คมพยาบาท ตอนที่ 4
เย็นเปิดประตูเข้าไปในห้อง เห็นเปียดิ้นกระแด่วๆทำท่าเป็นลมบ้าหมู
“น้าเย็นขา...เปียเป็นอะไรไม่รู้ค่ะ ช่วยเปียด้วย” น้อยร้องบอก
เย็นอมยิ้ม พูดเรียบๆนิ่งๆไม่ร้อนรนแต่รู้ทัน
“อาการแบบนี้เค้าเรียกว่าลมบ้าหมู เอ้า...ยัยน้อย อะไรอยู่ใกล้ๆ เอายัดปากยัยเปียไปเร็ว เดี๋ยวยัยเปียมันจะกัดลิ้นตัวเองขาด”
น้อยมองหา ไม่เห็นอะไร ตกใจงงๆลนๆ
“อะไรดีคะน้าเย็น”
“รองท้ง รองเท้า ด้ามไม้กวาดข้างฝา น่ะจับยัดเข้าไป” เย็นแกล้ง
เปียเหวอ ตกใจ น้อยทวนถามงงๆ
“รองเท้า ด้ามไม้กวาด”
“ฮื่อ...ยัดเข้าไปเร็ว”
น้อยมองหา ประมูลเดินนำมา วณีกับอุทัยแทรกตัวเข้าไป เห็นเปียนอนเหมือนชักอยู่ที่พื้น ทุกคนตกใจ วณีวิ่งเข้าไปหา
“เปีย เปียเป็นอะไรลูก” วณีกอดประคอง
“คุณแม่” เปียกอดออเซาะวณี
“ไม่มีอะไรหรอกค่ะคุณวณี หนูเปียแกก็เป็นอย่างนี้แหละ เวลาที่แกไม่ชอบหรือขัดใจอะไร” เย็นบอกยิ้มๆ
“ไม่ชอบอะไรลูก ใครขัดใจอะไร” อุทัยสงสัย
“ก็จริงๆแล้ว แกอยากอยู่ที่นี่น่ะสิคะ พอดิฉันบอกให้กลับไปอยู่กับคุณ แกก็ขัดใจ ชักกระแด็กๆขึ้นมาทันที” เย็นแสร้งถอนใจ
“เหรอลูก เปียอยากอยู่ที่นี่เหรอลูก” วณีใจหาย
เปียยังไม่ทันอ้าปากจะพูดอะไร เย็นรีบตอบทันที
“ค่ะ....” เย็นเดินเข้ามานั่งข้างเปียลูบผมแบบเอ็นดู๊..เอ็นดู “เฮ้อ...ดิฉันล่ะเป็นห่วงจริงๆเลย คุณวณี คุณอุทัยคะ ระหว่างที่ยัยเปีย ยังทำใจไม่ได้ ให้แกอยู่ที่นี่ก่อนนะคะ”
เปียเสียงสั่นเครือ แกมขอร้องอยู่ในที
“น้าเย็น”
เย็นยิ้ม...หัวเราะน้อยๆ ลูบผม
“โถๆเปียจ๋า...ไม่ต้องเกรงใจคุณวณี คุณอุทัยหรอก...ท่านเข้าใจ...นะคะ...ให้เปียอยู่ที่นี่ก่อน”
อุทัย วณีมองหน้ากันลำบากใจ เปียเห็นท่าทีก็ไม่มั่นใจรีบบอก
“เปียไม่เป็นไรแล้วค่ะ”
เย็นยิ้มพอใจรีบว่า...
“ถ้าอย่างนั้นก็กลับไปอยู่กับคุณพ่อคุณแม่ได้แล้ว...” เย็นหันไปถามน้อย “ไงยัยน้อย เก็บของเสร็จแล้วรึยัง จะได้ไป”
น้อยมองหน้าเปีย ที่ได้แต่กอดวณีกับอุทัยไว้ ไม่กล้าแผลงฤทธิ์ แต่ตาเขียว
เย็นเดินออกมาพร้อมกระเป๋า ประมูลเดินตามมาถาม สายตาละห้อย
“คุณจะไปอยู่กับเขาจริงๆเหรอ”
“เขาอ้อนวอน”
“เขาอ้อนวอน หรือว่า คุณวางเพลิงในบ้านเขาแล้ว คุณเลยต้องตามไปดู ว่ามันจะไหม้หรือเปล่า”
“คุณพูดแบบนี้หมายความว่ายังไงคะ” เย็นตาวาววับโกรธ
ประมูลหวังดีปนเสียใจผิดหวัง
“คุณรู้ดี ว่าผมจะบอกอะไรคุณ....เย็น ที่ผ่านมา คุณก็ทำกับพวกเขามากพอแล้วนะ คุณอย่าผูกใจเจ็บพวกเขาอีกเลย”
“คุณนี่พูดอะไรเพ้อเจ้อ...น้ำหน้าอย่างฉัน จะมีปัญญาไปทำอะไรพวกเขาได้คะ ที่ฉันไปเพราะอยากให้เปียกับน้อยได้อยู่ด้วยกันเท่านั้นเอง”
“ถ้าคุณยืนยันอย่างนั้น ผมก็คงต้องเชื่อ...แต่...คุณอย่าลืมนะเย็นบาปกรรมมีจริง” ประมูลมองนิ่ง
“ค่ะ...บาปกรรมมีจริง...ใครทำอะไรกับใครไว้ ก็ต้องได้รับกรรมอย่างนั้น ทั้งคนจน คนรวย เจ้านาย ขี้ข้า คนใช้ หนีไม่พ้นกรรมหรอกค่ะ”
เย็นดวงตากร้าว ประมูลถอนหายใจ
“ก่อนจะทำอะไร คนเราถึงต้องควรคิดให้ถ้วนถี่ไงเย็น แต่ไม่ว่ายังไง ผมจะคอยอยู่เคียงข้างเป็นกำลังใจให้เสมอ จำไว้นะเย็น...ผม...เป็นกัลยาณมิตรของคุณ”
เย็นยิ้ม ดวงตาบ่งบอกอย่างมิตรจริงๆอ่อนโยน
“ขอบคุณมากค่ะคุณประมูล”
อุทัยขับรถเข้ามาในบ้าน ข้างๆคือวณี ด้านหลังมีเย็นนั่งกลางขนาบข้างด้วยเปียกับน้อย เปียนั่งหน้างอ น้อยมองหน้าเปีย ไม่สบายใจ เย็นนั่งหน้านิ่งเมื่อมองไปที่บ้านหลังใหญ่โตของอุทัย สายตาของเย็นเจ็บปวด ยิ่งตวัดสายตามามองวณีที่นั่งข้างอุทัย เย็นยิ่งเจ็บจนน้ำตาคลอ เธอเชิดหน้า พยายามให้น้ำตามันไหลคืนกลับข้างใน
คุณหญิงอนุรักษ์ยืนหน้างอกระวนกระวายอยู่ จวนเดินเข้ามาก่อนคุกเข่า
“คุณอุทัยกลับมาแล้วค่ะ”
“นังเย็นมันมาด้วยมั้ย” คุณหญิงถามทันที
“มาค่ะ...นี่คุณอุทัยก็ให้นมแสกลับมาก่อน สั่งพวกดิฉันเตรียมห้องให้เย็น” จวนอ้อมแอ้ม
“หาเรื่องจริงๆตาอุทัย”
คุณหญิงโกรธมาก เดินออกไปทันที จวนมองตามเป็นห่วงเย็น
“แย่แน่ ไม่รู้จะกลับมาทำไม เย็นน้อเย็น”
เย็นยืนอยู่หน้าบ้านของอุทัย กับน้อย ขณะที่เปียยืนกับวณี แสดงอาการของ
การเป็นคุณหนูเจ้าของบ้าน
“เย็นพาน้อยกินข้าวด้วยกันนะ” วณีหันไปบอก
เปียไม่พอใจ เย็นที่ขณะนั้นเจ็บปวดกับภาพวณีอุทัย ฝืนยิ้มบอก
“ไม่ดีกว่าค่ะ ดิฉันอยากพักผ่อน”
“งั้นเดี๋ยวฉันให้หวานพาไปที่พักของเธอ” อุทัยบอก
หวานแอบเบ้ปาก เย็นหน้าซีดไม่ได้มองหวาน รู้สึกอุทัยอยากให้ไปเร็วๆ เธอพยายามบังคับไม่ให้เสียงสั่นบอกกับน้อย
“ไป...น้อย....”
หวานเดินนำเย็นกับน้อยออกไปยังบ้านพัก คุณหญิงเดินมาจากอีกด้าน เห็นเย็นเดินแบบนิ่งๆแต่ดวงตาแข็งกร้าวกระด้าง เจ็บปวด คุณหญิงยิ่งกังวล ขณะที่วณีพาเปียที่เดินยิ้มเข้าไปข้างในอุทัย กำลังจะเดินเข้าบ้าน คุณหญิงเรียกอุทัยเสียงดุ
“อุทัยมาคุยกับแม่ก่อน”
คุณหญิงเดินหน้าเครียดไม่สบอารมณ์
“แม่ไม่เข้าใจจริงๆ แกจะพานังเย็นมันกลับเข้ามาอยู่ด้วยทำไม จำไม่ได้รึไงว่านังเย็นมันทำความเดือดร้อนให้เราแค่ไหน”
“แต่ตอนนี้เย็นเขาเปลี่ยนไปแล้วนะครับ”
“ไม่มีทาง นังสันดานเย็นมันไม่มีทางเปลี่ยน แม่สังหรณ์ใจยังไงก็ไม่รู้นะอุทัย ว่านังเย็นมันจะทำความเดือดร้อนให้เราอีก ไม่ว่าจะยังไง ตาของมันก็คือทะเลคลั่ง แม่เห็นแต่ความพยาบาท”
อุทัยมองคุณหญิงไม่สบายใจ ดวงตาคู่นั้นครุ่นคิด ก่อนบอกแบบตื้นๆ
“แต่ตอนนี้ลูกอยู่กับเราแล้วนะครับคุณแม่ ผมจะไม่มีวันยอมให้เย็นทำอะไรลูกของผมอีกเป็นอันขาด”
อุทัยเสียงแข็งกร้าวโดยไม่รู้ว่าเย็นคิดร้ายกว่านั้น
หวานเดินกระฟัดกระเฟียดหน้าตาไม่ชอบเย็นเหมือนเดิม เดินนำมาบ้านพักหวานกระด้างกระเดื่อง
“นี่ที่พักของแก”
เย็นไม่สนใจหวาน ยังจมอยู่กับความเจ็บปวดของตัวเอง
“ไม่ต้องมาทำเชิดหน้าเชิดตานะนังเย็น หนอย...แกคงนึกล่ะสิ ว่าที่คุณอุทัยให้นมแสกระหืดกระหอบกลับมาให้พวกฉันทำความสะอาดบ้านไว้ให้ คุณอุทัยจะยังรัก ยังหลงหรือว่ามีเยื่อใยกับแกน่ะ”
เย็นตวัดสายตาเยือกเย็นมองหวานแบบนิ่งๆ น้อยหน้านิ่วไม่พอใจหวาน
“ไม่เจอกันเกือบยี่สิบปี ปากแกยังเหมือนเดิมเลยนะนังหวาน”
หวานลอยหน้าลอยตา
“ทำไม ปากฉันทำไม”
เย็นคุยกับน้อยไม่สนใจหวาน
“น้อย..นังด่างแถวบ้านเรามันเรียกว่าอะไรลูก”
น้อยรับมุขทันที
“หมาค่ะ มันเป็นหมา หมาปากรั่วด้วย เห่าทั้งวัน”
“งั้นตอนไปตลาดนัด ซื้อตะกร้อมาด้วยนะจะได้เอามาครอบปากหมา...อุ๊ย...เปลี่ยนใจแล้ว ซื้ออีโต้ดีกว่า ถ้าหมามันเห่าๆมากๆสับปากมันเลย”
“อร๊าย...แก...แก...แกด่าฉัน” หวานกรี๊ด
“อ้อ...รู้ตัวด้วยนะว่าเป็นหมาน่ะ งั้นแกระวังตัวไว้ดีๆนะนังหวาน เห่ามากๆ แกจะเจอฉันสับปากทิ้งสักวัน” เย็นหัวเราะ
“แอร้ย” หวานได้แต่กรีดร้องเสียงโหยหวน
ในครัว...ถามหวานที่หน้าตาหงิกงอโกรธจัด
“อะไรนะ มาถึงนังเย็นมันก็ด่าแกว่าเป็นหมาเลยเหรอนังหวาน”
หวานโกรธมาก ลูบหน้าลูบตาตัวเอง
“ก็ใช่น่ะสิ...แกดูซิ...ตรงไหนของฉันมันเหมือนหมาบ้าง”
ช้อยดูหน้าหวาน
“เหมือนทั้งหน้า”
“ประเดี๋ยวฉันก็ได้เฉาะปากแกแทนนังเย็นหรอกนังช้อย” หวานเงื้อง่า
“แล้วแกได้ไปหาเรื่องอะไรเย็นมันก่อนรึเปล่าล่ะ”
“พูดแบบนี้แปลว่าอะไรพี่จวน” หวานตาเขียว
“ก็ปกติเย็นมันไม่หาเรื่องใคร แต่ถ้าใครหาเรื่องมันก่อน ทำมันเจ็บ แกคงรู้ใช่มั้ยว่า มันจะเอาคืนยังไง”
ทุกคนทำท่าทีแหยงๆ นมแสเดินเข้ามาได้ยิน ถามอย่างอยากรู้
“นังเย็นมันเคยทำอะไรพวกเธอเหรอ”
“ไม่เคยทำฉันหรอก เพราะฉันไม่เคยทำอะไรมัน” จวนบอกทันที
“แต่นังเย็นมันเคยให้นังหวาน กินน้ำพริกทางจมูก” ช้อยบอกขำๆ
ในอดีต...เย็นนั่งตำน้ำพริกอยู่ท่าทางไม่สบายใจ หวานมองหมั่นไส้ค่อนแคะตามประสา
“แหม...นังเย็น ได้เป็นเมียคุณอุทัยคืนเดียว นั่งเพ้อนั่งฝันเลยนะเอ็ง” หวานยิ้มเยาะ
เย็นปรายตามอง
“ไม่เห็นจำเป็นต้องฝันเลย เพราะความจริงฉันได้นอนกอดคุณอุทัยทั้งคืน”
“นังหน้าด้าน”
“แต่นังคนที่ไปแอบมองชาวบ้าน หน้าด้านยิ่งกว่า วิปริตโรคจิต” เย็นโต้
“แกด่าฉัน”
“ก็เออสิวะ...ฉันไม่เคยหาเรื่องแก แกอย่ามาหาเรื่องฉันนังหวาน ไม่อย่างนั้นแกจะถูกตำแทนน้ำพริก”
“กลัวตายล่ะ”
หวานโยนหม้อมาหาเรื่อง เย็นหลบก่อนเขวี้ยงสากในมือใส่หวาน ตามด้วยครก หวานหลบล้มลงเย็นกระโจนพรวดเดียวถึงตัว กระชากหัวหวาน กดลงยังพื้นที่เต็มไปด้วยน้ำพริก
“อยากกินน้ำพริกทางลูกกะตาก็ไม่บอก”
เย็นกดหัวหวานลงกับพื้น หน้าหวานเกลือกกับน้ำพริกเกลื่อนพื้น หวานหลับหูหลับตาร้อง
“อย่า...อย่า...”
