รอยรักหักเหลี่ยมตะวัน ตอนที่ 1
ดินแดนเอเชียตะวันออก ช่วงเวลานั้น ณ เมืองแห่งหนึ่งในหมู่เกาะทางตอนใต้ของประเทศญี่ปุ่น เป็นที่ๆ มีความสงบสุขมาช้านาน แต่ทว่าดูเหมือนมีเมฆหมอกภัยอันตรายบางอย่าง กำลังเคลื่อนตัวเข้าปกคลุม
เมืองแห่งนี้ในญี่ปุ่นเป็นเมืองเศรษฐกิจที่สำคัญ นอกเหนือจากกฎหมายบ้านเมืองที่ทุกคนต่างยอมรับ ประชาชนยังให้ความนับถือสองตระกูลนักรบผู้กล้า ผู้ปกป้องจักรพรรดิและยืนหยัดเคียงข้างผู้ยากไร้มาหลายสิบปี...
สองตระกูลนักรบเก่าแก่ที่ไม่กลัวตาย ยอมสละได้แม้กระทั่งชีวิตของตน เพื่อปกป้องสันติสุขของบ้านเมือง ชาวเมืองแห่งนี้จึงดำรงชีวิตอยู่ด้วยความสงบมาช้านาน เพราะมิตรภาพระหว่าง 2 ตระกูลใหญ่ โอะนิซึกะ และ มิซาว่า
ริมถนนเลียบทางรถไฟใกล้คลังสินค้า ขบวนรถยนต์สีดำของโอะนิซึกะขับผ่านไป ชาวบ้านที่อยู่แถวนั้นต่างหยุดเดินแล้วโค้งศีรษะให้คนในรถอย่างนอบน้อม ขบวนรถยนต์สีขาวของมิซาว่าขับเข้ามาจากอีกทาง กลุ่มชาวบ้านจึงโค้งศีรษะให้อีกครั้ง
ขบวนรถทั้งสองขบวนขับรถเข้ามาจอดประจันหน้ากัน อิจิโร่ โอะนิซึกะ ก้าวลงมาจากรถพร้อมถือดาบซามูไร เดินนำเหล่าลูกน้องมาด้วยสีหน้าขึงขัง ดุดัน ริกิ มิซาว่า ถือดาบซามูไร นำเหล่าลูกน้องเข้ามาประจันหน้ากับกลุ่มอิจิโร่
อิจิโร่และริกิประสานมือและยิ้มให้กันอย่างเป็นมิตรอยู่หน้าหัวรถจักรตัวใหม่
ย่านร้านค้า สถานีอิชิบะ วันใหม่...บรรยากาศย่านร้านค้าหน้าสถานีรถไฟ ผู้คนพลุกพล่าน มีร้านค้าต่างๆมากมาย พ่อค้าและแม่ค้าร้านต่างๆ ส่งเสียงเรียกลูกค้าเจื้อยแจ้ว พนักงานบริษัทคนหนึ่งเดินตรงไปเลือกซื้อข้าวกล่อง สวนกับแม่บ้านคนหนึ่งในชุดกิโมโน แม่บ้านเดินมาหยุดที่หน้าร้านผลไม้แล้วยิ้มอย่างมีไมตรี...มาซาโกะเจ้าของร้านขายผลไม้ไอดะ โค้งศีรษะทักทายแม่บ้านอย่างเป็นกันเอง
“โมชิโมชิ...สวัสดีค่ะคุณนาย วันนี้รับอะไรดีคะ”
“แพร์กับพีชอย่างละสอง แอปเปิ้ลสามจ้ะ”
“รอสักครู่นะคะ”
มาซาโกะเลือกผลไม้ใส่ถุงให้แม่บ้านอยู่ พลางหันไปมองนาฬิกาที่แขวนอยู่บอกเวลา 8.50 น. มาซาโกะเห็นเวลาก็ตกใจรีบหันตะโกนไปหลังร้าน
“ได้เวลาไปส่งของแล้วนะจ๊ะ จัดเสร็จรึยัง”
“เรียบร้อยแล้วค่ะ”
แพรวดาว นักศึกษาไทยที่ได้รับทุนมาเรียนต่อที่ญี่ปุ่น ยกลังผลไม้มาจากหลังร้านแล้วก้มลงวางที่พื้น มาซาโกะหยิบกระดาษที่จดรายการผลไม้มาดู แล้วมองสำรวจผลไม้ในลังแล้วยิ้มพอใจ
“จัดมาครบ ผลไม่ช้ำ ทำดีมากจ้ะหนู...แพร...ว...ดาว”
แพรวดาวเงยหน้าขึ้นมาแล้วยิ้มให้มาซาโกะ
“แพรวดาวค่ะ...เรียก เซโกะ เถอะค่ะ”
“จ้ะเซโกะ...รีบเอาผลไม้ไปส่งที่โรงละครเลยนะ จำทางได้ใช่มั้ย”
แพรวดาวพยักหน้ายิ้มๆ
แพรวดาวปั่นจักรยานไปตามถนนแถวโรงละครโดยมีลังผลไม้ซ้อนท้าย หญิงสาวหยุดปั่นจักรยาน ชะเง้อดูเส้นทางงงๆ แล้วหยิบกระดาษที่มาซาโกะวาดแผนที่มาให้ดู เธอลดกระดาษลงก็เจอเด็กผู้หญิงยืนแลบลิ้นให้อยู่ พ่อและแม่ของเด็กเห็นรีบโค้งศีรษะขอโทษ
คัตสึขับรถไปตามถนนโดยมีเซกินั่งอยู่ข้างคนขับ ทั้งคู่เป็นลูกน้องประจำตัวของทาเคชิ และริว โอะนิซึกะ ซึ่งเป็นลูกพี่ลูกน้อง นั่งอยู่กันอยู่ที่เบาะหลัง ทาเคชิมองออกไปนอกรถ เห็นพ่อและแม่เด็กกำลังชี้บอกทางให้แพรวดาวอยู่ แพรวดาวยิ้มให้พ่อแม่ลูกทั้งสามคน โค้งศีรษะขอบคุณ ปั่นจักรยานออกไป แพรวดาวหันมายิ้มให้ทั้งสามคนอีกครั้ง เด็กผู้หญิงแกล้งแลบลิ้นให้ แพรวดาวแลบลิ้นกลับอย่างขำๆ ทันใดนั้นเสียงแตรรถดังลั่น แพรวดาวตกใจหันไปมอง เห็นรถยนต์สีดำกำลังพุ่งตรงมาที่ตัวเอง
“ว้าย”
รถยนต์สีดำคันนั้นหยุดทันท่วงที แต่จักรยานแพรวดาวเสียหลักล้มลงโครม ลังผลไม้ตก ผลไม้กระจายออกมาจากในลัง แพรวดาวก้มหน้าก้มตาเก็บผลไม้ที่ตก ข้อศอกถลอกมีเลือดไหลซิบออกมา มือผู้ชายคนหนึ่ง ช่วยเก็บแอปเปิ้ลแล้วยื่นมาให้ตรงหน้าแพรวดาว
“ขอบคุณค่ะ...อาริกาโตะ โกะซาอิมาซ”
แพรวดาวรับแอปเปิ้ลมาแล้วเงยหน้ายิ้มให้ผู้ชายคนนั้น ทาเคชิ มองแพรวดาวด้วยสีหน้าและแววตาที่เต็มไปด้วยความเป็นห่วง ทั้งสองคนประสานสายตากันอึ้งๆ ตกอยู่ในห้วงแห่งความประทับใจไปชั่วขณะ ทาเคชิได้สติเปลี่ยนสีหน้าแววตาเป็นเคร่งขรึมทันที
“เป็นอะไรรึเปล่า”
แพรวดาวได้สติเห็นว่ามือของตัวเองสัมผัสอยู่กับมือทาเคชิ รีบชักมือกลับเขินๆ
“ไม่เป็นไรค่ะ”
แพรวดาวแก้เก้อเอาแอปเปิ้ลไปเก็บในลัง ทาเคชิยังยืนมองอยู่ แพวดาวตกใจ
“ฉันตัดหน้ารถคุณใช่มั้ยคะ ขอโทษด้วยนะคะที่ไม่ทันระวัง”
แพรวดาวรีบโค้งศีรษะขอโทษ แล้วเดินเข้าไปสำรวจดูที่รถอย่างรู้สึกผิด
“รถคุณเป็นรอยรึเปล่า ฉันจะชดใช้ให้นะคะ”
แพรวดาวหันกลับมาแล้วจะโค้งศีรษะให้ทาเคชิอีกรอบ แต่ทาเคชิรีบจับตัวไว้
“ไม่ต้องขอโทษ”
แพรวดาวเห็นท่าทีเคร่งขรึมของทาเคชิก็ห่อไหล่กลัวๆ ทาเคชิเห็นอาการแพรวดาวก็พูดจาอ่อนลง
“รถผมไม่เป็นอะไร คุณต่างหากที่เป็น”
“คะ” แพรวดาวชะงัก
ทาเคชิจับแขนแพรวดาวแล้วพลิกให้ข้อศอกที่ถลอกเลือดออกให้เธอเห็น ข้อศอกมีแผลถลอกเลือดไหลซิบ ทาเคชิหยิบผ้าเช็ดหน้าที่พกไว้ กำลังจะซับเลือดให้ เสียงริวดังขึ้น
“ทาเคชิ” ริว เปิดประตูรถยืนมองอยู่ “รีบไปกันเถอะ มิซาว่ากำลังจะถึงแล้ว”
ทาเคชิหันกลับมามองแพรวดาวอย่างเสียดายแต่ต้องตัดใจเดินกลับไปที่รถทันที แพรวดาวมองตามทาเคชิไปอึ้งๆงงๆอยู่
ในรถ...ทาเคชิมองผ้าเช็ดหน้าของตัวเองที่ยังไม่ทันได้ให้แพรวดาวแล้วถอนหายใจอย่างเสียดายที่ไม่ได้ทำความรู้จักกันมากกว่านี้ ริวหันมามอง
“ขอโทษที่ขัดจังหวะ แต่คนของแกกำลังมา ฉันไม่อยากให้มีเรื่องหึงหวงกัน”
ทาเคชิเหลือบมองริวนิ่งๆ ริวยักไหล่กวนๆ
“โอเคๆ วันหลังไม่ขัดก็ได้ ไอ้จังหวะรักเนี่ย”
“เลิกพูดเรื่องนี้ได้แล้ว”
ทาเคชิหน้านิ่งๆ มองตรงไปด้านหน้า ริวจึงไม่พูดอะไรอีก
โถงโรงละคร...เจ้าหน้าที่ของโรงละครยืนตั้งแถวรอต้อนรับโอะนิซึกะ ซาซากิ โคจิ มือขวาของอิจิโร่ ที่ทาเคชิกับริวให้ความเคารพ เดินเข้ามาภายในโถงด้วยท่าทางน่าเกรงขาม มองสำรวจความปลอดภัยรอบๆ อย่างรวดเร็วแล้วหันมาพยักหน้ากับลูกน้องที่รอฟังคำสั่งว่าไม่มีปัญหาอะไร
ทางเข้าทางหนึ่ง อิจิโร่กับฮิเดโกะ ผู้ซึ่งเป็นภรรยาเดินเข้ามา ถัดมาเป็นไดสุเกะ ลูกชายคนโต กับคูมิโกะ ภรรยาของเขา และสุดท้ายคือทาเคชิกับริว ลูกชายคนเล็ก และหลานชาย เจ้าหน้าที่ของโรงละครโค้งศีรษะลงอย่างนอบน้อม โคจิเดินเข้าไปหาอิจิโร่
“โซเรียวครับ มิซาว่าโซเรียวยังมาไม่ถึง...จะรอมั้ยครับ”
“5 นาที...ถ้ามิซาว่าโซเรียวยังมาไม่ถึง เริ่มงานได้เลย”
โคจิกับเจ้าหน้าที่รับคำ
“ครับโซเรียว”
อิจิโร่เดินนำทุกคนเข้าโรงละครไป
พิธีกรชายยืนอยู่กลางเวที ด้านหลังมีกลองไทโกะตั้งอยู่ 1 ชิ้น
“ผมขอเรียนเชิญท่าน อิจิโร่ โอะนิซึกะ โซเรียวผู้ยิ่งใหญ่แห่งโอะนิซึกะขึ้นบน เวทีครับ”
เสียงปรบมือดังกึงก้องไปทั่วโรงละคร อิจิโร่ลุกขึ้นแล้วเดินขึ้นเวทีอย่างสง่า...อีกด้านหนึ่ง ริกิ มิซาว่า กับลูกสาว ลูกชาย คือซาโตชิและไอโกะเดินเข้ามาในโรงละคร เจ้าหน้าที่เข้าต้อนรับ
“เชิญมิซาว่าโซเรียวทางนี้ครับ”
“โอะนิซึกะโซเรียวเริ่มงานโดยไม่รอฉันงั้นรึ” ริกิสีหน้าไม่ค่อยพอใจ
“ท่านอิจิโร่เห็นว่าคนที่มาร่วมงานรอนานแล้ว ก็เลย...”
ริกิพยายามระงับอารมณ์ไว้ไม่แสดงออก
“ไม่ต้องอธิบาย ฉันผิดเองที่มาไม่ตรงเวลา”
ริกิเดินนำซาโตชิและไอโกะไปยังที่นั่งของตน อิจิโร่บนเวทีมองมาเห็นริกิ ก็โค้งศีรษะให้เล็กน้อย พิธีกรดำเนินรายการต่อ
“โรงละครแห่งนี้จะบูรณะขึ้นใหม่ไม่ได้ หากเราไม่ได้รับการสนับสนุนจากโอะนิซึกะ ผมขอให้โอะนิซึกะโซเรียวตีกลองไทโกะเปิดโรงละครอย่างเป็นทางการ และเพื่อเป็นเกียรติ เป็นขวัญกำลังใจกับพวกเราทุกคนครับ”
เจ้าหน้าที่ของโรงละครส่งไม้ตีกลองไทโกะให้ อิจิโร่รับไม้สำหรับตีกลองไอโกะมาแล้วตั้งท่าพร้อมตีกลอง
ไม้ตีกลองกระทบลงบนหน้ากลองเสียงดัง ตึง!
