นมาก แต่ยังเจ็บอยู่ เปียเดินเข้าไปมองเบ้ปากแอ๊บหน้าวิ่งเข้าไปหา ทำทีเป็นห่วง
“น้อย เป็นไร” เปียประคอง
“หกล้ม ข้อเท้าพลิกน่ะจ้ะ”
เปียทำทีเป็นลูบหัวเป็นห่วง
“โถๆ คงเจ็บมากสินะ...มะ...เปียทายาให้”
ไม่รอคำตอบน้อย เปียหยิบยาที่เลอสรรให้ขึ้นมามองหลอดยาตาวาว โกรธเลอสรร อิจฉาน้อย ก่อนปั้นหน้ายิ้ม จะบีบยา น้อยร้องห้าม
“ไม่ต้องเปีย น้อยเพิ่งทายาไป”
“ทาเอง หรือ มีคนทาให้” เปียหลุด
“ถามแปลก น้อยก็ทาเองสิ...ปี๊ดขึ้นอีกแล้ว อารมณ์เสียอะไรมาอีก”
เปียได้สติ ทำทีเป็นถอนหายใจนั่งลง
“ก็น้าเย็นน่ะสิ...โกรธเปียอีกแล้ว” เปียจับมือน้อยอ้อนแกล้งบอก “น้อย...เปียเห็นดอกบัว ที่ในคลองที่อยู่หลังบ้าน กำลังบานสวยเชียว เปียอยากเอามาขอขมาน้าเย็น แต่ไม่อยากลงน้ำคลอง มันสกปรก” เปียทำท่าขยะแขยง “โดนทีไรคันทุกทีเลย น้อยลงไปเอาให้เปียหน่อยนะ นะ น้อยนะ”
น้อยยิ้ม ดวงตาเหมือนรู้บางอย่างแต่บอก
“เรื่องแค่นี้เอง ทำไมจะไม่ได้”
“งั้นไปกันเลย ป่ะ...” เปียยิ้มดีใจใหญ่
เปียคว้ามือน้อยพาลุกเดินออกไป

บริเวณบ้านทางเชื่อมสองหลัง...ประวิทย์กลับมาบ้าน ครุ่นคิดเรื่องที่นมแสกินยานอน
หลับ...เปียขอให้เขาไปซื้อยา ประวิทย์หน้ายุ่งรำพึงในใจ
“คุณหนูเปียจะวางยานมแสไปทำไม...ไม่ใช่หรอก”
ประวิทย์ส่ายหน้า หันมาอีกที เห็นด้านหน้าอีกมุม ค่อนข้างไกล เห็นเปียประคองน้อยที่เดินขากะเผลกไป เปียกอดน้อยยิ้ม สองคนท่าทางเหมือนคุยกัน ประวิทย์ยิ้มชอบ...เปียแอบมองน้อยดวงตาเจ้าเล่ห์ ประสงค์ร้าย ประวิทย์เห็นพอดีชะงัก มองอีกที ก็เห็นเปียกอดประคองน้อยหัวเราะ ประวิทย์พึมพำ
“เราคงตาฝาด”
ประวิทย์มองตามสงสัย ชักไม่แน่ใจ

เปียพาน้อยมายังสระบัว เห็นดอกบัวสวยงามเต็มสระ พอมาถึง เปียก็หน้าบึ้งหยุดยืนมอง น้อยหันมามองถามยิ้ม ดวงตาซื่อแต่รู้ทัน
“หลอกน้อยมาซะไกล จริงๆแล้ว มีเรื่องอยากคุยกับน้อยใช่มั้ย”
เปียมองตาน้อยแบบรู้ได้ยังไง น้อยเข้ามาใกล้เปียแบบหวังดียิ้มบอกตรงๆ
“มันเป็นความลับ ไม่อยากให้ใครได้ยินใช่มั้ย”
เปียตาวาว โกรธ
“ใช่” เปียเสียงดังระเบิดอารมณ์แบบยั้งไม่อยู่ “ฉันบอกแกแล้วใช่มั้ย ไม่ให้ยุ่งกับพี่เลอสรรแล้วแกไปยุ่งกับเขาทำไม”
เปียจับตัวน้อยเขย่าแรงๆ น้อยตกใจหน้าซีด
“น้อยไม่ได้ยุ่งอะไรเลยนะเปีย”
เปียกรี๊ด ขย้ำผมน้อยจิก
“ไม่ได้ยุ่ง แล้วที่เขาอุ้มแกมันหมายความว่ายังไง”
“เปียเห็น” น้อยตกใจ
“ใช่...ฉันเห็น ตกใจใช่มั้ยที่ฉันเห็นความเลวบัดซบของแก เฮอะ ทำเป็นใสซื่อบริสุทธิ์ ที่แท้ก็ให้ท่าผู้ชาย โดยเฉพาะผู้ชายของฉัน นังแอ๊บน้อย ฉันเกลียดแก”
เปียกระโจนเข้าหาน้อยขย้ำ จิก-ตบ-ขยุ้มผมแบบโกรธมาก น้อยล้มลงกับพื้น พยายามบอก
“น้อยเปล่านะเปีย น้อยเปล่า”
“ไม่ต้องมาแก้ตัว ฉันเห็นมานักต่อนักแล้ว ผู้หญิงเงียบๆหงิมๆ แล้วสุดท้ายก็เอาผู้ชายไปกินแบบเนียนๆ” เปียจิกผมจนหน้าหงาย ชี้หน้าขู่ “อย่าได้คิดที่จะทำนะนังน้อย...ไม่งั้น แกได้ตายด้วยฝีมือฉัน อย่างนังฝ้ายแน่”
น้อยตกใจ มองจ้องเปีย
“หา อะไรนะ นี่เปียฆ่าฝ้ายเหรอ”
เปียหัวเราะยียวนกวนประสาทแบบเหนือกว่า เย้ย
“เออ...แล้วจะทำไม”
น้อยร้องไห้เสียใจมาก
“ทำไมเปียใจร้ายใจดำอย่างนี้”
น้อยตบผลัวะเต็มแรง เปียหน้าหันตามแรงตบ เซไปก่อนหันมาตวาด โกรธมาก
“แกกล้าตบฉันเหรอ”
“เออ” น้อยตะคอก
เปียโกรธที่น้อยไม่ยอมกระโจนเข้ามาขย้ำ
“นังน้อย”
น้อยสู้ ดันออก ร้องไห้บอก
“เปียจะทำน้อยยังไง น้อยไม่เคยโกรธ เพราะน้อยคิดยังไงเราก็เป็นพี่น้องกัน แต่น้อยรับไม่ได้ ที่เปียฆ่าฝ้ายแล้วโยนความผิดให้น้าเย็น” น้อยร้องไห้โฮๆสุดกลั้น ทุบเปียโกรธ “ฝ้ายมันทำอะไรให้ ไปฆ่ามันทำไม”
เปียหัวเราะบ้าคลั่งสะใจ
“เพราะมันเป็นของแกไง...เพราะมันเป็นของแก” เปียกระชากผมน้อย “จำไว้นะนังน้อย ถ้าแกขัดคำสั่งฉัน ฉันจะทำลายทุกๆอย่างที่เป็นของแก”
“เปียใจร้ายใจดำที่สุด ใจดำที่สุด”
น้อยผลักเปียออกสุดแรงร่างของเปียเซถลาลงไปในสระบัว น้อยตกใจคาดไม่ถึงละล่ำละลักบอก
“เปีย น้อยขอโทษ เปีย”
“แกตาย” เปียชี้หน้าน้อยโกรธมาก
เปียกระโจนพรวดขึ้นมาจากสระ กระชากร่างของน้อยเหวี่ยงลงสระบัวเต็มแรง ร่างของน้อยเซแทร่ดๆ จมไปในสระบัว

จวนเดินมาตรวจตรารอบๆบ้านตามปกติ เห็นเศษใบไม้ก็กวาดเข้าที่ตักผง แต่แล้วจวนต้องชะงัก เมื่อเห็นกรอบรูป แตกละเอียด
“อะไรเนี่ย”
จวนเดินมาหยิบดู เห็นเป็นรูปน้อยแตกลักษณะถูกกรีดจนรูปขาดไปหมด จวนเพ่งมอง
“ใช่หนูน้อยรึเปล่าเนี่ย”

จวนมองขึ้นไปเห็นหน้าต่างห้องเลอสรรเปิด จวนเก็บกรอบรูปขึ้น งงๆ

จวนเดินหน้าตาเป็นกังวลมา ในมือถือกรอบรูป เจอประวิทย์ในชุดใหม่ เดินมาในมือถือหนังสือมาด้วย จวนถาม

“จะไปไหนน่ะประวิทย์”
“มหาวิทยาลัยครับ จะไปคุยกับเพื่อน เทอมนี้จะเรียนวิชาอะไรดี”
“แล้วผ่านมา เห็นเย็นอยู่บ้านรึเปล่า”
“ผมไม่ได้แวะดูเลยครับ น้าจวนมีอะไร”
“ก็น้าเห็นกรอบรูปนี่น่ะสิ เลยจะไปถามเย็นหน่อย ใช่รูปหนูน้อยมั้ย ทำไมมันถูกกรีดจนหน้าเละแบบนี้”
ประวิทย์รับมาดู
“น้อยนะครับ...ผมว่าเป็นรูปน้อย แล้วน้าจวนไปเอามาจากไหน”
“ที่พื้น น่าจะตกจากหน้าต่างห้องคุณเลอสรร”
ประวิทย์มองงง
“แล้วคุณเลอสรรจะกรีดรูปน้อยไปทำไม”
จวนชะงักไปนิดเหมือนคิดอะไร ก่อนพึมพำ
“หรือว่าเป็นคนอื่น”
ประวิทย์มองสบตากับจวน ถามสงสัย
“ใครครับ”
จวนหน้าแหย
“ก็...มีอยู่คนเดียว...คุณหนูเปีย”
ประวิทย์คิดๆเมื่อครู่เขาเห็นเปียทำหน้าร้าย ประวิทย์บอกจวน
“น้าจวนไปตามน้าเย็นนะครับ ผมจะไปดูน้อย”
ประวิทย์รีบเดินออกไปทันที

เปียจับน้อย จะกดลงในสระบัว
“เก่งนักใช่มั้ย แกเก่งนักใช่มั้ย”
เปียกระชากผมน้อย แล้วจับกดลงไปในน้ำ น้อยตาเหลือก พยายามต่อสู้ดิ้นรน น้อยฮึดสู้ขึ้นมาได้ ร้องลั่น
“อย่าเปีย อย่า”
“เก่งนักแกก็สู้ฉันให้ได้นะนังน้อย แกสู้ฉันมะ...มา”
น้อยโผล่หน้าขึ้นมาจากน้ำได้ ก็ไม่โต้ตอบ แต่ผลักเปียอย่างแรง เพื่อจะหนีขึ้นบก เปียเซถลา น้อยจะขึ้นบนได้ เปียตามมากระชาก
“จะหนีไปไหนนังตัวดี มานี่”
เปียกระชากจับน้อยมา ตบผลัวะ น้อยเซ เปียจับน้อยกดน้ำอีกตะคอก
“จำใส่กะโหลกแกไว้ อย่าคิดสู้ฉัน อย่าแย่งของๆฉัน ไม่งั้น ฉันเอาแกตาย ได้ยินมั้ยนังน้อย ฉันเอาแกตาย”
เปียจับหัวน้อยจุ่มลงไปในน้ำ แรงเข้า ประวิทย์เดินแกมวิ่งมาตะโกน
“คุณหนูเปีย น้อย คุณหนูเปีย น้อย”
เปียหันหน้ามา เห็นประวิทย์ไกลๆ
“ไอ้ประวิทย์” เปียตกใจ กระชากน้อยบอก “แกรู้ใช่มั้ยนังน้อย ถ้าแกทำให้ฉันเดือดร้อนแกจะเป็นยังไง”
เปียผลักน้อยอย่างแรง น้อยเสียหลักอยู่ในสระบัว ขณะที่เปียเผ่นหนีไปอีกทาง ประ
วิทย์เห็นหลังเปียแว่บๆวิ่งหนีหายไป

ประวิทย์วิ่งมาตะโกน
“คุณหนูเปีย น้อย...ๆ”
น้อยที่อยู่ในสระชูมือขึ้นแบบหมดแรง
“พี่ประวิทย์”
ประวิทย์หันมาเห็นตกใจ
“น้อย”
ประวิทย์รีบกระโจนลงไปช่วยน้อยทันที

เปียวิ่งเปียกโชกกลับเข้ามาที่บ้านคุณหญิง เจอคุณหญิงยืนอยู่ เกือบชน เปียเบรกแทบไม่ทัน คุณหญิงมองสภาพเปียก็เหวอไป
“ไปเล่นกับผีเสื้อท่าไหน ทำไมมันเป็นแบบนี้ลูก”
เปียหัวเราะร่วน
“มันร้อนจัดน่ะค่ะ เปียเลยไปว่ายน้ำเล่น คุณย่าขา...เปียไม่อยากกลับบ้าน คุณย่าให้คนไปเอาเสื้อมาให้เปียเปลี่ยนหน่อยนะคะ”
คุณหญิงหันไปบอกหวานที่ทำงานอยู่แถวนั้น
“รีบไปเลยนังหวาน”
“ค่ะ”
หวานออกไปรวดเร็ว แต่แอบมองเปีย เห็นเสื้อผ้าเปียมีฝุ่น ดิน ใบไม้สกปรก

