xs
xsm
sm
md
lg

หนีก็ล่า ซ่าก็รัก ตอนที่ 2

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


หนีก็ล่า ซ่าก็รัก ตอนที่ 2

เอยิ้มเจื่อนๆ ให้แนน พลางปฏิเสธเสียงนิ่ม
“คงหน้าตาคล้ายกันมากกว่าค่ะ พี่เอยังไม่เคยถ่ายโฆษณาที่ไหนเลยค่ะ”
“แต่แนน”
ทอม หันมาปรามลูกสาว “ระวังนะจ๊ะลูกแนน เดี๋ยวพี่เอจะเสียหาย”
แนนหน้าจ๋อย “งั้นแนนขอโทษนะคะพี่เอ”
“ไม่เป็นไรจ้ะ”
“คุณ เอ ดูยังแข็งแรง ไม่สบายเป็นอะไรครับ” โจหันมาทางเอ แต่หมอโจ๊กชิงตอบแทน
“อ๋อ คุณเอ ไม่ได้เป็นอะไรหรอกครับ คุณ เอแวะมาอ่านหนังสือให้คนป่วยสูงอายุกับเด็กที่นี่ฟังครับ”
แนนตาวาวด้วยความทึ่ง“โห พี่เอใจบุญจัง”
เอยิ้ม ในขณะที่ทอมรีบตัดบท
“ไปกันมั้ยพวกเรา คุณเอจะได้ทำธุระ”
แนนหันมาส่งยิ้มหวานให้เอ “บ๊าย บายค่ะ พี่เอ”
“ยินดีที่ได้รู้จักครับ” โจพูดพลางยิ้มอย่างสุภาพ
เอยกมือไหว้ทอม “สวัสดีค่ะคุณพ่อ”
ทอม รับไหว้ “โชคดีนะครับ”
ทอมจูงแนนเดินออกไปโจหันมาบอกลาหมอโจ๊ก
“ไปนะหมอ”
“เจอกันเพื่อน”
โจเดินออกไป เอมองตาม ในขณะที่แนนหันมาโบกมือให้ เอโบกมือตอบ
“เชิญครับคุณเอ”
หมอโจ๊กเดินนำเอเดินไปทางห้องคนป่วย

“พี่เอ สวยน่าดู บอกพี่วินให้มาจีบดีกว่า”
จู่ๆ แนนก็เอ่ยขึ้น ในขณะที่นั่งอยู่กับทอม และโจ ที่ร้านไอศครีม
โจยิ้มหน้าบาน “กู๊ดไอเดีย จะได้ลืมสาวที่มันเจอ”
ทอม ตาโต “อ้าว ตกลงนายวินเจอสาวจริงๆเหรอ”
“เจอครับ แต่มันบอกว่า โน”
“อ้าวทำไมล่ะ” ทอมถามด้วยความข้องใจ
“มันบอกว่าเป็นคุณหนูไฮโซ ที่ทางบ้านหากินไม่โปร่งใสครับ”
“ดีแล้ว แนนเชียร์พี่เอดีกว่า”
“แล้วโจ ล่ะ ไม่สนมั่งเหรอ” คราวนี้ทอมหันมาทางโจ
“อุ๊ยจริงด้วย มัวเชียร์แต่พี่วิน ลืมพี่โจเลย เอาน่า ลูกผู้ชาย ใครดีใครได้ แนนเชียร์ทั้งสองคนเลย”
แนนพูดพลางเอื้อมมาตักไอศรีมในถ้วยโจกิน
โจยิ้ม “พี่ยอมแพ้ สู้พี่วินไม่ได้หรอก”
แนนหัวเราะร่า “เย้ งั้นเชียร์พี่วิน”
แล้วทุกคนต่างหัวเราะกันอีก บรรยากาศเต็มไปด้วยความสุข

เมื่อกลับมาถึงบ้าน ทอมก็มานั่งหน้าเปียโน พลางกดดีดคีย์เบาๆ แนนเอาน้ำมาตั้งให้ดื่ม “ขอบคุณนะคะคุณพ่อที่เลี้ยงไอติม”
“สำหรับสาวสวยอย่างคุณ ผมยินดีเสมอ”
ทอมพูดล้อๆ แนนขำพลางดึงโทรศัพท์ขึ้นมา
“โทรหาพี่วินดีกว่า บอกเรื่องพี่เอ”
“พ่อว่าไม่ดีหรอก” ทอมแย้ง
“ทำไมคะ คุณพ่อไม่ชอบพี่เอเหรอ”
“ชอบ แต่พ่อรู้ว่าวินไม่ชอบให้ใครจับคู่ให้เหมือนพ่อ” ทอมยืดอกด้วยความภาคภูมิใจ
“หนูแค่อยากให้พี่วินเจอพี่เอ จีบไม่ติดช่วยไม่ได้” แนนหน้าง้ำ ที่โดนพ่อขัดใจ
“แบบนี้ต้องมีแผนหน่อย”
แนนยิ้มออก “เชิญว่ามาเลยค่ะคุณพ่อ”
ทอมยิ้มดีดเปียโนเพลง Love story (where do I begin) แนนยิ้มชอบใจ

ในขณะที่คนที่ถูกพูดถึง กำลังจ้องอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์ ตรวจหนังโฆษณา โดยมีเป้ และพนักงานตัดต่ออีกคน รอการตัดสินใจของวิน
“โอเค พี่เอาเวอร์ชั่นนี้”
วินลุกขึ้น ทีมงานลุกขึ้นตาม เสียงโทรศัพท์ดัง วินรีบกดรับสาย
“ว่าไงยัยแนน”
“คุณหมอโจ๊กแนะนำว่าคุณพ่อน่าจะมีพี่วินมาเป็นเพื่อน เผื่อฉุกละหุก”
ทอมยิ้มกับแนนในขณะที่วินไม่รู้แผนการ
“โอเค โอเค คราวหน้าพี่พาคุณพ่อไปเอง”
“โอเคค่ะ. แล้วพี่วินจะกลับบ้านเมื่อไหร่”
“คงจะค่ำๆ พี่ต้องไปสนามไดร์ฟ สอนเด็กแล้วจะเลยไปยิมซะหน่อย แนนกับคุณพ่อ ไม่ต้องรอพี่หรอก”
“โอเคค่ะ”
“โอเค เลิฟยู”
“เลิฟยูทู” แนนยิ้มหวาน พลางวางสาย
วินวางสาย หันมาคุยกับทีมงาน
“ไป ไปหากาแฟกิน พี่เลี้ยง”
“เย้”
แล้วทั้งหมดเดินออกจากห้อง

ทางด้านแนนหันมาชูนิ้วโป้งให้กับทอม
“แผนคุณพ่อเยี่ยมจริงๆ คุณพ่อเนี่ย ตอนหนุ่มๆสงสัยเซียนน่าดู”

ทอมยิ้มไม่ตอบ ร้องเพลง Falling in love with you. แนนยิ้มชอบใจ

เอเดินเข้าไปในออฟฟิศของสนามกอล์ฟ พนักงานต้นรับสาวยิ้มทักทาย
“สวัสดีค่ะ ติดต่อเรื่องอะไรคะ”
“คือว่าฉันอยากจะถามเรื่องครูวิน”
“อ๋อ ครูวิน สอนแต่เด็กๆค่ะ ไม่สอนทั่วไป เด็กๆเรียนฟรีค่ะ”
เอ ยิ้ม รับคำ “อ้อ”
“ดิฉันจะลองคุยให้มั้ยคะ”
“ไม่เป็นไรค่ะ ขอบคุณ” พลางนิ่งคิดชั่วอึดใจ ก่อนตัดสินใจถาม “แล้วค่าใช้จ่ายสำหรับเด็กๆมา
จากไหนคะ”
“ทางสนามจัดสถานที่กับลูกให้ฟรี นอกนั้นแล้วแต่ใครจะเป็นสปอนเซอร์ค่ะ ส่วนมากคุณวิน
แล้วก็โปรที่นี่ช่วยๆ กันน่ะค่ะ”
“ก็ดีนะคะ ขอบคุณค่ะ”
เอยิ้มแล้วเดินออกไป

เอเดินออกจากส่วนของออฟฟิศ มานั่งที่ร้านอาหาร พลางกดสายโทรศัพท์ โทร. หาผู้เป็นมารดา “คุณแม่เหรอคะ เอ มีเรื่องอยากให้คุณแม่ช่วยหน่อยค่ะ”
ทางปลายสายคุณหญิงอัญชลีกำลังนอนพอกหน้าอยู่ในสปา มีแตงกวาปิดลูกตาอยู่
“จะให้แม่จัดการยัยซินดี้เหรอจ๊ะ”
เอ ขำ “ไม่ใช่หรอกค่ะคุณแม่ เรื่องการกุศลน่ะค่ะ”
“คุณเอ ก็จัดการไปเลยซิจ๊ะ เดี๋ยวแม่ให้เลขาโอนตังค์ให้”
“งานนี้เอไม่อยากออกตัวค่ะ คุณแม่ช่วยหน่อยนะคะ”
คุณหญิงอัญชลียิ้มหวาน เหมือนกับลูกสาวอยู่ตรงหน้า
“โอเค จ้ะ เดี๋ยวแม่จัดการให้ จุ๊บๆ”
“ขอบคุณค่ะคุณแม่ จุ๊บๆ”
เอ วางสายยิ้มอย่างอารมณ์ดี

ทางด้านวิน ที่เดินเข้ามาในออฟฟิศของสนาม พลางเอ่ยทักทายพนักงานสาว
“สวัสดีครับ เด็กๆมากันหรือยังครับ”
“มาแล้วค่ะ”
วินยิ้ม “กู๊ด” พลางเดินไปที่ถุงกอล์ฟของตนที่ตั้งอยู่ตรงมุมห้อง
“มีข่าวดีค่ะ มีคนส่งเงินมาสนับสนุนโครงการกอล์ฟเยาวชนของคุณวินค่ะ”
พนักงานสาวเอ่ยด่วยน้ำเสียงดีใจ
“ดีครับ” วินรับคำสั้นๆ ก่อนที่จะแบกถุงกอล์ฟเดินออกไป

วินเดินแบกถุงมาที่ช่องตี แต่แล้วก็ต้องหยุดกึก ใจเต้นโครมคราม เมื่อเห็นเอ กำลังนั่งคุยอยู่กับเด็กๆ วินเดินยิ้มหน้าบานเข้าไป เด็กหญิงที่นั่งคุยอยู่กับเอหันมาทักทาย
“ครูวินมาแล้ว”
เด็กๆ ร้องดีใจ วินเดินเข้ามาวางถุงตรงช่องไดร์ฟ
“เด็กๆ ซ้อมกันต่อได้เลยนะครับ”
เด็กๆต่างกลับไปที่ช่องของตน วินหันไปทางเอ
“สวัสดีครับ”
เอ ยิ้มรับ “สวัสดีค่ะ”
“อย่าบอกนะว่าคุณคือสปอนเซ่อร์ที่สนับสนุนโครงการกอล์ฟเด็ก”
วินจ้องแบบจับผิด เอแสร้งตีหน้าไม่รู้เรื่อง ส่ายหน้าเบาๆ
“ถึงฉันอยากจะสนับสนุน คุณก็คงไม่รับเงินของฉันอยู่แล้ว”
วินพยายามจับพิรุธ “ขอโทษนะครับ เดี๋ยวผมมา”
เอ ยักไหล่ วินเดินออกไป เอยิ้มมองตาม
วินเดินย้อนกลับมาที่ออฟฟิศอีกครั้ง พนักงานสาวเห็น ก็ถามด้วยความแปลกใจ
“มีอะไรคะครูวิน”
“คือผมอยากจะทราบว่า ใครคือผู้ที่สนับสนุนโครงการกอล์ฟเด็กครับ”
“เดี๋ยวนะคะ” พนักงานสาวก้มลงเปิดสมุดบนโต๊ะทำงาน “จากคุณหญิงอัญชลี แก้วมงคลค่ะ”
“อืม ใครหรือครับ”
“อ๋อ คุณหญิงอัญชลี สนับสนุนทุกองค์กรอยู่แล้วเชื่อใจได้ค่ะ”
วิน ยิ้ม เริ่มเบาใจขึ้น “แล้ว...”
พนักงานสาวดูเหมือนจะเดาใจออก จึงรีบอธิบาย
“อ้อ ทางบ้านคุณหญิง เป็นคนเก่าแก่ประวัติโปร่งใสแน่นอนค่ะ”
วินพยักหน้ารับ สีหน้าครุ่นคิด พนักงานสาวพูดต่อ
“เราทราบอยู่แล้วค่ะ ว่าคุณวินไม่ให้รับการสนับสนุนจากคนพวก เอ้อ จุดจุดน่ะค่ะ
วินยิ้มเดินออกไปจากออฟฟิศอย่างอารมณ์ดี

วินเดินกลับมาที่ช่องสำหรับเด็กๆไดร์ฟ แต่ต้องหยุดกึก เพราะเด็กๆและ เอ หายไปหมดแล้ว มีพนักงานสาวอีกคนเดินเข้ามา
“คุณผู้หญิงพาเด็กๆไปที่ห้องอาหารค่ะ คุณผู้หญิงบอกให้ครูวินตามไป”
“ขอบคุณครับ”
พนักงานสาวยิ้มให้ แล้วเดินออกไป วินบ่นเบาๆ

“ยุ่งจริงๆ”