การแสดงตีกลองไทโกะโดยชายหลายคน เสียงกลองไทโกะดังสนั่นตามจังหวะการตีสามารถสะกดคนดูทั้งโรงละครได้เป็นอย่างดี อิจิโร่ และริกินั่งอยู่บริเวณประธานในงานด้วยกัน สองคนยิ้มพอใจกับการแสดง อิจิโร่พูดขึ้น
“ขอโทษที่ไม่ได้รอ แต่ฉันไม่อยากให้ชาวบ้านรู้สึกว่า ตระกูลนักรบอย่างพวกเราไม่ตรงต่อเวลา”
ริกิยิ้มบางๆ
“ทำถูกแล้วอิจิโร่...แบบนี้แหละชาวบ้านถึงจะรักและเคารพนักรบอย่างพวกเราไปอีกนาน”
อิจิโร่และริกิหันมายิ้มให้กันแล้วหันไปชมการแสดงบนเวทีต่อ ไอโกะที่นั่งอยู่ข้างซาโตชิ คอยชะเง้อมองไปทางทาเคชิตลอดเวลา
“นั่งนิ่งๆ เป็นมั้ย ฉันไม่อยากให้คนหาว่ามีน้องสาวเป็นลิง” ซาโตชิปราม
“ก็ไอโกะมองไม่เห็นทาเคชิ”
“ไม่เห็นทาเคชิ หรือไม่เห็นว่ามีผู้หญิงนั่งใกล้ๆ ทาเคชิกันแน่”
“แสนรู้จริงนะพี่ซาโตชิ” ไอโกะประชด
ไอโกะลุกพรวดขึ้นทันที ชะเง้อมองไปทางทาเคชิ กลุ่มคนดูมองไอโกะเป็นตาเดียว
“นั่งลงเดี๋ยวนี้ไอโกะ”
ซาโตชิพยายามดึงไอโกะให้ลงนั่งเพราะบังคนอื่น แต่ไอโกะไม่สนใจ
บนเวที การแสดงคณะกลองไทโกะจบลง เสียงปรบมือดังลั่น คนดูในโรงละครต่างพอใจกับการแสดง แพรวดาวยืนอยู่ที่มุมหนึ่งตรงประตูทางเข้า ปรบมือชื่นชมการแสดงสุดๆ ทาเคชิหันไปเห็นแพรวดาวอยู่ในโรงละครด้วยก็ชะงักไป ค่อยๆ เผลอยิ้มตาม ไอโกะที่ยังยืนอยู่เห็นทาเคชิยิ้มก็แปลกใจ
“ทาเคชิยิ้ม...กับใคร”
ไอโกะไม่พอใจมองไปรอบๆ แต่ไฟในโรงละครมืดลงพอดี ซาโตชิดึงไอโกะนั่งลง
“พี่ซาโตชิดูสิ ทาเคชิยิ้มให้ใคร...แล้วจะปิดไฟทำไมเนี่ย”
ไอโกะพยายามมองสอดส่องไปทั่วว่าทาเคชิกำลังยิ้มให้ใคร แพรวดาวกำลังมองนางรำจากการแสดงระบำพัด ที่เดินผ่านไปอย่างปลาบปลื้ม ทาเคชิเห็นแพรวดาวมองนางรำอย่างตื่นเต้นก็ยิ้มให้อย่างรู้สึกเอ็นดู นางรำเห็นทาเคชิยิ้ม เลยเข้าใจผิดคิดว่าทาเคชิยิ้มให้เลยยิ้มตอบไป ดนตรีระบำพัดเริ่มขึ้น นางรำเริ่มร่ายรำไปตามจังหวะเพลง ริวเห็นอาการทาเคชิก็ถองศอกใส่
“เพิ่งรู้ว่าในโรงละครมีมดด้วย ดูสิขึ้นมาอยู่บนตาหวาน ๆ ของแกเต็มเลย”
“ไร้สาระ”
ทาเคชิทำทีหันไปมองการแสดงตรงหน้าแทน ริวยิ้มขำทาเคชิอย่างรู้ทัน
ไอโกะเห็นนางรำพัดคนนั้นร่ายรำและเอียงหน้ายิ้มให้ทาเคชิพอดี ไอโกะเข้าใจผิด คิดว่านางรำยิ้มให้ทาเคชิ รีบบอกซาโตชิด้วยความเดือดดาล
“นางรำคนนั้น...มันให้ท่าทาเคชิ พี่ต้องจัดการมัน”
“อยากให้มิซาว่าขายหน้าเหรอ”
ซาโตชิตอบด้วยความรำคาญ ไม่สนใจ ไอโกะหงุดหงิด จ้องมองนางรำอย่างหมายตาจะเล่นงานภายหลัง
การแสดงบนเวทีจบลง คนดูในโรงละครลุกขึ้นปรบมือชื่นชม พิธีกรขึ้นพูดกลางเวที
“ขอเชิญโอะนิซึกะและมิซาว่าร่วมถ่ายภาพกับนักแสดงบนเวทีครับ”
อิจิโร่และริกิเดินนำทุกคนขึ้นเวทีไป ทาเคชิกำลังจะเดินตามไดสุเกะ แต่ริวคว้าตัวไว้แล้วขยิบตาให้ ริวและทาเคชิก้มหน้าก้มตาเดินปะปนกับกลุ่มคนดูออกจากโรงละครไป บนเวที ไอโกะมองหาทาเคชิไม่เจอ
“ทาเคชิไม่อยู่...” ไอโกะหันไปหาริกิ “ทาเคชิหายไปไหนไม่รู้ค่ะ”
ริกิและอิจิโร่หันมองไปรอบๆ แต่ไม่เห็นทาเคชิและริว อิจิโร่ส่ายหน้าเอือมๆ
บริเวณโถงโรงละคร...ไอโกะต่อว่าคัตซึ กับ เซกิ ที่ยืนอยู่กับสมุนกลุ่มโอะนิซึกะ ด้วยความไม่พอใจ
“เป็นคนรับใช้ส่วนตัวประสาอะไร ถึงไม่รู้ว่าทาเคชิไปไหน”
“นายน้อยสั่งให้พวกเรารออยู่ตรงนี้”
“ไม่ได้เรื่อง”
ไอโกะอารมณ์เสีย ก่อนหันไปเห็นนางรำคนที่เธอคิดว่ายิ้มให้ทาเคชิ แยกตัวจากกลุ่มระบำพัดไป ไอโกะรีบตามนางรำคนนั้นไปด้วยความเจ็บใจ
“แกเสร็จฉันแน่”
ซาโตชิหันไปเห็น
“ไอโกะ...ตามไปเร็ว อย่าให้คุณหนูก่อเรื่องเด็ดขาด”
ซาโตชิกับเหล่าสมุนกลุ่มมิซาว่ารีบตามไอโกะไปทันที คัตซึ เซกิ และเหล่าสมุนของโอะนิซึกะ งง ๆ ไม่เข้าใจว่าเรื่องอะไร
ริวดึงตัวทาเคชิเดินก้มหน้าหลบสายตาผู้คนมาถึงหน้าร้านผลไม้ ทาเคชิเห็นแพรวดาวกำลังเรียงผลไม้อยู่หน้าร้าน จู่ ๆ ก็ชะงัก เปลี่ยนใจ
“กลับเถอะ”
“อะไรวะ” ริวงงๆ
“ฉันไม่อยากทำให้เธอเดือดร้อน”
“เรื่องมากจริง เออ ๆ กลับก็กลับ”
ริวแอบยิ้มเจ้าเล่ห์ พอได้จังหวะทาเคชิกำลังหันหลังกลับไม่ทันระวังตัว ริวผลักทาเคชิไปทางร้านผลไม้
“ไอ้ริว...เฮ้ย”
ทาเคชิเซเสียหลักมาหยุดอยู่ตรงหน้าผลไม้ แพรวดาวเงยหน้าขึ้นมาเจอทาเคชิก็จำได้ เอะใจขึ้นมาว่าเขาจะมาเอาเรื่อง
“คุณนั่นเอง...รถคุณเป็นรอยใช่มั้ยคะ”
ทาเคชิส่ายหน้า แพรวดาวโล่งใจ
“ค่อยยังชั่ว นึกว่าต้องเสียเงินซ่อมให้คุณซะแล้ว รถหรูแบบนั้นค่าซ่อมคงแพงน่าดู...” เธอเห็นทาเคชิยังนิ่งอยู่ “มีอะไรรึเปล่าคะ”
ทาเคชิอึกอัก ริวยิ้มกะล่อนตามเข้ามาถองเอวเตือนทาเคชิให้รีบ ๆ พูด
“ขะ...ขอแอปเปิ้ล”
“ได้ค่ะ กี่ลูกคะ”
“เอ้อ...” ทาเคชิตอบอย่างไม่แน่ใจ “สี่ลูก”
แพรวดาวหยิบแอปเปิ้ลใส่ถุงกระดาษ ส่งให้ทาเคชิ
“เอาสาลี่อีกสี่ลูก”
แพรวดาวหยิบสาลี่ใส่ถุงกระดาษส่งให้ทาเคชิอีกหนึ่งถุง ทาเคชิก็สั่งผลไม้อย่างอื่นต่อ
“ขอพลับสี่ลูก แล้วก็องุ่นด้วย”
แพรวดาวชักเอะใจที่ทาเคชิไม่สั่งผลไม้พร้อมกันทีเดียว
“คุณจะรับอะไรอีกมั้ย ฉันจะได้จัดให้พร้อมกัน”
ริวพยายามกลั้นขำ จนทาเคชิหันมาถลึงตาใส่ ทำให้ริวต้องรีบหุบยิ้ม ทำนิ่ง ๆ
“เอาเท่านี้ครับ”
“องุ่นสี่พวงนะคะ เพราะถ้าสี่ลูก ฉันไม่รู้จะคิดเงินยังไง”
ทาเคชิกระตุกยิ้มมุมปาก ริวต้องก้มหน้ากลั้นขำสุด ๆ แพรวดาวหยิบผลไม้ใส่ถุงไปก็อดอมยิ้มขำทาเคชิไม่ได้
นางรำเดินเลี้ยวมาตามทางเดิน ระหว่างทางนางรำเดินไปแกะเครื่องประดับออกไปด้วย ไอโกะเดินตามมา ก่อนชักมีดพกออกมา เดินเข้าหานางรำทางด้านหลังอย่างรวดเร็ว นางรำเดินเลี้ยวเข้าห้องน้ำไป ไอโกะรีบพุ่งตามเข้าไปเงื้อมีดในมือจะเล่นงาน ซาโตชิก้าวออกมาขวาง คว้าข้อมือไอโกะ แล้วแย่งมีดไป
“พี่ซาโตชิ”
“บอกแล้วใช่มั้ยว่าอย่าก่อเรื่อง”
“ก็นังนั่นอ่อยว่าที่คู่หมั้นฉัน ฉันจะเอามีดกรีดหน้ามัน”
“สายเลือดซามูไรอย่างพวกเราคือนักรบผู้ปกป้องชาวบ้าน ถ้าเธอทำร้ายผู้หญิงคนนั้น มิซาว่าจะต้องถูกคนทั้งเมืองประณาม”
ซาโตชิหันไปสั่งเหล่าสมุนที่ตามเข้ามา
“พาไอโกะกลับบ้าน”
“ฉันไม่กลับ ฉันจะจัดการนังผู้หญิงคนนั้น...ปล่อย”
ไอโกะฮึดฮัด เตะถีบถองเอาเรื่องสมุนสองคนที่ล็อกตัวไป แต่ทานแรงสองสมุนไม่ได้
ซาโตชิเดินตามไป ถอนใจด้วยความหงุดหงิดและเบื่อหน่ายมาก
ทาเคชิส่งเงินค่าผลไม้ให้แพรวดาว มาซาโกะออกมาเห็นพอดี กระวีกระวาดหน้าตื่นเข้ามาบอก
“ไม่ต้องค่ะ ฉันไม่คิดเงิน”
“ของซื้อของขาย ก็ต้องจ่ายเงินสิคะคุณป้า” แพรวดาวงงๆ
มาซาโกะหันไปบอกบอกกับทาเคชิ
“ถือว่าเป็นของขวัญจากร้านฉันนะคะ”
ทาเคชิกับริวสบตากันด้วยความลำบากใจ ไม่อยากได้ผลไม้ฟรี ทันใด ยากูซ่าสมุนของกลุ่มเคนอิจิ ซะโต้ 5 คน เดินกร่างเข้ามาในร้าน สมุนคนหนึ่งชนไหล่ทาเคชิกับริวจากด้านหลัง โดยไม่สนใจว่าทั้งคู่เป็นใคร สมุนซะโต้คนหนึ่งแกล้งถามมาซาโกะเสียงดุ
“ขายดีมั้ย”
“เอ่อ...ก็พอได้ค่ะ รอสักครู่นะคะ”
มาซาโกะลุกลี้ลุกลน หันไปเห็นเงินค่าผลไม้ในมือแพรวดาว จึงคว้าเงินไปนับแล้วรีบส่งให้สมุนซะโต้ แต่ริว แย่งเงินมาซาโกะไปก่อนที่จะถึงมือสมุนซะโต้ เหล่าสมุนหันขวับไปมองริวที่ถือเงินไว้ในมือ อย่างไม่พอใจมาก
“สวะ รีดไถชาวบ้าน ไม่มีศักดิ์ศรี ร้านผลไม้ร้านนี้มีสัญญาจ่ายค่าเช่าที่ดินอย่างถูกต้องจากทางการ ทำไมต้องจ่ายค่าคุ้มครองอีก”
“อยากตายเหรอ” สมุนซะโต้ตวาด
ริวยิ้มท้าทาย ไม่เกรงกลัว สมุนกลุ่มซะโต้จะปรี่เข้ามาเล่นงานริว แต่ทาเคชิปราดเข้ามาห้าม
“พูดกันด้วยเหตุผลดีกว่า...เมืองของเราไม่มีอิทธิพลเถื่อน ไม่มีใครมีสิทธิจะเรียกค่าคุ้มครองจากชาวบ้าน”
“แต่นี่เป็นกฎใหม่”
“อันธพาลชั้นต่ำ มันต้องพูดด้วยกำปั้น” ริวด่า
ขาดคำริวต่อยสมุนเปรี้ยง จนเซล้มคว่ำไปกับชั้นวางผลไม้ แพรวดาวร้องลั่น
“ว้าย”
“ระวัง” ทาเคชิตกใจ
ผลไม้ล้มครืนไปหาแพรวดาว ทาเคชิปรี่เข้าไปคว้าตัว แพรวดาวถลาเข้ามาอยู่ในอ้อมกอดของเขา เธอหน้าตื่นตกใจมองใบหน้าทาเคชิ อึ้ง ๆ สมุนกลุ่มซะโต้ทั้งหมด กรูเข้าไปรุมเล่นงานริว ทาเคชิประคองให้แพรวดาวยืนหลบอยู่มุมหนึ่ง ก่อนพุ่งเข้าไปกระโดดถีบเข้ากลางหลังสมุนซะโต้สองคน จนเซไปคนละทาง ริวหัวเราะ
“ฮ่า ๆ จุก”
สมุนกลุ่มซะโต้ทั้งหมดลุกขึ้น วาดดาบที่เหน็บอยู่ด้านหลังของทุกคนออกมาถือ เตรียมพร้อม ริวถอยมากระซิบถามทาเคชิ ขณะดูท่าทีรอตั้งรับ
“เราไม่ได้พกอาวุธมา”
ทาเคชิครุ่นคิด ส่งสายตาให้ริวหันไปมองท่อนเหล็กขนาดพอดีมือของชั้นวางผลไม้ ที่วางอยู่เรี่ยพื้น ริวสบตาทาเคชิ รู้กัน สมุนกลุ่มซะโต้ทั้งหมดกรูเข้าหา ทาเคชิใช้เท้าดีดท่อนเหล็กสองอันลอยขึ้น ทาเคชิและริวกระโดดม้วนตัวรับท่อนเหล็กได้อย่างคล่องแคล่ว ทาเคชิพุ่งเข้าไปจัดการสมุนซะโต้คนหนึ่งอย่างเหนือชั้น สมุนซะโต้ที่เหลือจึงปรี่เข้าไปรุม ริวควงท่อนเหล็กเข้าไปช่วย ตวัดท่อนเหล็กไล่ตีสมุนซะโต้ออกไป ริวจัดการสมุนซะโต้จนมาถึงตัวทาเคชิ แล้วหันหลังชน ทั้งสองช่วยกันต่อสู้กับสมุนซะโต้อย่างดุเดือด แพรวดาวและมาซาโกะยืนกอดกันอยู่มุมหนึ่งด้วยความตื่นกลัว
