xs
xsm
sm
md
lg

คมพยาบาท ตอนที่ 7

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


คมพยาบาท ตอนที่ 7

เช้าวันใหม่...น้อยเดินออกมาจากห้องของตัวเอง เดินตรงไปที่ห้องเย็นเห็นเปิดอยู่ น้อยชะโงกหน้าเข้าไปมอง ไม่เห็นทั้งเย็นและแมว

“ไปไหนกัน”
น้อยเดินออกมาร้องเรียก
“ฝ้าย...ฝ้าย...ฝ้าย”
เย็นเดินเข้ามา
“ตื่นเช้าขึ้นมาก็เรียกหากันเลยนะ”
“คิดถึงน่ะค่ะ...เมื่อคืนว่าจะเข้าไปเอาฝ้ายกับน้าเย็น แต่เกรงใจ กลัวน้าเย็นจะตื่น”
น้อยยิ้ม เย็นงง
“ฝ้ายไม่ได้นอนกับน้านะ”
“เอ้า แล้วฝ้ายไปไหน” น้อยหน้าตากังวล
“คงไปเที่ยวเล่นที่ไหนมั้ง แมวน่ะไม่เหมือนหมา ชอบเที่ยวเล่นไปทั่ว”
น้อยกังวล
“แต่ฝ้ายไม่เคยหายไปไหนนานขนาดนี้นะคะ น้าเย็น...น้อยสังหรณ์ใจยังไงก็ไม่รู้ กลัวว่าฝ้ายจะเป็นอะไร”
“มันจะเป็นอะไร ดีไม่ดี ป่านนี้ ไปนอนเล่นเดินเล่นอยู่บ้านเก่าของมันแล้วมั้ง”
“บ้านเก่า...น้าเย็นแปลว่า...ฝ้ายตายแล้วเหรอคะ” น้อยตกใจไปใหญ่
“ไปหายาสลายมโนกินหน่อยไปยัยน้อย จะได้ไม่คิดเองเออเอง บ้านเก่าของมัน ฉันหมายถึง บ้านคุณนายวณีย่ะ” เย็นระอา
น้อยมีสีหน้าดีขึ้น เย็นมองเผลอหมั่นไส้รำพึงในใจ
“พูดถึงแม่ขึ้นมา ยิ้มออกทันทีเลยนะยะนังเอื้อย”
เย็นค้อนขวับเหยียดริมฝีปากออกไม่รู้ตัว

วณีบอกน้อยอย่างอ่อนโยนแกมวิตกกังวลแทน
“ฝ้ายไม่ได้กลับมาที่นี่หรอกจ้ะน้อย”
“ไม่ได้กลับมาที่นี่...งั้น....ฝ้ายไปไหนคะ” น้อยหน้าซีด
เปียที่นั่งข้างๆวณี ใส่ชุดนอน เบ้ปากแอบยิ้มพอใจ ปลอบน้อยอ่อนหวาน
“ก็อาจจะเดินเล่นอยู่ที่ไหนสักแห่ง บ้านเปียกว้างใหญ่จะตายไป...น้อยก็รู้...”
นมแสนั่งฟังอยู่แถวนั้น มองเปียหมั่นไส้ ขณะที่น้อยสีหน้ามีความหวัง เปียหัวเราะเดินมากอดน้อยบอก
“โล่งใจไปใช่มั้ยล่ะ”
เปียหันมาพูดกับวณี
“เห็นมั้ยคะคุณแม่ เปียมีสติ นั่งนิ่งๆแป๊บเดียวก็แก้ปัญหาให้น้อยได้แล้ว”
น้อยยิ้มให้เปียกับวณี
“งั้น...น้อยไปตามหาเปียในสวนก่อนนะคะ”
“เปียไปช่วยน้อยตามหาฝ้ายหน่อยไปลูกไป...”
เปียทำหน้ากังวลมากๆ
“ไม่ได้หรอกค่ะคุณแม่ น้อยมาส่งเสียงเอะอะโวยวายตามหาฝ้ายแต่เช้า จนเปียต้องตื่น เดี๋ยวเปียต้องกลับไปนอนต่อให้ครบ12 ชั่วโมง ไม่งั้นเดี๋ยวเปียไม่สวย”
นมแสมองเปียอย่างหมั่นไส้ขึ้นทุกขณะ บอกวณี
“เดี๋ยวดิฉันไปช่วยหนูน้อยหาฝ้ายเองค่ะ”
เปียหันมาถลึงตาใส่นมแสหมั่นไส้ นมแสไม่สนใจ เปียหันมาบอกน้อยเสียงหวาน
“ไม่ต้องห่วงฝ้ายนะ ฝ้ายเป็นเด็กดี สิ่งศักดิ์สิทธิ์จะช่วยคุ้มครองฝ้ายจ้ะ”
เปียลุกขึ้นดวงตาสะใจ แต่ต้องชะงักเมื่อเลอสรรเดินมาพร้อมบอกวณี
“เดี๋ยวผมไปช่วยตามหาฝ้ายด้วยคนครับ...ไปจ้ะน้อย”
เปียแทบดิ้นแต่รีบหันมายิ้มบอก
“เอ่อ...เปียไปด้วยคนดีกว่านะคะ”
“อ้าว ไหนบอกจะไปนอนต่อจ้ะ” วณีงง
“นั่นน่ะสิคะคุณหนูเปียนอนไม่ครบ 24 เอ๊ย 12 ชั่วโมง ประเดี๋ยวตีนกามันจะขึ้นนะคะ” นมแสแดกดัน
เปียแทบจะตบนมแส แสร้งหัวเราะ
“เดินตามหาฝ้ายออกกำลังกายดีกว่าค่ะไปค่ะ พี่เลอสรร”
เปียคล้องแขนเลอสรรทันที เลอสรรแกะมือเปียออก มองน้อยพลางบอก
“ไปกันเถอะน้อย”
เลอสรรเดินนำหน้าออกไป เปียวิ่งตามเลอสรรทันที
“พี่เลอ รอเปียด้วยค่ะ”

นมแสเผลอค้อนเปีย น้อยเดินตามออกไป ตามด้วยนมแส วณีกังวล

ทุกคนเดินตามหาแมวตามมุมต่างๆ ร้องเรียกตลอดเวลา ยกเว้นเปีย

“ฝ้าย /ฝ้ายจ๋าฝ้าย”
ทุกคนไม่เห็นฝ้าย นมแสคิดๆ
“ปกติฝ้ายไม่ไปเที่ยวเล่นไกลขนาดนี้นะคะเนี่ย”
“นั่นสิคะนมแส ไม่รู้ไปไหน ฝ้ายเนี่ยน่าตีจริงๆ” น้อยเห็นด้วย
เปียแอบเบ้ปากสะใจ
“จะไปตีฝ้ายทำไม ฝ้ายเป็นแมว ไม่รู้เรื่องอะไรหรอก ป่านนี้ฝ้ายอาจจะไปที่ชอบๆ อยู่ก็ได้...นะคะพี่เลอ”
เปียเกาะแขน เลอสรรแกะมือเปียออกพลางว่า
“อย่าพูดเป็นลางสิน้องเปีย น้อยยิ่งใจไม่ดีอยู่”
เปียสะใจแต่งอน แอ๊บ
“ลางอะไรคะ เปียเป็นคนตรง พูดตรงๆ ที่ชอบ ของฝ้ายก็อาจจะต้นไม้ ดอกไม้ ทุ่งหญ้า หรือน้อยคิดว่า ฝ้ายจะไปตาย จ้ะ”
“น้องเปีย” เลอสรรปราม
นมแสนอบน้อมแต่แอบเหน็บ
“ดิฉันว่าคุณหนูเปีย ต้องพักผ่อนไม่พอแน่ๆเลยค่ะ คุณเลอ สมองเลยไม่ทำงาน”
“นี่นมแสว่าฉันไม่มีสมองเหรอ” เปียถลึงตาใส่
“เปล่านะคะ คุณหนูมีสมอง เพียงแต่สมองยังไม่ทำงานค่ะ”
“น้องเปียไปพักผ่อนดีกว่าพวกพี่จะตามหาฝ้ายเอง”
เลอสรรหันไปบอกน้อย
“แยกกันหาแล้วกัน”
เลอสรรเดินแยกไป น้อยรีบไปอีกทาง นมแสกับเปียมองหน้ากัน
“ไม่มีสมองกับไม่มีลมหายใจ นมแสเลือกเองแล้วกัน จะไม่มีอะไร” เปียโกรธ
“ไม่มีคุณหนูดีกว่าค่ะ ปลอดภัยดี” นมแสกลัวพูดอ้อมแอ้ม
นมแสรีบเดินไปหาฝ้าย
“นมแส...นังนมแส”
เปียโกรธมาก หันรีหันขวาง ก่อนตามน้อยไป
น้อยตามหาฝ้าย มีเปียประกบ น้อยจะเดินไปมุมที่เปียฆ่าฝ้าย เปียก็
จะดึงน้อยออก
“ไปทางโน้นดีกว่า...”
น้อยยอมเปีย ตะโกนเรียก
“ฝ้ายจ๋า...ฝ้าย ฝ้ายอยู่ไหน เมี๊ยวๆ กลับมาได้แล้วฝ้าย น้อยเป็นห่วง”
“ห่วงมากมั้ย” เปียรำคาญ
“มาก” น้อยบอกไปตามตรง
“งั้นไม่ไปแจ้งสำนักงานตำรวจแห่งชาติให้มาตามหาซะล่ะ” เปียหมั่นไส้มาก
“อย่าว่าน้อยเลยนะ น้อยเป็นห่วงฝ้ายจริงๆเปีย” น้อยหน้าละห้อย
เปียคว้าหมับที่ปากน้อยบีบอย่างแรงหมั่นไส้มาก น้อยร้อง
“อย่าเปีย อย่า น้อยเจ็บ อย่าเปีย”
เปียเลียนเสียง
“เปีย...เปีย ฉันล่ะเพลียกับเสียงแกจริงๆนังดัดจริต อย่าคิดนะว่าฉันจะรู้ไม่ทัน ว่าแกเรียกร้องความสนใจพี่เลอสรรน่ะ”
“เปล่า น้อยเปล่า” น้อยพยายามแกะมือเปีย
“ดี...เพราะพี่เลอสรรเป็นของฉัน ห้ามแกยุ่งกับพี่เลอสรรเป็นอันขาด” เปียบีบคางน้อยแรงขึ้น ถลึงตาใส่ “ไม่งั้นแกตาย ตาย...เหมือนกับ...”
เปียไม่พูดต่อ ถลึงตาใส่ น้อยมองตากลัวๆ

นมแสเดินหาแมว อย่างเหนื่อยใจ
“ไปอยู่ไหนน้อฝ้าย”
นมแสกวาดตามองไม่เห็น กำลังจะเดินกลับออกไป แต่จังหวะที่หัน สายตาของนมแสไปปะทะเข้ากับวัตถุบางอย่างสีแดง นมแสหันขวับไปมอง ท่ามกลางหญ้ารก เห็นปลายเชือกสีแดงเหลื่อมออกมา
“เหมือนเคยเห็นที่ไหน มาอยู่ที่นี่ได้ยังไง”
นมแสเดินกลับไปที่เชือก แต่แล้วก็ตาเบิกโพลงด้วยความตกใจสุดขีดเมื่อเห็นว่ากลางพงหญ้าลึก ร่างของแมวนอนแน่นิ่งอยู่ ในสภาพถูกเชือกสีแดงรัดคอ
“ฝ้าย...ฝ้าย ฝ้าย” นมแสกรีดสุดเสียง
เลอสรรที่เดินหาอยู่ได้ยิน เปียที่บีบคางน้อยอยู่ได้ยิน น้อยผลักเปียออกอย่างแรงวิ่งไปตามเสียงนมแส เปียตะโกนหน้าซีด
“หยุดนะนังน้อย หยุด ฮึ๊ย”