เมื่อวินเดินเข้ามาในร้านอาหารของสนาม ก็เห็นเด็กๆนั่งรวมกลุ่ม กำลังดื่มน้ำกันอยู่ หน้าตาสดใส เอ นั่งอยู่ด้านหน้า มีน้ำผลไม้อยู่ในมือ วินเดินเข้ามาหา ยังไม่ทันได้พูดอะไร เอก็พูดดักคอขึ้นมาก่อน
“ไม่รู้ว่าคุณไปไหน เด็กๆบ่นว่าหิวน้ำฉันก็เลยพามา” พลางส่งให้วินแก้วหนึ่ง “อะ นี่ของคุณ”
วินรับแก้ว แล้ววางไว้บนโต๊ะตามเดิม “ คือผมมีระเบียบ ซ้อมก่อนแล้วค่อยพักกินน้ำ”
เอ ยิ้มเจื่อนๆ “ขอโทษค่ะ เด็กๆ จ๊ะรีบกลับไปซ้อมนะจ๊ะ”
เด็กๆ รีบออกไป วินมองเอ ยิ้มถอนใจ เอพึมพำ “โหดน่าดู”
วินเหล่มอง เอพูอต่อ “ขอดูเด็กๆซ้อมได้มั้ยคะ”
“ใครๆก็ดูได้ครับ ไม่จำเป็นต้องขออนุญาตผม”
“ดีเลย งั้นฉันไม่ขอก็แล้วกัน อ้อ ฉันเพิ่งนึกได้ว่าคุณคงไม่อยากให้ฉันใช้เงินที่เอ้อไม่โปร่งใส มาจ่ายค่าน้ำ ฉันเลยบอกเด็กไปแล้วว่าคุณเป็นคนเลี้ยง ขอตัวก่อนนะคะ”
เอ พูดจบแล้วเดินออกไป วินมองตามยิ้ม พลางพยักหน้ายอมรับ
“เนียนมาก”
วินเดินตามออกไป ก็เห็น เอ นั่งดูเด็กๆ ซ้อมอยู่ เอ ยิ้มตบมือเมื่อเด็กๆตีได้ดี วินยิ้ม เผลอมองอย่างสุขใจ พลางเดินเข้าไปใกล้ เอหันมายิ้มให้ วินยิ้มตอบ เดินไปดูเด็กๆตี แล้วแนะแก้ไข เอ มองภาพ ที่วินตั้งใจสอนเด็ก อดยิ้มไม่ได้ วินหันมาเห็นพอดี เอเขิน รีบยกนิ้วโป้งให้ แล้วทั้งสองต่างก็ยิ้มให้กัน
เด็กหญิงตีผัวะลูกกอล์ฟไปไกล เอ ตบมือให้ สีหน้ามีความสุข วินหันมามอง เห็นเอสวยบาดใจ แต่แล้ ก็ได้ยินเสียงตัวเองก้องดังขึ้นในหัว
“โน โน โน”
วินเหมือนเห็นภาพเอ หมุนวนไปมา พลางหลับตา สลัดศีรษะ พอลืมตาอีกครั้ง ก็ เห็น เอ ยืนตรงหน้า
“เป็นอะไรคะ”
“เอ้อ ไม่เป็นไรครับ” วินรีบปฏิเสธ
“นั่งก่อนดีกว่าค่ะ”
วินก้าวไปทรุดตัวลงนั่ง เอ นั่งข้างๆ พลางเอามือแตะที่หน้าผาก วินตาโต ใจเต้นโครมคราม
“ตัวไม่เห็นร้อนนี่ แต่คุณดูเหมือนไม่สบาย”
“ผมว่าคุณใส่ยาเบื่อในแก้วน้ำผมแน่ๆ”
เอ ยิ้ม แล้วเอามือออกจากหน้าผาก ในขณะที่วินยังไม่หายตื่นเต้น
“เยส ยาได้ผลจริงๆด้วย คุณรู้สึกเหมือนเห็นแสงเบลอๆ ส่องลงมาจากท้องฟ้าหรือยัง”
“ประมาณนั้น”
“เย้ คุณใกล้ตายแล้ว”
เอพูดล้อๆ แล้วยิ้มชอบใจ วินเห็นรอยยิ้มแล้วหัวใจเต้นโครมคราม รีบวางมาดปกติ
“ผมหายแล้วครับ เสียใจด้วยที่ทำให้คุณต้องผิดหวัง”
“ไม่เป็นไร คราวหน้าฉันจะเพิ่มปริมาณยาพิษให้มากกว่านี้”
วินยิ้มอารมณ์ดี
“ผมพนันได้เลยว่าผู้ชายร้อยทั้งร้อยที่รู้จักคุณ ต้องหลงคุณจนโงหัวไม่ขึ้นแน่ๆ”
เอ ยิ้มดีใจ “งั้นเหรอคะ”
เอ จ้องวิน สายตาอ่อนหวาน
“แน่นอนครับ เพราะใครที่ไม่หลงคุณ ถูกคุณวางยาเดี้ยงหมด”
วินยิ้มชอบใจ เอแกล้งค้อน พลันเสียงใสๆ ของเด็กผู้หญิงก็แทรกขึ้นมา
“ครูวินคะ”
ทั้งสองหันไปเห็นเด็กหญิงช่างถามกับกลุ่มเด็กยืนอยู่
“ว่าไงจ๊ะ น้องเมย์”
“น้องเมย์กับทุกคนซ้อมเสร็จตั้งนานแล้วค่ะ”
วินกับเอหันมามองกัน แอบเขินที่มัวแต่คุยกัน จนไม่สนใจเด็กๆ
“งั้นได้เวลาพักกินน้ำแล้ว เย้”
วิน ร้องนำ เด็กๆ ต่างเฮตาม
“ไปกันได้เลย”
เด็กๆ พากันไปที่ร้านอาหารของสนาม วินกับเอ มองหน้ากัน ต่างฝ่ายต่างยิ้มขำเด็ก พลาง เดินตามเด็กไป

พนักงานเอาน้ำมาวางให้ วินกับ เอ และเด็กทั้ง 5 คนที่นั่งร่วมโต๊ะด้วยกัน
“เอ้า ทุกคน ดื่ม”
เอเชิญชวน น้ำเสียงดีใจ เด็กๆ ร้องเฮ แล้วยกแล้วขึ้นดื่ม วินกั เอ พลอยเฮไปกับเด็กด้วย พนักงานออฟฟิศเข้ามาในร้าน
“เด็กๆจ๊ะ คุณพ่อคุณแม่มารับแล้วจ้ะ”
“เย้”
วิน หันมาบอกกับเด็กๆ “อ้าวเด็กๆ บ๋าย บาย พี่เอ ก่อน”
เด็กๆ ต่างยกมือไหว้เอ เอยิ้มพยักหน้ารับ “บ๊าย บาย จ้ะ”
พนักงานสาวพาเด็กๆออกไป วินหันมายิ้มให้เอ
“ดิฉันก็ต้องกลับเหมือนกัน”
พูดพลางเอก็ลุกขึ้น วินลุกตาม

วินแบกถุงกอล์ฟเดินมากับเอ แล้วจู่ๆ วินก็หยุดเดิน ทำให้เอต้องหยุดตาม
“ขอบคุณนะครับ เพราะคุณ เด็กถึงสนุกกัน ปกติมีแต่ผม เด็กไม่เฮ ขนาดนี้”
เอ ยิ้ม วินพูดต่อ
“แต่เนื่องจากผมไม่อยากติดค้างคุณ ผมคิดว่าผมควรเลี้ยงข้าวคุณ จะได้หายกัน เพราะหลังจากนี้ คงไม่ได้เจอคุณอีก”
เอยิ้ม “ก็ดี ฉันก็ไม่ชอบทำอะไรให้ใครฟรีๆ”
“ แน่นอน เชิญคุณเลือกร้านได้เลย”
“งั้น ขับรถตามมา อย่าแกล้งหลงล่ะ”
วินแอบมอง ทุกอิริยาบทของเอช่างน่ารักจับใจเขานัก

เอพาวินเข้ามาในร้านอาหารที่ตกแต่งแบบกึ่งๆ หรู กึ่งๆ สบาย เมื่ออิ่มจากอาหารมื้อหลักแล้ว พนักงานนำกาแฟมาเสิร์ฟวิน พลางเอ่ยถาม
“ของหวานมั้ยคะ”
วิน แกล้งปรายตามองเอ“เอาเลยครับ ล้มทับให้เต็มที่ไปเลย”
เอขำคิก วินพลอยขำไปด้วย
“ร้านนี้อาหารอร่อยดีนะครับ”
“ไม่ต้องกลัว ราคาไม่แพงหรอก”
วิน แกล้งถอนหายใจ “โล่งอกไปที เพราะคุณเคยบอกว่าจะเล่นงานผมให้กระเป๋าฉีก”
“ฉันบอกว่า ถ้าครั้งหน้าฉันให้คุณเลี้ยงคุณกระเป๋าฉีกแน่ ไม่เกี่ยวกับครั้งนี้”
วินใจเต้นโครมคราม “หา ยังมีครั้งหน้าอีกเหรอครับ”

“แน่นอน”

วินระงับความดีใจแทบไม่อยู่ แต่ไม่วายงง “คือ...”

เอ รีบอธิบาย “ครั้งนี้คุณเป็นฝ่ายเลี้ยงฉัน เพราะฉันทำให้เด็กสนุก ยังไม่ใช่ครั้งที่ฉันจะให้คุณเลี้ยง”
“โห เขี้ยวน่าดู”
เอขำอีก วินพลอยยิ้มไปด้วย หัวใจเบิกบาน

จากนั้นทั้งคู่ก็เดินเคียงกันมาที่ลานจอดรถด้านหน้าร้าน
“ ผมว่าเด็กๆคงอยากให้คุณมาอีก”
“ไม่กลัวว่าฉันจะมาตามหลอนคุณอีกเหรอคะ”
วินยิ้มเขิน ที่ถูกจับได้ “ที่แท้คุณแอบถามเด็กนี่เอง”
เอ แกล้งทำเสียงเข้ม “คุณมีเจตนาไม่ดี นินทาคนอื่นลับหลัง”
วินถอนใจ แล้วรีบปฎิเสธ “ผมไม่ได้นินทานะครับ ผมคิดว่าคุณเป็นนางฟ้าจริงๆ”
เอ ตาโต ที่โดนชมซึ่งๆ หน้า “มีด้วยเหรอ นางฟ้าตามหลอนคน”
“อันนี้ผมไม่แน่ใจ แต่สำหรับผมทุกครั้งที่ผมเจอคุณ”
วินนิ่ง หยุดพูดชั่วอึดใจ เอจ้องเขม็ง เหมือนตั้งใจรอประโยคต่อมา “คือทุกครั้งที่ผมเจอคุณ ขาดสติสมองตื้อแบบนี้ล่ะครับ ผมเรียกว่าหลอนเต็มๆ”เอ กลั้นขำหัวใจพองโต “ ก็ได้ ถือว่ายังดีที่คุณไม่บอกเด็กๆว่าฉันเป็นแม่มด”
เอ ออกเดินต่อไปที่รถ วินเดินตาม เอ กด ปิดสัญญาณกันขโมย วินเปิดประตูให้
“ดิฉันก็สนุกกับเด็กๆเหมือนกัน”
วิน หน้าง้ำ “แค่เด็กๆเหรอครับ”
เอได้ที รีบตอบ “ แค่เด็กๆเท่านั้น คุณไม่เกี่ยว”
เอยิ้มให้วิน พลางเข้าไปนั่งในรถ วินปิดประตูให้
“ถ้าผมบังเอิญพบคุณอีก แล้วมีคนถามผม ว่าคุณเป็นแฟนผมหรือเปล่าจะให้ผมตอบว่ายังไงดีครับ คุณถึงไม่หาว่าผมนินทา”
“ก็ตอบตามความจริงซิคะ ว่าดิฉันเป็นคุณหนูไฮโซถลุงเงินทางบ้านที่หากินไม่โปร่งใส... แบบว่าหน้าตาเฉย และคุณก็ไม่มีทางเลือกฉันเป็นแฟน”
เอไม่วายเหน็บ วินยิ้มแหยๆ
“บ๊าย บายค่ะ”
เอ ออกรถไป วินได้แต่มองตาม แล้วถอนใจ

โจเดินตรวจความเรียบร้อยของผับ พลางทักทายพนักงาน ที่เข้ามาตระเตรียมงาน ก่อนจะเดินเข้าไปทาง ด้านหลังซึ่งเป็นห้องทำงานของตน พลันเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น โจล้วงกระเป๋า มองดู แล้วรีบกดรับสาย
“ไงจ๊ะ แนน”
“พี่วินอยู่กับพี่โจหรือเปล่า”
“ไม่เห็นนี่ มีอะไรด่วนจ๊ะ”
“เปล่าหรอกค่ะ แค่ไม่อยากให้พี่โจบอกพี่วิน เรื่องเจอพี่เอ”
“อ้าว นึกว่าแนนชอบพี่เอซะอีก” โจข้องใจ
“ชอบค่ะ แต่แนนกับคุณพ่อ มีการวางแผนใหม่”
โจยิ้ม “ได้เลย รับรองว่าพี่เงียบสนิท”
“งั้น บ๊าย บาย นะคะ”
“บาย”
โจวางสาย ยิ้ม แล้วพูดกับตัวเองเบาๆ “นายวิน นายเสร็จแน่”
พลันเสียงเคาะประตู ก็ดังขึ้น “เชิญครับ”
พนักงานสาวเข้ามารายงาน “คุณวินมาค่ะ”

“ฉันบอกนายแล้ว ว่าเขาตั้งใจเล่นงานนาย งานนี้นายอกหักไม่รอดแน่ กลายเป็นคนสิ้นคิด วันๆเอาแต่นั่งฟังเพลงเศร้า ถึงขนาดฆ่าตัวตายได้”
โจ แกล้งขู่
“ตกลงนายปลอบใจฉัน หรือว่าเหยียบซ้ำวะเพื่อน”
“อย่างละนิดอย่างละหน่อยว่ะประมาณโปรโมชั่น ซื้อหนึ่งแถมหนึ่ง”
“ยังไงฉันก็ต้องถือตามกฎที่ฉันตั้งไว้ไม่ยังงั้นจะกลายเป็นถุยแล้วกินน้ำลายตัวเอง”
วิน ยืนยันเจตนารมณ์
“ไม่เป็นไรหรอกน่า เขาทำกันทั้งนั้นเดี๋ยวนะ ฉันถามหน่อย นายมีรูปคุณหนูไฮโซอยู่ในคอมพิวเตอร์
ด้วยเหรอ”
วินจ้องหน้าเพื่อนอย่างคาดไม่ถึง
“ว่าไง” โจถามย้ำ
“ยายแนนบอกนายล่ะซิ”
“ประมาณนั้น”
วินพยักหน้าในที่สุด
“you dead”
วินยิ้ม พลางยกนาฬิกาข้อมือขึ้นดู “ขอตัวก่อนเพื่อน ฉันต้องไปงานเลี้ยงลูกค้าของบริษัท”
วินยกแก้วน้ำขึ้นดื่มแล้วเดินออกไป โจยิ้ม “อย่าเผลอกินน้ำลายตัวเองนะเพื่อน”

