คมพยาบาท ตอนที่ 15
วณีเดินเข้ามากับรจนาหน้าตายิ้มแย้ม
“คุณรจนามาทันเวลาพอดีเลยค่ะ”
“มีเรื่องอะไรหรือคะ” รจนาตกใจ
วณียิ้มเจื่อนก่อนเลี่ยง
“อ้อ...ลูกเปียไม่สบายน่ะค่ะ”
“อ้อ...รจก็นึกว่ามีเรื่องอะไร” รจนายิ้ม
น้อย ตักข้าวต้มใส่ชาม สองชาม มองออกมาเห็นรจนา น้อยกุลีกุจอจัดน้ำมาให้ เปียย่องลงมาจากข้างบนเห็นวณีกับรจนา นั่งคุยกันอยู่ โดยมีน้อยเอาน้ำไปให้ เปียยิ้มร้าย พอใจ ทุกอย่างประจวบเหมาะกันจริงๆ...เปียวิ่งเข้าไปในครัว มองชามข้าว เห็นมีสองชาม เปียมองข้าวต้มสองชาม ลังเลคิด ก่อนยิ้มฉีกซองยาเบื่อหนูเทใส่ชามหนึ่ง
“ใส่นิดๆหน่อยๆพออร่อย ไม่ตายหรอกค่ะคุณแม่”
เปียยิ้มก่อนเอาขวดซอสเทลงหนึ่งหยดเล็กๆ เป็นจุดสังเกตของตัวเอง ก่อนวิ่งหลบ
ขึ้นไปบนบ้านอย่างเร็ว
รจนาถามวณี
“แล้วนี่คุณเปียไม่สบายมากมั้ยคะ”
“อ้อ...ไม่หรอกค่ะ เห็นท่าทางมึนๆ”
“งั้นรจว่า...พาลงมาพักผ่อนข้างล่างดีมั้ยคะ อากาศปลอดโปร่งจะได้สดชื่นเร็วๆ อีกอย่าง...มีกันหลายคน คุณเปียจะได้ไม่เหงา”
“ก็ดีค่ะ...งั้น...เดี๋ยวฉันไปตามลูกเปียก่อนนะคะ ข้าวต้มสุกแล้วก็จัดสำรับ เผื่อทุกคนเลยนะน้อย”
“ค่ะ...”
วณีเดินออกไป น้อยยิ้มให้รจนา ก่อนลุกเดินไป
เปียนอนอยู่บนเตียง พร้อมรอยยิ้ม วณีเคาะประตูเบาๆก่อนเข้ามา เปียรีบปรับสี
หน้า ขณะที่วณีเดินมาหา
“ลูกเปียจ๋า...ข้าวต้มเสร็จแล้ว ลุกไปกินนิดหนึ่งนะลูก จะได้กินยา”
“ค่ะคุณแม่”
เปียยิ้มว่าง่าย วณีพาลงไป
วณีพาเปียมายังห้องนั่งเล่น อากาศโปร่ง ผ่อนคลาย เปียชะงักเมื่อมองเห็นบนโต๊ะมี
ชามข้าวต้มวางอยู่สามชาม ทุกชาม มีซอสเทอยู่พร้อมพริกไทย ต้นหอม เปียหน้าเสีย ขณะที่วณีบอก
“หน้าซีดไปหมดแล้ว นั่งก่อนลูก นั่งก่อน”
วณีพาเปียลงไปนั่ง ก่อนมองข้าวต้ม
“อ้าว ทำไมมี 3 ชาม”
“น้อยไม่หิวค่ะ” น้อยรีบบอก
“ไม่ได้...ไปตักมากินด้วยกันไป...” วณีมองแกมบังคับ “นะ...กินข้าวเป็นเพื่อนฉัน เพื่อนลูกเปีย”
“ค่ะ”
น้อยจะออกไป เปียรีบบอก
“น้อย ตักให้เปียใหม่นะ เปียไม่ชอบกินพริกไทย ไม่ชอบต้นหอม”
“มันเหลือแค่ชามเดียวน่ะเปีย”
“ก็เอาชามนั้นมาให้เปีย แล้วน้อยกินชามพวกนี้แทน”
รจนาแทรกขึ้น
“แต่รจว่า...คนไม่สบาย ทานต้นหอมดีนะคะ ต้นหอมมีสรรพคุณแก้หวัดแก้ไข้ พริกไทยก็เหมือนกัน ช่วยให้หายใจโล่งสะดวก”
“ก็ฉันไม่ชอบกิน” เปียเสียงแข็งใส่
วณีปราม
“ลูกเปีย...” วณีหันไปสั่งน้อย “ไปน้อย...ไปตักมาให้ลูกเปีย”
“ค่ะ”
น้อยเดินออกไป เปียยิ้ม
เลอสรรเดินเข้าไปรับโทรศัพท์ เจ้าหน้าที่ฟิตเนตยื่นให้
“นี่ค่ะโทรศัพท์”
“ขอบคุณมากครับ ใครครับเป็นคนเก็บได้”
“ชดค่ะ ชดเป็นคนเก็บได้”
มุกที่รอเอาหน้าอยู่แล้วเดินมาหาเลอสรร ยิ้มเผล่
ขณะที่เลอสรรคุยด้วย มุกแกล้งทำท่าเป็นเรียบร้อย บอกนอบน้อม
“ขอโทษนะครับวันนั้นที่คุณโทรมาผมจะรับแต่รับไม่เป็นดันไปปิดเครื่อง”
“ไม่เป็นไรครับ แค่น้าเอามาคืน ผมก็ดีใจมากแล้ว” เลอสรรส่งเงินให้ “รับไว้นะครับ ถือ
เป็นการขอบคุณจากผม”
“เรื่องนิดเดียวเอง ไม่เป็นไรครับ”
“แต่ผมอยากตอบแทนน้ำใจน้าชด”
“ไม่เป็นไรจริงๆครับ...ผมมันคนบ้านนอก ง่ายๆ เวลาทำอะไร ไม่ได้คิดถึงเรื่องเงินๆทองๆ แต่จะให้ขโมย หรือเอาของของคนอื่น ผมก็ทำไม่เป็นเหมือนกัน”
เลอสรรมองมุกทึ่ง ซึ้งใจ
“ผมขอตัวไปทำงานก่อนนะครับ”
“ขอบคุณมากนะครับ น้าชด ขอบคุณจริงๆ”
มุกเดินไป ยิ้มเจ้าเล่ห์ เลอสรรมองตามยิ้ม ชื่นชม
เลอสรรขับรถออกไป มุกที่แอบมองอยู่ รีบตรงดิ่งมายังมอเตอร์ไซค์คันเก่า สวมหมวกกันน็อค ตามไปอย่างรวดเร็ว
คุณหญิงเดินเข้ามาในบ้าน เงียบ ไม่เห็นใคร
“อ้าว หายไปไหนกันหมด วณี เปีย...วณี เปีย”
คุณหญิงเดินเข้าไปเห็นน้อยกำลังเดินถือชามข้าวต้มเดินไปยังโต๊ะที่วณี เปีย รจนานั่งอยู่ คุณหญิงยิ้มเดินเข้าไป
“มานั่งกันอยู่นี่เอง แม่เดินหาตั้งนาน”
ทุกคนหันมามองคุณหญิง รวมทั้งน้อย อารามไม่ได้ระวัง น้อยหันมาชนคุณหญิงข้าวต้มหกเลอะเทอะใส่ถาด น้อยหน้าเสีย
“น้อยขอโทษค่ะ”
“ไม่เป็นไรๆ ฉันผิดเอง เข้ามาไม่ให้สุ้มให้เสียง”
รจนายกมือไหว้ คุณหญิงรับไหว้ก่อนหันมามองน้อย
“ข้าวต้มหกเลอะเทอะไม่ได้กินเลย”
เปียได้ที มองข้าวต้มสามชามอยู่บนโต๊ะ
“ไม่มีข้าวต้มเปล่าๆงั้นเปียก็ไม่กิน”
เปียจะลุกขึ้น แต่คุณหญิงขัดขึ้น
“อะไรลูก...อะไร”
วณีหันมาบอก
“ลูกเปียไม่กินข้าวต้มที่มีต้นหอมกับพริกไทยค่ะ”
คุณหญิงมอง ก่อนหัวเราะ
“ก็มันจะไปยากอะไร ไม่กินก็ตักทิ้งสิ มันแค่โรยหน้าเอง”
พูดจบคุณหญิงก็ตักพริกไทย ต้นหอมใส่ในสำรับที่น้อยถือ
“เอ้า เรียบร้อย กินได้เลย”
เปียมองชามข้าวต้ม หน้าซีดหน้าเสีย ไม่รู้ชามไหนเป็นชามไหน วณีบอก
“กินนะลูกนะ จะได้กินยา”
วณีเลื่อนชามข้าวต้มหนึ่งชามมาอยู่หน้าเปียกับคุณหญิง
“คุณแม่ ทานด้วยกันนะคะ”
“แม่อิ่มแล้ว แวะมาเล่นด้วยเฉยๆ” คุณหญิงเลื่อนชามข้าวต้มให้วณีกับรจ หันมา
สัพยอกน้อย “หมดแล้ว ยัยน้อยอด”
“น้อยเอาของเปียไปกินก็ได้”
“ไม่เอา น้อยไม่หิว”
“ลูกเปียกินเถอะจ้ะ จะได้กินยานะจ้ะ เชิญค่ะคุณรจ”
รจนายิ้ม แต่เปียใจหายใจคว่ำ หน้าซีด ไม่กล้ากิน ตามองระหว่างวณีกับรจนาใครจะกินข้าวต้มมรณะ วณีทำท่าเหมือนสะอึก มีอะไรติดคอ เปียลืมตาโพลงลุ้น คุณหญิงถาม
“เป็นอะไรวณี”
“สำลักนิดหน่อยค่ะ”
วณีตักข้าวต้มกินอีก ทำหน้าแหย เหมือนยังสำลักอยู่ เปียยิ้ม คิดว่าวณีเป็นคนกินยาเบื่อ เปียตักข้าวต้มใส่ปาก เต็มปากเต็มคำแกล้งชม
“น้อยทำข้าวต้มอร่อยที่สุดในโลกเลย...”
