xs
xsm
sm
md
lg

คมพยาบาท ตอนที่ 13

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


คมพยาบาท ตอนที่ 13

เลอสรรควงสองสาวไปห้างสรรพสินค้าชั้นนำ เปียในชุดสวยทันสมัย กระเป๋าแบรนด์เนมหรู รองเท้าส้นสูงเก๋ๆ ท่าทางเหมือนคุณหนู แต่น้อยแต่งตัวเหมือนผู้ติดตาม เปียมองดูน้อยก็รู้ สวยหรูไม่เท่าตัวเอง แต่แกล้งกรี๊ดกร๊าด

“วันนี้น้อยน่ารักมากเลยนะคะพี่เลอ...ดูสิ...เปียดูหมองไปหมดเลย”
“ไม่จริงหรอก ยังไงเปียก็สวยกว่าน้อย” น้อยแย้ง
“น้อยนั่นแหละ สวยกว่าเปีย ยิ่งออกมาเจอแดดอย่างนี้นะผิวพรรณน้อยยิ่งผ๊อง...ผ่อง”
เปียเอาแขนตัวเองมาเทียบกับน้อยเห็นชัดเจนว่าน้อยคล้ำกว่า เปียขาว ผิวละเอียดกว่า แต่เปียจีบปากจีบคอพูด
“ดูสิ...น้อยขาวกว่าเปียด้วย ออร่าก็มากกว่าเปีย”
น้อยหดแขนเข้าอายๆ
“ยังไงน้อยก็สู้เปียไม่ได้หรอก”
“ไม่จริง” เปียดึงมือมาเทียบใหม่ ภูมิใจสวยกว่า “ดูสิ...น้อยขาวใส น้อยสวยกว่าเปียมากๆเลย ถ่ายรูปๆ อัพเฟสกันน้อย”
“ไม่เอา...น้อยไม่อยากถ่าย”
“วันนี้น้อยสวยมากๆเลย ถ่ายด้วยกันนะ...นะ...น้า”
เปียอ้อนน้อยก่อนหันไปอ้อนเลอสรร
“พี่เลอถ่ายรูปให้เปียกับน้อยหน่อย...”
เปียยื่นมือถือให้ เลอสรรรับมือถือมาถ่ายรูปให้ เปียร้องบอก
“หลายๆรูปเลยค่ะพี่เลอ ถ่ายหลายๆรูปเลย”
เลอสรรถ่ายให้ เปียโพสต์ท่าแบบมืออาชีพ แบบคนถ่ายรูปตลอดเวลา ในขณะที่น้อยขัดเขิน เลอสรรยื่นมือถือคืน พลางว่า
“เข้าไปข้างในเถอะมันร้อน...”
เลอสรรดึงมือ เปียยื้อเอาไว้
“เดี๋ยวพี่เลอ เปียอัพไอจีก่อน”
“เข้าข้างใน ร้อน”
เลอสรรลากเปียเข้าไปด้านในจนได้

เลอสรร เปีย น้อยเดินเข้าไปข้างในห้าง เปียยังวุ่นวายกับมือถือ
“น้อยถ่ายรูปขึ้นมากๆเลย มีแต่รูปน่ารักๆ ดูสิ...น่ารักกว่าเปียอีก”
เปียยื่นมือถือให้น้อยดู เห็นเปียสวยเป๊ะตลอด ในขณะที่น้อยเงอะๆงะๆหน้าเจื่อนๆ บางรูปเผลอหลับตา หน้าย่น เปียถาม
“เอารูปไหนลงดีน้อย”
“รูปไหนก็ได้ตามใจเปีย”
เปียเลือกรูปที่น้อยหลับตา กดอัพรูปลงไอจี แล้วหัวเราะ เลอสรรหันมาถาม
“หัวเราะอะไรน้องเปีย”
“เพื่อนเปียว่าน้อยเหมือนคนใช้ แล้วเพื่อนบางคนก็บอก...เปียมากับพี่สาว อุ๊ย…ไม่จริงเลยเนาะพี่เลอสรร น้อยน่ารักจะตาย หน้าเด็กกว่าเปียด้วย”
“ใช่... น้อยหน้าเด็ก ขนาดอยู่ในชุดธรรมดาๆน้อยยังน่ารัก มีออร่าที่สุดเลย”
น้อยค้อนเลอสรรเขิน เปียหน้าเหวอ เป็นอย่างนี้ได้ยังไง

ทุกคนช่วยกันจัดแต่งปาร์ตี้ริมสระ เย็นคอยสังเกตท่าทางของวณี ส่วนวณีเองก็มีท่าทีอึดอัด ขณะบอกเย็น
“เย็นกลับไปรอที่บ้านก่อนก็ได้ งานเริ่มเมื่อไหร่ เดี๋ยวฉันให้เด็กไปตาม”
“ไม่เป็นไร ฉันอยู่ช่วยดีกว่า”
“งั้น...ฉันขอตัวขึ้นไปข้างบนนะ”
เย็นมองสงสัย
“อยู่ช่วยกันดีมั้ยคะ ฉันว่าช่วยกันหลายๆคนสนุกดี”
วณีหน้าเจื่อนไป รู้สึกเหมือนถูกจับผิด
“ก็ได้จ้ะ”
วณีเดินไปอีกมุม ขณะที่เย็นก็เดินไปอีกมุมแต่จากสายตา วณีรู้สึก เย็นจับตามอง
ตลอดเวลา

ในห้างสรรพสินค้า...เปียเลือกซื้อชุดให้น้อย ชุดที่เลือกให้ไม่สวยสักชุด เปียทำกรี๊ดกร๊าด
“ชุดนี้ก็สวย...ชุดนี้ก็สวย เหมาะกับน้อยหมดเลย”
น้อยหน้าเจื่อน เลอสรรเห็นแต่ละชุดไม่เข้าท่า
“คืนนี้น้อยจะมาปาร์ตี้กับเรานะน้องเปีย ไม่ได้ไปโชว์หมอลำซิ่ง”
“เหมือนหมอลำซิ่งตรงไหน” เปียเอาชุดทาบกับน้อย “แต่ละชุดสวยจะตาย”
เลอสรรสวน
“สวยน้องเปียก็ใส่...เดี๋ยวชุดน้อยพี่เลือกให้เอง”
พูดจบเลอสรรก็คว้ามือน้อย เปียเหวออีกรอบ แต่ไม่กล้าโวยวาย ได้แต่ทำหน้าขัดใจ แต่พอเลอสรรหันมา เปียก็ยิ้มหวาน
“น้องเปียคอยดูแล้วกัน...คืนนี้...น้อยจะเด่นและสวยที่สุดเลย”
เลอสรรคว้ามือน้อยไป เปียเบ้ปาก ไม่ยอม

ค่ำนั้น คุณหญิงเดินเข้ามาในบ้าน เห็นบรรยากาศของบ้านเป็นงานปาร์ตี้ มองสบายใจ
“มีงานรื่นเริงบ้างก็ดี...จิตใจจะได้สดชื่นไม่หดหู่” คุณหญิงหันมามองเห็นเย็น “ส่วนอะไรที่เห็นแล้วหดหู่ ก็มองข้ามๆไป”
เย็นไม่ตอบ คุณหญิงค้อน วณีถาม
“ลูกเปียซื้อชุดมาให้ใหม่แล้ว ไม่เปลี่ยนหน่อยหรือเย็น”
“ไม่ค่ะ...เปลี่ยนชุดได้ แต่ถ้าจิตใจยังตกต่ำ โสโครกก็ไม่รู้จะเปลี่ยนไปทำไม”
คุณหญิงมองเย็นเขม็ง...สองคนมองหน้ากันเช่นเคย วณีจับมือคุณหญิงเป็นเชิงติงอย่ามีเรื่อง เลอสรรเดินมากับน้อย
“ผมพาแขกพิเศษของผมในคืนนี้มาแล้วครับ”
ทุกคนหันไปมอง เห็นน้อยอยู่ในชุดน่ารักมีสไตล์เก๋ทันสมัย ทุกคนมองยิ้มเอ็นดู
“น่ารักจริงๆหนูน้อย” คุณหญิงเอ่ยชม
วณียิ้มชื่นชม
“หนูน้อยน่ารักที่สุดเลยจ้ะ”
“เดินมากับตาเลอ ยังกับพระเอก-นางเอกละคร” อุทัยแซว
เย็นยิ้มชื่นชมแต่ไม่ชม สายาตาเย็นจับจ้องอยู่ที่ ความรัก ความเมตตาที่ทั้งคุณหญิง วณี อุทัยมีให้กับน้อย มองแล้วเย็นก็สะท้อนใจ เพราะไม่มีใครถามถึงเปียเลย เย็นตัดสินใจแทรกขึ้น
“แล้วคุณหนูเปียล่ะจ้ะน้อย”
น้อยหันมาบอก
“เปลี่ยนชุดอยู่มังคะน้าเย็น เห็นเปียซื้อชุดใหม่”
“ชุดสวยมั้ยลูก” วณีหันมาถาม
“น้อยก็ไม่ทราบค่ะ”
วณีมองสงสัย เลอสรรบอก

”น้องเปียแอบไปซื้อคนเดียวนะครับ”

เปียในเสื้อชุดคลุมเดินมายังสระว่ายน้ำ ประวิทย์กำลังจัดแต่งริบบิ้นรอบสระพอหันมาก็เห็น เปียที่ยิ้มหวานให้เขา

“อยู่ปาร์ตี้ด้วยกันนะจ้ะประวิทย์”
“ไม่เป็นไรครับคุณหนู”
“น่า...เปียอยากให้อยู่”
เปีย ค่อยๆถอดเสื้อคลุมออก ประวิทย์ตาโตมองตะลึง

เปียแหวกว่ายอยู่ในสระน้ำ ลีลาเหมือนดั่งนางหงส์ ทุกคนเดินเข้ามาเห็นเปีย วณีหน้าแหยขณะพูด
“ชุดใหม่ของลูกเปีย”
คุณหญิงแหยไปใหญ่
“คือ ชุดว่ายน้ำ”
ทุกคนแหยสนิท ขณะที่เย็นยิ้ม ที่สุด เปียก็ยังไม่ทิ้งลายเดิม

ในครัว...ทุกคนหัวเราะกันลั่น หวานพูดขึ้นขำๆ
“เด่นที่สุดในงานอีกแล้ว โถๆ มุขนี้คิดนานมั้ยเนี่ยคุณหนูเปีย”
ช้อยเบ้หน้า
“ไม่นานหรอก เรื่องขโมยซีน มันซึมอยู่ในดีเอ็นเอของคุณหนู”
หวานหันมาหาประวิทย์
“นี่...แล้วคุณหนูชวนให้อยู่ปาร์ตี้ ทำไมไม่อยู่ล่ะประวิทย์”
เอิบมองประวิทย์
“จริงด้วย ไม่อยากเห็นคุณหนูนุ่งชุดว่ายน้ำเหรอ”
“ไม่เลยน้าเอิบ ผมไม่เคยอยากเห็นคุณหนูใส่ชุดแบบนี้เลย ตรงกันข้าม ผมกลับรู้สึกอายแทนด้วยซ้ำ”
ประวิทย์หน้าเศร้า เดินออกไป จวนมองลูกเต่าพลางว่า
“จำไว้นะลูกเต่า...เป็นลูกผู้หญิง ต้องระวังเนื้อระวังตัว ผู้ชายบางคนไม่ได้มักง่าย ถ้าทำตัวไม่ดี เขาจะพาลดูถูกเอาด้วยซ้ำ”
จวนถอนหายใจ หนักใจ มั่นใจ บ้านยังไม่อบอุ่นง่ายๆอย่างที่วณีต้องการแน่

เปียกระโดดโลดเต้นในน้ำอย่างมีความสุขเล่นลูกบอลตะโกนเริงร่า
“คุณพ่อขา คุณแม่ขา...คุณย่า...ลงมาเล่นกับเปียสิคะ”
คุณหญิงส่ายหน้า
“ไม่เอาล่ะ เดี๋ยวย่าจะกลับไปพักแล้ว”
คุณหญิงเดินแยกไป น้อยจะประคอง
“เดี๋ยวน้อยไปส่งค่ะ”
“ไม่เป็นไร ย่ากลับเองได้ อยู่สนุกกับยัยเปียเถอะ...คืนนี้หนูน่ารักจริงๆน้อย”
“ขอบคุณคุณหญิงมากค่ะ” น้อยยกมือไหว้
คุณหญิงเดินแยกไปเปียมองน้อย ริษยาแต่ไม่กล้าแสดงออก ได้แต่ตะโกนอ้อน
“คุณแม่ขา มาเล่นน้ำกับเปียค่า”
“แม่ก็มีธุระ”
“น้าเย็นล่ะคะ”
“น้านั่งดูเฉยๆดีกว่า”
ปากว่าแต่ตาเย็นแอบมองวณีจับสังเกต
“คุณพ่อ”
“ไม่ไหวล่ะลูก” อุทัยส่ายหัว
เลอสรรเดินนำรจนาที่ถือกระเช้าเข้ามา
“ลุงหมอให้เอาผลไม้มาให้ค่ะ รจยินดีด้วยนะคะ ที่เห็นทุกคนมีความสุขแบบนี้”
อุทัยยิ้มแย้ม
“ขอบคุณมากครับ เดี๋ยวผมหาอะไรให้ดื่ม”
“เดี๋ยววณีจัดการให้ค่ะ”
วณีเดินออกไป เย็นมองตามสังเกต เปียไม่รู้เรื่องตะโกน
“น้อย...มาเล่นน้ำด้วยกัน เร็ว...น้อย”
“ไม่เอา” น้อยโบกมือ
“น่า...มาเล่นกับเปีย...นะ นะ...”
“ไม่เอา”
เย็นตะโกนบอกเปีย
“เล่นยังไง ยัยน้อยไม่มีชุดว่ายน้ำ”
“ในห้องเปียมี น้าเย็นพาน้อยไปเปลี่ยนเลย”
“ไป...” เย็นจับแขนน้อย
“น้าเย็น น้อยไม่อยากเล่น”
“เล่นเป็นเพื่อนเปียมันหน่อยนะ...”
เย็นพาน้อยเดินออกไป ตาชำเลืองมอง เห็นอุทัยนั่งคุยกับรจนา ขณะที่เปียว่ายน้ำ
มาหามุมที่เลอสรรนั่งอ้อน
“ระหว่างรอน้อย พี่เลอมาเล่นน้ำกับเปียนะ”

วณีเดินเข้าไปในห้องของเปีย มองดู คลำดู บริเวณเตียง พื้นห้อง เย็นเปิดประตู
เข้าไป วณีสะดุ้งโหยง เย็นไม่สะดุ้งเหมือนรู้ แต่แกล้งว่า
“อุ๊ย นี่ฉันเข้าห้องผิดหรือคะ ขอโทษค่ะ” เย็นแกล้งถอยออกไป มองห้อง ก่อนเดินเข้ามาใหม่ “อ้าว นี่ก็ห้องยัยเปียนี่นา”
วณีปรับสีหน้า
“จ้ะห้องเปีย เย็นมาทำไมเหรอจ้ะ”
“พายัยน้อยมาเปลี่ยนชุดว่ายน้ำน่ะค่ะ...เปียอยากให้น้อยเล่นน้ำเป็นเพื่อน”
“อ้อ งั้นตามสบายจ้ะ”
วณีเดินออกไปดูก็รู้มีพิรุธ เย็นเดินไปดูที่จุดวณีมาวนเวียนเห็นเส้นผมเปีย เย็นมองตามวณี
“เลือกชุดว่ายน้ำไปน้อย”
เย็นเดินออกนอกห้อง น้อย หน้ามุ่ยไม่อยากว่ายน้ำเลย

เย็นเดินตามวณีออกไป เห็นวณีเดินลงชั้นล่างไปโดยที่ไม่ได้แวะห้องตัวเองเลย เย็นสงสัยการกระทำของวณี แล้วเดินกลับเข้ามา พลางถาม
“เลือกชุดได้หรือยัง ไหนเอามาดูซิ”
พูดจบเย็นก็เดินไปหยิบเส้นผมของเปีย เดินไปหย่อนในชักโครกแบบเนียนๆ ขณะที่
น้อยตอบ
“น้อยไม่อยากใส่ชุดว่ายน้ำ”
“เอาชุดกางเกงขาสั้น เสื้อยืดใส่ก็ได้ เอ้า...เอาไปเปลี่ยน...เดี๋ยว”
น้อยที่หอบชุดชะงัก เย็นแกล้งมอง
“ผมน้อยดูไม่เรียบเลย...ดูสิ...เป็นหยักๆ ด้วย...ไม่สวยเลย มะน้าเอาออกให้”
เย็นว่าพลางดึงผมของน้อยออกมา
“อืมห์ ทำไมมันหยักขนาดนี้...” เย็นถอนอีก
“น้าเย็น น้อยเจ็บ”
“เออๆ เดี๋ยวค่อยกลับไปดูใหม่ที่บ้าน ไปเปลี่ยนชุดไป"
 
น้อยเข้าห้องน้ำ เย็นชูเส้นผมของน้อยในมือที่มีประมาณ 5-6 เส้นขึ้นมาดู ก่อนจะเอาไปวางไว้ตามหมอน และ ที่นอน

วณีเดินเข้ามาที่สระว่ายน้ำ อย่างมีพิรุธกังวล เธอมองไปทางด้านหลังอย่างระแวงว่าเย็นจะรู้ทันเธอ อุทัยที่นั่งกับรจนาเห็นท่าทางของวณีก็สงสัย ซ้ำเธอยังเดินมามือเปล่า

