xs
xsm
sm
md
lg

พ่อไก่แจ้ ตอนที่ 7

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


พ่อไก่แจ้ ตอนที่ 7

วันต่อมาที่สถานีตำรวจ ทนายกับอาทิตย์เดินสง่ามาบนโรงพัก พวกตำรวจหันมา

“อ้อ อยู่พอดีเลย คุณตำรวจที่ไปเชิญผมถึงบ้าน นี่ครับ วันนี้ผมพาทนายของผมมาละ”
ตำรวจยังอึ้ง
“มาครับ คุณตำรวจ ตกลง คุณจะแจ้งคดีอะไรกันแน่ แต่ผมว่ามันน่าจะเป็นแค่ทะเลาะวิวาทมากกว่านะ ปรับแค่คนละไม่กี่ร้อยก็จบละมั้ง”
“ทะเลาะวิวาทยังไง ก็ในเมื่อคุณอาทิตย์เป็นฝ่ายกระทำคุณกิตติอยู่ข้างเดียว”
“นี่ครับ ผมได้คลิปวิดีโอทั้งหมดมาละ พวกคุณสมควรรีบดูเลย ไม่งั้นเราคงคุยกันไม่รู้เรื่องแน่”
“คลิป ก็จากโรงแรมของเพื่อนคุณ พยานทั้งหมดก็คือเพื่อนคุณทั้งกลุ่ม อย่างนั้นใช่ไหม”
“ไม่ใช่ค่ะ” เสียงมัทนีดังขึ้น ตำรวจมองไปทางมัทนี หน้าตาแปลกใจ อาทิตย์งงๆ อึ้งๆ มึนๆ หันไป “นายอาทิตย์กับนายกิตติเขาวิวาทกัน หลังงานแต่งงานของญาติดิฉันเองค่ะ ดิฉันอยู่ร่วมในเหตุการณ์ด้วย คุณตำรวจคงทราบ ว่าดิฉันไม่ได้เป็นเพื่อนของนายคนนี้ แต่ดิฉันจะมาขอให้การในฐานะพยานคนนึงค่ะ”
อาทิตย์เซอร์ไพร้สมาก ทนายดีใจ มัทนีไม่มองหน้าอาทิตย์ แต่มองตำรวจอย่างจริงจัง

มัทนีกำลังเดินออกมาหน้าโรงพัก รถอาทิตย์ขับตามมา
“มัทนี คุณมัทนี”
มัทนีหันมา
“มีอะไรอีกล่ะคะ ฉันก็พูดในสิ่งที่ควรพูดให้คุณตำรวจบันทึกปากคำไว้เป็นหลักฐานหมดแล้วนี่”
“ผมอยากจะ ขอบคุณ”
“อ๋อ ไม่เป็นไร ฉันทำลงไป ไม่ใช่เพื่อคุณ แต่เพื่อต่อต้านการกระทำที่รุนแรงต่อผู้หญิง ที่นายกิตติทำภรรยาของเค้า”
“โอเค เข้าใจ แต่ก็ต้องขอบคุณ เพราะสิ่งที่คุณทำมันเป็นผลดีต่อผมมาก ประกอบกับภาพในคลิปวิดีโอวงจรปิดต้นฉบับทั้งหมด ทำให้ตำรวจยอมเปลี่ยนข้อหาที่เค้าตั้งกับผม ไปเป็นวิวาทและทำร้ายร่างกาย”
“ซึ่งมันก็คือความจริง แล้วมันก็ถูกต้องแล้ว ฉันก็แค่มาเล่าความจริง เท่านั้นเอง”
“แต่คุณก็อุตส่าห์เสียเวลามา”
“อ๋อ พอดี ฉันเผอิญผ่านมาแถวนี้”
“แล้วนี่ คุณจะไปไหน แล้วรถล่ะครับ”
“ฉันไม่ได้เอารถมา เพราะเห็นว่ารถมันติดมากเลยมารถใต้ดิน แล้วนี่ก็จะกลับรถใต้ดิน สะดวก รวดเร็วดีที่สุดแล้วในชั่วโมงนี้”
“แหม รีบอธิบายละเอียดเชียวนะ กลัวผมจะไปส่งเหรอ”
“ทำไมจะต้องกลัว คุณถามมา ชั้นก็ตอบไป ก็แค่นั้น”
“ผมหิว”
“ใครถาม”
“ผมปรึกษา คือผมหิว อยากไปกินอะไรใกล้ๆ แถวนี้ ผมอยากชวนคุณกินด้วย” อาทิตย์ดูนาฬิกา “นี่มันอยู่ในช่วงพักเที่ยง คุณไม่น่าจะรับประทานอะไรมาก่อนนะ ผมว่า...”
อาทิตย์ทำหน้าอ้อนวอน น่าสงสาร มัทนีอึ้ง

อาทิตย์และมัทนีเดินอยู่สวนสาธารณะสวยๆ ร่มรื่นกลางเมือง ทั้งสองถือแซนวิช และมีแก้วกระดาษใส่เครื่องดื่มมาด้วย ทั้งคู่เดินเคียงกันมาตามทางเดินที่มีต้นไม้สวยๆ อาทิตย์แทะแซนด์วิชของตนตุ้ยๆ เต็มปาก ท่าทางสบายๆ มัทนีค่อยๆ กิน แต่ก็มองรอบๆ อย่างรู้สึกว่าสบายดี
อาทิตย์เคี้ยวกลืนและดื่มน้ำจากหลอด แล้วสูดลมหายใจอย่างสดชื่น
“วันนี้ไม่ยักร้อนมากเท่าไหร่เนอะ โชคดีจัง”
“เพราะที่นี่ต้นไม้เยอะมั้งคะ”
“นั่นสิ ถ้ากรุงเทพมีสวนแบบนี้อีกเยอะๆ ก็ดี”
“เอาสนามเด็กเล่นเยอะๆ ด้วย”
อาทิตย์หันมามองมัทนี นึกสนุกไปด้วย
“เอาแบบที่มีของเล่นเยอะๆ นะ แล้วของเล่นแข็งแรงๆ ทนๆ ไม่พังง่ายด้วย”
“เอาชิงช้าเยอะๆ ทุกคนได้เล่นกันอย่างทั่วถึง ไม่ต้องแย่งกัน”
“ผมชอบที่สำหรับปีน อะไรก็ได้ ที่เราปีนได้ เอาเป็นเรือของโจรสลัดก็ดีนะ เป็นเชือกมั่ง เป็นขั้นๆ มั่ง เป็นเสาสูงๆ มั่ง”
“แต่ชิงช้า ต้องมีอันเล็กของเด็กเล็กๆ แล้วก็มีอันใหญ่ของเด็กที่โตขึ้นมาหน่อย”
อาทิตย์หันมองอีก ขำๆ
“ทำไมคุณดูฝังใจกับชิงช้าจัง”
“ที่โรงเรียนชั้น มีชิงช้าน้อย เวลาจะเล่นต้องไปเข้าคิว ได้เล่นคนละ 10 ที แล้วก็ต้องลง ให้คนอื่นเล่นต่อ แล้วก็มาต่อแถวรอเล่นใหม่ มันไม่เข้าท่าเลย”
อาทิตย์หัวเราะ มองไปด้านหนึ่ง แล้วตาโต
“นั่น คุณ มีชิงช้าว่างๆ ไม่มีใครเล่น”

มัทนีหันมา หัวเราะ แล้วรีบร่าเริงไปนั่งลงกินแซนด์วิช ดื่มเครื่องดื่ม สบายใจ

อาทิตย์มองตามไปขำๆ แล้วเดินตามไป นั่งลงที่ชิงช้าข้างๆ

“คุณนี่ชอบชิงช้าจริงๆ เนอะ ไม่ได้พูดเล่น”
“ชั้นไม่ได้แอ๊บเด็กหรอกน่า”
“ผมจะบอกความลับของชิงช้าให้อย่างนึง”
“อะไรคะ”
“ที่คุณเล่นชิงช้าแล้วคุณสนุกน่ะ เพราะคุณต้องแย่งเล่นกะเพื่อนๆ แล้วได้เล่นแค่ครั้งละ 10 ที ลองคุณมีชิงช้าที่บ้านเป็นของตัวเองคนเดียว อยากจะเล่นเท่าไหร่ก็ได้สิ รับรองเลยว่าคุณจะไม่ค่อยอยากเล่น แล้วพอได้เล่นเต็มที่ คุณก็จะรู้สึกว่ามันไม่สนุกเท่าไหร่หรอก งั้นๆ”
มัทนีชะงัก
“คุณจะสื่อถึงอะไร”
“เปล่านี่”
“คุณจะพูดว่า คุณชอบใช้ชีวิตเพลย์บอย แย่งผู้หญิงกับชาวบ้านเยอะๆ มันถึงจะสนุกใช่ไหม แต่ถ้าคุณแต่งงาน หรือจบชีวิตกับใครซักคน เพียงคนเดียวมันจะเป็นเรื่องน่าเบื่อ งั้นเหรอ”
“เฮ่ย นี่คุณไปเชื่อมโยงเรื่อง 2 เรื่อง ให้กลายเป็นเรื่องเดียวกันได้ไง ผมพูดถึงชิงช้า เพราะผมหมายถึงชิงช้า ไม่ได้หมายถึงเรื่องอื่น”
“มันก็คือเรื่องเดียวกันนั่นแหละ”
“มันจะเป็นเรื่องเดียวกันได้ไง ผมหมายถึงว่าเด็กๆ เล่นของเล่นแล้วสนุก เพราะเด็กๆ ต้องเล่นกับเพื่อนๆ เด็กๆได้แบ่งปันกัน แย่งกัน เล่นกันหลายๆ คน การเล่นมันถึงมีความหมาย แต่ถ้าเราเล่นอะไรคนเดียว ไม่มีเพื่อน มันก็งั้นๆ เล่นยังไงๆ เดี๋ยวก็เบื่อ”
“อย่าเลย คนอย่างคุณ ไม่เคยคิดจะจริงจังกะอะไรทั้งนั้น เห็นทุกอย่างเป็นเรื่องเล่นๆ นิสัยเหมือนเด็กไม่ยอมโตหรอก ชั้นอิ่มแล้ว ขอโทษนะ ไปก่อนล่ะ”
มัทนีลุก แล้วเดินงอนปึ่งจากไปเร็วจี๋ พอผ่านถังขยะ ก็ทิ้งทุกอย่างลงไปแบบอารมณ์เสีย
“อะไรวะ”
อาทิตย์งงๆ มองตาม มึนตึ้บ

วันต่อมาที่บ้านมัทนี เหน่ง โหน่งวิ่งเล่นกับท่วมทุ่งไปในบ้าน โทรศัพท์มือถือมัทนีที่วางแถวโต๊ะนั่งเล่นดัง เหน่ง โหน่งมองหน้ากัน ท่วมทุ่งมาเห่าไปด้วย เหน่งมาชะโงกดูหน้าจอ แล้วตาโต
“จุ๊ๆ แฟนคุณมัทนีโทมา”
“คุณอาทิตย์น่ะเหรอ” โหน่งถาม
“บ้า คุณอาทิตย์ก็ดีน่ะสิ นี่คุณเอกชะเยสสสส”
ท่วมทุ่งเห่าแบบรังเกียจ
“โอ๊ว รับไหมเธอ ท่วมทุ่ง ไปเล่นที่อื่นก่อนป้ะ” โหน่งชี้มือไปที่อื่น ท่วมทุ่งวิ่งไปตามที่ชี้ โหน่งจึงกดรับ “สวัสดีค่า คุณเอกชเยศร์ คุณมัทนีเข้าห้องน้ำค่า มีอะไรหรือเปล่าค้า สั่งไว้ก่อนได้เลยค่า”
เหน่งมาเอียงหูแนบฟังด้วย

ขณะนั้นเอกชเยศร์นั่งอยู่ในรถคันหนึ่ง
“นั่นเหน่งหรือโหน่ง”
“โหน่งค่า”
“อ่า ดีแล้ว เหน่ง คุณมัทนี กับคุณพ่อคุณแม่ ไม่ออกไปไหนใช่ไหม วันนี้”
“ไม่ออกค่า แต่หนู โหน่งค่า”
“งั้น เธอไม่ต้องไปบอกอะไรใครนะเหน่ง ว่า คือ ชั้นกำลังจะเข้าไป มีอะไรอยากจะเซอร์ไพร้ส์มัทนี และครอบครัวเค้าหน่อย จะไปถึงใน 10 นาทีนี้ แกก็เตรียมน้ำท่า น้ำชา กาแฟกับของกินที่ดูหรูหราหน่อย ไว้ต้อนรับชั้น กับผู้หลักผู้ใหญ่ซัก 2 ท่าน กับทีมงานอีก 2 คนด้วยล่ะเหน่ง”
“อิฉัน โหน่งค่ะ”
“อ่า โหน่งเหรอ โอเคๆ แค่นี้นะ อย่าลืมทำตามที่ชั้นสั่งนะ เหน่ง” เอกชเยศร์วางหู โหน่งทำหน้ารังเกียจ

บริเวณบ้านมัทนี หาญกำลังเดินจงกรมไปมา
“จงกรม จงกรม เฮ้อ จะเอาไงดีวะเรา น้องนกกับเรา จะได้มีโอกาสฟีเชอริ่งกันไหมนะ ชาตินี้ หรือเราต้องรอไปชาติหน้า จงกลมๆ”
จำเนียรเดินร่าเริงออกมา เห็นหาญก็เกรงใจ
“อ้าว เดินจงกรมอยู่พอดี ว่าจะชวนออกไปกินอะไรข้างนอกซะหน่อย งั้นอีกซักพักละกัน ไปขัดจังหวะตอนนี้ บาปแย่”
ทันใด รถตู้แล่นมาจอด เหน่งมาชะเง้อดูก่อนจะวิ่งไปเปิด
“มาแล้ว แหม พ่อคุ้ณ สงสัยตอนโทร จะอยู่หน้าปากซอย”
ท่วมทุ่งวิ่งตามออกมา หยุดชะเง้อดูไปด้วย
“ใครมาน่ะ เหน่ง ทำไมแกทำเหมือนรู้ล่วงหน้าค่ะ”
เหน่งหันมา ค้อนขวับ
“ผู้ชายค่ะ เค้าจะมาเซอไพร้ส์คุณๆ”
เหน่งรีบวิ่งไปเปิดประตู รถตู้แล่นมาจอดเทียบอย่างใกล้หน้าตึก หาญหยุดจงกรม มองดูสงสัย

“ผู้ชาย ที่ไหน” จำเนียรบ่น

เอกชเยศร์วิ่งลงจากรถมาก่อนจากประตูหน้า คู่คนขับ
 
แล้ววิ่งหัวแทบทิ่ม มาเปิดประตูข้างรถตู้ เลื่อนออกกว้าง กิตติกับแววมยุราลงมา
“เอ๊ะ นั่นมันอีตาซาดิสท์ กะยัยเมียที่ตาเขียวตลอดเวลานี่”
เอกชเยศร์เดินนำมา ท่วมทุ่งเริ่มเห่า หลังจากนั้น มีช่างภาพนิ่งและภาพเคลื่อนไหว ตามลงมาจากรถตู้อีก หาญรีบเดินมาหาจำเนียร
“เอกชเยศร์พาแขกมาบ้านเราทำไม มีอะไร”
“ตานี่เพิ่งมีเรื่องวิวาททำร้ายร่างกายกะนายอาทิตย์ไปนะคะ”
“แล้วเขามาหาเราทำไม”
“คุณหาญ คุณจำเนียร สวัสดีครับ” กิตติทัก
“สวัสดีค่ะ สบายดีนะคะ” แววมยุราทัก