“อ้อ...ไม่อยากกินน้ำพริก งั้นแกคงอยากกินสาก”
เย็นคว้าสากขึ้นมา จวนวิ่งเข้ามาร้องเรียก
“เย็น...คุณอุทัยให้ไปหา”
เย็นนิ่งมองดูจวน ท่าทีอ่อนลง หวานแอบยิ้ม
“รอดแล้วฉัน” หวานทำหน้าโล่งใจมาก
“ไม่รอด เพราะฉันจะจัดการแกเอง”
จวนตรงเข้ามารับสากจากเย็นที่เดินออกไป แกล้งเงื้อสากขึ้น หวานร้อง
“แอร้ย...ไม่ต้อง ฉันจัดการตัวเองได้”
หวานเสือกหัวคลุกๆกับครกที่เปื้อนพริก จวนแอบอมยิ้มขำ
“วันหน้าวันหลังอย่าซ่าอีกนังหวาน ไม่งั้นแกถูกนังเย็น จับไปทำหวานเย็นในตู้แช่แน่”
นมแสฟังเรื่องราวในอดีต แล้วทำท่าสยอง
“อึ๋ย”
หวานโพล่งขึ้นมา
“อะไรไม่ร้ายเท่ามันขโมยลูกท่านหายไปเกือบยี่สิบปี นมแสว่ามันร้ายมั้ยล่ะ”
ทุกคนทำท่าสยองเย็น
น้อยกับเย็นช่วยกันจัดข้าวของจนเป็นระเบียบเรียบร้อย เย็นนั่งพัก น้อยรีบเอาน้ำมาให้
“น้ำค่ะน้าเย็น... เดี๋ยวน้อยนวดให้นะคะ”
น้อยกุลีกุจอนวดที่เท้า ที่ขาของเย็นอย่างเป็นห่วง เย็นยิ้มเอ็นดู
“ขอบใจ...วันนี้น้าดีใจมากเลยนะ ที่แกมีปาก”
“แปลว่าอะไรคะน้าเย็น” น้อยงงๆ
“ก็ที่แกกล้าด่านังหวานให้น้าไง” เย็นหัวเราะ
น้อยบอกอย่างจริงจัง
“จริงๆน้อยไม่ชอบการทะเลาะเลยค่ะ ที่ผ่านมาน้าเย็นก็เห็นอะไรที่ยอมเปียได้ น้อยก็ยอมเพราะไม่อยากมีเรื่องแต่ถ้าใครมาทำน้าเย็น น้อยบอกคำเดียวเลยว่าน้อยไม่ยอมค่ะ”
เย็นมองซึ้ง คาดไม่ถึง
“เพราะอะไร”
“น้อยรักน้าเย็น...ความแค้น บางทีอาจไม่จำเป็นต้องชำระ แต่บุญคุณยังไงต้องทดแทนค่ะ”
เย็นมองน้อยน้ำตารื้น เอื้อมมือมาลูบผมน้อยเบาๆก่อนชะงัก...เมื่อนึกถึงความแค้น
ที่อยู่ในใจ
ท่ามกลางความมืด เปียเดินเข้ามามองที่บ้านพักของเย็นอย่างขัดใจ ก่อนเดินกระแทกเท้าขึ้นไปบนบ้าน ขณะที่เย็นกับน้อยที่จัดของกันอยู่สะดุ้งหันมามอง
“ตกใจหมด ที่แท้ก็เปียนี่เอง” น้อยบ่น
“คุณหนูเปีย” เปียตะคอกหน้าบึ้ง
เย็นยิ้มเหี้ยมลุกขึ้นเดินมาหา มองเอาเรื่อง
“ก็แล้วถ้าน้า จะเรียกว่านังเปียมันจะเป็นไรห๊า”
“น้าเย็น” เปียเสียงเขียว เง้างอด
“ก็น้าถาม ถ้าน้าจะเรียกแกว่านังเปียเหมือนเดิม แกจะทำไมน้า ห๊า”
“จะเรียกก็เรียกไปสิ แต่นังน้อยมันต้องเรียกเปียว่าคุณหนูเปีย เพราะเปียเป็นลูกสาวเจ้าของบ้าน”
เย็นระอา หัวเราะขำแต่เยาะ
“อ้อ...ลูกสาวเจ้าของบ้าน งั้นช่วงนี้คงเป็นขาขึ้นของแกสินะนังเปีย แต่เป็นขาขึ้นมาก่ายอยู่บนหน้าผาก ถ้าแกมาซ่าอยู่แถวนี้ไป แกกลับไปบ้านของแกเดี๋ยวนี้เลยนะ อย่ามายุ่งกับยัยน้อยอีก”
เย็นผลักเปียอย่างแรงจนเปียล้มลงร้องโอ๊ย แล้วกระโจนไปกระชากเปียขึ้นมา แล้วลาก เปียยื้อตัวเอาไว้
“ก็ไม่ได้อยากมายุ่งนักหรอก แค่แวะมาดู แล้วก็เป็นอย่างที่คิด นังน้อยกำลังเสวยสุข อยู่ภายในบ้านของเปีย” เปียสะบัดมือเย็นออก เดินไปหาน้อย “แต่ไหนๆก็ไหนๆ แกเข้ามาอยู่ในบ้านของฉันแล้ว กรุณาทำตัวให้สมกับเป็นคนอาศัยด้วยนะยะ อย่าสะเออะ มาทำตัวทัดเทียมฉัน ได้ยินมั้ยนังน้อย”
เปียเขย่าตัวน้อยอย่างแรง เย็นเดินมากระชากเปียออกจากน้อยเหวี่ยงอย่างแรง เปียล้มลงเจ็บอีก
“แทนที่จะมาพ่นลมปากเหม็นๆของแกใส่ยัยน้อย ฉันว่าแกเอาเวลาไปประจบพ่อแม่แกดีมั้ยนังเปีย ไม่อย่างนั้น ตำแหน่งลูกรักของแก อาจสะเทือนก็ได้”
“น้าเย็น” เปียมองเย็น สายตาหวาดระแวงหวาดหวั่น เสียงสั่นสะท้าน
เย็นหัวเราะพอใจ เข้าใจความรู้สึกเปีย
“กลับไปได้แล้ว ฉันไม่อยากเห็นหน้าแก”
เปียไม่กลับจ้องหน้า
“จะยืนอยู่ทำไมอีก บอกแล้วไง ฉันไม่อยากเห็นหน้าแก พูดก็พูดเถอะ มองเล็บขบหมายังสบายตากว่ามองหน้าแกกลับไป...ไป๊”
เปียยืนนิ่งแต่ดวงตาแข็งกร้าว เหมือนจะไม่ยอม
“ไม่กลับใช่มั้ย”
เย็นทำท่าจะยกเท้ายัน น้อยปิดตาไม่อยากเห็น เปียเผ่น วิ่งหนีแทบตกบันได เย็นหัวเราะก้องขำๆเดินตามไปดู
“นึกว่าจะแน่...ซีเปียเอ๊ย”
เปียเดินแกมวิ่งหนีเย็นมาตามทางในสวนอย่างโมโหจัด เตะโน่นเตะนี่ในสวนระบายโกรธ
“ขู่ดีนัก...นี่แน่ะๆ”
เปียเหวี่ยงเท้าเตะล้ม เตะต้นไม้อย่างแรง แต่เสียหลักล้มลงหน้าคะมำลงที่พื้น แล้วค่อยๆเงยหน้าขึ้นมา หน้าเปื้อนอะไรบางอย่าง เปียทำจมูกฟุดฟิดๆ
“ทำไมมันเหม็นอย่างนี้”
แมวกระโดดมาจากแถวนั้น หันมามองหน้าเปียร้องเมี๊ยวๆ เปียตาเหลือก
มองสิ่งที่ตัวเองคว่ำหน้าลงไปโดนแล้วก็ร้องกรี๊ด
“ขี้นังฝ้าย แอร้ย”
เปียลุกขึ้นกระโดดเหย็งๆ รังเกียจขยะแขยงตัวเองมาก ก่อนวิ่งเข้าบ้านไป ด้านหลังเย็นยืนอยู่หัวเราะก้อง ทั้งขำทั้งสะใจเปีย ก่อนตวัดสายตามองไปที่บ้านของอุทัยที่ตั้งตระหง่านอยู่ ดวงตาขบขันของเย็น แปรเปลี่ยนเป็นความอาฆาตแค้นพยาบาท
“ได้เวลาที่ไฟมันจะค่อยๆลุก เผาบ้านคุณแล้วนะคุณอุทัย”
วณียืนยิ้มมีความสุขอยู่ในบ้าน อุทัยเดินเข้ามากอดที่ไหล่อ่อนโยน
“พี่ดีใจมาก ที่เห็นวณียิ้ม”
“ก็วณีมีความสุขนี่คะ ที่ได้ลูกเปียกลับคืนมา พี่อุทัย...เราจัดงานเลี้ยงรับขวัญลูกดีมั้ยคะ จัดงานให้ยิ่งใหญ่เลย ให้ทุกคนได้รู้...เราได้แก้วตาดวงใจกลับคืนมา”
“ดีจ้ะ”
อุทัยยิ้มพยักหน้า สองคนกอดกันมีความสุข
วันใหม่ เปียร้องกรี๊ดกร๊าดอุทานอย่างตื่นเต้นดีใจ
“อะไรนะคะ คุณพ่อคุณแม่จะจัดงานต้อนรับเปีย”
“จ้ะ...แม่อยากให้ทุกคนได้รู้ได้เห็น ลูกสาวของแม่ สวยน่ารักอย่างที่สุดแล้วแม่ก็อยากให้ทุกคนได้รู้ แม่รักลูกสาวของแม่อย่างที่สุดเลย” วณียิ้มรับ
“พ่อก็เหมือนกัน ลูกเปียอยากให้พ่อกับแม่จัดงานแบบไหนบอกมาเลย” อุทัยบอกอย่างใจดี
เปียคิดครู่เดียว แล้วบอกอย่างตื่นเต้น
“งานปาร์ตี้ แล้วก็มีพี่เวียร์ พี่วี พี่ซีมาร่วมงาน นะคะคุณพ่อคุณแม่ เชิญพี่เวียร์ พี่วี พี่ซี มาร่วมงานด้วยนะคะ เปียอยากถ่ายรูปกับดารา”
ทุกคนหน้าตาอิหลักอิเหลื่อ อึ้งๆ
“เอ่อ...คงไม่ใช่งานแบบนั้นน่ะลูก แต่เป็นงานภายในครอบครัว พ่อว่าจะเชิญญาติๆเพื่อนสนิทของพ่อของแม่ ของคุณย่ามาร่วมงานประมาณนั้น” อุทัยพยายามอธิบาย
“แล้วมันจะใหญ่เหรอคะ” เปียหน้าเสีย
“ใหญ่สิจ้ะ...แม่จะจัดงานให้เปียของแม่ใหญ่โตที่สุด อลังการที่สุด” วณียืนยัน
“แล้วภายในงาน เปียก็ต้องสวยที่สุด”
เปียหัวเราะคิกคัก วณียิ้มเจื่อนๆ
“จ้ะ เปียสวยที่สุดในสายตาของแม่อยู่แล้วจ้ะ”
“ไม่ได้ค่ะ....เปียต้องสวยที่สุดในงาน”
ท่าทางเปียเอาจริงมาก อุทัยกับนมแสมองแบบแปลกๆ วณียิ้มอ่อน ไม่ได้รู้สึกติดใจเท่ากับทั้งคู่
“เดี๋ยวผมจะคุยกับตาเลอ ว่าตาเลอจะกลับมาได้หรือเปล่า” อุทัยหันไปบอกวณี
“ใครคะตาเลอ”
“เลอสรร พี่ชายของหนูจ้ะ” วณีอธิบาย
“พี่ชายของเปีย” เปียงงมาก
เลอสรรโทรศัพท์กลับมาหาอุทัย แต่รอสายจนสายหลุด ไม่มีคนรับ เลอสรรกดสายหามือถือของวณี ไม่มีคนรับเช่นกัน เพราะทั้งสองคนวางทิ้งไว้ในห้อง เลอสรรวางสาย คิดห่วงๆ
“น้าอุทัย น้าวณีไม่รับสายทั้งสองคนมีอะไรรึเปล่า”
เลอสรรหยิบมือถือของตัวเองมา กดดูรูปภาพที่เคยทำกราฟฟิครูปน้อยไว้แล้วยิ้ม
“เวลาฉันไม่สบายใจ ฉันชอบดูรูปเธอ...เธอรู้ตัวบ้างมั้ยน้อย”
ช่วงเวลาเดียวกันนั้น น้อยกำลังทำงานบ้านอย่างขยันขันแข็ง ยิ้มละไมอย่างสบายใจกับสิ่งที่ทำ
เปียเดินฉับๆเข้ามาในห้อง หน้าตาหงิกงอ พอเข้ามาในห้องได้ก็เหวี่ยงจะปิดประตู วณีเดินตามมา ประตูแทบกระแทกหน้าจนวณีต้องเอามือดันเอาไว้ถามร้อนรน
“เปีย เปียจ๋า..เปียโกรธแม่เรื่องอะไรลูก”
“ก็ไหนคุณพ่อคุณแม่บอกว่าเปียเป็นลูกคนเดียว แล้วคนอื่นโผล่มาได้ยังไงคะ” เปียตาขวาง
“เลอสรร เป็นลูกบุญธรรมของพ่อกับแม่” อุทัยที่เดินตามเข้ามาบอกขรึมๆ
“ก็แค่ลูกบุญธรรม แล้วมีศักดิ์มีสิทธิ์อะไรถึงต้องมาร่วมงานเลี้ยงต้อนรับเปียด้วย เปียไม่ให้มา” เปียเยาะ
“ลูกเปีย” วณีตกใจที่เปียพูดอย่างนั้น
เปียเบะจะร้องไห้
“ก็แล้วทำไมต้องมาด้วย มันเป็นงานของเปียนะ เปียอยากเป็นลูกของคุณพ่อคุณแม่คนเดียว เปียไม่อยากให้มีใครเด่นกว่าเปีย เปียกลัวพ่อกับแม่ไม่รัก”
“โอ๋ๆ จ้ะๆ ไม่มาก็ไม่มาจ้ะ งั้นแม่จะไม่บอกตาเลอ งานเลี้ยงต้อนรับเปีย เปียต้องเด่น ต้องเป็นลูกคนเดียวของพ่อกับแม่จ้ะ”
เปียยิ้มกอดวณีประจบ
“เปียขอบคุณคุณแม่มากค่ะ”
วณีกอดเปียชื่นใจ อุทัยมองอย่างกังวล
คุณหญิงอนุรักษ์ฟังเรื่องราวต่างๆ แล้วพูดเป็นเชิงตำหนิวณี
“วณีไม่น่าตามใจยัยเปียขนาดนั้นเลย”
วณีนอบน้อมเกรงใจแกมอ้อนวอน
“งานของแก...ให้แกสักงานเถอะนะคะ”
“แล้วถ้าตาเลอสรรรู้”
“เลอสรรเป็นคนมีเหตุผล โดยเฉพาะเป็นผู้ชาย ผมว่าตาเลอคงไม่มาคิดเล็กคิดน้อยกับเรื่องแบบนี้หรอกครับ...แต่ที่ผมกังวล...”
อุทัยถอนใจ วณีแปลกใจ
“อะไรคะ”
“พี่ไม่อยากให้วณีตามใจลูกเปียมากไป เดี๋ยวแกจะเสียนิสัย ที่สำคัญ...ถึงจะเป็นลูกบุญธรรม แต่ยังไงเราสองคนก็รักตาเลอเหมือนลูก ทรัพย์สมบัติทุกอย่างของอนุรักษ์ธานิน ตาเลอก็ต้องได้อยู่แล้ว”
“วณีเข้าใจค่ะ สักวัน ลูกเปียกับเลอสรรก็ต้องเจอกัน ต้องรู้จักกันอยู่แล้ว แต่วณีว่าค่อยๆเป็นค่อยๆไปดีกว่านะคะ ลูกเปียจะได้ทำใจได้ ไม่อย่างนั้นแกจะเข้าใจผิดว่าตลอดเวลาที่แกหายไปเราไม่ได้คิดถึงแก แต่มีคนอื่น”
คุณหญิงพยักหน้าเห็นด้วย
“มันก็จริงอย่างวณีว่า ค่อยเป็นค่อยไปแล้วกันอุทัย งานเลี้ยงต้อนรับขอให้เป็นงานของแม่เปียเพียงคนเดียวก็แล้วกัน”
“ครับคุณแม่” อุทัยจำต้องคล้อยตาม แม้จะไม่ค่อยสบายใจ
บริเวณบ้านของอุทัย...ทีมงานออร์กาไนซ์ที่มาจัดงาน เร่งมือเตรียมงานกันเต็มที่ กลุ่มคนงานในบ้าน มายืนมองตื่นเต้น
“ถึงขนาดจ้างคนมาจัดงาน แสดงว่าไม่ธรรมดาจริงๆ” หวานออกความเห็น
“แกนี่พูดอะไรโง่ๆสมกับหน้าตาจริงๆนังหวาน...ก็งานเลี้ยงต้อนรับคุณหนูเปียทายาทคนเดียวของอนุรักษ์ธานินจะไม่ใหญ่ได้ยังไงวะ” จวนมองค้อน
“นั่นน่ะสิ ยังไงงานก็ต้องใหญ่ที่สุดอยู่แล้ว” ช้อยเห็นด้วย
นมแสทอดถอนใจ
“แต่งานใหญ่ๆแบบนี้ ฉันล่ะอยากให้คุณเลอสรรมาด้วยจริงๆ”
“อ้าว...แล้วคุณเลอสรรไม่บินกลับมาเหรอนมแส” เอิบแปลกใจ
นมแสพยักหน้าทำหน้าเซ็งๆ
“คุณเลอติดเรียนเหรอ” จวนสงสัย
“คุณหนูเปียไม่ให้มา”
“คุณหนูเปียไม่ให้มา”
ทุกคนร้องออกมาพร้อมกัน สายตาทึ่ง งง แต่ไปในทางตำหนิ
“ทำไมล่ะ” หวานถาม
เปียในมาดคุณหนูเดินเข้ามาดูงาน นมแสบุ้ยใบ้
“คุณหนูเปียมาโน่นแล้ว ใครอยากรู้ก็ไปถามเองแล้วกัน”
นมแสรีบเดินหนี ทุกคนมองเปีย ก่อนสลายตัวรวดเร็ว เปียไม่ได้มองทุกคน เพราะมัวแต่กวาดตามองการเตรียมงานเลี้ยงต้อนรับของตัวเองอย่างปลื้มใจ
“งานของฉัน วันของฉัน”
น้อยเดินผ่านมา เปียเห็น ตาวาวไม่พอใจ เดินตามไปทันที
น้อยกวาดสายตามองดูงานแบบตื่นตาตื่นใจ เปียเดินหน้าตึงมาหาไม่พอใจมาก
“แกมาทำไม”
“พอดีน้าเย็นรู้ว่า จะมีงานเลี้ยงต้อนรับเปีย เลยให้น้อยมาดู เผื่อเปียอยากให้ช่วยทำอะไร”
“งานไฮโซอย่างนี้ น้ำหน้าอย่างแกจะทำอะไรได้ ไสหัวไปเลยไป”
เปียผลักเย็นที่ยืนมองอยู่อีกมุมเห็น ตาวาวไม่พอใจเปีย ขณะที่น้อยผงะ
“บอกดีๆก็ได้ ทำไมต้องผลักกันด้วย” น้อยบอกเปียไม่พอใจ
เปียถลึงตาใส่ เดินเข้ามาหาเรื่อง
“อยากผลักมีอะไรมั้ย”
“น้อยไม่มีหรอก ยังไงเราก็พี่น้องกัน อะไรยอมได้ น้อยยอม แต่คนอื่นที่เห็นเขาคงตำหนิ ลูกผู้ลากมากดีอย่างเปีย ทำไมถึงได้ทำท่าเป็นสก๊อย” เปียผลักอีก
“นังน้อย”
เปียปราดเข้าไปจะตบ น้อยนิ่ง
“โดยเฉพาะ คุณพ่อคุณแม่ของเปีย”
น้อยมองไปทางด้านหลัง เปียหันขวับไปมองทางด้านหลัง เห็นวณีอุทัยที่เดินดูงานกำลังเดินตรงมาก็หน้าซีด
“อ้าวหนูน้อย”
น้อยยกมือไหว้อุทัย วณีนอบน้อม สองคนรับไหว้น้อย วณีถามเอ็นดู
“คุยอะไรกันอยู่จ้ะ”
“เปียบอกให้น้อยมางานเลี้ยงของเปียค่ะ แต่น้อยบอกไม่ว่างจะออกไปซื้อของข้างนอกกับน้าเย็น” เปียกอดน้อยทันที
“งานเลี้ยงมีตอนกลางคืน หนูน้อยน่าจะกลับมาทัน” อุทัยออกความเห็น
“ไม่ทันหรอกค่ะ เวลาไปซื้อของ น้าเย็นซื้อนานจะตาย ส่วนน้อยก็ชักช้าเป็นเต่ากว่าจะกลับมาก็ได้เวลาผีออกพอดี” เปียยิ้มหวาน
เย็นเดินหัวเราะเข้ามา มองปราม
“คุณหนูเปียนี่ช่างเข้าใจเปรียบเทียบนะคะ...สงสัยจะเป็นญาติกับผี ถึงได้รู้เวลาผีเข้าผีออก”
เปียหน้าเจื่อนที่เห็นเย็น วณีบอกเย็นมีไมตรี
“เย็นอย่าเพิ่งไปซื้อของได้มั้ยจ้ะ อยู่ร่วมงานกันก่อน”
“ผัวทั้งคน ดิฉันยังยกให้คุณได้....เรื่องแค่นี้สบายค่ะ” เย็นเย้ย
“เย็น” อุทัยหน้าร้อนฉ่า โกรธ
“แน่ะ...คุณอุทัยทำหน้าบางอีกแล้ว...จะปิดทำไมคะ ยังไง คนในบ้านนี้ก็รู้ ดิฉันเคยเป็นเมียของคุณ”
เปียสะใจ ได้โอกาสประจบวณี
“ก็แค่เคยเพราะตอนนี้ ภรรยาของคุณพ่อคือคุณแม่ของเปียค่ะ”
เปียกอดวณี เย้ย เย็นโกรธแต่ข่มไว้ยิ้มแทน
“คุณหนูเปียเนี่ย พูดจาได้สมกับเป็นลูกของคุณสองคนจริงๆ”
“ก็ต้องขอบใจเธอนั่นแหละ ที่เลี้ยงลูกฉันได้ดีขนาดนี้” อุทัยประชด
วณียิ้มหวาน พยายามคลี่คลาย
“งั้นคืนนี้ เย็นพาน้อยมาสนุกด้วยกันนะจ้ะ”
“ในเมื่อคุณวณีอุตส่าห์ลดตัวลงมาขอร้องคนอย่างดิฉัน ดิฉันก็ยินดีค่ะ...ยัยน้อยพอจะมีฝีมืออยู่บ้าง เดี๋ยวคืนนี้ดิฉันจะให้ยัยน้อยรำอวยพรความสุขให้คุณหนูเปียแล้วกัน”