บริเวณโถงโรงละคร...เซกิหันมาคุยกับคัตซึ เริ่มกังวลใจเป็นห่วง
“ป่านนี้นายน้อยยังไม่มา ออกไปตามเถอะ”
“ไม่ทันแล้ว” คัตซึสีหน้าเกรงๆ “สามทหารเสือโอะนิซึกะมานั่นแล้ว”
โคจิ เดินมาพร้อม คาซูมะ มาซาโตะ ทั้งสองคนเป็นลูกน้องคนสนิทของอิจิโร่เช่นกัน ร่วมกันดูแลบริหารงานให้บริษัท จงรักภักดีกับกลุ่มมาตลอด จนถูกขนานนามว่าเป็นสามทหารเสือแห่งโอะนิซึกะ เดินนำสมุนกลุ่มโอะนิซึกะจำนวนหนึ่งเข้ามา สีหน้าทหารเสือทั้งสามของกลุ่มโอะนิซึกะขึงขังมาก
“นายน้อยอยู่ไหน” โคจิถาม
คัตซิ เซกิ ชำเลืองมองกัน ไม่รู้จะบอกโคจิยังไง
ทาเคชิกับริวต่อสู้กับสมุนกลุ่มซะโต้อย่างดุเดือด ท่ามกลางสายตาหวาดกลัวของชาวเมืองที่มาเที่ยวงานบริเวณนั้น ขณะที่ทาเคชิกำลังต่อสู้กับสมุนซะโต้คนหนึ่ง อีกคนเข้ามาเล่นงานทาเคชิทางด้านหลัง แพรวดาวหันไปเห็นตกใจ
“แย่แล้ว”
แพรวดาวคว้าแอปเปิ้ลที่ตกอยู่กับพื้นขึ้นมาขว้างใส่กลางหลังสมุนซะโต้คนนั้นเต็มกลางหลัง
สมุนซะโต้หันขวับด้วยความโกรธ เงื้อดาบปรี่เข้าไปเล่นงานแพรวดาวแทน มาซะโกะตกใจแทนร้องลั่น...ทาเคชิพุ่งเข้าไป ตวัดท่อนเหล็กฟาดกลางหลังสมุนซะโต้คนนั้นล้มคว่ำ หันมาถามแพรวดาว
“ไม่เป็นไรใช่มั้ย”
สมุนซะโต้อีกคนสบโอกาส กระโจนเข้าใส่ทาเคชิ เงื้อดาบฟาดสุดแรง ทาเคชิหันขวับไปเห็น คว้าแพรวดาวเอี้ยวตัวหลบ แต่ยังพลาดท่า ถูกดาบฟันเฉี่ยวแขนซ้าย ทรุดลง แพรวดาวตกใจที่เห็นเลือดซึมออกจากบาดแผลของทาเคชิ
“คุณบาดเจ็บ”
ริวเห็นทาเคชิได้รับบาดเจ็บ ตกใจและเป็นห่วงมาก
“ทาเคชิ”
ริวควงท่อนเหล็กตวัดเล่นงานเหล่าสมุนซะโต้ด้วยความโมโห...แพรวดาวเอาผ้าเช็ดหน้าสีแดงสดของตัวเองออกมา ช่วยกดห้ามเลือดที่แขนซ้ายให้เขา ทาเคชิสะดุ้งด้วยความเจ็บ แต่อดทน ไม่ร้องออกมา
“อดทนหน่อยนะคะ”
ทาเคชิยิ้มในหน้า รู้สึกดีที่ได้อยู่ใกล้ชิดแพรวดาว
ริว ถูกเหล่าสมุนซะโต้รุมเล่นงาน แต่ริวก็ยังฮึดไม่ยอมแพ้ สมุนซะโต้อีกคนกระชากปืนออกมาวาดเข้าใส่ริว ทันใดนั้นเสียงปืนดังเปรี้ยง ปืนในมือสมุนซะโต้หลุดจากมือ ตกลงพื้น สมุนซะโต้ ทรุดลงกับพื้น ร้องโอดโอยด้วยความเจ็บปวด โคจิจ่อปืนนิ่งมาทางสมุนซะโต้ก่อนตะโกนสั่งสมุนกลุ่มโอะนิซึกะ
“จัดการพวกมัน”
คัตซึ เซกิ นำสมุนโอะนิซึกะบุกเข้าไปจัดการเหล่าสมุนซะโต้ทันที เหล่าสมุนซะโต้เริ่มตื่นตระหนก เมื่อเห็นสมุนโอะนิซึกะมีกำลังมากกว่า กลุ่มโอะนิซึกะเริ่มเป็นต่อ ทุกคนรุกไล่ฟาดฟันกลุ่มซะโต้อย่างไม่หยุดยั้ง กลุ่มซะโต้เริ่มถอยร่น จนต้องหนีไปในที่สุด มีเพียงสมุนซะโต้คนหนึ่งที่นอนโอดโอยอยู่ หนีไม่ทัน ริวรีบเข้าไปดูบาดแผลทาเคชิด้วยความเป็นห่วง
“เป็นไงบ้าง”
“รีบพานายน้อยไปโรงพยาบาลดีกว่า” มาซาโตะบอกอย่างเป็นห่วง
“แผลแค่รอยเล็บแมวข่วน จะไปทำไม” ทาเคชิขัดขึ้น
“ถ้างั้นก็กลับบ้าน ก่อนที่ท่านโซเรียวจะเป็นห่วงเถอะครับ” คาซูมะแนะ
คัตซึมองสมุนซะโต้
“แล้วจะทำยังไงกับมัน...”
“ลากตัวมันกลับไปด้วย” โคจิสั่ง
สมุนโอะนิซึกะคนหนึ่ง ฉุดกระชากลากตัวสมุนซะโต้ลุกขึ้น คัตซึ เซกิ รีบวิ่งเข้าไปประคองทาเคชิอย่างรู้หน้าที่ ทาเคชิมองแพรวดาวอย่างอาลัยอาวรณ์ ยังไม่อยากจากเธอไปตอนนี้ แพรวดาวมองตามทาเคชิและกลุ่มโอะนิซึกะจากไป ยังตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
โถงในบ้านโอะนิซึกะ...ฮิเดโกะทำแผลให้ทาเคชิด้วยสีหน้ากลุ้มใจ แต่ไม่ได้ดุว่าอะไร โดยมีริวนั่งมองอยู่ข้าง ๆ อิจิโร่เดินเข้ามาพร้อมกับไดสุเกะ สีหน้าดุดัน ทาเคชิกับริว เงยหน้าขึ้นมาเจอสายตาของอิจิโร่ ชะงัก
“นักรบไม่พกดาบ ก็เหมือนคนพิการไร้แขนขา” อิจิโร่ตวาด
“ผมกับทาเคชิไม่คิดว่าจะมีเรื่องกับใคร” ริวเสียงอ่อย
“ความประมาทเป็นหนทางสู่ความตาย อันธพาลเกิดขึ้นใหม่ทุกวันใคร ๆ ก็ต้องการโค่นนักรบอย่างโอะนิซึกะทั้งนั้น”
“เลือกขึ้นหลังเสือแล้วก็หาทางลงไม่ได้” ทาเคชิแทรกขึ้น
อิจิโร่จ้องทาเคชิเขม็ง คำรามในลำคอด้วยความไม่พอใจ จนฮิเดโกะต้องคอยสะกิดเตือนทาเคชิ ไดสุเกะเห็นท่าทางของอิจิโร่ จึงพยักเพยิดบอกริวให้เลี่ยงออกไปจากห้องก่อน ริวลังเล เป็นห่วงทาเคชิ แต่สุดท้ายก็ยอมเลี่ยงออกไปเงียบ ๆ อิจิโร่นั่งลงตรงโต๊ะญี่ปุ่นข้างหน้าทาเคชิ
“ฝีมือแกไม่เคยเป็นรองใคร ทำไมไม่จัดการไอ้อันธพาลกระจอกแต่แรก”
“ผมชอบคุยด้วยเหตุผล มากกว่าใช้กำลัง”
“อ่อนแอ เพราะอย่างนี้ฉันถึงไม่ไว้ใจให้ดูแลโอะนิซึกะ”
“พี่ไดสุเกะดูแลทุกอย่างได้ก็ดีแล้วนี่ครับ”
“ถึงแกจะเป็นทายาทลำดับที่สอง แต่ก็ต้องร่วมสืบทอดเหมือนกัน”
“ผมไม่เคยปฏิเสธชาติกำเนิด แต่ไม่อยากมีชีวิตอยู่ท่ามกลางคมหอกคมดาบ ผมไม่ต้องการต่อสู้กับใครจนตาย”
“ไอ้ลูกไม่รักดี”
อิจิโร่โกรธมาก จนฮิเดโกะต้องหันไปปรามทาเคชิ
“เราสืบเชื้อสายซามูไร นักรบที่มีเกียรติ ลูกควรภาคภูมิใจในสิ่งที่พ่อทำ”
“ถ้าการเป็นนักรบ...เรียกว่ามีเกียรติและศักดิ์ศรี ทำไมแม่ต้องร้องไห้”
ทันใดนั้นฮิเดโกะตบลงบนหน้าทาเคชิ เพี๊ยะ
“หยุดนะทาเคชิ”
ทาเคชิมองฮิเดโกะ อึ้ง ๆ
“หยุดก้าวร้าวโซเรียว ขอโทษท่านเดี๋ยวนี้”
ทาเคชิจ้องมองอิจิโร่ ยังคงทิฐิไม่ยอมขอโทษ
ริวแอบฟังอยู่ด้านนอก เป็นห่วงทาเคชิ
“วุ่นแล้ว...พ่อเสือลูกเสือล่อกันแล้วไง”
ริวคิดหาทางช่วยทาเคชิ หันรีหันขวางจนหันไปเห็นคนสวนกำลังกวาดใบไม้แห้งกองรวมกันอยู่มุมหนึ่งในสวน ใบหน้าริวยิ้มอย่างคิดได้ มีแผน
ทาเคชิยอมก้มหัวคำนับให้อิจิโร่ ก่อนบอกด้วยน้ำเสียงนิ่ง
“ผมขอโทษ...ผมผิดเพราะพูดทุกอย่างที่ตัวเองคิด”
“ไอ้ทาเคชิ”
อิจิโร่ตบโต๊ะปัง ด้วยความโกรธมาก ฮิเดโกะกับไดสุเกะสบตากันเครียด ไม่สบายใจไปด้วย ทันใดนั้นเสียงตะโกนโหวกเหวกของคนสวนดังขึ้น
“ไฟไหม้...”
ทั้งหมดชะงัก ริวเปิดประตูเข้ามา หน้าตาตื่น ไดสุเกะหันไปถาม
“เกิดอะไรขึ้น”
“ไฟไหม้ในสวนครับ”
“บ้าจริง”
อิจิโร่เดินออกไปดูคนสวนและสมุนช่วยกันดับไฟในสวนด้วยความหงุดหงิด ไดสุเกะ ฮิเดโกะรีบตามอิจิโร่ออกไป ขณะเดินผ่านริว อิจิโร่ปรายสายตามองริวราวกับรู้ทันบางอย่าง แต่ไม่พูดอะไร ริวหลบสายตาอิจิโร่ กลบเกลื่อน มือซ้ายของริวแอบซ่อนไว้ด้านหลัง กำไฟแช็คแน่น ทาเคชิเห็นไฟแช็คในมือริว เดินเข้ามาตบบ่าริวเบา ๆ อย่างขอบคุณ
“ขอบใจที่ช่วย”
ริวยิ้มตอบ แทนคำพูดและมิตรภาพที่มีให้ทาเคชิ
ไดสุเกะเข้ามารายงานอิจิโร่
“แค่ไฟไหม้ใบไม้แห้งครับ คงจะมีใครแอบโยนก้นบุหรี่ทิ้ง”
อิจิโร่พยักหน้ารับรู้ ยังมีท่าทางหงุดหงิด โคจิเข้ามาถาม
“อันธพาลที่เราจับตัวมา โซเรียวจะให้ทำยังไงกับมัน”
“ส่งให้ตำรวจจัดการดีไหม” มาซาโตะเสนอ
คาซูมะขัดขึ้น
“แต่ถ้ามันมีพวกเป็นตำรวจ ก็เหมือนปล่อยเสือเข้าป่า”
“ฉันอยากรู้ว่ามันเป็นคนของใคร”
อิจิโร่สบตาโคจิ ใบหน้าดุกร้าว ขึงขัง
“ทำให้มันพูด”
“ครับ โซเรียว”
โคจิน้อมรับคำสั่ง น้ำเสียงหนักแน่น
ในห้องป้ายบรรพบุรุษบ้านโอะนิซึกะยามค่ำคืน...ฮิเดโกะนั่งพับเพียบอยู่ตรงที่วางดาบประจำตระกูล ตั้งเรียงกันสามเล่มต่อหน้าป้ายบรรพบุรุษ ใช้ผ้าขนหนูผืนเล็กบรรจงเช็ดดาบอย่างทะนุถนอม น้ำตาคลอหน่วย ทาเคชิเปิดประตูเดินเข้ามานั่งข้าง ๆ ฮิเดโกะรีบปาดน้ำตา ไม่อยากให้ลูกรู้ว่าร้องไห้
“กี่ครั้งแล้วที่แม่ต้องแอบร้องไห้ เวลาโซเรียวออกไปจัดการกับอันธพาลข้างนอก”
ฮิเดโกะชะงัก เมื่อทาเคชิพูดแทงใจเข้าอย่างจัง เสเปลี่ยนเรื่องคุย เอื้อมมือไปแตะที่แก้มของ
“ยังเจ็บอยู่มั้ย”
“ไม่มีอะไรทำให้ผมเจ็บเท่ากับเห็นน้ำตาแม่หรอกครับ”
ฮิเดโกะแววตาหม่น แต่ยังทำเข้มแข็ง
“นายหญิงของโซเรียวจะต้องเข้มแข็ง และคอยเป็นกำลังใจให้สามี เธอจะต้องไม่มีน้ำตาเมื่อสามีออกไปรบ และถือเป็นเกียรติถ้าสามีตายในสนามรบ”
“แม่เข้มแข็งต่อหน้าพ่อ พอคล้อยหลังพ่อ แม่ก็ร้องไห้อย่างโดดเดี่ยวเพราะไม่รู้ว่าพ่อจะมีชีวิตกลับมารึเปล่า...นั่นคือความเข้มแข็ง นั่นคือเกียรติที่แม่ควรได้รับ”
ฮิเดโกะหันมองทาเคชิ เชิดสีหน้าเด็ดเดี่ยว
“ไม่ว่าลูกจะรู้สึกยังไง...ผู้หญิงที่จะเข้ามาเป็นนายหญิงของโอะนิซึกะจะต้องแข็งแกร่งไม่แพ้โซเรียว ไม่เว้นแม้แต่คู่ครองในอนาคตของลูก จำไว้นะทาเคชิ”
ทาเคชินิ่งฟังด้วยสีหน้าเครียด
ในบ้านมาซาโกะ...แพรวดาวสะดุ้งเฮือก ขณะที่มาซาโกะทายาที่มือ และนวดให้เบา ๆ
“ขอบคุณคุณป้าค่ะ”
“ไม่เป็นไรหรอกหนูแพร...เอ่อ แพรว...แพรว-ดาว” มาซาโกะพูดตะกุกตะกัก
“เรียกเซโกะก็ได้ค่ะ ชื่อไทยมันเรียกยาก”
มาซาโกะยิ้มรับ
“หนูเซโกะอยู่เมืองนี้ต้องระวังตัวให้ดี ถ้าบ้านโอะนิซึกะมาซื้อผลไม้ที่ร้านเราอีกก็ไม่ต้องเก็บเงิน”
“เขาเป็นเหมือนพวกที่มาเก็บค่าคุ้มครองเราเหรอคะ”
“ไม่ใช่จ้ะ ตระกูลโอะนิซึกะสืบเชื้อสายซามูไร นักรบมือขวาของท่านจักรพรรดิ พวกเขาเป็นคนดี ดูแลประชาชนอยู่เสมอถึงแม้จะไม่มีตำแหน่งทางการเมืองก็เถอะ”
“แต่ท่าทางที่ลูกน้องเคารพลูกชายทั้งสองของโอะนิซึกะ ก็ไม่ต่างจากกลุ่มอัทธพาล”
