หนีก็ล่า ซ่าก็รัก ตอนที่ 5
รถตู้ของไอ้เม่นขับมาช้าๆ ผ่านซุ้มที่ขายของชาวบ้านไป
“พวกมันหายไปไหนวะ เร็วฉิบเป๋ง”
ไอ้เม่นบ่นอย่างหงุดหงิด
เมื่อรถตู้ของไอ้เม่น แล่นผ่านห่างซุ้มห่างออกไป ร่างของวินกับเอ โผล่มาหลังซุ้มพร้อมๆ กับ
เสียงโทรศัพท์ของป้าแม่ค้าดังขึ้น
ป้าแม่ค้ารับสาย “วันนี้ขายไม่ค่อยดี กลับดึกๆนะลูก”
จากนั้นป้าแม่ค้าก็วางสาย วินรีบพูดขึ้นมาทันที
“ยืมโทรศัพท์หน่อยนะป้า เดี๋ยวฉันจ่ายค่าโทรให้”
“โอย ไม่ต้องหรอก”
“ขอบใจนะจ๊ะป้า”
“ไม่เป็นไรจ้ะ”
วินกดสายโทร. ออก ก่อนจะกรอกเสียงลงไปตามสาย“ลุงชุ่ม ช่วยมารับผมหน่อยครับ”
ครู่เดียวรถตู้ของลุงชุ่มก็วิ่งเข้ามาจอดหน้าร้านริมถนน ลุงชุ่มกับลูกน้องสองสามคนลงมา จาก
รถ
ลุงชุ่มส่งเป้ให้วิน “นี่ครับคุณวิน”
“ขอบคุณครับลุงชุ่ม”
วินรับมาแล้วเปิดเป้หยิบเงินออกมาพับหนึ่ง ส่งให้ป้าแม่ค้า
“ป้าครับขอบคุณที่ให้ยืมโทรศัพท์”
“ไม่ต้องจ้า”
“รับไว้เถอะป้า ขอบใจมากจ้ะ”
เอคะยั้นคะยอ ป้าแม่ค้ารับไว้ วินกับเอ รีบขึ้นรถ จากนั้นรถ ก็เคลื่อนตัวออกไป
รถตู้แล่นเข้ามาจอดที่หน้าบ้านพัก วินกับเอลงจากรถ จุ๊บแจงกับน้อยหน่า รีบวิ่งเข้ามาหา เอ
อุ้มน้อยหน่า ในขณะที่วินอุ้มจุ๊บแจง
“หายแล้วเหรอจ๊ะ” เอถามน้อยหน่า
“หายแล้วค่ะ”
“เก่งมาก”
“พี่วินกับพี่เอ ทำไมไปเบิกตังนานจัง” จุ๊บแจงถามซื่อๆ
“คนเยอะน่ะจ้ะ”
วินยิ้มขำ วินกับเอ อุ้มเด็กสองคนเข้าบ้าน
“พวกเอ็งดูรอบๆให้ดี อย่าให้ใครผ่านเข้ามา” ลุงชุ่มหันมาสั่งการ พร้อมๆ กับที่แก้วเดินเข้ามา
“พวกมันจะมาถึงนี่มั้ยตาชุ่ม”
ลุงชุ่ม ชูปืนในมือ “ เข้ามาก็เจอดี”
ไอ้ป่านลากถุงเงินมาตรงหน้าบอย แล้วรีบรายงาน
“ไม่รู้พวกไหนมาจับตัวไอ้สองคนนั่นไป ผมเลยไม่ได้เก็บพวกมันตามที่พี่สั่ง”
บอยเปิดดูเงินในกระเป๋า แล้วตาลุก “ได้เงินมาถือว่าเอ็งทำงานใช้ได้”
บอยเปิดกระเป๋าหยิบเงินออกมาโยนให้ไอ้ป่านกับสมุนคนละสองสามปึก
“เอาไปใช้แค่นี้ก่อน ใช้มากเดี๋ยวคนจะสงสัยแล้วข้าจะให้อีก”
“ขอบใจมากพี่บอย”
“พวกเอ็งหลบกบดานนิ่งๆก่อน แล้วข้าจะโทรไป” บอยออกคำสั่ง
“งั้นพวกฉันลาพี่บอยก่อน”
“เออ”
ไอ้ป่านกับพวกแยกตัวออกไป
“หวังว่าไอ้พวกนั้น เก็บนังเอให้เรา” บอยพูดกับตัวเอง
ทอมนั่งที่เปียโนอยู่ในบ้าน แต่ด้วยความกังวล ก็เลยเล่นไม่เป็นเพลง แนนเดินเข้ามา พร้อม
ถือแก้วน้ำผลไม้มายื่นให้ทอม
“แนนพึ่งฟังข่าว ตำรวจที่เมืองกาญยังไม่ได้ร่องรอยคนร้ายค่ะ คุณพ่อสบายใจได้”
“โอ๊ย พ่อเชื่อว่าพี่วินเอาตัวรอดได้อยู่แล้วพ่อไม่ห่วงหรอก”
“จริงอะ แล้วทำไมถึงเล่นเปียโนไม่เป็นเพลงเลย ตั้งแต่ตอนเย็นแล้ว”
แนนพูดจี้ใจดำ ทอมยิ้ม “ก็มีห่วงบ้างนิดๆ”
วินเดินออกมาที่ระเบียง พร้อมถือแก้วน้ำผลไม้ปั่นในมือ
“มาแล้วครับ น้ำผลไม้ปั่นสูตรพิเศษ”
เอ หันมายิ้ม พลางเอื้อมมือไปรับแก้วน้ำผลไม้ปั่นจากวิน
“อย่าบอกนะว่าตอนอยู่ที่อเมริกาทำงานอู่รถแล้วยังทำน้ำผลไม้ขายอีก”
“แน่นอน” วินยืดอก
“ล้อเล่นน่า”
“ผมทำงานเป็นบาร์เทนเดอร์ตอนเรียนยู ฝีมือชงสุดยอด”
เอ ยิ้มพลางยกแก้วน้ำขึ้นจิบ “เฮ้ อร่อยนี่”
วินก้มหัวรับ
“ตกลงคุณทำงานอะไรมั่ง”
“สารพัดครับ ล้างชาม เก็บโต๊ะ เสิร์ฟอาหาร”
“ฉันนึกว่าทางคุณแม่คุณเอ้อ..”
“มีตังค์” วินต่อให้เสร็จสรรพ
เอยิ้มพยักหน้าวินพูดต่อ
“อ๋อ มีครับแต่ท่านสอนให้ทำงานนะครับ ผมชอบด้วย ได้รู้จักคน รู้จักคุณค่าของคน ที่สำคัญ
รู้จักคุณค่าตัวเอง”
เอ จ้องวินสายตามีประกายชื่นชม วินหันมาทั้งสองสบตากัน
“อุ๊ย ดาวตก โน่น”
เออุทานอย่างตื่นเต้น วินหันไปดูเห็นดาวตกจริงๆ เอรีบบอก
“เร็วเข้ารีบอธิษฐาน จะได้สมดังใจ”
เอหลับตา วินเห็น ก็ยิ้ม แล้วก็หลับตาตาม ครู่เดียวทั้งคู่ก็ลืมตาขึ้นมาพร้อมๆ กัน แล้วก็
สบตากัน
“ขอให้คำอธิษฐานของคุณเป็นจริง”
“เช่นเดียวกันครับ”
ทั้งคู่ชนแก้วกัน แหงนหน้ามองบนท้องฟ้า เห็นท้องฟ้าเต็มไปด้วยหมู่ดาวระยิบระยับ แข่งกันทอแสงสวยงาม ก่อนที่ร่างของทั้งคู่จะค่อยๆเคลื่อนกายเข้าหากัน ต่างอยู่ในวงแขนของกันและกัน ใบหน้าทั้งสองใกล้กันเข้าไปทุกที
เสียงดังตึงๆ อยู่ที่หน้าห้อง วินเปิดผ้าห่มออกมาค่อยๆ ลุกขึ้นไปเปิดประตู เห็นเอยืนอยู่ หน้าห้อง ที่แท้วินฝันไปตามเคย
“โห ขัดจังหวะจริงๆ กำลังฝันดีอยู่”
“อย่าบอกนะว่ามีฉันอยู่ด้วย”
วินยิ้ม พยายามซ่อนพิรุธ แต่ก็ไม่มิด
“แน่ะ โชคดีที่ฉันมาได้ทันท่วงที”
“หา ทันอะไรครับ” วินย้อนถาม
“ทันก่อนที่คุณจะทำอะไรฉันในฝันน่ะซิ”
“โห รู้ด้วย”
“รู้ดิ ผู้ชายถ้าฝันก็มีอยู่เรื่องเดียวเท่านั้นแหละ” เอพูดพลางส่งค้อนให้วิน
“นี่คุณจะเข้ามาอาละวาดในฝันของผมด้วยเหรอ”
“ไม่รู้ ห้ามฝันถึงฉัน”
“ คุณปลุกผมทำไม” วินเข้าเรื่อง
“ฉันมีไอเดียใหม่” เอยิ้มกว้าง
“โอ โน”
วินกุมหัวเดินไปนั่งที่เตียง เอเดินตามไปติดๆ
“ถ้าฟังฉันเล่าดีๆ ความฝันของคุณอาจจะเป็นจริงก็ได้นะ”
วินหันมามองหน้าเอตาเป็นประกาย เอยิ้มอย่างเป็นต่อ
“ว่ามา”
“คุณต้องโทรไปบอกคุณพ่อฉันอีกว่าคุณโกรธมากเรื่องที่บังอาจตุกติก ดังนั้นต้องเรียกเงินเพิ่ม เป็นสิบห้าล้าน”
“วอท ? โน เวย์”
“เยส..เวย์” เอยืนยัน
วินเดินไปเดินมา เอนั่งอยู่ที่โซฟา
“นี่คุณ ที่ผ่านมามีคนตามล่าเรา แทบเอาชีวิตไม่รอด คุณไม่ห่วง คุณห่วงแต่จะเล่นงานคุณพ่อคุณ”
เอนิ่ง ที่โดนจี้ใจดำ แต่ไม่วายเถียงต่อ
“ก็ฉันรู้นี่ ถ้าฉันกลับบ้าน คุณพ่อฉันจะเคลียร์ปัญหาได้แน่นอน”
“งั้นก็กลับซิครับ เรื่องจะได้จบ”
เอผุดลุกขึ้นยืน
“คุณก็ห่วงแต่ตัวคุณนั่นแหละ ฉันจะกลับไปได้ยังไงในเมื่อคุณพ่อห่วงเงินมากกว่าชีวิตฉัน “
พูดจบ เอก็เดินสะบัดหน้าออกไป วินได้แต่มองตาม
ในขณะที่นายประสิทธิ์เดินไปเดินมาอยู่ในห้องทำงาน สีหน้าหงุดหงิด“ไอ้พวกโจร มันโกงจนได้”
“ผมว่าอาจจะเป็นพวกอื่นก็ได้นะครับ” นายวิรัชตั้งข้อสังเกต
“มีพวกอื่นอย่างนั้นเหรอ”
“ครับ ผมซุ่มดูอยู่ไม่ทันได้เห็นคุณเอ เห็นแต่พวกมันยิงกันสนั่นเลยครับ”
“ต้องเป็นไอ้พวกล่ารางวัลแน่ๆ ดันมาขัดจังหวะพอดี”
นายประสิทธิ์เดินไปเดินมาหยุดคิด “แบบนี้มันคงไม่ทำอะไรหนูเอ มันรู้ว่าเราจ่ายเงิน ไอ้โจรเรียกค่าไถ่ มันต้องติดต่อมาอีก”
ทันทีที่ประตูลิฟท์เปิดออก ซินดี้ก็เดินออกมา ก่อนที่จะเดินไปตามทางเดิน แล้วมาหยุดที่หน้า
ห้องหนึ่ง หันซ้ายขวาเพื่อความแน่ใจ แล้วเคาะประตู
“ซินดี้ค่ะ”
ประตูเปิดออก บอยยืนหน้าประตู ยิ้ม ซินดี้ตาโต
เงินสองสามปึก ถูกโยนลงมาบนเตียงนอน ซินดี้ ยืนมองอย่างตื่นเต้นแล้วเข้ามาหยิบมองดู อย่างใกล้ชิด
“เอาไปใช้เล่นๆแค่นี้ก่อน มากไม่ได้ เดี๋ยวนายประสิทธิ์สามีเธอจะสงสัย”
“นึกไม่ถึงว่าคุณจะทำสำเร็จ แล้วนังเอล่ะ ตายหรือยัง”