หวานเกาหัวแกรกๆเดินออกมางงๆ ช้อยเดินมา
“เห็บ หรือ เหาขึ้นหัววะแก คันซะ”
“สงสัยจะเป็นขี้กลากลามขึ้นหัวว่ะ”
“เฮ้ย” ช้อยสะดุ้ง
หวานกระเถิบเข้ามาใกล้
“ขอเมาท์เจ้านายหน่อยเถอะไม่ไหวแล้ว กลากเกลื้อนจะขึ้นหัวก็ช่างมัน”
ช้อยกระเถิบเข้าใกล้หวานหัวชิดติดกัน
“งั้นฉันยอมให้กลากเกลือกขึ้นหัวด้วย มีอะไรแกเมาท์มา”
“ก็คุณหนูเปียน่ะสิ บอกว่าไปว่ายน้ำเล่นมา แต่ฉันไม่เชื่อหรอก ว่ายน้ำอะไร ถึงได้มีเศษใบไม้ เศษหญ้า เศษดินติดมา”
“ก็คุณหนูบอกเปียเหรอ ว่าว่ายน้ำเล่นในสระ”
“ก็จะเป็นสระไหนวะ ถ้าไม่ใช่สระในบ้าน”
“อาจไม่ใช่สระในบ้าน แต่เป็นที่อื่น...แบบ...หน้าสู้ฟ้า หลังสู้ดิน”
“เลิฟซีนกับประวิ้ด” หวานเสริม
สองคนหัวเราะกันสนุก

จวนที่รอเย็นอยู่ ท่าทีกระวนกระวาย
“คนยิ่งร้อนใจอยู่ ไปไหนนะเย็น”
ประวิทย์ประคองพาน้อยในสภาพเปียกโชกเนื้อตัวสกปรก เดินกะเผลกมาที่บ้าน ประวิทย์หยั่งเชิงไม่ได้ฟันธงว่าเป็นเปีย
“คุณหนูเปียใช่มั้ยเป็นคนทำน้อย”
“เปล่าค่ะ...น้อยจะลงไปเก็บดอกบัวมาไหว้พระ เกิดเป็นตะคริวเลยหมดแรง”
“พี่ไม่อยากจะเชื่อเลย”
จวนหันมาเห็น
“หนูน้อย”
จวนรีบเดินมาหา น้อยกระซิบ
“อย่าซักอะไรน้อยนะพี่ประวิทย์”
ประวิทย์ยังไม่ทันรับคำ เย็นกลับมาพอดีถามทันที
“ไปทำอะไรมายัยน้อย”

น้อยอึกอักหน้าซีด

ในห้องน้ำ เปียหน้าตาหงิกงอเหวี่ยง เกาตามเนื้อตามตัว

“คันจริงๆเลยโอ๊ย”
คุณหญิงเดินผ่านหน้าห้องน้ำสะดุ้ง
“หลานเปีย...ว่าอะไรนะลูก”
เปียเกาแกรกๆในห้องน้ำ
“เปียคันค่ะคุณย่า...เปียคั้น...คัน”
“คันอะไรลูก”
เปียหน้าแหยไม่รู้จะตอบยังไง กลัวความผิด
“บอกไม่ถูกค่ะคุณย่า แค่รู้สึกว่าคัน”
คุณหญิงทาบอกพึมพำ
“ภาษาเด็กสมัยนี้...หรือฉันคิดมากไปเนี่ย”

ค่ำนั้น เย็นบ่นกับจวน
“ฉันไม่อยากจะเชื่อเลยพี่จวน ว่ายัยน้อยจะเป็นตะคริวแล้วจมน้ำเนี่ย”
จวนเสียงอ่อยๆ
“พี่ก็ไม่อยากจะเชื่อ...นี่...ถ้าพี่บอกอะไร แกสัญญานะ ว่าต้องใจเย็น”
เย็นถามเร็วปรื๋อ
“อะไรพี่”
“แน่ะ...พี่ก็บอกแล้วไง ว่าแกต้องใจเย็นๆ นี่อะไร ปี๊ดแตกมาเลย”
“โอเคๆ ฉันจะใจเย็นๆ มีอะไรว่ามาเลยพี่จวน”
จวนเดินไปหยิบกรอบรูปที่ซ่อนไว้
“อ่ะ...ดู”
เย็นมองเห็นรูปน้อยถูกกรีดละเอียด จวนถาม
“พอจะรู้มั้ย ว่าฝีมือใคร”
เย็นนิ่งไม่ตอบ แต่สายตาบอกว่ารู้

เปียอาบน้ำชุดใหม่ เดินมากอดประจบคุณหญิง
“อาบน้ำแล้วสบ๊าย สบายตัว...หายคันแล้วค่ะคุณย่า...”
“ไปทำอะไรมาเหรอลูก ถึงได้คันขนาดนั้น”
เปียอึกอัก ไม่รู้จะตอบยังไง เย็นเดินเข้าไปบอกนิ่งๆ แต่ตาเอาเรื่อง
“ไปทำอะไรมา บอกคุณหญิงย่าสิคะคุณหนูเปีย”
คุณหญิงหันมาเห็นโกรธ
“นังเย็น แกเข้ามาบ้านฉันได้ยังไง”
เย็นไม่กวน
“ประทานโทษที่ดิฉันถือวิสาสะเดินเข้ามาค่ะ พอดีมีธุระจะคุยกับคุณหนูเปีย ไปหา คุณวณีก็บอกว่า คุณหนูเปียมาอยู่บ้านคุณหญิงย่า”
เปียแอ๊บแบ๊ว
“มีอะไรไว้คุยกันวันหลังได้มั้ยคะน้าเย็น...”
เปียกอดคุณหญิงประจบ
“เปียรักคุณย่า...เปียอยากอยู่กับคุณย่า ตอนนี้เปียยังไม่อยากคุยอะไรที่ไม่สบายใจเลยค่ะ”
“แล้วคุณหนูเปียรู้ได้ยังไงคะว่าเรื่องที่น้าจะคุย มันจะทำให้คุณหนูไม่สบายใจ”
เปียหน้าซีดหน้าเสีย คุณหญิงหัวเราะหยัน
“แม่เปียคงรู้สันดานแกมั้งนังเย็น ว่าอยู่ที่ไหนก็เอาแต่ความเดือดเนื้อร้อนใจมาให้คนอื่น เลยไม่อยากจะคุย...ใช่มั้ยลูก”
เปียแอ๊บ หน้าซื่อ ตีหน้าเจื่อนๆ
“ขนาดอยู่กันไม่เท่าไหร่ คุณหญิงย่ายังรู้ใจเปียที่สุดเลย...เปียโชคดีจริงๆเลยค่ะที่ได้เกิดมาเป็นหลานคุณหญิงย่า”
คุณหญิงหัวเราะมองเย็นสะใจ
“แกได้ยินแล้วก็รีบไปสินังเย็น จะมายืนให้คนอื่นเค้าเดือดเนื้อร้อนใจอยู่ทำไม”
“แล้วคุณหนูเปียที่น่ารัก ทนให้น้าเดือดเนื้อร้อนใจได้หรือคะ”
เปียมอง เย็นมองขู่ ก่อนบอกเสียงนิ่งๆแต่เข้ม
“คุณหนูรู้ใช่มั้ย ถ้าน้ากลุ้มใจ น้าจะเป็นยังไง”
เปียมองเย็น ไม่พอใจแต่กลัว

เย็นจับต้นแขนของเปียกระชากเดินออกไป เปียมองเย็น คำรามเบาๆ
“น้าเย็นขู่เปียตลอดเลย”
เย็นนิ่งๆแต่ดุ โกรธในที
“ก็คนอย่างแก ไม่ขู่ ก็ไม่กลัว”
เปียมองเย็นไม่พอใจ ไม่อยากเดินอิดออด เย็นกระชากต้นแขน
“เดินเร็วๆ ฉันมีเรื่องต้องคิดบัญชีกับแก”
เปียมองเย็นกลัวๆ ดวงตาหวาดหวั่นวิตก คุณหญิงยืนมองอยู่ในบ้าน เห็นท่าทางเปียหงอเย็นทุกอย่าง

คุณหญิง บอกกับวณีด้วยท่าทางไม่พอใจ
“แม่ไม่เข้าใจเลย ทำไมนังเย็นมันต้องมีอิทธิพลเหนือยัยเปียทุกอย่าง”
วณีขมขื่น ดวงตาเจ็บ โกรธ ลึกๆไม่พอใจ
“วณีก็คิดอย่างคุณแม่ค่ะ บางทีมันมาก...มากจนวณีอดถามตัวเองไม่ได้ว่า” วณีเสียงเครือ น้ำตาจะไหล “เปียรักเย็นมากกว่าวณีใช่มั้ยคะ” วณีร้องไห้ออกมาแบบกลั้นไม่อยู่ “เด็ก...รักคนที่ดูแล
มากกว่า แม่ ที่คลอดเค้ามาใช่มั้ยคะ”
คุณหญิงตกใจ ดึงวณีมากอดปลอบ
“ไม่เอาน่าวณี...อย่าคิดมาก...เรื่องอย่างนี้มันคงต้องใช้เวลา”
“แปลว่า...เปีย รักเย็น มากกว่าวณีที่คลอดเขามาใช่มั้ยคะ”
คุณหญิงมองเห็นใจ พยักหน้าบอก
“แม่วณีต้องเข้าใจนะ...เขาเลี้ยงกันมา เขาผูกพันกันมามากกว่า แม่ถึงบอกมันต้องใช้เวลาไง...อีกหน่อย...ยัยเปียก็ต้องรักแม่วณีมากกว่านังเย็น”
“วณีจะรอวันนั้นค่ะคุณแม่...รอ ทั้งๆที่ไม่รู้จะรอไหวรึเปล่า บอกตรงๆวณีเจ็บปวดหัวใจเหลือเกิน”
“แม่เข้าใจ...แม่เข้าใจแม่วณีทุกอย่าง แต่ที่แม่ไม่เข้าใจ...ก็ตรงที่ยัยเปียยอมนังเย็นมันได้ยังไง...ยอม จนแม่สงสัย...สองคนนี้มีลับลมคมนัยอะไรกัน”

เย็นกระชากลากเปียเข้าไปในบ้าน พอเข้าไป เย็นก็ผลักเปียอย่างแรง จนล้มลงกับพื้น เงยหน้าขึ้นมาเห็นเป็นน้อยนอนอยู่ ท่าทางไม่สบาย เย็นบอกเนิบๆแต่ดุดัน
“วันนี้ยัยน้อยมันจมอยู่ในสระบัว”
เย็นจิกผมเปียจนหน้าหงายถาม
“ฝีมือแกใช่มั้ย”
น้อยผุดลุกขึ้นตกใจ
“น้าเย็น”
เปียมองจ้องหน้าน้อยขู่ แต่ปากปฏิเสธเย็น
“เปล่า น้าเย็น เปียเปล่า”
“เปียไม่ได้ทำน้อยค่ะน้าเย็น” น้อยรีบบอก
“หุบปาก”
น้อยก้มหน้างุด ไม่กล้าสบตาเย็น ขณะที่เย็นด่า
“อะไรควรพูดก็ไม่พูด อะไรไม่ควรพูด ก็พูด ซักวันแกจะตายเพราะความโง่ของแกนังน้อย...ส่วนแก มานี่”
เย็นลาก เปียยื้อตัวเอาไว้
“ไม่...เปีย ไม่ไป”
“แกกล้าขัดคำสั่งของฉันเหรอนังเปีย”
เย็นตบผลัวะ เปียหน้าหัน โกรธมาก
“น้าเย็น”
“ทำไม แกจะสู้ฉันเหรอนังเปียแกจะสู้ฉันเหรอ”
เย็นตบอีก เปียปัดมือเย็นออกจะสู้
“อย่านะ”
เปียลุกขึ้น ท่าทางเอาเรื่อง เย็นหัวเราะลั่น หยัน
“อ้อ...เดี๋ยวนี้คุณหนูเปียคิดจะสู้น้าเหรอคะ”
“ก็เอาสิ”
เย็นถามช้าๆ ชัดๆแต่ตาบอก มรึงตายแน่
“เอา...อย่าง...นั้น เหรอ”
เย็นกับเปียจ้องหน้ากัน น้อยตะโกน
“อย่านะเปีย”
น้อยจะลุกขึ้นมาห้าม
“อย่ายุ่ง”
เปียผลักน้อยอย่างแรง น้อยล้มลง หลังกระแทกโต๊ะเก้าอี้แถวนั้น ร้องสุดเสียง
“โอ๊ย”
“ฉันบอกแกแล้วใช่มั้ย ว่าห้ามแกทำยัยน้อย”
เย็นยกเท้าขึ้นถีบร่างของเปียอย่างแรง เปียกระเด็นไปกระแทกข้างฝาหน้าโขกกับพื้น เลือดไหลออกมาทางจมูก น้อยเอามือปิดปากตัวเอง เนื้อตัวสั่น เหตุการณ์มาคุ เย็นเดินเข้าหา
“แกรู้แล้วใช่มั้ยนังเปีย ว่าถูกถีบจนกระเด็นติดข้างฝา รสชาติมันเป็นยังไง คราวนี้ แกจะได้รู้ รสชาติของการถูกกระทืบจนไส้ไหลบ้าง อีเปีย”
เย็นหัวเราะลั่นเงื้อเท้าขึ้น เป้าหมายคือช่วงท้อง เปียผวาร้อง
“อย่าน้าเย็น”
เปียกระเสือกระสนหนีเข้าไปในห้อง จะปิดประตู เย็นตามไป ใช้มือดันประตูออก เปียกับเย็นดันประตูกันไปมา เปียดันเอาจริงเอาจัง เย็นมอง ก่อนที่จะยกเท้าถีบประตูอย่างแรง ร่างเปียที่อยู่หลังประตูถูกประตูกระแทกหน้า ลอยละลิ่ว เข้าไปในห้อง ล้มลง
 