แววมยุราใส่แว่นดำ มีรอยช้ำที่เบ้าตา และบนหน้าตามเคย
“ค่ะ สบายดี แล้วคุณทั้งสองล่ะคะ” จำเนียรถามกลับ
“สบายมากเลยครับ” กิตติบอกแล้วหันมา ตวาดเมีย “เธอก็ถามอะไรโง่ๆ ก็เห็นๆ อยู่แล้ว ว่าคุณหาญกะคุณจำเนียรสบายดี แล้วถามแบบนี้ ใครๆ เค้าก็ต้องตอบว่าสบายดี จะให้เขาตอบว่า ไม่สบาย ปวดหัว หรือไม่สบาย ต่อมลูกหมากโตรึไง ฮ่าๆ จริงไหมครับ คุณหาญ”
“คุณพ่อ คุณแม่ครับ คือผมขออนุญาต พาผู้ใหญ่ที่นับถือของผม มาพบคุณพ่อคุณแม่หน่อยนะครับ”
ท่วมทุ่งวิ่งมาจ้องเห่าเอกชเยศร์
“คุณกิตติ เป็นผู้ใหญ่ที่นับถือของเธอหรือ แล้วมาถึงนี่แวะมาคุยกันเล่นๆ รึไง” หาญหันมายิ้มเป็นมารยาท “คุณกิตติ เชิญๆ เชิญข้างในดีกว่าครับ”
“เชิญค่ะ ข้างในเย็นกว่าข้างนอก” จำเนียรหันมา ลดเสียงลง “มีอะไรหรือเปล่า เอกชเยศร์”
มีกล้องเข้ามาถ่าย โดยเฉพาะกล้องวิดีโอ
“อ้าว แล้วนี่ถ่ายอะไรกันล่ะ” หาญถาม
“อ่อ ผมจะเอาไว้ตัดต่อใช้เป็นวิดีโอในงานน่ะครับ อยากจะให้มีฟีลแบบเรียลิตี้ จะได้เก๋ๆ กว่าของคนอื่น” เอกชเยศร์บอก
“เรียลลิตี้อะไร”
“คือ ผมอยากจะเซอร์ไพร้ส์มัทนีเค้าหน่อยน่ะครับ คุณพ่อ คุณแม่ นี่มัทนีอยู่ไหนครับ”
“อยู่ข้างในน่ะค่ะ”
“ดีแล้วครับ เดี๋ยวคุณพ่อคุณแม่ต้องทำเป็นไม่ทราบอะไรนะครับ เค้าจะได้แปลกใจจนทำหน้าไม่ถูก หรืออาจจะตื้นตันจนน้ำตาไหล ร้องไห้ออกมาเลย กล้องจะได้ๆ ภาพสวยๆ ตอนที่คุณกิตติกับคุณแววมยุราจะทำหน้าที่เป็นเถ้าแก่ ออกปากทาบทามสู่ขอเค้า ให้แต่งงานกะผมไงครับ ฮะๆ เก๋ไหมครับ”

จำเนียรช็อก หาญอึ้ง ท่วมทุ่งเห่าใหญ่

มัทนีซึ่งอยู่ในชุดอยู่บ้านเดินลงบันไดมา แล้วชะงัก
 
เมื่อเห็นกิตติ แววมยุรา นั่งอยู่ในห้องรับแขก ทีมถ่ายเรียลิตี้ถ่ายกันใหญ่ เหน่ง โหน่งเสิร์ฟน้ำ จำเนียรนั่งอุ้มท่วมทุ่งให้สงบ หาญนั่งยิ้มฝืดๆ มึนๆ จณะที่เอกชเยศร์ยืนยิ้มอยู่
“เอ่อ” มัทนีไหว้ผู้ใหญ่ “สวัสดีค่ะ คุณกิตติ คุณแวว รู้จักกับคุณพ่อคุณแม่ด้วยหรือคะ”
“เซอร์ไพร้สจ้ะ มัท ท่านผู้ใหญ่ทั้งสอง มาพบคุณพ่อคุณแม่ของมัท เพื่อพูดธุระเรื่องตัวของมัทเองจ้ะ” เอกชเยศร์บอก
“เรื่องตัวของมัท” มัทนีทำหน้าแปลกใจ
“ฉันจะมาสู่ขอหนูไงจ๊ะ” กิตติบอก มัทนีถึงกับงง
“สู่ขอ สู่ขอไปทำไม คุณก็มีภรรยาอยู่แล้วนี่นา”
กล้องเข้ามารุมถ่าย ตัวหนึ่งใกล้ ตัวหนึ่งไกล เอกชเยศร์หัวเราะ
“ฮะๆ มันเซอร์ไพร้สจริงๆ ด้วย ตลกจัง หน้ามัทช็อกได้อารมณ์มากๆ เลย แล้วดูสิ แต่งตัวชิลด์เกินไป หน้าตาก็ไม่แต่งเลย อยากขึ้นไปเขียนคิ้ว ทาปากเพิ่มหน่อยมั้ยจ๊ะ แล้วเทคใหม่ แบบนี้มันดูซีดไป แต่ชุดไม่ต้องเปลี่ยนนะ กางเกงขาสั้นแบบนี้ ดูน่ารักดี” เอกชเยศร์บอก แต่มัทนีไม่สนใจ
“แล้วนี่ ถ่ายทำอะไรกันคะ” มัทนีถามอย่างแปลกใจ
“เขาจะถ่ายเหตุการณ์จริง เพื่อเก็บภาพตอนหนูเซอร์ไพร้ส เอาไปใช้ในงานแต่งงานของหนูไง เก๋ม้ากกก” จำเนียรบอกอย่างประชด
“งานแต่งงาน ของหนู”
มัทนีทำเสียงตกใจ

“ก็เป็นแบบเวดดิ้งวีดิโอพรีเซนเทชั่นไงลูก” หาญบอก
“เดี๋ยวๆ นี่มันอะไรยังไงกันคะเอก มัทจะแต่งงานหรือคะ” มัทนีถามเอกชเยศร์
“เราจะแต่งงานกันไงจ๊ะ ท่านกิตติกับคุณแววมยุรามาทำหน้าที่เถ้าแก่สู่ขอมัทให้เอกไง มัทดีใจไหม เราคบกันมาหลายปีแล้ว ก็จะได้ร่วมหอลงโรงกันซะที”
“คือฉัน กะคุณแววเนี่ย เป็นตัวอย่างของผู้หลักผู้ใหญ่ในสังคมที่อยู่กันมาแบบหวานชื่น ราบรื่นสงบสุข ถือไม้เท้ายอดทองกระบองยอดเพชร เป็นแบบอย่างที่ดีของสังคมไงล่ะ ใช่ไหมคุณแวว” กิตติบอก
“ค่ะ เราครองรักกันมาถึง 30 ปี เป็นคู่สมรสที่ประสบความสำเร็จ น่าชื่นชมมากค่ะ” แววมยุราบอก
“มัท จะไปแต่งหน้าใหม่มั้ย” เอกชเยศร์ถาม
“ไม่ ไม่ต้องแต่งหรอกค่ะ แล้วก็ไม่ต้องถ่ายด้วย แต่เอกควรจะคุยกับมัทก่อนนะคะ”
“อ้าว ถ้าคุยก่อนก็ไม่เซอร์ไพร้สสิจ๊ะหนู งั้นคุยกันเลยดีกว่า คุณหาญครับ ตกลงว่าคุณจะเรียกสินสอดทองหมั้นอะไรยังไง แล้วเรื่องฤกษ์ยาม พิธีการแต่งงาน จะว่ายังไงกันดีครับ” กิตติจ้องที่หน้าหาญ ไม่สนจำเนียร
“เอ่อ คือผมก็ไม่มีความเห็นนะ แล้วแต่เมีย คุณว่าไง” หาญหันมาทางจำเนียร
“หา แล้วแต่เมีย คิดแบบนั้นได้ไง บ้าไปแล้วเหรอคุณ ไปยอมให้เมียเป็นคนพูดคำสุดท้ายได้ไง ต้องพวกเราสิ สามีเท่านั้น ที่จะเป็นคนพูดคำสุดท้าย แบบนี้มันจะใช้ได้เหรอ” กิตติทำเสียงไม่พอใจ
“เอ่อ คุณคะ แต่ละครอบครัวเขาก็มีรายละเอียดต่างกันนะคะ เราจะเอาความคิดของเราไปครอบงำคนอื่นไม่ได้” แววมยุราบอก
“หา เธอพูดคำว่าความคิดเหรอ เธอมันมีความคิดอะไรด้วยเหรอ นอกจากพูดอะไรโง่ๆ” กิตติต่อว่าแววมยุราอย่างไม่ไว้หน้า จำเนียรถึงกับผงะ
“คุณคะ”

แววมยุราพยายามจะเตือนแต่กิตติไม่สนใจ
“หุบปากไปเลย แหมๆๆ อยู่บ้านคนอื่นล่ะทำเก่ง ทำไม นึกว่าชั้นไม่กล้าเหรอ”กิตติถามเสียงดัง
“คุณอย่าเสียงดังสิคะ นี่บ้านคนอื่น เสียมารยาทนะคะ” แววมยุราเตือนทำให้กิตติยิ่งโกรธ
“อีแวว แกหาว่าผัวแกไม่มีมารยาทเหรอ นี่แน่ะ” กิตติตบเพี้ยะ แววมยุรากระเด็น
ครอบครัวจำเนียรทุกคนตกใจ ท่วมทุ่งกระโดดมาเห่ากิตติทันที พวกทีมกล้องตื่นเต้น ถ่ายกันใหญ่ มัทนีผวามาประคองแววมยุรา
“คุณแวว เป็นอะไรหรือเปล่าคะ”
“คุณกิตติ คุณมันเลวมาก คุณทำร้ายผู้หญิง” จำเนียรบอกอย่างไม่พอใจ ส่วนหาญเข้าไปกระชากคอกิตติทันที
“คุณทำแบบนี้ได้ไง ผมไม่ยอมให้เกิดเรื่องแบบนี้ในบ้านผมเด็ดขาด”
แววมยุรารีบลุกมา ปกป้องกิตติ
“อย่าค่ะ คุณหาญ อย่าทำอะไรคุณกิตตินะคะ ไม่เป็นไรค่ะ ดิฉันทนได้ ดิฉันชินแล้ว”

กล้องเข้ามาถ่ายใกล้ๆ หน้าแววมยุรา เอกชเยศร์รีบเข้ามาขวาง
“คัทๆ จะถ่ายทำไมล่ะ เอ่อ” เอกชเยศร์เข้ามาพนมมือกับกิตติ “ท่านครับ ใจเย็นๆ นะครับ อย่าเพิ่งทะเลาะกันครับ กรุณาพูดจาสู่ขอให้ผมต่อให้เสร็จก่อนนะครับ” เอกชเยศร์หันมาไหว้หาญกับจำเนียร “คุณพ่อ คุณแม่ครับ ไม่มีอะไรนะครับ ไม่มีอะไร ผมไหว้ละครับ เรามาตกลงเรื่องผมกับมัทนีก่อนนะครับ”
“ไม่มีการตกลงอะไรทั้งนั้น นายเอกชเยศร์ อะไรเข้าสิงแก ถึงกล้าพาคนป่วยโรคจิต เป็นซาดิสท์ระดับอันตรายร้ายแรงอย่างไอ้นี่ เข้ามาในบ้านชั้น” จำเนียรบอก
“เราไม่ต้อนรับพวกผู้ชายที่รังแกผู้หญิง ทำคนไม่มีทางสู้ในบ้านของเรา ไป ไปให้พ้น ก่อนที่ผมจะทำอะไรรุนแรงกับคุณ ไอ้กิตติ” หาญบอก ท่วมทุ่งเห่าไล่เลย
“เรื่องของกู เรื่องของผัวเมีย ใครจะทำไม” กิตติกระชากแววมยุรามา “ไป อีแวว เพราะมึงคนเดียว ทำทุกอย่างพังหมด ไป ไปโว้ย” กิตติลากเมียออกไป
“ท่านครับๆ ผมขอโทษ คุณพ่อ คุณแม่ ผม ผม” เอกชเยศร์พูดไม่ออก
“ไปเลย เอก พาไอ้ท่านกิตติไปให้พ้นบ้านชั้นเลย” มัทนีบอกอย่างโมโหแล้วหันมาที่พวกถ่ายทำ “ขอโทษนะคะ ไม่มีอะไรให้ถ่ายทำแล้วค่ะ เชิญ”
“มัท งั้น ผมไปก่อนนะ วันนี้ แล้วเดี๋ยวผมกลับมาคุยใหม่”

เอกชเยศร์รีบออกไป มัทนีอึ้ง เซ็ง
 
อ่านต่อหน้า 2

พ่อไก่แจ้ ตอนที่ 7 (ต่อ)

ช่วงค่ำที่ห้องจัดรายการของสถานีวิทยุ
 
เจ้าหน้าที่สถานีกำลังคุมแผงคอนโทรลจัดรายการ โดยมีจำเนียรพูดออกอากาศ
“เฮ้อ เพลียค่ะ เพลีย ณ.จุดนี้ขอบอกตรงๆ ว่าดิฉันเพลียมากกับพฤติกรรมของผู้ชายที่เป็นที่รู้จักในสังคมบางคน ถ้าอิฉันพูดชื่อออกไปนี่ละก็ รับรองว่าท่านผู้ฟังต้องรู้จักอย่างแน่นอน ตำแหน่งหน้าที่ก็ออกจะใหญ่โต มีคนนับหน้าถือตา แต่ทำกับภรรยาตัวเองดุจเธอเป็นกระสอบทราย เดี๋ยวตบ เดี๋ยวต่อย เดี๋ยวเตะ”

เสียงจำเนียรดังต่อเนื่องมา ขณะนั้นลิ้นจี่นั่งฟังอยู่ในรถตรงที่นั่งผู้โดยสารข้างหลัง
“หรือพูดง่ายๆ ว่าเลี้ยงเมียด้วยลำแข้ง อย่างไม่สนหน้าอินทร์หน้าพรหม ไม่เลือกกาลเทศะใดๆ ส่วนคุณภรรยา ก็จะแบกหน้าตาที่ฟกช้ำดำเขียว มีเบ้าตาเป็นขนมครกอยู่คลอดเวลา พอคนถามก็บอกว่าตกบันได หกล้ม”
“แหม คุณจำเนียรนี่ เล่าเรื่องราวได้โดนใจชั้นจริงๆ ต้องเป็นไอ้เลว ท่านกิตติแน่ๆ” ลิ้นจี่บ่นกับตัวเอง

ที่ห้องจัดรายการ จำเนียรยังคุยต่ออย่างมีอารมณ์
“แล้วพอคนอื่นเขาทนไม่ไหว ไปแจ้งตำรวจ คุณภรรยาก็คอยไปแก้ตัวว่าสามีเปล่าทำ ฉันตาเขียวเอง อยากถามท่านผู้ฟังจริงๆ ค่ะ ว่าหากเราพบเจอคนแบบนี้ เราควรจะทำยังไงดี ใครมีความเห็นอะไร หรือมีประสบการณ์เกี่ยวกับเรื่องราวแบบนี้ sms หรือไลน์ มาคุยกับเราได้ที่เบอร์...”