เปียหน้าบึ้ง เข่นเขี้ยว ก่อนจะตามไป

นมแสยืนหน้าตัวสั่นทำอะไรไม่ถูก ขณะเข้าไปหาแมว

“ฝ้าย...ฝ้าย...ใครทำกับฝ้ายแบบนี้”
เลอสรรวิ่งตามเข้ามา เห็นสภาพแมวถูกรัดคอเหี้ยมโหดก็พูดไม่ออก นมแสร้องไห้สงสาร
“คุณเลอ ฝ้ายตายแล้วค่ะ ฝ้ายตายแล้ว”
น้อยวิ่งเข้ามาได้ยิน แทบช็อก
“อะไรนะคะนมแส ฝ้ายตายแล้ว”
นมแสกับเลอสรรหันขวับมามอง น้อยกรีดเสียง ร้องไห้ทำใจไม่ได้
“ไม่จริง น้อยไม่เชื่อ”
น้อยถลาวิ่งเข้ามา เลอสรรวิ่งมาขวาง จับล็อกตัวเอาไว้กับอก ไม่ให้มอง น้อยดิ้นร้องไห้
“ปล่อยค่ะคุณเลอสรร น้อยอยากเห็นฝ้าย”
เลอสรรล็อกตัวน้อยไว้กับอกไม่ให้ไป
“ไม่น้อย ไม่...”
“ปล่อยค่ะ...ปล่อย น้อยอยากเห็นฝ้าย”
น้อยดิ้นจะเข้าไปดู เลอสรรดุแบบห่วง
“ไม่”
เลอสรรกอด กดหน้าน้อยกับอกตัวเองไม่ให้มอง เปียวิ่งตามมาเห็นภาพเลอสรรกอดน้อย เปียตาค้าง
“พี่เลอสรร นังน้อย” เปียกัดฟันกรอด
น้อยร้องไห้ดิ้น
“ปล่อยค่ะคุณเลอ ปล่อย...”
“ไม่ น้อย” เลอสรรดุ
นมแสห้ามอีกคน
“อย่าเข้ามาค่ะคุณน้อย”
น้อยยิ่งได้ยินยิ่งดิ้น
“ปล่อยน้อย”
น้อยผลักเลออย่างแรงวิ่งเข้าไป นมแสส่งเสียงห้ามสวนออกมา
“อย่าค่ะคุณน้อย อย่า...”
นมแสห้ามไม่ทัน เมื่อน้อยวิ่งเข้าไปเห็นฝ้ายถูกฆ่ารัดคอโหดเหี้ยม น้อยกรีดเสียงร้องตกใจมากแทบบ้า
“ฝ้าย...ฝ้าย...ฝ้ายตายแล้ว ไม่จริง”
เปียกลัวความลับแตก รีบวิ่งหนีกลับออกไปรวดเร็ว น้อยกอดฝ้ายร้องไห้ เลอสรรเดินมากอดน้อยเอาไว้แนบอก ปลอบประโลม นมแสมองน้อยกอดแมวเอาไว้แน่น ร้องไห้จะเป็นจะตาย โดยที่เลอสรรกอดทั้งน้อยและแมวอย่างสลดใจ

เปียวิ่งเข้ามาในห้องล็อกประตู เนื้อตัวสั่น ส่งเสียงตลอดเวลาเหมือนสั่งจิต
“เราไม่ได้ทำ...เราไม่ได้ทำ จำไว้นะเปีย แกไม่ได้ทำ นังฝ้ายมันเดินเข้าไปให้เชือดรัดคอมันตายเอง”

เย็นกอดน้อยที่เอาแต่ร้องไห้เอาไว้ ขณะที่เลอสรรขุดหลุมฝังแมว
“หักอกหักใจเถอะน้อย ถือซะว่าฝ้ายไปดีแล้ว” เย็นสลดใจ
“ฝ้ายถูกรัดคอตายอย่างนั้น จะไปดีได้ยังไงน้าเย็น ก่อนตาย ฝ้ายคงเจ็บปวดทุกข์ทรมานมาก เป็นเพราะน้อย เป็นเพราะน้อยคนเดียว”
“โทษตัวเองทำไม” เลอสรรเตือนสติ
“ก็ถ้าน้อยไม่ขอฝ้ายจากคุณวณีมาเลี้ยง ฝ้ายก็คงไม่ต้องตายแบบนี้”
“ใครนะ ใจคอช่างโหดเหี้ยมวิปริต” เย็นถอนหายใจ
“นั่นน่ะสิครับน้าเย็น ผมยังแปลกใจอยู่เลย ฝ้ายไปทำอะไรให้ เขาถึงได้ฆ่าฝ้ายอย่างโหดเหี้ยมขนาดนี้”
เย็นนิ่งไม่ได้คิดถึงเปียเพราะไม่รู้เรื่อง
“น้อยยังจำได้ติดตา เชือกถักสีแดงอยู่บนสีขาวของฝ้าย สีขาวกับสีแดงตัดกัน มันสวยมากเลยนะคะน้าเย็น ถ้าไม่เป็น...ฝ้ายถูกฆ่ารัดคอ น้าเย็นขา...น้อยสงสารฝ้าย น้อยสงสารฝ้ายใจจะขาดแล้วค่ะ” น้อยร้องไห้โฮๆ
เย็นนิ่งครุ่นคิดพึมพำ
“เชือกสีแดง...เชือกสีแดง”

เชือกสีแดงในมือของนมแสถูกยื่นให้วณี
“เชือกถักสีแดงเส้นนี้ล่ะค่ะคุณวณี ที่ฆ่ารัดคอฝ้าย”
“ตายจริง...ทำไมช่างโหดร้ายอย่างนี้” วณีตกใจ
“ใช่ค่ะ...โหดร้าย โหดร้ายมาก ดิฉันเห็นครั้งแรกแทบช็อก”
“แล้วหนูน้อยล่ะ หนูน้อยเป็นยังไง”
“ร้องไห้แทบบ้าเลยล่ะค่ะ...”
“ร้องไห้แทบบ้า”
“ก็คุณน้อยเธอรักฝ้ายมากนี่คะ...ยิ่งเจอสภาพที่ฝ้ายถูกฆ่ารัดคอตายแบบนั้นคงยากที่จะทำใจได้”
“ใครกันนะฆ่าฝ้าย ทำไมถึงได้จิตใจโหดเหี้ยมขนาดนั้น...”
วณีเอามือจับดูเชือกถักสีแดง ครุ่นคิด

“ดิฉันก็ว่าคนทำต้องเป็นพวกโรคจิต วิปริต ดิฉันคุ้นๆเชือกถักเส้นนี้ยังไงก็ไม่รู้เหมือนเคยเห็นที่ไหน แต่ดิฉันจำไม่ได้”

เย็นครุ่นคิดเดินขึ้นไปบนบ้านเห็นเชือกถักสีแดงงานที่ทำค้างเอาไว้ เย็นนึกถึงตอนที่เธอใช้เชือกถักรัดคอเปีย เธอดวงตาเหลือกโพลงพึมพำเบาๆ

“อย่าบอกนะว่าเป็นยัยเปีย”
เย็นสายตาหวาดหวั่นไม่แน่ใจไม่รู้เหตุ

เปียแต่งตัวสวยเดินร้องเพลงทั้งร้องทั้งเต้นลงมาจากบ้านอย่างอารมณ์ดี
“ฉันไม่ใช่ผู้หญิงเจ้าชู้ ไม่ใช่ผู้หญิงเลิศหรู แต่ฉันเป็นผู้หญิงลั้ลล้า”
เลอสรรเดินเข้ามา เป็นจังหวะเดียวกับที่เปียร้องเพลงประโยคสุดท้าย เปียเข้ามานัวเลอสรร
“ถึงไม่เริ่ด ไม่สวยปานนางฟ้า ถึงเป็นแค่ผู้หญิงธรรมดาแต่น้องจะพาอ้ายไปขึ้นสวรรค์”
เปียคล้องคอเลอสรรแบบที่ทำกับประวิทย์ เลอสรรพูดไม่ออก เย็นเดินเข้ามาหัวเราะหยัน
“ร้องเล่น เต้นระบำ ช่างอารมณ์ดีจริงๆเลยนะคะคุณหนูเปีย”
“น้าเย็นมาถึงนี่ มาหาคุณพ่อหรือคะ” เปียหน้างอ
เลอสรรมอง เย็นรู้ทันเปีย มองแทบขย้ำ แต่หัวเราะร่วน
“โถๆ ถ้าจะมาหาคุณอุทัย น้านัดเจอข้างนอกไม่ดีกว่าหรือคะ คุณวณีจะได้ไม่แสลงหัวใจ ที่น้ามานี่ น้าตั้งใจมาหาคุณหนูเปียโดยเฉพาะค่ะ”
เลอสรรมองเย็นสลับเปียสงสัย เปียเสียวสันหลังวาบ
“มาหาเปียทำไมคะ”
“แมวตัวโปรดของยัยน้อย ถูกฆ่ารัดคอตาย ตอนนี้ยัยน้อยร้องไห้เสียใจหนัก คุณหนูเปียจะไม่ไปปลอบใจน้องบ้างเลยหรือคะ” เย็นมองตาเขม็ง
เปียมองกลัวๆ รู้แน่ๆต้องโดนอะไร บอกอ้อมแอ้ม
“อุ๊ย...เวลาอย่างนี้ เปียว่าน้อยคงอยากอยู่เงียบๆคนเดียวมากกว่าค่ะน้าเย็น”
“อ้าว...น้องเปียรู้ตั้งแต่เมื่อไหร่ ว่าฝ้ายตายแล้ว” เลอสรรสงสัย
เปียอึกอักหน้าซีด
“ก็..น้าเย็น บอกตะกี้นี้ไงคะ...”
เปียหาทางเลี่ยงรีบคว้าแขนเย็น
“ก็ได้ค่ะ ถ้าน้าเย็นอยากให้เปียไปปลอบใจน้อย เปียก็จะไป ไปค่ะน้าเย็นไปดูใจน้อยกัน”
เปียจะลากแขนเย็นไป
“ไม่ต้องดูใจน้อยหรอกค่ะ น้อยไม่ได้ใกล้ตายดูใจคุณหนูเปียดีกว่า...ว่าจะปลอบน้องยังไง”
เย็นกับเปียจ้องหน้ากัน เลอสรรกับวณีมองท่าทางของสองคนสงสัย

เย็นเอามือบีบต้นคอเปีย ผลักออกไป เปียหน้าแหยแต่ไม่กล้าหือ นมแสที่จะเดินเข้าบ้านมาเห็นพอดีนิ่วมองสงสัย วณีเดินออกมาจากในบ้าน
“มีอะไรจ้ะนมแส”
นมแสสะดุ้งเฮือกตกใจ ไม่อยากบอกวณี เกรงเสียใจ
“เอ่อ...”
“มีอะไร” วณียิ่งสงสัย
“ตะกี้ดิฉันเห็นเย็นลากคอคุณหนูเปียออกไป ไม่รู้มีเรื่องอะไรกันค่ะ”
วณีเสียงสูงตกใจ
“เย็นลากคอลูกเปีย”
“ค่ะ”
วณียกมือถือขึ้นมากดดูกล้องวงจรปิด เช็กดู วณีหน้าซีด ตกใจที่เห็นเปียก๋ากั๋นนัวเนียเลอสรร ก่อนที่จะคลิกภาพตอนเย็นเข้ามา
“มีเรื่องอะไรกัน”

วณีเดินไปที่ห้องเลอสรรเคาะประตู
“เลอสรรๆ”
เลอสรร ที่กำลังเปิดคอมดู คลิปที่เจอเปีย เป็นพริตตี้เพ่งมอง สงสัย เปียล้นผิดปกติ สะดุ้งเฮือก รีบเดินมาเปิดประตู
“ครับคุณน้า”
วณีเลี่ยงที่จะพูดเรื่องเลอสรรกับเปียถามแต่เรื่องเย็น
“เย็นมาทำไม”
เลอสรรไม่อยากบอก
“เอ่อ...”
“มีอะไรบอกน้ามา น้าเห็นหมดแล้ว จากกล้องวงจรปิด” วณียกมือถือขึ้น
เลอสรรตอบแบบลำบากใจ ไม่อยากให้วณีคิดมากเรื่องเปียร้องเพลง
“น้อยเสียใจเรื่องฝ้ายมาก น้าเย็นเลยมาตามน้องเปียไปปลอบใจน้อยครับ”
วณีไม่อยากจะเชื่อ
“แค่นั้นเองเหรอ”
“ครับ...คุณน้ามีอะไร”
“น้าสงสัย ท่าทางของเย็น เหมือนมีอะไรมากกว่านั้นน่ะสิ”

น้ำเสียงของวณี กังวล เป็นห่วง น้อยอกน้อยใจสารพัด
 
อ่านต่อหน้า 2

คมพยาบาท ตอนที่ 7 (ต่อ)

เย็นลากคอเปียขึ้นไปบนบ้าน พร้อมผลักเข้าไปอย่างแรง จนเปียล้มคว่ำหน้าคะมำไปที่กองเชือกถักงานของเย็นที่ทำค้างไว้อยู่ เปียโวยวาย