เย็นหัวเราะเดินเข้าไป ปิดประตูดังปัง น้อยอ้าปากค้างกลัวมาก
 
อ่านต่อหน้า 3

คมพยาบาท ตอนที่ 8 (ต่อ)

เปียถอยหลังกรูด ขณะที่เย็นย่างเท้าเข้ามา

“ฉันสั่งแกแล้วใช่มั้ย ว่าห้ามแกทำร้ายยัยน้อย แกทำมันทำไม”
“เปีย เปล่า...เปล่า”
“เปล่า...แล้วนี่ฝีมือใคร”
เย็นคว้ากรอบรูปของน้อยที่วางอยู่ เหวี่ยงใส่ เปียถูกกรอบรูปกระแทกสะดุ้ง น้อยที่แอบฟังอยู่ด้านนอก ก็สะดุ้งตกใจเหมือนกัน ขณะที่เปียมองรูป ดวงตาพิรุธปฏิเสธเสียงสั่น
“เปล่าน้าเย็น เปียไมได้ทำ”
“แกกล้าตอแหลฉันเหรอนังเปีย”
เย็นเงื้อเท้าจะกระทืบ เปียผวา มากอดเท้าของเย็น ดันเอาไว้ร้องไห้
“อย่าน้าเย็น อย่าทำเปีย เปียกลัวแล้ว”
“กลัวเหรอ แกกลัวฉันเหรอ”
เย็นกระชากผมเปียจนหน้าหงาย
“ถ้าแกกลัวจริง แกไม่กล้าขัดคำสั่งฉันหรอกนังเปีย และผลของการขัดคำสั่งฉัน แกต้องเจอแบบนี้”
เย็นคว้ากรรไกรขึ้นมา ทำท่าเหมือนจะแทง เปียปิดหน้าปิดตาร้องกรี๊ด แต่เย็นกลับกระชากผมเปียขึ้น ตัดฉับ เปียร้องกรี๊ดใจหาย ดิ้นสะบัด จังหวะที่เปียดิ้น หน้าของเปียถูกกับสันกรรไกร เปียร้องโอ๊ยสุดเสียง ตาเป็นประกายวาววับ เถียงเสียงกร้าว แต่ไม่กล้าดัง
“ที่รักนังน้อยขนาดนี้ ปกป้องนังน้อยขนาดนี้ เพราะมันเป็นลูกของคุณอุทัยใช่มั้ย”
เย็นได้ยินชื่อปี๊ดขึ้น เสียงดัง
“หยุดนะนังเปีย”
เย็นตบปากผลัวะ
“เปียไม่หยุด น้าเย็นรักนังน้อยเพราะมันเป็นลูกคุณอุทัย”
“ฉันบอกให้แกหยุด”
เย็นตรงเข้าไปบีบคอเปีย น้ำตาคลอ เปียหายใจไม่ออกแต่ปากดี
“ไม่หยุด...น้าเย็นยังรักคุณอุทัย”
“ฉันบอกให้แกหยุด”
เย็นตบปากเปียหลายต่อหลายที จนหน้าหัน เลือดของเปียค่อยๆไหลออกมาที่มุมปาก เปียน้ำตาคลอ ทั้งโกรธ ทั้งเกลียดปน...เสียใจ น้อยใจ บอกเสียงเครือเจ็บ
“ต่อให้น้าเย็นจะบอกว่าไม่ น้าเย็นก็โกหกตัวเองไม่ได้ ที่น้าเย็นปกป้องนังน้อยมันขนาดนั้น เพราะมันเป็นลูกของคนที่น้าเย็นรัก...แต่เปีย...เปียไม่ใช่”
น้อยที่ฟังอยู่ข้างนอก ได้ยินเสียงเปีย แต่ฟังไม่รู้เรื่อง ด้านในเปียกร้าว
“เอาเล้ย เปียก็อยากจะรู้เหมือนกัน...น้าเย็นจะปกป้องนังน้อยมันได้ซักกี่น้ำ”
“แปลว่า...แกจะลองดีกับฉัน”
“เออ ปกป้องนังน้อยให้ได้นะ เพราะถ้าเย็นเผลอ มันตาย” เปียเย้ย
เปียผลักเย็นออกอย่างแรง จนเย็นเสียหลักล้มลงไป เปียจะเดินออกมานอกห้องจังหวะที่ผ่านเย็น เปียกระทืบเท้าเย็นอย่างแรงก่อนเดินออกไป เย็นโกรธ ถลาตามออกมา

เปียเดินออกมาหน้าบึ้ง ริมฝีปากและจมูกมีเลือดไหลออกมา น้อยตกใจ
“เปีย”
เปียเห็นแล้วหมั่นไส้มาก
“ฮึ๊ย!”
เปียตบกะโหลกน้อยทีนึงก่อนเดินออกไป
“โอ๊ย”
เย็นเห็นพอดีได้แต่ตะโกนด่า
“นังสันดานเปีย”

วณียืนกระวนกระวายเป็นห่วง
“ไปคุยอะไรกันนักหนา ทำไมยังไม่กลับมาอีก”
เปียวิ่งร้องไห้มา จมูกและปากมีเลือดไหล เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น วณีหันไปรับ
“ออกจากโรงพยาบาลเรียบร้อยแล้วใช่มั้ยจ้ะนมแส”
เปียวิ่งผ่านร่างวณีขึ้นบันไดไปอย่างรวดเร็ว

เปียวิ่งเข้ามาในห้องแค้นมาก ได้แต่กรีดร้องร้องไห้โฮๆตีอกชกหัวขยุ้มผมตัวเองร้องแบบคนที่ทำอะไรไม่ได้
“เปียเกลียดน้าเย็น...เปียเกลียดน้าเย็น”
วณีวางสาย ชะเง้อชะแง้คอมองหาเปีย อดรนทนไม่ไหว วณีเดินออกมา

เย็นนั่งน้ำตาคลอ ผมเผ้ากระเซอะกระเซิง น้อย มองเย็น ค่อยๆเข้าไปหา
“น้าเย็น”
น้อยมองอาทร สงสารเห็นใจแม้ไม่ได้ยินเถียงอะไรกัน เย็นหันมามองน้อยนึกถึงคำพูดของเปีย
“น้าเย็นรักนังน้อยเพราะมันเป็นลูกคุณอุทัย”
เย็นมองน้อย น้ำตาของเย็นค่อยๆไหลออกมา ทั้งรักทั้งแค้น สับสน น้อยค่อยๆเอามือเช็ดน้ำตาให้เย็นอ่อนโยน
“น้อยไม่รู้ว่าน้าเย็นเป็นอะไร...แต่น้าเย็นอย่าร้องไห้นะคะ...น้อยรักน้าเย็น”
น้อยสวมกอดเย็นอ่อนโยน เย็นอึ้งไปนิดมองน้อย ก่อนค่อยๆบอกแบบห้ามความรู้สึก
“แต่ฉันเกลียดแก”
น้อยอึ้ง...งง ตกใจ เสียใจ
“น้าเย็น” น้อยน้ำตาคลอ
เย็นร้องไห้โฮออกมา เจ็บ ต่อสู้ความรู้สึกข้างใน
“ไม่ต้องมาบีบน้ำตา ไม่ได้ยินรึไง ฉันเกลียดแก”
เย็นตรงเข้ามาขย้ำน้อย
“ได้ยินมั้ย นังน้อย ฉันเกลียดแก เกลียดๆ”
เย็นขย้ำน้อยบ้าคลั่ง วณีกำลังเดินขึ้นมาบันได้เห็น ร้องห้าม
“อย่าเย็น อย่า”
เย็นได้ยินเสียงวณี มือที่บีบคอน้อยชะงัก วณีมองเห็นเย็นผมเผ้ากระเซอะกระเซิงยุ่งเหยิง เหมือนคนบ้า ในขณะที่น้อยยกมือไหว้ ร้องไห้โฮ
“อย่าทำน้อยเลยนะ”
“ฉันจะทำ ใครจะทำไม”
เย็นกระชากผมน้อยขึ้นอย่างแรง น้อยร้องเจ็บ วณีร้องลั่น
“อย่า เย็น”
“มายุ่งเรื่องชาวบ้านทำไม...ลูกคุณล่ะ ลูกคุณอยู่ไหน ทำไมไม่ไปสนใจมัน ปล่อยให้อิเปียมันบ้า ทำไม”
วณีกวาดตามองหา
“ลูก...ลูกเปียของฉันล่ะ ลูกเปียอยู่ไหน”
เย็นหัวเราะหยัน
“อ้อ...เพิ่งได้สติถามหาลูกเหรอคะคุณวณี เสน่ห์นังน้อยนี่มันแรงจนแม่ลืมลูกกันเลยทีเดียว...นังเปียมันกลับไปแล้ว รีบกลับไปหาลูกคุณ...อย่ามายุ่งเรื่องคนอื่น”

เย็นมองจ้องเอาเรื่อง วณีมองเย็น กลัว เห็นมือของเย็นจิกกำผมน้อยกระชากค้างอยู่อย่างนั้น โดยที่น้อยได้แต่นั่งน้ำตาไหล ยอมจำนน วณีได้แต่เห็นใจ

วณีเดินตรงลิ่วไปเคาะประตู

“เปีย...ลูกเปีย”
เปียนั่งพิงฝาห้อง ผมเผ้ากระเซอะกระเซิง เลือดแห้งติดปากติดจมูก ท่าทางเหม่อลอย เครียด วณีเรียก
“เปีย ลูกเปีย”
เปียอารมณ์เสียตวาด
“อย่ามายุ่ง” เปียเอามือทึ้งผม
“อย่ามาทำเสียงใส่แม่อย่างนี้นะเปีย แม่สั่งให้ออกมา เร็ว” วณีโกรธ
“ไม่”
วณีทนไม่ไหว
“นี่เปียเห็นเย็นดีกว่าแม่ใช่มั้ย เปียถึงได้เชื่อเค้าไม่เชื่อแม่น่ะเปียเห็นเย็นดีกว่าแม่ใช่มั้ย”
เปียร้องไห้โฮไม่รู้จะทำยังไง
“ไม่...ไม่ค่ะคุณแม่...ขอเปียอยู่คนเดียวนะคะ...ขอเปียอยู่คนเดียว”
เปียก้มหน้าซบลงกับเข่าร้องไห้ วณีเองก็ร้องไห้ ใจสลาย

อุทัย อยู่หน้าไซต์งาน รับสาย
“พี่ยังกลับไม่ได้ ไซต์งานมีปัญหาเยอะเลย...มีอะไรรึเปล่าจ้ะวณี”
วณีคุมเสียงสะอื้น
“เปล่าค่ะ ไม่มีอะไร ถ้าพี่อุทัยเสร็จงานแล้ว รีบกลับนะคะ”
“จ้ะๆ”
อุทัยท่าทางสงสัย และหนักใจ เลอสรรเดินเข้ามา อุทัยเห็นแล้วกลุ้มทันที
“อ้าว...มีเรื่องอะไรเหรอตาเลอ”

ในห้องพักของอุทัย สองคนนิ่งเงียบ ท่าทางกลุ้มใจหนักใจพอกัน
“สรุป...ตอนที่ไฟไหม้...เย็นไม่ได้อยู่ที่บ้าน”
“ครับ...น้อยเล่าว่า น้อยตามหาน้าเย็น. แต่น้าเย็นไม่อยู่ ...แต่ผมก็ยังไม่อยาก
ให้น้าอุทัยปักใจเชื่อว่าเป็นน้าเย็น หรือว่า...น้องเปีย อย่างที่น้าวณีสงสัย”
อุทัยถอนหายใจเฮือกใหญ่
“เอาจริงๆนะ ตอนนี้น้าไม่อยากคิดเรื่องอะไรเลย เรื่องงานก็หนัก เรื่องวุ่นวายที่บ้านก็หนัก...ไม่รู้มันเกิดอะไรกับชีวิตน้าถึงได้ยุ่งวุ่นวายไปหมดอย่างนี้...”
“ผมเห็นใจน้าอุทัยมากนะครับ มีอะไรให้ผมแบ่งเบาได้ น้าอุทัยบอกผมมาได้เลย”
“อย่างที่น้าเคยขอร้องเลอ...ยัยเปีย เหมือนคนไม่ปกติ คุ้มดีคุ้มร้าย และอาการที่ยัยเปียไม่อยู่กับร่องกับรอย ก็ทำให้น้าวณีกลุ้มใจ ถ้าจะช่วยน้า เลอช่วยดูแลน้องด้วยแล้วกัน...ช่วยดู จนกว่าหมอวิธูจะกลับจากอเมริกาแล้วเราจะพาน้องไปหาหมอด้วยกัน”
“ครับ”
เลอสรรรับคำอย่างหนักใจ