“มีไอ้พวกบ้าเงินรางวัลมาขัดจังหวะเสียก่อนเลยไม่รู้ว่ามันอยู่หรือตาย”
“แต่คุณจะเก็บมันให้ซินดี้ใช่มั้ยคะ” ซินดี้ยังไม่วายแป็นห่วง
“แน่นอนอยู่แล้ว”
ทั้งสองต่างยิ้มให้กัน ซินดี้ถือเงินในมือยิ้มอย่างสุขใจ
ในขณะที่วินเดินออกมาที่ระเบียง เห็นเอยืนสงบสติอารมณ์อยู่ ก้รีบเดินเข้าไปหา
“โอเค. ได้ อีกครั้งเดียว”
เอหันมายิ้มหว่าน ก่อนจะพรวดเข้ามากอดคอวิน ยื่นหน้าจนใกล้
“คุณน่ารักมาก”
“คุณไม่น่ารักเลย หาว่าผมคิดถึงแต่ตัวเอง ผมไม่อยากให้คุณเป็นอะไรต่างหาก”
“ฉันรู้ แต่ฉันต้องการรู้ให้แน่ๆว่าคุณพ่อห่วงเงินมากกว่าฉัน”
เอปล่อยมือจากคอวิน ถอยห่างออกมา
“แล้วฉันจะใช้ชีวิตของฉันโดยไม่เกี่ยวข้องกับคุณพ่ออีกต่อไป”
วินถอนใจ เอหันกลับยืนจ้องวิวตรงหน้านิ่ง ก่อนที่จะเดินออกไป ทิ้งให้เอยืนสงบสติอารมณ์ตามลำพัง
วินเดินมาที่หน้าบ้าน เห็นลุงชุ่มกำลังเดินมาพอดี
“หวัดดีครับลุงชุ่ม”
“คุณทอมโทรมาครับ” ลุงชุ่มรีบบอก
“อืม ผมไม่ได้เปิดเครื่อง คุณพ่อว่ายังไง”
“คุณทอมบอกว่าจะมาเยี่ยม แล้วก็หาทางพาคุณออกไปจากเมืองกาญครับ”
วินพยักหน้ารับ แต่ในใจรู้สึกว่าสถานการณ์ไม่ค่อยดี
“เย้ กำลังคิดถึงน้องแนนกับทุกคนอยู่พอดี”
เอยิ้มหน้าบาน เมื่อรู้เรื่องจากวิน
วินมองสีหน้าสดชื่นของเอแบบงงๆ
“อะไรอีกล่ะ”
“ไม่มีอะไรหรอกครับ ผมเป็นห่วงคุณแทบแย่ กลัวว่าคุณจะเป็นอะไรแต่คุณเย้ สบายอารมณ์”
เอขำ จากนั้นทั้งคู่ก็เดินคุยไปกันตามทาง
“ต้องโทษคุณ”
“อ้าว” วินยิ่งงงหนัก
“ก็คุณมาดเท่ มีความสามารถทั้งฉลาดทั้ งเป็นมวย แก้ปัญหาได้หมด พระเอกสุดๆ ๆไม่ยืนซื่อบื้อ ดูตัวอิจฉาด่านางเอก อะไรประมาณนี้ล่ะ”
“คุณดูละครมากไปแล้ว”
“ฉันเปรียบเสมือนนางเอก ก็ย่อมสบายใจเป็นธรรมดา”
วินอดยิ้มไม่ได้ พลางหยุดเดิน เอหยุดตาม พลางหันมามอง
“ผมเป็นพระเอกของคุณ”
เอส่ายหน้ายิ้มๆ “โน”
“อ้าว คุณบอกว่าผมเป็นพระเอก แล้วคุณเป็นนางเอกก็ต้องคู่กัน”“ไม่จำเป็น ไม่ได้หมายความว่าคุณเป็นพระเอกของฉัน แล้วฉันเป็นนางเอกของคุณ”
“โอเค..เข้าใจแล้วคุณเป็นนางเอกของคุณ พอล” วินประชด
“เยส, โน, เมย์ บี, อาจจะ”
“เฮ้อ งั้นผมไปหานางเอกของผมมั่งดีกว่า”
“ใคร”
“ไม่บอก” วินทำหน้าทะเล้น แล้ววิ่งพรวดออกไปทันที
เอขำ แล้ว รีบวิ่งตามไป
เอ วิ่งพรวดๆตามวิน แต่ไม่ทัน เห็นแต่ลุงชุ่มยืนอยู่ เอวิ่งเข้าไปหา
“ลุงชุ่ม หวัดดีจ้ะ” เอทักทายพลางหอบแฮ่ก
“ครับ”
“เห็นคุณวินมั้ยจ๊ะ เพิ่งวิ่งมาทางนี้”
“อยู่หลังสวนครับ เอ้อ คือ”
เอเลิกคิ้ว สงสัย ลุงชุ่มรีบพูดต่อ โดยไม่ต้องถาม “คือคุณวินสั่งว่า มีแขก ห้ามรบกวนครับ”
“แขก ใครเหรอจ๊ะ”
“คือ.คุณวิน”
ลุงชุ่มยังพูดไม่ทันจบ เอก็เดินพรวดออกไปทันที ลุงชุ่มได้แต่ยิ้มขำ
เอเดินฉับๆ ไปทางหลังสวน พลางบ่นไปตลอดทาง
“ฮึ่ม มีแขกห้ามรบกวนยังงั้นเหรอ”
ในขณะที่วินกำลังอุ้มน้อยหน่า หมุนไปหมุนมา จุ๊บแจงเต้นรอคิวอยู่ข้างๆ ส่งเสียงหัวเราะ
เจี๊ยวจ๊าวสนุกสนาน เอวิ่งพรวดเข้ามา วินหยุดเหวี่ยงน้อยหน่าแล้วอุ้มไว้
“ที่แท้แขกสำคัญสองคนนี่เอง”
“แน่นอน ขอแนะนำให้รู้จักคุณหนูไฮโซน้อยหน่า”
น้อยหน่าหัวเราะชอบใจ วินพูดต่อ “และคุณหนูไฮโซจุ๊บแจง”
จุ๊บแจงยิ้มชอบใจ
“นางเอกแสนสวยสองคนของผม”
เอยิ้ม พลางเดินเข้ามาใกล้ วินส่งน้อยหน่าให้เออุ้ม
“หายแล้วเหรอจ๊ะ คุณหนูไฮโซน้อยหน่า”
น้อยหน่าพยักหน้ายิ้มๆ เอแกล้งเอามือจี้เอว น้อยหน่าหัวเราะชอบใจ วิน อุ้มจุ๊บแจงขึ้นมา
“ไปเที่ยวกันดีกว่านะ”
วินอุ้มจุ๊บแจงเดินไป เออุ้มน้อยหน่าเดินตาม ผ่านต้นไม้ และทิวทัศน์สวยงาม เอยิ้มกว้าง คาดไม่ถึง เพราะตรงหน้า มีเสื่อปู พร้อมตระกร้าปิคนิคพร้อม
“อย่าบอกนะว่าเป็นฝีมือคุณ”
“ผมแค่บอก นอกนั้นเป็นฝีมือลุงชุ่มกับแก้วน่ะครับ”
วินกับเอทรุดตัวนั่งบนเสื่อ วางเด็กๆ ลง เอยิ้ม มองวินอย่างทึ่ง
“คุณนี่ไอเดียจีบสาวเยอะเหมือนกันนะ ไว้ใจไม่ได้”
“อ้าว โดนอีก นึกว่าจะได้คะแนน”
“คะแนนอะไรมิทราบ”
“คะแนนเป็นพระเอกของคุณ”
เอแกล้งค้อน “อย่าหวัง”
“โอ โน” วินทำเสียงอ่อย พลางทิ้งตัวนอนลงบนเสื่อ น้อยหน่ากับจุ๊บแจงหัวเราะชอบใจ เอ อดขำไม่ได้
จากนั้นทั้ง 4 คน ก็วิ่งเล่นกันสนุกสนาน และเต็มไปด้วยความสุข
วินกับเอ เดินกลับเข้ามาในบ้าน วินเดินตรงไปที่ตู้เย็น หยิบน้ำอัดลมกระป๋องส่งให้เอ
“เด็กๆติดคุณแจ จะไม่ยอมกลับบ้านเอา”
“ความจริงน่าจะให้มานอนกันที่นี่” เอเสนอ
“อย่าเลยครับ ติดกันมากไปจะไม่ดีพอเราไปกันแล้ว พวกแกจะเหงา”
เอ ถอนหายใจ “เรื่องจบแล้วฉันจะมาเยี่ยมแกอีกอย่างแน่นอน”
วินจ้องหน้ายิ้ม
“อ้อ ลืมไป เรื่องจบแล้ว ฉันคงไม่ได้มาที่นี่อีก” เอหน้าเศร้า
“มาได้ครับ ผมไม่ห้าม”
เอยิ้มออก “สัญญาแล้วนะ ห้ามเบี้ยว”
“ทำไมผมต้องเบี้ยว”
“ใครจะไปรู้ คุณเจอสาวที่คุณปลื้มเมื่อไหร่คุณก็คงไม่อยากเจอฉัน ไม่อยากเป็นเพื่อนฉันอีกต่อไป”
วินยิ้ม “เอางี้”
พูดพลางเดินเข้ามาใกล้ยืนตรงหน้าเอ เอยืนยิ้ม เอามือไขว้หลังอยู่
“ผมสัญญาครับ ว่าจะเป็นเพื่อนคุณและยินดีให้คุณมาที่นี่อีก” วินพูดอย่างจริงใจ
“จริงนะ”
“ครับ”
“แล้วถ้าฉันมีแฟน พาแฟนมาด้วยได้มั้ย”
“ได้ครับ แต่แฟนคุณต้องนอนบนยอดเขาโน่น”
วินพูดแบบติดตลก เอขำ
เอยกกระป๋องน้ำอัดลมขึ้นมาเปิด น้ำอัดลมพุ่งใส่วิน เอหัวเราะชอบใจ แล้วรีบวิ่งออกไป วิน
ได้แต่ยิ้ม เอามือลูบหน้าตาของตัวเอง
เอเดินไปเดินมาอยู่ในห้องรับแขก ในขณะที่วินนั่งกอดอกอยู่บนโซฟา ตั้งหน้าตั้งตาฟัง
“ไม่มีประโยชน์ที่เราจะโทรศัพท์ไปเหมือนอย่างเคย”
“โอ๋ เราจะไปหาท่านที่บ้านเหรอครับ”
เอยกมือเท้าเอว “กวนเหรอ”
“ผมแค่ชอบดู เวลาคุณวางมาดเข้มกับผม”
เอเดินไปเดินมา สุดท้ายหันมาถามวิน เหมือนขอความเห็น
“คุณว่าโจรจริงๆมันจะทำยังไง คุณน่าจะรู้ คุณคุยว่าดูหนังเยอะนี่”
“อืม โจรจริงๆเหรอ ป่านนี้มันส่งชิ้นส่วนของคุณไปให้คุณพ่อคุณแล้ว”
เอ ตาวาว “เยส”
เอขยับที่หูของตนแล้วถอดต่างหูออกมา
“ต่างหูของฉัน เอาสีแดงป้ายไว้ซะหน่อยให้ดูน่ากลัวประมาณว่า ดึงออกมาจากหูเลยดิบๆ”
“เฮ้ยคุณนี่ จิ้นยิ่งกว่าหนังเขย่าขวัญอีก”
เอพรวดเข้ามานั่งใกล้วิน “เยส กู๊ดไอเดีย”
วิน ส่ายหน้า “โน แบดไอเดีย”
เอ จ้องวิน สีหน้าเอาเรื่อง “ทำไม”
“ทำไมเหรอ ก็คุณกำลังจะเลื่อนขั้นผมจากโจรเรียกค่าไถ่ กลายเป็นฆาตกรวิตถาร ไม่ถูกประหาร
ชีวิต ก็ติดคุกหัวโต”
เอหยุดคิดชั่วอึดใจ แต่ยังไม่ยอมล้มเลิกความคิด
“น่า นะ ถ้าคุณทำตาม ฉันให้ เอ้อ ให้. เออจุ๊บแก้มด้วย”
วินหยุดมองเออย่างคาดไม่ถึง เอพยักหน้า วินคิดอึดใจ แล้วก็ส่ายหน้า
“โน ไม่คุ้ม”
“สองแก้ม”
วินสบตานิ่ง แล้วพูด “คิส”
เอ หน้าเหรอ “วอท?”
“คิส” วิ นพูดพลางขยับนิ้วชี้แตะปากของตน)
เอ นิ่งคิดชั่วอึดใจ แล้วตัดสินใจ “โอเค.”