“น้าเย็นเป็นบ้าอะไรขึ้นมาอีก ถึงได้ทำกับเปียแบบนี้”
“แกดูเชือกตรงหน้าแกซินังเปีย มันคุ้นตาแกบ้างมั้ย”
เปียหันไปมองตามสายตาเย็น เห็นเป็นม้วนเชือกสีแดง เปียหัวเราะหยันคว้าขึ้นมา
“ไม่ใช่แค่คุ้น แต่จำได้แม่น ไอ้เชือกนี่แหละ ที่น้าเย็นเอามารัดคอเปีย”
เย็นเข้ามากระชากม้วนเชือก ตวัดรัดคอเปีย
“แล้วแกก็เลยเอาไปรัดคอนังฝ้าย ฉันถามแกหน่อย นังคนใจดำ ยัยน้อยมันไปทำอะไรให้แก แกถึงต้องฆ่านังฝ้าย หา”
เปียอึกอักเจ็บ กลัว
“อย่ามาใส่ร้ายเปียนะ”
“ใส่ร้าย แกกล้าพูดมานะ ว่าฉันใส่ร้ายแกนังเปีย”
เย็นบีบคอเปียกระชากขึ้น เปียปัดมือเย็นออก เถียง
“ก็น้าเย็นใส่ร้ายเปียจริงๆนี่ ถามเถอะ น้าเย็นเห็นตอนเปียรัดคอนังฝ้ายเหรอ ถึงได้มาปรักปรำเปียแบบนี้”
“ถึงฉันไม่เห็น ฉันก็รู้ ในบ้านนี้ จะมีใครสันดานชั่วเหมือนแก”
เปียหัวเราะหยัน
“ก็น้าเย็นไง เปียเป็นหลานน้าเย็น สันดานเปียก็ชั่วเหมือนน้าเย็นแหละ”
“นังเปีย”
เย็นกระชากเปียเข้ามาอีก เปียผลักออกไม่กลัว
“อย่ามาใส่ร้ายเปีย ไม่อย่างนั้น จะหาว่าเปียไม่เตือน”
เปียเดินออกไป เย็นตามมาจิกกระชากผมจะโขกลงกับพื้น
“แกกล้าขู่ฉันเหรอนังเปีย”
เปียฮึดฮัด
“เปียไม่ได้ขู่ แต่เปียกำลังให้สติน้าเย็น...น้าเย็นไม่ได้เห็นกับตาแล้วมาใส่ร้ายเปียอย่างนี้ เขาเรียก พาล แล้วคนพาลน่ะ ก็สมควรไปอยู่ที่อื่น ไม่ใช่ที่นี่”
เปียผลักเย็นออกอย่างแรง จนเย็นผงะล้มลง วิ่งหนีไป เย็นได้แต่ตะโกนโกรธ
“นังเปีย ถึงฉันไม่เห็นกับตา ฉันก็รู้ว่าแกเป็นคนฆ่านังฝ้าย นังใจดำ นังสารเลว”

เปียวิ่งมาจากบ้านเย็น ด้วยความโกรธ
“คิดเหรอว่าคนอย่างนังเปียจะกลัวน้าเย็น มีแต่จะเอาคืนเป็นร้อยเท่าพันเท่าล่ะสิไม่ว่า”
เปียฮึดฮัด เดินเหวี่ยงมาเห็นน้อยร้องไห้นั่งเอาดอกไม้สวยๆโรยบนหลุมศพฝ้าย เปียยิ้มเยาะสะใจ เดินใกล้เข้ามา
“ไปสู่สุคตินะจ้ะฝ้าย ชาติหน้าขอให้เราได้กลับมาเจอกันอีก”
เปียเบ้ปากใส่แต่แอ๊บหวาน
“เสียใจด้วยนะจ้ะน้อย”
“เปีย”
น้อยร้องไห้โฮ โผมากอด เปียกอดตอบทำท่าปลอบ
“เปียเสียใจด้วยจริงๆ ไม่เข้าใจเลย ทำไมน้าเย็นถึงต้องฆ่าฝ้ายตายแบบนี้”
น้อยชะงัก
“เปียว่าอะไรนะ”
เปียทำหน้าตกใจมองซ้ายมองขวา ทำปากจุ๊ๆ
“เบาๆ ถ้าน้าเย็นได้ยิน ตายคู่แน่ๆ...มานี่”
เปียรีบลากน้อยหลบไปอีกทาง

เปียลากน้อยมาอยู่ในมุมลับตาคน พออยู่กันตามลำพังน้อยถามเบาๆ ใจจะขาด
“ทำไม เปียถึงบอกว่าน้าเย็นฆ่าฝ้าย”
“ก็น้าเย็นฆ่าฝ้ายจริงๆนี่...น้อยจำไม่ได้เหรอ เชือกถักสีแดง เป็นเชือกถักของน้าเย็น”
น้อยครุ่นคิดหน้าซีด เปียยิ้มสะใจที่ยั่วสำเร็จ แอ๊บต่อ
“เปียว่า น้าเย็นต้องโกรธต้องแค้นคุณแม่ของเปียแน่ๆเลย พอน้อยเอาฝ้ายไปเลี้ยง น้าเย็นเลยถือโอกาส ฆ่าฝ้าย แก้แค้นคุณแม่ไงล่ะ”
น้อยเถียง
“ไม่...ไม่ใช่...น้าเย็นรักฝ้าย...น้าเย็นไม่มีทางฆ่าฝ้ายแน่ๆ”
เปียทำเป็นสลด
“เฮ้อ...น้อยเนี่ยไร้เดียงสาจริงๆเลย ไม่เคยได้ยินรึไง ความแค้นของผู้หญิง น่ากลัวมาก คิดดูสิ ขนาดทำผิดศีลธรรม ขโมยเปียไปจากคุณพ่อคุณแม่ พรากลูกพรากแม่เค้า น้าเย็นยังทำได้ นับประสาอะไรกับฆ่าแมวตัวนึง”
น้อยอดคล้อยตามไม่ได้ เปียแหย่ต่อ
“เพราะฉะนั้น ถ้าไม่อยากให้น้าเย็นเดือดร้อน น้อยต้องลืมเรื่องนี้ไปเลยนะอย่าพูดถึงฝ้ายอีก เพราะถ้าเรื่องฝ้ายถูกขุดคุ้ยขึ้นมา คุณพ่อกับคุณแม่ เอาเรื่องน้าเย็นตายแน่”

น้อยนิ่งเงียบ เปียยิ้มสะใจ

น้อยเดินตัวลีบขึ้นบ้าน เห็นเย็นกำลังม้วนเก็บเชือกสีแดง น้อยมองเย็นกลัว หวาดระแวง เย็นเห็นสายตา

“เป็นอะไร”
“เปล่าค่ะ”
น้อยเดินเลี่ยงไป เย็นเรียก
“น้อย...”
น้อยหันมากลัวๆ
“คะน้าเย็น”
“หักอกหักใจเรื่องฝ้ายเถอะนะ ถือว่าฝ้ายหมดเวรหมดกรรมไปแล้ว แล้วถ้าไม่จำเป็น น้าไม่อยากให้น้อยพูดถึงฝ้ายอีก”
น้อยมองเย็น คิดถึงคำพูดเปีย รับคำ
“ค่ะ...น้าเย็น”
น้อยเดินร้องไห้เข้าห้อง เย็นมองตามเห็นใจ เธอรำพึงในใจ
“เพราะถ้าแกยังอาลัยอาวรณ์ฝ้าย เรื่องมันต้องแดงขึ้นมาสักวันแน่ๆ ว่านังเปีย เป็นคนทำ”
เย็นถอนใจ ทั้งห่วงและโกรธเปีย

ค่ำนั้น นมแส ไม่หลับไม่นอน ถือเชือกถักสีแดง เดินวนไปเวียนมา
“เห็นที่ไหน ยัยแส แกคิดสิ...เห็นที่ไหน”
นมแสครุ่นคิดแล้วนึกออกว่าเคยเห็นเชือกบนกอไม้ นมแสสะดุ้งเฮือก ผลุนผลันออกจากบ้านทันที...นมแสถือเชือกสีแดงเดินแกมวิ่งมายังบริเวณหน้าตึก ตรงไปยังกอต้นไม้ที่เห็นเชือกแดง ไปถึงก็หา หาเท่าไหร่ก็ไม่เจอ
“ไม่มี...แปลว่า เชือกเส้นนี้กับเส้นนั้น น่าจะเป็นเส้นเดียวกัน”
นมแสคิดย้อนไปตอนเห็นเปียเหวี่ยงเชือก นมแสหน้าซีดเผือด
“อย่าบอกนะว่าคนที่ฆ่าฝ้ายคือคุณหนูเปีย”
อุทัยเพิ่งกลับจากทำงานเดินมาได้ยิน
“ว่าอะไรนมแส”
นมแสสะดุ้งเฮือก อึกอักหันมามองอุทัย เลอสรรเดินออกมาจากในบ้านเห็นอุทัยกับนมแสพอดี

เปียในชุดนอนกระโปรงมีเสื้อคลุม แต่เสื้อคลุมเปิดกว้างออก เผยให้เห็นชุดนอนด้านในคอลึกและกว้างเดินกระหยิ่มหน้าตาสดใสมาที่ห้องของเลอสรร พอมาถึงหน้าห้องเปียก็ขยับคอเสื้อด้านในให้ร่นลง กว้างขึ้นก่อนเคาะประตู
“พี่เลอคะพี่เลอ”
เงียบไม่มีเสียงตอบ เปียเคาะอีก
“พี่เลอคะ...”
ด้านในเงียบ ไม่มีวี่แววว่าคนจะอยู่ เปียถือวิสาสะเปิดประตูเข้าไป เห็นห้องมืด
“พี่เลอสรรไม่อยู่นี่”
เปียทำท่าจะปิดประตูแต่ทำหน้าเหมือนคิดอะไรออกเดินเข้าห้องเลอสรรและเปิดไฟ ก่อนตรงไปที่โต๊ะมองดูรูปภาพของน้อยด้วยสายตาแห่งความอิจฉา เปียกัดฟันแน่น คว้าเอาคัตเตอร์บนโต๊ะของเลอสรรขึ้นมา ทำท่าจะจ้วงแทงที่รูปภาพของน้อย แต่แล้วเปียก็ต้องสะดุ้งเฮือก เมื่อเสียงของอุทัย ลอดผ่านเข้ามาทางหน้าต่างห้องเลอสรรที่เปิดอยู่
“ว่าไงนมแส อึกๆอักๆอยู่ได้ มีอะไร”
เปียรีบเดินไปที่หน้าต่างมองลงไปเห็นอุทัยกับนมแสยืนอยู่ ท่าทางนมแสอึกๆอักๆเหมือนอย่างที่อุทัยว่า และเลอสรรก็เดินเข้าไปสมทบ เปียเบิกตากว้างอยากรู้
“เรื่องฝ้ายค่ะ ดิฉันอยากคุยเรื่องการตายของฝ้ายค่ะ”
เปียตาเป็นประกายวาบ เปียรีบวางคัตเตอร์ลงที่โต๊ะไม่ใช่ที่เดิมก่อนวิ่งออกไปรวดเร็วโดยที่ไม่ได้ปิดไฟ ปิดประตูห้องของเลอสรร ในขณะที่อุทัยถามนมแสตกใจ
“ว่าไงนะ ฝ้ายตาย”
“ครับฝ้ายตาย”เลอสรรบอกเศร้าๆ

อุทัยเดินลิ่วเข้ามายังห้องรับแขก ทรุดตัวลงนั่งพลางถามนมแส
“เรื่องมันเป็นยังไง ทำไมฝ้ายถึงตาย ไหนเล่าให้ฉันฟังสินมแส”
“ดิฉันไม่ทราบจริงๆค่ะว่าทำไมฝ้ายตาย แต่ที่ดิฉันเห็นก็คือ ฝ้ายถูกฆ่ารัดคอ”
อุทัยตกใจยิ่งกว่าตอนรู้ว่าแมวตาย
“ฆ่ารัดคอ”
“ครับคุณน้า สภาพศพโหดร้ายทารุณมาก ฝ้ายถูกฆ่ารัดคอด้วยเชือกสีแดง” เลอสรรบอก
อุทัยงง ตกใจ
“แล้วมันเรื่องอะไร ถึงได้มีคนฆ่ารัดคอฝ้าย...ฝ้ายมันออกไปซนนอกบ้านเหรอ”
“เปล่าครับ ฝ้ายตายในบริเวณบ้านเรานี่แหละ”
อุทัยคาดไม่ถึง
“ตายในบริเวณบ้าน” อุทัยงง ไปใหญ่
“แต่ที่น่าตกใจยิ่งกว่าอะไรก็คือ...เชือกสีแดง”
เปียวิ่งเข้ามาทันได้ยินตกใจหน้าซีดเผือด มองนมแสตาขวาง ก่อนรีบปรับสีหน้าวิ่งเข้ามาหา นั่งข้างๆกอดอุทัย อ้อนหน้าตาสดใส

“คุณพ่อขา เปียดื้อคิดถึงคุณพ่อจังเลยค่ะ” เปียหันไปสั่งนมแส “คุณพ่อกลับมาเหนื่อยๆไปหาอะไรให้คุณพ่อกินสินมแส”