“สองคนนั้นเป็นลูกพี่ลูกน้องกัน คนนิ่ง ๆ สุขุม ชื่อทาเคชิ เป็นลูกชายคนเล็ก ส่วนคนท่าทางเพลย์บอย ชื่อริว เป็นหลาน ลูกน้องชายที่เสียชีวิตไปแล้วของโอะนิซึกะโซเรียว”
“โซเรียว”
“เป็นคำที่พวกเราเรียกท่านผู้นำของตระกูลจ้ะ”
“ดูเหมือนคุณป้ากับชาวเมืองนี้นับถือตระกูลโอะนิซึกะมากนะคะ”
“ถ้าไม่มีโอะนิซึกะ พวกเราก็คงไม่ได้อยู่อย่างสงบสุขหรอก”
มาซาโกะยิ้มด้วยความรู้สึกชื่นชมและภาคภูมิใจมาก แพรวดาวรู้สึกตะขิดตะขวงใจต่อตระกูลโอะนิสึกะเป็นอย่างมาก
แพรวดาวนั่งอ่านหนังสือตรงโต๊ะญี่ปุ่นเล็ก ๆ ในห้องนอน จู่ ๆเธอก็ปิดหนังสืออย่างคนไม่มีสมาธิรำพึงในใจ
“ทาเคชิ โอะนิซึกะ”
วันใหม่...สนามข้างมหาวิทยาลัย ทาเคชิกำลังลองกล้องถ่ายรูปใหม่กับริวอย่างสนุกสนาน ทาเคชิหันไปถ่ายรูปต้นซากุระสองสามแชะ จู่ ๆ ก็ชะงัก ลดกล้องลง เมื่อเขาเห็นแพรวดาวนั่งอมยิ้มอ่านหนังสืออยู่ใต้ต้นซากุระ ที่มีดอกซากุระร่วงโรยลงมาตามลม เป็นภาพที่งดงามมาก ทาเคชินิ่งมองแพรวดาว ราวกับตกอยู่ในภวังค์
“ทาเคชิ” ริวเรียก
แพรวดาวหันไปมองเสียงเรียก จึงเห็นทาเคชิถือกล้องถ่ายรูปมองเธออยู่ ทั้งสองสบตากันนิ่ง ๆ
“บอกให้มาถ่ายรูปสาว ๆ ทางนี้ มัวทำอะไรอยู่”
ริวตามเข้ามาดึงตัวทาเคชิออกไป ทาเคชิหันหลังกลับไปมองแพรวดาวอีกครั้งด้วยความเสียดาย แพรวดาวมองตาม
แพรวดาวนั่งอ่านหนังสืออยู่คนเดียว มุมหนึ่งในห้องสมุด ทาเคชิแกล้งเดินไปค้นหาหนังสือตรงชั้นวางหนังสือใกล้ๆแอบมองแพรวดาวเงียบ ๆ โดยที่เธอไม่รู้ตัว
สถานีรถไฟ...แพรวดาวยืนคุยกับเพื่อนนักศึกษาหญิงระหว่างรอรถไฟ ทาเคชิทำเนียนยืนรอรถไฟ แอบมองแพรวดาวอยู่ห่าง ๆ แพรวดาวยิ้มสดใสคุยกับเพื่อน ทาเคชิเผลอยิ้มเคลิ้มไปกับรอยยิ้มของเธอ
แพรวดาวรู้สึกเหมือนถูกใจจ้องมอง จึงหันมา ทาเคชิรีบหลบไปยืนข้างเสา หัวใจเต้นแรง
อ่านต่อหน้า 2
รอยรักหักเหลี่ยมตะวัน ตอนที่ 1(ต่อ)
ภายในสวนสวยบริเวณบ้านโอะนิซึกะยามค่ำคืน...ทาเคชิยืนอมยิ้ม เหม่อมองไปยังแสงดาวระยิบระยับเบื้องหน้า เสียงของฮิเดโกะดังขึ้นในความคิด
“ผู้หญิงที่จะเข้ามาเป็นนายหญิงของโอะนิซึกะ จะต้องแข็งแกร่งไม่แพ้โซเรียว ไม่เว้นแม้แต่คู่ครองในอนาคตของลูก จำไว้นะทาเคชิ”
ทาเคชิหน้าสลดลงเอามือแตะแขนซ้ายที่บาดเจ็บ นึกถึงแพรวดาว
“แพรวดาวอ่อนหวานและบอบบางราวกับซากุระแรกแย้ม ผมจะไม่มีวันยอมให้เธอต้องร้องไห้เพราะผม”
ทาเคชิหน้าตามุ่งมั่น จริงจัง
บ้านมิซาว่า เช้าวันใหม่...ไอโกะโวยวายต่อหน้าริกิอย่างเอาแต่ใจตัวเอง
“คุณพ่อต้องจัดการพี่ซาโตชิ ที่ไม่เล่นงานนางรำคนนั้นให้หนู”
“ฉันห้ามเธอ เพราะไม่อยากให้มิซาว่าเสื่อมเสียเพราะเรื่องไร้สาระ” ซาโตชิโต้
“ทาเคชิไม่ใช่เรื่องไร้สาระ เขาเป็นว่าที่คู่หมั้นฉัน”
“ใจเย็น ๆ ไอโกะ”
ริกิกอดปลอบไอโกะอย่างเอาใจ ขณะที่ไอโกะยังคงฮึดฮัดอยู่ในอ้อมกอดพ่อ
“ทาเคชิหล่อ รวย ชาติตระกูลดี ก็ต้องมีสาว ๆ สนใจเป็นธรรมดา ถ้าไม่มีใครมองนั่นสิแปลก”
“หนูไม่ชอบให้ใครมองทาเคชิ”
“เป็นแค่ว่าที่คู่หมั้น แต่ทำตัวยิ่งกว่าเป็นเมีย” ซาโตชิขัดขึ้น
“อ๊าย...ไอ้พี่ซาโตชิบ้า” ไอโกะโกรธ
ไอโกะจะโผไปตีซาโตชิ แต่ถูกริกิรั้งไว้
“ฟังพ่อนะไอโกะ...ทาเคชิไม่มีทางสนใจผู้หญิงอื่นนอกจากลูก เขาจะต้องมีไอโกะคนเดียว เพราะลูกกับทาเคชิคือคู่หมั้นหมายที่พ่อกับอิจิโร่เลือกแล้ว”
“คุณพ่อต้องเร่งให้คุณลุงอิจิโร่จัดงานหมั้นให้หนูกับทาเคชิเร็ว ๆ นะคะ”
“ถ้าเจอพ่อจะลองคุยให้”
ซาโตชิหันมาบอก
“คนของเรารายงานว่า เมื่อวานทาเคชิมีเรื่องกับพวกอันธพาล”
“ทาเคชิเป็นอะไรรึเปล่า” ไอโกะตกใจ
ซาโตชิทำหูทวนลม ไม่ยอมตอบไอโกะ ริกิแปลกใจสงสัย
“มีใครกล้ากับโอะนิซึกะ”
ในห้องประชุมบ้านโอะนิซึกะ...อิจิโร่ตบโต๊ะด้วยความโมโห หลังจากรู้เรื่องจากโคจิ
“เคนอิจิ ซะโต้ มันกล้าดียังไงมารีดไถชาวบ้าน”
“ซะโต้เริ่มเข้ามาเปิดกิจการบ่อนและไนท์คลับในเมืองได้สักพักแล้วครับ ได้ข่าวว่าพวกมันแอบรีดไถชาวบ้านบ่อย ๆ” คาซูมะรายงาน
ทาเคชิกับริวมองการประชุมครั้งนี้ ทาเคชิสีหน้าดูเบื่อหน่ายกับการสร้างอิทธิพล ขณะที่ริวนิ่ง ๆ มาซาโตะหน้าเครียด
“บ่อนเถื่อนขยายกิจการมากขึ้น แต่ไม่มีตำรวจจัดการ”
“แค่จ่ายส่วยหนัก ๆ พวกตำรวจก็ลืมตาไม่ขึ้น มองไม่เห็นความผิด” โคจิถอนใจเซ็งๆ
“ถ้าตำรวจนิ่งเฉย...ก็ต้องเป็นหน้าที่ของนักรบของจักรพรรดิ” อิจิโร่บอกอย่างหนักแน่น
“ลูกน้องซะโต้ที่จับมาได้เป็นแค่พวกปลายแถว คาดคั้นยังไงก็ไม่ได้ความ” ไดสุเกะยิ้มเยาะ
“อย่าเพิ่งชะล่าใจ งูเล็กบางตัวมีพิษสงร้ายแรง” อิจิโร่จ้องไดสุเกะอย่างจริงจัง “ถ้าจะสืบทอดตำแหน่งโซเรียวแทนพ่อ แกต้องรอบคอบให้มากกว่านี้”
ไดสุเกะก้มหัวคำนับ รับคำ อิจิโร่หันไปสั่งโคจิเสียงเด็ดขาด
“เอาคนของไอ้ซะโต้ไปคืน ส่งสารให้รู้ว่า...มันไม่มีสิทธิทำร้ายคนในเมืองนี้”
“ครับ”
ทาเคชิเบื่อหน่าย และไม่ค่อยชอบใจนัก
ที่โรงซ้อมเคนโด้เวลานั้น...ทาเคชิกับริวกำลังซ้อมเคนโด้กันหนักหน่วง ผลัดกันรุก ผลัดกันรับ
“ซะโต้มันแน่มาจากไหน ถึงได้กล้าเข้ามากร่างกับโอะนิซึกะ” ริวถาม
ทาเคชิไม่ตอบ ยังคงฟาดฟันเคนโด้ด้วยท่วงท่าที่ปราดเปรียวและคล่องแคล่วกว่าริว
“โชคดีที่พี่ไดสุเกะสืบทอดตำแหน่ง ไม่งั้นคนที่ขึ้นหลังเสือต้องเป็นแก”
ทาเคชิสายตาฮึดฮัด ไม่พอใจ
“อ๊าก...”
ทาเคชิตวัดดาบไม้พุ่งเข้าหาริว ฟาดเข้าจุดตายสามจุดของริวอย่างรวดเร็ว ริวแพ้อย่างราบคาบถอดเม็งออกอย่างสุดเซ็ง
“เก่งเคนโด้ เก่งเรียน เก่งทุกอย่างมาตั้งแต่เด็ก...ไอ้คนไม่มีพัฒนาการ”
“ฉันจะถือว่าเป็นคำชม”
“ขนาดพี่ไดสุเกะ...ฝีมือเคนโด้ยังเทียบแกไม่ติด”
“รีบอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า แล้วไปมหาวิทยาลัยเถอะ”
ทาเคชิตั้งใจตัดบท เพราะไม่อยากฟังความเป็นไปของตระกูล ริวตามไปจับบ่าทาเคชิ อย่างรู้สึกถึงความผิดปกติ
“แกเป็นอะไร”
ทาเคชิไม่ตอบ แต่สีหน้าและแววตาหม่นหมอง เบื่อหน่าย ริวนิ่งไปสักพัก รับรู้ความหมายจากสีหน้าทาเคชิ
“เคยบอกฉันไม่ใช่เหรอว่าหน้าที่และความรับผิดชอบ มาพร้อมกับสายเลือด”
ทาเคชิเปลี่ยนเรื่อง
“ฉันรู้...วันนี้มีประชุมทำรายงานที่มหาวิทยาลัย เดี๋ยวจะไปไม่ทัน”
“เรียนจบมาก็ต้องช่วยงานครอบครัว ไม่รู้จะเรียนทำไม”
“ไม่มีใครฉลาดมาตั้งแต่เกิด ยังไงเราก็ต้องเรียน”
ริวยักไหล่รีบเดินออกไป เพราะทนฟังทาเคชิสอนไม่ได้ ทาเคชิมองดาบไม้ในมือ สีหน้าเครียด
ทาเคชิแต่งตัวในชุดนักศึกษาออกมาจากห้องอย่างเร่งรีบ อายะโกะแม่บ้านของตระกูลโอะนิซึกะ ดูแลครอบครัวนี้ทุกอย่างมาจากรุ่นสู่รุ่น เดินมาถึงพอดี
“ป้าเอาผ้าเช็ดหน้าที่ซักแล้วมาให้ค่ะ”
ทาเคชิรับผ้าเช็ดหน้าสีแดงจากอายะโกะด้วยใบหน้าสดชื่นขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
“นายน้อยต้องระวังตัวให้ดี ๆ นะคะ ป้าไม่อยากเห็นนายน้อยบาดเจ็บเหมือนเมื่อวาน”
“ไม่ต้องห่วง ผมมีริวอยู่ทั้งคน”
“คุณริวเอาแต่สนุกสนานไปวัน ๆ จะช่วยอะไรนายน้อยได้”
“แต่ก็ไม่มีอะไรที่ริวทำไม่ได้”
อายะโกะยิ้มรับอย่างเห็นด้วย และนึกได้เมื่อเห็นทาเคชิมองลายปักซากุระสีขาวบนผ้าเช็ดหน้าสีแดงด้วยความชื่นชม
“ฝีมือปักดอกซากุระของคุณหนูไอโกะประณีตมาก ว่าที่คู่หมั้นเก่งงานเรือนอย่างนี้ นายน้อยคงรักน่าดู”
ทาเคชิหน้าเครียด น้ำเสียงนิ่ง
“ไอโกะไม่ใช่เจ้าของผ้าเช็ดหน้าผืนนี้”
“ตายแล้ว...ถ้าคุณหนูไอโกะรู้เรื่อง ผู้หญิงคนนั้นต้องเดือดร้อนแน่” อายะโกะตกใจ
ทาเคชินิ่ง ไม่ตอบ อายะโกะไม่สบายใจเอาเลย
มุมหนึ่งในบริเวณมหาวิทยาลัย...ไอโกะเดินนำยูมิโกะกับอาซึมิซึ่งเป็นเพื่อนสนิท มาด้วยความร้อนใจ
“แน่ใจเหรอว่ามันเรียนอยู่คณะนี้”
“สืบมาแล้ว รับประกันความชัวร์” ยูมิโกะยืนยัน
“แต่คุณพ่อไอโกะห้ามไม่ให้ยุ่งกับนางรำคนนั้นไม่ใช่เหรอ” อาซึมิขัดขึ้น
“พ่อห้ามฉันได้แค่ที่บ้าน ไม่ใช่ที่นี่”
ไอโกะมองนักศึกษาหญิงที่เดินผ่านไปหลายคน หวังเจอตัวนางรำคนเดิม อาซึมิหันมาถาม
“ถ้าเจอแม่นั่น ไอโกะจะทำอะไร”
“ฉันก็จะควักลูกตามันออกมา ไม่ให้มองทาเคชิของฉันอีกน่ะสิ”
ไอโกะพูดด้วยสีหน้าและน้ำเสียงเอาเรื่อง อาซึมิและยูมิโกะขยับเข้ามาเบียดกัน อย่างหวาดกลัว
หน้าตึกเรียนคณะเศรษฐศาสตร์...คัตซึ เซกิ เดินตามทาเคชิกับริวมาถึงหน้าตึกเรียนด้วยใบหน้าเคร่งขรึม ทาเคชิสังเกตเห็นนักศึกษาหลายคนที่เดินผ่าน ไม่กล้าเงยหน้ามองเขา เพราะความเกรงกลัว จึงหยุดเดินเอาดื้อ ๆ จนคัตซึและเซกิเดินชนหลังทาเคชิเข้าอย่างจัง
“ขอโทษครับนายน้อย” คัตซึหน้าเสีย
“กลับไปรอฉันที่รถ” ทาเคชิสังเสียงเรียบนิ่ง
“แต่โซเรียวสั่งให้เราติดตามนายน้อยตลอดเวลา” เซกิแย้ง
“น่ารำคาญ”
ทาเคชิหันหลังเดินหนีอย่างหงุดหงิด จึงชนกับแพรวดาวเข้าอย่างจัง
“อุ๊ย”
หนังสือในมือแพรวดาวหล่นลงพื้น ทาเคชิกับแพรวดาวต่างรีบก้มเก็บพร้อมกัน
“ขอโทษที่ผมซุ่มซ่าม”
“คุณ...”