วินเดินเข้ามาในห้องประชุมของอาคารซึ่งเป็นส่วนกลางสำหรับจัดงานผู้เช่าตึก พลางกวาด สายตาไปรอบๆ พนักงานและลูกค้ายืนจับกลุ่มสังสรรค์กัน ด้านหนึ่งของงาน จัดเป็นมุมครื่องดื่ม และของว่าง ฯลฯ ถัดไปอีกนิด มีโต๊ะใหญ่ มีป้ายติดว่าหมอดูตัวเบ้อเร่อตั้งอยู่ มีชายกลางคนเป็นหมอดูกำลังดูหมอให้คนในงาน มีต่อแถวรออยู่ สองสามคน
แอน กับ เป้ เห็นวิน ก็รีบเดินเข้ามาทักทาย
“ไงพี่วิน ไม่ชวนสาวมาด้วยเหรอ”
“โน สาวให้ชวน”
“ได้ข่าวว่าเล็งสาวไฮโซอยู่ไม่ใช่เหรอพี่วิน พิณบอก” แอนแซว
“พิณชอบเว่อร์ไปเรื่อย ยังไม่มาหรอ”
เป้รีบบอก “ผมเห็นแวบๆ อยู่แถวนี้ล่ะพี่”
วิน รีบออกตัว “พี่จะขึ้นไปที่ห้องทำงานแป๊บนึง”
“ตามสบายพี่”
วินเดินออกไป แอนหันมาบอกกับเป้

“ไปดูหมอกันดีกว่าเป้ เขาว่าแม่น”

หนีก็ล่า ซ่าก็รัก ตอนที่ 2 (ต่อ)

วินเดินเข้ามาที่ห้องทำงาน เปิดคอมพิวเตอร์ ตรวจงานดู อึดใจ คิดจะปิดแค่คัดสินใจเปิดอีเมล ของตน ที่พิณส่งรูปเอไปให้ดู กดเปิดรูปขึ้นมา รูปเอปรากฏ เป็นภาพนิ่ง แต่แล้วกลับกลายเป็นภาพเคลื่อนไหว เอ ส่งยิ้มมาให้
“คุณจะมาทำให้ผมหลงรักแล้วหักอกผมใช่มั้ย”
ในจอเห็น เอ ยักไหล่ ยิ้มให้ ไม่ตอบ
“เสียใจด้วย ถึงผมจะหลงรักคุณแค่ไหน ผมก็ต้องทำตามอุดมการณ์ของผม”
จากนั้น วินก็กดปุ่มปิดภาพ พลางถอนหายใจ

วินออกมาจากห้องทำงาน จะเดินออกจากบริษัท ลงไปยังห้องส่วนกลางที่จัดงาน แต่แล้วเห็นไฟใน ห้องประชุมเปิดอยู่
“ใครมาเปิดไฟทิ้งไว้”
พูดพลาง รีบสาวเท้าเดินตรงไปทันที

ในขณะที่ภายในห้องประชุม พิณกับเฮียโต๋ กำลังยืนประจัญหน้ากันอยู่
“ดิฉันคิดว่า เราควรลงไปที่งานดีกว่าค่ะเรื่องสปอตโฆษณาค่อยแก้กันที่หลัง”
“แหม จะโกรธผมไปถึงไหน วันนั้นที่โรงแรมคุณสวยจน ผมเผลอใจ เอางี้ ผมจะยกงานโฆษณา ของบริษัท ในเครือให้คุณดูแลทั้งหมด”
“เอาไว้คุยกันพรุ่งนี้ดีกว่าค่ะ เชิญที่งานนะคะ”
เฮียโต๋ขยับตัวใกล้เข้าหาพิณแล้วโอบพิณไว้ พิณเอามือยันอกไว้
วินผลักประตูเข้ามา เฮียโต๋ตกใจหันมาเห็นวินอยู่ตรงหน้า วินปล่อยหมัดโครมเข้าให้ เฮียโต๋ ทรุดไปพาดอยู่บนโต๊ะประชุม แล้วหลับสนิทในหมัดเดียว
“แย่แล้ว ทำไงดีพี่วิน”
วินยิ้ม “.แบบนี้ต้องดื่มฉลอง”
จากนั้นวินก็ลากพิณออกไป พิณยังตกใจไม่หาย หันมามองร่างของเฮียโต๋ที่นอนแน่นิ่งอยู่ วินดึงพิณออกไปนอกห้อง แล้วเอื้อมมือปิดสวิทช์ไฟดับมืดลง

วินควงแขนพิณที่ยังไม่หายตัวสั่นด้วยความตื่นเต้นตกใจเข้ามาใจงาน พลางมาหยุดตรงหน้า เคาน์เตอร์เครื่องดื่ม แล้วหยิบน้ำส้มที่ตั้งอยู่ในถาดมาให้พิณแก้วหนึ่ง
“ไม่ต้องห่วงน่า พิณ เฮียโต๋ไม่กล้าทำอะไรพิณหรอก”
พิณรับแก้ว มาถือ “พิณห่วงพี่วินน่ะซิ”
“พี่ไม่สนหรอก เฮ้ ชิล”
พิณฝืนยิ้มยกแก้วชน เป้กับแอนเดินเข้ามา
“พิณ พี่วิน ไปดูหมอดี้ แม่นน่าดู”
เป้ รีบสนับสนุน “แม่นจริงๆ กล้าท้าคนดูด้วย”
วินเห็นพิณยังมองซ้ายมองขวา เลยพยายามทำให้พิณสนุก
“พิณไง ชอบดูหมอไม่ใช่เหรอ”
“ไป พิณ”
แอนลากพิณไปจนได้ ในขณะที่เป้หันมาทางวิน
“ไปพี่วิน ไปเป็นพยานดูซิ ว่าจะแม่นจริงหรือเปล่า”
ในที่สุดเป้ ก็ลากวินไปอีกคน

แอนลากพิณมาถึงโต๊ะหมอดู เป็นจังหวะที่คนที่มาดูก่อนหน้านี้ลุกออกไปพอดี
“คนนี้ค่ะคนนี้”
หมอดูมองมาเห็นพิณ แอน และเป้ที่ลากวินเข้ามาพอดี หมอดูจ้องมาทางวิน แล้ว ชี้
“เชิญครับ”
“ผมเหรอ” วินหน้าเหวอ
“ใช่ครับ สัญญาณคุณออกมาแรงมาก”
วินหัวเราะ “ผมไม่เชื่อเรื่องนี้ครับ”
“ไม่เชื่อ ยิ่งดี ผมขอท้าพิสูจน์”
วินเหล่ มอง เป้กับแอน ร้องเชียร์
“พี่วินสู้ๆ พี่วินสู้ๆ พี่วินสู้ๆ”
เสียงเชียร์ของทั้งคู่ ทำเอาคนอื่นในงานรวมทั้ง เจ ฝุ่น ทัช ต่างหันมามอง แล้วเดินมามุงดูใกล้ๆ เจ สบตาวิน ยิ้มกวน วินยิ้มตอบ แล้วเข้าไปนั่งตรงหน้าหมอ ทุกคนต่างล้อมใกล้เข้ามา
“ขอมือหน่อยครับ”
วินส่งมือให้หมอดู หมอดูตรวจพิจารณา
“คุณกำลังพบเนื้อคู่”
“เย้” เป้ กับแอนเผลอตัว ร้องเสียงดัง พิณยิ้มขำ ในขณะที่เจมอง อย่างหมั่นใส้
“แค่เนี้ยะ แบบนี้ผมก็ทายได้”
พูดพลางวินยิ้มลุกขึ้น แอนหันไปเห็นพอลเดินเข้ามา รีบหันมาบอกพิณ
“พิณ คุณพอลขวัญใจเธอมาแน่ะ”
ทุกคนหันไป ก็เห็นพอลเข้ามาในห้อง พร้อมกับเอ ที่มาในชุดเท่ เก๋สวย วินใจเต้นโครมคราม
เจหันไปยกมือทักทาย พอลเห็นเจ เลยพาเอ เดินตรงเข้ามายังที่ทุกคนยืนอยู่ แขกในงานต่าง รู้จักพอลในฐานะดารา พอลหันไปแจกยิ้มตลอดทาง
“สวัสดีครับ คุณ เจ”
“สวัสดีครับคุณพอล เอ้อ สวัสดีครับคุณเอ”
เอ พยักหน้าให้ เจ แล้วหันมาทางวิน
“สวัสดีค่ะคุณ วิน”
พิณ กับ แอน หันมามองหน้ากัน
“สวัสดีครับ คุณ เอ”
เจ มองอย่างหมั่นไส้ เอเอ่ยปากถาม
“ทำอะไรคะ”
“เอ้อ ถูกหมอดูอยู่ครับ”
เอยิ้มขำ ในขณะที่หมอดูมองเอแล้วยิ้ม
“อย่างที่ผมบอก คุณกำลังเจอเนื้อคู่. จะโชคดี ประสบความสำเร็จทุกประการ”
วินมองเอ เอยิ้มขำ หมอดูขยับมือวินดู
“อืม”
ยังไม่ทันที่หมอดูจะทำนายอะไรต่อ เสียงของคุณวิเชียรก็ดังแทรกขึ้นมา
“คุณวิน คุณถูกไล่ออก”

ทุกคนหันไปมองตามเสียง เห็นคุณวิเชียร ยืนอยู่ข้างๆ เฮียโต๋ ที่ตาข้างหนึ่งยังเขียวปัดอยู่ ทุกคนหันมามองวินเป็นตาเดียว วินได้แต่จ้องหน้าเอเพียงชั่วอึดใจ ก็เดินผ่านทุกคนออกไป เจ พอล ยิ้มอย่างสะใจ เอ มองตาม

“คุณวินก็แบบนี้ละครับ ถือว่าจบนอก นึกว่าเก่ง สุดท้ายก็ไปไม่รอด”
เจ ได้ที รีบใส่ไฟวินให้พอลฟัง ในขณะที่ทัชอยู่หน่วยเสริม
“ผมบอกพี่เจแล้ว คนไทยเก่งกว่า”
เอ ทนฟังไม่ไหว รีบอกตัว“เอ ขอตัวไปห้องน้ำนะคะคุณพอล”
“เชิญครับ”
พูดพลางกราดสายตาแจกยิ้มไปทั่วงาน เอ ขำพอล แล้วเดินออกไปจากกลุ่ม

พิณ เห็นเอ เดินออกมาจากห้องจัดงาน ก็รีบวิ่งตามมา
“คุณ เอ คะ”
เอ หันมา พลางมองพิณที่วิ่งตรงเข้ามาหาอย่างสงสัย
“ขอโทษค่ะ ดิฉันชื่อพิณทำงานกับ พี่วินค่ะ” พิณแนะนำตัว
“อ้อ”
“พี่วินถูกไล่ออกเพราะว่าชกลูกค้าที่ลวนลามดิฉันค่ะ”
เอขำ “คนตาเขียวน่ะเหรอ”
พิณพยักหน้า “ดิฉันอยากจะบอกไว้ คุณจะได้ไม่เข้าใจพี่วินในทางที่ไม่ดี”
“ขอบคุณค่ะ”
พิณยิ้มแล้วเดินจากไป เอยิ้ม เดินออกไปทางหน้าตึก พลางหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากด
“คุณพอลคะ เอขอตัวกลับก่อนนะคะ”
เอ พูดแล้วรีบวางสายทันที โดยไม่ฟังเสียงทักท้วงของพอล จากนั้นก็รีบออกไปจากงาน แอบยิ้มดีใจ ที่รู้ว่าวินไม่ผิด

“ฉันเตือนแล้วให้อยู่ห่างคุณหนูไฮโซไว้”
โจ บอกกับวิน เมื่อวินมาหาที่คลับ
วินยิ้ม แล้วถามเพื่อนแบบงงๆ “ฉันถูกไล่ออก มันเกี่ยวกับเขาตรงไหนหรือเพื่อน”
“เขาเรียกว่าดวงมันทับกันเพื่อน เขาโผล่ไปปุ๊บ นายถูกไล่ออกปั๊บ”
“ฉันไม่ยักรู้ว่านายเชื่อเรื่องดวง”
“ไม่เชื่อหรอก หาเรื่องว่านายไปยังงั้นเอง”
วินผลักโจเบาๆ ..แล้วก็หัวเราะออกมาพร้อมกัน โจได้ทีพูดต่อ
“ดี นายจะได้มาช่วยโปรโมทคลับฉันซะที รอมานานแล้ว”
“ได้เพื่อน แต่มีข้อแม้อยู่อย่างนึง”
“ว่ามาเลย”
“ฉันตัดสินใจเองทั้งหมด นายไม่มีสิทธิ์มาแก้โน่นแก้นี่เปลี่ยนโน่น เปลี่ยนนี่”
โจร้องโวยวาย
“เฮ้ย ได้ไง มันต้องมีมั่งดิ”
“ถ้านายรู้ดีกว่าฉัน นายก็ทำเอง” วินไม่ยอมแพ้
“เฮ้ย ลูกค้าเป็นใหญ่ไม่ใช่เหรอวะ”
“ใช่ แต่เฉพาะลูกค้าที่จ่ายเงินเว้ยเพื่อน”
วินพูดอย่างอารมณ์ดี

เช้าวันต่อมา วินขยับตัวตื่นขึ้นมา ค่อยๆลุกขึ้น จากเตียง พลางยืนบิดขี้เกียจตรงหน้ารูปบรู๊ซลี แล้ว ชกลมสองสามหมัด พร้อมๆ กับเสียงโทรศัพท์ดัง วินรีบกดรับสาย
“อ้าวพิณ ว่าไง”
“พิณต้องขอโทษที่ทำให้พี่วิน ถูกไล่ออก”
“เรื่องเล็ก ไม่ต้องคิดมาก แล้วพิณไม่ต้องลาออกด้วย พี่จัดการให้เรียบร้อยแล้ว”
พิณงง “ยังไงคะ”
“เอาน่า รับรอง เฮียโต๋ ไม่กล้ายุ่งกับพิณอีกต่อไป บาย แค่นี้นะ”
วินวางสาย กดโทรศัพท์ของตนดู แล้วยิ้มอย่างพอใจ ในโทรศัพท์ เป็นรูปของเฮียโต๋กำลังกอดพิณ
อยู่ก่อนที่จะถูกวินชกนั่นเอง..

