สะใภ้หัวแดง ตอนที่ 6
เจตรินกับกมลกันต์หน้าตาหนักใจกันทั้งคู่
“ผมไม่อยากให้คุณป้าผิดหวัง เพราะผมมั่นใจว่าอีริน่าไม่ใช่ลูกของพี่พรรณวดี”
“พี่ก็พยายามจะบอกคุณแม่แล้ว แต่ท่านคงคิดถึงพี่พรรณวดีมาก ประกอบกับความน่ารักของอีริน่า ทำให้ท่านอยากมีหลานน่ารักอย่างนี่ ท่านจึงหลอกตัวเอง เพื่อเอาอีริน่ามาชดเชยการที่สูญเสียพี่พรรณวดีไป”
“ผมก็อยากจะให้เรื่องนี้เป็นความจริง แต่ยูริสืบมาแล้วว่าไม่ใช่ และถึงอย่างไร ผมก็จะขอให้ยูริพยายามสืบใหม่ ด้วยการสอบถามจากคุณพริมว่าเธอพอจะรู้จักใครที่ชื่อพรรณวดีไหม”
“ขอบใจมากเจต เอ้อ...แล้วอีริน่ารู้ตัวหรือยังว่าให้แกมาเยี่ยมคุณแม่พี่ทำไม”
“แกทราบว่าคุณป้าไม่สบาย แกก็อยากมาเยี่ยมอยู่แล้วครับ เด็กคนนี้จิตใจดีงามครับ แม่เขาอบรมมาดีครับ แต่บังเอิญพ่อเป็นเคจีบีเก่า จึงสอนให้ลูกเรียนรู้วิชาการต่อสู้ แล้วห้าวหาญ ในบางครั้งก็เกินเหตุไปนิดหนึ่ง”
“โชคดีของเจตน่ะที่ได้แกมาเป็นภรรยา”
เจตรินอึ้งนิ่งไป พูดแทบไม่ออก
“บางครั้งผมก็ไม่สบายใจที่อีริน่ามาถึงเมืองไทย แล้วแกก็ต้องมาพบกับสารพัดปัญหาที่ตามมามากมาย เกิดกับผมก็ช่างเถิด แต่กับอีริน่าผมสงสารแกมาตัวคนเดียว ผมโกรธตัวเองไม่หายที่ทำให้เด็กคนนี้ต้องมีเรื่องยุ่งยากโดยที่บางครั้งผมปกป้องแกได้ไม่เต็มที่”
“แต่พี่อยากจะขอบคุณที่พาแกมาเมืองไทย ทำให้ครอบครัวที่อับเฉาสิ้นหวังของพี่มีชีวิตชีวาขึ้นมาอีกครั้ง”
“ผมดีใจครับที่แกมีส่วนช่วยเรื่องดังกล่าว”
“อีริน่าคงช่วยให้คุณแม่มีกำลังใจขึ้นมาก...เพราะท่านต้องทำการผ่าตัด”
“นี่คุณป้า” เจตรินนึกไม่ถึง “ถึงขนาดต้องผ่าตัดเลยหรือครับพี่”
“หมอบอกว่าอย่างนั้น”
คุณหญิงศรินทิพย์กับอารดาเดินมาที่วอร์ดคนไข้โรคหัวใจตรงไปที่เคาน์เตอร์พยาบาล
“มาเยี่ยมคุณหญิงคุณหญิงพรรณราย นิมิตภูวนาถค่ะ” อารดาบอกเจ้าหน้าที่
เจ้าหน้าที่หาชื่อในคอม อารดายิ้มเยาะ คิดมาทำเรื่องร้าย
“ประเดี๋ยวเถิดยัยคุณหญิง สนุกสนานแน่ๆ”
จีรณัทย์ถือแจกันดอกไม้ขนาดไม่ใหญ่นัก ดอกไม้สวยมาก มีกระเป๋าเสื้อผ้าใบเล็กๆมาด้วยจะมานอนเฝ้าคุณหญิงพรรณราย เธอเดินมองป้ายเบอร์ห้องสักครู่จึงเปิดเข้าห้องเข้าไป ก่อนจะยกมือไหว้ นายพลกันต์และคุณหญิงพรรณราย ทั้งคู่ยังไม่รู้เรื่องจีรณัทย์โดนไล่ออกจากบ้าน
“หนูจี โถ...อุตส่าห์มาเยี่ยมป้า แล้วนั่นกระเป๋า” คุณหญิงพรรณรายดีใจ
“ค่ะ...จีจะมาค้างเป็นเพื่อนคุณป้าค่ะ”
“ขอบใจจ้ะ...เอ้อ...แล้วอีริน่า” คุณหญิงพรรณรายจะพูดเรื่องอีริน่า “ป้าอยากให้จีช่วยตาม...”
นายพลกันต์ขัดขึ้น
“เอ้อ...ผมว่าอย่าเพิ่งเลยนะคุณ หมอบอกไม่ให้คุณคุยมาก คุณจะเหนื่อย”
คุณหญิงพรรณรายหน้าตาท่าทางดื้อดึง
“คุยยังไงฉันก็ไม่เหนื่อย ถ้าฉันคุยแล้วมีความสุข หนูจีช่วยป้าสักครั้ง ป้าอยากพบอีริน่า”
“ผมขอร้องนะ เราอาจสร้างปัญหาให้หนูจีอีกด้วย”
คุณหญิงพรรณรายนิ่งไปอย่างไม่ค่อยเต็มใจ จีรณัทย์ฉงน แต่รักษามารยาทไม่ถาม
เมฆขับรถตู้ประจำบ้านเข้ามาจอดตรงที่เจตรินกับกมลกันต์ยืนรออยู่ เจตรินเปิดประตู อีริน่าไหว้กมลกันต์
“สวัสดีค่ะ คุณกมลกันต์”
“สวัสดีอีริน่า” กมลกันต์ดีใจหันมาบอกเจตริน “พี่ขอบใจอีกครั้งเจต”
เจตรินยิ้มแย้ม
“ไม่เป็นไรครับ”
“ให้อีริน่ามาโรงพยาบาลทำไมคะ”
เจตรินมองหน้ากมลกันต์ แล้วพยักหน้า
“เชิญทางนี้อีริน่า”
ทั้งหมดพากันเดินตามกันไป
จีรณัทย์ถือแก้วน้ำให้คุณหญิงพรรณรายดื่ม ขณะเดียวกันนั้นประตูห้องเปิดออก คุณหญิงศรินทิพย์เดินนำอารดาเข้ามาแล้วคุณหญิงศรินทิพย์ชะงักกึกเมื่อเห็นจีรณัทย์ปรนนิบัติคุณหญิงพรรณราย เธอโกรธปรี๊ด จีรณัทย์ตกใจรู้ว่ามีเรื่องแน่ อารดาแอบสะใจ นายพลกันต์วิตก คุณหญิงพรรณรายกึ่งๆจะดีใจที่เพื่อนมาเยี่ยม แต่ก็หน้าไม่ค่อยดีนักเพราะสังหรณ์ใจ
“คุณแม่” จีรณัทย์ไหว้แม่แล้วยืนสำรวม
“หนูดา...เอาไหว้ของแม่คนนี้โยนขว้างไปนอกระเบียงนั่นที แม่รังเกียจ”
คุณหญิงศรินทิพย์ไม่รับไหว้ โกรธชนิดไฟลุกโชน
“ค่ะ...คุณแม่...ขอโทษด้วยนะคะพี่จี” อารดาทำท่าขว้างออกไป
คุณหญิงพรรณรายไม่ชอบใจ
“ศริน...เธอ”
“อย่าเพิ่งพูด ขอด่าลูกสาวหน้าโง่ก่อน งามหน้าซะจริงแม่ตัวดี ทีแม่ตัวเองละไม่เห็นหัว แต่เสนอหน้ามาคอยรับใช้เป็นข้ารองมือรองเท้าเอาใจแม่คนอื่น”
จีรณัทย์หน้าจ๋อยมาก นายพลกันต์ขอร้อง
“คุณหญิง...แรงไปนะครับ”
คุณหญิงศรินทิพย์เจ็บใจแค้นใจลูกสุดๆ ไม่สนใจ ไม่แลนายพลกันต์ยังมองจีรณัทย์
“น้อยไปด้วยซ้ำ ถ้าเทียบกับความนอกคอกไม่รักดีของคนอกตัญญูนี่”
คุณหญิงพรรณรายชักโกรธขึ้นมา
“ถ้าเธอไม่ได้มาเยี่ยมฉันก็กรุณาอย่ามาด่าใครที่นี่ ถ้าคิดว่าจะมาดูว่าฉันตายหรือยังโปรดกลับไป”
คุณหญิงศรินทิพย์มองคุณหญิงพรรณราย ยังอยู่ในอารมณ์โกรธลูก
“ก็จะตายรึยังล่ะอยากจะรู้อยู่เนี่ยแหละ”
นายพลกันต์รู้ว่าคุณหญิงพรรณรายจะพูดอะไรห้ามแต่ไม่ทันแล้ว
“อย่าคุณหญิง”
คุณหญิงพรรณรายหลุดด้วยแรงโมโห
“ฉันยังไม่ตายง่ายๆหรอก ฉันต้องได้พบเด็กคนที่อาจจะเกี่ยวข้องกับพรรณวดีก่อน แต่เด็กนั่นอยู่กับเธอ”
คุณหญิงศรินทิพย์งง
“เด็กบ้าเด็กบอที่ไหน”
“หนูอีริน่า”
คุณหญิงศรินทิพย์ปรี๊ดแตก
“ต๊าย! นังกุ๊ยหัวแดงข้างถนนนั่นน่ะนะ มันเกี่ยวข้องกับเธอ มิน่า...มันชอบใช้ความรุนแรงหยาบคาย ขืนให้มันอยู่ด้วยนานนานมันอาจมาฆ่าใครตายในบ้านฉันอีกคนสองคน ช่างทำตัวได้เหมือน...ลูกสาวใครหนอ”
อารดาก็นึกไม่ถึง กระซิบ
“คุณแม่สุดยอดค่ะ”
เจตริน กมลกันต์ อีริน่าเข้ามาพอดี เจตรินกับกมลกันต์ตกใจ อีริน่ายังไม่ค่อยรู้เรื่อง แต่เห็นภาพแล้วรู้ว่าสถานการณ์ไม่ดีแน่ อยู่หลังๆแบบให้ผู้ใหญ่พูดกันไป
“คุณแม่พูดอะไรออกไปครับ”
“คุณน้าครับ...ได้โปรด” กมลกันต์ขอร้อง
คุณหญิงศรินทิพย์หันขวับแล้วความโกรธยิ่งระเบิดแรงขึ้นไปอีก
“ต๊าย! กมลกันต์...นี่ลูกฉันมามั่วสุมกับศัตรูของฉันหมดเลยรึนี่...สมคบกันทำอะไรลับหลังแม่นานแค่ไหนแล้วนายเจต”
เจตรินกึ่งปรามกึ่งขอร้อง
“คุณแม่ครับ...คุณป้าไม่สบายนะครับ”
คุณหญิงศรินทิพย์เห็นอีริน่าแล้วยิ่งแค้น หันขวับไปทางคุณหญิงพรรณราย
“แล้วเกี่ยวอะไรกับนังอีริน่า ดีละ...ในเมื่อนังนี่เป็นพวกเดียวกับเธอ คุณหญิงพรรณราย...”
เจตรินกับกมลกันต์มองหน้ากัน หมดหวังรู้ว่าไม่ทันแล้ว คุณหญิงพรรณรายคงพูดหมดแล้ว คุณหญิงพรรณรายเห็นอารมณ์คุณหญิงศรินทิพย์รู้ว่าตัวเองพลาดไปแล้ว
“แต่มันสะเออะมาเป็นสะใภ้บ้านฉัน จากนี้ไปมันจะรู้รสชาติของความเจ็บปวดทรมานแบบเดียวกับที่ฉันทรมานมาตลอด หรือยิ่งกว่า”
คุณหญิงพรรณรายเริ่มเจ็บหัวใจขึ้นมาอีก
“อย่านะศริน อย่าทำอะไรหนูอีริน่า”
“คุณแม่ครับ...อีริน่าไม่ได้เป็นอะไรกับบ้านคุณป้าคุณหญิงพรรณรายนะครับ...เพียงแค่คิดว่าแม่ของอีริน่าอาจรู้จักกับพี่พรรณวดี” เจตรินอธิบาย
“แค่นี้ก็เพียงพอแล้วว่ามันคือพวกเดียวกัน ฉันเกลียดน้ำหน้ามันหมด ไอ้ที่ไม่ชอบอยู่แล้วเลยพาลให้เกลียดมากไปกว่าเดิมจนอยากจะฆ่าทิ้ง ถ้าทำได้”
อารดาแอบยิ้ม จีรณัทย์กับเจตรินตกใจมาก
“คุณแม่”
ระหว่างคุณหญิงศรินทิพย์พูด คุณหญิงพรรณรายมีอาการหัวใจกำเริบ
“เธอก็รู้นี่คุณหญิงพรรณราย...ว่าแม่ผัวกับลูกสะใภ้น่ะ ฟ้าดินกำหนดให้เกิดมาเกลียดกัน มันก็ต้องเกลียดกันทุกชาติๆไปนั่นละ ฉันจะเป็นแม่ผัวที่เกลียดลูกสะใภ้มากกว่าแม่ผัวคนไหนๆในโลก” คุณหญิงศรินทิพย์มองเยาะ
คุณหญิงพรรณรายเจ็บหน้าอกมาก
“พอที...พอเถิด”
“ไม่พอ...ต้องพูดให้สาแก่ใจ”
นายพลกันต์ดุเข้มกับคุณหญิงศรินทิพย์
“บอกว่าพอที”
คุณหญิงพรรณรายพยายามขอร้อง
“ศริน...อย่านะ ฉันขอร้อง”
“คุณแม่” กมลกันต์วิ่งไปที่แม่
จีรณัทย์ละล้าละลัง แต่ในที่สุดก็ไปที่คุณหญิงพรรณราย คุณหญิงศรินทิพย์โกรธปรี๊ด
“นังจีรณัทย์”
“คุณแม่ครับ พอเถอะครับ” เจตรินปราม
คุณหญิงศรินทิพย์เจื่อนไปนิดหนึ่ง แต่ทำเชิดต่อแบบจะเอาชนะ ไม่นึกว่าคุณหญิงพรรณรายเป็นหนักขนาดวิกฤติ คุณหญิงศรินทิพย์กระชากแขนอีริน่าเซไป เจตรินช่วยกัน อารดาช่วยคุณหญิงศรินทิพย์กระชากออก คุณหญิงศรินทิพย์ผลักเจตรินแต่แรงส่งทำให้อีริน่ากระเด็นไปกระแทกผนังศีรษะโขกหัวแตกเลือดไหล
“ว๊าย”
“อีริน่า” เจตรินตกใจ
อารดารีบแก้ตัว
“ว๊าย! ฉันๆไม่เกี่ยวนะ เวรกรรมตามทันมันเซไปกระแทกเองจนได้”
คุณหญิงพรรณรายกรีดเสียง
“หนู”
คุณหญิงพรรณรายช็อกหมดสติในจังหวะที่อีริน่าหัวโขก อาการคุณหญิงพรรณรายหนักมาก ทุกคนตกใจสุดๆ คุณหญิงศรินทิพย์กับอารดาตกใจอึ้งไปเหมือนกัน เจตรินโอบอีริน่าไว้ ห่วงใยเอาผ้าเช็ดหน้าของตัวเองปิดซับเลือดไว้ อีกใจก็วิตกห่วงคุณหญิงพรรณรายรู้สึกตัวเองมีส่วนผิดมาก อีริน่าก็ห่วงคุณหญิงพรรณราย นายพลกันต์ตะโกนขึ้น
“เรียกหมอเร็วลูก”
กมลกันต์กับจีรณัทย์ช่วยกันไปตามหมอ นายพลกันต์โกรธมาก
“คุณหญิงคุณหญิงศรินทิพย์ออกไปเดี๋ยวนี้ ก่อนที่ผมจะลุแก่โทสะทำร้ายผู้หญิง”
คุณหญิงศรินทิพย์โกรธที่ถูกไล่จะกระชากอีริน่าไป เจตรินกันไว้มองแม่อย่างขอร้อง แพทย์กับพยาบาลวิ่งเข้ามา คุณหญิงพรรณรายนอนนิ่งอย่างน่าวิตก เหมือนตายแล้ว
หน้าห้องฉุกเฉินคนไข้โรคหัวใจ...นายพลกันต์ กมลกันต์ จีรณัทย์ เครียดกันหมด เจตรินกับอีริน่าที่ทำแผลแล้วเข้ามา
“มีอะไรคืบหน้าหรือยังครับ” เจตรินถามอย่างเป็นห่วงคุณหญิงพรรณราย
“ยัง...คงอีกนาน เจตคงไม่ต้องรอหรอกนะ”
นายพลกันต์มองเจตรินแบบรู้กันว่าเดี๋ยวฝ่ายเจตรินอาจมีปัญหาอีก
“ผมเข้าใจครับ”
“แต่อีริน่าขออนุญาตรอนะคะ...ได้ไหมคะ”
เจตรินพยักหน้า
“ได้ครับ แต่...”
เจตรินมองทางนายพลกันต์ จะขัดข้องหรือไม่นายพลกันต์ยังนิ่งๆ
“ให้อีริน่ารอนะครับคุณพ่อ” กมลกันต์ออกความเห็น
“จะดีสำหรับคุณแม่นะคะ” จีรณัทย์เสริม
“ก็ได้”
“ผมฝากอีริน่าด้วยนะครับพี่กมลกันต์ ผมจะไปธุระสักครู่”
“ได้เลย”
เจตรินไปหาจีรณัทย์ พี่น้องกอดกัน
“พี่ทำผิดมากใช่มั้ยเจต”
“ไม่หรอกครับ พี่จีอยู่ช่วยดูแลคุณน้าดีแล้วครับ แล้วเรื่องนั้น...”