วันใหม่...คุณหญิงบ่นเลอสรร อย่างงงๆไม่เข้าใจ
“ย่าล่ะไม่เข้าใจเลย ถ้าคิดว่ายัยเปียไม่ปกติ ยัยเปียมีปัญหา ทำไมไม่พาไปหาหมอคนอื่น จะรอหมอวิธูทำไม”
“น้าอุทัยบอก คุณหมอวิธูเป็นเพื่อนสนิท...เลยกล้าที่จะเล่าเรื่องทุกอย่างให้ฟังนะครับ”
คุณหญิงถอยหายใจเฮือกใหญ่ กลุ้ม
“ถ้าตาอุทัยไม่ไปยุ่งกับนังเย็น เรื่องก็ไม่เป็นอย่างนี้ ยัยเปียก็จะไม่ถูกขโมยเอาไปเลี้ยง จนนิสัยพิลึกพิลั่น พิกล เอาแต่ใจตัวเอง จำไว้นะเลอสรร ทำอะไรหลานต้องคิดให้ดี อย่าคิดอะไรผิดๆ เหมือนติดกระดุม ติดผิดตั้งแต่เม็ดแรก มันจะกลายเป็นผิดทั้งยวง”

เย็นเดินออกมา น้อยเอาข้าวต้มมาให้
“น้าเย็นขา...น้อยเอาข้าวต้มมาให้ค่ะ”
เย็นมอง เห็นบนโต๊ะมีปิ่นโตเล็กๆน่ารักวางอยู่ เย็นถาม
“แล้วนั่นจะเอาไปให้ใคร”
น้อยอ้อมๆแอ้มๆกลัว
“เปียค่ะ...เมื่อคืน...ท่าทางเปียจะเจ็บหนัก...น้อยกลัววันนี้เปียจะไม่สบาย”
“เมื่อวาน มันทำแกเกือบตาย แกไม่โกรธมันเหรอ”
“ไม่ค่ะ...น้อยรู้ ว่าเปียไม่ตั้งใจ...เราแค่ทะเลาะกัน เหมือนทุกครั้ง ตามประสาพี่น้องทะเลาะกันน่ะค่ะน้าเย็น”
“เก็บไว้เถอะ...”
“ทำไมคะน้าเย็น”
“ฉันว่า มันคงโกรธจนไม่อยากกินอะไรของแก เดี๋ยวฉันจะออกไปซื้อของอร่อยๆที่มันชอบ ให้มันกินแล้วกัน”
“ค่ะ” น้อยยิ้ม
“ไม่เสียใจเหรอ”
“ไม่ค่ะ...เพราะน้อยอยากให้น้าเย็นกับเปียดีกัน เราก็มีกันอยู่สามคนแค่นี้...น้อยอยากให้...เรารักกันค่ะ”
เย็นยิ้ม สายตาที่มองน้อยบ่งบอกความซาบซึ้งใจ

อุทัยจอดรถ เดินลงมา เขานึกถึงตอนที่พูดคุยกับเลอสรร
“สรุป..ตอนที่ไฟไหม้...เย็นไม่ได้อยู่ที่บ้าน”
“ครับ...น้อยเล่าว่า น้อยตามหาน้าเย็น แต่น้าเย็นไม่อยู่”
อุทัยข้องใจมาก จวนวิ่งมา อุทัยส่งกระเป๋าให้ จะเดินไปทางอื่น จวนถามสงสัย
“อ้าว คุณผู้ชายไม่เข้าบ้านหรือคะ”
อุทัยตอบแบบไม่ทันคิด
“ฉันจะไปหาเย็น”
จวนอึ้ง ตามประสาผู้หญิงที่คิดเยอะ มองอุทัยเดินไป วณีเดินลงมาจากตึก มองตามหลังอุทัย ถามจวนเสียงขื่น
“คุณผู้ชายไปไหนจวน”
“เอ่อ...” จวนอึกอัก
วณียิ้มเฝื่อนๆ
“ไปหาเย็นใช่มั้ย”
จวนมองวณีเห็นใจ วรีกลั้นน้ำตาฝืนยิ้มบอก
“กลับมาบ้าน แทนที่พี่อุทัยอยากจะเห็นหน้า กลับอยากเห็นหน้าเย็น”
“คุณผู้หญิงคะ...”
จวนทำท่าจะพูดปลอบ วณีฝืนยิ้ม
“ฉันไม่เป็นไรจวน มันแค่เป็นเรื่องตลก ที่หัวเราะไม่ออก”
วณีเดินไป จวนมองตามได้แต่เห็นใจวณี

เย็นเดินมาจากบ้านตัวเอง ผ่านสวน อุทัยเดินไปหาพอดี สองคนเผชิญหน้ากันตามลำพัง เย็นเมิน แข็งใจที่จะไม่มอง
“ฉันรู้มาว่า ตอนที่ไฟไหม้บ้านนมแส เธอไม่อยู่บ้าน”
“แล้วไงคะ...คุณสงสัย ว่าฉันเป็นคนเผาบ้านนมแส”
“ฉันไม่ได้พูดเลยนะเย็น แต่เธอเป็นคนพูดเอง”
เย็นมองเจ็บช้ำหัวเราะขื่น
“ทุกเรื่องค่ะ คุณไม่เคยพูด แต่สายตาคุณมันพูด ยกเว้น...เรื่องเดียว ที่คุณบอกว่ารักฉัน ทั้งคำพูดและการกระทำ”
“เลิกพูดเรื่องนี้ได้มั้ยเย็น”
เย็นสวนทันที
“ไม่ได้ค่ะ เพราะมันเป็นเรื่องเดียวที่ฉันรู้ว่าคุณทนฟังไม่ได้...รับตัวเองไม่ได้ ที่ครั้งหนึ่งคุณเคยอ้างคำรัก เพื่อหลอกลวงผู้หญิง”
“อย่ายั่วฉันนะเย็น” อุทัยกระชากตัวเย็น
วณีเดินมาข้างหลัง เห็นอุทัยยื้อยุดกระชากเย็น เย็นเห็นวณี แกล้งโอนเอนตัวมาใกล้อุทัย ที่กระชากเข้าหา
“อย่าพูดแบบนี้อีก”
เย็นยิ้มยั่ววณี ปั้นหน้าหวาน
“ที่ไม่ให้เย็นพูด เพราะกลัวถ่านไฟเก่ามันจะคุหรือคะคุณอุทัยขา” เย็นเอามือไล้หน้าอกอุทัย “เย็นรู้ตัวเองนะคะ...ว่ายิ่งแก่ เย็นก็ยิ่งสวย จริตจะก้านก็แพรวพราว ไม่ได้ใสซื่อไร้เดียงสา...” เย็นมองยั่ว “และผู้หญิงวัยขนาดเย็น...เสน่ห์มันร้อนแรงเกินห้ามใจ เย็นรู้นะคะว่า จริงๆแล้วคุณยังมีใจให้กับเย็นอยู่”
“ใช่...ฉันยังรู้สึกดีกับเธอเย็น...” อุทัยดวงตาเป็นมิตรไมได้คิดเรื่องนั้น
วณีทนเห็นไม่ได้ วิ่งร้องไห้ผละออกไป เย็นเห็นหัวเราะ อุทัยผลักเย็นออก
“เธอเป็นบ้าอะไรเนี่ย”
“บ้าเพราะรักคุณมั้งคะ บ้าเพราะรักคุณ” ปากเย็นบอกรักแต่ตาไม่
อุทัยมองจ้อง รู้
“ไม่จริง เย็น ไม่จริง สายตาเธอมันไม่ใช่”
“ฉลาดค่ะ...เพราะตอนนี้นอกจากฉันจะไม่รักคุณแล้ว ฉันยังขยะแขยงและรังเกียจ รังเกียจผู้ชายทุเรศๆที่เห็นแก่ตัว แต่วันนี้ฉันหลุดพ้นแล้ว น่าสมเพชก็แต่เมียคุณ...ที่ยังรักและเทิดทูน ก้อนเนื้อเน่าๆ ที่มีหนอนขึ้นเต็มตัว”
พูดจบเย็นก็สะบัดหน้าเดินไป อุทัยมองตามเย็นโมโห
“บ้าเอ๊ย...ยืนให้เค้าด่าทำไมวะอุทัย”

อุทัยกลับมาบ้าน กวาดตามองหาวณี
“คุณผู้หญิงล่ะ”
“เห็นตามคุณผู้ชายออกไป ไม่เจอกันเหรอคะ”
อุทัยนิ่ง สายตากังวลกลัววณีจะเห็นตัวเองกับเย็น รีบเดินตามไป

วณีนั่งร้องไห้ เย็นเดินเข้าไปมอง ยิ่งเห็นวณีร้องไห้ เย็นก็ยิ่งสะใจ
“เดินตามหาตั้งนาน...คุณผู้หญิงหลบมานั่งร้องไห้ ที่นี่เอง”
วณีสะดุ้งรีบเช็ดน้ำตาออก
“คุณเจ็บใช่มั้ยคะ ที่เห็นฉันอยู่กับคุณอุทัย”
วณีมองเย็น ยังไม่รู้ เย็นจะมาไม้ไหน เย็นพูดต่อ น้ำเสียงจริงจังแต่เจ็บ
“แล้วคุณเคยคิดบ้างมั้ยคะ ว่างานแต่งงานของคุณฉันเจ็บปวดขนาดไหน ทั้งๆที่ฉันมาก่อน ฉันอยู่กับเค้ามาก่อน แล้วเค้าก็มีสัญญากับฉัน ก่อนที่จะมีคุณ...แต่ก็อย่างว่าล่ะคะ ผู้ชายอยู่ใกล้ใคร ก็บอกว่ารักคนนั้นตะกี้...คุณอุทัยก็บอกว่ายังรู้สึกดีกับฉันอยู่”
วณีน้ำตาไหลพราก เย็นหัวเราะ
“เพราะฉะนั้น เรื่องนี้ฉันไม่โทษผู้หญิงด้วยกันค่ะ ฉันโทษผู้ชาย ผู้ชายเลวๆ ที่ทำให้ผู้หญิงฆ่ากันตายได้ ทั้งๆที่ไม่เคยรู้จักกัน แต่ไม่ต้องกลัวนะคะ ฉันไม่ทำอะไรคุณหรอก...เพราะตอนนี้ฉันว่าคุณกำลังได้รับกรรมอยู่ กรรมที่แย่งผัวเค้ามาค่ะ”

เย็นเดินไป วณีปล่อยโฮออกมา เย็นหันกลับมามองใจหนึ่งก็สงสาร ใจหนึ่งก็สะใจ

จวน ทำงานอยู่ในครัว ถอนหายใจ ท่าทางกลุ้มกังวลหนักใจ หวานกับช้อยแอบมองสงสัย

“เป็นอะไรพี่จวน”
“นั่นน่ะสิ ลูกผัวก็ไม่มี ถอนหายใจเฮือกๆอยู่ได้” ช้อยแดกดัน
“หรือที่ถอนหายใจเพราะไม่มีลูก ไม่มีผัว” หวานหันไปหัวเราะกับช้อย
“ฉันไม่เคยคิดว่าการมีลูกมีผัวเป็นเรื่องสำคัญของชีวิต และจะรู้สึกสมเพชมาก ถ้าเจอพวกผู้หญิงที่ชอบอวดผัว ทั้งๆที่ผัวไม่มีอะไรดีน่าอวด ความรู้ก็ไม่มี ฐานะก็ไม่มี หน้าตาก็ไม่ดี...”
เอิบสะดุ้งเฮือก จวนยิ้มเย้ยมองหวาน
“พูดแค่นี้ คงไม่ต้องระบุใช่มั้ยว่าฉันด่าใคร”
จวนเดินออกไป เอิบด่าหวาน
“นังหวานนังบ้า ฉันอยู่เฉยๆ หาเรื่องให้ฉันโดนด่าทำไมวะ”
หวานหน้าแหย
“ด่าฉันนี่แหละ ที่มีผัวไม่เลือกน่ะ”
ประวิทย์เดินเข้ามาในครัว สวนกับจวน
“มีเรื่องอยากจะคุยกับน้าจวนพอดีเลย”
หวาน ช้อย เอิบมองหน้ากัน ก่อนหันมามอง เห็นประวิทย์เดินไปกับจวน
“เฮ้ย...พี่จวนกับประวิทย์ มันมีเรื่องอะไรกันวะ” ช้อยถาม
“หรือ...นังจวน มันจะกิ๊กประวิทย์อีกคน” เอิบคิดๆ
“พี่จวนจะกินเด็ก” หวานตาโต
สามคนหัวเราะกันคิกคักย่องตามไป