“เครื่องดื่มของคุณรจล่ะจ้ะวณี” อุทัยถามขึ้น
วณีตกใจนึกได้
“เอ่อ...วณีขอโทษค่ะ วณีลืม”
“แล้ววณีไปไหนมา”
วณีอึกอักพูดเลี่ยงๆ
“เดี๋ยววณีไปเอามาให้นะคะ ขอโทษด้วยนะคะคุณรจ”
“ไม่เป็นไรค่ะ” รจนาเป็นห่วง “คุณวณีไม่สบายหรือเปล่า”
“นั่นสิ...วณีไม่สบายหรือเปล่า”
“ปะ...เปล่าค่ะ”
เปียที่แหวกว่ายในน้ำ สนุกอยู่คนเดียวตะโกนมา
“คุณแม่ขา ถ้าคุณแม่ไม่เป็นไร ลงมาสนุกกับเปียนะค่ะ”
“แม่ไม่ค่อยสบายน่ะจ้ะ”
อุทัยกับ รจนามองวณี อุทัยสงสัยมาก ท่าทางของวณีดูว้าวุ่น
“วณี...ตกลงเป็นอะไรรึเปล่า พี่ดูวณีดูใจคอไม่อยู่กับเนื้อกับตัวนะ”
“เปล่าค่ะ...” วณีหันไปบอกรจนา “รอสักครู่นะคะ เดี๋ยวฉันไปเอาเครื่องดื่มมาให้”
วณีจะเดินออกไป แต่เลอสรรขัดขึ้น
“เดี๋ยวผมไปเอามาให้เองดีกว่าครับคุณน้า”
ไม่รอคำตอบ เลอสรรเดินออกไป ขณะที่เปียใจหายตะโกน
“พี่เลอขา อย่าไป มาเล่นน้ำกับเปียก่อนค่ะ”
เลอสรรไม่หยุด ไม่มีใครสนใจเปียอีก เปียหน้าจ๋อย อุทัยหันมามองวณี ท่าทางวณีแปลกๆ พิรุธอย่างชัดเจน วณีไม่สบสายตาอุทัย รจนา แต่เดินเลี่ยงออกไปอีก เปียมองทุกคน ไม่มีใครสนใจเธอเลย เปียหลับตา ผ่อนหายใจครุ่นคิดในใจ
“ใจเย็นๆ...ใจเย็นๆนะเปีย เปียต้องใจเย็นๆ”
เปียหลับตาพยายามบอกตัวเอง แต่ที่สุดก็ทนไม่ไหว ลืมตาขึ้น ดวงตาพร้อมจะปรี๊ด

เลอสรรเดินมายังมุมเครื่องดื่ม ที่จัดไว้ด้านใน เขาครุ่นคิด ก่อนกวาดสายตามองไปทางด้านบน สงสัยว่าวณีไปไหน ทำอะไรมา

น้อยเปลี่ยนชุดของเปียออกมา เย็นคว้ามือน้อย
“เร็วเข้ายัยน้อย”
“มีอะไรคะน้าเย็น”
“น้าบอกว่าเร็ว ก็เร็ว”
เย็นพูดพลางจูงมือน้อยออกไปรวดเร็วแล้วปิดประตู

เปียที่ตัวยังจุ่มอยู่ในน้ำ เนื้อตัวสั่นระริก ไม่มีใครสนใจ อุทัยนั่งคุยกับรจนาเครียด
“จะด้วยโรคหรืออะไรก็ตามแต่บอกตรงๆยังไงผมก็ยังไม่ไว้ใจลูกเปีย”
“ยังไง รจจะช่วยดูคุณเปียอีกแรงค่ะ”
“ขอบคุณมากนะครับคุณรจ เดี๋ยวผมขอตัวไปดูวณีก่อน ไปเอาน้ำแค่นี้ ทำไมหายไปซะนาน”
อุทัยเดินแยกไป เปียเห็นอุทัยเดินออกไป ถึงจะไม่ได้ยินแต่ก็รู้ สองคนคุยอะไรกัน เปียมองรจนาอย่างมีแผน แล้วแกล้งร้องออกมา
“โอ๊ย”
รจนาหันขวับมามองเห็นเปียหน้านิ่วก็วิ่งมาหา
“คุณเปีย...คุณเปียเป็นอะไรคะ”
“โอ๊ย”
เปียร้อง ทำหน้าเหยเก ทำเหมือนตะคริวกิน ร่างเริ่มจมลงที่กลางสระ
“คุณเปีย...คุณเปีย”
รจนากระโจนลงไปช่วยเปียอย่างรวดเร็ว เปียตาวาว เบ้ปากออกอย่างเกลียดชังแกล้งร้องให้ช่วยขณะโถมแรงกดรจนาให้จมลงไปในน้ำ
“โอ๊ย...ช่วยเปียด้วยค่ะ ช่วยเปียด้วย”
ปากบอกให้ช่วย แต่เปียกลับหน้าร้ายตาร้ายขณะข่มร่างของรจนาให้จมลงกว่าเดิม

เลอสรรถือแก้วเครื่องดื่มจะเอาไปให้รจนา วณีเดินตามเข้ามาตามองชั้นบน
“เครื่องดื่มคุณรจเรียบร้อยรึยังจ้ะเลอ”
“เรียบร้อยแล้วครับ”
สองคนจะเดินออกไป เย็นจูงน้อยในชุดกางเกงขาสั้นลงมาจากชั้นบน เลอสรรหันขวับไปมอง ก็เห็นวณีจ้องมองเย็นกับน้อยตาเขม็ง ต่างคนจ้องมองกัน ระแวงกันอยู่ในที วณีจะเดินขึ้นไปชั้นบน เย็นเดินเข้าไปขวาง
“ยัยน้อยเรียบร้อยแล้ว ออกไปสนุกกับเด็กๆนะคะคุณวณี”
วณียิ้มเจื่อน จำต้องออกไปพร้อมกับเย็นและน้อย เลอสรร มองท่าทีของเย็นและวณีสงสัย อุทัยมองที่ทุกคนอย่างสังเกต เห็นแต่ละคนดูมีพิรุธ
ในสระ รจนาพยายามฝืนกายขึ้นมา แต่เปียกลับกดลงไปอีก พร้อมร้อง
“ช่วยด้วยค่ะ...ช่วยด้วย”
ทุกคนได้ยินเสียงเปีย รีบวิ่งกันออกมา

รจนาสภาพแทบแย่ ขณะที่เปียยิ้ม ปล่อยมือจากร่างรจนาร้องใหญ่
“ช่วยด้วย ช่วยเปียด้วย”
เปียทำเหมือนกำลังจะจมน้ำ อุทัย เย็น วณี น้อย เลอสรรวิ่งออกมา เห็นเปียทำท่าจะ
จมน้ำ ขณะที่รจนาที่เพิ่งโผล่ขึ้นมาจากน้ำ หายใจหอบ มึน งงตกใจ เย็นร้องลั่น
“เปีย”
เย็นกระโจนลงไปช่วยทันทีก่อนจะพาเปียขึ้นมา ท่ามกลางความตกใจของทุกคน

เปียที่เนื้อตัวเปียกโชกนั่งเนื้อตัวสั่น วณีเอาผ้าขนหนูมาคลุมร่างให้ ทุกคนสนใจมะรุมมะตุ้มเปียเต็มไปหมด เปียปากคอสั่นบอกทุกคน
“เปียขอโทษนะคะ ที่ทำให้ทุกคนเป็นห่วง หมดสนุกกันเลย”
“ไม่มีใครคิดถึงความสนุกหรอกลูก...เพราะหนูสำคัญที่สุดจ้ะ”
เปียยิ้ม ดีใจจริงๆที่ทุกคนเป็นห่วง
“เปียขอบคุณทุกคนมากนะคะ”
เปียยกมือไหว้ทุกคนนอบน้อม รจนาที่ยืนตัวเปียกมีผ้าขนหนูคลุม ยืนอยู่อีกมุม รู้สึกสงสัยคลางแคลงใจ เพราะรู้สึกว่าถูกเปียกดจมน้ำ ขณะที่เย็นก็มองวณี คลางแคลงใจเช่นกัน เย็นบอกเปีย
“ไปพักผ่อนนะคะ น้าพาไป”
เย็นจะพาไป วณีขวางจับตัวเปียแทน
“เดี๋ยวฉันพาไปเองจ้ะเย็น”
“แต่คุณวณีมีแขก” เย็นมองรจนา “ให้คุณอุทัยดูแลเพียงลำพัง เกรงจะไม่เหมาะ”
อุทัยมองเย็นตาขวาง แต่ไม่พูดอะไรออกมา เปียรีบบอก
“คุณพ่อคุณแม่ดูแลคุณรจเถอะนะคะ...น้าเย็นก็เหมือนกัน พาน้อยกลับไปพักผ่อน”
เย็นหน้าเสีย อยากคุยด้วย
“ไม่เป็นไร น้าพาคุณหนูไปเองดีกว่า”
เย็นจะพาไป เปียเบี่ยงตัวออก
“พาน้อยกลับไปเถอะค่ะ ดึกมากแล้ว...พี่เลอ ดูแลเปียได้ค่ะ นะคะพี่เลอ ช่วยพาเปียไปพักหน่อย คุณพ่อคุณแม่จะได้ดูแลคุณรจนา”
“ได้จ้ะ...”

เลอสรรเดินเข้ามาประคอง เปียทำท่าหมดแรง แบบเหนื่อยเดินไปกับเลอสรร ขณะที่เย็นมองตามหงุดหงิดหัวเสีย ไม่สบายใจเลย

เลอสรรเดินมาส่งเปีย แต่พอจะเข้าห้องเปียก็บอกเรียบร้อยอ่อนหวาน

“ส่งเปียแค่นี้ก็ได้ค่ะพี่เลอ ขอบคุณมากนะคะ”
เลอสรรมองเปีย ดูท่าทางเปียเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้น แต่ลึกๆในใจ เขาก็สงสัยดูเปียยังดูแปรปรวน เลอสรรถามด้วยสายตาอ่อนโยน
“น้องเปียโอเคแล้วแน่นะ”
เปียแอ๊บแบ๊ว ยิ้มอ้อน
“พี่เลอถามเปียแบบนี้อีกแล้ว”
“ก็...” เลอสรรอมยิ้มนิดๆ
“อย่าบอกนะคะว่าเห็นเปียเป็นบ้า เป็นโรคประสาทน่ะ” เปียล้อๆเย้าๆ
“เปล่าจ้ะเปล่า...แค่พี่อยากบอกอีกทีว่า เวลาน้องเปียเรียบร้อยแบบนี้น้องเปียน่ารักมากๆ แล้วก็ทำให้คุณน้า สบายใจขึ้นมากด้วยจ้ะ”
หน้าเปียเริ่มหงิกแบบคุมอารมณ์ไม่อยู่ถูกย้ำอยู่บ่อยๆให้เป็นคนดี เลอสรรลูบผมเปียเบาๆ
“เป็นเด็กดีของคุณพ่อคุณแม่นะน้องเปีย”
เปียถอนหายใจ พยายามคุมอารมณ์ให้อยู่
“ค่ะพี่เลอ...เปียจะเป็นเด็กดีของคุณพ่อคุณแม่ เป็นน้องที่น่ารักของพี่เลอ และเป็นเปียที่น่ารักของทุกคนค่ะ”
เปียกอดเลย เลอสรรกอดตอบเหมือนกอดน้องสาว
“น้องเปียน่ารักที่สุดเลย”
เปียยิ้ม เป็นรอยยิ้มที่สมใจมีความสุขมาก เพราะคิดว่าทุกอย่างอยู่ในเงื้อมมือขอเธอ

เย็นกับน้อย เดินขึ้นบ้าน เย็นที่เนื้อตัวยังเปียกอยู่ท่าทางไม่สบอารมณ์ น้อยถาม
“น้าเย็น...มีอะไรจะคุยกับเปียเหรอคะ”
เย็นหันมามองน้อย
“รู้ด้วยเหรอ”
“รู้สิคะ...”
“น้าเป็นห่วง กลัวเปียจะถูกหลอก”
“ใครจะหลอกเปียคะ”
“คนที่นังเปียมันรัก มันไว้ใจน่ะสิ” เย็นตาระแวง
น้อยมองงง ไม่เข้าใจว่าเย็นหมายถึงใคร ขณะที่ดวงตาเย็นเป็นประกายระแวง

อุทัย วณีเดินมาส่งรจนาในชุดใหม่
“โชคดีจังเลยนะคะที่คุณรจติดเสื้อผ้ามาด้วย”
“เผื่อฉุกเฉินน่ะค่ะ ในรถของรจ มีเสื้อผ้าของใช้ส่วนตัวอยู่หลายอย่าง ค้างคืนนอกบ้านได้สบาย” รจนายิ้มอ่อนโยน
“ขอบคุณมากๆนะครับที่ช่วยยัยเปีย”
“ยินดีค่ะ” รจนาหน้าเจื่อนลง
“คุณรจมีอะไรเหรอครับ” อุทัยสงสัย
“เอ๊...ก่อนหน้านี้คุณเปีย ออกกำลังกายหนักรึเปล่าคะ”
“เปล่าค่ะ...มีอะไรหรือคะ”
“ก็ปกติ ตะคริวมักเกิดกับคนที่ออกกำลังกายหนัก หรือ ออกกำลังกายมากเกินไป ไม่ก็เป็นผู้ที่ขาดน้ำหรือเสียเหงื่อ หรือมีการเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิในร่างกายอย่างรวดเร็ว กล้ามเนื้อถึงได้เกิดการหดเกร็ง จนเป็นตะคริว”
อุทัยกับวณีมองหน้ากัน สีหน้างุนงง สงสัย รจนาเห็นก็ยิ้มเจื่อนรีบบอก
“เอ่อ...อาจจะไม่มีอะไรก็ได้ค่ะ อาจจะเป็นแค่คุณเปียอยู่ในช่วงนั้นของเดือนก็ได้ เลยเป็นตะคริว รจขอตัวกลับก่อนนะคะแล้วจะแวะมาดูคุณเปียบ่อยๆ”
อุทัยกับวณียิ้มให้ ต่างก็กล่าวขอบคุณ รจนาเดินขึ้นรถอย่างไม่แน่ใจว่าต้องมีอะไรแน่ๆ อุทัยกับวณีมองหน้ากัน สงสัย

เย็นอาบน้ำเสร็จ กระวนกระวาย น้อยในชุดนอนมองดูเห็นเย็นกดโทรศัพท์หน้านิ่วคิ้วขมวด...มือถือเปียดังลั่นอยู่ที่เตียง เธอเดินออกมาจากห้องน้ำในสภาพที่มีผ้าขนหนูพันอยู่ที่ศีรษะพร้อมที่อบไอน้ำ ท่าทางของเปียมีความสุขมาก เธอหยิบมือถือขึ้นมาดูเห็นเป็นเบอร์ของเย็น ก็แสดงสีหน้าว่าเบื่อไม่สนใจ ทรุดตัวลงนั่งที่เตียง เส้นผมของน้อยอยู่แทบก้นของเปีย เย็นหน้านิ่ว ร้อนใจเปียไม่รับโทรศัพท์ เย็นกดเมสเสจส่งไป เปียหยิบมาดู เห็นเป็นข้อความจากเย็นก็อ่าน
“พรุ่งนี้เช้าเจอกันที่สวนสาธารณะ มีเรื่องด่วน” เปียเบ้ปาก “ด่วนอีกแล้ว ด่วนทั้งปี น่าเบื่อ”
เปียแสดงท่าทีรำคาญ หงุดหงิด เอามือตบหมอน ปัดที่นอน ผมของน้อย ร่วงลงไปอยู่ที่พื้น ก่อนที่เปียกระชากผ้าขนหนู ที่อบไอน้ำออก สะบัดผมที่ยาวสลวยของตัวเองออกมา ผมเปียร่วงบนที่นอน เปียสางผมออกอยู่ครู่ ผมยิ่งร่วงลงมาหายเส้น ก่อนจะนอนลงไปกลิ้งเกลือกบนที่นอน ปิดไฟ เปิดดีวีดีดู ตามประสา...เปียหยิบแผ่นการ์ตูนมาดู ก่อนทำหน้าเบื่อ มันไม่ใช่ เธอเปลี่ยนแผ่นเป็นรักโรแมนติกก็ยังไม่ใช่อีกเลยเปลี่ยนแผ่นเป็นตลก ก็ไม่ชอบ มือเปียเปลี่ยนหนังแผ่นสุดท้ายเป็นหนังฆาตกรรม เนื้อหารุนแรงโหดร้าย เปียยิ้ม พึงพอใจมาก

อุทัยเดินวนเวียนอยู่ ท่าทางเคร่งเครียดไม่สบายใจ เขานึกถึงคำพูดของรจนาที่ถามว่าเปียออกกำลังกายหนักหรือเปล่า ถึงได้เป็นตะคริว อุทัยระแวงเปียมาก เขาแอบไปดูที่ห้อง ค่อยๆเปิดประตูห้องเปียเข้าไปเห็นแสงจ้าจากจอทีวีเปิดอยู่ อุทัยมองดู แล้วก็ต้องเบิกตากว้างด้วยความตกใจ

เช้าวันใหม่...อุทัยหน้าเครียด กังวลร้อนใจ ขณะที่วณี ที่สีหน้ากังวลไม่แพ้กัน
“มันอาจจะไม่มีอะไรก็ได้ค่ะ บางทีมือของลูกอาจเผลอไปโดนรีโมท”
“ลูกไม่ได้เผลอวณี ลูกดูดีวีดี พี่ไม่เข้าใจ ลูกดูหนังที่มันรุนแรงโหดร้ายขนาดนั้นได้ยังไง...ฆาตกรโรคจิตฆ่าหั่นศพคน น่ากลัวจริงๆ”
วณีระแวงแต่พยายามไม่คิดมาก
“มันไม่ใช่เรื่องผิดปกติหรอกค่ะ ใครๆก็เคยดูทั้งนั้นหรือว่าพี่อุทัยไม่เคยดู”
“พี่ไม่อยากทะเลาะกับวณี” อุทัยมองนิ่งๆมีอารมณ์แต่คุม
“พี่อุทัยก็เลิกระแวง แล้วหันมาดูแลลูกได้แล้วค่ะ เพราะมันมีหลายเรื่องที่สำคัญ...กว่ามาจับผิดการดูหนังของลูกค่ะ”
วณีเถียงปกป้อง แต่ตาก็ระแวงเปีย