ที่หน้าสถานีวิทยุ แฟนคลับจำเนียรถือป้าย “พลังหญิงยิ่งใหญ่” “เจ๊จำเนียรคือไอด้อล” บางคนถือช่อดอกไม้ ขนม จำเนียรเดินออกมา พวกแฟนๆ เข้าไปล้อม บ้างถ่ายรูป ให้ขนม
“ชอบมากค่ะ ชอบรายการวันนี้มากๆ”
“อยากให้คุณจำเนียรพูดออกมาจังเลยค่ะ ว่าไอ้ผู้ชายคนนั้นคือใคร” แฟนคลับถาม
“ต้องติดตามต่อยาวๆ ค่ะ ซักวัน เราจะรู้เอง”
จำเนียรรับของที่แฟนๆ ให้ มองไป แล้วชะงัก ลิ้นจี่มายืนยิ้มอยู่มุมหนึ่ง ยกมือทักทาย
“ขอถ่ายรูปหมู่นะคะ”
“ได้ค่ะๆ มาๆ” จำเนียรถ่ายรูปหมู่กับแฟนคลับ “ขอตัวนะคะ เพื่อนมาค่ะ บ๊าย บาย”

แฟนคลับเปิดทางให้ จำเนียรออกไปหาลิ้นจี้
“มาทำอะไรแถวนี้คะ คุณลิ้นจี่”
“ก็มาหาคุณนั่นล่ะ ฟังที่คุณพูดออกรายการแล้วมันจี๊ด อยากเม้าท์มอย” จำเนียรหัวเราะ
“ต๊ายตาย คุณลิ้นจี่ขา อิฉันก็อยากจะเม้าท์กะใครซักคนเหมือนกัน เพราะเพิ่งเจอของจริงมา เค้าไปทำอะไรรู้ไหมคะ นายกิตติไปเป็นเถ้าแก่ขอลูกสาวอิช้านน”
“ว้าย แรง ใครคะ ใคร ใครให้เค้ามาเป็นเถ้าแก่ให้ได้ลงคอ มันสะท้อนทัศนคติของคนมาขอเลยนะคะ ว่าเค้าเห็นใครมาเป็นผู้ใหญ่ที่ตัวนับถือ”
“ก็จะใครล่ะ แฟนยัยมัทน่ะสิคะ อิฉันอยากจะบ้าตาย จริงอย่างที่คุณว่าดิฉันอยากจะให้ยายมัทเลิกๆ กะเค้าซะให้รู้แล้วรู้รอด อยู่คนเดียว ไม่ต้องมีใคร ยังดีกว่ามีแฟนเยินๆ แบบนั้น”
ลินจี่หันไป แล้วสะดุ้ง
“จุ๊ๆ มาแล้วค่ะๆ”
จำเนียรหันไป แล้วสะดุ้ง มัทนีเดินมา
“อ้าว คุณนายลิ้นจี่” มัทนียกมือไหว้ “สวัสดีค่ะ นี่ คุณแม่นัดกันเหรอคะ”
“เปล่าหรอกจ้ะ คิดถึงน่ะ ได้เจอหนูอีกคนก็ดีเลย ป้าเหงามากเลย เราไปสนุกกันประสาสาวๆ ดีไหมจ๊ะ”
ทั้งสามยิ้ม ดี๊ด๊ากัน

ลิ้นจี่ จำเนียร มัทนีมานั่งกินอาหารที่ร้านอาหารหรูแห่งหนึ่ง มัทนีนั่งกินปีกไก่ทอดแบบคิดๆ กลุ้มๆ ดูเลื่อนลอย
ผิดกับจำเนียรและลิ้นจี่ที่ร่าเริง คุยกันราวกับวัยรุ่น
“คุณลิ้นจี่เหงาจริงๆ เหรอคะ อยากมีแฟนเหรอ บอกมาๆ”
“ว้าย ไม่ใช่อย่างนั้นนะคะ แฟนน่ะ มีคนเดียวพอแล้วค่ะ เข็ดความรักค่ะ”
“แล้วทำไมถึงเข็ดล่ะคะ”
“ไม่ใช่เข็ดเค้าค่ะ เข็ดความรัก ดิฉันไม่อยากรักใครอีกแล้ว เวลาเค้าไม่สบาย เห็นแล้วใจเรามันจะขาดค่ะ เค้าป่วย แล้วตายไปต่อหน้าเรา”
“โธ่ๆ ขอโทษนะคะ ดิฉันไม่น่าถามเลย”
มัทนีเริ่มหันมาฟังอย่างสนใจ
“ไม่เป็นไรค่ะ ตอนนี้ชั้นไม่เป็นอะไรแล้ว เวลามันผ่านไปนานมาแล้ว ตอนที่คุณพ่อของนายอาทิตย์เสีย ดิฉันยังสาว เรายังสวีทกันมากๆ ดังนั้น ตอนที่เขาไม่สบาย มันจึงเป็นเรื่องช็อกมากๆ แล้วอาทิตย์ก็ยังเล็กๆ ชั้นเลยเป็นแม่หม้ายที่ยังสาว ที่ต้องดูแลกิจการทั้งหมดของสามี ที่กำลังอยู่ในระยะเริ่มต้น อะไรมันก็ยากมากๆ ชั้นเลยรู้สึกว่าพอแล้วชีวิตชั้นไม่อยากเริ่มต้นอะไรใหม่กับใครอีกแล้วนะค่ะ”

มัทนีฟังอย่างสนใจมากขึ้น

ทันใดโทรศัพท์มัทนีดังขึ้น มัทนีชะงัก หยิบโทรศัพท์มาดูแล้วอึ้ง
 
หน้าจอโชว์ว่าเป็นเอกชเยศร์ มัทนีอึดอัดก่อนจะกดรับ
“เอกคะ”
เอกชเยศร์ยืนรอสายอยู่ที่ริมถนน
“มัท มัทอยู่ไหน อยู่บ้านหรือเปล่า”
มัทนีมองแม่และลิ้นจี้ อย่างเกรงใจ พูดเบาๆ
“มัทออกมาข้างนอก กับแม่ กับเพื่อนแม่น่ะ”
“ที่ไหน ผมไปหาได้รึเปล่า”
“อย่าเลยเอก ไม่เหมาะหรอก แม่อยากคุยกับเพื่อนท่าน ประสาผู้หญิงๆ น่ะ”
“แปลว่า มัทก็อยากอยู่ ประสาผู้หญิงๆ แล้วไม่อยากเจอเอก ใช่ไหม”
“ไม่ใช่นะเอก โอเคๆ เอกอยู่ไหนล่ะ” ระหว่างที่มัทนีพูด ลิ้นจี่และจำเนียร แอบมอง ขวางๆ “ได้ เดี๋ยวเจอกัน”
มัทนีวางสายแล้วหันมาอย่างเกรงใจ จำเนียร ลิ้นจี่ รีบหันไปทางอื่น มัทนีหน้าจ๋อยๆ เล็กน้อย
“แม่คะ คุณนายลิ้นจี่คะ เอ่อ คือ”
“เอกชเยศร์มาตามล่ะสิ” จำเนียรถามขึ้นมา
“ค่ะ พอดีเค้ารอมัท ทานข้าวน่ะค่ะ มัทขออนุญาตนะคะ เอกรอมัทที่ร้านหน้าโรงพิมพ์ไม่ไกลหรอกค่ะ แล้วยังไง เดี๋ยวโทรหากันนะคะ แล้วมัทจะกลับมารับแม่กลับบ้านค่ะ”
มัทนีไหว้ทั้งสอง แล้วรีบไปก่อนจะโดนบ่น

จำเนียรรอจนมัทนีไปพ้นแล้วจึงพูดกับลิ้นจี่
“ดูสิคะ พอแฟนโทรมาก็ต้องรีบแจ้นออกไป” จำเนียรหน้าหมองลง
“เค้าก็รักกันมาตั้งนานแล้ว ไม่ใช่เหรอคะ”
“โอ๊ย รักเริ้กอะไร้ ยัยมัทลูกสาวดิฉันน่ะ แกไม่รู้จักความรักหรอกค่ะ แกเหมือนเด็กๆ ที่ตั้งอุดมคติไว้สูงส่ง อยากมีแฟนที่เป็นผู้ชายดีๆ ธรรมะธรรโมเหมือนพ่อตัวเอง แต่มันไม่มีจริงไงคะ ผู้ชายแบบนี้น่ะ มันหาไม่ได้หรอก แกเลยคบกะนายเอก เพราะนายเอกน่ะดูเป็นคนไม่เจ้าชู้ ไม่กะล่อน รักแกคนเดียว ไม่คบใครเลย”
“อ้าว ก็นับว่าดีนะคะ ที่ได้เจอผู้ชายที่รักเราคนเดียว ไม่ไปมองหญิงอื่นเลย หายากออก”
“เอ่อ มันก็ คือ ยังไงดีล่ะคะ พูดตรงๆ นะ ดิฉันก็ไม่ได้งก หรือเกี่ยงว่าลูกเขยต้องรวย ต้องมาให้นั่นให้นี่ ให้ประโยชน์กะลูกเรา แต่บอกตรงๆ นะคะ ว่าเด็กผู้ชายคนนี้เอาเปรียบยายมัททุกอย่าง ให้ยายมัทดูแล เลี้ยง เป็นเจ้ามือ บริการเค้าทุกอย่าง แล้วลูกเราก็แปลก เค้าอยากได้อะไรก็ให้”
“ขออะไรก็ให้”
“ว้าย ไม่ใช่อย่างนั้นนะคะ คือยายมัทเหมือน เด็กที่ปฏิเสธไม่เป็น กลัวเพื่อนเสียใจ น้อยใจ อะไรแบบนั้นนะค่ะ”
ลิ้นจี่ทำหน้าข้องใจ

ที่ร้านอาหารอีกแห่ง บริกรยกอาหารมาวางตรงหน้าเอกชเยศร์ มีจานและแก้วสำหรับสองที่อยู่แล้ว เอกชเยศร์นั่งกินตุ้ยๆ มัทนีโผล่มาพอดี
“อ้าว มัท มาช้าจัง รถติดเหรอ อ่า นั่งๆ สิ”
มัทนีนั่งลง บริกรรินน้ำให้ แล้วจะมาตักข้าวให้
“ไม่รับข้าวค่ะ”
“อ้าว ทำไมไม่กินล่ะ” เอกชเยบศร์ถาม
“พอดี มัทกินมาบ้างแล้วล่ะ”
“ตามใจ” เอกชเยศร์กินต่อ มัทนีจิบน้ำ มองๆ กับข้าว “แล้ว บ้านมัทพูดกันว่าไงมั่ง”
“พูด เรื่องอะไร”
“อ้าว ก็พ่อแม่มัทจะเอาไงล่ะ เรื่องการแต่งงานของเราน่ะ”
“ก็ไม่เห็นมีใครว่าอะไรนี่”
“อะไรกัน พ่อแม่มัทไล่ผู้ใหญ่ที่เอกนับถือยังกะหมูกะหมา โดยไม่รู้สึกผิดหรือ”
“ใคร รู้สึกผิดนะ”
มัทนีย้อนถาม

เอกชเยศร์วางช้อนลงอย่างไม่พอใจ
“นี่มัทจะเอาไง มัทจะหาเรื่องเหรอ”
“หาเรื่องอะไร”
“มัทหาเรื่องทะเลาะกับเอก ทั้งๆ ที่เอกพยายามจะทำทุกอย่างให้ดีที่สุดสำหรับเราสองคน ขณะที่มัทกับครอบครัวไม่ให้ความร่วมมืออะไรเลย”
“อะไรที่ดีที่สุดสำหรับเราสองคน เอกทำอะไรไม่ปรึกษามัทเลย ใครบอกว่ามันถึงเวลาแล้วที่เราจะแต่งงานกัน ใครบอกว่าไอ้นายกิตติมันดีพอที่จะเหยียบเข้ามาในเขตบ้านมัท”
“อะไรนะ นี่มัทกวนนี่นา เกิดอะไรขึ้น มัทเป็นอะไรไปแล้วเนี่ย”
“มัทไม่ได้เป็นอะไร แต่ตอนนี้ มัทคิดว่าเราคงพูดกันไม่รู้เรื่องแล้วล่ะ”
“มัทหมายความว่าไง”
“มัทรู้สึกว่าเราสองคน กำลังมีปัญหาการสื่อสารไงเอก”
“นี่มัทกำลังจะบอกอะไร บอกมาเลย พูดมาตรงๆ เลยดีกว่า”
“มัทว่ามัทเหนื่อยแล้วล่ะ มัทกลับก่อนดีกว่า ปวดหัว” มัทนีลุกขึ้น เอกชเยศร์คว้ามือไว้
“นี่มาถึงก็จะไปเลยเหรอ แบบนี้มันคือการประกาศสงครามชัดๆ”
“แล้วแต่จะคิดละกัน”
“มัทจะเลิกกะเอกใช่ไหม โอเค เราเลิกกัน”
“อะไรนะ” มัทนีมองหน้าเอกชเยศร์
“เราเลิกกันไง มัทไม่แคร์เอกอยู่แล้วนี่”
“แล้วแต่เอก”
“หา แล้วแต่เอกเหรอ” เอกชเยศร์ตกใจ
“ใช่ ถ้าเอกอยากเลิกก็ตามใจดิ”
“นี่ นี่มัทจะไม่ง้อเลยใช่ไหม นี่มัทจะไม่พยายามเลยใช่ไหม”
“มัทไปละนะ”
“ได้เลย ไปเลย แต่จ่ายค่าอาหารก่อนละกัน เพราะมัทเป็นคนทำลายดินเน่อร์ของเราคืนนี้ มัทต้องรับผิดชอบ” เอกชเยศร์บอกแล้วลุก เดินไปก่อนเลย มัทนีงง ยืนมึนๆ

เอกชเยศร์เดินไปเลย ไม่เหลียวมามอง มัทนีงงสุดๆ ในที่สุดก็นั่งลง แล้วร้องไห้ออกมา ฟุบหน้ากับฝ่ามือ

ขณะนั้นอาทิตย์เดินเข้ามาในร้านอาหารท่าทางเหมือนมาหาใคร มองซ้าย ขวา สอดส่ายสายตาหา
 
อาทิตย์มองตามโต๊ะแต่ไม่เจอมัทนี อาทิตย์เดินต่อไป มองหาไปเรื่อยๆ ก่อนจะหยิบโทรศัพท์มากดหาลิ้นจี่
“แม่ครับ ไม่เห็นมีเลย สงสัยไม่ใช่ร้านนี่แล้วล่ะ”
อาทิตย์มองไปด้านหนึ่งแล้วชะงักเมื่อเห็นมัทนีนั่งฟุบหน้าแล้วเงยมาพอดี พยายามมองสูงขึ้นฟ้า ไม่ให้น้ำตาไหล แล้วใช้ปลายนิ้วกรีดเช็ดน้ำตา เพื่อไม่ให้ตาที่แต่งไว้เปื้อนเปรอะ อาทิตย์อึ้งนิดๆ ตกใจหน่อยๆ
“แม่ครับ เจอแล้ว แค่นี้นะครับ”
อาทิตย์วางสาย ยืนมองมัทนีในเงามืดจากมุมนั้น มัทนีทำท่าตัดสินใจ เรียกบริกรมา แล้วชี้ให้เช็คบิล บริกรโค้ง แล้วเดินไปเพื่อเอาบิลมาเก็บเงิน มัทนีหันมาทางอาทิตย์โดยบังเอิญ อาทิตย์ตกใจ ก้มแอบ คนที่เดินผ่าน มองอาทิตย์ที่ทำเหมือนเล่นซ่อนแอบ แบบขำๆ ชี้กันดู

มัทนีเดินอยู่ข้างถนน คิดทบทวน เศร้า เจ็บใจ เซ็ง ไม่สนใจอะไร อาทิตย์เดินตามมา แอบๆ รักษาระยะ
“จะเดินไปถึงไหน หวังว่าคงมาถึงพระรามสามนะ”
ข้างหน้าเป็นถนนที่มีสัญญาณไฟจราจรคนข้ามเปลี่ยนจากสีเขียวเป็นสีแดง ห้ามข้าม แต่มัทนีไม่หยุดเดิน เบลอ ไม่ได้สังเกต อาทิตย์ตกใจ
“เฮ้ย”
อาทิตย์รีบวิ่งเข้าไป

