คมพยาบาท ตอนที่ 12
เย็นเดินออกมาจากในห้องน้ำ ด้วยชุดใหม่ มือจับผ้าเช็ดตัวเช็ดผมที่เปียกอยู่ ดวงตาแห้งแล้ง เต็มไปด้วยความโกรธ โมโหเปีย
ขณะเดียวกันก็มีความร้าวรานแฝงอยู่ เสียงของเปียที่บอกเธอว่า ที่เป็นอย่างนี้ก็เพราะตัวเธอ เย็นส่ายหน้า ปฏิเสธ ใจไม่ยอมรับ ค่อยๆทรุดตัวลงนั่งกับพื้น ดวงตาเหม่อลอยเจ็บปวด น้อยในชุดนักศึกษา กลับมาจากมหาวิทยาลัย เห็นเย็นในสภาพดวงหน้าซีดขาว ผมที่เปียก ระลงมาคลุมใบหน้ายุ่งเหยิง ทรุดโทรมก็ตกใจเป็นห่วง รีบเข้าไปหาอย่างรวดเร็ว
“น้าเย็นเป็นอะไรคะ”
เย็นน้ำตาคลอแต่ตาแข็งกระด้าง
“เปียมันด่าว่าน้าเอาแต่ทุบตีมัน จนมันกลายเป็นคนเลว” เย็นจับแขนน้อยอย่างแรง ถามเสียงสั่นเครือ “แกบอกน้ามาสิน้อย มันจริงมั้ย”
“เอ่อ....เอ่อ...” น้อยไม่รู้จะตอบยังไง
“ไม่จริงใช่มั้ยนังเปียสันดานมันเลวเอง เลว...เหมือนพ่อเหมือนแม่มัน”
เย็นหลุดพูดออกมา น้อยแหยๆไม่กล้า
“น้าเย็นคะ แต่คุณอุทัย คุณวณี ท่านเป็นคนดีนะคะ”
เย็นอึ้งไป เพิ่งรู้ตัวก่อนปรี๊ด ผลักน้อยออกอย่างแรง
“ดีที่ไหน สองคนนั้นมันดียังไง”
น้อยอึ้ง กลัว ขณะที่เย็นถูกจี้จุดโกรธ จิกผมน้อยจนหน้าหงาย ถามดุดัน
“บอกฉันมานังน้อย สองคนนั้นมันดียังไง”
น้อยใจเย็น พยายามบอก
“อย่างน้อย ท่านก็ใจดีให้เราอยู่ที่นี่กับเปีย ถึงจะอยู่กันคนละหลัง แต่เราสามคน ก็ยังได้อยู่ด้วยกัน”
“เหรอ...แกคิดอย่างนั้นเหรอ แกนี่มันโง่มันเซ่ออย่างที่นังเปียมันว่าเอาไว้จริงๆ รู้เอาไว้ด้วย ที่มันให้แกกับฉันอยู่ที่นี่ เพราะมันอยากได้แก”
“เขาจะอยากได้น้อยไปทำไมคะ”
เย็นมองยิ้มหยัน กระชากจนหน้าหงอยตะคอกใส่
“นั่นเป็นสิ่งที่แกรู้อยู่มั้ง ฮึ...อย่านะนังน้อย ว่าแกจะเป็นลูกสาวพวกมันเหมือนที่พวกคนใช้ปากรั่วมันพูดกันน่ะ แกเป็นหลานฉัน ได้ยินมั้ยแกเป็นหลานฉัน ปล่อยให้พวกมันมีลูกเลวๆ อย่างนังเปียไป”
เย็นผลักน้อยออกหัวเราะสะใจ น้อยมองเย็นสงสาร เวทนา เห็นใจแต่ขณะเดียวกันก็รู้สึกเจ็บปวดเสียใจ
คุณหญิงอนุรักษ์เดินลิ่วเข้ามาในบ้านอุทัย เมื่อไม่เห็นใคร จะก้าวขึ้นชั้นบน วณีก็เดินลงมาเห็นท่าทางคุณหญิงร้อนรนก็สงสัย
“คุณแม่ มีอะไรหรือคะ”
“หลายเรื่อง อุทัยล่ะ”
“ยังไม่กลับมาเลยค่ะ มีเรื่องอะไร คุยกับวณีได้มั้ยคะ”
“ไม่อยากคุยเท่าไร คุยไป วณีก็เข้าข้างยัยเปีย”
“ทำไมคะ”
“ยัยเปียตีลูกเต่า”
“หา!” วณีตกใจมาก
อุทัยถอนหายใจเฮือกอย่างกลุ้มใจ เมื่อรู้เรื่องที่เกิดขึ้นจากคุณหญิงอนุรักษ์
“อย่างที่ผมบอก ตามใจมากๆยัยเปียจะเสียนิสัย แล้วก็เสียจริงๆ ไปตบตีไปทะเลาะกับเด็กสิบกว่าขวบได้ยังไง”
“วณีไม่รู้เรื่องจริงๆนะคะ...” วณีหน้าเสีย
“ไม่รู้เรื่อง หรือปิดหูปิดตาตัวเองเอาไว้” อุทัยย้อน
“พี่อุทัย”
วณีจะแย้ง คุณหญิงขัด
“อย่าทะเลาะกัน เราต้องช่วยกันแก้ปัญหา ไม่ใช่สร้างปัญหาขึ้นมาอีก”
อุทัย วณีเงียบ เปียเดินมา เห็นสามคนคุยกันหน้ายุ่ง ก็ใจไม่ดี แอบมาฟัง ขณะที่ คุณหญิงถอนหายใจเฮือก
“อย่างที่แม่เคยคุยกับอุทัยนั่นแหละ คนเราถูกหล่อหลอมด้วยอะไร พันธุกรรม การสืบสันดาน หรือว่าการเลี้ยงดู ถ้าจะเป็นการเลี้ยงดู ทำไม เปียกับหนูน้อย นิสัยไม่เหมือนกัน”
“แต่ถ้ามาจากพันธุกรรม การสืบสันดาน ยัยเปียก็ไม่มีอะไรเหมือนผมกับวณีเลยนะครับคุณแม่...” อุทัยบอกอย่างที่ใจคิด
“นั่นน่ะสิ แต่หนูน้อย หนูน้อยกลับเป็นคนดีน่ารัก ทั้งๆที่...อาจจะเป็นลูกโจร”
เปียตาวาว ใจเต้นรัว ขณะที่อุทัยกับวณีถามแทบจะพร้อมกัน
“อะไรนะครับ-ค่ะ คุณแม่”
“คุณหญิงผิวมาหาแม่ ทำให้แม่จำได้ถึงชื่อของเสือโมกกับลำยอง และพ่อแม่ของหนูน้อย ก็ชื่อโมกกับลำยอง คนเรามันจะบังเอิญชื่อตรงกันขนาดนั้นเลยเหรอ”
“คุณแม่คิดว่า...” วณีถามเสียงแผ่ว
“พ่อแม่ของหนูน้อยอาจจะเป็นเสือโมกกับลำยองแล้วถ้ามันใช่จริงๆ ทำไมหนูน้อยถึงได้นิสัยดี ผิดพ่อผิดแม่รวมทั้ง ไม่เหมือนนังเย็นที่เป็นคนเลี้ยงมา”
“แต่คนที่นิสัยเหมือนเย็น กลับเป็นเปีย”
อุทัยบอกทันที ทุกคนต่างก็ครุ่นคิดอย่างหนักใจ เปียหน้าซีดเผือด ใจเต้นรัว มีแต่ความกลัว
เปียวิ่งเตลิดเข้ามาในสวน กลัวจนน้ำตาไหลออกมา กอดตัวเองแน่น ซุกอยู่ใต้ซอกของพุ่มไม้ เนื้อตัวสั่น หวาดระแวง เดียวดาย ได้แต่กอดตัวเองเอาไว้ อ้อมกอดที่เป็นเหมือนปราการคุ้มครองตัวเองยามไม่มีใคร
น้อยนั่งมองดอกลิลลี่เริ่มเฉาแล้ว เธอน้ำตาคลอ หยิบขึ้นมาดู
“แม้ในขณะที่น้อยรู้สึกว่าไม่มีใคร น้อยก็มีพี่ไม่ได้ พี่เลอสรร”
น้อยกอดช่อดอกลิลลี่ร้องไห้…เย็นหยิบถุงสินค้าที่จะไปส่ง แล้วเดินไปเปิดประตูห้องของน้อย แล้วเห็นน้อยกอดดอกลิลลี่ก็มองตาขวาง
“แกทำอะไรนังน้อย นั่นดอกไม้ของใคร”
“เอ่อ...เอ่อ...”น้อยหน้าเสีย
“ของใคร”
เย็นกระชากช่อดอกไม้มา การ์ดหล่น เย็นหยิบมาดู เห็นการ์ดที่เขียน มีลายเซ็นเลอสรร
“ไอ้เลอสรร...ฉันบอกแกแล้วใช่มั้ย ไอ้คุณเลอสรรมันเป็นของคุณหนูเปีย แล้วแกทำอย่างนี้แปลว่าอะไรห๊า แปลว่าอะไรนังน้อย ห๊า”
เย็นเอาช่อดอกไม่ปัดหน้าน้อยแรงกว่าเดิม แล้วเหวี่ยงช่อดอกไม้ทิ้ง
“ตกลง แกจะแย่งไอ้คุณเลอสรรของหนูเปียใช่มั้ยห๊า”เย็นกระทืบดอกไม้อย่างแรง
น้อยมองดอกไม้อย่างเสียใจ ก่อนมองเย็น
“เปล่า...เปล่าค่าน้าเย็น”
“งั้น...น้าทำอย่างนี้ถูกแล้วใช่มั้ยคะ”
เย็นหัวเราะเบาๆเย็นเหยียบขยี้ช่อดอกไม้แทบแหลกละเอียด น้อยน้ำตาไหล
“ถ้าน้าทำถูก น้อยจะเก็บดอกไม้ไว้ทำไม เหยียบมันสิคะ เหยียบให้มันเละไปเลย”
น้อยมองดอกไม้เสียใจร้องไห้ออกมา เย็นกระชากแขน
“ถ้าแกบริสุทธิ์ใจ แกต้องกล้าเหยียบดอกไม้ช่อนี้เหยียบสินังน้อย เหยียบ”
“น้าเย็น”
“ฉันสั่งให้แกเหยียบ ถ้าแกไม่กล้า แปลว่า แกตั้งใจที่จะแย่งไอ้คุณเลอสรร ของนังเปีย...ว่าไงคะคุณหนูน้อย จะเหยียบหรือไม่เหยียบ”
น้อยค่อยๆเหยียบลงช่อดอกไม้ น้ำตาไหล หัวใจร้าวราน ขณะที่เย็นหัวเราะก้อง
“มันต้องอย่างนี้สิคะคุณหนูน้อย...เก่งมากจริงๆ”
“เพราะน้อยเป็นหลานน้าเย็นค่ะ น้อยจะทำทุกสิ่งที่น้าเย็นต้องการ”
“ดีมาก งั้นรู้ใช่มั้ย ต่อไป น้อยต้องทำยังไง”
น้อยมองเย็น ก่อนจะค่อยๆหยิบช่อดอกลิลลี่ที่เละเทะแทบจะแหลกคาเท้าขึ้นมา
“ไป...ไปจัดการให้เรียบร้อย ทุกอย่างจะได้จบซะทีไป๊”
เย็นผลักน้อยออกไปอย่างแรง น้อยล้ม แต่จำต้องลุกขึ้นมาใหม่ พร้อมช่อดอกไม้
ค่อยๆเดินออกไป เย็นหัวเราะสะใจ
วณีนั่งซึมกลุ้มใจ เลอสรรถือสำรับอาหารมาให้
“ตั้งแต่เช้าผมยังไม่เห็นน้าวณีกินอะไรเลย เลยทำข้าวต้มมาให้”
“ขอบใจจ้ะ แต่น้าไม่หิว น้ากินอะไรไม่ลงจริงๆ”
“ยังไงรักษาสุขภาพด้วยนะครับ ผมเป็นห่วง...”