เปียในชุดน่ารักสดใส เก๋ แต่เรียบร้อยเดินลงมาจากบนบ้าน วณีกับอุทัยมองดูเปียลึกๆระแวงเปียทั้งสองคน
“วันนี้ไม่ไปไหนเหรอลูก” เปียถามทันที
“ไม่ค่ะ”
“แม่ว่าไปช้อปปิ้งหน่อยดีมั้ย”
อุทัยนึกได้รีบเสริม
“ใช่ๆ พ่อว่าลูกเปียไปช้อปปิ้งดีกว่า วณีไปเป็นเพื่อนลูกหน่อยนะจ้ะ”
“ให้หนูน้อยไปเป็นเพื่อนลูกเปียดีกว่าค่ะ”
เปียตาขวาง แต่จำต้องยิ้มกลบเกลื่อน เลอสรรเดินลงมา เปียที่รีบบอก
“เปียไปกับพี่เลอสรรก็ได้ค่ะ...พี่เลอสรรขา ไปช็อปปิ้งกับเปียนะคะ”
“พี่มีนัดกับเพื่อนจ้ะวันนี้”
วณีหันมาบอกเปีย
“ไปกับหนูน้อยแหละลูก...นะ...พาน้อยไปเปิดหูเปิดตาบ้าง”
เปียแอ๊บยิ้มหวาน

“ค่ะ...คุณแม่”
 
อ่านต่อหน้า 2

คมพยาบาท ตอนที่ 13 (ต่อ)

เปียเดินเข้าไปในห้องเปิดตู้เสื้อผ้ากระแทกดังปังๆ หน้าตาหงิกงอ หาชุดใหม่มาเปลี่ยนตาขวาง ท่าทีอารมณ์เสีย ไม่อยากให้น้อยไป ก่อนนึกได้

“อยากให้นังน้อยไปมากนักใช่มั้ย”
เปียยิ้มร้าย หยิบมือถือค้นหาเห็นคำว่ายาเสียสาวชัดเจน เปียยิ้มร้ายกดมือถือทันที

ในห้างสรรพสินค้า...เปียในชุดเก๋ที่สวยกว่าน้อยมากๆ เดินนำน้อยที่อยู่ในชุดสวยปกติธรรมดา ในมือน้อยมีแค่กระเป๋าและขวดน้ำดื่ม
“เราเพิ่งมาเที่ยวห้าง ทำไมเปียชวนน้อยมาบ่อยจัง”
เปียยิ้ม
“คุณแม่อยากให้พาน้อยมาเปิดหูเปิดตา”
น้อยหน้าจ๋อย เสียงโทรศัพท์เปียดังขึ้น เปียทำหน้ามีพิรุธอ้อนน้อยเสียงหวาน
“น้อย...เปียอยากกินกาแฟ ไปซื้อให้หน่อยนะ เปียจะรับโทรศัพท์”
“จ้ะ”
น้อยเดินออกไปเลย แบบคนมีน้ำใจ ซื้อให้ ไม่ได้คิดเรื่องเงิน เปียตะโกน
“ซื้อป๊อปคอร์นมาด้วยนะจ้ะน้อย”
“จ้า”
เปียมอง น้อยพ้นสายตาก็กดรับสาย
“ถึงไหนแล้ว...อะไร ทำไมช้าอย่างนี้ รีบๆมาเดี๋ยวนี้เลยนะ ฉันต้องใช้ เร็ว”
เปียวางสายหน้าหงิก

อุทัยกับวณี ยืนคุมเชิงกัน สองคนเหมือนมีความในใจ อุทัยถาม
“ทำไมวณีไม่ออกไปช้อปปิ้งเป็นเพื่อนลูกจ้ะ”
วณียิ้มเจื่อนๆอึกอักกลบเกลื่อน
“วณีอยากให้ลูกเปียกับหนูน้อย ได้มีเวลาอยู่ด้วยกันนะค่ะ”
“อ้อ” อุทัยยิ้มเจื่อนๆ
“เอ่อ...แล้ววันนี้งานไม่ยุ่งเหรอคะ พี่อุทัยถึงได้ไม่ไปทำงาน”
“ยุ่งจ้ะ แต่พี่อยากอยู่บ้านเป็นเพื่อนวณี”
“ไม่เป็นไรค่ะ...ถ้างานยุ่ง พี่อุทัยไปทำงานดีกว่านะคะ...วณีอยู่คนเดียวได้ค่ะ นะคะ”
“แต่พี่...” อุทัยมีพิรุธมองข้างบน
“วณีอยู่คนเดียวได้จริงๆ พี่อุทัยไปทำงานเถอะนะคะ...ไม่ต้องเป็นห่วง ไม่งั้นวณีคงไม่สบายใจ ถ้ารู้ว่าตัวเองเป็นตัวถ่วงพี่อุทัย”
อุทัยจำต้องไป
“งั้น...พี่ไปทำงานก่อนนะ”
“ค่ะพี่อุทัย”
อุทัยเดินออกไป แบบใจคอไม่อยู่กับเนื้อกับตัว อยากไปหาเส้นผมเปีย...วณียิ้มโล่งใจ พออุทัยเดินขึ้นรถขับออกไป วณีก็รีบเดินขึ้นชั้นบนทันที

วณี เข้าไปในห้องของเปีย ในมือถือกล่องเหมือนที่ใส่เพชรเข้าไปด้วย วณีตรงเข้า
ไปที่เตียงของเปียรวดเร็ว กวาดสายตามองหาผมของเปียเห็นเส้นผม ตกอยู่หลายเส้นบนที่นอน วณีรีบหยิบเส้นผมใส่กล่องรวดเร็ว แล้วเดินออกไป

เปียยืนหน้าหงิกไม่สบอารมณ์ โมโห เพราะคนส่งยาที่นัดไว้ยังไม่มา น้อยเดินมาในมือถือกาแฟแก้วปกติไม่ใช่แบรนด์ดัง พอเห็นน้อย ถือกาแฟ ป๊อบคอร์นเปียก็แกล้งยิ้ม
“นี่จ้ะเปีย...กาแฟ”
เปียมองกาแฟ แก้วถูกๆทำหน้าเพลียบอกเสียงหวาน
“ทำไมน้อยซื้อแบบนี้มา”
“ทำไมเหรอ”
“ก็มันไม่หอม มันไม่อร่อย”
“อ้าว เมื่อก่อนเปียเคยบอกว่าอร่อยนี่ เปียชอบมากด้วย”
เปียยิ้มๆแอ๊บเสียงหวาน พูดแบบเล่นๆแต่น้ำเสียงดูถูกว่าน้อยเชยและโง่
“น้อยจ๋า...ตอนนี้กับตอนนั้นมันไม่เหมือนกัน ตอนนี้เปียต้องกินเฉพาะกาแฟแบรนด์นอก แก้วละเป็นร้อย เปียกินกาแฟถูกๆแบบนี้ไม่ได้แล้วนะ”
เปียมองป๊อบคอร์นในมือน้อย
“อ้าว แล้วนี่ซื้อข้าวโพดคั่วมาทำไม”
“ก็เปียสั่งให้ซื้อไง”
เปียทำหน้าเพลียมาก ไม่เหวี่ยง
“เปียสั่งให้ซื้อป๊อบคอร์น ที่นำเข้าจากเมืองนอก ไม่ใช่ข้าวโพดคั่วแบบนี้เปียกินไม่ได้ มันติดคอ”
“ก็เมื่อก่อนเราชอบกินกันไง” น้อยจ๋อยลงไปอีก
เปียไม่เหวี่ยง แต่ทำหน้าระอา
“เฮ้อ น้อยนี่ ชอบพูดถึงเมื่อก่อนจริงๆ ตอนนี้เปียคือ จรรยา อนุรักษ์ธานิน น้อยอย่าลืมสิ”
เสียงมือถือของเปียดัง เปียยิ้ม นึกว่าของมาตามนัด แต่พอควักมือถือมาดู ก็เห็นเป็นเบอร์มือถือของเย็น เปียสั่งน้อยทันที
“นี่…ถ้าน้าเย็นโทรหา อย่ารับเด็ดขาด เข้าใจมั้ย”
น้อยแปลกใจที่เปียสั่งอย่างนั้น

ในสำนักงานพิสูจน์...ดำรงท่าทางเคร่งเครียดไม่สบายใจกดสายหาอุทัย...มือถือของอุทัย
วางอยู่ในออฟฟิศสำนักงาน อุทัยอยู่ด้านนอกกำลังคุยกับนายช่าง...ดำรงร้อนใจ กดโทรออกอีก

วณีเดินลิ่วออกมาจากในบ้าน มือหนึ่งกำกล่องเพชรแน่น โทรศัพท์บ้านกลับดังขึ้น วณีร้อนใจ จะเดินออกมา แต่โทรศัพท์ดังไม่หยุดจนต้องไปรับ
“สวัสดีค่ะ”
ดำรง คุยสายหน้าเคร่ง
“สวัสดีครับ...ขอสายอุทัย”
“พี่อุทัยไปทำงานค่ะ จากที่ไหนคะ”
“ผมดำรง...ขอโทษ ใครรับสายครับ”
“ฉันชื่อวณี เป็นภรรยาพี่อุทัยค่ะ”
“เอาไงดี...คืองี้ผมมีธุระด่วน แต่ติดต่ออุทัยไม่ได้ รบกวนคุณวณีบอกอุทัยได้มั้ยครับ คืนนี้เจอกันที่ร้าน...”
“ได้ค่ะ...แต่ขอโทษนะคะ คุณดำรงมีธุระกับพี่อุทัยเรื่องอะไร”
“การตรวจดีเอ็นเอครับ ผมได้คุยกับหมอวิธูคร่าวๆแล้ว บอกตามตรง ผมกลัวอุทัยจะเผลอทำอะไรที่ไม่ถูกต้อง โดยเฉพาะ ถ้าเจ้าตัวเขาไม่ยินยอม”
วณีก้มลงมองดูกล่องเพชรที่มีเส้นผมของเปียในมือตัวเอง
“รบกวนคอนเฟิร์มอุทัย คืนนี้เจอกันนะครับ”
“ค่ะ”

วณีวางสาย แต่ตามองกล่องเพชรในมือกังวลหนักใจ

ในห้างสรรพสินค้า เปียเดินลิ่ว มองมือถือ ท่าทางร้อนใจ

“ทำไมไม่โทรมาซักที”
น้อยหิ้วกาแฟ ป๊อบคอร์นตามมา
“เปีย...จะเดินไปไหนเปีย”
“ไปทุกที่ ที่มีทาง” เปียเผลอแว้ด
น้อยจ้องมอง เปียที่แสนหวานน่ารักหายไป เหลือแต่เปียคนเดิม เปียเจอน้อยจ้องได้สติยิ้มกลบเกลื่อน เสียงมือถือดัง เปียสะดุ้งหยิบมือถือขึ้นมาดูแล้วยิ้มบอกน้อย
“น้อยช่วยไปซื้อกาแฟมาให้เปียใหม่นะ...นะ...น้อยนะ”
“ก็ได้...”
น้อยจะหิ้วของไป
เปียรีบคว้าน้อยไว้
“นี่ เดี๋ยวเปียช่วยถือของให้” เปียรีบรับทุกอย่างมาถือ “น้อยรีบไปซื้อกาแฟเถอะ เอาแบบที่เปียอยากกินนะ ขอแก้วใหญ่ๆเลย”
“จ้ะ”
น้อยเดินไป เปียยิ้มรีบรับสาย
“ถึงแล้วใช่มั้ย โอเค เจอกัน”
เปียยิ้มร้ายเดินออกไป

เปียเดินลิ่วออกมาที่ถนน เห็นผู้ชายท่าทางน่ากลัวยืนรออยู่ เปียมองแล้วถาม
“พี่มาส่งของใช่มั้ย”
“ใช่”
“รีบเอามาเร็วๆ”
ผู้ชายคนนั้นรีบยื่นขวดแก้วน้ำใสๆขวดเล็กจิ๋วให้ เปียส่งเงินให้ ผู้ชายคน นั้นรับเงินเดินออกไปอย่างเร็ว เปียถือขวดยามองยิ้มเยาะ
“ซื้อง่าย ยิ่งกว่าซื้อขนมอีก”

เปียเดินลิ่วไปยังถนนในซอยมุมที่ลับตาคน มองซ้ายมองขวา ก่อนจะเอาขวดน้ำสีใสเทใส่ขวดน้ำดื่มของน้อย เปียชูขวดน้ำขึ้นมอง ตัวยาค่อยๆผสมกลมกลืนเป็นสีใส เปียยิ้มร้าย เดินตรงไปที่ห้างสรรพสินค้าอย่างเร็ว

น้อยเดินถือกาแฟกลับมาให้เปีย น้อยกวาดสายตามองหา เสียงมือถือดัง น้อยหยิบมาดู เห็นเป็นเย็น น้อยลืมคำสั่งเปียกดรับ
“คะน้าเย็น”
“น้อยไปดูสิ นังเปียมันออกมาจากบ้านรึยัง น้ารอมันตั้งนานแล้ว” เย็นร้อนใจ
“เอ่อ...” น้อยอึกอัก
“ทำไม มีอะไร”
“น้อยออกมาที่ห้างกับเปียค่ะ แล้วตอนนี้เปียเดินไปไหนก็ไม่รู้”
“อ้าว มันไปห้างได้ยังไง ในเมื่อน้าให้มันมาหา อยู่ที่ห้างไหนกัน บอกมันรออยู่ตรงนั้น...เดี๋ยวน้าไปหา”
เย็นวางสายรู้สึกหงุดหงิดเปียเหลือเกิน รีบเดินไป

น้อย ยืนถือกาแฟรอเปียอยู่ เปียหิ้วของเดินกลับมาพร้อมรอยยิ้ม
“ไปไหนมา รอตั้งนาน”
เปียอารมณ์ดี
“ไปดูของนิดหน่อย เอา เอาคืนไป เปียหนัก”
เปียยื่นของคืนให้ น้อยยื่นกาแฟให้ เปียรับมา
“น้อยกินน้ำก่อนก็ได้...อ่ะ...” เปียคืนเฉพาะขวดน้ำของน้อย
“ขอบใจ”
น้อยรับน้ำไปดื่มแบบหิวมาก เปียยิ้มพอใจก่อนยื่นของคืนให้น้อย
“คราวนี้ก็เอาของไปถือซะดีๆ เปียจะได้กินกาแฟของเปียบ้าง”
น้อยรับของไปถือไว้เหมือนเดิม ขณะที่เปียรับกาแฟนอกมาดื่มเดินยิ้มไป น้อยเดินตามบ่น
“กินเข้าไปได้ยังไง กาแฟแก้วละเป็นร้อยๆ”
“ก็มันอร่อย ที่สำคัญ เปียรวยไง” เปียเดินลิ่วออกไป
น้อยรีบเดินตามเปียไป
“รวยยังไง ก็ไม่จำเป็นต้องกินกาแฟแพงขนาดนี้ก็ได้”
“โอ๊ย กาแฟแก้วละไม่กี่ร้อย จะบ่นอะไรนักหนา รำคาญ” เปียหน้างอ

เปียเดินออกมาหน้าห้าง จะหาทางเผ่น น้อยเดินตามงงๆ
“อ้าว จะไปไหน”
“กลับ รำคาญ บ่นอยู่ได้” เปียหน้าหงิกหน้างอ
“น้อยขอโทษ แค่น้อยไม่อยากให้เปียใช้จ่ายสุรุ่ยสุ่ร่าย”
“ก็บอกแล้วไง ว่ารวย หรือน้อยไม่เชื่อว่าเปียรวย” เปียยียวน
เปียจ้องมองน้อย และโดยที่น้อยไม่คาดคิด เปียเปิดประเป๋าถือ ล้วงกระเป๋าเงิน
ออกมา หยิบเงินแบงค์พันเป็นปึกออกมา เปียค่อยๆกรีดแบงค์ออก ชูเงินต่อหน้าน้อย ที่ยืนจ้องมองตาโต ไม่เข้าใจเปียจะทำอะไร ขณะที่เปียบอก
“เห็นแล้วใช่มั้ยว่ามีเงิน...เงินที่มันใช้ปาหน้าเธอก็ได้”
พูดจบเปียก็ปาเงินทั้งปึกใส่หน้าน้อย น้อยร้องสุดเสียง
“เปีย”
แบงพันค์ร่วงลงกับพื้น ปลิวกระจายไปทั่วบริเวณหน้าห้าง น้อยมอง เห็น
แบงค์เกลื่อนกระจายที่บันได เปียกับน้อยยืนอยู่ที่กลางบันได ดูเด่น พร้อมๆกับที่แบงค์กระจายปลิวกระจายไปทั่วบริเวณ ผู้คนแถวนั้นหยิบมือถือมาถ่ายเอาไว้ น้อยคราง ถามแทบไม่มีเสียง
“ทำไมทำแบบนี้เปีย”
“บอกแล้วไงว่ารวย ส่วนใครที่ไม่รวย อยากได้ ก็เก็บเอาไปแล้วกัน”
เปียหมุนตัวเดินไปอีกทาง น้อยมองเปีย สลับกับที่มองเงิน
“โธ่เอ๊ย เปีย”
น้อยรีบก้มเก็บเงินด้วยความเสียดาย น้อย เห็นพื้นเริ่มโคลงเคลงตาเริ่มพร่ามัวมึนงง ของในมือน้อย ทั้งกาแฟราคาถูกป็อบคอร์น ขวดน้ำ ร่วงหล่นลงที่พื้น กระจายไปกันคนละทิศละทางพร้อมๆกับร่างของน้อยที่ซวนเซล้มลง ทำท่าจะหมดสติ
 
เปียหันมามองน้อยยิ้มสะใจ

เปียเดินเข้าไปในห้าง ผู้ชายคนหนึ่งท่าทางน่ากลัว ยืนอ่านหนังสืออยู่ เปียเดินลิ่วเข้าไปหา เปียแอ๊บ

“พี่คะ...หน้าห้าง มีผู้หญิงเป็นลม ช่วยไปดูหน่อยเถอะค่ะ”
ผู้ชายคนนั้นได้ยินก็หูตาวาว เดินไปทันที เปียยิ้ม รีบเดินตามไปแบบเนียนๆ