เจตรินกับจีรณัทย์มองกันแบบรู้ว่าเรื่องอะไร
“กมลกันต์กับพี่ตกลงกันว่าจะไม่บอกคุณพ่อคุณแม่ว่าพี่ไม่ได้อยู่บ้านเราแล้ว ไม่อยากให้ท่านไม่สบายใจ”
“ดีแล้วครับพี่ ผมไปนะครับ” เจตรินเห็นดีด้วย
“จ้ะ ขับรถระวังนะ”
“ครับ”
เจตรินไหว้ลานายพลกันต์แล้วเดินแยกไป นายพลมองอีริน่าอย่างพินิจพิเคราะห์ อีริน่ายิ้มอ่อนๆให้
คุณหญิงศรินทิพย์เดินนำอารดาเข้าห้อง คุณหญิงศรินทิพย์หน้าเครียดผสมรู้สึกผิดอยู่บ้างเรื่องคุณหญิงพรรณราย อารดาหน้าตาสบายๆไม่รู้สึกรู้สาอะไร คุณหญิงศรินทิพย์ไปลงนั่ง อารดารีบปรับสีหน้าเป็นคนดีรู้สึกผิด ประจบประแจง
“คุณแม่ขา...คุณแม่ยังโกรธดาเหรอคะ ดาขอโทษค่ะ ขอโทษๆ ดาไม่น่าออกความคิดให้คุณแม่ไปเยี่ยมคุณหญิง”
คุณหญิงศรินทิพย์ขัดขึ้น
“พอเถอะหนูดา แม่ไม่ได้ว่าอะไรหนู”
“แต่ดารู้สึกไม่ดีเลยค่ะ”
คุณหญิงศรินทิพย์ไม่ได้มองอารดา ทำอาการห้าม
“ขอโทษนะ แม่ขออยู่คนเดียว”
อารดาลอบชักสีหน้าไม่พอใจ แล้วทำเป็นดีตามเดิม อารดาพึมพำเบา
“หมั่นไส้”
อารดาหันมายิ้ม
“ค่ะ”
คุณหญิงศรินทิพย์นิ่ง อารดาเดินไปหน้าตาไม่ชอบใจมากๆ
ในห้องฉุกเฉินคนไข้โรคหัวใจ...
“ผมจะย้ายคุณหญิงไปที่ห้องพักรอผ่าตัดนะครับ ต้องงดน้ำงดอาหารพรุ่งนี้จะผ่าตัดเลย มีหัวใจที่ได้รับบริจาคเนื้อเยื่อและกรุ๊ปเลือดเข้ากับเนื้อเยื่อและกรุ๊ปเลือดของคุณหญิง” หมออธิบาย
“ใช้เวลาผ่าตัดนานแค่ไหนครับคุณหมอ” กมลกันต์ถามอย่างไม่สบายใจ
“ผ่าตัดเปลี่ยนหัวใจใช้เวลาประมาณทั้งวันแหละครับ”
“แล้ว...แล้ว...อายุขนาดคุณแม่...” กมลกันต์เกรงใจ จะถามเรื่องความปลอดภัย
หมอมองอย่างเข้าใจ ยิ้มอ่อนโยน
“การผ่าตัดสมัยนี้เครื่องมือก้าวหน้าทันสมัยมาก แพทย์ก็เชี่ยวชาญมาก ความปลอดภัยสูงครับ ยิ่งคุณหญิงไม่มีโรคประจำตัวอื่นเลย ยิ่งเป็นการดีต่อการผ่าตัดมากครับ”
ทุกคนโล่งใจ
เวลาผ่านไป...ทุกคนรอเข้าเยี่ยมคุณหญิงพรรณรายอยู่หน้าห้อง ไอ.ซี.ยู หมอหันมาบอก
“เยี่ยมได้ครั้งละสองท่าน กรุณาอย่าชวนคนไข้คุยมากด้วยครับ”
กมลกันต์และอีริน่าสวมชุดอนามัยสำหรับเยี่ยมผู้ป่วยในห้องไอ.ซี.ยู. เดินไปที่เตียง คุณหญิงพรรณรายหลับตาอยู่ กมลกันต์อยู่ห่างออกมาหน่อย เปิดโอกาสให้อีริน่าใกล้ชิดคุณหญิงพรรณราย อีริน่าแตะมือคุณหญิงพรรณรายแผ่วเบา คุณหญิงพรรณรายค่อยๆลืมตาขึ้น อีริน่ายิ้มสดชื่น
“หนู...หนูอีริน่า”
คุณหญิงพรรณรายดีใจมาก กุมมืออีริน่าแน่น อีริน่าก็กุมมือคุณหญิงพรรณรายไม่ได้คิดว่าตัวเองเป็นเลือดเนื้อ แต่รู้สึกมีใจด้วย เพราะตัวเองไม่มีญาติผู้ใหญ่ในบ้านเลยมีแค่พ่อกับแม่
“หนูมาเยี่ยมมาให้กำลังใจค่ะ ให้คุณหญิงหายป่วยเร็วๆ”
อีริน่าไม่กล้าพูดเรื่องผ่าตัด ไม่รู้ว่าคุณหญิงพรรณรายรู้หรือเปล่า คุณหญิงพรรณรายดึงอีริน่าลงไปจูบสองแก้ม แล้วกอดไว้ น้ำตาคลอด้วยความปิติยินดี
“อีริน่า อีริน่าหลานรัก”
“หลานรัก หรือคะ” อีริน่างง
กมลกันต์มาดึงอีริน่าออกนิ่มๆกระซิบ
“ท่านคิดถึงลูกสาวที่หายไป ท่านอยากให้หนูเป็นลูกของลูกสาวที่หายไป”
“อ้อ เอ้อ...”
“คุณแม่ครับ หมอห้ามคุยมากคุณแม่จะเหนื่อย”
“เดี๋ยวก่อน”
กมลกันต์ยิ้มแย้ม
“หมอให้อยู่ได้ครู่เดียวครับคุณแม่”
อีริน่ากระซิบกมลกันต์
“หนูจะเกี่ยวข้องกับครอบครัวของคุณหญิง หรือไม่ก็ตามแต่หนูจะมาเยี่ยมคุณหญิงให้บ่อยที่สุดเท่าที่หนูจะทำได้ค่ะ”
อีริน่าหันมาบอกคุณหญิงพรรณราย
“หากมาทุกวันได้หนูจะมาค่ะ”
คุณหญิงพรรณรายกุมมืออีริน่าไว้ ดีใจสุดแสน
“ขอบใจมากจ้ะ หนูเรียกฉันว่าคุณยาย เรียกกมลกันต์ว่าคุณน้า และเรียกคุณพ่อของกมลกันต์ว่าคุณตานะจ๊ะ”
กมลกันต์ท้วงยิ้มๆ
“คุณแม่ครับ...”
“อย่าขัดใจแม่กมลกันต์ แม่มีความสุขที่จะให้เป็นอย่างนี้”
“ค่ะ...คุณยาย”
อีริน่าก้มลงหอมแก้ม คุณหญิงพรรณรายน้ำตาร่วงด้วยความยินดีสุดแสน หอมแก้มอีริน่าตอบ
“หลังผ่าตัดเจอกันนะลูก ยายจะยังมีชีวิตอยู่เจอหนูกับแม่ของหนูอีกนานเลย”
อีริน่ารู้สึกอบอุ่นมาก น้ำตาซึม พรรณหันไปหาลูกชาย
“กมลกันต์...”
“ครับคุณแม่”
“หากแม่ตายไปกะทันหัน”
กมลกันต์กับอีริน่าตกใจ
“ไม่ครับ / ไม่ค่ะ”
“กมลกันต์กับคุณพ่อดูแลหลานด้วยนะ...ทรัพย์สมบัติของแม่ลูกดูแลแบ่งให้อีริน่า อย่าให้หลานได้ชื่อว่ามีแต่ตัวไปเกาะใครเขากิน”
อีริน่าน้ำตาไหล สงสารคุณหญิงพรรณราย
“คุณแม่หยุดพูดเถอะครับ ผมจะดูแลอีริน่าให้ดีที่สุดครับ”
คุณหญิงพรรณรายเหนื่อยมากขึ้น
“ไปรับแม่ของอีริน่ามาด้วย...”
“คุณแม่ครับ ผมจะทำตามที่บอกครับ แต่ตอนนี้ คุณแม่เหนื่อยมาก พอก่อนนะครับ”
พยาบาลเข้ามา
“ขอความกรุณาเยี่ยมแค่นี้นะคะ”
“อีริน่า ขอยายกอดอีกทีลูก”
อีริน่าเช็ดน้ำตา ยิ้มไห้ คุณหญิงพรรณรายกอดแนบนิ่งหลับตาลงด้วยความสุข กมลกันต์มองอย่างประทับใจและกังวลใจ
นายพลกันต์กับจีรณัทย์แต่งชุดอนามัยรอเข้าเยี่ยม กมลกันต์เปิดประตูให้อีริน่าออกมา อีริน่าน้ำตาซึม ใจโหวงๆ สงสารคุณหญิงพรรณราย กมลกันต์บอกกับพ่อ
“คุณแม่ให้อีริน่าเป็นหลานคุณตาคุณยายครับ”
อีริน่าน้ำตาร่วงพรูนิ่งๆ
“อีริน่าก็อยากเจอคุณตาคุณยายจริงๆของอีริน่าค่ะ แต่ไม่ทราบจะหาเจอได้ยังไง”
นายพลกันต์มองอีริน่าอย่างเมตตา
“ก็คิดว่าฉันกับคุณหญิงเป็นคุณตาคุณยายของหนูไปก่อน ครอบครัวเรายินดีต้อนรับหนูนะ”
อีริน่าอารมณ์ล้น เอนตัวอิงและกอดเอวซบร้องไห้กับนายพลกันต์
“ขอบคุณค่ะ”
กมลกันต์กับจีรณัทย์มองอย่างตื้นตัน
คุณหญิงศรินทิพย์ยังนั่งอยู่ที่เดิม หน้าตายังนิ่งๆแต่ดูคลายเครียดลงบ้าง เสียงเคาะประตูดังขึ้นแล้วประตูเปิด คุณหญิงศรินทิพย์กำลังจะต่อว่า แต่เจตรินคือคนที่ก้าวผ่านบานประตูมา เขาหน้านิ่งรู้แล้วว่าแม่เข้าโรงพยาบาลโดยไม่เป็นอะไรเลย คุณหญิงศรินทิพย์รู้ว่าลูกรู้แผนแล้ว แต่ก็ทำเป็นมึนใส่กลบเกลื่อนความเสียหน้า
“มาทำไม ยังเห็นฉันอยู่ในสายตาอีกเหรอ”
“ผมเป็นห่วงครับ ไปหาคุณแม่ที่โรงพยาบาลถึงได้ทราบว่าคุณแม่ไม่ได้ป่วย แค่เข้าไปเช็คร่างกาย แต่ต้องการทำให้ผมเข้าใจผิดว่าคุณแม่...เอ้อ...”
“แล้วแกจะทำไม มาด่าแม่หรือ”
คุณหญิงศรินทิพย์ยังตีมึน
“ผมไม่บังอาจด่า แค่อยากทราบว่าคุณแม่ทำเพื่ออะไรครับ”
“ยังมีหน้ามาถาม ฉันอายุปูนนี้แล้ว ฉันยังต้องเรียกร้องความสนใจจากลูกชายคนเดียวที่หลงเมียจนโงหัวไม่ขึ้นให้มาเหลียวแลแม่ตัวเองบ้าง ฉันผิดงั้นสิ”
เจตรินอึ้งไปชั่วครู่
“คุณแม่ทราบดีว่าผมไม่ได้เป็นอย่างนั้น เพียงแต่คุณแม่คิดไปเองเพราะไม่ชอบอีริน่า”
คุณหญิงศรินทิพย์สวน
“รู้ว่าแม่ไม่ชอบมันแล้วเจตไปแต่งงานกับมันทำไม เจตกรีดหัวใจแม่แค่ไหนไม่รู้หรือไง แล้วนี่ยังลักลอบไปคบค้ากับศัตรูของแม่อีก แกอยากให้แม่ตายนักหรือไงหา...”
“คุณแม่ครับ คุณแม่เก็บขยะพิษไว้ในอก มีแต่จะบั่นทอนจิตใจนะครับ”
“ฉันไม่ใช่พระอรหันต์ ฉันเจ็บแล้วต้องจำ อาของแกถูกบ้านนั้นมันฆ่าตาย ฉันเกือบแท้ง ต้องคลอดยายจิตก่อนกำหนด ถ้าบ้านเราไม่มีเงินยายจิตน้องแกตายไปแล้ว ถ้าแกคิดว่านี่คือขยะพิษในอกของแม่ แกไปให้พ้นหน้าแม่เลยไป”
“ผมไม่ได้จะหมายความว่าอย่างนั้นครับ”
“ฉันผิดอีกสิที่เข้าใจคำพูดแกผิด...มีแม่คนไหนทนได้บ้างที่ลูกไปทุ่มเทใจให้คนที่แม่เกลียด แล้วมองว่าแม่ตัวเองผิดที่ไปเกลียดเขาหา...เจต!”
เจตนิ่งอึ้ง พูดไม่ออก คุณหญิงศรินทิพย์มองลูกอย่างน้อยใจ เสียใจ
“จะไสหัวไปประจบนังเมียของแกได้หรือยัง ฉันจะทำงาน”
ทั้งคู่ต่างนิ่ง คุณหญิงศรินทิพย์ไม่มองลูก
จิตรดาราขับรถราคาแพงมาจอดหน้าคอนโดในจังหวะไล่ๆกันพงษ์ธรเดินออกมา จิตรดาราหน้าตายิ้มแย้มสดชื่นลงจากรถมาด้านคนนั่ง พงษ์ธรไปขับแทนออกรถไป
“น่าจะไปหัวหินแทนพัทยานะคะ ครอบครัวจิตมีคอนโดที่ริมทะเลด้วยค่ะ”
พงษ์ธรมองหวานเจ้าชู้
“เราคงได้ไปด้วยกันแน่ครับ แต่ผมต้องไปคุยงานกับเพื่อนที่นี่ครับ...ผมขอโทษ”
“อุ๊ยแหม...จิตไม่ได้โกรธสักหน่อย คุณไปไหนจิตก็พอใจที่นั่นค่ะ”
“ที่รัก”
สองคนมองหวานกันปานจะกลืน พงษ์ธรกุมมือจิตรดารามาจูบแล้วกุมไว้อย่างนั้น ขับรถไปด้วย จิตรดาราสุขล้ำ เอนศีรษะอิงไหล่เขา
ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ...เขมชาตินำกลุ่มของมิคาอิลออกมา ลูกน้องของมิคาอิลเดินประกบคุมนิโคลัย รถตู้ของเขมชาติแล่นมาจอดลูกน้องของเขมชาติเปิดประตูรถให้อย่างนอบน้อมและเอากระเป๋าไปใส่หลังรถ
รถของกมลกันต์แล่นมาจอดหน้าบ้านเจตริน อีริน่าไหว้
“ขอบคุณมากนะคะพี่กมลกันต์”
“น้าจ้ะ...เพราะอีริน่ารับปากเป็นหลานตาหลานยายกับคุณพ่อคุณแม่ของน้าแล้ว”
“ค่ะ แต่อีริน่าอยากเรียกพี่ตามที่เรียกพี่จีนะคะ”
กมลกันต์ชอบใจ
“โอเคครับ! เอ้อ...อีริน่าครับคุณแม่ของอีริน่ามีเพื่อนเป็นคนไทยในมอสโคว์บ้างไหมครับ”
“แม่พริมไม่เคยพูดถึงคนไทยในมอสโคว์หรือที่เมืองไทยสักคน”
อีริน่าลงจากรถ
“อีริน่าช่วยกรุณาถามท่านได้ไหม เวลาที่ติดต่อกับท่าน”
อีริน่าหน้าจ๋อยลงไปทำท่าจะร้องไห้
“เอ้อ...ค่ะ อีริน่าจะไปเยี่ยมคุณยายอีก โทรบอกอีริน่าด้วยนะคะ”
“ครับ...ขอบคุณมาก”
สะใภ้หัวแดง ตอนที่ 6 (ต่อ)
อารดา เมทินี ลลิตา พูดคุยกันมาได้สักพักแล้ว
“ต๊าย...แกสองคนทำงานไม่สำเร็จ แล้วยังจะเรียกค่าใช้จ่ายกับฉันอีกเหรอ” อารดาโวยวาย
“อ้าว…ยัยดา ฉันสองคนทนเจ็บตัวนะยะ แต่เธอสบายตัว” เมทินีสวน
“ไม่รู้ละ...เธอต้องจ่ายเต็ม โอนเงินเข้าบัญชีฉันสองคนด้วย ไม่งั้นฉัน...” ลลิตาพูดประมาณจะแฉ
อารดาโกรธ
“หนอย...แบล๊กเมล์ฉันเหรอ นังเพื่อนทรยศอกตัญญู กะแฉฉันงั้นสิ”
เมทินีสวน
“ใครกันแน่ที่อกตัญญูไม่รู้คุณเพื่อน แต่พวกเราเจ็บตัวแทนเธอ เธอจะเอาเปรียบเหรอ”
อารดารำคาญมาก
“พอที...ฉันถือว่าทำบุญทำทานกับสัมพเวสี ฉันจะโอนเงินให้”
“เดี๋ยวนี้เลย พวกฉันถังแตกแล้ว” ลลิตาเสียงเข้ม
“โอนเดี๋ยวนี้เลย”
เมทินีหยิบมือถือของอารดาที่วางอยู่ส่งให้ อารดาจิ้มหน้าผากเพื่อน
“นังงกหนึ่ง นังงกสอง”
เมทินีกับลลิตายิ้มพอใจจะได้เงิน
“เออ”
อารดาเหม็นหน้าเพื่อนแบบไม่จริงจัง กดมือถือเตรียมโอนเงิน
อีริน่ากำลังเดินเข้าในตึก...อีกมุมหนึ่งเมทินีกับลลิตาเดินหัวเราะดี๊ด๊าที่ได้เงิน
“เจ็บร้อยครั้งได้เงินร้อยครั้งอย่างนี้ค่อยน่าเจ็บสักล้านครั้ง”
ลลิตาค้อนเพื่อน
“แหมแกเวอร์ไปป่ะ สิบปีมีสามพันหกร้อยห้าสิบวัน ร้อยปีมีสามหมื่นหกพ้นห้าร้อยวันถ้าแกอยู่ได้ร้อยปี เอาสามหมื่นหกพ้นห้าร้อยวันไปหารล้าน แล้วแกจะเจ็บวันละกี่ครั้ง แล้วจะรอดไปถึงร้อยปีไหม”
“ก็พูดเอามันส์ เอาสนุก นังอารดามันน่าสมเพช ความอิจฉาทำให้มันยอมเสียเงินโดยเปล่าประโยชน์”
“แต่เป็นประโยชน์กับเรา ฮ่าๆ”
สองสาวหัวเราะแล้วชนโครมกับอีริน่า
“อะไรกันน่ะ” อีริน่าถามเสียงเข้ม
สองสาวล้มกระโปรงเปิด
“ว้าย”
ลลิตาหน้าตื่น
“เย้ย อุ๊ย แกทำกระโปรงฉันเปิด เห็นสิ่งไม่บังควร”
สองสาวลุกมาได้ ขายหน้ามากที่กระโปรงเปิดผลักอีริน่าเซไป
“อ้าว โง่มาชนเราเอง แล้วอย่าพาล”
“แกวิ่งมาชนฉันเองนะ จงใจใช่ไหม” ลลิตาตวาด
อีริน่าจ้องหน้า
“คุณโง่หรือแกล้ง สมองบวมจึงไม่ทราบว่ามันเป็นอุบัติเหตุ”
“ไม่เป็น แกอย่าพูดเองเออเอง”
เมทินียันอีริน่าไปอีกโครมอีริน่าโกรธ
“เราเตือนคุณแล้วว่าอย่าแหย่เสือหลับ”
สองคนชี้หน้าอีริน่า
“เสือหลับ ฮ่าๆ นังลูกหมาขี้เรื้อน...”