นมแสหน้าเสีย ไมได้เล่า

“เอ่อ...ค่ะ”
นมแสจะไป อุทัยขัดขึ้น
“ไม่ต้องไปนมแส ฉันไม่หิว เล่ามาดีกว่า เชือกสีแดงรัดคอฝ้ายมันอะไร”
“คือ...”
นมแสมองเปีย จะเล่า เปียแทรกขึ้นทันที
“ว้าย…ไม่เอาค่ะคุณพ่อขา เปียกลัว ไม่เอานะคะ ไม่พูด เราไม่พูดเรื่องนี้กัน” เปียหันมามองนมแสแอบถลึงตาใส่ “ไปได้แล้วนมแส”
นมแสจำต้องเดินออกไป ขณะที่เปียรวบรัดตัดความกอดอุทัยชนิดไม่ให้สนใจนมแส
“เปียคิดถึ้ง...คิดถึงคุณพ่อค่ะ”
อุทัยตั้งตัวไม่ติดมองเปีย แต่ทันทีที่มองชัดๆอุทัยก็ทำหน้านิ่วคิ้วขมวดบอกมา
“พ่อก็คิดถึงลูก...แต่...ลูกไม่ควรที่จะวิ่งออกนอกห้องในสภาพเสื้อผ้าแบบนี้”
เปียผละจากอุทัยทำหน้าเหลอหลางุนงง แต่ทันทีที่ผละออก ยิ่งเห็นเปียในชุดนอนที่ไม่เรียบร้อยชัดเจนยิ่งขึ้น แต่เปียกลับถามแบบไม่รู้เรื่อง
“ทำไมคะ เสื้อผ้าแบบนี้มันเป็นยังไง”
เปียมองดู พลางจับเสื้อตัวเองไปมา นั่นยิ่งทำให้คอเสื้อแหวกกว้างชะเวิบชะว๊าบ อุทัยเพลีย
“ก็มันเป็นชุดนอน แล้วมันก็โป๊มากด้วย”
“โป๊”
เปียทำหน้าแบ๊วมองเลอสรรเป็นเชิงถาม แต่ยิ่งหันไป เลอสรรยิ่งเห็นชัด
“โป๊ตรงไหน ก็นี่มันชุดนอน มีเสื้อคลุมแล้วด้วย ใจคอคุณพ่อจะให้เปียใส่เสื้อคอเต่า ปิดคอ มีฮู้ดคลุมหัวนอนเหรอคะ”
อุทัยเหนื่อยใจ
“ก็ไม่ต้องขนาดนั้น แต่เวลาออกนอกห้อง ลูกต้องสวมเสื้อคลุมดีๆ”
อุทัยจัดเสื้อคลุมด้วยการดึงมาปิด พลางว่า
“ไม่ต้องโป๊ขนาดนี้ก็ได้ รู้มั้ย หลังๆพ่อเห็นแต่ละชุดที่ลูกใส่ โป๊ๆทั้งนั้นเลย เปลี่ยนเสื้อผ้าแบบใหม่ก็ดีนะลูก พ่อไม่อยากให้มีใครมาว่าลูกสาวพ่อ เอะอะก็โป๊...เอะอะก็โป๊ ไปไปนอน”
เปียหันไปกอดที่แขนเลอสรร บอกอ้อนๆ
“พี่เลอขา พาเปียไปนอนหน่อยนะคะ”
เลอสรรมองอุทัย
“เอ่อ...พี่มีเรื่องจะคุยกับคุณน้า”
เปียตกใจ กลัวคุยเรื่องเชือกแดง งอแงงี่เง่า
“ไม่เอาๆ...ไม่เอา เปียจะนอน”
อุทัยไม่ได้ชอบให้เปียใกล้ชิดเลอสรรขนาดนี้ แต่อยู่ต่อหน้าเด็กทั้งสองไม่อยากพูด อุทัยได้แต่พยักหน้า
“ไปส่งน้องที่ห้องหน่อยไปเลอ”
“แล้วคุณน้าไม่คุยเรื่องฝ้าย”
อุทัยปฏิเสธไปงั้นๆ
“น้าปวดหัว ไว้วันหลังค่อยคุยแล้วกัน”
“ไปค่ะพี่เลอ ไปค่ะ”
เปียรีบลากเลอสรรออกไป อุทัยได้แต่มองตามอ่อนใจ

เปียกอดแขนเลอสรรเดินขึ้นบ้าน หน้าซบไหล่อ้อนตามประสา
“คุณพ่อดุเปียอีกแล้ว เปียกลุ้มใจจังค่ะพี่เลอ”
“น้องเปียก็ทำตามที่คุณพ่อบอกสิ...สวมเสื้อผ้าให้มันเรียบร้อย”
เปียจับเสื้อคลุม แต่ดูเหมือนเปิดกระพือออก หันมามองเลอสรรอ้อนๆยั่วๆ
“ก็มันแน่นอก เปียก็อยากจะยกออกบ้างนะสิคะพี่เลอ”
“พูดอะไรน่าเกลียด”
“น่าเกลียดตรงไหน เปียพูดความจริง แน่นอก ต้องยกออก”
เลอสรรถอนหายใจ เปียคว้าแขนเขามากอดใหม่ เป็นจังหวะที่ผ่านมาถึงหน้าห้องเลอสรรพอดี เขาเห็นประตูเปิดกว้าง ไฟเปิดอยู่ก็นิ่วหน้าหันมาถามเปียทันทีแบบสังหรณ์ใจ
“น้องเปียเข้ามาที่ห้องพี่เหรอ”
เปียกะล่อน
“กำลังจะเข้าเดี๋ยวนี้แหละค่า”
เปียคว้ามือเลอสรรจะพาเข้าห้อง เลอสรรตัวแข็ง ขืนตัวเอาไว้ไม่เข้า
“พี่หมายถึงก่อนหน้านี้”
เลอสรรจ้องดุ เปียเหลอหลาตกใจ แอ๊บทันที
“เปล่านะคะเปียไม่ได้เข้า ถึงเราจะเป็นพี่น้องกันแต่ยังไงเปียก็เป็นผู้หญิง มันไม่เป็นการสมควรที่จะเข้าห้องผู้ชาย โดยเฉพาะ”
เปียมองตาเลอสรรเจ้าชู้ ส่งสายตาเป็นนัยๆ
“เราไม่ใช่พี่น้องแท้ๆกัน”
“ดีมากจ้ะ ที่น้องเปียคิดอย่างนี้”
เลอสรรแกะมือออก
“งั้นน้องเปียกลับห้องนอนนะจ้ะ”
เลอสรรจะเดินเข้าห้อง เปียคว้าแขนไว้ ถามทันที
“อ้าว พี่เลอไม่ไปส่งเปียที่ห้องเหรอคะ”
“ห้องน้องเปียเดินอีกหน่อยก็ถึง ที่สำคัญ...เราสองคนไม่ใช่พี่น้องแท้ๆกัน พี่เดินไปห้องนอนน้องเปียมันจะน่าเกลียด ราตรีสวัสดิ์จ้ะ”
เลอสรรเดินเข้าห้องปิดประตู เปียหน้าตาเหลอ เหวอไปทันที...เลอสรรเดินเข้าห้อง พร้อมกวาดสายตามอง รูปของน้อยวางไม่เหมือนเดิมที่สำคัญ มีคัตเตอร์ วางอยู่ข้างๆ เลอสรรไม่สบายใจ ดวงตาหวาดระแวง

“น้องเปียต้องคิดทำอะไรแน่ๆ”

เปียเดินเข้ามาในห้องได้ ก็ปิดประตูดังปัง เดินไปที่กระจกหน้าตาหงิกงอ คำราม

“ผู้หญิงให้ท่าขนาดนี้แล้วยังไม่รู้สึก พี่เลอสรรบ้าที่สุดเลย”
เปียนึกถึงที่นมแสพูดถึงเชือกสีแดง เปีย ดวงหน้าบูดบึ้ง ตาน่ากลัว
“นังนมแสอีกคน...ถ้าฉันรู้ว่าแกคิดจะทำร้ายฉัน”
เปียหยิบลิปสติกสีแดงขึ้นมาวาดรูปหัวกะโหลกบนกระจก
“แกเดือดร้อนแน่”

เช้าวันใหม่...นมแสจัดเตรียมของในครัวแต่เช้า หันมาก็ต้องตกใจเมื่ออุทัยยืนอยู่
“อุ๊ย...คุณอุทัย จะรับอะไรคะ”
“ฉันอยากรู้เรื่องฝ้าย ไหนเล่ามาสิ...นมแสสงสัยอะไร กับการตายของฝ้าย”

อุทัยเดินขึ้นบันไดบ้านด้วยท่าทางตกใจปนโกรธ ในมือถือเชือกแดง เสียงนมแส
“ดิฉัน...เห็นเชือกที่รัดคอฝ้าย เชือกเส้นเดียวกับที่คุณหนูเปีย ถือค่ะ อุทัยยืนหน้าห้องเปีย เคาะประตู
“เปีย ตื่น พ่อมีเรื่องจะคุยด้วย ออกมาคุยกับพ่อเร็ว ตื่น”
เปียนอนอยู่ ในสภาพมีทิชชู่มาก์สหน้าสะดุ้งโหยง เปียหลับต่อไม่ตื่น งัวเงีย
“ยังไม่ถึงเที่ยงเลย เปียยังไม่อยากตื่นค่ะ”
“ยังไงก็ต้องตื่นมาคุยกับพ่อ”
“ไม่อาว เปียไม่ตื่น”
เปียงอแง คว้าผ้าห่มมาคลุมหน้าแบบรำคาญ อุทัยเสียงหนัก
“พ่อบอกให้ตื่น”
เปียลุกมาโวยวายงี่เง่า
“คุณพ่ออ่ะ”
“เปิดประตูเร็วๆ เปิด”
เปียกระชากทิชชูมาก์สเหวี่ยงทิ้งลุกมาเปิดประตูด้วยท่าทางอารมณ์เสียมาก ทันทีที่ประตูห้องเปียถูกเปิดออก อุทัยก็ถลันเข้ามาทันที ชูเชือกแดงหน้าบึ้ง
“นี่อะไร”
เปียตกใจ หน้าซีดแต่กลบเกลื่อน
“ก็เชือก...เชือกสีแดง คุณพ่อมาถามอะไรแบบนี้ อย่าบอกนะว่าคุณพ่อตาบอดสี”
“อย่ามาเล่นลิ้นกับพ่อเปีย” อุทัยชูเชือกตรงหน้าเปีย “บอกพ่อมา...เชือกเส้นนี้ลูกเป็นเจ้าของใช่มั้ย”
เปียตาเบิกกว้าง ปฏิเสธปากคอสั่น
“เปล่านะคะ...เปียไม่ได้ทำ เปียไม่ได้ฆ่านังฝ้าย เปียไม่รู้เรื่อง เปียไม่ได้ทำ เปียไม่ได้ฆ่านังฝ้าย” เปียหลับตาปิดหูส่ายหน้า
อุทัยมองท่าทางมีพิรุธของเปีย ตกใจ เขาเห็นที่หน้ากระจก รอยลิปสติกดูน่ากลัว อุทัยถามทันทีตกใจ เป็นห่วง
“แล้วนี่มันอะไร ลูกทำอะไร”
เปียส่ายหน้า
“ไม่...เปียไม่รู้เรื่อง เปียไม่ได้ทำ”
อุทัยปราดมาหาเปีย แตะตัวเหมือนเรียกสติ
“เปีย”
เปียปัดมืออุทัยออก กรี๊ดลั่น
“ก็บอกแล้วไง เปียไม่ได้ทำ เปียไม่รู้ไม่เห็น เปียไม่ได้ฆ่านังฝ้าย ได้ยินมั้ยเปียไม่ได้ฆ่านังฝ้าย”
เปียพูดพลางกวาดข้าวของเครื่องสำอางน้ำหอม บนโต๊ะเครื่องแป้ง ปาใส่ อุทัยตกใจมากกับอาการบ้าคลั่งของเปีย
“หยุด เปีย หยุด”
เปียกรี๊ด
“ไม่ เปียไม่ได้ฆ่านังฝ้าย ไม่ได้ฆ่า”
เปียยังปาของใส่อุทัยส่งเสียงกรี๊ดๆดังลั่น วณีที่อยู่ด้านล่าง เลอสรรที่อยู่ในห้อง ต่าง

ได้ยินเสียงเปียร้องกันถ้วนหน้า ทั้งเลอสรรและวณีวิ่งมาที่ห้องของเปียทันที
 
อ่านต่อหน้า 3

คมพยาบาท ตอนที่ 7 (ต่อ)

เปียอาละวาดแบบคุมสติไม่อยู่หน้าตาตื่น อุทัยจะเข้าไปหา เปียขว้างขวดน้ำหอมมา ขวดน้ำหอมถูกหัวอุทัยอย่างจัง เขาผงะเซร้องลั่น

“โอ๊ย”
เลือดสดๆไหลลงมาที่หน้า อุทัยเจ็บ มองเปียที่ยังคงกรี๊ดแบบคุมสติไม่ได้ ได้แต่พูด
“เปียไม่ได้ทำ ๆ เปียไม่ได้ฆ่านังฝ้าย”
อุทัยเห็นท่าเปียไม่ดี ลืมเจ็บ วิ่งไปคว้าตัวเขย่าเรียกสติ
“เปีย”
วณีกับเลอสรรวิ่งเข้ามาในห้อง เห็นอุทัยเขย่าตัวเปีย
“มีเรื่องอะไรกันคะพี่อุทัย...เปีย”
เปียตัวอ่อนโอนเอนโงนเงนก่อนจะทรุดฮวบลง วณีร้องกรี๊ดตกใจ
“เปีย”
เปียนอนหายใจรวยรินอยู่ในอ้อมกอดของอุทัย วณีวิ่งเข้าไปหา ตำหนิอุทัย
“พี่อุทัยทำอะไรลูก”
วณีผลักอุทัยออก กอดเปียแนบอก
“เปียจ๋า...ของแม่ แม่อยู่นี่แล้วจ้ะลูก”
เปียกอดวณี พูดแผ่วๆหายใจไม่ทัน
“คุณแม่...เปียกลัว”
“แม่อยู่นี่แล้วจ้ะ คนดีของแม่ ไม่ต้องกลัวนะ”
วณีกอดแน่น ก่อนบอกเลอสรร
“ตาเลอ พาน้องขึ้นเตียงหน่อย”
อุทัยจะเข้ามาอุ้ม วณีผลักออก
“ไม่ต้องมายุ่งกับลูกค่ะ...ตาเลอ...อุ้มน้องขึ้นเตียงหน่อย”
“ครับ”
เลอสรรอุ้มเปียที่หน้าซีดเผือดท่าทางหมดแรงขึ้นไปบนเตียง เปียกอดเลอสรรแน่นเหมือนคนต้องการหลักยึด เลอสรรมองเปียสังเกต ท่าทางของเธอตอนนี้ดูซื่อ บริสุทธิ์ เกินกว่าที่จะคิดว่าเป็นมารยา พอวางร่างเปียลงเตียงได้ วณีก็บอกเลอสรร
“ขอบใจมากจ้ะเลอ...แม่อยู่นี่แล้ว เปียจ๋าของแม่ไม่ต้องกลัวนะลูก”
เปียซบหน้ากับอกของวณีที่กอดปลอบ อุทัยที่มีเลือดไหลซึมออกมามองเปีย ตกใจ สงสัย กังวลก่อนเดินออกไป เลอสรรเดินตาม