ไทยมุงยืนมุงกันแน่น น้อยทำท่าซวนเซจะหมดสติ แต่ในมือน้อยยังกำเงินไว้ไม่ได้ตั้งใจกำ แต่ขณะที่กำเงิน รู้สึกมึนพอดี คนร้ายเดินเข้าไป ตรงรี่เข้าไปหาน้อย
“ขอทางหน่อยครับ ขอทางหน่อย” คนร้ายทำทีเป็นช่วย “เดี๋ยวพาไปส่งโรงพยาบาลนะครับ”
ผู้คนนึกว่าเป็นพลเมืองดียอมให้ช่วย เปียแอบตามมามองเห็นคนร้ายประคองพาน้อยเดินเข้ามาในห้างทะลุไปลานจอดรถอีกด้าน เปียยิ้มสะใจ

เลอสรรขับรถอยู่ เสียงมือถือดัง เลอสรรรับโดยใช้อุปกรณ์ช่วย
“ว่าไงน้องเปีย”
เปียทำเสียงตกใจ
“พี่เลอช่วยเปียด้วยค่ะ”
“ทำไมจ้ะ มีอะไร”
“เปียถูกวิ่งราวกระเป๋าที่ห้าง เปียกลัว พี่เลอช่วยเปียด้วยนะคะ”
“น้องเปียอยู่ที่ไหน ได้...พี่จะรีบไปเดี๋ยวนี้”
เปียยิ้มพอใจ ทุกอย่างช่างง่ายดายสำหรับเปีย

เลอสรรขับรถมาจอด คนร้ายพาน้อยที่สะลึมสะลือไม่รู้ตัวพาเดินไปยังลานจอดรถ เลอสรรลงจากรถ จะเดินเข้าห้าง อีกมุมไม่ห่างกัน คนร้ายประคองน้อยไปยังรถของตัวเองที่จอดอยู่ รปภ.เห็นผู้ชายประคองหญิงสาวก็เดินไปถาม
“มีอะให้ช่วยมั้ยครับ”
คนร้ายบอกแบบเนียนๆ
“แฟนผมเป็นลมน่ะครับ...จะพาไปส่งโรงพยาบาล”
คนร้ายรีบประคองน้อยออกไปด้วยท่วงท่าเนียนๆไม่มีพิรุธ รปภ.หมดความสนใจแค่นั้น...เลอสรรเดินเข้ามาในห้างคลาดกันแบบฉิวเฉียด เลอสรรไม่เห็นน้อย ตรงลิ่วเข้าห้างเลย

เปียแกล้งยืนทำท่าตกอกตกใจ พอเลอสรรเดินเข้ามาเปียก็ร้องดีใจ
“พี่เลอสรร” เปียโผเข้ากอดเนื้อตัวสั่น “ช่วยเปียด้วย เปียกลัว”

เย็นลงจากรถแท็กซี่ เดินขึ้นบันไดห้างมา เห็นผู้คนกำลังก้มเก็บเงินที่หล่นเกลื่อนอยู่ เย็น เห็นกระเป๋าถือใบหนึ่งตกอยู่ก็ชะงัก จำได้เป็นกระเป๋าของน้อย
ในอดีต...ที่บ้านพัก เย็นนั่งถักงานอยู่ น้อยนั่งมองอยู่นาน ก่อนกระเถิบเข้ามานั่งแทบเท้าเอามือเกาะเข่าถามอ้อนๆพร้อมรอยยิ้ม
“น้าเย็นทำอะไรคะ”
“ถามแปลก...ก็...ถักกระเป๋าส่งเขาไง”
“สวยจังค่ะ”
“พิลึกคนนะเรา วัยรุ่นสมัยนี้ ไม่ค่อยมีคนชอบกระเป๋าแบบนี้หรอก มันเชย”
“แต่สำหรับน้อย...น้าเย็นทำอะไรก็สวยหมดค่ะ”
“ประจบจริงนะ” เย็นคลึงหัวเอ็นดู “อยากได้เหรอ”
“ค่ะ...น้อยชอบ น่ารักดี” น้อยเขินๆ
“งั้น...เดี๋ยวน้าทำให้ ชอบสีไหนล่ะ”
เย็นเลื่อนกลุ่มด้ายให้น้อยเลือก น้อยเลือกกลุ่มด้ายขึ้นมาม้วนหนึ่งส่งให้
“สีนี้ค่ะ...ขอบคุณมากนะคะน้าเย็น น้อยจะใช้อย่างทะนุถนอม ไม่ยอมให้มันขาดเลย”
เย็นยิ้มเอ็นดูน้อย น้อยยิ้ม แววตาบ่งบอกรักเย็น

เย็นคว้ากระเป๋าขึ้นมาดู จำได้ ถามทันที
“มีเรื่องอะไรกัน”
“คนเป็นลม”
“แล้ว...แล้วเขาไปไหน” เย็นละล่ำละลัก
คนแถวนั้นชี้เข้าไปในห้าง
“คนพาไปทางโน้น เห็นบอกว่าจะพาไปส่งโรงพยาบาล”
เย็นรีบวิ่งไปทันที

เย็นวิ่งเข้าไปในห้าง หน้าตาตื่น คนร้ายกำลังพาน้อยขึ้นรถ เย็นถามคนเดินไปมา
“เห็นคนเป็นลมมั้ยคะ เขาไปทางไหน”
ผู้คน ส่ายหน้า เย็นวิ่งไปถามอีก
“เห็นคนเป็นลมผ่านมาทางนี้มั้ยคะ”
ผู้คน ส่ายหน้า คนร้ายสตาร์ทรถ...เย็นร้อนรน ถามคนที่เดินเข้ามาอีกประตูหนึ่ง
“เห็นคนเป็นลมมั้ยคะ”
“เห็นๆ...ที่ลานจอดรถน่ะ” คนคนนั้นชี้มือไป
เย็นรีบวิ่งไปทันที คนร้าย สตาร์ทรถ

เย็นวิ่งหน้าตั้งมาหา รปภ.แต่เป็นคนละคนกับที่เห็นน้อย บอกร้อนรน
“ช่วยแจ้งให้ด้วยค่ะ อย่าให้คนพาหลานฉันไป”
รปภ.งงไปนิด เย็นบอกเร็วปรื๋อ
“หลานฉันเป็นลม...ช่วยแจ้งหน่อยนะคะ อย่าให้ใครพาไป”
“อ๋อๆเข้าใจครับ”
รปภ.วอบอกเพื่อนทันที

คนร้ายกำลังจะออกรถ แต่เครื่องกลับดับ
“เฮ้ย ทำไมเป็นแบบนี้วะ”
คนร้ายหัวเสียมองน้อยที่สลบไสลไม่ได้สติ คนร้ายพยายามสตาร์ทรถอีก รปภ.คนที่เห็นน้อยเดินออกมา
“ขอโทษครับคุณ”
คนร้ายผงะ เปิดประจกรถลงถาม
“มีอะไร”
“ญาติของคุณผู้หญิงกำลังมา”
คนร้ายมองเห็นรปภ.กำลังนำเย็นเดินตรงลิ่วมาด้วยท่าทางร้อนรน คนร้ายเห็นก็กลัวทันที รู้ว่าไม่รอดแน่ เปิดประตูอย่างแรง จนประตูรถชนรปภ.ล้มลง เย็นหันมามองเห็นรปภ.ล้ม ขณะที่คนร้ายจะหนี ด้านในรถเป็นน้อยนอนคอพับคออ่อนหมดสติ เย็นกรีดเสียงร้องตกใจ
“ยัยน้อย”
คนร้ายจะหนี วิ่งมาทางเย็น เธอยกเท้าขึ้นขวางทางคนร้ายล้มลง เย็นยกเท้ากระทืบที่ร่างคนร้ายอย่างแรง
“ไอ้เลว”
รปภ. ทั้งสองคนเข้ามาสกัดจับคนร้าย ขณะที่เย็นวิ่งเข้าไปหาน้อยอย่างเร็ว
“น้อย ยัยน้อย”
เย็นมองภาพน้อยหมดสติ แทบขาดใจ

โรงพยาบาล...น้อยนอนอยู่บนรถเข็น มีเย็นวิ่งตาม เกาะรถเข็นไว้ไม่ห่าง จนเจ้าหน้าที่พาน้อยเข้าไปในห้องฉุกเฉิน เย็นยืนหน้าซีด มองตาม เป็นห่วงเหลือเกิน

ในร้านกาแฟในห้าง เปียนั่งกอดแขนเลอสรรเอาไว้ร้องไห้ ผู้คนในร้านมอง

“โชคดีจริงๆที่พี่เลออยู่แถวนี้...ไม่งั้น เปียอยู่คนเดียว เปียต้องตายแน่ๆเลยค่ะ”
“แล้วน้อยไปไหน”
“เปียก็ไม่รู้เหมือนกัน พอน้อยแยกไปซื้อกาแฟ น้อยก็หายไปเลย แล้วเปียก็โดนคนมากระชากกระเป๋า เปียกลัว...กลัวๆ” เปียร้องไห้อ้อนอีก
“น้องเปีย มันผ่านมาเป็นชั่วโมงๆแล้ว...น้องเปียหยุดร้องไห้ได้แล้ว” เลอสรรอาย
“เปียกลัว...กลัวจริงๆนะคะพี่เลอ คนร้ายมันกระชากกระเป๋าเปีย แล้วก็ล้วงเอาเงินเปียไป แล้วมันก็เอากระเป๋า” เปียชูกระเป๋าถือขึ้น “ฟาดหน้าเปีย โอ๊ยๆ เปียทั้งเจ็บทั้งอาย...เปียทั้งเจ็บ ทั้งอายจริงๆค่ะ”
คนนั่งอยู่โต๊ะข้างๆคุยกัน
“ตอนเดินเข้าห้างเธอเห็นมั้ย เงินหล่นเกลื่อนพื้นเลยน่ะ”
“เห็น คนบ้าแน่ๆเลย เอาเงินมาโปรยแบบนั้นน่ะ ประสาท”
“ใช่ ประสาท”
เปียกอดเลอสรรแน่นกระซิบ
“ต้องเป็นเงินของเปียแน่ๆเลยค่ะพี่เลอ ต้องเป็นเงินของเปียแน่ๆ”
“งั้นก็ไปแจ้งความ ตำรวจจะได้หาตัวคนร้าย”
“ไม่เอา...เปียกลัว...เปียไม่อยากให้มันเป็นเรื่องใหญ่ เดี๋ยวคุณพ่อคุณแม่จะเป็นห่วงเปียอีก พี่เลออย่าทำให้คุณพ่อ คุณแม่เป็นห่วงเปียเลยนะคะ” เปียอ้อน

วณีสีหน้ากังวล ครุ่นคิด ก่อนตัดสินใจโทรหาอุทัย...อุทัยอยู่ที่ไซต์งาน เดินเข้ามาในห้องพอดี รีบรับสาย
“ว่าไงจ้ะวณี”
“คุณดำรงโทรมาที่บ้านค่ะ บอกว่าติดต่อพี่อุทัยไม่ได้”
อุทัยนิ่ง สงสัย ดำรงโทรมาทำไม วณีบอกต่อ
“คุณดำรงเขาบอก คืนนี้เขาจะรอพี่อุทัย...เขาอยากคุยเรื่องดีเอ็นเอค่ะ”
อุทัย นิ่งอึ้ง ครุ่นคิด

ค่ำนั้น ดำรง นั่งอยู่กับวณี อุทัยในร้านอาหารหรู ดำรงบอก
“พี่อยากรู้ ทำไมอุทัยสนใจการตรวจดีเอ็นเอนัก เลยคุยกับหมอวิธู แล้วพี่ก็เลยได้รู้...เรื่องที่อุทัยถูกขโมยลูกไป และเพิ่งได้กลับมา”
อุทัยกับวณีนิ่งอึ้ง สีหน้าสลดใจ ดำรงพูดต่อ
“แต่อย่างที่พี่บอกอุทัย ถ้า...ไม่มีการยินยอมจากทุกฝ่าย ตรวจดีเอ็นเอไม่ได้ จะตรวจได้ก็ต่อเมื่อเป็นคดีอาญาเท่านั้น”
อุทัยกับวณีถอนหายใจเฮือก วณีคุมอารมณ์ แต่อุทัยหน้าเสีย
“แต่...เราตรวจในทางลับได้ไม่ใช่เหรอครับพี่”
“ได้...แต่มันผิด มันไม่ถูกต้อง ต่อให้ผลตรวจจะออกมายังไง เขาก็สามารถฟ้องร้องได้ ไม่ใช่ฟ้องร้องอุทัย แต่เขาฟ้องถึงสำนักงานได้”
“งั้น...ไม่มีทางที่จะทำอะไรได้เลยเหรอครับพี่” อุทัยกลุ้มมาก
“ก็คงต้องเป็นอย่างนั้น...นอกจาก...”
“อะไรคะ”
“เปิดอกคุยกับเขาตรงๆ ว่ามีความระแวงสงสัย ซึ่งถ้าเขายอมรับได้ มันก็จบแต่ถ้าเขายอมรับไม่ได้ ก็คงจะกระทบความสัมพันธ์ในครอบครัวอย่างแน่นอน”
อุทัยกับวณีถอนหายใจเฮือกๆ กลุ้มหนัก ดำรงพูดต่อ
“โดยเฉพาะเด็กคนนั้นเป็นโรค ก็คงจะเสี่ยงกับการที่เขาอาจจะคิดสั้น”
วณีหน้าซีดเผือด

เลอสรรยืนรอเปียอยู่ สองมือเลอสรรหิ้วของเต็มไปหมด เขาจะกดมือถือเบอร์ของน้อย เปียเดินมาพร้อมถุงเยอะแยะกอดแขนเลอสรร
“ขอบคุณมากนะคะพี่เลอสรร ที่มาอยู่เป็นเพื่อนเปียซื้อของ เปียสบายใจขึ้นเยอะเลยค่ะ”
เลอสรรยิ้มอ่อนโยน เก็บมือถือ
“สบายใจแล้ว งั้นก็กลับ ป่ะ”
“เดี๋ยวสิคะ...เปียยังซื้อของไม่ครบเลย ไหนจะของฝากคุณพ่อคุณแม่ คุณย่า...น้าเย็น น้อย แล้วก็นมแส คนอื่นๆ...พี่เลออยู่เป็นเพื่อนเปียก่อนนะค้า...น้า”
เปียอ้อน เอาหน้าซบลงที่ไหล่ของเลอสรร อ้อนๆ แต่แล้วก็ต้องสะดุ้งเฮือก เมื่อเห็นน้อยยืนหลบมุมอยู่ ดวงตาของน้อยจ้องมองมาที่เปีย
“อะไรน้องเปีย”
เปียมองไปที่มุมเดิม ไม่เห็นน้อยแล้ว เปียส่ายหน้าหน้าแหยลง
“เปล่าค่ะเปล่า...ไปซื้อของกันต่อนะคะ”
เปียดันร่างเลอสรรเดินไป แต่ตาหันกลับมามองที่เดิม ดวงตาเปล่งประกายวาบขึ้นเป็นรอยยิ้มสะใจ
“หรือนังน้อย มันจะตายแล้ว ดี”

น้อยนอนอยู่ในห้องโรงพยาบาล ค่อยๆปรือตาขึ้น สายตาน้อยยังเห็นทุกอย่างพร่าเลือน เย็นที่กุมมือน้อยไว้ตลอดเวลา ยิ้มดีใจ
“น้อย...น้อย”
น้อยได้ยินเสียงเรียก หันมามองเย็นเพิ่งได้สติ
“น้าเย็น...น้อยเป็นอะไร”
“หมอบอกน้อยได้รับสารแปลกปลอมที่มีฤทธิ์กดประสาทให้หลับ น้อยไปดื่ม ไปกินอะไรที่ไหนมา”
“เปล่านะคะ น้อยไม่ได้กินอะไรเลย”
“เปีย...เปียให้กินอะไรรึเปล่า”
“เปล่าคะ เปียไม่ได้ให้น้อยกินอะไรเลย”
“แล้วมีสารแปลกปลอมอยู่ในตัวน้อยได้ยังไง คิดให้ดีๆสิน้อย น้อยเผลอกินอะไร จากใครเข้าไปรึเปล่า”
น้อยคิดก่อนบอกมั่นใจ
“ไม่จริงๆน้าเย็น น้อยไม่ได้กินอะไรเลย นอกจาก น้ำดื่มที่เอาไปจากบ้านแค่นั้นเองค่ะ”

“น้ำดื่มมาจากบ้าน แล้วจะมีสารแปลกปลอมได้ยังไง” เย็นแปลกใจ
 
อ่านต่อหน้า 3

คมพยาบาท ตอนที่ 13 (ต่อ)

ประวิทย์เดินมาด้อมๆมองๆที่บ้านพักเย็น ตั้งใจจะมาหาน้อยแต่ไม่เห็นใคร แถมบ้านยังปิดไฟด้วย ประวิทย์จะเดินกลับแต่ต้องสะดุ้งโหยง เมื่อจวนยืนขวางหน้าอยู่

“มาทำอะไรลับๆล่อๆประวิทย์”
“ผม...มาหาน้อยครับ”
“เดี๋ยวเย็นเห็นก็เกิดเรื่องอีกหรอก...” จวนเหนื่อยใจ
ประวิทย์หน้าจ๋อย
“พอดี...ผมมีเรื่องจะคุยกับน้อยน่ะครับ”
“จะยังไงก็ไม่ควรมาหาน้อยที่บ้าน ไป...กลับๆ”
ประวิทย์จะเดินกลับแต่จวนร้องเรียก
“เดี๋ยว...ประวิทย์”
“ครับ” ประวิทย์หันมา
“จะคุยอะไรกับน้อยเหรอ”
“ผม...ผม...” ประวิทย์อ้อมๆแอ้มๆ
“ทำไม”
“ผม...อยากรู้เรื่องคุณหนูเปียครับ”
“โธ่เอ๊ย นึกว่าเรื่องอะไร .ตัดใจจากคุณหนูไม่ได้ล่ะสิ”
ประวิทย์หน้าเจื่อนจ๋อย
“เหมือนคุณหนูจะเป็นศูนย์กลางจักรวาลเลยนะ อยู่รอบๆพวกเราทุกคน”