“ขอบใจมากจ้ะเลอ”
วณียิ้มเซียวให้ เลอสรรมองเป็นห่วง เดินไปถืออุปกรณ์การสอนเดินออกไป
น้อยเดินมาหน้าบ้านอุทัย ในมือถือช่อดอกลิลลี่เละมาด้วย เธอชำเลืองมองเห็นเย็นถือถุงสินค้าที่จะไปส่งเดินตามหลังมา เธอจึงตัดสิมใจเดินเข้าไป เลอสรรเดินออกมาพอดี เห็นน้อยก็งง
“น้อยเอาดอกไม้มาคืน”
เลอสรรมองน้อยไม่เข้าใจ ก่อนชำเลืองมองดูช่อดอกไม้ พอเห็นสภาพ ก็เสียใจ
“แปลว่าอะไร”
“น้อยไม่อยากได้มัน”น้อยเสียงสั่น ปากไม่ตรงกับใจ
“น้อย”
“ไม่ต้องมายุ่งอะไรกับน้อยอีก”น้อยปล่อยช่อดอกไม้ลง
น้อยกับเลอสรรสบตากัน เจ็บปวดหัวใจทั้งคู่ เย็นมองภาพตรงหน้ายิ้มสะใจ ก่อนเดินไปเลอสรรก้มลงเก็บช่อดอกไม้ที่เละเทะ
“ถ้าน้อยไม่ต้องการ พี่ก็จะเก็บเอาไว้เอง...น้อยจะรังเกียจพี่ด้วยสาเหตุใดก็ตาม แต่...พี่ขอร้อง อย่ารังเกียจน้าอุทัย น้าวณีนะ ท่านทั้งสองรักและเอ็นดูน้อยมาก ตอนนี้น้าวณีก็ไม่สบาย กินอะไรไม่ได้เลยพี่อยากให้น้อยมาเยี่ยมท่านบ้าง มาดูแลท่านบ้างก็ยังดี”
น้อยกลั้นน้ำตาเอาไว้จนปากสั่น เธอไม่ตอบเดินไป เลอสรรมองตามห่อเหี่ยวหัวใจเหลือเกิน
น้อยเดินกลับเข้าไปที่บ้านอย่างเซื่องซึมเสียใจ ไม่มีชีวิตชีวา เธอคิดถึงวณีที่มาหา บอกอยากกินข้าวแช่ จึงตัดสินใจเดินเข้าครัว เอาน้ำสะอาดใส่ภาชนะแก้วใส เอาดอกกุหลาบ ดอกมะลิมาลอยหน้าเพื่อให้กลิ่นหอมขึ้น แล้วไปล้างข้าวสาร นำไปต้ม ก่อนจะหันมาหยิบมีดและพริกหยวก เปียเดินเข้ามา น้อยได้ยินเสียงฝีเท้า สะดุ้งหันไปมอง เปียมองข้าวแช่ที่ทำค้างอยู่ หัวเราะหยัน
“ข้าวแช่ แกเนี่ย ไม่กลัวฉันจริงๆใช่มั้ยนังน้อย”
“กลัว...น้อยกลัวเปีย น้อยรักเปีย แต่คุณวณีไม่สบาย”
“ไม่สบาย นี่แกรู้ทุกเรื่องของบ้านฉันเลยเหรอ มันจะมากไปแล้วนะนังน้อย นี่แกอยากเป็นลูกแม่ฉันจริงๆใช่มั้ย”
เปียปราดเข้าไปหาหมายขย้ำ น้อยถอยหลังกรูด
“ไม่นะเปีย น้อยไม่เคยคิดเลย”
“ไม่เคยคิดแต่การกระทำของแก มันฟ้องทุกอย่าง คนอย่างแก ไว้ใจไม่ได้จริงๆ ในเมื่อแก ไม่ฟังฉันดีๆ ฉันคงต้องหยุดแก”
เปียหันขวับไปมองกระทะที่ต้มข้าวอยู่ เห็นน้ำเดือดพลั่ก จนเม็ดข้าวลอยฟูแตกขึ้นมาเริ่มบาน น้อยร้อง
“อย่านะเปีย อย่า”
น้อยร้องลั่น ขณะที่เปียเอาผ้าจับแล้วยกกระทะร้อนๆขึ้นมา น้อยเห็นอย่างนั้นก็วิ่งหนีอย่างรวดเร็วเป็นจังหวะที่เปียสาด น้ำร้อนเกือบถูกน้อย เปียมองตามน้อย อารมณ์เสียหงุดหงิด เหวี่ยงกระทะทิ้ง คว้ามีดปลายแหลมเดินตามออกไป
น้อยวิ่งหนีเปียออกไปหน้าบ้าน โชคร้าย สะดุดเข้ากับก้อนหิน น้อยล้มลง เปียที่เดินตามมาหัวเราะดังก้อง ชูมีดขึ้นมา
“แกเห็นรึยัง สิ่งศักดิ์สิทธิ์ไม่เข้าข้างคนผิด คนหน้าด้านอย่างแก”
“อย่าทำน้อยนะเปีย อย่า”
เปียเดินมาใกล้น้อย ก่อนนั่งลงข้างๆน้อยมองมีดไม่วางตากลัว เปียยื่นมีดเข้ามาใกล้ น้อยร้องไห้กลัวมาก
“อย่านะเปีย..อย่า”
“ยังไง แกก็เป็นน้องฉัน ฉันไม่ทำแกหรอก แต่ถ้าวันไหนแกคิดเป็นศัตรูฉัน แกคงรู้ใช่มั้ยว่า ฉันจะทำอะไรกับแก”
เปียไล้มือเล่นคมมีดอย่างช้าๆ น้อยเนื้อตัวสั่น ยังไงก็กลัวเปีย
“อย่ายุ่งกับพ่อแม่ฉัน ย่าฉัน พี่เลอสรรของฉัน ไม่งั้น แกตาย”
เปียปัดมีดลงกับพื้นก่อนตบหัวน้อยอย่างแรงเดินไป น้อยเนื้อตัวสั่น กลัวเปียเป็นอย่างมาก เปียเดินไปหน้าตาหงิกงอ ในใจกลุ้มใจอย่างบอกไม่ถูก
ช้อยทายาให้ลูกเต่าที่ยังมีรอยฟกช้ำ
“ไง ยังมีเซ็กซี่ซีเปียเป็นไอดอลอยู่อีกมั้ยนังลูกเต่า”
ลูกเต่าส่ายหน้าหน้าจ๋อยๆ จวนหันมาหาลูกเต๋า
“เข้าใจแล้วใช่มั้ย ตอนถูกข่มขู่ถ่ายคลิปเป็นยังไง”
เปียจะเดินเข้ามาในห้องครัวได้ยินชะงัก หยุดฟัง ลูกเต่าน้ำตาจะหยด
“ลูกเต่ากลัว ลูกเต่าอาย”
เปียอารมณ์เสียมาจากน้อย ยิ้มเยาะสะใจ ภูมิใจที่ตัวเองเหนือกว่าแต่เปียก็ต้องหุบยิ้มเมื่อได้ยินเสียงจวน
“เพราะฉะนั้น ต่อไปอย่าไปดูคลิปพวกนี้ มันไม่ใช่เรื่องสนุก สะใจ แต่มันเป็นเรื่องน่าละอาย”
“ผู้หญิงร้ายๆแรงๆ น่าเกลียดจะตาย โดยเฉพาะเซ็กซี่ซีเปีย อย่าไปเอาอย่าง” หวานเสริม
เปียยกเท้าถีบประตูเข้ามาอย่างแรงทุกคนผละตกใจ หันขวับมามองสายตาทุกคนเห็นเปียยืนหน้าบึ้งอยู่ เอิบโพล่งออกมา
“เซ็กซี่ซีเปีย”
ทุกคนผวาไปรวมตัวกันทางด้านหลังครัว เปียเดินเข้ามาท่าทางสก๊อยเต็มที่ชี้หน้ากราด
“เก่งนักใช่มั้ย ปากดีกันนักใช่มั้ย”
เปียคว้าข้าวของใกล้มือทั้งหม้อ กระทะ ทัพพี เหวี่ยงใส่ทุกคนที่อยู่ในครัว ทุกคนร้องวี๊ดว้ายหลบกันจ้าละหวั่น เปียยังไม่พอใจกระโจนเข้าไปลากตัวช้อยกับหวานออกมา จับเอามาชนกันแล้วเหวี่ยงไป เอิบ ลูกเต่า จวนที่ยืนกันอยู่ทุกคนล้มกันระเนระนาดมองกลัว
“จำเอาไว้ อย่ามาอวดดีกับฉัน ไม่งั้นพวกแกจะไม่มีที่ซุกหัวนอน”
พูดจบเปียก็เตะหม้อที่หล่นอยู่กับพื้น ใส่กลุ่มคนอีกทีก่อนจะเดินไปคว้าเอาจานผลไม้ที่จัดไว้สวยงามเดินออกไป ทุกคนมองตามแบบใจหายใจคว่ำหวานด่าไล่หลัง
“ถ่อย นิสัยชั่ว เลวทราม ฉันไม่เชื่อ ไม่เชื่อจริงๆว่านังเปียเป็นลูกของคุณๆ”
ทุกคนมองตามเปีย สายตามีแต่ความเกลียดชัง ระแวง
เปียเดินถือจานผลไม้เข้าไป เห็นวณีนั่งเศร้าซึม เปียมองดวงตาบ่งบอกถึงความรำคาญแต่ก็อยากเอาใจ กลัววณีไม่รัก เปียปรับสีหน้าเข้าไปหา
“คุณแม่ขาเปียเอาผลไม้มาให้ค่ะ”
วณีหันมามองท่าทางแปลกใจเปียบอกหน้าเศร้าเป็นห่วง
“เปียเห็นคุณแม่ไม่สบายเดี๋ยวเปียป้อนให้นะคะ”
เปียใช้ซ้อมจิ้มผลไม้ให้ วณีมองปลื้มใจแกมเป็นห่วง กังวล ก่อนถาม
“เปียทำเองหรือลูก”
เปียเสียงหวานส่ายหน้า
“เปียทำอะไรแบบนี้ไม่เป็นหรอกค่ะแต่ไม่ได้หมายความว่า เปียไม่รักไม่ห่วงคุณแม่นะคะเปียรัก เปียห่วงคุณแม่ที่สุดเลยค่ะ” เปียกอดวณีซบลงตรงไหล่กอดแน่น “รักมาก จนกลัวมีคนมาแย่งคุณแม่”
วณีชื่นใจกอดเปียตอบ ตอบเย้าๆ
“ใครจะมาแย่งแม่จ้ะ”
“เปียก็ไม่รู้เหมือนกันค่ะ เปียแค่ระแวง กลัวใครบางคนจะแกล้งมาทำดีกับคุณแม่เพื่อหวังประจบ”
“ไม่มีหรอกจ้ะ”
“งั้นคุณแม่สัญญากับเปียนะคะ ไม่ว่าใครจะทำดีกับคุณแม่แค่ไหนก็ตาม คุณแม่ห้ามรักเขามากกว่าเปีย”
“จ้ะ...แม่จะรักเปียที่สุด แม่จะรักเปียคนเดียว”
“ขอบคุณคุณแม่มากค่ะ”
เปียกอดวณี ยิ้ม ดีใจจริงๆ มีความสุขมาก
เจ้าของร้านมองดูงานที่เย็นเอามาส่งด้วยความพอใจ
“งานทั้งสวย ทั้งละเอียดแถมอาทิตย์นึงทำได้ตั้งหลายชิ้น ทำได้ไงเย็น”
“นึกถึงเงินไงพี่ ฉันอยากหาเงินได้เยอะๆ เก็บเอาไว้ให้หลาน”เย็นยิ้ม
“งั้น...ก็เอางานไปทำเยอะๆ ออร์เดอร์มีเยอะเลย”
เจ้าของร้านทำท่าจะเอางานส่งให้เย็นรีบบอก
“ไว้ก่อนได้มั้ยพี่”
“ทำไมล่ะ”
“ฉันกำลังคิดอยู่ ว่าจะกลับต่างจังหวัดดีหรือเปล่า”
เจ้าของร้าน มองเหมือนจะห้าม เสียงมือถือดังขึ้น เย็นหยิบมือถือขึ้นมาดูเห็นเป็นเบอร์โทรของอุทัย เย็นชั่งใจก่อนรับสาย
“สวัสดีค่ะ”
“เย็น...ฉันมีเรื่องอยากคุยด้วย”
“คุณโทรมาทีไร มีเรื่องทุกที อย่าคุยกันดีกว่าค่ะ”
“แต่ฉันมีเรื่องสำคัญจริงๆ ขอฉันคุยด้วยนะ...นะเย็น”
“ไม่ค่ะ...เพราะฉันไม่อยากให้เมียแต่งของคุณมาด่าฉันถึงบ้าน ว่าหน้าด้านแย่งผัวคนอื่น” เย็นวางสาย
“เย็นๆ...” อุทัยร้อนรน กลุ้มหนักที่เย็นไม่คุยสายด้วย
เย็นกลุ้มใจบอกเจ้าของร้าน
“เอางานมาเยอะๆเลยพี่คืนนี้ฉันอยากทำงาน”
ค่ำนั้น เลอสรรกลับจากสอนพิเศษ กลับมาที่บ้าน หน้าเศร้าซึมเหมือนคนอกหัก เปียเดินออกมา พร้อมดอกไฮเดรนเยีย เปียยิ้มหวาน ท่าทางเรียบร้อย เป็นคนละคนยื่นดอกไม้ให้
“พี่เลอสรรไม่เห็นมาเอาคืนไปเลยเปียเลยเอามาให้”
เลอสรรมอง เห็นดอกไฮเดรนเยียยังดูสดใหม่ สวยงาม
“เปียเก็บไว้อย่างดีเลยนะคะ พรมน้ำให้ตลอด เพราะเห็นลูกศิษย์พี่เลอให้มา”
“ขอบใจมากเปีย”เลอสรรยิ้มเศร้า
เปียชะโงกหน้ามองถามอาทร
“ไม่สบายหรือเปล่าคะ ท่าทางพี่เลอสรรไม่ดีเลย”
“เปล่าจ้ะ”
“เดี๋ยวเปียหาอะไรให้กินดีกว่านะคะ...รอสักครู่ค่ะ”
เปียเดินกลับเข้าไป
“เดี๋ยวเปีย เดี๋ยว”
เปียไม่ฟัง เลอสรรมองตามอย่างเกรงใจ
เปียเดินเข้าไปในครัว ยิ้มร้ายรำพึงในใจ
“แกทำกับข้าวได้ ฉันก็ทำได้เหมือนกัน นังน้อย”
พูดจบเปียก็เอาบะหมี่สำเร็จรูปเป็นคัพ กดน้ำร้อนใส่ ตอกไข่ใส่ ยิ้มเย้ย ทำได้เว้ย
เลอสรรนั่งอยู่ ท่าทางเหนื่อยๆ เปียเดินเข้ามาพร้อมจานที่รองบะหมี่คัพ
“เรียบร้อยแล้วค่ะพี่เลอสรร”
เลอสรรมองเห็นบะหมี่คัพ แล้วหัวเราะเบาๆอดเอ็นดูไม่ได้
“ทำยากนะเนี่ย”
“ค่ะยากมากแต่เปียอยากทำพี่เลอสรร”เปียหัวเราะขำ
“เก่งมาก” เลอสรรยิ้มเอ็นดู หยิบดอกไม้ที่ปักในแจกันส่งให้1ดอก “อ่ะพี่ให้”
“อุ๊ย! คราวนี้พี่เลอสรรให้เปียจริงๆนะคะ”เปียยิ้มดีใจ
“จ้า...เอาไปสิ”
“ขอบคุณมากค่ะ”เปียยกมือไหว้ “เปียดีใจจัง”
เปียรับดอกไม้มาถือไว้เลอสรรมองอาการดีใจของเปีย รู้สึกสะท้อนใจ ดอกไม้ที่ตั้งใจให้น้อยไม่มีค่า แต่สำหรับเปีย แค่ดอกไม้ปักในแจกัน เปียดีใจเหลือเกิน ที่บันได วณียืนมองน้ำตาซึม สงสารเปียหน้าประตู อุทัยกลับมาเห็นเลอสรรกับเปียนั่งคุยกัน ด้วยท่าทางสบายใจทั้งคู่ก็แปลกใจ
วณีบอกอุทัยด้วยรอยยิ้ม
“วณีดีใจจังเลยค่ะ ที่ลูกเปียกับตาเลอ เข้ากันได้ดี”
“ยังไงก็ไม่ใช่พี่ชายจริงๆ วณีต้องดูลูก อย่าให้ยัยเปียเข้าใกล้เลอจนเกินงาม” อุทัยเตือน
“แต่ถ้าตาเลอกับลูกเปียเข้ากันได้ มันก็เป็นเรื่องดีไม่ใช่เหรอคะ”
อุทัยหันมามอง
“แปลว่า...วณียังอยากให้ลูกเปียกับเลอสรรแต่งงานกัน”
“อะไรที่ลูกเปียมีความสุข วณีอยากทำให้ทุกอย่างพี่อุทัยก็เห็นท่าทางลูกเปีย สดชื่น สดใสถ้าความรัก ความเข้าใจ ทำให้ลูกเปียหายป่วย ก็เป็นเรื่องดีไม่ใช่เหรอคะ”
อุทัยครุ่นคิด
“ใช่...เป็นเรื่องดีและก็จะเป็นเรื่องดีมากๆ ถ้าลูกเปียเป็นลูกจริงๆของเรา”
“เลิกพูดอย่างนี้ได้มั้ยคะ”
“ไม่ได้ ยิ่งคุณแม่บอกเรื่องพ่อแม่ของหนูน้อย เรื่องคนร้าย พี่ก็ยิ่งอยากรู้ความจริง”
อุทัยหยิบมือถือเดินลิ่วออกไป วณีมองไม่สบายใจเลย
น้อยนั่งทายาที่เข่า รอยช้ำที่เกิดจากการหกล้มวิ่งหนีเปีย เย็นเห็นก็เดินมาหาดึงยามาทาให้ ถามอาทร
“ไปโดนอะไรมา”
“หกล้มนิดหน่อยค่ะน้าเย็น...”