จวนเดินมาหลบมุมที่สนามหน้าบ้าน ประวิทย์เดินตามมา ด้านหลัง เอิบ ช้อย หวาน แอบตามมา หลบหลังพุ่มไม้แอบฟัง ประวิทย์ถามจวน
“คุณหนูเปียยอมรับมั้ยครับว่าเป็นคนทำร้ายน้อย”
สามคนเงี่ยหูฟังกันใหญ่
“เย็นบอกว่าไม่ยอม...แม่น้อยก็ไม่ยอมบอก ตกลง...ประวิทย์เห็นจริงๆใช่มั้ยว่าคุณหนูเปียเป็นคนทำน่ะ”
“ผมเห็นด้านหลังแว่บเดียวที่สระบัว แต่ผมก็จำได้...คนคนนั้นคือคุณหนูเปีย”
“มันเรื่องอะไรกัน ถึงได้จะฆ่าจะแกงกันถึงขนาดนั้น”
จวนกับประวิทย์มองหน้ากันหนักใจ สามคนฮือฮา

หวาน ช้อย เอิบเดินกันมา หลบมุมเมาท์กัน หวานพูดอย่างภูมิใจมากๆ
“ฉันบอกแล้วว่ามันต้องมีอะไรแน่ๆ”
“ที่คุณหนูเปียตัวเปียก เนื้อตัวสกปรก ตกลง ไม่ได้ไปเล่นจ้ำจี้กับประวิทย์” เอิบบอก
“แต่ตั้งใจที่จะฆ่าแม่น้อย” ช้อยเสริม
“สยองจริงๆ” หวานหน้าหวาดๆ
ช้อยถอนใจ
“สงสารคุณๆชะมัดเลย”
ทุกคนมองหน้ากันทำท่าสยองเปีย

ในบ้าน...วณีนั่งซึมน้ำตาคลอ นึกถึงคำพูดของเย็น
“เย็นตอนนี้ฉันว่าคุณกำลังได้รับกรรมอยู่ กรรมที่แย่งผัวเขามาค่ะ”
วณีหลับตาลงเหนื่อยอ่อนกลั้นน้ำตา ในใจ
“ไม่น่าเลย ไม่น่าเลย”
วณีตั้งสติ สูดลมหายใจ บอกตัวเองให้ลืมให้เข้มแข็ง แต่พอลืมตาขึ้นก็สะดุ้งเมื่อเห็น
เย็นยืนอยู่ วณีถามระแวง
“เย็นมีอะไรรึเปล่าจ้ะ”
เย็นมองเวทนาก่อนบอก
“ฉันซื้อตำปูปลาร้าของโปรดของคุณหนูเปียมาฝาก”
วณีมองแบบอึ้งๆ เย็นยิ้มเยาะถาม
“ทำไมคะ...ผู้ดีกินตำปูปลาร้าไม่ได้เหรอ...แหม...คุณอุทัยยังชอบตำซั่วอย่างดิฉันเลยค่ะ อย่างว่า รสชาติมันแซ่บนัวผิดกัน ขออนุญาตไปหาคุณหนูเปียนะคะ” เย็นเดินเข้าไปไม่รอคำตอบ
วณีอึ้ง ชักทนไม่ไหว
“นี่ฉันต้องอยู่ในสภาพแบบนี้ไปอีกนานแค่ไหนเนี่ย”

เย็นเดินไปทุบประตูห้องเปีย
“เปีย”
เปียในห้อง สะดุ้งโหยง มองประตู เย็นลงเสียงหนัก
“คุณหนูเปีย”
เปียเงียบ ไม่กระดุกกระดิก เย็นลงเสียงหนักกว่าเดิม
“จะเปิดหรือไม่เปิดนังเปีย”
เปียลุกมาเปิดประตูอย่างขัดใจ เย็นแทรกร่างเข้าไปในห้องปิดประตู ด้านล่างวณียืนมองอยู่ เห็นทุกอย่าง วณีชักสีหน้าฉุน เย็นมีอิทธิพลต่อเปียขึ้นทุกวัน

เปียกอดอกมึนตึงหันหลังให้เย็นแบบไม่อยากเห็นหน้า กระชากเสียงถาม
“มาทำไมอีก”
“ซื้อส้มตำมาฝาก”
เปียหันมามอง
“ฉันไม่เอายานอนหลับ หรือว่ายาพิษผสมให้แกกินหรอกน่า”
เย็นยื่นให้ เปียถามกระด้าง
“นี่ง้อใช่มั้ย”
“ฮื่อ” เย็นกระด้างยิ่งกว่า
เย็นกับเปียมองหน้ากัน เย็นพูดน้ำเสียงจริงจัง เชิงเตือนสติ
“ยังไง แกก็เป็นหลานน้า น้าย่อมรักและหวังดีกับแกมากกว่าลูกศัตรูอยู่แล้ว แต่ที่น้าทำดีกับยัยน้อย...บอกตามตรง...น้า...” เย็นสายตาอ่อนโยน “เวทนา น้าคงไม่ต้องพูดมากใช่มั้ยว่า...ทำไม”
เปียมองระแวง
“น้าเย็นรักเปียมากกว่านังน้อยจริงนะ”
เย็นไม่แน่ใจ แต่บอก
“จริงสิ...ที่น้าไม่อยากให้แกก่อเรื่องวุ่นวายเพราะน้ากลัว...เกิดพวกมันจับได้...ว่าแกไม่ใช่ลูกที่แท้จริงของพวกมัน แกจะไม่ได้ของอนุรักษ์ธานินสักอย่างเลย”
เปียมองคาดคั้น หวงเย็น
“งั้นน้าเย็นต้องสัญญา ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น น้าเย็นต้องรักเปียมากกว่านังน้อย”
“แกก็ต้องสัญญากับน้า...ว่าแกจะไม่ยุ่งวุ่นวายทำร้ายยัยน้อยอีก”
เปียเงียบ หน้าตาหงิกงอ เบ้ปาก เย็นมองไม่พอใจ ติงเสียงดุ
“เปีย...รับปากกับน้า”
เปียไม่เต็มใจนัก
“ก็ได้...” เปียมองอ้อนวอนแกมเอาเรื่อง “น้าเย็นอย่าลืมสัญญาแล้วกัน”
“แน่นอน น้าไม่มีทางเห็นขี้ดีกว่าไส้...ถึงแม้บางที ไส้มันจะเน่าและเหม็นกว่าขี้ก็ตาม”

เย็นเดินออกไป เปียมองตามตาเขียวปั้ด

เย็นเดินขึ้นบ้าน พลางยื่นถุงส้มตำมาให้น้อย

“น้าซื้อส้มตำมาฝาก”
น้อยรับถุงหิ้วมาเปิดดู
“ไม่ลืมหรอกน่า แกชอบ ตำไทยใส่พริกแค่เม็ดเดียว”
“ขอบคุณค่ะน้าเย็น น้าเย็นกินกับน้อยนะคะ” น้อยกุลีกุจอจะไปเท
“แกก็รู้ ฉันไม่ชอบกินตำไทย และก็เกลียดนักล่ะ พวกที่ชอบกินตำไทยใส่ปลาร้า เฮอะ อยากกินปลาร้า แต่ดัดจริต ต้องใส่ตำไทย อย่างนายอุทัย”
น้อยนิ่งไม่ชอบเลยเวลาเย็นพูดถึงอุทัยไม่ดี เย็นเล่าให้ฟัง
“แกรู้มั้ย ว่านายอุทัยสงสัยว่าฉันเผาบ้านนมแส”
“ทำไมคะ” น้อยตกใจ
“คืนนั้น ฉันไม่อยู่บ้าน ก็ไม่รู้มีหมาตัวไหนคาบข่าวไปสอพลอ” เย็นจ้องน้อย
น้อยรีบปฏิเสธ
“น้อยเปล่านะคะน้าเย็น น้อยเปล่า”
“ฉันรู้ แกไม่ใช่คนปากโป้ง ฉันแค่สงสัย แล้วจะมีคนรู้ได้ยังไง ว่าฉันไม่อยู่บ้าน นอกจากฉันกับแก”
น้อยหลบตาเย็น นึกถึงเหตการณ์ที่เธอถามเย็นคืนนั้นว่าไปไหน แล้วก็นึกถึงเลอสรรที่เดินสวนกับเย็น...น้อยครุ่นคิดสงสัยเลอสรร

ค่ำนั้น เลอสรรนั่งวาดรูปดวงหน้าของน้อย กำลังมองพระจันทร์ หันหน้าด้านข้าง นมแส
เดินเอาชามาให้ ไม่เห็นรูปวาด
“ชาค่ะ”
“อ้าว...นมแสกลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่”
“เย็นๆน่ะค่ะ เอิบไปรับ”
“พักผ่อนเยอะๆนะครับ จะได้แข็งแรงไวๆ”
“โอ๊ย...หลับจนไม่อยากหลับแล้วค่ะคุณเลอ ไม่รู้ใครมันบ้า เอายานอนหลับให้ดิฉันกิน คนโรคจิต” นมแสเดินไปแบบอารมณ์เสียโกรธคนทำ
“นั่นสิ...ใครกันแน่โรคจิต เอายานอนหลับให้นมแสกิน”
เลอสรรกลุ้มใจ ลุกขึ้นบิดขี้เกียจ ปวดเมื่อย ก่อนถอดเสื้อคลุมกระโดดลงสระ

น้อยเดินหน้าบึ้ง เดินมาด้อมๆมองๆที่หน้าบ้าน นมแสเห็น
“อ้าว…หนูน้อย มาซะดึกดื่น มีธุระอะไรรึเปล่าจ้ะ”
“น้อยมีธุระอยากจะคุยกับคุณเลอสรรค่ะ”
“อ้อ!คุณเลอนั่งวาดรูปอยู่ที่สระว่ายน้ำน่ะ”
“งั้น น้อยขออนุญาตไปหานะคะ”
“จ้ะ”
น้อยค้อมตัวผ่านหน้านมแสไปอย่างนอบน้อม นมแสมองตามสงสัยมีอะไร

น้อยเดินมายังบริเวณสระว่ายน้ำ ไม่เห็นเลอสรร นอกจากเฟรมวาดรูปที่ค้างไว้อยู่ น้อยทำท่าทางสงสัยว่าเขาไปไหน ก่อนเดินมามายังเฟรมวาดรูป น้อยเห็นรูปของตัวเองก็ขมวดคิ้วไม่แน่ใจ เพราะรูปยังวาดไม่เสร็จ อีกทั้งยังหันข้าง น้อยชะโงกหน้าเข้าไปมองใกล้ๆ เลอสรรโผล่พรวดขึ้นมาข้างๆน้อยร้องตกใจ เลอสรรยิ้มขำ
“มาแอบมองอะไรพี่...น้อย”
น้อยหันมามองเห็นด้านบนของเลอสรรเปลือยเปล่า น้อยหันหลังทันที อายๆ เลอสรรกระโดดขึ้นมาจากสระ ไปยืนตรงหน้ายิ้มถาม
“ฮึ ว่าไง แอบมองอะไรพี่”
น้อยหน้าแหย หันไปอีกทางหลบ
“เปล่าไม่ได้แอบมอง”
“งั้นหลบตาทำไม”
น้อยอ้ำๆอึ้งๆ
“ก็...”
เลอสรรหัวเราะ
“พี่แค่ว่ายน้ำธรรมดา ไมได้โป๊สักหน่อย”
“ยังไงน้อยก็ไม่กล้ามองอยู่ดี”
“เอาล่ะๆพี่ไม่แกล้งแล้ว” เลอสรรคว้าเสื้อคลุมมาสวม
“มาหาพี่มีอะไร”
“คุณเลอสรรบอกคุณอุทัยใช่มั้ยคะ คืนที่ไฟไหม้บ้านนมแส น้าเย็นไม่อยู่บ้าน”
เลอสรรตกใจ ตั้งตัวไม่ทัน
“เอ่อ...”
น้อยเห็นพิรุธ
“คุณเลอสรรบอกจริงๆด้วย...เป็นแผนของคุณใช่มั้ยคะ แกล้งทำดีกับน้อย จริงๆแล้วตั้งใจไปแอบฟัง”
“เปล่านะน้อย เปล่า”
น้อยน้ำตาคลอผิดหวังเสียใจ
“ทำไมคุณใจร้ายใจดำอย่างนี้คะ คุณทำให้คุณท่านสงสัยน้าเย็น ทั้งๆที่น้าเย็นไม่ได้เป็นคนทำ”
น้อยถอยห่างจะหนี เลอสรรคว้าตัวไว้
“ไม่นะน้อย ฉันไม่ได้ตั้งใจ”
“ปล่อย แล้วต่อไปอย่ามายุ่งกับน้อยอีก ปล่อย” น้อยปัดออก
“ฉันไม่ปล่อย จนกว่าเราจะคุยกันรู้เรื่อง”
เลอสรรคว้าตัวมากอดแน่นเข้า น้อยดิ้น
“ปล่อย...”
“ไม่ปล่อย”
น้อยเงื้อมือขึ้นผลักเลอสรร สองคนยื้อยุดฉุดกันไปมาจนเสียหลักหล่นลงไปในสระทั้งคู่ น้อยจมน้ำแบบไม่ตั้งตัว เลอสรรตามไปคว้าตัวเอาไว้ กลายเป็นกอดน้อยเข้าอีก นมแสเดินเข้ามาเห็น ตกใจ
“ว้าย”
ทั้งน้อยทั้งเลอสรรตกใจ น้อยฉวยโอกาสนั้น กระโจนขึ้นสระ วิ่งหนีไปด้วยความเขินอาย นมแสยิ้มให้คุณเลอสรรแบบเชียร์ๆอยู่เหมือนกัน เลอสรรหน้าแหย อาย เปียมองลงมาเห็นทุกอย่าง มองอย่างโกรธแค้นชิงชังน้อย