ในร้านอาหาร...อุทัยกับวณีสีหน้ากลุ้มใจอย่างเห็นได้ชัด ดำรงปลอบใจ
“พี่รู้ว่ากลุ้มใจ...แต่ถ้าเราสองคนยอมรับความร้าวฉานที่จะเกิดขึ้นมาในครอบครัวไม่ได้...ใช้หลักของความเมตตาดีมั้ย”
วณีกับอุทัยมองดำรงด้วยสายตาไม่เข้าใจ ดำรงอธิบาย
“การที่เด็กคนหนึ่งรักเรา อยากอยู่กับเรา อยากดูแลเรา ไม่ว่าเขาจะเป็นลูกที่แท้จริงของเราหรือไม่ก็ตาม...เมตตาเขาได้มั้ย กรุณาเขาได้มั้ย การให้ ยังไงก็เป็นเรื่องที่ดีนะอุทัย”
อุทัยได้แต่ผ่อนลมหายใจออก ก้มหน้า เครียด คิดไม่ตก

อุทัยกับวณีเดินออกมาจากร้านอาหาร เดินตรงมาที่รถ สองคนนิ่งเงียบ ความรู้สึก
อื้ออึง วณีค่อยๆเปิดกระเป๋าหยิบกล่องเพชรที่ใส่เส้นผมของเปียออกมา ก่อนตัดสินใจหย่อนทิ้งลงกับพื้น ทำทีเป็นทำหล่น ก่อนจะเดินไป อุทัยก้มลงมองที่พื้น
“วณีทำของหล่น”
วณีหน้าเสีย ขณะที่อุทัยก้มลงเก็บกล่องเพชรคืนให้ วณีรับกลับมาแต่หน้าเสีย อุทัยสังเกตเห็น
“ถ้าหาย เสียดายแย่”
วณีทำหน้าเฉยๆท่าทางไม่เสียดาย แถมหน้ายังวิตกกังวล เก็บกล่องเพชรใส่กระเป๋าก่อนเดินตรงไปที่รถ อุทัยมองตามสงสัยท่าทางของวณี

อุทัยเปิดประตู วณีเดินเข้ามาในห้อง สองคนท่าทางเหนื่อยอ่อน อุทัยบอกด้วยรัก
“กลับมาเหนื่อยๆ วณีอาบน้ำก่อนนะจ้ะ จะได้สดชื่น”
วณียิ้มเซียว
“พี่อุทัยอาบก่อนดีกว่าค่ะ เดี๋ยววณีจะแวะไปดูลูกหน่อย”
วณีวางกระเป๋าแล้วเดินออกไป อุทัยทำทีเป็นปลดกระดุมเสื้อ ด้วยท่าทางสบายๆเหมือนจะอาบน้ำ แต่ทันทีที่ประตูปิด อุทัยก็เปลี่ยนท่าที มองไปที่กระเป๋าของวณี สงสัยอะไรบางอย่าง อุทัยมองไปที่ประตูอีกที เพื่อความมั่นใจ ก่อนที่จะเปิดกระเป๋าของวณีอย่างเร็ว ก่อนจะหยิบกล่องเพชรเล็กๆ ขึ้นมาเปิดดูเห็นเป็นเส้นผมหลายเส้นอยู่ในนั้น ทันใดนั้นเองประตูก็เปิด พร้อมกับร่างของวณีที่เดินเข้ามา อุทัยสะดุ้งโหยง วณีก็สะดุ้ง สองคนมองตากัน อึ้งกันไปทั้งคู่

เปียอยู่ในห้อง ท่ามกลางข้าวของถุงช็อปปิ้งมากมาย เปียนอนกลิ้งเกลือกอยู่บนเตียง เอาของที่ซื้อมา มาทาบทับ อยู่บนเนื้อตัว ลิงโลด ดวงตายิ้มเหม่อนึกถึงภาพที่เลอสรรเอาอกเอาใจ อยู่เคียงข้าง ตอนช็อปปิ้ง เปียชูของขึ้นมองยิ้ม
“เป็นคนดี มีคนรักเนี่ย ดีจังเลย”
เปียหมุนตัวหยิบกรอบรูปของอุทัยกับวณีขึ้นมาดูพึมพำบอก
“หนูรักคุณนะคะ ถึงคุณจะไม่ใช่พ่อแม่ของหนูก็ตาม หนูจะพยายามเป็นเด็กดี...เป็นลูกที่ดีของคุณค่ะ”
เปียกอดรูปของวณีกับอุทัย ราตรีนั้นเปียมีความสุขเหลือเกิน

อุทัยมองหน้าวณี ก่อนถามเสียงสั่น
“วณี...คิดอย่างพี่แล้วใช่มั้ย”
วณีอึ้งไปนิดก่อนพยักหน้า
“ค่ะ...วณีเองก็สงสัย อยากรู้...แต่อย่างที่พี่ดำรงบอกล่ะค่ะ การที่เด็กคนหนึ่งรักเรา อยากอยู่กับเรา อยากดูแลเราไม่ว่าเขาจะเป็นลูกที่แท้จริงของเราหรือไม่ก็ตาม...เมตตาเขาได้มั้ย กรุณาเขาได้มั้ยและในเมื่อลูกเปียรักเรา วณีก็ตัดสินใจแล้วว่า วณีจะรักและเมตตาลูกเปียค่ะพี่อุทัย”
วณีน้ำตาไหลออกมา สบตาอุทัยอ้อนวอน
“ตอนนี้ลูกเปียเป็นเด็กน่ารัก น่าเอ็นดูแล้ว เมตตาแกนะคะพี่อุทัย”
อุทัยกอดวณีเอาไว้เชิงปลอบ
“มันก็คงต้องเป็นอย่างนั้น ในเมื่อไม่ว่าจะด้วยวิธีไหนเราก็ไม่สามารถตรวจดีเอ็นเอได้ ถ้าลูกเปียไม่ยอม แต่จะให้พี่เลิกค้นหาความจริง ว่าลูกเปีย คือลูกจริงๆของเราหรือเปล่า พี่คงทำไม่ได้...เข้าใจพี่ใช่มั้ยวณี”
วณีพยักหน้า ที่สุด สองคนก็ยังคงทุกข์ทรมานใจกับสิ่งที่ยังไม่รู้ อุทัยมองดูเส้นผมในกล่องเพชร ก่อนจะปิดลง วางไว้บนหัวเตียง

เย็นประคองน้อยที่ท่าทางอิดโรยขึ้นมา เย็นเดินไปเปิดตู้เย็น หยิบขวดน้ำมาดู
“น้ายังคิดไม่ออกเลย ว่าน้ำในบ้านเราจะมียาสารปนเปื้อนพวกนั้นได้ยังไง”
น้อยมองเย็นดวงตาใสซื่อ
“แต่น้อยไม่ได้ไปกินอะไรที่ไหนจริงๆนะคะน้าเย็น”
“น้ารู้...แกบอกเป็นครั้งที่ร้อยแล้ว น้าถึงต้องกลับมาดูที่บ้านเราไง” เย็นลุกเดินไปตรวจตามประตูหน้าต่าง “จะว่ามีคนแอบเข้ามาในบ้าน ก็ไม่มีร่องรอยอะไร น้ามองไม่เห็นใคร นอกจากนังเปียจริงๆ”
“ไม่ใช่เปียหรอกค่ะน้าเย็น”
“ไม่ใช่ แล้วมันจะทิ้งแกทำไม” เย็นดวงตาขุ่นมัว

เช้าวันใหม่...อุทัยกับวณีเดินลงมาจากชั้นบน เปียในชุดน่ารัก สวมผ้ากันเปื้อน กำลังทำอาหาร
“คุณพ่อคุณแม่...รอเปียสักครู่นะคะ เปียกำลังทำอาหารเช้าให้ค่ะ”
“ทำอะไรลูก” วณีเดินยิ้มเข้ามาหา
“ไข่ดาว เบคอน ง่ายๆค่ะ”
อุทัยยิ้มให้เปีย พยายามเมตตา เลอสรรเดินเข้ามา เปียบอก
“เปียทำเผื่อพี่เลอด้วยนะคะ”
“ขอบใจจ้ะ”
“พี่เลอพาคุณพ่อคุณแม่ไปนั่งที่โต๊ะได้เลยค่ะ เดี๋ยวเปียเอาไปเสิร์ฟถึงที่เลย”
เปียบอกน่ารักสดใส ทุกคนมองเปียเอ็นดู
“เดี๋ยวพี่ช่วยจ้ะ”

เลอสรรเดินไปช่วยเปีย อุทัยกับวณี มองยิ้มเอ็นดู ท่าทีสบายใจขึ้น

อุทัยกับวณีนั่งที่โต๊ะอาหาร เลอสรรกับเปียเอาอาหารมาเสิร์ฟ

“น่ากินจังเลยลูก...หนูป็นเด็กดีที่สูดเลย” วณีกอดเปีย ยิ้มชื่นใจ
“ขอบใจมากลูก”
ทุกคนนั่งรับประทานอาหาร เปียดูดน้ำส้มพลางบอก
“น้ำส้มคั้นสดๆ อร่อยจังเลย เปียคั้นกับมือเลยนะคะ”
“น้องเปียเอาของมาให้คุณพ่อคุณแม่รึยัง”
“ยังเลยค่ะ คุณพ่อคุณแม่รอเดี๋ยวนะคะ เปียเอามาให้ดู เปียซื้อของมาฝากทุกคนเลย”
เปียจะเดินออกไป แต่ชะงัก เมื่อเห็นเย็นเดินเข้ามา
“น้าเย็น”
เย็นในมือถือถ้วยแกง
“น้าไม่ยักกะรู้ ว่าคุณหนูเปีย สนใจทำอาหาร”
เปียจ๋อยๆ ไม่อยากเจอเย็น
“ก็...กำลังเริ่มหัดทำน่ะค่ะ”
“งั้น...ให้น้อยสอนมั้ยคะ น้อยทำกับข้าวเก่ง นี่ก็ทำแกงจืดลูกรอกมาให้ชิม”
เย็นเดินไปวางชามแกงจืดลูกรอกไว้บนโต๊ะอาหาร ทุกคนมองเย็น ไม่รู้จะยังไง
“น้อยกำลังทำอยู่ ไปเรียนกับน้อยนะคะคุณหนู”
“เอ่อ...” เปียอึกอัก
“นะคะ...ป่ะ”
เย็นเดินเข้ามาจับมือยิ้มนวลๆ แต่มือเกร็งจับเปีย
“ค่ะ...เดี๋ยวเปียมานะคะ”
เปียคว้าถุงเดินออกไปกับเย็น เลอสรรมองสงสัยอยากรู้ แต่ทำเนียนๆบอก
“ผมขอตัวไปเตรียมสอนก่อนนะครับ”
เลอสรรเดินออกไป แต่ตามองเย็นและเปียไม่วางตา

เย็นพาเปียที่ถือถุงเสื้อผ้าเดินมาที่สวน ทันทีที่อยู่กันตามลำพังเย็นก็ถามเสียงแข็ง
“รู้ใช่มั้ย ว่าฉันพาแกมาทำไม”
เปียแอ๊บหวานซื่อ ถามตาแป๋ว
“น้าเย็นมีอะไรคะ”
เย็นกระชากแขนเปีย
“แกเอาอะไรใส่ในน้ำให้ยัยน้อยกิน”
เปียแอ๊บหน้าตาตื่น ใสซื่อบริสุทธิ์
“น้าเย็นพูดอะไร น้ำอะไร”
“ไม่ต้องแกล้งทำเป็นไม่รู้”
เย็นบิดแขนแรงแบบหมั่นไส้ ปักใจว่าเป็นเปีย
“โอ๊ย “เปียร้องไห้แบบซื่อๆถุงเสื้อหล่น “น้าเย็นตีเปียทำไม เปียไม่รู้เรื่อง”
“ไม่รู้ได้ยังไง ก็เมื่อวานแกไปกับยัยน้อย”
“เปียกับน้อยงอนกันนิดหน่อย แล้วน้อยก็เดินไปไหนไม่รู้ ตกลงน้อยเป็นอะไรคะ”
“น้อยเข้าโรงพยาบาล” เย็นบอกนิ่งๆจับสังเกตเปีย
เลอสรรได้ยิน ตกใจ ขณะที่เปียถามเสียงสูงงุนงง
“น้อยเป็นอะไรไปคะถึงต้องเข้าโรงพยาบาล”
เย็นยิ้มพยายามจับสังเกตเปีย
“ไม่สบาย”
เลอสรรได้ยินรีบผละออกไป ไม่ทันได้ยินเย็นบอกกับเปีย
“ไม่สบาย เพราะโดนมอมยา”
“อะไรนะคะน้อยโดนมอมยา” เปียแสร้งตกใจ

เลอสรรเดินลิ่วเข้าไปที่บ้านของเย็นเห็นน้อยท่าทางอิดโรย เดินลงมาจากบ้าน ก็รีบเข้าไปหาด้วยร้อนใจและเป็นห่วง
“พี่เพิ่งรู้ว่าน้อยไม่สบาย มันเกิดอะไรขึ้นน้อย”
“ไม่มีอะไรค่ะ” น้อยหน้าซีดเซียว
เลอสรรหงุดหงิดห่วงเผลอระเบิดอารมณ์
“ถ้าไม่มี แล้วน้อยจะเข้าโรงพยาบาล ไปทำไม” เลอสรรคว้าแขนน้อย “บอกพี่มาน้อย...เกิดอะไรขึ้น”
“น้อยไม่ทราบจริงๆค่ะ”
จนป่านนี้ก็ยังงง ไม่รู้ไม่คิดว่าจะเป็นเปีย
“ไม่ทราบหรือไม่บอก”
“พี่เลอสรร จะมาอะไรกับน้อยคะ” น้อยเหนื่อยใจ
เลอสรรเสียงดัง ดุ
“ต้องให้บอกอีกเหรอ ว่าเพราะอะไร”
น้อยมองหน้า เลอสรรมองน้อยจริงจังบอก
“เพราะพี่รัก...ถึงน้อยจะใจร้ายเฉยชากับพี่แค่ไหน พี่ก็รักก็ห่วงน้อย”
น้อยมองเลอสรรเต็มตื้น แต่ก็พยายามข่มความรู้สึกตัวเอง
“ทีนี้...บอกพี่ได้รึยัง...ว่าเกิดอะไรขึ้นกับน้อย” เลอสรรทอดเสียงอ่อน
น้อยยังไม่ทันตอบ ประวิทย์ก็ส่งเสียงมาก่อนตัว
“น้อย...พี่เอาข้าวต้มมาฝาก”
ประวิทย์เดินพรวดเข้ามา แต่ต้องชะงักเมื่อเห็นเลอสรร จับมือน้อยอยู่
“ขอโทษครับ” ประวิทย์เก้อไป
ประวิทย์ยิ้ม หันหลังกลับ น้อยผลักเลอสรรออก รีบเรียกทันที
“พี่ประวิทย์อย่าเพิ่งไป น้อยกำลังอยากกินข้าวต้มอยู่พอดี”
น้อยรีบเดินไปหา ประวิทย์อึ้งหน้าเจื่อนไป กลัวเลอสรรจะเข้าใจผิด และไม่ผิดคาด เมื่อเลอสรรมองน้อยตาขวาง หึงหวง ขณะที่น้อยรับชามข้าวต้มจากประวิทย์ แสร้งยิ้มหวาน
“ขอบคุณมากๆนะคะ ไปรับน้อยถึงโรงพยาบาลไม่พอ ยังมาดูแลน้อยถึงบ้านอีก”
ประวิทย์เหวองงไปทันที น้อยพูดอะไร น้อยส่งสายตาอ้อนวอน ประวิทย์อึกอัก เลอสรรยิ่งเห็นยิ่งขวางบอกด้วยหน้าตาดุดัน
“น้อยมีคนดูแลแล้ว งั้นพี่ก็ต้องขอโทษด้วย ที่เข้ามาวุ่นวาย”
เลอสรรเดินพรวดๆออกไปด้วยหึงจัด เสียใจหนัก ประวิทย์หน้าซีดเผือดทำท่าจะร้องเรียกเลอสรร แต่น้อยกลับคว้ามือประวิทย์เอาไว้ น้ำตาร่วงเผาะขณะบอก
“อย่าพี่ประวิทย์”
“ก็แล้วน้อยจะไปโกหกคุณเลอสรรทำไม”
“น้อยอยากให้คุณเลอสรรเกลียดน้อย เขาจะได้ไม่มายุ่งกับน้อยอีก เพราะถ้าเขายังเข้ามา ห่วงใย คอยดูแลเอาใจใส่ น้อยจะตัดใจจากเขาได้เหรอพี่ประวิทย์”

ประวิทย์ได้แต่มองน้อย สงสารเห็นใจ

เย็นกระชากลากแขนเปียออกแรง ถามเสียงแข็ง

“ตกลงแกจะบอกฉันได้หรือยัง แกมอมยาน้อยทำไม”
“เปียเปล่า เปล่าจริงๆนะน้าเย็น”
“ฉันไม่เชื่อ”
เปียมองจ้องเย็น สายตาอ่อนโยนแต่ถามจริงจัง
“แล้วทำไมเปียต้องทำร้ายน้อยด้วยล่ะน้าเย็น ในเมื่อตอนนี้ เปียมีความสุข เปียมีทุกอย่าง ทุกคนรักเปีย เปียจะทำร้ายน้อยไปทำไม”
เย็นนิ่ง มองเปียแบบเริ่มลังเล ที่เปียพูดมาก็จริง
“ที่สำคัญตอนนี้เปียมีความสุข จนพร้อมจะแบ่งปันความรักให้กับทุกคน...นี่ไง” เปียก้มลงเก็บถุงเสื้อที่ตกขึ้นมายื่นให้เย็น “เปียซื้อเสื้อมาฝากน้าเย็น มาฝากน้อยด้วย”
เย็นเฉย เปียจับมือเย็น
“น้าเย็นเปิดดูสิ มันสวยมากเลยนะ”
“ฉันไม่ดู”
“ทำไมล่ะคะ น้าเย็นยังไม่เชื่อใจเปียเหรอ”
“ฉันไม่เชื่อใจพ่อแม่แกต่างหาก ว่าสองคนนั้นมันจะรักแกจริงๆ”
“ทำไมน้าเย็นพูดแบบนั้น มีอะไร”
“ฉันสงสัย ว่าพวกมันจะเก็บเส้นผม ของแกไปตรวจดีเอ็นเอ”
เปียตกใจมาก

