คมพยาบาท ตอนที่ 3
เย็นเดินถือจดหมายมายังตู้ไปรษณีย์หน้าปากซอย เธอมองจดหมายแล้วยิ้ม หย่อน
จดหมายลงตู้ เปียแอบมองเย็นอยู่
“น้าเย็นแอบส่งจดหมายหาผู้ชายแน่ๆ...ใครวะ”
เย็นเดินกลับไป...เปียพอเห็นว่าเย็นเดินไป ก็พุ่งมาที่ตู้จดหมาย ส่องดูที่ช่องหย่อนจดหมาย แล้วหน้างอเมื่อมองไม่เห็น
“จะเอาจดหมายของน้าเย็นออกมาได้ยังไงเนี่ย”
เปียทำท่าจะล้ม จะคว่ำ ตู้ไปรษณีย์ เย็นเดินเข้ามาด้านหลัง ถามเข้ม
“ทำอะไรโง่ๆอีกยัยเปีย”
เปียสะดุ้งเฮือกหันมาตกใจ
“น้าเย็น”
“โง่แต่เช้า โง่ไม่เลือกเวล่ำเวลา แกคิดเหรอว่าแกจะตะแคงตู้ไปรษณีย์หาจดหมายของฉันจนเจอน่ะ”
“เปียเปล่า”
“เปียเปล่าเหรอ” เย็นตบแขนเพี๊ยะหมั่นไส้
“แกคิดว่าฉันจะโง่เหมือนแกเหรอ จะบอกอะไรให้ ฉันเห็นตั้งแต่แกเดินตามฉันมาแล้ว แต่ที่ฉันทำเป็นไม่รู้ เพราะฉันอยากรู้ ว่าแกจะทำอะไร แล้วก็ได้เห็น แกมาโชว์โง่ นังสก๊อยเอ๊ย”
เย็นจิ้มหน้าผากเปียหน้าหงาย ตาดุ เข้ม
“อย่ามาทำเป็นสู่รู้ ถึงเวลาฉันอยากให้แกรู้...ฉันจะบอกเอง”
เย็นสะบัดหน้าเดินกลับอย่างมีเลศนัย เปียตาม
“รู้อะไร...น้าเย็นจะให้เปียรู้อะไร...”
“ความลับที่ว่า...ความจริง แม่น้อยคือ ลูกของมหาเศรษฐีที่พลัดพรากมาอยู่กับฉันน่ะสิ”
เย็นหัวเราะสะใจเดินไป เปียแทบกรี๊ด
“นังน้อย เป็นลูกของมหาเศรษฐี ไม่จริ๊ง”
เปียรีบตามเย็นไปทันที
เปียวิ่งตามเย็นเข้าไปตามทางในซอย พอถึงตัวเย็น เปียก็กระชากแขนเย็นอย่างแรง
“น้าเย็นหลอกเปียใช่มั้ย เปียไม่เชื่อ น้ำหน้าอย่างยัยน้อยน่ะเหรอจะเป็นลูกมหาเศรษฐี”
เย็นไม่ตอบ แต่ตวัดสายตามองมือของเปียที่จับแขนตัวเองอยู่ เปียรีบเอามือออก
“เปียขอโทษ...แต่น้าเย็น ช่วยบอกเปียทีเถอะ น้าเย็นพูดเล่นใช่มั้ย”
“พูดจริง ฉันเขียนจดหมายไปบอกพ่อแม่ของยัยน้อยให้มารับตัวมันกลับไปได้แล้ว”
“เปียไม่เชื่อ เปียต่างหากที่เป็นลูกของมหาเศรษฐี”
เย็นหัวเราะก้อง
“สันดานอย่างแกน่ะเหรอนังเปีย จะเป็นลูกคนดี ลูกมหาเศรษฐี คนอย่างแก มันก็เป็นไปได้แค่ ลูกขี้ขโมย ลูกมหาโจรเท่านั้นแหละนังเปีย”
“ไม่...น้าเย็น เปียไม่ยอม เปียทนให้น้อยมันได้ดี กว่าเปียไม่ได้”
“ทำไมจะไม่ได้ ในเมื่อยัยน้อย มันเป็นน้องแก”
“ไม่จริง เปียไม่เชื่อ ตั้งแต่เปียเกิดมา น้าเย็นไม่เคยบอกเลยพ่อแม่ของน้อยเป็นใคร พ่อแม่ของเปียเป็นใคร แล้วเปียก็ไม่เชื่อด้วยว่าน้อยมันจะเป็นน้องของเปียจริงๆ น้าเย็นบอกเปียมาดีกว่า พ่อแม่ของเปียเป็นใคร”
“โจร” ตอบไปแล้ว เย็นเดินหนี
เย็นเดินด้วยสีหน้าเยือกเย็นแต่ดวงตาเจ็บปวดเมื่อนึกถึงโมกและลำยอง เปียวิ่งตามมาหน้าตาบึ้งตึงไม่พอใจ ตะคอกถามเกรี้ยวกราด
“น้าเย็นไม่ต้องมาเดินหนี บอกเปียมา พ่อแม่เปียเป็นใคร”
เย็นดุไม่แพ้กัน กระชากแขนเปียจ้องหน้า
“ก็ฉันบอกแล้วไง พ่อแม่แกเป็นโจร”
“ไม่จริง” เปียตัวสั่นสะท้าน ปัดมือเย็นออกอย่างแรง
เย็นจิกกระชากผมเปียจนหน้าหงาย
“มันมีเหตุผลอะไรแกได้ถึงได้เชื่อว่าไม่จริง”
เปียพยายามดิ้นรนจะสู้ แต่เย็นผลักเปียเข้าไปในซอกตึก มือหนึ่งกดหัวเปียชนกับ
ฝาผนัง อีกมือรวบมือเปียเอาไว้ทั้งสองมือดันเข้า น้าหลานเผชิญหน้ากันเกรี้ยวกราด เย็นด่าต่อ
“แกดูสันดานแกสินังเปีย มันมีความเป็นผู้ดีตรงไหน...ไม่มี”
เย็นกวาดตามองทั่วตัวแบบดูถูกโมโห
“ทั้งเนื้อทั้งตัวแกมันมีแต่ความหยาบคาย ต่ำช้า ขนาดฉันเลี้ยงดูแกมาตั้งแต่อ้อนแต่ออก แกยังคิดจะสู้...เนรคุณอย่างนี้ มิน่าพ่อแม่แกถึงอยากจะเอาแกโยนทิ้งท้องร่องตั้งแต่เกิด”
เปียน้ำตาคลอ พยายามปฏิเสธ แต่น้ำเสียงของเปียก็แผ่ว สั่นสะท้าน
“ไม่จริง”
เย็นเย้ย หัวเราะหยันปนเจ็บปวด กระชากผมเปียอย่างแรง
“จริงซิ...ไม่อย่างนั้น แกจะมาอยู่กับฉันได้ยังไง รู้เอาไว้นะ ตั้งแต่เกิด ยัยน้อยมีแต่คนอยากได้ ส่วนแกมีแต่คนไม่เอา แกอยากรู้มั้ย สภาพตอนแกเกิดกับยัยน้อยเกิดมันเป็นยังไง มันแตกต่างกันอย่างกับฟ้ากับเหวเลยล่ะนังเปียเอ๊ย”เย็นหัวเราะดังก้องกังวาน
เปียดวงตาหวาดหวั่นเจ็บปวด ขมขื่นใจ
ในอดีต...ณ ที่กบดานของโมกกับลำยองยามค่ำคืน...เปียในวัยหกเดือนในอ้อมกอดของลำยอง ร้องไห้ดังลั่น โมกด่า
“นังเปียนี่ มันจะแหกปากร้องอะไรนักหนา ประเดี๋ยวพ่อโยนทิ้งท้องร่อง”
“ก็มันหิวมันก็ร้องสิ”
“ยิ่งหากินลำบากอยู่ ไม่รู้จะออกมันมาทำไม” โมกหงุดหงิด
“ก็พี่กับฉันไงทำให้มันออก ฉันทำคนเดียวได้ซะเมื่อไหร่”
มุกขัดขึ้น
“พี่สองคนจะเถียงกันอยู่ทำไมวะ มันออกมาแล้ว ก็เลี้ยงๆมันไปสิ”
“จะเลี้ยงได้ยังไง เงินทองก็ไม่มี” โมกโวย
“ไม่มีก็หาสิพี่” ลำยองบอก
โมกมองลำยอง
“แต่เรากำลังหนีอยู่นะ”
มุกคิดๆ
“ใช่...หนี แต่หนีครั้งนี้ ต้องหนีให้ถึงที่สุด พร้อมเงินก้อนมหาศาล”
“แกหมายความว่า...” ลำยองแปลกใจ
“ต้องปล้น” มุกน้ำเสียงหนักแน่น
หน้าธนาคาร...เจ้าหน้าที่ธนาคารกำลังขนเงินเข้ารถเพื่อนำเข้าเอทีเอ็ม โมก มุก ลำยองที่ซุ่มดูอยู่ บุกเข้าชาร์จปล้นทันที
ทั้งสามคนทำร้ายพนักงานธนาคาร แล้วจะเผ่นขึ้นรถกระบะที่โมกจอดรออยู่ ตำรวจที่ดูแลธนาคารวิ่งออกมา ยิงปืนเข้าที่ขาของโมกจนล้มลง ลำยองร้องกรี๊ดจะเข้ามาช่วย แต่ถูกพนักงานอีกคนล็อกตัวเอาไว้ โมกควักปืนออกมาจะยิงต่อสู้ ตำรวจยิงสวนใส่ทันที โมกถูกยิงที่หน้าอก ตำรวจตะโกนลั่น
“จับมันเร็ว”
“หนีไปพี่โมก หนีไป” ลำยองร้องกรี๊ด
มุกตกใจตะโกนมา
“หนีก่อนเร็ว”
ตำรวจจะกรูกันเข้ามาจับ โมกรีบกระเสือกกระสนหนีขึ้นรถ มุกขับออกไปอย่างรวดเร็วขณะที่ลำยองถูกตำรวจควบคุมตัวเอาไว้ได้
มุกขับรถพาโมกหนี
“ทำใจดีๆนะพี่ ฉันจะพาพี่ส่งรพ.”
“ฉันไม่ไหว” โมกจะขาดใจ
“ต้องไหวสิพี่”
เสียงไซเรนดังแว่วมา มุกหันไปมอง เห็นรถตำรวจวิ่งมาไกลลิบๆ
“ตำรวจมา”
“รีบหนีไป”
“แล้วพี่...”
“ฉันไม่ไหว แกรีบหนีไป ฝาก...ฝากลูกฉันด้วยมุก”
โมกแน่นิ่ง มุกมองตกใจ เสียงไซเรนดังใกล้เข้ามา เขาตัดสินใจ จอดรถทิ้งไว้ข้างทางแล้วเผ่นหนีไป
ปัจจุบัน...เย็นยังดันหัวเปียติดกับผนังตึก เปียมองเย็นด้วยสายตาเจ็บปวด สลดกับสิ่งที่เพิ่งได้รู้ เปียเสียงสั่นระริก
“พ่อถูกยิงตาย”
เย็นเสียงสั่นสลด
“แล้วพอพ่อแกตายไป แม่แกก็ต้องมาตายในสภาพที่น่าสังเวช”
เปียมองหน้าเปีย ดวงตาเบิกกว้างใคร่รู้ เย็นน้ำตาไหล มือที่จิกผมเปียตกลงมาอยู่
ช่วงบ่าเปีย ก่อนดึงเปียมากอด คิดถึงลำยอง
ในห้องคุมขังนักโทษหญิง...ลำยองเดินกลุ้มใจจมอยู่กับความคิดของตัวเอง เธอนึกถึงคำพูดของเย็น “ถ้าพี่ทำตัวเลวๆอย่างนี้ไม่ตายดีแน่” ลำยองรำพึงในใจ
“กรรมตามทันพี่แล้วล่ะเย็น”
ลำยองเดินผ่านขาใหญ่ ที่เป็นผู้หญิงร่างใหญ่บึกบึนนั่งเอกเขนกอยู่กับพวกพ้อง ลำยองเดินผ่านไป
“เฮ้ย” ขาใหญ่ไม่พอใจ
ลำยองไม่ได้ฟังเดินไปยังมุมที่เป็นที่นอนของตัวเอง ขาใหญ่และพวกเดินตามมา
“เฮ้ย”
ลำยองเงยหน้าขึ้นมอง
“เฮ้ย…กับใครวะ”
“ก็แกนั่นแหละ” ขาใหญ่กระชากคอเสื้อหาเรื่อง “แกเดินผ่านฉันเฉยๆได้ยังไงวะ”
ลำยองลอยหน้าลอยตาไม่ยอม
“แล้วเวลาเดินผ่านแกต้องทำยังไง ตบหัวเล่นเหรอ”
พูดจบลำยองก็ตบผลัวะเข้าที่หัวขาใหญ่อย่างแรงแบบไม่ยอม ขาใหญ่โกรธมาก
“แกกล้าทำกับฉันอย่างนี้เหรอยังลำยอง...จับมัน”
ลูกน้องของขาใหญ่กรูกันเข้ามาจับ ลำยองดิ้นสู้สุดชีวิต ใครเข้ามา ลำยองทั้งตบทั้งถีบทั้งยันแต่น้ำน้อยย่อมแพ้ไฟ ลูกน้องของขาใหญ่จับตัวลำยองล็อกเอาไว้ได้ ขาใหญ่เข้ามา จับคางลำยองเงยขึ้น
“เจ๋งนักเหรอแก”
ลำยองไม่ตอบ ขาใหญ่บีบคางถามอีก
“ฉันถามว่าแกเจ๋งนักเหรอ”
ลำยองไม่ตอบอีก ขาใหญ่ตบผลัวะ ลำยองหน้าหันไปตามแรงตบ ก่อนหันมามองขาใหญ่ตาขวาง
“ใหญ่หรือไม่ใหญ่ กูก็ไม่กลัวมึงเว้ย”
ลำยองถ่มน้ำลายใส่หน้า ขาใหญ่ไม่ทันระวังผงะ
“เฮ้ย”
ขาใหญ่เอามือปาดน้ำลายออกจากหน้า ลูกน้องตะลึง ลำยองอาศัยจังหวะนั้นเอาศอกกระทุ้งลูกน้องและสะบัดตัวจนหลุด พอหลุดได้ลำยองก็กระโจนเข้าหาขาใหญ่ ถีบผลัวะล้มลง ลำยองตามไปคร่อมตบไม่ยั้ง
“ตอนนี้มึงรู้รึยังว่าใครใหญ่”
ลำยองจับหัวของขาใหญ่กระแทกเข้ากับพื้น ลูกน้องของขาใหญ่ โยนมีดเข้ามา ขาใหญ่คว้ามีดที่ตกอยู่ข้างตัว จ้วงแทงลำยองอย่างบ้าคลั่ง ลำยองสะดุ้งเฮือกๆตามจังหวะการแทง ขาใหญ่ปักมีดลงไปฉึกสุดท้าย ร่างลำยองกระตุก
“คราวนี้มึงรู้รึยัง ว่าใครใหญ่”
ลำยองสิ้นลมหายใจตรงนั้น ผู้คุมวิ่งเข้ามา
วันใหม่...หน้าสถานที่คุมขัง เย็นเดินออกมาร้องไห้อย่างทุกข์ระทมขมขื่น เสียงของเธอที่คุยกับผู้คุมดังก้องในหัว
“อะไรนะคะ พี่สาวดิฉันตายแล้ว...เขาเป็นอะไรตาย”
“มีเรื่องกับนักโทษด้วยกัน ถูกแทงตาย ศพถูกเผาแบบผีไม่มีญาติ เพราะเราติดต่อญาติของนางลำยองไม่ได้เลย”
เย็นเดินน้ำตาไหลออกมาจากสถานคุมขัง เธอรำพึงในใจ
“ฉันขอโทษพี่...ฉันมาช้าไป แต่ฉันสัญญา ฉันจะเลี้ยงดูลูกพี่ให้ดีที่สุด” เย็นเงยหน้ามองท้องฟ้า “ไปสู่สุขคตินะพี่ลำยอง”
เย็นร้องไห้อย่างเดียวดายเดินออกไป
เปียน้ำตาไหลด้วยความสลดใจ เสียงสั่นสะท้าน กับสิ่งที่ได้รู้
“แม่”
เย็นบอกด้วยน้ำเสียงจริงจัง มองเปียด้วยความรัก
“ฉันสัญญากับแม่แก ว่าจะดูแลแกให้ดีที่สุด”
เย็นโกรธ จิกผมเปียขึ้นมาใหม่ เสียงสั่นสะท้านอย่างเจ็บใจที่เปียนิสัยไม่ดี
“แต่สันดานแกก็เหมือนพ่อแม่ของแก ใฝ่ต่ำ ถ้าวันๆแกคิดแต่เรื่องชั่วๆ อนาคตแกมันก็อยู่แค่เงาหลังคาบ้านนั่นแหละ”
เย็นเดินผละไป เปียค่อยๆทรุดตัวลงนั่งที่พื้น ร้องไห้โฮออกมา เศร้าสลดเสียใจมากกับสิ่งที่ได้รู้
“พ่อ...แม่...พ่อแม่ของเราเป็นโจร”
เย็นเดินเข้ามาในห้อง พอปิดประตูได้ เย็นก็ร้องไห้โฮออกมาอย่างคนหมดแรง
“พี่ลำยอง ฉันขอโทษ ใจจริงแล้ว ฉันตั้งใจจะเก็บเรื่องของพี่เอาไว้เป็นความลับจนฉันตาย แต่ฉันแค้น...ฉันแค้นพวกอนุรักษ์โยธินจริงๆพี่..แต่ฉันสัญญา ยังไงนังเปียมันต้องได้ดีที่สุด...ส่วนลูกของไอ้คุณอุทัยกับนังวณี มันก็จะต้องเจ็บปวดที่สุดเหมือนกัน” เย็นตาเหี้ยมเป็นประกายโกรธแค้น
ในบ้าน คุณหญิงอนุรักษ์นั่งอยู่ เลอสรรกับนมแส ช่วยกันพัดวี ให้ยาลม วณีอ่าน
จดหมาย มีอุทัยประกบ
“ตกใจจนไข้กลับเลย นังเย็น...มันเขียนมาว่ายังไงวณี” คุณหญิงถามอย่างร้อนใจ
“ลูก...ลูกของวณี ลูกของเรายังมีชีวิตอยู่ค่ะ”
วณีน้ำตาไหลด้วยความยินดี อุทัยหน้าตาเต็มตื้น ดีใจสุดขีด
“หนูเอื้อย...หนูเอื้อยลูกพ่อ”
คุณหญิงน้ำตาคลอ
“แล้วตอนนี้หลานแม่อยู่ที่ไหน หลานแม่เป็นยังไง”