“โกรธน้าหรือเปล่า”
“เรื่องอะไรคะ”
“เรื่องคุณเลอสรร เรื่องเปีย”
“ไม่ค่ะ น้อยเข้าใจ”น้อยน้ำตาคลอ
เย็นมองเห็นใจ
“เข้าใจอย่างเดียวไม่ได้ ต้องทำให้ได้ด้วย เลิกพบปะพูดคุยกับคุณเลอสรรทุกอย่าง อย่าให้ยัยเปียมาด่าได้ ว่าแอบกินขโมยกินของมัน”
“ค่ะน้าเย็น”
เย็นดึงน้อยมากอดปลอบ เวทนา เสียงมือถือดัง เย็นผละไปรับ พอเห็นเบอร์อุทัยก็นิ่วหน้าไม่อยากรับ แต่ชำเลืองเห็นน้อยมอง เย็นไม่อยากให้น้อยสงสัยเลยรับ
“สวัสดีค่ะ”
“ขอฉันเจอหน่อยนะเย็นฉันมีเรื่องสำคัญจริงๆ”
“สำคัญงั้นก็ลองบอกฉันมาหน่อยแล้วกัน มันสำคัญยังไงนักหนาฉันจะได้ตัดสินใจ ก่อนไปคุยกับผัวคนอื่น”เย็นเย้ย
“เรื่องพ่อแม่ของน้อย เรื่องคนร้ายที่ชื่อโมก กับลำยอง”
เย็นเบิกตากว้าง เมื่อได้ยิน คนร้ายที่ชื่อโมกกับลำยอง อุทัยรู้ได้อย่างไร
ในร้านกาแฟวันใหม่...เย็นมองอุทัยนิ่ง แต่ดวงตาส่อความหวาดระแวง
“มันเรื่องอะไร ถึงได้เอาคนร้ายมาเกี่ยวกับพ่อแม่ยัยน้อย”
อุทัยมองจ้องสังเกต
“เพราะชื่อเหมือนกันน่ะสิโมก ลำยอง และมันก็ยังทำให้เธอออกมาหาฉันได้ แปลว่า ต้องสำคัญไม่เบา”
เย็นแค่นหัวเราะ
“ฉันสงสัยน่ะสิอะไรๆที่มันไม่ดี ร้ายๆแรงๆ เลวๆคุณต้องโยงให้มาเกี่ยวกับฉันให้ได้ มันดูถูกเหยียดหยามกันมากไปหรือเปล่าคุณอุทัย”
“ถ้าเธอไม่อยากให้ดูถูก ฉันเข้าใจผิด เธอก็บอกมาสิพ่อแม่ของหนูน้อยเป็นใครทำมาหากินอะไร ฉันจะได้ไปหาฉันจะได้รู้พวกเขาเป็นคนเดียวกันกับคนร้ายจริงๆหรือเปล่า”
“คุณอยากเจอพวกเขาจริงๆหรือคะ”
“ก็ใช่น่ะสิเขาอยู่ไหน”
“แม่น้ำ”
เย็นลุกขึ้นจะไปอุทัยผุดลุกขึ้นตาม ถามงงๆ
“อะไรของเธอ แม่น้ำ”
“คนตาย...เขาไปลอยอังคารกันที่ไหนล่ะคะอยากไปก็ไปเลยค่ะ ตามสะดวก เอาคุณวณี กับคุณหญิงไปลอยอังคารพร้อมๆกันเลยนะคะ จะได้เลิกยุ่งกับฉันสักที”
เย็นเดินออกไปอุทัยฮึดฮัดโมโหเดินตามออกไป
อ่านต่อหน้า 2
คมพยาบาท ตอนที่ 12 (ต่อ)
อุทัยเดินตามเย็นออกมาอย่างเร็ว บอกดุดัน
“ยิ่งเธอทำท่าแบบนี้ฉันยิ่งสงสัย”
เย็นหยุด หันมามองยั่วๆกวนๆ
“สงสัยอะไรคะ”
“หนูน้อยกับลูกเปีย...”
เย็นเบิกตากว้างจ้องมองอุทัยเอาเรื่อง อุทัยพูดต่อแบบเป็นต่อ
“หนูน้อยน่ารักเรียบร้อยเหมาะกับการเป็นลูกของฉันนะเย็น”
“อย่าพูดอย่างนี้ต่อหน้าลูกเปียนะคะถ้าไม่อยากให้ลูกเปียฆ่าตัวตายน่ะ”
“อะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิดโดยเฉพาะความจริง”
เย็นทำเป็นไม่กลัว สบตาอุทัย
“อยากรู้ความจริง อยากตรวจดีเอ็นเออะไรก็เชิญเลยค่ะ ตามสบาย แต่อย่ามาด่าฉันทีหลังแล้วกัน ถ้าคุณหนูเปียฆ่าตัวตาย เพราะถ้าเป็นฉัน ฉันคงทนไม่ได้ พ่อแม่ที่พลัดพรากกันมาเกือบยี่สิบปี ไม่เคยเชื่อว่าฉันเป็นลูกเลย”
เย็นเดินไปดวงตาหวาดหวั่นอุทัยโต้
“แต่ถ้าไม่ใช่ลูกฉัน จะเป็นจะตายยังไง ฉันก็ไม่สนใจ”
เย็นหันมามองยิ้ม ทำเป็นไม่แคร์
“ฉันรู้ว่าคุณใจดำค่ะ ไม่งั้นคุณคงไม่เอาเมียใหม่เข้ามาเย้ย ในขณะที่ฉันนั่งหน้าโง่อยู่ในบ้านหรอกค่ะคุณอุทัย”
เย็นเชิดหน้าเดินกลับไป อุทัยหงุดหงิด สุดท้ายก็ไม่ได้อะไรจากเย็นอยู่ดีแม้แต่พิรุธ
เย็นเดินออกมาที่ถนน อาการมั่นใจ แปรเปลี่ยนเป็นหวาดหวั่น มีพิรุธ รีบหยิบมือถือขึ้นมาโทร...เปียอยู่ในห้อง นอนมองดอกไม้ที่เลอสรรให้มีความสุขมาก
“ฉันจะทำให้พี่เลอสรรรักฉันให้ได้ นังน้อย”
เสียงมือถือดัง เปียควานหยิบมา เห็นเป็นเบอร์เย็น เปียเบ้ปากยังโกรธอยู่ โยนลงบนเตียง ชื่นชมดอกไม้เหมือนเดิม...เย็นหงุดหงิด มือกดส่งข้อความ...เปียหงุดหงิด
“ส่งอะไรมาเนี่ย...ฉันไม่ได้ง้อแกนะ มันเป็นความเป็นความตายของแก รีบออกมา”
เปียกังวลกลัวขึ้นมาทันที
ในสวนสาธารณะ...เปียเดินลิ่วเข้าไปหาเย็นที่ยืนรออยู่
“มีอะไรอีกน้าเย็น”
“คุณอุทัยสงสัยแกน่ะสิคราวนี้เขารู้ไปถึงประวัติพ่อแม่แก”
เปียหน้าซีดเผือด ดวงตาหวาดหวั่น
“ถ้าเป็นอย่างนี้ ยังไงเขาก็ต้องตรวจดีเอ็นเอ เฮ้อ...ฉันบอกแกแล้ว อย่าสร้างเรื่อง แกก็ขยันสร้างเรื่องได้ทุกวันไม่มีหยุด”
เปียหน้าซีดกลัว หวั่นวิตก
“เปีย...เปียไม่ตั้งใจน้าเย็น...เปียคุมตัวเองไม่ได้”
“นี่ถ้าพวกมันจับแกไปตรวจดีเอ็นเอ ตายแน่ๆ”
เปียเดินพล่านหน้ายุ่งคิดก่อนบอก
“งั้น...หาเรื่องถ่วงเวลาก่อนมั้ยน้าเย็น”
“ยังไง”
“ก็...ถ้า...มีใครสักคนตายพวกเขาจะต้องยุ่ง กับงานศพ ไม่สนใจเปียแน่นอน”
เย็นตกใจ...
“ใคร...แล้วจะตายได้ยังไง”
เปียเดินแยกมาจากเย็น...ก่อนหน้านี้เธอบอกเย็นว่าเธอจะเป็นคนฆ่าวณีเองโดยการผลักตกบันได เย็นตบหัวเปียพลางด่า
“นังโง่...ถ้านังวณีตาย แกนั่นแหละจะแย่ เพราะนังวณีมันรักแกที่สุด”
เปียหน้าซีด
“จริงด้วย...คุณแม่รักเปียที่สุดไม่ได้ๆ คุณแม่จะตายไม่ได้หรือคนที่ตาย” เปียตาวาว “จะเป็นคุณอุทัย...”
เปียบอกเย็นว่าจะเป็นคนยิงอุทัย เย็นตบหัวเปียอีกอย่างแรง
“อะไรอีกล่ะน้าเย็น”
“แกนี่มันโง่ซ้ำโง่ซ้อน โง่ไม่อั้น โง่แบบไร้แพ็คเก็จ คนระดับนายอุทัยเหรอจะยอมให้แกเดินไปยิงได้ง่ายๆ”
“ก็แล้วจะทำยังไง”
เย็นนิ่งไปนิดก่อนบอก
“ไอ้มุก น้องพ่อแก น่าจะช่วยแกได้ ฉันจะติดต่อไอ้มุกมาจัดการพวกมันแต่แกต้องเรียบร้อยสงบเสงี่ยมอย่าทำอะไรเหมือนที่ผ่านมาอีก ไม่งั้นนังน้อยได้เข้าไปเป็นทายาทของอนุรักษ์ธานินแน่”
เปียหน้าซีดเผือด แต่ในใจบอกว่าไม่ยอมแน่
น้อยง่วนอยู่ในครัว ก่อนเดินออกมาเห็นกระดาษโน้ตของเย็น น้อยอ่านข้อความ
“น้าจะเลยไปทำธุระ อาจจะกลับเย็น ไม่ต้องรอ”
น้อยมองนาฬิกาที่ข้างฝาบอกเวลาบ่าย เธอโล่งอก เดินไปหยิบข้าวแช่ที่ทำไว้ใส่สำรับ
เย็นเดินอยู่ข้างทาง หยิบมือถือมาจะกดโทรแต่กลับชะงัก เปลี่ยนใจ เดินลิ่วไปยังโทรศัพท์สาธารณะข้างทาง ก่อนเข้าไปโทร... ในบ่อนเสียงโทรศัพท์ดัง คนคุมบ่อนเดินมารับสาย
“ฮัลโหล”
“ไอ้มุก มันอยู่รึเปล่า”
“ช่วงนี้มันหายไปไหนก็ไม่รู้จะให้บอกว่าใครโทรมา”
“ไม่เป็นไร เดี๋ยวฉันโทรไปใหม่”
เย็นวางสายเดินออกมาจากตู้ กังวล พึมพำ
“นี่เราทำอะไรลงไปเนี่ย”
เย็นถอนหายใจกับความไม่เข้าท่าของตัวเอง
ในห้องรับแขกวณีสีหน้าอมทุกข์ ขณะหยิบรูปภาพของเปียที่ถ่ายกับเธอและทัยมาดูน้อยเดินเข้ามาพร้อมสำรับข้าวแช่ วณีชะงักที่เห็นน้อย ก่อนยิ้มออกมา
“น้อยทำข้าวแช่มาให้คุณวณีค่ะ”
“ขอบใจมากจ้ะน่ากินที่สุดเลย นี่เย็นคงไม่อยู่ล่ะสิ ถึงทำมาให้ฉันได้”วณีปลื้ม
น้อยยิ้มเจื่อน อายวณีอยู่ในที วณียิ้มเอ็นดู
“ขอบใจมากนะ ที่อุตส่าห์ทำมาให้ฉันชิม...ขอชิมเลยนะ”
“ค่ะ...”น้อยดีใจ
วณีจะยกสำรับ
“เดี๋ยวน้อยยกไปให้ค่ะ”
น้อยกุลีกุจอมาถือสำรับด้วยความเต็มใจ วณีมองด้วยความเอ็นดูมาก ก่อนกอดประคองน้อยพาเข้าไปยังโต๊ะอาหาร
น้อยจัดข้าวแช่ให้วณีข้าวแช่ลอยดอกมะลิ ดอกกุหลาบ สวยงามน่ากิน วณีมองปลื้มใจ ตักชิม
“อร่อย...หอม เย็น ร้อนๆอย่างนี้กินข้าวแช่ชื่นใจที่สุดเลยแล้วดูซิ มีเครื่องเคียงซะเยอะแยะเลย”
“ข้าวแช่สูตรชาววังจะอร่อยต้องมีเครื่องเคียงครบทั้ง7 อย่างค่ะหัวหอมสอดไว้ พริกหยวกสอดไส้หมูฝอย หรือเนื้อฝอย”
วณีมองตามมือที่น้อยอธิบายบอก
“ปลาแห้งหวาน กะปิทอด หัวไชโป๊ผัด และผักแกะสลัก”
“เก่งมาก เก่งมากจริงๆจ้ะหนูน้อย”วณีมองชื่นชม
“ขอบคุณที่ชมน้อยค่ะ คุณวณีกินให้เยอะๆนะคะ”
น้อยกุลีกุจอตักเครื่องเคียงให้วณีวณียิ้มปลื้มใจมาก
เปียเดินหน้ามุ่ยเข้ามาในบ้านอย่างอารมณ์เสีย นึกถึงคำพูดของเย็น
“เขาสงสัยแกน่ะสิ คราวนี้รู้ไปถึงประวัติพ่อแม่แก เขาต้องตรวจดีเอ็นเอแก”
เปียหน้าซีด ดวงตาหวั่นระแวง เธอรำพึงในใจ
“เราต้องทำให้คุณวณีรักเรา หลงเราที่สุด”
เปียฮึด จะเดินเข้าไปข้างในแต่ต้องชะงัก เมื่อได้ยินเสียงวณีกับน้อยหัวเราะอย่างมีความสุขดังแว่วออกมา เปียตาลุกโพลงด้วยความอิจฉาหวงแหน รีบสาวเท้าเข้าไป
เปียเดินเข้าไปเห็นวณีกินข้าวแช่อย่างอร่อย โดยมีน้อยคอยตักเครื่องเคียงให้ เปียตาลุกวาวโมโหโกรธมากตะโกนดังก้อง
“คุณแม่”
วณีเงยหน้ามามองงุนงง
“อะไรลูกเปีย”
เปียเดินลิ่วเข้ามาโมโหมาก
“คุณแม่กินของมันทำไม” เปียหันไปด่าน้อยเลย “แกก็เหมือนกัน ฉันบอกแล้วใช่มั้ยไม่ให้มายุ่งกับแม่ฉันแกมายุ่งทำไม”
เปียผลักน้อยอย่างแรง จนน้อยล้มลง แล้วเปียก็อาละวาด เอาเครื่องเคียงปาใส่ขยำหัวน้อย น้องร้องตกใจ วณีก็ร้องตกใจ เข้ามาห้าม
“อย่าลูกเปีย อย่าทำน้อย”
วณีขวางตัวน้อยเอาไว้ปกป้อง
“แม่นี่แหละบอกให้น้อยทำมาให้แม่กิน”
“คุณแม่ปกป้องมัน” เปียผลักวณี ร้องไห้โฮๆ “ไหนคุณแม่สัญญากับเปียว่าจะไม่