เปียตาวาวไม่พอใจ น้อยหน้าเจื่อนคาดไม่ถึง วณียิ้มพอใจ
“ดีที่สุดเลยจ้ะ หนูน้อยโชว์รำอวยพร แล้วลูกเปียโชว์อะไรดีจ้ะ”
“คนสวยไม่ต้องทำอะไร เดินสวยๆก็เด่นที่สุดแล้วค่ะ”
เปียยิ้มเย้ยน้อย อุทัยทำหน้าเพลีย เย็นยิ้มขำ
“งั้นคืนนี้เจอกันนะจ้ะ ฉันจะรอดูหนูน้อยรำอวยพรจ้ะ” วณียิ้มให้น้อย
วณี กับอุทัย ยิ้มเอ็นดูน้อย ขณะที่เปียทำตาขวางใส่ เย็นยิ้มพอใจสถานการณ์
เย็นกับน้อยกำลังจะเดินขึ้นบ้าน เปียเดินหน้าตาบูดบึ้งตามมาตวาด
“ทำไมน้าเย็นทำแบบนี้”
เย็นมองน้อย พยักหน้า น้อยเดินตัวลีบขึ้นบ้านไป ทันทีที่อยู่กันสองคนเย็นหันไปว่า
“ถ้าแกไม่ตอแหล ดัดจริต ฉันก็ไม่ให้ยัยน้อยมันไปงานหรอก แต่ในเมื่อสันดานของแกมันไม่ดี ชอบเอาดีใส่ตัว เอาชั่วใส่คนอื่น ฉันเลยต้องสั่งสอน”
เย็นผลักหัวเปียอย่างแรง เปียมองโกรธ แว้ด
“สั่งสอนลูกเจ้าของบ้านเนี่ยนะ”
เย็นจ้อง กระชากผมหน้าหงาย
“อย่ากำเริบกับฉันนะนังเปีย ฉันเป็นคนทำให้แกมาอยู่ที่นี่ได้ ฉันก็ทำให้แกออกไปจากที่นี่ได้เหมือนกัน”
เย็นผลักอย่างแรง เปียล้มลง หันมามองโกรธ รู้สู้ไม่ได้ เย็นชี้หน้าเปียที่จ้องหน้าเขม็ง
“ไป...แกรีบกลับไปแต่งองค์ทรงเครื่องให้พร้อมสำหรับงานคืนนี้ ก่อนที่แกจะถูกฉันต่อยตาเขียว ชนิดเครื่องสำอางที่ไหน ก็กลบไม่มิด นอกจากขุดหลุมฝังแกอย่างเดียว ไป๊”
เย็นทำท่าจะเข้าไปหา เปียรีบลุกพรวดขึ้น ทำท่าฮึดฮัดใส่เย็นอาละวาด วิ่งหนีไปรวดเร็ว เย็นมองโกรธๆ
เปียวิ่งกระแทกเท้าตรงมาที่ห้องของตัวเองแบบโกรธจัด แมวเดินมา เปียเตะ
อย่างแรงพร้อมด่า
“ไปเดี๋ยวนี้นะนังแมวบ้า เดี๋ยวได้กระทืบไส้ไหลอยู่ตรงนี้หรอก ไป๊”
แมววิ่งหนี เปียเปิดประตูเข้าห้อง พอเข้าได้ก็ปิดดังโครมอย่างแรง โกรธฮึดฮัด
“คิดจะให้ยัยน้อยมันเด่นกว่าฉันเหรอ ไม่มีทาง…ยังไงซีเปียต้องเด่นที่สุด”
ค่ำคืนนั้น...งานเลี้ยงของเปียถูกจัดแต่งอย่างยิ่งใหญ่ อลังการ แขกเหรื่อมากมายมาร่วมงาน คุณหญิงอนุรักษ์ เดินมากับอุทัย และวณี ทุกคนต่างเข้ามายินดี
“ดีใจด้วยจริงๆนะคะที่คุณหญิง คุณอุทัย คุณวณี ได้หนูเอื้อยกลับคืนมา” เพื่อนคุณหญิงเดินมาทักทาย
“ขอบคุณมากค่ะ...ตอนนี้หลานสาวฉัน ชื่อหนูเปียแล้ว”
วณีรีบบอก
“ดิฉันเปลี่ยนให้แกเองค่ะ เพราะตอนที่เจอกันครั้งแรก แกไว้ผมเปียน่ารักที่สุดเลยค่ะ”
“คุณวณีพูดจนดิฉันอยากเห็นหนูเปียซะแล้วค่ะ อยากรู้จะน่ารักขนาดไหน”
อุทัยดูนาฬิกา
“นี่มันดึกมากแล้ว ลูกยังแต่งตัวไม่เสร็จอีกหรือ”
“นั่นน่ะสิคะ...วณีขอตัวไปดูลูกเปียก่อนนะคะ”
วณีเดินไปกับนมแส คุณหญิง อุทัยยิ้มแห้งๆกับแขก คุณหญิงพูดยิ้มๆเจื่อนๆ
“ผู้หญิงนะค่ะ เรื่องความสวยเลยต้องเป็นที่หนึ่ง”
เปียอยู่ในชุดนอนสีขาวมีเสื้อคลุมทับ เพราะยังไม่ได้เปลี่ยนชุดสวย ทึ้งผมตัวเอง
ไม่พอใจร้องกรี๊ดๆ อาละวาด ช่างหน้า ช่างผมตกใจ วณีเปิดประตูเข้ามา ตามด้วยนมแส
“ลูกเปีย ยังแต่งตัวไม่เสร็จอีกเหรอจ้ะ อ้าว...” วณีเห็นสภาพเปียหัวยุ่งก็ตกใจ “ทำไมเป็นแบบนี้ล่ะลูก”
“ก็มนุษย์ป้าพวกนี้น่ะสิ แต่งหน้าทำผมเปียซะเป็นป้าเลย” เปียชี้หน้าช่าง
นมแสได้ยินถ้อยคำก้าวร้าวของเปียก็หน้าแหย บรรดาช่างแก้ตัวเป็นพัลวัน
“เปล่านะคะคุณวณี พวกเราทำกันอย่างสุดความสามารถ แต่จะแต่งหน้าแบบไหน ทำผมทรงไหน คุณหนูเปียก็ไม่ถูกใจสักทรง”
เปียหันมาฟ้องวณี
“ก็มันไม่สวย...คืนนี้เปียต้องสวยที่สุด”
“เปียของแม่สวยที่สุดอยู่แล้วจ้ะ รีบแต่งตัวนะจ้ะ คุณย่า แล้วก็แขกทุกคนรอหนูอยู่... รีบๆเข้าจ้ะ” วณีหันไปบอกช่าง
“พวกหนูรีบอยู่แล้วค่ะคุณวณี”
“ต้องรีบกว่านี้จ้ะ…แม่ไปต้อนรับแขกก่อน รีบๆนะลูก”
วณีเดินไปกับนมแส เปียคว้าไดร์จากมือช่างมา
“คุณหนูจะทำอะไร”
“ไดร์ผมเอง”
เปียไดร์เอง ปล่อยยาวสลวยเซ็กซี่หัวยุ่ง ช่างหน้ายุ่งร้องลั่น
“โอ๊ย...คุณหนูจะทำทรงนี้ไม่ได้นะคะ มันเหมือนสก๊อยไม่เข้ากับชุดนางฟ้าของคุณหนูเลยค่ะ”
“ก็ฉันชอบ ฉันจะทำ มีอะไรรึเปล่า”
เปียเอาไดร์ทิ่มหน้า ช่างผงะ
วณีเดินหน้าจ๋อยลงมาที่ชั้นล่าง คุณหญิงอนุรักษ์มองมาไม่เห็นเปียถามทันที
“อ้าว...แม่เปียล่ะ”
“แต่งตัวอยู่เลยค่ะ”
“ยัยเปียแต่งตัวตั้งแต่บ่าย 2 จนป่านนี้ยังไม่เสร็จอีกเหรอ” อุทัยแปลกใจ
“ค่ะ” วณียิ่งจ๋อยไปใหญ่
“แต่งอะไรนักหนา” อุทัยหงุดหงิด
“คืนนี้ลูกต้องเด่นที่สุดในงาน ให้เวลาลูกหน่อยนะคะ”
คุณหญิงไม่พอใจเช่นกัน
“ยัยเปียจะแต่งหน้าจนถึงเวลาพระออกบิณฑบาตแม่ก็ไม่ว่า แต่นี่มีแขกเหรื่อ ผู้หลักผู้ใหญ่ทั้งนั้น ให้เขารออย่างนี้ได้ยังไง”
วณีหน้าจ๋อยไปใหญ่ ไม่รู้จะทำยังไง อุทัยตัดสินใจทันที
“งั้นให้น้อยรำอวยพรเลยแล้วกัน มีโชว์อะไรบ้าง แขกเหรื่อจะได้ไม่เบื่อ”
“ดีค่ะดี” วณียิ้มออก
เปียทำผมตัวเอง เธอปล่อยยาว เซอร์ๆออกแนวเซ็กซี่ ช่างมองเพลียๆ
“ถ้าคุณหนูชอบผมทรงนี้ก็ตามใจ....งั้นเปลี่ยนชุดเลยนะคะ”
ช่างหยิบชุดนางฟ้าสวยหรูมากๆมา เปียบอก
“อย่าเพิ่ง ยังแต่งหน้าไม่เสร็จเลย หน้ามันๆ ตบแป้งหน่อยๆ”
เปียดูกระจก ช่างหน้าแหย
“โบ๊ะเป็น 100 รอบแล้ว มันจะหนาเป็นพื้นถนนนะคะคุณหนู”
“ฉันชอบแบบนี้ เอาแป้งมา”
เปียกระชากแป้งมาตบเอง เสียงดนตรีดังมา ช่างร้อนรน
“งานต้องเริ่มแล้วแน่ๆเลย”
ช่างเดินไปชะโงกหน้ามองที่หน้าต่างตื่นเต้น
“โอ้โห”
“โอ้โหอะไรยะ มนุษย์ป้า” ช่างอีกคนถาม
“นางฟ้านางสวรรค์ที่ไหน มารำอวยพร สวยจัง”
ได้ยินอย่างนั้นเปียหันขวับมามองแบบแปลกใจ ช่างอีกคนเดินไปสมทบกับช่าง
มองออกไปที่หน้าต่างยังงานข้างล่าง ส่งเสียงตื่นเต้นไม่แพ้กัน
“สวยจัง รำก็สวย ถ้าไม่ใช่นางฟ้าบอกว่าเป็นดาราฉันก็เชื่อ”
เปียหน้าหงิกทนไม่ไหว ลุกพรวดขึ้นมากระชากช่างสองคนออกไปจากหน้าต่างแล้ว
แทรกร่างเข้าไปแทน มองไปยังด้านล่าง เห็นน้อยในชุดไทยสวยงามกำลังรำอวยพรด้วยท่าทางอ่อนช้อย เงาของน้อยที่สะท้อนลงในสระว่ายน้ำดูเหมือนนางกินรีกำลังมาแหวกว่ายอยู่ในสายธาร เหมือนภาพในความฝัน ในจินตนาการ เปียอึ้ง คาดไม่ถึง ยิ่งกวาดตามองแล้วเห็นวณี อุทัย คุณหญิง เย็นและแขกเหรื่อมองน้อยด้วยสายตาชื่นชมเปียก็ของขึ้น ร้องกรี๊ดๆอาละวาด ผลักช่างทั้งสองกระเด็น
“ออกไป๊...พวกแกออกไปเดี๋ยวนี้”
ช่างล้มลงกับพื้นมึนตึ้บ
“อะไรกันคะคุณหนู”
“มนุษย์ป้าทำอะไรให้ไม่พอใจอีกคะ”
เปียหน้าเหยเกเกรี้ยวกราด
“หุบปากแล้วออกไป ไป๊”
เปียดึงช่างทั้งสอง เหวี่ยงออกนอกประตู แล้วปิดประตูดังปัง โกรธมาก
“นังน้อย ฉันไม่มีวันให้แกเด่นกว่าฉันเป็นอันขาด ไม่มีวัน”
อ่านต่อหน้า 2
คมพยาบาท ตอนที่ 4 (ต่อ)
น้อยรำอวยพรด้วยสีหน้ายิ้มแย้มมีความสุข ผู้คนที่ยืนรายรอบสระว่ายน้ำมองน้อยด้วยความชื่นชมเป็นตาเดียว โดยเฉพาะ คุณหญิงอนุรักษ์
อุทัย วณี และเย็นที่ยืนหลบมุมอยู่ มองด้วยความปลาบปลื้มคนงานทุกคน จวน หวาน ช้อย เอิบ ที่รอรับใช้ต่างมองน้อยปลื้ม ทึ่ง
ในห้อง เปียอาละวาด ก่อนเดินมายืนที่หน้าต่างทั้งที่อยู่ในชุดนอนสีขาว เสื้อคลุมสี
ขาว มองน้อยอิจฉา สลับกับมองชุดนอนตัวเอง ก่อนที่จะปีนขึ้นมานั่งที่หน้าต่าง เปียร้องกรี๊ดๆตกใจ
“ช่วยด้วยๆ มีคนจะฆ่าเปีย”
เปียร้องกรี๊ดๆทุกคนเงยหน้าขึ้นไปมองด้วยตกใจ ทุกอย่างหยุดชะงัก รวมทั้งน้อย
ทุกคนเห็นเปียกำลังปีนหน้าต่างหันรีหันขวางมองเข้าไปในห้องเหมือนจะหนีใครสักคน อุทัย กับวณีตกใจ ตะโกน
“เปียเกิดอะไรขึ้นลูก”
“คนร้ายเข้ามาจะฆ่าเปีย ช่วยเปียด้วย”
เปียตะโกนลงมา แล้วกระโดดจากหน้าต่างลงมายังสระว่ายน้ำ ท่าทางหนีตายตกใจ
ท่ามกลางความตกตะลึงของทุกคน เปียที่ใต้น้ำยิ้มหยันสะใจ ก่อนค่อยๆโผล่ขึ้นมาด้วยท่าทางสวยงาม ดีไซน์ท่าไว้แล้วว่าจะต้องเซ็กซี่ เหมือนนางเงือกโผล่ขึ้นมากลางมหาสมุทร ดึงดูดสายตาคนทุกคน
ทุกคนเห็นเรือนร่างของเปียในชุดเสื้อขาวเปียกโชกแนบเนื้อ แม้จะมีเสื้อคลุม คลุมทับก็เห็นทรวดทรงเรือนร่างอยู่ดี ทุกคนมองจ้องตะลึง เปียแอบยิ้มในสีหน้าที่สามารถแย่งความสนใจของทุกคนที่มีต่อน้อยได้ คุณหญิง อุทัย วณีตกใจ หน้าเจื่อน กลุ่มคนงาน นมแสคาดไม่ถึง
เย็นเห็นครั้งแรกก็ตกใจ แต่ดูท่าทีของเปียแล้วก็เปลี่ยนเป็นยิ้มสะใจ รู้ทันเปีย คุณหญิงได้สติร้องลั่น
“ตาอุทัย หาผ้ามาคลุมให้ยัยเปียเร็ว”
“ครับๆ”
อุทัยคว้าผ้าคลุมโต๊ะงานเลี้ยงแถวนั้นกระโจนลงสระเอาผ้าคลุมให้เปีย ขณะที่คุณหญิงร้องลั่น
“โอ๊ย...นี่มันเรื่องอะไรกัน ฉันอยากจะบ้าตาย”
วันใหม่...เปียร้องห่มร้องไห้ ท่าทางเสียใจมาก
“ทำไมทุกคนถึงมองเปียยังกับเปียทำอะไรผิด”
“ไม่ผิดจ้ะไม่ผิด” วณีกอดเปีย
“แล้วทำไม...”
เปียมองคุณหญิงอนุรักษ์ กับอุทัยที่หน้าตึงอยู่ อุทัยแทรกเสียงดุ
“เมื่อคืนลูกบอกมีคนร้ายเข้าห้อง พยายามจะทำร้ายลูก แต่ตำรวจมาพิสูจน์หลักฐานแล้ว...เขาไม่เจออะไรเลย”
“นี่คุณพ่อหาว่าเปียโกหกเหรอคะ เปียจะโกหกทำไม ในเมื่อเมื่อคืน เปียเกือบถูกฆ่าตาย ต้องหนีหัวซุกหัวซุน กระโดดลงหน้าต่าง โชคดีที่ข้างล่างเป็นสระน้ำ ไม่อย่างนั้นเปียตายแล้วแน่ๆเลย”
เปียร้องไห้โฮ วณียิ่งกอดใหญ่
“จ้ะๆโชคดีแล้วลูก โชคดีแล้ว...เลิกคาดคั้นลูกได้มั้ยคะพี่อุทัย แค่นี้ลูกก็เสียขวัญจะแย่แล้ว”
“แม่ก็เสียขวัญจะแย่ หัวใจจะวาย โดยเฉพาะเวลาได้ยินแขกเหรื่อเขาวิพากษ์วิจารณ์รูปร่างของแม่เปียไปซะถึงไหนต่อไหน บอกตรงๆว่าอาย” คุณหญิงถอนใจ
“แต่เปียหนีตายนะคะคุณย่า” เปียไม่พอใจ
“จ้ะๆหนีตาย ย่ารู้ แต่ย่าก็อายไง งานเลี้ยงรับรองใหญ่โต แขกเหรื่อกำลังชื่นชมกับการแสดงของแม่น้อย มันเกิดเรื่องแบบนี้ได้ยังไง ที่สำคัญ กล้องวงจรปิดก็ไม่เห็นใคร ตำรวจมาพิสูจน์หลักฐานแล้วไม่มีอะไร”
เปียหน้าเจื่อน แล้วแกล้งทำหน้าตกใจ
“หรือ...หรือว่าที่เปียเห็นเมื่อคืน เป็นผีคะ”
“ผี” ทุกคนร้องออกมาพร้อมกัน
“ค่ะผีบ้านผีเรือนผีบรรพบุรุษ คุณแม่ขา...เปียกลัวจังเลยค่ะ กลัวๆ”
“ไม่ต้องกลัวนะลูก แม่อยู่นี่ ไม่ต้องกลัว” วณีกอดเปียแน่น
“ใช่…แม่เปีย ไม่ต้องกลัว..ผีสางที่ไหนไม่มีหรอก จะมีก็แต่ผีในใจคนเท่านั้นแหละ”
คุณหญิงมองเปียอย่างไม่เชื่อ เปียนิ่ง ไม่กล้าสบตาใครๆ
อุทัยกับคุณหญิงอนุรักษ์เดินคุยกันตามลำพังอย่างเครียดๆ อุทัยถามคุณหญิงอย่างสงสัยเต็มแก่
“คุณแม่หมายความว่ายังไงครับ ผีในใจคน”
“ก็ผีในใจนังเย็นไง แม่ว่านังเย็นมันต้องอยากให้เราขายขี้หน้าแขกเหรื่อแน่ๆ เลยออกอุบายให้แม่เปียทำอะไรพิเรนทร์ๆอย่างนั้น”
“โดยแลกกับความน่าเกลียด ของเปียน่ะเหรอครับ” อุทัยหน้าแหย
“ก็ใช่น่ะสิ....ยัยเปียไม่ใช่ลูกใช่หลานของมัน มันเลยไม่แคร์”
“เย็นไม่ร้ายขนาดนั้นมั้งครับคุณแม่” อุทัยไม่ค่อยเชื่อ
“แกไม่รู้หรอกว่าความแค้น ความพยาบาทของผู้หญิงมันรุนแรงแค่ไหน ...แม่ว่าเป็นแผนของนังเย็นที่จะฉีกหน้าเราโดยใช้แม่เปียเป็นเครื่องมือแน่ๆ”
คุณหญิงพูดอย่างโกรธเกลียดเย็น อุทัยไม่เชื่อ ไม่แน่ใจ
เมื่อได้คุยกับอุทัยตามลำพัง วณีบอกอย่างอ่อนโยน ใจเย็น
“พี่อุทัยอย่าว่าวณีนะคะ วณีไม่ได้คิดอย่างคุณแม่ค่ะ เพราะถ้าเย็นยังอาฆาตแค้นพยาบาท เย็นคงไม่เอาลูกเปียมาคืน”
“พี่ก็คิดอย่างวณี แต่พี่ก็นึกไม่ออกจริงๆ ว่าเหตุการณ์เมื่อคืนมันคืออะไร”
“เปียอาจจะตาฝาด เห็นเงาของแขกที่มางานเป็นผู้ร้ายก็ได้ค่ะ”
“มันเป็นไปไม่ได้หรอกวณี”
“แล้วพี่อุทัยจะตามล่าหาความจริงไปทำไมคะ ดีแค่ไหนแล้วที่ไม่มีเรื่องร้ายๆเกิดขึ้นกับลูก เพราะถ้ามีคนร้าย เข้ามาฆ่าลูกจริงๆ วณีคงหัวใจวายตาย”
“มันก็ใช่...แต่พี่ก็ยังคาใจ วณีก็เห็น ข่าวที่มันออกมา แต่ละข่าวไม่ดีเลย”
“ใครจะว่าจะคิดยังไง วณีไม่สนใจหรอกค่ะ แค่ลูกปลอดภัย วณีก็ถือว่าเป็นบุญอย่างที่สุดแล้ว”
วณีบอกเครียดๆ อุทัยจึงไม่กล้าพูดอะไรอีก
คุณหญิงอนุรักษ์ ยังคงค้างคาใจโมโห
“มันเป็นบุญหรือกรรมของฉันกันแน่ ที่ได้ยัยเปียกลับมา”
จวนที่รอรับใช้อยู่ รีบก้มลงทันที ไม่กล้าสบตาคุณหญิง รู้ดี ต่อไปลามไปถึงเย็นแน่ๆ และก็จริงดังจวนคาด คุณหญิงผุดลุกขึ้น เกรี้ยวกราด
“เพราะนังเย็น....ฉันมั่นใจมันต้องเป็นแผนของนังเย็น”
เย็นยืนเผชิญหน้าคุณหญิงอนุรักษ์ยียวนตามประสา เมื่อคุณหญิงมาหาที่เรือนพัก
“แผนอะไรไม่ทราบคะ”
“ก็แผนที่แกให้ยัยเปีย ทำพิเรนทร์เพื่อฉีกหน้าตระกูลของฉันไง อย่างว่า...คนอย่างแกมันคงคิดได้แต่แผนต่ำๆชั่วๆ ประเภทใช้ร่างกายเข้าแลก เหมือนที่แกใช้ยั่วตาอุทัย แกถึงได้ให้ยัยเปียทำในสิ่งที่ทุเรศๆเหมือนแก”
คุณหญิงมองอย่างดูถูก เย็นทำน้ำเสียงยั่วเวทนามาก
“โถๆ...คุณหญิงขา...เราคุยกันหลายครั้ง แต่ท่าทางคุณหญิงคงจะความจำเสื่อมจริงๆถึงได้ย้ำคิดย้ำทำอยู่อย่างนี้ ฟังและจำไว้นะคะ ผู้ดี...ไม่ว่าจะยังไงก็คือผู้ดี เหมือนกับหนอนจะให้มันมาชอบเกสรอย่างผึ้ง ก็คงไม่ใช่...ยังไงหนอนมันก็ชอบของเหม็น ของเน่าอยู่ดี...”