มัทนีกำลังก้าวลงไปบนถนน มีรถแล่นมา อาทิตย์ดึงตัวมัทนีออกมาทัน ไม่ให้ถูกรถชนได้หวุดหวิด รถที่แล่นผ่านไปเปิดไฟสูงและกดแตรดังลั่น อาทิตย์จับกอดปกป้องมัทนีไว้ มัทนีมองหน้าอาทิตย์งงๆ
“คุณ”
“อยากตายเหรอ สติไม่มีแล้วหรือไงคุณ”
มัทนีผลักอาทิตย์ออก
“นี่ คุณโผล่มาจากไหนเนี่ย นี่คุณแอบตามสะกดรอยชั้นเหรอ”
“เปล๊า ผม บังเอิญ เดินผ่านมา” อาทิตย์บอกเสียงสูง
“เชื่อก็บ้าแล้ว”
“นี่คุณเป็นอะไรมากมั้ย อกหักเหรอ หรือว่าโดนใคร ทำอะไร”
“เรื่องของฉัน”
มัทนีเดินหนี

มัทนีเดินหนี อาทิตย์วิ่งตามมาขวางหน้า
“คุณจะเดินไปถึงไหน”
“ไม่ใช่กิจของคุณ”
“คิดว่าเป็นนางเอกเอ็มวีเหรอ อกหักแล้วต้องเดินซึ้งสะเทือนใจไปทั่วบ้านทั่วเมือง นั่งวินมอเตอร์ไซค์มั่งได้มั้ย”
มัทนีหันกลับมาจ้องอาทิตย์อย่างเหนื่อยหน่าย อาทิตย์หยิบเอามือถือขึ้นมากดถ่ายคลิป
“ทำอะไร”
“ผมจะถ่ายคลิปคุณตอนนี้ไว้ คุณคงไม่เคยเห็นตัวเองว่าเวลาเป็นแบบนี้ หน้าตาที่คุณเป็นอยู่ในสายตาคนอื่นมันเป็นยังไง”
“นายจะมาหาเรื่องฉันใช่มั้ย”
“หูย หน้าคุณ สุดยอดเลย”
“นายอาทิตย์”
“ถ้าไม่อยากน่าเกลียดออกสื่อผมว่าคุณยิ้มหน่อยดีกว่านะ”
มัทนีสุดทนน้ำตาไหล อาทิตย์อึ้ง
“ถ้านายมีความสุขที่ได้เยาะเย้ยฉันพอแล้ว ก็ไปซะที ไปไหนก็ไป”
อาทิตย์เหวอไปเลย
“ไม่ถ่ายแล้วก็ได้”
“ถ่ายสิ ถ่ายเลย คุณจะได้เอาไปหัวเราะเยาะกับแก๊งเพื่อนคุณได้ ว่ายัยตัวแสบที่จ้องล้างผลาญแก๊งพวกคุณมันถูกผู้ชายทิ้ง”
“คุณถูกทิ้ง? นายเอกชเยศร์น่ะเหรอ”
มัทนีไม่ตอบ หันหลังให้อาทิตย์ ทำท่าจะเดินไป แต่แล้วก็หมดแรงก้าว ทรุดลงไปนั่งยองๆ ร้องไห้ พยายามใช้มือปิดปากกลั้นไว้แต่กลั้นไม่อยู่ ตัวโยนๆ
อาทิตย์อึ้ง เห็นใจ เอาไงดี จะจับบ่าเพื่อปลอบ แต่ก็ลังเล เลยได้แต่นั่งข้างๆ

มัทนีนั่งอยู่ที่ม้านั่งริมฟุตบาท อาทิตย์ยืนห่างๆ อย่างห่วงๆ
“ไหวมั้ยคุณ”
“นายจะไปไหนก็ไป อย่ามายุ่งกับฉัน”
“ผมก็ไม่อยากยุ่ง แต่เห็นผู้หญิงนั่งฟูมฟายอยู่ข้างถนนคนเดียว ในเวลาค่ำมืดยังงี้ ผมทิ้งไปไม่ได้หรอก มันไม่ใช่ธรรมชาติผม” มัทนีนิ่ง ขี้เกียจต่อปากด้วย “นายเอกชเยศร์มีอะไรดี คุณถึงรักมันมากขนาดเบลอจนเกือบจะถูกรถชนได้”
มัทนีหันมาจ้องหน้าอาทิตย์
“ไม่ต้องมาวิพากษ์วิจารณ์เรื่องส่วนตัวของคนอื่น”
“โอเค ไม่พูด ไม่เม้าท์ จะไม่พูดถึงว่ามันเอาตัวเองเป็นศูนย์กลางโลก ไม่แคร์ความคิดใครแม้แต่แฟน แล้วยังชอบยกยอปอปั้นผู้มีอิทธิพลจนไม่สนถูกผิด”
“นายอาทิตย์” อาทิตย์หุบปาก
“งั้นช่วยทำหน้าให้มันสดชื่นหน่อยได้มั้ย ทำหน้ายังกับคนอกหัก อุ๊ย ก็เพิ่งอกหักมาจริงๆ ฮะๆ”
 
มัทนีจ้องอาทิตย์ด้วยสายตาคมกริบ ไม่ตลกด้วย “อะไรเอ่ยแป้ก”

ระหว่างนั้นมีเด็กชายอายุราว 6-7 ขวบขายมาลัยผ่านมา อาทิตย์รีบเรียก

“น้องๆ”
“มาลัยมั้ยครับพี่ สิบบาท”
“พี่จะเหมาหมดเลย ถ้าเราทำให้พี่คนนี้ยิ้มได้”
มัทนีหันมาจ้องอาทิตย์
“ฉันไม่มีอารมณ์จะเล่นด้วยนะ”
มัทนีลุกเดินไป อาทิตย์รีบตาม
“ไม่อยากช่วยเด็กเหรอ”
“ฉันไม่ซื้อพวงมาลัยตามสี่แยก เพราะมันเท่ากับเราสนับสนุนให้เด็กออกมาใช้ชีวิตเสี่ยงกลางถนน”
แต่เด็กชายเข้ามาจั๊กจี้เอวมัทนี
“นี่ๆ”
มัทนีหันมาจ้อง
“พี่ไม่บ้าจี้ กลับบ้านไปได้แล้ว”
“โหดจริงๆ เลยวุ้ย”
อาทิตย์บ่นพึมพำ

“ถ้าขายไม่หมด ผมกลับบ้านไม่ได้” เด็กชายบอกแล้วหันมาตื๊ออาทิตย์ “พี่ชาย”
เด็กตื๊อดึงชายเสื้อตรงเอวอาทิตย์ ปรากฏว่าอาทิตย์สะดุ้งโหยง
“เฮ้ยย อย่าๆ”
มัทนีชะงักที่เห็นอาทิตย์บ้าจี้
“พี่เปลี่ยนใจล่ะ พี่จะเหมาหมด ถ้าทำให้พี่คนนี้ หัวเราะได้” มัทนีบอก
“จริงนะ”
เด็กวิ่งไล่จี้อาทิตย์
“เฮ้ย อย่านะๆ”
มัทนียิ้ม ขำ อาทิตย์ที่ถูกเด็กไล่จี้อยู่ หันมาเห็นมัทนียิ้มออกมาได้ อาทิตย์ก็เผลอยิ้มตอบไปด้วยความดีใจ แต่พอมัทนีรู้ตัวว่าอาทิตย์มองมาก็รีบหุบยิ้ม แล้วทำฟอร์ม เดินหนี
“โอเคๆ อ่ะพี่เหมานะ”
อาทิตย์ควักแบงก์พันให้เด็ก แล้วรีบตามมัทนีไป

อาทิตย์วิ่งตามมัทนีมา
“สบายใจขึ้นแล้วใช่มั้ย” มัทนีหันมาจ้อง ทำหน้าบึ้ง “อย่ามาบึ้ง เมื่อกี้เห็นอยู่ว่ายิ้ม แหม เห็นผมโดนแกล้งแล้วมีความสุขนะคุณนะ”
“นายน่าจะโดนหนักกว่านี้อีก”
“คุณนี่เหมือนถูกฝังโปรแกรมมาให้เป็นศัตรูกับคนหล่อปากหวานสาวตรึมทุกคน ทั้งๆ ที่เขาอาจจะเป็นคนดีก็ได้”
“แต่นายไม่ใช่”
“มองโลกแง่ร้าย เมื่อไหร่จะเลิกมองผมเป็นศัตรูตลอดเวลาซะที”
“แล้วที่นายมาเดินตามฉันอยู่นี่ ไม่ใช่เพราะจะเยาะเย้ยถากถางฉันให้จมดินเหรอ”
“ผมตามคุณมาเพราะผมเป็นห่วงคุณ” มัทนีอึ้ง “ผมไม่เคยมองคุณเป็นศัตรูเลย อย่างมากก็มองเป็นยัยตัวแสบที่น่าแกล้งน่ากวนประสาทให้โมโหเล่น แต่ไม่เคยเกลียด”
มัทนีทำท่าว่าไม่เชื่อ
“เหรอออ”
“ผมพูดจริงๆ นะ ผมเข้าใจธรรมชาติของผู้หญิงดี คุณก็เหมือนกับผู้หญิงอีกหลายๆ คน ที่เป็นคนฉลาดแต่ชอบทำตัวโง่ๆ เพราะความรัก”
“อ้าว”
“แต่ผมว่าความรักที่แท้จริง มันต้องทำให้คุณเป็นคนฉลาดๆ ที่ชอบทำตัวฉลาดๆ เพราะความรัก คุณว่าจริงมั้ย”
อาทิตย์ยิ้ม มัทนีตอบไม่ถูก อ้ำอึ้ง
“เอ่อ ไม่รู้ ฉันจะกลับแล้ว”
“ต้องกลับไปเอารถที่ร้านอาหารหรือเปล่า ผมเดินกลับเป็นเพื่อน”
มัทนีไม่ตอบรับ ไม่ปฏิเสธ เดินนำไป อาทิตย์เดินตาม ทั้งคู่เดินไปด้วยกันบนถนน อาทิตย์ชี้ชวนคุยนั่นนี่ไปตลอดทาง

เช้าวันใหม่ที่บ้านอาทิตย์ พวกสาวใช้กำลังจัดโต๊ะ ลิ้นจี่กระวนกระวายอยู่แถวนั้น ชะโงกมองรออาทิตย์ว่าลงมาหรือยัง สักพักอาทิตย์เดินลงมา ลิ้นจี่รีบไปนั่งลงที่โต๊ะประจำ แล้วแกล้งเรียกเสียงอ่อนแรง
“อาทิตย์ มาทานข้าวกับแม่สิ วันนี้แม่ทำโจ๊กปูของโปรดลูกด้วย มาสิ มาๆ”
อาทิตย์เข้ามาร่วมโต๊ะ
“แม่เข้าครัวเองเลยเหรอครับ มีอะไรพิเศษหรือเปล่า”
อาทิตย์เงยหน้ามอง พบว่าลิ้นจี่มองหน้าตนอยู่ อาทิตย์แปลกใจ ลิ้นจี่ได้สติแสร้งทำเป็นเบือนหน้าทานอาหาร ทำตัวปกติ
“แม่ครับ มีอะไรใช่มั้ยครับ”
“เปล่า ทานข้าวเถอะ”
“แม่ครับ” อาทิตย์วางช้อน
“ไม่มีอะไรจริ...ง”
พูดไม่ทันจบอยู่ๆ ลิ้นจี่ก็ผงะมือที่ถือช้อนอยู่ ไม่มีแรง ปล่อยข้อนร่วงคามือ เกร๊งๆ
“แม่ นี่แม่เป็นอะไร” อาทิตย์ถามอย่างตกใจ
“อาทิตย์ คือ แม่ เมื่อวาน แม่ไปตรวจสุขภาพมา แล้ว...”
ลิ้นจี่ตีหน้าเศร้า ไม่อยากพูดถึง แต่แล้วก็แกล้งทำเป็นมีอาการพะอืดพะอมจะอาเจียน สาวใช้รีบหยิบกระโถนดูแล
 
อาทิตย์หน้าเครียด ห่วงแม่
 
อ่านต่อหน้า 3

พ่อไก่แจ้ ตอนที่ 7 (ต่อ)

อาทิตย์ประคองลิ้นจี่ลงนอนที่โซฟาเอนหลัง

“คุณแม่เป็นมะเร็ง” อาทิตย์ตกใจ
“แม่เป็นมะเร็งในเม็ดเลือดขาว ระยะสุดท้าย คุณหมอบอกว่าเวลาของแม่เหลืออีกไม่ถึงหกเดือน”
“คุณแม่ตรวจสุขภาพทุกปีๆ ไม่เห็นมีวี่แววว่าจะมีเชื้อมะเร็งเลย”
“เขาถึงได้บอกว่าโรคนี้ห้ามประมาท มันมาโดยไม่รู้ตัว อาทิตย์ แม่กลัววว” ลิ้นจี่ทำท่าหายใจฟื้ดฟาด แล้วรีบตั้งสติ ไม่ให้เครียด “ไม่ๆ แม่ต้องยิ้ม ไม่เครียด ไม่งั้นเชื้อมะเร็งจะยิ่งลุกลาม”
“แม่ครับ สมัยนี้เขาปลูกถ่ายเซลล์หรือผ่าตัดเปลี่ยนไขสันหลังได้แล้ว โอกาสที่จะมีชีวิตอยู่ได้อีกนาน แม่ต้องมีกำลังใจ ไม่ต้องกลัวนะครับ”
อาทิตย์ลุกหยิบมือถือมากดโทรออก
“ลูกจะโทรหาใคร”
“หาอาจารย์หมอครับ จะปรึกษาท่านว่าควรจะรักษาคุณแม่ยังไง”
“ไม่ต้องโทร” ลิ้นจี่รีบห้าม อาทิตย์ชะงัก มองอย่างแปลกใจว่าทำไมแม่ดูมีแรงขึ้นมาซะงั้น ลิ้นจี่รีบปล่อยมือ ทำเป็นเซทรุด “โอ้ยยย” ลิ้นจี่ทำเป็นหน้ามืด ล้มลงไปนั่งพักอีก สีหน้าดูอ่อนแอมาก “อย่าไปรบกวนอาจารย์หมอเลย แม่ แม่กลัวว่าจะถูกจับเข้าทำคีโมฉายรังสี แม่ไม่อยากใช้เวลาช่วงสุดท้ายในห้องผ่าตัด แม่อยากอยู่กับลูก”
“แต่แม่ครับ”
“อย่าขัดใจแม่เลยนะ” ลิ้นจี่ทำเป็นหายใจฟื้ดฟาดๆ
“โอเคครับ ไม่โทรแล้วครับ”
อาทิตย์วางโทรศัพท์ลง
“มานั่งข้างๆ แม่สิ” อาทิตย์ไปนั่ง “อาทิตย์ เวลาแม่เหลือไม่มากแล้ว แม่ขออะไรอย่างนึงได้มั้ย”
“อะไรครับ”
“แม่อยากเห็นลูกแต่งงาน”
“หา”
อาทิตย์ตกใจ

“แม่รักลูกมาก ถ้าแม่จะเป็นอะไรไป แม่ก็อยากจะแน่ใจว่าลูกจะอยู่ได้ต่อไปอย่างมีความสุข แต่งงานเพื่อแม่นะ แม่จะได้ตายตาหลับ”
“แม่ครับ” อาทิตย์อึ้ง
“แล้วไม่แน่ถ้าลูกมีหลานให้แม่อุ้ม แม่อาจจะมีกำลังใจ ฮึดสู้เพื่ออยู่ดูหน้าหลานก็ได้ ลูกไม่อยากให้แม่มีกำลังใจสู้โรคร้ายเหรอ หรืออาทิตย์อยากให้แม่ตรอมใจ แล้วก็ตายอย่างทุกข์ทรมาน”
“แม่ครับ ผมว่า...”
“ลูกจะไม่ทำเพื่อแม่ใช่มั้ย โอ๊ยย แม่เครียด”
ลิ้นจี่มีอาการหอบเหนื่อย หายใจไม่ทัน มือเกร็งตาเหลือก
“อาทิตย์ ทำเพื่อ แม่ ครั้งสุด ท้ายเถอะนะ”
อาทิตย์มองลิ้นจี่อย่างรู้ทันว่าแอคติ้ง รู้เจตนาแม่ ได้แต่เซ็ง