อุทัยมองดูแก้วน้ำส้มของเปีย ก่อนเอื้อมมือไปหยิบ ตาเพ่งที่หลอดที่แก้ว วณี เดินมาหยิบแก้วจากมืออุทัย
“เราคุยกันแล้วนะคะ...พอได้แล้วค่ะ”
“เริ่มต้นใหม่กันนะคะ” อุทัยยิ้มเจื่อน
“จ้ะ” อุทัยนิ่งไปนิดก่อนยิ้มบอก
“ขอบคุณค่ะ”
วณีดึงแก้วจากมือของอุทัย และเก็บจานไปล้างเอง อุทัยมองวณียิ้มอ่อน
“งั้นพี่ไปทำงานก่อนนะ”
“ค่ะ...ยังไง...เดี๋ยววณีพาลูกไปช่วยงานนะคะ”
“จ้ะ”
อุทัยเดินออกไป วณียิ้มให้กับตัวเองพร้อมจะเริ่มต้นใหม่

เปียความหวาดหวั่น ขณะที่เย็นบอก
“ที่ฉันพยายามให้แกมาหาฉันก็เพราะเรื่องนี้ แต่แกก็ไม่ยอมมา” เย็นโมโห ขย้ำ
แขนเปียไปหนึ่งทีก่อนบอกต่อ “มัวแต่หลงระเริงกับความสุขที่พวกมันปรนเปรอ รู้ไว้ ที่พวกมันทำก็เพื่อหลอกให้แกตายใจเท่านั้น นังโง่”
“ไม่จริง เปียไม่เชื่อ”
“ไม่เชื่อ แกก็กลับไปตามล่าหาความจริงเอาเองก็แล้วกัน เพราะที่ฉันช่วยเอาเส้นผมของยัยน้อยไปวางอยู่บนเตียงของแก มันก็แค่ถ่วงเวลาเท่านั้น อย่างน้อยตอนมันตรวจ ถ้ามีทั้งผมแก ผมยัยน้อย มันก็คงจะงงๆ ใครกันแน่เป็นลูกจริงๆของมัน”
เปียเข่าอ่อน ทรุดลงไปนั่งกับพื้น พึมพำหน้าซีด
“มันไม่จริง มันไม่จริง”
“จริงไม่จริง ก็บอกแล้วไง ไปตามล่าหาความจริงเอาเอง”
ดวงตาเปียหวาดหวั่นระแวง ยังไม่เชื่อเย็น

เปียเดินลิ่วเข้าบ้าน ดวงตาเต็มไปด้วยความหวาดหวั่นระแวงทำทีไปเรียก
“คุณแม่ขา...คุณแม่”
เงียบ ไม่มีเสียงตอบจากวณี เปียกวาดสายตามองไปรอบๆพอไม่เห็นวณี ก็รีบ
วิ่งขึ้นไปชั้นบนทันที

เปียเปิดประตูห้องของวณีทำทีเป็นเรียก
“คุณแม่ขา...คุณแม่”
เปียทำทีชะงัก รู้อยู่แล้ววณีไม่อยู่ก่อนจะปิดประตู ทันทีที่ประตูปิดลง ดวงตาของเปียก็เปลี่ยนไปทันที เป็นระแวง อยากรู้อยากเห็นสงสัย เปียกวาดสายตามองดูในห้อง ตรงไปที่โต๊ะ เครื่องแป้ง กวาดตา หาดูก็ไม่เห็นอะไรที่เก็บเส้นผมของเปียเอาไว้ เปียเดินมาที่เตียงนอน กวาดสายตาดู ภาพแทนสายตาเห็นแต่กล่องเพชร แต่เปียไม่สนใจ เปียยังคงอยากรู้วณีเก็บเส้นผม ไว้ที่ตรงไหน เปียเดินไปที่โต๊ะเครื่องแป้ง ที่มีสมุดไดอารี่วางไว้ เปิดดูก็ไม่เห็นมีอะไร...เปียนิ่วหน้า สงสัย หวาดระแวง...
“ไม่เห็นมีอะไรเลย...หรือน้าเย็นโกหก”
เปียจะเดินออกไป แต่กลับนึกได้ มองไปที่กล่องเพชร ยิ้มเป็นประกาย แสดงท่าทีเป็น ได้ติดมือไปหน่อยก็ดี ตามประสาสันดานโจร เปียยิ้มดวงตาเป็นประกายเดินไปคว้ากล่องเพชร เปิดออกดู แล้วสีหน้าของเปียก็เปลี่ยนไปทันที เมื่อเห็นเส้นผมอยู่ในนั้น ดวงตาของเปียเบิกกว้างตกใจ ก่อนจะแปรเปลี่ยนเป็นโกรธสุดขีด

วณีกำลังจะเดินขึ้นบันไดตรงมายังห้องของตัวเอง...เปียมือสั่นระริก ดวงตาแค้นอย่างถึงที่สุด น้ำตาแห่งความเจ็บใจ แค้นใจคลอออกมา เสียงเย็นที่ด่าเปีย นังโง่ ที่พวกมันทำก็แค่หลอกให้แกตายใจดังก้องอยู่ในหัว เปียน้ำตาจะหยด ดวงหน้าของเปียเต็มไปด้วยความแค้นอาฆาต พร้อมจะเอาคืน แต่ต้องสะดุ้งโหยง เมื่อได้ยินเสียงลูกบิดประตู เปียรีบวางกล่องเพชรลง ขณะที่วณีเปิดประตูเข้ามาเห็นเปียก็ตกใจ
“อ้าว ลูกเปีย”
“อ้าว คุณแม่” เปียยิ้มกลบเกลื่อน
“มาทำอะไรในห้องแม่ลูก”
เปียรีบเดินมาหากอดประจบ
“เปียมาหาคุณแม่นะสิคะ พอดีได้สูตรขัดผิวมา เราไปอบตัว ขัดผิวกันนะคะคุณแม่ เดี๋ยวเปียจะทำให้คุณแม่เอง นะคะ”
เปียกอดวณี ทำท่ารัก ออดอ้อน วณีใจอ่อน พยักหน้า
“คุณแม่น่ารักที่สุดเลย เดี๋ยวเปียจะขัดผิวให้คุณแม่ผ่องๆเลยค่า”
วณียิ้ม เปียซุกหน้าลงกับอกวณี ดวงตายิ้มแย้มแจ่มใสเมื่อครู่ แปรเปลี่ยนเป็นความแค้น อาฆาต พยาบาท

น้อยนั่งตักกระท้อนลอยแก้วที่ทำเอาไว้ ใส่ถ้วยปิดฝา อย่างเรียบร้อย นึกถึงเลอสรรมาหา แต่เธอจำต้องผลักไส น้อยน้ำตาหยด ก่อนเช็ดออก พยายามตัดใจ

เลอสรรอยู่ในห้องมองดูรูปน้อย ความรู้สึกเสียใจ แต่ก็ตัดใจ เก็บข้าวของอุปกรณ์เตรียมออกไปสอนวาดรูป

เปียอยู่ในครัว เหม่อลอย เปียหัวใจสลายเจ็บปวด แต่หลับตาบอกตัวเองในใจ

“ความดีจะชนะใจทุกคนได้ เราต้องพยายาม”
เปียสูดลมหายใจ พยายามไม่คิด เปิดตู้เย็นหยิบโยเกิร์ตมาผสมขมิ้น วณียิ้มเข้ามา
“หอมจังเลย ไหน แม่ดูซิสครับผิวสูตรไหนเอ่ย”
“มีทั้งเกลือขัดผิว ขมิ้น น้ำผึ้ง โยเกิร์ต รับรอง อบตู้อบ ขัดตัวเสร็จ คุณแม่ผิวผ่องที่สุดในโลกเลยค่ะ”
วณีหยิบมาดมดู
“น่าจะจริงนะเนี่ย แม่ว่าเรียกหนูน้อยมาขัดผิวด้วยดีมั้ยลูก”
เปียหน้าเจื่อนไปแต่ยิ้ม
“ดีค่ะ เดี๋ยวเปียไปตามน้อยนะคะ”
“ไม่เป็นไรจ้ะ เดี๋ยวแม่ไปตามเอง ลูกเปียทำต่อเถอะ”
วณีเดินออกไป เปียกำมือแน่น โกรธ ริษยา ข่มไม่ได้ ตาวาว

เปียเดินไปยังตู้อบ มองจ้องดูที่ตู้อบ เห็นด้านบนของตู้อบซาวน่ามีแผงอินฟาเรดอยู่ เปียมองก่อนใช้คีมตัดไฟบางเส้น เธอจ้องมอง ราวกับจะให้ทะลุเข้าไปด้านใน ภาพในความคิดเปียเห็นน้อยในชุดผ้าขนหนูพันอก เข้าไปนั่งในตู้ น้อยยิ้มให้กับเปีย แผงไฟข้างบนที่ร้อนจัด หล่นลงมาถูกตัวน้อยอย่างจัง น้อยร้องลั่นกรี๊ดๆด้วยความเจ็บปวด ขณะที่แผงไฟทั้งแผงไฟลุกโชนอยู่บนตัวของน้อย เปียยิ้มเย้ยสะใจ กับสิ่งที่คิด

น้อยตักกระท้อนลอยแก้วเรียบร้อย เย็นเดินมามอง
“อยากเอาไปให้คนบ้านนั้นใช่มั้ย”
น้อยเงียบไม่ตอบ เย็นบอก
“อยากไปก็ไปเถอะ เอาไปฝากเปียด้วย เปียซื้อเสื้อผ้ามาฝากเยอะแยะเลย”
“ค่ะน้าเย็น”
น้อยยิ้มเซียวๆ จัดกระท้อนลอยแก้วออกไป เย็นมองตาม สายตาเป็นห่วง หรือเธอจะไม่สามารถห้ามลิขิตของสวรรค์ได้

น้อยเดินเข้ามาพร้อมกระท้อนลอยแก้ว วณียิ้ม
“อ้าว หนูน้อย ว่าจะไปหาอยู่พอดีเลย”
“น้อยเอากระท้อนลอยแก้วมาฝากค่ะ”
“ทำเองเหรอจ้ะ”
“ค่ะ”
“หนูน้อยเก่งที่สุดเลย”
เปียยืนมองอิจฉาริษยา น้อยอมยิ้มเขินถาม
“คุณวณีจะไปหาน้อย มีอะไรให้น้อยรับใช้คะ”
วณียิ้มเอ็นดูมาก พูดไม่ทันคิด
“มีแต่เปียจะรับใช้หนูน้อยน่ะสิ”
เปียหน้าตึง วณีไม่ได้มอง บอกน้อย ที่ยืนทำหน้าทึ่ง งงสงสัย
“วันนี้เปียเขาเป็นเจ้าแม่บิวตี้ จะขัดผิวอบผิวให้ฉัน ฉันเลยอยากให้หนูน้อยมาทำด้วย ทำด้วยกันนะ”
“เอ่อ...” น้อยมองเปีย
“นะ” วณีอ้อน

เลอสรรเดินลงมา เปียเห็นรีบบอก
“นะน้อย...ทำด้วยกันนะ จะได้ผิวสวยๆด้วยกัน...นะ”
น้อยหันไปสบตาเลอสรรที่ทำหน้าตึงไม่สนใจ เดินออกไป
“จะไปแล้วเหรอเลอ” วณีถาม
“ครับ”
“พี่เลออยู่ขัดผิวกับเปียก่อนนะคะ” เปียอ้อน
“ไม่เป็นไรจ้ะ”
เปียเข้ามากอดแขนอ้อนแบ๊ว
“งั้นนวดอโรมาก็ได้...นะคะ...เปียนวดให้ จะได้รีแลกซ์ก่อนไปทำงาน...น้อยจ๋า...ไปเปิดสวิตช์ไฟตู้อบให้หน่อย เปียนวดให้พี่เลอสรรเสร็จ เดี๋ยวตามไปจ้ะ ไปค่ะพี่เลอ”
เปียเดินไปกับเลอสรร น้อยยิ้มให้วณี

น้อยเดินไปเปิดสวิชต์ไฟของตู้อบตามปกติ แผงไฟอินฟาเรดเริ่มทำงาน...ด้านนอก เปียนั่งนวดไหล่ให้เลอสรร พลางบอกประจบ
“ไว้วันหลังเปียนวดน้ำมันให้พี่เลอนะคะ...จะได้สบายๆ”
“ไม่เป็นไรจ้ะ...พี่ไม่ได้ปวดเมื่อยอะไร จะมีก็แต่ปวดมือปวดเท้าบ้างเท่านั้น”
“อุ๊ย ปวดมือปวดเท้าหรือคะ แล้วก็ไม่บอก เปียจะได้นวดให้”
เปียก็คว้ามือเลอสรรขึ้นมา พร้อมเทน้ำมันอโรมานวดให้ ถามประจบ
“ดีขึ้นมั้ยคะพี่เลอ”
วณีมองเลอสรรกับเปีย เห็นเปียมีความสุขก็รู้สึกสบายใจ...น้อยเดินมาเห็นเลอสรรกับเปีย ก็เสียใจ เลอสรรหันไปเห็นน้อย หมั่นไส้ หึงหวงเรื่องประวิทย์ เลอสรรบอกกับเปียเสียงหวาน
“ขอบใจมากจ้ะ น้องเปียทำให้พี่สบายขึ้นเยอะเลย”
“งั้นเดี๋ยวเปียนวดเท้าให้นะคะ”
พูดจบเปียก็ทรุดตัวลงนั่งที่พื้น นวดเท้าให้กับเลอสรรแบบไม่รังเกียจเลย เลอสรรอึ้งไม่คิดว่าเปียจะทำให้ขนาดนั้นรีบบอก
“ไม่ต้องจ้ะน้องเปีย”
“ไม่เป็นไรค่ะ เปียยินดีและเต็มใจทำให้พี่เลอ”
เปียนวดเท้าให้อย่างเต็มใจ วณีมอง ยิ้ม สบายใจ น้อยอึ้ง เปียหันมาถามน้อย
“น้อยจ๋า...ตู้อบร้อนรึยังจ้ะ”
“น่าจะร้อนแล้วจ้ะ”
“งั้นเดี๋ยวเปียเข้าไปดูให้นะคะ ถ้าได้ที่แล้ว จะได้ให้คุณแม่อบตัวก่อนค่อยมาขัดสมุนไพร เดี๋ยวเปียมานะคะพี่เลอ”
เปียเดินเข้าไปด้านใน

เปียเดินเข้าไปตู้อบ มองไปที่แผงอินฟาเรดด้านบนที่สายไฟบางเส้นถูกตัด ความร้อนนำเข้าแผงอินฟาเรดไม่สมบูรณ์ แผงอินฟาเรดทำท่าจะร่วงลงมา เปียยิ้มก้าวเข้าไป ทำทีเป็นตรวจดูความร้อน แต่มองดูด้านบน กะระยะถ้าแผงไฟหล่นลงมา ถูกเธอตรงไหนจะเจ็บน้อยที่สุดคือที่เธอคิด ถ้าน้อยนั่งตามปกติ แผงไฟทับน้อยหมดแผงแน่ๆ แต่ของเธอควรเว้นระยะที่เจ็บน้อยที่สุด เปียคำนวณ แล้วก็ได้จังหวะแผงอินฟาเรดในตู้อบหล่นลงมา
 
เปียร้องกรี๊ดสุดเสียง ด้านนอกทุกคนตกใจ วิ่งเข้ามา
 
อ่านต่อหน้า 4

คมพยาบาท ตอนที่ 13 (ต่อ)

ทุกคนวิ่งเข้ามา เห็นแผงอินฟาเรดหล่นอยู่ที่พื้น ภายในตู้อบมีร่องรอยการไหม้ ส่วนข้างๆมีเปียนอนอยู่ เปียแกล้งหมดสติ ทุกคนตกใจ
 
“เปีย”
“ลูกเปีย”
เลอสรรตรงเข้าไปอุ้มเปียออกมารวดเร็ว ท่ามกลางความตกใจของทุกคน แผงอินฟาเรดมีควันพุ่งออกมาน่ากลัว

ประวิทย์ในชุดธรรมดาถือหนังสือมาจะไปมหาวิทยาลัย ด้านหลัง จวน ถือ
สำรับอาหารมาจากบ้านอนุรักษ์ สองคนเห็นเลอสรรอุ้มเปียออกมาหน้าบ้าน มีวณีกับน้อยตามมา หน้าตาตื่น วณีร้องตกใจ
“ลูกเปีย หนูต้องไม่เป็นอะไรนะลูกเปีย”
“ประวิทย์เปิดประตู” เลอสรรสั่ง
“ครับ” ประวิทย์ลน ตกใจ

ประวิทย์วิ่งไปเปิดประตู เปียแอบยิ้มร้ายก่อนแกล้งบอกแผ่ว
“เปียไม่เป็นไรแล้วค่ะ”
“ลูกเปีย” วณีดีใจ โล่งใจ
ประวิทย์เดินกลับมา เห็นเปียซุกอยู่กับอกของเลอสรร
“งั้นพาน้องเข้าไปในบ้านเถอะเลอ” วณีบอกเลอสรร
“ครับคุณน้า”
เลอสรรอุ้มเปียกลับเข้าไป พร้อมวณี ประวิทย์ถามน้อยที่ยืนตกใจหน้าซีด
“มีเรื่องอะไรน้อย”
“แผงไฟในตู้อบ หล่นลงมาถูกเปียค่ะ”
ประวิทย์กับจวนหน้าตาตื่น น้อยเองก็หน้าจ๋อย