ทอมอยู่ที่เปียโน กำลังซ้อมเพลง Imagin ของ The eatle สำหรับแสดงการกุศล แนน นั่งอ่านหนังสืออยู่ข้างๆ วินโผล่เข้ามา
“มอร์นิ่ง มอร์นิ่ง”
ทอมหันไปทักลูกชาย “ว่าไงลูก”
วิน ไม่ตอบแต่หันมาถามแนน “แนนไม่มีเรียนเหรอ”
“เรียนบ่ายค่ะ เข้างานสายเหรอพี่วิน”
“พี่ถูกไล่ออกแล้ว”
วินตอบเหมือนเป็นเรื่องธรรมดา ในขณะที่ทอมกับแนน หันมามองหน้ากัน ต่างคนต่างนิ่งไปอึดใจ บรรยากาศเงียบงัน ก่อนที่แนนจะร้องออกมาดังๆ
“ เย้ๆ” แนนยกมือข้างหนึ่งพร้อมออกเสียง “แนนบอกแล้ว ไม่ถึงเดือนต้องถูกไล่ออก”
จากนั้นก็ลุกพรวดมาหาทอมที่เปียโน พลางแบมือออก
“คุณพ่อจ่ายมาซะดีๆ พันนึง”
“โห มีพนันด้วยเหรอ”
ทอมล้วงกระเป๋าส่งเงินให้แนน
“วิน ไม่น่าทำให้พ่อเสียเงินเล้ย”
วินยืนขำ ในขณะที่ทอมกับแนนร้องเพลงประสานเสียงกันใหญ่

วินย้อนกลับมาที่ออฟฟิศ เก็บของใช้ส่วนตัวใส่กล่อง คุณวิเชียรเดินเข้ามาในห้อง
“ถ้าคุณติดต่อกับลูกค้าของเรารายใดรายหนึ่งผมจะฟ้องคุณ”
วิน ยักไหล่แบบไม่แคร์
“อย่าห่วงเลยครับ ผมไม่ชอบลูกค้าคุณซักคน”
วินยกกล่องเดินออกไป คุณวิเชียรหลบทางให้ วินหยุดตรงหน้า แล้วส่งแผ่นซีดีให้
“ฝากให้เฮียโต๋ด้วย”
“อะไร”
“เฮียโต๋รู้ดีครับ ว่าเป็นอะไร”

วินเดินออกไป คุณวิเชียรมองซีดีแล้วมองวินอย่างเสียอารมณ์

จากนั้นวินก็เดินหอบกล่องใส่ของเดินผ่านบริเวณที่ทุกคนทำงาน บางคนโบกมือให้ ในขณะที่บางคนซุบซิบ วินเดินมา เจอ กลุ่ม ของ เจ ฝุ่น ทัชยืนขวางอยู่
เจ ยิ้มกวนแกล้งออกเสียงภาษาอังกฤษ “กู๊ดลัคนะครับ”
ฝุ่นกับทัช มองวินแบบยิ้มเยาะ วินยิ้มเดินผ่านไป เจพูดไล่หลัง
“ซี ยู เลท เตอร์”
เจ ฝุ่น ทัช ต่างหัวเราะคิกคัก

วินเดินออกมาที่รถ เอากล่องเก็บใส่ท้ายรถ พิณเดินมากับเป้และแอน
“อย่าบอกนะว่าจะมาขอถ่ายรูปลงเฟซบุ๊ค”
วินแกล้งพูดเหมือนให้เห็นเป็นเรื่องขำ
“คิดอยู่เหมือนกันครับ” เป้รับมุก แอนรีบเสริม
“ประกาศความเลวของเฮียโต๋”
พิณยิ้มให้วินอย่างจริงใจ
“ขอบคุณพี่วินมากค่ะ พี่วินทำยังไงเหรอคะคุณวิเชียรถึงมาขอให้พิณทำงานต่อ แถมยังขึ้นเงินเดือน
ให้อีก”
วินแกล้งยืดอก “ความสามารถส่วนตัว ไม่สามารถเลียนแบบได้”
แอนยิ้มหน้าบาน “ใช่ แอนกับเป้ เลยได้ส่วนบุญไปด้วย”
“ขอบคุณที่ดูแลพวกเราครับ” เป้พูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“คุณสามคนเป็นคนดี ตั้งใจทำงาน ระวังจะไม่รุ่ง”
“อย่าลืมโทรมาคุยกันมั่งนะ” พิณหันมาบอกวิน เสียงเริ่มสั่น พลางเอานิ้วป้ายขอบตา
“โอเค ไปดีกว่า เดี๋ยวจะดราม่ากันใหญ่”
“บ๊าย บาย พี่วิน”
วินขึ้นรถปิดประตูขับออกไป พิณ เป้ แอน มองตามยิ้ม ชื่นชม

วินพาทอมมาที่โรงพยาบาล หมอโจ๊กเดินมาพลางยกมือสวัสดี
“สวัสดีครับคุณพ่อ คุณวิน”
“สวัสดีลูก”
“วันนี้คุณวินว่างหรือครับถึงมาได้ นึกว่าคุณแนนจะมา” หมอโจ๊กหันมาทักวิน
“ตอนนี้ว่างแน่นอนครับ เพราะถูกไล่ออกจากงานแล้ว”
“อ้อ ผมพอมีเพื่อนในวงการโฆษณาอยู่บ้างสนใจมั้ยครับ ยิ่งจบนอกอย่างคุณวิน สบายมาก”
วิน ยิ้มให้อย่างจริงใจ
“ขอบคุณครับ ผมว่าจะพักดูแลคุณพ่อซะหน่อยแล้วค่อยว่ากันที่หลัง”
“ตกงานแล้วอ้างพ่อเลยนะ” ทอมแซวลูกชาย
“งั้นเชิญคุณพ่อทางนี้เลยครับ”
ทอม กวาดตามองรอบๆ พลางตบไหล่วิน
“ไม่แน่นะลูกโชคไม่ดีเรื่องงาน แต่อาจจะโชคดีอย่างอื่น”
วิน รับคำ “เยสเซ่อร์”
หมอโจ๊กพาทอมออกไป วินยิ้มโบกมือให้ทอม พลันเสียงของเอก็ดังแทรกขึ้นมา
“มาหางานแถวนี้เหรอคะ”
วินหันมา เห็นเอยืนตรงหน้าใจเต้นโครมคราม
“ผมฟันธงแล้วว่า คุณตั้งใจตามหลอนผมจริงๆ”

จากนั้นทั้งคู่ก็พากันมานั่งที่ร้านกาแฟในโรงพยาบาล วินเอาเครื่องดื่มมาเสิร์ฟให้เอ ก่อนจะนั่งลงตรงข้าม
“ขอบคุณค่ะ คุณคงเลิกดูหมอไปอีกนาน”
วิน ยิ้ม “ผมไม่เคยเชื่ออยู่แล้วนี่ขนาดบอกว่าผมกำลังมีโชคนะครับ ถ้าบอกว่ามีเคราะห์ ผมคงดับสนิท”
เอ ยิ้มขำ “ฉันอยากจะแสดงความเสียใจแต่ดูคุณแล้ว คุณไม่ค่อยซีเรียสเท่าไหร่”
“ผมเชื่อว่าทุกอย่างเกิดขึ้นล้วนมีเหตุผลในตัวมันเอง ฝรั่งเขาว่า ถึงพระเจ้าจะปิดประตู แต่ก็อาจจะเปิดหน้าต่างไว้ให้”
เอ ยิ้มพยักหน้ายอมรับ วินพูดต่อ
“พูดถึงหมอดู มีอยู่อย่างหนึ่งที่ผมคิดว่าอาจจะเชื่อ”
“อะไรคะ”
วิน ยิ้ม พลางสบตาเอ “ หมอดูบอกว่าผมจะเจอเนื้อคู่น่ะครับ”
เอเอามือประกบกันตรงหน้าเหมือนขอพรพระเจ้า พลางแกล้งกระพริบตาถี่ๆ เหมือนแสดง ละครเวที ยื่นหน้าเข้าใกล้วิน
“รูปร่างหน้าตาเหมือนดิฉันหรือเปล่าคะ”
วินมองขำ หัวใจสูบฉีดแรง

หลังจากนั้น ทั้งคู่ก็เดินคุยกันมาตามทาง
“สรุปนอกจากตามหลอนผมแล้ว คุณมาโรงพยาบาลทำไมครับ”
เอ ไม่ตอบ แต่กลับย้อนถาม “แล้วคุณล่ะมาทำไม ต่อยคนจนมือเจ็บมั้ง”
“โห รู้หมดแบบนี้ ผมชักกลัวแล้วซิ ผมพาคุณพ่อมาหาหมอครับ”
เอหน้าสลด วินพูดต่อยิ้มๆ
“ ไม่ต้องทำหน้าเศร้าหรอกครับ คุณพ่อผมยังอยู่อีกยาว”
เอ ค้อน แล้วเผลอตบต้นแขน วิน
“คุณนี่ ทำเป็นเล่น คนเขาถือ”
“ ตกลงว่า คุณมาทำอะไรครับ”
“อยากรู้จริงๆเหรอ” เอย้อนถาม
“ครับผม”
เอหยุดพอดีตรงหน้าห้องคนป่วยห้องหนึ่ง เอจ้องหน้าวินชั่งใจ วินมองอย่างสนใจอยากรู้“อยากรู้แน่นะ” เอ ถามย้ำ
“เยส”
“งั้นตามมา”
ไม่พูดเปล่า เอคว้ามือวินเดินเข้าไปในห้องคนป่วย วินใจเต้นโครมคราม

เอจูงวินเดินเข้ามาที่เตียง ยายยุพานั่งอยู่บนเตียง
“สวัสดีค่ะคุณยายยุพา นี่คุณวินค่ะ”
“สวัสดีครับคุณยายยุพา”
ยายยุพายิ้ม แล้วชี้ที่วิน “แฟน เหรอ”
วินหันมามอง เอ เอยิ้มทำมือไปทางคุณยายยุพา พลางทำปากบุ้ยใบ้ ประมาณว่าผู้ใหญ่ถามยังไม่รีบตอบ วินอึกอัก ในขณะที่พยาบาลหญิงเข้ามาขัดจังหวะพอดี
“อ้อ คุณเอมาแล้วเหรอคะ
พยาบาลเดินเข้ามาพร้อมมีหนังสือสองเล่มอยู่ในมือ วินถอนใจโล่งอก เอ ขำ พยาบาล หันมาทางวิน
“สวัสดีค่ะ”
“สวัสดีครับ”
พยาบาล ยกหนังสือขึ้น “ใครอ่านดีคะวันนี้”
เอ รีบตอบ “คุณวินค่ะ”

พยาบาลส่งหนังสือให้วินแล้วเดินออกไป วินถือหนังสือ มองเอ เอยิ้มให้ วินเปิดหนังสืออ่านให้คุณยายยุพาฟัง เอมอง ยิ้ม ดวงตาเป็นประกาย

วินเดินมาส่ง เอ ที่ลานจอดรถ

“เสียดายไม่ได้เจอคุณพ่อคุณ”
“แต่คงไม่เสียดายถ้าไม่ได้เจอผม” วินอดแหย่ไม่ได้
“ ไม่เสียดายแน่นอน”
ทั้งสองเดินมาถึงรถ เอ กดปิดสัญญาณระวังภัย วินเปิดประตูให้
“ผมรู้สึกดีที่ได้อ่านหนังสือ I like it.”
เอ ยิ้มหวานให้ แล้วขึ้นรถ วินปิดประตูให้ เอ เปิดกระจกลงมา มองวินอย่างพิจารณา แล้วก็ยิ้มหวานให้ ก่อนที่จะเคลื่อนรถออกไป วินมองตาม หัวใจเบิกบาน

นายสุชาตินั่งทำงานอยู่ในห้องทำงาน ไอ้อ๊อดสมุนคนสนิทเข้ามารายงาน
“ทุกอย่างเรียบร้อยครับ ไม่มีข่าวลูกสาวนายประสิทธิ์ถูกลักพาตัว”
“แล้วไอ้คนที่อยู่กับลูกสาวนายประสิทธิ์”
“เด็กรายงานว่าเป็นแค่คนรู้จัก”
“ให้เด็กไปเตือนมันหน่อย อยู่ห่างลูกสาวนายประสิทธิ์ไว้เป็นดี แล้วห้ามให้ข่าว” นายสุชาติสั่งเสียงข้ม
“ครับนาย”
ไอ้อ๊อดกำลังจะเดินออกไป สุชาติสั่งความต่อ
“แค่เตือนนะเว้ย อย่าให้รุนแรง”
ไอ้อ๊อดยิ้ม แล้วหันหลังเดินกลับออกไป นายสุชาติผิวปากใจเย็นพลางนั่งลงพิงเก้าอี้สบายใจ

“รอนานมั้ยลูก”
ทอมถามลูกชาย หลังจากที่เดินออกจากห้องตรวจ
วินยืนขึ้นยิ้ม “กำลังดีเลยครับ”
ทอมกวาดสายตาไปรอบๆ วินมองตามอย่างสงสัย
“หาใครเหรอครับ”
ทอมรีบปฏิเสธ “อ้อ ก็แค่ดูรอบๆ”
“ไปได้แล้วครับ อย่าลืมว่าคืนนี้ คุณพ่อมีร้องเพลงการกุศล”
“นั่นซิ เฮ้อ หนักใจ สงสัยจะไม่มีคน บริจาคอย่างลูกว่า” ทมแกล้งตีหน้าเศร้า
“ไม่ต้องห่วงหรอกครับ ถ้ายังไงผมจะบริจาคเอง”
“ดีมาก”

จากนั้นวินก็ขับรถมาส่งทอมที่หน้าบ้าน พลางบอกกับพ่อว่า
“ผมจะออกไปช็อปปิ้งหาเสื้อเชิ้ตหล่อๆสำหรับงานคืนนี้หน่อยครับพ่อ”
“เออดี แต่อย่าหล่อมากเกินหน้าพ่อล่ะ”
ทอมลงจากรถ วินขับรถออกไป ทอมยิ้มอารมณ์ดี

ในขณะที่วินกำลังเดินช้อปปิ้งอยู่ที่แผนกเครื่องแต่งกายชาย ทันใดนั้นชายนิรนามสามคน ก็เดิน
เข้ามาขวาง
“สวัสดีครับ” ชายคนแรกทัก
วิน กวาดตามอง “ ผมคิดว่าคุณจำคนผิด”
ชายคนที่สอง รีบแย้ง “อ๋อไม่ผิดหรอกครับแค่อยากจะบอกว่าอยู่ห่างลูกสาวนายประสิทธิ์ไว้ ถ้าไม่อยากเจ็บตัว”
วินยิ้ม “สวยๆแบบนั้น ห่างไม่ได้หรอกครับ”
ชายนิรยามมองวินอย่างไม่พอใจ ก่อนที่จะเดินตรงเข้าชกวิน วินหลบ แล้วเตะสวนโครมเข้าให้ แต่ก่อนที่การตะลุมบอนจะเลยเถิดไปมากกว่านี้ เสียงของเอ ก็ดังแทรกขึ้นมา
“ตำรวจ ทางนี้ค่ะ ตำรวจ”
สิ้นเสียงคำว่าตำรวจ ชายนิรนาม ต่างเผ่นกันออกไป ทิ้งวินให้ยืนเคว้งอยู่ เอ รีบวิ่งเข้ามา
“คุณ คุณ เป็นยังไงมั่ง”
วินหันมาเจอเอ ถึงกับถอนใจ “คุณ คุณ”
“สมองเสื่อมหรือเปล่า” เอพูดล้อๆ
“เจอคุณทีไร ผมเจ็บตัวทุกที”
เอ แกล้งทำหน้าละห้อย แล้วจูงมือลากวินเดินออกไป
เอพาวินเดินเข้ามานั่งในร้านกาแฟในห้าง
“ดูท่าแล้วคุณคงตามหลอนผมตลอดชีวิต”
เอยิ้ม “นี่อย่าเว่อร์ ฉันมาช้อปปิ้งของฉัน ไม่ได้เกี่ยวกับคุณช่วยแล้วยังมาว่าอีก”
“ขอบคุณครับ ผมว่าคราวหน้าคุณจะไปไหนโทรมาบอกผมก่อนได้มั้ยครับ ผมจะได้ไปไกลๆ”
เอ แกล้งค้อน “โห เนียนมาก”
วิน มองอย่างสงสัย “อะไรครับ”
“คิดจะขอเบอร์ฉันน่ะซิ ฉันไม่หลงกลหรอก”
วินยิ้มแหยๆ “แหม รู้ทัน”
เอ พลิกดูนาฬิกาข้อพูด แล้วรีบบอก
“ฉันต้องไปแล้ว คืนนี้มีนัด คุณเลี้ยงเพราะฉันมาช่วยคุณ”
วิน หน้าเหวอ “โห ใครเนียนกันแน่”
เอ ยิ้มลุกขึ้นแล้วเดินออกไป วินมองตาม อดขำตามไม่ได้