วันเดียวกันนั้นที่มุมนั่งพักผ่อนในค่ายเพลง อเนก โมกข์ โทนี่ทำหน้าตกใจเมื่อรู้เรื่องจากอาทิตย์
“แกจะแต่งงาน”
อาทิตย์กำลังเซ็ง
“ฉันยังไม่รู้ แต่แม่เล่นมามุขป่วย ฉันควรจะทำยังไงดีวะ”
“แกก็บอกไปดิว่ายังไม่พร้อม ยังสนุกกับการเซิร์จหาสาวๆ อยู่” โทนี่บอก
“หรือไม่ แกก็ไปจ้างสาวสักคนมาแต่งงานหลอกแม่แกไปก่อน แบบในละครที่ฉันเคยเล่นตอนหนุ่มๆ อ่ะ” โมกข์บอก
“ไม่ได้” อเนกบอกเสียงจริงจังมาก “การแต่งงานไม่ใช่เรื่องเล่นๆ ถ้าจะแต่งก็ต้องรัก ถ้าไม่รักก็อย่าแต่ง เพราะนี่คือชีวิตจริงไม่ใช่ละคร”
ทุกคนมองหน้าอเนกที่กำลังแฮปปี้กับการแต่งงาน
“แต่งวันสองวันก็เงี้ย เดี๋ยวครบปีมันจะรู้สึก” โมกข์กระซิบกับโทนี่

ขณะนั้นแท่นเดินออกมาจากห้องซ้อมเต้น
“อาทิตย์ ถ้าแกจะแต่งงาน แกต้องยอมรับอะไรอย่างนึงให้ได้ก่อน” แท่นบอก
“อะไร” อาทิตย์แปลกใจ
แท่นบุ้ยไปที่สาวๆ เกิร์ลกรุ๊ปที่เพิ่งเดินออกจากห้องซ้อม ทุกคนอยู่ในชุดซ้อมเต้น เสื้อยืด กางเกงขาสั้นที่ตัวชุ่มด้วยเหงื่อ มีผ้าขนผืนเล็กคอยซับๆ แต่ละคนดูเซ็กซี่มาก แท่นตะโกนเรียกน้องๆ
“เด็กๆ” พวกเกิร์ลกรุ๊ปหันหน้ามาอย่างสดชื่น น่ารัก “พี่อาทิตย์ชมว่าพวกหนูสวยน่ารักทุกคนเลย” พวกสาวๆ ยิ้ม ขวยเขิน คิกคัก ส่งสายตาหวาน “แต่พี่อาทิตย์แต่งงานแล้ว” พวกสาวๆ หน้าหุบทันที เซ็ง ส่งสายตาหยามเหยียม แหวะ แล้วสะบัดบ๊อบใส่ เดินจากไป “ไงล่ะ แกรับได้มั้ย”
อาทิตย์อึ้ง ซีด

ลิ้นจี่กำลังนั่งพักผ่อนอยู่ในบ้าน อาทิตย์เดินเข้ามาหาลิ้นจี่ท่าทางขึงขังแน่วแน่
“แม่ครับ ผมแต่งงานไม่ได้”
“หมายความว่ายังไง”
“ผมยังไม่พร้อมและถ้าผมฝืนแต่งไปกับคนที่ไม่รัก อนาคตก็คงจะมีปัญหา ไม่ดีหรอกครับ”
“ลูกพูดถูก คนเราถ้าคิดจะแต่งงานมันต้องคิดให้รอบคอบ”
ลิ้นจี่ส่งแฟ้มให้อาทิตย์ดู ที่หน้าปกเขียนว่า “หญิงสาวผู้เข้ารอบสุดท้ายการค้นหาภรรยาของนายอาทิตย์” อาทิตย์เห็นหน้าปกแล้วงง
“หญิงสาวผู้เข้ารอบสุดท้ายการค้นหาภรรยาของนายอาทิตย์?”
“ทุกคนเป็นลูกเพื่อน ไม่ก็เพื่อนของเพื่อน แม่คัดมาให้ลูกเลือกสามคน ลองดูก่อนนะ”
“แม่ครับ ผมปฏิเสธแม่ไม่ได้เลยใช่มั้ยครับ”
“แม่แค่อยากเห็นงานแต่งงานของลูกก่อนที่แม่จะเป็นอะไรไป”
ลิ้นจี่ทำท่าเครียด ปวดหัว
“โอเคครับ ถ้าอยากให้ผมแต่งงานมาก งั้นอยากให้ผมแต่งกับใคร เลือกมาเลยครับ” อาทิตย์บอกแล้วจะไป

“ลูกจะรีบไปไหน ดูตัวเลือกก่อนสิ”

ลิ้นจี่ดึงอาทิตย์ไว้ อาทิตย์เลี่ยงไม่ได้ จำใจดูรูป ลิ้นจี่บอกข้อมูล

“คนแรก น้องจินนี่ อายุ 25 จบจากอังกฤษ สวย ฉลาด พูดได้ห้าภาษา ตอนนี้เป็นครูสอนโยคะระดับเทพ ตัวอ่อนมาก หัวจรดเท้า เท้าจรดหัว บิดหน้าบิดหลังสบายขนาดโยคีที่อินเดียยังต้องมาจ้างไปสอนเลยนะ รับรอง ว่าท่ายากเพียบ”
“แม่ลามกอ่าค้าบ เตียงนอนของเราต้องเป็นเตียงตะปูแน่ๆ เลย” อาทิตย์ประชด
“งั้นคนนี้” ลิ้นจี่ให้ดูรูปสาวคนต่อไป “น้องบับเบิ้ล เพิ่งสอนเนฯ ได้มาหมาดๆ คุณแม่เป็นอัยการ พ่อเป็นผู้พิพากษา รับรองว่าจะเป็นภรรยาที่อยู่ภายใต้ระบอบการปกครองแบบประชาธิปไตย มีความยุติธรรมให้ลูกแน่นอน”
“ดีนะครับ เวลาทะเลาะกันก็เชิญพ่อแม่ภรรยามาพิพากษาคดีได้เลย”
“งั้นคนสุดท้าย”
ลิ้นจี่ยื่นรูปของมัทนีมา
“นี่”
อาทิตย์ถึงกับชะงัก
“คนนี้ชื่อหนูมัทนี เป็นเจ้าหน้าที่มูลนิธิเพื่อนหญิง ลูกสาวของคุณนายจำเนียรที่ใครๆ ก็รู้จักดีในฐานะภรรยาอันดับหนึ่งของประเทศ กับคุณหาญ ที่แสนจะธรรมธรรโม เป็นคนจิตใจดี ชอบช่วยเหลือคนอื่น ที่สำคัญเพิ่งอกหักมาหมาดๆ ด้วย”
อาทิตย์หันมามองแม่อย่างรู้ทัน
“แม่ครับ”
“เลือกหนูมัทนีใช่มั้ยจ๊ะ” อาทิตย์ทำฟอร์มฮึดฮัดไม่สนใจ เอารูปผู้หญิงทั้งสามไปติดบนผนัง แล้วหยิบลูกดอกมา จะปา “ลูกจะทำอะไร”
“ลูกดอกปักคนไหน แต่งกับคนนั้น”
“เดี๋ยวๆ” ลิ้นจี่รีบขวาง “ไหนลูกบอกให้แม่เลือกให้ไง งั้นแม่เลือกหนูทัทนีแล้วกัน จบนะ”
อาทิตย์รู้ทันแม่

อีกมุมในค่ายเพลง แท่น โทนี่ อเนก โมกข์ยืนสงบนิ่งไว้อาลัยต่อหน้าอาทิตย์
“จะไว้อาลัยอีกนานมั้ย”
อาทิตย์ถาม ทุกคนกลับมาเป็นปกติ
“นี่ไม่ใช่แค่การไว้อาลัยให้แกนะ แต่มันคือการไว้อาลัยให้กับแก๊งของเราด้วย” โทนี่บอก
“เราเสียโมกข์กับเอนกไปแล้ว นี่เรากำลังจะเสียอาทิตย์ไปอีก ต่อไปนี้ คงจะมีแค่เราสองคนแล้วโทนี่” แท่นจับมือโทนี่ “เตงอย่าทิ้งเค้านะ”
“เตงก็เหมือนกันนะ”
โทนี่กับแท่นกอดกัน
“อย่าเว่อร์น่ะ การแต่งงานมันน่ากลัวขนาดนั้นเลยเหรอวะ”
“น่ากลัวสิวะ” แท่นกับโทนี่บอกพร้อมกัน อเนกลุกยืด ฮึด
“ไม่จริง พวกแกกลัวเพราะพวกแกยังไม่ได้เจอกับรักแท้ แต่ถ้าเมื่อไหร่พวกแกได้เจอ แกจะรู้ว่ามันเป็นยิ่งกว่าสวรรค์”
“สวรรค์”
“คนเราสุดท้ายแล้วมันก็ต้องแต่งงานกับใครสักคน เราต้องมีครอบครัว มีลูกน้อย ที่จะเป็นกำลังสำคัญของประเทศชาติในอนาคต เมื่อก่อน ฉันใช้ชีวิตไปวันๆ แบบไม่มีเป้าหมาย แต่ตอนนี้ฉันรู้แล้วว่าฉันทำงานไปเพื่ออะไร เพื่อภรรยาและลูก”
ทุกคนอึ้งที่อเนกเป็นเอามากกับชีวิตคู่

“อาจารย์ใหญ่ของเรากู่ไม่กลับแล้ว” โมกข์บอก
“แกเห็นแล้วใช่มั้ยว่าการแต่งงานมันเปลี่ยนคนธรรมดาๆให้กลายเป็นคนโลกสวยได้” โทนี่บอก
“อาทิตย์ แกไม่อยากมีใครสักคนที่เติมเต็มชีวิตแกได้เหรอ คนที่แค่เราได้เห็นหน้าเขาก็หายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้ง” อเนกถาม
“แต่ถ้าฉันเหนื่อย ฉันก็เรียกน้องๆ มานวด” แท่นบอก
“ถูกกก” โทนี่กับโมกข์บอกพร้อมกัน
“นั่นมันไม่ใช่ความสุขที่แท้จริง” อเนกบอก
“เหรอ” โทนี่ โมกข์ แท่นบอกพร้อมกัน อเนกขัดใจ กระทืบเท้างอนๆ
“พวกแกไม่มีรักแท้ พวกแกไม่เข้าใจๆ”
“อาทิตย์ แต่งงานแรกๆ แกจะเป็นอย่างอเนก แต่สักพักแกจะเป็นอย่างฉัน มีชีวิตแต่ไม่ใช่เจ้าของชีวิต เพราะ...” โมกข์พูดยังไม่ทันจบ ทันใดมือถือของโมกข์ดัง
“เจ้าชีวิตตัวจริงโทรมาแล้ว” แท่นกับโทนี่บอกพร้อมกัน โมกข์หน้าละห้อย แยกตัวไปรับสาย
“จ๋า ครับ กำลังจะกลับเดี๋ยวนี้แหละครับ” โมกข์หันมาโบกมือลาเพื่อนๆ
“เฮ้ย” อเนกดูเวลา “นรีสอนจะเสร็จแล้ว ฉันไปก่อนนะ”
ทั้งโมกข์และอเนกแยกย้ายออกไป
“แกดู ดูๆ ไอ้พวกที่แต่งงานแล้วเป็นอย่างนี้หมด ถึงเวลาที่เมียต้องการ มันก็จะกลายเป็นเป็ด เอาแต่ร้องกาบๆๆ กลับๆๆ” แท่นบอก
“อาทิตย์ ถ้าแกกลายเป็นเป็ด กลับๆๆ อีกคน ฉันต้องเซ็งเป็ดมากๆ เพราะแก๊งเราต้องพินาศแน่ๆ” โทนี่บอก
“ไม่ แก๊งเราจะต้องไม่พินาศ ถึงฉันจะแต่งงานแล้ว ฉันก็จะทำตัวเหมือนเดิม จะไม่มีวันเห็นเมียดีกว่าเพื่อนเด็ดขาด” อาทิตย์บอกเสียงจริงจัง
“แกจะทำได้เหรอ” แท่นย้อนถาม
“คนอย่างอาทิตย์ ไม่มีวันทิ้งลายเสือ พวกแกคอยดูแล้วกัน”

“เออ แล้วจะคอยดู” แท่นกับโทนี่บอกพร้อมกัน อาทิตย์ฟอร์มๆ มั่นใจ

ที่บ้านมัทนี หาญตกใจกับสิ่งที่จำเนียรบอก

“คุณจะให้ลูกเราแต่งงานกับนายอาทิตย์”
จำเนียรกำลังหารือกับหาญอยู่
“ใช่ค่ะ คุณลิ้นจี่แกมาทาบทามเอาไว้ แล้วฉันก็คิดว่าพ่ออาทิตย์ก็ไม่เลวนะ อย่างน้อยก็ดีกว่าอีตาเอกชเยศร์แน่ๆ คุณว่ามั้ย”
“ดีกว่าหรือเปล่าผมไม่รู้ แต่ที่รู้คือไอ้นี่ทั้งกะล่อน เจ้าชู้ ลีลาเล่ห์เหลี่ยมมันแพรวพราวสุดๆ”
“วันๆ คุณเอาแต่สวดมนต์เข้าวัด คุณไปรู้ได้ยังไง”
“ก็ ก็ผมอ่านหนังสือพิมพ์ไง เขาเรียกแก๊งนายอาทิตย์ว่าพวกลูกเศรษฐีใจแตกไม่ใช่เหรอ”
“แหม่ ก็ข่าวนั้นนายเอกชเยศร์เป็นคนเขียนนะคะ ตาคนนี้อคติจะตาย”
“นั่นแหละ ถ้าลูกจะมีแฟนใหม่ทั้งที มันก็ต้องดีให้มากๆ สิ”
“มากแค่ไหนคะ? ถ้ามากเท่าคุณล่ะก็บอกได้เลยว่าไม่มี เอาดีแค่ครึ่งหรือเสี้ยวเดียวของคุณยังหายากเลย คุณน่ะเป็นเนื้อนาบุญที่ร้อยปีจะเกิดมาสักคน เพราะฉะนั้นคุณจะเอาตัวเองไปเทียบกับพ่ออาทิตย์ไม่ได้ สิ่งที่ฉันทำได้ตอนนี้คือหาใครสักคนที่ดีที่สุดในจังหวะนี้ให้ลูกของเรา คุณเข้าใจนะคะ”
“งั้น งั้นก็ต้องถามลูกด้วย ถ้าลูกไม่โอเค คุณห้ามบังคับลูก”
“ค่ะ พ่อพระของเมีย”