วินอ้าปากค้าง แล้วก็ตัดสินใจพูด
“นี่คุณเว่อร์ใหญ่แล้ว ผมแค่ขู่จะให้คุณเลิกคิดแกล้งคุณพ่อคุณ นี่คุณจะยอมให้ผมคิสเลยเหรอ”
เอ ลอยหน้าลอยตาตอบ
“ไม่เห็นเป็นไร อยู่เมืองนอกฉันคิสบ่อยๆ”
วินยกสองมือกุมหัว “โอย นี่คุณไม่ต้องมาเล่าเลย”
เอยิ้มขำ “นี่ ฉันไม่ได้ให้ใครคิสง่ายๆนะจะบอกให้”
วินหันมา สีหน้ายังหงุดหงิด เอเดินเข้ามาใกล้
“ แต่คุณเต็มใจให้ผมคิส”
“ก็ ก็ คุณเสี่ยงชีวิตช่วยฉันตั้งหลายครั้ง สมควรได้รับการคิส”
“ที่แท้เป็นคิสของแจก”
หนีก็ล่า ซ่าก็รัก ตอนที่ 5 (ต่อ)
วินแกล้งตัดพ้อ ทันใดนั้น เอก็คว้าอกเสื้อวิน ดึงเข้ามาใกล้ แล้วจูบวินอย่างลึกซึ้ง เนิ่นนาน
ทำเอาวินหมดแรง ถึงกับทรุดลงไปนั่งที่โซฟา ตาลอย
“คิสของแจกไม่ใช่แบบนี้ จำไว้ด้วย”
เอเดินออกไป ทิ้งให้ วินยังนั่งยิ้ม ตาลอย
บนโต๊ะอาหารในห้องครัว มีกล่องเล็กๆ วางอยู่ ในกล่อง คือต่างหูของเอ ที่มีเศษผ้าสีขาวรองอยู่
“ยังไงผมก็ว่าคุณไม่ควรขู่คุณพ่อคุณแบบนี้” วินยังคงไม่ค่อยเห็นด้วย
“นี่คุณคิสไปแล้วนะ ห้ามเบี้ยว” เอทวงสัญญาหน้าตาเฉย
“คุณคิสผมต่างหาก”
เอ ส่งแก้วน้ำแดงข้นให้ วินรับมา อดไม่ได้ที่จะถาม
“อยู่เมืองนอก คุณคิสบ่อยจริงๆเหรอ”
เอจ้องวิน วินจ้องตอบ
“ใช่ มีลูกชายอาจารย์อยู่คนนึง อายุ 4 ขวบ เจอฉันทีไรต้องวิ่งเข้ามาคิสทุกที”
“เจอเมื่อไหร่ จับดองแน่”
วินพูดแบบติดตลก เอขำ พลางทุบไหล่วินเบาๆ วินยิ้มแล้ว เทน้ำแดงหยดลงไป เหมือนต่างหู มีเลือดออก
“โอเค เรียบร้อย เหลือแค่ให้ลุงชุ่มไปส่งให้ที่ไปรษณีย์”
“อีกสามวันค่อยโทรกลับไปหาคุณพ่อฉันใหม่”
“ถ้า.เราไม่ถูกใครเล่นงานซะก่อน”
เอ ค้อนให้ วินห่อกล่องจนเสร็จเรียบร้อย เอยิ้มอย่างพอใจ
“ขอโทษครับ”
เสียงลุงชุ่มดังแทรกขึ้นมา ทั้งสองหันไป
“ได้เวลาแล้วครับ”
วินกับเอต่างพยักหน้าให้กัน
โจขับรถแล่นมาตามถนน มุ่งสู่เมืองกาญ ทอมนั่งคู่มาข้างหน้า ในขณะที่แนน ซึ่งนั่งอยู่ด้านหลัง หันมองด้านหลังอย่างระแวดระวัง
“ไม่มีรถตำรวจหรือใครตามมาค่ะ”
“แน่ใจนะยอดสายลับ” โจถามอย่างจะให้แน่ใจจริงๆ
“ก็เราจอดแวะปั้มระหว่างทางมาสองครั้งแล้วไม่มีรถตามมานี่คะ”
“โอเค”
“ตอนออกมาจากซอยก็ไม่เห็นรถตำรวจเหมือนกัน” ทอมพูดอย่างมั่นใจ“ผมว่ายกกำลังไปเมืองกาญหมดแล้วมั้งครับ”
“น่าจะเป็นยังงั้น”
“แบบนี้เราก็สบายใจได้ จนกว่าจะถึงเมืองกาญ” แนนสรุป
โจ ทอม แนน จอดรถที่มุมหนึ่งของปั้ม โจ เดินมาพร้อมส่งน้ำให้ ทอมกับแนน
“คุณพ่อแน่ใจนะ ว่าแผนของคุณพ่อจะได้ผล” แนนไม่วายสงสัย
“เมืองกาญเป็นเมืองท่องเที่ยวคนเยอะทั้งไทยและคนต่างชาติ แผนเราน่าจะสำเร็จ”
ในขณะที่วินกับเอ ต่างก็หิ้วกระเป๋าของตนมาที่รถ ลุงชุ่มกับแก้ว พร้อมด้วยจุ๊บแจงและน้อยหน่ายืนรออยู่แล้ว วินเอากระเป๋าของตัวเองกับเอใส่ท้ายรถ
“เอ้าทุกคนขึ้นรถได้”
จุ๊บแจงกับน้อยหน่า ขึ้นไปนั่งทางด้านหลัง เอขึ้นไปนั่งด้วย ลุงชุ่มเข้าประจำที่คนขับ ส่วนวินนั่งด้านหน้ากับลุงชุ่ม
“โชคดีนะคะ คุณวินคุณเอ”
ลุงชุ่มเคลื่อนรถออกไป แก้วมองตามสีหน้าออกจะกังวล
“เกิดเจอด่านขึ้นมาจะทำยังไงคะ”
เอตั้งคำถามขึ้นมา ระหว่างที่รถกำลังแล่นไปตามทาง
“ตำรวจกำลังหาชายหนึ่งหญิงหนึ่งตอนนี้เรามากันทั้งครอบครัว ผมเชื่อว่าเราน่าจะรอดไปได้”
“ขอให้จริงอย่างที่คุณคิด”
“อีกอย่างลุงชุ่มชำนาญทางแถบนี้ คงจะพาเราไปได้อย่างสบายๆ ไม่ต้องเจอด่าน”
วินยังพูดไม่ทันจบประโยคดี เสียงลุงชุ่ม ก็ดังแทรกขึ้นมา
“ด่านครับ”
เอหันมามองค้อนวิน “โห ลุงชุ่มไหนว่าชำนาญทางไง”
ลุงชุ่มขับรถตรงไปที่ด่านอย่างใจเย็น วินลอบสบตากับเอ ที่อุ้มน้อยหน่าไว้ที่ตัก ต่างลุ้นระทึก
เจ้าหน้าที่ตำรวจโบกให้รถจอด ลุงชุ่มจอด ตำรวจเข้ามาทำความเคารพ
“ขอตรวจ อ้าวลุงชุ่มจะไปไหน”
“เพื่อนไม่สบาย จะไปเยี่ยมมันหน่อยมีอะไรเหรอ”
“อ๋อ แค่ตรวจหาคนร้ายน่ะ เชิญ เชิญ”
ลุงชุ่มขับรถผ่านด่านไป วินถอนหายใจ “เล่นเอาใจหายหมดเลยลุงชุ่ม”
“ผมให้คนออกไปตระเวนด่านมาแล้วครับ มีด่านนี้ที่ผมพอรู้จักก็เลยมาซะก่อน” ลุงชุ่มอธิบาย“เส้นใหญ่เหมือนกันนะลุงชุ่ม” เอชม
“ก็แค่คนเคยเห็นหน้ากันน่ะครับ ผมไม่มีเส้นหรอกครับ”
“หนูไม่ชอบเส้นใหญ่ หนูชอบเส้นหมี่ค่ะ”
น้อยหน่าพูดอย่างซื่อๆ เล่นเอาวินกับเอถึงกับยิ้ม เอหอมแก้มน้อยหน่าหนึ่งฟอดใหญ่ “แต่ฉันเชื่อว่าต้องมีด่านอีกก่อนออกจากเมืองกาญ” เอยังไม่ค่อยวางใจ
“อันนี้ต้องแล้วแต่แผนของคุณทอมครับ” ลุงชุ่มบอก
“ฉันว่า ต้องดีกว่าแผนของคุณแน่นอน” เอแกล้งเหน็บวิน
“โห ได้ทีอัดเลย”
ลุงชุ่มขับรถเข้ามาจอดที่สวนแห่งหนึ่ง ทั้งหมดลงจากรถ วินกวาดสายตามอง เมื่อไม่เห็นใคร ก็หยิบโทรศัพท์ ออกมากดสายโทร.ออก
“ถึงที่หมายแล้ว ทราบแล้วเปลี่ยน”
“อีกสิบนาทีถึงเพื่อน” โจตอบมาทางปลายสาย
“โอเค แล้วเจอกัน”
วินวางสาย แล้วก็หันไปเห็นรถกระบะคันหนึ่งเข้ามาจอด เป็นลูกน้องของลุงชุ่มสองคนเดิมนั่นเอง
“โชคดีนะครับ คุณวินคุณเอ ยังไงก็แวะมาเที่ยวอีกนะครับ”
“ขอบคุณมากครับลุงชุ่ม”
“ขอบคุณค่ะลุงชุ่ม”
เอพูดพลางย่อตัวลงกอดเด็กสองคนไว้คนละข้าง
“พี่เอกับพี่วินไปธุระก่อนนะจ๊ะแล้วจะมาเที่ยวใหม่ เป็นเด็กดีนะจ๊ะ”
จุ๊บแจงกับน้อยหน่ายักหน้า เอหอมแก้มคนละฟอด วินเข้าใกล้ ยีหัวเด็กทั้งสอง
“บ๊าย บาย เด็กๆ”
“บ๊าย บาย”
ลุงชุ่มจูงเด็กทั้งสองไปขึ้นรถกระบะ รถเคลื่อนออกไปในที่สุด
เอมองตามรถกะบะ ที่แล่นออกไป พลางถอนใจ
“เศร้าจัง คิดถึงเด็กๆ”
“อยากให้ผมกอดมั๊ยครับ จะได้หายเศร้า”
เอ พยักหน้า วินเดินเข้ามา เตรียมจะกอด แต่รถของโจพรวดเข้ามาจอดพอดี โจ ทอม แนน ลงมาจากรถ วินยิ้มให้ทุกคน
“ขอโทษมาช้าไปหน่อย”
“ฉันว่าเร็วไปว่ะ” วินพูดอย่างขัดใจ
เอปลอมตัว ใส่วิกผมสีทอง ขับรถแล่นไปตามถนน ในขณะที่ แนนนั่งอยู่ข้างๆ ใส่ผมสีทองเหมือนกัน
“Hi, how are you?” แนนแกล้งทักทายเป็นภาษาอังกฤษ
“I’m good thank you” เอตอบกลับมาด้วยภาษาเดียวกัน.
วินโผล่มาจากข้างหลัง ใส่วิกผู้ชายผมทองเหมือนกัน
“คุณพ่อเป็นคนคิดแผนนี้เหรอ”
แนน หันหน้าไปตอบวิน
“เยส คุณพ่อบอกว่าตอนนี้คนเกาหลีมาเที่ยวไทยเยอะ เหมาะดี”
“เฮ้อ เชื่อเลย”
“เอ ว่าดีออก กำลังอินเทรนด์”
“แล้วตอนนี้เราก็มีสามคน ไม่ใช่ผู้ต้องหาสองคน” แนนพูดอย่างอารมณ์ดี
“แผนสุดยอด”
“เยส แท้งกิ้ว”
เจ้าหน้าที่สองสามคนประจำด่านตรวจ บริเวณทางออกจากเมืองกาย สักพักก็รถเจ้าหน้าที่แล่นพรวดเข้ามา ก่อนที่จะจอดห่างออกไป ร่างของผู้กองวันชาติ กับ ผู้ช่วยลงมาจากรถ“มีเจ้าหน้าที่พื้นที่ประจำอยู่แล้วทุกด่านผมว่าผู้กองรอรายงานดีกว่าครับ”
ผู้ช่วยหันมารายงานผู้กองวันชาติ
“เจ้าหน้าที่พื้นที่พอเจอคนเคยเห็นหน้ากันอาจจะเผลอปล่อยให้ คนร้ายรอดไปได้ ด่านนี้ เป็น ด่านสุดท้ายที่จะออกจากกาญจนบุรี ผมต้องดูให้มั่นใจ”
พูดจบ ผู้กองวันชาติ ก็เดินไปยังเจ้าหน้าที่ประจำด่าน ผู้ช่วยรีบเดินตามไป
ในขณะที่เอค่อยๆขับรถเคลื่อนเข้าหาด่าน ซึ่งมีรถอยู่ข้างหน้าสองคันกำลังถูกตรวจ
“ผู้กองวันชาติ” แนนรำพึงออกมา
“หา ใคร”
เอหันมาถาม แนนไม่ตอบ แต่รีบกดโทรศัพท์อย่างรวดเร็ว
“ผู้กองวันชาติ มาเองเลยค่ะคุณพ่อ”
“อืม เป็นอย่างที่พ่อคาด. พ่อกำลังจะถึงด่าน ทำตามแผนสอง”
“แผนสอง ได้ค่ะ”
แนนวางสาย
“แผนสอง อะไรยัยแนน” วินถาม
“เออน่า”
“ตกลงผู้กองวันชาติ ทำไม” เอยังข้องใจ
“ผู้กองวันชาติ ทำคดีนี้โดยตรงอยู่กรุงเทพฯ มีประวัติของพี่วิน พี่เอ รู้จักประวัติ แนน คุณพ่อ แล้วก็พี่โจ เป็นอย่างดี”
“ท่าทางแผนสองจะไม่รอด” วินถอนหายใจ
“ใกล้ถึงด่านแล้วครับ”
โจที่ขับรถตามหลังมา หันมาบอกทอม
“ช้าลงหน่อย รอให้รถของหนูเอ เข้าใกล้ๆ ก่อน”
ผู้กองวันชาติตรวจค้นรถคันหน้าอยู่
“คันหน้าเราถูกตรวจอยู่ จะเอายังไงกลับรถหรือว่า..”