“เย็นบอกว่า หนูเอื้อยสบายดี ตอนนี้ เย็นอยู่ตากค่ะ”
“ผมจะไปตามเอาลูกคืน”
พูดจบอุทัยก็เดินลิ่วออกไปแบบร้อนใจสุดขีด
“วณีไปด้วยค่ะ”
วณีตามอุทัยไปรวดเร็ว
“เดี๋ยวก่อน ตาอุทัย แม่วณี...เลอสรรพาย่าไปตามพ่ออุทัยที”
“ครับคุณย่า”
เลอสรรช่วยกันกับนมแสประคองคุณหญิงออกไป
อุทัยกับวณีกำลังจะขึ้นรถ เลอสรร นมแสพาคุณหญิงออกมาตามพอดี
“หยุดก่อนอุทัย”
อุทัยหน้ายุ่ง ร้อนใจ
“คุณแม่ห้ามทำไมครับ ผมร้อนใจ อยากเจอลูกจะแย่”
“นังสันดานเย็นมันขโมยหนูเอื้อยไปเกือบยี่สิบปี ลูกคิดว่า มันจะคืนหนูเอื้อยให้ง่ายๆเหรอ อาจจะเป็นอุบายของมันก็ได้ หลอกลูกไปทำร้ายก็ได้”
“จะอุบายยังไงก็ช่าง วณีอยากเจอลูก เย็นบอกจะคืนลูกให้วณี” วณีร้อนใจมาก
“แล้วมันจะเอามาคืนให้เมื่อไหร่”
“ไม่ทราบค่ะ เย็นบอกว่า อารมณ์ดีเมื่อไหร่ จะเอามาคืนเมื่อนั้น” วณีจ๋อย
คุณหญิงโมโห
“อารมณ์ดีเมื่อไหร่ เอามาคืนเมื่อนั้น ปั๊ทโธ่!นังสันดานเย็น เลวจริงๆ คนจิตใจต่ำช้าอย่างมันนะจะมีวันอารมณ์ดี ไม่มีทาง ไม่ต้องไปเดินตามเกมมัน ถ้ามันจะเอาหนูเอื้อยมาคืน ก็ให้มันเอามาคืนเอง
“คุณแม่”
“ตากไม่ใช่จังหวัดเล็กๆ มันแค่บอกว่าอยู่ที่ตาก เราสองคนจะไปตามหาได้ยังไง คิดดูให้ดีๆ”
“จริงด้วยครับคุณน้า ผมดูจดหมายแล้ว เขาไม่ได้ระบุที่อยู่อะไร นอกจากส่งมาจากตาก”
เลอสรรอธิบาย วณีกับอุทัยหน้าเจื่อน
“อย่าเพิ่งวางใจ แม่ว่าเป็นอุบายชั่วๆของนังเย็นแน่นอน ที่จะปั่นหัวให้เราเป็นบ้า” คุณหญิงบอกอย่างเกลียดชังเย็นมาก
วันใหม่...เย็นยืนยิ้มตาร้าย มีแผน หัวเราะอยู่คนเดียว ประมูลเดินเข้ามา
“ขำอะไรเหรอจ้ะเย็น”
เย็นหันมามอง ดวงตาเฉยเมย
“ขำความทุกข์ค่ะ”
“ความทุกข์มีอะไรให้ขำ” ประมูลแปลกใจ
“ความทุกข์ทำให้คนทำอะไรที่คาดไม่ถึงได้เยอะแยะ ส่วนคนที่มีแต่ความสุข ก็คงจะคิด ว่าตัวเองถือไพ่เหนือกว่า หารู้ไม่ คนที่มีความทุกข์ต่างหากเป็นคนได้เปรียบ”
“คุณพูดถึงใคร ผมไม่เข้าใจ”
เย็นไมได้หันมาตอบแต่ยิ้ม
“ไม่ได้พูดถึงใครค่ะ แค่...พูดลอย ลอย”
เย็นเดินหัวเราะไปตามประสา แม่นุ่มเดินมาเอากาแฟให้ประมูลพลางถอนใจ
“พี่รู้แล้วล่ะ ว่าหนูเปียถอดแบบมาจากใคร”
“ใครครับพี่นุ่ม”
“ก็แม่เนื้อเย็นของเราไงล่ะ เดี๋ยวก็เงียบ เดี๋ยวก็หัวเราะ เดี๋ยวก็ขาด เดี๋ยวก็เกิน ไม่อยู่กับร่องกับรอย น้ากับหลาน ถอดแบบมาจากกัน ไม่ผิดเพี้ยนเลย”
เปียเดินในสภาพดวงตาแห้งแล้งเจ็บปวดเข้าในบริเวณบ้านของประมูล
“ร้อยวันพันปี น้าเย็นไม่เคยเขียนจดหมาย แสดงว่าจดหมายนั่นต้องมีความลับอะไรแน่ๆเลย หรือจะเกี่ยว...กับเรื่องของเรา”
เปียสงสัยมาก
เปียตาขวางเดินเข้ามาในครัว กวาดสายตามองหาของมีคม แล้วก็สะดุดที่ขวาน
เธอตรงไปหยิบขวานขึ้นมากำแน่น จะเดินออกไป เป็นจังหวะที่น้อยเดินเข้ามา เห็นเปียกำขวานตกใจ
“ว้าย”
เปียมองเกลียดชัง
“ร้องเป็นคนบ้าไปได้ ไม่เคยเห็นขวานรึไง”
“เคย แต่น้อยตกใจ ท่าทางของเปีย เหมือนจะเอาขวานไปฟันหน้าใครอย่างนั้นแหละ”
“ฟันหน้าเธอไง ถ้าเธอคาบเรื่องฉันไปฟ้องน้าเย็นอีก จำไว้ ไม่ว่าฉันจะทำอะไร จะหายไปไหน ห้ามเธอบอกน้าเย็นเด็ดขาด ไม่งั้น ตายก่อนได้เป็นลูกเศรษฐีแน่”
เปียเดินถือขวานเฉียดหน้าน้อยออกไป น้อยหลบมองงง
“เปียพูดอะไร ใคร เป็นลูกเศรษฐี”
เปีย เดินถือขวานมายังตู้ไปรษณีย์ พอมาถึงเปียก็เงื้อขวานขึ้น เจ้าหน้าที่ไปรษณีย์ที่มา
เก็บจดหมายร้องลั่น
“อย่า จะทำอะไรน่ะหนู”
เปียเลิ่กลั่ก รีบแก้ตัว
“เอ่อ...พอดี หนูส่งจดหมายผิดซองน่ะค่ะ”
“จดหมายผิดซอง แล้วจะมาพังตู้ไปรษณีย์ทำไม”
เปียโกหกทันที
“ก็หนูยังเขียนไม่เสร็จนี่ค่ะเอ่อ...หนูยังเขียนถึงพ่อไม่ดีเลยค่ะ หนูอยากจะเขียนใหม่”
“ก็เขียนใหม่สิ จะมาพังตู้ทำไม...เฮ้อ”
“ก็หนูอยากจะเอาจดหมายคืน คุณไปรษณีย์ให้หนูเอาจดหมายคืนนะคะ”
“เอาคืนจากในนี้เหรอ”
“ค่ะ”
“มันเยอะนะ”
“เยอะเท่าไหร่ หนูก็จะนั่งหา” เปียแกล้งบีบน้ำตา “คุณไปรษณีย์กรุณาหนูเถอะนะคะจดหมายฉบับนี้สำคัญกับหนูจริงๆ ถ้าเกิดส่งไป พ่อจะต้องเข้าใจผิด ดีไม่ดี พ่ออาจจะฆ่าตัวตาย ไหนๆคุณไปรษณีย์ก็จะมาเปิดตู้แล้ว กรุณาช่วยหนู ให้หนูหาจดหมายเถอะนะคะ หนูไหว้ล่ะ”
“โถๆน่า สงสาร ได้ๆ แต่คราวต่อไป ก่อนส่งจดหมาย หนูต้องตรวจทานให้ดีนะ”
“ค่ะ ขอบคุณมากค่ะขอบคุณ”
เปียยกมือไหว้ เจ้าหน้าที่ไขตู้ไปรษณีย์เอาจดหมายออกมา เปียตะครุบกองจดหมายทั้งหมด พลิกดูทีละซองๆ แล้วก็เห็น จ่าหลังซอง เนื้อเย็น บัวแย้ม
เปียถือจดหมาย อ่านไปตามทาง....
“เรียน คุณอุทัย -คุณวณี อนุรักษ์ธานิน ตอนนี้ดิฉันอยู่ที่กรุงเทพฯนะคะ พร้อมกับลูกของคุณ อย่าได้กังขาสงสัย เรื่องระหว่างคุณอุทัยกับดิฉัน ดิฉันลืมหมดสิ้นแล้ว ตั้งแต่รู้ว่า...คุณรักและเลือกคุณวณี...”
เปียตาวาว หัวเราะเยาะ
“อดีตรักของน้าเย็น”
เปียหัวเราะท่าทางไม่ผิดเพี้ยนกับเย็น
เย็นยืนมองดูปฏิทินอยู่ในบ้านแล้วยิ้ม เปียเดินเข้าไปหาถามยั่ว
“กำลังนับวันนับคืนอยู่เหรอคะน้าเย็นขา.ว่าจดหมายจะถึงมือคุณอุทัยเมื่อไร”
เย็นได้ยินชื่ออุทัยหันขวับ ตาโต เห็นเปีย ชูจดหมายยิ้มยั่ว
“จดหมายไม่ผิดซองแน่ๆค่ะหนำซ้ำยังเล่าเรื่องความหลังซะละเอียดยิบ”
“เอาคืนมาเดี๋ยวนี้นะนังเปีย”
“โถๆเปียอุตส่าห์บีบน้ำตา กว่าเจ้าหน้าที่ไปรษณีย์ เขาจะยอมเปิดตู้ให้ ถ้าจะคืน ก็ง่ายไปนะคะ ขุ่นน้าขา.. “
“จะคืนหรือไม่คืน” เย็นกร้าว
เปียกร้าวพอกันแบบถือไพ่เหนือกว่า
“ไม่คืน”
เปียหมุนตัวเดินออกไป เย็นโกรธมากเดินตามไป
“กล้ากำแหงกับฉันเหรอ นังเปีย”
เปียเดินยิ้มแบบถือไพ่เหนือกว่ามาทางสวนหลังบ้าน เย็นมาจากด้านหลัง กระโจนทีเดียวจิก
ผมเปียอย่างแรง เปียหันมองไม่กลัว
“ขุ่นน้าไม่กล้าทำอะไรเปียหรอกค่ะ เพราะเปียกำความลับขุ่นน้าเอาไว้”
เย็นอึ้ง ตกใจ เปียสะบัดตัวหลุดออกจากเย็น มองท้าทาย ชูจดหมายยั่วอีก
“เปียอ่านจดหมาย รู้ความลับทุกอย่างของน้าเย็นหมดแล้ว รู้แล้วด้วย ว่าทำไม น้าเย็นถึงไม่รักใครสักคน เป็นเพราะน้าเย็น ทั้งรักทั้งแค้นคุณอุทัยนี่เอง”
“นังเปีย”
“อย่าเพิ่งจิกหัวเรียกเปียอย่างนั้นสิคะขุ่นน้าขา...ไหนๆความลับมันก็แตกดังโพละแล้ว เรามาร่วมมือกันดีกว่า สองหัว ยังไงก็ดีกว่าหัวเดียวนะคะ”
“งั้นก็ลองว่ามา...สมองโง่ๆอย่างแกจะช่วยอะไรฉันได้” เย็นยิ้มเยาะ
“ช่วยให้คุณน้าได้แก้แค้นคนพวกนั้นอย่างสะใจ ด้วยการให้เปีย เข้าไปเป็นลูกปลอมๆแทนนังน้อยน่ะสิคะ”
เปียมองหน้าเย็น แบบถือไพ่เหนือกว่า เย็นยิ้มเพราะจริงๆเย็นวางแผนตั้งแต่ต้นแล้ว ที่จะสลับลูกและพาเปียเข้าไปเป็นทายาทแทนน้อย เพราะต้องการแก้แค้น และอยากให้หลานตัวเองสุขสบาย
เย็นเปิดประตูเข้ามาในห้องได้ ก็ระเบิดเสียงหัวเราะดังลั่น
“โถๆนังเปีย แกคงคิดว่าแกฉลาด ถึงขึ้นกล้ามาขู่ฉันสินะ ทุกอย่างมันต้องเดินไปตามแผนที่ฉันวางไว้ตั้งแต่แรกอยู่แล้ว นังเปีย”
เย็นหัวเราะลั่น
วันใหม่...คุณหญิงอนุรักษ์และทุกคน ไม่มีใครนั่งติด สีหน้าแต่ละคนร้อนรนกระวนกระวาย มืออุทัยถือจดหมาย เหมือนเป็นของล้ำค่าคุณหญิงโกรธเย็นมาก ด่าออกมา
“นังสันดานเย็น มันเข้ามาในชีวิตของพวกเราเมื่อไหร่ มีแต่เรื่องเดือดร้อนใจเมื่อนั้น”
จวนที่นั่งรอรับใช้ หน้าสลด แต่นมแสมีสีหน้าสะใจ
“อย่าว่าเย็นเลยนะคะคุณแม่...” วณีหยิบจดหมายจากอุทัย “ดีแล้วค่ะที่เย็นติดต่อมา อย่างน้อยเราก็ได้รู้ว่าหนูเอื้อยยังมีชีวิตอยู่”
คุณหญิงดุ
“เลิกใจดีได้แล้วแม่วณี ถ้านังเย็นมันไม่สันดานชั่ว ขโมยหนูเอื้อยไป เราจะต้องทุกข์ทรมานเกือบยี่สิบปีอย่างนี้มั้ย หรือแม่วณีจำไม่ได้ วินาทีแรกที่รู้ว่าหนูเอื้อยหายไป พวกเราเป็นยังไง”
วณี อุทัย คุณหญิง เสียใจ นมแสยิ่งเสียใจอย่างที่สุดที่เป็นต้นเหตุ
ในอดีต...นมแสร้องไห้สติแตกดังลั่นบ้าน คุณหญิงอนุรักษ์ก้าวฉับๆมาจากด้านหนึ่ง ส่วนอีกด้านเป็นหวาน จวน ช้อย ส่วนเอิบวิ่งมาอีกทาง
“ร้องอะไรลั่นบ้านนมแส” คุณหญิงถามเสียงดุ
“นังเย็นค่ะ นังเย็น” นมแสสะอึกสะอื้น
คุณหญิงรีบถามอย่างร้อนใจ
“นังหญิงทำไม”
นมแสกลัวความผิด กลัวคุณหนูหาย
“นังเย็น...มันพาคุณหนูเอื้อยหนีไปค่ะ”
คุณหญิงตกใจมาก
“หา...รีบตามหามันเร็ว”
ทุกคนแยกย้ายกันตามหาเย็น
อ่านต่อหน้า 2
คมพยาบาท ตอนที่ 3 (ต่อ)
ทุกคนแยกย้ายกันตามหาเย็นทั้งนอกบ้านในบ้าน แต่ละคนหน้าตาเลิ่กลั่ก คุณหญิงอนุรักษ์ถามเสียงสั่น
“พวกเอ็งเจอนังเย็นมั้ย”
ทุกคนพูดทำนองเดียวกัน
“ไม่ค่ะ/ ไม่ครับ”
อุทัยกับวณีขับรถเข้ามา สองคนลงมาถามงุนงง
“เกิดอะไรขึ้นครับคุณแม่”
“นังเย็น มันพาหนูเอื้อยหนี”
“หา...หนูเอื้อย”
วณีพูดได้แค่นั้นก็ร้องกรี๊ดหมดสติล้มลง ท่ามกลางความตกอกตกใจของทุกคน
วณีนอนร้องไห้แผ่วๆทุกข์ใจมาก นมแสนั่งบีบนวดให้ นวดไปร้องไห้ไปรู้สึกผิด
“ดิฉันขอโทษค่ะคุณๆ แต่นังเย็น...นังเย็นมันหลอกดิฉัน”
คุณหญิงอนุรักษ์แค้นเคือง
“มันวางแผนมานานแล้ว”
“ครับคุณแม่...ถึงได้เอายานอนหลับใส่ในโอเลี้ยงให้นมแสกิน รวมทั้งโกหกทุกอย่าง โดยเฉพาะที่ว่า ตัวเองมีลูก จนนมแสตายใจ” อุทัยเห็นด้วย
“ดิฉันก็โง่...โง่จริงๆเลย ไม่เฉลียวใจบ้าง ใคร๊ มันจะดี มันจะน่าสงสารขนาดนั้น” นมแสรู้สึกผิด
“นังสันดานเย็น มันเลวจริงๆ เป็นเพราะฉัน เป็นเพราะฉันคนเดียวเพราะถ้าฉันจะใจแข็ง ไล่นังเย็นให้มันพ้นๆไปตั้งแต่ตอนนั้น ก็หมดเรื่องหมดราวไปแล้ว” คุณหญิงเจ็บใจ
วณีขัดขึ้น
“ไม่ใช่ความผิดของใครหรอกค่ะ เย็นเขาคงจะโกรธวณีถึงได้ทำกับหนูเอื้อย วณีว่า...เรารีบไปแจ้งความกันดีกว่า ป่านนี้เย็นพาหนูเอื้อยไปทำมิดีมิร้ายอะไรแล้ว”
สถานีตำรวจ...ตำรวจบอกคุณหญิงอุทัย อุทัย วณี และนมแสที่ร้อนรน กังวลใจ
“ผมเห็นใจพวกคุณมากเลยนะครับ แต่ตอนนี้ยังไม่ครบ 24 ชั่วโมงยังรับแจ้งความไม่ได้”
“รับแจ้งความไม่ได้ แล้วลูกฉัน” วณีร้อนใจ
“บางทีเขาอาจจะพาไปเดินเล่น เดี๋ยวก็พากลับมาก็ได้ครับ”
“จะบ้าเหรอคุณตำรวจ นังเย็นมันหอบกระเป๋าเสื้อผ้า มันพาหลานฉันหนีไปไหนต่อไหนแล้ว คุณตำรวจต้องไปตามหลานมาให้ฉัน” คุณหญิงโวยวาย
“ตามกฎหมายเราทำอย่างนั้นไม่ได้จริงๆครับ”
“โอ๊ย...ฉันจะบ้าตาย” คุณหญิงหงุดหงิดมาก
“เราคงต้องพึ่งตัวเองไปก่อนครับคุณแม่ เราคงต้องตามหาเย็นด้วยตัวเองก่อน” อุทัยหน้าเครียด
“กรุงเทพฯกว้างใหญ่ไพศาลขนาดนี้จะไปหามันได้ที่ไหน” คุณหญิงหนักใจ