ที่ห้องนอนมัทนี มัทนีกำลังลบรูปเอกชเยศร์ในโทรศัพท์มือถือทิ้ง สักพักจำเนียรมาเคาะประตู
“ลูกมัท แม่เอง”
มัทนีเก็บมือถือแล้วลุกไปเปิดประตู
“มีอะไรคะแม่”
“แม่ขอคุยด้วยหน่อยได้มั้ย”
“ค่ะ”
จำเนียรเข้ามาในห้องพบว่าห้องมัทนีสะอาดเรียบร้อย
“นี่ลูกจัดห้องใหม่เหรอ”
“เอ่อ ค่ะ พอดีทำความสะอาดห้องก็เลยถือโอกาสจัดนั่นจัดนี่ใหม่ค่ะ”
“ดีแล้วจ้ะ อะไรเก่าๆ ที่มันไม่ดีก็ต้องโละทิ้งไป อย่าเก็บไว้ให้มันรกหูรกตา ห้องลูกจะได้มีพื้นที่ว่างๆ เอาไว้รับอะไรดีๆ ใหม่ๆ เข้ามาแทนไงจ๊ะ”
“ใช่ค่ะ มัทก็เลยหอบงานมาทำค่ะคุณแม่ มัทมีเวลามากขึ้นแล้ว คดีอะไรที่เคยค้างอยู่จะได้สะสางให้เสร็จซะที”
“ลูกมัท แม่รู้ว่าลูกกำลังเสียใจ แต่ลูกจะทำงานยี่สิบสี่ชั่วโมงมันก็ไม่ได้ช่วยอะไรขึ้นมาหรอก ของอย่างนี้หนามยอกต้องเอาหนามบ่ง เชื่อแม่สิ”
“หมายความว่ายังไงคะ”
“แม่อยากนำเหนอคนดีๆ คนนึงให้ลูกรู้จัก จริงๆ ลูกก็รู้จักอยู่แล้วแหละ แต่แม่อยากให้ลูกลองพิจารณาเขาสักนิด”
“แม่จะจับคู่ให้มัทเหรอคะ”
“แหม่ แม่รักและเป็นห่วงลูกนะ ไม่อยากให้ลูกเศร้า แล้วพ่ออาทิตย์ก็เป็นคนใช้ได้นะแม่ว่า”
มัทนีได้ยินชื่อ ก็เอะใจ

“เดี๋ยวนะคะ อาทิตย์ อย่าบอกนะคะว่าแม่จะนำเหนอนายอาทิตย์ ลูกชายคุณนายลิ้นจี่”
“ลูกโสดแล้ว ก็ไม่น่าปิดโอกาสตัวเองนะ”
“แม่คะ แม่ก็ทราบไม่ใช่เหรอคะว่ามัทกับเขา เราเป็นศัตรูกัน”
“ศัตรูอะไรกันจ้ะ ลูกคิดไปเองฝ่ายเดียวแล้วล่ะ พ่ออาทิตย์คงจะกวนๆ เกรียนๆ เรียกร้องความสนใจไปอย่างนั้นเอง ตามประสาผู้ชายที่แสดงออกไม่เก่ง แต่จริงๆ แล้วเขาปลื้มลูกมาก เรียกว่ารักเลยล่ะ ไม่อย่างนั้นเขาคงไม่รบเร้าให้คุณนายลิ้นจี่มาหาแม่เพื่อพูดจาทาบทามขอลูกไปสะใภ้หรอก”
“สะใภ้”
“ใช่จ้ะ พ่ออาทิตย์ให้คุณแม่ของเขามาสู่ขอลูก เขาอยากแต่งงานกับลูก ลูกจะว่าไงจ๊ะ”
มัทนีอึ้ง โมโห
“สู่ขอเหรอ อยากแต่งงานเหรอ มันใช่นายคนนี้เหรอ”

วันเดียวกันนั้น จำเนียรเดินเข้ามาในสถานีวิทยุเตรียมตัวจะจัดรายการ แต่แล้วลิ้นจี่รีบวิ่งเข้ามา
“คุณจำเนียรคะ เป็นยังไงบ้างคะ เรื่องที่เราคุยกันไว้ ไม่ทราบว่าคุณได้ลองคุยกับหนูมัทหรือยังคะ”
“คุยแล้วค่ะ”
“เหรอคะ แล้วหนูมัทว่ายังไงบ้าง”
ลิ้นจี่ตื่นเต้น ลุ้นมาก จำเนียรมีสีหน้าลำบากใจ

ขณะนั้นอาทิตย์กำลังชะเง้อรอแม่อยู่ที่บ้าน รถลิ้นจี่แล่นเข้ามา อาทิตย์รีบฟอร์ม
“ว่าไงบ้างครับแม่”
“อะไรว่าไง”
“อ้าว ก็แม่ไปหาคุณจำเนียรมาไม่ใช่เหรอครับ อย่าบอกนะครับว่าไม่ได้ไปหาเพราะเรื่องแต่งงาน”
“แหม่ จำแม่นเหมือนกันนะ นึกว่าจะไม่อยากแต่งซะอีก”
“ก็ ผมไม่ได้อยากแต่ง ผมทำเพื่อแม่ แล้วนี่ผมก็ลุ้นให้เขาปฏิเสธอยู่”
“เหรอ”
“ตกลงยัยมัทนีตอบว่าไงครับ”
ลิ้นจี่หยิบมือถือตัวเองขึ้นมากด แล้วส่งให้

“เอาไปดูเอง”

อาทิตย์กดดูเป็นคลิปที่มัทนีอัดหน้าตัวเองไว้

“สวัสดีค่ะ ข้อความนี้ถึงนายอาทิตย์ บวรกิจบรรหาร ถ้าคุณไม่ใช่ กรุณาปิดคลิปเดี๋ยวนี้ค่ะ” นิ่งไปสัก 3 วินาที “นายอาทิตย์. ไอ้บ้า ไอ้ประสาท โรคจิต ฉันเลิกกับแฟนวันก่อน วันนี้นายมาขอฉันแต่งงาน เพื่อนเล่นเหรอ สนุกมากใช่มั้ยที่ได้แสดงความกักขฬะทางเพศออกมา นายมันทุเรศที่สุด ฉันจะบอกให้นะ ก่อนจะพูดคำว่าแต่งงาน นายควรจะไปหัดเรียนรู้คำเบสิกอย่างคำว่า“รัก”ซะก่อนเถอะ ถ้ายังไม่รู้จักคำว่ารัก ก็อย่าฝันจะได้แต่งงานเลย”
ภาพในจอค้างที่หน้ามัทนีแค้นสุดๆ อาทิตย์ยืนอึ้งไป
“คำตอบชัดเจนมั้ย”
“รักเหรอ อยากให้ฉันรู้จักคำว่ารักเหรอ ได้ เดี๋ยวสวยๆ”
อาทิตย์ฉุน เดินออกไป ลิ้นจี่ลุ้นๆ
“สู้ๆ นะอาทิตย์”

ที่บ้านอเนก มัทนีอยู่กับนรีที่กำลังตรวจงานนักศึกษาไปด้วยคุยกันไปด้วย
“พี่ยังไปสอนเหมือนเดิม ไม่มีปัญหาอะไร ขอบใจมัทกับคุณป้ามากที่เป็นห่วง แล้วมัทล่ะ พี่ได้ข่าวว่าเลิกกับ...“
“ค่ะ แล้วคุณสามีพี่ล่ะคะ ดีกับพี่หรือเปล่า” มัทนีเปลี่ยนเรื่อง
“มัท ตั้งแต่แต่งงานกันมา อเนกยังไม่เคยทำตัวเหลวไหลเลยนะ เขาดูแลพี่ดีมากๆ”
“ถ้าเป็นอย่างนั้นก็ดีใจด้วยค่ะ แต่อย่าประมาทนะคะ เพราะต่อให้เชื่องยังไง เสือยังไงก็คือเสือวันยันค่ำ”
แต่แล้วอเนกก็เดินกลับเข้ามา ถือข้าวของที่ไปจ่ายตลาดมาด้วย
“แถวนี้ไม่มีหรอกครับเสือ มีแต่สิงโต โฮก ฮะๆ”
มัทนียกมือไหว้ สวัสดีตามมารยาท
“งั้นผมเป็นลูกกวางแล้วกัน เพราะรู้สึกว่ากำลังตกเป็นเหยื่อ” อาทิตย์เดินตามอเนกเข้ามาแล้วพูดกับมัทนี “ไม่ทราบว่าคุณมัทจะเป็นตัวอะไรดีครับ”
มัทนีคาดไม่ถึงว่าจะเจออาทิตย์
“พี่นรีเชิญเขามาเหรอคะ”
“ผมมาเองครับ พอดีโทรหาอเนก แล้วรู้ว่าพี่นรีจะเข้าครัวทำอาหารต้อนรับแขกพิเศษ ผมก็เลยอยากมาชิม” อาทิตย์บอก
“มัทกลับก่อนดีกว่า ไม่อยากอยู่ร่วมวงกับ ลูกกวาง”
“ทำไมรีบไปล่ะครับ นัดแฟนไว้เหรอ”
มัทนีชะงัก อึ้ง นรีกับอเนกก็ตะลึงไปด้วยที่อาทิตย์พูดออกมาซื่อๆ

“อาทิตย์ พูดอะไรระวังหน่อย”
อเนกเตือนเพื่อน
“อ้อ ใช่ โทษทีครับ ลืมไปว่าโสดแล้ว ไม่โกรธใช่มั้ยครับ”
“ฉันไม่ถือสาหรอก ก็แค่คำพูดของคนไม่มีค่าคนนึง”
“ไม่มีค่า คุณคงไม่รู้ว่าในโซเชี่ยลมีเดียส่วนตัวผม มีคนฟอลโล่วมากแค่ไหน และมากกว่าครึ่งเป็นผู้หญิง”
“คนบางคน อยู่แต่ในโลกจอมปลอมจนเคยชิน แค่มีคนมารุมรักนิดๆ หน่อยๆ ก็มโนไปเองว่าตัวเองฮอตเป็นที่ต้องการ แต่จริงๆ แล้ว ก็เป็นแค่ตัวมาสคอตที่สาวๆ แวะมาถ่ายรูปด้วยเพื่อเอาไปโพสต์อวดในโซเชี่ยล แค่นั้นเอง”
“นี่คุณ”
“อ้อ และพวกมาสคอตก็เป็นแค่ตุ๊กตุ่นตุ๊กตา น่ารัก แต่ไม่มีชีวิต ไม่มีหัวใจ ไม่มีใครเอาทำพันธุ์ด้วย”
มัทนียิ้มเยาะ แล้วเดินไป อาทิตย์ดึงแขนไว้
“คุณรู้อะไรมั้ยยิ่งคุณด่าผมได้แสบแค่ไหน ผมยิ่งอยากจะแต่งงานกับคุณมาก”
“แต่งงาน” นรีกับอเนกอุทานออกมาพร้อมกัน
“อ้อ ฉันยังไม่ได้บอกนายเหรออเนก ว่าผู้หญิงที่แม่ฉันเล็งให้เป็นศรีภรรยาคือคุณมัทนี และฉันว่าเราเหมาะสมกันมาก จริงมั้ยคุณมัทนี” มัทนีเตะหน้าแข้งอาทิตย์ “โอ๊ย”
“บอกแล้วไง ว่าอย่าสะเออะพูดคำว่าแต่งงาน ถ้ายังไม่รู้จักความรัก”
มัทนีเดินออกไป

มัทนีเดินผลุนผลันออกมา อาทิตย์ตามมา
“คุณคิดว่าผมไม่รู้จักความรักเหรอ แล้วคุณล่ะ คุณรู้จักความรักดีแค่ไหนมัทนี”
“ฉันรู้จักดีกว่านายแล้วกัน”
“ความรักระหว่างคุณกับเอกชเยศร์น่ะเหรอ แน่ใจเหรอว่ามันคือความรัก ไม่ใช่ความหน้ามืดตามัวเห็นความชั่วเป็นความดี”
“ฉันจะไม่อธิบายอะไรกับนาย เพราะนายไม่มีวันเข้าใจ”
“ใช่ ผมไม่เข้าใจความรัก แต่ผมจะเรียนรู้มันให้ได้ และผมจะเรียนรู้คำๆ นี้จากคุณ”
“หา” มัทนีมองหน้าอาทิตย์อย่างตกใจ
“คุณต้องสอนผมว่าความรักเป็นยังไง”
“เพื่อ”
“เพื่อผมจะได้รักคุณและแต่งงานกับคุณไง”
“ถามฉันมั้ยว่าอยากแต่งหรือเปล่า”
“อยากสิ ไม่เคยมีใครไม่อยากแต่งงานกับผม คุณเองก็เหมือนกันมัทนี คุณจะต้องใจอ่อนยอมแต่งงานกับผมแน่ๆ”
“ไม่มีทาง”
“งั้นก็ระมัดระวังใจคุณไว้ดีๆ อย่าเผลอ เพราะผมจะมาขโมย”

มัทนีอึ้ง
 
อ่านต่อหน้า 4

พ่อไก่แจ้ ตอนที่ 7 (ต่อ)

วันต่อมาที่บ้านมัทนี มัทนีจูงท่วมทุ่งเดินเล่นกลับเข้ามาในบ้าน จำเนียรกำลังพูดโทรศัพท์เสียงสดใสร่าเริง

“ได้ค่ะ ไม่มีปัญหาค่ะคุณนายลิ้นจี่ ทั้งดิฉันทั้งลูกมัทไม่ได้ติดธุระอะไรเลย คอนเฟิร์มเลยค่ะ แล้วเจอกันนะคะ”
“คุณแม่รับปากอะไรคุณนายลิ้นจี่คะ เกี่ยวกับมัทด้วย มัทได้ยิน”
“พรุ่งนี้วันเกิดพ่ออาทิตย์ คุณนายลิ้นจี่เลยโทรมาชวนแม่กับลูกไปร่วมงาน”
“มัทไม่ไปค่ะ”
“มัท”
“แม่คะ มัทเพิ่งถูกเอกทิ้งหมาดๆ แล้วเขาก็ส่งแม่มาทาบทามสู่ขอมัทเนี่ยนะ คนดีๆ ที่ไหนทำกัน เขาก็แค่สนุกที่ได้ล้อมัทเล่นให้ฮาไปวันๆ แค่นั้นเองค่ะ”

หาญเข้ามา ปกป้องมัทนี
“ยัยมัทพูดถูก คุณจำเนียร คุณเป็นโลโก้ของครอบครัวอบอุ่นนะ คิดยังไงถึงจะส่งลูกไปเข้าปากพวกเสือสิงห์กระทิงแรด”
“เสือสิงห์กระทิงแรด? อ๋อ แสดงว่าลูกกลัวพ่ออาทิตย์”
“คะ กลัวอะไรค่ะ”
“ก็กลัวว่าจะหลงเสน่ห์เสือสิงห์กระทิงแรดอย่างพ่ออาทิตย์ไง”
มัทนีคอแข็งขึ้นมาเลย ทิฐิปะทุ
“แม่คะ ถ้ามีใครถามมัทว่าเกลียด ขยะแขยง อยากอยู่ให้ไกลๆ จากอะไรที่สุด หรืออยากกำจัดอะไรให้หมดไปจากโลกนี้มากที่สุด คำตอบของมัทมีคำตอบเดียวก็คือนายอาทิตย์ ชัดเจนมั้ยคะ”
หาญรีบห้ามมัทนี
“อย่าลูก อย่าเกลียดขนาดนั้น เพราะคนเราเกลียดอะไรจะได้อย่างนั้น เชื่อพ่อเถอะ” หาญเหลือบมองจำเนียร
“ไม่ใช่มัทแน่ค่ะ” มัทนีบอกอย่างมั่นใจ
“ดีจ้ะ งั้นก็ไม่มีอะไรต้องกลัว พรุ่งนี้แต่งตัวสวยๆ นะ”
จำเนียรเดินอุ้มท่วมทุ่งออกไปเลย
“แม่อ้ะ นี่แม่หลอกมัทนี่”
มัทนีขัดใจ
“ถ้าเลี่ยงไม่ได้ก็ไปเถอะลูก แม่ของลูกจะได้จบซะที”
หาญบอก มัทนีคิดทำอะไรบางอย่าง