เอหันมาทางวิน ที่นั่งอยู่ด้านหลัง
“กลับรถตอนนี้ไม่ทันแล้วครับ ผมว่าคุณเตรียมยิ้มหวานให้ผู้กองวันชาติได้แล้ว”
เอสูดลมหายใจเข้าปอด “เฮ้อ ยิ้มก็ยิ้ม”
รถคันหน้าถูกตรวจเสร็จ ผู้กองวันชาติ โบกมือให้รถเอวิ่งเข้าไป ทันใดนั้นผู้ช่วยผู้กอง ก็วิ่งพรวด
เข้ามา
“ผู้กองดูนั่น”
ผู้กองวันชาติหันไปดู ก็เห็นรถของโจจอดอยู่ห่างออกไป ไม่เข้ามาต่อแถว ตามที่ได้ตั้งกรวยเรียงไว้ ผู้กองวันชาติจ้องเขม็ง
“โจ กลับรถได้” ทอมหันมาบอกโจ
โจถอยรถพรืดแล้วกลับรถไปอีกทางหนึ่ง ผู้กองวันชาติตะโกนสั่งการ
“เร็วเข้า คนร้ายกำลังหนี”
จากนั้นก็วิ่งกลับไปที่รถพร้อมกับผู้ช่วย พรวดขึ้นรถ กลับรถตามไปอย่างรวดเร็ว เจ้าหน้าที่ที่อยู่ที่ด่าน รีบโบกมือให้รถทุกคันไปได้
“ไปได้แล้วครับ ค่อยๆ ไม่ต้องรีบ”
วินชะโงกหน้ามาบอกเอ
“รู้น่า”
เอค่อยๆ ขับรถออกไป จนพ้นด่านในที่สุด
“เยส แผนสองคุณพ่อได้ผล” แนนตะโกนด้วยความดีใจ
“เกิดอะไรขึ้นคะ” เอยังไม่หายสงสัย
“คุณพ่อกลับรถไปอีกด้านหนึ่ง ล่อให้ผู้กองตามไปป่านนี้ถูกจับเรียบร้อย”
“ไม่ต้องห่วงน่า ทุกอย่างตามแผน”
วินกับเอสีหน้ากังวล มีแนนยิ้มอยู่คนเดียว
ในขณะเดียวกัน รถของโจ ก็เลี้ยวเข้ามา ตามด้วยรถของผู้กองวันชาติ โจจอดรถ ผู้กองวันชาติ พรวดเข้ามาขวางตรงท้ายรถไม่ให้ถอยออก
จากนั้นผู้กองวันชาติ ก็รีบลงมาจากรถพร้อมผู้ช่วย ในมือถือปืนจ้องมาที่รถของโจ
“ลงมาจากรถแล้วยกมือขึ้น”
โจกับทอมลงมาจากรถ ยกมือทั้งสองข้างขึ้น ผู้กองวันชาติจ้องสีหน้าเคร่งเครียด โจกับทอม หันมามองหน้ากัน ก่อนที่จะหันไปส่งยิ้มให้วันชาติ
“คุณโจ คุณ ทอม อย่าบอกนะว่าอยู่ๆพวกคุณก็อยากมาเที่ยวเมืองกาญ”
“ก็ข่าวบอกว่าลูกชายผมอยู่ที่นี่ผมก็ต้องมา”
“พบหรือเปล่า” ผู้กองวันชาติถาม สีหน้าเคร่ง
“ยังไม่มีโอกาส ก็ผู้กองขนคนมาเพียบใครจะกล้าโผล่มาละครับ”
“แล้วทำไมคุณต้องกลับรถหนีผม”
“ต้องถามคุณโจ” ทอมโบ้ยไปทางโจ ตามแผนที่ได้ซักซ้อมมาก่อนแล้ว
“บังเอิญผมปวดท้องกะทันหันเห็นยังมีรถต่อคิวอีกหลายคัน ถ้ารอคงไม่รอดแน่ ก็เลยคิดว่าขับรถ มาเข้าห้องน้ำที่ศูนย์จะดีกว่า”
“แล้วตอนนี้ไม่ปวดแล้ว” ผู้กองวันชาติย้อนถาม
“ก็คุณเล่นเอาปืนจ่อแบบนี้ ใครจะปวดล่ะครับ”
ผู้กองวันชาติจ้องโจกับทอม ที่ต่างก็อมยิ้ม กลั้นขำอย่างเต็มที่ ครู่อึดใจผู้กองวันชาติก็เดินกลับ
ไปที่รถ ผู้ช่วยเดินตาม โจกับทอมต่างยิ้มให้กัน
ผู้กองวันชาติเข้ามาในรถ ผู้ช่วยรีบขึ้นตามมา
“จะเรียกคนให้ตามประกบสองคนนี่มั้ยครับ อาจจะนำไปเราไปพบกับผู้ต้องหา”
ผู้กองวันชาติ ส่ายหัว “ไม่ต้อง ป่านนี้ผู้ต้องหาหลุดไปจากเมืองกาญแล้ว”
จากนั้นผู้กองวันชาติเคลื่อนรถออกไป“งั้นเราก็ส่งคนไปที่บ้านคุณทอมหรือไม่ก็บ้านของคุณโจ บ้านคุณประสิทธิ์ด้วย”“คุณว่าพวกนั้นจะกล้าไปตามจุดที่คุณคิดเหรอ”
ผู้กองวันชาติหน้าเครียด
ทอมกับโจ ยืนมองรถของวันชาติออกไปจากลานจอดรถ ต่างยิ้มให้กัน
“เรากลับกันดีกว่า “
จากนั้นทั้งคู่ก็เดินกลับไปขึ้นรถ แล้วขับรถออกไป
“พ่อปล่อยให้ตัดสินใจกันเองว่าจะทำยังไง”
ทอมเอ่ยขึ้น หลังจากที่ทั้งหมดหลบมาอยู่ที่บ้านหลังใหญ่
“ขอบคุณครับคุณพ่อ ที่ช่วยพวกเราออกมา”
เอยกมือไหว้ทอม “ขอบคุณคุณพ่อด้วยค่ะ”
“โน พรอพเบลม”
เอหันมาทางโจกับแนน “คุณโจ ด้วยค่ะ”
โจยิ้มรับ “ด้วยความยินดีครับ”
แนนเดินเข้ามากอดเอ
“แนนเอาใจช่วยทั้งสองคนเลยนะคะ”
“ขอบใจจ้ะ”
ทอม รีบตัดบท “เรากลับกันดีกว่า ก่อนที่ผู้กองวันชาติ จะตามมา”
วินเข้ามากอดทอม กอดโจ แล้วก็แนน ตามลำดับ
“ดูแลพี่เอให้ดีนะพี่วิน”
วินยิ้มยีหัวแนนโจหันมาบอกเอ
“ตามสบายนะครับ บ้านเพื่อนผมเอง มันอยู่เมืองนอก”
โจ ทอม แนน เดินไปขึ้นรถ วินเดินไปเปิดประตูรั้ว แล้วยืนมองโจขับรถเคลื่อนออกไป ก่อนที่จะปิดประตู แล้วเดินมาหา เอ
“สู้ๆ ครับ”
เอ ฝืนยิ้ม
ในขณะที่เอนั่งหวีผมอยู่หน้ากระจกในห้องนอน เสียงเคาะประตู เอ เดินไปเปิดประตู
“ผมมาเซย์ กู๊ดไนท์ครับ”
เอ พยักหน้า
“พรุ่งนี้เราไปที่คอนโดของเพื่อนคุณแม่ได้มั้ยคะ”
“อืม จะดีเหรอครับ ผมเชื่อว่าพรุ่งนี้ข่าวเราสองคนต้องดังระเบิดแน่” วินวิเคราะห์
“ฉัน ต้องไปเอาบัตรเอทีเอ็ม คุณแม่ฝากไว้ที่นั่น ยังไงหนีไปไหนก็ยังมีตังค์”
“เอ้อ คุณพ่อให้บัตรผมไว้แล้ว”
“ก็เผื่อเหลือเผื่อขาดไงคะ อีกอย่างฉันใช้ตังค์คุณได้ไม่เต็มที่เท่ากับตังค์ของฉันเอง”
“อืม ใช่ ตังค์ผมคงไม่พอให้คุณใช้”
วินประชด เอยิ้มเดินเข้ามาใกล้สบตายิ้มหวาน พลางเอื้อมมือไปแตะใบหน้าของวินอย่างนุ่มนวล
“อย่าหาเรื่องซิคะ ฉันแค่อยากให้อุ่นใจแค่นั้นเอง”
วินฝืนยิ้ม “Sorry”
“Sorry อย่างเดียวไม่ยอม ต้องทำแซนด์วิชอร่อยให้ทาน”
คราวนี้วินยิ้มอย่างเต็มที่ “ด้วยความยินดีครับ”
เอ ที่นอนอยู่บนเตียง ค่อยๆ ลืมตาขึ้นมา พลางขยับตัวลุกขึ้นจากเตียง
แว่วได้ยินเสียงเพลง ฮิบฮอพ ดังมาจากในครัว
เอเดินเข้ามาในห้องครัว ก็เห็นวินกำลังเต้นไปดึงขนมปังออกจากที่ปิ้งไฟฟ้า วางลงบนจานไป
พลางร้อง เบาๆ เพราะร้อน เออดขำไม่ได้
“นึกว่าเป็นชายแกร่งซะอีก”
วินหยิบจานขนมปังมาวางไว้บนโต๊ะ แล้วหันมาทักเอ
“กู๊ดมอร์นิ่ง เชิญครับ อาหารเช้า”
เอ ทรุดตัวลงนั่ง พลางกวาดตามอง เห็นอาหารวางอยู่เต็มโต๊ะ มีทั้งไข่ดาว ไส้กรอก เบคอน เหยือกน้ำส้ม กากาแฟ ฯลฯ
“โห ทำไมเยอะจัง”
“ทานเยอะเข้าไว้ครับ เพราะไม่รู้ว่าเราต้องวิ่งหนีกันมากน้อยแค่ไหน”
เอขำ พลางนั่งลง วินนั่งลงฝั่งตรงข้าม
“เชิญครับ”
เอยิ้ม “คุณเก่งจัง ทำเป็นสารพัด”
“เผื่อไว้ครับ นายโจบอกว่าคนมีอุดมการณ์อย่างผม เตรียมอยู่คนเดียวไว้ได้เลย”
“เห็นด้วยเป็นอย่างยิ่ง”
“เดี๋ยวก็ไม่ให้กินหรอก”
แล้วทั้งคู่ก็ยิ้มให้กัน
วินปลอมตัวใส่วิกผมทอง นั่งคู่กับเอที่ใส่วิกผมทองเหมือนกัน ขับรถแล่นเข้ามาในคอนโดหรู
ก่อนจะขับไปจอดตรงด้านหน้า
จากนั้นทั้งสองคู่ ก็ลงมาจากรถ ก่อนจะเดินก้าวฉับๆเข้ามา ร.ป.ภ. สองคนยืนอยู่ต่างทำความ
เคารพ เอพูดภาษาอังกฤษใส่
“Room 8922”
รปภ. คนแรกหันไปบอกอีกคน “ ห้องคุณหญิง อัญชลี”
“คุณหญิงสั่งไว้แล้ว ว่าจะมีแขกต่างประเทศมา”
รปภ. ผายมือเชิญให้ เอ กับ วินเข้าไป
เอเดินนำวินเข้ามาในห้อง วินปิดประตู ในชณะที่เอรีบเดินไปที่โต๊ะอาหาร
“เยส”
เอหยิบบัตร เอทีเอ็ม ยกให้ วินดู ก่อนจะใส่กระเป๋าถือของตัวเอง แล้วหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาด้วย
“คุณแม่จัดโทรศัพท์ไว้ให้ด้วย สุดยอด”
“เรารีบไปดีกว่านะครับ”
“ขอโทรศัพท์แป๊บนึง ฉันยังไม่อยากใช้มือถือเดี๋ยวจะถูกตาม”
เอ เดินไปที่โทรศัพท์ในห้อง
“นอนซักงีบก็ได้นะครับ”
“นี่ อย่ากวน”
เอแกล้งทำเสียงดุ พลางหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากด วินยืนรอกระวนกระวาย
“จินนี่” เอส่งเสียงทักทายไปตามสาย
“ตายแล้วยัยเอ” จินนี่ตะโกนอย่างดีใจ ก่อนที่จะลดเสียงให้เบาลง
“เรื่องจริงหรือเปล่ายิงคนตายน่ะ”
“บ้าน่ะซิ เกิดเรื่องชุลมุนวุ่นวายเป็นไปได้ยังไงก็ไม่รู้”
“แผนให้หนุ่มหล่อตกหลุมรักล่ะซิ”
“โน โน โน เป็นเรื่องบังเอิญจริงๆ”
“แล้วแผนไปถึงไหนแล้ว หนุ่มหล่อน่ะ เธอทำให้เขาหลงได้หรือยัง”
เอ แอบชำเลืองมองวินที่จ้องมา แล้วรีบหันหลังไปพูดต่อ
“นี่ ฉันจะโทรมาบอกว่า ไปส่งที่สนามบินไม่ได้แล้วไม่ใช่ให้มาถามเรื่องโน่นนี่”
“โอเค. แล้วเจอกันที่ แอล เอ..ตอนที่เธออกหัก”
เอขำ “พรุ่งนี้ขอให้เดินทางกลับโดยปลอดภัยนะจ๊ะ”
เอ วางสาย หันมา วินยืนมองอยู่
“เสร็จแล้วค่ะ ไปได้แล้ว”
“ แท้งกิ้ว”
วินเปิดประตู เอเดินออกไป แต่แล้วมีร่างหนึ่งมาคว้าเอ เอาไว้ เอร้องด้วยความตกใจ“ว้าย”
วินรีบพรวดออกมา แต่พวกมันอีกคนหนึ่งปราดเข้ามายิงหมัดใส่ วินหลบ แล้วชกสวนไป จนมันทรุด ก่อนที่จะหันมาทางเอ ที่โดนปืนจ่อที่เอว
“ เอ็งเข้ามาข้ายิง”