อีริน่ากระโจนใส่สองสาวด้วยวิชาการต่อสู้ สองสาวตกใจตาเหลือกตบข่วนฟาดไปตามเรื่อง สองสาวสู้ไม่ไหวโดนอัดกันไปคนละสองสามดอกจนน่วมแต่ยังพยายามช่วยกันรุมอีริน่า
“อ๊าย นังนี่มันตัวเสือจริง”
สองคนโดนอีริน่าอัดจนน่วม อีริน่ามองขำๆอยู่ห่างออกมา
“ให้มันรู้ซะบ้าง ว่าอย่ามากำแหงใส่เสือหลับ”
อีริน่าจัดการกับสองสาวต่อ สู้แบบสองรุมหนึ่ง แต่สองคนก็โดนอัดเด้งกลับไปกลับมา
เสียงกรี๊ดดังลั่น อารดามองไปนอกบ้าน เห็นอีริน่ากำลังจัดการกับสองสาวแบบดักหน้าดักหลังไม่ยอมให้หนีไปไหน อารดายิ้มเยาะ
“โทษทีนะเพื่อน ฉันต้องไปอาบน้ำทำสวยและ ไม่มีเวลาช่วยจริงๆ ถือว่าแกสองคนจ่ายดอกเบี้ยเงินที่แกบังคับรีดไถฉันไปละกันนังหน้าโง่จอมงก”
อารดาหัวเราะหน้าตาสะใจ ผลุบกลับไป
ศรี และสามสาวใช้ กำลังดูละครจากแท็บเล็ตของอีริน่า
“คุณแม่บ้าน ละครกำลังมีฉากกรี๊ดๆตบกันอยู่พอดี” แจ๋วบอกศรี
“ฮู้ย...ละครเรื่องนี้ตบกันมันส์ สะใจเจงๆ” จิ๋มสะใจ
ศรีถอนใจ
“เฮ้อ...พ.ศ.นี้ ผู้คนแคะขี้ฟันออกมาเป็นมือถือ สั่งขี้มูกออกมาเป็นแทบเล็ด”
สามสาวพูดพร้อมกัน ออกเสียงฝรั่ง
“แท็บ-เหล็ต”
ศรีถลึงตาใส่
“ฉันจะ แทบ...เล็ด จะทำไม”
สมรกับหวินเข้ามา เห็นแท็บเล็ตสองสาวเหล่ใส่อีกฝ่าย ไม่วายกัด
“อื้อฮือ...ก้าวไกลไปอีกขั้น มีกระดานชนวนดูทีวีได้” สมรแซว
“เจ๋อ” จิ๋มสวน
เสียงเมทินีกับลลิตากรี๊ดแว่วๆมา หวินชะงัก
“เอ๊ะ...เสียงเปรตมาจากไหน หรือว่าในนี้ ในละครไม่มีกรี๊ดซะหน่อย”
ศรีและสามสาวดูแท็บเล็ต เป็นฉากปกติ ไม่มีตบกัน สามสาวพูดกันเอง ไม่ได้สนหวินกับสมร
“จริงด้วย”
สมรนึกได้ว่าน่าจะเป็นเสียงเมทินีกับลลิตา
“หรือว่า...”
หวินกับสมรวิ่งออกไป สามสาวพุ่งตามติด ศรีก็เดินตามไปด้วย...อีริน่ากำลังต้อนหน้าต้อนหลังเมทินีกับลลิตา ไม่ให้หนี สองสาวกรี๊ด
“อย่าหนีนะ รังแกหาเรื่องกันแล้วอย่านึกว่าจะหนีได้ง่ายๆ”
อีริน่ารำมวยใส่ หวินหน้าตื่น
“เพื่อนคุณดา โดยยำ ไปช่วยกันนังหมอน”
จิ๋ม-แจ๋ว-แหวว จับแขนกันดักหน้าสมรกับหวินไม่ให้ไปช่วย
“เรื่องของท่าน ไม่ใช่งานของแก” แหวนเสียงแข็งใส่
แจ๋วจ้องหน้า
“เพราะฉะนั้น...อย่ายุ่ง”
“ไม่งั้นจะ...”
จิ๋ม แจ๋ว แหวว ทำท่าจะจี้ สมรกับหวินต่างร้องตามคำบ้าจี้ของตัวเองเซ็งแซ่ไปหมด
ลลิตากับเมทินีวิ่งเตลิดหนีอีริน่าสำเร็จออกจากบ้านไป อีริน่าปล่อยให้ไปมองตามตะโกนไล่หลัง
“จำไว้ทีหลังอย่าล่วงเกินฉันอีก”
รถตู้ของเขมชาติวิ่งมาตามถนนใหญ่เขตพัทยา...เขมชาติกำลังพูดมือถือกับเอื้อ
“ฉันจวนถึงแล้ว ที่พักกับอาหารเรียบร้อยดีนะเอื้อ...อย่าให้ขายหน้ารีสอร์ทระดับห้าดาวนะเว้ย คราวนี้ขาใหญ่มาเองด้วย...พงษ์ธรมาถึงหรือยัง...ถ้าพงษ์ธรมาแล้วอยากพักที่เราก็จัดให้มันหลังนึง...เออ ขอบใจ”
เขมชาติกดตัดสัญญาณ
พงษ์ธรขับรถพาจิตรดาราามาในโรงแรมหรู เมื่อเช็กอินเสร็จขึ้นลิฟต์ไปที่ห้องพัก พงษ์ธรเปิดประตูด้วยมาดสุภาพบุรุษแสนดีห้องสวยหรูมาก จิตรดาราเข้าห้อง พงษ์ธรเข้าตาม ล็อกห้องแล้วมากอดหอมแก้ม จิตรดาราหันมากอดตอบ ตาฉายแววรัก พงษ์ธรพาจิตรดาราไปที่เตียง
รีสอร์ตหรูของเขมชาติเป็นรีสอร์ตเชิงเขา...เอื้อส่งกุญแจบ้านพักให้ลูกน้องแล้วเดินนำลูกน้องไป
“ไปดูความเรียบร้อยกันอีกที”
เอื้อและลูกน้องเดินไปยังไม่ถึงประตู เสียงปืนรัวใส่ประตูมาจากภายนอก เอื้อกับทุกคนตกใจ
“เฮ้ย”
เอื้อและทุกคนต่างวิ่งหลบเข้าที่กำบัง ชักปืนออกมาเตรียมพร้อม เสียงปืนจากอีกฝ่ายยิงรัวแล้วประตู สำนักงานถูกถีบเปิด พวกคู่แข่งยิงเปิดทางแล้วกรูเข้ามา เอื้อมองเห็นฝ่ายตรงข้ามรู้ว่าเป็นใคร
“พวกไอ้เฮงซวยไม่เคยรวยมีแต่เจ๊ง”
เอื้อยิงสู้ ทำอาการให้ลูกน้องออกทางประตูหลัง พวกเอื้อหนีไปยิงไป ลูกน้องของเขมชาติอีกชุดวิ่งเข้าประตูหน้ามา สองฝ่ายยิงกันสนั่น...รถตู้วิ่งเข้ามาได้ระยะที่ได้ยินเสียงปืน ทุกคนในรถตื่นตัว เขมชาติสั่งคนขับ
“จอดรถ”
คนขับเบรกกึก ลูกน้องเขมชาติรู้งานรีบลงวิ่งไป อาวุธพร้อม เขมชาติสั่งกับคนขับ
“อ้อมไปอีกทาง ไปส่งแขก และดูแลอย่าให้หน้าไหนเข้าถึง”
“ครับ”
มิคาอิลพูดขึ้น
“คนของฉันไปช่วยได้นะ”
“ไม่เป็นไรครับ คงพวกมดปลวกแถวนี้ ไม่ต้องถึงมือคนของคุณมิคาอิลหรอกครับ”
“เอางั้นก็ได้”
“ที่บ้านพักมี รปภ.พร้อมครับ”
“ขอบใจ”
รถตู้เลี้ยวไปอีกทาง
เขมชาติและลูกน้องเข้ามาร่วมวงยิงกัน สักครู่ ฝ่ายคู่แข่งตายเกือบหมด ที่เหลือบาดเจ็บบ้างพากันหนีไป ลูกน้องเขมชาติมีตายและบาดเจ็บบ้าง แต่เอื้อไม่เป็นไร การยิงสงบแล้ว เอื้อมาหาเขมชาติ
“พวกไหน”
“พวกไอ้เฮงครับ”
เขมชาติหัวเราะแบบรู้ดีว่าเรื่องอะไร
“หึๆขายของล้ำเขตกันนิดหน่อย ต้องส่งคนมาทักทายเชียวเหรอวะ มันจะชะตาขาดไม่รู้ตัวไอ้เฮง”
ภายใน บ้านพักหรู...มิคาอิลเดินสำรวจบ้าน มีห้องแบ่งเป็นสัดส่วน ลูกน้องคุมนิโคลัย
“บ้านน่าอยู่จริงๆ แกคงชอบนะนิโคลัย”
“รับปากฉันได้มั้ยมิคาอิลว่าแกจะไม่ยุ่งกับอีริน่า”
มิคาอิลหัวเราะลั่น
“แกคิดว่าฉันบินมาที่นี่แค่มากินปลาทูของประเทศไทยแล้วบินกลับงั้นเรอะนิโคลัย”
“ฉันขอร้องละมิคาอิล แกจะให้ฉันทำอะไรฉันยอมทั้งนั้น”
“แกได้ทำแน่นิโคลัย...เอามันไปไว้ห้องนั้น ใส่กุญแจมือด้วย”
ลูกน้องลากนิโคลัยไป
“มิคาอิล อย่าทำอะไรอีริน่านะ”
มิคาอิลไม่สนใจ ไปเปิดกระเป๋าเอกสาร
เจตรินเดินมาเคาะประตูห้องเบาๆแล้วเปิดเข้าห้อง อีริน่าเพิ่งอาบน้ำเสร็จ นุ่งผ้าเช็ดตัวกระโจมอกอยู่ผมเปียกเพราะเพิ่งสระ
“ว้าย...” อีริน่าวิ่งเข้าห้องน้ำไปเลย “จะเข้าจะออกทำไมไม่บอกกล่าว หรือว่าเป็นพวกชอบถ้ำมอง...”
เจตรินรีบหันหลัง
“เฮิ้บ ขอโทษ”
เจตรินยืนอยู่ที่เดิม ไม่กล้าเดินไปไหน ครู่หนึ่งอีริน่าแต่งตัวเสร็จเดินออกมา
“ทำไมต้องเข้ามาตอนนี้ด้วย”
เจตรินมองอีริน่าว่าสวยมาก ยังเก้อๆอยู่
“อ้าว...ก็...เคาะประตูแล้วนี่นา เธอไม่ได้ยินเอง”
“เอากระดิ่งมาสั่นสิ...อย่ามาแกล้งเคาะเบาๆ”
“อ้าว...หาเรื่อง”
“เรื่องมันมีให้หา หรือว่าจะปฏิเสธว่าไม่ได้รีบฉวยโอกาสมอง”
เจตรินไปไม่เป็น
“เอ้อ...”
อีริน่าชักสนุก ได้ล้อ
“เอ้อ...อะไรคะ”
เจตรินเงียบ อีริน่าคลี่สายเครื่องเป่าผมที่พันกันนุงนัง มือเขาเอื้อมเข้ามา เกือบๆเหมือนกึ่งๆโอบ อีริน่าตะแคงหน้ามองหน้าสองคนอยู่ใกล้กัน จนต่างฝ่ายต่างกลั้นใจ เจตรินพูดเสียงเบา
“ผมช่วย”
อีริน่าไม่พูดอะไรออกจะเขินๆ ใจเต้น เจตรินดึงที่เป่าผมไปคลี่สายออก เสียบปลั๊ก แล้วเป่าผมให้อีริน่า เจตรินใช้มือหนึ่งสางผมของหญิงสาวอย่างแผ่วเบานิ่มนวล อีกมือโรยลมจากเครื่องเป่าผมไล่ไปตามที่สาง อีริน่ามองสบตาของเขาในกระจกแล้วเขิน หลบตา สองคนสบตากันหลบตากันไปมา แล้วสักครู่...เจตรินมองอีริน่าจนเผลอทำที่เป่าผมโดนมือตัวเอง ร้อนจนปล่อยหลุดมือ โดนไหล่อีริน่า สะดุ้งกันทั้งคู่
“เฮิ้บ”
“โอ๊ะ”
อีริน่าสะดุ้งหนีเครื่องเป่าผม เสียหลักจะล้ม เจตรินรีบรับตัวกอดไว้ด้านหลัง ปากแนบที่ผมแถวๆใบหูของ
อีริน่า
“ขอโทษ”
อีริน่าพูดเบามาก
“เอ้อ...ไม่เป็นไรค่ะ”
เจตรินเผลอใจจูบผมอีริน่า หมุนตัวเธอมามองหน้ากัน หวิวกันไปทั้งคู่ เจตรินค่อยๆโน้มหน้าใกล้หน้าของเธอช้าๆ อีริน่ากลั้นใจ ใจเต้นโครมๆ แต่ไม่มีทีท่าจะขัดขืน เจตรินชะงัก สติกลับคืนดึงหน้าออกมา กลบกลืนความหวิวใจ
“ขอโทษ”
อีริน่าไม่พูดอะไรยังมองเขาสายตาสองคนบ่งบอกความรักต่อกัน เจตรินดึงอีริน่ามากอดอีกอย่างแนบแน่น เธอไม่ได้กอดตอบ ค่อยๆหลับตาลงอย่างมีความสุข ปล่อยให้เจตรินกอด ขณะเดียวกันนั้นเสียงเคาะประตูดังขึ้นแล้วประตูเปิดเลย เจตรินกับอีริน่าผละจากกันหน้าตายังอาวรณ์กัน คุณหญิงศรินทิพย์ทันเห็นสองคนกอดกัน ไม่ชอบใจทันทีที่เห็น อีริน่ากับเจตรินถอยห่างออกจากกัน คุณหญิงศรินทิพย์ค้อนเขม่น อีริน่าหลบตาอย่างสุภาพ
“นี่โอ้โลมกันกลางวันแสกๆ ไม่อายผีสางเทวดาฟ้าดินจะลงโทษ...” คุณหญิงศรินทิพย์ทำหน้าไปทางอีริน่าแบบไม่อยากออกชื่อ “นี่ฉันต้องการพบเรา”
เจตหันมองอีริน่าพูดอ่อนโยน
“ได้มั้ยครับอีริน่า”
คุณหญิงศรินทิพย์ปรี๊ดรู้สึกลูกเอาใจเมียมากกว่าแม่
“ต๊าย แค่อยากจะพบเมียแก ทำท่าเกรงใจราวกับว่าแม่จะพามันไปตาย นี่! เจต นี่แม่นะ”
อีริน่ารีบตอบ สุภาพ
“โอเคค่ะคุณเจต อีริน่าขอตัวค่ะ คุณหญิง”
“งันก็รีบตามมาสิยะ”
คุณหญิงศรินทิพย์ไป อีริน่าจะตาม เจตรินแตะแขนเบาๆแบบให้กำลังใจ
“อดทนนะ”
อีริน่ารู้สึกดี
“ค่ะ”
คุณหญิงศรินทิพย์หันมา เขม่นจัด
“บอกว่าฉันไม่ได้พาไปตายนะ อาลัยอาวรณ์ลากันอยู่นั่นละ”
“ขอโทษค่ะ”
อีริน่ารีบวิ่งไปเปิดประตูห้องให้ศรินด้วยอาการสำรวมเรียบร้อย ศรินออกไปแล้วอีริน่าหันมายิ้มหวานให้เจตรินแล้วออกไป
เจตรินมองตามหน้าตาค่อยคลายจากอารมณ์โรแมนติกเป็นหนักใจแม่
คุณหญิงศรินทิพย์เดินหน้าตึง อีริน่าตาม หน้าตาท่าทางเรียบร้อยสำรวม คุณหญิงศรินทิพย์เดินนำอีริน่าเข้าห้องสมุด เป็นห้องหนังสือที่ใหญ่มาก มีหนังสือเยอะมาก ถึงที่เหมาะๆ คุณหญิงศรินทิพย์หันขวับ อีริน่าไม่ทันระวัง หวิดชน
“นี่แก”
“อุ๊ย”
“แกเป็นหลานยัยบ้าแม่นังฆาตกร...บ้านนั้นเหรอ”
“ไม่ได้เป็นค่ะ”
“โกหก”
“ไม่ได้โกหกค่ะ”
“นี่...เธอจะว่ายัยคุณหญิงพรรณรายทึกทักเอาเองงั้นเหรอ”
“ก็...” อีริน่าไม่อยากรับคำ รู้สึกคำที่คุณหญิงศรินทิพย์ใช้ไม่เหมาะที่ตัวเองจะใช้ด้วย “คือแม่หนูบอกว่าแม่เป็นลูกแม่ค้านะคะ ไม่ใช้ลูกสาวนายพลกับคุณหญิงค่ะ”
คุณหญิงศรินทิพย์เปลี่ยนเป้าทันทีมองอีริน่าอย่างดูถูก
“มิน่า แกถึงได้ดูซกมกอย่างนี้ ชอบหว่านเสน่ห์จับผู้ชายรวยๆ แกประจบเอาใจครอบครัวยัยคุณหญิงพรรณรายเพราะยัยนั่นรวย”
“ก็เปล่าอีกแหละค่ะ”
คุณหญิงศรินทิพย์แว้ด
“หุบปากไม่ต้องมาถียง”
อีริน่าหุบปาก คุณหญิงศรินทิพย์มองอย่างเขม่นหมั่นไส้
“ฉันไม่สนใจว่าแกจะเป็นเลือดเนื้อของตระกูลยัยคุณหญิงพรรณรายหรือเปล่า แต่เมื่อแกมาเป็นสะใภ้ไร้ราคาบ้านนี้ แกก็แค่คนอาศัย อย่ามานับญาติกับพวกเรา”
“ค่ะ อีริน่าไม่อยากมีญาติเพิ่มนอกจากพ่อแม่กับเอ้อ...คุณเจตเท่านั้นค่ะ”
“ไม่ได้ แกจะนับญาติกับผัวแกไม่ได้เหมือนกัน ดังนั้นแกต้องทำทุกอย่าง”
“ทำทุกอย่างคืออะไรคะ”
“ทุกอย่างที่ฉันเห็นว่าแกต้องทำ”
“ค่ะ”
คุณหญิงศรินทิพย์แปลกใจหน่อยๆที่อีริน่าดูจะไม่ออกฤทธิ์
“แน่ใจ”
“ค่ะ”
“แปลก”
“แปลกตรงไหนคะ”
อีริน่ามองเชิงถาม สีหน้าท่าทางยังสำรวม ไม่ท้าทาย
“หุบปาก แกแน่ใจว่าทำได้แน่นะ”
“แน่ใจค่ะ”
“ดี ฉันจะดูว่าแกจะทนได้สักกี่น้ำ”
อีริน่าหน้าตามั่นใจ
“อีริน่าทนได้ทุกน้ำทุกบก ทุกอากาศค่ะ”
“ฉันมีข้อต่อรองให้แกยอมรับห้ามปฏิเสธ”
อีริน่ารอฟัง
“ถ้าแกทนไม่ได้ ฉันขอบังคับให้แกหย่ากับเจต แล้วไปจากบ้านนี้”
อีริน่านิ่ง ดูไม่ออกว่าคิดอะไรอยู่
“ว่าไง”
อีริน่ายังนิ่ง
