เรือนริษยา ตอนที่ 17
ทิพย์รอฟังข่าวเรื่องพินัยกรรมอย่างสุดเครียดอยู่ที่บ้านกลางสวน มือข้างหนึ่งกุมขมับเงียบอยู่คนเดียว บรรยากาศดูมาคุมาก ชิดเดินถือแก้วชาอุ่นๆเข้าประตูมาหยุดมอง...ก่อนเดินเข้ามาวางถ้วยชาลงให้
"ชั้นไม่กิน"
ทิพย์เหล่มองแล้วพูดเสียงเข้ม
"กลุ้มไป ทิพย์ก็ทำอะไรไม่ได้อยู่ดี เรื่องพินัยกรรม มีเพียงคุณนันคนเดียวเท่านั้น ที่จะขวางนังฤทัยได้"
"ฉันถึงเครียดจะบ้าอยู่นี่ไง"
ทิพย์ระเบิดอารมณ์พลางปัดแก้วชาตกแตก ชิดตกตะลึงกับท่าทีของทิพย์ที่ดูเปลี่ยนไป โมโหร้าย ตาขวาง ดูขาดสติ
"ถ้าขวางไม่ได้ ก็คือไม่ได้ คุณนันก็ทำสุดความสามารถแล้ว แค่นี้เราก็ใช้ชีวิตของคุณนันมาเสี่ยงกับความตายมากพอแล้วนะทิพย์"
"ยังไม่พอ! และคุณนันก็ต้องขวางมันจนหลังชนฝามากกว่านี้"
"ทิพย์"
ทิพย์หันขวับมาตาวาวใส่ชิด
"ตราบใดที่นังฤทัยยังไม่ติดคุก ยังไม่ลำบากเหมือนหมาข้างถนนอย่างกับที่มันเคยทำไว้กับฉัน คุณนันก็ยังต้องเอาชีวิตเข้าแลกต่อไป"
ชิดได้แต่เงียบ สงสารนันทนัชจับใจ
ภายในห้องโถงใหญ่ เรือนรัตนะ ฤทัยโกรธหน้าเขียวหน้าแดง
"พินัยกรรมฉบับจริงบ้าอะไรของเธอห่ะ"
นันทนัชยิ้มอย่างใจเย็นและเป็นต่อ
"น้าไม่เข้าใจความหมายคำว่าฉบับจริงเหรอคะ ฉบับจริงก็คือของจริง ไม่ใช่ของปลอมแบบที่สมรู้ร่วมคิดเมคกันขึ้นมาไงคะ"
นันทนัชพูดพลางชี้ไปยังพินัยกรรมที่อยู่ในมือสมุทรชัย กฤตพนธ์รู้สึกโล่งใจทันทีที่เห็นนันทนัชพลิกสถานการณ์ขึ้นมาเป็นฝ่ายเหนือกว่า แต่รณฤทธิ์ลุกขึ้นโวย
"เฮ้ย พูดจาหมาๆ ใครเมคมันขึ้นมาวะ"
"ใช่ หล่อนอย่ามาแถ นี่แหละพินัยกรรมฉบับจริงที่พ่อลิตรทำขึ้นมา เพื่อยกสมบัติทั้งหมดให้กับผู้หญิงที่รักที่สุด ก็คือแม่ของฉัน ไม่ใช่ลูกนอกคอกอย่างหล่อน" กนกกรบอก
หมวดเมธที่นั่งอยู่ใกล้กนกกรทำหน้าแสบแก้วหู แอบเอานิ้วเขี่ยหู
"อ๋อเหรอ พ่อเห็นฉันเป็นลูกนอกคอก แต่กลับแอบส่งพินัยกรรมฉบับจริงข้ามน้ำข้ามทะเลไปให้ฉัน เหมือนกลัวจะมีใครรู้ความลับ"
ได้ผล...คำพูดของนันทนัชทำเอาฤทัย กนกกร รณฤทธิ์อึ้งกิมกี่ไปตามๆกัน
ไกรภัทรเลยถามย้ำ
"หมายความว่าคุณลิตรส่งพินัยกรรมไปให้คุณนันถึงอังกฤษเหรอครับ"
"ค่ะ ฉันได้รับก่อนที่พ่อจะตายไม่กี่เดือน"
ไกรภัทรหันไปมองสบตากับสมุทรชัยอย่างโล่งอก
"ไม่จริง...ไม่จริ๊ง! ถ้ามีพินัยกรรมตัวจริงอยู่ในมือมานานแล้ว เธอคงรีบออกมาเปิด ใช้เฉดหัวฉันออกจากบ้านไปตั้งนานแล้ว ฉันรู้นิสัยเธอดี"
"เผอิญนันรู้นิสัยน้าฤทัยดีกว่า ว่าชอบเล่นแผนสกปรก นันก็เลยไม่รีบเอาพินัยกรรมออกมาให้น้าเสียแผน แล้วมันก็เป็นอย่างที่คิดไว้จริงๆ อยู่ๆก็มีพินัยกรรมปลอมๆโผล่ขึ้นมา"
"อ๊าย! อย่ามาใส่ร้ายฉันนะ"
กนกกรรุกสู้เพื่อแม่ไม่ยอมถอย
"ปัญญาอ่อน ดูหนังมากไปป่ะ"
"ฉันยืนยันว่านี่เป็นพินัยกรรมของคุณลิตรของจริง หรือคุณทนายจะเถียงว่าลายเซ็นที่อยู่ในนั้น ไม่ใช่ลายเซ็นของคุณลิตร รวมถึงลายเซ็นของคุณทนายที่เซ็นต์เป็นพยานด้วย"
สมุทรชัยนิ่งเงียบไม่เถียงโต้แย้งอะไร ทำเอานันทนัชหน้าเสียตกเป็นรองในทันที ฤทัยยิ้มอย่างเหนือกว่า
ฝ่ายทิพย์ลุกเดินไปเดินมา พร่ำพูดพรรณนาหลุดๆอยู่คนเดียว
"อย่ายอมให้มันได้สมบัติไป...อย่ายอม...อย่ายอม! ความรัก... ความแค้นของฉัน ฝากไว้ในมือแกคนเดียว...เข้าใจไหมนังเด็กโง่"
ชิดฟังแล้วนั่งกุมขมับ
ขณะที่นันทนัชกำลังตกเป็นรอง แต่กฤตพนธ์ขัดขึ้น
"ขอโทษนะครับ ผมว่าเรื่องปลอมลายเซ็นคนไม่ใช่เรื่องยากเลยครับ สำหรับยุคนี้ ไม่งั้นจะมีคดีปลอมแปลงเอกสารฟ้องกันเกลื่อนศาล ผมพูดถูกไหมครับหมวดเมธ"
"ครับ คุณกฤตพูดถูกครับ"
ฤทัยตะลึงงัน ขณะที่นันทนัชโล่งอกขึ้นมาทันที กฤตพนธ์มาขวางลำช่วยเธอไว้ได้ถูกจังหวะ
"นี่คุณมาพูดมากอะไรห่ะ ทำไมไม่หุบปากแล้วนั่งเฉยๆไป" รณฤทธิ์บอก
"ผมมาในฐานะพยาน ผมมีสิทธิ์สงสัยในพินัยกรรมฉบับนี้เหมือนกัน"
กนกกรอ่อนใจ
"โฮ่ยไม่เอาน่าคุณกฤต คุณจะมาสงสัยอะไรอีกคะ"
"ผมสงสัยว่าทำไมคุณลิตรถึงไม่ยอมยกอะไรให้ลูกสาวเพียงคนเดียวบ้างเลย"
รณฤทธิ์บอก
"โธ่เว้ย ก็ยัยนี่มันลูกไม่ดี พ่อไม่รัก จะไปยกให้ทำซากอะไรวะ"
"พ่อลิตรตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับยัยนันตั้งแต่เฉดหัวไปอยู่ที่อังกฤษแล้ว เข้าใจไหมคะคุณกฤต!"