“ได้ไม่ได้ ก็ต้องหาก่อนครับ” อุทัยบอกอย่างหนักแน่น
อุทัยกับวณี ตระเวนหาเย็นตามคิวรถต่างๆจนรุ่งสาง ไม่ว่าจะไปท่ารถไหนๆถามไถ่ใคร ก็ไม่เห็นแม้แต่เงาของเย็น
วันใหม่...วณีร้องไห้ปิ่มว่าใจจะขาด
“ลูกหนูของแม่...ป่านนี้ลูกจะเป็นยังไง ทำไมถึงได้มาเกิดเรื่องอย่างนี้กับลูกแม่ด้วย”
“มันแก้แค้นพี่ คอยดูนะ ถ้าเจอหน้ามันเมื่อไหร่ พี่จะฆ่ามันด้วยมือของพี่เอง” อุทัยเจ็บแค้นใจมาก
“อย่านะคะ” วณีตกใจ
“ไม่ต้องมาห้าม ถ้าเจอหน้านังเย็นเมื่อไหร่ พี่ฆ่ามันตายแน่ๆ นึกไม่ถึงจริงๆว่ามันจะใจยักษ์ใจมารขนาดนี้”
คุณหญิงร้อนใจมาก
“เจ็บใจนัก นี่ยังไม่ครบ 24 ชั่วโมง ตำรวจทำอะไรให้ไม่ได้ เราตามหาเองก็ไม่เจอ แม่มืดแปดด้านแล้วจะทำยังไง”
“ตอนนี้ผมให้เพื่อนที่ทำงานหนังสือพิมพ์ประกาศตามหามันแล้ว อีกไม่นานคงมีข่าวคราวอะไรให้เราได้รู้บ้าง”
“ประเทศไทยออกจะกว้างใหญ่ไพศาล จะมีคนเห็นเย็นได้ยังไง วณียังนึกภาพไม่ออกเลย”
วณีร้องไห้คร่ำครวญเสียใจ นมแสที่นั่งอยู่ข้างๆร้องตาม
“คุณหนู นมขอโทษ...เพราะนมคนเดียว”
คุณหญิงน้ำตาคลอทุกข์ใจยิ่ง จวนที่นั่งอยู่แถวนั้นรอรับใช้คุณหญิงได้แต่มองเห็นใจ
ทุกคนเมื่อนึกถึงอดีต ต่างน้ำตาคลอ ขมขื่นใจ คุณหญิงอนุรักษ์คว้าจดหมายจากวณี แทบขย้ำจดหมายทิ้งด่าว่าเย็นด้วยความเกลียดชัง
“นังเย็นมันตั้งใจทรมานเราชัดๆ คนเลวอย่างมัน สมควรเข้าไปอยู่ในคุกสถานเดียว”
จวนสะดุ้ง ยังไงก็เป็นห่วงเย็น นมแสสะใจ
“แปลว่า...ถ้าเย็นเอาหนูเอื้อยมาส่ง คุณแม่จะจับเย็นเข้าคุกเหรอคะ” วณีถามตกใจ
“มันทำให้เราทรมาน มันก็ต้องทรมานเหมือนกัน”
คุณหญิงเดินออกไป จวนตาม อุทัยเดินตามคุณหญิงออกไป วณีมองตามอยากรู้ นมแสมองสงสารวณีมาก
คุณหญิงจะเดินกลับบ้าน จวนเดินตามหลัง อุทัยรีบตามออกไป
“คุณแม่ครับ”
คุณหญิงหันกลับมามอง เย็นชา
“จะมาห้ามแม่เรื่องนังเย็นอีกล่ะสิ”
จวนเห็นอุทัยก็เขยิบไปรออีกมุม แต่ยังได้ยินทุกอย่าง อุทัยพยักหน้า
“จะโทษเย็นคนเดียวก็ไม่ได้...ผมเองก็มีส่วนผิดที่ทำให้เย็นโกรธแค้นจนขโมยหนูเอื้อยไป”
“เรื่องนี้เราเคยคุยกันแล้วไม่ใช่เหรอ ยังไงคนที่ผิดก็คือนังเย็น ตัวเองเป็นแค่คนใช้ แต่ไม่เจียมกะลาหัว” คุณหญิงโกรธ
“ผมเองก็ผิดที่พูดพล่อยๆไปสัญญิงสัญญากับเย็น จนมันคิดว่าเป็นเรื่องจริง ผมอยากยุติความโกรธแค้นทั้งหมด ถ้าเย็นเอาหนูเอื้อยมาคืน เราก็ปล่อยมันไป ถือว่าหายกัน”
คุณหญิงทุบอกตัวเอง
“จะหายได้ยังไง ในเมื่อแม่แค้นจนจะกระอักเลือดอยู่นี่”
“แต่คุณแม่ก็รู้แล้ว เย็นเป็นคนน่ากลัว...ถ้าเราทำให้มันโกรธ ออกจากคุก มันต้องเอาคืนเราอีก...ปล่อยมันไปเถอะครับ จะได้จบๆกันไปซะที”
“ได้...จะเอาอย่างนั้นก็ได้ แต่ถ้าแม่เจอหน้ามัน อย่าว่าแม่ร้ายแล้วกัน”
คุณหญิงเดินกลับไป อุทัยหน้าบึ้งดวงตาเป็นประกายโกรธ
“ฉันก็แค้นเธอ ไม่แพ้คุณแม่หรอกเย็น”
เย็นยืนอยู่หน้าต่างมองเปียกับน้อย ที่อยู่ชั้นล่าง ด้วยสายตาเยือกเย็นยิ้มแกม
เยาะ เปียข่มขู่ผลักหยิกตีน้อยตามนิสัย
“วันไหน คุณได้ลูกคืนไป...สนุกแน่ๆคุณอุทัย”
เย็นหัวเราะก้องออกมาเสียงดัง
ค่ำคืนนั้น วณีถามอุทัยด้วยอยากรู้
“เมื่อกลางวัน พี่อุทัยไปคุยกับคุณแม่เรื่องเย็นหรือคะ”
“เปล่าจ้ะ” อุทัยหลบตา จะเดินไป
“พี่อุทัยคะ”
“จ้ะ” อุทัยหันมาแบบคนวัวสันหลังหวะ
“วณีกลัวเย็นเปลี่ยนใจไม่เอาลูกมาคืน พรุ่งนี้เช้ามืด เราแอบไปตามหาลูกด้วยกันมั้ยคะ”
“ไปสิ พี่ก็กลัวเย็น ไม่เอาลูกมาคืนเหมือนกัน”
“งั้นเราออกเดินทางแต่เช้าเลยนะคะ วณีอยากเห็นหน้าลูก ลูกของเราจะต้องน่ารักแน่ๆเลยค่ะพี่อุทัย”
สองคนยิ้มให้กันมีความหวัง
เช้าวันใหม่ อุทัยกับวณีแอบย่องออกมาจากบ้าน เตรียมจะออกไปตามหาลูก โดยไม่ให้คุณหญิงอนุรักษ์รู้ วณีบอกนมแส
“พยายามถ่วงเวลาทำอะไรก็ได้อย่าให้คุณแม่รู้ว่าฉันไปตามหนูเอื้อยนะ”
“ค่ะ”
วณีกับอุทัยเดินไปที่ด้านนอก บริเวณโรงรถ ส่วนนมแสเดินกลับเข้าไปด้านใน
ด้านนอก อุทัยบอกเอิบที่ยืนรออยู่
“เดี๋ยวฉันขับรถเอง”
ด้านใน เสียงโทรศัพท์บ้านดัง นมแสเดินไปรับ
“สวัสดีค่ะ บ้านคุณอุทัย อนุรักษ์ธานินค่ะ”
เย็นซึ่งโทรศัพท์มาจากบ้านประมูลถือโทรศัพท์มือถืออยู่ เย็นยิ้มเย็น จำเสียงนมแสได้ นมแสไม่ได้ยินเสียงปลายสาย ย้ำอีก
“สวัสดีค่ะ บ้านคุณอุทัย อนุรักษ์ธานินค่ะ”
“สบายดีหรือจ้ะนมแส”
นมแสงง ว่าใครโทรมา ก่อนถามไม่แน่ใจ
“ประทานโทษค่ะ ตะกี้พูดว่าไงคะ”
“ฉันถามว่า นมแสสบายดีหรือจ้ะ”
“ใครน่ะ”
“จำฉันไม่ได้หรือจ้ะ...ฉันเย็น....เนื้อเย็น”
“นังเย็น” นมแสกรี๊ด ตกใจ เสียงดัง
ด้านนอก อุทัยกำลังจะขับรถออกไป เลอสรรวิ่งมาจากอีกทางขวางหน้ารถเอาไว้ อุทัยลดกระจกลง
“ว่าไงเลอสรร”
“ผมไปด้วย”
อุทัยกับวณีมองแปลกใจ
“ผมรู้ ยังไงคุณน้าก็ต้องแอบไปตามหาหนูเอื้อยแน่นอนให้ผมขับรถให้นะครับ”
“ไป”
อุทัย และวณีลงจากรถ เลอสรรจะมาขับรถให้ ระหว่าง เปลี่ยนที่นั่งกัน นมแสวิ่งหน้าตั้งถือโทรศัพท์ออกมา
“คุณอุทัยขา...คุณอุทัย”
“มีอะไรนมแส”
“เย็นค่ะ เย็นโทรมา” นมแสละล่ำละลัก
“เย็น”
อุทัย วณีตกใจ แทบจะพูดพร้อมกัน อุทัยคว้าโทรศัพท์มาจากนมแส พูดทันที
“เย็น นี่ฉันเองอุทัย”
เย็นสีหน้าเจ็บปวด แม้จะบังคับเสียงไม่ให้สั่น แต่สั่น
“สวัสดีค่ะคุณอุทัย”
“ฉันได้รับจดหมายแล้ว นี่กำลังจะไปรับหนูเอื้อย เธออยู่ตรงไหนของตาก”
“ตอนนี้ฉันอยู่กรุงเทพค่ะ ที่ฉันโทรมาเนี่ย ก็ตั้งใจจะบอก ฉันเอาลูกมาคืนคุณแล้วนะคะ แต่ขอเที่ยวกรุงเทพให้สะใจก่อนวันดีคืนดีเมื่อไหร่ จะโทรมาบอกอีกทีแล้วกัน” เย็นวางสายทันที
“เย็น...เย็น...”
“ทำไมคะ” วณีสงสัย
“มันวางสายไปแล้ว” อุทัยหงุดหงิด
“วางสายไปแล้ว” วณีแทบขาดใจ
วณีร้องไห้ ใจจะขาด
คุณหญิงอนุรักษ์ ด่าเย็นทันทีที่อุทัยเล่าจบ
“เห็นมั้ย อย่างที่แม่บอกไม่มีผิด นังสันดานเย็น นังโรคจิต เดี๋ยวมันก็บอกว่าอยู่ตาก เดี๋ยวมันก็บอกว่าอยู่กรุงเทพ มันตั้งใจปั่นหัวพวกเราชัดๆ”
วณีเสียงเครือ จะร้องไห้
“วณีจะบ้าอยู่แล้วค่ะ อยากเจอลูกใจจะขาดอยู่แล้ว”
“โทรกลับไปหามัน คุยกับมันให้รู้เรื่อง” คุณหญิงร้อนใจ
“โทรแล้วครับ แต่เขาปิดมือ”
“ผมคิดว่าเขาน่าจะใช้โทรศัพท์แบบเติมเงินด้วยนะครับ เปลี่ยนเบอร์ไปเรื่อยๆ ไม่ให้เราตามเจอ” เลอสรรออกความเห็น
“นังเย็น นังสันดาน แจ้งตำรวจจับมันเลย” คุณหญิงโกรธมาก
“อย่านะคะคุณแม่” วณีร้องทันที
“ยังจะใจอ่อนอีกเหรอแม่วณี” คุณหญิงชักรำคาญ
“เปล่าค่ะ วณีเป็นห่วงลูก เกิดเราแจ้งตำรวจ วณีกลัวเย็นจะทำอะไรลูก”
“หมาบ้า หมาจนตรอกอย่างนังเย็น มันตั้งใจที่จะทำให้เราเป็นบ้าอยู่แล้วครับ มันรู้ ว่ามันเป็นต่อ” อุทัยบอกเสียงเครือ ด้วยความโกรธ
“แล้วเราต้องยอมมันไปตลอดอย่างนี้เหรอ”
อุทัยพยักหน้า
“ตราบใดที่ลูกยังอยู่กับมันครับ แต่ถ้าเมื่อไหร่ ลูกอยู่กับผม นังเย็นมันทำกับผมแบบนี้ไม่ได้แน่ๆ”
สายตาของอุทัยโกรธ คุณหญิงสาแก่ใจ เลอสรร ครุ่นคิดไม่คล้อยตาม
เลอสรรแอบคุยกับจวนตามลำพัง
“โทษคุณอุทัยไม่ได้หรอกค่ะคุณเลอสรร ต้องโทษเย็นนั่นแหละ รู้ทั้งรู้ว่าตัวเองไม่คู่ควร ยังริอ่านทำเรื่องที่มันเสื่อมเสียอีก”
“แต่เท่าที่ผมรู้....เย็น เป็นคนมาก่อน” เลอสรรพูดเบาๆ
“มาก่อน มาหลังไม่สำคัญหรอกค่ะ สิ่งที่สำคัญ คือทะเบียนสมรส คุณวณีเธอเป็นเมียแต่ง คุณเลอสรรเป็นผู้ชาย ก็น่าจะรู้ ผู้หญิงที่ไม่มีทะเบียน ก็เป็นได้แค่ของเล่น เย็นก็เหมือนกัน คุณเลอสรร อย่าบอกว่าจวนเล่าให้ฟังนะคะ”
“จะบอกได้ยังไง ในเมื่อฉันเป็นคนถามจวน ไม่ถามก็ไม่ได้ ฉันเองก็อยากรู้เรื่องราวมันเป็นยังไง เย็นถึงได้อาฆาตแค้นพยาบาทถึงขนาดขโมยหนูเอื้อย”
“ไม่มีเรื่องอะไรทั้งนั้นหรอกค่ะ คนที่ผิดเต็มประตู คือ เย็น...เย็นคนเดียวจริงๆ”
จวนถอนหายใจเฮือก ถึงจะสงสารเย็น แต่เย็นก็ผิด เลอสรรนิ่ง ไม่คิดโทษเย็น
เย็นยืนหน้าเคร่ง แต่ดวงตาเศร้า มีน้ำตาคลอออกมาเสียงของอุทัยดังก้อง
“ฉันได้รับจดหมายแล้ว นี่กำลังจะไปรับหนูเอื้อย เธออยู่ตรงไหนของตาก”
เย็นเยาะเย้ยตัวเอง
“ไม่มีสักนิดที่เขาจะนึกถึง สมน้ำหน้าแกจริงๆ นังเย็น”
เปียเดินเข้ามาเห็นยิ้มแบบเป็นต่อ
“คิดถึงคุณอุทัยเหรอคะน้าเย็น”
เย็นหันขวับไม่พอใจ
“อย่ามาลามปามฉันนะนังเปีย”
“เปียไม่ได้ลามปามค่ะ เปียแค่เห็นใจ” เปียแอ๊บ
เย็นเยาะอารมณ์ไม่ดี
“เห็นใจ”
“ค่ะ เปียเห็นใจน้าเย็น ยิ่งรู้ว่าพวกมันทำให้น้าเย็นเจ็บ เปียก็ยิ่งอยากเอาคืนคุณน้ารีบพาเปียไปบ้านหลังนั้นเร็วๆสิคะ เปียจะแก้แค้นแทนคุณน้าให้สะใจไปเลย”
เย็นหัวเราะเย้ย
“ขอบใจมากเปียหลานรักของน้า”
เย็นค่อยๆเอื้อมมือไปด้านหลังลูบผมเปียเบาๆ
“แต่น้าเลี้ยงแกมาตั้งแต่เกิด ฉันรู้ว่าจริงๆแล้ว แกต้องการอะไร”
เย็นกระชากผมเปียเบาๆ เปียกลัว เสียงสั่น
“ต้องการอะไรคะคุณน้า”
“สิ่งที่มันอยู่ในใจแกนั่นแหละ ไม่ต้องห่วง ถึงเวลา ฉันพาแกไปเป็นลูกมหาเศรษฐีแน่ๆ แต่ถ้าแกทำฉันอารมณ์เสีย คนที่จะได้ไปแทนก็คือยัยน้อย”
“คุณน้า” เปียหน้าเสีย
“เพราะฉะนั้น อย่าได้มาอวดเก่ง ฉัน กระดูกแกกับฉันยังไงมันก็คนละเบอร์”
เย็นผลักเปียอย่างแรงแล้วเดินออกไป เปียได้แต่มองด้วยความเจ็บใจ สู้น้าเย็นไม่ได้
เปียเดินกระแทกเท้าเปิดประตูดังปังเข้ามาในห้อง พอมาถึงก็คว้าคัตเตอร์บนโต๊ะ
และคว้าตุ๊กตาบนเตียงขึ้นมา เอาคัตเตอร์กรีดตุ๊กตาขวับๆ แบบบ้าคลั่ง น้อยกรี๊ด
“เปีย อย่า...นั่นตุ๊กตาของน้อยนะ”
“แล้วไง หรือจะให้ฉันเชือดคอแกแทนตุ๊กตา”
น้อยกลัวส่ายหน้า
“งั้นก็หุบปาก”
พูดจบเปียก็ใช้คัตเตอร์กรีด แทง ปาดตุ๊กตาขวับๆจนนุ่นกระจุยกระจาย น้อยพยายามห้าม
“...อย่าเปีย....อย่า”
ทุกคนในบ้านได้ยินเสียง พากันตกใจ ขณะที่เปียโกรธ หันมาแว้ดน้อย
“จะแหกปากทำไมยัยน้อย ฉันเชือดคอแกรึไง ประเดี๋ยวเถอะ”
เปียหันมาทางน้อย เงื้อคัตเตอร์ขึ้น น้อยตกใจเสียหลักล้มลง นอนหงายลงกับพื้น ประมูลกับแม่นุ่มวิ่งมา ทุกคนเห็นเปียเงื้อคัตเตอร์อยู่บนน้อย
“อย่า”
เปียตกใจชะงัก แม่นุ่มรีบเข้าไปประคองดึงน้อยที่ร้องไห้เนื้อตัวสั่นออกมา
“มันเรื่องอะไรกัน” ประมูลถามอย่างตกใจ
“ปะ...เปล่า” เปียเจอผู้ใหญ่ก็กลัว
“เปล่าอะไรกัน มันถึงได้เป็นแบบนี้” แม่นุ่มมองสภาพในห้อง มองน้อย
“ก็แค่เล่นกัน” เปียโต้ เพราะไม่เกรงแม่นุ่มเท่าประมูล
“เล่น” แม่นุ่มถามเสียงดังอย่างไม่เชื่อ