คุณหญิงหัวเราะเย้ย
“ของเหม็น ของเน่า ช่างเปรียบเปรยได้เหมือนตัวเองซะเหลือเกินนะนังเย็น”
“ถ้าดิฉันเหม็น ดิฉันเน่า คุณอุทัยก็คงเป็นหนอน ถึงได้มาเกลือกกลั้วคนอย่างดิฉัน โอ๊ะๆ ในเมื่อคุณอุทัยเป็นหนอน คุณหญิงก็ต้องเป็นหนอนตัวแม่ น่าขยะแขยงทั้งตัว ทั้งหัวใจ”
“นังสันดานเย็น”
คุณหญิงตบเย็นอย่างแรงจนเย็นล้มลง จวนตกใจ ขณะที่น้อยซึ่งอยู่ในบ้านได้ยินเสียงเอะอะโวยวายวิ่งออกมาดู เห็นเย็นนั่งนิ่งไม่โต้ตอบ นอกจากมองด้วยสายตานิ่งๆ แต่สายตาเย้ยหยัน คุณหญิงเห็นอย่างนั้นก็ยิ่งโกรธ เนื้อตัวสั่น ตรงมากระชากผมเย็นจนหน้าหงาย
“ปากดีนักใช่มั้ย แกปากดีนักใช่มั้ย”
คุณหญิงตบเข้าที่ปาก เย็นไม่สู้ แต่ถลึงตาจ้องคุณหญิง ไม่กลัวออกแนวยั่วในที คุณหญิงคำรามอย่างถือตัว
“แกมองหน้าฉันทำไมนังสารเลว แกมองหน้าฉันทำไม”
คุณหญิงแทบขย้ำเย็น แต่เย็นพูดยิ้มๆ
“มองคนบ้าค่ะ เพราะไม่ว่าจะคนรวยหรือ คนจน เวลาไร้สติก็ไม่ได้ต่างกัน”
คุณหญิงยิ่งโกรธเข้าไปใหญ่
“นังเย็น”
คุณหญิงขย้ำเย็น น้อยวิ่งเข้ามาหา พร้อมๆกับจวนร้อง
“อย่าค่ะคุณหญิง อย่า...”
น้อยวิ่งเข้ามาหาปกป้องเย็น ยกมือไหว้คุณหญิง
“อย่าทำน้าเย็นเลยนะคะคุณหญิง น้อยกราบ อย่าทำน้าเย็นเลยนะคะ”
“ไม่ต้องไปอ้อนวอนขอร้องเขายัยน้อย ขึ้นชื่อว่าคนจน คนใช้ มันไม่มีสิทธิ์มีเสียงอะไรอยู่แล้ว” เย็นลุกขึ้นเผชิญหน้าคุณหญิงยิ้มยั่ว “อยากทำอะไรฉัน ทำเลยค่ะ ฉันไม่ว่า เพราะสิ่งที่คุณหญิงทำมันได้ประจานตัวคุณหญิงหมดแล้ว”
คุณหญิง อดไม่ไหว ตบผลัวะเข้าที่หน้าเย็น จนเย็นหน้าหัน น้อย จวนตะลึงอึ้ง แต่เย็นยิ้ม
“ถึงคุณหญิงจะตบฉันอีก ฉันก็จะไม่โต้ตอบ แต่จะจำเอาไว้ และบอกตัวเอง บอกลูกบอกหลาน อย่าทำกับใคร อย่างที่คุณหญิงทำกับฉัน เพราะมันไม่ใช่สิ่งที่คนดีๆเขาทำกัน โดยเฉพาะการดูถูกเหยียดหยาม มองคนอื่นเหมือนไม่ใช่คน”
คุณหญิงกรี๊ดอีกที่ถูกเถียง
“นังเย็น”
คุณหญิงจะโถมเข้าหา จวนดึงคุณหญิงไว้ห้าม
“อย่าค่ะคุณหญิง อย่า...”
“ฉันให้ค่า คนที่มีศักดิ์ศรีความเป็นคน เทียบเท่ากับฉันเท่านั้น แต่คนอย่างแก” คุณหญิงตรงมาขย้ำผลักหัวเย็น จิ้มๆ “ไม่เคยมีศักดิ์ศรีคุณค่าของความเป็นคน แกถึงได้อกตัญญู กินบนเรือนขี้รดบนหลังคา”
เย็นสะเทือนใจ น้ำตาแทบไหล แต่ข่มเอาไว้ คุณหญิงมองสมเพช
“แกด่าฉันว่าเลว แล้วแกล่ะเคยสำเหนียกดูตัวเองบ้างมั้ย ตั้งแต่แกกลับมาที่นี่ แกเคยไปหายกมือไหว้ฉันรึเปล่า...ไม่เคย แล้วยังมาปากดีปากเก่ง ด่าฉันฉอดๆ คนอย่างแก ต่อให้เผยอหน้าขึ้นมาได้ ยังไง มันก็ขึ้นชื่อว่าคนชั้นต่ำอยู่ดี เพราะสันดานแกมันต่ำ นังเย็น”
จวนเข้ามาดึงคุณหญิงอีก
“ไปค่ะคุณหญิง”
น้อยดึงเย็น
“ขึ้นบ้านค่ะน้าเย็น”
เย็นไม่ขึ้นยืนมองหน้าคุณหญิงยิ้มๆ
“แกมองหน้าฉันทำไมอีกนังเย็น แกมองหน้าฉันทำไม” คุณหญิงโกรธ
“อยากจะวิ่งไปเอายันต์มาแปะหน้าผากคุณหญิงค่ะ เผื่อผีบ้ามันจะออกจากตัวคุณหญิงสักที”
“นังเย็น” คุณหญิงกรี๊ดกว่าเดิม แทบเต้นจะไปขย้ำเย็น
“อย่าค่ะคุณหญิง อย่า...”
จวนลากตัวคุณหญิงออกไป เย็นบอกน้อยยั่วคุณหญิง
“น้อย...ไปเอาหวีมาให้น้าหน่อยไป น้าจะหวีผมใหม่ คุณหญิงทำผมน้าเสียทรงหมด อ้อ...ลิปสติกด้วยนะ มือคุณหญิงสากชะมัดเลย ตบที ลิปสติกน้าหลุดหมด”
เย็นหัวเราะกวน คุณหญิงแทบคลั่ง ที่เย็นแม้จะหัวเราะเหมือนสะใจ ความรู้สึกภายในเจ็บปวดยิ่ง
จวนลากคุณหญิงพากลับบ้าน คุณหญิงโวยวายโกรธมาก แทบเต้นเร่าๆ
“แกเห็นรึยังนังจวน จะผ่านไปนานแค่ไหน สันดานนังเย็นมันยังเหมือนเดิม เลว...เลว เลวที่สุด ฉันขยะแขยงมัน จนไม่รู้จะทำยังไงแล้ว”
จวนไม่รู้จะพูดอะไร ได้แต่หน้าซีด คุณหญิงเหงื่อแตกพลั่ก ขมขื่นใจ
“ฉันกลัว....แม่เปียของฉัน หลานของฉัน จะถอดแบบนังเย็น ฉันกลัว...กลัวจริงๆจวน ว่าแม่เปียจะได้สันดานชั่วๆมาจากนังเย็น”
ในห้องน้ำ...เปียนอนในอ่างอาบน้ำที่มีฟองสบู่ฟูฟ่อง ช่วงไหล่ขึ้นมาโผล่พ้น
ฟองสบู่ ดูเซ็กซี่ เย้ายวน เธอเอามือถือมาถ่ายรูป
“สวยจังเลย...ทำไมซีเปียสวย เซ็กซี่อย่างนี้ ไลค์กระฉูดแน่ ถ้าเอารูปนี้อัพลงเฟส”
เปียถ่ายรูปอัพเฟสบุ๊ค ภูมิใจในเรือนร่าง ไม่ได้รู้สึกเลยว่าน่าอับอาย
เย็นหัวเราะก้องสะใจอย่างคุณหญิงอนุรักษ์ว่า พลางบอกน้อย
“แกอ่านข่าวซุบซิบให้ฉันฟังอีกทีสิยัยน้อย”
น้อยนั่งหน้าโน๊ตบุ๊ค มองข่าวซุบซิบอ่าน
“งานเลี้ยงต้อนรับลูกสาวคนเดียวของอนุรักษ์ธานิน ราวกับงานเปิดตัวสาวร้อนแห่งปี ทั้งเอ็กซ์ ทั้งเซ็กซี่ ยิ่งกว่าสาวใจกล้าถ่ายปฏิทินหน้าร้อนเสียอีก”
“สมน้ำหน้า”
“ น้าเย็นสมน้ำหน้าเปียทำไมคะ รูปของเปียที่เขาถ่ายมาลงโป๊จะตายน่าเกลียดมากเลยค่ะ” น้อยหน้าจ๋อยๆ
“คนอื่นอาจจะมองว่าน่าเกลียด โดยเฉพาะคุณหญิง พ่อแม่ของนังเปียป่านนี้คงจะชักแหง่กๆ แต่สำหรับนังเปีย ถ้ามันทำได้...ฉันว่ามันไรท์ซีดีแจกเพื่อนแว้นมันทั่วประเทศแล้วแหละ”
เย็นหัวเราะสะใจ
ภาพโป๊ของเปียที่น้อยกับเย็นนั่งดูอยู่นั้น เปียนั่งมองมือถือ ดูข่าวดูรูปตัวเองยิ้มพอใจ เธอนั่งเคี้ยวหมากฝรั่งสบายใจ
“ให้มันรู้ซะบ้างว่าไผเป็นไผนะยัยน้อย พอฉันออกมาทุกคนลืมแกหมดเลย”
เสียงโทรศัพท์บ้านดัง เปียชักสีหน้า
“คนใช้หายไปไหนเนี่ย รำคาญจัง โทรมาอยู่ได้ ใครวะ”
เปียเดินมารับโทรศัพท์เสียงเหวี่ยง
“ฮัลโหล”
“ใครน่ะ” เลอสรรงงไม่คุ้นเสียง
“ฉันสิต้องถามว่าแกเป็นใคร” เปียวางอำนาจ
“ฉันเลอสรร” เลอสรรเสียงเข้มไม่พอใจเหมือนกัน
“เลอสรร” เปียเบ้ปากใส่
“คุณน้าอุทัย คุณน้าวณีอยู่รึเปล่า ฉันอยากจะคุยสายด้วย”
“อยากคุยก็โทรเข้ามือถือสิ”
“ฉันโทรแล้วไม่ติด เลยโทรมาบ้าน ตามน้าอุทัย น้าวณีให้ฉันหน่อย”
“ไม่”
“นี่เธอเป็นใคร ทำไมไร้มารยาทอย่างนี้” เลอสรรชักฉุน
“แล้วคุณคิดว่าฉันเป็นใครล่ะ”
“ไม่รู้...”
“ดีแล้วที่แกไม่รู้...” เปียวางหูโครมถุยหมากฝรั่งลงถังขยะเบ้ปาก “ชิส์...ไอ้เลอสรรเอ๊ย ทำเป็นมาวางอำนาจ ฉันต่างหากเป็นลูกของคุณพ่อคุณแม่คนเดียว”
เปียเดินไปคว้ามือถือของตัวเองเดินหนีไป
เลอสรรหงุดหงิด วางสายพลางบ่น
“ต้องเป็นคนงานใหม่แน่ๆ คุณน้ารับคนแบบนี้เข้ามาทำงานได้ยังไง ไม่มีมารยาทเลย”
เลอสรรไม่พอใจมาก วางมือถือ เดินไปนั่งวาดรูปในเฟรมที่ค้างอยู่ แล้วเขาก็คิดถึงน้อยขึ้นมา จึงเปลี่ยนผ้าใบผืนใหม่ วาดรูปน้อยอย่างมีความสุข
น้อยเดินขึ้นมาบนบ้าน เย็นเดินออกมานอกห้องพอดี
“ไปไหนมา”
“น้าจวนมาเรียกค่ะ บอกว่าคุณอุทัยกับคุณวณีให้ไปกินข้าวที่ตึกใหญ่”
“ทำไมไม่ไปล่ะ”
“น้าเย็นไม่ไป น้อยก็ไม่ไปค่ะ”
“รู้ใจฉันนักนะ” เย็นยิ้มขำ
น้อยเดินมากอดเย็น
“ก็น้อยเป็นหลานน้าเย็นนี่คะ”
เย็นกอดน้อย ยิ้มชอบใจ
“ใช่...แกเป็นหลานฉัน ปล่อยให้นังเปีย มันเป็นลูกเป็นหลานของคนรวยไปก็แล้วกัน จะได้มีทฤษฏีใหม่ๆ เกิดขึ้นมาบ้าง ลูกหลานของผู้ดี เป็นไพร่ได้เหมือนกัน”
ระหว่างรับประทานอาหาร นมแสมาดูแลเป็นปกติ วณีตักอาหารให้เปียอย่างเอาใจ แล้วพูดอย่างลืมตัว
“เสียดายจังเลยนะคะ เย็นน่าจะพาน้อยมากินข้าวกับเราด้วย”
เปียหน้าหงิกขึ้นมาทันทีแต่ไม่กล้าแสดงออกมาก อุทัยเออออ
“นั่นน่ะสิ...แล้วนี่มีใครจัดเอาอะไรไปให้น้อยกับเย็นรึยัง” อุทัยหันไปถามนมแส
“จวนเอาไปให้แล้วค่ะ”
“วันหลัง บอกให้น้อยมากินข้าวกับฉันนะ เย็นไม่มาไม่เป็นไร แต่น้อยต้องมา”
เปียวางช้อนอย่างแรง ทุกคนหันมามองพร้อมกัน วณีถามอาทร
“ลูกแม่เป็นอะไรจ้ะ”
“เปล่าค่ะ” เปียกลั้นน้ำตาลุกเดินออกไปเลย
“เดี๋ยววณีไปดูลูกก่อนนะคะ”
วณีเดินตามออกไปร้อนรน อุทัยบอกกับตัวเอง แบบงงๆ หน่ายๆ
“พูดอะไรผิดอีกวะเนี่ย...เฮ้อ...”
เปียเดินตาขวางตรงมาที่ห้องของตัวเอง จะเปิดประตูห้อง แมวเดินมาจะเข้าไปในห้องด้วย เปียยกมือตบหัวเต็มแรง
“ไปเดี๋ยวนี้เลย นังแมวบ้า”
แมวร้องเมี้ยววิ่งจู๊ดหนีไปอย่างกลัวเปีย ขณะที่เปียเดินเข้าห้อง พอเข้ามาได้ก็ทำท่า
จะปิด วณีเดินตามเข้ามาก่อนปิดประตู
“เปียจ๋า...เปียของแม่เป็นอะไรไปจ้ะ”
“เปล่าค่ะ” เปียจะร้องไห้
“เปล่า...แล้วร้องไห้ทำไม เปียร้องไห้ทำไมจ้ะ”
เปียอ้ำๆอึ้งๆก่อนบอก
“ก็...เปียนั่งอยู่ตรงนั้นทั้งคน คุณพ่อไม่ถามสักคำ กลับไปถามถึงแต่น้อย”
วณียิ้มเอ็นดู
“โถๆ ที่แท้ก็น้อยใจคุณพ่อนี่เอง อย่าน้อยใจเลยนะลูก คุณพ่อเห็นว่าหนูนั่งอยู่ตรงนั้นแล้วไง”
เปียเสียใจ รู้สึกตัวเองไม่มีค่า ระแวง
“นั่งอยู่ตรงนั้นแล้วไม่ต้องถามเหรอคะ”
วณีหน้าเจื่อนไปเห็นคล้อยกับเปีย
“เปียก็มีหัวจิตหัวใจนะคะคุณแม่ ถ้าคุณพ่อไม่อยากได้เปียมาเป็นลูก แต่อยากได้น้อยก็บอก”
เปียลุกขึ้น แบบลุ้นๆว่าวณีจะง้อไม่ง้อ วณีคว้าตัวมากอด
“ไม่เอาจ้ะลูกจ๋า อย่างอนน้า พ่อกับแม่รอคอยหนูมาชั่วชีวิต พ่อกับแม่ไม่มีทางปล่อยหนูไปเป็นอันขาด”
เปียยิ้มดีใจหันมา
“งั้น...อย่ามีน้อยได้มั้ยคะ”
“อย่ามีน้อย...คืออะไรลูก” วณีงง
เปียอ้อนวอนจริงๆแบบกลัวเหมือนกัน
“อย่ารักน้อย อย่าสนใจน้อย คุณแม่ต้องรักเปีย สนใจเปียเพียงแค่คนเดียวได้มั้ยคะ นะคะ…คุณแม่ต้องรักเปีย มองเปียเพียงคนเดียว สนใจเปียเพียงแค่คนเดียว”
“โถ...มันต้องเป็นอย่างนั้นอยู่แล้วจ้ะ เพราะเปียเป็นลูกของแม่ แม่ต้องรักเปีย สนใจเปีย มีตาไว้มองเปียเพียงคนเดียว” วณียิ้มขำ
“จริงๆนะคะ คุณแม่สัญญานะคะ”
“จ้ะแม่สัญญา อย่าคิดมากนะ” วณีจับคางเปียเอ็นดูสุดๆ “เปียดื้อของแม่”
เปียกอดแน่นดีใจ
“ค่ะคุณแม่...เปียรักคุณแม่ที่สุดในชีวิตของเปียเลย”
เปียเอาหน้าซุกกับคอของวณี เห็นสร้อยเพชรเม็ดสวยก็สนใจมาก
“คุณแม่ขา สร้อยของคุณแม่สวยจังเลยค่ะ”
“เปียดื้อของแม่ชอบเหรอจ้ะ”
“ค่ะ...ชอบที่สุด ตั้งแต่เกิดมา เปียไม่เคยเห็นสร้อยที่สวยขนาดนี้ ยิ่งมาอยู่กับคุณแม่ที่แสนสวยของลูก สร้อยเส้นนี้ยิ่งสวยเข้าไปใหญ่เลย”
“ถ้าเปียดื้อของแม่ชอบ แม่ก็จะให้” วณีเอ็นดูสุดๆ
“จริงเหรอคะ”
“จริงสิ”
วณีจะถอดออก แต่ชะงัก เปียหน้าเสีย
“ทำไมคะ คุณแม่เปลี่ยนใจไม่ให้เปียเหรอ”
“เปล่าจ้ะ...ทรัพย์สมบัติทุกอย่างของแม่ เป็นของเปียหมดอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นในเมื่อมันเป็นของของเปีย แม่เลยอยากให้เปียได้เลือกสิ่งที่เปียชอบที่สุดด้วยตัวของเปียเอง”
เปียตาโต คาดไม่ถึง
อุทัยกำลังจะเดินขึ้นมาชั้นบน มือถือดัง เขาเห็นเบอร์ปลายทางกดรับแบบเฟสทาม
“ว่าไงเลอ”
เลอสรรยิ้มให้
“ผมโทรมายินดีเรื่องน้องครับ ดีใจมากๆที่คุณน้าได้น้องกลับคืนมา”
วณีจูงมือเปียมาจะพาไปที่ห้อง อุทัยเห็นก็บอก
“น้าวณีมาพอดี...วณี...ตาเลอโทรมา พาลูกมาคุยกับตาเลอหน่อย”
“เปียจ๋า ไปคุยกับพี่เลอสรรหน่อยนะลูก”
วณีหันไปบอก เปียหน้าตึง
“ใครคะ...เปียไม่รู้จัก เปียขอไปดูของที่คุณแม่จะให้เปียก่อนได้มั้ยคะ”
เลอสรรจากโทรศัพท์ได้ยินชื่อเปีย แต่ไม่ได้คิดว่าจะเป็นคนเดียวกับที่เคย
“คุยกับพี่เลอสรรแป๊บนึงนะลูก” วณีหันไปบอก
“ไว้วันหลังได้มั้ยคะ ตอนนี้เปียอยากดูของที่คุณแม่จะให้เปียใจจะขาดอยู่แล้วค่ะ...นะคะ..คุณแม่..นะคะ...”