กฤตพนธ์ส่ายหน้า
"แต่ยังไงพ่อลูกกัน....ผมว่าไม่น่าจะตัดกันขาด คนเป็นพ่อ! ยังไงก็ต้องรักลูกของตัวเอง จะมากจะน้อยยังไง ก็ต้องยกมรดกให้บ้าง แต่นี้ไม่ให้อะไรเลย ผมว่ามันไม่สมเหตุสมผล"
นันทนัชมองไปที่กฤตพนธ์ อึ้งกับคำพูดฉลาดของเขา
ฤทัยอึ้งที่ตัวเองทำพลาดไปแล้วจริงๆ ดันปลอมพินัยกรรมให้ยกสมบัติตัวเองหมดเพียงคนเดียว กนกกรกับรณฤทธิ์ก็เถียงอะไรไม่ได้ ฤทัยเลยรีบตัดบทรวบรัด
"พอที! คุณจะสงสัยยังไงก็เรื่องของคุณ แต่ในเมื่อพินัยกรรมมันเขียนไว้ว่ายังไง มันก็ต้องเป็นตามนั้น คุณทนาย!รีบเอาเอกสารมาให้ฉันเซ็นยอมรับพินัยกรรมเร็วๆเข้า...เร็วซีคะ"
"เห็นทีจะไม่ได้หรอกครับ" สมุทรชัยบอก
ฤทัย กนกกร รณฤทธิ์ตะลึงค้าง ฤทัยลุกยืนพรวด
"ห่ะ! วะ...ว่าไงนะ ทำไมจะไม่ได้ห่ะ!"
"ในเมื่อคุณนันในฐานะผู้สืบสันดานตามกฎหมายเพียงคนเดียวของคุณลิตรร้องคัดค้านพินัยกรรมฉบับนี้ และอ้างว่ามีพินัยกรรมตัวจริงอยู่ในมือ ก็ต้องรอให้คุณนันนำพินัยกรรมอีกฉบับมาพิสูจน์เสียก่อน ว่าฉบับไหนเป็นฉบับจริงฉบับปลอมกันแน่"
"แต่ฉันก็เป็นเมียคุณลิตรที่ถูกต้องตามกฎหมายเหมือนกันนะ ฉันไม่รอ"
"ก็เอาซีคะ ลองเสี่ยงทำตามพินัยกรรมฉบับปลอมนี่ แล้วนันจะเอาพินัยกรรมตัวจริงในมือไปฟ้องให้หมดทุกคนเลย! ความผิดปลอมแปลงพินัยกรรม โทษคงหนักไม่ใช่เล่น นันขอจบการอ่านพินัยกรรมปลอมๆเพียงแค่นี้นะคะ! ขอบคุณทุกคนค่ะ"
นันทนัชพูดเสร็จก็ลุกพรวดหันเดินจะออกจากห้องทันที ฤทัยพูดได้แต่ยืนอ้าปากค้าง พูดอะไรไม่ออก
"เดี๋ยวครับคุณนัน แล้วไหนล่ะครับพินัยกรรมฉบับจริง รีบเอามาให้พ่อผมซิครับ!"
"ยังก่อนค่ะ นันอยากรอให้ศพของพ่อครบร้อยวันซะก่อน พอเลิกไว้ทุกข์ ถึงเวลานั้น ทุกคนจะได้เห็นพินัยกรรมตัวจริงค่ะ ขอตัวนะคะทุกคน"
นันทนัชโค้งคอให้เล็กน้อยแล้วหันเดินออกจากห้องไป
"เฮิ้ก"
ฤทัยทรุดจับหน้าอกลมจะใส่
"ว้ายแม่!"
"มาลมใส่อะไรตอนนี้อ่ะแม่! อย่ายอมมันนะ"
นันทนัชพอเดินหลุดออกมายืนพิงประตูระเบียงทางออกสวนอย่างใจหายใจคว่ำ...เธอตีหน้านิ่งแสดงละครได้แนบเนียนสำเร็จว่า มีพินัยกรรมอยู่ในมือจริงๆ เธอโทร.ไปหาทิพย์แจ้งข่าวทันที
"น้าทิพย์เหรอคะ นันทำสำเร็จแล้วค่ะ การเปิดพินัยกรรมจะยื้อออกไปจนกว่าจะครบร้อยวันตายของพ่อ"
ทิพย์ถือมือถือฟังนันทนัชเล่าด้วยสีหน้าสะใจ
"เหรอคะ...บอกว่ามีพินัยกรรมจริงอยู่ในมือ มันถึงกับลมใส่เลยเหรอคะ ให้มันได้ยังงี้ซิคะคุณนัน! น้าคิดว่าคุณจะเสียท่านังฤทัยแล้วซะอีก เก่งจริงๆคุณนันของน้า ไม่เสียแรงที่น้าเลี้ยงมาจนโต"
ชิดที่ยืนฟังอยู่ใกล้ๆ รู้สึกโล่งอกไปด้วย
"แล้วคุณนันจะทำยังไงต่อคะ พินัยกรรมตัวจริง อยู่ที่ไหน ก็ยังไม่รู้"
"นันคงต้องแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าไปก่อน กว่าจะถึงครบร้อยวันของพ่อ ยังพอมีเวลาคิดหาทางออกได้ค่ะ" นันทนัชบอก
"คิดเหรอคะว่านังฤทัยจะยอมรอให้ครบร้อยวัน มันต้องหาทางกำจัดคุณนัน เพื่อฮุบสมบัติให้เร็วที่สุดแน่ๆ"
ชิดได้ยินประโยคที่ทิพย์ก็ตกใจเสียววาบขึ้นมาทันที กลัวว่าทิพย์จะส่งคนไปทำร้ายนันทนัชแล้วโยนความผิดให้ฤทัยอีก ชิดไม่อยากให้ชีวิตนันทนัชตกอยู่ในอันตรายอีก
"ช่วงนี้ระวังตัวด้วยนะคะคุณนัน อย่าประมาทเป็นอันขาด น้าเป็นห่วงคุณหนูมากนะคะ...ค่า...แล้วน้าจะโทร.หา"
นันทนัชวางสายไป ทิพย์ค่อยๆลดมือที่ถือโทรศัพท์ลง ชิดรีบเดินมายืนมองจ้องทิพย์
"อะไร! มาจ้องหน้าฉันทำไม"
"อย่าทำอะไรแบบนั้นอีกนะทิพย์ อย่า"
"ทำอะไร? หึ ฉันไม่จำเป็นต้องทำอะไรทั้งนั้น"
"ทิพย์พูดอย่างงี้หมายความว่ายังไง"
ทิพย์ไม่ตอบ แต่ยิ้มเลือดเย็นอย่างมั่นใจว่า ฤทัยต้องลงมือเล่นงานนันทนัชแน่ๆ