น้อยวิ่งใจหายใจคว่ำเนื้อตัวเปียกปอน กวาดสายตามองแบบกลัวเจอเย็น น้อยไม่เห็นเย็นรีบวิ่งขึ้นบันไดบ้านรวดเร็วเข้าห้องปิดประตู เย็นเดินออกมาดู เห็นรอยเท้าที่เปียกน้ำย่ำอยู่ของน้อย และรอยน้ำหยด เย็นมองสงสัย

อุทัย เพิ่งกลับมาจากทำงานเดินเปิดประตูเข้าห้อง เห็นวณีหน้าเครียดไม่พูดจา
“หมู่นี้ วณีไม่ค่อยคุยกับพี่เลยนะ”
“ก็พี่อุทัยไม่อยากคุยกับวณีเอง” วณีหน้าตึง
“เปล่านะ...พี่งานยุ่ง”
“เหรอคะ แต่งานยุ่งขนาดไหน พี่อุทัยก็ยังมีเวลาไปหาเย็น” วณียิ้มหยัน
“พี่มีธุระต้องคุยกับเขา...ก็เรื่องไฟไหม้บ้านนมแส”
“แล้วได้เรื่องอะไรมั้ยล่ะคะ”
“ไม่...วณีก็รู้ เย็นชอบโยกโย้ยอกย้อนอย่างที่สุด” อุทัยเจื่อนๆ
วณีนึกถึงภาพที่เห็นอุทัยยื้อยุดฉุดกระชากกับเย็น เธอยิ่งหน้าตึงไปใหญ่แอบประชด
“เหรอคะ”
อุทัยไม่รู้เรื่องพูดต่อ
“ช่างเถอะ อย่าไปสนใจเย็นเลย...สนใจลูกของเราดีกว่า หมอวิธูกลับมาพรุ่งนี้...พี่จะพาลูกไปหาหมอ”
วณีสายตาเจ็บปวด ถามแผ่วใจหาย
“มันถึงเวลาแล้วใช่มั้ยคะ”
อุทัยพยักหน้าลำบากใจ
“ลูกจะเป็นอะไรรึเปล่าพี่ไม่รู้...แต่เพื่อความสบายใจ พี่ว่ามันถึงเวลา”

วันใหม่...เปียเดินหงุดหงิดออกมาจากบ้าน ยังโกรธที่เลอสรรกอดน้อยในสระ
“ฉันไม่มีทางยอมให้พี่เลอสรรเป็นของแกแน่”
ประวิทย์เดินมาขวางหน้าเปียแบบรออยู่
“คุณหนู”
“อุ๊ย...ตกใจหมดเลยประวิทย์...มีอะไร ถึงได้มาดักรอเปียแบบนี้ เดี๋ยวก็มีคนเห็นหรอก”
“ผมมีเรื่องไม่สบายใจ”
เปียถอนหายใจหน่ายๆ
“แล้วเกี่ยวอะไรกับเปีย”
“เกี่ยวสิครับ เพราะผมเห็นคุณหนูทำร้ายน้อยที่สระบัว”

เปียหน้าซีดเผือด
 
อ่านต่อหน้า 4

คมพยาบาท ตอนที่ 8 (ต่อ)

อุทัยกับวณีเดินลงมาจากบ้าน กวาดตามองหาเปีย วณีถามนมแส

“ลูกเปียล่ะจ้ะนมแสไปไหน ตะกี้ฉันไปดูที่ห้องก็ไม่อยู่”
“ออกไปเดินเล่นข้างนอกนานแล้วค่ะ”
“หรือจะไปบ้านคุณแม่...คุณแม่เล่าให้พี่ฟัง ช่วงนี้แกติดคุณแม่” อุทัยคิดๆ
“ไปหาที่บ้านคุณแม่ก็ได้ค่ะ”
สองคนเดินออกไปด้วยกัน

คุณหญิงอนุรักษ์ทำหน้าเหรอหรา
“ยัยเปียไม่ได้มาหาแม่เลยนะ”
“อ้าว”
วณีหันมามองอุทัย ถามสงสัย
“แล้วลูกไปไหน”
สามคนมองหน้ากัน เหวอ งง

ในสวน มุมค่อนข้างลับ เปียนั่งพิงไหล่ออดอ้อนประวิทย์ตามประสา
“ประวิทย์...เปียไม่ได้ทำอะไรน้อยจริงๆนะ...”
“แต่ผมเห็น และผมก็มั่นใจว่าผมไมได้ตาฝาด คุณหนูทำน้อยทำไม”
เปียตาหลุดหลิก กลบเกลื่อน
“ก็...ก็...เปียหึงประวิทย์”
“หึงผม” ประวิทย์งง
“ก็ใช่น่ะสิ...เปียหึงประวิทย์...ประวิทย์ชอบสนใจน้อย” เปียสะบัดสะบิ้งกระแดะ “วันที่จะเปียจะออกไปนั่งรถเล่น ประวิทย์ก็ไปดักรอเจอน้อย...ตกลง ประวิทย์สนใจยัยน้อยมากกว่าเปียแล้วใช่มั้ย”
ประวิทย์ยิ้มดีใจ
“ก็...ผมกลัวตัวเองจะถ่วงชีวิตคุณหนู เลยอยากจะถอยห่าง”
“ไม่เลยน้า...ประวิทย์ไม่เคยถ่วงชีวิตเปีย มีประวิทย์แล้วเปียมีความสุขจะตาย” เปียอ้อน
“ตกลง...”
“ประวิทย์ก็จะเป็นของจรรยาคนเดียว จรรยาก็จะเป็นของประวิทย์คนเดียวจ้ะ”
ประวิทย์มองเปียยิ้ม ชื่นใจเหลือเกิน เปียยิ้มหลอกล่อ ก่อนทำหน้าเบื่อประวิทย์

เปียเดินปัดเนื้อปัดตัวตัวเอง ทำท่าขยะแขยงบ่น
“เฮ่อ...วันนั้นเหม็นสาบคนแก่ วันนี้เหม็นสาบคนจน เพลีย เพลียจริงๆอิเปีย”
อีกฝั่ง วณีกับอุทัยเดินกลับมาจากบ้านคุณหญิง เปียเห็นรีบหลบ อ้อมไปทางด้านหลัง ขณะที่วณีบ่น
“หายไปไหนนะลูกเปีย เฮ้อ”
เปียโผล่มาทางด้านหลังกอดวณี
“จ๊ะเอ๋คุณแม่ขา...”
“ว้าย” วณีหันมาเห็น “ไปไหนมานี่ลูก แม่ตามหาตั้งนาน”
“ไปคุยกับคุณย่ามาค่ะ คุณย่าน่าร้าก น่ารัก คุยสนุ้ก สนุก อุทัยกับวณีมองหน้ากัน ดูสายตาก็รู้ เปียโกหก แต่ไม่มีใครพูดออกมา เปียถามสดใสไม่รู้ตัว
“แล้วนี่คุณแม่ตามหาเปียทำไมคะ”
“แม่จะพาเปียไปหาหมอ”
“แม่เขาไม่สบายนะลูก เปียไปด้วยกันนะ” อุทัยรีบแก้ทันที
“ไม่เอาค่ะ เปียไม่ชอบไปหาหมอ” เปียหน้าย่น
“แต่แม่ไม่สบายนะลูก เปียไม่ห่วงแม่เหรอ ไปกับแม่นะ”
“ถ้าเปียไป พี่เลอสรรก็ต้องไปเหมือนกัน”
วณีกับอุทัยมองหน้าเปีย
“ก็จริงมั้ยละคะ พี่เลอสรรก็เป็นลูกคุณพ่อคุณแม่ ใช่เปียคนเดียวซะเมื่อไหร่” เปียยื่นคำขาด “ถ้าจะให้เปียไปหาหมอกับคุณแม่ พี่เลอสรรต้องไปด้วยค่ะ”

เลอสรรแอบซ่อนตัวมองน้อยอยู่ ท่าทางร้อนใจ เลอสรรเห็นเย็นกำลังจัดพวกเชือกถักที่ถักเรียบร้อยใส่ถุง ทำท่าจะเดินออกมาพลางบอก
“เดี๋ยวน้าจะเอางานไปส่งที่ร้านเจ๊ แล้วจะเลยไปซื้อชุดนักศึกษาชุดใหม่มาให้ด้วย”
“ขอบคุณมากค่ะน้าเย็น” น้อยยกมือไหว้
“แล้วเมื่อคืนไหนมาเหรอ”
น้อยหน้าแหย ใจหายวาบ ขณะที่เย็นถามต่อ
“น้าเห็นรอยเท้าเป็นทางแถมยังมีรอยน้ำหยด ยังกับแกไปจุ่มน้ำที่ไหนมางั้นแหละ”
เย็นจ้องหน้า น้อยหลบตามีพิรุธ เลอสรรสะดุ้งเฮือก กังวลแทนน้อย เย็นมองน้อย ดุ
“ยัยน้อย”
“คะ” น้อยเนื้อตัวสั่น
“บอกฉันมา ยัยเปียมันแกล้งแกอีกเหรอ”
“เปล่าค่ะเปล่า เปียไม่ได้ทำ” น้อยโล่งใจตอบตรงๆ
เลอสรรฟัง สังเกตคำพูด ได้ยินเปียแกล้งน้อยอีกเหรอก็ขมวดคิ้ว สงสัย เย็นจ้องน้อย
“ฉันถามแกแล้วนะ แต่ถ้าแกโกหกก็ช่วยไม่ได้”
เย็นคว้าถุงเชือกถักเดินออกไป น้อยมองตามเย็นโล่งใจ แต่ก็ต้องเบิกตาโพลงขึ้นมาอีก เมื่อเลอสรรเดินมาขวางหน้า
“คุณเลอสรร”
น้อยสบตาเลอสรร งอน ฉุนโกรธ เลอสรรมองน้อย เว้าวอน

ทุกคนอยู่ที่รถเตรียมจะออกไป ในขณะที่เปียหน้างอ
“ตาเลอไม่อยู่ ก็ไปกันเถอะลูก” อุทัยบอก
เปียหน้าหงิก
“ไม่ได้ค่ะ...เปียกับพี่เลอเป็นลูกคุณพ่อคุณแม่เหมือนกัน ทำไมต้องให้เปีย ไปเฝ้าคุณแม่คนเดียว...ที่สำคัญ เปียบอกแล้ว ถ้าพี่เลอสรรไม่ไป เปียก็ไม่ไป”
เปียคว้ามือถือขึ้นมากด ไม่สนใจพ่อแม่

เลอสรรกับน้อยเผชิญหน้ากัน
“กลับไปค่ะ” น้อยบอก
“พี่ไม่กลับ จนกว่าเราจะคุยกันให้รู้เรื่อง”
น้อยตัดพ้อ
“น้อยรู้เรื่องตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว ว่าคุณเลอสรรเป็นคนที่ไม่ควรไว้ใจ เชื่อไม่ได้”
เลอสรรจะอธิบาย เสียงมือถือดัง เขาจำต้องรับสาย
“ครับ”
เปียดีใจ
“พี่เลอเหรอค้า อยู่ที่ไหนเอ่ย เปียกับคุณพ่อคุณแม่รอพี่เลออยู่ค่ะ”
น้อยได้ยินเสียงเปียลอดออกมาจากมือถือ ก็จะผละออกไป แต่เลอสรรคว้ามือเอาไว้ น้อยไม่กล้าร้องกลัวเปียได้ยิน ได้แต่ทำหน้าแหย ดิ้น เลอสรรกำมือน้อยแน่น ถามเปีย
“รอทำไมน้องเปีย”
“รอพี่เลอไปหาหมอน่ะสิคะ...คุณแม่ไม่สบาย”
เลอสรรตกใจ
“คุณน้าไม่สบาย”
“ค่ะ...อยู่ที่ไหน พี่เลอกลับมาเร็วๆนะคะ จะได้พาคุณแม่ไปหาหมอด้วยกัน”
เปียวางสาย ยิ้มพอใจ ที่ทุกคนอยู่ใต้อาณัติตัวเอง เลอสรรมองน้อยตาละห้อย น้อยแกะมือเขาออก
“คุณวณีไม่สบาย คุณเลอสรรควรรีบกลับไป ไม่ใช่ฉวยโอกาสกับผู้หญิงค่ะ”
เลอสรรได้ยินคำว่าฉวยโอกาสก็รู้สึกผิด
“พี่ขอโทษ...ไว้พาคุณน้าไปหาหมอก่อน พี่จะมาอธิบายทุกเรื่องให้น้อยเข้าใจ”
เลอสรรเดินออกไป น้อยมองตามบอกตัวเองในใจ