“ถ้าเอ็งยิงละก็ ไม่ได้เงินนะเว๊ย”
คนที่เอาปืนจ่อเอวเอเริ่มอึกอัก เอฉวยจังหวะนั้น ยกเท้า แล้วเอาส้นสูงกระแทกขาอย่างแรง จน มันร้องลั่น เอดิ้นหลุดออกมา เป็นจังหวะเดียวกับที่วินพรวดเข้าไปชกโครม จากนั้นทั้งค่ก็แลกหมัดกัน จนในที่วุด
วินก็ได้โอกาสชกเปรี้ยง มันทรุด นิ่งไป
วินสะบัดมือ แล้วพรวดมาหาเอ “คุณเจ็บหรือเปล่า”
หนีก็ล่า ซ่าก็รัก ตอนที่ 5 (ต่อ)
วินเดินควงเอออกมา วางท่าเป็นปกติ เดินผ่าน รปภ. ทั้งสองคน พอพ้นออกมา ก็ก้าวฉับๆไปที่รถ
แต่แล้วเสียงปืนดังสนั่นมา ทั้งคู่รีบกระโจนขึ้นรถอย่างรวดเร็ว ไอ้สองตัวเดิมวิ่งออกมาจาก หน้าคอนโด
“เร็วเข้า”
เอหันมาเร่ง วินรีบขับรถออกไป ทันใดนั้นมีรถขับเข้ามาขวางทาง วินหักหลบ เอร้องกรี๊ด วินหักพ้นขับออกไปจากคอนโดจนได้
“โอ๊ย เกือบไป “ เ อถอนหายใจโล่งอก “ฉันต้องขอชมว่าคุณ แสดงฝีมือได้เยี่ยมจริงๆ”
“ผมว่าไม่ต้องแสดงได้เป็นดีที่สุด”
วินสังเกตเห็นสีหน้าของเอเริ่มซีด
“คุณเป็นอะไรหรือเปล่า”
เอ ส่ายหน้า แต่ปากกลับบอก “คุณ คุณ จอดรถ”
“จอดรถ”
“ฉัน ฉัน จะเป็นลม”
“หา” วินตกใจ “โอเค โอเค.”
วินรีบเลี้ยวรถเข้ามาในซอย ข้างๆ มีสนามหญ้าเล็กๆ สวยๆ อยู่พอดี วินรีบเปิดประตูแล้ว วิ่งอ้อมไปทางด้านที่เอนั่ง พลางรีบเปิดประตูแล้วพยุงเอออกมา ก่อนที่จะพาเดินตรงไปที่สนาม“หายใจลึกๆ “
เอหายใจลึก
“เป็นอะไรครับ เห็นเชียร์เสียงใสอยู่แท้ๆ”
“ฉัน ฉัน เห็นเลือด แล้วจะเป็นลม”
เอ ยกมือขึ้นมา วินเห็นเลือดที่มือของ เอ
“คุณถูกยิง”
เอส่ายหน้า “ไม่ใช่ฉัน คุณ คุณถูกยิง”
เอ เอามือที่เปื้อนเลือดชี้ที่เอวด้านขวาของวิน ที่มีเลือดซึมออกมา วินก้มดูเอามือคลำที่บาดแผล
“เฮ้อ ค่อยยังชั่ว ผมนึกว่าคุณโดนเข้าแล้ว”
เอ มองหน้าวิน แล้วเป็นลม วินคว้าร่างของเอไว้ทัน อดขำไม่ได้
“คุณ คุณ.ผมถูกยิงนะ ไม่ใช่คุณ”
หมอโจ๊กกำลังตรวจรายงานอยู่ในห้อง เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น หมอโจ๊กรีบกดรับสาย
“คุณเอ”
“ช่วยด้วยค่ะ คุณวินถูกยิงทำไงดีคะ”
“ใจเย็นครับ” หมอโจ๊กลดเสียงให้เบาลง “อยู่ไหนครับ ผมจะรีบไปเดี๋ยวนี้”
“เดี๋ยวเอ ส่งข้อความที่อยู่ไปให้นะคะ คุณหมอจะได้ตั้ง จี พี เอส มาได้ถูกต้อง รีบมานะคะ แผลสาหัสปางตายค่ะ”
เอ วางสาย หันมา
“ผมได้ยินนะ คิดจะแช่งผมเหรอ”
เอ เดินมาที่โซฟาซึ่งวินนอนอยู่
“ก็ ก็ ฉันเห็นในหนังโดนยิงแบบนี้มักจะไม่รอด”
“โห ขอบคุณที่เป็นห่วง โอ๊ย” วินแกล้งทำเป็นเจ็บแผล
“คุณเป็นยังไงบ้าง”
“ท่าทางจะไม่รอดอย่างคุณว่า” พูดพลางทำท่าหอบ เหมือนคนใกล้จะหมดลมจริงๆ
“ช่วย กอด ผม หน่อย”
เอตกใจรีบกอดวินไว้. วินกลั้นยิ้มให้เอกอด..แต่แล้วเอก็ถอยออกมา พลางดันให้วินนอน แล้วดึงโทรศัพท์ขึ้นมา
“ฉัน ฉัน จะโทรหาคุณพ่อคุณ. เผื่อว่าคุณจะได้ร่ำลา”
“โน โน โน ผมไม่เป็นไรแล้วครับ”
เอเก็บโทรศัพท์หยุด หันมาจ้องวิน แล้วทำหน้าโหดใส่
“นี่ นี่คุณหลอกฉัน”
“ก็ ก็ ผมอยากให้คุณกอดนี่ครับ กอดแล้วรู้สึกดีไงครับ”
เอ พรวดเข้ามาหาวิน พลางทุบตีวินเป็นพัลวัน
“โอ๊ยๆๆ บาดเจ็บ บาดเจ็บ”
เอ หยุดมองจับพิรุธ “ไม่เชื่อ”
“บาดเจ็บจริงๆครับ”
“สมน้ำหน้า เด็กเลี้ยงแกะ ชอบโกหก”
เอ เดินออกไป วิน ขำ แต่แล้วสีหน้าก็เปลี่ยน เป็นเจ็บจริงๆ
ที่ห้องทำงานนายสุรชัย ที่กำลังเปิดดูทีวีรายงานข่าวอยู่
“สายวันนี้ เกิดเหตุยิงกันที่คอนโดไฮโซหรู คู่กรณีขับรถไล่ล่าออกไปจากที่เกิดเหตุอย่างไร้ร่องรอย ตำรวจพบรอยเลือด สันนิษฐานว่าฝ่ายถูกยิงได้รับบาดเจ็บ”
นายสุรชัยกดรีโมทปิดทีวี แล้วหันมาตวาดลั่น
“เอ็งไปมัวทำอะไรอยู่ที่ไหน ไอ้อ๊อด”
ไอ้อ๊อดยืนอยู่ตรงหน้าโต๊ะทำงานของนายสุรชัย หน้าซีด เถียงไม่ออก
“คือ”.
นายสุรชัยโยนแฟ้มเอกสารใส่ไอ้อ๊อด
“นี่คือข้อมูลของไอ้ผู้ชายกับลูกสาวนายประสิทธิ์ ว่ามันเป็นใคร รู้จักใคร พวกมันมีเซฟเฮาส์ที่ไหน”
“ครับผม”
“ข้าเชื่อว่า ไอ้คนที่เอาข้อมูลมาขายมันไม่ได้ขายข้าคนเดียว เอ็งต้องชิงลงมือก่อนคนอื่น”
“เดี๋ยวนี้เลยครับท่าน”
ไอ้อ๊อดรับคำ แล้วรีบออกปันที
“ไอ้พวกบ้านี่ เงินก็จะเอาเพิ่ม แต่เรื่องงานไม่กระดิกต้องปล่อยให้อดตายซะให้หมด”
เอเดินนำหน้าหมอโจ๊กที่ถือกระเป๋าใบใหญ่เข้ามาในห้องนอนของวินอย่างร้อนใจ ในขณะที่วินนอนอยู่บนเตียง
“สวัสดีครับคุณหมอ”
“คุณวิน. เป็นยังไงบ้าง”
“ผมสบายดีครับ แผลแค่เฉี่ยวนะครับ”
หมอโจ๊กหันมาทางเอ “คุณเอ ออกไปรอข้างนอกก่อนดีกว่า”
“ใช่เดี๋ยวเป็นลม เดือดร้อนกันหมด”
เอค้อนวิน ก่อนที่จะหันมาพยักหน้าให้หมอ โจ๊ก แล้วเดินออกไป
“กระสุนเข้าเต็มๆโชคดีที่ทะลุออกไป”
“เหรอครับ ผมนึกว่าเฉี่ยวซะอีก”
หมอโจ๊กยิ้มส่ายหน้า มองวินอย่างรู้ทัน
“ขอโทษที่ทำให้คุณหมอต้องลำบาก”
เอบอกกับหมอโจ๊ก ในขณะที่เดินออกมาส่งที่รถ
“ด้วยความเต็มใจเลยครับคุณวินก็เพื่อนคุณโจเพื่อนสนิทผมเอง ยิ่งมาเป็นแฟนคุณเอด้วยแล้ว”
เอฝืนยิ้ม “เอ้อ ขอบคุณมากค่ะ”
“โชคดีที่กระสุนทะลุออกไป ไม่ยังงั้นจะแย่กว่านี้คงจะต้องทนปวดแผลหน่อย”
“อ้าว ไหนคุณวินบอกว่าแค่เฉี่ยวๆนี่คะ” เอย้อนถาม
“คุณวินแกคงไม่อยากให้คุณเอเป็นห่วงน่ะครับ ถ้าปวดมาก ก็ให้ทานยาที่ผมให้ไว้อีกนะครับ แก้ปวดแล้วก็ทำให้หลับ ต้องพักผ่อนมากๆครับ”
“ขอบคุณค่ะ”
ในขณะที่แนนกำลังนั่งจดข้อมูลอยู่ในห้องสมุด ที่มหาวิทยาลัย โดยมีน้ำหวาน เทป เมจิ นั่งอยู่พร้อมหน้าพร้อมตา
“มีข่าวด่วน” น้ำหวานส่งเสียงตื่นเต้น
แนนยกนิ้วชี้แตะปาก ให้เบาเสียงลง ก่อนถาม “ข่าวอะไร”
เมจิตอบเสียงเบา จนเกือบเป็นกระซิบ
“อาจารย์โสภา จะจัดละครเวทีกำลังเปิดให้ทุกคนมีส่วนร่วมมีการประชุมตอนบ่ายวันนี้ที่ห้องเวทีเล็ก”
“ทุกคนจะได้ออกเสียงว่าจะเล่นเรื่องอะไร” เทปพูดอย่างดีใจ
“ได้ข่าวว่านุจรี กับทีม จะไปด้วย”
“พวกเชียร์ลีดเดอร์สนใจละครการกุศลตั้งแต่เมื่อไหร่” แนนบ่นกับตัวเอง
แนน กับเพื่อนครบทีม กำลังจะเดินเข้ามาที่ห้องประชุม เจอกับพวกนุจรีหน้าห้องพอดี
“นักแสดงอันดับแรกต้องหน้าตาดี ทันสมัย เปรี้ยว ไม่ใช่พวกหนอนหนังสือนะจ๊ะ”
“เปรี้ยวอย่างเดียวไม่พอ .ต้องจำบทได้ด้วยนะจ๊ะ” แนนย้อน
“นี่พูดมากเหรอ”
“จำบทแล้วไง ยากตรงไหน” หลินย้อนถาม น้ำเสียงพร้อมจะมีเรื่องเต็มที่
น้ำหวาน ตอบยิ้มๆ “ยากตรงที่สมองไม่มี ก็จำไม่ได้”
อาจารย์โสภาเดินมาพอดี
“เอาล่ะทุกคนเราจะเริ่มประชุมกันแล้ว”
อาจารย์โสภาเดินเข้าไปในห้อง แนนกับ พวกนุจรี ต่างยึกยักใส่กัแล้วเดินเข้าห้องตามอาจารย์โสภาไป
อาจารย์โสภาเดินขึ้นเวที มีนักศึกษานั่งกันเต็มห้องประชุม“สวัสดีทุกคนเราจะจัดละครการกุศลหาทุนเพื่อช่วยเหลือการศึกษาในชนบทให้ดีขึ้น”
เสียงนักศึกษาปรบมือเกรียว
“เราได้มีนักแสดงไฮโซหนุ่มชื่อดังที่สละเวลามาเป็นพระเอกให้กับละครของเรา”
เสียงนักศึกษากรี๊ดกันด้วยความชอบใจ
“ขอเชิญคุณพอล เนตะวิทยา”
นุจรีกับเพื่อน ถึงกับลุกขึ้นยืน ปรบมือ และส่งเสียงกรี๊ดดัง
“คุณพอลนี่เองเป้าหมายสำคัญของนุจรี”
น้ำหวานหันมาป้องปากกระซิบกับแนน แนนพยักหน้าเห็นด้วย พอลขึ้นมาบนเวที เสียงกรี๊ดดังสนั่น
“ดีแล้ว”
“พี่เอจะได้เป็นแฟนกับพี่วินใช่มั้ยล่ะ”
“ประมาณนั้น”
“งั้นเราต้องช่วยนุจรีให้สำเร็จสมความปรารถนา”
“แน่นอนที่สุด”
แนนตอบยิ้มๆ
พอล นั่งคู่กับอาจารย์โสภา มีนักศึกษาเข้าแถวขอลายเซ็น เหลืออยู่หนึ่งคนก่อนหน้านุจรีและเพื่อนๆ
ถัดมาเป็นน้ำหวาน แนน เมจิ และ เทป
เมื่อคนที่ยืนก่อนหน้าได้รับลายเซ็นและเดินออกไป นุจรีก็เข้ามายืนตรงหน้าโต๊ะ“นุจเป็นแฟนตัวจริง ติดตามผลงานของคุณพอลตลอดเลยค่ะ”
“ขอบคุณครับ” พอลเหลือบสานตาเห็นแนน ก็ร้องทักด้วยความตื่นเต้นเพราะอยากรู้เรื่องวินกับเอ “น้องแนน”
“สวัสดีค่ะพี่พอล”
น้ำหวานกับเพื่อนๆต่างยิ้มเยาะนุจรีกับทุกคน นุจรีมองอย่างขัดใจ“เอ้อ น้องแนนได้ข่าว คุณ....”