จวนวิ่งหน้าตั้งไปที่บ้านเย็น ตะโกน
“เย็นๆ”
เย็นชะโงกหน้าออกมา
“อะไรพี่”
“เกิดเรื่องใหญ่แล้ว ไปที่บ้านคุณอุทัยเร็ว”
เย็นหน้าตาตื่นตกใจ รีบเดินลงบันไดมาทันที

เลอสรรอุ้มเปียไปนั่งบนโซฟา เปียแอ๊บไม่มีแรง ตกใจกลัว เหนื่อยอ่อน กอดวณี
“เปียตกใจหมดเลย กลัวไม่มีโอกาสได้กอดคุณแม่อีก” เปียซุกวณีอ้อน
วณีกอดเปีย
“โถๆ ขวัญมานะลูกนะ เฮ้อ ตั้งแต่ซื้อเตาอบมา ไม่ค่อยได้ใช้แผงไฟ มันหลุดลงมาได้ยังไง”
“เดี๋ยวผมจะตามช่างมาดู”
เลอสรรลุกขึ้น ประวิทย์กับน้อยเดินเข้ามา เลอสรรเห็นสองคนเดินมาด้วยกันก็ใจเสีย
“พี่ประวิทย์ดูให้ได้นะคะ” น้อยบอก
เลอสรรน้อยใจน้อย แต่บอกนิ่งๆ
“จริงสิ....พี่ก็ลืม ประวิทย์เรียนวิศวะไฟฟ้า แค่นี้คงดูได้สบาย รบกวนหน่อยนะประวิทย์”
“ยินดีครับ”
ประวิทย์ค้อมตัวเดินผ่านเข้าไปด้านใน เลอสรรมองน้อยหน้าตึง เดินตามประวิทย์เข้าไป น้อยทรุดตัวลงนั่งข้างๆเปียจับมือเปียเบาๆเป็นเชิงให้กำลังใจ วณีมองท่าทีของน้อย ปลื้มใจ

ประวิทย์เข้าไปตรวจเช็กทั้งแผงไฟและภายในตู้อบ ก่อนทำหน้าเคร่ง เลอสรรเห็นสีหน้าของประวิทย์ก็ถาม
“เป็นไรประวิทย์”
“แผงไฟชำรุดน่ะครับ”
“สงสัย ไม่ได้ใช้เครื่องนานไป”
“แต่ที่ผมดู...สายไฟบางเส้นมีรอยเหมือนถูกกรีดเลยครับ”
เลอสรรฟังแล้วตกใจ

เปียแกล้งอุทานเสียงดังตกใจ
“อะไรนะคะ แผงไฟเหมือนถูกกรีด”
“เป็นไปได้ยังไง” วณีสงสัย
“ตาย...นี่ถ้าคุณแม่เข้าไปนั่งในตู้อบ แผงไฟต้องหล่นลงมาถูกคุณ แม่ทั้งแผงแน่ๆ แล้วคุณแม่ก็คง...” เปียทำท่าสยอง “โอ๊ย เปียไม่อยากคิดภาพ ขนาดเปียโดนแบบเฉียดๆยังทั้งแสบทั้งร้อน”
เปียยื่นต้นแขนให้ดูแล้วกอดวณี
“โธ่ คุณแม่ของเปีย”
เปียกอดวณีที่นั่งหน้าเสีย เลอสรรถามประวิทย์อีกที
“แน่ใจนะประวิทย์ ว่าแผงไฟไม่ได้ชำรุดเพราะมันเก่า แต่เหมือนถูกกรีด”
“ครับ”
เลอสรรบอกวณี
“ตอนแรก ผมว่าจะแจ้งทางเจ้าของตู้อบให้เขามารับผิดชอบ แต่พอประวิทย์บอกอย่างนี้ คงเอาเรื่องกับเขาไม่ได้”
“แล้วแผงไฟจะถูกกรีดได้ยังไง” เปียแสร้งสงสัย
“ตอนน้อยไปเปิดสวิตท์เห็นอะไรผิดปกติมั้ยจ้ะ” วณีถาม
“เปล่าค่ะ น้อยไม่เห็น” น้อยหน้าตาตื่น
“แต่บ้านเราก็อยู่กันแค่นี้นะคะ แล้วก็ไม่มีใครไปยุ่งกับตู้อบนั่นด้วย” เปียพูดเสียงนิ่มๆ “มีแค่น้อย ที่ไปเปิดสวิตท์ไฟอย่างเดียว”
เปียมองน้อย ไม่ได้มองแบบร้าย มองแบบหารือ

“น้อยไม่ได้ทำอะไรจริงๆนะคะ” น้อยรีบบอก

เปียรีบจับมือน้อย

“ไม่มีใครคิดว่าเป็นน้อยหรอกจ้ะ พวกเราแค่สงสัย มันเกิดขึ้นได้ยังไง” เปียปล่อยมือน้อย จับมือวณี “แล้วถ้าเป็นคุณแม่นั่ง เฮ้อ...ดีแล้ว ดีแล้วที่เป็นเปีย...เปียดีใจที่เปียได้เจ็บแทนคุณแม่ค่ะ”
วณีกอดเปียตื้นตันใจ เปียแอบอมยิ้ม ขณะที่น้อยหน้าเสียเข้าไปใหญ่
“น้อยไม่ได้ทำอะไรจริงๆนะคะ”
เปียพูดอ่อนโยน
“น้อย...ไม่มีใครคิดว่าเป็นน้อยจริงๆนะจ้ะ แต่ทำไม...น้อยพูด เหมือนร้อนตัวเลย”
คำพูดของเปีย ทำเอาน้อยสะอึก อึ้ง หน้าซีดอยู่ตรงนั้น เย็นกับจวนเดินเข้า เย็นถามเสียงแข็ง
“บอกน้ามาดีๆ น้อย...แกทำอะไรคุณหนูเปีย”
น้อยมองหน้าเย็นเสียใจ
“เปล่านะคะน้าเย็น น้อยไม่ได้ทำ”
เย็นจ้องมองน้อยถามเสียงแข็ง
“ทำหรือเปล่า”
“เปล่าค่ะ” น้อยแทบจะร้องไห้
“มานี่”
เย็นแกล้งกระชากน้อยอย่างแรงแล้วลากเข้าไปด้านใน ทุกคนตกใจมากกับการกระทำของเย็นทุกคนรีบตาม เย็นเดินไปหยุดยืนมองตู้อบเห็นสภาพแผงไฟอินฟาเรดที่ตกอยู่น่ากลัว สภาพภายในตู้ก็เต็มไปด้วยเขม่าไฟ เย็นมองสลด นึกสภาพใครถูกแผงไฟอย่างจัง อาจไหม้ได้ แกล้งหันมาดุน้อย
“ถ้าแกบริสุทธิ์ใจว่าแกไม่ได้ทำ แกก็ต้องเข้าไปข้างใน”
เย็นจะลากน้อยเข้าไป น้อยยื้อตัวเอาไว้ เย็นจะลากน้อยเข้าไป เปียเข้าไปขวางดึงน้อยเอาไว้
“อย่าค่ะน้าเย็น”
“ไม่ต้องห้าม จะทำหรือไม่ทำ น้อยมันก็ต้องชดใช้ที่ทำให้คุณหนูต้องเจ็บ”
“เข้าไปนังน้อย เข้าไป” เย็นดันน้อยเข้าไป
เปียยิ่งแกล้งทำเป็นนางเอก
“อย่าค่ะน้าเย็น” เปียเอาตัวมาขวางน้อยเอาไว้ “อย่าทำน้อยเลยนะคะ น้อยคงไม่ได้ตั้งใจ...ใช่มั้ยน้อย”
“ยิ่งคุณหนูพูดอย่างนี้ ก็ยิ่งแปลว่า คุณหนูคิดว่าน้อยทำ”
เปียแกล้งหน้าเสีย
“ไม่นะคะน้าเย็น เปียไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น มันเป็นอุบัติเหตุ”
“คุณหนูเปียช่างเป็นคนไม่อยู่กับร่องกับรอยจริงๆ เดี๋ยวก็พูดว่าน้อยไม่ได้ตั้งใจ เดี๋ยวก็พูดว่ามันคืออุบัติเหตุ ตกลงมันคืออะไรกันแน่คะ แผงไฟมันร่วงลงมาขนาดนี้ ยังไงต้องมีคนทำแน่นอน”
“ไม่เอาน่าเย็น มันเป็นแค่อุบัติเหตุ” วณีปราม
“ค่ะมันแค่เป็นอุบัติเหตุ แต่คนแรกที่เข้าไปนั่งในตู้อบ ต้องเจ็บหนักแน่ๆสำคัญ...ก็แต่...ใครจะเป็นคนเข้าไป”
เย็นลากตัวน้อยออกไป ประวิทย์บอกทุกคน
“งั้น...ผมไปมหาวิทยาลัยก่อนนะครับ”
ประวิทย์เดินออกไป

เย็นลากน้อยออกไป น้อยบอกเย็นทั้งน้ำตา หน้าเสีย
“น้าเย็น...น้อยไม่ได้ทำอะไรจริงๆนะคะ”
เย็นเสียงเย็นแต่นุ่ม
“งั้นแกบอกน้าได้มั้ย ใครจะเข้าไปอยู่ในตู้อบเป็นคนแรก”
“น้อย...ได้ยินเปียบอกจะขัดผิว อบสมุนไพรให้คุณวณี แต่พอน้อยเข้าไป คุณวณีก็บอกให้เปีย ทำให้น้อยด้วย”
“งั้น...เป้าหมายก็คือ คุณวณี ไม่ก็แกนั่นแหละ น้อย”
น้อยทำหน้าตกใจคาดไม่ถึง ประวิทย์ยืนฟังอยู่ด้านหลังได้ยิน ถอนใจ

เปียแกล้งร้องไห้สะอึกสะอื้น เสียใจ
“อย่าไปฟังน้าเย็นนะคะ น้าเย็นก็ชอบพูดจากำกวมแบบนี้แหละค่ะ เปียเชื่อมันเป็นอุบัติเหตุ”
“แม่ก็เชื่อว่าเป็นอุบัติเหตุ”
เปียใจหายแว้บ แต่ถามหยั่งเชิง
“คุณแม่ไม่คิดว่าน้อยจะแกล้งเปียใช่มั้ยคะ”
“ใช่จ้ะ...”
“พี่ก็ไม่เชื่อว่าน้อยจะทำอะไรแบบนั้น” เลอสรรเสริม
“แต่ประวิทย์บอก ว่าสายไฟถูกกรีดนะคะ”
“อาจจะเป็นรอยหนูแทะ หรืออะไรก็ได้ พี่ว่าเป็นแค่อุบัติเหตุอย่างที่น้องเปียคิดนั่นแหละ” เลอสรรยิ้มอ่อนโยน
“ค่ะ...มันเป็นแค่อุบัติเหตุ” เปียจำต้องยิ้ม

ค่ำนั้น ประวิทย์กลับมาจากมหาวิทยาลัย เดินจะขึ้นบ้าน ลูกเต่าเดินถือจานอาหารมา จะเรียกประวิทย์แต่ช้ากว่าเปียที่ดักรออยู่เดินออกมาหน้าตาบูดบึ้ง เปียกระชากลากคอประวิทย์
“มานี่เลย ไอ้ประวิทย์ แกมานี่เลย”
เปียทั้งดึงทั้งลาก ประวิทย์ร้องลั่น
“โอ๊ยๆ อะไรกันครับคุณหนู”
“มันเรื่องอะไรถึงได้สาระแนไปบอกทุกคนว่าสายไฟถูกกรีด”
“ก็มันเป็นความตั้งใจของคุณหนูอยู่แล้วไม่ใช่หรือครับ ที่อยากให้ทุกคนรู้ว่าสายไฟถูกกรีด แล้วโยนความผิดให้น้อยน่ะ”
“แอร้ย นี่ประวิทย์ คิดว่าเปียใจร้ายขนาดนั้นเหรอ”
เปียทุบตีใหญ่ประวิทย์ จับมือเอาไว้
“ร้ายไม่ร้าย คุณหนูก็กล้าที่จะทำร้ายตัวเองเพื่อโยนความผิดให้น้อยแหละครับ”
ลูกเต่าตาโตตกใจ ขณะที่เปียกรี๊ด ที่ถูกประวิทย์ย้อน
“ไอ้ประวิทย์ ไอ้บ้า”
เปียทุบตีอาละวาดใหญ่ ประวิทย์จับเปียเอาไว้
“เลิกสร้างเรื่องแบบนี้ได้แล้ว การที่คนอื่นไม่พูด ไม่ได้แปลว่าเขาโง่นะครับ แต่เขากำลังมองคุณหนูอยู่ ยิ่งคุณหนูแกล้งทำดีเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งรู้ ในใจ คุณหนูคิดร้ายเท่านั้น”
“ไอ้ประวิทย์”
เปียตบผลัวะ ประวิทย์หน้าหัน ก่อนหันกลับมามองเปียเสียใจ
“ผมรักคุณหนู ไม่ว่าคุณหนูจะทำอะไร ผมอภัยให้ได้ แต่คุณหนูคิดบ้างมั้ยกับคนเขาไม่รักคุณหนู เขาจะรังเกียจ เขาจะมองคุณหนูยังไง”
ประวิทย์เดินเข้าบ้านไป ไม่สนใจ เปียโกรธ วิ่งไปทุบประตู
“ไอ้ประวิทย์ เปิดประตูออกมาให้ฉันด่าเดี๋ยวนี้ ไอ้ประวิทย์”
ประวิทย์ไม่เปิด เปียทั้งถีบทั้งยันทั้งเตะประตู ประวิทย์ช้ำใจทุกข์ใจมากกับความประพฤติของเปีย ลูกเต่าตาโต ตกใจตื่นเต้น ผละไป

เปียเตะห้องประวิทย์จนอ่อนแรง ประวิทย์ไม่เปิดไม่สนใจ เปียฮึดฮัดเดินกระแทกเท้าลงมาเตะต้นไม้ เตะโน่นเตะนี่ระบายอารมณ์ เสียงประวิทย์ดังก้องในหัว
“การที่คนอื่นไม่พูด ไม่ได้แปลว่าเขาโง่นะครับ แต่เขากำลังมองคุณหนูอยู่ ยิ่งคุณหนูแกล้งทำดีเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งรู้ ในใจ คุณหนูคิดร้ายเท่านั้น”
“ไม่มีทาง” เปียกร้าว

เปียเดินลิ่วกลับบ้านไป

วณีเดินเข้ามามองหาเปีย พร้อมเรียกหา

“เปีย...ลูกเปีย”
“ขา...” เปียที่อยู่ในครัวตะโกนมาเสียงหวาน
“ทำอะไรน่ะลูก” วณีเดินเข้าไปหา
“กำลังคั้นน้ำผลไม้ให้คุณพ่อคุณแม่ แล้วก็เอากากผลไม้มาแปะแผลที่ถูกแผงไฟน่ะค่ะ” เปียยื่นแขนให้ดู “เปียกลัวจะเป็นแผลเป็น”
“โถๆ คนดีของแม่ ถ้าพรุ่งนี้ไม่ทุเลา เดี๋ยวแม่พาไปหาหมอนะ”
“ไม่เป็นไรค่ะคุณแม่ เปียเป็นแค่นิดเดียว ห่วงคุณแม่ต่างหาก เปียดีใจที่สุดเลยที่คุณแม่ไม่เป็นอะไรค่ะ”
เปียจ้องมองดวงตาวณี ค้นหาความจริงใจ วณียิ้มให้เปียจริงใจกอดเปีย
“ชื่นใจของแม่ที่สุดเลยจ้ะ”
เปียยิ้ม สุดท้าย ก็ไม่ได้เป็นอย่างประวิทย์พูด

เลอสรรยืนครุ่นคิดถึงเรื่องที่เกิด เขานึกถึงคำพูดของเย็น
“ค่ะมันแค่เป็นอุบัติเหตุ แต่คนแรกที่เข้าไปนั่งในตู้อบ ต้องเจ็บหนักแน่ๆสำคัญ...ก็แต่...ใครจะเป็นคนเข้าไป”
เลอสรรหน้าเครียด ลึกๆเป็นห่วง แต่ยังเคืองน้อย ประวิทย์เดินเข้าไปหา
“คุณเลอสรรคงไม่คิดว่า น้อยเป็นคนทำนะครับ”
เลอสรรมองประวิทย์แอบหึง เหวี่ยง
“ฉันไม่รู้หรอก คนเรารู้หน้าใช่ว่าจะรู้ใจ” เลอสรรยิ้มเยาะ “อ้อ...แต่นายอาจจะรู้ใจน้อยก็ได้มั้ง”
“คุณเลอสรรพาลผม เพราะหึงน้อย”
“ฉันจะหึงทำไม” เลอสรรเขิน รีบปฏิเสธ

“เพราะคุณเลอสรรรักน้อย...เหมือนอย่างที่ผม...” ประวิทย์เสียงแผ่วๆอายไม่อาจเอื้อม “รัก
คุณหนูเปีย”
เลอสรรมองประวิทย์ด้วยสายตาไม่เข้าใจ ประวิทย์บอก
“ผมรู้ครับ ว่าผมไม่สมควรที่จะอาจเอื้อมไปรักคุณหนู ผมแค่อยากบอกคุณเลอสรรอย่างลูกผู้ชาย ผมรักน้อยอย่างน้องสาว”
“มันไม่สำคัญตรงที่นายจะรักน้อยยังไง แต่มันสำคัญตรงที่ น้อยรักนาย”
“ผมกล้ายืนยันว่าน้อยไม่ได้รักผม พอๆกับที่ผมกล้ายืนยันว่าน้อยไม่ได้เป็นคนทำร้ายคุณหนูเปีย...ที่ผมมา ก็อยากจะบอกคุณเลอสรรเท่านี้แหละครับ”
ประวิทย์เดินออกไป เลอสรรมองประวิทย์ โล่งใจ