ชิดมองตามอย่างกังวลว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับนันทนัชอีก
กฤตพนธ์เจอเข้ากับนันทนัชกำลังเดินมาพอดี ทั้งคู่ส่งยิ้มและกำลังก้าวไปหากัน
"เอ่อ...ฉันคิดว่าคุณกลับไปแล้วเสียอีก"
"จะรีบไล่ให้ผมรีบกลับไปไหนครับ ผมยังไม่ได้แสดงความยินดีกับคุณเลย คุณหาวิธีแก้เกมส์เรื่องพินัยกรรมได้เก่งมาก"
"แน่นอน เพราะตอนนี้ฉันกำลังสู้ด้วยสติ ไม่ได้ใช้อารมณ์อีกแล้ว ขอบคุณมากที่เสียสละเวลามาเป็นสักขีพยานอีกครั้ง"
นันทนัชพูดเสร็จก็จะเดินผ่านกฤตพนธ์ไป แต่เขาคว้าแขนไว้
"เดี๋ยวซีคุณนัน คุณมีเรื่องจะพูดกับผมแค่นี้เองเหรอ หื๊อ"
"คุณคิดว่ามีเรื่องอะไรอีกเหรอคะ"
"ผมนึกว่าคุณมีเรื่องพินัยกรรมฉบับจริงจะบอกผมซะอีก"
นอกจากทิพย์ นันทนัชไม่อยากบอกใครว่าเธอโกหก
"ไม่มีนี่ค่ะ ปล่อยค่ะ เดี๋ยวยัยกิ๊บออกมาเห็นเข้า จะหึงฉันบ้านแตกอีก"
"คุณเป็นอะไร อยู่ๆก็เอาเรื่องคุณกิ๊บมาพูดอีก ผมนึกว่าเรา 2 คนเข้าใจ..."
"ดีใจด้วยนะครับคุณนัน"
กฤตพนธ์ชะงัก นันทนัชรีบดึงแขนออกทันที ไกรภัทรเดินยิ้มอบอุ่นเข้ามาหาเธอ
"ก็เพราะได้คำแนะนำดีๆจากคุณไกรภัทรเมื่อวาน ทำให้นันนึกขึ้นมาได้ว่า ที่แท้พินัยกรรมฉบับจริงอยู่ที่นันนี่เองค่ะ"
ไกรภัทรยิ้มดีใจทั้งๆที่ในใจรู้ว่า นันทนัชโกหก
"ผมยินดีและเต็มใจมากเลยครับที่มีส่วนช่วยให้คุณนันผ่านวิกฤตในวันนี้ไปได้"
ไกรภัทรพูดพลางแอบปะทะสายตากับกฤตพนธ์
เสียงมือถือนันทนัชดังขึ้น ธีร์โทร.มา เธอรับสายเดินผละออกมาพูดห่างจากผู้ชายทั้ง 2 คน
"ฮัลโหลพี่ธีร์...เป็นห่วงนันล่ะซีถึงได้โทร.มา"
ได้ยินชื่อธีร์ กฤตพนธ์กับไกรภัทรหันไปมองเธอเป็นตาเดียว
"โอเค๊! จริงๆค่ะทุกอย่างโอเค...ไว้เจอกันแล้วนันจะเล่าให้ฟังนะคะ"
นันทนัชวางสายหันมามองหนุ่มทั้งคู่
"นันขอตัวนะคะ"
เธอเดินเข้าบ้านไป ทิ้ง 2 หนุ่มยืนอยู่ด้วยกันเก้อๆ
นันทนัชเดินกลับเข้ามาในบ้าน เจอเข้ากับฤทัยนำรณฤทธิ์ กนกกร ไม้ที่ดาหน้ารออยู่
เดือนกับศรีแอบดูอยู่ที่เสาเกาะติดมองสถานการณ์
"นี่จะทำอะไรกันอีก"
"ฉันไม่รอให้ครบร้อยวัน ฉันต้องการจะจบเรื่องพินัยกรรมวันนี้ เดี๋ยวนี้"
สมุทรชัยกำลังจะกลับ เดินหิ้วกระเป๋าตามออกมา
"ใจเย็นๆนะครับคุณฤทัย ผมว่า..."
"เฉยน่าคุณทนาย! ถ้าคุณพูดมาก ฉันจะถือว่าคุณสมรู้ร่วมคิดกับลูกเลี้ยงฉัน ขัดขวางการรับมรดกของฉัน เอามา! ถ้าเธอมีพินัยกรรมอยู่ในมือจริงๆก็เอาออกมายืนยันเดี๋ยวนี้"
"หูหนวกหรือไง แม่ฉันบอกให้เอาออกมา" รณฤทธิ์ว่า
พวกฤทัยที่ดาหน้ากดดัน เธอพยายามรับมืออย่างใจเย็น ทั้งๆเนื้อตัวเย็นเฉียบ
"ฉันกำลังไว้ทุกข์ ฉันไม่มีอารมณ์มาแบ่งมรดกบนเถ้ากระดูกของพ่อฉัน"
"ไม่ต้องอ้าง!หล่อนมันตอแหล หล่อนไม่มีพินัยกรรมจริงๆหรอก" กนกกรว่า
"ทำไมฉันจะไม่มี"
"ถ้ามีแล้วมันอยู่ที่ไหนล่ะครับ คุณนันเอาออกมาซี"
"ใช่...มีจริงจะเก็บไว้ทำไม...เอาออกมาเร็วๆเลย ฉันอยากเห็นใจจะขาด" ฤทัยว่า
"ยืนบื้ออยู่ทำไมวะ ไปเอาออกมาเร็วๆเซ่" รณฤทธิ์บอก
สมุทรชัยได้แต่ยืนนิ่งมองสถานการณ์ที่พวกฤทัยรวมหัวกันกดดันนันทนัชอย่างหนัก
"แน่ะ! ยังจะยืนด้านอยู่อีก ไปซี...ไปเอาออกมา ไป"
กนกกรพูดพลางยื่นมือจะไปผลักไหล่นันทนัช แต่เธอปัดแขนเสียก่อน
"ฉันไม่โง่ เก็บพินัยกรรมไว้ในบ้านนี้หรอก"
"นั่นไง...นั่นไง๊! ฮ่ะๆๆ ฉันคิดอยู่แล้วว่าแกต้องพูดแบบนี้ อย่างงี้ชัดเลยคุณทนาย ยัยนันไม่มีพินัยกรรมจริงๆอยู่หรอก แม่ลูกเลี้ยงตัวดีกุเรื่องขึ้นมาเพราะคับแค้นใจที่พ่อบังเกิดเกล้าไม่รัก ไม่ยอมยกสมบัติให้เลยสักชิ้น"
นันทนัชกำมือแน่น โทสะ โมหะเข้าครอบงำ พร้อมจะระเบิดอารมณ์ใส่
"ไม่จริง! ฉัน..."