คุณหญิงยิ้มพูดเอาใจ
“งั้นก็กินเยอะๆเลย จะได้แข็งแรงเร็วๆ”
เปียยิ้มตักข้าวต้มใส่ปากคำโตๆเคี้ยวตุ้ยๆ แต่ก็ต้องหน้าแหย รู้สึกถึงความผิดปกติของร่างกาย แสบท้อง เหมือนไส้จะขาด ลำคอเหมือนจะไหม้ ขณะโก่งคออาเจียนออกมามากมาย ท่ามกลางความตกใจของทุกคน คุณหญิงกับวณีร้องลั่น
“เปีย”
“เปีย” น้อยอึ้ง
“คุณเปีย” รจนาตกใจ
ทุกคนเห็นเปียล้มลงไปกองกับพื้น พลางอาเจียนออกมาด้วย สภาพทุรนทุรายน่าเวทนา รจนามองอึ้งตะลึง ตะโกน
“นมค่ะ รีบเอานมมาให้คุณเปียดื่มเยอะๆ”
ทุกคนมอง รจนาบอกเร็วปรื๋อ
“เหมือนคุณเปียจะกินยาเบื่อค่ะ”
เย็น อุทานอย่างตกใจเมื่อได้ยินสิ่งที่จวนบอก
“อะไรนะยัยเปียกินยาเบื่อ”
“ฮื่อ แต่ฉันก็ไม่รู้หรอกนะว่าทำไม ตอนนี้ทุกคนพาคุณเปียไปส่งโรงพยาบาลแล้ว”
เย็นหน้าซีดเผือด ตกใจ งุนงง คาดไม่ถึง
เย็นวิ่งร้อนรนมายังหน้าบ้านกับจวน เย็นโบกแท็กซี่ แท็กซี่คันหนึ่งมาจอด เย็นรีบบอก
“ไปโรงพยาบาล ค่ะ”
เย็นกับจวนก้าวขึ้นไปนั่งบนแท็กซี่ อีกฝั่ง เลอสรรขับรถมา ด้านหลังของเลอสรร มุกขี่มอเตอร์ไซค์ตามมา สวนกับรถแท็กซี่ของเย็นที่แล่นไป รถแท็กซี่ผ่านหน้ามุกไปโดยที่ทั้งมุกทั้งเย็นไม่เห็นกัน ขณะที่เลอสรรขับรถเข้าไปในบ้าน
มุกมองบ้านหลังใหญ่โตสนใจ อยากรู้
เลอสรรขับรถเข้าไปจอดในบ้าน มุกจอดรถข้างทาง แล้วเดินตามไปดู พยายามกวาดตามองหาเย็นด้วยความอยากรู้สงสัย แต่สิ่งที่ได้เห็นคือเห็นบ้านช่องใหญ่โต ก็เปลี่ยนความสนใจมาดูตัวบ้านทันที
ขณะเดียวกัน ประวิทย์เดินลิ่วมาพร้อมในมือมีชุดทดสอบสารพิษในอาหาร ประวิทย์หันไปเห็นมุกพอดี มุกเห็นคนรีบหลบ ขี่มอเตอร์ไซค์หนีไป ประวิทย์ไม่ได้สนใจมุกเพราะเรื่องเปียสำคัญกว่า เลอสรรเห็นประวิทย์ร้อนรนก็แปลกใจ
“มีอะไรประวิทย์”
เลอสรรเดินเข้าไปในบ้าน เข้าไปเห็นสภาพบ้านเลอะเทอะไปด้วยข้าวต้ม อาเจียน
โดยมีหวาน ช้อยช่วยกันทำความสะอาด คุณหญิงหน้าซีดทำท่าจะเป็นลม เลอสรรมองภาพตรงหน้าด้วยความตกใจ ประวิทย์เดินตามบอกคุณหญิง
“ชุดทดสอบสารพิษในอาหารมาแล้วครับคุณหญิง”
“ทดสอบเร็วประวิทย์ ฉันอยากรู้มียาเบื่อในข้าวต้มจริงหรือเปล่า” คุณหญิงร้อนรน
“ครับ”
ประวิทย์รับคำพร้อมรับชามข้าวต้มจากหวานมาทดสอบ เลอสรรมองประวิทย์ พร้อมถามคุณหญิง
“เกิดอะไรขึ้นหรือครับคุณย่า”
“คุณรจนาบอก เหมือนยัยเปียจะกินยาเบื่อเข้าไป ตะกี้วณีรีบพายัยเปียไปส่งรพ.เลยไม่ได้เอาข้าวต้มไปด้วย ย่าร้อนใจรอไม่ไหว เลยอยากทดสอบดู ว่ามันเป็นอะไรกันแน่ ว่าไงประวิทย์”
เลอสรรตกใจคาดไม่ถึง ประวิทย์ดูผลทดสอบจากขวดยาที่ทดสอบ เห็นเป็นสีดำ
“ข้าวต้มมียาเบื่อจริงๆครับ”
ทุกคนตกใจปนสยอง
เย็นกับจวนเดินลิ่วเข้าไปในโรงพยาบาล เจอน้อยยืนร้องไห้อยู่ ทั้งกลัว ตกใจ เป็นห่วงเปีย
“ข้าวต้มมียาเบื่อได้ยังไงยัยน้อย” เย็นถามร้อนรน
“น้อยไม่รู้ค่ะ”
“แล้วยัยเปียเป็นยังไงมั่ง”
“อยู่ในห้องค่ะ”
เย็นเดินลิ่วเข้าไปในห้อง ตามด้วยจวน
เปียนอนซมสะลึมสะลือแทบไม่ได้สติ ความรู้สึกของเปียกลัวตายจริงๆ ข้างๆ
เตียงมี วณีจับมือเปียเอาไว้ เป็นห่วงแทบขาดใจ รจนายืนมองอยู่ห่างๆ เย็นเดินพรวดพราดเข้ามาอย่างเป็นห่วงมาก
“เปียเป็นยังไงมั่ง”
“หมอล้างท้องให้เรียบร้อยแล้ว” วณีหันไปบอก
“แกฆ่าตัวตายเหรอ” เย็นถามเปียอย่างไม่สบายใจ
เปียแผ่วๆเหมือนคนจะตาย
“เปล่า...น้อยทำข้าวต้มมาให้เปียกิน”
เย็นตกใจมาก คาดไม่ถึง สงสัยว่าเป็นได้ยังไง
“หา...ยัยน้อยเป็นคนทำ”
“ค่ะ น้อยเป็นคนทำ” เปียแผ่วมากกว่าเดิม แอ๊บท่าทีเหมือนงุนงง
เย็นหันขวับมองวณีกับรจนาสายตาเชิงคำถาม วณีกับรจนาหน้าเจื่อน ท่าทีงุนงง
แปลกใจไม่แพ้เย็น พอเห็นอย่างนั้น เย็นก็มองเปียหัวเราะหยันบอก
“ฉันไม่เชื่อ”
เปียหน้าเสีย ไม่พอใจที่เย็นรู้ทัน พูดแบบนี้ แต่จำต้องทำหน้าจ๋อย วณีมองเย็นไม่พอใจ
“พูดแบบนี้หมายความว่ายังไง”
“หรือคุณเชื่อว่ายัยน้อยทำ”เย็นย้อนวณีทันที
วณีอึ้งไป เพราะไม่คิดว่าน้อยเป็นคนทำเหมือนกัน รจนามองเย็นกับเปียอย่างสังเกต
“แล้วคุณเย็นคิดว่าใครทำหรือคะ”
“ก็ไม่รู้สินะ...” เย็นหัวเราะ
วณีไม่พอใจมาก
“อย่าทำท่าอย่างนี้เย็น มันไม่ได้มีอะไรดีขึ้น มีแต่จะทำให้เรื่องมันเลวร้ายไปใหญ่”
เย็นยิ้มหยัน
“ถ้าพูดอย่างนี้ก็แปลว่า...คุณรู้...ความจริง ใครเป็นคนทำ”
เปียมองเย็น ถึงจะรู้ว่าเย็นรู้ทันแต่ก็เสียใจ เย็นไม่เข้าข้าง มองเปียร้ายตลอด เปียน้อยใจตัดพ้อ
“น้าเย็นคิดว่าเปียใส่ยาเบื่อลงในข้าวต้มแล้วกินเองเหรอคะ”
“ก็ไม่รู้สินะ”
เปียร้องไห้โฮออกมาเสียใจ
“เพราะเปียเป็นลูกคุณพ่อคุณแม่ น้าเย็นถึงเข้าข้างน้อย เข้าข้าง จนลืมคิดไปว่าตัวน้าเย็นเองนั่นแหละ ที่ทำให้เรื่องมันเป็นอย่างนี้”
เย็นงง ไม่พอใจถามห้วน
“ฉันทำอะไร”
“ก็น้าเย็นไม่ให้พี่เลอสรรแต่งงานกับน้อยน่ะสิคะ น้อยถึงมาลงกับเปีย”
“สมองแกคิดได้แค่นี้เหรอนังเปีย ปัญญาอ่อน” เย็นหมั่นไส้
เย็นจะทุบ วณีกับเปียร้องแทบจะพร้อมกัน
“อย่านะ”
วณีปัดมือเย็น ถลันมาขวางเปีย มองไม่พอใจ
“ลูกเปียนอนอยู่อย่างนี้ เธอยังจะทุบจะตีลูกเปียอีก ใจคอทำด้วยอะไร ถ้าโกรธฉัน เกลียดฉัน เธอตบฉันเลยเย็น ตบฉันเลย แต่อย่าเอาอารมณ์ไปลงกับลูกฉัน”
“คุณแม่ช่วยเปียด้วย” เปียโผกอดวณีอ้อน
จวนที่ยืนหน้าเสียฟังอยู่นาน รีบมาคว้าตัวเย็น
“กลับเถอะเย็น”
“ไม่” เย็นหงุดหงิด
“พี่ขอ กลับเถอะนะ” จวนดึงเย็นออกไป
เย็นยังไม่ยอมเดินออกไป วณีไม่พอใจ
“หรือจะให้ฉันย้ำอีก ว่าเธอไม่มีสิทธิ์อะไรในตัวลูกเปีย”
เย็นหัวเราะหยัน
“ก็ถามลูกเปียเอาแล้วกัน ว่าฉันมีสิทธิ์หรือเปล่า”
เย็นกับวณีมองจ้องหน้ากัน ห้ำหั่นกันด้วยอารมณ์ จวนกระชากเย็น
“กลับได้แล้วเย็น กลับ”
เย็นหันไปบอกเปีย
“บอกคุณแม่ด้วยนะคะ ว่าน้ามีสิทธิ์ในตัวคุณหนูหรือเปล่า”
เย็นสะบัดหน้าเดินออกไป จวนหันมาขอโทษวณี ตามเย็นไปรวดเร็ว วณีถลันเดิน
ออกมานอกห้องมองดูเย็น รจนาตามออกมา วณีมองตามเย็น ถามรจนาอย่างสงสัย
“ฉันไม่เข้าใจเลย ทำไมเย็นถึงได้คิดว่าลูกเปียร้ายตลอดเวลา”
รจนาบอกเกรงใจ
“รจสงสัยคุณหนูมากกว่า ทำไมถึงได้ยอมให้คุณเย็นข่มขู่ตลอดเวลา”
วณีหน้านิ่ว ครุ่นคิด สงสัยท่าทีพิรุธ มีเลศนัยของเย็นกับเปีย วณีเดินตามเย็นออกไป เปียได้ยินที่ทั้งสองคนคุยกัน ก็ประหวั่นพรั่นพรึง น้อยใจ เสียใจทำไมเย็นถึงฉีกหน้าเปียต่อหน้าทุกคน ให้คนสงสัย เย็นต้องการอะไร
จวนลากเย็นออกมาด้านหน้าโรงพยาบาล บอกตำหนิ
“พี่ไม่เข้าใจ แกจะพูดให้คุณๆเขาเจ็บใจทำไม”
“มันจะได้รู้ไง ว่าผู้ดีอย่างมัน ก็มีเลือดชั่วได้เหมือนกัน”
“แกสะใจ สมใจ แต่แกคิดบ้างมั้ย คุณหนูเปียจะรู้สึกยังไง”