วันใหม่...น้อยในชุดมหาวิทยาลัยจะไปเรียน เลอสรรยืนรออยู่
“พี่มีเรื่องจะคุยด้วย”
“เรื่องอะไรคะ”
“ขึ้นรถ”
“ตลอดชีวิตมีแต่คนสั่งน้อย คุณเลอสรรอย่าสั่งน้อยอีกคนเลยค่ะ น้อยขอร้อง” น้อยเดินออกไป
“น้อย” เลอสรรเรียก
น้อยไม่หยุด เลอสรรตาม

น้อยเดินลิ่ว เลอสรรเดินตาม ก่อนไปขวางหน้าเอาไว้
“ที่ไม่อยากคุยกับพี่เพราะอะไร”
“คุณเลอสรรก็น่าจะรู้เพราะอะไร”
เลอสรรแกล้ง
“เพราะประวิทย์ หรือเพราะกลัวว่าพี่จะรู้ ว่าน้อยจะทำอะไรน้องเปีย”
“ในสายตาคุณเลอสรร น้อยเป็นคนเลวร้ายมากเลยเหรอคะ” น้อยหน้าจ๋อย
“เปล่า...”
“แล้วคุณเลอสรรมาหาเรื่องน้อยทำไม”
เลอสรรมองนิ่งๆ บอกจริงจัง แอบจ๋อยๆ
“อยากคุยด้วย”
น้อยมองเลอสรรคาดไม่ถึงว่าเขาจะพูดอะไรตรงๆ เลอสรรยิ้มขื่นบอก
“ถึงน้อยจะไม่อยากคุยกับพี่...พี่ก็จะหาเรื่องมาคุยกับน้อย เพราะพี่รักและเป็นห่วงน้อย โอเคนะ”
เลอสรรเดินกลับไปเลย น้อยอาย
“คุณเลอสรร”
น้อยมองตามเลอสรร ถอนหายใจเฮือก ในความดื้อของเขาแต่พอหันหน้ากลับมาก็ต้องสะดุ้ง
โหยงเมื่อเห็นเย็นที่เพิ่งกลับจากตลาดยืนมองหน้าอยู่ เย็นพูดเย็นๆตามนิสัย
“อย่าแส่หาเรื่องยัยน้อย”
“ค่ะน้าเย็น” น้อยกลัว
น้อยรีบเดินไปเรียน เย็นมองตามเลอสรรไม่สบายใจ

ในครัว...ทุกคนนั่งกินข้าวกัน ขณะที่ช้อยพูดขึ้น
“นี่แปลว่าเรื่องตู้อบ คุณหนูทำตัวเองเหรอ”
“พี่ประวิทย์พูดอย่างนั้นนะ” ลูกเต่ายืนยัน
“จะบ้าเหรอ ใครจะทำตัวเอง” จวนไม่เชื่อ
คุณหญิงอนุรักษ์จะเดินเข้ามา ได้ยินหยุดฟัง
“ก็คุณหนูเปียน่ะแหละ เพราะถ้าเป็นอุบัติเหตุจริงๆ แผงไฟมันก็ต้องหล่นมาถูกคุณหนูแบบจังๆแล้ว นี่อะไร ถูกแบบเฉียดๆ หวานเพลีย”
“จริงด้วย...นอกจากประวิทย์...ก็มีแกนี่แหละฉลาดสุดๆ” ช้อยเห็นด้วย
คุณหญิงเดินเข้ามา
“ฉลาดกันอย่างนี้ หางานใหม่ทำกันดีมั้ย”
“คุณหญิง” ทุกคนสะดุ้ง
“ถ้าใครนินทาหลานฉันอีก ฉันจะไล่ออก...ไล่ออกแบบไม่มีเงินเดือนด้วยอยากลองดี ก็เอา”
คุณหญิงเดินเชิดออกไป ทุกคนหน้าแหย กลัวๆ...คุณหญิงเดินออกมา สีหน้าไม่สบายใจในสิ่งที่ได้ยิน ถึงจะไม่ชอบให้ใครนินทาเปีย แต่ก็อดคิดตาม ทุกข์ใจไม่ได้

คุณหญิง คุยกับอุทัย ด้วยท่าทีไม่สบายใจ
“ตกลงเรื่องราวจริงๆมันเป็นยังไงอุทัย”
“ผมไม่ทราบจริงๆครับคุณแม่ ก็ฟังแต่ที่วณีเล่ามา วณีเองก็ไม่ได้ปักใจว่าใคร บอกเป็นอุบัติเหตุ”
“แต่ที่ในครัวเขานินทา”
เปียในชุดน่ารัก มีผ้ากันเปื้อนทำครัว ถือตะหลิว ได้ยิน หน้างอหยุดฟัง
“เขาว่ายัยเปียทำตัวเองแล้วใส่ร้ายยัยน้อย”
เปียตาวาวโกรธแค้นทุกคน ความริษยาลุกฮือ
“อุทัยคิดยังไง”
อุทัยหน้าเครียด
“ผมไม่อยู่ในเหตุการณ์ ผมตอบไม่ได้จริงๆครับคุณแม่ แต่สิ่งที่ความรู้สึกบอกผม หนูน้อยเป็นเด็กดี ไม่ว่าจะถูกเปียโขกสับยังไง หนูน้อยก็ให้อภัยเสมอ เหมือนกับวณี ไม่ว่าจะถูกเย็นกระแนะกระแหนให้เจ็บปวดยังไง วณีก็อภัยให้เสมอ”
“อุทัยจะบอกอะไรแม่”
“ผมอยากจะขอหนูน้อย ตรวจดีเอ็นเอ”
“ขอยัยน้อยตรวจดีเอ็นเอ” คุณหญิงตกใจ
เปียเบิกตากว้าง ตกใจมาก

เปียหน้าซีดเนื้อตัวสั่นด้วยความตกใจโกรธ เดินถือตะหลิวกลับมาข้างใน วณีที่ช่วยทำครัวอยู่บอก
“อ้าว...ไหนว่าจะไปตามคุณพ่อ คุณพ่ออยู่ไหนล่ะลูก”
เปียเสียงแผ่ว
“เปียไม่ทราบค่ะ พอดีจู่ๆก็ปวดหัว”
เปียวางตะหลิวลง ถอดผ้ากันเปื้อนออก บอกวณี
“เปียขอตัวก่อนนะคะคุณแม่”
เปียเดินผละออกไป วณีงง

“ลูกเปีย...ลูกเปีย”

เปียปิดประตูดังปังเข้ามาในห้อง ดวงหน้าบูดบึ้ง เสียงอุทัยดังก้อง

“ผมอยากจะขอหนูน้อย ตรวจดีเอ็นเอ”
เปียยกมือกุมหัวปิดหูไม่อยากได้ยิน แต่เสียงอุทัยกลับดังก้องขึ้น ระดับเสียงเพิ่มความดุดันน่ากลัว ตามความหลอนของเธอ เปียหายใจหอบ
“ไม่...ไม่”
เปียเห็นน้อยนั่งจ้องหน้า ดวงหน้าน้อยยิ้มพูดหวานๆแต่เยาะ
“น้อยจะตรวจดีเอ็นเอ”
“อย่านะ” เปียเสียงสั่น
“เปียห้ามน้อยไม่ได้หรอก น้อยจะตรวจดีเอ็นเอ” น้อยยิ้ม
“ไม่..ไม่ ฉันไม่ยอม ม่าย” เปียกรี๊ดสุดเสียง
คุณหญิงเดินเข้ามาในบ้านพร้อมอุทัย มาหาวณีสามคนได้ยินเสียงเปียเงยหน้าขึ้นไปมองชั้นบน...เปียเนื้อตัวสั่น มองน้อย
“เปีย ห้ามน้อยไม่ได้หรอก น้อยจะตรวจดีเอ็นเอ”
“ฉันไม่ยอม ฉันไม่ยอม” เปียโถมเข้าบีบคอน้อย “ได้ยินมั้ยฉันไม่ยอม”
คุณหญิง อุทัย วณี ได้ยิน ต่างตกใจ วิ่งกันขึ้นมาด้านบน

เปียกรี๊ดสุดเสียง ตบตีขย้ำคอน้อยในจิตสำนึก ยิ่งเห็นน้อยหัวเราะเยาะเปียยิ่งคลั่ง
“ได้ยินมั้ย ฉันไม่ยอม ฉันไม่ยอม”
อุทัยเปิดประตูเข้ามา ตามมาด้วยคุณหญิง วณี สามคนเห็นเปียทำท่าเหมือนบีบคอคน แต่ในมือเปียเห็นแต่ความว่างเปล่า อุทัยตรงไปกระชากเปียเรียกให้สติ
“เปียๆ”
“เป็นอะไรลูก” วณีตกใจ
“เปีย...เปีย...”
เปียเสียงสั่น กวาดมองไปรอบๆห้องไม่เห็นน้อยแต่เห็นอุทัย เปียมองอุทัย เสียงของอุทัยดังก้อง สายตาเปียเห็นอุทัยกำลังพูดแบบยิ้มๆ
“ฉันจะขอหนูน้อยตรวจดีเอ็นเอ”
เปียผงะจากอุทัย หันไปมอง ก็เห็นคุณหญิงยิ้มแววตาเย้ยเยาะเหมือนเวลามองเย็น
“ฉันจะให้หนูน้อยตรวจดีเอ็นเอ”
เปียผงะจากคุณหญิงหันไปมองวณี ก็เห็นวณีถือกล่องเพชรที่ใส่เส้นผมชูต่อหน้า วณียิ้มเย้ย เปียผงะถอยหลังกรูด สายตาเปียมีแต่ความโกรธเกลียดระแวงทุกคน วณีเอื้อมมือมาจับ
“เปีย...เป็นอะไรลูก...เปีย”
เปียสะบัดออก กลัว โกรธ ดวงตาระแวง
“อย่ามายุ่ง”
“เปีย”
อุทัยโกรธ จะจับมือ เปียสะบัดมืออุทัยออกอย่างแรง
“บอกว่าอย่ามายุ่ง”
เปียลุกขึ้นผลักคุณหญิงอย่างแรง วิ่งออกไป คุณหญิงเซผงะร้อง อุทัยคว้าร่างคุณหญิงก่อนที่สามคนจะตามเปียออกไป

เปียวิ่งออกมาจากห้องสติไม่สมประดี ด้านหลังคือคุณหญิง อุทัย วณี
“เปีย”
เปียหันมามอง สายตาเห็นเป็น สามคนหน้าตาเหมือนเป็นอสูร เป็นศัตรู เปียถอย จะหนี เท้าของเปียเหยียบขั้นบันไดพลาด เธอร้องกรี๊ดขณะที่ร่างกลิ้งลงบันได เลอสรรวิ่งเข้ามาเห็นพอดี
“เปีย”
เลอสรรพุ่งเข้าไปรับร่างของเปียเอาไว้ ท่ามกลางเสียงกรี๊ดอย่างตกใจของทุกคน เปียใจหายใจคว่ำ พอเห็นเลอสรรก็กอดแน่น
“พี่เลอสรร ช่วยเปียด้วย”
เลอสรรกอดเปียเอาไว้แน่น ก่อนที่เปียจะค่อยๆหมดสติลง

เลอสรรวางร่างของเปียลงบนที่นอน หน้าของเปียซีดเผือด คุณหญิงมองเวทนา
“อาการยัยเปียหนักขึ้นทุกวัน”
วณีน้ำตาซึมอ่อนใจ
“เปียไม่ยอมกินยาค่ะคุณแม่ จะหลอกล่อยังไง ก็ไม่ยอมกินยา”
“แล้วจะทำยังไง ปล่อยเอาไว้อย่างนี้ยัยเปียเป็นบ้าแน่ๆ”
“ผมก็ไม่รู้จะทำยังไงเหมือนกัน คุณแม่ก็เห็น สายตาที่เปียมองพวกเรามีแต่ความหวาดระแวง”
คุณหญิงมองเลอสรร
“จะมีก็แต่ตาเลอ ที่ดูเหมือนยัยเปียไว้ใจหน่อย”
อุทัยกับวณีหันไปมองหน้าเลอสรร วณีขอร้อง
“น้าคงต้องขอร้องเลออีกครั้ง ดูแลน้องด้วยนะลูก”
“ครับคุณน้า ผมจะดูแลน้องเปียเอง”
เลอสรรรับคำทันทีด้วยเต็มใจ มองเปียด้วยความสงสารเวทนา ดวงตาเปีย
ค่อยๆหรี่ขึ้น ดวงตาคู่นั้นมีรอยยิ้มพอใจ

ค่ำนั้น เย็นนั่งทำงาน นึกถึงหลายๆเหตุการณ์ไม่ว่าจะเป็นน้อยถูกมอมยาที่ห้าง...ตู้อบสภาพน่ากลัว พลางบอกน้อย
“พรุ่งนี้น้าอยากไปวัด”
น้อยเงยหน้ามองเย็นเป็นเชิงถาม
“รู้สึกไม่สบายใจยังไงก็ไม่รู้”
“ค่ะน้าเย็น เดี๋ยวเราไปวัดด้วยกัน”
เย็นมองน้อยพยักหน้า

วันใหม่...เย็นกับน้อย ถวายเพลพระ พระให้พรเสร็จ สองคนก็ออกมากรวดน้ำ
“กรวดน้ำถึงเจ้ากรรมนายเวรด้วยล่ะ”
“ค่ะ”
สองคนกรวดน้ำใต้ต้นไม้ใหญ่ เย็นมองน้อยรู้สึกกังวลเป็นห่วง

เย็นกับน้อย เดินออกมา เห็นป้ายติดไว้ ให้ทุกข์แก่ท่าน ทุกข์นั้นถึงตัว - ทำชั่ว กรรมย้อนตามสนอง - สวรรค์ในอก นรกในใจ...เย็นเพ่งสายตาอ่าน ขณะเดินผ่านไป รู้สึกเจ็บ ข้อความที่อ่านเหมือนเป็นหมัดน็อก น้อยถามเป็นห่วง
“สบายใจขึ้นบ้างรึยังคะน้าเย็น”
เย็นยิ้มเจื่อน
“ก็...ไม่หรอก แต่ยังดีน้ายังได้รู้สัจธรรมที่ว่า ให้ทุกข์แก่ท่านทุกข์นั้นถึงตัว”
“น้าเย็นหมายถึง...การที่น้าเย็นขโมยเอาเปียมาจากคุณอุทัย”
เย็นพยักหน้าน้อยๆ
“ฮื่อ...ไม่ใช่แค่เขาเจ็บหรอก น้าก็เจ็บกับการกระทำของน้าอยู่ทุกวัน ยิ่งเห็น ก็ยิ่งเจ็บ แต่ช่างมันเถอะ ตราบใดที่น้ายังอยากเห็นความย่อยยับเจ็บปวด กับการที่พวกเขาต้องรบราฆ่าฟันกับลูกเลวๆอย่างนังเปีย น้าก็ต้องอยู่ในสภาพนี้ต่อไป ห่วงก็แต่น้อย”
น้อยยิ้ม จับมือเย็นดีใจ
“ห่วงทำไมคะ น้อยอยู่กับน้าเย็น”
“แล้วถ้าไม่มีน้าล่ะ”
“น้าเย็นพูดอะไรอย่างนี้คะ ไม่เห็นดีเลย ยังไงน้อยกับน้าเย็นจะอยู่ด้วยกันตลอดไปค่ะ”
“น้าก็อยากให้เป็นอย่างนั้นนะ...” เย็นยิ้มเซียวๆ “ถ้ามันเป็นไปได้”
“แล้วทำไมน้าเย็นถึงจะคิดว่าเป็นไปไม่ได้ล่ะคะ”
เย็นมองน้อยสลด ก่อนยิ้มเจื่อนๆ
“ในโลกนี้มีอะไรตั้งมากมายหลายอย่างที่เราคาดไม่ถึง สำคัญก็แต่...ถ้ามีวันนั้น น้อยจะยังรักน้าอยู่มั้ย”
“ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น น้อยก็รักน้าเย็นค่ะ”
เย็นมองน้อยน้ำตารื้น ตื้นตัน

เย็นกับน้อยกำลังจะเดินออกไปนอกวัด เห็นคนขับรถมาส่งโลง สัปเหร่อเดินมาบอกกับคนส่ง
“เงินค่าโลงติดไว้ก่อนนะ ไว้มีจะให้”
“ใจบุญแต่ไม่มีเงิน ก็เดือดร้อนตัวเองอย่างนี้ล่ะตาพงษ์”
“ทำไงได้...สงสาร ตายเป็นผีไม่มีญาติแล้วยังไม่มีโลงเผาผีอีก”
สัปเหร่อกับคนขนโลงช่วยกันเอาโลงลง เย็นกับน้อยมองก่อนที่เย็นจะบอก
“ฉันช่วยบริจาค”
สัปเหร่อหันมามอง
“จริงเหรอ โลงนึงแพงอยู่นะ”
“ไม่เป็นไร อยากทำบุญพอดี” เย็นยื่นเงินให้สัปเหร่อ “ 2 โลงเลย”
“ขอบใจๆ รอเดี๋ยวๆ...”
สัปเหร่อวิ่งกลับไปเอาใบบริจาคมาให้เย็นพลางบอก
“เขียนชื่อที่อยู่ คนบริจาคเป็นหลักฐานให้วัดหน่อย”
“น้อยเขียนชื่อน้อยเลยลูก”
“ค่ะน้าเย็น”
น้อยรับใบบริจาคมาเขียนชื่อ มารยาท บัวแย้ม ที่อยู่บ้านอุทัยเสร็จแล้วก็ยื่นให้ สัปเหร่อยิ้ม
“ขอให้เจริญๆปราศจากโรคภัยไข้เจ็บและภยันตรายใดๆมากล้ำกรายนะ”
เย็นกับน้อยพนมมือท่วมหัว
“สาธุ”

เย็นกับน้อยมองหน้ากันแล้วยิ้มออกมาอิ่มเอมใจ
 
อ่านต่อตอนที่ 14
กำลังโหลดความคิดเห็น