เสียงหนึ่งดังขัดจังหวะ
"คุณนันมีพินัยกรรมอยู่จริงๆครับ ผมเป็นพยานได้"
ทุกคนชะงักเงียบกริบ นันทนัชตะลึงหันไปมอง...เห็นกฤตพนธ์ก้าวเข้ามาในห้อง ไกรภัทรก้าวตามหลังมา สีหน้าแทบไม่เชื่อหูตัวเองที่กฤตพนธ์พูดอย่างนั้น
เสียงคนไขกุญแจเปิดตู้กุกกักอยู่ภายในห้องเก็บของ ในบ้านกลางสวน แสงไฟจากหลอดไฟสลัวเพียงหลอดเดียวในห้องที่ไม่มีหน้าต่าง หีบโบราณถูกเปิดออก ทิพย์หยิบรูปใบหนึ่งจากหีบขึ้นมาดู รูปใบนั้น เธอกำลังอุ้มนันทนัชในวัยแบเบาะแอบแนบชิดกับลิตรราวกับเป็นพ่อแม่ลูก
ทิพย์ยิ้ม...แววตาเต็มไปด้วยความแค้น
"ไม่เสียแรงที่ฉันป้อนข้าวป้อนน้ำเลี้ยงลูกให้แก มันกำลังทดแทนบุญคุณให้ฉันแล้ว หึๆๆ"
ทิพย์นั่งหัวเราะ ภายในห้องยังมีกล่องหีบใส่ข้าวของต่างๆถูกเก็บไว้มากมาย
ในห้องรับแขก ทุกคนตะลึงกับคำพูดของกฤตพนธ์
"คุณกฤต! คุณเป็นอะไรไปแล้วคะนี่ ไปเข้าข้างช่วยยัยนันทำไม" กนกกรถาม
"ผมไม่ได้เข้าข้างครับคุณกิ๊บ แต่คุณนันมีพินัยกรรมอยู่จริง"
"แกตรัสรู้ได้ไงวะว่ามีอยู่จริง" รณฤทธิ์ถาม
"ผมรู้ ก็เพราะว่าผมเห็นกับตาน่ะซีครับ คุณนันเอาพินัยกรรมมาให้ผมดู"
ทุกคนอึ้งไปอีกรอบ
"โกหก! ฉันไม่เชื่อหรอก มันกงการอะไรของคุณห่ะคุณกฤต ยัยนันถึงต้องเอาพินัยกรรมให้คุณดู" ฤทัยถาม
"ก็เพราะว่าผมกับคุณนันเรารักกันครับ"
"ห่ะ!"
กนกกรอ้าปากค้าง นันทนัชก็แทบช็อก
"คุณกฤต"
"ขอโทษนะครับคุณนัน ผมคิดว่าเราไม่จำเป็นต้องปิดบังใครอีกแล้ว มันถึงเวลาแล้วที่เราต้องบอกกับทุกคนว่าเรากำลังคบหาดูใจกันอยู่"
เขาพูดพลางจับมือเธอมากุมไว้แน่นอย่างเนียนๆบอกเป็นนัยๆให้เธอเฉยไว้ ปล่อยให้เขาเป็นคนจัดการเอง...
"หวังว่าทุกคนคงจะได้ยินชัดและเข้าใจแล้วนะครับ ไปครับคุณนัน"
กฤตพนธ์จูงมือนันทนัชเดินออกจากบ้านไป เธอเดินตามอย่างงงๆแต่ก็ยอมไหลตามน้ำไป
"ไม่จริง...คุณกฤตโกหก...กิ๊บไม่เชื่อ...นังนันมันบังคับคุณให้ทำอย่างงี้ คุณไม่ได้เต็มใจหรอก...คุณกฤตกลับมาคุยกันให้รู้เรื่องก่อน"
กนกกรกรี๊ดดจะตาม แต่ฤทัยดึงไว้
"แกจะตามไปทำไม ไม้! จับเอาไว้"
ไม้ช่วยจับกนกกรที่ร้องไห้ฟูมฟาย
"สงบสติหน่อยคุณกิ๊บ"
"ปล่อยฉันนะ คุณกฤตกลับมา อย่าไปนะกับมัน คุณกฤต"
ขณะที่รณฤทธิ์ก็หัวเสียเขวี้ยงหมอนอิงทิ้ง
"โธ่เว้ย!"
ไกรภัทรกับสมุทรชัยมองหน้ากัน...ไม่คาดคิดว่า กฤตพนธ์จะเอาตัวเข้ามาเสี่ยงเล่นละครกับนันทนัชด้วย
รถกฤตพนธ์แล่นมาแต่ไกลจนถึงสวนสาธารณะใหญ่ร่มรื่น...
เขามองเธอที่นั่งนิ่ง แต่ครุ่นคิดว่าจะรับมือกับเขายังไง เธอรู้ดีว่ากฤตพนธ์ต้องซักไซ้เอาความจริงจากเธอเรื่องพินัยกรรมแน่ เขาเลิกคิ้วยิ้มๆ
"ตกลงคุณไม่มีเรื่องพินัยกรรมจะพูดกับผมจริงๆเหรอ"
"ขอบคุณที่ช่วยนะคะ"
"ไม่เอาครับ! ผมไม่อยากฟังคำขอบคุณของคุณ ผมอยากฟังว่า... เรื่องที่คุณมีพินัยกรรมตัวจริงน่ะ เป็นเรื่องจริงหรือแต่งขึ้น"
นันทนัชหันมาเสียงเขียวใส่
"แปลว่าคุณก็เชื่อว่าพินัยกรรมของน้าฤทัยเป็นของจริงงั้นเหรอ"
เขาขำ
"นี่คุณ! อย่ามาพาลกับคนที่ยอมลงทุนเอาชีวิตหนุ่มโสดทั้งแท่งไปมีพันธะกับคุณเพื่อปกป้องคุณซิ ยังไงก็ช่วยพูดจาอ่อนหวานให้สมกับที่เราเป็นแฟนกันหน่อยได้ไหมคร้าบ"
เขาพูดพลางยื่นนิ้วมาบีบจมูกรั้นของเธอเบาๆ ทำเอาเธอหน้าแดงเบือนหน้าหนี
"คุณทำบ้าอะไรลงไปรู้ตัวรึปล่าว โกหกไปได้ยังไงว่าเรารักกัน ดูใจกันอยู่ ฉันเสียหายนะจะบอกให้"
"อ๋อเหรอ! คุณเสียหาย ผมต้องรับผิดชอบแต่งงานกับคุณงั้นซิ"
เขาพูดพลางขยับตัวเข้าหาทำตากรุ้มกริ่ม เธอเขินเอนตัวหนี