“เขาเป็นของเปีย...เขาเป็นของเปีย”

อุทัย ขับรถมาจอดที่โรงพยาบาล และวณีก็เดินลงมา เปียตามลงมาทีหลังแต่ไม่ได้ประคองหรือสนใจวณีอย่างที่ควรจะเป็น กลับกวาดตามองหาอะไรบางอย่าง

“มองอะไรลูกเปีย” วณีถามอย่างสงสัย
“พี่เลอสรรไงคะ พี่เลอสรรบอกว่าจะตามมา ไม่เห็นมาสักที”
“เดี๋ยวเสร็จธุระ ก็คงตามมา ลูกดูแม่หน่อยดีกว่านะ” อุทัยสั่ง
เลอสรรเดินมาจากอีกด้าน เปียเห็นกรี๊ดเลย พร้อมโบกไม้โบกมือ
“พี่เลอสรรขา...น้องเปียอยู่นี่ค่า”
เลอสรรมองวณีกับอุทัย
“รอนานมั้ยครับ...พอดีผมจอดรถไว้ด้านหลัง”
เปียตอบแทนวณี เง้างอด
“นานค่ะ...พี่เลอไปทำธุระอะไรที่ไหนมาคะ”
“พี่ไปคุยกับน้อย”
เปียตาเขียวแว้ดทันที
“ไปคุยอะไร”
“เปีย...ไม่เอาลูก” เปียแตะมือเชิงติง
เปียสะบัดมือวณีออก
“คุณแม่ไม่ต้องมาห้ามเปีย” เปียจ้องเลอสรร “พี่เลอสรรทำตัวไม่ถูก เปียต้องอบรมพี่เลอสรรค่ะ”
“อบรม” อุทัยชะงัก
“ค่ะ...เปียต้องอบรมพี่เลอ”
“อบรมพี่เรื่องอะไร” เลอสรรงงๆ
“คุณแม่ไม่สบายแทนที่พี่เลอ จะอยู่ดูแลคุณแม่ กลับไปขลุกอยู่กับผู้หญิง มันใช่เรื่องเหรอคะ”
เลอสรรบอกกับวณี
“ผมไม่ทราบจริงๆครับว่าน้าวณีไม่สบาย”
วณีพยายามส่งซิก
“น้าไม่ได้เป็นไรหรอกจ้ะ”
เปียอารมณ์เสีย
“ไม่ได้เป็นไร แล้วมาโรงพยาบาลทำไมคะ” เปียมองวณีตำหนิ “ที่สำคัญ...เมื่อเช้าคุณพ่อคุณแม่บอกเองว่าไม่สบาย พูดจากลับไปกลับมาอย่างนี้ ใช้ได้ที่ไหน”
วณีอึ้ง จะเป็นลม อุทัยหน้านิ่วจ้องท่าทีของเปีย ขณะที่เลอสรรตกใจมากรีบบอก
“เปีย...พูดจากับคุณพ่อคุณแม่แบบนี้ได้ยังไง ไม่น่ารักเลย”
“ไม่น่ารักตรงไหนคะ เปียเป็นคนตรง คนตรงๆก็พูดจาตรงๆแบบนี้ล่ะ”
“แต่เปียต้องแยกให้ออก ระหว่างคนตรง กับคนไม่มีมารยาท มันต่างกันยังไง”
“ไปหาหมอดีกว่าเปีย” อุทัยดุ จับมือเปีย
“จับมือเปียทำไมคะ คุณแม่มาหาหมอ...คุณพ่อก็จับมือคุณแม่สิ” เปียขัดขืน
เปียไม่อยากเข้าโรงพยาบาล วณีลำบากใจทุกข์ใจ
“พี่อุทัย”
“งั้นพ่อกับแม่จะเข้าไปหาลุงหมอก่อน ฝากน้องด้วยนะเลอ”
เลอสรรลำบากใจ
“ครับ”
อุทัยกับวณีเดินเข้าไปในโรงพยาบาล เปียเกาะแขนเลอสรรยิ้มหวาน
“พี่เลอขา...เปียอยากไปเดินเล่น”
“เอาสิจ้ะ ตามสบาย” เลอสรรยิ้ม
เปียกรี๊ดดีใจกระแดะ
“พี่เลอใจดีที่สุดเลย”
“เอาเลยจ้ะ อยากเดินเล่นตรงไหน เชิญตามสบาย พี่จะนั่งรอที่ร้านกาแฟข้างใน”
พูดจบเขาเดินไปเลย เปียเหวอ
“พี่เลอ...ทำไมพี่เลอไม่เดินเล่นกับเปีย พี่เลอ...”
เปียรีบวิ่งตาม

เลอสรรเดินตรงลิ่ว ออกอาการเบื่อระอาเปียมาก เปียวิ่งตามมาเกาะแขนเลอสรร
“ทำไมพี่เลอไม่ตามใจเปียคะ”
เลอสรรแกะแขนออก
“ก็ตามใจแล้วไง พี่อยากเดินเล่น พี่ก็ให้เดิน”
“แต่พี่เลอสรรไม่เดินกับเปีย” เปียเง้างอด
“ก็พี่ไม่อยากเดิน”
“แต่ถ้าเป็นยัยน้อย...” เปียตาเขียวริษยา “พี่เลอคงอยากจะเดินกับมันทั้งวัน”
“ใช่” เลอสรรตอบตรงๆ
“พี่เลอสรร” เปียเสียใจ โกรธ
“พี่สนใจน้อย พี่ชอบน้อย พี่อยากอยู่กับน้อย น้องเปียเข้าใจนะ”
“พี่เลอ” เปียตัวสั่น เสียงสั่น
เลอสรรจริงจัง อ่อนโยน
“น้องเปีย...พี่ว่า แทนที่เปียจะวิ่งตามพี่ หรือวันๆ เอาแต่ทำเรื่องไร้สาระ พี่ว่า...น้องเปีย เรียนต่อมหาวิทยาลัยดีมั้ย”
เปียกรีดเสียงใส่
“ไม่...เปียไม่ชอบเรียนหนังสือ อีกอย่างเปียเป็นลูกคนรวย เปียไม่ต้องทำอะไร เปียก็มีเงินมากกว่าคนที่เรียนสูงๆอีก...” เปียเย้ยหยันถือตัว “คนอย่างคุณหนูเปียเรียนแค่มหาวิทยาลัยชีวิตก็พอแล้ว”
“ไม่พอ นอกจากการศึกษาจะให้ความรู้ การศึกษายังจะช่วยขัดเกลาให้น้องเปียรู้จักกาลเทศะ ให้น้องเปียรู้อะไรควรไม่ควร”
“ก็เปียเป็นคนแบบนี้ เปียเป็นคนตรง เปียอินดี้ เปียไม่จำเป็นต้องเหมือนใคร”
“งั้นน้องเปียก็ต้องยอมรับสภาพให้ได้ ถ้าวันหนึ่ง น้องเปียจะไม่เหลือใคร”
“พี่เลอพูดอย่างนี้แปลว่าอะไร”
“พี่จะไม่ทนน้องเปียน่ะสิ”
เปียอ้าปากค้าง ตกใจ
“พี่เลอ”
เลอสรรเดินหนีไปแบบไม่ได้สนใจเกินกว่าน้อง เปียกำมือแน่น โกรธ ได้แต่กรี๊ด
“จะฟ้องแม่ เปียจะฟ้องคุณพ่อคุณแม่ ฮึ้ย”

เปียเดินเข้าโรงพยาบาล

เปียเดินโวยวายเข้ามาในโรงพยาบาลไร้ซึ่งมารยาท

“พ่อฉันอยู่ไหน แม่ฉันอยู่ไหน”
ทุกคน รวมทั้งเจ้าหน้าที่ที่ยืนอยู่แถวนั้นเหวอ เปียไม่รู้ตัว เชิดหน้าหยิ่งบอก
“ไม่รู้จักรึไง...พ่อแม่ฉัน คุณอุทัย คุณวณีอนุรักษ์ธานิน และฉัน...” เปียเชิดมาก “จรรยา อนุรักษ์ธานิน”
“ไม่รู้จักค่ะ” เจ้าหน้าที่ที่เคาเตอร์งงๆ
“ไม่รู้จักได้ยังไง”
“ประทานโทษ คนไข้ที่นี่เยอะ ขออนุญาตทราบชื่ออีกทีนะคะ จะเช็กประวัติให้ค่ะ”
เจ้าหน้าที่เตรียมพิมพ์ชื่อ ค้นหาในคอมพิวเตอร์แต่เปียตวาด
“ไม่ต้อง เป็นเจ้าหน้าที่ยังไง ไม่รู้จักเพื่อนเจ้าของโรงพยาบาล ฉันจะฟ้องคุณพ่อ”
เปียโวยวาย กวาดแฟ้มที่อยู่บนเคาเตอร์จนหล่น รจนาเดินเข้ามา เปียเหวี่ยงแฟ้มใส่ รจนาร้องตกใจ
“ว้าย”
เปียโวยวายใส่
“เอาตาไว้ที่ส้นเท้ารึไง ถึงได้เดินมาชนแฟ้มอย่างนี้”
รจนามองเปียอึ้ง ก่อนคุมอารมณ์ยิ้ม
“คุณจรรยา อนุรักษ์ธานินใช่มั้ยคะ”
เปียกร่างยิ้มพอใจ
“รู้จักฉันด้วย”
เปียมองไปรอบๆอวดคน เขารู้จักฉันนะ รจนายิ้มใจเย็น
“พอดีเมื่อครู่ ดิฉันกับคุณหมอวิธูเพิ่งคุยกับคุณอุทัย คุณวณี ท่านเลยเอารูปคุณให้ดู...นี่คุณวณีจะออกมาตามคุณ แต่ดิฉันอาสาออกมาตามเอง”
“คุณแม่ตามฉันทำไม”
“คงอยากให้คุณได้รู้จักคุณหมอวิธู ผอ.โงพยาบาลน่ะค่ะ” รจนายิ้ม
เปียยิ้มพอใจ ขณะที่ทุกคนมองเปียแปลกประหลาด รจนาบอกเจ้าหน้าที่
“ขอแฟ้มคนไข้ ที่คุณหมอวิธูให้เตรียมไว้ด้วย”
“ค่ะ”
เจ้าหน้าที่หยิบแฟ้มประวัติของเปียยื่นให้รจนา โดยที่เปียไม่รู้

สองคนเดินไปตามทาง ผู้คนยังคงมองตามแบบไม่มีมารยาท เปียยิ้มกร่าง
“นี่ดูสิ...คนมองฉันเต็มเลย เอ๊ะ...หรือเชาจะคิดว่าฉันเป็นดารา”
รจนายิ้มใจเย็น ขำ
“ค่ะ เขาคงคิดว่าคุณเป็นดารา...แต่ที่นี่เป็นโรงพยาบาลห้ามส่งเสียงดัง เขาก็เลยไม่กล้าเข้ามากรี๊ดใส่คุณ เห็นมั้ยคะ...เขาอยู่กันเงียบๆ หมดเลย”
“ถ้าเป็นที่ห้าง สงสัย ห้างแตกแน่ๆ” เปียไม่รู้ตัว หัวเราะเสียงดังพอใจ
รจนาแอบทำหน้าระอาไม่รู้ตัวอีก
“ค่ะ...แต่ที่นี่เป็นโรงพยาบาล เขาห้ามส่งเสียงดังค่ะ เพราะฉะนั้น เราก็ไม่ควรส่งเสียงดังนะคะ”
เปียรู้ตัว ค้อนขวับรจนา