พอลยังพูดไม่ทันจบประโยค แนนก็รีบพูดแทรกขึ้น
“พี่พอลคะ นี่นุจรี เพื่อนของแนน เองค่ะ ทั้งไฮโซทั้งสวย ทั้งแสดงเก่งครบเซ็ตเลยค่ะ”
พอลหันมามองนุจรี เพิ่งสังเกตเห็นความสวยเปรี้ยว ถึงกับลืมเรื่องเอกับวินไปเลย
“เอ้อ ยินดีครับ”
นุจรียิ้มหวานใส่ แนนกับน้ำหวานลอบสบตากัน
ในขณะที่แนนนั่งกินข้าวอยู่กับ เมจิ เทป น้ำหวาน กลุ่มของนุจรี ก็เดินตรงเข้ามา
“มาแล้ว แนน” น้ำหวานส่งสัญญาณบอกแนน
“ทุกคน. ตามแผน มิตร ไม่ใช่ศัตรู”
นุจรีกับทุกคน เดินเข้ามายืนล้อมโต๊ะ
“มีอะไรมิทราบ” น้ำหวานเงยหน้าขึ้นถาม
“ไม่มีอะไรอยากจะขอบใจแนนที่แนะนำให้รู้จักพี่พอลนึกไม่ถึงว่าคุณพอลกับแนนจะรู้จักกัน”
“ฉันแค่ยอมรับความจริงเท่านั้นเอง เธอต้องได้เป็นนางเอกคู่กับคุณพอลแน่ๆ”
แนนพูดพลางแกล้งยิ้มหวานให้นุจรี
“เธอคิดว่าคุณพอลจะเลือกฉัน”
“นอกจากเธอแล้วจะมีใครล่ะ พี่พอลมองเธอตาเป็นมัน ฉันจะคอยบอกเธอเองว่าพี่พอลชอบ
สไตล์ไหน”
“นุจ อย่าไปเชื่อพวกนี้” บิวเอียงหน้ามากระซิบนุจรี
นุจรี หันไปทำหน้าดุ “บิว ฉันกำลังคุยกับแนน”
บิวถึงกับจ๋อย นุจรีหันมายิ้มให้แนน “ แล้วฉันจะโทรไปคุยนะจ๊ะ”
“ได้เลย”
“บ๊าย บาย ทุกคน”
นุจรีเดินออกไป บิว พีช หลิน แอบหันมามองค้อนพวกแนน แล้วเดินตามไป
“เข้าแผนเธอแล้วยัยแนน” น้ำหวานดีดนิ้วเปาะ
“งานนี้ขึ้นอยู่กับคุณพอลคนเดียว ถ้าคุณพอล มีใจกับพี่เอจริง แล้วพี่เอ โอเคด้วยเราก็ไม่ว่าอะไร”
แนนยิ้มอย่างพอใจ ยกมือตีมือกันถ้วนหน้าทุกคน
ทางด้านโจที่กำลังตรวจ งานอยู่ในออฟฟิศ เสียงโทรศัพท์ ดังขึ้น โจมองแล้วรีบกดรับสาย
“ครับคุณพ่อ”
“ดูข่าวหรือเปล่าโจ” ทอมถามมาทางปลายสาย
“วันนี้ยังเลยครับ งานยุ่งๆอยู่ครับ ผมจะลองติดต่อกับนายวินดูนะครับ”
“พ่อลองแล้ว เครื่องไม่เปิด”
“งั้นเย็นนี้ผมจะลองแวะไปดูที่บ้านพัก ได้ข่าวยังไงผมจะแจ้งให้คุณพ่อทราบนะครับ”
“ขอบใจลูก”
โจวางสายจากทอมปุ๊บ เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นมาอีกครั้งทันที โจมองที่เบอร์ แล้วกดรับ
“หมอโจ๊ก ว่าไงเพื่อน หา โอเคเพื่อนขอบใจมาก ฉันติดข้าวนายหนึ่งมื้อ”
โจ วางสาย แล้วรีบกดสายออก
“คุณพ่อเหรอครับ เป็นนายวินกับคุณเออย่างที่คุณพ่อคิดเลยครับ”
ทางด้านพอลกำลังขับรถ มุ่งจากสุวรรณภูมิเข้าสู่กรุงเทพ โดยมี โม วุ้น พิงค์ เมย์ นั่งอยู่ในรถ
“โอย ปารีสสนุกสุดๆ week ที่แสนสนุกผ่านไปรวดเร็วเหลือเกิน” โมพูดด้วยน้ำเสียงร่าเริง”
“ผมมีเรื่อง...”
พอลยังพูดไม่ทันจบ วุ้นก็แทรกขึ้นมาทันที
“Thank you, คุณพอลมากนะคะ อุตส่าห์มาตามคำเรียกร้อง คิดถึงนะค่ะ นี่พอพวกเราลงเครื่อง ก็โทรหาคุณพอลเลยนะคะ”
“ครับ คือ..”
พอลจะพูดต่อ พิ้งค์ก็แทรกขึ้นอีก
“นี่พวกเราให้คนขับรถเอากระเป๋าไปเก็บบ้านเลยนะคะ จะได้ปาร์ตี้กันต่อเลย”
“เอ ไม่มาด้วยเหรอคะ” เมย์หันมาถามพอล
“คือผมพยายามจะบอกพวกคุณว่าเอ ถูกข้อหายิงคนตายครับ”
สี่สาวต่างร้องกรี๊ดพร้อมกัน
พอลมาทั้งสี่สาวเข้ามาในห้องส่วนตัว ที่อยู่ด้านในของร้านอาหารหรู พลางหยิบไอแพด มาเปิดรูปของ วินอยู่ข้างหลังเอ เอามือโอบมาข้างหน้า ที่มือของเอถือปืนอยู่ ให้ดู
“นี่มันตาโปรกอล์ฟ ที่ยาย เอ บอกว่ารู้จักนี่” เมย์ตาวาว
“ครับ นายวิน”
“โอย ไม่น่าเชื่อ” โมอุทานอย่างไม่เชื่อสายตา
“ตั้งแต่เกิดเรื่อง คุณ เอ ยังไม่ติดต่อผมเลยครับ”
สี่สาวหันมามองหน้ากันพอลพูดต่อ
“ดูเหมือนว่า คุณเอ ก็ไม่ได้ติดต่อพวกคุณเหมือนกัน”
“ระยะหลังดู.เอเปลี่ยนไป” โมตั้งข้อสังเกต พิ้งค์รีบเสริม
“ใช่ค่ะ เอ เปลี่ยนไป”
สี่สาวพยักหน้าให้ มองกันไปมองกันมา โมหันมาทางพอล
“ถ้าเอติดต่อมา เราจะรีบบอกคุณพอล ทันทีเลยค่ะ”
“เฮ้ออยู่กับหนุ่มหล่อหลายวันป่านนี้ จุด จุด จุด ไปแล้ว” วุ้นพูดอย่างที่ใจคิด
สาวๆต่างทำหน้ากลุ้ม เมย์พูดต่อ
“ดีนะที่คุณพอลเป็นสุภาพบุรุษเป็นคนอื่นคงรับไม่ได้แล้วล่ะค่ะ”
พอลถึงกับเงียบไป สี่สาวต่างตีหน้าเห็นใจ
เอยืนมองวินที่หลับอยู่ ค่อยๆเอามือลูบที่ใบหน้าวินเบาๆ
“คุณยอมเจ็บตัวแบบนี้ให้ทุกคนที่คุณไม่ชอบหรือเปล่า”
วินขยับตัว กระพริบตาถี่แล้วลืมตาขึ้นมา
“Hi.”
เอ ยิ้ม “Hi..คุณเป็นไงบ้าง”
“สบายมากครับ”
เอ ยิ้มหวานให้ วินยิ้มหัวใจเบิกบาน ก่อนที่จะขยับตัวลุกขึ้นนั่ง เอ เข้ามาช่วย เอาหมอนมาวาง ให้วินพิง
“หมอโจ๊กสั่งให้คุณหลับนานๆ”
“กี่โมงแล้วครับ”
“ห้าโมงเย็นแล้วค่ะ”
“โว่ว ผมหลับยาวเลย”
“ดีแล้วค่ะ”
วินขยับตัว
“คุณจะไปไหน”
“ทำมือเย็นไงครับ ผมหิวแล้ว คุณก็คงหิวเหมือนกัน”
เอ ยกมือยันอกวิน “นี่ไม่ต้องทำแกร่งมาก หมอโจ๊กบอกฉันแล้วว่ากระสุนเข้า ผ่านเอ็นกล้ามเนื้อ ไม่ได้เฉี่ยวอย่างที่คุณโม้ไว้”
“อ้อ มิน่าถึงเจ็บ”
เอมองค้อน “คุณอยู่นี่ เดี๋ยวฉันจะไปเอาข้าวต้มมาให้”
“คุณทำเหรอ”
“ใช่”
“โอ โน ผมไม่รอดแน่”
เอค้อน พลางยกมือขึ้นจะทุบ วินรีบร้องห้าม
“บาดเจ็บครับ บาดเจ็บ”
เอชะงักมือ แล้วรีบเดินออกไปจากห้อง วินมองตามสายตาเป็นประกาย
เอตักข้าวต้มใส่ถ้วย ยิ้มอย่างพอใจ พลางเอาช้อนตักชิมดู แล้วทำหน้าเบี้ยว เพราะไม่อร่อย พลางคิดถึงคำพูดของหมอโจ๊ก
“คุณวินแกคงไม่อยากให้คุณ เอ เป็นห่วงน่ะครับถ้าปวดมากก็ให้ทานยาที่ผมให้ไว้อีกนะครับ แก้ปวดแล้วก็ทำให้หลับ ต้องพักผ่อนมากๆครับ”
เอ หยิบห่อยาที่หมอโจ๊กให้มา ยกขึ้นอ่าน แล้วเทออกใส่จานเล็กๆ
“จะได้หลับพักผ่อนมากๆ”
เอ หยิบช้อนมาบดยาสี่เม็ดจนละเอียด แล้วเทใส่ถ้วยข้าวต้ม ก่อนจะใช้ช้อนคนให้เข้ากัน
เอป้อนข้าวต้มให้วิน วินกลืนเอื๊อก แล้วทำหน้าบูดเบี้ยว
“ผมทายว่า คุณไม่เคยทำข้าวต้มมาก่อนในชีวิต”
“นี่ ไม่ต้องบ่น กินไปก่อน หายแล้วค่อยทำกินเอง”
“คุณลองชิมดูหรือยังครับเนี่ย”
“แน่นอน.”