“คนอย่างคุณหนูเปีย ต้องโดนกำหราบซะบ้าง” เย็นหยัน
จวนมองผิดหวัง เสียงสั่น
“พี่ไม่อยากจะเชื่อเลย เย็นคนซื่อ คนมีน้ำใจ แต่เพื่อความแค้น ความสะใจ แกทำลายได้แม้กระทั่งคนที่แกเลี้ยงเขามากับมือ”
“พี่จวน” เย็นหน้าเสียรู้สึกผิด
“แต่มันอาจไม่เป็นอย่างที่แกคิด รู้เอาไว้ด้วย พี่เห็นน้อยถือซองยาเบื่อ”
เย็นหน้าซีดเผือด อึ้งคาดไม่ถึง วณีที่เดินตามมาได้ยินเหมือนกัน เย็นกับวณีมองหน้า สบตากัน ต่างคนต่างคาดไม่ถึง ขณะเดียวกันเย็นก็รู้สึกเสียหน้าที่ว่าวณีและเปียไปเยอะ จวนหน้าเสียที่เห็นวณี น้อยที่ยืนร้องไห้รอเย็นอยู่อีกมองมา ไม่รู้กำลังตกเป็นเป้าการสนทนา
อุทัยอยู่ที่ไซต์งาน คุยสายกับวณีอย่างร้อนใจ
“แล้วตกลงลูกเปียเป็นยังไงบ้างวณี”
วณีไม่สบายใจ คิดหนัก
“ปลอดภัยแล้วค่ะ คุณหมอให้พักดูอาการอีกหน่อยก็กลับบ้านได้เลย”
“งั้นเจอกันที่บ้าน”
อุทัยวางสายกลุ้มหนัก วณีก็กลุ้มหนักเหมือนกัน
อ่านต่อหน้า 2
คมพยาบาท ตอนที่ 15 (ต่อ)
คุณหญิงแทบจะนั่งกุมขมับ ขณะบอกอุทัย
“แม่ก็กลุ้มจนหัวจะระเบิดอยู่แล้ว คิดไม่ออกจริงๆมียาเบื่อในข้าวต้มได้ยังไง”
เลอสรรกุมมือคุณหญิงปลอบ
“อาจจะเป็นอุบัติเหตุก็ได้นะครับคุณย่า”
“ถ้าเป็นอุบัติเหตุแล้วทำไมมียาเบื่อแค่ข้าวต้มชามเดียว...น้าว่าต้องมีคนจงใจ”
“ก็แล้วใครล่ะ” คุณหญิงงง สงสัย
สามคนมองหน้ากัน หาคำตอบไม่ได้เหมือนกันเสียงรถแล่นเข้ามา
“กลับมากันแล้ว”
ทั้งสามคนเดินออกไป เห็นวณีกับรจนา กำลังประคองเปียเข้ามา เปียได้ทีออดอ้อน
“คุณย่า คุณพ่อ พี่เลอ” เปียโผเข้ากอดย่า
“คุณย่าขา เปียนึกว่าจะไม่ได้เจอคุณย่าอีกแล้วนะคะ คุณย่าก็เห็น เปียกินข้าวต้มไปเยอะเลย”
คุณหญิงรีบเข้ามากอดปลอบ
“ขวัญเอ๊ย ขวัญมานะลูก”
“พ่อดีใจที่หนูไม่เป็นอะไร วณีพาลูกไปพักผ่อนเถอะ” อุทัยลูบผมเปีย
“ค่ะ ไปลูก”
วณีกอดเปียจะพาไป เปียจริงจัง
“พี่เลอ...เปียดีใจนะคะที่ได้เจอพี่เลออีก”
เลอสรรมองสงสาร ลูบผมเธอเบาๆ
“น้องเปียปลอดภัยแล้วจ้ะ”
เปียมองเลอสรร เต็มตื้นที่เลอสรรดูห่วง วณีแตะเปียเบาๆ
“ไปลูก ไปนอน”
วณีกับรจนาพาเปียเดินออกไป อุทัยมองตามอย่างครุ่นคิด กังวลสงสัย ไม่สบายใจเลย
วณีกับรจนาพาเปียไปที่เตียงนอน
“คุณเปียกินยานะคะ จะได้หายเร็วๆ”
รจนาหยิบยามาส่งให้ เปียรับยามากินโดยดี รจนามองวณียิ้มให้กันโล่งใจที่เปียยอมกินยา วณีลูบผมเปียเบาๆบอก
“แม่เป็นห่วงเปียมากนะลูก รู้มั้ย...ถ้าเปียเป็นอะไรไป แม่คงอยู่ไม่ได้”
เปียมองวณีแววตามีความระแวงก่อนปรับท่าทีบอก
“เปียก็คิดไม่ถึงจริงๆค่ะคุณแม่ว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ น้อยคงโกรธ ที่ไม่มีใครยอมให้น้อยแต่งงานกับพี่เลอสรร เลยลงที่เปีย”
เปียแสร้งออกความเห็น วณีหน้าสลด ได้ยินจากจวน น้อยถือซองยาเบื่อ รจนาหันไปถาม
“นี่แปลว่าคุณเปียคิดว่าคุณน้อยเป็นคนใส่ยาเบื่อลงในข้าวต้มจริงๆหรือคะ”
“ก็น้อยเป็นคนทำข้าวต้มนี่คะ แล้วถ้าไม่ใช่น้อย จะเป็นใคร”
วณีสีหน้าทุกข์ใจมาก ไม่อยากเชื่อว่าเป็นน้อย
เลอสรรจะออกจากบ้านไปทำงาน วณีที่ท่าทีไม่สบายใจบอก
“เลอจ้ะ ช่วยไปตามจวนมาให้น้าหน่อย”
“ครับคุณน้า”
เลอสรรเดินออกไป อุทัยแปลกใจ
“มีเรื่องอะไรหรือวณี”
“เรื่องสำคัญ...รอคุยกับจวนพร้อมๆกันดีกว่านะคะ”
อุทัย รจนามองหน้ากัน สงสัย วณีมีอะไรกับจวน
จวนที่นั่งกับพื้น ก้มหน้า ท่าทางอิหลักอิเหลื่อใจ คุณหญิงมองสงสัย
“เอ้า...ทำไมไม่รีบไปหาแม่วณีล่ะ มีอะไร”
“จวน...จวน...”
จวนอึกอัก เดาออกว่าเรื่องอะไร คุณหญิงยิ่งสงสัย
“มีเรื่องอะไรกัน”
“นั่นน่ะสิครับน้าจวน มีเรื่องอะไรกัน” เลอสรรแปลกใจ
“เอ่อ...เอ่อ...”
จวนไม่กล้าพูด คุณหญิงชักรำคาญกึ่งอยากรู้ ร้อนใจ
“อะไร มัวแต่อ้ำๆอึ้งๆ รีบไปหาแม่วณีไป”
“ค่ะ”
จวนยอมเดินไปโดยดี แต่ท่าทีมีพิรุธ คุณหญิงกับเลอสรรมองตามจวน ก่อนมองหน้ากัน และคุณหญิงก็เดินตามด้วยอยากรู้
จวนเดินตัวลีบเข้ามาหาอุทัย วณี และรจนาที่รออยู่
“จวนคงรู้ใช่มั้ย ที่ฉันเรียกมานี่ เพราะเรื่องอะไร” วณีถามเครียดๆ
“ค่ะ” จวนก้มหน้า ไม่สบายใจ
“เล่าให้ฉันฟังอย่างละเอียดเลยนะ จวนเห็นอะไร ยังไง”
เลอสรรประคองคุณหญิงเข้ามา ขณะที่จวนเล่า
“หลายวันก่อน จวนเอาขยะไปทิ้ง แล้วก็เห็นหนูน้อย ถือยาเบื่อหนู พอเห็นจวน หนูน้อยก็เอายาเบื่อทิ้งขยะทันทีเลยค่ะ”
เปียที่เดินเพลียๆมาจากชั้นบน ได้ยินพอดี แกล้งร้องลั่น
“น้อยมียาเบื่อ อย่างที่คุยกันจริงๆค่ะคุณแม่น้อยใส่ยาเบื่อให้เปียกิน”
“นี่วณีกับเปียคิดว่า หนูน้อยวางยา” อุทัยตกใจ
“ก็วันนั้น หนูน้อยเป็นคนทำข้าวต้มให้ลูกเปีย คุณรจนาก็เห็น” วณีหน้าแหย
“ค่ะ...วันนั้นคุณน้อย เป็นคนทำข้าวต้มให้คุณเปีย”
รจนาตอบตามที่เห็น แต่สายตาไม่ได้บอกว่าเชื่อ ครุ่นคิด บางอย่าง
“โธ่...น้อยไม่น่าทำกับเปียอย่างนี้เลย” เปียแกล้งร้องไห้
ทุกคนอึ้ง คุณหญิงแทบเป็นลม เลอสรรต้องประคองไว้
“แล้วมันเรื่องอะไร ยัยน้อยถึงต้องทำอย่างนั้น” คุณหญิงถามอย่างร้อนใจ
“อาจจะเป็นเพราะตาเลอก็ได้ค่ะ” วณีตอบไม่เต็มเสียงนัก
“เพราะผม” เลอสรรตกใจ
“ก็คุณแม่อยากให้พี่เลอแต่งงานกับเปียไงคะ น้อยเลยโกรธเปีย” เปียรีบบอก
เย็นสีหน้าไม่สบายใจ พยายามคุมอารมณ์ถามน้อย
“เล่าให้น้าฟังสิ เรื่องมันเป็นยังไง”
“น้อยต้มข้าวต้มให้เปียกินค่ะ” น้อยจ๋อยๆ
“แล้วยังไง” เย็นร้อนใจ
“พอเปียกินข้าวต้ม เปียก็อาเจียนออกมา แล้วพอไปโรงพยาบาล หมอก็บอกว่าเปียกินยาเบื่อ”
“น้อยได้ใส่อะไรให้เปียกินมั้ย”
“นี่น้าเย็นคิดว่า น้อยเอายาเบื่อให้เปียกินหรือคะ” น้อยตกใจ
“ก็น้าจวนเห็น น้อยมียาเบื่อ”
น้อยร้องไห้ออกมาด้วยความน้อยใจเสียใจ
“น้อยไม่ได้ทำค่ะ น้าเย็นก็รู้ที่ผ่านมาน้อยไม่เคยคิดร้ายกับเปียแม้สักครั้งเดียว”
“งั้นน้อยบอกน้ามาซิ ว่ามันอะไร ยังไงน้อยถึงได้มียาเบื่อ”
“ก็...น้าเย็นซื้อยาเบื่อมาไม่ใช่เหรอคะ”
“เปล่า” เย็นงง
“แล้วทำไมมันวางอยู่เยอะแยะ น้อยกลัวเปียจะมาเห็น แล้วเอาไปฆ่าหมา ฆ่าแมวเลยเอาไปทิ้ง”
“เห็นแค่นั้น แล้วมันเรื่องอะไร ถึงได้คิดเป็นตุเป็นตะ”
“นี่แปลว่าน้าเย็นไม่เชื่อใช่มั้ยคะ น้อยนึกแล้ว”
น้อยเดินร้องไห้โฮๆวิ่งออกไป เย็นตะโกนร้องตาม
“จะไปไหน มีอะไรก็พูดกันให้รู้เรื่องก่อนสิ น้อย”
น้อยไม่หยุด เย็นได้แต่ถอนหายใจคิดหนัก กลุ้ม
น้อยเดินร้องไห้เสียใจออกมาที่เย็นเข้าใจผิด เลอสรรเดินมาหา ตั้งใจมาหาน้อยพอดี พอเห็นน้อยร้องไห้ก็เดาเรื่องออก
“น้าเย็นดุน้อย เรื่องน้องเปียใช่มั้ย”
“ถ้าน้าเย็นดุน้อย น้อยยังจะรู้สึกดีกว่านี้ค่ะ แต่นี่น้าเย็น...”