อุทัยทำแผลด้วยตัวเอง มีนมแสคอยยื่นอุปกรณ์ให้ อุทัยติดพลาสเตอร์เสร็จก็บอก
“น้าไม่ได้ทำอะไรยัยเปียจริงๆนะเลอ”
“ผมทราบครับ”
“น้าไม่เข้าใจ จู่ๆยัยเปียถึงอาละวาด คลั่งได้ขนาดนั้น”
นมแสพูดแบบเกรงๆ
“คุณหนูเปียกลบเกลื่อนเรื่องเชือกสีแดงหรือเปล่าคะ”
หวานเดินเข้ามา พร้อมสำรับอาหารได้ยิน แต่ทำเป็นไม่ได้แอบฟังเดินเลี่ยงเข้าไปในครัว แต่ตายังชำเลืองมองตลอด
“ฉันไม่รู้...แต่ทันทีที่เห็นเชือก เปียก็ร้องทันที ไม่ได้ฆ่าฝ้ายๆ”
หวานตกตะลึง ขณะที่เลอสรรพูดขึ้น
“คุณน้าบอกน้องเปียเหรอครับ ว่าเจอเชือกเส้นนั้นที่คอฝ้าย”
“น้ายังไม่ทันได้พูดอะไรเลย พอยัยเปียเห็นก็อาละวาด บ้าคลั่ง อย่างที่เลอเห็นนั่นแหละ”
ทุกคนมองหน้ากัน ถึงไม่มีใครพูดอะไร แต่สายตาทุกคนก็บอก เปียมีพิรุธ

ในห้อง เปียกอดวณีแน่นออดอ้อน แบบมีจริต ที่สุดสติก็คืนมา
“เปียไม่ได้ฆ่าฝ้ายนะคะคุณแม่ เปียไม่ได้ทำ เปียไม่รู้เรื่อง”
“จ้ะ...แม่เชื่อ แล้วมันเรื่องอะไรกัน คุณพ่อถึงได้มาปรักปรำเปียจ๋าของแม่”
เปียหน้าเศร้า
“เปียก็ไม่รู้เหมือนกันค่ะ จู่ๆคุณพ่อก็เอาเชือกสีแดงมาชูใส่หน้าเปีย แค่เห็น เปียก็กลัวแล้วล่ะค่ะคุณแม่ขา...”
วณีชะงัก
“กลัว”
“ค่ะ แค่นึกสภาพว่าเชือกเส้นนั้นมันรัดคอฝ้าย เปียก็กลัวแล้วค่ะ”
วณีมองเปียสงสัย ใจเต้นไม่เป็นส่ำ
“เปียรู้เรื่องฝ้ายถูกฆ่ารัดคอด้วยเหรอจ้ะ”
เปียได้สติ...รู้ตัวว่าหลุด
“เอ่อ...ก็...คุณพ่อบอก...” เปียอ้อนกลบเกลื่อน “คุณแม่ขา...ถ้าเปียบอกคุณแม่ คุณแม่ห้ามบอกต่อใครนะคะ ว่าน้าเย็นเป็นเจ้าของเชือกเส้นนั้น”
“แปลว่า เชือกเส้นนั้นเป็นของเย็น” วณีตกใจ
เปียตากร้าว เสียงแข็งเจ้าเล่ห์

“ค่ะ...เชือกสีแดงเส้นนั้น เป็นของน้าเย็น”

เย็นเดินหัวเราะขึ้นมาบนบ้าน น้อยที่นั่งน้ำตาคลอร้อยพวงมาลัยอยู่เงยหน้าขึ้นมองสงสัยแปลกใจ ถามเสียงละห้อย หวาดหวั่น

“น้าเย็นไม่คิดถึงฝ้ายแล้วเหรอคะ น้าเย็นถึงหัวเราะได้แล้ว”
“คิดถึงสิ...แต่คิดถึงก็ส่วนคิดถึง หัวเราะ...ก็ส่วนหัวเราะ”
น้อยถามแบบกลัวๆ
“แล้วน้าเย็นหัวเราะเรื่องอะไรคะ”
“หัวเราะเรื่องคนบ้านโน้น ป่านนี้คงกำลังบ้าคลั่งกันทั้งบ้าน ที่ลูกสาวคนเดียว มีอาการเป็นบ้า เหมือนคนเป็นโรคประสาท”
“ใครคะ มีอาการเป็นบ้า เหมือนคนเป็นโรคประสาท”
“ลูกสาวของคุณอุทัย คุณวณีมีคนเดียว คือคุณหนูเปียไม่ใช่เหรอหรือเธอคิดว่าใครยัยน้อย”
เย็นยิ้มเยาะสายตาสะใจยิ่ง

น้อยในมือถือพวงมาลัยเดินมุ่งหน้าไปที่หลุมศพของฝ้ายด้วยความสงสัย เธอนึกถึงคำพูดของเย็น
“ตะกี้...ฉันไปที่โรงครัว ได้ยินพวกขี้ข้ามันเมาท์กัน ว่าตอนนี้นังเปียมันเป็นบ้า เพราะพ่อแม่มันรู้ มันเป็นคนฆ่านังฝ้ายตาย”
น้อยนั่งลงที่หลุมศพฝ้าย ครุ่นคิดที่เปียบอกเย็นฆ่า น้อยน้ำตาคลอวางพวงมาลัยลง
“น้อยงงไปหมดแล้ว ตกลง ใครเป็นคนฆ่าเธอ กันแน่ฝ้าย”
น้อยน้ำตาหยด สงสารฝ้ายเหลือเกิน เลอสรรยืนมองน้อยอยู่ด้านหลังสงสาร เห็นใจ น้อยวางพวงมาลัยลงบนหลุมฝังศพฝ้าย มือของเลอสรรจับพวงมาลัยด้วย เหมือนอยากจะแสดงความเสียใจกับฝ้าย มือของเลอสรรแทบจับมือน้อย ขณะบอกด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
“พี่เสียใจด้วยนะน้อย เสียใจจริงๆ”
น้อยมองเลอสรร แล้วน้ำตาก็ไหลออกมา

เลอสรรกับน้อยคุยกันในสวน น้อยท่าทางเศร้าสร้อย
“น้อยเสียใจจริงๆค่ะ คาดไม่ถึง ทำไม ฝ้ายถึงจากน้อยไปเร็วขนาดนี้ ที่สำคัญ...การตายของฝ้าย” น้อยร้องไห้โฮออกมา
“น้อยคิดว่า มีคนจงใจฆ่าฝ้ายใช่มั้ย”
น้อยดวงตาหวาดหวั่น ตอบออกมา
“น้อยไม่ทราบค่ะ ไม่ทราบจริงๆ”
“แต่พี่ได้ยินน้อยถามฝ้าย ตกลงใครฆ่า เหมือนน้อยเองก็มีคนที่สงสัย”
น้อยรีบบอก
“เปล่าค่ะ...เปล่า น้อยไม่ได้สงสัยใครเลย” น้อยรีบหลบตา
“ดูตาน้อย พี่ก็รู้ น้อยโกหก”
น้อยสบตาเลอสรร อึดอัดใจ
“น้อย...น้อยไม่ได้โกหก น้อยไม่รู้จริงๆค่ะ ใครฆ่าน้องฝ้าย”
น้อยร้องไห้วิ่งออกไป เลอสรรได้แต่มองตามเห็นใจ

น้อยวิ่งร้องไห้มาหยุดยืนในสวน ได้แต่คร่ำครวญในใจ
“น้อย...น้อยไม่รู้จะบอกยังไง ในเมื่อคนที่น้อยสงสัยว่าฆ่าฝ้าย เป็นคนที่น้อยรักทั้งสองคน”
น้อยร้องไห้ด้วยความอึดอัดเสียใจมาก ประวิทย์ที่ในมือมีอุปกรณ์จะไปล้างรถมองน้อย ตกใจที่เห็นน้อยร้องไห้ จะเดินไปหา น้อยก็ผละไปแล้ว

อุทัยยืนโทรศัพท์ วณีเดินเข้ามาในมือถือเชือกสีแดงได้ยินพอดี
“โอเค...นายกลับจากอเมริกาเมื่อไหร่...ฉันจะพาลูกไปหา ไว้คุยกันหมอ”
อุทัยวางสาย เห็นวณียืนอยู่ จึงเดินเข้าไปหา ถามกังวล
“ลูกเป็นยังไงบ้าง”
วณีเหมือนจะไม่อยากพูดด้วยหลบตา

“หลับแล้วค่ะ”

วณีจะเดินไป

“ท่าทางวณีเหมือนไม่อยากพูดกับพี่”
“วณีกลุ้มใจค่ะ มันเรื่องอะไรกันคะ พี่อุทัยถึงได้ทำรุนแรงกับลูกขนาดนั้น”
อุทัยรีบบอก
“พี่ไม่ได้ทำอะไรลูกเลยนะวณี จู่ๆลูกก็คลั่งขึ้นมา แล้ววณีก็เห็นลูกเอาลิปสติก วาดรูปบ้าบออะไรก็ไม่รู้ ที่หน้ากระจก”
วณีเสียงเครือประชด
“แล้วพี่อุทัย ก็นึกอยากจะพาลูกไปหาหมอขึ้นมาอีก”
“มันจำเป็นนะวณี ลูกมีอาการเหมือนคนเป็นโรคประสาท”
“ลูกไม่ได้บ้าค่ะ”
“พี่ก็ไม่ได้ว่าอย่างนั้น พี่เพียงแค่คิดว่า เปียไม่เหมือนคนทั่วๆไปเท่านั้นเอง”
วณีมองอุทัย สายตาหวาดหวั่นอยู่เหมือนกัน อุทัยพูดต่อเหมือนปรึกษา
“ตระกูลของเรา ไม่เคยมีใครมีอาการทางโรคประสาท ถ้าจะเกิด มันก็คงอยู่ที่การเลี้ยงดู พี่อยากคุยกับเย็น”
ได้ยินชื่อเย็น วณีมองอุทัยสายตามีความน้อยใจ ระแวงอยู่ในที ขณะบอกประชด
“ไปคุยก็ดีค่ะ เพราะลูกบอก เชือกสีแดงเส้นนี้ไม่ใช่ของลูกแต่เป็นของเย็น”
วณีพูด พลางชูเชือกสีแดงขึ้น อุทัยคาดไม่ถึง

อุทัยเดินออกไปรวดเร็ว สวนกับเลอสรรที่จะเดินเข้ามา ด้านหลังวณีน้ำตาคลอ ก่อนจะไหลออกมาด้วยความน้อยใจ เลอสรรเดินเข้ามาเห็นวณีร้องไห้ ในมือกำเชือกสีแดงแน่น เลอสรรก็ตกใจ
“คุณน้า...คุณน้าร้องไห้ทำไม”
“มันน่าเสียใจมั้ยล่ะตาเลอ เปียเป็นลูกของน้า แต่มีอะไรน้ากับพี่อุทัยต้องไปถามเย็น คนที่ทำร้ายน้าอย่างเลือดเย็น คนที่ทำร้ายน้าอย่างแสนสาหัส”
วณีตัวสั่นเทิ้มแบบพยายามระงับอารมณ์ แต่อดไม่ไหว
“คนที่ใจคอโหดเหี้ยมอำมหิต คนไม่มีค่าอะไร ที่จะให้น้านับถือเลย”
เลอสรรไม่เคยเห็นวณีเป็นแบบนี้ ตกใจ
“คุณน้า...”
วณีพรั่งพรูต่อ
“น้าต้องแสร้งยิ้ม แสร้งหัวเราะ ทั้งที่ใจจริงแล้ว น้าอยากจะแก้แค้นเย็น ให้สาสมกับที่เย็นทำกับน้า แต่สำนึกส่วนดีบอก เวรย่อมระงับด้วยการไม่จองเวร น้าต้องเอาความดี ชนะความชั่ว แต่พอเห็นเปีย...”
วณีร้องไห้ออกมาแบบยั้งไม่อยู่ สายตาผิดหวัง
“น้าก็แค้นเย็นขึ้นมาอีก เย็นทำให้ลูกที่น่ารักของน้า กลายเป็นเด็กบ้าอะไรก็ไม่รู้ น้าไม่เข้าใจผลของการทำดี ทำไมเป็นแบบนี้ เลอรู้แล้วใช่มั้ย ตอนนี้น้าหัวเราะไม่ออก น้าหัวเราะไม่ออกแล้วจริงๆ เพราะเย็น...เย็นคนเดียว”
เลอสรรเองก็พูดไม่ออก ได้แต่มองวณีเห็นใจ อีกมุม นมแสยืนมองอยู่สายตาสงสารเห็นใจวณีมาก และเกลียดเย็นสุดๆ