“แล้วคุณว่า”
“เออน่า กิน” เอออกคำสั่ง
“ครับผม” พลางหลับตาอ้าปากรอ
วินนอนหลับอยู่ในห้อง เอเดินเข้ามา พลางใช้มือแตะหน้าผากดู ก่อนจะห่มผ้าคลุมให้ จากนั้นก็
เดินออกมาที่ห้องรับแขก หยิบโทรศัพท์ที่หยิบมาจากคอนโด มาโทร. ออก
“คุณแม่เหรอคะ”
“คุณ เอ ไม่เป็นไรนะลูก แม่ได้ข่าวทางทีวี” คุณหญิงอัญชลีส่งเสียงมาตามสายด้วยความเป็นห่วง
“อะไรคะ มีข่าวทางทีวีด้วยเหรอคะ”
“ใช่จ้ะ ข่าวบอกว่ามีการยิงกัน มีคนบาดเจ็บ”
“อืม คุณวินค่ะ ถูกกระสุนของพวกมัน”
“ตายจริง” คุณหญิงอัญชลีตกใจ
“ปลอดภัยแล้วค่ะ”
“เฮ้อ โล่งอก พวกที่ตามลูก รู้จักที่นั่น ลูกต้องระวังให้ดี”
“ค่ะ คุณแม่ไม่ต้องห่วงนะคะ บ๋ายบายค่ะ”
เอวางสาย พลางถอนใจ แต่แล้วก็นึกขึ้นมาได้
“แย่แล้ว หมอโจ๊กมาที่นี่ หรือว่าพวกมันจะตามมา”
เอ พรวดเข้ามาในห้อง ค่อยๆเขย่าตัววิน วินลืมตาปรือขึ้นมา
“มีอะไรเหรอครับ”
“เราต้องรีบไปจากที่นี่”
วินขยับตัว แต่แล้วก็กลับฟุบลงไปที่เตียง
“นี่คุณ ตื่น โธ่เอ๊ย”
หนีก็ล่า ซ่าก็รัก ตอนที่ 5 (ต่อ)
เอ ลากร่างของวินมากับพื้น ออกมาที่ห้องรับแขก พลางหยุดพักเหนื่อย ก่อนที่จะเดินไปคว้ากระเป๋าของตนมา สะพายไว้ที่ไหล่ แล้วก้มลงจะลากวิน
“สงสัยเราใส่ยาเยอะไปหน่อย”
ทันใดนั้นประตูถูกถีบพรวดเปิดออก ไอ้เม่นกับสมุนสองคนยืนขวางอยู่ตรงหน้า เอสะดุ้งยืนขึ้น“มีคนอยากจะคุยด้วย”
เอ มองหน้าไอ้เม่นกับพวก แล้วตัดสินใจบอก
“อยากจะคุยคนกับตายก็เชิญเล๊ย”
ไอ้เม่นมองหน้าเอ ลูกน้องมันสองคนเข้าไปตรวจดูร่างของวิน
“ผมบอกพี่แล้วว่าผมยิงถูกมัน”
“ท่าทางเหมือนตายแล้วพี่”
“ฉันกำลังจะเอาไปวัด” เอแกล้งทำหน้าเศร้า
ไอ้เม่นเดินเข้ามาตบหัวสมุนโครม แล้วนั่งลงไปเอามืออังจมูกของวิน แล้วหันมามองเอ เอยิ้มแหยๆ “ก็ฉันนึกว่าตายแล้วนี่”
ไอ้เม่นลุกขึ้นยืน
“พวกเอ็งจะรอให้มันตายจริงๆหรือไง”
สมุนสองคนรีบหามหัวท้ายวินยกขึ้นมา
“แก จะเอาเงินเท่าไหร่ ฉันจ่ายได้นะ พ่อฉันรวย”
เอหันมาถาม ไอ้เม่นยิ้มเยาะ แล้วโบกมือให้เอนำออกไป เอจำต้องเดินออกไป ตามด้วยสมุนสองคน
ที่แบกร่างของวิน ส่วนไอ้เม่นเดินตบท้าย
เอเดินนำออกมาหน้าบ้าน สมุนสองคนหามวินหัวท้าย ไอ้เม่นเดินตามหลังออกมา
“ เฮ้ย”
เสียงของโจดังแทรกขึ้นมา ไอ้เม่นหันมา ก็เจอไม้เบสบอลของโจฟาดเข้าให้โครม ไอ้เม่นทรุดหลับลงไปทันที ในขณะที่สมุนสองคน หันกลับมา แล้วรีบเดินพรวดเข้ามาหาโจ เอหันมาเอาขาขัดมันล้มโครม อีกคนหนึ่งพรวดเข้าไป ก็เจอไม้ของโจฟาดโครมเข้าให้ จนร่วงไปกอง โจพรวดเข้าไป หาคนที่ถูกขัดขา ที่กำลังลุกขึ้นมา แล้วใช้ไม้ฟาดผัวะเข้าให้ จนมันหน้าหงายสลบไป
“หวัดดีครับคุณ เอ”
เอ ยิ้มให้ยังตื่นเต้นอยู่ “คุณโจ มาได้ยังไงคะนี่”
“หมอโจ๊กโทรไปบอกครับ”
“โชคดีที่คุณโจ เดาแม่น”
โจมองวิน ที่นอนอยู่ที่พื้น เอมองตาม แล้วยิ้มเขินๆ
“ เอ ให้ยานอนหลับมากไปหน่อย”
“เราไปกันดีกว่าครับ”
โจช้อนร่างวินขึ้นมาพาดไหล่ แล้วแบกวิน เดินออกไป
โจขับรถออกมาจากซอยบ้านพัก เอนั่งอยู่ข้างคนขับ มีรถสวนเข้ามา ต่างฝ่ายต่างชะลอ เพราะ ซอยเล็ก รถค่อยๆเลื่อนผ่านกันช้าๆ บังเอิญตรงกับไฟถนนพอดี ไอ้อ๊อด ที่นั่งอยู่ในรถคันที่สวนมาหันมาเห็นเอ
เต็มๆ
“ลูกสาวนายประสิทธ์นี่หว่า”
คนขับจอดรถพรืด ไอ้อ๊อดสั่งการ “กลับรถ”
คนขับกลับรถออกไปได้ ก็รีบขับตามไปอย่างรวดเร็ว ไอ้อ๊อดหยิบแฟ้มที่ได้จากนายประสิทธิ์ขึ้นมา“นายเราซื้อข้อมูลมาเป๊ะจริงๆ”
โจขับรถไป พลางมองที่กระจกหลัง
“รู้สึกว่าจะมีคนตามเรามา”
“คุณแน่ใจเหรอคะ”
โจพยักหน้า “ครับ เวลาขับรถผมคอยระวังดูหลังอยู่ตลอด พวกมันตามเราแน่ ผมกับนายวิน”“ดูหนังเยอะ” เอต่อประโยคให้
โจยิ้ม พลางกวาดสายตามองรอบๆ เห็นป้ายโรงแรมม่านรูดอยู่ข้างหน้า
“คุณ เอ อย่าคิดมากนะครับ ถ้าผมจะพาคุณเอเข้าโรงแรมม่านรูด”
ในขณะที่รถของไอ้อ๊อดขับตามาติดๆ
“คราวนี้ล่ะหนีไม่รอด”
“พี่มันเลี้ยวเข้าโรงแรมม่านรูด”
“อะไรของมันวะ”
คนขับหันมาถาม “เอาไงดีพี่”
“ก็ต้องตามซิวะ”
รถของไอ้อ๊อดขับตามเข้าไป พนักงานรีบโบกมือให้เข้าไปจอดด้านใน
“เอาไงพี่”
“เข้าไปก่อน”
รถไอ้อ๊อดขับเลยเข้าไปด้านใน มีคนโบกให้เข้าไปจอดในซอง คนขับเข้าไปจอดในซอง
พนักงานรูดม่านปิดพรืด พนักงานเข้ามาที่รถ เห็นมีแต่ผู้ชาย พนักงานถึงกับยิ้ม“ไม้ป่าเดียวกันว่ะ”
พนักงานสองคนรูดม่านเปิดออก รถของโจ ถอยออกมา โจรีบกลับรถออกไปอย่างรวดเร็ว พนักงานรีบปิดม่าน
“สงสัยเปลี่ยนใจ”
“จอดแป๊บเดียวให้พันนึงก็โอเค”
พนักงานเข้ามาเปิดประตูให้ไอ้อ๊อดกับพวก
“เชิญครับท่าน”
“เอาไงพี่” คบขับหันมาถามไอ้อ๊อด
พนักงานยิ้มขำ
“เอ็งสองคนลงไปหาพวกมัน”
คนขับกับสมุนลงไป จากรถ พนักงานแบมือตรงหน้าไอ้อ๊อด
“พันนึงครับพี่”
“เฮ้ย ดูห้องก่อนเว้ย”
“ต้องขอโทษที่พาคุณเอ เข้าโรงแรมม่านรูดให้เป็นที่เสื่อมเสีย”
โจหันมาบอกกับเอ หลังจากที่ขังบรถออกมาพ้นจากโรงแรมแล้ว
เอยิ้ม “หวังว่าพวกนั้นคงไม่ไปบอกใครที่ไหน”
“มันไม่กล้าหรอกครับ เจ้านายมันรู้มันโดนตื้บแน่”
โจกับเอต่างขำกันชอบใจ เอหันไปมองวินที่หลังรถ วินยังคงหลับไม่รู้เรื่อง
ไอ้อ๊อดเหล่มองพนักงานสองคนที่มองมันอยู่ ชั่วอึดใจสมุนสองคน ก็กลับเข้ามาในรถ
“ไงวะ”
“มันออกไปแล้วพี่”
“โธ่เว้ย รีบไปซิวะ”
โจ แบกร่างของวินเข้ามาในห้องพักของโรงแรมแห่งหนึ่ง ก่อนจะวางบนเตียง มีเด็กหิ้วกระเป่าของเอ กับวินเดินตามเข้ามา เอเดินมาต่อท้าย
“หวังว่าคุณเอ คงรับได้นะครับ มีเหลืออยู่ห้องเดียวจริงๆ”
“ไม่เป็นไรค่ะ”
เอ เอากระเป๋าวางบนเตียงที่ว่าง พลางนั่งลงถอนใจ
“ไม่ต้องห่วงนะครับ โรงแรมนี้เป็นของลูกน้องเก่าผมเอง ค่าใช้จ่ายทุกอย่างเคลียร์หมดแล้ว รับรองว่าไม่มีใครปากโป้งครับ”
“แต่รางวัลค่าหัวของฉันกับคุณวินเยอะนะคะไม่อยากจะไว้ใจใครเลย”
วินขยับตัว โจกับเอมองตาม เอรีบพรวดเข้าไป พลางใช้มือตบหน้าเบาๆ วินส่งเสียงอื้ออ้า
“คุณวิน คุณวิน”
“คุณเอ ถอยก่อนครับ”
เอ ถอยมา โจเดินเข้าไปหาวิน ก่อนที่จะเอาขวดน้ำเย็นเทน้ำบนหน้า วินสลัดหน้าสะดุ้งตื่นขึ้นมา
เอกับโจ ยิ้มชอบใจ
วินเอาผ้าเช็ดหน้าตัวเอง นั่งอยู่บนเตียง ในขณะที่เอนั่งอยู่ข้างๆ คอยประคอง
“จริงอย่างที่คุณ เอ ว่า เงินรางวัลเยอะ ไว้ใจใครไม่ได้”
“คิดดูอีกที ฉันว่าฉันโทรเรียก ผู้กองวันชาติมารับนายดีกว่า จะได้เคลียร์กันไปเลย”
โจเสนอ วินส่ายหน้า
“ณ ตอนนี้คงไม่ดีเพื่อน คดีฆ่าคนตายศาลคงไม่ให้ประกันตัว ฉันไม่อยากให้คุณเอ ต้องอยู่
เอ้อ ในคุก”
เอ ยิ้มฃอบคุณ พลางเกาะแขนวินแน่น โจพยักหน้า คล้อยตาม “เอาเป็นว่าคืนนี้พักที่นี่กันก่อน พรุ่งนี้นายก็รีบเช็คเอาท์ซะก่อนที่จะมีใครมาเช็คนาย”
“ขอบใจมากเพื่อน”
โจพยักหน้ารับแล้ว เดินออกไปจากห้อง เอรีบพรวดไปล็อคประตู วินยิ้มให้ เอฝืนยิ้มตอบ
“พวกมันหลุดมือไปได้”