งานคอนเสิร์ตการกุศลในค่ำคืนนี้ จัดเป็นแบบคอกเทล มีเพียงโต๊ะอาหารเก้าอี้ไม่กี่โต๊ะตั้งอยู่ตามริมห้อง ตรงกลางว่าง มีฟลอร์อยู่ตรงหน้าเวที จัดไฟออกสลัวๆ แขกเหรื่อที่มาล้วนแต่งกายกันอย่างเต็มที่ ฝ่ายชายแต่งทักซิโด้เต็มยศ ในขณะที่ฝ่ายหญิง แต่งตัวด้วยชุดราตรี ทั้งแบบ และสีสันสวยงาม
ในขณะที่ทอมร้องเพลง Imagin อยู่บนเวทีเล็กๆ ท่ามกลางแขกผู้มีเกียรติประมาณ 30 คน วิน ยืนอยู่กั แนน และ น้ำหวาน พร้อมด้วยอาจารย์โสภา
“คุณพ่อพี่วิน ร้องเพลงเพราะน่าดู” น้ำหวานเอ่ยชม
“ขอบคุณครับ”
แนน หันมากระซิบกับน้ำหวานเบาๆ “ชมคุณพ่อจะทำคะแนนกับพี่วินเหรอ”
“ แน่นอนอยู่แล้ว”
พลันเสียงของคุณหญิงอัญชลี ก็ดังแทรกขึ้นมา
“มาหลบกันอยู่ที่นี่เอง”
ทั้งหมดหันไปมองตามเสียง เห็นคุณหญิงอัญชลี เดินตรงเข้ามาพร้อมกับพอลและเอ วินมองเออย่างคาดไม่ถึง ในขณะที่แนน มอง เอ อย่างตื่นเต้นดีใจ
“พี่เอ”
เอ ยิ้มให้แนน แอบแปลกใจเล็กน้อย “สวัสดีจ้ะ น้องแนน”
ส่วนวินยิ่งแปลกใจหนัก
“เด็กๆจ๊ะ รู้จักคุณหญิงอัญชลี เจ้าของงานหน่อยซิจ๊ะ”
อาจารย์โสภาหันมาบอกวิน แนน และน้ำหวาน คุณหญิงอัญชลีหันมาจากการทักทายแขกแหรื่อในงาน วิน แนน น้ำหวาน ต่างยกมือไหว้ คุณหญิงอัญชลีรับไหว้
อาจารย์โสภา แนะนำทีละคน
“คนนี้น้ำหวาน หลานสาวดิฉัน คุณ วิน กับ หนูแนน เป็นลูกคุณทอมเปียนนิสที่อยู่บนเวทีค่ะ”
“อ๋อเหรอคะ คุณพ่อใจดีมากที่มาช่วยงานค่ะ”
“ขอบคุณครับ”
ยังไม่ทันที่ใครจะพูดอะไรต่อ เสียงโฆษก ก็ดังแทรกขึ้นมา
“ขอเชิญคุณหญิงอัญชลี บนเวทีหน่อยครับ”

“เอ้อ ต้องขอตัวก่อนนะคะ คุณเอ” คุณหญิงอัญชลีกันมาทางลูกสาว “ฝากดูทุกคนด้วยนะคะ”

อ่านต่อพรุ่งนี้ เวลา 17.00น.

หนีก็ล่า ซ่าก็รัก ตอนที่ 2 (ต่อ)

จากนั้นคุณหญิงอัญชลี ก็รีบก้าวออกไปขึ้นเวที อาจารย์โสภาเดินตาม แนน หันมาทางเอ

“พี่เอคะ นี่พี่วินพี่ชายแนนเองค่ะ”
เอยิ้มให้แนน “เราเคยเจอกันแล้วค่ะ ในงานเปิดตัวเครื่องดื่ม”
พอล พูดขึ้นบ้าง “มิน่าผมถึงคุ้นๆหน้า” พลางยื่นมือให้วิน “ผมพอลครับ”
วินยื่นมือไปจับมือพอลตอบ “ยินดีที่ได้รู้จักครับ”
วิน กับ เอ ต่างมองหน้ากัน พอลลอบสังเกต
“คุณพอลเป็นดาราดัง แนนรู้จักค่ะ”
“โอ ไม่ดังเท่าไหร่หรอกครับ” พอลถ่อมตัว
“น้ำหวานกับเพื่อนที่คณะปลื้มคุณพอลมากเลยค่ะ” พูดพลางแนนก็แอบเอาศอกกระทุ้ง
แขนน้ำหวาน
“อ้อใช่แล้วค่ะ นี่ถ้ารู้ว่าน้ำหวานเจอคุณพอลทุกคนต้องกรี๊ดอิจฉาน้ำหวานแน่ๆเลย”
พอลยิ้มหน้าบาน “ขอบคุณครับ”
ในขณะที่บนเวที ทอมกำลังร้องเพลง I love you for sentimental reason แขกเหรื่อหลายคนออกไปเต้นรำที่กลางฟลอร์ แนนกระทุ้งศอกเบาๆ ที่แขนน้ำหวานอีก
“น้ำหวาน ถ้าไม่รีบขอคุณพอลเต้นรำ แนนแย่งไม่รู้ด้วย”
“ได้มั๊ยคะคุณพอล”
พอลมอง เอ “เจอแฟนตัวจริงแล้วค่ะคุณพอล”
พอล ยิ้มกว้าง “เชิญครับน้ำหวาน”
น้ำหวานรีบดึงพอล ออกไปเต้นรำที่ฟลอร์ แนนยิ้ม หันมาทางเอ
“.พี่เอ คงไม่รังเกียจที่จะเต้นรำกับพี่วินใช่มั้ยคะ”
วินกับเอต่างมองหน้ากัน
“ได้ค่ะ เฉพาะครั้งนี้เพื่อน้องแนนนะคะ”
แนนยิ้มมองหน้าวิน วินส่งมือให้ เอ
“เชิญครับ”
เอ ยิ้ม ส่งมือให้ วิน วินจูงเอไปที่ฟลอร์ แนนยิ้มระรื่น

ทอม ที่กำลังร้องเพลงอยู่กลางเวที เหลือบสายตาเห็น แนนยืนโบกมือไหวๆอยู่ด้านหนึ่ง ทอมยิ้มให้ลูกสาว แต่แล้วเห็นแนนทำมือชี้ไปที่ฟลอร์ ทอมมองไป เห็นวินเต้นรำอยู่กับเอ ทอมยิ้มให้แนน แนนทำนิ้วชี้วนๆ ทำปาก พูดช้าช้า
“ขอเพลงนี้สองรอบ”
ทอมพยักหน้ารู้กัน จากนั้นก็ร้องเพลงเดิมวนซ้ำอีกรอบในขณะที่ฟลอร์เต้นรำ วินเอ่ยถามเอ
“เอ้อ คุณรู้จักน้องแนน”
“ค่ะเจอน้องแนน กับ คุณพ่อคุณที่โรงพยาบาลแล้วก็คุณโจกอีกคนนึง หมอโจ๊กเป็นคนแนะนำ
ให้รู้จักค่ะ”
“อ้อ โล่งอก ผมนึกว่าคุณตามหลอนครอบครัวผมด้วย”
เอขำ “คุณโจไม่มาเหรอคะ”
“ติดงานครับ”
“มีเรื่องสงสัยอยู่นิดนึง” จู่ๆ เอ ก็เปลี่ยนเรื่องฉับ
“อะไรเหรอครับ”
“น้องแนนบอกว่าเคยเห็นฉันมาก่อน”
วินยิ้ม “เป็นไปไม่ได้หรอกครับ ยัยแนนกับคุณเหมือนอยู่คนละกาแลคซี่ ยัยแนนคงจำคนผิด
มากกว่า”
เอจ้องหน้าวิน แล้วยิ้ม “น้องแนนบอกว่าเห็นรูปของดิฉันจากคอมพิวเตอร์ของคุณ”
เอ ยิ้ม จ้องอย่างจับพิรุธ วินอึกอักตอบไม่ถูก เอ ถามซ้ำ
“ว่ายังไงคะ”
“คือผม”
ยังไม่ทันที่วินจะตอบ เสียงของพอลก็ดังแทรกขึ้นมาขัดจังหวะ
“ ฮะแอ้ม ขออนุญาตนะครับ”
วินกับเอหันมาเจอพอลเต้นรำกับน้ำหวานอยู่ข้างๆ
“คุณวินคงไม่รังเกียจที่ผมจะเต้นรำกับคุณเอ”
วินยิ้ม แล้ว.รีบบอก “ด้วยความยินดีครับ”
วินรีบปล่อยมือเอ แล้วเปลี่ยนมาเต้นรำกับน้ำหวาน พลางแอบถอนหายใจโล่งอก พอลรีบไปเต้นรำกับเอ วินรีบพาน้ำหวานเต้นรำห่างออกไป
ทันใดนั้นเพลงจากเพลงโสลว์ ก็เปลี่ยนจังหวะเป็นเพลงเร็วขึ้นมา ทุกคนในฟลอร์จึงต้องเปลี่ยนจากการเต้นสโลว์ มาเต้นเพลงจังหวะเร็วแทน
แนนชูนิ้วโป้งให้พ่อ ทอมยิ้มรับ แล้วร้องเพลงจังหวะเร็วอย่างสนุกสนาน แนนยิ้มชอบใจ น้ำหวาน
พรวดเข้ามา
“นี่เธอ งานนี้ เธอติดข้าวฉันสองมือนะจ๊ะ”
“ได้เลย”

เมื่อกลับมาถึงบ้าน เพลง I love you for sentimental reason ยังคงดังก้องกังวานอยู่ในภวังค์ความคิดของวิน ชายหนุ่มยืนมองออกไปนอกหน้าต่างเห็นดวงจันทร์เต็มดวงสีหน้าล่องลอยมีความสุข

ในขณะเดียวกัน เอ เดินมาที่หน้าต่าง กำลังมองที่ดวงจันทร์ดวงเดียวกัน สีหน้ามีความสุขไม่ต่างกันต่างคนต่างนึกถึงอ้อมกอดของกันและกันในยามที่เต้นรำอยู่กลางฟลอร์

เข้าวันรุ่งขึ้น วินเดินเข้ามาในห้องอาหารด้วยสีหน้าที่สดใส เห็นทอมนั่งดื่มกาแฟอยู่ตามลำพัง
“มอร์นิ่งครับคุณพ่อ”
วินเดินไปเปิดตู้เย็นหยิบน้ำส้มออกมาจากนั้นก็เดินนั่งที่โต๊ะ รินน้ำส้มใส่แก้ว
“ไงหลับฝันดีมั้ยเมื่อคืน” ทอมถามเสียงล้อๆ
วินยิ้ม “ครับ”
“ไม่ยักรู้ว่าวินรู้จักหนูเอ โลกกลมแท้ๆ”
“ ครับ”
“ยัยแนน ท่าทางจะปลื้มคุณเอมาก”
“ครับ”
วินตอบสั้นๆ แสร้งทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ ทอมยิ้ม ไม่พูดอะไร พร้อมๆ กับที่เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น วินรีบกดรับสาย
“เฮ้ โจ โอเค ได้ เออน่า เจอกันคืนนี้”
พูดจบวินก็วางสาย ทอมหันมาถาม
“โจ ว่าไงเหรอ”
“เห็นผมว่าง เลยให้ช่วยทำโปรโมชั่นที่คลับ เลยนัดกันคืนนี้ครับ”
“ตกลงลูกกับคุณ เอ ว่าไง” ดูเหมือนทอมจะสนใจเรื่องนี้มากกว่า
วินยิ้ม “ไม่มีอะไรหรอกครับคุณพ่อ เขามีแฟนแล้วชื่อคุณพอล มาด้วยกัน”
วินยิ้มดื่มน้ำส้ม ทอมลอบมองอย่างจับสังเกต

ทางด้านเอ ตื่นลงมา เดินเข้ามาในห้องรับแขก แล้วก็ต้องแปลกใจเมื่อเห็นผู้ชายคนหนึ่งนั่งอยู่ที่โซฟา เอาขาพาดที่โต๊ะกลาง บนโต๊ะมีถ้วยกาแฟ และจานขนมเกลื่อน
เอ เดินตรงเข้าไป ผู้ชายคนนั้นละสายตาจากจอทีวี หันมามองเอ
“นายเป็นใคร”
“เป็นพี่ชายของซินดี้ ชื่อบอย คุณคงเป็นคุณ เอ”
“รู้แล้วก็รีบออกไปได้”
ทันใดนั้นเสียงของซินดี้ก็ดังสวนขึ้นมา
“อะไรกันคะคุณเอ”
เอ หันขวับมาทางซิดี้ ที่เดินตรงเข้ามา
“ไม่มีอะไรหรอก บอกให้พี่ชายเธอเก็บข้าวของออกไปได้”
ซินดี้ ยักไหล่ “ซินดี้ขอคุณประสิทธิ์แล้วว่าพี่บอยจะมาพักที่นี่ซักสองสามวัน คุณประสิทธิ์อนุญาต”
เอยิ้มเหยียดๆ “โรงแรมมีเยอะแยะ จองซะ คุณพ่อจะเป็นคนจ่ายให้เอง”
เอพูดจบแล้วเดินออกไป ซินดี้มองตาม พลาง เบ้ปากใส่
“พี่บอยไม่ต้องสนใจหรอก”