“หากแกแน่จริง ไม่ได้หวังมาฮุบสมบัติของตระกูลฉันจริง แกต้องยอม”
“ถ้าหนูทำได้แล้วก็ทนได้ล่ะคะ”
คุณหญิงศรินทิพย์อึ้งไป
“คะ”
“เอะ อย่ามาย้อนกันนะ”
อีริน่าแอบยิ้มขำๆ คุณหญิงศรินทิพย์จะไป
“ตอนคุณหญิงแต่งงานมีใครขวางความรักบ้างไหมคะ”
คุณหญิงศรินทิพย์ชะงักกึก หันกลับมามองอีริน่านิ่ง
“นิ่ง แปลว่าไม่มี”
“ฉันแต่งกับคนที่ฐานะทางสังคมเหมาะสมทัดเทียมกัน ไม่เหมือนแกกับนายเจตแกมันนังกุ๊ยตะกายฟ้า”
“แต่คุณหญิงก็แต่งด้วยความรักด้วยใช่ไหมคะ ส่วนสังคมที่ทัดเทียมเป็นโชคดีของคุณหญิงและสามีที่ทัดเทียมกัน”
คุณหญิงศรินทิพย์อึ้ง...ไม่อยากพูดในสิ่งที่ทิ่มแทงใจตน
“หนูไม่มีความสมบูรณ์พร้อมเท่าคุณหญิง แต่หนูจะพิสูจน์ให้คุณหญิงเห็นว่า ของแท้อยู่ได้จริง และอยู่ได้ยืนยาวค่ะ”
“แล้วแกจะรู้ว่าความรักมันมีการแบ่งฐานะ ชาติตระกูลจริง มันทำร้ายทำลายคนได้จริง”
“หนูก็จะพิสูจน์ว่าความรักไม่มีการแบ่งฐานะ และชาติตระกูล และเอาชนะทุกอย่างได้จริงค่ะ”
คุณหญิงศรินทิพย์มองหมั่นไส้ แต่ก็หวั่นไหวด้วย เพราะอีริน่าดูท่าทางสบายๆก็จริง แต่ก็ดูมุ่งมั่น เธอสะบัดหน้าเดินไปอีกมุม
“อยากจะตบให้หน้าหันไม่มีวันกลับ”
อีริน่าตามไป
“แกทำความสะอาดหนังสือพวกนี้ กับชั้นวางหนังสือทั้งหมดให้สะอาดที่สุด หนังสือเล่มไหนอยู่ผิดหมวดหมู่ก็ย้ายไปเข้าหมู่ของมัน และ...ทำคนเดียว”
อีริน่าหนักใจเหมือนกัน แต่ซ่อนไว้
“ค่ะ”
คุณหญิงศรินทิพย์หันกลับจะไปแล้วเกิดเส้นพลิกหรือไม่หนักหนา ประสาคนไม่ออกกำลังกาย
“โอ๊ย”
อีริน่าไปรับทันก่อนที่คุณหญิงศรินทิพย์จะล้ม
“เป็นอะไรคะ”
“ไม่รู้ ปวด เคล็ด ยอก เส้นยึด”
อีริน่านึกอะไรได้ ยิ้มเจ้าเล่ห์
“โห...เยอะเลย คุณหญิงคงไม่ได้ออกกำลังกายเลยสิคะ”
คุณหญิงศรินทิพย์อึ้งไปนิด
“เรื่องของฉัน...โอ๊ย”
“อีริน่าช่วยได้ค่ะ”
โต๊ะอาหารค่ำจัดเสร็จเรียบร้อย อาหารดูน่ารับประทาน เจตรินเข้ามา อาบน้ำแล้วหน้าตาผ่องใส
“คุณแม่กับอีริน่าล่ะครับป้าศรี”
“คุณหญิงกับคุณอีริน่าบอกว่ายังมีธุระกันยาวค่ะ ให้เรียนเชิญคุณเจตทานก่อนค่ะ”
เจตรินรับทราบ
“คุณจิตล่ะครับ”
“คุณจิตบอกว่าไปทะเลกับเพื่อนค่ะ ค้างคืนด้วยค่ะ”
อารดาเข้ามา มีหวินกับสมรตาม
“แต่เจตก็ไม่ต้องกลัวเหงานะคะ มีดาทานเป็นเพื่อนไงคะ”
สาวใช้บ้านแอบเบะปากหมั่นไส้กัน ศรีหน้านิ่ง หวินกับสมรยืด เจตรินดึงเก้าอี้ให้อารดานั่ง แล้วตัวเองไปนั่งหัวโต๊ะ สาวใช้เข้าปฏิบัติหน้าที่
ในห้องสมุด...คุณหญิงศรินทิพย์สะบัดจากอีริน่า
“ไม่ต้องมายุ่งกับฉัน”
คุณหญิงศรินทิพย์จะไป อีริน่าจับแขนบิดดึงไว้ คุณหญิงศรินทิพย์จะดิ้นไม่ได้
“หยุดค่ะ อย่าดิ้น เดี๋ยวแขนหลุดไม่รู้ด้วยนะคะ”
คุณหญิงศรินทิพย์ตัวแข็ง ไม่กล้าดิ้น ดิ้นไม่ไหวด้วย รู้สึกการจับของอีริน่าแน่นมาก
“มือแข็งยังกะคีม ดิ้นยังไงไหว”
อีริน่าแอบขำ
“นั่งลงค่ะ อีริน่าจะนวดให้”
คุณหญิงศรินทิพย์นั่งลงตามแรงดึงบังคับกลายๆ อีริน่านวดแบบนวดเป็นจริงๆ จับเส้น จับกล้ามเนื้อ หักกระดูกแบบถูกวิธี คุณหญิงศรินทิพย์เด้งไปมา แต่บางแวบสีหน้าบ่งบอกว่าค่อยสบายตัวขึ้น แต่ยังเก๊ก
“คุณอารดาน่ะเหรอคะ ที่คุณหญิงเลือกอย่างดีแล้วว่าจะให้เป็นภรรยานักการทูตผู้แสนดีอย่างลูกชายของคุณหญิง”
คุณหญิงศรินทิพย์อึ้งไปชั่วครู่
“เรื่องอะไรของเธอ”
“หนูยังดูออกเลยค่ะว่าไม่คู่ควร”
คุณหญิงศรินทิพย์เสียหน้า กัดฟันพูดกับตัวเอง
“แสบไม่ใช่น้อยนะเธอนี่ หึงละสิ”
อีริน่าพูดไปเรื่อย
“หนูยังดีกว่าอีก”
“ต๊าย...กล้าพูดนะ อย่าหวังจะกล่อมฉันให้เปลี่ยนใจ ฉันกำหนดข้อตกลงแล้วต้องเป็นไปตามนั้น แกทนไม่ได้ ทำไม่ได้เมื่อไหร่ แกต้องหย่ากับเจต”
“หนูกล้าพูดค่ะ เพราะหนูของจริง แต่บางคนของปลอม เป็นแค่ภาพลวงตา”
“ไม่ต้องโฆษณา...ยังไงฉันก็ไม่เปลี่ยนใจ”
“คุณหญิงจะเลือกข้างโดยใช้อคติงั้นสิคะ”
อีริน่ายิ้มมีเล่ห์ มองแบบรู้ทันว่าไม่เลือกอารดาหรอก คุณหญิงศรินทิพย์อึ้ง เจ็บใจ มันรู้ทันไปหมด
“มันเรื่องของฉัน”
“เย้... เห็นมั้ยคะ หนูคาดผิดซะที่ไหน คุณหญิงก็ไม่เลือกข้างใคร คุณหญิงคิดถูกแล้วค่ะ เพื่อความสุขของลูกชายสุดที่รักคนเดียว คุณหญิงต้องไม่ปล่อยให้เขาฟังเสียงกรี๊ดวันละยี่สิบสี่ชั่วโมง”
คุณหญิงศรินทิพย์ค้อน แต่แอบแวบชอบใจอยู่หน่อยๆ อีริน่าดัดคอคุณหญิงศรินทิพย์ดังกร๊อบ
“ว้าย ยัยบ้า”
คุณหญิงศรินทิพย์จะสะบัดไป แต่อีริน่าจับไว้ด้วยท่าล็อก
เจตรินกับอารดากำลังทานอาหาร เจตรินทานจวนเสร็จแล้ว อารดายังหวานเอาใจตักกับข้าวโน่นนี่ให้ สมรกับหวิน มองปลาบปลื้ม กลุ่มสาวใช้บ้านเจตรินมองเขม่นหมั่นไส้ทั้งนายทั้งสาวใช้
“เจตทานน้อยไปนะคะ ลองนี่หน่อยนะคะ”
“ขอบคุณครับ ผมตักเองได้”
“ไม่ได้ค่ะ” อารดาสบตาหวานเยิ้ม พูดเหมือนมีนัย “ดาอยากบริการเจต ดาเต็มใจ ให้ดาบริการนะคะ”
เจตรินทานคำสุดท้ายหมดจาน อารดารีบสั่ง
“สมร เติมข้าวให้คุณเจต”
สมรกับหวินถลามาที่โต๊ะ เจตรินขัดขึ้น
“ไม่ต้องครับ...ผมอิ่มแล้วครับ”
เจตดื่มน้ำ จะลุก อารดาดึงไว้ หน้าตาอ้อนสุดฤทธิ์
“เดี๋ยวสิคะเจต ดายังทานไม่เสร็จเลย เจตนั่งเป็นเพื่อนดา ให้กำลังใจดาก่อน สิคะ นะคะ...นะค้า...” อารดาหันไปสั่งสมรกับหวิน “เอาผลไม้มาให้คุณเจตสิ”
สองคนใช้รีบกุลีกุจอไป
อีริน่าดึงคุณหญิงศรินทิพย์ให้อยู่ในท่าพร้อมเต้นออกกำลังกายแบบท่าออกกำลังกายแบบจับคู่เต้น อีริน่าอยู่ซ้อนหลังคุณหญิงศรินทิพย์ ดึงให้ทำตาม
“ออกกำลังกายก่อนค่ะคุณหญิง ทำแต่งานแล้วไม่ออกกำลังกายเป็นอันตรายต่อสุขภาพนะคะ เครียดอีกต่างหาก Work and no play makes Jack a dull boy คุณหญิงเคยได้ยินบ้างมั้ยคะ”
ศรินหมั่นไส้ ถองพุงอีริน่าโครมเข้าให้
“นี่แน่ะ”
“อุ๊บ”
อีริน่าไม่ทันระวังตัวจุก กระเด็นไป แต่มือหนึ่งยังดึงคุณหญิงศรินทิพย์ไปด้วย แล้วอีริน่าตั้งตัวได้ จับคุณหญิงศรินทิพย์ออกกำลังต่อ
“เล่นงานหนูไม่ได้ง่ายๆหรอกค่ะ”
คุณหญิงศรินทิพย์ยัวะอัดต่อ อัดไปอีริน่าก็ตั้งรับ แปลงเป็นท่าออกกำลังกายไป คุณหญิงศรินทิพย์โมโหอารมณ์ประมาณฉันจะแพ้ยัยเด็กนี่ไม่ได้
“ฉันเปลี่ยนใจแล้ว เธอต้องหย่ากับเจต”
อีริน่ายั่ว
“อ้าว...ยังไม่ทันข้ามวันเลย เปลี่ยนคำพูดซะแล้ว ใจไม่นิ่งเลยนะคะคุณหญิง หนูทราบนะคะ คุณหญิงอยากเก็บหนูไว้เป็นไม้กันสุนัข”
คุณหญิงศรินทิพย์ยิ่งยัวะ
“หล่อนไม่มีราคาขนาดนั้นหรอก”
“งั้นหนูก็ไม่หย่าค่ะ” อีริน่ายั่ว
“แน่ใจว่าจะลองดีกับฉันใช่มั้ย”
ศรินจ้องหน้าอีริน่าแบบเอาจริงจะเปิดศึก อีริน่ามองศรินในใจไม่ได้เป็นศัตรู แต่อยากทำทุกทางให้ศรินเข้าใจความตั้งใจดีของตน มองกันนิ่งสักครู่ อีริน่ายิ้มๆ จริงใจ
“คุณเจตรินเป็นสามีของหนู หนูต้องให้แน่ใจก่อนว่าเขาจะปลอดภัยจากคุณอารดา หนูถึงจะหย่าให้ค่ะ คุณหญิงควรร่วมมือกับหนู”
“เธอมันเจ้าเล่ห์ ไม่ต้องมาทำตัวแสนดี ฉันไม่เชื่อ”
“หนูพูดจริงค่ะ เรียกว่าแปะมือช่วยกันปกป้องชายหนุ่มคนเดียวของครอบครัว ทายาทมหาเศรษฐีพันล้านให้ปลอดภัยจากมดปลวกดีกว่าค่ะ คุณแม่สามีขา...หนูไม่คิดเงินด้วยค่ะ ทำฟรี ทำฟรี ทำฟรี”
อีริน่าเต้นท่าเทควันโด้น่ารักๆ 3 ครั้ง ประกอบคำทำฟรีไปด้วย คุณหญิงศรินทิพย์สะดุ้งนิดๆตามไปด้วย แบบรักษามาด หน้าตาออกทางรับไม่ได้ อีริน่าสับสันมือทิ้งท้าย คุณหญิงศรินทิพย์สะดุ้งโกรธ ออกแรงสุดฤทธิ์จะให้หลุดจากอีริน่า พากันล้มไปทั้งคู่ สองคนกำลังล้มไปด้วยกัน อีริน่าเกรงคุณหญิงจะเจ็บรีบพลิกเอาตัวเองรองรับ อีริน่าลงถึงพื้นก่อน คุณหญิงศรินทิพย์ลงตามไปติดๆ กระแทกโครมลงบนตัว อีริน่าจุกแอ้กๆ หน้าบู้บี้ร้องไม่ออก คุณหญิงศรินทิพย์ก็ตกใจกลัวตัวเองแขนขาหัก ห่วงแต่ตัวไม่ได้ห่วงอีริน่า
“โอย แขนขาฉันหักหมดแล้วมั้งเนี่ย”
“คุณหญิงขา...แค่กๆ คุณหญิงไม่เป็นอะไรหรอกค่า หนูซีคะปางตายแล้ว คุณหญิงทับหนูอยู่นะคะ”
คุณหญิงศรินทิพย์เพิ่งรู้สึกว่าตัวเองทับอีริน่าอยู่ สะใจ
“กระดูกเบอร์อะไรค้าคุณหญิง ตำพุงหนูเจ็บสุดๆ”
สะใภ้หัวแดง ตอนที่ 6 (ต่อ)
คุณหญิงศรินทิพย์ค่อยๆยันตัวขึ้น อีกแขนยังยันพุงอีริน่าอยู่อีริน่าหน้าเบ้ จุกมาก
“แกว่าฉันอ้วนเหรอ แกว่าฉันกระดูกใหญ่เหรอ ว่าฉันกระดูกแหลมเหรอ นี่แน่ะ”
คุณหญิงศรินทิพย์เอาศอกยันพุงอีริน่าอีกที อีริน่าจุกสุดๆ คุณหญิงศรินทิพย์สะใจได้เอาคืน
“อย่าตีเสมอฉัน อย่าอวดดีกับฉัน นังเด็กไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง ออกไป”
อีริน่าค่อยๆลุกขึ้น ไหว้
“หนูขอโทษค่ะ”
คุณหญิงศรินทิพย์จ้องอีริน่าแบบชิงชัง อีริน่าออกไป คุณหญิงศรินทิพย์มองตาม ไม่ชอบอย่างมาก
ในห้องพักโรงแรมพัทยา...พงษ์ธรแต่งตัวใกล้เสร็จจะออกข้างนอก จิตรดาราช่วยดูแลผสมอ้อนด้วย
“คุยงานเสร็จแล้วรีบกลับนะคะ จิตขี้เหงา ไม่ชอบอยู่คนเดียวนาน”
พงษ์ธรจุ๊บแก้ม
“ครับ ผมก็ไม่อยากห่างจิตนานๆ คิดถึง”
จิตรดาราจุ๊บแก้มเขาอย่างหลงใหล พงษ์ธรออกจากห้อง จิตรดาราตามส่งแล้วปิดประตู ยืนพิงประตูห้องตาฝันหวาน
ในบ้านพัก...มิคาอิล พงษ์ธร เขมชาติกำลังดูตัวอย่างยาเสพติดตัวใหม่แล้วมิคาอิลยกซองยาให้ดูแวบหนึ่งแล้ววาง
“นี่เป็นยาตัวใหม่ รับรองเรื่องคุณภาพ แต่เพิ่งเข้ามาที่นี่ครั้งแรกต้องมีคนทดลอง”
“ผมมีคนให้ทดลองเยอะแยะ” เขมชาติบอก
มิคาอิลเย้าๆ
“สาวๆในสังกัดละสิ อย่าลืมคัดที่แจ่มๆส่งผมนะ เที่ยวนี้ขอไม่น้อยกว่าร้อยห้าสิบคน ใหม่สด”
“สบายอยู่แล้ว”
“ผมก็มีคนทดลองให้” พงษ์ธรนึกถึงจิตรดารา
“ลูกสาวไฮโซนั่นละสิ” เขมชาติรู้ว่าใคร
พงษ์ธรอมยิ้มแบบมีทีเด็ด
“แล้วผู้หญิงที่คุณต้องการ ผมช่วยได้”
“ใคร...อีริน่าน่ะเหรอ” มิคาอิลนึกได้
นิโคลัยถูกขังอยู่ในห้องติดกันมือสองข้างถูกใส่กุญแจมือติดกับเสากำลังฟังข้างนอกคุยกัน ตกใจและวิตกถึงอีริน่า
“คุณสามารถเอาอีริน่ามาให้ผมได้แน่รึ”
นิโคลัยตะโกน
“มิคาอิล อย่านะ ฉันขอร้อง อย่ายุ่งกับลูกฉัน”
พงษ์ธรมองมิคาอิลกับเขมชาติอย่างงงๆ
“นิโคลัยพ่อของอีริน่า แม่หนีไปได้ ไม่งั้นจะได้อยู่กันพร้อมหน้าพ่อแม่ลูก” มิคาอิลตะโกนเย้ย “ใช่มั้ยนิโคลัย แกเห็นมั้ยไม่ว่าแกจะให้ลูกสาวแกหนียังไงก็ไม่พ้นมือฉัน”
“ไอ้มิคาอิล ไอ้เลว”
มิคาอิลหัวเราะชอบใจ
“แล้วฉันจะพาอีริน่ามาเยี่ยมแก”
นิโคลัยเตะของของใกล้ตัวไปที่ประตูห้อง
“ไอ้ชาติชั่ว ฉันจะฆ่าแก”
มิคาอิลหัวเราะสะใจ
“แล้วแกคอยดูว่าใครจะฆ่าใคร” มิคาอิลหันมาหาพงษ์ธร “คุณแน่ใจว่า คุณทำงานสำเร็จแน่”
“แน่นอน”
“แฟนพงษ์ธรเป็นน้องสามีของอีริน่า” เขมชาติบอก
มิคาอิลยิ้มพอใจ
“เยี่ยม”
“แต่คุณคงไม่ให้ผมทำฟรีนะ”
มิคาอิลเหล่นิดหน่อยแบบมีเชิงรู้ทันทีว่าไอ้นี่งก แต่ก็เจอคนแบบนี้มาตลอด
“แน่นอนอยู่แล้ว ผมรู้ว่าทุกคนมีค่าตัว คนอย่างมิคาอิลไม่เคยใช้ใครฟรี แต่ถ้าทำไม่สำเร็จ...”