เย็นเข้ามาเห็นก็เดาออก ยิ้มขำๆ
“ค่ะเล่น...เด็กสองคนเขาเล่นกันอย่างนี้ประจำ”
ประมูล แม่นุ่มมองเย็นไม่เข้าใจ น้อยที่อยู่ในอ้อมกอดแม่นุ่มเนื้อตัวสั่น เย็นดุ
“เลิกเล่นละครได้แล้วยัยน้อย” เย็นกระชากน้อยออกจากแม่นุ่ม “แหม...แอ๊คติ้งชนะเลิศจริงๆเลยน่ะแกนะ ทำทุกคนตกใจตกใจหมด” เย็นถลึงตาใส่เปีย “เธอก็เหมือนกันยัยเปีย เลิกเล่นได้แล้ว”
เปีย น้อย ถูกดันอยู่คนละมุม เย็นยิ้มๆ บอกประมูลกับแม่นุ่ม
“ขอโทษที่ทำให้ตกใจค่ะ แต่ไม่ต้องห่วง ถ้าฉันยืนอยู่ที่นี่ สองคนนี้ไม่กล้าเล่นอะไรแผลงๆแบบนี้อีกแล้วล่ะคะ”
เย็นมอง เปียเอาคัตเตอร์ซ่อนด้านหลังแบบเกรงๆ ประมูลกับแม่นุ่มเดินแยกไป
ประมูลกับแม่นุ่มเดินออกมา แม่นุ่มถามเบาๆอย่างสงสัย
“แม่เย็นนี้แปลกจริงๆนะประมูล เห็นทั้งเห็นว่าหนูเปียรังแกหนูน้อย ยังจะเข้าข้างหนูเปียอีก ลำเอียงเห็นๆหรือเธอว่าไงประมูล”
ประมูลถอนใจเฮือกๆ
“ถ้าตอบอย่างไม่เข้าข้างคุณเย็น ผมก็เห็นอย่างพี่นุ่มนั่นแหละ คุณเย็นเข้าข้างหนูเปีย”
“หรือว่าหนูน้อย จะไม่ใช่หลานแท้ๆของแม่เย็น”
สองคนได้แต่มองหน้ากัน
น้อยยังเนื้อตัวสั่นร้องไห้ เย็นหันมาแว้ด
“ฉันนั่งอยู่นี่แล้ว แกจะร้องไห้หาสวรรค์วิมานอะไรยัยน้อย”
น้อยคลานไปคว้าตุ๊กตาแบบกลัวๆเปีย
“น้อยเสียดายตุ๊กตาค่ะ” น้อยกอดตุ๊กตาแบบหวงๆ “น้าเย็นซื้อให้น้อย เป็นรางวัลตอนน้อยสอบได้ที่ 1”
สายตาเย็นที่มองน้อยอ่อนโยนขึ้นก่อนหันไปแว้ดเปีย
“แล้วคลั่งอะไรขึ้นมานังเปียหา แกคลั่งอะไร ถึงได้ทำแบบนี้”
เปียเงียบไม่กล้าตอบ เย็นหัวเราะหยันๆ
“อ้อ...หรือว่าคลั่งเรื่องที่ฉันไม่ยอมส่งแกไปหาพ่อแม่มหาเศรษฐีของแก”
เปียมองงง เย็นมาไม้ไหน น้อยมองงงเช่นกันว่าเย็นพูดอะไร
“ได้ ถ้าแกอยากไปอยู่กับพ่อแม่มหาเศรษฐีของแกนักฉันจะส่งแกไป”
เปียตะลึง ไม่ค่อยเชื่อ
“น้าเย็นพูดจริงๆเหรอคะ”
“เออ....แกจะได้ไปออกฤทธิ์ออกเดชให้พ่อแม่แกคลั่งตายไง”
เย็นหัวเราะสะใจ เปียหัวเราะ ดีใจ
“น้าเย็นพูดจริงๆนะคะ”
“ใช่...ฉันก็อยากรู้เหมือนกัน เวลาพ่อแม่ผู้ดีของแกเห็นแกคลั่ง แกเป็นประสาท เป็นบ้า พ่อแม่ผู้ดีของแกมันจะเป็นยังไง”
เย็นหัวเราะสะใจ น้อยงงมาก
“อะไรคะน้าเย็น น้อยงงไปหมดแล้ว เปียเป็นลูกมหาเศรษฐี”
บริเวณนอกบ้านของประมูล บรรยากาศร่มรื่นสบายๆเย็นตาประกายวาบ เย็นโมโหเปียแต่นิ่ง
“เรื่องก็เป็นอย่างที่ฉันเล่าให้แกฟังนี่แหละยัยน้อย”
น้อยตาโตตื่นเต้นตกใจ
“เหมือนในละครเลยนะคะ”
“ชีวิตคนบางทีมันก็เน่ายิ่งกว่าละคร ตอนนั้นฉันยอมรับว่าโกรธ”
“แล้วตอนนี้ล่ะคะ”
เย็นเสียงนิ่ง แต่ตามีเลศนัย
“เวลามันผ่านมานานแล้ว ฉันเองก็อายุมากขึ้นแล้วไม่รู้จะโกรธจะเกลียดกันไปอีกทำไม ฉันเลยจะพาเปียไปส่งพ่อแม่ของมัน”
“เปียโชคดีจังเลยนะคะ” น้อยเสียงแผ่ว
เย็นสังเวช แกมเยาะ
“แกอยากเป็นลูกมหาเศรษฐีหรือยัยน้อย”
“เปล่าค่ะ น้อยแค่รู้สึกว่าเปียโชคดีที่ได้เจอคุณพ่อ คุณแม่ แต่น้อยคงไม่มีโอกาส”
“ก็แหงล่ะสิ พ่อแม่แกมันตายไปหมดแล้วนี่ ถ้าอยากเจอ แกก็คงต้องตายตามไปด้วย อยากตายมั้ยล่ะ” เย็นเยาะ
“ไม่ค่ะ น้อยยังไม่อยากตาย น้าเย็นอุตส่าห์เลี้ยงดูน้อยมา น้อยอยากอยู่ตอบแทนบุญคุณน้าเย็นค่ะ”
ประกายตาขึ้งเกลียดของเย็นคลายลง เย็นยิ้ม ยิ้มนั้นแฝงความเสียใจอยู่ในที
“ขอให้แกคิดอย่างนี้ไปตลอดนะน้อย”
“น้อยไม่มีวันเปลี่ยนแปลงความคิดหรอกค่ะ น้าเย็นคือคนที่เลี้ยงดูน้อยมา ถ้าไม่มีน้าเย็น น้อยคงตายไปแล้ว น้าเย็นคือผู้มีพระคุณของน้อย น้อยรักน้าเย็นค่ะ”
น้อยแนบหน้าลงกับตัก เย็นมองน้อยทำท่าจะเอามือแตะหัวอย่างเอ็นดู แต่เย็นกลับปล่อยมือลงเหมือนเดิม
“แกรู้มั้ยน้อย ความรู้สึก มันเปลี่ยนไปกันได้ ฉันเคยรักมาก แล้วก็แปรเปลี่ยนเป็นเจ็บมาก ฉันโกรธ ฉันแค้น เพราะถูกโกหกทรยศ หักหลัง เพราะฉะนั้น ความรู้สึกของแก สักวันมันก็เปลี่ยนไปได้เหมือนกัน”
“ไม่มีทางค่ะ น้าเย็นเลี้ยงน้อยมาขนาดนี้ น้อยมั่นใจ น้าเย็นไม่มีวันทำร้ายน้อยค่ะ”
น้อยยิ้มมองเย็นอ่อนโยน เย็นน้ำตารื้น ทำท่าจะหยด เย็นผลักหัวน้อยแล้วเดินหนี
ออกไป น้อยมองตามเย็นไม่เข้าใจ
เย็นเดินมาอยู่คนเดียว เย็นก็น้ำตาไหลออกมา ไหลแบบพรั่งพรู เสียใจ
“ยิ่งแกดีกับฉันเท่าไหร่ ฉันก็ยิ่งเจ็บในอกน้อย แต่ฉันยังปลงไม่ได้ฉันยังเจ็บยังแค้น กับสิ่งที่พวกเขาทำฉัน ฉันยังปลงไม่ได้จริงๆ”
ดวงตาของเย็นแข็งกร้าวขึ้นมาใหม่ เจ็บปวด เคียดแค้นเหลือเกิน
อ่านต่อหน้า 3
คมพยาบาท ตอนที่ 3 (ต่อ)
วณีกับอุทัยเดินเล่นกันอยู่ในสวน
“นี่มันก็ตั้งหลายวันแล้ว ไม่รู้เย็นจะให้เรารอนานแค่ไหนนะคะ”
“พี่ก็ไม่รู้เหมือนกัน อย่างที่คุณแม่ว่าแหละ เย็นจงใจทำให้เราคลั่งตาย”
วณีเข้มแข็ง
“ต่อให้เย็นทรมานวณีแค่ไหน วณีก็จะไม่ยอมตายค่ะ วณีจะอยู่ จนกว่าจะได้พบลูก แต่....ถ้าเป็นไปได้วณีอยากให้เย็นพาหนูเอื้อยมาคืน ก่อนที่ตาเลอจะกลับไปเรียนต่อ วณีอยากให้พี่น้องได้เจอกันก่อนค่ะ”
“พี่ก็เหมือนกัน แต่จะทำยังไงได้ล่ะ ในเมื่อหมากเกมนี้ เย็นเป็นคนคุมเกมไม่ใช่เรา”
สองคนทำหน้าเหนื่อยใจ รับภาพเลอสรรอุ้มแมวเปอร์เซียสีขาวน่ารักเข้ามา วณียิ้มได้
“ตาย...ลูกแมวของใครจ้ะเลอ น่ารักจังเลย”
“ของคุณน้าครับ”
“ของน้า”
“ครับ...ผมเห็นมันน่ารัก สีขาว ปุกปุย เลยซื้อมาฝากคุณน้า คุณน้าจะได้ไม่เหงาระหว่างที่รอหนูเอื้อย”
เลอสรรยื่นแมวให้ วณีรับมาอุ้ม
“ขอบใจมากจ้ะเลอ น้าชอบ น่ารักจริงๆเลย...ให้ชื่อว่าอะไรดีคะพี่อุทัย”
“แมวตัวเล็กนิดเดียว ให้ชื่อนิด หรือไม่ก็...น้อย ก็ดีนะ”
เลอสรรได้ยินชื่อน้อยแทบสะดุ้ง ยิ้มกลบเกลื่อน วณียิ้มขำ
“ไม่ดีหรอกค่ะ เกิดตัวโตขึ้นมา เรียกน้อยๆ ก็คงจะพิกลอยู่ สีขาวปุกปุยน่ารัก...เหมือนสำลี เหมือนปุยนุ่น...งั้น..ชื่อฝ้ายแล้วกันนะลูกนะ..”
“น่ารักดีนะครับ น้องฝ้าย...น้องฝ้าย อยู่เป็นเพื่อนคุณแม่วณีนะครับ”
“เลอก็ต้องรีบกลับมาอยู่เป็นเพื่อนน้าด้วย รีบไปเรียน รีบกลับมา”
“ครับคุณน้า”
เลอสรรยิ้มอย่างดีใจที่วณีดูสบายใจขึ้น
เลอสรรจัดข้าวของลงกระเป๋าเตรียมตัวกลับไปเรียนต่อ ระหว่างนั้นเขาหยิบมือถือขึ้นเปิดดูคลิปที่มีคนอัพไว้ เป็นคลิป น้อย เปียและเย็นที่ทีเรื่องกันที่ห้าง เลอสรรมองสลด ถอนหายใจเฮือกๆ
“ไม่คิดเลยจริงๆว่าจะเจอเธอในสภาพนี้น้อย ป่านนี้เธอจะเป็นยังไง”
เลอสรรวางมือถือ จัดของต่อ เห็นรูปน้อยบนโต๊ะ จะหยิบใส่กระเป๋าเดินทาง แต่เปลี่ยนใจ วางไว้ที่เดิม
น้อยถูบ้านอยู่ เปียเดินเข้ามาในมาดคุณหนู เดินกระย่องกระแย่ง จิกเรียก ชี้นิ้วที่พื้น
“นังน้อย แกถูพื้นยังไง ยังไม่สะอาดเลย มาถูใหม่เดี๋ยวนี้เลยนะ”
น้อยมองงง
“ทุกทีพื้นยังไม่กวาดไม่ถู เปียยังนอนลงไปได้ วันนี้เป็นอะไรไปเหรอ ถึงได้เหยียบพื้นไม่ได้น่ะ”
“ฝึกเป็นคุณหนู...นี่...น้อยว่า เปียน่าจะเป็นคุณหนูแบบไหนดีเหรอ คุณหนูอารมณ์ร้าย หรือคุณหนูคิขุ น่ารัก เปียจะได้ฝึกเอาไว้” เปียฝันหวาน
“คุณหนูอารมณ์ร้าย ไม่ต้องฝึก เปียก็เป็นอยู่แล้วนี่”
เปียผลักหัวทันที
“วอนจริงๆนะนังน้อย ฉันอุตส่าห์พูดด้วยดีๆยังจะมาวอนเดี๋ยวเถอะ”
เปียทำท่าจะตบ น้อยส่ายหน้า
“นี่...คุณหนูเขาต้องเป็นผู้ดี เปียเอาแต่ทำท่าอย่างนี้ มันก็เหมือนนางร้ายน่ะสิ”
“งั้น...ต้องทำท่าแบบนี้ใช่มั้ย” เปียแอ๊บนางเอก ลูบหัวน้อยเบาๆ “น้อยจ้ะ...น้อยหลอกด่าฉันอย่างนี้ น้อยอยากโดนตบใช่มั้ยจ้ะ...เดี๋ยวเถอะ”
น้อยหัวเราะขำ เปียถลึงตาใส่
“หัวเราะอะไร”
“ก็หัวเราะเปียน่ะสิ...นึกภาพไม่ออก ถ้าเปียแอ๊บเป็นคุณหนูอารมณ์ดี แล้วเกิดหลุดเป็นอารมณ์ร้าย ต่อหน้าพ่อแม่เปียจะเป็นยังไง”
เปียนิ่งไปนิดก่อนบอก
“ก็...บอกท่านว่า กำลังซ้อมละครอยู่น่ะสิ....นี่..ตกลง เธอว่า ฉันจะเป็นคุณหนูแบบไหนดียัยน้อย”
“แบบไหนก็ได้ ที่เป็นตัวของเปียจริงๆ เพราะยังไง พ่อแม่ของเปีย ท่านก็ต้องรักเปียอยู่แล้ว จริงมั้ย”
เปียอึ้งไป รู้ดี ตัวเองไม่ใช่ลูก เย็นหัวเราะเดินมา
“แต่ถ้าแกไม่ใช่ลูกเขาจริงๆ ก็ว่าไปอย่างนะนังเปีย”
“น้าเย็น”
“เหมือนน้อยมันว่าแหละ แกเป็นลูกเขา ไม่ว่าแกจะยังไง เขาก็ต้องรักแก ไม่ต้องฝึกต้องซ้อมแล้ว พรุ่งนี้ฉันจะพาแกไปคืนพ่อแม่แก ส่วนจะเป็นลูกแบบไหน มันก็แล้วแต่สันดานแก นังเปีย”
เย็นยิ้มพูดเป็นนัยๆ เปียหน้างอ ไม่พอใจเย็น
วันใหม่...เย็นเล่าเรื่องต่างๆให้ประมูลฟังตามเย็น แค่เปลี่ยนจากน้อยเป็นเย็น ระหว่างนั้น เธอเดินนำประมูล น้อย เปียออกมา
“คุณไม่เคยบอกเรื่องหนูเปียกับผมเลย” ประมูลแปลกใจมาก
“ฉันถึงบอกคุณไงคะ ไม่มีใครเปิดเผยตัวเองได้ทุกแง่มุม ที่ฉันรบกวนคุณให้ไปส่ง เพราะฉันไม่อยากให้พ่อแม่ของเปีย เขาว่าฉันได้ ว่าฉันเลี้ยงลูกเขาไม่ดี รถยนต์สักคันก็ไม่มี จะไปส่งกันทั้งที ก็ต้องกระเตงกันขึ้นแท็กซี่ไป”
“ผมยินดี...สำหรับผม คุณ หนูน้อย หนูเปีย คือคนในครอบครัว”
เปียรีบขัด
“ไม่ต้องรวมเปียก็ได้ค่ะ เปียมีพ่อมีแม่ ที่เป็นมหาเศรษฐี ท่านรู้เข้าอาจจะไม่พอใจก็ได้ ถ้าเปียรู้จักกับคนธรรมดาอย่างคุณลุง ไปกันได้รึยังคะน้าเย็น เปียอยากเจอคุณพ่อคุณแม่จะขาดใจตายอยู่แล้วค่ะ”
“งั้นก็ให้มันขาดใจตายอยู่ตรงนี้เลยคุณหนูเปีย หนอย ไม่ทันไรอย่ามาทำกระแดะ ยัยน้อย ขึ้นรถ” เย็นหมั่นไส้
“ค่ะน้าเย็น”
เย็นพาน้อยขึ้นรถ เปียหน้าหงิก เย็นไม่สนใจ ประมูลยังมึนๆกับสิ่งที่ได้รู้ ก่อนจะขึ้นรถ แล้วขับออกไป
เลอสรรในชุดเดินทาง ถือกระเป๋าเตรียมตัวกลับ เอิบยืนรออยู่ วณีอุ้มแมวมองเลอสรรอย่างเป็นห่วง
“นี่จะไม่ให้น้าไปส่งที่สนามบินจริงๆเหรอจ้ะเลอ”
“ครับคุณน้า เผื่อเย็นเขาพาหนูเอื้อยมาส่ง คุณน้าจะได้อยู่เจอน้อง”
“เดินทางปลอดภัยนะเลอสรร” อุทัยยิ้มให้
วณีกอดเลอสรร
“เดินทางปลอดภัยจ้ะ แล้วรีบกลับมาหาน้าเร็วๆนะ”
“ครับคุณน้า...เทอมสุดท้ายแล้ว อีกไม่กี่เดือนเจอกัน” เลอสรรลูบหัวแมว “ไปก่อนนะน้องฝ้าย”
เลอสรรยกมือไหว้ทุกคน แล้วขึ้นรถ โดยมีเอิบขับออกไป
ถนนหน้าบ้านของอุทัย เอิบขับรถออกไป อีกฝั่ง รถของประมูลแล่นเข้ามา ภายในรถมีน้อย เปีย เย็นนั่งอยู่ รถสองคันสวนกัน โดยที่ทั้งน้อยและเลอสรรไม่เห็นกัน
วณีส่งแมวให้นมแสที่พากลับเข้าไปด้านในทันที คุณหญิงอนุรักษ์เดินมาจากบ้าน
“ตาเลอกลับไปแล้วใจหายเหมือนกันนะ แล้วนี่นังเย็นมันไม่ติดต่อมาเลยเหรอ”
“ยังเลยครับคุณแม่” อุทัยหันไปบอก