เย็นนั่งถักด้ายทำงานของตัวเองตามประสาทำงานไปร้องเพลงไปทุกข์ใจ
“ตั้งแต่ครั้งนั้นที่เธอไม่อยู่...ชีวิตดูเปลี่ยนไป...”
อุทัยเดินขึ้นบันไดบ้านได้ยินเสียงเพลงอันเศร้าสร้อยของเย็น ก็ชะงักไป เขาค่อยๆเดินขึ้นไปด้วยฝีเท้าอันแผ่วเบาจนถึงขั้นสุดท้าย
“คิดถึงเธอทุกที ที่อยู่คนเดียว”
อุทัยเดินขึ้นไปบนบ้าน เห็นเย็นนั่งก้มหน้าทำงานหน้าเศร้า วูบนั้น เขารู้สึกใจหาย รับรู้ได้ถึงความเจ็บปวดทุกข์ทรมานของเย็น สายตาของอุทัยบ่งบอกถึงความเห็นใจ รู้สึกผิด การกระทำของเขาทำให้เย็นเจ็บปวดถึงเพียงนี้ แต่พออุทัยเบนสายตาไปเห็น ในมือของเย็นกำลังถักเชือกสีแดง อุทัยขนลุกเกรียว หลอน ขณะที่เย็นเงยหน้ามาเห็นพอดี
“มาถึงนี่ มีเรื่องอะไรคะคุณอุทัย”
อุทัยมองเชือกสีแดงในมือเย็น เหมือนตัวจะสั่น
“เธอรู้แล้วใช่มั้ย ฝ้ายตาย”
“ฉันจะไม่รู้ได้ยังไงล่ะคะ ในเมื่อตอนนี้ฝ้ายเป็นแมวของยัยน้อย”
“เธอคิดยังไง”
“เรื่องอะไรคะ”
“ก็เรื่องฝ้ายตาย ใครฆ่าฝ้าย”
“โถๆ คุณอุทัยขา แค่แมวตายตัวเดียว อย่าทำให้เป็นมหากาพย์ถึงขนาดต้องตามล่าหาความจริง ทำตัวเป็นเชอร์ล็อก โฮล์มส์ หรืออกาธา คริสตี้เลยค่ะ”
“เธอรู้จักด้วยเหรอ”
“ยัยน้อยชอบอ่านหนังสือ แกเล่าให้ฟัง และฉันก็ได้รู้ว่า จะสืบเสาะหาความจริงกันไปทำไมกัน ในเมื่อความลับบางอย่าง บางทีอาจจะต้องเป็นความลับตลอดไป” เย็นหัวเราะน่ากลัว
นมแสมาแอบฟังที่มุมหนึ่งของบ้าน และเย็นก็เห็น ดวงตาของเย็นวาวโรจน์แต่ทำเป็นไม่เห็น ขณะที่อุทัยหงุดหงิด
“เธอพูดเรื่องอะไรของเธอ”
“อย่าสนใจเลยค่ะ สนใจดีกว่า ว่าที่คุณมาที่นี่เพื่อจะบอกฉันว่ายัยเปียเป็นคนฆ่านังฝ้าย”
อุทัยมองเย็นจ้องดูพิรุธ นมแสใจหายวาบ ปนอยากรู้
“ฉันไม่เชื่อค่ะ เพราะฉันเลี้ยงยัยเปียมา ตั้ง 18 ปี ที่ผ่านมายัยเปียก็ไม่ใช่เด็กที่ใจคอโหดเหี้ยมอำมหิต แกน่ารัก น่าเอ็นดู...ที่สำคัญ...มีเหตุผลอะไรคะ แกถึงจะต้องฆ่านังฝ้าย”
อุทัยอึ้ง การไม่รู้ความจริงทำให้สับสนกับข้อมูลของทุกฝ่าย เย็นปรายตามองไปยังนมแส ทำทีเป็นไม่เห็นพูดต่อ
“ต้องมีคนใส่ร้าย ฉันมั่นใจต้องมีคนใส่ร้ายยัยเปีย เพราะต้องการโยนขี้มาให้ว่าเป็นเพราะฉัน...ยัยเปียถึงได้มีจิตใจอำมหิตโหดเหี้ยมอย่างนั้น”
“เธอหมายถึงใคร”

“สักวัน คุณก็จะรู้เองค่ะ”

เย็นยิ้มเดินถือขันน้ำ ตรงไปยังมุมที่นมแสซ่อนตัวอยู่ เทน้ำราดลงไป เหมือนล้างมือ นมแสสะดุ้งโหยง เย็นหัวเราะ

“ปกติฉันชอบใช้น้ำร้อนล้างมือ แต่วันนี้ฉันยังไม่ได้ต้ม ไม่อย่างนั้น พวกเห็บหอย ไรเรื้อนที่มันซุกตัวอยู่ด้านล่าง โดนน้ำร้อนลวกแน่”
นมแสเอามืออุดปากตัวเองไม่กล้าขยับ กลัวเย็นเห็น อุทัยมองเย็น สังเกต
“เธอพูดเยอะนะวันนี้ ทั้งที่ความจริงแล้ว ฉันแค่จะมาบอกเธอสั้นๆ...”
“อะไร”
“เปียบอกวณีว่า เชือกสีแดงที่รัดคอฝ้าย เป็นเชือกของเธอ”
อุทัยพูดพลางมองไปยังกลุ่มเชือกสีแดงที่เย็นยังทำงานอยู่ เย็นมองตามแล้วก็หน้า
ซีดเผือด

เปียนั่งแต่งหน้าอยู่ ดวงตาร้าย เอาเรื่องเมื่อนึกถึงเรื่องที่วณีเล่าให้ฟัง...

ในห้องเปียอยู่ในอ้อมกอดของวณี ร้องไห้ออดอ้อน ระแวงกลัวความผิด
“คุณแม่ขา เปียเสียใจ เอะอะก็ดุเปีย คุณพ่อทำเหมือนไม่รักเปียเลย”
วณีรีบบอกแทนอุทัยกลัวลูกเสียใจ
“รักสิลูก พ่อกับแม่รักหนู ยิ่งกว่าแก้วตาดวงใจ ยิ่งกว่าชีวิต รักยิ่งกว่าอะไรทั้งหมด” วณีร้องไห้ออกมา “หนูรู้มั้ย เวลานึกถึงตอนที่หนูถูกขโมยไป พ่อกับแม่ใจจะขาดทุกครั้ง...”
“แล้วทำไม คุณพ่อกับคุณแม่ ถึงปล่อยให้น้าเย็นขโมยเปียไปได้คะ”
“วันนั้นพ่อกับแม่ไปทำธุระ นมแสเลี้ยงหนูอยู่คนเดียว เย็นแอบเอายานอนหลับใส่ในโอเลี้ยงให้นมแสกิน พอนมแสหลับ เย็นก็...ขโมยลูกไป”
เปียเสี้ยมทันที
“พรากลูกพรากแม่ น้าเย็นร้ายกาจ เลือดเย็นที่สุด สงสารนมแสนะคะ นมแสต้องทุกข์ใจมากๆเลยที่ ดูแลเปียไม่ดี”
“จ้ะ จน...ป่านนี้นมแสยังรู้สึกผิดอยู่เลยจ้ะ”

เปียเบ้หน้าเบ้ปาก ตาร้าย
“เชอะ รู้สึกผิด”
เปียโกรธที่นมแส ฟ้องอุทัย

เปียยิ้มเยาะ ตาร้าย เอาเรื่องคว้ามือถือขึ้นมา...ประวิทย์กำลังล้างรถให้อุทัยอยู่ สะดุ้ง เมื่อมีเสียงโทรศัพท์ หยิบมือถือมาดู เห็นเป็นเบอร์ของเปีย ประวิทย์แอบดีใจ ปนงุนงง ปนเสียใจ สับสน ไม่อยากรับสายแต่ก็ต้องรับ
“ครับคุณหนู”
เปียปัดขนตาต่อแต่แอ๊บร้องไห้ อ้อน
“ประวิ้ด ช่วยเปียด้วย”
“คุณหนูเป็นอะไรครับ” ประวิทย์ตกใจ
“คุณพ่อดุเปียดื้อของประวิทย์อีกแล้ว เปียดื้อเสียใจ นี่กินไม่ได้ นอนไม่หลับมาตั้งหลายวันแล้ว เปียดื้อเหนื่อย ไม่มีแรง ถ้าได้นอนหลับคงดี”
“งั้นคุณหนูพักผ่อนเยอะๆนะครับ”
“ก็บอกแล้วไง เปียดื้อนอนไม่หลับ ประวิทย์ไปซื้อยานอนหลับให้เปียดื้อหน่อยนะจ้ะ เปียดื้อจะได้นอนหลับ”
“ครับๆได้ครับ”
เปียแอบอมยิ้มอ้อน
“ขอบคุณมากๆ ขอบคุณจริงๆ มีประวิทย์คนเดียว ที่คอยอยู่ข้างๆเปีย แล้วเจอกันในสวนนะคะที่รักของเปีย”
ประวิทย์ยิ้มแก้มแตก...เปียปัดขนตาไป แอ๊บไป

วณีร้องไห้ เลอสรรบอก
“อะไรที่มันทำให้ทุกข์ใจ ผมไม่อยากให้คุณน้าจำ ตอนนี้น้องเปียก็อยู่กับคุณน้าแล้ว สิ่งที่คุณน้าควรทำคือ ลืมอดีตให้หมดแล้วสร้างความทรงจำที่ดี มีความสุข ระหว่างคุณน้ากับน้องเปียนะครับ”
วณีฝืนยิ้ม
“ที่ผ่านมาน้าก็พยายามแล้วจ้ะ ทำหน้าชื่นทั้งที่อกตรม แต่มันก็...” วณีหัวเราะขื่น “ช่างมันเถอะ น้าคงต้องทำอย่างเลอว่า ไม่อย่างนั้น คนที่ทุกข์ก็คือตัวน้าเอง ไม่ใช่คนอื่น ขอบใจมากจ้ะเลอ”
วณีบีบมือเลอสรรเบาๆเป็นเชิงขอบใจ เปียที่หน้าตาสวยสดใส เดินออกมาจากบ้านอย่างรื่นเริง เหมือนไม่ได้ร้องไห้ทุกข์ใจมาก่อน วณีมองตามสงสัย เลอสรรไม่เห็นเปีย
“อะไรครับคุณน้า”
“เปล่าจ้ะ เอาเป็นว่าน้าจะเข้มแข็ง ขอบใจอีกครั้งนะเลอ”

วณีลุกพรวดเดินออกไปตามเปีย เลอสรรมองตาม สงสัยท่าทางของวณี
 
อ่านต่อหน้า 4

คมพยาบาท ตอนที่ 7 (ต่อ)

ประวิทย์รอเปียอยู่ในสวน เปียไปถึงก็คว้ามือประวิทย์ขึ้นมาจับ อ้อนดีใจ

“ประวิทย์มาเร็วจังเลย”
“ร้านขายยาอยู่หน้าปากซอยเองครับคุณหนู นี่ครับยา”
ประวิทย์ยื่นยาให้ ถามเป็นห่วง
“คุณหนูเป็นยังไงบ้าง”
วณี เดินเข้ามาในสวน เปีย เก็บยาอย่างรวดเร็ว ก่อนอ้อนกุมมือประวิทย์แนบหน้า
“จะเป็นยังไง ก็คิดถึงประวิทย์น่ะสิ”
ประวิทย์มองเปียงุนงง คาดไม่ถึงขึ้นมาอีก แต่แอบดีใจ มีความหวัง เปียอ้อนต่อ
“ไปคุยกันที่อื่นดีกว่านะยอดรักของเปีย เดี๋ยวมีคนมาเห็น”
เปียดึงมือประวิทย์ไปอีกทาง วณีเดินมา มองไม่เห็นใคร
“เปียเดินไปทางไหน เร็วจริง”
วณีกวาดตามอง เดินหาเปียด้วย ท่าทางสงสัย