พงษ์ธรถือว่าตัวเองมีของเหมือนกัน และหมั่นไส้ฝรั่งกร่าง
“ผมไม่ใช่มือสมัครเล่น ให้ผมทำไม่สำเร็จก่อนค่อยว่ากัน”
เขมชาติไม่ได้ชอบมิคาอิล จะชิงธุรกิจตลอด แต่เก็บอาการไว้รอจังหวะเหมาะ
“เรื่องยาว่าไง”
มิคาอิลส่งซองยาเสพติดซองเล็กให้พงษ์ธรซองหนึ่ง ให้เขมชาติเป็นซองเล็กซองหนึ่งและห่อใหญ่อีกห่อ
“นี่ให้คุณไว้ลอง ห่อใหญ่นี่มีมูลค่า แต่คุณเป็นคู่ค้ากับผมมานาน ผมให้ลงบัญชีไว้ก่อนได้”
เขมชาติท่ากร่างตามแบบฉบับ ในใจไม่ได้จริงใจ
“ขอบใจ”
“ยาตัวนี้แรงมาก ออกฤทธิ์เร็วมากด้วย ไม่ต้องใช้เยอะก็ออกฤทธิ์โดนใจแน่ แล้วเล่นแค่ครั้งสองครั้งติดงอมแงม...รับรอง”
อีริน่าเดินเข้ามาที่โต๊ะอาหารด้านหลังเจตริน สมรกับหวิน รีบส่งซิกให้อารดาอย่างสอพลอ อารดารีบหวานใส่เจตริน จิ้มผลไม้ป้อน
“ดาป้อนค่ะเจต อ้ำค่ะอ้ำ อ้าม”
เจตรินเด๋อๆ อายคนรับใช้
“อ้ำค่ะ สิคะ อย่าให้ดาเสียหน้าค่ะ”
สาวใช้ของเจตรินเขม่นหมั่นไส้ทั้งอารดาทั้งสาวใช้ของอารดา แจ๋วซุบซิบ
“มันต้องโดนเช็กบิลทั้งนายทั้งบ่าว”
“เร็วๆนี้ด้วย” จิ๋มเสริม
“ด้วยวิธีที่พิสดารที่สุด” แหววยิ้มๆ
ศรีกระแอมปราม สามสาวคืนสู่ระเบียบ อารดาพยายามป้อน
“อ้ำค่ะเจต”
อีริน่ายื่นหน้าพรวดเข้ามางับผลไม้
“อ้ำ”
“ว้าย นังบ้า” อารดาสะดุ้ง
อีริน่าแก้มยังตุ่ยเพราะอมผลไม้ไว้ จุ๊บแก้มเจตรินจ๊วบ สาวใช้กองเชียร์ชอบใจกันมาก
“มันต้องยังงี้” แจ๋วสมใจ
“มาถูกที่ถูกเวลา” จิ๋มดีใจ
“มาอย่างสะใจ” แหววเสริม
อีริน่าพูดทั้งๆผลไม้เต็มปาก แต่ฟังชัด
“คิดถึงจังค่ะ อยากให้คุณทานผลไม้จากปากฉันเหมือนที่เราเคยทำบ่อยๆจังแต่เกรงใจกิ๊กคุณอะค่ะ จะอกแตกตายซะก่อน”
“อ๊าย สกปรก” อารดาวี๊ดลั่น
“เหรอ...”
อีริน่าทำท่าจะคายผลไม้ใส่ อารดาลุกพรวดออกห่างไป
“ว้าย”
อีริน่าหัวเราะขำ เคี้ยวผลไม้กลืน
“ปากสกปรก ใจสกปรกอย่างคุณ สกปรกกว่าผลไม้ที่คายจากปากฉัน”
อารดาไม่รู้จะทำไง ฟ้องเจตริน
“เจตดูสิคะ เขาทำดาก่อนนะคะ”
“เห็นแล้วครับ”
“แล้วไงอะคะ”
เจตรินยังไม่ทันตอบ อีริน่าสวนขึ้น
“เรื่องของเรา คุณเจตไม่เกี่ยว” อีริน่าดันเจตรินไป “เชิญไปพักผ่อนค่ะ เสร็จธุระแล้ว ฉันจะไปนวดให้”
เจตรินโอบอีริน่ามาจูบผม
“ขอบคุณครับ ผมจะรอนะ”
สองคนสบตากัน อีริน่าหวานใส่เต็มที่ ยั่วประสาท อารดากรี๊ด
“อ๊าย...”
เจตรินไป อารดาถลาเข้าใส่ โดนอีริน่าผลักเด้งออกมา สมรกับหวินเผลอตัวจะไปช่วยนาย กลุ่มสาวใช้ของเจตรินมาดักหน้า หน้าตาเอาเรื่องพร้อมรบ สมรกับหวินชะงักกึก จ๋อยไป แหววชี้หน้า
“ขี้ข้าอย่าสะเออะ”
“ถ้าไม่อยากสลบกลางอากาศ” แจ๋วจ้องหน้าเอาเรื่อง
“หรือสมองกลับซ้ายเป็นขวากลับหน้าเป็นหลัง” จิ๋มข่มขู่
อารดาและอีริน่าต่างพุ่งเข้าหากัน จับมือทั้งสองมือออกแรงสุดๆยันกันไปมาสู้กันสักพัก ผลัดกันรุกผลัดกันรับ อีริน่าใช้ฉันเชิงที่เหนือกว่าหมุนตัวอารดาตกเป็นรองแขนถูกบิดล็อกทั้งสองข้าง อารดาเจ็บ แต่กัดฟัน ฮึดไม่ยอมร้อง หน้าตาบ่งบอกว่าไม่ยอมแพ้
“ฝีมือคุณไม่เลวหรอก แต่ยังต้องไปฝึกมาอีกเยอะๆ ถึงจะเอาชนะฉันได้ แต่ต่อให้คุณเก่งมากแค่ไหน ฉันจะไม่มีวันยอมให้คุณแย่งสามี ฉันได้แน่นอน”
“หน้าไม่อายพูดออกมาได้ แกสิเป็นคนแย่งเจตไปจากฉัน ฉันนี่เป็นฝ่ายทวงของรักของฉันคืน ไม่ใช่แย่ง”
“ฉันขี้เกียจเถียงกับคุณ ฉันปล่อยคุณแล้วอย่าตามมานะ ตามมาเกิดเรื่อง”
อีริน่าเหวี่ยงอารดาไปห่างแล้วเดินไปที่บันได อารดาตั้งตัวแล้วมองตามอีริน่านิ่งๆเหมือนจะไม่ตาม สายตาอาฆาตสุดๆ
อีริน่าเดินถึงบันไดก้าวขึ้นบันไดไป 2 ขั้น อารดาวิ่งพรวดมา ศรีตกใจ สามสาวใช้ของเจตรินตะโกนพร้อมกัน
“คุณอีริน่าระวังค่ะ”
สมรกับหวินเข้ารุมสามสาวซัดกันนัว ศรีรีบออกไป อารดาจิกอีริน่ามาตบ
“ฉันอุตส่าห์ไปเรียนวิชาการต่อสู้มา เพราะจะยกเลิกการตบกันนี่ละ แต่ผู้หญิงเกลียดกันแล้วไม่ตบกันมันจะสะใจได้ไง เพราะฉะนั้นฉันขอกลับไปพิมพ์นิยมดั้งเดิมของผู้หญิง”
อารดาเงื้อมือ แต่อีริน่าตบก่อน อารดาวิ่งเข้าตบทั้งมือขวามือซ้าย แต่อีริน่าเอาแขนกันได้หมด อารดาใช้สองมือยันไหล่อีริน่าไป ความตั้งใจของอีริน่าคือพยายามไม่ทำศึกกับอารดา เจตรินรีบวิ่งลงบันไดมา ศรีวิ่งตาม เจตรินวิ่งไปทางอีริน่ากับอารดา ศรีแยกไปทางสาวใช้ที่ยังซัดกันนัว
“หยุด! คุณเจตมา”
สาวใช้หยุดทันทีราวปิดสวิตช์ เจตรินแยกสองคนออกจากกัน อารดายั้งไม่ทันตบเจตรินผัวะเข้าให้ แต่อีริน่าดึงหลบเลยโดนที่ไหล่ แต่ก็แรงสุดๆ อารดารีบเอาเท้าตัวเองเกี่ยวเท้าอีริน่า อารดาแสร้งล้ม
“โอ๊ย”
อารดาแสร้งนอนบิดปวดแขนปวดเอว
“โอย...เจตขา...ช่วยดาด้วย เมียเจตขัดขาดาอะค่ะ”
อีริน่ากับอารดา
“เปล่านะ คุณมาเกี่ยวขาฉันเอง”
อารดายื่นมืออ้อนเจตริน
“ช่วยดาหน่อยค่ะเจต ดาลุกไม่ไหว ไม่ทราบขาแพลง เอ็นขาฉีกหรือเปล่าแขนก็ไม่ทราบกระดูกร้าวหรือเปล่า”
เจตรินจำต้องช่วยดาลุกขึ้น อารดามารยาพิงอกเจตริน กอดเขาแน่น
“โอ๊ย ปวดจริงๆ”
กลุ่มสาวใช้หมั่นไส้ สมรกับหวินมองเหยียด สามสาวทำท่าจะลุย สมรกับหวินวิ่งไปห่างแต่ไม่ไปหาอารดา จะให้โอกาสอารดาซบเจตริน สมรใส่ไฟ
“หมอนเห็นค่ะว่าคุณอีริน่าขัดขาคุณดาจริง”
“หวินก็เห็นค่ะ” หวินเสริม
“พวกเราว่าไง” เจตรินอึ้งๆถามคนของตัว
ศรีและบรรดาสาวใช้อึ้งๆ เพราะในมุมมองตรงนั้นมองเห็นว่าขาสองคนขัดกัน แต่ไม่รู้ใครขัดใคร
“ผมต้องการความจริง เพื่อความยุติธรรมครับ” เจตรินถามเสียงเข้ม
“คือ...พวกหนูเห็นว่าขาคุณอีริน่าขัดกับขาคุณอารดาค่ะ” สมรพูดขึ้น
อารดาลอบทำหน้าสะใจ สบตากับคนของตัว สมรกับหวินแอบทำหน้าทำท่าชอบใจว่าสำเร็จ เจตรินมองสามสาว
“พวกเราล่ะ”
ทั้งสามอึกอัก
“ก็...พวกเราก็เห็นแบบนั้นค่ะ”
เจตรินมอง อีริน่าหน้านิ่ง เธอสบตาเขาด้วยทีท่าที่สงบ
“ถ้าคุณคิดว่าฉันผิดก็พูดออกมาเลยค่ะ”
“พยานขนาดนี้แล้วนะอีริน่า คุณต้องขอโทษอารดา”
แจ๋วพูดเสียงเบา
“เฮ้ย ก็แค่เห็นว่าขัด ไม่ได้บอกว่าคุณอริน่าขัดนี่”
ศรีรักษาท่าทีคุณแม่บ้าน กัดฟันพูด
“แล้วดันบอกทำไมล่ะ พูดอย่างอื่นก็ได้นี่ นังโง่”
“อ้าว...ผิดอีก” สามสาวหน้าเหวอ
อารดาอ้อนเป็นคนดีสุดๆ
“เขาไม่อยากขอโทษเจตก็อย่าไปบังคับเขาเลยค่ะ อารดาแค่อยากให้เจตรู้ความจริงแค่นั้นค่ะ ไม่งั้นจะกลายเป็นดาเป็นคนหาเรื่อง เป็นตัวร้ายตลอด”
เจตรินอึ้งนึกว่าอีริน่าทำจริง อีริน่าก็อึ้งพูดไม่ออก
“เจตขา...ดาอยากพักผ่อน เจตช่วยประคองดาไปหน่อยนะคะ”
เจตรินมองไปทางสมรกับหวิน สองคนหลบฉากอย่างรู้แกว
“วันนี้เวรพวกหนูล้างจานค่ะ”
สมรรีบดึงหวินไปที่โต๊ะอาหาร
“ไม่เป็นไร เดี๋ยวให้พวกนี้จัดการ”
หวินนอบน้อมน่าหมั่นไส้กับศรี
“ไม่เป็นไรค่ะป้าศรี พวกหนูต้องทำตามเวรค่ะ”
สาวๆกลุ่มศรีจำต้องนิ่ง แต่หน้าตาเขม่นอาฆาตสุดๆ ศรีหันมาหาเจตริน
“เดี๋ยวให้พวกนี้พาคุณอารดาไปก็ได้ค่ะ”
ดาอ้อนเจตริน
“เจตขา...ดาไม่ได้เรื่องมากนะคะ แต่เด็กๆเขา...เอ้อ...ดาไม่อยากได้ชื่อว่ากล่าวหาผู้น้อยอะค่ะ แต่ดาคิดว่า...”
“ผมพาดาไปก็ได้ครับ” เจตรินตัดบท
อารดาแอบซุกอกเจตริน ยิ้มเจ้าเล่ห์ เจตรินประคองอารดาเดิน อีริน่ามองตาม หน้าเรียบแต่ตาหมองๆ เดินไปได้หน่อยอารดาแสร้งทรุด
“โอ๊ย”
“ดา” เจตรินตกใจ
“ขาดาค่ะ ขาเจ็บมาก เดินไม่ไหวแล้วค่ะ”
เจตรินรู้ว่าอารดาจะให้อุ้ม แต่ลังเล ไม่ได้กลัวอีริน่าเข้าใจผิด แต่รู้สึกว่าจะไม่เหมาะ อารดาเหนี่ยวคอตัวแนบชิด มารยาสุดฤทธิ์
“เจตอุ้มดาไปส่งที่ห้องหน่อยนะคะ...นะคะ ดาไม่ไหวแล้วจริงๆค่ะ”
เจตรินไม่อยากให้ยืดเยื้อ ตัดสินใจอุ้มอารดา ขึ้นบันได อารดาส่งหน้าเย้ยอีริน่า แล้วอิงอกเจตรินอย่างมีความสุขมาก อีริน่ามองแล้วเมินบาดใจ ใจปั่นป่วนไปหมด ศรีและสามสาวมองอีริน่าอย่างเห็นใจ
ภายใน ห้องนอนของอารดา...เจตรินวางอารดาลงบนเตียง เธอยังเหนี่ยวคอไว้ไม่ยอมปล่อย จุ๊บปากเขา เจตรินพยายามปลดมือออก แต่เธอไม่ยอม
“ขอบคุณมากนะคะเจต ดารักเจตมากนะคะ ไม่ว่าอะไรบังตาให้เจตไปคว้ายัยเด็กข้างถนนนั่นมา ดาจะทำทุกวิถีทางให้เจตตาสว่าง ให้เราสองคนได้กลับมาเป็นเหมือนเดิมนะคะ”
อารดาจะจุ๊บปากเขาอีก แต่เจตรินเบี่ยงหนี ปลดมือเธอออกสำเร็จ
“ดาพักผ่อนนะครับ ผมจะไปดูคุณแม่”
เจตรินออกไป ประตูห้องยังปิดไม่สนิท อารดารีบคว้ามือถือที่หัวเตียงมากดหาชื่อคุณหญิงศรินทิพย์อย่างรวดเร็ว แล้วกดโทรออก
“คุณแม่เหรอคะ”
คุณหญิงศรินทิพย์กำลังฟังอารดาพูดคิดแผนไปด้วย
“จริงหรือ...”