ทาเคชิและแพรวดาวเงยหน้าขึ้นมาเจอกัน ต่างคนต่างชะงัก ริวหันไปเห็นไอโกะงุด ๆ มากับเพื่อนสาว รีบหันไปหาทาเคชิด้วยความตกใจทำทีเป็นไอ
“แค่ก ๆ ไอ-โกะ ที่เก้านาฬิกา ท่าทางเอาเรื่อง แค่ก ๆ ไอจัง”
“มากับผม”
จู่ ๆ ทาเคชิก็คว้าแขนแพรวดาววิ่งหลบไปทางหนึ่ง โดยที่เธอไม่ทันได้ขัดขืน
“เดี๋ยวค่ะ”
คัตซึกับเซกิ งง กำลังจะวิ่งตามไป
“นายน้อย”
“เอาหูไปนา เอาตาไปหายายดีกว่า ไป ๆ ชิ้ว...”
ริวดึงตัวคัตซึกับเซกิหมอบต่ำตรงพุ่มไม้ ไอโกะมาถึง
“เมื่อกี้ใช่ทาเคชิรึเปล่า”
“รู้สึกจะวิ่งไปทางนี้นะ” ยูมิโกะชี้ไป
ไอโกะ ยูมิโกะ อาซึมิเดินผ่านพุ่มไม้ไปตามหาทาเคชิ โดยไม่ทันสังเกตเห็นริว
แพรวดาวถูกทาเคชิดึงตัวเข้ามาหลบอยู่ตรงมุมเก็บของ ใต้บันไดตึกเรียนแคบ ๆ
“นี่มันอะไรกันคะ อ๊ะ...”
แพรวดาวตกใจที่ถูกทาเคชิกอดรัดเอวไว้ จะอ้าปากโวย แต่โดนทาเคชิเอามืออุดปากซะก่อนลักษณะเหมือนทั้งคู่กำลังจูบกัน โดยมีมือทาเคชิกั้นอยู่ ใบหน้าแพรวดาวกับทาเคชิใกล้กันมาก แทบจะชนกันได้ เสียงไอโกะดังมา
“ทาเคชิ”
ทาเคชิกระซิบเบา ๆ
“อยู่เฉย ๆ ก่อนนะ”
แพรวดาวยืนอึ้ง ตะลึง พูดอะไรไม่ออก จะขัดขืนก็ถูกกอดไว้แน่นจนขยับตัวไม่ได้ ไอโกะ ยูมิโกะ อาซึมิวิ่งมาตามมองหาทาเคชิ อาซึมิกวาดตามอง
“หรือจะขึ้นตึกเรียนไปแล้ว”
ไอโกะรีบวิ่งนำอาซึมิกับยูมิโกะขึ้นบันไดไป ทาเคชิชะโงกหน้ามอง เห็นว่าไอโกะกับเพื่อนไปแล้ว ถอนใจอย่างโล่งอก แพรวดาวฮึด ผลักทาเคชิจนหลุดออกจากตัวสุดแรง แล้วเงื้อมือตบตีทาเคชิด้วยความโกรธ
“คนฉวยโอกาส”
ทาเคชิยกมือปัดป้อง พยายามอธิบาย
“เดี๋ยวก่อนครับ”
“ถือว่าพ่อใหญ่คับเมืองแล้วจะรังแกใครก็ได้เหรอ นี่แน่ะ นี่ ๆ”แพรวดาวตีๆ ไม่ยั้ง
“โอ๊ย”
ทาเคชิกุมแขนซ้าย เจ็บ แต่ทำฝืนไว้
“เลือด...”
แพรวดาวตกใจเมื่อเห็นผ้าพันแผลที่แขนซ้ายของทาเคชิมีเลือดซึมออกมา
ในห้องพยาบาลของมหาวิทยาลัย...แพรวดาวพันแผลให้ทาเคชิเรียบร้อยแล้ว จึงก้มหัวขอโทษ
“ขอโทษค่ะ ฉันทำให้คุณเจ็บตัวอีกแล้ว”
“อีกแล้ว...” ทาเคชิมองหน้า
“คุณได้แผลนี้เพราะช่วยฉัน แล้วฉันก็ทำให้คุณเจ็บซ้ำแผลเดิม”
แพรวดาวไม่สบายใจเพราะความรู้สึกผิด ทาเคชิอมยิ้ม มอง
“เจ็บแล้วยังยิ้มได้อีก...แปลกคน”
“ท่าทางจริงใจของคุณทำให้ผมลืมเจ็บ”
แพรวดาวมองเขาอึ้ง ๆ รู้สึกแปลก ๆ ทาเคชินึกขึ้นได้ จึงหยิบผ้าเช็ดหน้าสีแดงจากกระเป๋าเสื้อคืนให้
“ผ้าเช็ดหน้าของคุณ”
“คุณเก็บไว้เถอะค่ะ ฉันยกให้”
“คุณปักดอกซากุระไว้ ผมนึกว่าคุณจะหวงผ้าเช็ดหน้าผืนนี้”
“มันเป็นผ้าเช็ดหน้าผืนที่ฉันรักมากค่ะ ฉันมอบให้คุณเป็นการตอบแทนที่ช่วยฉันวันก่อน”
“ขอบคุณครับ” ทาเคชิก้มหัวพูดตะกุกตะกัก “แพรว-ดาว”
“คุณทาเคชิเรียกฉันว่า เซโกะ เหมือนคนในเมืองนี้ก็ได้ค่ะ”
“คุณรู้จักผม” ทาเคชิแปลกใจ
“มีใครในเมืองนี้ไม่รู้จักคุณบ้างคะ”
จู่ ๆ แพรวดาวก็ตกใจ นึกขึ้นได้
“แย่แล้ว”
“อะไรครับ”
“ฉันต้องรีบเข้าเรียนแล้วค่ะ เดี๋ยวไม่ทัน...ขอโทษอีกครั้งที่ทำร้ายคุณนะคะ”
แพรวดาวก้มหัวปะหลก ๆ ท่าทางขัดเขิน ตลก ๆ แล้วรีบออกไป ทาเคชิพึมพำ
“เซโกะ...”
ทาเคชิยิ้มมองผ้าเช็ดหน้าในมืออย่างสุขใจ
อ่านต่อหน้า 3
รอยรักหักเหลี่ยมตะวัน ตอนที่ 1 (ต่อ)
เคนอิจิซึ่งเป็นเจ้าของไนต์คลับแห่งนี้ กำลังตรวจสอบหญิงสาวที่มาทำงานขายบริการอยู่ทางเดินด้านหลังไนต์คลับ ขณะที่ ชินอิจิ ยามะ โคเฮ ลูกน้องคนสนิทอยู่ด้วย
“ทำงานที่ไนท์คลับฉัน ต้องไม่หวงตัว” เคนอิจิบอกกับหญิงสาวอย่างไม่ค่อยพอใจ เมื่อเธอมีท่าทีกลัวๆ
“ไนต์คลับใหม่ของนายกำลังเป็นที่สนใจของนักเที่ยวในเมืองนี้มาก” ชินอิจิบอกอย่างเอาใจ
“ฉันคัดแต่คุณภาพ”
ลูกน้องกลุ่มซะโต้ 2 คนเดินมาหา เคนอิจิสบตาชินอิจิ ก่อนดันตัวสาวสวยออกห่าง
“เข้าไปคุยข้างใน”
ชินอิจิและลูกน้องทั้งสองเดินตามเคนอิจิเข้าไป
ในห้องทำงาน...เคนอิจินั่งฟังลูกน้องรายงาน
“ยาเสพติดและผู้หญิงจะมาถึงท่าเรือคืนพรุ่งนี้ครับ”
“ทางสะดวกรึเปล่า” เคนอิจิย้อนถาม
“เราจ่ายค่าปิดปากพวกเจ้าหน้าที่แล้ว”
“แล้วเรื่องไนต์คลับเก่าของพวกมิซาว่า...”
“ส่งคนไปเล่นงานพวกมันเมื่อวันก่อนแล้วครับ”
ชินอิจิหันมาถาม
“นายมั่นใจเหรอครับที่ทำแบบนี้ เมืองนี้ไม่เคยมีใครกล้ากับตระกูลนักรบอย่างโอะนิซึกะและ มิซาว่า เลยนะครับ”
เคนอิจิ แสยะยิ้ม
“ถ้ากลัวคงไม่ทำ ฮึ ๆ อีกไม่นานเมืองนี้จะต้องถูกกลืน กลายเป็นของ ซะโต้”
ทุกคนสบตากัน กระหยิ่มยิ้มอย่างลำพอง ลูกน้องเปิดประตูพรวดพราดเข้ามาอย่างตกใจ
“นายครับ...”
เคนอิจิหันขวับมองลูกน้อง ด้วยความสงสัย
โถงในไนต์คลับ ลูกน้องซะโต้คนที่ถูกจับตัวไปถูกเหวี่ยงลงไปนอนกองกับพื้น กลิ้งไปหยุดอยู่ตรงเท้าเคนอิจิที่เข้ามาพร้อมชินอิจิและลูกน้อง โคจิ นำลูกน้องกลุ่มโอะนิซึกะมายืนประจันหน้า ทั้งสองกลุ่มจ้องเขม่นกัน
“เอามาคืน” โคจิเสียงกร้าวใส่เคนอิจิ
เคนอิจิปรายตามองลูกน้อง อย่างไม่รู้สึกเห็นค่า
“มันไม่ใช่คนของซะโต้”
“เป็นเจ้านายแต่เอาตัวรอด...รู้จักคำว่า ศักดิ์ศรี บ้างมั้ย”
โคจิมองหยัน โบกมือให้สัญญาณ ลูกน้องกลุ่มโอะนิซึกะต่างกระชากปืนออกมากราดกระสุนเข้าพังไนท์คลับ ปัง ๆ จนข้าวของพังกระจุยกระจาย สาวสวยหวีดร้อง หมอบหลบด้วยความตื่นตระหนกตกใจ เคนอิจิ และเหล่าลูกน้องกลุ่มซะโต้กระโดดหลบไปคนละทาง ชินอิจิชักปืนออกมาจะยิงตอบโต้ เคนอิจิตะโกนห้าม
“เฮ้ย...หยุด”
ชินอิจิชะงัก หันไปเห็นโคจิเอาปืนจ่อเคนอิจิอยู่ด้านหลัง ชินอิจิจึงรีบลดปืนทันทีที่เห็นเจ้านายตกเป็นตัวประกัน
“โอะนิซึกะโซเรียวสั่งให้มาฆ่าฉัน เพราะกลัวความยิ่งใหญ่ของซะโต้งั้นรึ” เคนอิจิกลัว แต่ปากดี
“โอะนิซึกะเป็นสายเลือดนักรบ ไม่ใช่อันธพาลชั้นต่ำอย่างพวกแก”
โคจิใช้สันปืนฟาดเข้าที่ท้ายทอยเคนอิจิจนล้มคว่ำลง พร้อมกับหันไปประกาศกร้าว
“ห้ามรีดไถเก็บค่าคุ้มครองจากชาวบ้านอีกเป็นอันขาด ต่อไปจะไม่มีคำเตือน”
โคจิกระชากปืนออกมากระหน่ำยิงข้าวของกระจุยกระจายไม่มีชิ้นดี แล้วจึงพยักหน้าสั่งลูกน้องโอะนิซึกะกลับ หันหลังเดินนำลูกน้องออกไป ชินอิจิรีบเข้าไปช่วยประคองเคนอิจิลุกขึ้น แต่กลับถูกเคนอิจิผลักจนล้ม ไม่ยอมให้ใครแตะต้องตัว
เคนอิจิพยายามยันตัวลุกขึ้นเองอย่างทุลักทุเล กวาดสายตามองความเสียหายรอบตัว เขากระชากปืนตัวเองออกมา เล็งตรงไปที่ลูกน้องที่โคจินำตัวมาส่งคืน ลูกน้องตัวสั่นด้วยความหวาดกลัว
“อย่านะครับนาย อย่า...”