รักใคร ไม่สนใจใคร แล้วนี่มันแปลว่าอะไร”
เปียกวาดข้าวของบนโต๊ะลงพื้น
“อย่าเปีย อย่า” วณีจับมือเอาไว้ “หนูน้อยอุตส่าห์ทำมาให้แม่นะ อย่า”
เปียดุดันตาขวาง
“อยากกินมากนักใช่มั้ย...คุณแม่อยากกินนักใช่มั้ย”
เปียยกเอาข้าวแช่ในชามสาดใส่วณี
“ว้ายลูกเปีย” วณีตาค้าง
“อยากกินฝีมือนังน้อยนักใช่มั้ย”
เปียดุร้ายคว้าพริกหยวกมายัดใส่ปากวณีอย่างบ้าคลั่ง วณีร้องลั่น ร่างล้มลงกับพื้น เปียร้องไห้คว้ากะปิทอด และอื่นๆ ตามลงไปยัดใส่ปาก วณีร้อง ช็อกเข้าไปใหญ่น้อยกระโจนเข้ามาดึงเปียออกห้ามเสียงกร้าว
“อย่าเปีย”
“อยากตายเหรอนังน้อย”
เปียสะบัดออก จะเอาเรื่องน้อยตบผลัวะเข้าที่หน้าเปียอย่างจัง จนเปียหน้าหันล้มลง น้อยตรงไปขย้ำเปียอย่างไม่เคยทำมาก่อน พลางด่า
“คุณวณีเขาเป็นแม่เปียนะ เปียทำกับแม่อย่างนี้ได้ยังไง สารเลว”
น้อยตบอีก เปียจะเข้ามาอีก
“นังน้อย”
น้อยตั้งหลักรออยู่แล้ว ผลักเปียออกเข้าไปคร่อม
“น้อยยอมเปียได้ทุกอย่างแต่น้อยจะไม่ยอมให้เปียเป็นคนเลว ขอโทษคุณวณีเดี๋ยวนี้”
น้อยกระชาก เปียดิ้น ขัดขืน
“ทำไมฉันต้องฟังคำสั่งแก”
“เพราะคุณวณี คือแม่เปียไง”
น้อยลากเปียมาแทบเท้าวณีที่นั่งตัวสั่น
“กราบขอโทษท่านเดี๋ยวนี้กราบ” น้อยเสียงดุดันมีพลังด้วยความโกรธ โมโห
“ไม่อย่ามาอวดเก่งกับฉันนะนังน้อย”
เปียสะบัดออก จ้องมองน้อยตาเขียว เอาเรื่อง จวนยกสำรับเข้ามาเห็นสภาพทุกอย่างอ้าปากค้าง เปียยกมือจะตบน้อยหลบ มือของเปียถูกหน้าของวณีอย่างจัง จวนกับน้อยช็อก วณีร้องสุดเสียง ช็อกยิ่งกว่าทุกคนเปียตกใจเหมือนกัน
“คุณแม่”
น้อยตวาดดังมาก
“เลว”
น้อยตบเปียอย่างแรงจนล้มลงวณีร้องไห้ เนื้อตัวสั่น กับภาพตรงหน้า
“ช่วยด้วยๆ พาฉันไปจากที่นี่ที ช่วยด้วย”
น้อยลุกขึ้นมาคว้าตัววณีเอาไว้ปกป้อง
“ไปค่ะคุณวณี”
น้อยรีบพาวณีขึ้นชั้นบนเปียที่เพิ่งลุกขึ้นมาตะโกน
“แกอย่าพาแม่ฉันไปนะนังน้อย”
เปียรีบตามไปจวนเงอะงะวิ่งออกไปตกใจมาก จวนวิ่งหน้าตั้งตกใจออกมา เจอเย็นที่กลับมาพอดี จวนตะโกน
“แย่แล้วเย็นๆ”
“อะไรพี่จวน”
“คุณหนูเปียตบตีคุณวณี”
เย็นงุนงงตกใจ
“หา”
“แกรีบเข้าไปดูนะ พี่จะไปตามคุณหญิง”
จวนรีบวิ่งออกไปเย็นรีบเข้าไปในบ้านรวดเร็ว ตื่นเต้นตกใจกับสิ่งที่ได้ยินอย่างที่สุด
น้อยพาวณีเดินขึ้นบันไดหนีเปีย
“เร็วค่ะคุณวณี”
น้อยประคองวณีที่เนื้อตัวเลอะเทอะเปียวิ่งตามขึ้นบันไดมา
“หยุดนะนังน้อย หยุด”
น้อยไม่หยุด เปียตาม จนถึงที่พักขึ้นบันได วณีรีบ จนเซล้มลงไปนั่งกับพื้น น้อยตามมือของเปียจะกระชากเท้า น้อยชักเท้าออก แล้วนั่งบนที่พักขั้นบันไดถีบเปียอย่างแรงเย็นวิ่งเข้ามาเห็นเปียร้องลั่น พร้อมกับที่ร่างกลิ้งหล่นลงมาตามขั้นบันได เปียพยายามจะคว้าราวเอาไว้ แต่ก็กลิ้งลงมาอยู่ดี น้อยตกใจ แต่ห่วงวณี
“ไปค่ะคุณวณี”
น้อยรีบประคองพาวณีไปยังห้องเปียนอนแบ่บอยู่ที่พื้นเจ็บมาก เย็นวิ่งเข้าไปหาเป็นห่วงมาก
“เปีย...นังเปีย”
เปียเบิกตากว้างเจ็บและจุก เย็นตาเป็นประกายวาบ ห่วงเปีย โกรธน้อยที่ห่วงวณีจนถีบเปีย
น้อยพาวณีที่เนื้อตัวสั่นเข้าไปในห้อง วณีทรุดตัวลง ซุกตัวนั่งที่พื้นเหมือนคนเสียขวัญ กอดน้อยแน่นร้องไห้
“อย่าทิ้งฉันนะหนูน้อย อย่าทิ้งฉัน ฉันกลัวทำไม...ทำไมลูกเปียเป็นแบบนี้...ทำไม” วณีเจ็บปวดหัวใจเหลือเกิน
น้อยไม่รู้จะตอบวณีอย่างไร นอกจากกอดวณีเอาไว้ ปลอบโยน สงสารเห็นใจที่สุด
คุณหญิง นั่งรื้อหนังสือพิมพ์เก่าๆมาอ่าน พลางถามหวาน
“หนังสือพิมพ์เก่าๆมีแค่นี้เองเหรอ”
“มีมากกว่านี้ค่ะ แต่ที่ผ่านมา 20 ปี หวานไม่ได้เก็บเอาไว้ค่ะ”
“ทำไมไม่เก็บ”
“ก็คุณหญิงให้เอาไปชั่งกิโลขายแล้วเอาเงินแบ่งกันเป็นของขวัญปีใหม่ไงคะ”
คุณหญิงถอนใจ
“เฮ้อหมดกัน หาข่าวเก่าๆของไอ้โมกกับนังลำยองไม่ได้เลย”
จวนวิ่งหน้าตั้งเข้าไป
“คุณหญิงคะ เกิดเรื่องใหญ่แล้วค่ะ”
“อะไรอีก”
“คุณหนูเปีย ตบคุณวณีค่ะ”
ทั้งคุณหญิงทั้งหวานตาเหลือก
ทุกคนในครัวตกใจตื่นเต้นกันมาก ช้อยหน้าแหย
“นี่คุณเปียลามปาม ถึงขั้นตบคุณวณีเชียวเหรอวะ”
หวานจีบปากจีบคอเล่า
“ใช่...ถึงพี่จวนจะบอกฉันว่าไม่ตั้งใจ แต่ยังไง ฉันก็ว่าคุณหนูตั้งใจชัดๆ”
ประวิทย์หน้ายุ่งตกใจ
“ก็แล้วคุณหนูจะตบคุณวณีไปทำไมครับ”
“โรคประสวาทกำเริบไง...ฉันว่า...ลองกล้าตบคุณวณีขนาดนี้ ไม่ใช่ลูกหรอก” หวานมั่นใจ
“ใช่!ลูกที่ไหนจะกล้าตบแม่”เอิบเห็นด้วย
“แต่คุณหนูไม่ได้ตั้งใจนี่ครับ มันเป็นอุบัติเหตุ”ประวิทย์แย้ง
ลูกเต่าหน้าแหยๆ
“แต่ลูกเต่าว่า คุณหนูต้องตั้งใจแน่ๆ...เพราะวันที่คุณหนุตบลูกเต่า ตรงเข้าเป้าไม่มีพลาด”
“เลวขนาดนี้ ตายไปตกนรกแน่ๆคุณหนูเปีย” หวานเบ้ปาก น้ำเสียงเหยียดหยาม
เย็นประคองเปียที่ท่าทางเจ็บปวดขึ้นมาพลางถาม
“เจ็บมากมั้ยเดี๋ยวน้าพาไปหาหมอ”
เปียร้องไห้ น้ำเสียงจริงใจ
“ไม่ไป...เปียเป็นห่วงคุณแม่”
คุณหญิงหน้าตาตื่นเข้ามา ตามด้วยจวน สองคนเห็นเปียผละจากเย็น จะขึ้นบ้านแต่ทำท่าจะล้มลงไปอีก คุณหญิงปราดเข้าไปประคองเปีย
“แล้วมันเรื่องอะไรยัยเปียถึงได้ไปตบตีแม่เขาน่ะ”
เปียรีบบอก
“เปล่านะคะเปล่า เปียไม่ได้ทำ”
คุณหญิงหน้ายุ่งสุดจะร้อนใจ มองสภาพเปีย
“แล้วนี่เป็นอะไร”
เย็นนิ่งๆแต่เอาเรื่อง
“ยัยน้อยถีบคุณหนูเปียตกบันไดค่ะ”
“หา”
คุณหญิงมองจวน สลับเปีย ตกใจ สายตาบอกเป็นไปได้หรือเย็นหยัน
“คุณหนูเปียพลั้งมือไปถูกคุณวณีแต่ยัยน้อย ตั้งใจถีบคุณหนูเปีย เอาเป็นว่าหายกัน นะคะ”
คุณหญิงขวางเย็น
“พูดพล่อยๆ จะหายได้ยังไง ต่อให้ยัยเปียพลั้งมือ คนที่ยัยเปียตบ ก็คือแม่ถึงยัยน้อยจะถีบยัยเปียเป็นร้อยๆครั้ง ก็ไม่มีทางหายกัน เหตุผลของแกมันแปลกประหลาดที่สุดนังเย็น”
“ไม่แปลกหรอกค่ะ...หลานฉันมันตั้งใจทำร้ายคุณหนูเปีย มันผิด ฉันก็ว่าไปตามผิด ไม่เข้าข้าง เหมือนคุณหญิงเข้าข้างคุณอุทัย จนไม่รู้ผิด รู้ถูก รู้ดี รู้ชั่ว”
คุณหญิงมองเหยียดหยาม
“เหมือนที่ตอนนี้แกไม่รู้ดีรู้ชั่วไงล่ะ ถึงได้เข้าข้างยัยเปียแกกลับไปเดี๋ยวนี้นังเย็น ฉันไม่อยากเห็นหน้าแก ไป๊” คุณหญิงคว้าแขนเปีย “ไปกราบขอโทษแม่เดี๋ยวนี้ยัยเปีย”
“โอ๊ย...เปียเจ็บค่ะคุณย่า”
“แต่ตอนนี้แม่เขาเจ็บกว่าแก เป็นร้อยเท่าพันเท่า เขาทั้งเจ็บ ทั้งเสียใจ ไป๊”
คุณหญิงลากเปียขึ้นไปข้างบน เย็นตาม จวนมองเย็นขวาง ตามขึ้นไป
วณีกอดน้อยร้องไห้ เนื้อตัวสั่น ตกใจเสียใจ ได้แต่พร่ำ
“ทำไม ลูกเปียถึงทำกับฉันแบบนี้ ทำไม”
“เปียไม่ได้ตั้งใจทำร้ายคุณวณีนะคะ เปียตั้งใจทำน้อย เพราะเปีย หวง เปียรักคุณวณี”
“ไมใช่ สายตาที่ลูกเปียมองฉันตอนนั้น มันไม่ใช่ความรักแต่เป็นความเกลียด ชิงชัง โมโห”
ทุกคนเข้าไปได้ยินพอดี เปียร้องไห้
“ไม่ใช่นะคะคุณแม่” เปียโผเข้าไปนั่งแทบเท้าวณี “เปียไม่ได้เกลียดคุณแม่”
วณีกอดน้อยอยู่สะดุ้งเฮือก กอดน้อย ถดตัวหนีเปียเนื้อตัวสั่น
“อย่า...อย่าเข้ามาใกล้ฉัน...อย่า”
“คุณแม่”
เปียร้องไห้โฮๆ พยายามจะเอื้อมมือไปจับเท้าวณีแต่วณีชักเท้าออก กลัวเปีย กลัว
จริงๆ เย็นยิ้ม มองภาพตรงหน้าสะใจมาก คุณหญิงร้องตะโกน ทุกข์ใจ
“ยัยเปีย กราบขอโทษแม่สิ กราบ”
เปียร้องไห้โฮๆ ก้มลงกราบแทบเท้าวณี
“คุณแม่...เปียขอโทษ...เปียขอโทษ เปียไม่ได้ตั้งใจทำร้ายคุณแม่นะคะ คนที่เปียจะทำคือ ยัยน้อย”
พูดจบเปียก็ลุกขึ้น ขย้ำน้อย ฟาดผลัวะแบบโมโห เคียดแค้นชิงชัง ทุกคนร้องลั่น
“เลิกบ้าได้แล้วยัยเปีย”
คุณหญิงกระชากเปีย แล้วเหวี่ยงออกไปอย่างแรงวณีเนื้อตัวสั่นแต่ยังห่วง
“หนูน้อย”
วณีคว้าน้อยมากอดเปียกรีดร้องออกมาเสียใจ ขัดใจ
“คุณแม่...คุณแม่ไม่รักเปีย คุณแม่รักนังน้อย” เปียมองหน้าน้อย เกลียดชัง “นังน้อย ฉันเกลียดแก”
เปียจะถลันเข้ามาหาน้อยอีกคุณหญิงกระชาก
“หยุดบ้า ยัยเปีย”
จวนตรงเข้าไปช่วยดึงเปีย ที่ตั้งท่าจะทะยานเข้าขย้ำน้อยด้วยแรงริษยา วณียังคงนั่งร้องไห้เนื้อตัวสั่น กุมมือน้อยเอาไว้แน่น เย็นมองภาพตรงหน้าสะใจ เดินมามองน้อย
“จะอยู่ให้คนเขาฆ่ากันตายเพราะแกรึไงยัยน้อย” เย็นคว้ามือน้อย “กลับบ้าน”
น้อยลุกขึ้นตามแรงกระชากของเย็น แต่อีกมือของน้อย วณียังจับเอาไว้แน่นร้องบอกใจจะขาด
“อย่าหนูน้อย อย่าทิ้งฉันไป”
ทุกคนเห็นมือของวณีจับมือน้อยแน่น น้อยก็จับมือวณีแน่น ห่วงเย็นกับเปียเจ็บถึงขั้วหัวใจ เปียกรี๊ดร้องริษยา
“นังน้อย”
เปียจะถลันเข้ามาหา คุณหญิงและจวนก็ดึงไว้อีกเย็นโกรธ สั่งน้อย
“ลุกขึ้นมา จะอยู่ให้คนเขาฆ่ากันตายรึไง”
เย็นดึงอีกวณียังรั้งไว้
“อย่าเย็น...อย่าเอาหนูน้อยไปจากฉัน”