“จ้ะๆ...บอกตาเลอ ไว้วันหลัง ค่อยคุยกันนะคะ”
วณีพาเปียเข้าไปในห้อง อุทัยส่ายหน้า
“น้าเขาเห่อลูกมากน่ะเลอ ไว้ค่อยคุยกันนะ”
“ครับ” เลอสรรวางโทรศัพท์
อุทัยมองตามวณีและเปียที่หายเข้าห้องไป ก็ได้แต่ถอนหายใจ ไม่ได้มีความสุขอิ่มเอมใจเลย ขณะที่เลอสรรถือโทรศัพท์อมยิ้ม
“น้องต้องน่ารักมากๆเลย เอ๊...หรือเรากลับไปเซอร์ไพร์สคุณน้าดี”
เลอสรรนั่งลงที่คอม เช็คตารางเที่ยวบินทันที
ท่ามกลางความมืดยามค่ำคืน บ้านหลังใหญ่ของอุทัยตั้งตระหง่าน แสงไฟที่
เปิดส่องสว่าง ตัดกับความมืดดูสวยงาม
เย็นเดินเข้ามามองดูด้วยสายตาเยือกเย็น เจ็บปวดที่ดวงตามีน้ำเอ่อคลอออกมาก่อนที่ดวงตาของเย็นจะเปล่งประกายแค้น เธอกำลังจะหันหลังกลับ อุทัยก็เดินออกมา สองคนชะงักไปทันทีที่เห็นกัน เย็นจ้องมองอุทัยนิ่ง ดวงตามีทั้งความรัก ความเจ็บปวด ขมขื่น ตัดพ้อ อุทัยถามแบบกลัวๆ
“เธอ...คงไม่ได้ดักรอฉันใช่มั้ย”
“เพื่ออะไรคะ” เย็นยิ้มหยัน
“ไม่มีอะไรก็ดี...เพราะเรื่องของเรา มันจบลงแล้วตั้งนาน” อุทัยยิ้มโล่งอก
“ค่ะเรื่องของเรามันจบลงแล้วตั้งนาน ที่สำคัญหัวใจของฉันมันตายไปแล้วด้วย”
“ฉันไม่อยากให้เธอรู้สึกแย่ขนาดนั้น” อุทัยรู้สึกผิด
“ไม่มีอะไรที่แย่เกินไปกว่าความจริงหรอกค่ะ...แต่คุณไม่ต้องห่วง ถ้าหัวใจของใครมันตายแล้ว มีเพียงสองวิธีเท่านั้นที่จะบันดาลให้มันฟื้นขึ้นมาได้”
เย็นก็หันหลังเดินกลับ อุทัยได้แต่ร้องถาม
“อะไรเย็น...อะไร...”
เย็นไม่ได้หันมา แต่คำรามก้องในใจ
‘หนึ่งความรักและสองความแค้น...และสำหรับฉัน ความรักมันตายไปแล้ว...เหลือแต่ความแค้นค่ะคุณอุทัย’
เย็นเดินออกไป ทิ้งให้อุทัยได้แต่ยืนหงุดหงิด
“พูดไม่จบแล้วจะพูดทำไม”
อุทัยหงุดหงิดอารมณ์เสีย เดินเข้าบ้าน นมแสแอบยืนมองเย็นอยู่อย่างระแวง
เช้าวันใหม่...คุณหญิงอนุรักษ์ ถามนมแสตกใจ
“จริงเหรอ นังเย็นมันแอบไปหาตาอุทัย”
“ค่ะ...แต่ดิฉันไม่ได้ยินหรอกนะคะว่าคุยอะไรกัน จะบอกคุณวณีก็ไม่กล้า กลัวคุณวณีจะไม่เชื่อ คุณหญิงก็รู้…คุณวณีเป็นคนดี และมองโลกในแง่ดีแค่ไหน”
“นังเย็นนี่มันไว้ใจไม่ได้จริงๆ นมแสจับตามองมันเอาไว้ อย่าให้คลาดสายตา ถ้ามันทำอะไรไม่ชอบมาพากล รีบมาบอกฉันให้เร็วที่สุด”
“ค่ะคุณหญิง”
นมแสตอบรับทันที รู้สึกเกลียดเย็นมากๆ
นมแสเดินด้อมๆมองๆมาที่บ้านพักของเย็นตามคำสั่งคุณหญิง ด้านในน้อยเดินเอาอาหารมาตั้งไว้ที่โต๊ะ เย็นเดินออกมาท่าทางอิดโรยเหมือนไม่สบาย น้อยรีบวางข้าวต้มบนโต๊ะ เข้าไปประคอง นมแสมองเอ็นดู ชื่นชม
“น้าเย็นไม่สบายหรือคะ หน้าตาน้าเย็นดูโรยๆ”
“เปล่า เมื่อคืนนอนไม่ค่อยหลับ”
นมแสที่อยู่ด้านนอกแอบฟังเบ้ปาก พึมพำว่า...จะนอนหลับได้ยังไง เมื่อคืนไปแอบมองเขาทั้งคืน ชิ...
เย็นมองข้าวต้ม พูดเหนื่อยๆ
“ แล้วข้าวต้มเนี่ย ไปเอาที่โรงครัวเขามาเหรอ”
“เปล่าค่ะ น้อยทำเอง พอดีป้าจวนแบ่งของสดมาให้ น้าเย็นกินข้าวต้มนะคะ จะได้มีแรง”
น้อยกุลีกุจอเลื่อนถ้วยข้าวต้มอย่างห่วงใย เย็นกินข้าวต้มพลางถาม
“เมื่อคืนเป็นยังไงบ้าง”
“หลับสบายเลยค่ะ สบายมาก และที่น่าแปลกใจ” น้อยกวาดสายตามองไปรอบๆ “ดู...เหมือนน้อยคุ้นๆกับที่นี่ยังไงไม่รู้ค่ะน้าเย็น”
เย็นชะงักไปทันที น้อยถามเกรงใจ
“น้อยพูดอะไรผิดหรือคะน้าเย็น”
“เมื่อก่อนแกอาจจะเคยอยู่ที่นี่มั้ง” เย็นยิ้มเยาะ
“จะเป็นไปได้ยังไงคะ ตั้งแต่เกิดมา น้อยก็อยู่กับน้าเย็นตลอด” น้อยหัวเราะขำ
“ถ้าไม่ใช่เมื่อก่อน งั้นก็เป็นชาติก่อน”
“ไม่ว่าจะชาติไหนๆ น้อยก็อยู่กับน้าเย็นค่ะ”
เย็นยิ้มเอ็นดูน้อยก่อนลูบผมเบาๆ
“นี่ถ้าเป็นนังเปีย มันคงบอกว่า จะชาติไหนๆ มันขออยู่ที่นี่”
เย็นยิ้มหยัน ด้วยรู้นิสัยเปียดี นมแสฟังแล้วเริ่มสงสัยบางอย่าง
อ่านต่อหน้า 3
คมพยาบาท ตอนที่ 4 (ต่อ)
ในห้องนอน...เปียนอนสบายใจอยู่บนเตียง เพ้อๆมีความสุขมาก รอบๆตัวเธอคือกระเป๋าแบรนด์เนมหลายใบ สร้อย แหวน เครื่องประดับราคาแพงมากมาย
เธอควานของประดับ มากุมไว้แนบอก ตาเป็นประกาย มีความสุข นึกถึงค่ำคืนที่ผ่านมา...เปียเดินเข้าไปในห้องของวณี เห็นตู้เก็บกระเป๋าแบรนด์เนมมากมายหลายใบ
“คุณแม่ขา สวยจังเลยค่ะ” เปียตื่นเต้นมาก
“มันเป็นของหนูจ้ะ”
“ของหนู” เปียหันหลังกลับไปหยิบกระเป๋า ใบนั้นใบนี้วุ่นวาย
“แล้วนี่....ก็ของหนูจ้ะ”
เปียหันมาเห็นวณีถือกล่องเก็บเครื่องประดับ ภายในมีสร้อย กำไล ที่ทำด้วยเพชรทั้งนั้น เปียตาโต ดีใจ
“คุณแม่ให้หนูเหรอคะ”
“จ้ะ...หนูชอบอะไร หนูหยิบไปเลยลูก”
“จริงนะคะ”
เปียคว้าหมับทุกสิ่งอย่างมาถือเอาไว้ บอกปากคอสั่น
“คุณแม่ขา…สวยจังเลย เปียชอบหมดเลยค่ะ นี่ก็ชอบ..นั่นก็ชอบ”
เปียกรี๊ดชอบมาก วณียิ้มพอใจ
“มันเป็นของหนูทุกอย่างจ้ะ”
“คุณแม่”
เปียผวากอดทั้งที่ในมือมีสร้อย กำไล แหวน
“เปียรักคุณแม่ที่สุดเลย”
วณีกอดเปียยิ้มมีความสุข เปียมองแต่เครื่องประดับในมือ
เปีย นอนหงายชูเครื่องประดับ สร้อย กำไล แหวน อยู่ตรงหน้ามองอย่างดื่มด่ำ เพ้อๆ
“ทุกอย่าง มันจะเป็นของเรา ทุกอย่างมันต้องเป็นของเรา อั๊ย”
เปียปล่อยเครื่องประดับเหล่านั้นลงมาที่ตัว อย่างมีความสุขก่อนจะกรี๊ดลุกขึ้นมานั่ง
ใส่สร้อย กำไล เครื่องประดับ คว้าแบรนด์เนม เดินฉุยฉายไปหยุดยืนหน้ากระจกโพสต์ท่าอย่างมีความสุขมาก บอกตัวเองในกระจก
“ฉันจะอยู่ที่นี่ไปจนตาย ส่วนแก...แกก็ต้องอยู่กับน้าเย็นไปจนตายแล้วกัน นังน้อย”
น้อยเดินเก็บใบไม้ร่วงมาตามทางใส่ถังขยะ อุทัยกลับมาจากทำงาน เห็นเข้าก็เดินมาทัก
“อ้าว...หนูน้อย มาเก็บใบไม้ทำไม”
“น้อยเห็นมันร่วงเต็มบ้านไปหมด ดูสกปรกน่ะค่ะ”
“ไม่ต้องๆ เดี๋ยวคนสวนมาทำ แดดร้อนมาก เข้าไปข้างในดีกว่า”
อุทัยคว้ามือน้อยแบบผู้ใหญ่เอ็นดูเด็กเข้าไปในบ้าน น้อยเกรงใจ วณีเดินออกมา ยิ้มดีใจ
“อ้าว...หนูน้อย…”
“หนูน้อยเขาเห็นใบไม้มันร่วงเต็มบ้าน เลยมาเก็บให้ น่ารักจริงๆเลย”
วณีมองเอ็นดูมากๆ
“น่ารักจริงๆด้วย”
อุทัยยิ้มพอใจ
“เรื่องอะไรผมจะให้ทำ ในเมื่อที่ผมชวนหนูน้อยมาอยู่กับเราเพราะรัก เพราะเอ็นดูเหมือนลูกเหมือนหลาน เลยชวนเข้ามานั่งเล่นในบ้านกันดีกว่า คุณช่วยไปบอกให้ใครหาของว่างมาให้หนูน้อยกินหน่อยไป”
“ค่ะ” วณีเดินเข้าไป
น้อยรีบบอก เกรงใจ
“ไม่เป็นไรค่ะ ไม่เป็นไร น้อยไม่หิว”
“ไม่หิวก็มานั่งเล่นกันก่อน..มาลูกมา”
วณีพาน้อยเข้าไปข้างในจนได้
เปียแต่งตัวสวยโอเวอร์ประโคมทุกอย่างใส่ตัวทั้งเครื่องประดับ ถือกระเป๋าแบรนด์
เนมเดินด้วยท่าทางนางแบบออกมา พลางร้องตะโกนด้วยท่าทางลิงโลด
“คุณแม่ขา...คุณแม่...”
เงียบ ไม่มีเสียงตอบ เปียสงสัย
“เอ๊ะ...คุณแม่ขา...ไปไหน”
เปียเดินออกไปดู
น้อยนั่งบนโซฟาข้างๆอุทัย แต่นั่งในลักษณะตัวลีบเกรงใจ แมวเดินมา น้อย
มองเห็นก็ยิ้มเอ็นดู
“น้องแมวน่ารักจังเลยค่ะ ขอน้อยอุ้มหน่อยได้มั้ยคะ”
“ได้สิจ้ะ...ชื่อฝ้าย แมวตัวโปรดของวณี”
อุทัยอุ้มแมวมาส่งให้ น้อยรับมากอด
“น่ารักจังเลยค่ะ น้องฝ้ายน่ารักที่สุดเลย”
นมแสเดินเอาของว่างเข้ามายิ้มอ่อนโยน
“ของว่างค่ะ”
น้อยปล่อยแมว พนมมือไหว้นมแสอย่างเกรงใจ
“ขอบคุณค่ะ”
นมแสยิ้มให้น้อยเอ็นดูก่อนอุ้มแมวเดินออกไป
“ตามสบายเลยจ้ะ ไม่ต้องเกรงใจ หนูเป็นสมาชิกคนหนึ่งของอนุรักษ์ธานิน” วณีบอก
น้อยมองคาดไม่ถึง ไม่ได้ดีใจ แต่เกรงใจ วณีเดินมาทรุดตัวลงนั่งข้างๆน้อย
“และในฐานะที่หนูเป็นสมาชิกของที่นี่” วณีหยิบกล่องเพชรที่ถือขึ้นมาเปิดออก “ฉันขอมอบสร้อยเพชรเส้นนี้ให้หนูนะ”
น้อยมองตกใจ คาดไม่ถึง เปียเดินมาเห็น วณีกำลังถือสร้อยจะใส่ให้น้อย เปียตาเขียวปั้ด โกรธมาก น้อยยกมือไหว้ส่ายหน้า
“น้อยกราบขอบพระคุณ คุณวณีมากค่ะ แต่น้อยรับไม่ได้”
อุทัยบอกอย่างอ่อนโยน
“ทำไมจะรับไม่ได้ล่ะจ้ะ ในเมื่อ ฉันกับคุณวณีเต็มใจให้หนู”
“รับไว้เถอะนะจ้ะ”
ไม่รอคำตอบน้อย วณีสวมสร้อยให้น้อยเลย เปียเดินฉับๆเข้ามาแทบจะกรี๊ด
“อะไรกันคะคุณแม่”
อุทัยมองดุ เชิงตำหนิ เปียกริยาไม่ดี
“หนูน้อยเป็นเด็กดี คุณแม่เลยให้รางวัลหนูน้อย เปียมีอะไรรึเปล่าลูก”
เปียเจอสายตาดุๆอุทัยไม่กล้าแผลงฤทธิ์
“เอ่อ...คือ...เปียแต่งชุดใหม่มาให้คุณ...แม่ดูน่ะค่ะ...น่ารักมั้ยคะคุณแม่”
“เปียดื้อของแม่น่ารักที่สุดเลยจ้ะ”
“ขอบคุณค่ะ เปียดีใจที่สุดเลย”
เปียกอดหอมวณีก่อนหันมาบอกน้อย ทำทีเป็นเพิ่งเห็น
เปียกอดหอมวณีก่อนหันมาบอกน้อย ทำทีเป็นเพิ่งเห็น
“อุ๊ย...สร้อยของน้อยสวยจัง สวยกว่าของเปียอีกเลยนะ”
“ถ้าเปียชอบ...เปียเอาไปก็ได้นะจ้ะ”
น้อยเกรงใจ จะถอดให้ เปียยิ้มดีใจแต่อุทัยกลับรีบห้ามบอกน้อย
“ไม่ต้องจ้ะ ของหนูเปีย คุณแม่เขาให้เยอะแยะแล้ว หนูน้อยเก็บไว้เถอะ”
“เก็บไว้เถอะจ้ะ ฉันให้หนูน้อย” วณีบอกย้ำ
น้อยมองหน้าเปียก็รู้ว่าเปียโกรธ รีบบอก
“มันมีราคาเกินไป ไม่เหมาะกับน้อยแต่เหมาะกับเปียมากกว่า ให้เปียดีกว่านะคะ”
“ไม่เอาจ้ะไม่เอา ยกให้น้อย มันก็ต้องเป็นของน้อยสิ” อุทัยรีบห้ามอีก
“ใช่...ฉันยกให้น้อย มันก็ต้องเป็นของน้อยจ้ะ”
เปียนั่งตาเขียวมอง น้อยมองเห็นสายตาเปียก็กลัวรีบบอก
“น้อยกราบขอบพระคุณมากค่ะ” น้อยยกมือไหว้นอบน้อม “งั้น...น้อยขออนุญาตกลับก่อนนะคะ”
“จ้ะ...ไว้มาเที่ยวบ้านฉันบ่อยๆนะ”
“ค่ะ” น้อยมองเปียกลัว รีบค้อมตัวออกไปนอบน้อม
“หนูน้อยนี่น่ารักจริงๆเลย” วณีมองตามยิ้มแย้ม
เปียสุดจะอิจฉา แต่ข่มเอาไว้
“คุณแม่ขา...”
“อะไรจ้ะ”
“ตะกี้เปียเข้าไปเอากระเป๋าในห้องของคุณแม่มาดู แต่จัดยังไงมันก็ไม่สวย ไม่เป๊ะเหมือนคุณแม่ คุณแม่ไปดูหน่อยสิคะ...”
“ไม่เป็นไรจ้ะ ไว้ดูตอนไหนก็ได้แค่กระเป๋าเอง”
เปียทำท่าตกใจ
“ไม่ได้ค่ะ เปียเปิดประตูห้องทิ้งเอาไว้ ถ้าใครแอบเข้าไปในห้องคุณแม่ ขโมยเอาสร้อยเอาเพชรไป แย่แน่ๆเลยค่ะ”
อุทัยบอกเชิงตำหนิ
“ทำไมไม่ระวังเลยลูก”
“เปียนึกว่าคุณแม่จะเดินไปดูเลยไม่ได้ปิดประตูน่ะค่ะ”
“อย่าดุลูกเลยค่ะคุณ บ้านเราไม่มีขโมยขโจนที่ไหนหรอก” วณีรีบช่วย
“ยังไงผมก็อยากให้ลูกเรียบร้อยอยู่ดี”
“คุณแม่” เปียหน้าเสีย
“ไม่เป็นไรจ้ะ..เดี๋ยวแม่ไปดูให้ นะจ้ะ...”