เคนอิจิลั่นกระสุนออกไปเปรี้ยง แววตาอาฆาตแค้น
“โอะนิซึกะ...พวกแกยังรู้จักซาโตะน้อยไป”
เคนอิจิหน้าตาอาฆาตแค้นถึงขีดสุด
บ้านโอะนิซึกะในบรรยากาศยามเย็น...ทุกคนนั่งอยู่ในอ่างน้ำร้อนสี่เหลี่ยมขนาดใหญ่ของห้องอาบน้ำรวมสำหรับผู้ชาย ไดสุเกะ ริว ทาเคชิ นั่งอยู่คนละฝั่งกับอิจิโร่ ริกิ ซาโตชิ
ทาเคชินั่งเหม่อลอย ไดสุเกะมองอย่างสังเกต ริกิกับอิจิโร่กำลังคุยกันด้วยท่าทางจริงจัง
“โคจิพาลูกน้องกลับมาแล้ว...พวกอันธพาลซะโต้โดนสั่งสอนคราวนี้ คงทำให้พวกมันไม่กล้าทำร้ายชาวเมืองอีก” อิจิโร่น้ำเสียงพอใจ
“ดี...เพราะเมื่อคืนก่อนพวกมันเพิ่งบุกเข้าไปก่อกวนพื้นที่เช่าตามกฎหมายของฉัน ประกาศจะเข้ามาดูแลไนท์คลับในเขตของมิซาว่า” ริกิบอกยิ้มๆ
“ไอ้อันธพาลกระจอก คิดจะทำร้ายชาวบ้าน ไม่รู้จักเกรงใจสายเลือดนักรบที่สืบทอดมาหลายชั่วอายุคน”
ซาโตชิแทรกขึ้น
“ไอ้เคนอิจิประกาศตัวเป็นศัตรูกับพวกเราชัดเจน ไม่ได้เกรงกลัวท่านโอะนิซึกะโซเรียวเลย”
“ซะโต้ขยายตัวรวดเร็ว แอบเปิดบ่อนเถื่อน ลักลอบขนยาเสพติดผ่านมาทางขบวนสินค้ารถไฟของโอะนิซึกะ” ริกิบอกเล่าต่อ
อิจิโร่โกรธมาก หันไปสั่งไดสุเกะ
“คงต้องให้โคจิเล่นงานขั้นเด็ดขาด บ้านเมืองสงบสุขมานาน จะปล่อยให้มันทำร้ายชาวเมืองไม่ได้”
“ซาโตะมันก็แค่อันธพาลชั้นต่ำ เป็นได้แค่พวกโรนิน” ไดสุเกะเหยียดหยัน
“เราคงต้องร่วมมือกันจัดการ ไม่ให้พวกมันได้ผุดได้เกิด” ริกิหน้าเข้ม
ไดสุเกะชำเลืองมองทาเคชิ เห็นอาการเหม่อลอย จึงหันมาถามเบา ๆ
“ทำไมวันนี้เหม่อชอบกล”
“คิดถึงสาวสวยน่ะครับพี่ไดสุเกะ” ริวตอบแทน
ทาเคชิถลึงตาดุริว ที่ชิงเล่าให้ไดสุเกะฟัง ริวทำหน้าเป็นไม่รู้ไม่ชี้ ไดสุเกะรู้ทันว่าไม่ใช่ไอโกะ กระซิบเตือนทาเคชิด้วยความเป็นห่วง
“อย่าให้ลุงริกิกับไอโกะรู้เรื่องนี้นะ”
“คนหลังน่ากลัวสุด” ริวทำท่าขนลุกทะเล้นๆ
“ริว”
ทาเคชิปรามริวเสียงดังจน อิจิโร่ ริกิ ซาโตชิ หยุดการสนทนาแล้วหันมองเขาเป็นตาเดียว อิจิโร่จ้องทาเคชิเป็นเชิงตำหนิ ริกิมองทาเคชิ
“เสียดายที่ไอโกะติดอบรมมารยาทแม่บ้าน ไม่งั้นคงได้ทานข้าวเย็นกันพร้อมหน้า”
“อบรมแม่บ้าน”
ริวโพล่งขึ้นด้วยน้ำเสียงไม่เชื่อถือจน อิจิโร่ ริกิ ซาโตชิ หันขวับ ริวจ๋อยไป ริกิยิ้มเล่าถึงไอโกะต่ออย่างมีความสุข
ไอโกะในชุดกิโมโนตักผงชาเขียวใส่ถ้วยชา และตักน้ำร้อนหม้อต้มมาใส่ คนด้วยไม้คนชาจนแตกฟอง แล้วตั้งกระแทกต่อหน้าครูสอนชงชา...โครม ครูสะดุ้ง ครูยกถ้วยชาขึ้นมาด้วยมือขวา วางลงบนฝ่ามือซ้าย ยกถ้วยชาขึ้นจิบ ก่อนสำลัก ครูส่ายหน้าบอกไอโกะว่าชงชาไม่ได้เรื่อง โอโกะโกรธ คว้าถ้วยชาสาดใส่หน้าครูจนร้องลั่นห้อง
ไอโกะเรียนทำซูซิ ค่อย ๆ ยกมากิซูชิม้วนไปตามแผ่นไม้ไผ่ แต่ม้วนยังไงข้าวก็เละ หกออกมา ไอโกะหมดความอดทน ขยำข้าวและสาหร่ายปั้นเป็นก้อนกลม ๆ ก่อนเอายัดปากครูซะงั้น
ไอโกะเรียนจัดดอกไม้ เอาดอกไม้ ใบ กิ่ง ก้าน ปักมั่ว ๆ บนแจกันไปเรื่อย ครูหันมาเห็นดอกไม้ในแจกันก็ตกใจ บอกให้จัดใหม่ ไอโกะเอาดอกไม้ทั้งกำฟาดหน้าครู หงุดหงิดสุดๆ จนลูกน้องกลุ่มมิซาว่าต้องรีบเข้ามาช่วยดึงตัวออกไป
ในห้องอาบน้ำรวมสำหรับผู้ชาย...ริกิพูดถึงไอโกะด้วยความชื่นชมและภาคภูมิใจในตัวลูกสาวเป็นอย่างมาก แม้จะตรงข้ามกับความจริง
“ลูกไอโกะตั้งใจเรียนชงชา ชงได้รสชาติกลมกล่อม...ฝีมือทำซูชิของไอโกะก็ยอดเยี่ยม ศิลปะการจัดดอกไม้ของไอโกะ โดดเด่นมีพรสวรรค์...ลูกไอโกะตั้งใจเรียนจนคุณครูทุกคนเอ่ยปากชม”
ริวแอบอมยิ้มขำ ๆ เพราะมั่นใจว่าคนอย่างไอโกะไม่ได้เป็นอย่างที่ริกิพูด อิจิโร่ปรามริวด้วยสายตา ริวจึงต้องพยายามกลั้นขำไว้
“เราน่าจะกำหนดวันหมั้นให้เรียบร้อย โอะนิซึกะกับมิซาว่าจะได้ผูกพันกันมากกว่านี้” ริกิเข้าเรื่องทันที
“อึม...จริงของนาย” อิจิโร่เห็นดีด้วย
“แต่โซเรียวเคยบอกว่าจะรอให้ผมเรียนจบก่อน” ทาเคชิขัดขึ้น
อิจิโร่หันมาหา
“ช้าหรือเร็วแกก็ต้องหมั้นกับหนูไอโกะอยู่ดี”
“ผมอยากเรียนให้จบเพื่อออกมาช่วยกิจการที่บ้าน ก่อนจะคิดเรื่องส่วนตัว”
“ทำไมแกชอบค้านฉันทุกเรื่อง” อิจิโร่ไม่พอใจ
“ผมมีเหตุผลของตัวเอง ขอตัวก่อนนะครับลุงริกิ”
ทาเคชิก้มหัวเคารพริกิก่อนลุกออกไปดื้อ ๆ อิจิโร่มองตามด้วยสีหน้าเคร่งเครียด ไม่พอใจ
“เอาน่า...ทาเคชิเป็นเด็กหนุ่มรู้จักคิด คนฉลาดย่อมคิดถึงอนาคตก่อนเรื่องส่วนตัว”
ริกิตบบ่าอิจิโร่เบาๆ ทำเหมือนเข้าใจเพื่อน
อิจิโร่ผ่อนลมหายใจยาว สบตาเป็นเชิงขอบคุณที่ริกิเข้าใจ
สองพ่อลูกอยู่ในโถงบ้านมิซาว่า
“ทาเคชิทำเหมือนไม่อยากหมั้นกับไอโกะ” ซาโตชิบ่นอย่างหงุดหงิด
ริกิแววตาแข็งกร้าว เขาโกรธที่ทาเคชิปฏิเสธลูกสาวสุดที่รักของตน ซาโตชิไม่ค่อยพอใจ
“พ่อรู้.. แต่ยังอยากให้ไอโกะแต่งงานกับมัน”
“เป็นคำสัญญาที่มิซาว่ากับโอะนิซึกะเคยตกลงกันไว้”
“น่าจะมีอะไรมากกว่านั้น” ซาโตชิรู้ทัน
“เมื่อไหร่ที่ตระกูลมิซาว่าเกี่ยวดองกับตระกูลโอะนิซึกะ เมืองนี้จะไม่มีใครยิ่งใหญ่ไปกว่าเรา”
ริกิสีหน้ามาดมั่น ร้ายลึก
ค่ำนั้น ทาเคชินั่งมองรูปแพรวดาวที่นั่งอ่านหนังสืออยู่ใต้ต้นซากุระ แล้วพับดาวด้วยกระดาษสีหลายแบบ ด้วยใบหน้าเหม่อลอยอย่างตกอยู่ในภวังค์ ริวเดินเงียบเข้ามา เห็นท่าทางเหม่อของทาเคชิ จึงแกล้งโบกมือไปมาผ่านหน้าทาเคชิ
“เอามือออกไปไกล ๆ”
“อ้าว เห็นเหรอ...นึกว่าใจลอยไปหาสาวในรูปแล้ว”
“ฉันไม่ได้ตาบอด”
“แต่ตกหลุมรักจนหูอื้อ มือขยับ ยิก ๆ”
ริวพูดพลางมองมือทาเคชิที่ยังคงพับดาวอย่างคล่องแคล่ว ทาเคชิหยุดพับดาวในมือ เงยหน้ามองริวอย่างเอือมระอา
“ไม่ยุ่งสักเรื่องได้มั้ย”
“ไม่ได้ยุ่ง แค่อยากรู้ว่าทำไมต้องพับดาว”
“ชื่อไทยของเซโกะ คือ...แพรว-ดาว”
“โอ๊ะโอ...เป็นเอาหนัก” ริวหยิบดาวขึ้นมาดู “ขนาดของดาวแทนความคิดถึงเหรอ คิดนิดหน่อย...คิดถึงปานกลาง...คิดถึงม๊ากมาก”
ทาเคชิจ้องริวด้วยแววตาดุแบบนิ่ง ๆ ริวชะงัก ต้องวางดาวกระดาษไว้ตามเดิม ทาเคชิเก็บดาวหลายดวงหลายขนาดที่พับเสร็จไว้ในลิ้นชักซึ่งมีดาวหลายดวงที่เขาพับเก็บไว้
“น่าจะเอาดาวไปให้เซโกะเพื่อบอกความในใจ” ริวแนะ
“ฉันไม่อยากทำให้เธอเดือดร้อน”
ทาเคชิหยิบดาวดวงหนึ่งขึ้นมาดูอย่างเศร้าๆ ริวคิดทำอะไรสักอย่างให้ทาเคชิ
ในมหาวิทยาลัย วันใหม่...แพรวดาวกับมิโยะโกะ เพื่อนสนิท เดินคุยกันมาหยุดอยู่ตรงหน้าล็อกเกอร์เก็บของส่วนตัวที่อยู่ข้าง ๆ กัน มิโยะโกะหันมาบอก
“เดี๋ยวฉันช่วยติวให้เธอเอง”
แพรวดาวยิ้ม
“ขอบใจมากจ้ะมิโยะโกะ เธอเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของฉันจริง ๆ”
“แน่สิ...เพราะทั้งเมืองนี้ เธอสนิทกับฉันคนเดียว”
แพรวดาวกับมิโยะโกะหัวเราะกันขณะเปิดล็อกเกอร์ ก่อนชะงัก มิโยะโกะเห็นท่าทางแพรวดาว
“มีอะไรเหรอ”
แพรวดาวหยิบดาวกระดาษสีชมพูดวงหนึ่งออกมาจากล็อกเกอร์อย่างแปลกใจ
“ดาวกระดาษ”
“มาอยู่ในล็อกเกอร์ของฉันได้ไง” แพรวดาวสงสัย
มิโยะโกะมองดาวกระดาษในมือแพรวดาวด้วยความแปลกใจ
ที่โรงอาหารในมหาวิทยาลัยยามนั้น แพรวดาวกับมิโยะโกะยกจานอาหารมาวางบนโต๊ะ ขณะที่นั่งลง หันไปเห็นดาวกระดาษสีแดงวางใกล้ถาดอาหารหนึ่งดวง มิโยะโกะคว้าดาวกระดาษขึ้นมาพลิกดูไปดูมา ก่อนยื่นใส่มือแพรวดาวอย่างมั่นใจ
“ของเธอแน่ ๆ”
3 วันติดๆ กัน เกิดเหตุการณ์แปลกๆ กับแพรวดาว แทบทุกเช้า วันนี้แพรวดาวกับมิโยะโกะเดินขึ้นบันไดตึกเรียน คุยกันไปอย่างสนุกสนานจู่ ๆ ทั้งสองก็ชะงักพร้อมกัน เมื่อเจอดาวกระดาษสีเงินวางอยู่บนบันไดขั้นบนสุด มิโยะโกะพยักเพยิดบอกให้แพรวดาวหยิบดาวกระดาษขึ้นมา แพรวดาวลังเลสักพัก จึงตัดสินใจหยิบดาวกระดาษสีเงินมาเก็บไว้อีกดวง
วันต่อมา...แพรวดาวกับมิโยะโกะเดินหยิบแก้วกระดาษข้างตู้น้ำดื่ม มารองน้ำที่กดจากตู้ ดาวกระดาษสีเหลืองไหลออกมาจากตู้น้ำดื่ม ลอยอยู่ในแก้วน้ำ แพรวดาวอึ้งๆ งงๆ ที่มีดาวกระดาษไหลออกมาจากตู้น้ำดื่ม
ในวันถัดมา...แพรวดาวกับมิโยะโกะเดินออกมาจากสถานีรถไฟ โบกมือลากัน แล้วเดินแยกกันกลับบ้านคนละทาง เด็กชายคนหนึ่ง วิ่งเข้ามาชนแพรวดาวจนเกือบล้ม เธอไม่ถือสา แต่กลับถามไถ่เด็กด้วยความเป็นห่วง เด็กส่ายหน้ายืนยันว่าไม่เป็นไร ก่อนยื่นดาวกระดาษสีม่วงให้หนึ่งดวง
แพรวดาวรับดาวกระดาษไปจากมือเด็ก กำลังจะเอ่ยถาม เด็กชายก็วิ่งหนีไปแล้ว
ค่ำนั้น แพรวดาวอยู่ในห้องนอน กำลังหย่อนดาวกระดาษสีม่วงลงในขวดโหลขนาดน่ารักใบหนึ่ง ภายในขวดโหลเต็มไปด้วยดาวกระดาษมากมายหลายขนาด หลากสี แพรวดาวอมยิ้มมองดาวกระดาษในขวดโหล รู้สึกสุขใจอย่างแปลกประหลาด
ทาเคชิอยู่ในห้องนอน นั่งมองภาพแพรวดาวที่ตัวเองแอบถ่ายไว้ เขายิ้มให้กับภาพถ่าย...เขาพับดาวเสร็จไปอีกดวงหนึ่ง หยิบดาวขึ้นมาดูอย่างชื่นชอบ
วันใหม่...ทาเคชิ เดินนำคัตซึ เซกิ ออกมาจากมุมหนึ่ง เห็นแพรวดาวกับมิโยะโกะเดินคุยกันมาอีกทาง ทาเคชิรีบหลบ ทำให้คัตซึกับเซกิต้องคอยหลบตาม งง ๆ
“มีอะไรหรือครับนายน้อย” คัตซึถามอย่างไม่เข้าใจ
ทาเคชิจุ๊ปาก เพื่อให้คัตซึและเซกิเงียบ มิโยะโกะคุยกับแพรวดาวโดยไม่ทันสังเกตเห็นทาเคชิกับลูกน้อง
“พักนี้เซโกะหน้าตาสดชื่นขึ้น เป็นเพราะดาวกระดาษใช่มั้ย”
“ไม่เกี่ยวกันสักหน่อย”
แพรวดาวปฏิเสธทั้งที่อมยิ้มเขินอาย ทาเคชิเผลอยิ้มตามรอยยิ้มของแพรวดาว ก่อนสายตาสะดุดอยู่ที่ดาวกระดาษในมือหญิงสาวรู้สึกคุ้น ๆ ในใจเต็มไปด้วยความสงสัย
ริวแอบซุ่มดูแพรวดาวอยู่บนตึกเรียน ริมระเบียง เห็นเธอกับเพื่อนเดินใกล้เข้ามาทางมุมที่เขายืนอยู่ ริวเอาดาวกระดาษสีเขียวออกมาจากกระเป๋าเสื้อ ขยับตัวไปใกล้ริมระเบียงอีก เตรียมหย่อนดาวกระดาษลงไปให้แพรวดาว มือคัตซึสะกิดเรียกริวจากด้านหลัง ริวปัดมือไล่โดยไม่ได้หันมามอง คัตซึและเซกิช่วยกันสะกิดเรียกริว ยิก ๆ ริวปัดมือไล่อีกเริ่มหงุดหงิด
“กามเทพกำลังจะส่งสารรัก อย่าเพิ่งกวนได้มั้ย”
คัตซึกับ เซกิพูดพร้อมกัน
“ไม่ได้ครับ”
ริวหันขวับมาเจอคัตซึกับเซกิ ข้าง ๆ ทาเคชิยืนจ้องอยู่อีกคน ริวสะดุ้งโหยง
“แอบเอาดาวกระดาษของฉันมาให้เซโกะทุกวันใช่มั้ย” ทาเคชิถามเสียงเข้ม
“ฉันทำตามหน้าที่” ริวยิ้มแหยๆ
“ไม่ได้สั่ง”
“แต่ฉันรู้ใจ หัวใจของแกมันตะโกนบอกฉัน”
คัตซึ เซกิ หลุดหัวเราะคิก ขำริว ทาเคชิหันไปกำชับคัตซึกับเซกิ น้ำเสียงจริงจัง
“เรื่องนี้เป็นความลับ ห้ามไม่ให้ใครรู้เป็นอันขาด”
คัตซึกับ เซกิน้อมรับคำสั่ง
“ครับนายน้อย”
ทาเคชิมองหน้าริว
“ส่วนแก ไอ้ริว”
ริวสวนทันที...กะล่อน
“ฉันเข้าใจว่าแกซาบซึ้งในสิ่งที่ฉันทำ แต่ไม่เป็นไรญาติสุดเลิฟ...ฉันเต็มใจ หลังจากนี้แกก็รับหน้าที่ส่งดาวกระดาษให้เซโกะด้วยตัวเองซะ”
“ไม่”
“เซโกะชอบดาวกระดาษของแกมาก ถ้าวันไหนแกไม่ส่งให้เธอคงเสียใจ เฮ้อ...น่าสงสารสาวน้อยผู้เฝ้ารอดาวกระดาษ”
ริวส่งดาวกระดาษสีเขียวใส่มือทาเคชิ เขามองดาวกระดาษในมืออย่างสองจิตสองใจ
บริเวณมหาวิทยาลัยร่มรื่น...ริวเดินตามทาเคชิที่กำลังพยายามมองหาแพรวดาว ริวเดินตามแล้วยิ้มๆ แกล้งยั่ว
“หาสาวไม่เจอ...จ๋อยเลย น่าสงสารจริงๆ ทำหน้าเหี้ยมให้สมกับเป็นทายาทนักรบผู้ยิ่งใหญ่ ผู้ปกป้องดูแลเมืองนี้หน่อยสิ”
“ฉันไม่เห็นจะภูมิใจเลย...ชีวิตของนักรบ ไม่สนใจอะไรนอกจาก ฆ่า กำจัดอันธพาล” ทาเคชิสีหน้าและน้ำเสียงจริงจัง “ชีวิตของคน...มันน่าจะมีคุณค่ามากกว่านั้น”
ริวมองทาเคชิด้วยความเข้าใจ
“ทาเคชิ”
ไอโกะส่งเสียงหวานถลาเข้ามาคล้องแขนทาเคชิอย่างรวดเร็ว
“คิดถึงจังเลย ไม่ได้เจอทาเคชิตั้งนาน”
ทาเคชิพยายามขยับแขนออกจากการเกาะกุมของไอโกะ อย่างไม่ให้น่าเกลียด
“ทำไมไม่เข้าไปหาไอโกะที่บ้านบ้าง เดี๋ยวนี้ไอโกะจัดดอกไม้ประดับบ้านทุกวันเลยนะ”
“แน่ใจเหรอว่าประดับ”
ริวมองหน้าไอโกะ แสดงให้เห็นชัดว่าไม่เชื่อ
“ทำไมริวซังพูดแบบนี้ ไอโกะเรียนจัดดอกไม้ครบทุกคอร์สแล้วนะ”
“เรียนน่ะเชื่อ แต่เรียนแล้วได้อะไรรึเปล่า...ผมม่ายรุ”
“ริว”
ไอโกะกระแทกเท้าไม่พอใจ ริวยิ้มทะเล้น รีบเลี่ยงไปอย่างรวดเร็ว ทาเคชิได้แต่ถอนใจอย่างเอือมระอา
อ่านต่อหน้า 4
รอยรักหักเหลี่ยมตะวัน ตอนที่ 1 (ต่อ)
สองหนุ่มสาวอยู่ในบริเวณสวนหินของมหาวิทยาลัย ไอโกะเอียงศีรษะแนบไหล่ของทาเคชิ พูดน้ำเสียงออดอ้อน
“เราน่าจะกำหนดวันแต่งงานกันได้แล้วนะคะ”
“ไอโกะยังเรียนอยู่ปีสามเองนะ”
“คุณพ่อมีมรดกเยอะแยะ ไม่ต้องเรียนก็ได้”
“ผมอยากเรียนให้จบก่อน ไหนจะต้องเรียนรู้งานของครอบครัวอีกล่ะ”
“มิซาว่ากับโอะนิซึกะทรัพย์สินมากมาย เราไม่ต้องทำอะไรก็มีกินไปทั้งชีวิต”
ทาเคชิชำเลืองมองไอโกะอย่างนึกรังเกียจความสิ้นคิด
“ผมภูมิใจที่จะทำงานหาเลี้ยงตัวเอง”
“งั้นทาเคชิทำงานเล็กๆ น้อยๆ ปล่อยให้พี่ไดสุเกะทำเรื่องใหญ่ๆ ไป เราไม่ใช่พี่ใหญ่...ไม่ต้องเหนื่อยมาก แต่งงานแล้วเราก็ไปเที่ยวรอบโลก”
ไอโกะวาดฝันสวยงามมีความสุข ทาเคชิเครียดอึดอัดใจมาก พยายามมองหาแพรวดาวแต่ไม่พบ ไอโกะสังเกตเห็น
“ทาเคชิมองหาใครเหรอ”
“เปล่า...”