“แม่ว่าแจ้งความเถอะ ให้มันรู้ไป ว่าตำรวจจะเอาชนะนังใจดำนั่นไม่ได้”
อุทัยหันไปบอกวณี
“มันก็จริงนะวณี พี่ว่าแจ้งความเถอะ ปล่อยไว้อย่างนี้ เย็นต้องปั่นหัวเราไปเรื่อยๆ ที่สำคัญลูกของเราอาจจะไม่ปลอดภัย”
“ไม่เอาค่ะวณีไม่ไว้ใจเย็นถ้าเย็นรู้ว่าเราแจ้งความเย็นฆ่าลูกเราตายแน่ๆเลย”
“พูดก็พูดเถอะ ตอนนี้แม่ก็ไม่ได้แน่ใจหรอก ว่าหนูเอื้อยจะยังอยู่รึเปล่า”
วณีน้ำตาร่วงทันที อุทัยติง
“คุณแม่”
“แม่ขอโทษ...แต่แม่ทนไม่ไหวแล้วจริงๆ เราอยู่ในสภาพอึมครึมแบบนี้ไม่ได้แล้วนะวณี เราต้องสู้ สู้ให้รู้ดำรู้แดงกันไป ไม่งั้นมันก็ปั่นหัวเราอยู่อย่างนี้ไป ไปแจ้งความกัน”
คุณหญิงฉุดมือวณี อุทัยตาม จะเดินไปที่รถกัน รถของประมูลเข้ามาจอด ทุกคนหันขวับไปมอง เปียแทบถลาจะลงจากรถก่อนคนอื่น ตามด้วยประมูล น้อย ทุกคนมองงง
“ใครน่ะ” คุณหญิงสงสัย
เย็นออกจากรถเป็นคนสุดท้าย ทุกคนเห็นเย็นตะลึงงัน
“นังเย็น” คุณหญิงร้องอย่างตกใจ
“สวัสดีค่ะคุณหญิง”
เย็นยกมือไหว้แล้วลดมือลง
“คุณอุทัย คุณวณี”
“นังสันดานเย็น นังสารเลว”
คุณหญิงถลาเข้าไปหาเย็น จะทุบจะตี เย็นเบี่ยงตัวหลบ อุทัยและวณีรีบคว้าตัวคุณหญิงเอาไว้
“ปล่อยแม่ แม่จะฆ่ามัน” คุณหญิงโวย
“อย่า คุณแม่อย่า” วณีกับอุทัยห้าม
“ไม่ต้องมาห้ามแม่ วันนี้แม่จะฆ่ามันให้ตาย”
คุณหญิงจะมาหาเย็นอีก เย็นหลบ น้อยประคองเย็นเอาไว้ อุทัยกับวณีฉุดคุณหญิง
“อย่า...วณีดูคุณแม่ไว้”
อุทัยเดินออกมาเผชิญหน้าเย็น มองน้อย เสียงสั่น
“นี่ใช่มั้ยลูกฉัน”
น้อยงง อ้ำอึ้งตั้งตัวไม่ถูก เปียร้องกรี๊ด
“คุณพ่อ”
เปียถลาเข้ามากอดอุทัยแน่น บีบน้ำตาร้องห่มร้องไห้
“คุณพ่อขา ลูกอยู่นี่ ลูกของคุณพ่ออยู่นี่ค่ะ”
ทุกคนทุกคนตะลึง อึ้ง
“หนูเอื้อย”
เปียผละจากอุทัยไปกอดวณีที่ยืนตะลึง
“คุณแม่ขา....ลูกอยู่นี่คะ...ลูกอยู่นี่”
ทุกคนอื้อๆอึงๆตกอยู่ในสภาวะตกตะลึงเพราะทุกอย่างมันเร็วเกิน
“นี่ลูกฉันจริงๆใช่มั้ยเย็น” อุทัยถามย้ำ
เย็นยิ้มเย็น
“คุณอุทัยถามอะไร ไม่คิดถึงหัวใจลูกเลยนะคะ ฉันเล่าเรื่องทุกอย่างให้ลูกคุณฟังหมดแล้วค่ะ”
เปียบีบน้ำหูน้ำตาร่วง
“หนูคือลูกของคุณพ่อคุณแม่ค่ะ”
อุทัยยังอึ้งๆตามประสาผู้ชาย คุณหญิงเองก็ยังตั้งตัวไม่ติด มีแต่วณีที่กอดเปีย
“ลูกแม่...นี่แม่ไม่ได้ฝันไปใช่มั้ย แม่ได้กอดลูกจริงๆแล้วใช่มั้ย”
“ใช่ค่ะคุณแม่...ลูกคิดถึงคุณแม่ที่สุดเลยค่ะ”
เปียกอดแน่น ดวงตาดีอกดีใจ ขณะกวาดสายตามองคฤหาสน์หลังใหญ่ตาโต ระริก ระรี้แต่บีบน้ำตาตีหน้าเศร้า
“คิดถึงจนจะขาดใจ”
เปียทำท่าจะขาดใจ วณีตกใจ
“หนูเอื้อยๆ”
เปียทำท่าเป็นลม ล้มคอพับคออ่อนอยู่ตรงนั้น ทุกคนตกใจ ยกเว้นเย็น ได้แต่ยิ้มเยาะ
ในครัว จวนถามตกอกตกใจ
“อะไรนะ เย็นพาคุณหนูเอื้อยมาคืนแล้ว”
“ใช่...ตอนฉันเห็นนะ ขนลุกซู่ๆเลย” เอิบที่ไปแอบดูอยู่เล่า
“คุณวณี คุณอุทัยคงดีใจมาก” ช้อยดีใจด้วย
หวานเล่าต่อ
“ทุกคนดีใจหมด ยกเว้นคุณหญิง ตอนที่นังเย็นมันโผล่หน้าออกมาจากรถท่านแทบตรงเข้าไปกระทืบมันเชียวแหละ”
ช้อยตกใจคาดไม่ถึง
“คนอย่างคุณหญิงน่ะหรือจะเข้าไปกระทืบคน”
“ผู้ลากมากดี ลองถ้าได้โมโห ก็ไม่ต่างจากคนธรรมดาหรอกว่ะ โดยเฉพาะนังเย็น มันขโมยหลานท่านไปซะขนาดนั้น แค่กระทืบยังน้อยไป”
“แล้วนี่คุณๆจะเอายังไงกับเย็นเนี่ย” จวนห่วง
“เป็นฉันจะกระทืบให้ท้องมันแตก แล้วเหยียบหัวใจมัน ก่อนส่งมันเข้าคุก” หวานบอกทันที
ทุกคนทำหน้าสะใจ มีแต่จวนที่กังวล
เย็นนั่งเผชิญหน้าทุกคน เปียทำท่าระโหยโรยแรง มีวณี ประคบประหงมบีบเนื้อบีบตัวให้ เปียทำท่าหรี่ตาขึ้นมา
“คุณหนูคงดีใจที่ได้เจอคุณพ่อคุณแม่มากไปหน่อยนะคะ เลยเป็นลมเกือบตาย” เย็นหัวเราะ
คุณหญิงอนุรักษ์มองเย็นไม่พอใจ
“ก็ถ้าหลานฉันเกิดตายไปจริงๆ แกถูกจับติดคุกแน่ นังเย็น”
“ข้อหาอะไรคะคุณหญิง ในเมื่อตะกี้ดิฉันก็อยู่เฉยๆ คุณหนูแกก็เกิดจะเป็นลมตายเอง ส่วนเรื่องเดิมก็หมดอายุความไปแล้ว คุณหญิงจะหาข้อหาอะไรให้ดิฉันอีกไม่ทราบคะ”
คุณหญิงหมั่นไส้มากแทบลุกมาตบ
“อะไรก็ได้ ที่จะทำให้แกเข้าคุก เป็นต้นว่า เอาใครไม่รู้ มาหลอกว่าเป็นหลานฉัน”
เปียหน้าซีดเผือดตกใจ กลัวถูกจับได้ น้ำหูน้ำตาร่วงจริงๆ
“คุณย่า”
“คุณแม่” วณีกับอุทัยตกใจ
“เอาเลยค่ะ...ถ้าคุณหญิงไม่คิดถึงเด็กตาดำๆที่มันรอคอยพ่อแม่มาเกือบ20 ปี จะทำอย่างนั้นก็ตามใจ” เย็นหัวเราะ
“คุณแม่ขา...เปียเป็นลูกของคุณพ่อคุณแม่จริงๆนะคะ...เปียเป็นหลานคุณย่าจริงๆ แต่ถ้าคุณพ่อ คุณแม่ คุณย่า..ไม่ยอมรับ เปียกลับไปอยู่กับน้าเย็นเหมือนเดิมก็ได้ค่ะ”
เปียอ้อนวณี แล้วร้องไห้เสียใจมาก กระถดตัวออกไป วณีคว้าหมับเอาไว้แบบหวงมาก
“ไม่ลูก...แม่เชื่อ หนูเป็นลูกแม่..แม่ไม่ให้หนูไปไหนอีกแล้ว”
“แต่คุณย่า..คุณพ่อ..”
วณีส่งสายตาไปอ้อนอนคุณหญิง กับอุทัย
“ย่าขอโทษ...ย่าเพียงแต่โมโหนังเย็นเท่านั้นเอง” คุณหญิงอ่อนลง
วณีรีบตัดบทกับเย็น
“ฉันไม่เอาเรื่องอะไรเย็นหรอกจ้ะ ขอบคุณมากนะ ที่เอาหนูเอื้อยมาคืนฉัน”
เย็นแกล้งซึ้งใจ
“ฉันก็ต้องขอบคุณคุณวณีนะคะที่ไม่เอาเรื่อง ยอมรับค่ะว่าตอนนั้นฉันโกรธ ฉันเกลียด ฉันแค้น อยากทำลายพวกคุณ แต่พอได้เลี้ยงหนูเอื้อย...หนูเอื้อยแกเป็นเด็กที่น่ารักเหลือเกิน”
เปียยิ้มแก้มแทบแตก กอดวณีแน่น เอาหน้าเข้าไปซุกอ้อนวณี
“คุณคงไม่ว่านะคะที่ดิฉันเปลี่ยนชื่อหนูเอื้อยเป็นเปีย จรรยา...บอกตามตรงค่ะ ตอนนั้นดิฉันแสลงใจมาก เห็นอะไรเกี่ยวกับพวกคุณไม่ได้ เลยต้องเปลี่ยนชื่อลูกคุณ”
“ไม่เป็นไรเลยจ้ะเย็น จะหนูเอื้อย จะหนูเปีย เขาก็เป็นลูกฉัน”
เปียกราบแทบอกประจบ
“เปียกราบขอบพระคุณคุณแม่มากค่ะ ที่เมตตายอมรับเปียเป็นลูก”
“ก็เปียเป็นลูกแม่นี่จ้ะ” วณีทั้งกอดทั้งหอม ชื่นใจมากรักมาก
อุทัยกับคุณหญิงนั่งนิ่งทำตัวไม่ถูก เปียเห็นก็รู้ รีบประจบด้วยการทรุดตัวลงนั่งที่พื้น กราบที่ตักคุณหญิง
“เปียขอฝากเนื้อฝากตัวกับคุณย่าด้วยนะคะ”
คุณหญิงนั่งอึ้งๆ เปียเห็นอย่างนั้นก็ใจคอไม่ดี บีบน้ำตา
“คุณย่ายังไม่เชื่อใจ...ยังรังเกียจเปียอีกเหรอคะ”
วณีรีบบอกทันที
“เปล่าจ้ะเปล่า...คุณย่าดีใจจนพูดไม่ออกน่ะค่ะ”
“จริงนะคะคุณแม่ เปียกลัว คุณย่าจะรังเกียจเปีย” เปียร้องไห้
คุณหญิงตกใจเห็นเปียร้องไห้
“ย่าไม่ได้รังเกียจเปีย เหมือนแม่เขาบอกน่ะลูก ย่ายังตื่นเต้นตกใจอยู่”
เปียหันมาทางอุทัย น้ำหูน้ำตาร่วง
“แล้วคุณพ่อล่ะคะ”
อุทัยอ้ำๆอึ้งๆงงๆ
“ทุกคนดีใจมากที่เปียกลับมา เพียงแต่ทุกคนยังตกใจ ตื่นเต้นกันอยู่น่ะจ้ะ เปียอย่าร้องไห้เสียใจนะลูก”
“เปียกลัว”
“ไม่เอาจ้ะลูกไม่กลัว...อย่าคิดมากนะลูกนะ”
เย็นเห็นท่าทางของเปียก็หัวเราะ
“ท่าทางคุณหนูเปียจะกลัวมาก งั้นพวกคุณอยู่ปลอบหนูเปียกันนะคะ ดิฉันขอตัวกลับเลยแล้วกัน”
“เดี๋ยว”
อุทัยขัดเย็นสบตาอุทัย เจ็บปวด แต่ทำเป็นไม่แคร์ มองสงบนิ่ง แต่ใจเต้น อุทัยมองทางน้อย
“นั่นใคร”
เปียขมวดคิ้ว หน้าเบ้ ความอิจฉาพุ่งขึ้นมาทันทีที่ เปียมองน้อยตาขวาง เย็นยิ้มแอบเยาะ
“แหม...ตกใจหมด นึกว่าคุณอุทัยจะเปลี่ยนใจให้ตำรวจมาจับดิฉันซะแล้ว นี่น้อย หรือ มารยาท หลานสาวดิฉันเองค่ะ”
น้อยนั่งพับเพียบเรียบร้อย นอบน้อม พินอบพิเทารู้เด็ก รู้ผู้ใหญ่ ยกมือไหว้ทุกคนนอบน้อม
“สวัสดีค่ะ”
ทุกคนมองน้อยเพราะน่ารักอ่อนหวาน เปียเห็นยิ่งอิจฉาน้อย ร้องไห้ออกมาอีก
“เป็นอะไรลูก” วณีตกใจ
“เปียได้เจอคุณพ่อ คุณแม่ คุณย่า เปียดีใจ จนเหมือนจะเป็นลมอีกแล้วค่ะ”
เย็นหัวเราะขำ รู้ทัน
“คุณหนูเปียสมกับเป็นลูกของพวกคุณจริงๆนะคะ อ่อนแอ บอบบาง น่าทะนุถนอม กลัวแม้กระทั่ง สายลมกับแสงแดด สมกับเป็นลูกผู้ดีจริงๆ”
“ไม่ต้องมากระแนะกระแหนนังเย็น แกจะรีบไปตายไหน ก็รีบไป” คุณหญิงไล่
“แช่งให้ตาย ถือว่าอายุยืน ดิฉันจะถือเป็นคำอวยพรจากคุณหญิงนะคะ...น้อยกลับ”
เย็นลุกขึ้น ประมูลที่นั่งอึ้งๆมานานลุกขึ้น ยกมือไหว้คุณหญิง น้อยลุกขึ้นยกมือไหว้
อีกที ทุกคนมองตาม คุณหญิงชม
“หลานนังเย็น เรียบร้อยน่ารักดีนะ”
เปียหน้าหงิก ไม่มีใครมองเปีย เพราะสายตาทุกคนพุ่งมองไปที่น้อย ยกเว้นนมแส เห็นเปียหน้าคว่ำขึ้นมาทันที คุณหญิงบุ้ยใบ้ไปทางประมูลถามเปีย
“ผู้ชายคนนั้นใครลูก ผัวใหม่นังเย็นมันเหรอ”
เปียอมยิ้มแอ๊บทำเป็นมีเลศนัย
“เปียยังเด็กไม่กล้าพูดเรื่องของผู้ใหญ่หรอกค่ะ”
“จะไปสนใจมันทำไมครับคุณแม่...ได้ลูกคืนมาแล้ว ผมว่า...เราเลิกพูดถึงมันกันดีกว่า หิวมั้ยลูก เดี๋ยวพ่อให้คนหาอะไรให้กิน” อุทัยขัด
เปียประจบอ้อนทันที
“ได้อยู่กับคุณพ่อ คุณแม่ คุณย่า...เปียเหมือนอิ่มทิพย์ ไม่หิวอะไรเลยค่ะ”
“น่ารักจังลูกแม่ ขอแม่กอดหน่อยนะจ้ะ”
วณีทั้งกอดและหอมเปีย นมแสมองเปียสงสัย แปลกใจ
คุณหญิงจะเดินกลับไปบ้านตัวเอง นมแสเดินตามไปส่ง
“นังเย็นมันต้องเลี้ยงคุณหนูเปียไม่ดีแน่ๆเลยนะคะคุณหญิง”
“แหงล่ะ มันจะเลี้ยงดีได้ยังไง ในเมื่อแม่เปียเป็นลูกแม่วณีกับตาอุทัย ทำไม แกรู้สึกอะไร”
“ก็...ก็รู้สึกว่าคุณหนูเปียไม่ได้รู้สึกรักใคร่ ปกป้องนังเย็นเลย ดูจากตอนที่... คุณหญิงกับคุณอุทัย เรียกเย็นว่ามันคุณหนูเปียไม่รู้สึกสะทกสะท้านอะไร ประทานโทษค่ะ ดิฉันไม่ได้ตั้งใจว่าคุณหญิง”
นมแสตบปากตัวเอง ที่คุณหญิงนิ่ง ครุ่นคิดไปไกล
“ถ้าฉันรู้ นังเย็นมันทำอะไรหลานฉัน ฉันไม่เอามันไว้แน่ๆ”
ประมูลขับรถกลับบ้าน เย็นนั่งนิ่งเงียบแต่ดวงตามีน้ำเอ่อออกมาคลออยู่ คิดถึงเปียที่ดีใจ เพราะได้อยู่กับคนรวย ปล่อยให้คุณหญิงอนุรักษ์จิกเรียกเธอว่ามันบ้าง นังบ้างอย่างไม่สะทกสะท้าน ได้แต่บอกตัวเองในใจ
“ช่างเถอะ...ในเมื่อฉันตั้งใจทำทุกอย่างเพื่อแกอยู่แล้ว แกจะเหยียบหัวฉันยังไง ฉันก็จะเป็นสะพานส่งแกข้ามไปถึงดาวให้ได้นังเปีย”
ประมูลชำเลืองมอง เย็นสบตาประมูลทางกระจกทำไม่รู้ไม่ชี้
ประมูลขับรถเข้ามาจอด ทุกคนลงมา ท่าทางของประมูลอึ้งๆมองหน้าเย็นเหมือนมีเรื่องอะไร เย็นก็ยิ้มหน้านิ่งๆ น้อยเห็นก็รีบบอก
“เดี๋ยวน้อยไปเอาน้ำมาให้ดื่มนะคะ” น้อยรีบเลี่ยงออกไป
เย็นยิ้มเย็น หันไปถามประมูล
“พอรู้อดีตของฉัน ถึงกับเงียบ พูดไม่ออกเลยหรือคะ”
“เอ่อ....” ประมูลทำหน้าพูดลำบาก
เย็นไม่ได้ใส่ใจท่าทีของเขานัก ทำเหมือนเป็นเรื่องไร้สาระ
“เป็นธรรมดาค่ะใครไม่เจออย่างฉัน ก็ยากที่จะเข้าใจ”
“ผมรู้...ว่าตอนนั้นคุณคงเจ็บปวดมาก แต่ถ้าคุณปล่อยวาง...”