นายสมภพเสียงเครียด ไอ้เม่นรีบอธิบาย“มีคนมาช่วยมันครับ”
“ข้าให้พวกเอ็งมารายงานข้าตอนที่ได้ตัวพวกมันไม่ใช่ตอนที่พวกมันหลุดมือไป”
“ครับลูกพี่”
ไอ้เม่นรับคำ แล้วรีบออกไป
เช่นเดียวกับที่บ้านนายสุรชัย “มีคนตัดหน้าเราไปก่อนครับท่าน ผมไปถึงพวกมันก็ไปหมดแล้ว “
ไอ้อ๊อดโกหกหน้าตาเฉย
“พวกเอ็งนี่เลี้ยงเสียข้าวสุกแท้ๆ”
วินนั่งพิงพนักเตียงหนึ่ง เอพิงอยู่อีกเตียงหนึ่ง
“ดูเหมือนว่าคนที่เกี่ยวพันกับคุณและผมจะถูกพวกนายสมภพและก็พวกอื่นๆจับตาดูอยู่”
เอ พยักหน้า พลางถอนใจ
“ป่านนี้ผู้กองวันชาติคงรู้หมดแล้วว่าใครมีบ้านหรือคอนโดที่ไหนให้เราซ่อนตัวได้ เราต้องพึ่ง
ตัวเองแล้วครับ”
“ เข้าใจ”
“ผมเริ่มง่วงอีกแล้ว คุณใส่ยาให้ผมกี่เม็ดกันแน่”
“หมอโจ๊กสั่งให้กินเม็ดเดียว ฉัน เอ้อ ใส่ สี่”
วินค่อยๆเอนตัวลง แต่ไม่วายกำชับ
“คุณล็อกประตูห้องให้ดีๆ ก็แล้วกัน ผมขอแป้กก่อน”
วินหลับตาลง เอเดินเข้ามาหยิบผ้าห่มมาคลุมให้ แล้วนั่งลงที่เตียงของตน ถอนใจ พลางคิดถึงเหตุการณ์ที่ผ่านมา เอมองวินแล้ว อดยิ้มไม่ได้
“ฉันตั้งใจจะทำให้คุณหลงรักฉัน สงสัยว่าฉันจะหลงรักคุณมากกว่า”
วินลืมตาตื่นขึ้นมา พลางขยับตัว กวาดสายตาไปทั่วห้อง เห็นเอฟุบหลับอยู่บนเตียงถัดไป วินขยับตัวลุกขึ้นมาอย่างช้าๆ ค่อยๆ เอามือช้อนร่างของเอขึ้นมาวางไว้บนเตียงของตนอย่างระมัดระวั ง ก่อนที่จะเปิดผ้าห่มของเตียงถัดไป จัดให้เรียบร้อย แล้วช้อนร่างเอ มาให้นอนบนเตียง
เอหลับสนิทใบหน้าสวยงาม วิน มองแล้วเผลอตัว ค่อยก้มลงไปจะจูบที่ริมฝีปาก ใกล้เข้าไป ใกล้เข้าไป
แต่แล้วก็หยุด ยืนขึ้นดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมร่างของ เอ มองแล้วถอนใจ
วินเดินไปที่เตียงของตน เอลืมตาขึ้น อดยิ้มไม่ได้
เอค่อยๆ ลืมตาตื่นขึ้นมา เห็นวินมองอยู่ เอรีบลุกขึ้น พบว่าตัวเองนอนอยู่ใต้ผ้าห่มเรียบร้อย
“นี่คุณเผลอกินข้าวต้มยาสลบด้วยเหรอครับ”
“ คุณตื่นมาได้ยังไงเนี่ย”
“ผมตื่นมาเห็นคุณฟุบหลับอยู่ ก็เลยแอบปล้ำคุณแล้วจับคุณยัดใส่ผ้าห่มเอาไว้”
เอยิ้มแกล้งยกผ้าห่มดูเสื้อผ้า “คราวหลังถอดเสื้อผ้าฉันด้วยนะ จะได้เนียนกว่านี้”
วินขำ“คุณนี่ ซ่าจริงๆเลยนะ คราวหลังผมจะถอดจริงๆจะได้เข็ด”
“จริงไม่กลัว กลัวไม่จริง”
เอทำหน้าทะเล้น วินแกล้งเดินเข้าใกล้เตียงตีหน้าเข้ม เอยกมือกันหัวเราะคิกคัก
“ก็ฉันรู้นี่นา ว่าคุณมีอุดมการณ์ ไม่ทำอะไรสาวที่คุณไม่ปลื้มเด็ดขาด”
“ไม่จำเป็นต้องปลื้มก็ทำได้”
“จริงอ่ะ”
“จริงดี้”
“ฉันรู้ว่าคุณไม่กล้า” เอแกล้งท้าทาย
“อย่าท้า”
เอ แกล้งกางมือออกให้วินเข้ามากอด วินมองยิ้มๆ เหล่ ทันใดนั้นก็มีเสียงทุบประตูโครมๆ
“ เปิดประตู นี่เจ้าหน้าที่ตำรวจ”
เสียงผู้กองวันชาติดังมาจากหน้าประตู
วินหันไปที่ประตู เอพรวดออกมาจากเตียง ไปหลบที่ด้านหลังของวิน“ตำรวจ”
“ดี. จะได้รู้เรื่องกันไป”
วินเดินไปที่ประตู “เราต้องการมอบตัว เราไม่มีอาวุธ”
“ได้ เปิดประตูแล้วถอยไป ยกมือเหนือศีรษะ”
วินเปิดประตู ผู้กองวันชาติพรวดเข้ามาพร้อมปืนจ้องมาที่วิน ที่ยกมืออยู่ เอ โผล่มาจากข้างหลัง
ผู้กองวันชาติจ้องมองอย่างพิจารณา
วินปรายตามองผู้กองวันชาติ ในขณะที่เจ้าหน้าที่เดินเข้ามาพร้อมด้วยกุญแจมือ เอเกาะวินแน่น
“กุญแจมือด้วยเหรอ”
วินหันไปพยักหน้า “ครับ ตามกฎ”
ผู้กองวันชาติมองอยู่ เห็นสีหน้าตระหนกของเอ ในใจไม่เชื่อว่าวินกับเอ คือคนร้าย
“ใส่ด้านหน้าก็พอ”
วินกับเอยื่นมือมาข้างหน้าให้แต่โดยดี ก่อนที่เจ้าหน้าที่ใส่กุญแจมือให้ทั้งคู่
จากนั้นเจ้าหน้าที่คนหนึ่ง ก็เดินนำวินกับ เอ มาที่รถ ในขณะที่เจ้าหน้าที่อีกสองคนเดินคุมหลัง ผู้กองวันชาติคุมหลังสุด ทั้งหมดเดินมาถึงที่รถ ทันใดนั้น เสียงปืนดังสนั่น ทุกคนรีบก้มตัวหลบ พวกไอ้เม่นวิ่งกันเข้ามาแล้วแยกย้ายกันล้อม ผู้กองวันชาติกับตำรวจสองคนชักอาวุธยิงสาดออกไป
สกัด วินลากตำรวจคนที่ถูกยิงทรุดเข้ามาหลบหลังรถ เอตามมาติดๆ ในขณะที่ผู้กองวันชาติกับพวกไอ้เม่น สาด
กระสุนใส่กันไม่ยั้ง
วินล้วงกระเป๋าเสื้อของตำรวจที่คนหนึ่งล้มโครมลงมาตรงหน้า พลางหันมาบอกเอ
“ส่งมือมาครับ”
เอรีบยื่นมือออกไป วินไขกุญแจมืออย่างรวดเร็ว ทันใดนั้นร่างของเจ้าหน้าที่อีกคนหนึ่ง
ก็ทรุดลงมาโครม
“ เร็วเข้า”
วินหันไปส่งเสียงเร่งเอ เอรีบเอากุญแจไขให้วิน พร้อมๆ กับที่ร่างของผู้กองวันชาติทรุดลงมา เพราะ
โดนกระสุนเข้าที่อกขวา วินรีบเข้าไปประคอง
“คุณวันชาติ”
วินคว้าปืนได้ รีบโผล่ออกไปยิงสกัดพวกไอ้เม่น ที่ยิงโต้กลับมาอย่างไม่กลัวเกรง
“คุณ เอ สตาร์ทรถได้มั้ยครับ”
วินหันไปถาม เอพยักหน้า รีบเปิดประตูรถแล้วก้มมุดหลบขยับตัวไปตรงที่นั่งคนขับ( พลาง
เอื้อมมือบิดกุญแจสตาร์ทเครื่อง แล้วถอยออกมา
“เปิดประตูหลังครับ เอาผู้กองวันชาติขึ้นรถเร็ว”
วินตะโกนสั่ง พลางยิงปืนกราดใส่ กระสุนนัดหนึ่งแฉลบฉี่ยวก้นไอ้เม่น ไอ้เม่นร้องทรุด พวกสมุนรีบปราดแถเข้าไปประคอง วินจ้องมองดูพวกมันอย่างตื่นเต้น
“เยส”
วินรีบมาช่วยพยุงผู้กองวันชาติขึ้นไปข้างหลังอย่างทุลักทุเล พลางวินรีบปิดประตู แล้วเข้ามาในรถ
แล้วรีบขับออกไปทันที
ไอ้เม่น ที่นอนให้สมุนปฐมพยาบาลอยู่ หันมาเห็นรถพรวดออกไป ก็ตาเหลือก
“ตามเว้ย”
วินขับรถมาตามถนน พลางหันไปสั่ง
“คุณ เอ หาผ้าเอามือกดแผลคุณวันชาติไว้ครับ”
เอหน้าซีด “โอย ไม่ไหว ฉันจะเป็นลมอยู่แล้ว”
วิน ส่ายหน้า “คุณเป็นลม ผู้กองวันชาติไม่รอดแน่”
“โอย ผ้าที่ไหนล่ะ ไม่มี” เอหันรีหันขวาง วินตัดสินใจ
“ถอดเสื้อผมไปเร็วเข้า”
เอ พรวดมาข้างหน้า จัดแจงถอดเสื้อเชิ้ตที่วินใส่อยู่อย่างทุลักทุเล ก่อนที่จะหลับหูหลับตา พร้อมๆ กับ
หันหน้าไปอีกทาง แล้วใช้มือกดเสื้อเข้าที่อกขวาของผู้กองวันชาติอย่างแรง ผู้กองวันชาติสะดุ้งร้องครางออกมา
แล้วนิ่งไป
เอหน้าเสีย “sorry”
วินขับรถต่อไปอย่างรวดเร็ว ในขณะที่รถตู้ไอ้เม่นขับตามมาติดๆ
“ตามให้ทัน ไม่งั้นเจ้านายเข้าคุกแน่”
รถของวินเลี้ยวพรวดเข้ามาที่โรงพยาบาล ก่อนที่จะจอดเอี๊ยด วินลงมาจากรถ แล้ววิ่งพรวดเข้าไป
ทันที
“เจ้าหน้าที่ถูกยิงครับ”
ทางด้านรถของไอ้เม่น ก็จอดพรืดที่ด้านหน้าโรงพยาบาล
“เอาไงพี่ มันเข้าไปแล้ว”
คนขับหันมาถาม สมุนคนหนึ่งรีบเสริม
“จะเข้าไปตรวจแผลที่ตูดเลยมั้ยพี่”
“เอ็งไม่ต้องยุ่งกับตูดข้า” ไอ้เม่นหงุดหงิด “เอ็งสองคนลงไปจับตาดูมันไม่ต้อง ทำอะไร ต้อนให้ พวกมันออกมา”
“ได้พี่”
จากนั้นสมุนสองคน ก็ลงจากรถเข้าไปในโรงพยาบาล
“แล้วถ้าพวกมันไม่ออกมาล่ะพี่”
คนขับไม่วายสงสัย ไอ้เม่นดึงโทรศัพท์ออกมากดแทนคำตอบ
“191 เหรอครับ คนร้ายยิงเจ้าหน้าที่ตำรวจหลบเข้าไปในโรงพยาบาลครับ”
จากนั้นก็วางสาย
“ตำรวจมาเมื่อไหร่มันก็ต้องออกมา”
“ตูดพี่เป็นไงมั่ง”
คนขับยังเป็นห่วง ไอ้เม่นหันมาตบหัวสั่งสอน
จบตอนที่ 5