วณีพยายามจะกอดน้อยเย็นบุ้ยใบ้ไปทางเปีย
“ลูกคุณอยู่นั่นแต่นี่มันหลานฉัน อย่ามายุ่ง”
เย็นกระชากน้อยอย่างแรง มือน้อยหลุดจากมือวณีเพราะแรงกระชากของเย็น ทันทีที่น้อยปล่อยมือวณีกรีดเสียงร้องปานใจจะขาด
“หนูน้อย”
เปียร้องไห้โฮๆ เสียใจ
“คุณแม่”
เปียหมดแรงทรุดตัวลงนั่งกับพื้นวณีไม่ได้สนใจเปียแต่มองเย็นที่ลากน้อยเดินออกไปจนลับสายตา
เย็นลากน้อยออกมาด้วยความโมโหและหวงแหน น้อยเดินไม่ทัน ร้อง
“น้าเย็น เบาๆค่ะ น้อยเจ็บ”
“แกเจ็บยังไง ก็ไม่เท่า ใจฉันที่มันต้องเจ็บเพราะแกนังน้อย”
เย็นเหวี่ยงน้อยลงกับพื้นเต็มแรง น้อยล้มลง ร้องโอ๊ย เย็นตามไปกระชากแขนน้อย
“มันเรื่องอะไร แกถึงได้ไปเข้าข้างนังวณี จนถีบยัยเปียขนาดนั้น หาแกตอบฉันมาเดี๋ยวนี้นังน้อย” เย็นทุบตีน้อย
น้อยปัดป้องร้องไห้บอก
“เพราะน้อยไม่อยากให้เปียเป็นคนเลว น้อยไม่อยากให้เปียเป็นคนเลวค่ะน้าเย็น”
“แล้วแกมันดีมากเลยใช่มั้ยนังน้อย”
เย็นผลักน้อยออกอย่างหมั่นไส้
“ถึงได้ถีบพี่ที่อยู่ด้วยกันมาเป็นยี่สิบปี ไปปกป้องคนอื่นน่ะ หา”
น้อยเข้าไปกอดขาเย็น
“คุณวณีไม่ใช่คนอื่นนะคะน้าเย็น เขาเป็นแม่ของเปีย”
เย็นเสียงสั่นสะท้านเจ็บ รู้ว่าน้อยห่วงวณี
“แต่มันไม่ใช่แม่ของแก เพราะฉะนั้นต่อไปแกอย่าไปยุ่ง มันไม่ใช่เรื่องของแก จำไว้นะนังน้อย”
เย็นเดินหนีไปโกรธจัดน้อยร้องไห้โฮ
“น้าเย็นไม่เข้าใจ น้อยแค่ไม่อยากให้เปียเป็นคนเลว”
เย็นมองสะเทือนใจ
“ไม่อยากให้นังเปียเป็นคนเลว หรือจริงๆแล้วแกรักนังวณีไม่งั้น แกคงไม่ขัดคำสั่งฉัน ทำข้าวแช่ไปให้ จนเกิดเรื่องหรอก”
น้อยหน้าเจื่อน เย็นยิ่งมองยิ่งเสียใจ หันหน้ากลับไป ก่อนที่น้ำตาจะกลบดวงตา
เปียยังคงล้มตัวนอนคว่ำหน้าที่พื้นร้องไห้ คร่ำครวญ
“คุณแม่ขา...เปียขอโทษ...เปียขอโทษ”
วณีเนื้อตัวสั่น มองเปียเหมือนคนแปลกหน้า หวาดกลัว เปียเห็นวณี ก็ใจจะขาดกลัวการสูญเสียขยับเข้ามา
“นะคะคุณแม่...เปียขอโทษ...เปียขอโทษ”
เปียก้มลงกราบแทบเท้าวณีสะดุ้งโหยง ชักเท้าออก ลุกถอยไปมุมอื่น
“อย่า...อย่าเข้ามา ฉันกลัว”
“คุณแม่”
คุณหญิงมองเหตุการณ์สลด ประคองเปียขึ้นมา
“ออกไปก่อนยัยเปีย”
“คุณย่า” เปียมองอ้อนวอน
“ตอนนี้แม่เขากลัวมาก ออกไปก่อน” คุณหญิงหันไปสั่งจวน “พาคุณเปียออกไป”
“ค่ะคุณหญิง” จวนเข้ามาประคองเปีย “ไปค่ะคุณหนู”
เปียมองวณีใจจะขาด กลัววณีไม่รัก กลัวการสูญเสียเหลือเกิน คุณหญิงมองทั้งเปียและวณีสลดใจ ขณะที่เปียเดินออกไป แต่ตาละห้อย มองวณีเสียใจ
อ่านต่อหน้า 3
คมพยาบาท ตอนที่ 12 (ต่อ)
จวนพาเปียเข้ามาในห้อง เปียยังร้องไห้เสียใจ จวนมองเป็นห่วง
“เดี๋ยวจวนอยู่เป็นเพื่อนนะคะ”
“ไม่ต้องมายุ่งกับฉัน ไป๊”
เปียดันตัวจวนออกแล้วปิดประตูดังโครมจวนได้แต่มองด้วยความสลดใจ
คุณหญิงเดินไปหาวณีโผเข้ามากอดคุณหญิงร้องไห้
“คุณแม่”
คุณหญิงปลอบอ่อนโยน
“แม่เสียใจจริงๆวณี เสียใจมาก ยัยเปียเองก็เสียใจวณีเป็นแม่...วณีให้ชีวิตยัยเปียมาได้...วณีให้อภัยในความผิดพลาดของยัยเปียด้วยนะลูก”
วณี ดวงตามีความเสียใจ ผิดหวัง ลังเล ไม่แน่ใจ
เปียได้แต่กอดตัวเองอยู่ในห้อง ก่อนจะค่อยๆทรุดตัวลงนั่งกับพื้น ชันเข่าร้องไห้มองไปรอบๆไม่เห็นใคร ไม่มีใครมาหา กอดได้แต่ตัวเองเดียวดาย ก่อนจะปล่อยโฮออกมาขณะที่พระอาทิตย์ตกดินบรรยากาศรอบตัว ยิ่งเงียบเหงาหดหู่ลงไปอีก
คุณหญิงเดินเข้าบ้านอย่างกลัดกลุ้มใจ มีจวนตามมาทุกคนมองคุณหญิงเห็นใจประวิทย์มองคุณหญิง สายตาเหมือนจะห่วงไปถึงเปียช้อยประจบเอาใจ เอาน้ำมาให้
“น้ำมะตูมค่ะคุณหญิง”
คุณหญิงรับแก้วน้ำมาถือเอาไว้ ขณะที่หวานนอบน้อมบอก
“พวกเราจัดอาหารขึ้นโต๊ะเรียบร้อยแล้ว คุณหญิงรับประทานเลยนะคะ”
ยังไม่ทันที่คุณหญิงจะตอบ เสียงเปียที่ร้องไห้โหยหวนเหมือนคนจะขาดใจก็ดังขึ้นเอิบสงสัย
“เสียงใคร”
ลูกเต่าโพล่งตามประสาเด็ก
“เปรต”
ลูกเต่าโผเข้ากอดประวิทย์อย่างกลัวผี ทุกคนมองหน้ากัน เสียงเปียร้องไห้โฮๆดังแว่วมาเหมือนคนคุ้มคลั่งประวิทย์บอกเสียงอ่อยๆ
“เสียงคุณหนูเปีย”
คุณหญิงเหนื่อยใจ
“มีเรื่องแบบนี้ ฉันกินข้าวไม่ลงหรอก เก็บโต๊ะเลยแล้วกัน ฉันจะไปดูยัยเปีย” คุณหญิงสั่งทุกคน “ไปช่วยทำความสะอาดบ้านอุทัยด้วย”
คุณหญิงเดินออกไป แต่กระนั้นยังได้ยินทุกคนเมาท์กัน ช้อยเริ่มเป็นคนแรก
“ฉันไม่ไปได้มั้ยกลัวเปรต” ช้อยกลัวจริงๆเหมือนเปียประสาท
หวานหันมาหาจวน
“ฉันก็ไม่ไปเหมือนกัน ฉันกลัว”
“จะกลัวอะไร นั่นคุณหนูเปีย” จวนจ้องหน้า “มากันทุกคนน่ะแหละ”
คุณหญิงเดินไป ด้วยอาการเหนื่อยเพลียหัวใจ
ท่ามกลางความมืดในห้อง เปียกรีดร้องโหวหวนขัดใจ วณี นั่งซุกอยู่ในห้อง หวาดกลัว เสียงของเปียดังก้องไปในโสตประสาท ชวนหลอน วณียิ่งกลัวเสียงเปีย...เปียโผเผออกมาจากห้อง ดวงหน้าซีดเผือด มีแต่น้ำตา เปียเดินลงมาเห็นสภาพเลอะเทอะ เกลื่อนไปด้วยเครื่องเคียงข้าวแช่ รวมทั้งเม็ดข้าว น้ำ นองพื้น เปียรู้สึกผิด มองมือตัวเอง สั่นระริก น้ำตาไหลนองออกมา ก่อนจะทรุดตัวลงนั่งที่พื้นสกปรกนั่น เอามือขยุ้มหัวตัวเอง กรีดร้อง คลั่งขึ้นมาอีก
เลอสรรกับอุทัยกลับมา สองคนตกใจ ที่ได้ยินเสียงเปียร้องไห้ดังลั่นบ้าน คุณหญิงเดินมาถึง อุทัยถามทันที
“เกิดเรื่องอะไรอีกครับคุณแม่”
คุณหญิงไม่ตอบเดินนำเข้าไปด้านใน อุทัยกับเลอสรรมองหน้ากัน สายตารู้ มีเรื่องไม่ดีอีกแน่ๆ รีบตามคุณหญิงเข้าไปด้านใน
คุณหญิงนำ อุทัยกับเลอสรรเข้าไป เห็นเปียนั่งร้องไห้แบบคนหมดแรงท่ามกลางพื้นที่เลอะเทอะสกปรก ผมเผ้าของเปียยุ่งเหยิง เหมือนคนบ้าเปียเสียงสั่น แทบไม่มีเสียง
“เปียไม่ได้ทำ เปียไม่ได้ทำ...”
อุทัยตกใจ
“นี่มันเกิดอะไรขึ้น...มีเรื่องอะไรครับคุณแม่”
“รีบขึ้นไปดูวณีเถอะ”
อุทัยปราดขึ้นไปชั้นบนทันที ขณะที่เปียมองเลอสรร มองคุณหญิงตาละห้อย
“เปียไม่ได้ทำ เปียไม่ได้ทำ”
เลอสรรเดินเข้าไปหาเปีย ทรุดตัวนั่งลง มองเห็นแต่สภาพความเจ็บปวดหัวใจของเปีย เลอสรรจับมือเปียโผเข้ากอดแน่น พร่ำบอก
“พี่เลอสรรช่วยเปียด้วย เปียไม่ได้ทำ”
เลอสรรมองเปียเห็นใจ คุณหญิงมองเวทนา กลุ้ม
อุทัยเข้าไปในห้อง เห็นวณีร้องไห้ สภาพหน้าตาเลอะเทอะ อุทัยตกใจ
“พี่อุทัย” วณีโผกอดอุทัยแน่น เนื้อตัวสั่นเสียขวัญ
“มีเรื่องอะไรกันวณี”
“ลูก...ลูกทำร้ายวณีค่ะพี่อุทัย”
อุทัยเบิกตากว้างตกใจ คาดไม่ถึง
เลอสรรกอดประคองเปียมาหาคุณหญิง เปียทรุดตัวลงนั่งแทบเท้าคุณหญิง
“คุณย่าขา...เปียไมได้ทำนะคะเปียไม่ได้ทำ”
จวน หวาน ช้อยที่ทำความสะอาดมองเปีย หวานกับช้อยมองแบบจับผิดขณะที่เปียอ้อนวอนคุณหญิง ก้มลงกราบแทบเท้า
“จะให้เปียไปสาบานที่ไหนก็ได้...เปียไม่ได้ทำ ไมได้ทำ”
คุณหญิงดึงเปียขึ้นมา
“ย่าเข้าใจ...ย่าเข้าใจ” คุณหญิงมองเห็นใจ
“คุณย่าช่วยเปียด้วยนะคะ เปียรักคุณแม่ เปียกลัวคุณแม่โกรธ เปียกลัวคุณแม่ไม่รักเปีย”
เลอสรรลูบผมเปียปลอบประโลม
“คุณน้าเป็นคนใจดี มีเหตุผล...ถ้าน้องเปียสำนึกผิดจริงๆ พี่ว่า ยังไงคุณน้าก็ให้อภัย เพราะคุณน้ารักน้องเปีย”
เปียโผมากอดเลอสรรอ้อนในที
“พี่เลอสรรช่วยเปียด้วยนะคะ ช่วยเปียด้วยค่ะ”
จวนมองเวทนา ช้อยกับหวานมองหน้ากัน สายตาคลางแคลง
วันใหม่...ในครัว ทุกคนต่างนินทาเรื่องเปียกันอย่างเคร่งเครียด
“ตกลง คุณหนูเปียรู้สึกผิดจริงๆมั้ยเนี่ย” ช้อยไม่ค่อยเชื่อ
“ตอนแรก ฉันก็เชื่อว่า คุณหนูเปียสำนึกผิด แต่พอโผเข้าไปกอดคุณเลอสรรเท่านั้นล่ะ” หวานตบเข่าผลัวะ “มารยาชัดๆ”
“ไปว่าคุณหนูอะไรขนาดนั้น” จวนปราม
“ก็ดูท่าที่กอดคุณเลอสรรสิ” หวานทำท่าเลียนแบบเปีย ซุกเลอสรร ตามประสาคนไม่ชอบ “พี่เลอสรรช่วยเปียด้วย...ช่วยเปียด้วย...เฮ้อ!ยังกับเล่นละคร”
ลูกเต่าแทรกขึ้น
“คุณหนูเปียเป็นนางอิจฉา ร้ายๆ แรงๆ”
“ตัวแม่ ไอดอลสก๊อย ก็เป็นอย่างนั้นล่ะ ถนัดแต่เรื่องตบๆตีๆ” ช้อยประชด
“เฮ้อ...ฉันยังคิดไม่ออกเลย เกิดเรื่องแบบนี้...คุณๆจะทำยังไง” เอิบถอนใจ
ประวิทย์หน้าจ๋อย ถึงใครจะว่าเปีย แต่เขาก็รักและสงสารเธอ
น้อยนั่งซึม นึกถึงเหตุการณ์ที่เปียคลั่ง เอาเครื่องเคียงข้าวแช่ยัดปากวณีอย่างเครียดๆ คิดว่าเปียไม่น่าทำอย่างนั้นเลย ประวิทย์ย่องเข้าไป กวาดสายตามอง พอไม่เห็นเย็นก็เรียกเบาๆ
“น้อย”
“พี่ประวิทย์”
ประวิทย์ทำท่าจุ๊ปาก กวักมือเรียกน้อยออกมา
ในสวน...ทันทีที่อยู่กันตามลำพัง ประวิทย์ก็ถาม
“คุณหนูเปีย ทำร้ายวณีจริงเหรอน้อย”
“เปียไม่ได้ตั้งใจหรอกค่ะพี่ประวิทย์ มันเป็นอุบัติเหตุ...”