วณีเดินแยกออกไป
“ถ้าทำให้คุณพ่อไม่พอใจ เปียขอโทษนะคะ”
เปียยกมือไหว้เดินออกไป อุทัยถอนหายใจเหนื่อยๆเพลียๆ
วณีเดินตรงมาที่ห้อง เห็นห้องปิดสนิท
“ประตูก็ปิดแล้วนี่”
วณีเปิดประตูเข้าไปในห้อง เห็นกระเป๋าทุกใบอยู่ในตู้เรียบร้อย
“กระเป๋าก็อยู่เรียบร้อยดี เอ๊ะ...แล้วทำไมตะกี้ ลูกถึงพูดอย่างนั้น” วณีงง
น้อยเดินออกนอกบ้านไปแล้ว เปียวิ่งตามตะโกนเรียก
“หยุดเดี๋ยวนี้นะนังน้อย”
“เปียมีอะไรเหรอจ้ะ”
เปียเดินตาเขียวเข้ามาหาเรื่อง
“ยังจะมาแอ๊บถามว่าอะไร เอาสร้อยฉันคืนมา”
“สร้อยเปียที่ไหน นี่คุณวณีให้น้อย” น้อยกุมสร้อยไว้
“หนอย…สร้อยคุณวณีให้น้อย...แล้วตะกี้ใครที่มันบอกว่าไม่อยากได้ มันเกรงใจ ไม่ใช่แกเหรอนังน้อย หนอย...นังดัดจริต นังแอ๊บ เอาสร้อยฉันคืนมาเดี๋ยวนี้นะ เอามา”
เปียจะพยายามแย่งสร้อย น้อยไม่ยอมปกป้อง
“ไม่ให้”
น้อยผลักเปียออกอย่างแรง เปียยิ่งโกรธมาก
“นังน้อย”
“ถ้าเปียขอดีๆ น้อยก็จะให้ แต่ไม่ใช่การจิกหัวเรียกกันอย่างนี้”
“แล้วทำไม ฉันจะจิกหัวเรียกแกไม่ได้ฮะ นังน้อย...ทำไมฉันจะจิกหัวเรียกแกไม่ได้”
เปียทำท่าจะเอามือจิ้มหัว น้อยปัดมือเปียออกทันที เถียงเข้ม
“เพราะน้อยไม่ใช่คนใช้ของเปีย”
น้อยจ้องหน้าเปียแบบไม่ยอม
อุทัยนั่งอยู่ด้วยทีท่าไม่สบายใจ มองหาเปีย ไม่เห็นร้องเรียก
“เปีย..เปีย”
เงียบไม่มีเสียงตอบ
“เปียนะเปีย ทำไมขยันทำให้แต่พ่อเหนื่อยใจ...เฮ้อ”
อุทัยเดินออกไปตามอย่างอุทัยเบื่อๆ
เปียจ้องตาน้อยแบบฉุนๆ ยิ้มเหยียด ขณะเดินอ้อมมายืนอยู่ทางหน้าน้อย กวนๆกร่างๆ
“จริงสิเนาะ แกไม่ใช่คนใช้ฉัน งั้น ไป…”
น้อยมองเปียคาดไม่ถึงที่เปียยอมง่ายๆ
“แกไม่ใช่คนใช้ฉันก็ไปสิ จะมายืนมองหน้าฉันทำไม ให้ฉันอารมณ์เสีย ไปซี้”
น้อยถอนหายใจมองเปียระอา ก่อนจะเดินไป เปียยื่นขามาขัดขาน้อย ด้านหลังอุทัยเห็นพอดี ขณะที่น้อยร้องว้าย เสียหลักล้มลงที่พื้นอย่างแรง เปียหัวเราะลั่นสะใจ อุทัยวิ่งเข้าไปประคอง
“หนูน้อย..หนูน้อย...เจ็บมากมั้ยลูก”
“คุณพ่อ” เปียโกรธ คาดไม่ถึง
อุทัยหันมาดุ
“ทำไมทำอย่างนี้เปีย”
“เปียทำอะไร”
“ทำอะไร ยังจะกล้ามาถามพ่ออีก พ่อเห็นน่ะว่าเปียน่ะแกล้งน้อย”
อุทัยโกรธ เปียปากคอสั่น กลัวตกใจ
“เปียแกล้งอะไรน้อย คุณพ่ออย่ามาหาเรื่องเปียนะ”
“พ่อเห็นกับตา เปียแกล้งน้อย” อุทัยดุ
“เปียไม่ได้แกล้ง ๆ คุณพ่อหาเรื่องเปีย คุณพ่อใส่ร้ายเปีย”
เปียร้องกรี๊ดๆผสมร้องไห้แล้ววิ่งหนีไป วณีด้านหลังเห็นพอดีวิ่งมา
“เปีย”
วณีจะตาม อุทัยดุ
“ไม่ต้องตาม”
“ทำไมคะ”
“พี่เห็นกับตา เปียแกล้งน้อย ลูกโกหก”
อุทัยมองตามเปียไม่พอใจมาก น้อยหน้าซีด
เย็นชะเง้อชะแง้คอมองหาน้อย กระวนกระวาย
“ไหนยัยน้อยบอกจะไปเก็บใบไม้แป๊บเดียว ไหงไปตั้งนาน”
เย็นตัดสินใจเดินไปตาม
เย็นเดินมาบริเวณบ้านอุทัย บริเวณในสวนที่มีสระน้ำ เห็นเปียวิ่งหน้าตาบูดเบี้ยวร้องไห้ วิ่งถอดรองเท้าออก เหวี่ยงลงในสระข้างหนึ่ง ส่วนอีกข้างหนึ่งเปียเหวี่ยงทิ้งที่พื้น พร้อมตะเบ็งเสียงโกรธ
“แล้วคุณพ่อคุณแม่จะเสียใจ...ที่ทำกับเปียอย่างนี้”
“เปียเป็นอะไร”
เปียแผดเสียงตอบกลับมา แต่วิ่งไปไม่หัน
“ไม่ต้องมายุ่ง”
“นังเปีย” เย็นจะตาม แต่หยุดเมื่อนึกได้ ยิ้มร้าย
“คุณหนูเปีย ต้องแผลงฤทธิ์อะไรแน่ๆ”
เย็นมองไปที่บ้านอุทัย แล้วเดินตรงไป
เปียวิ่งอ้อมมาในสวน ที่เป็นต้นไม้ ประวิทย์ชายหนุ่มที่อยู่ในความดูแลของวณีกับอุทัย หิ้วกระเป๋าเสื้อผ้าเดินเข้ามา ตั้งใจจะไปห้องพักด้านหลัง เปียผลักประวิทย์ อย่างไม่ได้ตั้งใจ เพราะเธอเดินมา จังหวะการเดินกับที่ประวิทย์มาถึง จึงผลักให้พ้นทาง
ประวิทย์ตกใจร่างเซถลาล้มลง เปียเองที่จะวิ่งผ่านก็สะดุดขาประวิทย์ล้ม แทบจะทับ แต่ประวิทย์จับตัวเปียไว้ก่อน เขาชะงักเมื่อเห็นเปียมีน้ำตา
“คุณร้องไห้ เป็นอะไร”
เปียมองหน้าประวิทย์แล้วตะลึง เพราะประวิทย์หล่อมาก เธอชอบเขาทันที ขณะที่ประวิทย์เห็นหน้าเปียซึ่งสวยมากมองเขาก็เขินๆ
น้อยนั่งอยู่ตรงกลางระหว่างอุทัยกับวณี ที่พื้น นมแสนั่งอยู่ ทาข้อเท้าให้
“ไม่เป็นไรค่ะ น้อยทายาดีกว่านะคะ”
น้อยเกรงใจจะทรุดตัวนั่งพื้น วณีฉุดขึ้นมา
“ไม่เอาจ้ะน้อย ให้นมแสทาให้ดีกว่า”
“เดี๋ยวดิฉันทาให้ค่ะ คุณน้อยอยู่นิ่งๆนะคะ” นมแสยิ้มให้
อุทัยบอกอย่างอ่อนโยน
“ฉันต้องขอโทษแทนเปียด้วยนะ”
“เปียไม่ได้ทำอะไรน้อยนะคะ”
“เห็นมั้ยคะหนูน้อยก็บอกว่าเปียไม่ได้ทำ พี่อุทัยดุลูกจนแกเสียใจ วิ่งไปไหนไม่รู้” วณีกังวล
“แต่พี่เห็น เปียแกล้งน้อยจริงๆ”
เย็นเดินเข้ามา ได้ยินพอดี
“ว่าไงน้อย คุณหนูเปียเค้าแกล้งเธอเหรอ”
“เปล่าค่ะน้าเย็น ไม่ได้แกล้งค่ะ” น้องรีบปฏิเสธ
“ถ้ายัยน้อยบอกว่าไม่ได้แกล้ง ก็แปลว่า คุณหนูเปียไม่ได้แกล้งจริงๆค่ะ”
เย็นยิ้มเยาะ อุทัยมองน้อยอย่างไม่เข้าใจ
“จะเป็นไปได้ยังไงก็ฉันเห็นกับตา”
“พี่อุทัยคะ...ก็แล้วถ้าลูกเปียแกล้งหนูน้อยจริงๆ เหตุผลอะไรที่หนูน้อยจะต้องโกหกด้วยคะ” วณีอ่อนใจ
อุทัยเงียบ ไม่เข้าใจน้อยเหมือนกัน เย็นยิ้มเสริม
“นั่นน่ะสิคะ ถ้าถูกแกล้งจริงๆยัยน้อยจะโกหกทำไม มิน่าคุณอุทัยปรักปรำลูกขนาดนี้...ฉันเลยเห็นคุณหนูเปียวิ่งเตลิดเปิดเปิงไปไหนก็ไม่รู้”
วณีกังวลมาก อุทัยบอกนมแส
“นมแสให้คนไปตามหน่อย ลูกฉันอยู่ไหน”
“ค่ะ” นมแสเดินแยกไป
เย็นยิ้มพอใจ เมื่อเห็นท่าทางวณีกับอุทัยที่กังวลมาก
ประวิทย์มือหนึ่งถือกระเป๋าเสื้อผ้า อีกมือหนึ่งประคองเปียที่มีท่าทีเจ็บข้อเท้า
ร้องโอดโอยออเซาะ เดินมายังม้านั่งในสวน หวานในมือถือมะพร้าวอยู่มุมหนึ่งเห็นตกใจ
“ต๊าย คุณหนูเปียมากับประวิทย์ได้ยังไง”
หวานแอบมองอย่างอยากรู้ ประวิทย์บอกเปีย
“นั่งพักก่อนครับ นั่งก่อน ผมขอโทษที่ไม่ระวัง เจ็บมากมั้ยครับ”
เปียยิ่งชอบใจใหญ่ เพราะจริงๆแล้วตัวเธอเองที่ผิด
“ไม่เป็นไร....เอ้อก็เจ็บ..อยู่ เจ็บมากเลย โอ๊ย”
เปียทำท่าเอามือจับเอวช่วงสะโพก ทั้งๆเธอล้มก้นกระแทก
“อ้าว...ผมนึกว่าคุณเจ็บเท้า จะได้นวดเท้าให้” ประวิทย์งง
“นวดเท้าให้...ใช่ๆฉันเจ็บเท้าด้วย เจ็บมากเลย”
เปียลูบเท้ามองอ้อน ประวิทย์มองงง ไม่รู้ว่าเปียให้ท่า เธอเห็นท่าทางของประวิทย์งงก็ชอบใจใหญ่
“ก็ตะกี้ฉันก้นกระแทก แล้วค่อยล้มลงไง เลยเจ็บไปหมดทั้งเนื้อทั้งตัว”
เปียทำท่าเจ็บไปหมดอ้อน
“งั้น...เดี๋ยวผม..ทายาให้นะครับ”
ประวิทย์เปิดกระเป๋าเดินทางหยิบยาหม่องออกมานวดเท้าให้เปีย หวานตาโต เปียอ้อนออเซาะให้ท่า ก้มหน้าลงต่ำ แทบเห็นอก
“โอ๊ย...เจ็บ...เจ็บ...”
“ขอโทษครับ...เดี๋ยวผมนวดให้เบาๆ”
ประวิทย์นวดเท้าให้ เปียยิ้มพอใจ แซว
“ตลกจัง เธอมียาหม่องด้วย ทำตัวเหมือนคนแก่”
“แม่เป็นห่วง เวลาเดินทาง แม่ให้ผมพกติดตัวไว้เสมอ”
“แม่...แม่เธอเป็นใครเหรอ แล้วเธออยู่ที่นี่เหรอ”
“ครับ..ผมอยู่ที่นี่...คุณวณีท่านรู้จักกับแม่ผม ท่านเลยเมตตาให้ผมอยู่ที่นี่พร้อมส่งเรียนด้วย แล้วคุณล่ะเป็นใคร ผมไม่เคยเห็นเลย”
“ฉันเป็นลูกสาวคนเดียวของคุณพ่ออุทัย คุณแม่วณี”
ประวิทย์มองเปียตกใจ งง คาดไม่ถึง
หวานวิ่งอุ้มมะพร้าวเข้าไปในครัว วางลง หน้าตาตื่น
“นี่ๆ ฉันมีเรื่องมาบอก”
“อะไรของแกวะหวาน มีเรื่องอยู่ได้ทุกวี่ทุกวัน” จวนมองอย่างรำคาญ
“ก็..ตะกี้ฉันเห็นคุณหนูเปียกับประวิทย์”
“ทำไม คุณหนูเปียกับประวิทย์ทำไม” ช้อยอยากรู้มาก
หวานยังไม่ทันตอบ นมแสก็เข้ามา
“มีใครเห็นคุณหนูเปียรึเปล่า”
ทุกคนอ้ำอึ้ง คือหวานยังเล่าไม่จบ ไม่รู้ทิศทางจะยังไง นมแสเห็นก็ถาม
“มีใครเห็นคุณหนูเปียมั้ย คุณหนูเปียหายไปไหนไม่รู้ คุณท่านให้หา”
หวานนำนมแสและทุกคนไปยัง บริเวณสวนที่ประวิทย์นวดให้เปีย
“คุณหนูเปียอยู่นั่น”
ทุกคนมองภาพ เห็นเปียนั่งบนที่นั่ง ประวิทย์นั่งที่พื้นนวดเท้าให้ เปียโน้มตัวลง เอามือวางบนเข่า หน้าแทบจะติดกับหน้าประวิทย์ที่เงยมองขึ้นมา ท่าทางเหมือนใกล้ชิดคุ้นเคยมาก ทุกคนมองหน้ากันงุนงง ช้อยโพล่งขึ้น
“คุณหนูเปียไปรู้จักมักจี่กับประวิทย์ตั้งแต่เมื่อไหร่”
จวนมองงงๆแกมระอา นมแส มีท่าทางหนักใจ
วณีกับอุทัยมีท่าทางกังวล โดยเฉพาะวณีมีท่าทีกังวลมาก
“ฉันเป็นห่วงลูกจัง”
“จะห่วงทำไม ลูกก็อยู่ในบ้านนี่แหละ” อุทัยแอบหงุดหงิด
“ก็แล้วถ้าเผื่อลูกหนีออกจากบ้านล่ะคะ”
อุทัยเงียบไปทันที เย็นหัวเราะชอบใจ
“อุตส่าห์ได้มาอยู่กับคุณพ่อคุณแม่ที่พลัดพรากกันมานานเกือบยี่สิบปี คุณหนูเปียไม่ไปไหนหรอกค่ะ เอ๊ะ...แต่ก็ไม่แน่ คุณหนูเปียอาจจะน้อยใจเสียใจ ที่เห็นคุณทั้งสองคนมาเอาอกเอาใจยัยน้อย ทั้งๆที่ไม่ใช่ลูกแท้ๆก็เป็นได้...ไป...ยัยน้อย ถ้าไม่ได้เป็นอะไร กลับอย่าอยู่เป็นส่วนเกินของคุณๆเขาเลย”
“ค่ะ น้าเย็น น้อยกลับนะคะ”
น้อยยกมือไหว้อุทัย กับวณี เดินนอบน้อมออกไปกับเย็น วณีหันมาบอกอุทัย
“วณีเป็นห่วงลูก”
“ป่านนี้นมแสทำไมยังไม่มาอีก ไปตามหากันถึงโลกพระจันทร์รึไง”
อุทัยหน้าคว่ำลุกขึ้นเดินออกไป วณีตาม
อุทัยเดินออกมาบริเวณสวน หงุดหงิดที่ไม่เห็นใคร
“เปีย...เปีย…”
เงียบไม่มีเสียงตอบ วณีเดินตามมาอย่างกังวล
“ไม่มีใครอยู่เลยรึไงเนี่ย ไปตามถึงไหนกัน”
อุทัยเดินลึกเข้าไปในสวนถึงสระน้ำ วณีเหลือบเห็นรองเท้าของเปียที่ขอบสระ ร้องอย่างตกใจ
“พี่อุทัยคะ”
“อะไรวณี”
วณีหยิบรองเท้าเปียขึ้นมา
“รองเท้าลูก ที่เราเพิ่งซื้อให้ค่ะ”
อุทัยรับรองเท้ามาดู หน้าตาท่าทางตกใจ วณีชี้ให้ดูที่สระ ตกใจยิ่งกลัว
“พี่อุทัยดูโน่น”
อุทัยมองไปที่ในสระ เห็นรองเท้าเปียลอยอยู่ ก็หน้าซีด วณีร้องไห้โฮ
“อย่าบอกนะคะว่าลูกคิดสั้น”
อุทัยใจหายแว๊บ ตะโกน
“เปีย...เปีย..เปีย...”
วณีตีโพยตีพายไปก่อน
“โธ่...ลูกแม่....เปียลูกแม่”
อุทัยจะลงสระ เอิบวิ่งมา อุทัยเห็นรีบสั่ง
“เอิบ...กระโดดลงไปดูในสระเร็ว ลูกฉันอยู่ในนั้นรึเปล่า”
เอิบไม่ทันตั้งตัว เจอคำสั่งงง อุทัยยิ่งหงุดหงิด
“ลงไปดูเร็วเอิบ ลูกฉันจมน้ำตายรึเปล่า”
“ครับๆ”
เอิบจะลง นมแสวิ่งเข้ามา
“คุณคะ...”
ทุกคนหันไปมอง นมแสละล่ำละลักบอก
“เจอคุณหนูเปียแล้วค่ะ”
“เจอแล้ว”
วณีตื่นเต้นดีใจสุดๆ อุทัยยิ้มออกมาได้โล่งใจ
“ลูกฉันอยู่ที่ไหน”
คราวนี้นมแสหน้าเจื่อน
ประวิทย์นวดขาเปียเสร็จแล้วบอก
“เรียบร้อยแล้วครับ”
“อะไร เปียยังเจ็บอยู่เลย ประวิทย์อ่ะ” เปียหน้างออ้อน
“นวดมากๆ จะระบมนะครับคุณหนู”
“ไม่ระบมหรอก มือของประวิทย์เบาจะตาย...” เปียแตะไหล่ประวิทย์ถึงเนื้อถึงตัว “น้า..นะ..ประวิทย์นวดให้เปียอีกหน่อย เปียชอบ..สบ๊าย..สบาย น้า...”
“เอ่อ...”
“ถ้าประวิทย์ไม่นวดให้เปีย เปียจะฟ้องคุณพ่อคุณแม่ ว่าประวิทย์ทำเปียเจ็บ”
“อย่านะครับ” ประวิทย์กลัว
“งั้นประวิทย์ต้องนวดให้เปีย....” เปียยิ้มเป็นต่อ
“ครับๆ”
“นวดเสร็จแล้วก็...อุ้มเปียไปส่งด้วย”
“อุ้มคุณหนูเปียไปส่ง” ประวิทย์ตกใจ
เปียหัวเราะพอใจ
“ก็ใช่น่ะสิ...ประวิทย์ชนเปียล้ม เปียเดินไม่ไหว ประวิทย์ก็ต้องอุ้มเปียไปส่ง”
เปียลุกขึ้นยื่นมือออกจะให้อุ้ม ประวิทย์มองงง ตกใจ หวาน ช้อย จวน เห็นก็ฮือฮา เอามืออุดปากตัวเอง
“เร็วสิประวิทย์...อุ้มเปีย เปียจะเดินไม่ไหวอยู่แล้วเนี่ย”
ประวิทย์หน้าเจื่อน คาดไม่ถึง ไม่เคย ไม่กล้า นมแสเดินนำวณี อุทัยเข้ามา อุทัยดุ
“ทำอะไรน่ะเปีย”
เปียหันมาเห็นพ่อแม่หน้าซีดตกใจ
“คุณพ่อ...”
วณีทำหน้าเจื่อน ขณะที่อุทัยหน้าตาดุมาก
อุทัยเดินหน้าบึ้งเข้าบ้าน เปียกุมมือวณีแน่น เดินตามหลังเข้ามา ท่าทางของ
เปียปกติไมได้เจ็บอะไร เหลือแต่ความกลัว ขณะที่อุทัยเอ็ดตะโรดังลั่น
“พ่อไม่เข้าใจ เปียไม่เคยรู้จักประวิทย์ แล้วไปทำท่าอะไรอย่างนั้นกับเขาได้ยังไง”
“ก็...เปีย เปียเจ็บ...เปียหกล้ม เปียเดินไม่ไหว” เปียซีดกลัว...
อุทัยหันกลับมาจ้อง
“เดินไม่ไหว..แล้วทำไม ตอนนี้ถึงเดินได้”
เปียหน้าซีดเข้าไปใหญ่ ไม่รู้จะเถียงยังไง ได้แต่ร้องกอดวณี
“คุณแม่...”