เย็นชิงพูดขึ้น
“แต่ละคนมีวิธีแก้ปัญหาไม่เหมือนกันค่ะ ฉันถึงได้บอกคุณไงคะ ถ้าไม่เจออย่างฉัน ก็ยากที่จะเข้าใจ ด้วยเหตุนี้ ฉันจึงพยายามสอนยัยเปีย ยัยน้อยมาตลอด เกิดเป็นผู้หญิง ต้องรักในเกียรติ ในศักดิ์ศรีของตัวเอง เพราะวันใดที่มันถูกทำลายลง เราจะไม่เหลือค่าอะไรให้ภูมิใจในตัวเองเลย และที่เจ็บกว่านั้น คนที่จะถูกประณามก็คือผู้หญิง และเวลาที่เจ็บ...ผู้หญิงแต่ละคนก็แก้ปัญหาไม่เหมือนกัน บางคนยอมจำนนต่อโชคชะตา แต่บางคน ก็ลุกขึ้นมาสู้ แก้แค้น เอาคืน และฉัน...ก็เป็นผู้หญิงประเภทหลังซะด้วยสิ ที่เขาว่า 10ปี แก้แค้นยังไม่สาย มันไม่ใช่เรื่องที่พูดกันเล่นๆหรอกคุณประมูล ฉันเจ็บแค่ไหน คนที่ทำฉัน ต้องเจ็บมากกว่าเป็นร้อยเท่า พันเท่า”
เย็นหัวเราะก้องเดินเข้าไปในบ้าน ประมูลพูดไม่ออกบอกไม่ถูกเย็นน่ากลัวขึ้นทุกวัน
อุทัยกับวณีโอบกอดเปียอย่างแสนรัก ดีอกดีใจมาก วณีทั้งกอดทั้งหอม
“เปียรู้มั้ยจ้ะลูก ว่าแม่ดีใจที่สุดในโลกเลยที่ได้เปียคืนมา”
“ตอนแรกพ่อนึกว่าเราจะไม่ได้เจอกันอีกแล้วนะ”
“ทำไมล่ะคะ” เปียยิ้มแฉ่ง
“ก็พ่อตามหาเปียแทบจะพลิกแผ่นดินแต่ก็ไม่เจอ”
เปียตลก หัวเราะตาโต
“โอ้โห...ตามหาแทบจะพลิกแผ่นดิน”
“ใช่จ้ะ..ตามหาเปียแทบจะพลิกแผ่นดิน...เกือบจะเจอด้วยนะ”
เปียมองสงสัยอยากรู้เรื่อง วณีจึงเล่าเรื่องในอดีตให้ฟัง
ในอดีต...เย็นนั่งกินข้าวอยู่ในเพิงอาหารตามสั่งเล็กๆ ในมืออุ้มหนูเอื้อยไว้แน่นพร้อมกับเอาผ้าปิดๆหน้าเอาไว้ เหลือแค่จมูก คนขายเดินมาถาม
“เอาอะไร”
“ข้าวกระเพราไก่จ้ะ”
คนขายเดินไปทำอาหาร เย็นนั่งอุ้มหนูเอื้อยใจยังหวาดระแวง หนูเอื้อยร้องไห้เย็นเอานมมาให้กินพร่ำบอก
“โอ๋ๆนิ่งซะนะลูก นิ่งนะ”
คนขายมองหน้าเย็นและหนูเอื้อย ก่อนเอื้อมมือไปหยิบนสพ.ที่เปิดอ่านค้างเอาไว้ คนขายมองนสพ.สลับกับเย็นและหนูเอื้อยอยู่สองสามทีก่อนเดินพรวดเข้าด้านใน เย็นป้อนนมหนูเอื้อยเสร็จก็เงยหน้ามองไปที่คนขาย เห็นไม่อยู่ทำกับข้าว เธอมองเลยไปเห็นนสพ.เปิดค้างอยู่ก็จ้องมองนสพ.คล้ายมีแรงสังหรณ์บางอย่าง เย็นรีบอุ้มหนูเอื้อยเดินไปหยิบนสพ.มาดูเห็นเป็นข้อความประกาศตามหาตัว นส.เนื้อเย็น พร้อมรูปหนูเอื้อยให้รางวัลนำจับ 1,000,000 บาท พร้อมเบอร์ติดต่อ เย็นหน้าซีดเผือด ผุดลุกขึ้นเดินออกไปทันที
วณียังคงอยู่ในอาการทุกข์โศกเศร้า กินไมได้นอนไม่หลับ
“กินข้าวกินปลาหน่อยนะคะคุณวณี” นมแสบอก
“จะให้ฉันกินลงได้ยังไงล่ะจ้ะนม จนป่านนี้ยังตามหาตัวหนูเอื้อยไม่เจอเลย ฉันจะบ้าตายอยู่แล้ว”
เสียงโทรศัพท์ดัง อุทัยรีบเดินไปรับทันที
“สวัสดีครับ บ้านอนุรักษ์ธานินครับ”
“สวัสดีค่ะ ฉันคิดว่า ฉันพบคนที่คุณประกาศตามหาตัวนะคะ”
“ว่าไงนะ คุณพบเนื้อเย็นกับลูกผม”
วณีลุกพรวดไปคว้าโทรศัพท์ทันทีละล่ำละลักถาม
“คุณเจอลูกฉันเหรอคะ”
“ฉันคิดว่าใช่นะคะ เด็กคนนั้นผิวขาวๆ” คนขายอาหารบอกลักษณะ “ส่วนผู้หญิงที่ชื่อเนื้อ
เย็นก็...” คนขายอาหารบอกลักษณะเย็น “ใช่มั้ยคะ”
วณีละล่ำละลัก
“ใช่ค่ะใช่ คุณอยู่ที่ไหนคะ”
“ที่ราชบุรีค่ะ”
“ฉันจะรีบไปเดี๋ยวนี้เลยค่ะ” วณีหันมาบอกอุทัย “เรารีบไปรับลูกกันเถอะค่ะ”
อุทัยคว้ามือถือมาคุยต่อ
“คุณจับมันไว้ให้ได้นะ อย่าให้ไปไหน แล้วเงินหนึ่งล้านจะเป็นของคุณ”
“ค่ะๆ บ้านฉันอยู่ที่นี่นะคะ...”
อุทัยคว้ากระดาษมาจดตามที่คนขายอาหารบอก ขณะที่วณีวิ่งออกไปร้องเรียก
“เอิบ รีบเอารถออกเร็วเอิบ”
อุทัยสั่งเสียงเข้ม
“วณีไม่ค่อยสบาย อยู่ที่นี่ พี่จะไปตามลูกเอง”
คนขายอาหารวางสายเสร็จก็วิ่งออกไป แต่เย็นหายไปแล้วเรียบร้อย
“คุณกระเพราเสร็จแล้วคุณ...คุณอยู่ไหน” คนขายอาหารวิ่งเลิ่กลั่กหาเย็น “โธ่! เงินล้าน ฉันไม่ยอม เงินล้านต้องเป็นของฉัน”
คนขายอาหารวิ่งออกนอกร้านตามหาเย็น
อ่านต่อหน้า 4
คมพยาบาท ตอนที่ 3 (ต่อ)
เย็นอุ้มหนูเอื้อยกระหืดกระหอบ เรียกรถตุ๊กๆ พอรถตุ๊กๆจอดเธอก็กระหืดกระหอบร้อนรนมีพิรุธ
“ไปท่ารถเร็ว”
เย็นกำลังจะขึ้นรถ แม่ค้าอาหารตามสั่งวิ่งตามมาทัน
“จับมัน มันขโมยเด็ก จับมัน”
เย็นตกใจ คนขับรถตุ๊กๆงง แม่ค้าตะโกน
“มันขโมยเด็ก อย่าให้มันหนี จับมัน”
คนขับมองเย็น ทำท่าจะจับไว้ เย็นเบี่ยงตัวหนี วิ่ง คนแถวนั้นทั้งวิ่งตามเย็นและช่วยกันตะโกน
“มันขโมยเด็ก จับมันๆ”
เย็นอุ้มเด็กวิ่งหนีแบบไม่คิดชีวิต แต่ต้องชะงัก เมื่อเห็นด้านหน้าคือสถานีตำรวจ เย็นหน้าซีดเผือด ถอยหลังกลับ แต่ต้องชะงักอีก เมื่อเผชิญหน้ากับกลุ่มคนตามมาแม่ค้าชี้มา
“มันอยู่นั่น ช่วยกันจับเร็ว”
ชาวบ้านตะโกน
“ตำรวจๆ ช่วยด้วย คนขโมยเด็ก”
เย็นอุ้มเด็กหนีข้ามฝั่งถนน กลุ่มคนจะตามมา แต่มีรถโรงพยาบาลวิ่งมาด้วยความเร็ว กลุ่มคนชะงัก พอรถพยาบาลผ่านไปก็ไม่เห็นเย็นแล้ว แม่ค้ามองหา
“มันหายไปแล้ว”
ทุกคนวิ่งตามหาถนนแถวนั้น แต่ไม่มีเย็นแล้ว
อุทัยขับรถมาจอดหน้าร้านขายอาหาร คนขายยืนรอหน้าซีดอยู่ อุทัยถามทันที
“ไหนลูกผม...ไหนนังเย็น”
“มันพาลูกคุณหนีไปแล้วค่ะ” คนขายบอกหน้าจ๋อยๆ
“ว่าไงนะ หนีไปแล้ว”
“เขาคงจะไหวตัวทันตอนที่ฉันโทรไปบอกคุณ แต่ฉันพยายามตามหาแล้วนะคะ แต่ก็ไม่เจอ”
“บ้าเอ๊ย...แน่ใจนะว่าคุณตามหามันจนทั่วแล้ว” อุทัยหัวเสีย
“ค่ะ ทุกคนช่วยกันตามหา แต่ไม่เจอมันจริงๆ”
“ปั๊ทโธ่เว้ย...เธอเอาลูกฉันไปไหน” อุทัยมือกุมขมับแทบระเบิด ข่มแต่ไม่ไหว “ฉัน
อยากฆ่าเธอจริงๆเย็น”
เปียหัวเราะเหมือนขำที่ได้ฟังเรื่องราวของเย็น บอกแกมหัวเราะแกมเยาะ
“แต่คุณพ่อคุณแม่ก็ไม่เจอเปีย”
“จ้ะ”
“จะเจอได้ยังไงล่ะคะ ก็น้าเย็นตระเวนพาเปียหนีไปทั่ว แถมยังด่าเปียด้วยนะคะ ว่าเปียเกิดมาพร้อมกับความเฮงซวย”
เปียขมขื่นเมื่อนึกถึงความหลังที่เย็นเล่าให้ฟัง
ค่ำคืนนั้น...เย็นอุ้มหนูเอื้อยป้อนนม ขณะที่เปียอยู่บนฟูก เปียโตกว่า เย็นต้องดูแลหนูเอื้อยมากกว่า มุกมองเปียงอย่างสงสาร
“ไม่น่าเลย นังเปียเอ๊ย แกเกิดมาพร้อมกับความเฮงซวยจริงๆ พ่อแม่ตายหมด” มุกหันไปถามเย็น “แล้วนี่แกจะไปไหน”
“นานมาแล้ว พี่ลำยองเคยบอกกับฉัน เขามีคนรู้จักชื่อเถ้าแก่กิม อยู่ที่ตากเขาเคยบอก ถ้าฉันลำบากอะไร ให้ไปหาได้”
“แปลว่า...”