“แต่...ยังไง คุณหนูเปียก็ทำร้ายคุณวณีจริงๆ”
น้อยพยักหน้ายอมจำนน ประวิทย์ถอนหายใจ สีหน้ากลัดกลุ้ม
“พี่ว่าคุณหนูต้องไม่สบายจริงๆ ไม่อย่างนั้น คุณหนูไม่ทำเรื่องร้ายๆแบบนี้หรอก เราควรบอกคุณๆเรื่องนมแสดีมั้ยน้อย”
น้อยร้องเสียงหลง
“ไม่ได้นะพี่ประวิทย์ ถ้าคุณๆรู้ เปียแย่แน่ๆ”
“แต่ถ้าเราปล่อยไว้อย่างนี้ คุณหนูจะยิ่งแย่ ทำอะไรลงไปโดยไม่รู้ตัวอีก”
“น้อยเองก็ห่วงเปีย ห่วงมาก แต่น้อยไม่กล้าบอก น้อยกลัว คุณๆจะโกรธ จะเกลียดเปีย พี่ประวิทย์...อย่าบอกคุณๆนะคะ” น้อยหน้าเครียด
“แต่ถ้าปล่อยไว้ พี่ว่าคุณหนูเปีย อาการหนักแน่ๆ”
สายตาประวิทย์มีแต่ห่วงเปีย
น้อยเดินกลุ้มกลับมายังบ้าน แต่ต้องชะงัก เมื่อเงยหน้าขึ้นไปแล้วเห็นเย็นยืนหน้าบึ้งอยู่
“ตื่นขึ้นมาก็ไปสาระแน บ้านนั้น ห่วงนังวณีมันมากรึไง”
“ค่ะ...” น้อยตอบซื่อๆ
เย็นปราดเข้ามาหา
“นังน้อย”
“น้าเย็นขา ที่น้อยห่วงเพราะเปียทำร้ายคุณวณี ถ้าเกิดคุณวณีท่านโกรธ คนที่แย่คือเปียนะคะ...”
“ไม่ต้องเอายัยเปียมาอ้าง...จริงๆแล้วแกห่วงนังวณี แกรักมันใช่มั้ยฮึยัยน้อย แกรักมัน” เย็นประชด
“น้อยรักน้าเย็นค่ะ แต่น้อยห่วงคุณวณี น้าเย็นลองคิดดูสิคะ...ถ้าน้าเย็นถูกลูก ถูกคนที่น้าเย็นรักทำอย่างเปีย น้าเย็นจะรู้สึกอย่างไร”
“เสียใจ...เพราะฉันกำลังเสียใจอยู่ ที่แกไปเห็นใจศัตรู”
น้อยอึ้ง พูดไม่ออก เพราะเห็นใจวณีจริงๆ
อุทัย ประคองวณีที่ท่าทางเหนื่อยอ่อนเซื่องซึมลงมา เลอสรรเห็นรีบเข้าไปช่วย
“ขอบใจจ้ะเลอ”
เปียที่จัดอาหารอยู่ รีบวิ่งเข้าไปหา
“เปียช่วยนะคะคุณแม่”
วณีถอยหลังกรูด ขนาดที่อุทัยที่ประคองยังตั้งตัวแทบไม่ทัน เปียมองอุทัยกับวณี เห็นสายตาแห่งความเฉยชา เปียหน้าซีดจะร้องไห้
“คุณแม่”
“คุณแม่ยังไม่สบายใจ หนูอย่าเพิ่งมากวนคุณแม่เลยนะเปีย”
อุทัยกับเลอสรร ประคองพาวณีเดินผ่านหน้าเปียไป อุทัยถามวณีอ่อนโยน
“อยากกินอะไรเป็นพิเศษมั้ย ผมจะไปบอกให้หนูน้อยทำให้...”
เปียมองอาหารที่ตัวเองจัดอยู่บนโต๊ะ เปียน้ำตาหยด
“คุณพ่อคุณแม่ไม่รักเปียแล้ว”
วณีชะงักแต่ไม่ได้หันมามอง ดวงตามีแต่ความเจ็บปวดเสียใจ เลอสรรมองวณีเห็นท่าทางของวณีก็ยิ่งสงสาร อุทัยมองวณี พยักหน้าเป็นเชิงไปเถอะ อย่าสนใจ เปียร้องไห้
“ไม่มีใครรักเปียเลย”
ไม่มีใครหันมามอง ทั้งอุทัยและเลอสรรพาวณีตรงไปยังโต๊ะอาหาร เปียมอง ทนไม่ไหว ร้องไห้วิ่งออกไป
ประวิทย์ที่เดินหน้าเคร่งไม่สบายใจ เปียวิ่งร้องไห้ตรงมา
“คุณหนู เป็นอะไรครับ” ประวิทย์ตกใจ
เปียวิ่งผ่าน สะบัดมือถูกประวิทย์อย่างแรง
“ไม่ต้องมายุ่ง”
เปียวิ่งผ่านไป ประวิทย์มองตามเปีย ก่อนหันกลับมา ข่มใจไม่ให้สนใจ แต่สุดท้ายก็ทำไม่ได้ ประวิทย์มองตาม ยังรักและห่วงเปียเหมือนเดิม วิ่งตามเปียไปทันที
เปียวิ่งร้องไห้มายังสระบัว แล้วโดดลงไป ประวิทย์ที่วิ่งตามมางุนงงตกใจ ด้วยยังไม่รู้เปียโดดลงไปทำไม แต่พอเห็นเปียทำท่าผลุบๆโผล่ๆเหมือนจะปล่อยตัวเองให้จมน้ำตาย ประวิทย์ก็ร้องลั่น
“คุณหนู”
ประวิทย์รีบกระโดดลงไปช่วยทันที ประวิทย์กระชากร่างของเปียที่ทำท่าจะจมขึ้นมา เปียสะบัดตัวออกอย่างแรง
“ปล่อย...อย่ามายุ่งกับฉัน ฉันอยากตาย ปล่อย” เปียดิ้นอย่างแรง “ไม่ได้ยินรึไง ฉันอยากตาย”
ประวิทย์กอดเปียห้ามสุดชีวิต
“ทำไมคุณหนูคิดอะไรสั้นๆแบบนี้”
“ไม่มีใครรักฉัน ฉันจะอยู่ทำไม...ปล่อย”
“ผมนี่ไงรักคุณหนู ผมรักคุณหนู ได้ยินมั้ยผมรักคุณหนู”
“แต่ฉันไม่รักแก ปล่อยนะไอ้ประวิทย์ ปล่อยๆ” เปียดิ้นใหญ่ร้องไห้
ประวิทย์เสียใจ
“ถึงคุณหนูไม่รักผม ผมก็ปล่อยให้คุณหนูตายไม่ได้”
ประวิทย์กอดแน่นพาขึ้น เปียดิ้นสุดแรง
“ปล่อยฉัน”
เปียสะบัดออกอย่างแรงเป็นอิสระ ขณะที่ประวิทย์เสียหลักเซไปอีกมุมในน้ำ เปียพุ่งตัวลงไปในน้ำอีก
“คุณหนู” ประวิทย์รีบกระโจนตามไปคว้าตัวเปีย “อย่าคิดสั้น คุณหนูอย่าคิดสั้น”
เปียร้องไห้แบบจะหมดแรงแล้ว
“ไม่มีใครรักฉันเลย...”
ประวิทย์ร้องไห้บอกอีก
“ผมนี่ไง...ผมนี่ไง”
เปียไม่ได้ฟังประวิทย์ คอพับคออ่อน หน้าหงายตาปรือ หน้ามืด ก่อนจะหมดสติไป ประวิทย์ร้องลั่น
“คุณหนู”
ประวิทย์รีบอุ้มเปียขึ้นมา
ประวิทย์อุ้มเปียที่เนื้อตัวเปียกโชกหมดสติ อย่างร้อนรนจะพากลับไปบ้าน จวนเดินมาเห็นตกใจ
“คุณหนู...คุณหนูเป็นอะไร...เกิดอะไรขึ้นประวิทย์”
“คุณหนูจะฆ่าตัวตาย”
จวนเห็นสภาพเปียแล้วตกใจจริงๆ
“หา”
ประวิทย์อุ้มเปียวิ่งไป ขณะที่จวนหน้าตาตื่น วิ่งไปทางบ้านของเย็น
เย็นกับน้อยนั่งอยู่ ท่าทางเย็นยังเคืองๆ น้อยมองเย็นหน้าจ๋อย จวนวิ่งหน้าตั้งร้องตะโกน
“แย่แล้วเย็น แย่แล้ว...คุณหนูเปียฆ่าตัวตาย”
น้อยมองตกใจ แต่เย็นเฉยๆบอก
“คุณหนูเรียกร้องความสนใจจากคุณพ่อคุณแม่เท่านั้นมั้ง”
จวนละล่ำละลัก
“ไม่นะเย็น คุณหนูโดดน้ำฆ่าตัวตายจริงๆ นี่ยังไมได้สติเลย”
“หา” เย็นตาเหลือก
“รีบไปดูคุณหนูเถอะ”
เย็นวางงานในมือ วิ่งออกไปก่อนใครอื่น มีจวนกับน้อยวิ่งตาม
ประวิทย์อุ้มเปียที่หมดสติเข้าไปในบ้าน อุทัยกับวณีมองอึ้งตกใจ เลอสรรถามทันที
“เกิดอะไรขึ้นประวิทย์”
“คุณหนูกระโดดน้ำฆ่าตัวตายครับ”
อุทัยกับวณีมองร่างของเปียที่หมดสติ หน้าซีดเผือด แล้วอึ้งไปทันที แต่สองคนยังคงสับสน โกรธและกลัวเปียอยู่ เลอสรรรีบบอก
“เดี๋ยวฉันจะโทรเรียกรถพยาบาล”
เลอสรรหยิบมือถือขึ้นมากดทันที ประวิทย์วางร่างเปียลงที่โซฟา ทันทีที่หลังสัมผัสโซฟา เปียก็ค่อยๆลืมตาขึ้น
“คุณหนูรู้สึกตัวแล้วครับ”
เลอสรรวางสาย
“เป็นยังไงบ้างเปีย”
เปียมองเลอสรร ดวงตาเหม่อลอยแบบคนเพิ่งได้สติ ยังจับต้นชนปลายไม่ถูก วณีกับอุทัยมอง ยังไม่เข้ามา ด้วยยังไม่ไว้ใจเปีย เย็นกับน้อยวิ่งเข้ามา
“เปีย...ยัยเปีย...เป็นยังไงบ้างเปีย” เย็นห่วงมาก
เปียได้ยินชื่อตัวเอง คล้ายได้สติหันไปมองเบลอๆ
“น้าเย็น”
“เป็นยังไงบ้าง”
น้อยห่วงเปียมาก
“เปียอย่าเป็นอะไรนะ...เปีย”
เปียมองเย็นกับน้อย ดวงตาฉายแววความบริสุทธิ์เพราะยังเบลอๆจับต้นชนปลายไม่ถูก รู้แค่ความรู้สึกลึกๆ เย็นกับน้อยอบอุ่นปลอดภัย
“พาน้องเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนเถอะครับน้าเย็น” เลอสรรรีบบอก
“มะ...เปีย...เดี๋ยวน้าเปลี่ยนเสื้อผ้าให้...”
เย็นกับน้อยช่วยกันประคองเปียขึ้นไปชั้นบน วณีมองเย็นกับน้อยประคองเปียเดินขึ้นชั้นบน เหมือนกับเป็นบ้านของตัวเอง แล้ววณีก็ทำท่าเหมือนหมดแรง
“วณี” อุทัยจะประคองห่วง
“วณีไม่ได้เป็นอะไรค่ะ...เดี๋ยววณีไปดู...” วณีเรียกไม่เต็มปาก “ลูกเปียก่อนนะคะ”
วณีเดินตามขึ้นไปชั้นบนด้วยท่าทางเหนื่อยอ่อน ทุกคนมองวณีเห็นใจ
เย็นกับน้อยพาเปียที่เปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อยแล้วมานั่งที่เตียง น้อยเช็ดผมให้เปียอาทร ท่าทางเปียเซื่องซึม ขณะที่เย็นนวดตามเนื้อตามตัวให้ด้วยห่วงมาก วณีเดินเข้ามาเห็นเย็นกับน้อยน้ำตาคลอ เย็นถามเปียอาทรเสียใจ
“ทำไม ถึงได้คิดอะไรสั้นๆแบบนี้”
เปียร้องไห้เสียใจ พูดเสียงแผ่ว
“ไม่มีใครรักเปียเลยน้าเย็น”
“น้าไง แกลืมน้าได้ยังไงเปีย” เย็นกอดเปียร้องไห้
น้อยกอดเปียร้องไห้
“น้อยด้วย...น้อยก็รักเปีย เปียอย่าทำอะไรแบบนี้อีกนะ”
“ได้ยินมั้ย อย่าคิดสั้นๆแบบนี้อีก ต่อให้คนทั้งโลกเกลียดแก น้ากับน้อยก็รักแก ได้ยินมั้ยเปีย น้ากับน้อยรักแก”
วณีได้ยิน น้อยใจ น้ำตาคลอ วณีเดินออกไป จนไม่ทันได้ยินเปียพูด
“แต่เปียอยากให้คุณพ่อ คุณแม่ คุณย่า พี่เลอสรรรักเปีย”
เย็นมองแล้วอึ้ง สะท้อนใจ เปียไม่ได้นึกถึงเย็นเลย
วณีเดินเหม่อซึมลงมา อุทัยรีบถามห่วง
“เป็นยังไงบ้างวณี”
“วณี...รู้สึกเหมือนตัวเองเป็นส่วนเกินยังไงไม่รู้ค่ะ”
อุทัยกับเลอสรรมองหน้าวณี ขณะที่วณีพูดเสียงแผ่ว
“ลูกที่ไม่ได้เลี้ยง ยังไงก็เหมือนเป็นลูกคนอื่นอยู่ดี”
น้ำตาของวณีทำท่าจะหยด แต่วณีเงยหน้ากลั้นสะอื้น อุทัยกุมมือวณีก่อนผละไป เลอสรรได้แต่กุมมือวณีไว้ เห็นใจมาก
อุทัยเดินขึ้นไปบนห้อง...ขณะที่เย็นน้ำตาไหล น้อยมองเย็นตกใจ
“น้าเย็น”
“น้าไม่เป็นไร...” เย็นพูดกับเปียอ่อนโยน “เปีย...น้าเข้าใจว่าแกรักพ่อแม่ ครอบครัวของแก แต่ถ้าพวกเขาไม่รักไม่ห่วงแก จำไว้ ยังไง แกก็ยังมีน้ากับน้อย”
อุทัยได้ยิน มองภาพเหตุการณ์ตรงหน้าสะท้อนใจ เย็นจับเนื้อจับตัวเปีย
“ไปหาหมอมั้ย เดี๋ยวน้าพาไป”
“ไม่ไป...เปีย...เปียอยากตาย ไม่มีใครรักเปียเลยจริงๆน้าเย็น”
เปียร้องไห้ออกมาอีก เย็นเห็นอย่างนั้นก็ยิ่งเสียใจ น้อยจับมือเปียบีบแน่น เสมือนการปลอบประโลม ร้องไห้ เย็นหันไปมองที่ประตู เห็นอุทัยยืนอยู่ เย็นมองอุทัยสายตาเจ็บปวดอุทัยไม่สนใจเปีย
“จะไม่เข้ามาดูลูกหน่อยหรือคะ”
“ฉันคิดว่า เธอน่าจะดูแลยัยเปียได้ดีกว่าฉัน”
“แต่คนที่เปียต้องการ คือคุณพ่อ...คุณแม่” เปียมองอ้อนวอน มองเสียใจจริงๆ
เย็นกลั้นสะอื้น
“ได้ยินแล้วใช่มั้ยคะ ยัยเปียต้องการคุณ”
อุทัยจำต้องเดินมาหาเปียเวทนา เอามือลูบผม พอมือของอุทัยสัมผัสเท่านั้น เปียก็ร้องไห้โฮ โผกอดอุทัย ร้องไห้แบบใจจะขาด กลัว หวงแหน ว่าจะเสียอุทัยไป
“คุณพ่อ...เปียรักคุณพ่อ...เปียรักคุณพ่อ คุณแม่ค่ะ”
เปียร้องไห้ใจจะขาด กอดอุทัยแน่น แต่ดวงตาวาวโรจน์ ไม่มีทางปล่อยอุทัยไปแน่ๆ
อ่านต่อหน้า 4
คมพยาบาท ตอนที่ 12 (ต่อ)
เย็นเดินนำอุทัยมา พร้อมถามน้ำเสียงเจ็บปวด สั่นเครือ
“ตอนแรก...ฉันดีใจ สะใจ ที่พวกคุณเจ็บปวด กับการสูญเสียลูก แต่พอเห็นสภาพของยัยเปียตอนนี้ ฉันถึงได้รู้ ฉันเองต่างหากที่กำลังเจ็บปวด ทุกข์ทรมานกับสูญเสีย ยัยเปียไม่ได้รักฉัน แต่รักพวกคุณ”
อุทัยมองเย็น เห็นแต่ดวงตาที่เจ็บปวด เสียใจ
“ถ้าพวกคุณไม่รัก ยัยเปีย แล้วยังระแวงสงสัย ฉันขอยัยเปียคืนได้มั้ยคะ”
อุทัยอึ้ง คาดไม่ถึงเย็นจะพูดอย่างนี้ วณีเดินเข้ามาบอกเสียงสั่นเครือ
“ไม่...ฉันไม่ให้ ถึงจะเจ็บจะปวดยังไง ฉันก็รักลูกเปีย”
“งั้น...คุณให้อภัย ในสิ่งที่ยัยเปียเผลอทำผิดไปได้มั้ยคะคุณวณี”
วณีเงียบ เย็นมองวณี ผู้หญิงสองคนจ้องตากัน เป็นครั้งแรกที่เย็นมองวณีอ้อนวอน
ประวิทย์เปลี่ยนชุดใหม่แล้ว แต่ยังมีท่าทางไม่สบายใจ ลูกเต่ามาพร้อมจานขนม
“ลูกเต่าเอาขนมมาให้พี่ประวิทย์ค่ะ”
ประวิทย์ไม่มอง
“ขอโทษนะลูกเต่า พี่ไม่อยากกินอะไรเลย”
“แล้วถ้าเป็นขนมเปียล่ะคะ”
“มีด้วยเหรอขนมเปีย”
ประวิทย์ได้ยินชื่อขนมเปียหันไปมอง เห็นจานขนมเกลียวหน้าตาน่ากิน ประวิทย์ยิ้มออกมาได้ กับความน่ารักน่าเอ็นดูของลูกเต่า คลึงหัวลูกเต่าเบาๆ
“ขอบใจมากลูกเต่า...”