เปียดึงมือประวิทย์มาหลบมุมคุยกัน ประวิทย์ตัดพ้อแบบเกรงใจเจียมตัว
“ผมนึกว่าคุณหนูจะไม่มาคุยกับผมอย่างนี้อีกแล้ว”
เปียแอ๊บ อ้อน มีจริต
“ทำไมคิดอย่างนั้นล่ะจ้ะประวิทย์”
ประวิทย์เสียงแผ่วๆอ้อมๆแอ้มๆ
“ก็คุณหนู...มี...คุณ...เลอสรร”
เปียหัวเราะคิกคักภูมิใจมาก
“อย่าบอกนะว่าประวิทย์น่ะหึงพี่เลอ”
ประวิทย์ก้มหน้า ไม่กล้าสบตา เปียเชยคางเขาขึ้น ท่าทางก๋ากั๋น
“พี่เลอ เป็นพี่ชายของเปียนะจ้ะประวิทย์ คุณพ่อคุณแม่ท่านอยากให้เปียสนิทสนมกับพี่เลอ เปียอยากให้คุณพ่อคุณแม่สบายใจเลยต้องใกล้ชิดพี่เลอหน่อย และที่เปีย จำใจต้องห่างประวิทย์ก็เพราะ...เฮ้อ...”
เปียหันหลังให้ประวิทย์ ทำดราม่า ประวิทย์ถามสงสัย อยากรู้
“ทำไมล่ะครับคุณหนู”
เปียหลอกด่าตาใส
“ก็ประวิทย์เป็นคนใช้ไง มีพ่อแม่ที่ไหนบ้าง อยากให้ลูกสาวคนเดียว ไปรักกับคนใช้ ไม่มีหรอกมันแตกต่างกันเกินไปคนหนึ่งสูงส่งบนฟ้าแต่อีกคน...”
ประวิทย์ขมขื่น
“อยู่บนดิน”
เปียตีหน้าเศร้า
“อยู่ในโคลนต่างหากล่ะจ้ะ ต่ำ ดำ เปื้อน สกปรก ยิ่งกว่าดินอีก...เปียไม่ได้พูดเองนะจ้ะ แต่คุณพ่อคุณแม่ท่านว่า ประวิทย์ไม่ควรสะเออะมารักเปีย”
ประวิทย์หน้าเสียไปใหญ่ เปียอ้อนเอาหน้าซบไหล่เขา
“แต่ทำยังไงได้ หัวใจเปียมันเรียกร้อง ร่ำหาแต่ประวิทย์” เปียยิ้มหวาน
ประวิทย์ยิ้มออก มองซื่อ เชื่อเปีย
“จริงเหรอครับ”
เปียหัวเราะขำ
“จริงสิ นี่ ประวิทย์เอาแต่ห่วงเปีย ห่วงตัวเองบ้างนะ...กินปลาเยอะๆ...จะได้ฉลาดๆ”
“ผมโง่เหรอครับคุณหนู” ประวิทย์หน้าเจื่อน
เปียปฏิเสธเสียงใสตาใส
“เปล่านะ แต่ประวิทย์กำลังเรียนมหาวิทยาลัย ประวิทย์ก็ต้องเก่งๆสิ จะได้สมกับเป็นคนเก่ง มาปราบ เปียดื้อได้...” เปียหยิกแก้มเอ็นดู “ตั้งใจเรียนนะคะ”
ประวิทย์มองซึ้งใจ
“คุณหนู”
ประวิทย์อดใจไม่ไหว จะจับมือ เปียพลิ้วตัวถอยห่างทันทีบอกหน้าเศร้า
“เปียต้องรีบไปแล้ว ก่อนที่จะมีคนมาเห็น แล้วด่าเปียว่าใฝ่ต่ำ แล้วเจอกันใหม่นะยอดรักของเปีย”
เปียถอยห่าง ทำท่าส่งจูบแบบใจจะขาดตาละห้อย
“แล้วอย่าลืม กินปลาเยอะๆนะ จะได้ฉลาดๆ” เปียทำตาแบ๊วให้ ก่อนเดินไป
ประวิทย์มองตามตาละห้อย หลงรักเปียจริงๆ เปียที่เดินห่างไปเบ้ปาก รำพึงในใจ
“โง่จริงๆเลยไอ้ประวิทย์ คนอย่างแกกินปลาหมดไปทั้งจักรวาล ก็ฉลาดได้ไม่เท่าขี้เล็บซีเปียหรอก”

เปียเดินไป พลางยิ้มเยาะ

เปียเดินเข้าไปมองบ้านพักนมแส ดวงตามาดร้ายมองซ้ายมองขวากวาดมองจนทั่ว พูดกับตัวเองเบาๆ

“คราวนี้ ถึงทีแกแล้ว นังแสจอมแส่”
เปียเดินตรงเข้าไปที่บ้านนมแส หาทางเข้า ก่อนเจอหน้าต่างที่เปิดอยู่ก็ปีนเข้าไป...ในบ้านของนมแส มีเหยือกน้ำตั้งอยู่บนโต๊ะกินข้าว เปียยิ้ม คว้าวัตถุแถวนั้น มาบดยาในซองจนละเอียดก่อนเทลงไปในเหยือกน้ำ เขย่าให้เข้ากัน รีบกระโดดลงหน้าต่างเผ่นหนีทันที

เย็นนั่งกัดฟันกรอด โกรธมาก ทุบโต๊ะดังปัง
“นังเปีย นังสารเลว”
นมแสที่ซ่อนตัวอยู่ ยังไม่ไป เงี่ยหูฟังด้วยอยากรู้ เย็นตวัดสายตามามองเห็นเสี้ยวนมแสซ่อนอยู่ เย็นลุกขึ้น มอง คว้าเหยือกน้ำ กะพูดให้ได้ยิน
“เจอหน้าแกครั้งต่อไป...ฉันจะเอาน้ำร้อนราดแกแน่ๆ”
เย็นสาดเข้าไปตรงที่นมแสซ่อนตัว หัวเราะก้องน่ากลัว ทำไม่รู้ไม่ชี้ นมแส ถูกน้ำอย่างจัง ได้แต่เอามืออุดปาก ก่อนหาทางหลบไป เย็นมองตามสายตาประสงค์ร้าย
“นังนมแส”

นมแสเนื้อตัวเปียกปอน เดินแกมวิ่งมาในสวน เปียที่กลับมาเห็นพอดีรีบซ่อนตัว นมแสบ่นอย่างระแวง
“นังเย็นมันต้องเห็นเราแน่ๆเลย มันถึงได้ทำอย่างนี้...โอยๆ ทำไงดี...ยัยแสแกจะทำยังไงดี”
นมแสวิ่งมา เปียโผล่ออกมาจากมุมหนึ่งของต้นไม้ที่ซ่อนอยู่ นมแสสะดุ้งโหยง
“เลือกโปรโมชั่นหลุมพร้อมโลงให้ตัวเองไงคะนมแส” เปียหัวเราะ
นมแสมองเปียหวาดระแวง
“คุณหนูไม่สบายไม่ใช่หรือคะ แล้วลงมาที่นี่ได้ยังไง”
เปียหัวเราะเยาะเย้ย เดินเข้าหานมแสที่ถอยหลังกรูด
“ก็เดินมาสิคะนมขา นมแสคงไม่รู้น้าเย็นมีโปรโมชั่นหลุมพร้อมโลง” เปียกระชากคอเสื้อนมแสจนมาชิดหน้าตัวเอง “แต่เปียมีโปรโมชั่น หลุมไร้โลง แบบศพไม่มีญาติ”
นมแสมองเปียกลัวตาเหลือกลาน จะผลักออกหนี แต่เปียกระชากเข้ามา
“แกกล้าดีมากนะที่ไปฟ้องคุณพ่อ”
“ดิฉันฟ้องอะไรคะ” นมแสสั่น
“ก็เรื่องนังฝ้ายไง สงสัยแกจะได้ตายเหมือนนังฝ้ายแล้วมั้ง”
“คุณหนูฆ่าฝ้ายจริงๆด้วย” นมแสมอง
เปียหัวเราะขำ
“ฉันไม่ได้ฆ่า ฉันแค่รัดคอมันเฉยๆ แต่มันเสือกไม่หายใจเองก็เป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้”
นมแสถึงจะรู้ แต่ใจหาย
“คุณหนู”
วณีที่เดินตามหาเปีย เดินมาทางด้านหลังได้ยินเปียข่มนมแส
“ถือว่าฉันเตือนแล้วนะ ถ้านมแสมายุ่งเรื่องฉันอีกนมแสคงรู้ว่าจะเจออะไร”
เปียสะบัดผลักนมแสก่อน หันกลับมาแล้วก็ต้องสะดุ้งโหยง เมื่อเห็นวณียืนอยู่
“คุณแม่” เปียตกใจ แต่กลบเกลื่อน “คุณแม่มาตั้งแต่เมื่อไหร่คะ”
วณีหน้าเจื่อนแต่ทำเป็นปกติ
“ก็...ตั้งแต่เห็นลูกอยู่กับนมแสจ้ะ”
เปียกับวณีมองหน้ากัน เปียมองเหมือนลุ้น วณีจะได้ยินมั้ย วณียิ้มขื่นแสร้งถาม
“คุยอะไรกันอยู่จ้ะ”
เปียยิ้ม ถอนหายใจโล่งอก
“อ้อ...ก็...เรื่องทั่วๆไปค่ะ ดินฟ้า อากาศ ช่วงนี้ร้อน เปียเลยบอกนมแสอย่ามาเดินตากแดดในสวนนานๆเดี๋ยวจะไม่สบายเอาค่ะ”
นมแสมองไม่พอใจ
“แต่ดิฉันก็บอกคุณหนูไปแล้วนะคะ หน้าร้อนอย่ากินสะตอเยอะ เอ ไม่ใช่แค่หน้าร้อนสิ หน้าไหนๆก็อย่ากินสะตอเยอะ มันไม่ดีค่ะ”
“ตำราไหนคะนมแส” เปียแทบขย้ำ
“ตำราดิฉันเองค่ะ ด้วยความหวังดี ไม่ว่าใครก็ตาม ดิฉันไม่อยากให้กิน สะตอเยอะค่ะ”
นมแสเดินออกไป เปียหันมามองวณี ถามยิ้มๆแอ๊บ เนียนทำเป็นไม่รู้นมแสประชด
“แต่สตรอเบอรี่อร่อยนะคะคุณแม่ เปียชอบ เปียกินได้ใช่มั้ยคะ”
วณีมองเปีย ไม่รู้จริงๆหรือ นมแสประชด
“จ้ะ”
“งั้น...เปียกินสตรอเบอรี่ แทนสะตอนะคะขุ่นแม่”
เปียหัวเราะเดินไป ไม่ได้สนใจวณี

วณีเดินมาโผเผ เสียงของเปียขู่นมแสดังก้องในหัว
“ถือว่าฉันเตือนแล้วนะ ถ้านมแสมายุ่งเรื่องฉันอีกนมแสคงรู้ว่าจะเจออะไร”
วณีเสียงแผ่วๆอ่อนแรง
“มีเรื่องอะไรกัน ทำไมลูกเปียเป็นเด็กแบบนี้”
วณีทำท่าจะร้องไห้ออกมา ก่อนที่ร่างกายจะซวนเซเหมือนจะเป็นลม น้อยเดินมาเห็น ตกใจ
“คุณวณี”
น้อยรีบเข้ามาประคอง วณีหันมาเห็น
“หนูน้อย...”
“เป็นอะไรคะ”
“ฉันเวียนหัว สงสัยอากาศจะร้อนเกินไป”
“งั้นไปพักนะคะ เดี๋ยวน้อยพาไป”
น้อยประคองวณีอย่างเป็นห่วง วณีมองน้อย เอ็นดูประทับใจ

เลอสรรยืนรอวณีอยู่หน้าบ้าน เห็นเปียเดินยิ้มมา เลอสรรรีบหาทางหลบแถวนั้น แบบไม่อยากเจอ เปียเดินเข้าบ้านแบบไม่เห็น เลอสรรมองจนเปียเดินขึ้นบันไดบ้านไป

เปียเดินตรงไปที่ห้องของเลอสรร เคาะประตู

“พี่เลอขา...พี่เลอ...”
เงียบไม่มีเสียงตอบ เปียเปิดประตูเข้าไป มองไม่เห็นเลอสรรก็หน้าเสีย
“พี่เลอไปไหนน่ะ”

เลอสรรเดินออกมาหน้าบ้าน เห็นน้อยประคองวณีเข้ามา
“คุณน้าเป็นอะไรน้อย” เลอสรรตกใจ
“จะเป็นลมค่ะ”
“มะ...พี่ช่วย”
เลอสรรช่วยน้อยประคองวณี พาเข้าไปในบ้าน

เปียที่ยังอยู่ที่หน้าห้องเลอสรร ตาเบิกโพลง เพิ่งนึกได้
“หรือพี่เลอจะไปหานังน้อย”
เปียตาเขี้ยวปั้ด ปิดประตูห้องเดินลงมาทันที