จากนั้นเอก็ตรงดิ่งไปหานายประสิทธิ์ถึงที่ทำงาน พลางเดินฉับๆ ผ่านเลขา เข้าไป เลขาขยับตัว แต่ไม่ทัน เอเดินพรวดผ่านเข้าไปในห้องทำงานของนายประสิทธิ์“คุณพ่อต้องให้นายบอยอะไรนั่นออกไปพักที่อื่น”
“พี่น้องไม่ได้เจอกันนาน แค่วันสองวันเอง”
“โรงแรมมี คิดถึงกันมาก ก็ให้ซินดี้ไปพักที่โรงแรมกับพี่ชาย” เอพูดด้วยน้ำเสียงไม่พอใจอย่างแรง
“บ้านออกใหญ่โต เอ อย่าก่อเรื่องน่า”
เอ จ้องหน้านายประสิทธิ์ “ถ้านายนั่นไม่ไป เอ ก็ไม่กลับบ้าน เอ จะพักที่โรงแรมเองก็ได้”
พูดจบเอเดินพรวดออกไปอย่างเสียอารมณ์ นายประสิทธิ์ รีบตะโกนเรียก
“เอ กลับมานี่เดี๋ยวนี้”
ออกจากที่ทำงานของนายประสิทธิ์ เอก็ขับรถไปตามถนน ด้วยความโกรธ ขับไปเรื่อยๆ จนออกนอกเมือง ไม่รู้ตัว

เอ ขับรถพรวดมาจอดที่ชายหาด ก่อนที่จะเปิดประตูลงมาจากรถ ยืนถอนใจสงบสติอารมณ์ พร้อมๆ กับที่โทรศัพท์ดังขึ้น เอกดรับสาย
“คุณเอ อยู่ไหนครับ” พอลทักทายมาทางปลายสาย
“เอ ติดธุระอยู่นอกเมืองค่ะ”
“เย็นนี้ทานข้าวกันนะครับ”
“เอว่าอย่าดีกว่า เอ ไม่แน่ใจว่าธุระจะเสร็จหรือเปล่า”
“แต่ผมรอได้”
พอลตื๊อ เอถอนหายใจเบาๆ แล้วรีบตัดบท
“แค่นี้ก่อนนะคุณพอล”
จากนั้นก็กดวางสาย แล้วปิดเครื่องทันที

เอเดินไปตามชายหาด หยุดมองทะเล เห็นกลุ่มเพื่อนๆหญิงสาวสี่ห้าคนเดินมาหัวเราะกันอย่างสนุกสนาน เอ นึกภาพ ตนเองนั่งคุยกับเพื่อน โม พิงค์ วุ้น คิดถึงนายประสิทธิ์ผู้เป็นบิดา คิดถึงพอล ที่ตามติ๊อไม่เลิก และสุดท้าย คิดถึงวิน
“ไม่น่าเชื่อ..คนที่บอกว่าชอบเราไม่ได้กลายเป็นคนเดียวที่จริงใจกับเรา”
เอ รำพึงกับตัวเองเบาๆ

เอขับรถเข้ากรุงเทพฯ ท่ามกลางรถติดยาวเหยียด
“โอย ปวดฉี่ ไม่รอดแน่เรา”
เอ กวาดสายตาไปมา สีหน้าเริ่มไม่ดี

เมื่อขับมาถึงที่คลับของโจ เอก็ขับรถพรวดเข้ามาจอดตรงหน้าคลับ เปิดประตูผลัวะออกมา ก่อนที่จะรีบโยนกุญแจให้พนักงาน รับจอดรถที่ดูเชื่องช้าไม่ทันใจ จากนั้นก็ก้าวฉับๆ เดินพรวดเข้าไปด้านในอย่างรวดเร็ว
เอ พรวดเข้าไปที่หน้าเคาน์เตอร์ บาร์เทนเดอร์ยืนอยู่
“ห้องน้ำทางไหนคะ”
บาร์เทนเดอร์ชี้มือไปตามทาง “ทางโน้นครับ”
“ขอน้ำส้มที่หนึ่งค่ะ”
เอสั่งเสร็จแล้วพรวดไปทางห้องน้ำทันที

ในจังหวะเดียวกันนั้นเอง นายสุชาติก็เดินเข้ามาในคลับ พร้อมกับลูกน้องสามคน พนักงานต้อนรับ พาไปเข้าไปด้านในผ่านบริเวณบาร์ บาร์เทนเดอร์ยกมือไหว้ นายสุชาติโบกมือทักทายบาร์เทนเดอร์ แล้วเดินตามพนักงาน ไปนั่งที่โต๊ะด้านในมุมหนึ่งซึ่งเห็นบาร์ได้อย่างชัดเจน

เอ ออกมาจากห้องน้ำ แล้วนั่งที่บาร์ ยกน้ำส้มขึ้นจิบ พลาง หยิบโทรศัพท์ขึ้นมา กดสายหาพอล
แต่กลับได้ยินเสียงให้ฝากข้อความ เอ รำคาญกดวางสาย ด้วยอารมณ์กหงุดหงิด

อีกด้านหนึ่ง วินเดินเข้ามาในคลับ พนักงานสาวเข้ามาทัก
“สวัสดีค่ะคุณวิน คุณโจยังไม่เข้ามาเลยค่ะแต่โทรมาสั่งไว้แล้ว เชิญคุณวินทางนี้ค่ะ”
พนักงานสาวพาวินไปนั่งที่โต๊ะตัวหนึ่ง
“เดี๋ยวหนูจะให้เด็กเอาเครื่องดื่มมาเสิร์ฟนะคะ”
“ขอบคุณครับ”
แต่แล้วสายตาก็เหลืองไปเห็นเอนั่งอยู่ที่บาร์ วินมองด้วยความแปลกใจ ระคนคาดไม่ถึง
“ล้อเล่นน่า มาได้ยังไง”

วินจับสายตามองเอ

บาร์เทนเดอร์ เอาน้ำส้มแก้วใหม่มาเสิร์ฟให้อีกแก้ว เอหยิบโทรศัพท์กด พอลรับสาย ในขณะที่กำลังขับรถอยู่
“คุณพอล เอ โทรหาเกือบชั่วโมงแล้วนะคะ”
“คุณเอ ขอโทษทีครับ ผมมีงานด่วนครับ คงทานข้าวกับคุณเอไม่ได้แล้วครับ”
“ไม่เป็นไรค่ะ ตามสบายนะคะ”
เอ วางสาย ยกแก้วน้ำส้มขึ้นดื่ม อึกใหญ่ พลางกวาดสายตารอบๆ
“อืมสวยดีนี่ เปิดนานหรือยัง ผ่านแถวนี้บ่อยไม่เคยเห็น” เอหันมาถามบาร์เทนเดอร์
“ประมาณ ห้าปีแล้วครับ”
“อืม บรรยากาศดี”
จู่ๆ เสียงของนายสุชาติ ก็ดังแทรกขึ้นมา “สวัสดีครับ”
เอ หันมามองนายสุชาติ งงๆ “รู้สึกว่าคุณจะทักคนผิดแล้วค่ะดิฉันไม่รู้จักคุณ”
สุชาติมองเอแล้วยิ้ม ก่อนที่จะปรายตามองบาร์เทนเดอร์ บาร์เทนเดอร์พยักหน้า
เอเริ่มรู้สึกว่าหน้าของนายสุชาติ เริ่มพร่าลง เธอกระพริบตาถี่ เห็นนายสุชาติยิ้ม
“ผมสุชาติครับ”
“ดิฉันนัดกับแฟนดิฉันไว้ ขอบคุณ”
“ผมนั่งเป็นเพื่อนรอแฟนคุณก็แล้วกัน”
เอรู้สึกตาพร่าเริ่มมึน ทันใดนั้นเสียงของวินก็แทรกขึ้นมา
“สวัสดีครับ คุณ เอ”
เอ หันมากระพริบตาถี่ๆ เห็นใบหน้าวินพร่าพราย เธอรีบพรวดจากเก้าอี้ คว้าอกเสื้อวินเข้ามาใกล้ ยิ้ม แล้วหันไปทางนายสุชาติ
“นี่ไง แฟนฉัน”
เอเซเข้ามาในอ้อมอกวิน วินรับไว้ทัน
“ผมว่าคุณอย่ายุ่งดีกว่า ผู้หญิงคนนี้มากับผม”
วิน ยิ้ม “ล้อเล่นน่า คุณสุชาติ ผมจำคุณได้ คุณ เอ ไม่ได้มากับคุณแน่นอน”
สุชาติ เพ่งมองวิน แล้วก็นึกออก “อ๋อ ครีเอทีฟนอกนี่เอง”
ทันใดนั้น เสียงของสมภพก็ดังแทรกขึ้นมา
“ เบ่งใส่ชาวบ้านอีกแล้วเหรอคุณสุชาติ”
สุชาติหันมเจอสมภพยืนอยู่ตรงหน้า
“คุณสมภพ เสียใจนะเรื่องโครงการคอนโด คุณช้าไปหน่อย”
จบประโยคของนายสุชาติ นายสมภพก็ปราดเข้ามาชกโครม แต่นายสุชาติหลบทัน นายสมภพเสียหลักถูกนายสุชาติชกโครมกระเด็นไป ลูกน้องสมภพปราดเข้ามารุมสุชาติ ลูกน้องสุชาติพรวดเข้ามาเกิดการต่อสู้กันอุตลุด
วินโอบเอไว้ในวงแขน มีคนหนึ่งพรวดเข้ามาใกล้ วินชกโครมเข้าให้ มันกระเด็นออกไป แต่แล้วมีร่างมากระแทกวิน ทำให้วินถีงกับเซ จน เอหลุดออกไปจากอ้อมแขนวิน
“คุณเอ”
วินตั้งตัวได้ชกทุกคนที่เข้ามาเพื่อป้องกันตัว เห็นเอยืนหมุนอยู่ท่ามกลางการต่อสู้วินมัวแต่จะระวังคอยดูเอ เลยเผลอถูกชกโครม กระเด็นไปฟุบที่พื้น เสียงปืนดังเปรี้ยง วินเงยหน้ามาพอดี เห็นนายสุชาติล้มฟุบลงมาตรงหน้า วิน มองไปเห็นนายสมภพถือปืนอยู่ในมือ สมภพตวัดปืนมาที่วินหมายจะยิงปิดปาก วินจ้องที่ปืนนิ่ง
ทันใดนั้นมีร่างมากระแทกร่างของนายสมภพจนเซล้มไป วินมองตาม เห็นปืนของนายสมภพ ไถลมาหยุดลง เอเอื้อมมาหยิบปืนขึ้นไปถือในมือ ยกปลายขึ้นเพดาน ปืนลั่นเปรี้ยงเสียงดัง ทุกคนหยุดการต่อสู้
เอ ถือปืนกราดไปมา วินหันมาเห็นนายสุชาติ นอนนิ่ง ในขณะที่นายสมภพ มองมาทางวินพอดี
นายสมภพชี้มือมาที่เอ “.ผู้หญิงคนนั้นยิงคนตาย”
วิน พรวดเข้าไปหาเอจะคว้าปืนจากเอ แต่เอ ไม่ยอมปล่อยปืน พวกมือปืนนายสุชาติพรวดเข้ามา วินเลยจับมือเอ พลางโอบร่างเอ กราดปืนใส่ จนไม่มีใครกล้าเข้ามา
ทันใดนั้นวินจับมือเอ ตวัดปืนขึ้นเพดาน ยิงเปรี้ยง ทุกคนพากันหมอบลงกับพื้น ก่อนที่วินจะพาเอพรวด ออกไป

วินพาเอพรวดออกมที่ลานจอดระ พนักงานรับรถร้องทัก ด้วยความแปลกใจ
“พี่วิน”
“กุญแจ เร็วเข้า”
วินพาเอไปที่รถซึ่งจอดอยู่ที่ประจำแถวหน้าสุด คนจอดรถกดเปิดประตูให้พร้อมวิ่งเข้ามา วินเปิดประตูด้านหลัง โยนเอโครมเข้าไปที่เบาะหลัง เอ ร้องโอ๊ย แต่ยังมึนๆ วินหันมา คนขับรถโยนกุญแจให้
“ขอบใจน้อง”
จากนั้นวิน ก็รีบถอยรถ แล้วขับออกไปอย่างรวดเร็ว ลูกน้องนายสุชาติ วิ่งพรสดออกมาจากประตูคลับ คนจอดรถแกล้งเข้าขวาง เลยถูกกระแทก จนเสียหลักระเนระนาดกระจัดกระจาย ก่อนที่จะรีบวิ่งตามวินไป แต่ไม่ทัน

“ผมเห็นคนยิงครับ ผู้หญิงกับผู้ชาย”
นายสมภพปั้นเรื่องบอกกับผู้กองวันชาติ ที่เดินทางมาทำคดี
“ดี เราจะให้เจ้าหน้าที่ สเก็ตภาพคนร้าย”
สมภพใจชื้นลอบสบตากับเม่น ผู้กองวันชาติพูดต่อ
“ต้องรบกวนให้คุณสมภพ ไปให้การที่สถานีด้วยนะครับ”

“ด้วยความยินดีครับ”

โจก้าวเข้ามาในคลับ เห็นผู้กองวันชาติ กับเจ้าหน้าที่ตำรวจ กำลังคุยกับลูกค้าอยู่ ก็มองอย่างสงสัย

พนักงานสาว รีบเดินมารายงาน
“พี่วินกับผู้หญิงมีเรื่องยิงคนตายค่ะ”
“พี่จัดการเอง”
ผู้กองวันชาติเดินเข้ามาโจ “คุณเป็นเจ้าของที่นี่”
“ครับ”
“ผมทราบว่าคุณอาจจะรู้จักกับคนร้าย”
โจนิ่งไปอึดใจ ก่อนจะตัดสินใจตอบ“ผมก็แค่รู้จักในฐานะลูกค้าเท่านั้นไม่ได้แบบว่าเป็นเพื่อนซี้ หรืออะไรหรอกครับ”

วินขับรถไปตามถนน พลางชำเลืองดูว่ามีใครตามมาหรือเปล่า ก่อนจะมองไปด้านหลังเห็น เอ หลับไปแล้ว วินหยิบบลูทูธใส่ที่หู หยิบโทรศัพท์แล้วกดต่อสายโทร. ออก
“เฮ้ โจ”
“เกิดอะไรขึ้นเพื่อน คนทั้งคลับเห็นนายกับผู้หญิงยิงคนตาย ตกลงแกกับใครกันแน่”
“บอกไปแกคงไม่เชื่อ”
“คุณหนูไฮโซ” โจเดา
วิน ถอนใจ “ใช่ เรื่องมันยาว เอาเป็นว่าฉันเห็นว่าใครเป็นคนยิง”
“หวังว่านายมีพยานหลักฐานนะเพื่อน”
“ฉันมีปืนของคนร้าย ที่มันกำลังตามล่าฉันอยู่”
“นายคิดจะทำยังไง” โจ ถามด้วยความเป็นห่วง
“พรุ่งนี้ ฉันจะไปหาตำรวจ”
“ดีแล้ว ก่อนที่ไอ้คนยิงมันจะหานายเจอ”