"เอ่อ...บ้า! ฉันไม่ได้พูดทวงให้คุณรับผิดชอบแบบอย่างนั้นสักหน่อย แต่คุณจะทำอะไรน่าจะปรึกษากันก่อน ไม่ใช่นึกอยากจะพูดอะไรก็พูด อยากจะทำอะไรก็ทำ"
"แล้วคุณมีเวลาให้ผมปรึกษารึปล่าวล่ะ ผมเห็นคุณกำลังถูกคุณน้าฤทัยไล่ต้อนจนแต้มอยู่ ผมถึงต้องอุทิศความโสดที่ผมหวงแหนมานานเข้าไปช่วยคุณ"
เธอกลั้นขำ
"หึ! ให้มันน้อยๆหน่อย ถึงคุณไม่เข้ามา ฉันก็เอาตัวรอดได้น่า"
นันทนัชเถียงข้างๆคูๆแล้วรีบเปิดประตูลงจากรถไป กฤตพนธ์มองตาม ยิ้ม ก่อนลงจากรถตาม
เรือนริษยา ตอนที่ 17 (ต่อ)
เธอเดินตรงไปที่ริมบึง กฤตพนธ์ก้าวตามหลังมา
"คุณนัน! ตกลงพินัยกรรมฉบับจริงอยู่กับคุณรึปล่าว บอกผมมาเสียทีซิ"
"นั่นไม่ใช่เรื่องที่ฉันต้องบอกคุณ"
เขาเข้ามาคว้าแขนเธอให้หันมาและโอบเอวเธอไว้
"แต่คุณต้องบอกผม เพราะผมตกกระไดพลอยโจนไปกับคุณแล้วนะ"
เธอเห็นสายตาที่จริงใจของเขา ก็เลยตัดสินใจ
"ก็ได้ค่ะ ที่ฉันอยากบอกกับคุณก็คือ ฉันต้องการความช่วยเหลือจากคุณ"
"ช่วยเหลือยังไงครับ"
"สิ่งเดียวที่ฉันต้องการตอนนี้คือเวลา คุณต้องช่วยฉันถ่วงเวลาออกไป จนกว่าฉันจะพบพินัยกรรมฉบับจริงของพ่อ"
กฤตพนธ์ถึงบางอ้อ พยักหน้าหัวเราะหึๆ
"หึๆๆผมเข้าใจแล้ว คุณใจเด็ดมากนะคุณนันที่กล้าบอกทุกคนว่า มีพินัยกรรมอยู่ในมือ ทั้งๆที่คุณไม่มีอะไร"
"ทำไงได้คะ ฉันสู้หลังชนฝาแล้ว ฉันจำเป็นต้องเสี่ยง และตอนนี้ฉันก็กำลังเสี่ยงอีกครั้งที่มาขอร้องให้คุณช่วยฉันแบบนี้ ฉันไม่บังคับคุณนะ มันขึ้นอยู่กับคุณ ว่าจะกล้าเสี่ยงกับฉันรึปล่าว"
เธอวัดใจ ทำเอากฤตพนธ์นึกสนุกอยากเล่นเกมส์นี้
"อืม...แล้วถ้า ผมช่วยคุณ ผมจะได้อะไร"
"10เปอร์เซ็นต์จากกองมรดกของพ่อฉัน"
"คุณ...ว่าไงนะ"
กฤตพนธ์อึ้งไป ไม่คิดว่านันทนัชจะตีค่าสิ่งที่เค้าช่วยเป็นค่าจ้างด้วยเงินทอง
ฝ่ายฤทัยทุกคนมาสุมหัวเก็บตัวโกรธกันอยู่ในห้อง กนกกรเอาแต่ร้องไห้กระซิก รณฤทธิ์มองอย่างสุดแสนรำคาญ
"เฮ้ย...จะร้องไปถึงไหน มันช่วยอะไรได้ห่ะ"
"แล้วแกล่ะ ช่วยได้อะไรได้ นอกจากแหกปากเห่าๆอยู่ได้ น่ารำคาญ"
รณฤทธิ์ลุกพรวด ยืนเท้าเอวหน้ากวน
"จะให้ช่วยใช่ไหม ได้! ฉันจะไปเก็บไอ้กฤตให้เอาไหม"
"อย่านะ! แกอย่ามาทำอะไรคุณกฤตของฉันนะ แกอยากจะทำก็ไปทำนังนันโน่น"
"ก็เก็บมันทั้งคู่นั่นแหละ จะปล่อยไว้ให้ ขัดขวางอนาคตที่สุขสบาย เป็นโคตรมหาเศรษฐี ที่กำลังรอพวกเราอยู่ข้างหน้าทำไม"
ไม้มองมาที่ทั้งคู่แล้วทำหน้าเอือมสุดๆ ขณะที่ฤทัยนั่งอดกลั้นกับการโต้เถียงของลูกรักทั้งคู่
"เอ๊ะ! หูเน่าหูมีปัญหาหรือไงไอ้รณ ฉันบอกว่าอย่ามายุ่งกับคุณกฤตของฉัน เพราะเค้านั่นแหละคืออนาคตของฉัน"
รณฤทธิ์เค่นหัวเราะเยาะ
"ฮ่ะๆ..นี่ยังฝันว่าไอ้หมอนั่นมันยังจะเอาพี่อีกเหรอห่ะ" รณฤทธิ์ตบมือปลุกจนพี่สาวสะดุ้ง กัดปากฉุน "ตื่นๆซะที ไอ้กฤตมันเจ้าเล่ห์ มันคงคิดว่าถ้าได้นังนันมาอยู่ในกำมือแค่คนเดียว มันก็เหมือนได้ทุกสิ่งทุกอย่างของเราไปหมดแล้ว ไม่ว่าบ้านหลังนี้หรือว่าทรัพย์สมบัติ มันมีแต่ได้ ไม่มีเสีย มันจะมาเหลียวแลพี่ทำไมห่ะ"
คำพูดของรณฤทธิ์สะดุดหูฤทัย...ฉุกคิด
"ไม่จริงไอ้รณ! แกอย่าไม่ใส่ร้ายคุณกฤต เค้ารวยอยู่แล้ว เค้าไม่สนใจสมบัติคนอื่นหรอก"
"แกรู้ได้ไงยัยกิ๊บ ว่ามันไม่สน" ฤทัยว่า
"แม่! แม่ก็ไปฟังไอ้รณมันพล่าม"
"แกนั่นแหละหยุดพล่ามแล้วฟังแม่!"ฤทัยว่า กนกกรจำต้องเงียบ "บางทีเรื่องนี้อาจจะมีตื้นลึกหนาบางกว่าที่เราคิด อย่างที่ตารณพูดก็ได้"
ฤทัยนึกสงสัย
นันทนัชกำลังต่อรองกับกฤตพนธ์
"ฉันขอเวลา3เดือนเท่านั้น คุณแค่ช่วยฉันประวิงเวลาให้ทุกคนเชื่อว่าฉันมีพินัยกรรมฉบับจริงอยู่ในมือ ไม่มีใครมายุ่งกับฉัน ระหว่างนั้นฉันจะหาพินัยกรรมฉบับจริงของแท้ให้เจอ"