อีกด้านหนึ่งที่โรงแรมปะการัง โทนี่กำลังเอากล้องมือถือถ่ายอาทิตย์ที่อยู่ในชุดเสื้อกล้าม โชว์ต้นแขน
“ถึงเพื่อนๆ โซเชี่ยวแคม พรุ่งนี้วันเกิดเรา เราจะจัดปาร์ตี้ และอยากเชิญแฟนคลับที่ติดตามเรา รักเรา อยากมาสนุกกับเราและแก๊งของเราจริงๆ โอเคป่ะ? ใครสนใจ ทิ้งเบอร์ไว้ เดี๋ยวติดต่อไปเอง จะมาหมู่มาเดี่ยวก็ได้ เราไม่กลัวอยู่แล้ว จริงป่ะพวกเรา” อาทิตย์บอก โทนี่แพนกล้องไปรับ ทุกคนเฮฮาวี้ดวิ้ว แท่นเสนอหน้ายื่นมาเต็มจอ
“โอกาสที่จะได้ใกล้ชิดนายอาทิตย์มาถึงแล้ว อย่าช้า รีบมาเยอะๆ นะคร้าบสาวๆ”
โทนี่กดพอสคลิป เตรียมอัพขึ้นโซเชี่ยว
“อัพเลยๆๆ” โมกข์บอก อาทิตย์เซ็ง
“ทำไมต้องให้ชั้นพูดไรอย่างนี้ทุกปีด้วยวะ”
“ก็แกมันไอ้เกสรหอม เราก็ต้องเอามาเป็นเหยื่อล่อผีเสื้อสาวๆ สิวะ”
“น่าสงสารผีเสื้อน้อย ไม่รู้ตัวเลยว่าไอ้อาทิตย์จะเป็นเพียงทางผ่าน ให้แม่ผีเสื้อบินผ่านๆ เลยมาลื่นตกต้นไม้กินแมลง อย่างหม้อข้าวหม้อแกงลิง ซึ่งก็คือพวกเรา ฮ่าๆ”
พวกเพื่อนๆ เฮฮากัน มีอเนกนั่งซึมๆ เซ็งๆ ไม่เข้าพวก
“พวกแกนี่เด็กมาก ไม่รู้จักโต”
“แหม ไอ้ผู้ใหญ่ หรือแกจะไม่มาร่วมงานก็ได้นะ จะได้บอกอาทิตย์ไปเลยว่าไม่ต้องเชิญ”
แต่แล้วมัทนีก็เดินเข้ามา
“จะไม่มีใครได้รับเชิญทั้งนั้น” ทุกคนงง “แม่คุณเชิญชั้นมางานวันเกิดนายเพราะอยากให้เราได้เรียนรู้กัน มันก็ควรจะเป็นงานภายในของเราสองครอบครัว ไม่มีคนอื่น และชั้นจะจัดงานให้คุณเอง”
พวกเพื่อนๆ อาทิตย์ฮือฮา
“ไม่จริงใช่มั้ยอาทิตย์” แท่นถาม
“เรามีธรรมเนียมที่ทำกันทุกปีในวันเกิดผม คุณจะมาเปลี่ยนแปลงไม่ได้” อาทิตย์บอกมัทนี
“แล้วแต่นะ จะปาร์ตี้กับเพื่อนหรือกับชั้น ถ้าเราสองคนคิดจะจริงจังกัน คุณก็เลือกเลย”
มัทนีบอกเสียงเด็ดขาด ไม่ต่อรอง เพื่อนๆ ลุ้น อาทิตย์เครียด

คืนต่อมาที่บ้านอาทิตย์ ลิ้นจี่ออกมาต้อนรับจำเนียรกับมัทนีที่มาถึงบ้าน
“คุณจำเนียรเชิญค่ะๆๆ”
อาทิตย์เดินตามออกมาต้อนรับด้วย ยกมือไหว้ จำเนียรยื่นของขวัญให้อาทิตย์
“สุขสันต์วันเกิดนะจ๊ะพ่ออาทิตย์ ขอให้มีความสุข แข็งแรง เป็นที่รักของทุกคนในครอบครัวนะจ้ะ” จำเนียรอวยพร
“ขอบคุณครับ”
“มัททำอาหารมาจากบ้านด้วย รบกวนช่วยจัดให้ทีนะคะ”
มัทนียื่นตะกร้าที่มีชุดสำรับอาหารส่งให้เด็กรับใช้ในบ้าน
“นี่หนูมัททำเองเลยเหรอ”
“ค่ะ ก็มัทบอกแล้วว่ามัทจะจัดงานนี้ให้อาทิตย์เอง มัทก็ต้องทำให้สุดฝีมือสิคะ แต่มีเวลาน้อย เลยจัดได้ราบเรียบไม่หวือหวา ไม่ว่ากันนะคะ”
“ไม่ว่าหรอกครับ ผมรู้อยู่แล้วว่าคุณน่ะ เรียบมาก” มัทนีเบิกตาเล็กน้อย รู้ว่าโดนอาทิตย์แขวะถึงส่วนอื่นของเธอ แต่ก็ยังยิ้มแย้มไว้ “แล้วคุณไม่มีของขวัญให้ผมมั่งเหรอ”
“มีค่ะ แต่ยังไม่ให้”
จำเนียรกับลิ้นจี่คิกคักกัน คิดว่าจะต้องมีของขวัญเซอร์ไพร้สกุ๊กกิ๊กอะไรกันแน่ๆ อาทิตย์ตะหงิดๆ ในท่าทีของมัทนี ที่ดูเป็นมิตรเกินกว่าทุกที มัทนียิ้ม แอบร้ายๆ

อาทิตย์กำลังแกะห่อของขวัญที่จำเนียรมอบให้ ลิ้นจี่กับจำเนียรกำลังลุ้น อาทิตย์แกะออกมาพบว่าเป็นพระพุทธรูป
“ป้ากับคุณหาญช่วยกันเลือกเพื่อเธอโดยเฉพาะเลยนะ ปลุกเสกแล้ว ศักดิ์สิทธิ์มาก ขอให้เจริญๆ นะ อ้อ เกือบลืม คุณหาญฝากมาอวยพรด้วยว่าก่อนจะทำอะไรให้คิดถึงองค์พระ”
“ขอบคุณมากครับ”
อยู่ดีๆ ไฟดับพรึ่บ มัทนีเดินถือเค้กออกมา พร้อมกับร้องแฮปปี้เบิร์ธเดย์นำ ลิ้นจี่ จำเนียร มัทนีช่วยกันร้องอวยพร แล้วมัทนีก็ยื่นเค้กมาตรงหน้าอาทิตย์
“อ๊ะ อธิษฐานก่อน”
อาทิตย์จ้องหน้ามัทนี แล้วอธิษฐาน
“ขอให้ได้แต่งงานกับผู้หญิงเก่ง ฉลาด สวย มีเมตตาต่อเพื่อนมนุษย์ ถ้าทำงานในมูลนิธิด้วยจะรับพิจารณาเป็นกรณีพิเศษ”
“จบยังคะ เป่าเถอะค่ะ”

อาทิตย์เป่า เทียนดับหมด ลิ้นจี่ไปเปิดไฟ

พอไฟสว่าง อาทิตย์จึงเห็นว่าเค้กที่อยู่ตรงหน้า ออกแบบมาเป็นรูปหม้อหุงข้าว
 
อาทิตย์รู้ตัวว่าโดนด่าอยู่ ซึ้งใจมากกก
“หม้อหุงข้าว อื้ม สร้างสรรค์มาก” มัทนียิ้มเยาะ ลิ้นจี่กับจำเนียรสบตากัน ดี๊ด๊า ที่เห็นหนุ่มสาวสปาร์คกันไว จีบกันดุเหลือเกิน “นี่ยังไม่ใช่ของขวัญที่จะให้ผมใช่มั้ยครับ”
“ยังคะ ยังไม่ถึงเวลา”
“คุณแม่ครับ พาคุณป้าจำเนียรไปทดลองคอร์สสปาใหม่ของเราสิครับ คุณมัทคงอยากจะให้ของขวัญผมสองต่อสอง”
“จริงด้วย ไปกันเถอะค่ะ”
ลิ้นจี่กับจำเนียรพากันออกไป อาทิตย์สบตามัทนี ท้าทาย รู้ว่าต้องมีอะไรแน่ แต่ไม่กลัว พร้อมเผชิญ
“เราอยู่กันตามลำพังแล้วนะ” อาทิตย์เข้าไปหามัทนีใกล้ๆ ยั่ว กวน “ขอของขวัญวันเกิดหน่อยสิ”
มัทนียิ้ม ผละออก เดินแยกไป อาทิตย์ข่มใจ อยากรู้นักว่าจะทำอะไรกันแน่

มัทนีเดินแยกออกมานอกบ้าน ท่าทางสบายๆ กระหยิ่มๆ อย่างคนถือไพ่เหนือกว่า รอเวลาเชือดอาทิตย์ อาทิตย์ตามมามองมัทนีอย่างประทับใจ หมั่นเขี้ยว
“ที่ทำตัวเรื่องเยอะ ลีลามาก ไม่ทราบว่าของขวัญที่จะให้ผม คือการยอมรับรักและแต่งงานกับผมหรือเปล่า”
“แหม คุณพูดถึงการแต่งงานยังกับชวนกันไปร้านสะดวกซื้อเลยนะ”
“เอ้า หรือคุณไม่ชอบไปร้านสะดวกซื้อ ผมว่าใครๆ ก็ชอบนะ”
“ชั้นชอบร้านโชว์ห่วยแบบชาวบ้านๆ มากกว่า มันมีเอกลักษณ์ เป็นตัวของตัวเอง มีร้านเดียวในโลก ไม่ใช่ร้านสะดวกซื้อ ทันใจ ที่มีอยู่ทุกหน้าปากซอย แต่คุณคงชอบ ชั้นเข้าใจ”
“ผมชอบหมดแหละ ขอให้มีของที่ผมต้องการ ผมทุ่มไม่อั้น”
“ฮึ มีเงินแล้วไง ถ้าคนขายไม่อยากขาย เงินคุณก็ทำอะไรไม่ได้”
“ผมก็จะตามตื๊อจนกว่าจะยอมขาย”
มัทนียิ้ม เยาะหยัน จ้องตาอาทิตย์ท้าทายในที
“กลับไปซื้อในร้านสะดวกซื้อ ง่ายกว่านะ เข้าใจ๋?”
อาทิตย์ยิ้ม โดนใจจริงๆ
“ผมอยากจะเข้าใจ แต่ผมไม่เข้าใจ ยิ่งคุณทำตัวเจ้าเล่ห์ มีลับลมคมในอย่างนี้ ผมยิ่งอยากเข้าใจคุณ มากๆ”
“ชั้นก็อยากให้คุณเข้าใจชั้น มากๆ เหมือนกัน”
ทันใด มีเสียงหญิงสาวหลายคนส่งเสียงร้องวี้ดว้ายและเรียกชื่ออาทิตย์ๆ ดังเข้ามา อาทิตย์แปลกใจ มัทนียิ้มแก้มแทบปริ
“ของขวัญวันเกิดมาแล้ว”
อาทิตย์งง

อาทิตย์รีบเดินออกมาที่สนามบ้าน แล้วต้องตะลึง เพราะพวกสาวๆ บุกเข้ามาเรียกหาเพียบ มีแพรวากับอายูมินำทีม อาทิตย์เห็นพวกสาวๆ ก่อน แล้วคิดจะถอยหนีกลับ แต่มัทนีที่เดินตามมาด้วย จับตัวเอาไว้ ยิ้มร้ายกาจ
“จะไปไหนล่ะคะอาทิตย์”
มัทนีถามเสียงดัง จงใจให้สาวๆ ได้ยิน พวกสาวๆ หันมากันทั้งหมด ขวับ อาทิตย์ตกใจ
“เฮ้ย คุณ”
มัทนีลากอาทิตย์ให้เดินออกมาเผชิญกับพวกสาวๆ พวกสาวๆ กรูกันรุมอาละวาดอาทิตย์
“อาทิตย์ นี่มันอะไรกัน ไหนคุณบอกแพรวาว่าวันเกิดคุณคือศุกร์หน้า”
“ศุกร์หน้าที่ไหน ศุกร์สิ้นเดือน” อายูมิแย้ง
“ไม่ใช่ๆ ศุกร์เดือนหน้า / ศุกร์โน้น”
พวกสาวๆ เถียงกันว่าวันเกิดอาทิตย์จริงๆ คือวันศุกร์ไหนกันแน่
“มีวันเกิดสำหรับสาวๆ ไม่ซ้ำกันด้วย เก๋มาก” มัทนีพูดกับอาทิตย์ แล้วหันไปพูดกับสาวๆ “ทุกคนคะ วันนี้คือวันเกิดอาทิตย์จริงๆ ตามสูติบัตร และคุณแม่ของอาทิตย์เป็นคนจัดงานวันนี้ขึ้นมาเอง”
สาวๆ อึ้ง
“ไม่จริง วันเกิดอาทิตย์ต้องเป็นศุกร์หน้าสิ”
“ต้องเป็นศุกร์สิ้นเดือนตังหาก”
“พวกคุณถูกเขาหลอกแล้ว เห็นหรือยังว่าเขาไม่มีความจริงใจให้พวกคุณเลยสักคน แล้วดูสิ พวกคุณกลายเป็นบรรดาสาวๆ ในสต็อกของเขา เป็นเหมือนของเล่น ของสะสมที่เขาอยากจะชื่นชมวันไหนก็ได้”
“ของเล่นของอาทิตย์ต้องมีแค่อายูมิคนเดียว”
“ชั้นต่างหาก”

แพรวา อายูมิ และสาวๆ หันมาฮึ่มฮั่มกันเอง ผลักกันไปมา จะตบกัน มัทนีรีบร้องห้าม
“อย่าค่ะ อย่าตีกันเอง คนผิดไม่ใช่พวกคุณ คนที่ผิดคือเขา เขาคนเดียว มันโง่มากที่ผู้หญิงดีๆ น่ารักๆ ที่ถ้าเขามีโอกาสได้รู้จักกัน คุยกันดีๆ และผูกมิตร เป็นเพื่อนกัน เค้าก็อาจจะเป็นเพื่อนรักที่ดีต่อกันมากๆ ก็ได้ แต่เขาต้องมาเป็นศัตรูกันอย่างไร้สาระที่สุด เพราะ..”
พวกสาวๆ หันมาจ้องอาทิตย์
“คุณ จะเล่นงี้ใช่มั้ย” อาทิตย์ถาม มัทนีสะใจ ที่อาทิตย์เสร็จตนแน่
“แฮปปี้เบิร์ธเดย์นะ”
พวกสาวๆ เข้ามารุมอาทิตย์
“คุณทำยังงี้กับแพรวาได้ยังไงอาทิตย์ คุณก็รู้ว่าแพรวาลูกใคร”
“อายูมิเสียใจ อาทิตย์ไม่ซื่อสัตย์ คนใจร้ายๆๆ”
“อาทิตย์จะเลือกใคร ตอบมา”
“เลือกอายูมิๆ”
พวกสาวๆ เข้ารุมทึ้งอาทิตย์ไปมา
“หยุด ถ้าพวกคุณอยากให้ผมเลือก ผมก็จะเลือก ผู้หญิงคนเดียวที่ผมรักและจะแต่งงานด้วยก็คือ ต๊ะดา มัทนี”
อาทิตย์โอบมัทนีอวดสาวๆ เลย

“เฮ้ย”