“ฉันจะพาเปียกับน้อยไปของานเถ้าแก่กิม”
สถานีรถไฟจังหวัดตากวันใหม่...รถไฟแล่นมาจอดเทียบท่าสถานี เย็นอุ้มหนูเอื้อยแน่น ในลักษณะห่อผ้าคลุมผ้าเอาไว้ทั้งตัวเหลือแต่จมูกพอให้หายใจเดินลงมาจากรถไฟพร้อมกับมุกที่อุ้มเปียอยู่ สองคนทำท่าเป็นเหมือนผัวเมีย ความเร่งรีบมีคนมาชน หนูเอื้อยแทบหล่นจากมือ เย็นกระชับแน่น ขณะที่ผ้าคลุมหน้าหนูเอื้อยเปิดออก
“ขอโทษๆ”
“ไม่เป็นไร” เย็นรีบเอาผ้าคลุมหน้าหนูเอื้อยเอาไว้
คนชนสังเกตเห็น
“อุ๊ย! ลูกน่าเกลียดน่าชังจังเลย ผิวข๊าว ขาว ไม่เหมือนพ่อแม่เลยนะ”
เย็นกอดหนูเอื้อยแน่นเข้า รีบเอาผ้าปิดอีก ไม่พอใจ
“ไม่เหมือนได้ยังไง ลูกฉัน...ป่ะพี่”
เย็นรีบพามุกเดินหนีออกไปแบบมีพิรุธ คนชนมองตาม
“ชมว่าลูกน่ารักก็โกรธด้วย พิลึกคน” คนชนหันไปพูดกับสามี ยิ้มๆพูดแบบไม่คิดอะไร “หรือไปขโมยลูกใครมาเนี่ย”
คิดถึงเรื่องราวในอดีตแล้ว เปียบอกวณีกับอุทัย แกมหัวเราะ
“น้าเย็นเล่าว่า เคยมีคนว่าน้าเย็นขโมยลูกคนอื่นมาด้วยล่ะคะ อย่างว่า ผิวพรรณของเปียดีเหมือนคุณพ่อคุณแม่...ไม่เหมือนผิวพรรณคนจนๆอย่างน้าเย็น”
วณีสะดุดกับคำพูดของเปีย ตรงกันข้ามกับที่อุทัยไม่ทันได้คิด หัวเราะไปด้วย
“ใครที่เห็นก็ต้องรู้กันหมดล่ะจ้ะว่าหนูกับนังเย็น ไม่ใช่แม่ลูกกัน...แต่ขนาดพ่อตามหา ประกาศลงหนังสือพิมพ์ แจ้งความกับตำรวจ ก็ไม่มีใครให้เบาะแสสักคน อย่างว่า...สมัยนั้นพ่อไม่มีรูปนังเย็นสักใบ ลองสมัยนี้มีโซเชี่ยลเน็ตเวิร์คทุกอย่างเปียลูกพ่อ คงไม่ต้องทุกข์ทรมานเพราะนังบ้าเย็นขนาดนี้หรอก”
“ก็ไม่แน่หรอกนะคะพี่อุทัย เพราะตอนนี้ คนหาย ก็มีหลายรายที่ยังตามหากันไม่เจอ เอ่อ..แม่ว่า อย่าพูดถึงเรื่องที่ทำให้เราเศร้าใจเลยนะลูก...ไปดูห้องนอนของลูกกันดีกว่า”
“ไปค่ะคุณแม่ไป”
เปียคว้าแขนวณีมากอดอย่างดีใจมาก
วณีกับอุทัยพาเปียมาห้องนอนซึ่งสวยงามมาก
“นี่ห้องนอนหนูจ้ะ”
“ห้องนอนหนู” เปียตาโต แต่ยังไม่แสดงอาการว่า ดีใจหรือไม่อย่างไร
“จ้ะห้องนอนหนู ไว้วันหลังแม่จะคนมาตกแต่งให้ใหม่นะลูก”
“ก็ดีค่ะคุณแม่...เพราะเปียไม่ชอบห้องแบบนี้....มันดูธรรมดาไป”
แมวเดินเข้ามาในห้อง เปียมองๆ
“อีกอย่างแมว อย่าเอาเข้ามาใกล้”
เปียใช้เท้าเขี่ยออก แทบจะดีด
“ว้าย” วณี รีบอุ้มแมว หน้าเจื่อน “หนูไม่ชอบแมวเหรอลูก”
“ไม่ชอบสัตว์ทุกชนิดค่ะ โดยเฉพาะนี่เป็นห้องนอน หมาแมว มาอยู่ด้วยได้ยังไง”
วณีกอดแมวแน่น สงสาร เปียเห็นก็ประจบ
“เพื่อสุขภาพ คุณแม่ไม่ควรเลี้ยงหมาแมวไว้ในบ้านค่ะ”
นมแสเดินมา เปียเรียกจิก
“นมแส มาเอาแมวออกไปเลย”
“ค่ะ” นมแสมารับแมวออกไป
“แล้วอย่าให้มาเดินเพ่นพ่านในบ้านอีก เปียอยากทำห้องนอนใหม่ จะได้สมกับเป็นห้องนอนของลูกมหาเศรษฐี”
“พ่อไม่ได้เป็นมหาเศรษฐีนะเปีย” อุทัยตกใจ
เปียหัวเราะคิกคัก
“คุณพ่อไม่ต้องโกหกเปียเลย น้าเย็นบอกเปียหมดแล้วว่าคุณพ่อคุณแม่น่ะรวยมาก อีกอย่างที่เปียอยากได้ห้องนอนหรูหรา เปียไม่ได้ทำเพื่อตัวเองนะคะ แต่เปียทำเพื่อคุณพ่อคุณแม่”
“ทำเพื่อพ่อเพื่อแม่” อุทัยงงไปใหญ่
“ค่ะ....เกิดมีหนังสือ นิตยสาร รายการทีวีมาสัมภาษณ์เปีย แบบลูกสาวไฮโซทั่วไป เจอห้องธรรมดาแบบนี้ คุณพ่อคุณแม่อายเขาแย่เลยค่ะ ลำพัง ถ้าเปียเป็นเปียดื้อ เหมือนตอนที่อยู่กับน้าเย็น เปียจะกินจะอยู่ จะนอนยังไงก็ได้ เพราะไม่มีใครสนใจ”
“โถๆ ไม่พูดถึงอดีตอีกแล้วนะลูก มันผ่านไปแล้ว แม่กับพ่อจะไม่มีวันยอมให้ลูกตกระกำลำบากอย่างนั้นอีกเป็นอันขาด อาบน้ำนะลูกนะ แล้วเดี๋ยวแม่จะพาออกไปหาอะไรๆอร่อยกินกัน”
วณีเข้ามากอดปลอบ แต่อุทัยอึ้งๆ เปียหันมาเห็นอุทัยมองๆ ก็ไม่กล้าแสดงท่าทีดีใจมากนัก
“บอกแล้วไงคะ แค่ได้อยู่กับคุณพ่อคุณแม่ เปียกินอะไรก็ได้ค่ะ”
“งั้น วันนี้มันกะทันหัน กินข้าวที่บ้านก่อนนะลูกนะ ไว้วันหลังเราค่อยออกไปกัน”
“ค่ะ” เปียแอบหน้าเสีย
“อาบน้ำให้สดชื่นนะลูก...จะได้กินข้าวกัน”
วณีกอดหอมเปีย อุทัยเข้ามากอดเปียแบบยังเก้ๆกังๆขัดๆเขินๆ ก่อนเดินออกไป
พร้อมวณี ทันทีที่ประตูปิด เปียนิ่วหน้า ถามตัวเองเบาๆ
“คุณอุทัยทำท่าแปลกๆ หรือว่าเขาจะสงสัยเราเนี่ย...ไม่ได้ๆ ต้องแอ๊บให้เนียนกว่านี้นะ ซีเปีย”
ระหว่างรับประทานอาหารบนโต๊ะมีอาหารมากมาย แต่ดูธรรมดา เปียทำทีเป็นเรียบร้อย วณีปลื้มมาก
“ลูกเราน่ารักจริงๆเลยนะคะคุณ”
“งั้นกินข้าวเยอะๆนะลูกนะ” อุทัยตักอาหารให้เอาใจ
“ขอบคุณคุณพ่อมากกค่ะ อุ๊ย...นี่ก็อร่อย นั่นก็อร่อย ตั้งแต่เกิดมาน้าเย็นไม่เคยให้เปียกินอะไรดีๆแบบนี้เลยค่ะ”
“เปียว่าอะไรนะลูก” อุทัยงงๆ เพราะอาหารบนโต๊ะเป็นอาหารธรรมดาๆ
เปียตีหน้าเศร้า
“ตั้งแต่เกิดมาน้าเย็นไม่เคยให้เปียกินอะไรแบบนี้เลยค่ะ อย่างเวลากินปลาทู เปียก็ได้กินแต่หัว ส่วนน้าเย็นกับน้อยได้กินตัวกินเนื้อ เมื่อก่อนเปียก็ไม่เข้าใจ มาถึงตอนนี้เปียเข้าใจแล้วค่ะ เพราะเปียเป็นลูกของคุณพ่อคุณแม่นี่เอง”
วณีน้ำตาไหลคว้าเปียมากอด
“โธ่...ลูกแม่ ต่อไปแม่จะไม่ให้เปียตกระกำลำบากอีกแล้วนะลูก อยากได้อะไร แม่จะหามาให้เปียหมดเลย”
เปียเสียงดังดีใจลืมตัว
“จริงเหรอคะคุณแม่”
อุทัยตกใจท่าทีที่เปลี่ยนไปของเปีย จ้องเขม็ง เปียหน้าเจื่อน วณีไม่รู้เรื่องกอดเปียปลอบ
“จริงสิจ้ะ...เปียอยากได้อะไร แม่จะให้หนูหมดเลย”
เปียรู้ว่าอุทัยจ้อง อ้อนวณี
“เปียไม่ต้องการอะไรหรอกค่ะ นอกจากได้อยู่กับคุณแม่ คุณพ่อ”
“ตอนนี้เราได้อยู่ด้วยกันแล้วจ้ะ พ่อจะไม่ยอมให้ใครพาหนูไปไหนอีก” อุทัยรีบบอก
“จริงนะคะ...ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น คุณพ่ออย่าให้น้าเย็นมาเอาตัวเปียกลับไปนะคะ”
“แน่นอนอยู่แล้ว ถ้านังเย็นมันมาเอาหนูกลับไป พ่อจะเอามันเข้าคุกแน่นอน”
เปียแอบยิ้มดีใจ วณีหน้าตึง
ค่ำคืนนั้น วณีกับอุทัยคุยกันอยู่ในห้องนอน
“จริงๆคุณพี่ไม่ควรเรียกเย็น ว่านังเย็น ต่อหน้าลูกนะคะ ยังไงเย็นก็เลี้ยงลูกมา”
“พี่ขอโทษ...พี่ลืมตัวไป นึกถึงนังเย็นทีไร พี่โมโห นังเย็นมันเลี้ยงลูกที่แสนน่ารักของเรา ให้กลายเป็นเด็กอะไรก็ไม่รู้”
“ทำไมพี่ถึงว่าลูกอย่างนั้นล่ะคะ”
อุทัยถอนหายใจไม่สบายใจ
“ไม่รู้สิ...พี่รู้สึกว่าลูกแปลกๆ”
“แปลกยังไงคะ”
“สายตาแกลุกลี้ลุกลน หลุกหลิก คำพูดคำจา ยังกับหลุดมาจากละคร อย่างว่า การเลี้ยงดูของเย็น มันคงมีผลต่อเด็ก เอาไว้เราค่อยช่วยกันขัดเกลาลูกกันใหม่นะวณี”
วณีหน้าตึง
“ขัดเกลา...พี่อุทัยพูดเหมือนลูกเลวร้ายซะเต็มประดา ยังไงเปียก็สายเลือดของเรานะคะ คงไม่ต้องถึงกับขัดเกลากันหรอก”
“วณีอย่าเข้าใจผิดสิจ้ะ ถึงลูกจะเป็นลูกของเรา แต่เย็นเป็นคนเลี้ยงมา ลูกก็ต้องได้รับนิสัยบางอย่างที่มันเหมือนเย็นบ้างแหละน่า วณีก็รู้ เย็นเป็นคนเข้าใจยาก ไว้ใจไม่ได้”
“พี่อุทัยมีอคติกับเย็นจนพาลมาถึงลูก ถ้าว่าเย็นเลี้ยงลูกไม่ดี หลานของเย็นก็ต้องไม่ดีด้วยสิคะ....แต่นี่วณียังเห็นหลานของเย็น นั่งพับเพียบเรียบร้อยน่ารัก พี่อุทัย จงใจหาเรื่องลูกชัดๆ”
“เปล่านะวณี เพียงแต่ อยากให้ลูกเป็นเด็กดี น่ารัก ในสายตาทุกคน”
“ไม่รู้ล่ะ ยังไงเปียก็เป็นลูกที่น่ารักของวณี แกแค่ยังเด็ก เลยอาจจะเผลอแสดงอะไรตามใจตัวเองออกมาบ้าง ไม่เห็นจะต้องขัดต้องเกลากันเลย”
“จ้ะๆ พี่ผิดเอง พี่ใช้คำพูดไม่ถูก...เอาเป็นว่า ค่อยๆปรับๆกันไปแล้วกันนะ”
อุทัยง้อ วณีหน้าตึงแบบยังฉุนอยู่ อุทัยทำหน้าเมื่อย เดินออกมา
อุทัย เดินทอดอารมณ์อยู่นอกบ้าน คิดถึงสิ่งที่วณีพูด
“ถ้าว่าเย็นเลี้ยงลูกไม่ดี หลานของเย็นก็ต้องไม่ดีด้วยสิคะ แต่นี่วณียังเห็นหลานของเย็น นั่งพับเพียบเรียบร้อยน่ารัก พี่อุทัย จงใจหาเรื่องลูกชัดๆ”
อุทัยได้แต่ทอดถอนใจ
“เออ...ทำไมมันเป็นอย่างนั้นล่ะ”
น้อยนั่งกินข้าวเงียบๆอยู่ในครัวท่าทางหงอยๆ เย็นเดินเข้ามา
“เป็นอะไร กินข้าวไม่ลง ไม่สบายเหรอน้อย”
“เปล่าค่ะน้าเย็น...แค่รู้สึก ใจหาย คิดถึงเปียเหมือนกันนะคะ”
“คิดถึงเปีย หรืออยากไปอยู่บ้านหลังใหญ่โตเหมือนนังเปีย”
“ไม่เลยค่ะ น้อยไม่เคยคิดเลย น้อยอยู่ที่ไหนก็ได้ที่มีน้าเย็น เพียงแต่เคยอยู่กันมาสามคน พอขาดใครไปซักคน ก็ใจหายเหมือนกันค่ะ”
เย็นหัวเราะ
“แกอาจจะใจหาย แต่น้าว่าป่านนี้ ยัยเปียคงสบายใจที่ได้เป็นลูกมหาเศรษฐี...ใช่...ยัยเปียมันต้องสบายใจ แต่พ่อแม่มันอาจจะปวดหัว ที่มีลูกอย่างคุณหนูเปีย”
เย็นระเบิดเสียงหัวเราะขึ้นมาอีก น้อยได้แต่มองงุนงงไม่เข้าใจ
วันใหม่...ในห้างสรรพสินค้าหรู เปียถลาเข้าหาเสื้อผ้าแทบจะทุกชุด ชี้มือเอาๆแบบยั้งใจไม่อยู่ เอิบและหวานคอยถือของให้ วณีตามใจทุกอย่าง อุทัยกับคุณหญิงอนุรักษ์มองหน้ากันไม่ค่อยสบายใจ
“ซื้อไปทำไมมากมาย จะใส่ทันเหรอลูก” คุณหญิงติงๆ
“ทันสิคะคุณย่าขา...เช้า สาย กลางวัน เย็น กลางคืน เปลี่ยนมันคนละชุดเลย”
อุทัยเหวอ ตกใจ
“ใครเขาเปลี่ยนเสื้อผ้ากันเยอะขนาดนี้ลูก”
“จรรยา อนุรักษ์ธานิน เซเล็บคนใหม่น่ะสิคะคุณพ่อ เปียเป็นลูกคุณพ่อคุณแม่ เป็นหลานคุณย่า จะทำอะไรต้องโดดเด่น อย่างชื่อเปีย เรียกเปียเฉยๆไม่ได้นะคะ ต้องเปียดื้อค่ะ...เปียดื้อ”
อุทัยกับคุณหญิงอึ้งๆ มีแต่วณีที่เห็นดีเห็นงาม
“ชื่อ...เปียดื้อน่ารักจริงๆด้วย...แต่ถึงจะชื่อเปียดื้อ แต่หนูห้ามดื้อกับแม่นะคะ”
“ค่ะคุณแม่...คุณแม่ขา...เสื้อผ้าชุดนั้นสวยจังเลย รองเท้าอีกไปดูกันนะคะคุณแม่”
เปียลากมือวณีไป อุทัยประคองคุณหญิงตาม เปียวิ่งเข้าออกร้านนั้นร้านนี้ ขนซื้อดะไปทุกร้าน คุณหญิงเดินตามไม่ไหว จะเป็นลม
เมื่อกลับมาถึงบ้าน คุณหญิงอนุรักษ์นั่งกึ่งนอน มีนมแสคอยนวดให้
“ต่อไป ถ้าแม่เปียจะไปซื้อของ แม่ไม่ไปด้วยนะ”
เปียเข้าไปนวดประจบ
“ไปด้วยกันสิคะคุณย่า สนุกดี”
“แม่เปียสนุก แต่ย่าไม่สนุกด้วยหรอก ย่าเมื่อย”
“เปียก็ลืมไปว่าเปียยังเด็ก แต่คุณย่านะแก่แล้ว” เปียหัวเราะคิกคัก
คุณหญิงที่นอนอยู่ หันขวับมามองเปีย อุทัยกับวณีหน้าแหย เปียไม่รู้ตัวพูดไปเรื่อย
“คนแก่ก็งี้แหละค่ะ ทำอะไรก็เหนื่อย ก่อนที่แปะจะตาย แกก็ชอบทำท่าเหนื่อยอย่างคุณย่านี่ล่ะคะ”
“เปีย” วณีซีดเจื่อน ติงๆ
เปียไม่รู้ตัวอีก
“อุ๊ย...ขอโทษค่ะ เปียลืมบอกไป แปะก็คือ คนที่น้าเย็นพาเปียไปอยู่ด้วย แต่ตอนนี้แกตายไปแล้วค่ะ”
“เอ่อ...พ่อว่า เราเลิกพูดถึงเรื่องคนตายดีมั้ยจ้ะ” อุทัยปราม
“ย่าเองก็ยังไม่ได้แก่ คงจะอีกนาน กว่าย่าจะตาย” คุณหญิงขัด
เปียเจื่อน รู้สึกตัว เปียยิ้มแหยๆ
“หนูซื้อเสื้อมาเยอะแยะเลย ไปลองชุดดีมั้ยลูก” วณีขัด
“ดีค่ะคุณแม่ ถึงจะลองแล้ว เปียก็อยากลองอีก ไปค่ะๆ” เปียยิ้มแย้ม
“ไปจ้ะ...วณีพาลูกไปลองเสื้อก่อนนะคะ”
วณีหันไปบอก คุณหญิงรีบลุกขึ้น
“แม่ก็จะกลับบ้านแม่เหมือนกัน ไป...อุทัย ไปส่งแม่หน่อย”
อุทัยประคองคุณหญิงลุกเดินออกไป วณีทำท่าไม่สบายใจ เปียไม่รู้เรื่องกระตุกมือวณี
“ไปค่ะคุณแม่ ไปลองชุดใหม่กัน”
คุณหญิง อุทัย และนมแส ได้แต่มองกันเจื่อนๆ
อุทัยจับมือคุณหญิงพากลับบ้าน
“รู้ใช่มั้ยว่าแม่จะพูดอะไร” คุณหญิงถามเครียดๆ
“ครับ” อุทัยเจื่อนๆ
“นังเย็น มันสอนแม่เปียไม่ดี แม่เปียถึงได้เป็นคนไม่รู้จักคิด ไม่มีมารยาทได้ถึงขนาดนี้”
“ตอนแรกผมก็คิดอย่างคุณแม่นะครับ...แต่ผมมาฉุกคิด ถึงหลานของเปียที่ชื่อน้อย ถ้าว่าเย็นสอนไม่ดี แล้วทำไมน้อยเรียบร้อย น่ารัก น่าเอ็นดู”
“ใช่ ทำไมเด็กคนนั้นเรียบร้อยน่ารัก...น่าเอ็นดู”
“น่ารัก...จนผมอยากพาแกมาอยู่ด้วย”
“ว่าอะไรนะ”
“ไม่รู้สิครับคุณแม่...ผมรู้สึกถูกชะตากับเด็กคนนั้นอย่างบอกไม่ถูก อยากได้แกมาอยู่ด้วย”