"แล้วถ้าคุณหาไม่เจอล่ะ ไม่คิดบ้างเหรอว่ายิ่งโกหกก็จะยิ่งยุ่งไปกันใหญ่"
"ถ้าหมดเวลา3เดือนแล้ว ฉันยังหาไม่เจอ ฉันก็จะยอมแพ้ ยอมให้ทุกอย่างเป็นไปตามพินัยกรรมของยัยแม่เลี้ยงว่ายังไง คุณจะช่วยฉันไหม"
กฤตพนธ์หยุดคิดไปชั่วครู่
"ในเมื่อคุณกล้าขอขนาดนี้ ผมก็กล้าให้"
เธอดีใจ
"คุณจะช่วยฉันจริงนะ"
"อย่าเพิ่งดีใจไป ผมจะช่วยคุณ ถ้าคุณยอมทำตามเงื่อนไขผมด้วย"
เธอหุบยิ้มทันที
"ทำไมคุณต้องมีเงื่อนไข"
"ก็ถ้าเราจะลงเรือลำเดียวกัน เราก็ต้องทำงานเป็นทีมซีครับ"
เธอถอนใจ
"ก็ได้! บอกเงื่อนไขของคุณมา"
"เงื่อนไขผมมีอยู่3ข้อ ข้อแรก ห้ามคุณมีความลับกับผมเด็ดขาด ข้อสอง คุณต้องเชื่อฟังผมอย่างไม่มีเงื่อนไข ห้ามเถียง ห้ามสงสัย"
"มันไม่มากไปหน่อยเหรอ"
"และข้อที่สาม ที่คุณเสนอจะให้ค่าจ้างผม10เปอร์เซ็นต์จากกองมรดก ผมไม่ต้องการเงินจากคุณสักสลึงเดียว"
"แล้วคุณต้องการอะไร ฉันไม่คิดหรอกว่าคนอย่างคุณจะช่วยฉันฟรีๆ"
"ฮ่ะๆๆ คุณรู้จักผมดีกว่าที่ผมคิดซะอีก จริงของคุณ ความช่วยเหลือของผม มีราคาค่างวดของมัน"
"นี่! อย่าลวดลายน่า คุณต้องการอะไรก็บอกมา"
"ผมไม่ต้องการเงินของคุณ แต่ผมต้องการคุณ"
เขาดึงเธอมากอดไว้อย่างอบอุ่น เขาต้องการช่วยเธอ ก็เพราะเขารักเธอ เธออึ้งตะลึงก่อนจะเปลี่ยนเป็นโกรธ ขืนตัว ผลักอกเขาออก
"คุณมันก็ไม่ต่างจากผู้ชายมักง่ายทั่วไป ที่ตีค่าราคาของผู้หญิงไปในทางนั้นซะหมด"
เธอพูดพลางหันเดินกลับไปที่รถ
"เอ่อ...เดี๋ยว คุณเข้าใจผิด ผมไม่ได้หมายถึงเรื่องบนเตียง"
แต่นันทนัชเดินลิ่วไปแล้ว กฤตพนธ์ได้แต่ถอนใจ ยืนยิ้ม
"เฮ่อ ไว้สักวัน คุณจะเข้าใจความหมายของผม นี่คุณ... จะเดินไปไหน เดี๋ยวผมไปส่งบ้าน"
ฤทัยครุ่นคิด
"นังนันเพิ่งบินกลับมาจากนอก เพิ่งจะเจอรู้จักกับคุณกฤตแค่ไม่กี่เดือน เขาก็ออกตัวแรงปกป้องบอกว่ารักกับแม่นั่นซะแล้ว"
"คุณผู้หญิงไม่เชื่อเหรอครับ ว่าคุณกฤตจะรักคุณนันจริง" ไม้ถาม
"ฉันไม่เชื่อหรอก ว่าความรักบริสุทธิ์ไม่หวังสิ่งตอบแทนมันมีอยู่จริง"
"ก็ฉันนี่ไงแม่ ฉันรักคุณกฤตด้วยความจริงใจ" กนกกรว่า
"อย่ามาพูดเลย ลองไอ้นั้นไม่นามสกุลอัศวัติ ไม่เป็นทายาทคนเดียวของตระกูลดัง เป็นแค่ทหารกิ๊กก๊อกมีแค่เงินเดือนไม่พอยาไส้ดิ น้ำหน้าอย่างพี่ ไม่อยากได้มันมาเป็นผัวหรอก" รณฤทธิ์บอก
กนกกรหันมาชี้หน้ารณฤทธิ์
"หุบปากไปเลยนะไอ้รณ"
"หึ! เถียงไม่ออกล่ะเซ พูดแทงใจดำ"
"แล้วคุณผู้หญิงคิดว่าที่คุณกฤตทำอยู่ตอนนี้ ต้องการอะไร"
"ไปรู้มันเหรอ! นังนันอาจจะยื่นข้อเสนออะไรให้นายกฤตช่วยเรื่องพินัยกรรมเพื่อเล่นงานพวกเรา เพราะฉะนั้นต่อไปนี้ศัตรูหมายเลข1 ของเราไม่ใช่นังนัน แต่เป็นนายกฤตด้วย เข้าใจไหมยัยกิ๊บ"
ฤทัยเข้าไปจับจับไหล่ กนกรส่ายหน้าไม่อยากเป็นศัตรูกับผู้ชายที่รัก
"ทำไมต้องให้กิ๊บเป็นศัตรูกับคนที่กิ๊บรักด้วย"
"อย่าโง่ซิลูก แกต้องรักตัวเองก่อนคนอื่น จำได้ไหม...ว่าตอนที่แกเกิดมา ชีวิตแกต้องลำบากแค่ไหน"
กนกกรนึกย้อนไป
ภายในบ้านเช่าของฤทัย ในอดีต ขณะนั้น กนกกรในวัย 4 ขวบ ส่วนรณฤทธิ์ในวัย 3 ขวบ ฤทัยในวัยสาวกำลังยื้อแย่งกระเป๋าสะพายกับสามีเก่าปีกทอง ลูกทั้ง 2 ยืนตกอกตกใจมองกันอยู่
"ปล่อยมืออีฤทัย กูจะเอาเงิน"
"ฉันไม่ให้ เงินฉันจะเก็บไว้ซื้อข้าวให้ลูกกิน วันๆมันแทบจะๆไม่ได้กินอะไรอยู่แล้ว แกเอาเงินฉันไปแทงไฮโลหมด ฉันไม่ให้"
"อีเวรเอ้ย มึงจะเลี้ยงแต่ลูก กูเป็นมัวมึงนะ มึงไม่เลี้ยงกูหรือไง กูบอกให้ปล่อย…พูดดีๆไม่ชอบ"
สามีเก่าตบเผี๊ยะ! ฤทัยถึงกับล้มหงายเลือดกลบปาก
"อ๊าย!"
กนกกรร้องเรียก "แม่!"