“ตะกี้นี้เองค่ะ ดาทำให้เจตเชื่อได้หน่อยนึงแล้วว่านังนั่นมันลายออก ถ้าคุณแม่ช่วยอีกแรง เจตจะเชื่อมากขึ้นอีกค่ะ”
คุณหญิงศรินทิพย์ฟัง สะใจ
“ดีแล้ว เดี๋ยวแม่สานต่อเอง”
เจตรินอยู่ในห้องนอนยืนพิงมองออกไปนอกหน้าต่างเสียงมือถือดังขึ้น เจตรินเดินไปหยิบ มองหน้าจอแล้วกดรับ
“ครับ...คุณแม่”
คุณหญิงศรินทิพย์ทำเสียงแบบปวดโน่นเจ็บนี่
“เจต...มาหาแม่ที่ห้องหน่อย แม่...แม่ปวดไปทั้งตัว เดินไม่ค่อยไหว อูย...”
“ผมไปเดี๋ยวนี้ครับ...” เจตรินตกใจ
“เจตพาเมียเจตมาด้วยนะ แม่ไม่อยากพูดถึงเขาลับหลังเขา”
เจตรินหน้าเครียดขึ้น สังหรณ์นิดๆ
“ครับคุณแม่”
เจตรินกดวางสาย วางมือถือไว้ที่เดิม แล้วออกนอกห้อง
เจตรินออกมานอกห้องเดินไปทางบันไดแล้วชะงัก มองไปเห็นอีริน่านั่งซึมอยู่ที่ชานบันไดขั้นบนสุด เขาเดินไปหา อีริน่ามัวแต่คิดอะไร ไม่รู้ว่าเจตรินมา
“มานั่งที่นี่ทำไม ทำไมไม่เข้าห้อง”
อีริน่ามองเขาตั้งแต่คำแรกที่เขาพูด แล้วหันมองลงไปทิศทางที่มองอยู่เดิมต่อ
“คุณแม่เชิญพบ”
อีริน่ายังนิ่ง ไม่มอง
“ตอนนี้เลย”
อีริน่าลุกยืน เจตรินออกเดินไปทางห้องแม่ อีริน่าเดินตามหลังเงียบๆ สำรวม
คุณหญิงศรินทิพย์ที่เตียงเตรียมตัวมารยาเต็มที่ เสียงเคาะประตูห้องดังขึ้น
“จ้ะเจต เข้ามาเลยลูก” คุณหญิงศรินทิพย์พูดเสียงป่วย
เจตรินเปิดประตู ให้อีริน่าเข้าก่อน แล้วตัวเองเข้าตาม เจตรินรีบไปที่เตียง
“คุณแม่เป็นอะไรครับ”
เจตรินจับตัวแม่
“โอ๊ยๆ อย่าจับแม่ แม่ปวดไปทั้งตัว”
คุณหญิงศรินทิพย์มองอีริน่า เจตรินยิ่งสังหรณ์ มองตาม
“คุณแม่ครับ...”
“แม่พูดแล้วเจตอย่าว่าแม่ร้าย อย่าว่าแม่อคตินะ”
“คุณแม่พูดมาเถอะครับ”
“เมียเจตนั่นละทำแม่”
เจตรินมองอีริน่าอย่างตำหนิและหมางเมิน อีริน่าก้มหน้า รู้ว่างานเข้า คุณหญิงศรินทิพย์แอบยิ้มสะใจ เจตรินหันมองแม่แบบรอให้แม่เล่า คุณหญิงศรินทิพย์ตีหน้าเศร้าเล่าความเท็จ...
คุณหญิงศรินทิพย์จะไป อีริน่าจับแขนบิดดึงไว้ แบบคนเป็นการต่อสู้ ด้วยท่าที่คุณหญิงศรินทิพย์จะดิ้นไม่ได้
“หยุดค่ะ อย่าดิ้น เดี๋ยวแขนหลุดไม่รู้ด้วยนะคะ”
คุณหญิงศรินทิพย์ตัวแข็ง ไม่กล้าดิ้น ดิ้นไม่ไหวด้วย รู้สึกการจับของอีริน่าแน่นมาก อีริน่าหน้าตาดุมาก ใช้ท่าเทควันโด้ทุ่มคุณหญิงศรินทิพย์ลงไปนอน แล้วดึงขึ้นมาทุ่ม ระหว่างนั้นคุณหญิงศรินทิพย์ร้องขอความเมตตาไปด้วย
“โอ๊ย กลัวแล้ว กลัวแล้ว อย่าทำฉันเลย...”
อีริน่าจับคุณหญิงศรินทิพย์ทุ่มอีก
“โอ๊ย”
คุณหญิงศรินทิพย์นอนจุกแอ้ดๆมองอีริน่าอย่างกลัวมาก อีริน่ามองคุณหญิงศรินทิพย์อย่างเกลียดชัง
คุณหญิงศรินทิพย์เล่าจบ เจตรินโกรธเชื่อที่แม่เล่าเพราะเพิ่งเจอกับตัวเองมาเรื่องอีริน่ารังแกอารดา คุณหญิงศรินทิพย์รู้ว่าลูกชายเชื่อ แอบยิ้มสะใจ
“ทำอย่างนี้กับคุณแม่ผมได้ยังไงอีริน่า”
อีริน่านิ่ง รู้ว่าโดนใส่ไฟ แต่พูดไปเจตรินก็คงไม่เชื่อ
“ที่ทำกับดาผมยังพอคิดได้ว่าเป็นเรื่องคนรุ่นเดียวกันทะเลาะกัน แต่นี่คุณแม่ของผม คุณแม่เป็นผู้ใหญ่กว่าคุณมาก เป็นที่เคารพรักของผม คุณทำได้ยังไงอีริน่า ผมหลงเชื่อมาตลอดว่าคุณแม่คุณอบรมคุณมาดีแต่ถึงวันนี้เพิ่งทราบว่าผมเชื่อผิดมาตลอด”
อีริน่าพูดเรียบๆ
“อย่าพูดถึงแม่ฉันค่ะ แม่ไม่เกี่ยวกับนิสัยไม่ดีของฉัน”
“ไม่พูดไม่ได้ คุณทำแม่ผมถึงขนาดนี้”
อีริน่าชักยัวะ
“หมายความว่าเราจะด่าแม่กันใช่ไหมคะ”
เจตรินเงียบอึ้งไปทันที ถึงอย่างไรความเป็นผู้ดียังมีสูง คุณหญิงศรินทิพย์ทำเป็นห้าม
“เจต พอเถอะลูก อย่าไปว่าเขาเลย”
เจตรินยังมองกับอีริน่า คุณหญิงศรินทิพย์เรียก
“เจต...”
เจตรินหันหาแม่
“ครับ”
“คืนนี้นอนห้องแม่ได้มั้ย เผื่อแม่เป็นอะไรมาก”
“ได้ครับ”
เจตรินไปที่ประตูห้อง เปิดประตูแบบตัวเองจะไม่ออก แต่ให้อีริน่าออก
“เชิญ อีริน่า”
อีริน่าเสียใจ เดินออกจากห้องไปโดยไม่มองใครเลย เจตรินปิดประตู ล็อก คุณหญิงศรินทิพย์ยิ้มพอใจมาก แต่เมื่อเจตรินหันมารีบทำหน้าปกติ
“ผมนอนที่โซฟานะครับ”
“จ้ะลูก หมอนกับผ้าห่มอยู่ในตู้นั้น”
เจตรินไปที่ตู้ คุณหญิงศรินทิพย์มองตาม สบายอกสบายใจ
อีริน่านั่งที่เตียง ซึมเศร้า แหวว มาแอบดูแล้วเข้ามาหา
“คุณอีริน่ามีความทุกข์ บอกแหววได้นะคะ”
“ขอบใจมาก ไม่บอกละ ทุกข์ใครทุกข์มัน”
“โธ่ แหววหวังดีนะคะ”
อีริน่าขำขึ้นมานิดหนึ่ง แล้วหมองอีก
“ถ้าฉันไม่ได้อยู่ที่บ้านนี้ฉันจะกลับมอสโก”
“จะกลับไปทำไมล่ะคะ คุณอีริน่า”
“อีริน่า ไม่อยากพูด อีริน่าคิดถึงแม่พริม”
“มีอะไรนบอกแหววนะคะ แม้ว่าเราจะรู้จักกันมามนาน แต่แหววจริงใจนะคะ”
“ขอบใจมากค่ะ”
อีริน่าน้ำตาซึม แหววกุมมือมองเห็นใจ
“น้ำน้อยย่อมแพ้ไฟ แต่หารู้ไม่ว่าที่นี่ไฟมากกว่าน้ำค่ะ แหวว ป้าศรี จิ๋ม แจ๋ว พร้อมเป็นน้ำที่ที่จะดับไฟอคติกบคุณอีริน่าค่ะ”
อีริน่าซึ้งใจ
“ขอบใจมาก”
จิตรดาราหลับอยู่ในห้องพักของโรงแรมหรู สักครู่ประตูห้องเปิด พงษ์ธรเข้ามานั่งลงที่เตียง โน้มตัวจูบแก้ม จิตรดารา พลิกตัวตื่น
“คุณกลับช้าจังคะ”
“คุยงานสำคัญครับ ขอโทษนะครับที่ทำให้คิดถึง ผมเองก็คิดถึงจิตทุกลมหายใจ”
พงษ์ธรหอมแก้มอีก
“จิตอยากลงไปเที่ยวผับค่ะ”
“ได้ครับ”
จิตรดาราดีใจ
“เย ขอบคุณมากค่ะ”
พงษ์ธรพึมพำ
“เด็กโง่หลอกง่ายกว่าเด็กอนุบาล”
จิตรดาราเข้าห้องน้ำ พงษ์ธรเอาซองยาเสพติดออกมาดู ยิ้มๆ แล้วไปที่ตู้เย็น เอาเครื่องดื่มออกมารินใส่แก้ว แตะยาเสพติด 2-3 เกล็ดใส่ลงไป เอานิ้วคนๆจนละลายหายไป แล้วแยกวางไว้ พงษ์ธรนึกถึงคำพูดของมิคาอิล
“ยาตัวนี้แรงมาก ออกฤทธิ์เร็วมากด้วย ไม่ต้องใช้เยอะก็ออกฤทธิ์โดนใจแน่ แล้วเล่นแค่ครั้งสองครั้งติดงอมแงม...รับรอง”
พงษ์ธรยิ้มร้าย รินเครื่องดื่มให้ตัวเองแก้วหนึ่ง ดื่มให้พร่องกว่าแก้วที่ผสมยา แล้ววางไว้ จิตรดาราออกจากห้องน้ำ หน้าตาสดชื่น พงษ์ธรหยิบเครื่องดื่มให้
“ดื่มหน่อยนะครับ”
จิตรดารารับแก้ว
“แหม รู้ใจจิตจริง จะรักมากขึ้นอีกนิดดีมั้ยนี่”
“รักผมน้อยๆ แต่รักนานๆก็พอครับ”
จิตรดารายิ้มหวานหลงใหล
“หวานไปเปล่าคะ” เธอยื่นแก้วชนแก้วเขา “เชี่ยร์สค่ะ”
“เชียร์สครับ”
สองคนชนแก้วกันเบาๆแล้วดื่ม จิตรดาราดื่มหมดแก้วแล้วไปเลือกเสื้อผ้า พงษ์ธรลอบมองแบบจะเร็วแค่ไหนที่ยาจะออกฤทธิ์ จิตรดาราเลือกเสื้อผ้าแล้วรู้สึกสุขมากล้นอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน ตาเริ่มลอยฉ่ำหวาน เลือดฉีดพล่านซู่ซ่า อยากมีเซ็กส์มาก เธอปิดตู้เสื้อผ้ามาที่พงษ์ธรโถมเข้ากอดเคล้าเคลีย พงษ์ธรรู้ว่ายาออกฤทธิ์พึมพำ
“เร็วเหลือเชื่อ”
“จิตไม่อยากไปผับแล้วค่ะ อยากอยู่กับคุณ”
“ได้สิครับ ผมตามใจจิตอยู่แล้ว”
จิตกระชากเสื้อพงษ์ธรออกเหวี่ยงไป
สมรกับหวินกำลังช่วยกันคว่ำจานชาม หม้อ กระทะ ช้อนส้อม ตะหลิว สารพัดเครื่องครัวมากมายที่ล้างเสร็จแล้วอย่างเบื่อหน่ายและหมดแรง
“แกไม่น่าไปโกหกคุณเจตเลยว่าเป็นเวรล้างจาน นังพวกนั้นมันเลยแกล้งขนอะไรต่ออะไรมาให้ล้างกันมือเปื่อยเลย” หวินบ่นอุบ
“ก็จะช่วยให้คุณดาสุขสดชื่นรื่นรมย์สมอุราอะ แล้วก็สมจริงๆ”
“สมน้ำหน้าเราอะดิ”
สมรเบิ๊ดกะโหลกหวิน จิ๋ม แจ๋ว แหววกำลังแอบดู แล้วหันพยักหน้ากันแปะมือกัน
“ลุย”
สมรกับหวินกำลังจะเดินออก ประตูเปิดผาง สามสาวเดินหน้าตาเอาเรื่องสุดๆมากระจายกันดักไว้ สมรกับหวินรู้ว่าจะเจออะไร เตรียมพร้อมตั้งรับ เหลียวหาอาวุธ
“จะหาเรื่องอีกใช่มั้ย นังหมาบ้าอันธพาล” หวินด่า
“ไม่ได้หาเรื่อง” แจ๋วจ้องหน้า
“แต่จะเอาเรื่อง”จิ๋มเสริม
“เอาเลือดหัวคางคกสองตัวออกมาถูพื้นด้วย” แหววหน้าตาเอาเรื่อง
“ลุย” แจ๋วสั่งการ
สามสาวพรวดเข้าหา สมรคว้าม็อบถูพื้น หวินคว้าอีโต้ สามสาวเบรกกึก นึกไม่ถึงว่าจะเล่นของ
“เฮ้ย”
แจ๋วเตะถังขยะใบโตมาขวาง ถังล้ม ขยะกระจาย สมรกับหวินเสียหลักหวิดล้ม ทำให้อีโต้ทำท่าจะสับลง สามสาวหลบอีโต้กันพัลวันพัลเกไปมา หลบอีโต้เจอไม้ม็อบ หลบไม้ม็อบเจออีโต้ จนในที่สุด สามสาวสามารถปลดอาวุธสมรกับหวินได้ ซัดกันมือเปล่าต่อ นัวไปหมด สมรหลบออกจากฝูงมาได้ ไปที่เคาน์เตอร์ล้างจานกวาดสารพันบรรดามีที่เพิ่งล้างลงพื้นแตกกระจาย ทุกคนตกใจชะงัก สมรวิ่งไปที่ตู้เก็บจานชามเปิดตู้ ในนั้นมีจานชามมากมายหลายโหล สมรกวาดที่ชั้นนึงลงมา ประมาณสามโหล แตกกระจายเต็ม ทุกคนที่เหลือซีดกันหมด
“เฮ้ย...”