“ก็ดี...เขาเคยอยู่ด้วยกันมา จะได้มาอยู่เป็นเพื่อนหนูเปีย”
“ผมไม่ได้คิด จะให้มาอยู่เป็นเพื่อนเปียนะครับ..ผมจะเลี้ยงหนูน้อย ให้เหมือนกับเลี้ยงเปียเลย”
อุทัยพูดถึงน้อยอย่างอ่อนโยน
เปียถามอุทัยเสียงดังตกใจ
“อะไรนะคะ คุณพ่อจะพาน้อยมาอยู่กับเปีย”
“จ้ะ...ก็พ่อเห็น หนูกับน้อยโตมาด้วยกัน อยู่ด้วยกันตลอด พ่อกลัวหนูจะเหงา”
“เปียไม่เหงาค่ะ แค่มีคุณพ่อคุณแม่อยู่ด้วย เปียก็มีความสุขแล้ว”
“หนูอาจจะเครียด อาจจะเหงาโดยไม่รู้ตัวก็ได้นะจ้ะ” อุทัยยิ้ม
“เปียน่ะเหรอคะเครียด เปียน่ะเหรอคะเหงา” เปียชี้ตัวเอง
“ใช่จ้ะ...หนูเลยไปช็อบปิ้ง ซื้อเสื้อผ้า รองเท้า แบบมโหฬาร ซึ่งที่พ่อรู้มา..เขาว่าเป็นการระบายความเครียดอย่างหนึ่ง”
เปียหน้าแหยหันไปหาวณี แบบหาพวก
“คุณแม่...เปียไม่ได้เหงานะคะ”
“แต่ถ้ามีหนูน้อยมาอยู่ด้วย ...หนูจะมีความสุขยิ่งขึ้นนะ เพราะหนูมีเพื่อน” วณียิ้มแย้ม
“หรือว่า...เปียไม่อยากให้น้อยมาอยู่ด้วย” อุทัยจ้อง
“ก็...ไม่เชิงหรอกค่ะ...เพียงแต่...น้อยชอบแกล้งเปีย” เปียหน้าจ๋อย
นมแสที่อยู่แถวนั้น อดไม่ได้
“คุณน้อยน่ะเหรอคะแกล้งคุณเปีย”
ทุกคนหันขวับมามองนมแส เปียถลึงตาใส่ นมแสรู้สึกตัวเอามืออุดปากตัวเอง
“ขอโทษค่ะ”
“คุณพ่อคุณแม่ไม่เชื่อเปียเหรอคะ” เปียเง้างอด
“เอ่อ...” วณีไม่รู้จะตอบยังไง
เปียเห็นท่าทางวณีก็บีบน้ำตา
“คุณพ่อคุณแม่ไม่เชื่อเปียเหรอคะ ที่ผ่านมาน้อยแกล้งเปียตลอด โดยมีน้าเย็นให้ท้าย ตอนแรก เปียก็ไม่รู้ ทำไมเขาสองคนถึงได้จงเกลียดจงชังเปียนัก จนกระทั่ง วันที่รู้ว่า..เปียเป็นลูกของคุณพ่อคุณแม่ วันนั้นแหละ เปียถึงได้เข้าใจ”
“เลวจริงๆนังเย็น” อุทัยแกล้งขึงขัง
วณีตกใจ ถลึงตาใส่ ปราม
“คุณพี่”
“พี่ขอโทษ” อุทัยแกล้งว่า “แต่พี่โกรธแทนลูก” อุทัยหันไปบอกเปีย “ด้วยเหตุนี้แหละ พ่อถึงอยากพาน้อยเข้ามาอยู่ด้วย คราวนี้ถ้าน้อยแกล้งเปียให้พ่อเห็นอีก พ่อจะได้จัดการน้อย ด้วยมือของพ่อเอง”
เปียหน้าแหย เหวอ ผลลัพธ์ไม่เป็นอย่างที่คิด อุทัยยิ้มแบบผู้ใหญ่ มองเกมเด็กออกรู้ทัน บอกทันที
“เพื่อเปียของพ่อ....พ่อจะไปรับน้อยมาอยู่ด้วยจ้ะ”
เปียเหวออย่างที่สุด
เปียเปิดประตูเข้ามาในห้องแล้วปิดอย่างแรง หน้าตาบิดเบี้ยวเหยเก กัดฟันกรอดโมโห
“มีฉัน แล้วทำไมต้องมีนังน้อย”
เปียหยิบจับอะไรได้ก็เขวี้ยงใส่ผนังเต็มแรง อุทัยกับวณีอยู่ที่ห้อง ได้ยินเสียงก็ตกใจมาก
“เสียงอะไรคะ”
“มาจากห้องลูก”
สองคนรีบออกไปทันที
เปียหน้าตาโกรธเกรี้ยว เห็นที่ผนังห้องมีจิ้งจกเกาะอยู่ก็คว้าเอารองเท้าในบ้านที่ใส่อยู่ ฟาดผลัวะไปที่จิ้งจกตัวนั้น จิ้งจกหล่นตาย เปียยิ้มสะใจ ได้ระบายอารมณ์
“ฟิน”
วณีกับอุทัยวิ่งมาที่หน้าห้องเปีย นมแสเห็นเจ้านายวิ่งกระหืดกระหอบมา ก็ตามมา
“ลูกเปียจ๋า...ลูกเปีย เป็นอะไรจ้ะ” วณีเคาะประตู
เปียตกใจคาดไม่ถึงว่าวณีจะมา อุทัยไม่รอเปียตอบ เปิดประตูเข้าไปเลย ทั้งสามเห็นเปียถือรองเท้าค้างอยู่ และที่พื้นมีจิ้งจกนอนตาย
“ว้าย” วณีร้องอยางตกใจ
เปียนึกได้ รีบปล่อยรองเท้าวิ่งไปกอดวณีร้องห่มร้องไห้ กลัว ตกใจ
“ทำไมฆ่าจิ้งจกตายล่ะลูก”
เปียปากคอสั่นแก้ตัว วิ่งไปกอดอุทัยประจบ
“เปีย..เปีย...มันมองหน้าเปียน่ะค่ะ คุณพ่อ เปียกลัว”
อุทัยกับวณีมองหน้ากันแบบงงๆ อึ้งๆนมแสอึ้ง เปียกอดทั้งสองคนไว้ละล่ำละลัก
“อย่างที่น้าเย็นบอกล่ะค่ะ เปียบอบบาง กลัวแม้กระทั่งสายลมและแสงแดดพอเห็นจิ้งจก เปียก็เลยตกใจกลัว เผลอฟาดมันตายน่ะค่ะ”
เปียมองที่พื้น ทำทีเพิ่งเห็นซากจิ้งจก ร้องกรี๊ด กระโดดเกาะอุทัย วณี
“คุณพ่อ คุณแม่ขา เปียกลัว”
วณีหันไปบอกนมแส
“นม จัดการทีจ้ะ”
“ค่ะคุณวณี”
นมแสหยิบไม้กวาดและที่ถังผงที่วางอยู่มุมห้อง มากวาดซากจิ้งจก ด้วยสีหน้า
อ้ำๆอึ้งๆ เพราะเห็นเปียทำท่ากลัวตัวสั่นตลอดเวลา
“คราวหลังถ้าหนูกลัวจิ้งจก บอกพ่อ บอกแม่ บอกนมแสได้นะลูก อย่าไปฆ่ามัน มันบาป”
อุทัยเตือน เปียทำท่าตกใจ
“บาป...งั้นเปียโกนหัวบวชชีอุทิศส่วนกุศลให้จิ้งจกดีมั้ยคะคุณพ่อ เขาจะได้อโหสิกรรมให้เปีย”
“ไม่ต้องถึงขนาดนั้นหรอกลูก คราวหลังอย่าทำอีกแล้วกัน” อุทัยบอกอย่างหนักใจ
“ค่ะ” เปียรับคำ
“โอ๋ๆ ไม่ต้องกลัวนะลูกนะ ไม่ต้องกลัว” วณีกอดเปีย
นมแสมองเปียอย่างคาใจสงสัยตลอดเวลา เปียยิ้มดีใจ ที่มีแต่คนสนใจ
“อีกหน่อย น้อยมาอยู่ด้วย เปียก็มีเพื่อน ไม่ต้องกลัวนะลูกนะ”
เปียหุบยิ้ม เหวอไปในทันที เมื่ออุทัยบอกอย่างนั้น
วันใหม่ อุทัยกับคุณหญิงอนุรักษ์เดินคุยด้วยกัน บริเวณสนามหน้าบ้าน
“ไปรับหนูน้อยมาอยู่ด้วย ก็ดีเหมือนกันนะอุทัย แม่เองก็รู้สึกเอ็นดูอยู่เหมือนกัน แต่มีข้อแม้”
“อะไรครับ”
“ห้ามให้นังเย็นมันมาอยู่ด้วยเป็นอันขาด”
อุทัยยิ้มขำ
“โถ...คุณแม่ครับ ผมไม่ได้นึกถึงเย็นเลยจริงๆ แค่อยากพาหนูน้อยมาอยู่ด้วยก็เท่านั้น”
“ทำไม”
“ผมก็เหมือนคุณแม่ล่ะครับ เอ็นดูหนูน้อย...ยังกับหนูน้อยเป็นลูกของผมเอง”
อุทัยบอกอย่างไม่ค่อยแน่ใจนักว่าระหว่างเปียกับน้อย ใครคือลูกที่แท้จริงของเขา แต่ไม่กล้าแสดงความรู้สึกมากนัก
อุทัยพาวณี นมแส และเปียไปพบเย็นที่บ้านประมูล เย็นถามทั้งคู่อย่างแปลกใจ
“อะไรนะคะ คุณจะขอยัยน้อยไปอยู่ด้วย”
“จ้ะ...เปียจะได้มีเพื่อน” วณีบอกอย่างยิ้มแย้ม
เย็นอมยิ้มขำ ถามเปีย
“อยากมีเพื่อนเหรอจ้ะเปีย”
เปียมองอุทัย วณีไม่กล้าตอบจริงๆได้แต่บอก
“ค่ะ เปียคิดถึงน้อย รักน้อย น้าเย็นก็รู้”
“คิดถึงน้อย รักน้อย โอ๊ย...ขำ” เย็นหัวเราะ
“ขำอะไร” อุทัยฉุน หมั่นไส้
“ขำความรัก ความคิดถึงของเปียดื้อน่ะสิคะ”
เย็นหัวเราะหยันอีก เปียแอบค้อนเย็น แต่หันมาแอ๊บจ๋อยต่อหน้าพ่อแม่
“น้าเย็นก็ชอบพูดเล่นแรงๆอย่างนี้ล่ะคะคุณพ่อ บางทีเปียก็เสียใจ แต่เปียเข้าใจ น้าเย็นชอบพูดเล่น”
เย็นอมยิ้มขำอีก พูดเป็นนัย
“จ้ะ หนูเปีย น้าชอบพูดเล่น”
“จะยังไง เธอจะให้หนูน้อยไปอยู่กับฉันรึเปล่า” อุทัยตัดบท
“ว่าไงน้อย” เย็นหันไปถามน้อยที่นั่งฟังอย๔เงียบๆ
“น้อยไม่ไปค่ะน้อยอยากอยู่กับน้าเย็น”
เปียยิ้มพอใจ เย็นยิ้มเยาะ
“ได้ยินแล้วใช่มั้ยคะ”
วณีหันไปมองน้อย ยิ่งรู้สึกเอ็นดู
“แล้วถ้าน้าเย็นไปอยู่กับเปีย น้อยไปอยู่กับน้าเย็นมั้ยจ้ะ”
“น้าเย็นอยู่ที่ไหน น้อยไปอยู่ด้วยทั้งนั้นค่ะ” น้อยเกาะมือเย็นไว้
อุทัยตัดสินใจทันที หันไปบอกเย็น
“งั้น...เย็นไปอยู่กับฉันนะ”
คุณหญิงอนุรักษ์คุยโทรศัพท์กับนมแส แล้วตกใจมาก
“ว่าไงนะ ตาอุทัยจะพานังเย็นมาอยู่ด้วย”
“ค่ะ” นมแสตอบรับ
“แล้วมันมามั้ย” คุณหญิงถามอย่างร้อนใจ
“ยังไม่ทราบค่ะ พอได้ยินคุณอุทัยพูดอย่างนั้น ดิฉันก็รีบโทรมาเรียนคุณหญิงทันที”
“ขอบใจมาก เดี๋ยวฉันจัดการเอง” คุณหญิงบอกอย่างโกรธมาก
เย็นนั่งนิ่ง แบบที่ทุกคนเดาไม่ถูกคิดอะไร ดวงตาเปียหวาดหวั่น ขณะที่น้อยยังไงก็ได้ แล้วแต่เย็น วณีกับอุทัยร้อนรน แกมอ้อนวอน แทบจะถามพร้อมกัน
“ว่าไงเย็น”
“ไปอยู่ด้วยกันนะ” อุทัยชวนซ้ำ
เปียแกล้งอ้อน พูดแบบนัยๆเผื่ออุทัยจะเกรงใจ
“น้าเย็นขา...ไปอยู่ด้วยกันนะคะ ไม่ต้องห่วงร้านของเถ้าแก่กิมหรอกค่ะ”
เย็นอมยิ้มรู้ทันแกล้งบอก
“น้าไม่มีอะไรต้องห่วงหรอก ร้านของเถ้าแก่กิมน้าก็ตั้งใจว่าจะขาย”
เย็นยิ้มมองตาเปียรู้ทัน เปียหน้าเสีย อุทัยดีใจ อ้อนวอน
“งั้นเธอก็พาน้อยไปอยู่ด้วยกันนะเย็น”
“นะเย็น...พาน้อยไปอยู่ด้วยกันนะ” วณีชวนซ้ำ
เปียหน้าเสีย เย็นมองหน้าเปียแล้วขำ ยิ้มๆ อุทัยกับวณีไม่เข้าใจขอร้องต่อ
“นะเย็น...ไปอยู่ด้วยกันนะ หรือเธอ ยังโกรธฉันอยู่”
“อย่าโกรธเลยนะเย็น...ฉันขอโทษ ฉัน...”
วณีช่วยพูด เย็นแทรกขึ้นนิ่งๆแบบไม่ถือสา
“อย่าพูดถึงเรื่องเก่าอีกเลยค่ะ อย่างที่บอก ฉันเองก็ทำผิดกับพวกคุณ ถ้าจะเริ่มต้นใหม่ เราควรลืมมันให้หมด”
วณีกับอุทัยยิ้ม มีความหวัง
“หมายความว่า...เธอจะพาน้อยไปอยู่กับพวกเรา” อุทัยถามย้ำ
“ไหนๆพวกคุณก็อุตส่าห์อ้อนวอน และอีกอย่าง...เปียดื้อของน้า จะได้มีเพื่อน”
เปียมองเย็นเป็นเชิงถามว่าจะพาน้อยมาทำไม เย็นมองหน้าเปียแล้วยิ้ม อย่างรู้ดีว่าเปียคิดอะไรอยู่
คุณหญิงอนุรักษ์กดโทรศัพท์มือไม้สั่น
“โอ๊ย...เวลาโมโห ฉันกดมือถือผิดๆถูกๆทุกที จวน ต่อสายตาอุทัยให้ฉันสิ”
“ค่ะคุณหญิง” จวนรีบมากดมือถือให้
เปียนั่งหน้าคว่ำ วณีกับอุทัยยิ้ม
“ฉันดีใจมากที่สุดเลย ขอบคุณมากนะเย็น ขอบคุณมาก” วณีรู้สึกดีใจมาก
เย็นยิ้มๆ
“ไป..น้อย...ไปเก็บเสื้อผ้า”
น้อยมองเย็นอย่างแปลกใจที่เย็นรับปากกะทัน แต่รับคำอย่างง่ายๆ
“ค่ะ น้าเย็น”
น้อยเดินแยกไป มือถือของอุทัยดังขึ้น เขาดูเบอร์แล้วบอกวณี
“ตาเลอโทรมา” อุทัยยื่นมือถือให้วณี
ทางด้านคุณหญิงมองจวนเป็นเชิงถาม จวนบอก
“สายไม่ว่างค่ะ”
คุณหญิงเคืองหงุดหงิด
“มัวคุยอะไรกับใครอยู่”
วณีรับสาย เปิดโปรแกรมเฟสทามคุย มองหน้าเลอสรรแล้วยิ้มให้
“คุณน้าเป็นยังไงบ้างครับ” เลอสรรถามอย่างเป็นห่วง
วณีรีบบอกอย่างดีใจ
“เลอสรร น้าเจอน้องแล้วจ้ะ”
เลอสรรดีใจไปด้วย
“เจอหนูเอื้อยแล้ว”
“จ้ะ...เจอแล้ว” วฯหันมาบอกเปีย “เปียจ๋า....มาคุยกับพี่เลอสรรหน่อยสิจ้ะ”
เปียกังวลไม่ได้สนใจ
“เดี๋ยวเปียไปช่วยน้อยเก็บของก่อนนะคะ”
เปียเดินแยกไป วณีร้องเรียก
“เปียจ๋า...เปีย ไว้คุยกันนะจ้ะเลอ....”
วณีมองตาม ยิ้มดีใจกับอุทัย เย็นยิ้มนิ่งๆตามประสา รู้ดี ระหว่างเปียกับน้อยจะเกิดอะไรขึ้น
น้อยเก็บของใส่กระเป๋าแบบงงๆว่าจะไปจริงเหรอ แต่เย็นสั่งให้ทำยังไงก็ทำ เปียเดินเข้ามาปิดห้อง กระชากเสื้อผ้าน้อย กัดฟันกรอดพูดเบาๆ
“ไม่ต้อง”
“ทำไมล่ะเปีย” น้อยงง
เปียหมั่นไส้มากบิดเนื้อบิดตัวน้อยที่พยายามปัดป้อง
“ไม่ต้องมาดัดจริต แกก็รู้ว่าฉันไม่อยากให้แกไปอยู่ด้วย แกจะไปทำไม”
“ก็น้าเย็น บอกให้น้อยไป”
“คำก็น้าเย็น สองคำก็น้าเย็น แกมีสมองคิดเองมั้ยนังน้อย”
“มี...ตกลง...เปียไม่อยากให้น้อยไปอยู่ด้วยใช่มั้ย”
“ใช่”
“งั้น...สมองของน้อยมันบอก ให้น้อยไปบอกน้าเย็น”
พูดจบน้อยก็เปิดประตูเดินออกไป เปียหน้าเหวอ ไม่คาดคิดน้อยจะบอกอย่างนี้ เปียหูตาเหลือก
“อย่านะนังน้อย” เปียรีบตามออกไป
เย็นมองไปทางด้านในก่อนหันมาบอกอุทัย
“เด็กสองคนนั้นหายไปนานแล้ว เดี๋ยวดิฉันไปดูหน่อย แล้วจะเลยไปเก็บของของตัวเองด้วย รอเดี๋ยวนะคะ”
เย็นเดินยิ้มออกไป นมแสมองเย็นแบบเกลียดไม่ชอบหน้า ได้แต่พึมพำ
“ทำไมคุณหญิงไม่จัดการอะไรเลยสักที นังเย็นมันได้เข้าไปอยู่ในบ้านแน่ๆ”
น้อยเดินออกมานอกห้องตามทางเดินแล้ว จะเดินออกมา เปียตามมากระชากผม
“หยุดเดี๋ยวนี้นังน้อย มานี่...แกมานี่”
เปียลากน้อยกลับเข้าห้อง
“ปล่อยนะปล่อย”
เปียลากน้อยกลับไปทางห้อง เย็นเดินเข้ามาเห็นอมยิ้ม เดินตามมา เปียผลักน้อยเข้าไปในห้อง ปิดประตูดังโครม มองโมโห
“อ้าว...ก็ไหนบอกให้น้อยทำตามสมองของน้อย แล้วเปียมาห้ามน้อยทำไม”
“อย่ายอกย้อนกับฉันนะนังน้อย” เปียยิ่งโกรธ
“น้อยไม่ได้ยอกย้อน”
“ได้...จะลองดีกับฉันก็ได้ อยากรู้เหมือนกัน ถ้าฉันจะเป็นจะตาย คุณพ่อคุณแม่จะยังอยากพาแกไปอยู่กับฉันรึเปล่า”
พูดจบเปียก็ทรุดตัวลงกับพื้นนอนดิ้นทุรนทุราย ร้องโอ๊ยๆ กรี๊ดๆ น้อยตกใจ เย็นยืนอยู่หน้าห้อง อมยิ้ม
ด้านนอก ทุกคนได้ยินเสียงเปียร้องเจ็บปวด น้อยร้องตกใจ
“เกิดอะไรขึ้นคะ” วณีงงๆ
ประมูลและแม่นุ่มวิ่งออกมาอีกทาง มองเห็นวณี อุทัยยืนตกใจอยู่ ทั้งสองคนเห็นว่าเป็นบ้านคนอื่น ไม่กล้าวิ่งเข้าไป ประมูลร้องบอก
“เชิญครับ”
ประมูล แม่นุ่ม นำอุทัยและวณีเข้าไป
อ่านต่อตอนที่ 4