น้อยร้องไห้โฮ เลอสรรมองเห็นใจมาก
“น้อยอย่าร้องไห้นะ ต่อให้ใครจะเห็น ว่าน้อยถือซองยาเบื่อ พี่ก็ไม่เชื่อว่าน้อยวางยาน้องเปีย”
น้อยตะลึงตกใจ
“นี่แปลว่า...ทุกคนคิดว่าน้อยจะฆ่าเปียหรือคะ” น้อยร้องไห้โฮๆ เสียใจมาก “น้อยไม่ได้วางยาเปียนะคะ ไม่ได้ทำจริงๆ จะให้น้อยไปสาบานที่ไหนก็ได้”
เลอสรรแตะไหล่น้อง ปลอบใจ
“ไม่ต้องสาบาน ยังไงพี่ก็เชื่อน้อย คนอย่างน้อยไม่มีทางคิดร้าย ทำร้ายใครได้แน่ๆ”
“จริงเหรอคะ” น้อยจับมือเลอสรรเขย่าถามดีใจ “พี่เลอสรรคิดอย่างนี้จริงๆใช่มั้ยคะ”
“จริงสิ”
เย็นเดินมาเห็น เลอสรรจับมือน้อยมากุมเอาไว้อย่างให้กำลังใจ เชื่อมั่น…เย็นที่รู้สึกผิดแปรเปลี่ยนเป็นประกายวาบวับโมโห เดินพรวดเข้ามา
“อ้อ...ที่ไม่ยอมคุยกับฉันให้รู้เรื่อง เพราะอยากออกมาหาผู้ชายนี่เอง” เย็นกระชากแขนน้อย
“มานี่เลยนังน้อย”
น้อยร้องลั่นด้วยความเจ็บ ขณะที่ร่างถลาไปหาเย็น เลอสรรมองเย็นไม่พอใจ
“ทำไมน้าเย็นชอบใช้กำลัง”
“เพราะกำลัง เอาชนะคนขี้ขลาดได้”
เลอสรรมองสมเพช
“คนที่ชอบใช้กำลังต่างหากเป็นคนที่ขี้ขลาด พอรู้ตัวว่าสู้ไม่ได้ ก็ใช้กำลังข่มเหงคนที่อ่อนแอกว่า ผมอยากรู้เหมือนกัน ว่าน้อยทำผิดอะไรนักหนา น้าเย็นถึงได้ทำแบบนี้”
“ฉันไม่เสียเวลาพูดหรอก เพราะบางทีผู้ชายก็โง่เกินกว่าจะรู้ทันมารยา ความดัดจริตของผู้หญิง กลับบ้าน”
เย็นกระชากแขนน้อย เลอสรรมองตามด้วยความเบื่อหน่ายนิสัยเย็น
เย็นลากน้อย พอมาถึงก็เหวี่ยงลงกับพื้น
“นี่เป็นเพราะเรื่องผู้ชายใช่มั้ยแกถึงได้คิดวางยานังเปียน่ะ”
“เปล่านะคะน้าเย็น น้อยเปล่า” น้อยร้องเสียงหลง
“ตอนแรกฉันก็ไม่เชื่อหรอกนะ แต่พอเห็นแกอยู่กับไอ้เลอสรรแล้ว...แกนี่มันดัดจริตจริงๆนังน้อย อยู่แต่ในนี้แหละ ไม่ต้องออกไปไหนทั้งนั้น”
เย็นเดินไปคว้าโซ่ขึ้นมา น้อยร้องเสียงหลง
“อย่านะน้าเย็น”
น้อยผวาไปกอดขา เย็นสะบัดขาออก
“ไม่ต้องร้อง”
เย็นก็เอาโซ่ลามขาน้อย ผูกติดไว้กับบ้าน น้อยร้องไห้อ้อนวอน
“อย่าน้าเย็น...อย่า...”
“ฉันก็อยากจะรู้เหมือนกัน ถ้าแกอยู่แต่ในนี้ มันจะมีเรื่องมีราวอะไรอีกมั้ย”
น้อยร้องไห้มองโซ่ที่ล่ามขาตัวเอง เย็นก็มองโซ่อย่างเหน็ดเหนื่อยหัวใจ
เลอสรรมาออกกำลังกายที่ฟิตเนต เปียมาออกกำลังกายด้วย เลอสรรนั้นมีสีหน้า
เคร่งเครียด ขณะที่เปียมีความสุขมาก แอบมองเลอสรรด้วยความชื่นมื่นหัวใจตลอดเวลา มุกเดินผ่านมาเห็น มองเปียด้วยความสนใจ
มุมเครื่องดื่ม...เลอสรรท่าทางยังเซ็ง เครียดอยู่ นั่งคุยกับเปีย ที่พยายามทำตัวเรียบร้อยน่ารัก
“ขอบคุณมากนะคะพี่เลอ ที่ให้เปียมาออกกำลังด้วย”
“พี่อยากให้น้องเปียแข็งแรงเร็วๆ”
มุกย่องตามมาสังเกตการณ์ ทำทีเป็นป้วนเปี้ยนอยู่แถวนั้นได้ยินชื่อเปียชัดเจน จึงเขม้นมอง ขณะที่เปียอ้อนเลอสรร
“งั้นพี่เลอสรรให้เปียมาออกกำลังกายกับพี่เลอตลอดเลยนะคะ”
เลอสรรพยักหน้าอย่างเซ็งๆ มุกมองอย่างครุ่นคิด เรื่องที่เย็นขโมยลูกคนอื่น แล้วบอกตัวเองทันที
“เปีย...ไม่ใช่เรื่องบังเอิญแน่”
เปียกับเลอสรรออกกำลังกายเสร็จก็เดินออกมาด้วยกัน
“อากาศวันนี้น่านั่งรถเล่นจัง พี่เลอสรรไปนั่งรถเล่นกันมั้ยคะ” เปียบอกอย่างอ่อนหวาน
“ก็ดี....พี่กำลังเซ็งๆอยู่เหมือนกัน”
เลอสรรกับเปียยิ้มให้กัน ก่อนเดินไปขึ้นรถ มุกมองสองคนไม่วางตา
เลอสรรขับรถพาเปียนั่งรถเล่นไปด้วยกัน สองคนหัวเราะสนุกสนาน เปียมองเลอสรร ด้วยความรู้สึก มีแต่ความรัก หวงแหน ขณะที่เลอสรรมองจ้องถนนข้างหน้า แทบไม่ได้มองหน้าเปีย
เลอสรรจอดรถริมแม่น้ำ สองคนเดินเล่นไปด้วยกัน เปียถามเลอสรร ดวงหน้ายิ้มพราย
“พี่เลอสรรมีความสุขมั้ยคะ”
“ก็ดีจ้ะ”
“ก็ดีเองเหรอคะ แต่เปียมีความสุขมากๆเลยมีความสุขมาก จนกลัว...จะถูกแย่งเอาไป”
“น้องเปียหมายความว่ายังไง”
เปียตีหน้าเศร้ากลุ้มใจ
“พี่เลอก็เห็น เปียมีเรื่องเฉียดตายตลอดเลย” เปียจับมือเลอสรรอ้อนวอน “พี่เลอขา...ปียกลัวอายุจะสั้น พี่เลอดูแลเปียได้มั้ยคะ เปียไม่ได้หมายถึงการแต่งงาน แค่พี่เลอดูแลเปียแบบน้อง เปียก็มีความสุขแล้ว นะคะพี่เลอ...ดูแลเปียได้มั้ยคะ”
“จ้ะพี่จะดูแลน้องเปีย” เลอสรรดึงเปียมากอดเอาไว้ เหมือนกอดน้อง
“ตลอดไปเลยนะคะ”
“จ้ะ พี่จะดูแลน้องเปียตลอดไป”
เปียดีใจน้ำตาคลอ
“ขอบคุณมากค่ะ เปียดีใจที่สุดเลย” เปียชูมือตะโกนร่าเริง “เปียมีความสุขที่สุดเลย”
เปียหัวเราะท่าทางร่าเริงเบิกบาน เลอสรรยิ้มเอ็นดู ก่อนจะหัวเราะออกมากับความร่าเริงมีความสุขของเปีย
ประวิทย์เดินหน้านิ่วคิ้วขมวดตรงไปยังบ้านพักของเย็น ไปถึงก็ร้องเรียก
“น้อย..น้อย...”
ประวิทย์จะเดินขึ้นบ้านแต่ต้องชะงัก เมื่อเห็นน้อยถูกล่ามโซ่เอาไว้
“นี่มันเกิดอะไรขึ้นน้อย”
น้อยนั่งร้องไห้สะอึกสะอื้น รับภาพเย็นเดินออกมาจากห้องมองน่ากลัว
“ฉันต้องเป็นฝ่ายถามเธอมากกว่า ว่ามีเรื่องอะไร”
“ผม...ผม...” ประวิทย์ปากคอสั่น
“ถ้าจะเป็นบ้าใบ้พูดไม่ออก ก็กลับไปเลยไป”
ประวิทย์รีบก้มหน้าก้มตาผละไปทันทีอย่างกลัวๆ เย็นหันขวับไปมองน้อยที่รีบหลบตา กลัวเย็นเหมือนกัน
มุกมาด้อมๆมองๆ กวาดตามองไปทั่วบริเวณบ้าน เป้าหมายคือมองหาเย็น ประวิทย์เดินหน้าเคร่งตรงมา ประวิทย์เห็นมุก ด้อมๆมองๆก็จ้องมอง มุกเห็นประวิทย์ก็รีบหลบไปรวดเร็ว ประวิทย์รู้สึกผิดสังเกตจะตาม แต่ต้องชะงักไป เมื่อเลอสรรขับรถเข้ามาจอด ลงจากรถมาพร้อมเปีย
“มีอะไรประวิทย์”
“น้อย...”
ประวิทย์จะบอกเรื่องน้อยถูกขัง เปียได้ยินชื่อน้อยก็ตวาด แต่แอ๊บนางเอก
“ประวิทย์อย่าเอ่ยชื่อน้อยได้มั้ย เปียไม่สบายใจ”
“แต่น้อย..”
เปียรีบคว้าแขนเลอสรร
“พี่เลอสรรพาเปียเข้าบ้านเถอะค่ะ เปียรู้สึกไม่สบายอีกแล้ว ไปค่ะ”
เปียลากเลอสรรเข้าไป
“แล้วค่อยคุยกันประวิทย์”
เลอสรรกับเปียเข้าบ้านไป ประวิทย์หัวเสีย แต่ไม่สามารถทำอะไรได้
น้อยหน้าตาซึมเศร้าร้องไห้ เย็นรำคาญ
“นี่เลิกร้องไห้ได้แล้ว ที่ฉันทำเพราะฉันหวังดีกับแก”
“หวังดี”
“ก็แกถูกขังอยู่อย่างนี้ ถ้ามันจะมีเรื่องคอขาดบาดตาย มันก็ไม่เกี่ยวกับแก”
น้อยมองเย็นคาดไม่ถึง ขณะที่เย็นผลุนผลันเดินออกไป ครุ่นคิดตลอดเวลา
หลังจากทานอาหารเย็น รจนานำยามาให้เปีย
“ยาค่ะ คุณเปียจะได้แข็งแรงเร็วๆ”
เปียยอมกินยาแต่โดยดี วณียิ้มพอใจ
“เป็นไงบ้าง ดีขึ้นมั้ยลูก”
“ตะกี้เปียไม่สบายนิดหน่อยค่ะ แต่พี่เลออยู่กับเปีย เปียเลยค่อยยังชั่ว”
อุทัยหันไปยิ้มให้เลอสรร
“ขอบใจมากนะเลอที่ช่วยดูน้อง”
“พี่เลอบอกเปียด้วยค่ะ จะดูแลเปียตลอดไป” เปียรีบบอก
“จริงเหรอจ้ะเลอ” วณีหันมาถามทันที
“ครับคุณน้า”
เปียยิ้มดีใจ ทุกคนมอง เห็นเปียมีความสุขก็สบายใจ ไม่รู้ว่าในใจนั้น เปียกำลังกังวลอย่างหนัก
เปียเดินเข้ามาในห้อง ทันทีที่ประตูปิดก็เครียดทันที
“ประวิทย์จะคุยเรื่องนังน้อยอะไรกับพี่เลอสรร”
เปียตัดสินใจออกจากห้องไป มุ่งหน้าไปบ้านประวิทย์ แต่ต้องชะงัก เมื่อเห็นประวิทย์ กำลังเดินมุ่งหน้าไปยังบ้านเย็น เปียแอบตามไปด้วยอยากรู้
มุกอยู่ด้านนอกบ้าน กวาดตามองไปรอบๆ พยายามมองหาเย็น
“นังเย็น มันไปอยู่ไหนของมันวะ”
มุกถอนใจหัวเสีย จะกลับ เย็นเดินลิ่วมาพอดี มุกกำลังจะกลับหันขวับมามองทันที ดีใจ
“เย็น”
เย็นสะดุ้งสุดตัวใครเรียก กวาดสายตามอง ยังไม่ทันเห็นใคร มุกก็เรียกขึ้นมาอีก
“นังเย็น”
เย็นหันไปตามเสียงเห็นมุกหน้าซีดเผือด
“ไอ้มุก!”