วินขับรถเรื่อยไปตามนน ในขณะที่ เอยังไม่ได้สติ เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น วินกดรับสาย แล้วชลอรถจอดข้างทาง
“เฮ้”
“ตอนนี้นายอยู่ไหน” โจถามมาทางปลายสาย
“ขับรถหลบไปเรื่อยๆ เผื่อพวกมันตาม”
“ฉันว่าหาโรงแรมเงียบๆ หลบก่อนดีกว่า”
“เฮ้ย ไม่ได้หรอก คุณเอเสียหาย กะว่าดึกๆ ค่อยเข้าบ้าน”
“เข้าบ้านเนี่ยนะ” โจทวนประโยค
“เออ แค่นี้ก่อนเพื่อน”
วินวางสาย หันมามองเอ ที่ยังไม่ได้สติอยู่
“เกิดอะไรขึ้นกับคุณกันแน่”
วินถอนใจแล้วขับรถต่อไป

วินขับรถเข้ามาในบ้าน ก่อนที่จะจอดรถ เปิดประตูหลัง เห็นเอหลับอยู่ วินเดินย่องเข้ามาในบ้าน เปิดไฟ แล้วไปเปิดประตูห้องนอนสำหรับรับแขก ก่อนจะออกมาเจอแนน ที่หน้าห้องพอดี
“พี่วิน ทำไรอะ”
”แนน ตื่นมาก็ดีแล้ว ช่วยพี่หน่อยอย่าไปไหน รอพี่ที่นี่”
วินพรวดออกไป แนนมองตาม ในขณะที่ตายังปรือ ทว่าเมื่อวินอุ้มเอ เข้ามาวางบนเตียง แนนก็ถึงกับตาสว่าง
“พี่เอนี่ เฮ้ย เล่นฉุดเลยเหรอ”“เดี๋ยวมา”
วินพรวดออกไป แล้วเอาชุดนอนของตัวเข้ามา พลางบอกกับน้องสาว
“ช่วยเช็ดตัวให้พี่เอ แล้วเปลี่ยนชุดนอนให้ด้วย”
“เกิดอะไรขึ้น” แนนมองสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างงงๆ
“ทำตามที่พี่บอกแล้วค่อยคุยกัน”
วินพรวดออกไป แนนยืนมอง เอ ยังมึนอยู่

“โฮ้ ตื่นเต้น โรแมนติกน่าดู”
น้ำเสียงของแนนตื่นเต้นจริงๆ หลังจากที่ได้ฟังเรื่องราวอย่างละเอียดจากปากของพี่ชาย
“เจอคดีฆ่าคนตาย ตำรวจตามจับ ผู้ร้ายตามฆ่าเนี่ยนะ โรแมนติก”
“ใจเย็นๆน่าพี่วิน พรุ่งนี้พาพี่เอหาตำรวจก็จบ”
“หวังว่าเป็นอย่างที่แนนคิด”
แนนหาว “ แนนง่วงแล้ว”
“เดี๋ยว พรุ่งนี้พี่ต้องอยู่เฝ้าคุณเอ แนนพาคุณพ่อไปหาหมอหน่อยนะ”
“ โอเค”
“แท้งกิ้ว ซิส”

แนนเดินออกไป วินทรุดตัวลงนั่งลงที่โซฟา พลางถอนหายใจ

หนีก็ล่า ซ่าก็รัก ตอนที่ 2 (ต่อ)

เอ ค่อยๆลืมตาขึ้นมาอย่างช้าๆ พลางกวาดสายตารอบๆ เห็นห้องแปลกตาก็ถึงกับสะดุ้งตื่น รีบพรวดลงมาจากที่นอน และเมื่อมองที่กระจก เห็นตัวเองใส่ชุดนอนผู้ชายหลวมๆอยู่ ก็ยิ่งตกใจ
จากนั้นเอ ก็ค่อยๆ เปิดประตูห้องออกมา ย่องผ่านมาถึงห้องวิน เปิดประตูโผล่เข้าไปดู ถึงกับตาโต เพราะสังเกตได้ว่าเป็นห้องผู้ชายแน่นอน เอรีบออกจากห้องวิน ค่อยๆย่องต่อไป ได้ยินเสียงทีวีแว่วๆ เอ ย่องไปตาม
เสียง
เอโผล่มา เห็นร่างของวินทางด้านหลัง นั่งอยู่ที่โซฟากำลังดูทีวีอยู่ เอ ค่อยๆย่องเข้าไป กวาดสายตาไปมา เห็นแจกันดอกไม้ตั้งอยู่ เอรีบปราดเข้าไปคว้าแจกันมาถือไว้ในมือ ค่อยๆย่องเข้าไปด้านหลังของวิน ใกล้เข้าไป ใกล้เข้าไป
ในขณะที่วินกำลังนั่งจ้องทีวี กดรีโมทเปลี่ยนไปช่องนั้นช่องนี้ เพื่อหาข่าว ทันใดนั้น เอ ที่ย่องมาทางด้านหลัง ก็เอาแจกันฟาดหัววินโครม แจกันแตกกระจายดอกไม้ปลิวว่อน วินนั่งค้างอยู่กระพริบตาปริบๆ เอามือคลำที่หัว เอมองตกใจนึกว่าวินไม่เป็นไร แต่แล้วร่างของวินเอียงทรุดโครมบนโซฟา เอ ถอนใจโล่งอก แต่แล้วก็ตกตะลึงตาค้าง เมื่อเห็นภาพในทีวี เป็นภาพนิ่งของ ตนเอง กับวิน ถือปืนกราดอยู่
เอ มองภาพตรงหน้าอย่างตกใจ มีเสียงนักข่าว บรรยาย
“คุณหนูไฮโซ ลูกสาวนายประสิทธิ์ นักธุรกิจพันล้าน ร่วมมือ กับหนุ่มนิรนามยิงนายสุชาติ
ลูกชายนักธุรกิจมีชื่อเสียชีวิตในผับหรูใจกลางกรุงเทพฯ ขณะนี้ตำรวจกำลังตามหาตัวทั้งสองอยู่อย่างเคร่งเครียด”
เอ ตกใจยืนตะลึง
“โอย มือหนักเป็นบ้า”
เอ หันมาตามเสียง แล้วก็พบว่าผู้ชายที่ตนเพิ่งเอาแจกันฟาดหัวไป ที่แท้ก็คือวินนั่นเอง
“คุณ”
เอ มองอย่างคาดไม่ถึง

วินนั่งที่โซฟา มือถือผ้าห่อน้ำแข็งโปะหัวอยู่ เอเดินไปเดินมาอยู่ตรงหน้า
“เป็นไปได้ยังไง ทำไมฉันจำไม่ได้เลย”
“ก็คุณเล่นกรึ๊บหนักไปหน่อย”
“บ้า ฉันดื่มแค่น้ำส้มจะเมาได้ยังไง บาร์เทนเดอร์ต้องวางยาฉันแน่ๆ” เอสันนิษฐาน
“เราต้องไปหาตำรวจ ผมรู้ตัวคนร้าย ทุกอย่างจะต้องจบลงด้วยดี”
“คุณก็ไปหาซิ ฉันจะกลับบ้าน”
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น ทั้งสองหันมาพร้อมกัน โทรศัพท์ของทั้งคู่ วางอยู่ใกล้กัน เอพรวดเข้าไปรับสาย “คุณ เอ เป็นยังไงบ้าง” พอลถามมาทางปลายสาย
“คุณพอล มารับเอหน่อย”
“ได้ครับ คุณเออยู่ที่ไหน”
เอ หันมาทางวิน “ที่นี่ที่ไหน ฉันจะให้คุณพอลมารับ”
วินวางถุงน้ำแข็งลุกขึ้นยื่นมือมา “ให้ผมอธิบายดีกว่า จะได้ไม่หลง”
เอ ส่งโทรศัพท์ให้วิน วินรับมาแล้วกดสายปิด
“อุ๊บ สายหลุด”
เอ จ้องอย่างขัดอารมณ์

ในขณะที่พอลกดสายโทรศัพท์ซ้ำอีกหลายรอบ แต่ก็ไม่สามารถติดต่อได้
“ไม่ติดแล้ว บ้าจริง ผมไม่ยุ่งดีกว่าเดี๋ยวผมจะเสียชื่อไปด้วย”
พอล หันมาบอกกับผู้จัดการส่วนตัว
“ใจเย็นๆซิคะ ลองคิดดูก่อน การช่วยคุณเอตอนนี้ดียิ่งกว่าโปรโมทตัวเองซะอีก”
พอล ตาวาว “อืม ถูกของคุณ คุณคิดว่าเราควรทำยังไง”
“ปุ๊กจะจัดให้คุณแถลงข่าว ว่าในฐานะคนใกล้ชิด คุณเป็นห่วงคุณเอมาก”
พอลยิ้มพอใจในแผนการ

“คุณทำอะไรน่ะ”
เอ หันขวับมาถามวิน
“ทำอะไร ถามได้ ผมไม่อยากให้ใครรู้ว่าคุณอยู่กับผมที่นี่ผมไม่ ต้องการให้คนในบ้านผมเดือดร้อน
เพราะผม”
วินแกะโทรศัพท์ของเอออก แล้วดึงซิมออกมา
“คุณไม่ควรติดต่อใคร และให้ใครติดต่อคุณ ตอนนี้คนร้ายกำลังตามหาคุณกับผมอยู่”
“หาคุณมากกว่า” เอย้อน
“ผมอยากให้เป็นแบบนั้น ผมจะได้ไปส่งคุณที่บ้านให้หมดเรื่องหมดราว”
เอ จ้องหน้าวินนิ่ง วินพูดต่อ“แต่พวกมันไม่ได้ตามหาผมคนเดียวผมถึงให้คุณไปไม่ได้ เพราะพวกมันต้องเล่นงานคุณแน่ๆ”“ฉันว่า คุณดูหนังมากไปแล้ว”
วิน ถอนใจ “พวกผู้หญิงคิดว่าโลกนี้สวยงาม ไม่มีใครคิดทำอะไรคุณอินโนเซนท์จริงๆ”
“เอางี้ ให้ฉันโทรหาคุณพ่อ คุณพ่อฉันรู้จักทนายความเก่งๆ รู้จักคนเยอะ ให้คุณพ่อฉันจัดการดีกว่า”
วินนิ่งคิดอึดใจ ก่อนที่จะพยักหน้า เอยื่นมือออกมา
“โทรศัพท์”
“ผมว่าเราควรออกไปใช้โทรศัพท์สารธารณะข้างนอกจะดีกว่า”
“นี่คุณจะเว่อร์ไปแล้ว”

“อย่างที่คุณบอก ผมดูหนังมากไปคุณพ่อคุณรู้จักคนเยอะ ตรวจหาเบอร์ผมง่ายนิดเดียว”

เอ ที่ยังใส่ชุดนอนของวิน ยืนอยู่หน้าบ้าน เห็นวิน เข็นมอเตอร์ไซด์ ฮาร์เล่ย์ ออกมา
“ล้อเล่นน่า ให้ใส่ชุดนอนนั่งซ้อนเนี่ยนะ”
วิน ไม่ตอบ แต่ส่งหมวกกันน็อกให้ “รถมอเตอร์ไซด์คล่องตัวกว่าเยอะกรณีที่มีเรื่องฉุกเฉิน”
เอรับหมวกกันน็อกมาใส่ แล้วเดินมาที่รถ วินใส่หมวกกันน็อคของตัวเองสตาร์ทเครื่อง แล้วขี่ออกไป จอดข้างๆ ตู้โทรศัพท์สาธารณะ
เอลงมาจากรถ ถอดหมวกกันน็อกออกส่งให้วิน วินส่งเหรียญให้ เอเดินไปที่ตู้โทรศัพท์ แล้วก็ทำหน้ายี้ เพราะความสกปรก แล้วค่อยเดินเข้าไปตู้ วินมองอดขำไม่ได้
เอเอาแขนเสื้อเช็ดเช็ดโทรศัพท์ที่แขวนอยู่ แล้วค่อยๆเอามือหยิบขึ้นมา เอาแขนเสื้อเช็ดที่หูฟังและตรงที่พูด หยอดเหรียญลงไป แล้วกดโทร. ออก
“ป้าจันทร์ ขอสายคุณพ่อ ฮัลโหล”
แต่คนที่รับสายกลับกลายเป็นซินดี้
“ฮัลโหล”
“ซินดี้ ฉันจะพูดกับคุณพ่อ”
“ตายแล้ว คุณเอ คุณเอยิงคนตายจริงหรือเปล่าคะ”
“ซินดี้ ไปตามคุณพ่อฉันมาเดี๋ยวนี้”
ซินดี้ชักสีหน้าไม่พอใจ ก่อนที่จะวางโทรศัพท์ไว้ข้างบนโต๊ะ แล้วเดินออกจากตามนายประสิทธิ์มารับสาย
“คุณพ่อเหรอคะ”
“นี่ เอ คิดจะทำให้พ่อเสียชื่อถึงไหนเมาเสียผู้เสียคน ก่อเรื่องไม่มีที่สิ้นสุด อยู่ที่ไหน พ่อจะส่งคนไปรับ”
เอกัดฟันด้วยความโกรธ นายประสิทธิ์พูดต่อ
“แล้วก็เตรียมตัวไปนอกได้เลย เอ ได้ยินที่พ่อพูดหรือเปล่า”
วินได้ยินเสียงนายประสิทธิ์โวยออกมา ยิ่งรู้สึกเห็นใจเอมากขึ้น
“เอ กลับไม่ได้ เอ ถูกคนร้ายจับตัวไว้ค่ะ”
วินถึงกับสะดุ้ง เอได้ทีสร้างเรื่องต่อ
“คนร้ายต้องการเงินค่าไถ่สิบล้าน ไม่ยังงั้นจะฆ่าเอ อีกสามวัน จะติดต่อมาใหม่”
เอ วางสายโครม วินตกใจ คาดไม่ถึง
“คุณ คุณ”

ทางด้านซินดี้ ค่อยๆวางโทรศัพท์สายพ่วงลงไม่ให้ใครได้ยินเสียง
“สมน้ำหน้า นังเอ”