วณีกอดเปียเอาไว้
“อย่าดุลูกได้มั้ยคะ แค่นี้ลูกก็เสียขวัญจะแย่แล้ว”
“ลูกเสียขวัญ แต่พี่เสียใจ ลูกทำตัวไม่น่ารักไม่พอ ยังแกล้งทำเป็นจมน้ำตายให้พ่อแม่เป็นห่วงอีก” อุทัยเสียงดัง
“เปียไม่ได้ทำนะคะ เปียไม่ได้ทำ”
“แล้วการที่รองเท้าของลูกข้างหนึ่งอยู่ริมสระ อีกข้างอยู่ในสระมันหมายความว่าอะไร”
เปียหน้าซีด เถียงไม่ออก ไม่รู้จะเถียงยังไง อุทัยมองเปียระอา
“พ่อผิดหวังในตัวลูกจริงๆ”
อุทัยเดินผละไป เปียซีดเผือดร้องไห้โฮตกใจ
“คุณแม่...คุณพ่อโกรธเปีย คุณแม่ช่วยเปียด้วยนะคะ ช่วยเปียด้วย”
วณีได้แต่กอดปลอบประโลมเปียที่ร้องไห้โฮ
อุทัยนั่งกลุ้มในห้อง หน้าตาเคร่งเครียดปนเหนื่อย มีเสียงเคาะประตูเบาๆก่อนที่
วณีจะเดินเข้ามาทรุดตัวลงนั่งข้างๆ กุมมือเขาเอาไว้
“พี่อุทัยคะ”
“อย่าเพิ่งพูดอะไรวณี พี่เหนื่อย”
“ไม่พูด...แล้วพี่อุทัยจะเข้าใจลูกได้ยังไงล่ะคะ ตะกี้วณีคุยกับลูกแล้ว ลูกบอกไม่ได้ตั้งใจสร้างเรื่องอะไรทั้งนั้นเลยค่ะ แต่ตอนนั้นแกเห็นงู แกตกใจ เลยวิ่งหนี”
“ตกใจวิ่งหนีงู เลยถอดรองเท้าทิ้งกันไปคนละทาง นี่มันงูนะวณี ไม่ใช่โดนเสือไล่ขย้ำ ถึงได้วิ่งหนีตายจนรองเท้ากระจัดกระจายไปคนละทิศคนละทางขนาดนั้น” อุทัยระอามาก
“แต่มันก็เป็นไปได้นะคะพี่อุทัย ความกลัวแต่ละคนไม่เหมือนกัน ลูกอาจจะกลัวงูมากก็ได้”
“กลัวจนไร้สติ พี่จะบอกอะไรให้นะวณี พี่ไม่เชื่ออะไรลูกเลย ตั้งแต่ลูกโกหกว่าลูกไม่ได้แกล้งน้อยน่ะ” อุทัยเหน็บ
“แต่หนูน้อยก็บอกแล้วนี่คะว่า ลูกไม่ได้แกล้ง ลูกไม่ได้โกหก” วณีเริ่มโกรธ
“แต่ตอนนี้...ทั้งลูก ทั้งหนูน้อยต่างโกหกเรา จนพี่งงไปหมดแล้ว...โอเค...ลูกอาจโกหกเพื่อให้ตัวเองพ้นผิด แต่พี่ไม่เข้าใจ หนูน้อยจะโกหกทำไม ในเมื่อพี่เห็นกับตา”
น้ำเสียงของอุทัยหงุดหงิดมาก วณีหน้าเสียไม่เข้าใจ
อ่านต่อหน้า 4
คมพยาบาท ตอนที่ 4 (ต่อ)
น้อยนั่งทายานวดขาตัวเอง เย็นเดินมาหา หยิบยามาทาให้ถามอาทร
“เป็นไงมั่งน้อย”
“ค่อยยังชั่วแล้วค่ะ”
“นี่...น้าถามจริงๆ เปียได้แกล้งอะไรมั้ย”
น้อยพยักหน้า
“แกล้งค่ะ...เปียขัดขาน้อยล้ม”
“แล้วทำไม ไม่บอกคุณอุทัย”
“น้อยไม่อยากให้คุณอุทัยโกรธเปีย...ที่สำคัญ น้าเย็นก็รู้ เปียเป็นคนอาฆาตพยาบาทแรงจะตาย ถ้าเขารู้ว่าน้อยบอกคุณอุทัย เปียต้องฆ่าน้อยตายแน่ๆเลย”
“มันก็จริง” เย็นหัวเราะขำ แล้วชะงักเมื่อเห็นสร้อยที่คอน้อย “แล้วนั่นเอาสร้อยมาจากไหน”
น้อยยิ้ม เอามือจับสร้อยดีใจ
“คุณวณี คุณอุทัยให้น้อยค่ะ”
“อ้อ...ฉันรู้แล้ว ทำไมยัยเปียถึงแกล้งเธอ ถอดออกมา”
เย็นแบมือ น้อยกุมไว้หวง บอกกลัวๆ
“น้าเย็นคะ...ขอน้อยใส่ได้มั้ยคะ ตั้งแต่เกิดมา น้อยไม่เคยได้อะไรที่มี่ค่าขนาดนี้ น้อยชอบ ขอน้อยใส่นะคะ”
“ฉันบอกให้ถอดออกมา”
“น้าเย็น” น้อยหน้าเสีย
“แกกลัวฉันจะเอาของแกรึไง ฉันไม่เอาหรอกน่า ถอดออกมา...นอกซะจากว่า...แกอยากจะให้นังเปีย มันฆ่าแก”
“ค่ะๆ” น้อยละล่ำละลัก รีบถอดให้
“ฉันจะเก็บไว้ให้ ถ้านังเปียมันอยากได้ บอกให้มันมาเอากับฉัน”
“ค่ะ”
“แกได้ของมีค่าจากคุณอุทัย คุณวณีขนาดนี้ นังเปียมันไม่เก็บแกไว้หรอก”
ท่าทางของเย็นเหมือนห่วง แต่น้ำเสียงมีความสะใจอยู่ในนั้น
เปียอยู่คนเดียวในห้องก็เขวี้ยงปาข้าวของ ทึ้งหมอน ผ้าห่มอย่างโมโห
“แกล้งนังน้อยแค่นี้ มันจะอะไรกันนักกันหนา ประเดี๋ยวก็ฆ่าให้ตายหรอก หรือว่า...ไม่ได้...เราต้องทำให้คุณแม่สนใจเราให้ได้”
เปียพยายามคิดแผนเต็มที่
ระหว่างรับประทานอาหารเช้า นมแสดูแลตามปกติ วณีถามกังวล
“เปียล่ะจ้ะนม”
“ดิฉันไปตามแล้ว คุณหนูบอกว่าไม่สบายค่ะ”
วณีหันไปบอกอุทัย
“เดี๋ยววณีไปดูลูกหน่อยนะคะ”
“ไม่ต้องหรอกวณี ตามใจบ่อยๆลูกเคยตัวแย่”
“ลูกไม่เคยตัวหรอกค่ะ เมื่อคืนวณีไปหา แกก็ไม่ได้พูดเรื่องเดิมแล้ว แค่หงอยๆแต่ท่าทางแกเสียใจมากๆ ที่พี่อุทัยดุแก..วณีไม่อยากให้ลูกเสียใจค่ะ”
วณีเดินออกไป อุทัยวางช้อนลงอย่างเซ็งๆ
เปียในชุดนอน นอนอยู่บนเตียง หยิบมือถือมาถ่ายรูป เป็นสิบๆ ก่อนดูรูป
“อุ๊ย...รูปนี้ก็ไม่สวย รูปนี้ก็ไม่ดี ว้าย...รูปนี้หน้าบานเชียว รูปนี้ก็ยังกับผีลืมหลุม ขืนลงเฟสแบบนี้อายเขาตายเลย”
เปียก็ลุกไปเติมแต่งหน้าบางๆ ก่อนมานอนบนเตียง แอ๊บถ่ายรูปต่อ
“สวยแล้ว”
เปียอัพเฟสของเธอที่ชื่อ very sexy C-pia ให้หมู่มวลเพื่อนแว้นและสก๊อยดู
“ตื่นนอนหน้าสด โทรมจุงเบย”
เพื่อนๆมากดไลค์ พร้อมเมนท์
“ว้าย...มีคนมาเมนท์ด้วย...โทรมที่ไหน สวยจะตาย”
เปียหัวเราะชอบใจ เสียงเคาะประตูดังขึ้น
“เปีย..เปียจ๋า...แม่เข้าไปได้มั้ยลูก”
เปียทำเสียงเหมือนจะตาย
“แป๊บนึงนะคะคุณแม่”
เปียรีบปิดเฟส วิ่งเข้าไปล้างหน้าล้างตาในห้องน้ำ ออกมาในสภาพหน้าสดซีดเซียว
จริงๆก่อนเดินไปเปิดประตู วณีเห็นก็สงสาร
“ไม่สบายมากมั้ยลูก”
เปียหันหลังเดินกลับไปนั่งที่เตียง
“เปียไม่เป็นไรค่ะ”
วณีเดินตามไปทรุดตัวลงนั่งข้างๆบนเตียง
“ไม่เป็นไรยังไง ดูซิ หน้าซีดไปหมดแล้ว อุ๊ย..ตัวเย็นด้วย”
“ไข้ต้องกลับแน่ๆเลย....คุณแม่ขา....เปียจะตายมั้ยคะ”
“ไม่หรอกลูก” วณีตกใจ
เปียกอดวณีทำท่าสลด สะอื้นไม่มีน้ำตา
“เปียกลัวเปียตาย...เปียกลัวเปียจะไม่ได้อยู่กับคุณแม่”
“ไม่หรอกลูก ไม่หรอก เดี๋ยวไปหาหมอนะคะ”
เปียไม่ทันตอบ เสียงเตือนในเฟสดังขึ้น เปียหน้าเหลอหลา
“เสียงโทรศัพท์หนูรึเปล่า”
เสียงสัญญาณเตือนเฟสดังขึ้นอีก วณีมองตามเสียง ก่อนเลิกผ้าห่มขึ้น เห็นมือถืออยู่ใต้ผ้าห่ม
“อยู่นี่เอง” วณีหยิบทันที
เปียคว้ามือถือจากมือวณี
“คุณแม่ขา...เปียไม่อยากไปหาหมอ เปียได้ยินมาว่า เอาน้ำมะพร้าวล้างหน้าจะหาย คุณแม่ช่วยหาน้ำมะพร้าวให้เปียหน่อยได้มั้ยคะ”
วณียิ้มแหยๆ
“คงเป็นน้ำส้มน่ะจ้ะลูก...ดื่มน้ำส้ม จะช่วยลดไข้ได้ เดี๋ยวแม่ไปเอามาให้นะ”
“ขอบคุณค่ะ”
วณีเดินออกไป เปียคว้ามือถือขึ้นมาดู เห็นเพื่อนมาเมนท์
“หน้าสดที่ไหน เห็นเลยว่าทาแป้ง ปัดแก้ม ทาลิปสติกด้วย”
เปียอ่านแล้วฉุน
“บอกว่าหน้าสดก็หน้าสดสิ...หน้าสด”
เลอสรรจัดของอยู่ในห้อง เสียงมือถือดัง เขากดรับเมื่อเห็นชื่อ
“ครับคุณน้า”
“อามีเรื่องปวดหัว แล้วต้องไปทำธุระที่อเมริกาด้วย เลยว่าจะไปหาเลอ”
“เมื่อไหร่ครับ”
“อีกสองสามวัน เลอติดอะไรรึเปล่า”
“ผมกำลังจะกลับเมืองไทย เห็นน้าวณีเห่อน้อง เลยอยากจะกลับไปดูหน้าน้องแล้วก็แสดงความยินดี”
“อ้อ...เหรอ”
“แต่น้าอุทัย อย่าเพิ่งบอกน้าวณีนะครับ...ผมอยากจะไปเซอร์ไพร์ส”
“ได้ๆ”
เลอสรรวางสาย อุทัยก็วางสาย พลางส่ายหน้า
“ได้เซอร์ไพร์สแน่ๆตาเลอ ที่ลูกสาวน้า ท่าทางเหมือนสก๊อยไม่มีผิดเพี้ยน”
อุทัยไม่สบายใจมาก
ในครัว...เหล่าสาวใช้กำลังเมาท์กันสนั่นเรื่องเปีย กับประวิทย์
“นี่ถ้าทุกคนไม่ได้เห็นกับตา คงไม่เชื่อฉันใช่มั้ยล่ะ ว่าคุณหนูเปียจะลดตัวลงไป...นัวเนีย...”
จวนฟาดเพี๊ยะเข้าให้ ก่อนที่จะพูดจบ หวานร้องโอ๊ย แต่พูดต่อ
“เอ๊ย...ไปสนิทสนมกับประวิทย์ทั้งๆที่เพิ่งเคยเห็นหน้ากันครั้งแรก”
จวนหน้าเจื่อนๆแต่เถียง
“ไม่เห็นจะมีอะไร แค่คุณหนูเปียเป็นคนไม่ถือตัว”
“ไม่ใช่หรอก...ฉันว่าเป็นตามนิสัยนังเย็นมากกว่า” ช้อยแย้ง
คุณหญิงอนุรักษ์จะเดินเข้าครัวชะงักทันทีที่ได้ยินชื่อเย็น หวานรีบเสริม
“ใช่...นิสัยคุณหนูเปียเหมือนนังเย็น ไวไฟ พร้อมให้ท่าผู้ชายตลอด อย่างว่าล่ะนะ นังเย็นมันเป็นคนเลี้ยงคุณหนูมา ยังไงคุณหนูก็ต้องเหมือนนังเย็นนั่นล่ะ”
“แต่ฉันก็แปลกใจ คุณหนูไม่ได้เชื้อดีๆจากคุณอุทัย คุณวณีมาบ้างเลยเหรอ ฉันเห็นทำอะไรแต่ละอย่าง ได้แต่ร้องเฮ้อกันจริงๆ”
คุณหญิงหน้าซีดโกรธมาก เอิบกำลังจะเดินเข้ามาที่ครัวเห็นคุณหญิงยืนหน้าบึ้งอยู่ รีบหลบ
เปียเทน้ำส้มที่คั้นเอาไว้ในเหยือก ใส่แก้วอยู่ในครัวในตัวบ้าน เสียงทีวีที่ติดในครัวดัง เธอหันไปมองเป็นภาพรายการเที่ยวต่างประเทศ เธอสนใจมาก อยากไป มองแต่ทีวี มือที่เทน้ำส้มจากเหยือกใส่แก้วเลอะเทอะ มันไหลลงมาจากเคาน์เตอร์ลงพื้น จนกระเด็นถูกเท้า
“ว้าย...เท้าฉัน สกปรกหมดเลย”
เปียสะบัดเท้าอย่างขยะแขยง แล้วถือแก้วน้ำส้มเดินออกไป นมแสเดินเข้ามาในครัว สวนกับเปียที่ยกแก้วน้ำส้ม เดินไปดื่มไป เดินชนนมแสแบบไม่สน นมแสอุทานตกใจ พอหันมาเห็นน้ำส้มหกเลอะเทอะนองพื้น ก็ได้แต่ระอาพูดได้คำเดียว “เฮ้อ” แล้วปัดกวาดเช็ดถูทำความสะอาด
คุณหญิงถามวณี อุทัยหน้าตาเคร่งเครียด
“ที่เขาพูดกันนี่มันเรื่องจริงเหรอวณี”
“เอ่อ...” วณีไม่กล้าพูด
“ไม่ต้องปกปิดแม่เลยนะ ว่าไง อุทัย”
“ผมขอโทษครับคุณแม่ ผมเองก็คาดไม่ถึงเหมือนกัน ว่าลูกจะไม่ระวังตัวขนาดนั้น”
“สันดานนังเย็นน่ะสิ ไวไฟ ใจง่าย บ้าผู้ชาย”
เปียที่เดินเข้ามาปากยังคาอยู่ที่แก้วน้ำส้มได้ยิน ไม่ได้เจ็บแทนเย็นแต่อยากรู้
“หนูเปียเลยติดนิสัยใจง่ายอย่างนั้นมาด้วย”
เปีย ตาเขียว คราวนี้ถูกด่าตรงๆ แต่ไม่สลด ตาวาวด้วยความโกรธ วณีเสียงอ่อยๆ
“ไม่ใช่อย่างนั้นมั้งคะคุณแม่ วณีว่าลูกแค่เป็นเด็กมองโลกในแง่ดีเท่านั้นเองค่ะ เลยไม่ได้ระวังตัว”
“ยังไง ผมจะกำชับแกให้มากขึ้นนะครับ”
อุทัยยืนยัน คุณหญิงพยักหน้าหนักใจ
“ดี บอกตามตรงแม่สังหรณ์ใจยังไงไม่รู้ กลัวจะมีเรื่องเดือดร้อนวุ่นวายเกิดขึ้นในบ้าน โดยเฉพาะถ้าเป็นเรื่องหนูเปีย กับผู้ชาย แม่รับไม่ได้จริงๆ”
“คุณแม่ขา...หนูเปียไม่มีวันทำเรื่องเลวร้ายแบบนั้นหรอกค่ะ” วณีหน้าเสีย
“ว่าได้หรือแม่วณี หูตาหนูเปียน่ะแพรวพราวถอดแบบนังเย็นมาเลยล่ะ”
เปียตาวาวโกรธมาก ก่อนปั้นหน้าเศร้าร้องไห้
“คุณย่าด่าเปีย”
ทุกคนหันขวับไปมองตกใจ เปียร้องไห้
“คุณย่าด่าเปีย...เป็นความผิดของเปียเหรอคะ ที่น้าเย็นขโมยเอาเปียไปเลี้ยงดู เป็นความผิดของเปียเหรอคะที่ต้องพลัดพรากจากคุณพ่อคุณแม่ไป จนไม่เหลือเชื้อผู้ดีอย่างที่ควรจะเป็น แต่เปียพยายามแล้วนะคะ อย่างแก้วน้ำส้มนี่ เปียก็ตั้งใจคั้นมาให้คุณแม่ ทั้งๆที่เปียไม่สบาย”
นมแสที่เดินออกมาจากครัวได้ยิน มองเห็นเปียยื่นแก้วน้ำส้มที่ดื่มแล้วให้วณี ก็อึ้งๆ วณีรับแล้ววางไว้ กอดเปีย
“โถๆ เปียลูกแม่...อย่างที่ลูกว่า ไม่ใช่ความผิดของลูกเลยนะคะ ถ้าจะผิด ก็ผิดตรงที่...”