กนกกรร้องกรี๊ด รณฤทธิ์โกรธปรี่เข้ามาเตะต่อยขาพ่อ แล้วร้องไห้ ฮือ
สามีเก่าหันไปคิ้วคอรณฤทธิ์ขึ้น
“ไอ้ลูกทรพี นี่กูพ่อมึงนะ มึงกล้าเตะกูเหรอห่ะไอ้รณ”
กนกกรเห็นอย่างนั้นก็เข้ามากำหมัดทุบพ่อ
“ปล่อยน้องนะ ... ปล่อยๆๆ”
“อีนี่ก็อีกตัว รำคาญจริงเว้ย เกิดมาเป็นภาระกูจริงๆ เดี๋ยวกูเอาขี้เถ้ายัดปากให้หมดเลย”
สามีเก่ากระชากแขนกนกกรอย่างแรงจนร้องกรี๊ดๆ ฤทัยเห็นอย่างนั้นก็ตกใจ รีบโยนกระเป๋าให้
“อย่าทำอะไรลูกนะ...เอาไป! มึงอยากได้เงินไปตายโหงที่ไหนก็เอาไปให้หมดเลย ไป๊!”
สามีเก่าโยนรณฤทธิ์กับเหวี่ยงกนกกรไปให้ฤทัย คว้ากระเป๋าหัวเราะร่วน
“ฮ่ะๆๆ ให้ง่ายๆตั้งแต่ทีแรก ฉันก็ไม่ต้องลงไม้ลงมือกับลูกแล้ว”
สามีเก่าหยิบเงินออกมา แล้วโยนกระเป๋าใส่ฤทัยอย่างไม่สบอารมณ์อีกครั้ง
“โธ่เอ้ย...มีอยู่แค่นี้จะพอยาไส้อะไรไว้ ถุย!ทำเป็นหวงยังกับมีเงินล้าน มึงออกไปเลยนะอีฤทัย ออกไปหาเงินมา หามาให้เยอะๆเลย ถ้ากูกลับมาแล้วมึงไม่มีเงิน กูจะตีไอ้2ตัวนี่ให้ตายคามือเลย
อยู่ก็แย่งกูกิน”
สามีเก่าเดินออกไป ฤทัยแค้นผัว นั่งกอดลูกทั้ง2ไว้
“แกนั่นแหละไอ้ปีกทอง งานการไม่เคยทำ เอาแต่แย่งฉันกับลูกกิน กิ๊บ...รณ...อดทนนะลูก สักวัน...แม่จะทำให้ลูกมีกินเหลือเฟือ มีชีวิตเป็นเศรษฐีสบายไปทั้งชาติให้ได้”
3แม่ลูกกอดกันร้องไห้
กนกกรนึกๆถึงความแล้วแค้นตอนนั้นแล้วทำให้ด้านมืดเข้าครอบงำจิตใจทันที
"ฉันจะไม่ยอมกลับไปกัดก้อนเหลือกิน อยู่สลัมมีชีวิตน่าสมเพช แบบนั้นอีก!"
"ใช่ เรามาไกลจากสลัมมากแล้ว ตอนนี้เราอยู่ในคฤหาสน์ มีคำนำหน้า ที่ทุกคนต้องก้มหัวเรียกว่าคุณฤทัย คุณกิ๊บ คุณรณ อีกแค่นิดเดียวเงินสมบัติ และคฤหาสน์หลังนี้จะเป็นของเราอย่างชอบธรรม" ฤทัยบอก
"ฉันจะไม่ยอมให้มันคนไหนที่มาขวางทางเราเด็ดขาด"
ฤทัยโอบกอดไปที่ไหล่ทั้ง2ข้างของลูกรัก พร้อมกับปรายตาไปมองไม้ พร้อมที่จะทำทุกอย่างเพื่อแย่งสมบัติมาจากนันทนัช
ภายในห้องนอน เวลาต่อมา นันทนัชยืนพิงประตูห้องมองมือถือที่เพิ่งพิมพ์ส่งไลน์ไป ก่อนจะเอนหัวพิงกับผนัง สีหน้าเหนื่อยล้า ผ่านสงครามไปอีกวัน แต่มันยังไม่จบลงง่ายๆ จนกว่าจะหาพินัยกรรมฉบับจริงให้พบ
ฤทัยที่แยกจากทุกคนเดินออกมาที่ระเบียงหน้าบ้านอย่างเคียดแค้นเพียงคนเดียว เมื่อเธอสู้มาจนเกือบสุดปลายทาง ดูเหมือนว่าตัวเองจะไม่ได้อะไรเลย แต่ก็พร้อมจะแลก
"ฉันไม่มีอะไรจะเสียอีกแล้ว"
ในเวลาเดียวกัน ที่บ้านสวนกลางป่า ทิพย์ยืนยิ้มร้ายไม่ต่างจากฤทัย
"หึๆๆฉันรู้จักสันดานแกดี ผู้หญิงหิวเงินอย่างแก พอถูกต้อนจนถึงทางตัน แกต้องทำเลวทุกอย่างเพื่อที่จะชนะ"
"ฉันจะแลกกับแก...นังนัน!" ฤทัยบอกกับตัวเอง
ภายในห้อง นันทนัชที่มีความเข้มแข้งขึ้น แววตามาดมั่นและแน่วแน่หลังแก้เกมของฤทัยเรื่องพินัยกรรมได้ โดยไม่รู้ตัวเลย...ว่ากำลังตกเป็นเหยื่อของทั้งฤทัยและทิพย์ อีกครั้ง
ในอดีต หลัเผาศพรำเพยไปแล้ว นันทนัชในวัยแบเบาะในอ้อมแขนของทิพย์...เธอยังอยู่ในชุดไว้ทุกข์เดินป้อนนมให้นันทนัชอยู่...ชิดยืนอยู่ที่เสาแอบมองลิตรที่นั่งกอดรูปงานศพของรำเพยอยู่ที่เก้าอี้โยกอย่างหมดอาลัยตายอยาก
ชิดมีสีหน้าโกรธๆเคืองๆลิตร ก่อนจะเดินผละไปอย่างเงียบๆ
ทิพย์เดินอุ้มนันทนัชเข้าไปนั่งลงที่พื้นแทบเท้าลิตร
"หักห้ามใจซะบ้างเถอะนะคะ"
"เธอไม่มีวันเข้าใจหรอกทิพย์ ว่าการเสียคนที่รักมากที่สุดไป มันเป็นยังไง ใจฉันเหมือนจะขาด เหมือนจะตายตามรำเพยไปด้วย"
ทิพย์เศร้าที่ลิตรไม่มีความรู้สึกให้เลย
"ทิพย์เข้าใจคะว่าคุณรู้สึกยังไง แต่คนจากไปแล้ว ไม่มีวันจะกลับคืนมาได้อีก คนที่มีชีวิตอยู่ก็ต้องสู้ต่อไปนะคะ อย่าลืมว่า... ตอนนี้คุณผู้ชายยังมีลูกที่ต้องดูแลอีกคนนึง"
ลิตรมองลูกสาว ที่ยิ้มแกว่งมือหัวเราะ เขาน้ำตาไหล ยื่นมือจะไปจับมือน้อยๆ แต่กลับยั้งมือไว้....เพราะเสียงทะเลาะของเขากับรำเพยก่อนตายดังแทรกขึ้นมาในโสตประสาท