อ่านต่อหน้า 3
คมพยาบาท ตอนที่ 15 (ต่อ)
ประวิทย์ด้อมๆมองไปที่บ้านของเย็นอย่างกลัวเย็นจะมาเห็น แต่ก็ห่วงน้อย เขามองจนแน่ใจว่าเย็นไม่อยู่ ก็เดินขึ้นไป น้อยเห็นประวิทย์ก็ร้องดีใจ
“พี่ประวิทย์”
“ทำไมน้าเย็นถึงได้ขังน้อยแบบนี้”
เปียที่ตามมา เห็นน้อยถูกขังล่ามโซ่เอาไว้ ก็ตะลึงตกใจ แล้วก็ยิ้มในสีหน้าสะใจ ขณะที่น้อยบอกประวิทย์
“น้าเย็นกลัวน้อยออกไปก่อเรื่อง”
“นี่แปลว่า น้าเย็นเชื่อเหรอว่าน้อยเป็นคนทำร้ายคุณหนู”
“น้อยดูน้าเย็นไม่ออกจริงๆค่ะ แต่น้าเย็นบอก ขังน้อยไว้อย่างนี้แหละ เวลาเกิดเรื่องอะไรขึ้นมาอีก จะได้ไม่ต้องมีใครสงสัยว่าน้อยเป็นคนทำ”
“ตอนแรกพี่ก็ตั้งใจจะไปบอกคุณเลอสรรเรื่องน้อยถูกขัง แต่พอได้ฟังเหตุผล...ที่น้าเย็นทำ ก็เพราะน้าเย็นห่วงน้อยนั่นแหละ แล้วนี่น้าเย็นไปไหนล่ะ”
“น้อยก็ไม่รู้เหมือนกันค่ะ”
“น้าเย็นไม่อยู่ แล้วล่ามโซ่น้อยไว้แบบนี้ มันอันตรายมากเลย เอาเป็นว่ามีอะไร โทรหาพี่แล้วกัน”
“ค่ะพี่ประวิทย์”
ประวิทย์เดินแยกไป เปียที่หลบมุมอยู่ยิ้มร้าย ค่อยๆย่องเข้าไป แอบจุดไฟเผาบ้านหวังเผาน้อยทั้งเป็น
ร้านอาหารเล็กๆข้างทาง... เย็นถามมุกกระแทกกระทั้น
“แกรู้ได้ยังไงว่าฉันอยู่ที่นี่”
“พรหมลิขิตมั้ง”
เย็นมองไม่พอใจ มุกหัวเราะกวนบอก
“ไม่ต้องทำท่าเหมือนสาว 17 แก่ขนาดนี้ ฉันไม่พิศวาสแกแล้วล่ะนังเย็น...นังเปีย กับนังน้อยเป็นยังไงบ้าง”
“ไม่รู้”
“แกจะบอกฉันว่า เด็กสองคนนั้นไม่ได้อยู่กับแก”
“ใช่....มันไปอยู่กับลูกกับผัวมันหมดแล้ว”
“งั้น...ผัวของนังเปียมันคงจะรวยสิท่า”
เย็นเบิกตาโพลงมองมุกตกใจ ขณะที่มุกหัวเราะอย่างเป็นต่อ
“ฉันเห็นนังเปียที่ฟิตเนต กับผัวของมัน คุณเลอสรร”
เย็นหน้าซีดเผือดคาดไม่ถึง มุกจ้องหน้าเย็น
“ไม่ต้องมาโกหกฉัน นังเปียกับนังน้อยมันยังอยู่กับแกใช่มั้ย”
เย็นผุดลุกขึ้นทันที
“เด็กสองคนนั้นจะอยู่ไหน ไม่ใช่เรื่องของแก”
“ใช่สิ...เพราะฉันกำความลับของแกไว้ไง”
เย็นมองมุกอย่างโกรธจัด สายตาของเย็นเต็มไปด้วยความหวาดระแวง
น้อยที่ถูกล่ามโซ่เอาไว้ ได้กลิ่นของควันไฟ เขม่าควัน น้อยเบิกตากว้างเมื่อเห็นไฟลามโลมเลียอยู่ด้านนอก
“ไฟไหม้”
น้อยลืมตัวจะวิ่งไปดับไฟ แต่พอวิ่ง โซ่ก็กระชากขาน้อยอย่างแรงจนน้อยล้มลงไป
แรงเหวี่ยงทำให้น้อยกระแทกเข้ากับโต๊ะแถวนั้น มือถือที่อยู่บนโต๊ะกระเด็นตกไปในทิศทางที่อยู่ตรงข้าม และห่างน้อยออกไป น้อยไม่สามารถเอื้อมถึง จึงได้แต่ตะโกน
“ไฟไหม้ๆ”
เปียเขม้นตามองภาพตรงหน้า ดวงหน้าไม่ได้เบ้ เปียไม่มีรอยยิ้มแบบคนสะใจ แต่ดวงตาของเปียยามนี้ เหมือนเพชฌฆาต ลุ้นให้น้อยตายทั้งเป็น ก่อนผละหนีไป
เย็นลุกเดินออกมา มุกเดินตาม
“ไม่ต้องกลัว ว่าพอแกกับเด็กสองคนนั่นได้ดิบได้ดีแล้ว ฉันจะมารบกวน ฉันแค่มาขอในส่วนของฉัน”
“ส่วนอะไรของแก”
“ความลับที่แกขโมยลูกเขาไงนังเย็น เอาเงินมาให้ฉันห้าแสน ไม่งั้นฉันจะแฉความลับแกทุกอย่าง”
เย็นมองมุกอย่างเกลียดมาก
น้อยร้องลั่นให้คนช่วย กลัวเนื้อตัวสั่น ขณะที่เปลวไฟลามเลียใกล้เข้ามาทุกที น้อยร้องลั่น
“ช่วยด้วยๆ”
น้อยจะหนีก็ไม่ได้ ขาถูกล่ามโซ่เอาไว้ คุณหญิงเดินอยู่ ได้กลิ่นบางอย่าง
“กลิ่นอะไร”
จวนวิ่งหน้าตาตื่นเข้ามา
“ไฟไหม้ค่ะคุณหญิงไฟไหม้”
คุณหญิงมองไปตามสายตาจวน ก็เปลวไฟพุ่งขึ้นมาจากบ้านเย็น
“ไปช่วยกันดับไฟเร็ว”
อุทัย วณี และเลอสรรอยู่ที่บ้านมองเห็นเปลวไฟจากบ้านเย็น รจนาวิ่งหน้าตื่น
“ไฟไหม้บ้านคุณเย็นค่ะ”
อุทัยหันมาหาเลอสรร
“ไปช่วยกันดับเร็ว”
“คุณหญิงพาคนไปไปดับแล้วค่ะ”
เปียแกล้งวิ่งเข้ามาหน้าตาตื่น
“คุณพ่อคุณแม่ เปียเห็น ใครก็ไม่รู้แอบเข้ามาค่ะ น่ากลัวที่สุดเลย”
“ที่ไหนลูก”
“ทางโน้นค่ะ ทางโน้น”
อุทัยมองเลอสรร
“หรือจะเป็นคนร้าย”
อุทัยเดินพรวดตามที่เปียบอก เลอสรรจำต้องเดินตามอุทัยออกไป วณีกอดเปีย
แน่น เปียมองดวงตามีความร้อนรน ไม่อยากให้ใครดับไฟเลย รจนาจับตามองดูเปีย
เย็นเดินลิ่วกลับมาที่บ้าน หน้าตาไม่พอใจ ด้านหลังมุกตามมา
“แกจะตามฉันมาทำไม” เย็นดุ
“แกจะได้ไม่ลืมไง ว่าเรามีนัดกัน”
“ไปได้แล้ว”
“ไปก็ได้ แต่แกอย่าลืมนัดของเราแล้วกันไม่งั้นฉันจะแฉเรื่องนังเปีย กับนังน้อย”
มุกกับเย็นมองจ้องหน้ากัน อุทัยกับเลอสรรเดินมาเห็นเย็นคุยกับผู้ชายแต่พอจะมอง ผู้ชายคนนั้นก็ผละไปรวดเร็ว อุทัยกับเลอสรรได้แต่มองเย็นสงสัย เย็นเดินลิ่วเข้าบ้านมา แล้วก็ต้องสะดุ้งสุดตัวเมื่อเจออุทัยกับเลอสรรยืนอยู่
“เธอไปไหนมาเย็น รู้หรือยัง บ้านไฟไหม้”
“บ้านใคร”
“บ้านน้าเย็นครับ” เลอสรรบอก
เย็นตกใจหน้าซีดเผือด วิ่งเข้าไปรวดเร็ว
ทุกคนช่วยกันดับไฟ คุณหญิงกอดปลอบน้อยที่นั่งตัวสั่น ขณะที่ประวิทย์
พยายามใช้คีมตัดโซ่ เปลวไฟเข้ามาใกล้ คุณหญิงกอดน้อยเป็นห่วงแบบไม่รู้ตัว ประวิทย์เหงื่อแตกพลั่ก ทุกอย่างแข่งกับเวลา เย็นวิ่งเข้ามาห่วง ตะโกน
“น้อย..น้อย”
โซ่หลุดออกจากกัน เท้าของน้อยเป็นอิสระ คุณหญิงกอดน้อยดีใจ
จวนเหงื่อแตกพลั่กตะโกนดีใจ
“ไฟดับหมดแล้วค่ะคุณหญิง”
“ปลอดภัยแล้วลูก ปลอดภัยแล้ว”
เย็นวิ่งเข้ามาเห็นคุณหญิงกอดน้อยแนบอกพอดี คุณหญิงเห็นเย็นก็ดุทันที
“แกไปไหนมา”
เย็นอึกอักตอบไมได้ คุณหญิงยิ่งมองตำหนิหมั่นไส้
“แล้วเกิดเฮี้ยนอะไรขึ้นมาถึงได้ล่ามโซ่น้อยเอาไว้ ฉันถามแกหน่อยเถอะ ถ้าไม่มีคนอยู่ น้อยถูกเผาทั้งเป็นจะว่ายังไง”
เย็นดึงน้อยคืนมา
“น้อยของฉันเป็นคนดี น้อยต้องไม่เป็นอะไร”
“แต่คนดีๆต้องมาตายเพราะมักง่ายๆของคนเลวๆก็มีถมไป” คุณหญิงมองหมั่นไส้
เย็นรู้สึกผิด หน้าเสีย
วันใหม่...วณีบอกอุทัยเสียงแผ่ว กลัดกลุ้ม
“นี่ถ้าไม่มีคนไปช่วย หนูน้อยตายแน่ไม่รู้เย็นคิดยังไงถึงได้ล่ามโซ่หนูน้อย”
“นั่นน่ะสิ”
เปียเดินมาพอดี แกล้งถาม
“หรือว่าน้อยฉวยโอกาสที่น้าเย็นไม่อยู่ฆ่าตัวตายคะ”
ทุกคนหันมามอง เปียพูดหน้าตาเฉย
“ก็น้อยอาจจะโกรธที่ถูกน้าเย็นล่ามโซ่ แล้วก็อยากฆ่าตัวตายให้พ้นผิด”
“พ้นผิดเรื่องอะไร”
“เรื่องวางยาเปียไงล่ะคะ นี่เปียคิดไม่ถึงจริงๆ ว่าน้อยจะเอายาเบื่อใส่ให้เปียกิน”
“พี่ไม่เชื่อว่าน้อยทำ” เลอสรรโพล่งขึ้นมา