สมรกวาดอีกชั้นลงมาประมาณอีกสามโหล แตกกระจาย ทุกคนอึ้งตะลึง
“เฮ้ย”
สมรเลือดพล่าน
“จะเอาอีกมั้ย”
สมรจะกวาดอีก ทันใดนั้นเสียงศรีดังขึ้น
“หยุดนะ”
สมรกวาดลงมาอีกเป็นโหล แม้แต่ศรียังสะดุ้ง
“บอกให้หยุด ไม่งั้นฉันจะบอกคุณหญิงไล่คุณดาออกจากบ้านนี้”
สมรชะงักกึก ศรีจ้องหน้า โกรธมาก
“เธอสองคนทำเกินไปแล้ว มาอาศัยเขาอยู่แท้ๆ”
“แต่พวกมันรุมพวกเรานี่คะ” สมรเถียง
“ก็สู้กันไปสิ เรื่องอะไรมาทำลายข้าวของของเจ้าของบ้าน”
“คุณแม่บ้านอย่าเข้าข้างกันสิคะ พวกหนูสู้มันได้ที่ไหน มันพวกมากกว่า” หวินขัดขึ้น
“แต่พวกหนูมือเปล่านะคะป้าศรี พวกมันใช้อาวุธ” แหววแทรกขึ้น
จิ๋มกับแจ๋วทำท่าจะพูด ศรียกมือห้าม
“แกสามคนไม่ต้องพูด”
สามสาวหุบ ศรีบอกกับทุกคน
“ช่วยกันเก็บกวาดให้สะอาด ฉันจะดูอยู่ด้วย ใครก่อเรื่องกันอีก แม้แต่สบตากัน ฉันจะลงโทษเพิ่มขึ้นทุกคน”
ทุกคนลงมือ ศรีไปยืนดูอยู่มุมที่สะอาด สามสาวไม่วายเหล่สมรกับหวิน ศรีกระแอมเสียงดัง ทุกคนก้มหน้างุดทำงาน
เช้าวันใหม่อารดาออกจากห้อง แต่งตัวสวยงามเดินเร็วแกมวิ่ง กะจะไปดักเจตรินให้ทัน ไม่รู้ว่าตัวเองสายหรือเปล่า แล้วเห็นเจตรินรีบทำเป็นขาเจ็บมากทันที
“โอ๊ย เจตขา...ช่วยดาหน่อยค่ะ”
เจตรินเดินมาหา อารดาเกาะแขน เอนตัวแนบชิด
“ขายังเจ็บหรือครับ”
“เจ็บมากค่ะ”
“ตะกี้ผมเห็นดาวิ่ง”
“ดาถลาจะล้มอะค่ะ” อารดาแถไปเรื่อย
“อีริน่าก็เห็นค่ะ” อีริน่าเข้ามา
อารดาหันขวับ เข่นเขี้ยว เบาๆ
“ไอ้เด็กผีเจาะปาก”
อีริน่าเดินผ่านไป ห่างเจตรินกับอารดามากเท่าที่จะห่างได้ ไม่มองทั้งสองคน เจตรินถามลอยๆ
“จะไปไหน”
สะใภ้หัวแดง ตอนที่ 6 (ต่อ)
อีริน่าเดินเฉย ถือว่าไม่ได้ออกชื่อถามตัว
“จะถามทำไมคะ หน้าเจตเขายังไม่มองเลย เจตก็น่าจะทราบว่าเขาไม่อยากพูดด้วย”
อีริน่าสวนขึ้นมา
“จะไปหาที่อยู่ใหม่ค่ะ”
เจตรินตกใจ สะบัดดา พรวดตาม อารดาเกือบล้ม
“ว้าย เจต อย่าไปค่ะ มาช่วยดาก่อน”
“อีริน่า”
อีริน่าวิ่งหนีไปเลย อารดาพยายามเรียกเจตริน
“เจต”
เจตรินชะงัก ฮึดถือตัวขึ้นมาไม่ตามต่อ กลับไปหาอารดาที่มองไปทางที่อีริน่าไปหน้าตาสะใจสมใจ
อารดาเกาะแขนเจตรินเดินมาอย่างมีความสุขเข้ามาในห้องโถง ศรี สมร หวิน เข้ามา สมรกับหวินจ๋อยๆ เจตรินรู้สึกว่าศรีคงมีอะไรจะพูด
“มีอะไรหรือเปล่าครับป้าศรี”
“มีเรื่องรบกวนคุณอารดาค่ะ”
เจตรินรู้ว่าส่วนตัว จะปลดแขนอารดา
“งั้นผมไปรอที่ห้องอาหาร เสร็จแล้วพาคุณอารดาไปส่งด้วย”
อารดารั้งแขนเจตรินไว้ไม่ยอมปล่อย
“เจตอยู่ด้วยได้ค่ะ ดาไม่มีความลับกับเจต” อารดาหันไปหาศรี “พูดมาเลยจ้ะ”
“สมรทำจานแตกไปเจ็ดโหลค่ะ”
อารดาตกใจนิดๆ
“ฮะ”
อารดาจ้องสมรกับหวิน ทั้งสองหลบตา
“แน่ใจเหรอว่าสมรทำแตก แล้วทำได้ยังไงตั้งเจ็ดโหล ฟังไม่เข้าท่าเลย”
“ดิฉันเห็นกับตาค่ะ สมรตั้งใจกวาดจากตู้ลงมาค่ะ”
อารดาจ้องราวจะเผาสมรให้เป็นจุณ สมรยิ่งก้มหน้างุด
“จริงอย่างเขาว่าหรือเปล่าสมร”
“จริงค่ะ” สมรเสียงอ่อย
อารดาพูดกับศรี แบบนึกว่าเป็นจานดาดๆ
“จานอะไร ราคาเท่าไหร่”
“จานคุณหญิงสั่งซื้อจากเมืองนอกค่ะ ราคาราวๆแสนกว่าค่ะ อาจจะถึงแสนห้า”
อารดาตกใจ
“ว้าย...” เธอตั้งสติได้ “แน่ใจเหรอ ไม่ได้มั่วตั้งราคาเองนะ”
“ดิฉันเรียนถามคุณหญิงให้แน่ๆก็ได้ค่ะ นี่ยังไม่ได้เรียนท่าน”
อารดารู้นัยที่ศรีส่งมาประมาณว่าไม่รับผิดชอบฉันจะฟ้องคุณหญิง อารดาหมั่นไส้
“ถึงกับจะต้องฟ้องคุณแม่เชียวเหรอ”
“เปล่าค่ะ ก็นึกว่าคุณอยากทราบราคาจริงนี่คะ”
“แล้วยังไง”
“คุณอารดาจะให้หักเงินเดือนคนของคุณมั้ยล่ะคะ”
สมรตกใจ
“โอ๊ย หักแล้วหนูจะเอาอะไรกิน หนูทะเลาะกับนังสามคนนั้น ต้องหักมันด้วยสิคะ”
อารดาได้เรื่องละ
“อ้าวป้าศรี ป้าเป็นผู้ใหญ่แล้วนะ เด็กทะเลาะกันแล้วป้ากล่าวโทษแต่คนของฉัน มันใช้ได้ที่ไหน”
“ดิฉันแจ้งหักเงินเดือนสามคนนั้นแล้วค่ะ เหลือแต่คนของคุณ”
อารดาหน้าแตกอึ้งไป
“คุณจะว่ายังไงคะ” ศรถามย้ำ
อารดานิ่ง เจตรินตัดบท
“เดี๋ยวป้าศรีคิดเงินค่าจานแล้วแจ้งผม เรื่องตัดเงินเดือนเด็กยกเลิกทุกคนนะครับ”
“ค่ะ”
อารดาอ้อน
“ขอบคุณมากนะคะเจต เจตดีกับดาตลอดเลย”
อารดามองจ้องสมรกับหวิน รู้กัน ทั้งสองไหว้เจต
“ขอบพระคุณค่ะคุณเจต”
“ไม่เป็นไรครับ”
เจตรินพาอารดาไปต่อ พอทั้งสองลับไป สมรกับหวินมองศรีอย่างเยาะเย้ย
“ใครบางคนแถวนี้ต้องเริ่มระวังเงาศีรษะแล้วละม้าง” หวินเย้ยหยัน
สมรกับหวินหัวเราะคิกคักกัน ศรีไม่พอใจ
“ระวังกรามค้างหุบปากไม่ลงกินข้าวไม่ได้นะจ๊ะ”
ศรีเดินกลับไป สามสาวเข้ามายืนจังก้าพร้อมรบ
“คราวนี้จะลองทำของในห้องนี้แตกดูม้าย” แหววเลียนแบบหวิน
“ล้านนึงเอาไม่อยู่นะ ขอบอก” แจ๋วเยาะๆ
“แล้วอย่าคิดว่าคราวนี้คุณเจตจะช่วยได้นะ ขอบอก” จิ๋วเย้ย
แจ๋วจ้องหน้าเอาเรื่อง
“แค่เสียงแตกเพล้งเดียว คุณหญิงมาเองเรย...ไม่ต้องรอยกโหล”
แหววมองหน้าสมรกับหวิน
“อยากให้เจ้านายแกเด้งไปจากบ้านนี้แบบเก็บเสื้อผ้ายัดใส่กระเป๋าไม่ทันก็ลองดู๊...”
สามสาวหัวเราะกัน สมรกับหวินหุบปากเงียบ คุณหญิงศรินทิพย์เข้ามามองไม่ได้ยินว่าพูดอะไรกัน
“มาชุมนุมอะไรกันแถวนี้”
ทั้งหมดพูดพร้อมกัน
“เปล่าค่ะ”
“โกหก พร้อมใจกันตอบแบบนี้ต้องมีเรื่อง”
“ไม่มีค่ะ”
“นังพวกกะล่อน มะกอกสามตะกร้าปาไม่ติด”
คุณหญิงศรินทิพย์เดินไปไม่อยากเอาเรื่อง แจ๋วโล่งอก
“เกือบไปแล้วมั้ยล่ะ”
จิ๋มหันมาบอกสมรกับหวิน
“ไปรับใช้คุณๆสิ ไปสำนึกบุญคุณคุณเจตซะ”
สามสาวไปออกไป สมรกับหวินแยกเขี้ยวใส่ตามหลัง
อีริน่ามาหาจีรณัทย์ที่คอนโด
“รอแป๊บนะจ๊ะ พี่เก็บของแป๊บเดียว”
จีรณัทย์เห็นอีริน่าหน้าตาหมองๆ
“เอ๊ะ อีริน่าเกิดอะไรขึ้น หน้าหนูเศร้ามาก”
“ไม่มีอะไรค่ะ อีริน่าคิดถึงปาปากับแม่พริมค่ะ”
อีริน่าถอนใจ พูดไม่ออก จีรณัทย์มองแล้วไม่เชื่อ อีริน่าแอบกรีดน้ำตา
พงษ์ธรกับจิตรดารายังไม่ตื่นนอนกอดกัน สักครู่เสียงปลุกจากมือถือของพงษ์ธรดัง เขาตื่น ปิดเสียง จิตรดารางัวเงียตื่น
“โอย...กี่โมงแล้วคะ สายแล้วแน่ๆ”
“ครับ ก็เมื่อคืนจิตเล่นเต้นระบำมาเลิกจนตีสองตีสาม”
“แหมก็เต้นกับคุณมันสนุกนี่นา”
จิตรดาราร่าเริงไปห้องน้ำ พงษ์ธรเดินไปล้วงซองยาเสพติดออกมาจากกระเป๋าเสื้อนอกยิ้มร้าย
“แล้วคุณจะต้องเป็นทาสผมตลอดไป จิตรดารา”
พงษ์ธรรินเครื่องดื่มใส่สองแก้ว เอาเกล็ดยาเสพติดใส่ลงไปในแก้วหนึ่ง
อีริน่าเล่าเรื่องราวให้จีรณัทย์ฟัง จีรณัทย์จึงพาอีริน่ามาที่บ้านกมลกันต์
“คุณหญิงดีขึ้นเร็วมาก อีกไม่กี่วันหมอให้กลับมาพักที่บ้านได้” นายพลกันต์บอก
“ดีใจจังค่ะ จีมีพยาบาลชั้นดีเสนอให้ดูแลคุณแม่ค่ะ”
กันต์กับกมลกันต์มองเชิงถาม
“คนนี้ไงคะ ได้ตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง”
“พ่อจ้างพยาบาลพิเศษตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมงแล้ว หนูอีริน่านี่มาเยี่ยมให้กำลังใจให้คุณหญิงหายเร็วๆก็พอ”
กมลกันต์รู้สึกว่าอีริน่าน่าจะมีเรื่อง
“มีอะไรมากกว่านั้นหรือเปล่าอีริน่า”
อีริน่ามองจีรณัทย์ ไม่กล้าพูดเอง จีรณัทย์หันไปหากมลกันต์
“มีค่ะ จีอยากขออนุญาตให้อีริน่ามาพักที่นี่สักพักค่ะ”
นายพลกันต์เดาได้ว่ามีปัญหา
“พ่อไม่ขัดข้อง ดีกับคุณหญิงเสียอีก คุณหญิงต้องหายเร็วแน่ๆ แต่หนูต้องคิดให้รอบคอบนะอีริน่า อย่าเอาแต่อารมณ์ ตัดสินใจ อะไรต้องมีสติด้วย”
ทุกคนเงียบกันไป
จิตรดารากับพงษ์ธรแต่งตัวเสร็จแล้ว กำลังจะออกจากห้อง จิตรดาราดื่มน้ำในแก้วที่ใส่ยา พงษ์ธรมองอย่างสมใจ จิตรดาราดื่มเสร็จ พงษ์ธรโอบประคองออกไป
“ไปครับ”
จิตรดารายิ้มหวานให้ พงษ์ธรยิ้มตอบ ดูรักกันมาก
คุณหญิงศรินทิพย์กับอารดาเดินปร๋อไม่มีอาการเจ็บปวดใดๆเข้าไปห้องหนึ่งสองคนหัวเราะสะใจกัน
“แผนของหนูดาได้ผลจริงๆ นังหัวแดงมันเปิดออกไปแต่เช้าเลยเหรอ”
“ค่ะคุณแม่ มันน่าจะไปหาที่อยู่ใหม่ค่ะ”
คุณหญิงศรินทิพย์หยุดกึก แต่ไม่แสดงอะไรมากกว่านั้น
“จริงหรือ”
“มีอะไรคะคุณแม่”
คุณหญิงศรินทิพย์ไม่อยากบอกอารดาว่าตัวเองคิดอะไร
“เปล่าจ้ะ”
“มันไปซะได้ก็ดีนะคะ หมดเสี้ยนหนามซะที”
“อือม์...” คุณหญิงศรินทิพย์นึกอะไรได้ “เอ๊ะ นี่ยายจิตยังไม่กลับอีกเหรอ”
“ยังค่ะ”
คุณหญิงศรินทิพย์รับทราบ แยกไปหยิบอะไรด้านหนึ่ง อารดาไม่ตามไปมองตามรู้สึกว่าคุณหญิงศรินทิพย์มีอะไรปกปิด
ในร้านอาหารทะเลหรู...พงษ์ธรกับจตรดารากินอาหารเสร็จแล้ว พนักงานกำลังเก็บจาน จิตรดารากระสับกระส่ายอยากยา แต่ไม่รู้ตัว
“เรารีบกลับโรงแรมได้ไหมคะ จิตรู้สึกไม่สบายค่ะ”
พงษ์ธรรู้ว่าจิตรดาราอยากยา
“ครับ แต่วันนี้อากาศดีนะ ไหนจิตบอกว่าอยากเล่นสกีไงครับ”
“กลับโรงแรมก่อนเถอะค่ะ จิตอยากพัก แล้วบ่ายๆค่อยดูอีกทีค่ะว่าจิตจะยังอยากเล่นหรือเปล่า”
“ก็ได้ครับ...น้องเช็คบิลครับ”
พงษ์ขับรถไปเรื่อยตามถนนริมทะเลแบบแสร้งจะเอาใจจิตรดาราให้ชมวิว
“ขับเร็วหน่อยค่ะ จิตอยากถึงโรงแรมเร็วๆ”
“ผมว่าจิตไม่สบายแน่ๆ ไปโรงพยาบาลก่อนดีไหมครับ”
“จิตอยากนอนค่ะ”
“อย่าดื้อนะครับคนดี ไปโรงพยาบาลนะครับ”
จิตรดารากระสับกระส่าย
“ก็ได้ค่ะ”
พงษ์ธรพาจิตรดารามาตรวจที่โรงพยาบาล...จิตรดาราตกใจมาก พงษ์ธรแสร้งตกใจ
“อะไรนะคะ หนูมีสารเสพติดในร่างกาย”
“ผลตรวจปัสสาวะออกมาอย่างนั้น แต่อาจไม่ใช่สารเสพติดที่มาจากยาเสพติดโดยตรงเสมอไปนะครับ หากคุณไม่ได้เสพยาก็ไม่ต้องวิตกครับ”
พงษ์ธรแสร้งปั้นเรื่อง
“น้องเขาป่วยอยู่ครับ เป็นไปได้มั้ยครับที่จะมาจากยาที่เขาทาน”
“ก็เป็นไปได้ครับ”
จิตรดารางงๆอึ้งๆ ไม่ได้ป่วย ไม่ได้กินยาอะไรเลย แต่ก็ไม่พูด กลัว
พงษ์ธรกับจิตรดาราอยู่ในห้องพักของโรงแรม
“ไม่จริงอะ จิตไม่เคยเสพยา”
พงษ์ธรทำเป็นคนดี
“จิตครับ เรารักกันนะครับ ผมพร้อมช่วยจิต จิตอาจไม่ได้เสพยาโดยตรง แต่จิตลองคิดดูว่าเป็นไปได้มั้ยที่เพื่อนจิตจะให้จิตกินหรือดื่มอะไรตอนไปเที่ยวกันน่ะครับ”
จิตรดาราอึ้งไปชั่วครู่
“ก็เป็นไปได้ค่ะ”
“นั่นไง จิตอาจรับยาเข้าไปทีละนิดหน่อย กว่าจะรู้ตัวก็ติดไปแล้ว”
“แล้วจิตจะทำไงล่ะคะ คุณแม่พี่เจตรู้เข้าจิตตายแน่” จิตรดารากลัว
“ไปบำบัดมั้ยครับ” พงษ์ธรหยั่งเชิง
“ไม่ จิตไม่เคยหายไปจากบ้านนานๆ ความแตกแน่ค่ะ”
“จิตคิดดูก่อนก็ได้ครับ ระหว่างนี้จิตอยากให้ผมช่วยอะไรก็บอกนะครับ ผมพร้อมเสมอ”
“ถ้าจิตติดยาจริงๆล่ะคะ”
“ผมพร้อมจะช่วยทั้งทำให้จิตหาย ทั้งทำอะไรอื่นที่จิตต้องการครับ แค่จิตออกปากมาแค่นั้น”
จิตกอดซบพงษ์ธร
“ขอบคุณนะคะ จิตรักคุณที่สุดเลยค่ะ”
พงษ์ธรยิ้มร้าย นึกถึงก่อนหน้านี้ที่โรงพยาบาล...พงษ์ธรอยู่กับหมอแค่สองต่อสอง
“น้องสาวผมไม่สบายครับ แต่ผมสงสัยว่าน้องผมจะโดนเพื่อนหลอกให้เสพยาเสพติดครับคุณหมอ คุณหมอช่วยตรวจปัสสาวะหาสารเสพติดด้วยนะครับ”
“ได้ครับ แต่ไม่ใช่ว่าตรวจเจอแล้วจะหมายถึงน้องคุณเสพยาเสพติดเสมอไปนะครับ”
“ผมเข้าใจครับ”
พงษ์ธรยังยิ้มร้าย จิตรดารายังกอดซบเขาอยู่
จีรณัทย์ขับรถเข้ามาจอดหน้าบ้านเจตริน
“คุยกันดีๆนะจ๊ะอีริน่า ทั้งกับคุณแม่ทั้งกับเจต สรุปได้หรือไม่ได้ยังไงก็โทรบอกพี่”