เลอสรรกับน้อยประคองวณีนั่งพัก นมแสเดินมาเห็น เลอสรรหันไปบอก
“ขอยาลมหน่อยนมแส คุณน้าจะเป็นลม”
“ค่ะๆ”
นมแสเดินออกไป น้อยนั่งลงกับพื้นพัดวี บีบนวดให้วณี นมแสเดินกลับมาพร้อม
ผ้าเย็น ยาลม ทุกคนช่วยกันดูแลวณี น้อยกับเลอสรรถาม...
“เป็นยังไงบ้างครับคุณน้า- คุณวณี”
เลอสรรกับน้อยมองหน้ากัน ที่ถามคำถามเดียวกัน วณียิ้มเอ็นดู
“ถามน้าเหมือนกันเลย”
นมแสยิ้ม
“งั้นดิฉันถามมั่ง คุณวณีดีขึ้นรึยังคะ”
“ดีขึ้นมากเลยจ้ะนม ที่เห็นตาเลอ กับหนูน้อย ห่วงฉัน”
วณี เลอสรรยิ้มให้กัน เปียเดินลงมาจากบันไดเห็นภาพสามคนอบอุ่นก็โกรธปรี๊ดทันที
“น้อยไม่ใช่ลูกคุณแม่สักหน่อย ทำไมต้องห่วงคุณแม่ด้วย...”
เปียเดินเข้ามาเบียดน้อย จนน้อยต้องถอยออก นั่งประกบวณีอ้อน
“คุณแม่ขา เปียดื้อร้อนอยากไปนั่งรถเล่นจัง พี่เลอพาเปียไปนั่งรถเล่นนะคะ...”
“ไม่ได้หรอกจ้ะ คุณน้าไม่สบาย”
เปียมองวณี เห็นปกติ
“คุณแม่ไม่ได้เป็นสักหน่อย นี่พี่เลอแช่งคุณแม่เหรอคะ”
เลอสรรหน้าเหวอ
“ปะ..เปล่านะครับ ผมไม่ได้แช่งคุณน้า”
วณียิ้มบางๆ
“น้าเข้าใจจ้ะ น้าไม่เป็นไรแล้ว เลอพาน้องไปนั่งรถเล่นเถอะจ้ะ”
เปียลุกขึ้น ทำท่ากำหมัด เผลอสก๊อย
“ลุก”
ทุกคนมองเปียเป็นตาเดียว นมแสค้อนเปียตาแทบหลุด
“พาน้อยไปด้วยนะลูก” วณีบอกเปีย
“ไปทำไมคะ” เปียหน้าหงิก
“น้อยไม่ไปค่ะคุณวณี” น้อยรีบปฏิเสธ
“แต่ฉันอยากให้น้อยไป ตั้งแต่มาอยู่นี่ ฉันไม่เห็นน้อยไปไหนเลย ไปนั่งรถเล่นเถอะจ้ะ จะได้ผ่อนคลาย ไม่เศร้าแต่เรื่องฝ้าย”
น้อยหน้าสลด เปียแอบยิ้มเยาะ เลอสรรหันมาหาน้อย
“นะน้อย ไปด้วยกัน”
“นะน้อย ฉันขอร้อง ไปเป็นเพื่อนเปียนะจ้ะ” วณีมองแกมขอร้อง
น้อยหันไปมองเปีย อยู่ต่อหน้าคนอื่นเปียจำต้องยิ้ม น้อยมองวณี ยิ้ม
“ค่ะ น้อยจะไปเป็นเพื่อนเปีย”
เปียกรี๊ดในใจ...ฉันไม่อยากได้เพื่อนโว้ย อยากได้แฟน
เลอสรรเป็นห่วงวณี
“ว่าแต่คุณน้าค่อยยังชั่วแล้วนะครับ”
“จ้ะ”
เลอสรรยิ้มมองน้อย
“งั้น ไปกันจ้ะน้อย”
“ไปยังไม่ได้ค่ะ...” เปียขัดขึ้น
“ทำไมจ้ะ” เลอสรรสงสัย
“เปียจะเปลี่ยนเสื้อใหม่...น้อยไปรอหน้าบ้านไป ส่วนพี่เลอ...มาช่วยเปียเลือกชุดเดี๋ยวนี้เลย”
เปียฉุดมือเลอสรร ลากไปทันที อยู่ต่อหน้าวณี เลอสรรจำต้องลุกไป แต่วณีกลับว่า
“เดี๋ยวแม่ไปช่วยเลือกดีกว่านะลูก”
เปียพูดแบบอ้อนๆมีจริต
“ไม่เอาค่ะ เปียจะออกไปกับพี่เลอ ก็ต้องให้พี่เลอไปเลือกสิคะ ว่าชอบชุดไหน” เปียลากมือเลอสรรอีก “ไปค่ะพี่เลอ”
เลอสรรหันมามอง วณีพยักหน้าอ่อนใจ น้อยเดินออกไป นมแสมองวณีเห็นใจพูดอ่อยๆ
“ถึงคุณเลอจะไม่คิดอะไร แต่ดิฉันว่า มันไม่ค่อยเหมาะนะคะคุณ”
“ฉันรู้ แต่ฉันไม่กล้าพูดไม่กล้าตำหนิลูกต่อหน้าคนอื่น เดี๋ยวแกจะน้อยใจ นมแสก็รู้ เวลาเปียน้อยใจ เป็นยังไง ขนาดฉันไม่สบาย ลูกยังไม่ถามสักคำ”
วณีถอนใจกลุ้มใจมาก

นมแสได้แต่มองวณีเห็นใจ

เปียลากเลอสรรเข้ามาในห้อง เปิดดูเสื้อผ้าเห็นเสื้อผ้ามากมาย

“เปียใส่ชุดไหนดีคะพี่เลอ”
“ชุดไหนก็ได้จ้ะ”
“พี่เลอพูด เหมือนไม่สนใจเปียเลย” เปียงอน
“สนใจสิจ้ะ” เลอสรรพูดแบบเบื่อๆ
เปียยิ้มออก เข้ามากอดแขนอ้อน
“งั้น...พี่เลอ เลือกชุดให้เปียหน่อยนะคะ”
เลอสรรชี้มือส่งๆไปที่ชุดในตู้ เปียเบ้ปาก
“ไม่เอา ไม่สวย เปียไม่ชอบ”
“อ้าว ไม่ชอบ แล้วซื้อมาทำไม”
เปียยิ้มหน้าทะเล้น
“ตอนซื้อชอบค่ะ แต่ตอนนี้ไม่ชอบแล้ว” เปียอ้อน “พี่เลอเลือกชุดใหม่ให้เปียนะคะ”
เลอสรรชี้แบบส่งๆ เปียเบ้ปาก
“ไม่ได้ค่ะ นั่นมันชุดกลางคืน”
“งั้นน้องเปีย อยากใส่ชุดไหน เลือกมาเลยจ้ะ” เลอสรรรำคาญมาก
“งั้น...เปียเลือกชุดนี้ค่ะ”
เลอสรรพยักหน้าแบบขอไปทีจะใส่อะไรก็ใส่เถอะ แต่ต้องหันกลับมามองใหม่ เพราะเปียเอาเสื้อทาบตัว เสื้อตัวนั้นสีขาว คอกว้างแขนจั๊ม เอวลอย เหมือนจะน่ารักแต่แอบเซ็กซี่ เปียเห็นท่าทางของเลอสรรก็หัวเราะคิก เดินเข้าห้องน้ำไปเปลี่ยน เลอสรรถอนใจเฮือก

น้อยเดินออกมาหน้าบ้าน เจอประวิทย์เดินมา
“น้อย...เป็นยังไงบ้าง”
“เรื่องอะไรพี่ประวิทย์”
ประวิทย์เกรงใจ
“เมื่อเช้า...พี่เห็นน้อย แอบร้องไห้”
“อ้อ...ไม่มีอะไรค่ะ น้อย แค่คิดถึงฝ้าย” น้อยกลบเกลื่อน
“อ้อ...พี่ก็นึกว่าน้อยมีเรื่องอะไรไม่สบายใจ นี่รอใครเหรอ”
“เปียค่ะ น้อยจะไปนั่งรถเล่นเป็นเพื่อนเปีย”
ประวิทย์มองเข้าไปด้านใน เห็นเปียในชุดเสื้อสีขาวน่ารัก ใส่กางเกงยีนส์ขาสั้น ถึงจะดูทันสมัยแต่มันสั้นมากเดินออกมากับเลอสรร พอเปียเห็นน้อยคุยกับประวิทย์ก็ส่งสายตาอำมหิตมาแบบหวงๆ ประวิทย์รีบถอยห่างจากน้อย เลอสรรกับเปียเดินมาถึงพอดี
“น้อยบอกจะไปนั่งรถเที่ยวกัน” ประวิทย์ยิ้มบอกเลอสรร
“ไปด้วยกันมั้ยประวิทย์” เลอสรรชวน
เปียรีบขัด
“ถ้าประวิทย์ไปด้วย เดี๋ยวคุณพ่อคุณแม่ก็ดุเปียอีก” เปียอ้อนและอ่อยในที “อย่า
ไปเลยนะประวิทย์ เดี๋ยวเปียเที่ยวเผื่อ”
“ครับ เที่ยวให้สนุกนะครับ”
ประวิทย์มองเปียน้อยใจแอบหึงก่อนเดินไป เลอสรรมองน้อย เสมือนพูดกับน้อย
“เดี๋ยวพี่ไปเอารถมารับนะ” เลอสรรยิ้มเดินไป
เปียมองน้อยตาเขียว
“คิดจะอ่อยผู้ชายเหรอนังน้อย”
“เปล่านะเปีย” น้อยหน้าตื่น
“อ่อนหัด มีความตั้งใจ แต่อ่อนหัด อย่าคิดมาแย่งพื้นที่เสน่ห์ของฉัน หน้าเหมือนคนจะตายอย่างแก ไม่มีทางสู้ซีเปียได้ย่ะ” เปียตะโกน “พี่เลอขา รอเปียดื้อด้วยค่ะ”
เปียวิ่งตามเลอสรรไป น้อยมองตามอ่อนใจ
“คิดเยอะ คิดแยะ คิดอะไรก็ไม่รู้ เปีย”
น้อยเดินตามเซ็งๆ

เลอสรรขับเบนซ์สปอร์ตรุ่นใหม่เปิดประทุน เปียนั่งด้านหน้า น้อยนั่งด้านหลัง เลอสรรดูมีท่าทีห่วงใย สนใจน้อย ปรับแอร์ให้ถาม
“เย็นมั้ยน้อย”
“เย็นค่ะ”
“รถหรูขนาดนี้ จะไม่เย็นได้ยังไงคะ อีกอย่าง น้อยก็เคยนั่งแต่มอเตอร์ไซค์รถเมล์ รถกะป้อ ได้นั่งขนาดนี้ บุญตูดแล้ว”
“ทำไมน้องเปียพูดจาไม่เพราะเลย” เลอสรรปราม
“ไม่เพราะเหรอคะ งั้น...เป็นบุญง่ามก้นก็ได้”
เลอสรรถอนหายใจกับความห่ามของเปีย เปียค้อนน้อยด่าในใจ
“กระแดะ คิดจะแย่งความสนใจของพี่เลอไปจากฉันเหรอ ไม่มีทาง”
เปียนั่งเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันไปตลอดทาง

เลอสรรขับรถมาจอดติดสี่แยกไฟแดง เปียยิ้มอ้อน
“พี่เลอ เปิดประทุนให้เปียหน่อย”
เลอสรรตาเหลือก
“เปิดทำไมน้องเปีย นี่มันกลางวัน แดดจ้าเลยนะ”
“ก็เปียอยากเปิด เปียอยากเจอสายลม และแสงแดด” เปียงองแง
“แต่มันร้อนมากนะเปีย เดี๋ยวจะไม่สบาย” น้อยเตือน
เปียตาขวางอยากจะขย้ำ แต่อยู่ต่อหน้าเลอสรรไม่กล้า
“ยิ่งไม่สบายยิ่งต้องได้รับลม” เปียอ้อน “อากาศบริสุทธิ์ เปิดประทุนนะคะพี่เลอ นะคะ”
“ตอนเที่ยง แถมรถยังติดแบบนี้ อากาศมันไม่บริสุทธิ์นะน้องเปีย”
“ก็เปียอยากเปิด” เปียอ้อน
พูดจบ เปิดประทุนเองปั๊บ รถสปอร์ตคันหรูเปิดประทุนขึ้น พร้อมกับร่างของ
เปียที่ค่อยๆยืนขึ้นมา ผู้คนกลางสี่แยกที่รถติดมองตาค้าง เลอสรรกับน้อยอึ้งตกใจ
“เปีย”
เปียยืดแขนขึ้นทั้งสองมือ ทำท่าบิดขี้เกียจที่เซ็กซี่สุดๆ
“สบายจังเลย”
ทุกคนมองเปีย เวลาเธอยืดแขน เสื้อเอวจั๊มก็ลอยขึ้นไปถึงใต้หน้าอก โชว์หน้าท้องเรียบแบบกางเกงขาสั้นจู๋ เซ็กซี่น่ารักสุดๆ ผู้คนมองเป็นตาเดียว เปียหัวเราะคิกคักดีใจภูมิใจมาก
“ว้าย มีแต่คนมอง เปีย”
เลอสรรกับน้อยพยายามดึง
“ลงมาเปีย ลงมา”
มอเตอร์ไซค์อีกฝั่งที่มัวแต่มองเปีย ขับชนท้ายรถด้านหน้า ดังโครม
“รถชน”
เลอสรร น้อย เปีย หันไปมอง เห็นรถมอเตอร์ไซค์ชนท้ายรถยนต์ด้านหน้า และก็มีรถมาชนท้ายมอเตอร์ไซค์อีกชนกันเป็นทอดๆเพราะมองเปีย เธอหัวเราะคิกดีใจมาก
“ว้าย...รถชนกัน เพราะเปีย”

เปียดี๊ด๊า โบกมือโบกไม้ไปมา ท่าทางเซ็กซี่มาก ไฟเขียวพอดี เลอสรรเร่งเครื่องด้วยความรวดเร็ว อับอาย ขณะที่เปียหัวเราะร่ามีความสุขเหลือเกิน
 
อ่านต่อตอนที่ 8
กำลังโหลดความคิดเห็น