วินพาเอกลับมาที่บ้านอีกครั้ง เอทรุดตัวลงนั่งที่โซฟา ในขณะที่วินเดินไปเดินมา
“นี่คุณ เลิกเดินซะที ฉันเวียนหัว”
“คุณเวียนหัว” วินย้อนถาม “ผมมากกว่าที่จะเวียนหัวแทนที่เรื่องจะคลี่คลาย ผมกลายเป็น ผู้ร้ายเรียกค่าไถ่ไปแล้ว”
“ไม่ต้องคิดมากน่า 10 ล้านพ่อฉันไม่สะเทือนหรอก”
เอ พูดอย่างเห็นเป็นเรื่องสนุก
“ใช่ แต่ติดคุก 10 ปี ผมสะเทือนแน่”
วินบ่นพลางนั่งลงแล้วหยิบรีโมทกดทีวี เห็นพอลกำลังแถลงข่าวอยู่
“ในฐานะที่ผมเป็นแฟนคุณเอ ผมเชื่อว่าคุณเอไม่มีทางที่จะยิงใครได้ ตามความคิดของผม ชายนิรนามคือคนร้ายตัวจริง คุณเอครับ รีบติดต่อมาหาผมโดยเร็ว ผมอยู่เคียงข้างคุณเสมอ”
วิน หันขวับมาทางเอ
“แฟนคุณนี่ เว่อร์จริงๆ ทำคะแนนน่าดู”

วินบ่นเบาๆ เอก็รู้สึกขัดใจไม่แพ้กัน

“ผมเป็นไงบ้าง”
พอล ถามผู้จัดการส่วนตัว หลังจากที่เสร็จสิ้นการแถลงข่าว และเข้ามาพักในห้องรับรอง
เรียบร้อยแล้ว
“โห แอ็คติ้งสุดยอด เหมือนกับว่าคุณเป็นห่วงคุณเอจริงๆ คราวนี้คุณดังระเบิดแน่”
พอลยิ้ม “คุณแน่ใจนะว่า ไม่มีใครรู้เรื่องที่ผมจะเกาะข่าวคุณเอ โปรโมทตัวเอง”
“อย่าไปสนใจเลยค่ะ ใครๆ เขาก็ทำกันทั้งนั้น พวกนี้ก็เม้าท์ไปเรื่อย อิจฉามากกว่า กลัวเราดัง”
พอล มองตัวเองในกระจก แล้วยิ้มอย่างผู้มีชัย

ในห้องประชุมที่เอเจนซี่ คุณวิเชียรนั่งเป็นประธานในที่ประชุม พร้อมด้วยพิณ แอน เป้ เจ ทัช ฝุ่น
นั่งกันอยู่ครบทีม
“ผมเพียงอยากจะบอกว่า ตัวเลขของลูกค้ายังไม่ดีพอ แอคเคาท์เอ็กเซ็คคิวทีฟ ต้องหาทางดึง
ลูกค้าให้เข้าเอเจนซี่มากขึ้น”
คุณวิเชียรเปิดประเด็น แอนเอียงตัวมาหาพิณ แล้วพูดเบาๆ
“โดยการเอาตัวเข้าแลก”
พิณยิ้มขำ คุณวิเชียรพูดต่อ
“เรื่องต่อไปก็คือการหา ครีเอทีฟ ไดเรคเตอร์มาแทนคุณวิน”
เสียงเคาะประตูดังขึ้น ก่อนที่พนักงานสาวจะเดินเข้ามา
“ท่านคะ ทีวี..มีข่าวเกี่ยวกับลูกค้าของเราค่ะ”

ที่จอทีวีในห้องประชุม เห็นภาพของนายสุชาตินอนแน่นิ่งจมกองเลือดอยู่ พร้อมด้วยเสียงรายงาน
ข่าว
“นายสุชาติลูกชายนายสุรชัยนักธุรกิจชื่อดัง ถูกยิงตายเมื่อคืนนี้ที่ผับหรู”..
“คุณสุชาติ ลูกค้ากรุ๊ปคุณพิณนี่”
คุณวิเชียรหันมาทางพิณ
“ค่ะ ให้ออกแบบสมุดสรุปผลรายได้ประจำปี”
ทัช ชี้ไปที่หน้าจอ “นั่นนายวินนี่”
ทุกคนหันไป เห็นรูปวินกับเอยืนถือปืนอยู่ข้างๆรูปนายสุชาติ ทุกคนมองอย่างคาดไม่ถึง
เจพูดด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน
“คุณวินนี่ร้ายจริงๆ คราวก่อนชกลูกค้าไปทีนึงแล้ว คราวนี้บ้าหนักถึงกับยิงทิ้งเลย”
ทัช กับ ฝุ่น หัวเราะขึ้นมาพร้อมกัน พิณ แอน เป้ ต่างมองหน้าเจอย่างนึกรังเกียจ
“น่าเสียดายที่พี่วินไม่บ้ายิงคนแถวนี้”
เจ ทัช ฝุ่น หุบยิ้มแทบไม่ทัน คุณวิเชียรหันมาทำเสียงปราม “ซู่ ฟังๆ”ที่จอทีวี ตอนนี้มีรูปนายสุรชัยพ่อของนายสุชาติขึ้นมาแทน เสียงนักข่าวบรรยาย
“นายสุรชัยได้ให้รางวัลนำจับ 3 ล้านบาทต่อทุกคนที่ให้เบาะแสกับตำรวจจนสามารถนำไปสู่ การจับกุมคนร้ายทั้งสองไม่ว่าเป็นหรือตายโดยไม่มีข้อซักถามใดๆ”
“เลิกประชุม”
คุณวิเชียร์เลิกประชุมดื้อๆ ก่อนที่จะดึงโทรศัพท์ขึ้นมากด พลางออกไปจากห้องประชุม
เจ ทัช ฝุ่น ต่างดึงโทรศัพท์ของตนขึ้นมา แต่เมื่อหันมา ก็เห็น พิณ แอน เป้ ที่กำลังจ้องอยู่ ทัชรีบพูดขึ้น
“ไปข้างนอกดีกว่าพี่เจ ในนี้รู้สึกว่าสัญญาณจะไม่ดี”
เจ ยิ้มแล้วพรวดออกไป ทัช ฝุ่น รีบตามไปติดๆ
“เชื่อเลย ไอ้พวกนี้เห็นแก่รางวัลข่าวยังไม่ทันจบ แม่งโทรกันเลย”
เป้พูดอย่างขัดใจ พิณดึงโทรศัพท์ขึ้นมากดบ้าง แอนหันมาเห็นก็ร้องโวยวาย
“นี่ พิณ เธอด้วยเหรอ”
“บ้า ฉันจะรีบโทรเตือนพี่วิน”
พิณ รีบ กดโทรศัพท์ ในขณะที่แอน กับเป้ ยืนลุ้น

“นายสุรชัยเล่นให้เงินรางวัลแบบนี้ยุ่งแน่ๆ”
ผู้กองวันชาติบ่นอย่างไม่พอใจ เจ้าหน้าที่ที่นั่งอยู่ด้วย รีบแย้ง
“ดี ซิครับ ประชาชนจะได้ช่วยให้เบาะแส”

“กลัวจะไม่ยังงั้นน่ะซิ เล่นประกาศว่าเป็นหรือตาย แบบนี้ คงไล่ยิงกันเละแน่”

ในขณะที่ในบ้านของวิน ทอมเดินไปเดินมา วินกับเอ นั่งอยู่ที่โซฟา แนนนั่งเก้าอี้
“พ่อว่า วินต้องรีบเอาหลักฐานไปแสดงกับตำรวจโดยเร็วว่าเราบริสุทธิ์ ระหว่างนี้ หนูเอ
พักอยู่ที่นี่ก่อน”
“เย้” แนนร้องอย่างดีใจ
เอนั่งฟังอย่างสงบ ทอมพูดต่อ
“แนน ดูแลคุณเอ ให้อยู่แต่ภายในบริเวณรั้วบ้าน อย่าให้ใครเห็นเป็นอันขาด มีรางวัลนำจับแบบนี้ คนทั้งประเทศต้องเอาด้วยแน่ๆ”
“ได้เลยค่ะคุณพ่อ”
แนนพรวดไปนั่งกับเอ เอได้แต่ยิ้ม ไม่กล้าเถียงทอม วินมองแล้วแอบยิ้ม
“เอขอตัวไปพักก่อนได้มั้ยคะ”
“มาพี่เอ แนนพาไปเอง”
แนนรีบเสนอตัว เอยิ้มให้ จากนั้นแนน ก็จูงเอ ออกไป วินมองตามสีหน้าหนักใจ“อืม เสียดายที่เป็นลูกสาวนายประสิทธิ์” จู่ๆ ทอมก็เอ่ยขึ้น
“ครับ”
ทอมยิ้ม “หวังว่าลูกทำใจได้นะวิน”
“ทำใจเรื่องอะไรครับ”
“ก็ลูกกับหนูเอ”
“ โน โน โน เปล่าครับ เราแค่”
วินยังพูดไม่ทันจบ ทอมก็ลุกขึ้นมาตบไหล่ลูกชายเบาๆ
“สู้ๆลูก”

นายประสิทธิ์ เดินเข้ามาในห้องรับแขก ซินดี้ที่แกล้งทำไม่รู้ไม่ชี้ นั่งอ่านหนังสืออยู่ พอเห็นนายประสิทธิ์ ก็รีบลุกขึ้นมา
“สวัสดีค่ะป๋า นั่งก่อนมั้ยคะ”
“ไม่ต้อง” น้ำเสียงของนายประสิทธิ์บ่งบอกว่ากำลังหงุดหงิดเต็มที
“ตายจริง ป๋าอารมณ์เสียเรื่องอะไรคะ หนูเอก่อเรื่องอีกล่ะซิ เฮ้อ หนูเอนี่จริงๆเลยนะคะ”
นายประสิทธิ์ ไม่ตอบ แต่หันมาออกคำสั่งเสียงเข้ม
“ฉันต้องการให้บอย พี่ชายเธอ ย้ายออกไปเร็วที่สุด”
“ย้าย ย้ายไปไหนคะ”
“ย้ายไปอยู่ที่โรงแรม บอกให้เลขาฉันจัดการให้”
นายประสิทธิ์สั่งการเสร็จ ก็เดินออกไป ซินดี้สะบัดสะบิ้งเสียอารมณ์
“ต้องเป็นนังเอแน่ๆ”
ซินดี้ตาวาวด้วยความแค้น

ทางด้านนายสุรชัย ที่กำลังนั่งทำงานอยู่ที่โต๊ะ เลขาเข้ามารายงาน
“คุณประสิทธิ์มาขอพบค่ะ”
นายสุรชัยพยักหน้า เลขาเดินไปเปิดประตูผายมือให้นายประสิทธิ์เข้ามา
“สวัสดีคุณประสิทธิ์”

“คุณตั้งสินบนสูงแบบนี้ ทำให้ลูกสาวผมอยู่ในสถานการณ์ลำบาก”
นายประสิทธิ์ไม่พูดพล่ามทำเพลง เอ่ยขึ้นตรงๆ เมื่อนั่งประจัญหน้ากับนายสุรชัย
“ลูกชายผมตายทั้งคนนะคุณประสิทธิ์”
“เราทำธุรกิจด้วยกันมานาน น่าจะรอดูว่าอะไรเป็นอะไรก่อน”
นายสุรชัย จ้องหน้านายประสิทธิ์
“ผมแค่ต้องการคนที่ฆ่าลูกชายผม หวังว่าคงไม่ใช่ลูกสาวคุณ”
“ผมเชื่อว่าไม่ใช่ ลูกสาวผมไม่สนคนอย่างลูกชายคุณแน่นอนถึงขั้นต้องมีเรื่อง ลูกสาวผมถูกไอ้หมอนั่นจับไป มันเรียกเงินจากผม 10 ล้าน”
“เอางี้ ผมประกาศให้รางวัลไปแล้ว ช่วยไม่ได้ แต่ผมจะสั่งคนของผมไม่ให้ยุ่งกับลูกสาวคุณ”
นายประสิทธิ์พยักหน้า

ในขณะที่นายสมภพ ที่ทราบข่าวการให้รางวัลนำจับ ก็รีบสั่งการทันที “เรามีปัญหาแล้ว นายสุรชัยพ่อไอ้สุชาติมันให้รางวัลตั้งสามล้าน ใครๆก็ต้องจับตาจ้องหาพวกมัน
เราต้องไม่ให้นายสุรชัยได้ตัวมันก่อนเรา”
“ครับพี่”
นายสมภพเดินไปเดินมา ไอ้เม่นนั่งรอฟังคำสั่ง
“จัดคน นักสืบ นักข่าว ข้าไม่สน ตามหาพวกมันให้ได้ มันมีปืนของข้า”
ไอ้เม่นรับคำ
“ครับผม ผมจะให้คนคอยตรวจดูตามสถานีตำรวจเผื่อว่าพวกมันจะไปมอบตัว”
“ดี”..
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น สมภพรับสาย
“ได้ครับ ด้วยความยินดีครับ”
นายสมภพวางสายสีหน้าเคร่งเครียด
“บ้าเอ๊ย ตำรวจต้องการสอบปากคำข้าอีก เอ็งรีบไปทำตามที่ข้าสั่งเร็วที่สุด”
ไอ้เม่นรีบกระโจนออกไป นายสมภพสีหน้าเคร่งเครียดยิ่งขึ้น

“ขอบคุณมากครับ ที่สละเวลาเข้ามาคำให้การของคุณช่วยได้มาก”
ผู้กองวันชาติเอ่ยกับนายสมภพ หลังจากที่เสร็จสิ้นการสอบสวน
“ด้วยความยินดีครับ”
ผู้กองวันชาติลุกขึ้น นายสมภพลุกตาม แต่ไม่วายย้ำ
“ถึงแม้ว่าผมจะเป็นคู่แข่งทางธุรกิจกับคุณสุชาติ แต่ถ้าเราเจอกัน ก็ทักทายกัน นั่งกินเหล้ากันคุยกัน ไม่มีใครถือเป็นเรื่องส่วนตัว นึกไม่ถึงว่าจะตาย ด้วยน้ำมือของผู้หญิง”
“ขอบคุณครับ เชิญครับ”
นายสมภพเดินออกไป ผู้กองวันชาติ นั่งลงพลางกดเรียกเจ้าหน้าที่เข้ามา แล้วสั่งการ
“ผมอยากได้ประวัตินายสมภพ โดยละเอียด”
“ผู้กองคิดว่านายสมภพมีส่วนด้วยเหรอครับ”

ผู้กองวันชาติถอนหายใจเบาๆ “อืม ยังไม่แน่ใจ แค่คลำทางไปเรื่อยๆ”
จบตอนที่ 2 
กำลังโหลดความคิดเห็น