“ค่ะ หนูจะทำให้ดีที่สุดค่ะ ไม่ให้ทางบ้านคุณตาคุณยายเสียหาย”
“คุณตาคุณยายไม่กลัวเสียหายจ้ะ ท่านพร้อมจะช่วยอีริน่าอยู่แล้ว แต่ที่พี่พูด หมายถึงใจของอีริน่าเอง ถามใจตัวเองให้ดี โดยเฉพาะที่เกี่ยวกับเจต อีริน่าจะตัดใจจากเจตได้แน่หรือเปล่า”
อีริน่าอึ้งมาก ทั้งอึ้งทั้งเขินที่จีรณัทย์รู้ใจพูดแทงใจดำ
“ความรักเป็นเรื่องละเอียดอ่อนแต่มีพลังมากนะอีริน่า ถึงเราจะไม่ยอมเปิดใจ แต่ความรักก็สามารถเปิดใจเราได้เอง”
อีริน่านิ่ง ใจแทบละลายกับคำพูด อีริน่าตาวาบประกายรักและคิดถึงเจตริน
ในร้านกาแฟ...อิฐถือกาแฟเดินมา เจตรินนั่งหน้านิ่งๆ ตรงหน้ามีถ้วยกาแฟ 5-6 ถ้วยที่ดื่มหมดแล้ววางอยู่ อิฐวางถ้วยกาแฟลงตรงหน้าเจตรินแล้วนั่งลง เจตรินมองกาแฟถ้วยใหม่นิ่งอยู่ ยังไม่ดื่ม อิฐมองด้วยความหมั่นไส้สักครู่
“จะพูดได้หรือยัง นายนั่งเป็นใบ้มาหลายชั่วโมงแล้วนะ”
เจตรินมองเขม่น แต่ยังนิ่ง อิฐเขม่นตอบแบบไม่จริงจังอะไร
“นายทำให้ประเทศชาติเสียหายนะเว้ย เอามันสมองชั้นเลิศของชาติอย่างฉันมานั่งหายใจทิ้งดูนายกินกาแฟจะครึ่งวันแล้วเนี่ย”
“นายวิ่งเป็นหนูถีบจักรตั้งแต่วันจันทร์ถึงศุกร์แล้วก็พักซะมั่งสิ นั่งนิ่งๆ ให้เกิดปัญญาสมาธิไงล่ะ”
อิฐหัวเราะชอบใจ
“นั่น...นั่น... เลิกเป็นเตมีย์ใบ้ก็เทศน์เลยนะหลวงพี่แล้วนายน่ะนั่งนิ่งมาชาตินึงแล้ว เกิดปัญญาสมาธิเห็นทางดับทุกข์รึยังล่ะ หน้าตายังเป็นปลาอานนท์แบกโลกอยู่เลย”
“ยังไม่เห็นแม้แต่แสงว่างที่ปลายอุโมงค์”
“ก็เล่ามาสิวะว่ามีปัญหาโลกแตกอะไร”
อีริน่ากับแหวว นั่งอยู่ริมทางเดินนอกกำแพงบ้านเจตริน
“คุณอีริน่า จะกลับไปมอสควายจริงๆหรือคะ”
“มอสโคว์ ไม่ใช่มอสควาย ฉันคิดถึงแม่กับปาปา”
“เอ้อ แต่คุณแต่งงานกับคุณเจต แล้วตัดสินใจมาเมืองไทยแล้วนะคะ”
อีริน่าอึ้งไปครู่หนึ่ง
“เป็นเพราะฉันเห็นแก่ตัว ฉันเอาเปรียบปาปากับแม่พริมเกินไป ฉันไม่ควรทิ้งท่านทั้งสองไว้ตามลำพัง ฉันไม่ควรตัดสินใจแต่งงานกับคุณเจต เพื่อเอาตัวรอดเพียงลำพัง”
“โธ่ ไม่รักคุณเจตรินแล้วเหรอ”
อีริน่าเงียบไป
“ฉันมีหน้าที่ต้องรักและตอบแทนพระคุณพ่อแม่ ฉันสมควรกลับมอสโก”
“แหววไม่อยากให้คุณกลับเลยค่ะ”
“ฉันจะกลับ ใครก็ห้ามฉันไม่ได้ และฉันคงจะคิดถึงแหว จิ๋ม แจ๋วและป้าศรีมาก”
“พวกเราสี่คนก็คงคิดถึงคุณอีริน่ามากค่ะ”
อีริน่าแอบถอนใจ น้ำตาพาลจะไหล แต่พยายามฝืนสะอื้น
อีริน่าเดินเข้ามาในบ้านแล้วชะงัก คุณหญิงศรินทิพย์ยืนมองเข้มอยู่
“ได้ยินว่าหล่อนปีกกล้าขาแข็งบินได้ไกลจะไปหาที่เกาะใหม่แล้ว”
อีริน่ารู้ว่าใครบอก แต่ยังไม่ทันพูดอะไร อารดาเข้ามา
“ก็มันสูบเงินเจตไป จนชาตินี้ใช้ไปฉีกทิ้งไปก็ยังไม่หมดแล้วนี่คะคุณแม่”
อีริน่าตวัดตามองอารดาอย่างไม่พอใจ แต่ยังพยายามสำรวม อารดามองตอบแบบข่มและท้าทาย คุณหญิงศรินทิพย์จ้องหน้าอีริน่า
“ว่ายังไง...แกสูบลูกชายฉันไปกี่สิบล้าน หรือว่าร้อยล้านแล้ว นังเหลือบยักษ์”
“อันนี้น่าจะลองไปถามคุณเจตดูเถิดค่ะ ว่าหมดหรือยังเพราะเขาเป็นเจ้าของเงิน”
“ต๊ายแกบังอาจมาย้อนฉัน มารยาททรามมาก แทนที่จะตอบคำถามฉันว่าแกจะไปหาที่สูบเลือดที่ไหนต่อ”
“ยังอยู่ระหว่างตัดสินใจค่ะว่าที่ไหนเหมาะสม แบบที่ที่มีเงินทองเยอะแยะและเป็นเลือดดีค่ะ แต่ถ้าเป็นเลือดไม่ดีสูบไปแล้วเป็นพิษภัยต่อตนเอง”
อารดาสีหน้ายินดีมาก คุณหญิงศรินทิพย์โกรธ
“ดูปากมันสิคะคุณแม่ ดารู้แล้วค่ะมันจะไปสูบเลือดยัยคุณหญิงพรรณรายหน้าโง่”
“ขอบคุณที่ชี้แนะให้เกิดทางเลือกค่ะ”
คุณหญิงศรินทิพย์แปลกใจกึ่งๆทึ่ง แต่รักษาสีหน้า อีริน่ากัดอารดาโดยไม่มอง
“ฉันไม่มีนโยบายหอบกระเป๋าเข้าบ้านผู้ชายรวยเพื่อกอบโกยทรัพย์สมบัติของเขาหรอกค่ะ และตอนที่ยอมแต่งงานกับคุณเจต ที่หน้าเขาก็ไม่มีตราประทับว่ารวยค่ะ”
อารดาเจ็บจี๊ด
“อ๊าย นังหน้าซื่อใจคด นังโสเภณีขอทานข้างถนน แกฉกเจตไปจากฉันน่ะ ก็เพราะแกหวังกอบโกยเขา พอกอบโดยได้สมใจแล้ว แกก็จะไปหาที่กอบโกยใหม่”
อีริน่าสวนทันที
“พูดผิดพูดใหม่ได้นะคะ หน้าซื่อใจคดน่ะใครบางคนต่างหาก ใครกันแน่ที่พ่อล้มละลาย เลยคิดจะมากอบโกยอะไรแถวนี้ พูดใหม่ด้วยว่าคุณเจตรินฉกฉันตะหาก แล้วถ้าเขาไม่รักฉัน เขาจะฉกฉันมาชนิดสายฟ้าแลบเหรอคะคุณ และมีบางคนกำลังใช้นโยบายฉันรักผัวเขา หอบผ้าหอบผ่อนพกความริษยามาเต็มล้นกระเป๋า”
คุณหญิงศรินทิพย์เริ่มคิดหนักเรื่องอารดา ขณะที่อารดาปรี๊ดโกรธอีริน่ามาก ผวามาจะตบ อีริน่าเอาศอกกันไว้แล้วดันดาเซไป แหววแอบมองหัวเราะชอบใจ
“หน้าแหกไปเลย”
อารดาโกรธมาก
“แก...นังมารพ่นสารพิษเลวร้าย จะไปอยู่ที่ไหนก็รีบๆไปซะ”
“ใครกันแน่ที่มาจากไหนกลับไปทางนั้น ช่างกล้าไล่ภรรยาเขาออกจากบ้านสามี ขอโทษ...ใช้รองพื้นอย่างหนาตราช้างอาฟริกา”
อารดาเนื้อเต้นโกรธจัด
“โอ๊ย...ทนไม่ได้แล้ว มันสัญชาติกุ๊ย มันด่าเก่งกว่าผู้ดีอย่างเราค่ะ มันหน้าด้านมาก คุณแม่ไล่มันสิคะ”
“แต่มันก็พูดถูกนะ ว่าบ้านนี่ของเจตเขา เราไล่มันไม่ได้” คุณหญิงศรินทิพย์ลังเล
“อ้าวคุณแม่ ทำไมกลับลำกันง่ายๆคะ”
อารดาเดินปึงๆ ไปอย่างไม่สบอารมณ์ คุณหญิงศรินทิพย์ไม่สนใจอารดา อีริน่ามองคุณหญิงศรินทิพย์อย่างไม่เข้าใจนึกว่าคุณหญิงศรินทิพย์จะอยากไล่ออกจากบ้าน
“นี่แกมาอาศัยอยู่กินสุขสบายที่บ้านฉัน พอมีที่ใหม่ดีกว่าจะถลกก้นไป โดยไม่คิดตอบแทนบุญคุณเจ้าของบ้านหรือไง”
“คุณหญิงจะให้หนูตอบแทนอะไรคะ หนูยินดีค่ะ”
“เธอเคยรับปากฉันว่าจะทำทุกอย่างตามที่ฉันต้องการไง”
อีริน่านิ่งไป รู้ว่าจะเจออะไร
“เอ้อ”
แหววแอบมองใจเสียแทนแอบบ่น
“แย่แล้วคุณอีริน่า กำลังโดนบังคับทางอ้อมโดยไม่มีทางปฏิเสธ”
ในร้านกาแฟ...เจตรินถอนใจเฮือก
“อีริน่าตัวคนเดียว นายพรากเขามาจากพ่อแม่เขา พามาอยู่เมืองไทยแล้วนายตัดขาดเขาแบบนี้ มันแย่นะเว้ย” อิฐต่อว่า
“นายอย่าเว่อร์ ฉันไม่ได้ตัดขาด แต่ฉันรับไม่ได้ที่เขาไม่รู้จักเด็กไม่รู้จักผู้ใหญ่ ไม่เคารพแม่ฉัน”
“ไม่แปลกใจหรือว่าทำไมเขาจึงทำ หาเหตุผลเป็นไหม แต่ก็ดีนะถ้านายจะเลิกกับเขา...”
เจตรินอึ้งไปสับสนจริงๆไม่อยากเลิกกับอีริน่า
“ฉันกำลังสับสน”
“ถ้านายเลิก...ฉันจะเสียบเข้าไปแทนที่นายให้อีริน่าพิจารณา”
“เดี๋ยวตาหลุดไอ้เพื่อนทรยศ จ้องจะตีท้ายครัวชาวบ้าน” เจตรินแกล้งดุ
“ไม่ได้ตีท้ายครัวชาวบ้านที่มั่นคง ฉันตีเฉพาะท้ายครัวของครัวโง่ๆที่แกกำลังจะตีมันให้แตกเองต่างหาก”
“ไอ้บ้า เมียฉันทั้งคน ไม่ยกให้ใครง่ายๆหรอก” เจตรินขำๆ
“วัวหวงรางหมาหวงก้างนี่หว่า”
“ปัญหาของฉันกับอีริน่า ฉันแก้กันเอง แกไม่ต้องมาทำตัวเป็นผู้หวังดี แต่ประสงค์จะแย่งเมียฉัน”
อิฐเงียบไป
อีริน่าทำงานอยู่ในบ้าน แหววย่องมองซ้ายมองขวามาพยายามแอบช่วย สองคนหอบแฮ่ก หมดแรงนั่งพัก
“โอ๊ย แหววเหนื่อยแทนค่ะ”
“ขอบใจที่มาช่วย ตอนนี้ขอพักก่อนสักแป๊บ”
คุณหญิงศรินทิพย์กับอารดาเข้ามา
“ทำงานนิดหน่อยแค่เนี้ยบ่น ทำต่อไปเดี๋ยวนี้นะ”
คุณหญิงศรินทิพย์มองแหวว
“เอ๊ะ นังแหวว นี่แกแอบมาช่วยมันหรือ อย่าทีเดียวนะ แกกินเงินเดือนฉันหรือกินเงินเดือนมัน”
“แหววเอ้อ...แค่ผ่านมาคะ...แวะมาเอ้อมาควบคุมการทำงานค่ะ”
อารดาชี้หน้า
“โกหก...จำไว้นะนี่คือคำสั่งคุณแม่ ห้ามหาตัวช่วย ห้ามพักเกินห้านาที”
“งานนี่มันตั้งเยอะแยะ ทำมาหลายชั่วโมงไม่ได้หยุดเลย นี่คนนะคะไม่ใช่หุ่นยนต์ แต่ถึงเป็นหุ่นยนต์ถ้าเปิดเครื่องใช้งานหนักมันนานๆ มันก็พังได้เหมือนกัน” อีริน่าแย้ง
คุณหญิงศรินทิพย์ตวาด
“ไม่ต้องตีฝีปาก ทำงานต่อ”
อีริน่าไม่ยอม
“ไม่ค่ะ...หนูจะพักก่อน หายเหนื่อยแล้วถึงจะทำต่อ”
“พูดอย่างนี้อวดดีกับคุณแม่ นี่ไปทำงานเดี๋ยวนี้” อารดาสวน
อีริน่ามองหน้า
“ไม่ค่ะ คุณเป็นแค่คนอาศัยบ้านนี้ ไม่มีสิทธิ์มาสั่งฉัน”
อารดาโกรธ
“อ๊าย นังปากหนอนบุ้งเน่า คุณแม่ฟังมันสิคะมันกำเริบขึ้นทุกวัน”
“อย่ามาบ่น ฉันสั่งให้ไปทำงานต่อเดี๋ยวนี้” คุณหญิงศรินทิพย์สั่งเสียงเข้ม
อีริน่าแย้ง
“แต่หนูทำมานานแล้ว หนูขอพักก่อนค่ะ ถ้าคุณหญิงไม่ให้พักหนูถือว่าหนูถูกกระทำทารุณกรรม หนูจะร้องเรียนกรมแรงงาน ร้องเรียนสำนักงานสิทธิมนุษยชน ร้องเรียนสหประชาชาติ ร้องเรียน...”
คุณหญิงศรินทิพย์สวนขัดขึ้น
“พอๆ ขืนฟังแกสาธยายฉันแสบหูปวดหัวตายพอดี ฉันให้พักได้ห้านาที”
“หนูขอพักครึ่งชั่วโมงค่ะ ห้านาทีจะทานข้าวด้วยยังไม่ได้เลยหรือคุณหญิงจะให้หนูอดข้าว หนูจะได้ฟ้อง...”
คุณหญิงศรินทิพย์แหวขึ้น
“เอาละเอาละ...จะไปกินข้าวที่นรกไหนก็ไป แต่วันนี้งานต้องเสร็จทั้งหมด”
คุณหญิงศรินทิพย์ยัวะปึงๆไป อารดายังมองเอาเรื่อง อีริน่าแกล้งเอาม็อบจุ่มน้ำสะบัดไปทางอารดา
“ว้าย”
อารดาจะเข้าไปเอาเรื่อง อีริน่ากับแหววยกม็อบขึ้นพร้อมกัน แบบเข้ามาเละแน่ อารดาชะงักไม่กล้า
“ไอ้พวกหนังหนา...บ้า...ขี้เรื้อน ระวังเงาหัวไว้เหอะ”
อารดาเดินออกไป อีริน่ากับแหววหัวเราะกัน
“นึกว่าจะแน่”
“เจอนี่...” อีริน่ายกม็อบสูง “เผ่นแน่บ...เฮ้ย”
อีริน่าโดดโหยง น้ำที่ผ้าม็อบไหลใส่ศีรษะ สองคนหัวเราะขำกัน
“ยังไม่ทันให้ทุกข์แก่ท่านเลย ทุกข์นั้นถึงตัวซะก่อนและ” แหวนบอกขำๆ
อีริน่าไล่ตีแหวว หัวเราะกัน
อารดาปึงๆเข้าห้อง สมรกับหวิน กำลังจัดห้องอยู่วางมือรีบมาสอพลอ
“นังบ้านั่นมันหนังหนาหน้าด้านปานหนังช้างสุดๆค่ะ ทำยังไงมันก็ไม่หายด้าน” อารดาบ่นอย่างเจ็บใจ
“เราใช้วิธีมาตรฐานดั้งเดิมไม่ได้แล้วค่ะ ต้องเติมความเข้มข้น หาเรื่องมันด่าๆมัน ใส่ร้ายมันให้หนักแบบว่าเราหน้าด้านกว่าค่ะ” หวินยุ
สมรหันไปต่อว่าเพื่อน
“แกหาว่าคุณดาหน้าหนากว่าหนังช้างหรือนังหวิน”
“ต๊ายนังหวิน” อารดาจี๊ด
“อย่าเข้าใจผิดค่ะ หวินแค่ยกตัวอย่างประกอบ เราน่ะหวินหมายถึงนังหมอนค่ะ หวินว่าเรามาใช้ทูอินวันค่ะด่าแล้วก็ตบๆมัน”
สมรเสริม
“แถมต่อยมัน เตะมัน กระทืบมัน ด้วยค่ะ”
สองสาวจะพูดต่อ อารดาห้าม
“แกสองคนยิ่งพูดฉันยิ่งปวดประสาท แกกล้าแกทำไปเลย”
สองคนหน้าเหวอ
“อ้าว เราไม่ค่อยจะกล้านะคะ”
อารดาตบหน้า สองคนจ๋อย
อีริน่ายังนั่งพักอยู่ แหววโผล่หน้าย่องเข้ามายื่นอาหารใส่กล่องมาให้
“อาหารค่ะ คุณอีริน่า”
อีริน่ามองด้วยความซาบซึ้ง
“ขอบใจมากแหวว ทานด้วยกันสิ”
“แหววจะไปกินตรงโน้น ดูต้นทางไปด้วยเผื่อมีอะไรจะได้แอบสกัดกั้นทันค่ะ”
“แหววช่างมีน้ำใจกับฉันเหลือเกิน ทั้งบ้านมีแต่พี่จีกับแหววกับพวก ในครัวนี่แหละที่ดีกับฉัน นอกนั้นเขามองฉันเหมือนไม่ใช่คน”
“เว้นคุณเจตด้วยสิคะ คุณจีเธอแอบสั่งไว้ค่ะว่า เธอไม่ได้อยู่ปกป้องคุณอีริน่า ให้แหววคอยดูแลด้วยค่ะ”
“พี่จีเธอแสนดี มีน้ำใจ”
“ผิดน้องผิดแม่แท้ๆนะคะ”
“พอแหวว อย่านินทาพวกเขา”
“ก็มันน่านะคะ นับปะสาอะไรกับทำร้ายคุณอีรินา คุณจีลูกแท้ๆเธอยังเล่นงาน คอยดูเถิดคุณอารดาเธอก็ไม่ไว้หรอกค่ะ เธอหลอกใช้ให้คุณอารดาเล่นงานคุณอีริน่า แล้วเธอก็สวมบทแม่พระโชว์ลูกชายให้หมางเมินกับคุณอีริน่า”
“ฉันจะพิสูจน์ตัวเองให้ได้ ว่าฉันไม่ได้เป็นอย่างที่เขาเข้าใจ แหววรีบไปเถิดจ้ะ”
แหววพยักหน้า อีริน่านั่งกินข้าวเงียบๆ
จบตอนที่ 6