มัทนีตกใจจะผละหนี แต่อาทิตย์จับมัทนีแน่น ไม่ให้หนี

“ผมถึงไม่เชิญพวกคุณ เพราะผมต้องการมีวันเกิดพิเศษๆ กับคนที่ผมรัก และผมขอประกาศให้รู้ไปเลยว่าผมจะแต่งงานกับมัทนีเร็วๆ นี้”
“ไม่จริงงง” สาวๆ บอกออกมาพร้อมกัน มัทนีรีบผละออกจากอาทิตย์
“คุณพูดบ้าอะไร ไม่จริงนะคะ อย่าไปเชื่อเขา”
อาทิตย์เข้ามากอดมัทนีจากด้านหลัง ทำสวีท
“ไม่ต้องอายหรอกมัท คุณอยากให้ผมพิสูจน์ว่าผมรักคุณแค่ไหนไม่ใช่เหรอ นี่ไง ต่อให้มีสาวๆ มาอีกร้อยคน ผมก็สละได้เพื่อคุณคนเดียว” อาทิตย์หอมหน้าผากมัทนีโชว์สาวๆ “มัทนี เขาสั่งให้ผมเลิกกับพวกคุณทุกคนโดยสิ้นเชิง ห้ามโทรหาหรือรับสาย ลบเฟซบุ๊ค ทวิตเตอร์ ไอจี ทุกอย่างในอินเตอร์เน็ต เราคงติดต่อกันไม่ได้อีกแล้ว” พวกสาวๆ ยิ่งฟังยิ่งโกรธมัทนี “ถ้าพวกคุณอยากจะรุมตบแฟนตัวจริงของผมล่ะก็ คนนี้เลย ตบเลย เปลือกทุเรียน หรือมะเขือเทศ หรือไข่เน่าก็ได้ เชิญครับ”

มัทนีตกใจ พวกสาวๆ หันมาจ้องมัทนี มัทนีหน้าซีดสยอง
“อย่าไปเชื่อคำพูดเขา เขาหลอกพวกคุณอยู่”
“ว่ะฮ่ะๆๆ โหะๆๆ เป็นแฟนเรา ต้องอดทนนะตะเอ๊ง” อาทิตย์กระซิบเยาะหยัน “เหนือฟ้า ยังมีฟ้านะยะ ยัยตัวแสบ”
พวกสาวๆ เข้ามารุมมัทนี เหมือนจะตบ แต่อยู่ๆ พวกสาวๆ กลับร้องไห้ เสียใจ มัทนีงง
“อายูมิแสดงความยินดีกับคุณด้วย” อายูมิโค้งแล้วก็ร้องโฮ น้ำตาแตก วิ่งออกไป
แพรวาร้องไห้ ช้ำใจ
“ชั้นเกลียดเธอ เกลียดคุณ เกลียดหมดทุกคนเลย ขอให้แต่งงานกัน แล้วมีลูกเยอะๆ และลูกๆ หน้าตาก็เลว นิสัยก็เลวเหมือนแกทั้งสองคนรวมกัน”
แพรวาร้องไห้ออกไป พวกสาวๆ คนอื่นๆ ก็ร้องไห้ ผิดหวัง ทยอยออกไปกันจนหมด มัทนีงง
“เฮ้ย เดี๋ยวสิ เดี๋ยว ไม่ใช่นะ มันไม่ใช่อย่างน้าน”

มัทนีวิ่งไล่ตามพวกสาวๆ ออกมา
“เดี๋ยวค่ะๆ” มัทนีมาขวางแพรวากับอายูมิทัน “ฉันกับเขาไม่ได้เป็นอะไรกันจริงๆ พวกคุณถูกหลอกแล้ว ต้องเข้าไปจัดการเขานะคะ”
แพรวากับอายูมิเซ็งและเพลียกับมัทนี
“อาทิตย์ไม่เคยพูดคำว่ารักกับใคร”
“ไม่พูดคำว่าแต่งงานกับใครด้วย”
“แต่เขาใช้กับคุณ”
“มันแปลว่า เขาจริงจังกับคุณ ไม่ใช่พวกเรา ฮือๆ”
“เราแพ้แล้ว ฮือๆ”
อายูมิกับแพรวาสะบัดหน้าออกไปพร้อมกัน
“มันไม่ใช่นะ เดี๋ยว”
อาทิตย์หัวเราะเยาะตามเข้ามา
“แอบนัดแฟนคลับผมมาเซอร์ไพร้ส กะเชือดผมนิ่มๆ เหรอ ให้พวกนั้นมารุมจิกหน้าผมเหรอ ไม่รู้เหรอว่าฉายาไฮโซตัวพลิ้ว ผมไม่ได้ได้มาเพราะฟลุ้คนะครับ”
มัทนีแค้นใจ ที่ทำอะไรไม่ได้ ฮึดฮัด เดินหนีไป อาทิตย์ขำๆ ยิ้มๆ

มัทนีเดินมาทางสปา แต่อาทิตย์ยังคงตามมาขวาง
“หลบไป ชั้นจะไปรับแม่กลับบ้าน”
“แหมๆ แผนแป้กแล้วจะหนีกลับบ้านเลยเหรอ” มัทนีถลึงตาใส่ เอาจริง อาทิตย์ยกมือทำท่าว่ายอม “โอเคๆ แต่คุณต้องตอบมาก่อนว่าคุณจะรับผิดชอบหัวใจของผมยังไง”
“รับผิดชอบบ้าบออะไรอีก”
“ก็คุณทำให้ผมถูกแฟนคลับทิ้งหมดเกลี้ยง ผมไม่มีใครแล้วนอกจากคุณ”
“ยิ่งคุณพูดอะไรออกมา ชั้นก็ยิ่งเกลียดขี้หน้าคุณ เข้าใจมั้ยว่าเรื่องแต่งงานไม่ใช่เรื่องล้อเล่น มันคือชีวิตที่เหลืออยู่ของคุณทั้งชีวิต จะตกนรกหรือขึ้นสวรรค์ก็อยู่ที่คนที่เราเลือกมา คุณอาจจะเป็นสวรรค์ของเพื่อนๆ ของครอบครัว แต่ในสายตาชั้นคุณคือนรก ชั้นเห็นแต่นรกในตัวคุณ แล้วชั้นจะเลือกคุณ เพื่อ?”
อาทิตย์จ๋อยไป มัทนีจะเดินผ่าน แต่อาทิตย์หันไปเห็นบางอย่าง ชะงัก ทำหน้าร้าย รีบจับแขนมัทนีเอาไว้ ดึงเข้ามาหา ใกล้ชิด
“ผมเข้าใจแล้ว กระจ่างเลย งั้นตอนนี้คุณก็แต่งงานกับผมได้แล้ว”
“คุณนี่มัน” มัทนีดิ้น
อาทิตย์จับมัทนีให้นิ่ง จริงจังกับคำพูด
“ผมเข้าใจแล้วจริงๆ นะ ไปลงนรกซะเถอะที่รัก”
มัทนีตะลึง ไม่อยากเชื่อ
“คุณบ้าอะไร”
แต่แล้วอยู่ๆ เอกชเยศร์เดินเข้ามา
“มัทนี”

มัทนีอึ้ง คาดไม่ถึง ผละออก ผลักอาทิตย์ไป
“เอก เอกมาได้ยังไง”
“เอกโทรไปที่บ้าน พ่อมัทบอกว่ามาฉลองวันเกิดลูกไฮโซแถวนี้ นี่ใช่มั้ยที่ทำให้มัทไม่คิดจะมาง้อเอกเลยตั้งแต่เลิกกัน ไม่โทรหา ไม่ไลน์ ไม่ว็อทแอ๊ฟ เพราะมาคั่วอยู่กับถังเงินถังทองนี่เอง ผู้หญิงเลว ผู้หญิงวัตถุนิยม จำเอาไว้เลย”
เอกชเยศร์เดินหนี
“เอก เดี๋ยวก่อน”

มัทนีตามเอกชเยศร์ไป อาทิตย์มองตาม สีหน้าร้ายๆ

มัทนีรีบวิ่งตามเอกชเยศร์มา

“เอก ฟังมัทก่อน มัทไม่ได้”
“เลิกสร้างภาพเถอะ ทำตัวเป็นเอ็นจีโอเฟคๆ เป็นแม่พระมาโปรดคนยากที่แท้มัทก็ทำเพื่อสร้างมูลค่าให้ตัวเอง”
“เอก”
อาทิตย์ก้าวเข้ามา ทำหน้าหล่อสุดชีวิต ทำเสียงทุ้มพระเอกๆ
“ผมว่าคุณพูดจาดูถูกคุณมัทมากไปนะครับ”
“มีตรงไหนที่ผมพูดแล้วไม่จริงบ้างล่ะ ผมรู้ว่ามันหมดสมัยกัดก้อนเกลือกินแล้ว จนแต่ดีจะไปสู้คนมีกะตังค์ได้ไง จริงมั้ยมัท ตอบมาเถอะว่ามัทซื้อได้ด้วยเงิน ไม่ต้องมาอาย มัทรักสบาย ชอบคนรวย ก็ไม่ต้องมาเฟคติดดิน”
มัทนีผิดหวังพูดอะไรไม่ออก อาทิตย์ฉุนแทนมัทนี เข้าไปชี้หน้า ขับไล่
“ผมว่าคุณออกไปจากบ้านผมดีกว่า ไม่อย่างนั้น ผมต่อยปากคุณแน่”
เอกชเยศร์รีบหยิบมือถือมาขู่
“อยากดังก็เอาสิ” เอกชเยศร์กดถ่ายคลิป แล้วแอคติ้งยกมือยอมแพ้ “อย่าทำร้ายผม ผมกลัวแล้วๆ”
อาทิตย์ยิ่งฉุนผลักเอกชเยศร์อย่างแรง แต่มัทนีมาจับอาทิตย์ไว้
“อย่า”

มัทนีตัดสินใจเด็ดขาดที่จะเลิกกับเอกชเยศร์
“เอก เอกเข้าใจถูกต้องหมดทุกอย่าง มัทหิวเงิน ชอบคนรวย ชีวิตมัทต้องการแค่เงินเท่านั้น มัทก็เลย...” มัทนีคล้องแขนอาทิตย์ ลูบเบาๆ สวีทๆ “ตกลงที่จะแต่งงานกับอาทิตย์”
“มัท” เอกชเยศร์ตกใจ
“ก็อาทิตย์มีเงินเยอะมาก มัทล้างผลาญทั้งชาติก็ไม่หมด จริงมั้ยอาทิตย์”
มัทนีแกล้งทำเสียงหวานกับอาทิตย์ อาทิตย์งงๆ แต่ก็รับมุข
“จริง จริงครับ” อาทิตย์โอบไหล่มัทนี จ้องตากันหวานซึ้ง “เราจะแต่งงานกัน และผมจะไม่ให้คุณทำอะไรเลยนอกจากใช้เงินของผม เกาะผมกินให้เต็มที่ ชดเชยที่คุณเคยโดนเกาะมานาน”
“ถ้าเอกเข้าใจมัทแล้ว ก็ไปตามทางของเอกเถอะ อย่ามายุ่งกันอีกเลย”
“มัท เรียนมาออกจะสูง แทนที่จะใช้ความรู้ทำมาหากิน แต่กลับเกาะผู้ชาย หน้าไม่อาย ไม่มีศักดิ์ศรีเลย”
เอกชเยศร์ฉุนมาก เดินกลับไป แต่แล้วชะงักวกกลับมายื่นเอกสารบางอย่างให้มัทนี
“เอ้า ค่าเน็ตผม ที่มัทเคยบอกว่าจะจ่ายให้ ไม่กี่ร้อยเอง”
เอกชเยศร์ยัดเอกสารใส่มือมัทนี แล้วออกไป
“เลิกกันแล้วยังเอาใบเสร็จมาให้เขาอีก นี่เหรอวะมีศักดิ์ศรี” อาทิตย์บ่น มัทนีที่เข้มแข็งอยู่ ก็ร้องไห้ น้ำตาไหลอาทิตย์หันมาเห็น “อ้าว คุณ”
มัทนีหลบหน้า เดินแยกไป อาทิตย์สงสาร

มัทนีนั่งอยู่ที่ม้านั่งในสนาม ไม่ได้ฟูมฟาย แต่น้ำตาไหลออกมาเองและไหลไม่หยุด อาทิตย์เข้ามายื่นกล่องกระดาษทิชชู่ให้
“จะเยาะเย้ยอะไรชั้นอีกล่ะ”
อาทิตย์ไม่พูดอะไร ยังพยายามยื่นกล่องทิชชู่ให้ มัทนีรับมาซับน้ำตา อาทิตย์ยืนมองเห็นใจ
“ทำไมแม่ยังไม่เสร็จอีก” มัทนีบ่น อาทิตย์นิ่ง “มองอะไร อยากจะแซะอะไร ก็แซะมาเลย” อาทิตย์ส่ายหน้า
“ทำไมไม่พูด”
“ผมไม่พูด เพราะผมรู้ว่าผมพูดอะไรไม่ค่อยเข้าหูคุณ ไม่อยากให้คุณมาอารมณ์เสีย เลยไม่พูดดีกว่า ผมไม่ซ้ำเติมผู้หญิงที่กำลังร้องไห้”
“หึ ก็ดี”
อาทิตย์รีบแทรก
“แต่ผมเป็นห่วงนะ” พูดเสร็จแล้วรีบทำท่าปิดปาก มัทนีหันจ้อง
“เรื่องแต่งงาน”
“คุณใช้ผมเป็นเครื่องมือ ผมไม่คิดมาก แต่...”
“ไม่ต้องพูด” อาทิตย์หุบปาก ไม่พูดต่อ “ไม่คิดมากก็ดีแล้ว ไปเถอะ ชั้นอยากอยู่คนเดียว”
อาทิตย์นิ่ง ทำท่าจะเดินไป แต่ยังคงห่วง

มัทนีนิ่ง เหม่อ น้ำตายังไหลออกมาเองไม่หยุด เธอปาดน้ำตาเป็นระยะ อาทิตย์เห็นใจแล้วอาทิตย์ก็วกมายืนด้านหลังมัทนีจะนวดบ่าให้
“จะทำอะไร”
“ชู่ว์ ผมไม่แกล้งคุณหรอก คุณจะได้รู้สึกดีขึ้น”
“แต่”
“ผมเป็นลูกเจ้าของสปา ผมนวดเป็น”
มัทนีนิ่ง ยอมให้อาทิตย์นวด อาทิตย์นวดช้าๆ เบาๆ จากบ่ามาท้ายทอยไล่ขึ้นมาจนมาถึงขมับ ทีแรกมัทนีเกร็งๆ แต่สักพักก็ผ่อนคลาย หลับตา น้ำตาที่ไหลๆ ก็หยุด
“ไม่ต้องเกร็ง ทำตัวตามสบาย ผ่อนคลาย คุณมัท คุณเจออะไรเหนื่อยๆ มามาก ลืมมันไป แล้วคิดถึงอะไรสวยๆ สวนดอกไม้ ทุ่งหญ้า ทะเล น้ำตกหรือไม่ก็ความรัก” มัทนีที่หลับตาอยู่ได้ยินคำว่าความรักก็สะเทือนใจ จะปล่อยโฮ อาทิตย์นั่งลงยองๆ ตรงหน้า “ชีวิตมันก็ยังงี้แหละคุณ เราตัดสินใจผิดพลาดซ้ำแล้วซ้ำอีก ไม่มีใครรู้หรอกว่าการตัดสินใจในวันนี้ของเรา มันจะถูกหรือจะผิดเมื่อเวลาเปลี่ยนไป วันนี้เราเห็นสวรรค์ในตัวเขา พรุ่งนี้เขาอาจกลายเป็นนรกก็ได้ ไม่มีใครรู้ มันไม่มีอะไรแน่นอน ทุกอย่างเราต้องเสี่ยง แต่อย่างนึงที่ผมบอกคุณได้เลยก็คือชีวิตมันไม่ผิดพลาดตลอดไปหรอกคุณมัท” มัทนีมองอาทิตย์อย่างขอบคุณซึ้งใจ “คนที่คุณเห็นแต่นรกในตัว อย่างผม อาจจะทำให้คุณมีความสุขก็ได้ อย่างเช่นคุณอาจใช้ผมให้นวดผ่อนคลาย หรือแก้ไขอาการเครียดได้ ไรงิ...ไง...จริงมะ ใครจะไปรู้”

อาทิตย์ยิ้มน่ารัก สดใส จริงใจ มุทนีอึ้ง
 
อ่านต่อตอนที่ 8
กำลังโหลดความคิดเห็น