“พ่อก็ไม่เชื่อ” อุทัยบอกทันที
เปียมอง วณีหลบตา
“คุณแม่ก็ไม่เชื่อหรือคะ”
“แม่..แม่...” วณีอึดอัด
รจนาแทรกขึ้นมา
“คุณเปียอย่าคาดคั้นคุณแม่เลยนะคะ เรากำลังเอาเหตุผลคุยกัน เพราะรจเองก็ไม่เห็นด้วย เพราะถ้าคุณน้อยจะฆ่าตัวตาย คุณน้อยจะร้องให้คนช่วยทำไม”
“มันน่าสงสัยจังเลยนะครับ น้อยถูกล่ามโซ่ น้าเย็นไม่อยู่ ไฟก็ไหม้” เลอสรรคิดหนัก
“นั่นน่ะสิ ยังกับมีคนจับตามองตลอดเวลา พอสบโอกาสก็เผาเลย” อุทัยเห็นด้วย
เปียหน้าซีดเผือด ร้อนตัว
เย็นนั่งมองสมุดบัญชี เงินในแบงค์มีไม่มาก นึกถึงมุกที่ขอเงินห้าแสนแล้วหนักใจ เย็นได้แต่ถอนใจ ก่อนคว้ากระเป๋าจะออกไปเอางาน
เลอสรรเดินออกมาจะไปทำงาน เปียเดินตามออกมา
“น้อยนี่โชคดีจังเลยนะคะ ขนาดน้าจวนเห็นกับตาว่ามียาเบื่อ คนยังไม่เชื่อว่าน้อยจะฆ่าเปีย”
“หรือน้องเปียเชื่อ”
“เปียตอบไม่ได้จริงๆค่ะ แต่...ผู้หญิงสองคนฆ่ากันตายได้เพราะผู้ชายจริงๆ”
“ผู้หญิงคนนั้น ยังไงก็ไม่ใช่น้อย”
เลอสรรพูดจบก็ขับรถออกไป เปียหน้าซีด เสียใจที่เลอสรรไม่เชื่อ เย็นมองจ้อง
เขม็งยิ้มเยาะ เปียเห็นเย็นก็เดินตามอย่างไม่พอใจ
“แทนที่น้าเย็นจะห่วง กลับมายืนหัวเราะเยาะเปีย”
“เพราะคนอย่างแก มันเจ้าเล่ห์ร้อยมารยา จนไม่มีคนเชื่อน้ำหน้าแกไง”
“น้าเย็น”
“ตอนแรก ฉันกับทุกคนก็จะเกือบจะตกหลุมพรางที่แกสร้างขึ้นมาแล้วล่ะ แต่สุดท้าย การกระทำของแกเองนั่นแหละที่มันแฉตัวแก”
“เปียทำอะไร”
“ก็ทำอย่างที่แกทำไง พยายามชักจูงหว่านล้อมให้ทุกคนเชื่อให้ได้ว่ายัยน้อยมันจะฆ่าแก แต่สุดท้ายความดีที่ยัยน้อยทำมาตลอด ก็คุ้มครองยัยน้อย...บอกฉันมา แกตั้งใจเผายัยน้อยอีกใช่มั้ย”
เปียมองเย็นน้ำตาคลอ ทั้งโกรธและน้อยใจ เย็นมองเปียร้อนใจ
“ฉันถามว่าใช่มั้ย”
“น้าเย็นมองเปียในแง่ร้ายอีกแล้ว”
“ก็มันใช่มั้ยล่ะ? บอกฉันมาตรงๆดีกว่า มันมีเรื่องอะไร แกถึงจะฆ่ายัยน้อย”
“เปียจะทำยังไงน้าเย็นถึงจะเชื่อเปีย เปียไม่ได้ทำอะไร” เปียร้องไห้
“เพราะสันดานไงแกล่ะ ทำให้ฉันเชื่อแกไม่ลง...มีอะไรแกต้องบอกน้านะเปีย อย่าคิดเองทำเอง รู้มั้ย...ทันทีที่เราทำผิด มันจะเป็นเหมือนงูกินหาง ที่ทำให้เราถลำลึกลงไปทุกวัน”
“ค่ะ...น้าเย็น”
เปียรับปาก แต่สายตาเย็นที่มองเปียไม่มีความไว้ใจ เย็นสงสัย ต้องมีอะไรแน่ๆ
เปียหันหลังกลับเดินเข้าบ้าน เย็นเปลี่ยนใจไม่ไปทำงาน เดินกลับเข้าบ้านเหมือนกัน
เลอสรรไม่สบายใจ ตัดสินใจยังไม่ไปทำงาน แต่โทรหาประวิทย์ให้มาพบที่ร้านกาแฟ นั่งรอไม่นานนัก ประวิทย์มาถึง
“คุณเลอสรรมีเรื่องอะไรครับ”
“วันนั้นที่ประวิทย์จะคุยกับฉันเรื่องน้อย มีอะไร”
“น้าเย็นโกรธที่น้อยเอายาเบื่อใส่ให้คุณหนูกิน เลยขังน้อย”
“นี่น้าเย็นเชื่อเหรอว่าน้อยเป็นคนร้าย”
“ก็คงเหมือนกับทุกคนนะครับ ถึงไม่เชื่อ แต่ก็อดคลางแคลงใจไม่ได้ เพราะน้าจวนเห็นกับตา น้อยมียาเบื่อ”
สองหนุ่มได้แต่กลุ้มใจ
น้อยไม่สบายใจ ถามเย็นอีกครั้ง
“นี่น้าเย็นยังไม่เชื่อน้อยอีกเหรอคะ น้อยไม่ได้ทำร้ายเปีย
“แกต้องให้ความยุติธรรมกับน้าด้วย น้าไม่ได้อยู่เหตุการณ์ น้าก็อาศัยฟังคนนั้นพูดที คนนี้พูดที ถึงน้าจะมั่นใจว่าน้อยเป็นคนดี แต่มันก็มีปัจจัยให้คนดีกลายเป็นคนร้ายได้ โดยเฉพาะเรื่องผู้ชาย”
“แต่น้อย..น้อยไม่มีอะไรกับคุณเลอสรรจริงๆนะคะ”
“ปากแกก็พูดอย่างนี้ แต่พอเผลอแกก็อยู่กับเขาทุกที”
เลอสรรก้าวเข้ามา บอกจริงจัง
“อย่าโทษน้อยเลยครับน้าเย็น โทษผมเถอะ เพราะผมเป็นคนที่เดินเข้าหาน้อยเอง”
เย็นหันขวับไปมอง
“ถ้าคุณรู้ว่าคุณเป็นคนเดือดร้อน คุณก็ไปจากน้อยสิคะ”
“ผมไปไม่ได้ครับ ผมรักน้อย และผมก็อยากให้น้าเย็นเชื่อมั่นว่าน้อยไม่ได้ทำ”
“ตอนเกิดเรื่อง คุณเองก็ไม่ได้อยู่ที่นั่นเหมือนกับฉัน...อะไรทำให้คุณมั่นใจว่าน้อยคือผู้บริสุทธิ์”
“ความเชื่อมั่นไงครับ ผมเชื่อมั่นว่าน้อยเป็นคนดี”
เย็นยิ้มเยาะ
“ความรักทำให้คนหูหนวกตาบอดกันทุกคน กลับไปเถอะค่ะ ต่อให้คุณพูดอะไร ฉันก็ไม่เชื่อ เพราะคุณกำลังหลงยัยน้อย”
“ผมไม่ได้หลง”
“หลงหรือไม่หลง ยังไงก็กลับไป นอกจากคุณอยากให้ยัยน้อยเดือดร้อน”
“ผมไม่ได้มีเจตนาทำให้น้าเย็นโกรธ ผมแค่อยากเตือนสติ เราควรเชื่อมั่นในคนของเรา”
“ยัยเปียก็เป็นคนของฉันเหมือนกันค่ะ ยังไงยัยเปียก็เป็นหลานฉัน”
เลอสรรมองเย็นเหนื่อยใจ ยอมเดินกลับไป น้อยร้องไห้เสียใจน้อยใจเย็น
“ไม่ต้องมาร้องไห้” เย็นหันมาดุ
“ก็น้าเย็นไม่เชื่อใจน้อย”
“ฉันเชื่อใจใครไม่ได้หรอก คนเงียบๆหงิมๆก็ไม่ใช่จะไม่ร้าย ตั้งแต่เจอยัยวณี ฉันไม่คิดจะมองคนที่ภายนอกอีก เพราะฉะนั้น ฉันเชื่อตัวฉันเอง”
ด้านนอกรั้วอีกฝั่ง มุกแอบมองเย็นและน้อย
“แกหนีฉันไม่พ้นหรอกนังเย็น”
คุณหญิงกำลังคุยสายกับคุณหญิงผิว สีหน้าไม่สู้ดี น้ำเสียงอ่อยๆ
“เสียดายจัง ไม่เป็นไรค่ะ ขอบคุณมากนะคะคุณหญิงที่ช่วยเป็นธุระให้”
คุณหญิงวางสาย เซ็งสุดๆ ก่อนมาเล่าให้อุทัยฟัง
“ต่อให้คุณหญิงผิว จะเอารูปนายโมกกับลำยองมาไม่ได้ ก็ไม่เป็นไรหรอกครับ คุณแม่ เพราะสิ่งที่เราอยากรู้ตอนนี้ก็คือ ระหว่างเปียกับน้อย ใครกันแน่ ที่เป็นลูกของผมกับวณี”
เปียเดินมาได้ยินพอดี เปียหน้าซีดเผือด ความคิดที่ว่าทุกคนรักสงสาร หายไป สุดท้ายทุกคนก็ระแวงเธออยู่ดี เปียน้ำตาคลอเจ็บช้ำ
“วณีคงสงสัยเหมือนพี่ เหมือนคุณแม่...ทำไมบ้านเราถึงมีแต่เรื่องเดือดร้อนวุ่นวาย โดยเฉพาะเรื่องหนูน้อยวางยาลูกเปีย บอกได้เลย พี่ไม่เชื่อ”
อุทัยบอกหนักแน่น วณีไม่สบายใจ
“พี่อุทัยหมายความว่า...ลูกเปียวางยาตัวเองหรือคะ”
“พี่ไม่รู้...แต่ตราบใดที่เราไม่รู้ความจริงเรื่องลูก พี่มั่นใจ เรื่องร้ายๆต้องเกิดขึ้นอย่างแน่นอน” อุทัยหันไปบอกคุณหญิง “ยังไงผมก็จะหาทางพูดกับเย็นให้ได้ ผมอยากตรวจดีเอ็นเอหนูน้อย”
เปียน้ำตาไหล ค่อยๆเดินออกไป เสียใจ ทุกข์ใจอย่างที่สุด
อ่านต่อหน้า 4
คมพยาบาท ตอนที่ 15 (ต่อ)
เย็นถามเปียตกใจ งุนงง สงสัย
“ว่าไงนะ แกอยากให้ฉันพายัยน้อยไปอยู่ที่อื่น”
“ค่ะ ตอนนี้ทุกคนรังเกียจน้อยไปหมดแล้ว ที่น้อยคิดจะฆ่าเปีย” เปียพูดหน้าตาเฉย