ในห้อง หมอวิธูคุยกับอุทัย และวณี
“จากอาการที่เล่ามา...ลูกสาวของนาย น่าจะจัดอยู่ในกลุ่มอาการของคนเป็นโรคไบโพลาร์”
“ไบโพลาร์” อุทัยแปลกใจ
“โรคที่จัดอยู่ในกลุ่มทางด้านอารมณ์ หรือพูดง่ายๆ โรคอารมณ์แปรปรวน โรคอารมณ์สองขั้ว หรือคนสองบุคลิก”
“มันเกิดขึ้นได้ยังไง”
“การทำงานที่ผิดปกติของสมอง และจากการวิจัย พบว่าเกี่ยวข้องกับพันธุกรรมค่อนข้างมาก เพราะถ้าพ่อแม่เป็น...ลูกหลานก็มีโอกาสที่จะเป็น”
วณีน้ำตาคลอ กลัว
“แล้ว...แล้วมันอันตรายมากมั้ยคะคุณหมอ”
“อันตรายมั้ย ต้องอยู่ที่การดูแล เพราะถ้าผู้ป่วย รู้สึกว่าตัวเองไม่มีค่า ก็จะมีโอกาสฆ่าตัวตายได้”
“ฆ่าตัวตาย” วณีหน้าตื่น
“ใจเย็นก่อนครับคุณวณี ยังไงหมอคงต้องตรวจอย่างละเอียดดูอีกที”
เสียงเคาะประตูดังขึ้น วิธูบอก
“สงสัยมากันแล้ว”
ประตูเปิดออก รจนาพาเปียเดินเข้ามา เปียเดินเข้ามาเห็นวณี อุทัยนั่งคุยกับหมอวิธูก็ถาม
“ตกลงคุณแม่เป็นอะไรคะ”
อุทัยกับวณีหน้าเสีย อุทัยบอก
“สวัสดีลุงหมอรึยัง”
เปียนึกได้
“อ้อ..สวัสดีค่ะ...” เปียไม่ยกมือไหว้แต่หัวเราะ “ลุงหมอดูแก่กว่าที่คิดไว้อีกนะคะเนี่ย”
“เปีย” วณีตกใจมาก
“ก็จริงนี่คะ...หรือคุณแม่ อยากจะให้เปียเป็นคนโกหก บอกว่าลุงหมอดูหนุ่มดูหล่อ ทั้งๆที่ตัวจริง...แก่ก็แก่ หัวก็เถิก ตีนกาขึ้นเต็มหน้าเลย”
เปียหัวเราะแบบเห็นเป็นเรื่องตลก อุทัยแทบฟิวด์ขาด ตวาด
“เปีย…หยุดพูดได้แล้ว และต้องให้พ่อบอกด้วยเลยใช่มั้ย มารยาทไทย เวลาเจอผู้ใหญ่ ต้องยกมือไหว้ด้วยน่ะ”
“ไหว้ลุงหมอสิลูก” วณีรีบบอก
“สวัสดีค่ะ...แค่นี้ก็ต้องดุเปียด้วย” เปียไม่พอใจ
“เปีย” อุทัยดุ แล้วพูดกับหมออย่างเกรงใจมาก “ขอโทษด้วยนะหมอ”
“ไม่เป็นไรๆอุทัย อย่าดุลูก...ฉันก็แก่ขึ้นมากแล้วจริงๆ มะ...หนูเปีย จรรยานั่งลงคุยกับลุงหมอหน่อย”
รจนาวางแฟ้มประวัติเปียลงบนโต๊ะ ขณะที่เปียงงถามหมอ
“ทำไมเปียต้องคุย ในเมื่อเปียไม่ได้เป็นอะไร”
เปียมองทุกคนสงสัย ก่อนมองแฟ้มที่วางบนโต๊ะ กระชากมาดู เปียเห็นชื่อคนไข้ จรรยา อนุรักษ์ธานิน ก็ปรี๊ดทันที
“นี่แปลว่าอะไร...ประวัติผู้ป่วย นางสาวจรรยา อนุรักษ์ธานิน มันแปลว่าอะไรคะ”
“เปีย...ใจเย็นๆก่อนลูก” วณีปราม
“นั่งลงคุยกับลุงหมอ” อุทัยดุ
“ไม่” เปียกรี๊ด โวยวายทิ้งแฟ้ม “เปียไม่ได้เป็นไร ทำไมต้องคุย...อ้อ ที่แท้เป็นแผนหลอกพาเปียมาหาหมอใช่มั้ย...ใช่มั้ย”
“เปีย พ่อบอกให้นั่งลง คุยกับลุงหมอ”
อุทัยจะบังคับให้นั่ง เปียสะบัดอุทัยออก กรี๊ด
“ไม่...เปียไม่นั่ง เปียไม่คุย”
“คุยกับลุงหมอหน่อยเถอะลูก” วณีปราม
“ทำไมต้องคุย หรือคุณพ่อคุณแม่เห็นว่าเปียบ้า เปียไมได้บ้า เปียไม่ได้บ้า”
เปียกรี๊ดวิ่งออกไปทันที ทุกคนตะลึง วณีกับอุทัยวิ่งตามออกไป

เปียวิ่งหนีออกมาหน้าโรงพยาบาล อุทัยกับวณีวิ่งตาม ร้องเรียก
“หยุดเดี๋ยวนี้นะเปีย หยุด”
“หยุดเปีย รอแม่ก่อน”
เลอสรรเดินมาอีกทาง พอเห็นก็วิ่งมาขวาง จับตัวเปียเอาไว้
“จะไปไหนน้องเปีย”
เปียร้องไห้แหกปากอาละวาด
“กลับบ้าน เปียจะกลับบ้าน”
อุทัยกับวณีวิ่งมาหาเปียและเลอสรร หมอวิธูกับรจนาตามออกมา เปียหันไปเห็น
“จะมาตามเปียไปทำไม เปียไม่ได้บ้า ได้ยินมั้ย เปียไม่ได้บ้า”
เปียกรี๊ดอาละวาด แล้วร่างก็ล้มทรุดลง ทุกคนตกใจ
“เปีย”
วิธูตามออกมา
“พาเข้าไปข้างในเร็ว”

เลอสรรอุ้มเปียที่ทำท่าเหมือนหมดสติ เข้าไปในโรงพยาบาล เปียลืมตาขึ้น โกรธหน้าตึงแต่มือกอดคอเลอสรรแน่น

เลอสรรวางร่างเปียลงบนเตียง เปียหันหน้าหนีไม่ยอมพูดกับวณี

“เป็นไงบ้างลูก...เปีย...ดีขึ้นบ้างมั้ย”
เปียไม่มองหน้าพ่อแม่มองเลอสรร พร้อมคว้ามือมาจับ บีบน้ำตาร้องไห้
“พี่เลอขา...เปียไม่มีใครแล้ว พี่เลออย่าทิ้งเปียไปไหนนะคะ”
“ไม่มีใครได้ยังไง พ่อกับแม่ก็อยู่นี่ไง” อุทัยหงุดหงิด
“เหรอคะ...” เปียแกล้งประชด “คุณสองคนเป็นพ่อแม่หนูจริงๆเหรอคะ หนูถามทีเถอะ มีพ่อแม่ที่ไหน เห็นลูกเป็นคนบ้า ถึงต้องพามาตรวจเนี่ย”
“พ่อกับแม่ไม่ได้เห็นลูกเป็นคนบ้านะจ้ะ...แค่อยากให้หนูคุยกับลุงหมอ พ่อกับแม่อยากให้หนูเป็นเด็กดี” วณีปปลอบ
“อ้อ แล้วที่ผ่านมาเปียเลวเปียชั่วหรือคะ...ใช่ซี้ เปียไม่ได้เป็นคนดีเหมือนยัยน้อยนี่ ทุกคนจะได้หลงรักหัวปักหัวปำ” เปียค้อนเลอสรร
อุทัยไม่เถียงแต่ถามนิ่งๆ
“เปีย...หนูถามพ่อใช่มั้ย ว่าพ่อกับแม่เป็นพ่อแม่ที่แท้จริงของหนูรึเปล่า”
เปียมองอุทัยแบบงงๆ ยังตามอุทัยไม่ทัน
“ถ้าหนูคิดว่าพ่อกับแม่ไม่หวังดี หนูไม่สบายใจ ตรวจดีเอ็นเอก็ได้นะลูก...จะได้รู้ ว่าหนูน่ะเป็นลูกจริงๆของพ่อกับแม่”
เปียหน้าเหวอไปทันที คาดไม่ถึง อุทัยมองเปีย
“นะเปีย...เพื่อความสบายใจของหนู ตรวจดีเอ็นเอนะลูก หนูจะได้สบายใจ ว่าพ่อแม่รักและหวังดีกับหนูจริงๆ”
เปียเอ๋อไปครู่ก่อนกลบเกลื่อน
“ถ้าเปียไปตรวจ คุณพ่อคุณแม่ก็ต้องเอาเปียไปตรวจเป็นคนบ้า เปียไม่เอา เปียไม่ตรวจ” เปียแหกปากดังขึ้น อาละวาดกลบเกลื่อน “เปียไม่เอา เปียไม่ตรวจๆ”
อุทัย วณี เลอสรรเครียดตกใจ พยายามห้ามไม่ให้ร้อง หมอวิธูและรจนาเข้ามา
“ไม่ตรวจก็ไม่ตรวจจ้ะ...ให้หนูเปียพักผ่อนก่อนดีกว่า...”
วิธูมองอุทัย พยักหน้าเป็นเชิง ออกมาคุยด้วยกัน อุทัยถอนหายใจก่อนเดินตามไป

วิธูเดินนำออกมา ตามด้วยอุทัยที่เดินหน้าเครียด
“จากที่ดูอาการ หนูเปียน่าจะอยู่ในกลุ่มอาการของไบโพลาร์จริงๆ แกควบคุมตัวเองไม่ได้เลย”
“แล้วฉันต้องทำยังไงหมอ”
“ดูแลและเข้าใจแกให้มากที่สุด...ฉันจะจัดยา และส่งรจนาไปดูอาการของหนูเปียอย่างใกล้ชิด”
“ยังไง ฉันก็อยากให้หมอได้ตรวจดูอาการยัยเปีย”
“ตอนนี้หนูเปียคงไม่ยอม เอาเป็นว่าฉันจะให้รจนาไปคอยดูแลหนูเปีย”
“จะดีเหรอหมอ”
“ไม่ต้องห่วง...รจนาเป็นพยาบาลช่วยฉันมาหลายปี เป็นหลานสาวภรรยาฉันด้วย รจนาจะไม่เอาเรื่องของหนูเปียไปพูดต่ออย่างเด็ดขาด...ฉันจะให้รจนาไปคอยสังเกตอาการของหนูเปีย มีอะไรเขาจะได้รายงานฉันได้ทัน”
“รบกวนด้วยนะหมอ ฉันไม่รู้จะหันหน้าไปหาใครแล้วจริงๆ” อุทัยบอกอย่างเครียดจัด

รถของอุทัยมาจอด ก่อนที่รถของเลอสรรจะวิ่งตามเข้ามา อุทัย วณี ลงมาจากรถ ตามมาด้วยรจนา ขณะที่อีกมุม เลอสรรลงมาจากรถ ตามมาด้วยเปียที่แกล้งเดินโซเซมาเกาะแขนของเลอสรรเอาไว้ ร้องโอดครวญ
“พี่เลอสรรรอด้วย เปียปวดหัว”
“แล้วทำไมตอนอยู่โรงพยาบาลไม่บอก จะได้อยู่รอดูอาการอีกคืน”
เปียอ้อนทันที
“ก็เปียอยากกลับมาพร้อมพี่เลอนี่...” เปียหันไปเห็นรจนา ก็ฉุนเฉียว “แล้วทำไม คุณรจนาอะไรนี่ต้องกลับมาด้วย”
วณีรีบบอกแบบกลัวเปียรู้
“คุณพ่อให้มาดูแลแม่น่ะจ้ะ”
“ช่วงนี้ แม่เขามีเรื่องปวดหัวบ่อย พ่อเลยต้องให้คุณรจนามาช่วยดูแลเป็นพิเศษ” อุทัยเสริม
เลอสรรมองหน้าเปีย
“แต่ถ้าน้องเปียไม่อยากให้คุณรจนามาอยู่ด้วย น้องเปียคงต้องทำตัวใหม่”
เปียแว้ดทันที
“เปียบอกแล้วไง เปียเป็นคนตรง พูดอะไรตรงๆ คิดอะไรตรงๆอยากทำอะไรก็ทำตรงๆ”
“และพี่ก็บอกน้องเปียไปแล้วว่า คนตรง มันต่างจาก คนขาดการอบรม คนขาดการศึกษา คนไม่มีกาลเทศะ มหาวิทยาลัยที่น้องเปียคิดว่ามันพอเอาเข้าจริงแล้วมันไม่พอหรอก” เลอสรรมองทุกคนแบบเบื่อเปียเต็มที “ขอโทษนะครับ”
เลอสรรเดินผละเข้าไปในบ้านทันที เปียกรี๊ดแบบขัดใจมาก
“พี่เลอๆพี่เลอสรร”
เปียทำท่าจะร้องไห้อ้อน
“คุณพ่อขา คุณแม่ขา...พี่เลอสรรด่าเปีย”
“พี่เขาไม่ได้ด่าหรอกลูก พี่เขาหวังดี” วณีปลอบ
เปียปรี๊ดแตก
“หวังดี นี่แปลว่าคุณแม่เห็นด้วยกับพี่เลอสรรใช่มั้ยคะว่าเปียไม่มีกาลเทศะ เปียเป็นคนตรงค่ะเปียเป็นคนตรง”
เปียวิ่งกระแทกเท้าไป วณีร้องเรียก
“เปีย ลูกเปีย” วณีตามไปทันที

อุทัยกับรจนาจำต้องตามเข้าไป
 
อ่านต่อตอนที่ 9
กำลังโหลดความคิดเห็น