“เย็นขโมยเอาลูกของผมไป...”อุทัยมองเปียอย่างสงสาร “อย่าเสียใจไปเลยนะลูกคุณย่าแค่เข้าใจผิดไปเท่านั้นเอง”
เปียหันมายกมือไหว้คุณหญิง
“เปียกราบขอโทษนะคะ ถ้าทำให้คุณย่าไม่สบายใจ กับประวิทย์เปียแค่คิดว่าเขากับเปียคนเหมือนกัน เปียไม่เคยคิดว่าเขาเป็นคนอาศัย เปียไม่ใช่คนที่รังเกียจคนค่ะ”
“จ้ะๆแม่เปีย ที่ย่าพูดเพราะย่าเป็นห่วง เอาเป็นว่าต่อไปก็ระวังตัวด้วยแล้วกัน ใครๆเขาจะได้ไม่นินทาเอาได้”
คุณหญิงเดินแยกไป เปียตาวาววับ
ในครัว ทุกคนล้อมวงกินข้าวกันอยู่ หวานเครียดๆ
“ตกลงคุณหญิงได้ยินที่เราเมาท์กันรึเปล่าวะ”
“ฉันไม่รู้ว่ะ พูดก็พูดเถอะ ฉันเพิ่งรู้ว่าพวกแกเมาท์คุณหนูเปียก็ตะกี้นี้แหละ” เอิบบอก
“ฉันว่าคงไม่ได้ยินหรอก เพราะถ้าได้ยิน ป่านนี้ต้องมีคุณๆสักคนเรียกเราไปพบแล้ว” ช้อยกังวลขึ้นมาบ้าง
เปียเดินเข้ามา จับประตูกระแทกดังปัง ทำให้รู้ว่ามีคนมา ทุกคนหันขวับ จวนตกใจรีบถาม
“คุณหนูเปียต้องการอะไรคะ”
“คนที่มันปากเสีย เอาฉันไปนินทา” เปียกร่าง เชิด
หวาน ช้อย เอิบยกมือปิดปากตัวเองอัตโนมัติ จวนบอกอ้อมแอ้มเกรงๆ
“มะ....ไม่มีค่ะ”
“ไม่มี...แล้วคุณย่าจะไปด่าฉันได้ยังไง” เปียดุดันตาเขียว
ทุกคนเงียบกริบ เปียเดินฝ่าเข้ามา ตวาดกร้าว ทุกคนก้มหน้า
“หนอย...ทีอย่างนี้ล่ะกลัวจนหัวหด ไม่รู้จักซีเปียซะแล้ว”
พูดจบเปียก็คว้าถ้วยแกงขึ้นมาเหวี่ยงราดสาด ทุกคนสะดุ้งโหยง ก้มหน้าหลบน้ำแกง กลัว เปียกวาดมือชี้หน้า
“นี่แค่สั่งสอน ถ้าต่อไปฉันได้ยินว่าใครมันปากเสียเอาฉันไปนินทา ฉันจัดการพวกแกขั้นเด็ดขาดแน่”
เปียปาถ้วยแกงในมือใส่กลางวงแล้วเดินออกไป ทุกคนมองตามใจหายใจคว่ำ หวานพูดหน้าแหยๆ
“ตอนนั้นนังเย็นมันก็ให้ฉันกินน้ำพริกทางจมูก คุณหนูเปียก็ให้ฉันกินน้ำแกงราดหน้า ทำไมนังเย็นกับคุณหนูเปีย มันเหมือนกันอย่างนี้วะ”
เย็นถามจวนอย่างตกใจ แต่ดวงตากลั้วรอยยิ้มขำ ตาเป็นประกาย
“จริงเหรอพี่จวน คุณหนูเปียเอาน้ำแกงราดหน้าพวกพี่เลยเหรอ สมน้ำหน้า”
“ทำไมพูดอย่างนี้ล่ะเย็น” จวนไม่พอใจ
“ก็มันใช่เรื่องมั้ยล่ะ พวกพี่เป็นคนใช้ เรื่องอะไรถึงได้ไปตั้งวงนินทาเจ้านาย อ้อ...รึจะแก้ตัว ว่าที่พูดถึง เพราะเป็นห่วง”
“พี่เป็นห่วงจริงๆนะเย็น...คุณหนูเปียอารมณ์ร้ายมาก พี่..พี่...คิดว่าเปียน่าจะตักเตือนคุณหนูหน่อย” จวนทอดถอนใจ
“ทำไมต้องเป็นฉันล่ะพี่ ฉันไม่ใช่พ่อ ไม่ใช่แม่คุณหนูนะ”
“แต่เย็นเป็นคนขโมยเอาคุณหนูไปเลี้ยง เย็นต้องรับผิดชอบ”
“พี่จวนนี่พูดตลก ของอย่างนี้มันอยู่ที่สันดาน ผู้ดี ต่อให้อยู่ที่ไหนก็ย่อมเป็นผู้ดี นอกซะจาก ผู้ดีจอมปลอม มีโอกาสก็ฉกฉวย ทำร้ายคนอื่น”
“ถ้าเย็นจะหมายถึงสิ่งที่คุณอุทัยทำกับเย็น พี่จำได้ ว่าพี่เคยพูดเรื่องนี้กับเย็นมามากมายหลายครั้งแล้ว ไม่มีใครทำร้ายเราได้ นอกซะจาก เราเปิดประตูให้เค้าเดินเข้ามาทำร้ายเราเอง”
“พี่จวน” เย็นเหมือนโดนตอกหน้า หน้าเสีย เสียงสั่นเครือ
“พี่เคยหวังดีกับเย็นยังไง มาถึงตอนนี้พี่ก็หวังดีกับเย็นอย่างนั้น พี่ไม่อยากให้ใครมาด่าให้พี่ฟัง ที่คุณหนูเปีย นิสัยไม่ดีเป็นเพราะเย็น”
จวนเดินกลับไป เย็นอึ้งน้ำตาไหล ด้านหลัง น้อยยืนมองเย็นอย่างเห็นใจ
เย็นนั่งนิ่งเงียบ เหมือนรูปปั้น มีเพียงน้ำตาที่มันคลออยู่ที่หน่วยตา นึกถึงที่จวนพูด
‘ไม่มีใครทำร้ายเราได้ นอกซะจาก เราเปิดประตูให้เค้าเดินเข้ามาทำร้ายเรา’
แล้วเธอก็นึกถึงเหตุการณ์ในอดีต เมื่อครั้งที่เธอเคยพูดบอกกับอุทัยว่า เธอไม่มีอะไรคู่ควรกับเขา แต่อุทัยกลับบอกว่าคู่ควร
‘ถ้ายศถาบรรดาศักดิ์ ฐานะ คือสะพาน ฉันก็พร้อมจะข้ามสะพานไปหาเย็น ฉันรักเธอจ้ะเย็น’
น้ำตาของเย็นแทบหยด เย็นต้องเงยหน้า หลับตาลงกลั้นน้ำตาไว้ คร่ำครวญบอกกับตัวเองในใจ
‘ฉันผิดเหรอ ที่ฉันเปิดประตูให้คนที่ฉันรักและไว้ใจ’
น้อยเดินเข้ามาพร้อมน้ำผัก มาถึงก็ย่อตัวลงนั่งข้างๆเย็นบอกอ่อนโยน
“น้าเย็นขา ดื่มน้ำผักหน่อยนะคะ จะได้สดชื่นค่ะ”
เย็นกลั้นน้ำตา
“ประจบฉันอย่างนี้ อยากได้อะไรรึเปล่ายัยน้อย”
“เปล่าค่ะ...น้อยไม่อยากได้อะไร น้อยแค่อยากบอกน้าเย็นว่า เรากลับไปอยู่บ้านของเราดีมั้ยคะ เรื่องเรียนต่อ น้อยเรียนแถวบ้านก็ได้ค่ะ”
“ทำไม แกไม่ชอบที่นี่เหรอ” เย็นมองอาทรสงสัย
“ชอบค่ะ ชอบมาก คุณอุทัย คุณวณีก็ใจดีเมตตาน้อย...แต่...แต่น้อยเป็นห่วงน้าเย็น...ตั้งแต่มาอยู่ที่นี่ น้อยเห็นน้าเย็นหน้าเศร้าทุกวันเลย”
เย็นหัวเราะกลบเกลื่อนสีหน้าทันที
“ที่ฉันหน้าเศร้าเพราะฉันห่วงแกจะถูกยัยเปีย หาเรื่องตีตายน่ะสิ”
“ถ้าเป็นเรื่องนี้น้าเย็นไม่ต้องห่วงน้อยนะคะ ถึงจะคิดถึงเปียแค่ไหน น้อยก็จะพยายามอยู่ห่างเปียให้มากที่สุด....แต่ว่า...”
“อะไร”
“น้อยขออนุญาตขึ้นไปรับใช้คุณๆบนตึกได้มั้ยคะ คุณๆดีกับน้อยมาก น้อยอยากตอบแทนบุญคุณน่ะค่ะ”
“ตามใจ....ยังไงระวังตัวด้วยล่ะ ขึ้นไปอยู่ใกล้ๆพ่อแม่ของยัยเปีย...ยัยเปียมันจะอิจฉาเอา” เย็นยิ้มหยัน
“เปียจะอิจฉาน้อยทำไมคะน้าเย็น น้อยเป็นแค่คนมาอาศัย ยังไงก็เทียบกับลูกสาวเจ้าของบ้านอย่างเปียไม่ได้หรอกค่ะ”
“ก็ไม่รู้สินะ”
พูดจบก็หัวเราะก้องเย้ยหยันตามเคย น้อยมองเย็นไม่เข้าใจ
เปียนอนยิ้มแต่กระสับกระส่าย เมื่อคิดถึงประวิทย์ เธอยิ้มเขิน กอดหมอนกอดผ้าห่ม บิดตัวไปมาเขิน
“คนอะไร น่ากินที่สุดเลย เดี๋ยวก็หม่ำซะหรอก”
เปียลุกขึ้นเดินไปชะโงกมองผ่านหน้าต่างลงมา เห็นแต่ความมืด
“ทำไมประวิทย์ไม่เดินผ่านมาแถวนี้บ้างนะ...ไม่มา...ก็ไปหาได้นี่นา”
เปียยิ้ม เดินไปที่กระจก เซ็ทหน้าเซ็ทผมตามประสา ดึงแขนเสื้อให้เลื่อนลง เผยเห็น
ไหล่แลดูเซ็กซี่ ก่อนเดินไปที่ประตูเปิดออก จะออกไป แต่ต้องชะงักเมื่อเห็นนมแสเดินตรวจตราบ้านอยู่
“ดึกขนาดนี้แล้ว ไม่รู้จักหลับจักนอน ยัยป้านี่ เป็นปอบเป็นกระสือรึไง”
เปียได้แต่เสียอารมณ์ แล้วนึกได้
“ผู้ชายไม่มา หาที่เที่ยวก็ได้นี่ซีเปีย”
เปียดีดนิ้ว กระโจนขึ้นเตียงหาที่เที่ยวจากมือถือ
ระหว่างที่นั่งทานอาหารด้วยกัน ท่าทางเปียเงียบๆ ซึมๆ กินข้าวไม่ได้
“อาหารไม่ถูกปากเหรอลูก” วณีแปลกใจ
เปียซึมๆหงอยๆ
“เปล่าค่ะ ของโปรดเปียหมดทุกอย่างเลย”
“แล้วทำไมไม่กินอะไรเลยล่ะ” อุทัยสงสัยเช่นกัน
“เปีย...เปียไม่สบายใจ ที่คุณย่าตำหนิเปีย เมื่อคืนเปียก็นอนไม่หลับเลยทั้งคืน คุณพ่อคุณแม่ขา....เปีย..เปียไม่อยากอยู่ที่นี่เลยค่ะ”
“ว่าอะไรนะลูก” วณีตกใจมาก
“เปียไม่อยากอยู่ที่นี่ค่ะ” เปียบีบน้ำตา
วณีกอดเปียทันที
“ไม่เอา...แม่ไม่ให้เปียไปไหน แม่รักเปีย เปียต้องอยู่กับแม่กับพ่อนะลูก”
เปียแสดงละคร ตีหน้าเศร้าเต็มที่
“แต่เปียไม่สบายใจ เปียเสียใจ ที่คุณย่าว่าเปียเรื่องประวิทย์ เปียอายจนอยากจะแทรกตัวลงไปอยู่ในคอห่าน อายจริงๆนะคะ”
“พ่อบอกแล้วไงว่า คุณย่าเป็นห่วง”
“เปียเข้าใจค่ะ แต่ยังไง เปียก็เสียใจอยู่ดี ที่ทำให้คุณพ่อคุณแม่ถูกคุณย่าตำหนิ เปียเสียใจมาก เสียใจจนอยากหนีไปอยู่นอกโลกเลย ไม่ก็...ต่างประเทศ อังกฤษ อเมริกา”
อุทัยมองรู้ทัน ได้แต่ถอนหายใจเฮือก ขณะที่วณียิ้มเอ็นดู
“ลูกคงเครียดมาก วณีว่าเราพาลูกไปพักผ่อนที่ต่างประเทศดีมั้ยคะ”
เปียไม่รออุทัยตอบ รีบพูด
“จริงเหรอคะคุณแม่”
“จริงสิจ้ะ...ว่าไงคะพี่อุทัย เราพาลูกไปเที่ยวกันนะคะ”
“ตามใจวณีเลย แต่พี่คงไปไม่ได้ พี่ติดงาน” อุทัยหน้าเมื่อยๆ
“ไม่เอาค่ะ คุณพ่อต้องไปด้วย” เปียไม่พอใจ
“พ่อไปไม่ได้จริงๆลูก พ่อติดงาน”
“คุณพ่อติดงานหรือติดน้อยกันแน่ค่ะ” เปียแว้ด
“เปีย” วณีตกใจ
“ทำไมพูดจาไม่น่ารักเลยลูก” อุทัยไม่พอใจ
“เพราะเปียเป็นเปียไงคะ ไม่เหมือนน้อย น้อยจะทำอะไรก็ถูกใจคุณพ่อไปหมดทุกอย่าง คุณพ่อทำยังกับอยากได้น้อยเป็นลูก ไม่ใช่เปียอย่างงั้นแหละ”
“ไม่เอาน่ะเปีย” วณีปราม
“เปียเสียใจจริงๆนี่คะคุณแม่ เปียอยากให้คุณพ่อไปเที่ยวกับเราด้วย คุณพ่อก็ไม่ไป...ถ้าคุณพ่อไม่อยากอยู่กับเปีย เปียไปอยู่ที่อื่นก็ได้ค่ะ” เปียบีบน้ำตา
“พี่อุทัยคะ” วณีมองอ้อนวอน
“โอเคๆ เดี๋ยวพ่อไปเที่ยวด้วย อย่าร้องไห้ไปเลยนะลูกนะ พ่อรักเปีย อยากอยู่กับเปียจ้ะ”
“เปียก็อยากอยู่กับคุณพ่อคุณแม่ที่สุดเลยค่ะ”
เปียยิ้มพอใจ ดีใจที่อุทัย กับวณีสนใจตัวเอง นมแสระอา ขณะที่น้อยเดินเข้ามา
“คุณน้อย”
อุทัย วณีหันไปมองน้อยแล้วยิ้ม เปียมองน้อยตาเขียวปั้ด นมแสไม่พอใจเปีย
ด้านนอกบริเวณสวน คุณหญิงถามนมแส น้ำเสียงเหนื่อยๆ
“นี่แปลว่า แม่เปีย อิจฉาแม่น้อยเหรอ”
“ดิฉันไม่ทราบค่ะ แค่เห็นอะไรก็รีบมารายงาน ตามที่คุณหญิงสั่ง”
“แล้วมันเรื่องอะไรแม่น้อยถึงไปหาวณี อุทัย ดึกๆดื่นๆ”
“แม่น้อยบอกว่า อยากมารับใช้ที่คุณๆเมตตาแม่น้อยน่ะค่ะ”
“อืม...เด็กคนนี้เข้าท่า มิน่า แม่เปียถึงได้อิจฉา ก็ดี”
“ดี ที่คุณเปียอิจฉาแม่น้อยเหรอคะ”
“ดี ตรงที่ บางทีแม่เปียอาจจะปรับปรุงตัวเองให้น่ารักแข่งกับแม่น้อยไง”
นมแสยิ้มแหยๆพูดเบาๆ
“แต่ดิฉันว่า..คุณหนูเปีย น่าจะโกรธแม่น้อยยิ่งกว่าเดิมมากกว่าค่ะ”
เปียเดินนำหน้าน้อย โดยมีอุทัยกับวณี ขนาบข้าง
“จริงๆฉันไม่อยากให้หนูน้อยมาช่วยทำอะไรเลยนะ” อุทัยบ่น
“ขอน้อยช่วยทำเถอะนะคะ น้อยอยากตอบแทนที่คุณๆเมตตาน้อยค่ะ”
เปียหัวเราะ มองน้อยหมั่นไส้แต่แอ๊บนางเอก
“น้อยเขาก็เป็นคนแบบนี้ล่ะค่ะคุณ พ่อคุณแม่ ขี้เกรงใจ เพราะฉะนั้น ต้องให้น้อยทำงานเยอะๆ น้อยจ๋า ทำความสะอาดให้หมดทั้งบ้านเลยนะจ้ะ ทำให้เสร็จคืนนี้เลย อ้อเสร็จแล้ว เอาเสื้อผ้าของเปีย ไปซักรีดให้ด้วย”
วณีตกใจกับเปีย
“เสื้อผ้าเปีย มีคนทำให้แล้ว ไม่ต้องให้น้อยทำหรอกนะจ้ะ”
“แต่น้อยทำ ถูกใจเปียที่สุดนี่คะคุณแม่”
“แปลว่า...เมื่อก่อน น้อยซักรีดเสื้อผ้าให้เปียเหรอจ้ะ” อุทัยแปลกใจ
เปียหน้าเหลอหลาตกใจ คาดไม่ถึงจะถูกถามอย่างนี้ น้อยรีบแก้
“ไม่ใช่ค่ะ น้อยจะทำให้เปียเฉพาะเสื้อผ้าที่ออกงาน แต่ก็นานๆครั้งนะคะ”
“เอ่อ...เปียไม่ค่อยมีเวลาน่ะค่ะ เพราะเวลาออกงานเปียต้องแต่งหน้า ทำผม เปียเป็นดาวโรงเรียนค่ะ แต่น้อยไม่ได้เป็น” เปียรีบแก้
น้อยฟังแล้วยิ้มๆ อุทัยกับวณีมองน้อยยิ่งเอ็นดู
“งั้นรบกวนหนูน้อยด้วยนะ” อุทัยเดินนำไปห้องเลอสรร “ทำความสะอาดห้องนี้ให้หน่อย”
“อย่าเพิ่งทำดีกว่านะคะ เดี๋ยวหนูน้อยจะเหนื่อยเกิน อีกนานกว่าตาเลอจะกลับ”
วณีเกรงใจน้อย อุทัยยิ้มๆ
“ทำเผื่อไว้ดีกว่านะ...เผื่อตาเลอจะกลับมาเซอร์ไพร์สวณีอีกรอบไง”
“เป็นไปไม่ได้หรอกค่ะ”
“เปียได้ยินคุณพ่อคุณแม่พูดตั้งหลายทีแล้ว ใครคะเลอสรร” เปียแสร้งทำเป็นไม่รู้เรื่อง
“พี่ชายหนูไงลูก อยากดูรูปพี่เลอมั้ย แม่จะพาไปดู”
“ไม่ค่ะ...แล้วเปียก็ไม่อยากมีพี่ด้วย เปียอยากเป็นลูกคนเดียวของคุณพ่อคุณแม่เท่านั้นค่ะ ไปจัดเสื้อผ้าดีกว่านะคะ เปียอยากไปเที่ยวจะแย่แล้วค่ะ”
เปียออกแรงลากวณีให้ไปกับตน อุทัยหันมาบอกน้อย
“รบกวนหน่อยนะจ้ะหนูน้อย”
เปียตาเขียวปั้ด มองไม่พอใจ ก่อนแกล้งสะดุดขาตัวเองล้มลง แกล้งร้องตก
อกตกใจพร้อมกับเบียดตัวกระแทกมาทางอุทัยอย่างแรง ร่างของอุทัยเซเสียหลักกระแทกเข้ากับกระถางดอกไม้ใบใหญ่เต็มแรง เจ็บอย่างจัง อุทัยร้อง ทุกคนตกใจ เปียเองก็ร้องตกใจตกใจ แต่แอบยิ้มเยาะสมน้ำหน้าอุทัย
ประวิทย์ค่อยๆเดินเข้ามา มองซ้ายมองขวา ก่อนเดินเข้ามาในครัวเพื่อหาข้าวกิน จวนเดินเข้ามาพร้อมถุงข้าวหลามถุงใหญ่
“อ้าว...ประวิทย์ทำไมมากินข้าวเงียบๆ”
ประวิทย์หน้าแหยๆ
“ผมกลัวจะเจอคุณท่านน่ะครับน้าจวน”
“ก็แหงล่ะ...ใกล้ชิดลูกท่านซะขนาดนั้น เป็นใคร ก็คงไม่พอใจ”
“แต่ผมไม่มีเจตนาที่จะลวนลามหรือเอาเปรียบคุณหนูเปียเลยนะครับ...ผมไม่รู้ด้วยซ้ำ ว่าเธอเป็นใคร...นี่...ตั้งแต่กลับมาผมยังไม่ได้ไปกราบสวัสดีคุณๆเลย บอกตรงๆผมกลัว...ผมไม่กล้าสู้หน้า”
“แต่เราเป็นเด็ก ยังไงก็ต้องเข้าหาผู้ใหญ่ ถ้าบริสุทธิ์ใจซะอย่าง น้าว่าคุณๆต้องเข้าใจ...”
ประวิทย์ทำหน้าแหยงๆ
“ถ้าไม่กล้าก็นี่...” จวนยื่นถุงข้าวหลามให้ “ มีคนเอาข้าวหลามมาฝากคุณท่าน ประวิทย์เอาไปผ่า เอาไปให้คุณๆจะได้ถือโอกาสเข้าไปหาด้วย อ้อ…เหลือสักสองสามกระบอก ไว้กินเองก็ได้นะ”
“ครับน้าจวน”
ประวิทย์รับถุงข้าวหลามแต่ยังมีสีหน้าลำบากใจ จวนจึงให้กำลังใจ
“ไม่ต้องกลัว...เด็กเข้าหา ผู้ใหญ่ท่านไม่ว่าหรอก”
“ยังไงผมก็กังวลอยู่ดี เป็นคนอาศัย นี่ลำบากใจจริงๆนะครับ...อยากเป็นลูกเป็นหลานท่าน อย่างคุณเลอสรรบ้างจัง”
ประวิทย์ยิ้มจ๋อยๆ อย่างเจียมตัว
อ่านต่อตอนที่ 5