“แกนี่ไม่อยู่กับร่องกับรอยจริงๆ วันก่อนก็บอก คนไม่เชื่อว่ายัยน้อยเป็นคนร้าย มาวันนี้แกกลับบอกว่าคนเค้ารังเกียจ ตกลง..มีเรื่องอะไร”
“ไม่มีจริงๆน้าเย็น”
“ฉันว่ามี”
เปียหลบตาเย็น
“ไม่มีค่ะ ที่เปียทำทั้งหมด เพราะเปียหวังดี น้าเย็นพาน้อยไปจากที่นี่นะคะ”
ขณะเดียวกันที่หน้าบ้าน อุทัยกับวณีเดินตรงมาในมือของอุทัยถือซองสัญญามาด้วย เปียเห็นอย่างนั้นก็บอกเย็น
“นะน้าเย็น”
เย็นไม่ตอบ เปียเห็นอุทัย กับ วณีใกล้เข้ามา รีบเดินกลับไป เย็นมองเปียระแวง
สงสัย แต่พอเห็นอุทัยกับวณีเดินตรงมา เย็นก็พอเดาอาการเปียออก
อุทัยกับวณีเดินขึ้นมาบนบ้าน
“มีอะไรคะ” เย็นถามทันที
อุทัยกับวณีมองหน้ากันก่อนบอกเย็นอย่างลำบากใจ
“ถึงวันนี้แล้ว เราคงต้องเปิดใจคุยกัน...ฉันถามตรงๆนะเย็น ระหว่างลูกเปียกับหนูน้อย ใครเป็นลูกฉันกันแน่”
“ที่ถามอย่างนี้ คุณไม่กลัวลูกเปียเสียใจแล้วเหรอคะ”
“กลัวสิ...ฉันกลัว กลัวมาก แต่ถ้าฉันปล่อยให้ทุกอย่างอึมครึมอยู่อย่างนี้ นับวันมันก็จะมีแต่เรื่องเลวร้าย เย็นก็เห็น”
วณีบอกอย่างหนักใจ เย็นมองงง สงสัย
“งั้นถ้าฉันบอกว่า ยัยน้อยเป็นลูกคุณ คุณจะเชื่อเลยหรือคะ”
วณีอุทัยมองหน้ากัน เย็นพูดต่อ
“คุณก็ไม่เชื่ออีก...แล้วจะให้ฉันทำยังไง”
“ลูกเปียไม่ยอมตรวจดีเอ็นเอ งั้นฉันขอตรวจดีเอ็นเอน้อยได้มั้ย” อุทัยถามทันที
เย็นคาดไม่ถึง อุทัยจะมาแบบนี้ อุทัยยื่นซองสัญญาให้เย็น
“ไม่ว่าผลการตรวจจะออกมายังไง ฉันจะไม่เอาเรื่องเย็น”
เย็นไม่รับ ปรายตามองสัญญาบอก
“แล้วจะมาเอาเรื่องกับฉันได้ยังไง ในเมื่อยัยน้อยเป็นหลานของฉัน”
“ถ้าเย็นมั่นใจอย่างนี้ เย็นก็ให้เราตรวจดีเอ็นเอหนูน้อยสิ ฉันกับพี่อุทัยจะได้มั่นใจ หนูน้อยเป็นหลานของเย็นจริงๆ”
น้อยจะไปเรียน แต่ลืมของจึงกลับมาที่บ้าน ได้ยินเสียงวณี รีบหลบมุมแอบฟัง
“ทำไมคุณเอาแต่ใจตัวเองอย่างนี้” เย็นพูดอย่างไม่พอใจ
“เพราะฉันทนไม่ไหวแล้วไง ฉันทนไม่ไหวแล้ว ฉันไม่รู้ว่าความจริงคืออะไร” วณีโต้
“ฉันถึงถามคุณไง ถ้าฉันบอกว่ายัยน้อยคือลูกคุณ..คุณจะเชื่อใช่มั้ย เอ้า...ไม่ต้องไปตรวจดีเอ็นเอให้เสียเวลาหรอก ฉันบอกก็ได้ ยัยน้อยคือลูกคุณ...เชื่อมั้ยล่ะ ถ้าเชื่อ ยัยน้อยกลับมาเมื่อไหร่ ก็พายัยน้อยกลับไปเลยแล้วกัน”
เย็นหมุนตัวจะเข้าห้องทำทีรำคาญ แต่สีหน้าคิดหนัก วณีปราดมาคว้าตัวเย็นกระชาก
“อย่าเดินหนีฉันนะเย็น”
เย็นหันมามองตาวาว
“มีสิทธิ์อะไรมาสั่งฉัน”
อุทัยเสียงเข้มขึ้น
“ไม่มีใครสั่งเย็นทั้งนั้น แค่อยากจะขอร้อง เย็นลองคิดดูแล้วกัน”
อุทัยวางสัญญาลงบนโต๊ะ บอกวณี
“กลับเถอะวณี”
อุทัยกับวณีเดินลงบันไดไป น้อยขยับซ่อนตัวเอาไว้ไม่ให้อุทัย วณีเห็น พอสองคนเดินไป รีบเดินขึ้นบ้านทันที
เย็นดึงสัญญาออกมาอ่านรู้ทันทีว่าเปียต้องรู้เรื่องนี้แน่ๆ น้อยเดินขึ้นมา เย็นวางสัญญาลง ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ถาม
“กลับมาทำไม”
“ลืมของค่ะ”
“ยังโกรธน้าใช่มั้ย”
“เปล่าค่ะ”
“จำได้มั้ย ที่น้าเคยบอก น้าจะเชื่อก็ต่อเมื่อน้าได้รู้ ได้เห็นด้วยตัวเอง...และตอนนี้น้าก็เชื่อแล้วว่าน้อยบริสุทธิ์”
“น้าเย็น”
น้อยร้องไห้โฮโผเข้ามากอดเย็นอย่างดีใจ เย็นกอดน้อย ดวงตาขมขื่นเจ็บช้ำขณะบอก
“เรื่องทั้งหมด เป็นฝีมือนังเปีย”
“ที่ผ่านมาน้อยไม่กล้าบอกน้าเย็น เพราะกลัวน้าเย็นเสียใจ น้าเย็นขา..น้อยเจอหลักฐาน วันนั้นเปียลวงน้อยไปฆ่าที่วัดจริงๆค่ะ”
น้อยเล่าให้ฟังเรื่องเสื้อผ้าของเปียที่เธอเห็นในถังขยะ เย็นหน้าซีดเผือด
“น้อยก็ไม่เข้าใจ ทำไมเปียถึงได้พยายามใส่ร้ายน้อย ว่าน้อยใส่ยาเบื่อให้เปียกิน”
“น้ารู้”
เย็นเจ็บปวดผิดหวัง ทุกข์ทรมานมาก
เย็นเดินเลี่ยงออกมาจากน้อยโทรศัพท์ น้อยเดินถือตำราเรียนกลับออกไป พอเย็นเห็นว่าน้อยไปแล้ว เย็นก็กดมือถือโทรหาเปีย
เปียซึ่งทุกข์ใจ มองอุทัย วณี ที่กลับเข้ามา ด้วยสายตาหวาดระแวง เสียงโทรศัพท์ดัง จึงเลี่ยงไปรับ
“คะน้าเย็น”
อุทัย วณี และรจนาที่อยู่ด้วยกันได้ยินชื่อเย็น หันไปมองเปีย ขณะที่เย็นบอกเปีย
“มาหาน้าเดี๋ยวนี้ น้าจะคุยด้วย...เรื่องที่พ่อแม่แก จะตรวจดีเอ็นเอยัยน้อย”
เปียหน้าซีดเผือดตกใจที่เย็นรู้แล้ว
“ค่ะ เปียจะรีบไปเดี๋ยวนี้”
เปียรีบเดินออกไป อุทัยกับวณีมองตามสงสัย รจนาเป็นฝ่ายพูดขึ้น
“คุณเย็นเรียกเมื่อไหร่ คุณเปียก็ไป เหมือนคุณเย็นจะกุมความลับอะไรคุณเปียไว้เลยนะคะ”
อุทัย วณีหน้าซีดจริงๆก็คิด แต่ไม่กล้าพูด ก่อนที่วณีจะเดินเลี่ยงออกไป อุทัยตาม
วณีเดินออกมาจากบ้าน สีหน้ากลัดกลุ้มใจอย่างที่สุด อุทัยเดินตามมาถาม
“วณีรู้สึกเหมือนคุณรจนาใช่มั้ย”
วณีหันไปมองอุทัย ดวงตาหวาดหวั่นถาม
“แล้วพี่อุทัยล่ะคะ”
อุทัยพยักหน้า
“พี่ก็รู้สึกอย่างคุณรจนา รู้สึกมานานแล้วด้วย ยิ่งหลังๆมีเรื่องร้ายๆเกิดขึ้นหลายอย่าง ทุกเรื่อง เกี่ยวพันกับหนูน้อย พี่ก็ยิ่งมั่นใจ เย็นกับลูกเปีย กำลังทำอะไรกันอยู่แน่ๆ”
“พี่อุทัยวณีกลัว”
วณีร้องไห้ อุทัยจับมือวณีอย่างปลอบใจ
“ไม่ต้องกลัว ถึงความจริงมันจะทำให้เราเจ็บแต่ความจริงก็ทำให้เราก้าวต่อไปได้ คำตอบเรื่องลูกของเรา ใกล้มาถึงแล้ว”
วณีมองอุทัย ร้องไห้ ดวงตาหวาดหวั่นเจ็บปวดระคนทุกข์ทรมานขมขื่นใจ
เย็นกำลังรีดผ้าอยู่ มือสั่นสะท้านอย่างพยายามคุมสติ เธอหายใจ หอบพยายามคุมตัวเองให้มีสมาธิอยู่กับการรีดผ้า ครู่หนึ่งเปียมาถึง
“เพราะเรื่องที่สองคนนั้นอยากตรวจดีเอ็นเอยัยน้อยใช่มั้ย แกถึงพยายามฆ่ายัยน้อย” เย็นถามทันที
เปียหลบตา ท่าทางมีพิรุธ จนเย็นรู้สึก
“เปียเปล่า”
“ฉันไม่เชื่อ” เย็นเสียงสั่นสะท้านด้วยตาเจ็บปวด เดินมากระชากตัวเปียถามเจ็บปวด เหมือนใจจะขาด “เปีย..บอกน้ามาตรงๆดีกว่า เพราะเรื่องนี้ใช่มั้ยแกถึงจะฆ่ายัยน้อย”
“เปล่า น้าเย็นเปียเปล่า”
เย็นเห็นท่าทางของเปียก็รู้ เย็นใจสั่น จับคางเปียให้หันมาสบตาถาม
“ไม่ต้องมาโกหก มองหน้าแก น้าก็รู้...แกตั้งใจฆ่ายัยน้อย”
เปียพยายามเมินหน้าหนีไม่สบตา เย็นพยายามจับหน้าเปียให้หันมามอง
“ไหนแกบอกแกมีความสุขแล้ว แกไม่คิดทำร้ายยัยน้อยแล้ว แล้วทำไมเปีย...ทำไม...”