ทาเคชิตอบอย่างเสียไม่ได้ เดินหนีไอโกะ แต่ไม่พ้น...ไอโกะเกาะแขนทาเคชิควงอยู่อย่างนั้น
ค่ำนั้น แพรวดาวกลับมาจากไปเรียน มาซาโกะคอยนับจำนวนผลไม้อยู่ที่หน้าร้านผลไม้ แพรวดาวเดินเข้าไปหา
“ลังแอปเปิ้ลหน้าร้าน...หนูยกไปไว้ข้างในเลยนะจ้ะ ยกไปเบา ๆ ล่ะ เดี๋ยวช้ำหมดจะขายไม่ได้”
มาซาโกะพูดจบแล้วหันไปนับผลไม้บนชั้นต่อ แพรวดาวหันมาจะยกลังแอปเปิ้ลที่อยู่หน้าร้าน แต่มีมือผู้ชายเข้ามาหยิบแอปเปิ้ลจากในลังไปทันที
“ร้านปิดแล้วนะคะ”
แพรวดาวเงยหน้าขึ้นไปมองคนที่หยิบแอปเปิ้ลแล้วชะงักไป โกะโร่และซูจิ ยืนจ้องหน้าแพรวดาว
“ถ้ายังไม่จ่ายเงินก็ปิดร้านไม่ได้” โกะโร่เสียงเข้ม
มาซาโกะหันมาเห็นก็ตกใจรีบเข้าไปหาโกะโร่ทันที
“ขอโทษทีจ้ะ เด็กที่ร้านเป็นคนต่างชาติจ้ะ ไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไร อย่าถือสานะจ๊ะ” มาซาโกะหันไปสั่งแพรวดาว “เซโกะหยิบผลไม้มาอย่างละ 3- 4 ลูก ให้คุณไปทานด้วย”
แพรวดาวยังอึ้งๆ งงๆ แต่ก็รีบจัดผลไม้ให้โกะโร่และซูจิไป มาซาโกะหยิบเงินให้ไปด้วย มาซาโกะเห็นโกะโร่และซูจิเดินพ้นร้านไปแล้วหันมาบอกแพรวดาว
“เขาเป็นคนโอะนิซึกะ...มาเก็บเงินเราทุกอาทิตย์”
“เราต้องจ่ายเขาเท่าไหร่คะ”
“ก็แล้วแต่ ถ้าขายได้มากก็จ่ายมาก ขายได้น้อยก็จ่ายน้อย”
“ทำแบบนี้เอาเปรียบคนทำมาหากินชัดๆ”
มาซาโกะรีบเอามือปิดปากแพรวดาวทันที
“อย่าพูดแบบนี้สิเซโกะ ป้าและชาวเมืองทุกคนยินดีจ่ายให้ท่านโอะนิซึกะโซเรียว ตอบแทนที่ท่านช่วยดูแลพวกเราเป็นอย่างดีจ้ะ”
แพรวดาวมองมาซาโกะด้วยสายตาไม่เข้าใจ
ในสวนญี่ปุ่น บ้านโอนิซึกะ...อิจิโร่ ไดสุเกะ ทาเคชิ และ ริว เดินอยู่ในสวน
“ความจริงถ้ามีเวลาคุณพ่อน่าจะชวนคุณแม่ไปเที่ยวบ้างนะครับ ขึ้นไปทางเหนือก็ได้ เขาว่าช่วงนี้อากาศกำลังดี” ไดสุเกะพูดขึ้น
ริวแทรกขึ้น
“ผมว่าพี่ไดสุเกะน่าจะไปสวีทวี๊ววิ้วกับพี่สะใภ้มากกว่า จะได้มีตัวน้อยมาให้คุณลุงซะที”
ชายคนหนึ่งแอบอยู่บนกำแพงมองกลุ่มอิจิโร่ คุยกันอยู่ โดยมีโคจิคุ้มกันอยู่ใกล้ ๆ ชายคนนั้นกระโดดลงจากกำแพงแล้วรีบหลบเข้าไปมุมหนึ่งในสวน พวกอิจิโร่ชะงักไปเพราะได้ยินเสียง
“เสียงอะไร” ทาเคชิสงสัย
ทุกคนมองไปรอบ ๆ บ้านแต่ไม่เห็นอะไร ทันใดนั้นมีเสียงดังมาจากอีกด้านของสวน ทั้งหมดหันไปมองแล้วชักดาบที่ข้างตัวออกมาทันที โคจิรีบเข้าไปคุ้มกันอิจิโร่อย่างรวดเร็ว
ส่วนทาเคชิ ไดสุเกะและริววิ่งแยกกันไปคนละมุมของสวน
ชายชุดดำโพกผ้าปิดหน้า พุ่งสวนออกมาจากพุ่มไม้แล้วกระโจนเข้าไปที่ไดสุเกะ ทั้งสองล้มไปกองที่พื้น ทาเคชิวิ่งเข้าไปเงื้อดาบจะฟัน ชายชุดดำรีบกลิ้งตัวหลบ ลุกขึ้นมาต่อสู้กับ ทาเคชิ ริวและไดสุเกะ อย่างคล่องแคล่ว
ชายชุดดำโดน ทาเคชิ ไดสุเกะ และ ริว ล้อมวงไว้ แต่สามารถต่อสู้ได้อย่างเก่งกาจ สามารถหลบคมดาบและสู้กลับได้ ไดสุเกะพลาดท่าโดนเล่นงานจนล้มคว่ำไป ทาเคชิและริวพุ่งเข้ามาจะจัดการแต่ชายชุดดำม้วนตัว หันมาเล่นงานทาเคชิกับริวจนย่ำแย่ ก่อนจะพุ่งเข้าไปจัดการอิจิโร่ แต่โคจิขวางไว้ ชายชุดดำโยนดาบขึ้นฟ้า แล้วกระชากมีดสั้น...ปาไปที่โคจิทันที มีดสั้นลอยหมุนพุ่งเข้าไป โคจิต้องรีบโดดหลบไปอีกทางหนึ่ง ชายชุดดำม้วนตัวพุ่งไปที่อิจิโร่ ยกมือขึ้นรับดาบที่โยนขึ้นฟ้าไว้...แล้วตวัดปลายดาบมาจรดที่คออิจิโร่ทันที ทุกคนอึ้งช็อคไป
“พ่อ” ทาเคชิกับไดสุเกะตกใจ
อิจิโร่จ้องตาชายชุดดำอย่างไม่เกรงกลัว....ค่อยๆ ยิ้ม ปรบมือให้เบา ๆ อย่างพอใจ
“สมแล้วที่เป็นคนของโอะนิซึกะ ทำได้ดีมาก”
ทุกคนมองหน้ากันอึ้งๆ งงๆ
“คนของโอะนิซึกะ” ริวแปลกใจ
อิจิโร่มองหน้าชายชุดดำแล้วพยักหน้าให้
“เธอสอบผ่านแล้ว”
ชายชุดดำลดปลายดาบลง ถอยออกมาจากอิจิโร่ พร้อมโค้งตัวต่ำให้ความเคารพอิจิโร่ทันที ชายชุดดำเงยหน้าขึ้นแล้วค่อย ๆ ดึงผ้าโพกหน้าออก เขาคือทาโร่ ชายหนุ่มหน้าตาดี รูปร่างดี โคจิโพล่งออกมาเสียงดัง
“ทาโร่”
ทาโร่ยิ้มให้พ่อทันที
อิจิโร่นั่งอยู่ด้านหน้า ไดสุเกะ ทาเคชิ และริว นั่งเรียงไปตามลำดับ ทาโร่นั่งอยู่กลางห้องคู่กับโคจิ
“นี่คือ ทาโร่ ซาซากิ ลูกชายคนเดียวของผมเอง” โคจิแนะนำ
ทาเคชิมองอย่างชื่นชม
“ฝีมือดาบดีมาก...สมแล้วที่เป็นลูกของอาโคจิ”
“ไม่ใช่แค่ดีมาก สามารถต่อสู้กับพวกเราได้ เรียกว่าไม่ธรรมดา” ริวเสริม
“อาโคจิเคยบอกว่าส่งลูกไปเรียนที่เมืองอื่น จบแล้วเหรอ” ไดสุเกะแปลกใจ
“เพิ่งจบครับ” ทาโร่ยิ้มแย้มบอก
“ส่งไปเรียนหวังจะให้กลับมาดูแลนายน้อย ไม่นึกว่ากลับบ้านมาไม่กี่วันจะแอบมาทดสอบฝีมือแล้ว” โคจิหันมาหาลูกชาย “ทำไมไม่บอกพ่อก่อน”
อิจิโร่ยกมือขึ้นห้าม
“ฉันสั่งเองว่าถ้าพร้อมเมื่อไหร่ก็ให้มารายงานตัว มาได้เร็วทันใจจริงๆ”
“ผมขอโทษที่ใจร้อนครับโซเรียว” ทาโร่โค้ง
อิจิโร่ยิ้มพอใจ
“ไม่ต้องขอโทษ เริ่มทำงานพรุ่งนี้เลย โอะนิซึกะต้องการคนเก่งแบบนี้มาทำงานด้วย”
โคจิและทาโร่รีบโน้มตัวลงหัวจรดพื้นทันที
“ขอบคุณครับโซเรียว”
โคจิและทาโร่เงยหน้าขึ้นมาแล้วยิ้มอย่างภาคภูมิใจ
เช้าวันใหม่...แพรวดาวเดินมาตามทางในมหาวิทยาลัย บนพื้นเต็มไปด้วยกลีบดอกซากุระร่วงหล่นจากต้น เธอนั่งลงตรงม้านั่งด้วยความหลงใหลในธรรมชาติ เงยหน้าขึ้นมองกลีบดอกซากุระลอยคว้างไปตามกระแสลม ซากุระดอกหนึ่งร่วงหล่นบนตัก เธอหยิบมันขึ้นมาดมกลิ่นหอมนวล ๆ ยิ้มมีความสุข
“อรุณสวัสดิ์ครับ”
ริวเข้ามาโค้งคำนับแพรวดาวอย่างสุภาพ
“เอ่อ...คุณ...ฉัน...”