“น่ากินอย่างนี้กินลงมั้ยคะ” ลูกเต่ายื่นจานขนมให้
ประวิทย์รับมาดู
“ไม่...ยังไงพี่ก็เป็นห่วงคุณหนูเปีย จนกินอะไรไม่ลงอยู่ดี...ที่สำคัญ...ขนมเปีย...ดูสวย...จนพี่ไม่กล้ากิน”
ประวิทย์มองดูขนมเกลียวแล้วได้แต่ถอนหายใจ เป็นห่วงเปีย
เย็นเดินนำ อุทัยกับวณีเข้าไปในห้อง เห็นน้อยนั่งจับมือเปียอยู่ น้อยเห็นวณีกับอุทัยเข้ามา ก็เดินเลี่ยงออกไป ขณะที่เปียวิ่งมาหาทรุดตัวลงนั่งแทบเท้า
“คุณพ่อ...คุณแม่ เปียกราบขอโทษนะคะ” เปียกราบก่อนเงยขึ้นมาร้องไห้ “คุณพ่อ คุณแม่ จะลงโทษเปียยังไงก็ได้ แต่เปียขอร้องอย่าเกลียดเปียเลย...” เปียกอดขาวณีเอาไว้ “ตั้งแต่เปียเกิดมาไม่เคยมีคนรัก เปียเลยหวง...หวงคุณแม่ จนทำสิ่งที่ไม่สมควรลงไป คุณแม่ให้อภัยเปียนะคะ เปียทำเพราะเปียรัก เปียหวงคุณแม่จริงๆ”
วณีดึงเปียขึ้น
“เปียเป็นลูกแม่...แม่ให้อภัยเปียได้เสมอจ้ะ”
น้อยหันมามองเปียกับวณี ยิ้ม โล่งใจ ก่อนเดินออกไป ขณะที่เปียร้องไห้โฮ
“คุณแม่” เปียละล่ำละลักบอก “เปียขอบคุณค่ะ เปียสัญญา ต่อไปเปียจะเป็นเด็กดี เปียจะเป็นคนดี ให้คุณพ่อคุณแม่ชื่นใจ” เปียกอดวณีกับอุทัยสลับไปมา “ให้อภัยเปียนะคะ...”
วณีพยักหน้า โอบกอดเปียเหมือนเดิม แต่ดวงตาก็มีรอยเจ็บช้ำอยู่ เย็นมองภาพตรงหน้าโล่งใจแทนเปีย เปียยิ้มร้ายดีใจ ความรู้สึก หวงแหนวณีมาก
น้อยเดินลงมา เลอสรรยืนอยู่ที่บริเวณชั้นล่าง สองคนมองหน้ากัน อื้ออึง
“น้องเปียเป็นยังไงบ้างน้อย” เลอสรรถามนิ่งๆ
“ดีขึ้นมากแล้วค่ะ คุณท่านให้อภัยเปียแล้ว”
“พี่ดีใจด้วย” เลอสรรยิ้มโล่งใจ
“พี่เลอสรรคะ”
“จ้ะ...”
เลอสรรยิ้ม มองน้อยดีใจ นึกว่าจะกลับมาเป็นเหมือนเดิม
“น้อยฝากเปียได้มั้ยคะ ดูแลเปียแทนน้อยด้วย”
เลอสรรหุบยิ้มถามสงสัย
“ทำไมน้อยถึงพูดแบบนี้ น้อยจะไปไหน”
“น้อยว่า...น้อยอยากกลับไปอยู่ต่างจังหวัดน่ะค่ะ”
สายตาของเลอสรรมีแต่ความใจหาย เสียใจ
ค่ำนั้น...ในบ้าน น้อยนั่งรีดเสื้อผ้าอยู่ ขณะที่เย็นพับผ้าถามขึ้น
“นึกยังไง ถึงอยากไปอยู่ต่างจังหวัด”
“เพราะถ้าน้อยไม่อยู่ที่นี่ เปียคงมีความสุข”
“ทำไมถึงคิดอย่างนั้น”
“น้าเย็นก็รู้...เปียกลัวคุณวณีจะรักน้อยมากกว่า น้อยไม่อยากให้เปียไม่สบายใจ เรากลับไปอยู่ต่างจังหวัด กันนะคะน้าเย็น”
น้อยมองอ้อนวอน เย็นเงียบไป
วันใหม่...เปียยิ้มในสีหน้าขณะที่อุทัยบอก
“หนูน้อยยังเรียนอยู่...เย็นจะยอมให้หนูน้อยกลับไปอยู่ต่างจังหวัดเหรอ”
“นั่นน่ะสิ...น้าว่า...หนูน้อยอาจจะพูดไปอย่างนั้น โดยยังไม่ได้คุยกับเย็นก็ได้” วณีขัดขึ้น
คุณหญิงที่ยืนฟังอีกมุมบอก
“ถึงนังเย็นมันจะพาไป แม่ก็ไม่ให้ไป”
เปียสายตาไม่พอใจ ขณะที่คุณหญิงมองอุทัยพูดเป็นนัยๆ
“ยังมีอีกตั้งหลายเรื่อง ที่แม่ยังไม่ได้คุยกับหนูน้อย...นะอุทัย”
เปียมองสงสัย แต่ไม่กล้าออกฤทธิ์
“ที่สำคัญ...หนูน้อยน่ารักน่าเอ็นดูขนาดนั้น ใครจะปล่อยให้ไป”
เปียหน้าเสีย ทุกคำมีแต่ความชื่นชมน้อย ขณะที่คุณหญิงหันมาบอกเปีย
“ส่วนเรา ปรับปรุงตัวใหม่ซะนะ อย่าทำให้พ่อแม่ไม่สบายใจ”
เปียตีหน้าซึมเข้ามากอดคุณหญิง
“ค่ะคุณย่า...เปียจะเป็นคนใหม่ ให้คุณพ่อคุณแม่รวมทั้งคุณย่าชื่นใจค่ะ...”
เปียถอนตัวออก เดินออกไปหน้าซึมๆ ทุกคนมองตามเปีย ไม่รู้ เปียจะยังไง
ประวิทย์มาแอบมอง รอเปียด้วยความเป็นห่วง เปียเดินออกมาหน้าตาหงุดหงิด แต่น้ำตาคลอ เสียงคุณหญิงยังดังก้องในหัว
“ที่สำคัญ...หนูน้อยน่ารักน่าเอ็นดูขนาดนั้น ใครจะปล่อยให้ไป”
เปียกัดริมฝากแน่น อยากจะร้องกรี๊ดๆออกมา แต่ไม่กล้า เธอเดินลิ่วไปที่สวน ประวิทย์เห็นก็ยิ้มดีใจ จะไปหา แต่ต้องชะงักเมื่อเห็นเลอสรรเดินออกมาตามเปียไป ประวิทย์จ๋อย คอตก เดินกลับไป อุทัยเดินออกมาจากบ้าน กวาดสายตามองหาเปียกับเลอสรร
เปียวิ่งเข้ามาในสวน ก่อนจะสะดุดก้อนหินล้มลง เธอเจ็บจนหน้านิ่ว แต่เจ็บใจยิ่งกว่า เปียกำหญ้าในมือแน่น ถอนออกมา ตาวาว เหมือนถอนผมน้อย เลอสรรเดินเข้ามาทางด้านหลังเห็นเปียก้มหน้า ท่าทางเหมือนร้องไห้ เขาเรียกอ่อนโยน
“น้องเปีย”
เปียหน้าซีดเผือด ตกใจ กลัวเลอสรรเห็น แต่รีบปรับสีหน้า
“พี่เลอ”
เปียหันหน้ามา เลอสรรเห็นเปียร้องไห้ ก็มองเวทนา
“ร้องไห้อีกแล้ว”
“เปียเสียใจค่ะ ที่ทำให้คุณพ่อ คุณแม่ผิดหวัง เปียรู้สึกละอายใจจนเปียอยากจะกลับไปอยู่กับน้าเย็น กับน้อย”
อุทัยที่เดินตามเข้ามาได้ยิน นิ่งมองเห็นเปียร้องไห้ มีเลอสรรปลอบ
“คุณน้า...คุณย่า...ทุกคนให้อภัยน้องเปีย”
“เปียทราบค่ะ แต่ยังไงก็ไม่เหมือนน้าเย็น น้าเย็นเลี้ยงเปียมา ถึงน้าเย็นจะไม่ได้คลอด แต่น้าเย็นรักเปีย”
อุทัยอึ้ง นึกถึงคำพูดของวณี
“ลูกที่ไม่ได้เลี้ยง ยังไงก็เหมือนเป็นลูกคนอื่นอยู่ดี”
อุทัยมองเปีย ชั่งใจ
อุทัยเดินหน้านิ่วออกมาโทรศัพท์
“กลับมาแล้วใช่มั้ยหมอ ฉันมีเรื่องคุยด้วย”
ในร้านกาแฟวันใหม่...อุทัยกับหมอวิธูนั่งคุยกันท่าทางเคร่งเครียด
“โรคที่ลูกสาวนายเป็น ต้องการความรัก ความเข้าใจ การดูแล เอาใจใส่อย่างมาก แต่ฉันเห็นนายมีแต่ความสงสัย หวาดระแวง โอเค...ไม่เชื่อในการวินิจฉัยของฉัน แต่เชื่อใจ ลูกสาวนายหน่อยได้มั้ย”
“ฉันจะเชื่อได้ยังไง ในเมื่อฉันไม่รู้ว่าเป็นลูกของฉันจริงๆหรือเปล่า”
“นี่ใช่มั้ย ที่แกอยากตรวจดีเอ็นเอตลอดเวลา”
อุทัยพยักหน้า หมอวิธูถอนหายใจเฮือกใหญ่บอก
“ฉันก็อยากจะช่วยนะ แต่ไม่รู้จะช่วยยังไง เอางี้...นายลองไปปรึกษาพี่ดำรงแล้วกัน”
อุทัยมองเป็นเชิงถาม
“พี่ดำรงไหน”
“พี่ดำรง ที่เมื่อก่อนอยู่ชมรมรักบี้กับพวกเราไง ตอนนี้พี่เขาเป็นผู้ชำนาญการที่สำนักงานพิสูจน์หลักฐาน ลองไปปรึกษาพี่เขาดู”
อุทัยยิ้มมีความหวัง
สำนักงานพิสูจน์หลักฐาน ดำรงเดินออกมามองอุทัย ก่อนยิ้มกว้าง
“ไม่เจอกันนาน อุทัยไม่เปลี่ยนเลยนะ”
“พี่ดำรงก็เหมือนกัน...”
ดำรงยิ้ม
“หมอวิธูโทรมาเกริ่นกับพี่บ้างแล้ว พี่เลิกงานพอดี เดี๋ยวเราไปหาอะไรกินแล้วค่อยคุยกันนะ”
“ขอบคุณครับพี่”
อุทัยยิ้มอย่างมีความหวัง
ในร้านกาแฟ...ดำรงในชุดลำลองจิบกาแฟก่อนบอกอุทัยด้วยท่าทางสบายๆ
“การตรวจดีเอ็นเอ ถ้าอยากจะตรวจจริงๆ แค่เส้นผม เล็บ เนื้อเยื่อ หรือแค่น้ำลายที่ติดมากับหลอดดูด ขอบแก้ว แบบนี้ก็เอามาตรวจได้แล้ว ถามซะละเอียดยิบมีปัญหาอะไรรึเปล่า”
“เปล่าครับ แค่อยากศึกษาดู”
“พี่ก็นึกว่ามีเรื่องอะไร เห็นหมอวิธูเล่า อุทัยอยากตรวจดีเอ็นเอ”
อุทัยยิ้มเจื่อนหลบตา ขณะที่ดำรงพูดจริงจัง
“การตรวจดีเอ็นเอไม่ใช่เรื่องยาก แต่มันจะยาก ตรงที่ ถ้าไม่ใช่คดีอาญาเราต้องได้รับการยินยอมจากเจ้าตัวก่อน...”