เย็นมองเสียใจผิดหวัง เปียร้องไห้ เสียใจ กดดัน
“เปียไม่มีทางเลือก น้าเย็นก็รู้ เขาจะตรวจดีเอ็นเอยัยน้อย”
เย็นมองเปียใจสั่น ใจหาย
“เพราะเรื่องนี้จริงๆด้วย”
“เปียไม่มีทางเลือกจริงๆ ถ้ามีการตรวจดีเอ็นเอ ทุกคนก็ต้องรู้ว่าเปียไม่ใช่ลูก ไม่ใช่เลือดเนื้อเชื้อไขของพวกเขา แล้วเปียจะอยู่ยังไง เปียทนไม่ได้หรอกน้าเย็น ถ้าจะถูกเฉดหัวออกไปจากบ้านเหมือนหมูเหมือนหมา เปียทนไม่ได้”
“แล้วทำไมแกไม่บอกน้า แกรู้มั้ย เพราะแกทำแบบนี้เรื่องมันถึงเลวร้ายลงทุกวัน”
“แล้วถ้าเปียบอกน้าเย็น...น้าเย็นจะช่วยเปียยังไง”
“น้าก็จะพาแกไปจากที่นี่ไงล่ะ”
เปียมองเย็นอึ้งไปในทันที ส่ายหน้าอย่างรับไม่ได้
น้อยกับประวิทย์เดินตรงมายังป้ายรถเมล์ น้อยเศร้า ประวิทย์มองไม่สบายใจ
“ตั้งแต่เดินออกมา น้อยไม่พูดกับพี่สักคำ น้าเย็นโกรธอีกเหรอ”
“เปล่าค่ะ น้อยกับน้าเย็นเข้าใจกันแล้ว แต่น้อย...น้อยรู้สึกแปลกๆ ยังไงก็ไม่รู้ น้อยกลับบ้านไปหาน้าเย็นดีกว่า”
น้อยเดินกลับทันที
“อ้าว”
ประวิทย์มองตามน้อยงุนงงไม่เข้าใจ
เปียมองเย็นอย่างผิดหวัง ขณะที่เย็นอ้อนวอนจริงจัง
“เราไปจากที่นี่กันเถอะนะเปีย”
“แล้ว...แล้วนังน้อยล่ะ”
เย็นว้าวุ่นใจ
“ก็...ปล่อยให้น้อยอยู่กับพ่อแม่ของมัน”
เปียมองเย็นเสียใจ น้อยใจผิดหวัง ร้องไห้ออกมา
“น้าเย็นรักน้อยมากกว่าเปียจริงๆด้วย พอถึงที่สุด น้าเย็นก็ให้สิ่งที่ดีที่สุดกับมัน”
“มันไม่ใช่อย่างนั้นนะเปีย แต่...แต่..มันเป็นสิ่งที่ถูกต้อง” เย็นร้องไห้
เปียมองเย็น โกรธผิดหวังอย่างที่สุด
“สิ่งที่ถูกต้อง แล้วก่อนหน้านั้นทำไมน้าเย็นไม่คิด ก่อนหน้านั้นน้าเย็นจมอยู่กับความแค้น ความอาฆาตแค้นพยาบาททำไม แล้วพอสมใจก็จะไปง่ายๆ น้าเย็นเห็นแก่ตัว”
เย็นรู้สึกผิด
“ใช่...น้าเห็นแก่ตัว น้ารู้แล้วน้าทำผิดมาตลอด ไม่ใช่แค่กับคนพวกนั้น แต่น้าทำผิดกับแก ทำผิดอย่างมหันต์ และน้าก็คิดว่าการไปของเราสองคนเท่านั้น ที่จะยุติปัญหาทุกอย่าง ไปกับน้านะเปีย”
“ไม่” เปียมองเย็นโกรธผิดหวัง “เปียไม่ไป เปียไม่มีวันทิ้งความหวัง ความสุขสบาย เปียอยากเป็นลูกเศรษฐี เปียอยากเป็นลูกคนรวย เปียอยากให้มีคนล้อมหน้าล้อมหลัง เอาอกเอาใจเปีย เปียอยากให้ทุกคนรักเปีย”
เย็นคว้าแขนเปีย
“แต่แกต้องไป”
“เปียไม่ไป” เปียยื้อแขนออกจากเย็น
“ต้องไป”
“ไม่”
เปียผลักเย็นออกอย่างแรงจนเย็นล้มลง เย็นมองเปีย เห็นเปียในสภาพผิดหวัง ดวงตาของเปียเจ็บปวด ไม่ยอม เป็นสายตาของคนไม่ยอมแพ้ เปียบอกเย็น ดวงตากร้าว น่ากลัว
“มาถึงขั้นนี้แล้วเปียจะไม่ไปจากที่นี่ และถ้ามันจำเป็น ไม่ใช่แค่นังน้อย เปียจะฆ่ามันให้หมดทุกคน”
เปียหันหลังจะเดินหลับ เย็นเห็นสายตาเปียเอาจริง
“อย่านะเปีย”
เย็นรีบลุกมาคว้ามือ เปียสะบัดออก
“ปล่อย”
สองคนยื้อยุดฉุดกระชาก รับภาพซองเอกสารสัญญาของอุทัยหล่นอยู่ที่พื้น เปีย
มองเห็นจำได้เบิกตากว้าง ใจเต้นระรัวขณะมองซองสัญญา ขณะที่เย็นกระชากเปีย
“ไม่ปล่อย แกต้องไปกับฉัน”
“จะไปก็ไป แต่เปียไม่ไปปล่อยเปีย ปล่อย” เปียตวาด
“ไม่” เย็นยื้อเอาไว้ “แกต้องไปกับน้า”
“บอกให้ปล่อย” เปียมองเห็นควันมาจากเตารีด “ไม่ปล่อยใช่มั้ย”
เปียคว้าเอาเตารีดที่ร้อนฉ่าที่วางไว้บนแป้นพักขึ้นมา ปลั๊กเตารีดหลุดจากเต้าเสียบ
เย็นเห็นตกใจผงะเสียหลักล้มลง เปียได้ที เอาเตารีดขึ้นมาขู่ ทำท่าเหมือนจะนาบหน้าเย็น
“อย่านะเปีย อย่า...”
เปียชูเตารีดขึ้นเหนือหน้าเย็น เย็นพยายามดันมือของเปียออก แต่เปียก็โถมแรงลงมา เย็นเบี่ยงหน้าหนี เปียเย้ยหยัน
“ทีน้าเย็นทำเปียได้ ทำไมเปียจะทำน้าเย็นไม่ได้”
เปียโถมแรงเข้ามาหาเย็นสุดแรง เย็นเบี่ยงตัวจะหนี เอามืออีกข้างดันคางเปีย
ออกไปอย่างแรง จนเปียเสียหลักล้มลงไปนั่ง เตารีดหลุดออกจากมือ เย็นรีบคว้าเตารีด เหวี่ยงทิ้งออกไป มองจ้องเปียเขม็ง เปียมองเย็นกลัวๆ ต้องถอยหลังกรูด เย็นเดินเข้ามาหาเปีย เปียถอยหลังออกไปอีก เงยหน้ามองเย็นกลัวเนื้อตัวสั่น
“น้าเย็นทำลายเปียมาทั้งชีวิตแล้ว เอาเลย อยากฆ่าเปีย น้าเย็นก็ทำเลย แต่เปียจะไม่ไปจากที่นี่ เปียจะอยู่ที่นี่”
เย็นทรุดตัวลงนั่งมองเปียเสียงสั่นเครือเสียใจ
“ไปเถอะนะเปีย..น้าไม่อยากเห็นแกเดินลงนรกมากไปกว่านี้”
เย็นจะจับมือ เปียปัดมือเย็นออก
“ไม่ไป...ทุกวันนี้ก็จมอยู่ในนรกมากกว่าครึ่งตัวแล้ว อยากรู้เหมือนกัน ตกนรกมากไปกว่านี้..มันจะเป็นยังไง”
เปียตากร้าว ถือดี ไม่ยอม เปียผุดลุกขึ้น เย็นลุกตามมองดู ยิ่งเห็นท่าทางของเปียก็ยิ่งรู้สึกผิด เสียใจร้องไห้ออกมา
“เพราะน้าคนเดียว แกถึงเป็นแบบนี้ น้าขอโทษเปีย...น้าขอโทษ”
“ไม่ต้องมาขอโทษ...นี่ไง” เปียชี้หน้าตัวเอง “ผลความพยาบาทของน้าเย็น มาถึงตรงนี้แล้ว เปียไม่มีทางถอย คนอย่างนังซีเปียไม่มีวันยอมแพ้ใคร”
“งั้นแกฆ่าฉันซะ เพราะฉันทนดู แกเลวมากไปกว่านี้ไม่ได้อีกแล้ว”
เปียมองเย็นคาดไม่ถึง เย็นหันไปคว้ามีดปอกผลไม้ยื่นให้เปีย
“ฆ่าฉันเลยเปีย ฆ่าฉันเลย”
เย็นพยายามจะจับมือเปียให้จับมีด มาแทงหน้าอกตัวเอง เปียยื้อมือเอาไว้ ตกใจใน
ท่าทางของเย็น น้อยเดินขึ้นมา เห็นเปียเย็นจับมือเปียที่กุมมีด จ่อมีดตรงหน้าอกของเย็น
“อย่า เปีย”
น้อยพุ่งตัวเข้าไปผลักเย็นออกมา มีดบาดเข้าที่แขนของเย็นอย่างแรง เย็นร้องลั่นเจ็บ ขณะที่เปียบอกด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นตกใจ เนื้อตัวสั่น
“น้าเย็นทำตัวเอง เปียไม่ได้ทำ”
เปียวิ่งออกไปรวดเร็ว น้อยโอบประคองเย็นร้องไห้ เย็นมองตามเปียสายตาไม่ได้โกรธ แต่มีแต่ความเจ็บปวดเสียใจ ความรู้สึกผิด รุมเร้าในใจเย็นเหลือเกิน
เปียวิ่งมาตามทาง เนื้อตัวสั่น ก่อนล้มทรุดลงที่พื้น ร้องไห้โฮออกมา ความรู้สึกอื้ออึง อึนอยู่ในใจ ความรู้สึกกดดัน หวงแหน ไม่ยอมเสียไปแน่นอน พระอาทิตย์ค่อยๆลาลับขอบฟ้า เปียยังคงนั่งตะคุ่ม โดดเดี่ยว อ้างว้างเหลือเกิน
เย็นนั่งพิงฝาบ้าน ในมือมีซองเอกสารสัญญาของอุทัย อย่างหมดอาลัยตาย
อยาก ทุกข์ทรมานใจ รู้สึกผิด รู้ดีนาทีนี้เอาเปียไม่อยู่ น้อยเดินมานั่ง จับมือเย็น ก่อนแกะผ้าพันแผลออก ทำแผลให้ใหม่ พลางบอกเย็น
“เพราะคุณอุทัยจะขอตรวจดีเอ็นเอน้อยใช่มั้ยคะ ถึงได้เกิดเรื่องแบบนี้”
“น้อยรู้” เย็นตะลึง
“น้อยแอบได้ยินนะค่ะ”
“แล้ว...แล้วน้อยคิดยังไง น้อยจะไปตรวจมั้ย”
“ไม่ค่ะน้าเย็น”
“ไม่ค่ะ” เย็นมองน้อยคาดไม่ถึง ถามเสียงแผ่ว
“น้อยเป็นหลานน้าเย็น ไม่มีส่วนอะไรเกี่ยวข้องกับเขาทั้งนั้น ที่สำคัญ ถ้าน้อยไปตรวจ มันก็เหมือนน้อยอยากเป็นลูกเขา เหมือนที่เปียว่าน้อยตลอด ซึ่งมันไม่จริง”
เย็นมองน้อยซาบซึ้ง ก่อนดึงน้อยมากอด เวทนา
อ่านต่อตอนที่ 16