แพรวดาวเสียงสั่น ตกใจ เพราะเข้าใจว่าริวเป็นคนของกลุ่มมาเฟียที่น่ากลัว ริวขำท่าทางของเธอ
“ไม่ต้องกลัวนะครับ โอะนิซึกะไม่เคยทำร้ายผู้หญิง”
“คุณมีธุระอะไร ฉันต้องรีบเข้าเรียน”
แพรวดาวรีบออกตัว หาทางเลี่ยงไปจากริว
“ผมแค่อยากได้ดอกซากุระในมือคุณ”
“อะไรนะคะ”
ริวยื่นมือเข้ามาใกล้ แพรวดาวตกใจรีบวางดอกซากุระใส่มือริว
“ฉันไม่รู้ว่าที่นี่ไม่อนุญาตให้เก็บดอกไม้”
แพรวดาวรีบลุกขึ้นปัดดอกไม้และดอกซากุระออกไปจากตัวจนหมด
“ไม่มีดอกไม้ติดตัวฉันสักกลีบ ฉันไปได้แล้วใช่มั้ยคะ”
ริวแกล้งทำหน้าเคร่งขรึม พยักหน้าอนุญาต แพรวดาวรีบจ้ำเท้าเดินจากไปอย่างรวดเร็ว ริวมองตามหลังหลุดขำออกมาอย่างอดกลั้นไม่ได้
ริวตรงมาหาทาเคชิที่นั่งม้านั่งห่างจากแพรวดาวเพียงเล็กน้อย ยื่นดอกซากุระให้ทาเคชิที่ยังคงมองเขาอยู่ตลอดเวลา
“ดอกไม้ในมือนาง กลิ่นหอมของเธอยังหอมกว่าดอกไม้เสียอีก”
ริวทำเสียงล้อเลียน แกล้งจะยกดอกซากุระขึ้นดม แต่ถูกมือทาเคชิคว้าไปเสียก่อน
“ทะลึ่ง”
ทาเคชิรีบเอาดอกซากุระใส่กระเป๋าเสื้อตัวเอง ริวหัวเราะชอบใจ ขณะนั่งลงข้างๆ
“เซโกะน่ารักดี...ถ้าแกไม่จีบ ฉันจะจีบนะโว้ย”
ทาเคชิมองริวสายตาดุดัน แทนคำตอบว่าไม่อนุญาต
“ก็ถ้าไม่จีบแล้วจะหวงทำไม”
“ฉันไม่อยากให้ไอโกะทำร้ายเซโกะ”
“วันนี้ไอโกะไปดูชุดกับแหวนหมั้น คงไม่มีเวลาตามจิกแกหรอก”
ริวเห็นทาเคชินิ่งครุ่นคิด จึงเข้าไปจิ้มแผงอกทาเคชิเพื่อเตือนสติ
“เข้าไปคุยหน่อยน่า...อกจะได้ไม่หนัก เพราะแบกรักไว้ล้นใจ”
ทาเคชิออกอาการลังเล
ทาเคชิยืนนิ่งเคร่งขรึม แต่ส่งสายตาเฝ้ามอง เหมือนรอใครบางคนอยู่ตรงประตูทางออกมหาวิทยาลัย นักศึกษาหลายคนจำทาเคชิได้ สะกิดกันมองด้วยความประหลาดใจ
ทาเคชิปั้นหน้านิ่งไม่สนใจจนเห็นแพรวดาวเดินออกมาพร้อมมิโยะโกะ ดวงตาของเขาก็สว่างวาบทันที มิโยะโกะยิ้มแย้มบอกแพรวดาว
“พรุ่งนี้เจอกันนะ”
แพรวดาวยิ้มให้เพื่อน
“โชคดีจ้ะ”
มิโยะโกะและแพรวดาวก้มศีรษะให้กัน แล้วแยกย้ายกันไปคนละทาง ทาเคชิจึงค่อยก้าวเดินตามแพรวดาวห่าง ๆ
ภายในรถไฟแน่นขนัด...ทาเคชิหยอดเหรียญเงินลงในกล่องข้างคนขับแล้วก้าวตามแพรวดาวเข้าไปอย่างเงียบ ๆ แพรวดาวหยุดยืนโหนราวตรงกลาง ระหว่างเก้าอี้ไม้สองฝั่งร่วมกับนักศึกษาคนอื่นโดยไม่ทันสังเกตเห็นใครบางคนที่ยืนอยู่ด้านหลัง ทาเคชิยืนมองผมดำยาวสลวยที่มัดรวบขึ้นสูงของแพรวดาวจากด้านหลัง เขาสูดกลิ่นหอมอ่อน ๆ ที่รวยระรินจากตัวหญิงสาว ยิ้มชื่น หัวใจเป็นสุข
แพรวดาวแวะเข้ามาซื้อของในร้านซุปเปอร์ขนาดเล็ก ทาเคชิเดินตามเข้ามา แกล้งเดินไปเลือกสินค้าใกล้ ๆ เขาเดินตามเธอไปตามมุมต่าง ๆ ในร้าน จะเข้าไปชวนคุยแต่ก็ไม่กล้า ต้องเดินหนีไปตั้งหลักอีกมุม ทาเคชิเห็นแพรวดาวเลือกสินค้า เขาสูดหายใจรวบรวมความกล้าเดินเข้าไปหาเธอตรง ๆ
“อุ๊ย...”
เสียงอุทานเล็ก ๆ ของแพรวดาว ทำให้ทาเคชิต้องก้มมองตามสายตาเธอ เห็นเท้าของเขาเหยียบลงบนรองเท้าสีขาวของเธออย่างจัง ทาเคชิตกใจ รีบดึงเท้ากลับ ก้มศีรษะขอโทษในความซุ่มซ่ามของตัวเอง
“ขอโทษครับ… ผมไม่ได้ตั้งใจ”
“คุณ...” แพรวดาวชะงัก
ทาเคชิรีบยกนิ้วขึ้นแตะปากแพรวดาว
“อย่าพูดดังไป ผมไม่อยากให้คนรอบข้างสนใจ”
ทาเคชิกระซิบบอก แพรวดาวพยักหน้ารับรู้ ชายหนุ่มจึงค่อย ๆ ลดมือลง ทาเคชิปั้นหน้าขรึมเพื่อกลบเกลื่อนความประหม่า
“ผมมาเยี่ยมเพื่อนแถวนี้ คุณก็อยู่แถวนี้เหรอ”
“ค่ะ ฉันขอตัวก่อนนะคะ”
แพรวดาวโค้งตัวอย่างรวดเร็ว จะรีบเลี่ยงทาเคชิ
“เดี๋ยวสิ...ผมมาเยี่ยมเพื่อนที่เป็นหวัด คุณช่วยผมเลือกของเยี่ยมไข้หน่อยได้มั้ย”
“เพื่อน ผู้หญิงเหรอ”
“ผู้ชายครับ”
แพรวดาวสองจิตสองใจที่จะช่วยทาเคชิ
ทาเคชิหิ้วถุงผลไม้และถุงข้าวของของแพรวดาว เดินคุยกับเธอมาตามทาง
“ขอบคุณที่ช่วยผมเลือกผลไม้นะครับ”
“ไม่เป็นไรค่ะคุณโอะนิซึกะ”
“เรียกผมว่า ทาเคชิ ก็ได้ครับ”
แพรวดาวพยักหน้ารับคำ ไม่กล้าทำตัวสนิทสนมกับทาเคชิ
“บังเอิญจังเลยนะครับ ที่บ้านเพื่อนผมไปทางเดียวกับบ้านคุณ”
“นั่นสิคะ”
ทาเคชิแอบยิ้ม สายตาเจ้าเล่ห์
“นักเรียนทุนจากประเทศไทยเก่งเหมือนคุณทุกคนรึเปล่า”
“อย่างฉันต้องเรียกว่าโชคดี ได้เป็นผู้หญิงไทยในจำนวนไม่กี่คน ที่ได้ทุนมาเรียนต่อที่นี่”
“คุณพ่อ คุณแม่ของคุณคงภูมิใจมาก”
“ไม่เลยค่ะ พ่อฉันคัดค้านหัวชนฝา ถ้าไม่ได้อาจารย์ที่ปรึกษาช่วยพูด ฉันคงไม่มีโอกาสได้มาเรียนที่นี่”
“และผมคงไม่มีโอกาสได้เจอคุณ”
แพรวดาวหยุดกึก เงยหน้าขึ้นสบตาทาเคชิ อึ้ง ๆ ทั้งสองจ้องมองกันราวกับตกอยู่ในภวังค์
“ถึงบ้านฉันแล้วค่ะ”
“ครับ”
ทาเคชิยื่นถุงให้แพรวดาวด้วยความเสียดาย อยากมีโอกาสอยู่กับเธอให้นานกว่านี้
“ขอบคุณที่ช่วยถือของมาให้นะคะ”
แพรวดาวโค้งให้ทาเคชิ แล้วเปิดประตูรั้วเตี้ย ๆ หน้าบ้านเข้าไป ทาเคชิยืนมองตามด้วยความอาลัย แพรวดาวหันหลังกลับมามองเขาอย่างอดไม่ได้ ทาเคชิโบกมือให้พร้อมส่งยิ้มหวานบาดหัวใจ แพรวดาวโบกมือตอบ ลนลานหมุนลูกบิดเข้าไปในบ้านด้วยหัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะ
แพรวดาวยืนนิ่งอยู่ด้านหลังประตู พยายามสะบัดความคิดบางอย่างออกไป
“เราอยู่คนละสังคม...เขาไม่มีทางชอบผู้หญิงต่างชาติอย่างเราหรอก”
เธอพยายามคิดให้ตัวเองสบายใจขึ้น แต่ก็อดอบอุ่นวาบไม่ได้ เมื่อนึกถึงทาเคชิ
ทาเคชิยังคงยืนนิ่งอยู่หน้าบ้าน มองประตูที่ปิดลับไปแล้ว ยกมือข้างที่แตะปากของแพรวดาว
มาประทับจูบให้ตัวเองด้วยหัวใจที่เบ่งบาน ทาเคชิตัดใจหมุนตัวเดินกลับมาทางเดิม รถของเขาจอดอยู่ไม่ไกลนัก ริวยืนผิวปากอยู่ข้างรถ รอ ทั้งสองยิ้มรู้กัน
ริวขับรถ และหันมาถามทาเคชิที่ท่าทางเหม่อ คอยเอามือขึ้นมาแตะริมฝีปากตัวเองบ่อย ๆ อย่างอดไม่ได้
“มือเป็นอะไรวะ”
“หือ” ทาเคชิลดมือลง งงๆ
“ฉันถามว่า มือแกเป็นอะไร” ริวถามช้า ๆ ชัดๆ
“เปล่า...ไม่มีอะไร”
“คุยเสร็จก็เหม่อ คืนนี้คงกลับไปนอนฝันดี”
“เซโกะเป็นผู้หญิงที่น่ารักมาก ได้อยู่ใกล้แล้วมีความสุข”
“เป็นเอามาก”
ริวหัวเราะเบาๆ ไม่คิดว่าความน่ารักของแพรวดาวทำให้ทาเคชิละเมอเพ้อพกได้ขนาดนี้
ยามค่ำคืน อิจิโร่เดินเข้ามานั่งบนเบาะตรงหัวโต๊ะสี่เหลี่ยมเตี้ย ๆ บนเสื่อทาทามิตรงมุมทานอาหารบ้านโอะนิซึกะ ทาเคชิกับริวนั่งประจำตำแหน่งซ้ายมือของอิจิโร่ ถัดจากไดสุเกะ ฝั่งขวามืออิจิโร่มีฮิเดโกะนั่งอยู่ ถัดไปคือคุมิโกะ
“อิตาดาคิมัสสึ...ขออนุญาตเริ่มทานนะครับ”
ทาเคชิกับ ริวพูดขึ้นพร้อมกัน ทุกคนเริ่มรับประทานอาหารกันเงียบ ๆ จนอิจิโร่เอ่ยขึ้น
“วันนี้ไดสุเกะมีข่าวดีมาบอก”
อิจิโร่ชำเลืองมองไดสุเกะ ใบหน้าเคร่งขรึมของเขามีรอยยิ้มประดับ
“พ่อกำลังจะได้เป็นปู่”
“จริงเหรอครับ” ริวตื่นเต้น
“หมอเพิ่งยืนยันเมื่อบ่ายนี้” ไดสุเกะยิ้ม
ทาเคชิและสมาชิกในครอบครัวทุกคนต่างยิ้มแย้มด้วยความดีใจ
“ดีใจด้วยครับพี่ไดสุเกะ”
อิจิโร่มองลูกสะใภ้
“มีหลานให้พ่อหลาย ๆ คนนะ ได้ลูกหลานมาช่วย กิจการจะได้เจริญรุ่งเรือง”
คุมิโกะยิ้มอาย ๆ ก้มศีรษะรับพร้อมไดสุเกะ
“ครับพ่อ”
อิจิโร่ยกแก้วสาเกขึ้นมาดื่ม แล้วหันไปบอกริว
“วันนี้ลุงทาบทามลูกสาวเจ้าของบริษัททากาฮาชิขนส่งให้แกแล้ว”
“อะไรนะครับ”
ริวอ้าปากค้าง มือที่คีบตะเกียบชะงักกลางอากาศ ได้ยินในสิ่งที่ไม่คาดฝัน อิจิโร่ยิ้มแย้มนำเสนอ
“หนู มายูมิ ลูกสาวคนโตของฮิโระ ทากาฮาชิ หนูมายูมิเป็นเด็กเฉลียวฉลาด เรียนเก่ง...เป็นประธานนักเรียนถึงสามปีซ้อน นอกจากความเฉลียวฉลาด มายูมิยังมีความสามารถทางด้านกีฬาเคนโด้ ที่เด็กสาวน้อยคนจะให้ความสนใจ”
ในอดีต...มายูมิในชุดนักเรียนมัธยมปลาย มัดเปียสองข้างเดินยิ้มแย้มภาคภูมิใจในตัวเอง สะพายกระเป๋าในมือถือโล่นักเรียนเรียนดี มายูมิยกโล่ในมือขึ้นมาดู ยิ้มยินดี...มายูมิเอาโล่มาอวดพ่อ ฮิโระกอดลูกด้วยความรัก
สนามบ้าน มายูมิกำลังตวัดดาบไม้ต่อสู้กับคู่แข่งอย่างเร้าใจ ตีรุกไล่บ้าง ตั้งรับบ้าง...มายูมิเงื้อดาบไม้ตวัดดาบเล่นงานจุดตายคู่ต่อสู้ได้อย่างน่าทึ่ง ฮิโระยกมือยุติการต่อสู้ มายูมิถอดเม็งออก เผยให้เห็นใบหน้าที่มุ่งมั่น และสวยสง่าของมายูมิ
ริวโวยเมื่อรู้ว่าตัวเองต้องหมั้นกับเด็กมัธยม
“แต่เธอเพิ่งเรียนมัธยมปลายเองนะครับ”
อิจิโร่มองริวอย่างเริ่มไม่พอใจ
“ปีหน้ามายูมิก็เรียนมหาวิทยาลัยแล้ว หมั้นพร้อมทาเคชิเสียเลย จะได้จัดงานใกล้ ๆ กัน ทากาฮาชิไม่ยอมขายกิจการเดินเรือให้เรา ถ้าได้เป็นทองแผ่นเดียวกันก็คงพูดง่าย”
“ครับโซเรียว”
ริวตอบอิจิโร่ หงอย ๆ นั่งเงียบไป ทาเคชิสบตาริวด้วยความเข้าใจหัวอกเดียวกัน
ริวทิ้งตัวลงนั่งริมสวน โวยวายด้วยความหงุดหงิด
“ไม่อยากเชื่อเลยว่าโซเรียวจะให้ฉัน แต่งงานกับยายเด็กมัธยมปลาย”
“นึกว่าเป็นหลานแล้วจะรอดเหรอ”
ทาเคชิหยิบดอกซากุระแห้งขึ้นมาดม ก่อนสอดเก็บไว้ในตำราเล่มโต
“เราทำตามใจตัวเองได้แค่ในฝัน”
“เออว่ะ”
ริวทิ้งตัวลงนอนกลางสวน สายตาเหม่อมองท้องฟ้า ทาเคชิทิ้งตัวลงนอนกลางสวน ข้าง ๆ ริว
“ไอโกะไม่ใกล้เคียงผู้หญิงในฝันของฉันเลย แกยังโชคดีที่เด็กคนนั้นไม่เหมือนไอโกะ”
“ยังไงก็ไม่ดี...ของแกยังรู้ตัวตั้งแต่เด็ก แต่ของฉันบอกปีนี้...ปีหน้าจะให้หมั้นหน้าก็ไม่เคยเห็น ฉันยังไม่ทันได้ทำใจเลย”
“งั้นคงต้องเริ่มทำใจตั้งแต่ตอนนี้ เราเกิดในตระกูลสูงส่ง และนี่คือสิ่งที่มาพร้อมกับเกียรติยศของตระกูลโอะนิซึกะ”
ริวกับทาเคชิถอนหายใจออกมายาวเหยียดพร้อมๆ กันโดยไม่ได้นัดกันไว้
ทั้งสองหนุ่มสบตากัน ต่างถ่ายทอดความรู้สึกอึดอัดและกดดันผ่านทางสายตาโดยไม่จำเป็นต้องพูดอะไรออกมา
อ่านต่อตอนที่ 2