“แล้วถ้าเจ้าตัวไม่ยินยอมล่ะครับ”
“ก็...ทำได้ ในทางลับ แต่มันไม่ถูกต้อง มันผิดกฎหมาย ซึ่งถ้าเจ้าตัวเขารู้...ถูกฟ้องได้”
“แล้วถ้าเขาไม่รู้ล่ะครับ”
“ตกลงอุทัยจะทำอะไรเนี่ย”
อุทัยไม่ตอบทำท่าคิดหนัก ดำรงมองอุทัย สงสัยไม่เข้าใจ
อุทัยเดินเข้ามาในบ้านหน้าเครียด วณีถาม
“ทำไมวันนี้กลับมาเร็วคะ”
“รู้สึกเหนื่อยๆน่ะ”
“งั้นพักผ่อนนะคะ...วันนี้ลูกเปียน่ารัก กำลังทำอาหารให้วณีค่ะ”
เปียใส่ชุดกันเปื้อน เปลี่ยนลุคเป็นสาวน้อยน่ารัก ทำอาหาร โดยมีจวนและเลอสรรเป็นผู้ช่วย เปียหันมามองอุทัยยิ้มสดใสน่ารักอุทัยยิ้มให้เปีย แต่ในใจครุ่นคิด
อุทัยสาวเท้าขึ้นมาเร็วๆ ยังชั้นบน กวาดสายตามอง มั่นใจทุกคนอยู่ข้างล่าง เขาเปิดประตูห้องเปียเข้าไป พยายามกวาดตามองหาเส้นผม เล็บที่หล่นพื้น
อุทัยเห็นเส้นผมของเปียหล่นอยู่ที่เตียงนอน อุทัยกำลังจะหยิบ ประตูก็ถูกเปิดเข้ามา อุทัยสะดุ้งโหยง เปียก็สะดุ้งเหมือนกันที่เห็นอุทัย
“ตกใจหมดเลย คุณพ่อมาทำอะไรในห้องเปียคะ”
อุทัยอึกๆอักๆ
“เอ่อ...”
“ว่าไงคะ คุณพ่อมาทำอะไรในห้องเปีย”
“เอ่อ...พ่อว่าผ้าม่านมันเก่าแล้ว เครื่องนอนก็เก่า พ่อก็เลยจะเปลี่ยนให้ใหม่”
“ขอบคุณค่ะ”
“ว่าจะเซอร์ไพร์สเลยไม่เซอร์ไพร์ส ไว้ลูกไปเลือกซื้อตามชอบใจเลยนะลูก”
อุทัยเดินออกไปก่อนปิดประตู เปียทำหน้าสงสัย ดวงตาหวาดระแวง ก่อนเดินไปยกฟูกนอนออก เปียมองเห็นสร้อย แหวนของนมแสยังอยู่ที่เดิม เปียมองระแวง...อุทัยอยู่นอกห้อง รู้สึกหงุดหงิด เสียโอกาสหัวเสีย
อุทัยเดินมาที่โต๊ะอาหาร วณี จวน เลอสรร กำลังช่วยกันจัดโต๊ะ
“กำลังจะให้ตาเลอไปดูอยู่เชียวค่ะ หายไปไหน ทั้งพ่อทั้งลูก” วณีหันมายิ้ม
“พี่ไปล้างหน้าล้างตาหน่อยน่ะ”
เปียเดินเข้ามาพร้อมชุดใหม่สดใสน่ารัก
“เปียก็ไปเปลี่ยนชุดใหม่มาค่ะ ชุดตะกี้เหม็นกลิ่นกับข้าว”
เปียยิ้มเดินไปรินน้ำแตงโมจากเหยือก พลางบอก
“คุณพ่อขา...เดี๋ยวชิมไข่ยัดไส้ของเปียค่ะ แล้วนี่...น้ำแตงโมปั่นสูตรเปียดื้อ”
เปียเสิร์ฟน้ำแตงโมให้กับทุกคน รวมทั้งตัวเอง
“หอมชื่นใจจังเลยน้องเปีย...” เลอสรรยิ้มให้
“เปียผสมน้ำแดงแทนน้ำตาลน่ะค่ะ เราจะได้ทั้งความหอมจากแตงโม และความหอมจากน้ำแดง คุณพ่อคุณแม่ชิมดูนะคะ”
วณีชิมแล้วบอก
“หอมชื่นใจจริงๆ”
“ขนาดตอนทำ เปียกินไปตั้งหลายแก้ว ยังกินได้อีกเลยค่ะ” เปียยิ้มสดใส
เปียก้มลงดูดน้ำแตงโม อุทัย จ้องมองเปียดูดน้ำตาไม่กะพริบ เห็นปากของเปียสัมผัสกับหลอด อุทัยจ้องใจเต้นระทึก ขณะที่เปียมอง ถามสงสัย
“คุณพ่อ...เป็นอะไรคะ ไม่เห็นชิมเลย”
“จ้ะๆ” อุทัยก้มลงดูดน้ำก่อนถาม “แล้วนึกยังไง ถึงได้หัดทำอาหาร”
“เปียอยากดูแลคุณพ่อ คุณแม่ พี่เลอ ก่อนที่เปียจะไปค่ะ”
อุทัยกับวณีถามพร้อมกัน
“ไปไหน”
เลอสรรมอง เปียยิ้มเศร้า
เย็นมองน้อยที่กำลังจัดกระเป๋า
“เรียบร้อยรึยังน้อย”
“เรียบร้อยแล้วค่ะน้าเย็น”
“ไม่เสียใจแน่นะ”
“ทำไมน้อยต้องเสียใจด้วยค่ะ...ในเมื่อ” น้อยจับมือเย็น “เราจะไปด้วยกัน”
“แต่น้าอยากให้น้อยเรียนหนังสือที่นี่มากกว่า เอาเป็นว่า...น้าจะพาน้อยไปเช่าบ้านอยู่แล้วกัน”
“ค่ะน้าเย็น”
สองคนยิ้มให้กันก่อนหิ้วกระเป๋าออกไป
วณีเดินจูงมือเปียออกมา หน้าตาจริงจัง เปียอ้อน
“คุณแม่ขา ให้เปียกลับไปอยู่กับน้าเย็นเถอะนะคะ”
“ไม่ แม่ไม่ยอมให้เปียไปไหนทั้งนั้น”
“แต่ถ้าคุณแม่คุยกับคุณพ่อ บางทีท่านอาจจะให้เปียไป...”
“ทำไมเปียว่าอย่างนั้นล่ะลูก”
เปียยิ้ม แบบคนเข้าใจ
“ท่าทางคุณพ่อไม่อยากให้เปียอยู่เท่าไหร่น่ะค่ะ”
อุทัยเดินตามออกมาดูวณีกับเปียด้วยท่าทางร้อนรนมีพิรุธ พอเห็นวณีกับเปียอยู่หน้าบ้าน อุทัยก็รีบเดินกลับเข้าไปด้านในรวดเร็ว เลอสรรที่ตามมาถามอย่างสงสัย
“มีอะไรรึเปล่าครับคุณน้า”
อุทัยไม่ตอบเดินเข้าไปที่โต๊ะอาหารร้อนรน เลอสรรมองตามสงสัย แปลกใจ วณีที่อยู่หน้าบ้าน บอกเปีย
“คิดมากน่ะลูก คุณพ่อเป็นผู้ชายเลยไม่ค่อยแสดงออก...ป่ะ...แม่จะพาไปคุยกับน้าเย็น”
วณีจูงมือเปียออกไป
วณีจับมือเปียเดินออกมาหน้าบ้าน ตามด้วยเลอสรร หน้าบ้าน เย็นกับน้อยหิ้วกระเป๋ากันมาพอดี วณีเดินเข้าไปขวาง พร้อมบอก
“ลูกเปียบอกว่าจะกลับไปอยู่กับเย็น แต่ฉันไม่ให้ไป ฉันอยากให้ลูกอยู่กับฉันที่นี่ เย็นอย่าไปเลยนะ”
เย็นมอง ทั้งวณีและเปีย ค้นหาความจริงใจ เปียตีหน้าเศร้าเดินมากอดแขนเย็น วณีมองภาพตรงหน้าเจ็บหัวใจ แต่ตาก็มองเย็นกับเปียจับสังเกตก่อนจับมือเย็น
“ฉันขอโทษที่เคยทำไม่ดีกับเย็น ฉันขอโทษ...นึกว่าสงสารฉันนะ อย่าไปจากที่นี่เลย อยู่ด้วยกันนะเย็น”
ทุกสายตาพุ่งมองไปที่เย็น โดยเฉพาะเลอสรร เย็นดึงมือออกจากวณีพลางบอก
“คุณต้องคุยกับคนที่เขาอยากไปแล้วล่ะ”
เย็นมองไปทางน้อย เลอสรรมอง ใจจะขาด ด้วยอาวรณ์ วณีอ้อนวอน
“หนูน้อย...อย่าไปจากที่นี่เลยนะ อยู่ด้วยกัน ฉันรักหนูน้อยจ้ะ”
วณีดึงน้อยมากอด สายตาบอกว่ารัก ไม่อยากให้ไปจริงๆ เลอสรรมองตาละห้อยเข้ารีบบอกเธอ
“อยู่ด้วยกันนะจ้ะน้อย”
น้อยสีหน้าลำบากใจมาก ขณะที่เปียบอกน้อยพร้อมรอยยิ้ม
“เปียตามใจน้อยเลย น้อยอยู่ เปียก็อยู่ น้อยไป เปียก็ไป...เราสามคนจะอยู่ด้วยกันจ้ะ”
เปียเดินมากอดเย็น น้อยมองเปีย ไม่รู้ลึกๆเปียรู้สึกอย่างไร
อุทัยเดินลิ่วมายังโต๊ะอาหาร เห็นแต่จาน แก้ว แต่ไม่มีหลอด อุทัยหัวเสีย หยิบแก้วของเปียขึ้นมา เป็นจังหวะเดียวกับที่จวนที่ง่วนกับการเก็บเศษอาหารอยู่หันมา จวนชนกับอุทัย แก้วในมือของอุทันตกแตก อุทัยร้องลั่น
“เฮ้ย”
จวนหน้าเสีย
“จวนขอโทษค่ะ”
อุทัยหงุดหงิด แก้วแตก รีบถาม
“หลอดล่ะ หลอดอยู่ไหน”
“หลอดอะไรคะ” จวนงง
“ก็หลอดดูดไง หลอดดูดน้ำแตงโม”
“จวนเอาไปทิ้งแล้วค่ะ”
อุทัยเดินลิ่วไปยังห้องครัวรวดเร็ว จวนมองตามงงๆ
อุทัยตรงไปเปิดดูถังขยะ เห็นหลอดใครเป็นหลอดใครไม่รู้ เลอะ
เทอะอยู่ในถังขยะอุทัยหัวเสีย จวนถามงงๆ
“มีอะไรรึเปล่าคะ”
“เปล่า...เดี๋ยวฉันจะขึ้นไปพักผ่อน อย่าให้ใครไปกวน”
“ค่ะๆ”
อุทัยเดินลิ่วขึ้นชั้นบนหน้าเครียด
วณีกอดเปียและน้อยเข้ามาในบ้าน ท่าทางมีความสุข
“ฉันดีใจมากจริงๆจ้ะที่หนูน้อย เลือกที่จะอยู่ที่นี่”
“น้อยอยากให้เปียได้อยู่กับคุณพ่อคุณแม่น่ะค่ะ”
เปียแสร้งยิ้ม
“ขอบใจมากนะน้อย ที่คิดถึงเปีย...” เปียกอดวณี “เปียอยากอยู่กับคุณพ่อคุณแม่”
เปียผละมากอดเย็นกับน้อย
“แต่เปียก็อยากอยู่กับน้าเย็นกับน้อย”
“งั้น...ให้น้ากับยัยน้อยเข้ามาอยู่ในบ้านหลังนี้เลย ดีมั้ยคะคุณหนูเปีย”
เปียหน้าซีด ที่สุดไม่อาจโกหกเย็นได้ เย็นหัวเราะ รีบบอก
“น้าไม่อยู่หรอกค่ะ น้ากลัวคุณวณีจะทุกข์ใจตาย”
“เย็นกับหนูน้อยจะมาอยู่” วณีมองน้อย “ฉันก็ยินดี บอกแล้วไง เราจะลืมเรื่องเก่าแล้วเริ่มต้นใหม่ด้วยกัน เย็นนี้ เราจัดงานเลี้ยงฉลอง ครอบครัวอันอบอุ่นของเรา ดีกว่านะเย็นนะ”
เย็นมองวณีรู้สึกสังหรณ์ใจแปลกประหลาด วณีดีเกินไป หรือเปล่า วณีมองเย็นด้วยสายตาที่เย็นเองก็ไม่เข้าใจ
วณีเดินขึ้นบันไดหน้าเคร่งเครียดเหมือนคิดอะไรอยู่...อุทัยอยู่ในห้องเปีย ตรงไปยังที่นอนที่เคยเห็นเส้นผมของเปียแต่ไม่เห็นเส้นผมแล้ว อุทัยหงุดหงิด วณีเปิดประตูห้องเปียเข้ามา สองคนสะดุ้งโหยงตกใจ ต่างคนต่างมีพิรุธ วณีปิดประตูถาม
“พี่อุทัย...กำลังหาเส้นผม จะตรวจดีเอ็นเอลูกใช่มั้ยคะ”
“เปล่าจ้ะเปล่า...”
อุทัยรีบเดินออกไป วณียืนนิ่ง ดวงตาคิดอะไรอยู่ ก่อนเดินไปสำรวจที่พื้น มองหาอะไรบางอย่างแล้วก็พบเส้นผมของเปีย หล่นที่พื้น วณีทำท่าจะหยิบ เสียงเปียก็ดังแว่วมา
“คุณแม่ขา...คุณแม่”
วณีรีบตะโกนออกไป
“จ๋าลูก...”
วณีจำต้องเดินออกไปโดยยังไม่ทันได้หยิบเส้นผมของเปีย
วณีเดินลงไป เปียเข้ามากอด
“เปียบอกทุกคนแล้วนะคะ คืนนี้คุณแม่จะจัดปาร์ตี้ฉลองครอบครัวอันอบอุ่นมีความสุขของเรา”
“เดี๋ยวจวนจะรีบกลับไปบอกให้ทุกคนมาช่วยงานค่ะ” จวนรีบเดินออกไป
เย็นหันมาหาเปีย
“จะให้น้าช่วยอะไรก็บอก”
“น้าเย็นช่วยแต่งตัวสวยๆมางานก็พอค่ะ...”
“คงยาก...ทั้งเนื้อทั้งตัวน้าไม่มีอะไร เสื้อผ้าก็มีแต่ชุดเก่าๆ”
“งั้นเดี๋ยวเราออกไปซื้อกันนะคะ...”
เปียกอดแขนเย็นกอดแขนน้อย
“ไม่เอา...น้าไม่ได้อยากแต่งตัวสวยอะไรหรอก แค่อยากมาฉลอง ความสุขให้คุณหนูเปีย”
เลอสรรขัดขึ้น
“แต่ผมอยากให้พวกเรามีความสุขด้วยกัน...”
“เอางี้...เดี๋ยวแม่ให้ช่างมาแต่งหน้าทำผมที่นี่เลยดีกว่า จะได้ทำให้เย็นด้วย ส่วนลูกเปีย พาน้อยไปซื้อชุดสวยๆนะจ้ะ” วณีเสนอ
เลอสรรอาสาทันที
“เดี๋ยวพี่พาไป”
“เอ่อ...” น้อยลังเล
เลอสรรคะยั้นคะยอ
“ไปนะน้อยนะ...เดี๋ยวพี่พาไป”
เปียยิ้มหวานนางเอก
“นะจ้ะน้อยไปด้วยกัน”
น้อยมองเย็น
“พี่เขาอยากพาไป ก็ไปสิ แต่ก่อนไป เปลี่ยนชุดใหม่ด้วยล่ะ เดี๋ยวคนเขาจะว่ายัยเปียไปกับคนใช้”
เปียยิ้มพอใจ แต่น้อยหน้าจ๋อยสนิท
“ค่ะน้าเย็น”
อ่านต่อตอนที่ 13