"ใช่ซี...พี่มันไอ้กุ๊ย ไอ้ละโมบ ไอ้ฆาตกร! แต่หัวใจของพี่ตรงนี้" ลิตรตบที่อกซ้าย "ก็รักรำเพยสุดหัวใจ พี่ถึงทำทุกอย่างเพื่อรำเพย"
รำเพยยกมือปิดหู
"ฉันไม่ต้องการ ฉันไม่ต้องการ"
"งั้นก็อย่าหวังว่าจะได้เจอหน้าลูกอีก"
"เอาลูกฉันคืนมานะพี่ลิตร เอาลูกฉันคืนมา ฮือๆๆ ยายหนูของแม่"
ลิตรกำมือแน่นแล้วดึงกลับ เมินหน้าหนีจากลูก ความรู้สึกผิดที่แยกตัวลูกไปจากรำเพย คือต้นเหตุทำให้รำเพยตาย ทำให้เขายิ่งทำใจไม่ได้ ทิพย์ยื่นมือจับมือลิตรไว้อย่างเข้าใจ
"ไม่ต้องห่วงนะคะเรื่องลูก ทิพย์จะทำหน้าที่เลี้ยงคุณหนูให้เองค่ะ จะเลี้ยงดูให้ดีเหมือนเป็นคุณรำเพยเลยค่ะ"
ลิตรหลับตาลง น้ำตาลูกผู้ชายไหลเผาะ
เช้าวันรุ่งขึ้น ทิพย์เคาะประตูห้อง
"คุณลิตรคะ คุณลิตร"
ไม่มีเสียงตอบ ทิพย์นึกห่วงว่าลิตรจะคิดสั้น รีบเปิดประตูผัวะเข้าไป
"คุณลิตร"
แล้วทิพย์ก็โล่งอกเมื่อเห็นลิตรนั่งหลับคาโต๊ะทำงาน บนโต๊ะและพื้นข้างตัวมีขวดวิสกี้
ทิพย์เดินเข้ามาเก็บขวด แล้วหยุดมองสภาพลิตร ถอนใจก่อนปลุก
"คุณคะ นี่กินเหล้าทั้งคืนเลยเหรอคะ"
ลิตรปัดมือทิพย์อย่างงัวเงีย
"อย่ายุ่ง"
"คุณลิตรจะมาทำตัวเละเทะแบบนี้ไม่ได้นะคะ โรงสี กิจการ ทรัพย์สมบัติมากมายที่คุณเรไรทิ้งไว้ จะพลอยพินาศไปด้วย"
ลิตรได้ยินค่อยๆลืมตาขึ้น ...คิด...
"หรือว่าคุณไม่ต้องการทรัพย์สมบัติพวกนี้ อยากจะกลับไปเป็นไอ้ลิตรที่ไม่มีจะกินคนเดิม!"
ลิตรกระเด้งตัวขึ้นนั่ง...ขบกรามสีหน้าเข้ม
"ฉันจะไม่กลับไปจนอีกเด็ดขาด! ฉันจะเป็นคุณลิตร มหาเศรษฐีที่ทุกคนต้องก้มหัวให้กับฉัน"
ทิพย์ยิ้มดีใจที่ช่วยปลุกใจให้ลิตรกลับขึ้นมาสู้ได้
"งั้นลุกเถอะค่ะ ลุกไปสร้างชีวิตที่คุณฝันอยากจะมีมานาน ทิพย์จะอยู่เคียงข้างเลี้ยงลูกให้คุณ เป็นกำลังใจ เป็นทุกสิ่งทุกอย่าง เหมือนกับที่ทิพย์เคยสัญญาไว้ในวันแรกที่เข้ามาอยู่ที่นี่ ว่าจะซื่อสัตย์กับคุณตลอดไป"
ทิพย์พูดพลางทรุดนั่งลงซบกับเข่าของลิตร สุดแสนจะจงรักภักดี
เวลาต่อมา ลิตรในชุดเสื้อคลุม อาบน้ำเสร็จเดินเช็ดหน้าออกมาจากห้องน้ำ พร้อมจะลุกขึ้นสู้ต่อไป แต่ต้องชะงักเมื่อเห็นทิพย์กำลังจัดเตรียมเสื้อผ้าที่จะให้เขาใส่ออกไปทำงานอยู่ที่ตู้เสื้อผ้า เธอแขวนเสื้อผ้าไว้ที่ตู้ เดินมาวางถุงเท้า ผ้าเช็ดหน้าไว้ที่เตียงนอน ก่อนหันมาเจอลิตรมายืนอยู่ข้างหลัง
"ขอบใจมากนะทิพย์ ถ้าไม่มีทิพย์ ฉันก็เหมือนเหลือตัวคนเดียวในบ้านหลังนี้"
ทิพย์ยิ้มสะเทิ้น
"ทิพย์ไม่ปล่อยให้คุณโดดเดี่ยวหรอกค่ะ ถ้าชีวิตคุณขาดอะไร ทิพย์คนนี้จะเติมเต็มให้ทั้งหมด"
ลิตรอึ้งมองทิพย์ ใบหน้าที่สวยเรียบหวาน ดวงตาที่เทิดทูนบูชาเขา อดีตที่เคยรู้จักชอบพอกัน ความใกล้ชิดที่ไร้สิ่งใดกั้นขวางทำให้ลิตรเริ่มปล่อยใจเผลอไผลให้เธอ เขายื่นมือไปจับไหล่บางๆของทิพย์
"ทิพย์ต้องเหนื่อยเพราะฉันหน่อยนะ"
"ทิพย์เต็มใจค่ะ"
ลิตรเหมือนจะโน้มตัวเข้ามาใกล้ ทิพย์ฉลาดที่ผละจากเขาเพื่อเพิ่มความปรารถนาของลิตรในตัวเธอ ทิพย์พูดตัดบทเนียนๆ
"รีบลงไปนะคะ ทิพย์จะไปเตรียมอาหารเช้าร้อนๆให้"
ทิพย์เดินผละมาจากลิตร ทั้งๆที่มือเขายังจับไหล่คาอยู่ ทิพย์ยิ้มๆอย่างสุขใจก่อนเดินออกจากประตูห้องไป
ลิตรนั่งลงที่โต๊ะอาหาร มองอาหารเช้าตรงหน้าที่ทิพย์เตรียมไว้ให้ เป็นข้าวต้มเครื่องจัดพร้อมสำรับเครื่องปรุงอย่างดี
ทิพย์กำลังรินกาแฟจากกาใส่ถ้วยกาแฟเซรามิคราคาแพง
"กาแฟค่ะ"
ทิพย์วางเสิร์ฟถ้วยกาแฟให้ลิตร แล้วทำท่าจะเดินผละไป
"นั่งก่อนซิทิพย์ นั่งเป็นเพื่อนฉัน ฉันไม่อยากอยู่คนเดียว"
"ยังคิดถึงคุณรำเพยอยู่อีกเหรอคะ"
ทิพย์นั่งลงพร้อมกับถามอย่างห่วงใย
"ทำไมชั้นลืมเค้าไมได้ซักที เหมือนเค้ายังอยู่ใกล้ๆ ชั้น"
"คุณรำเพยจากเราไปแล้วค่ะ"
ทิพย์พูดพลางยื่นมือไปจับมือลิตรไว้
"คุณรำเพยหมดห่วงแล้ว ทิพย์สัญญาต่อหน้าศพของเธอว่าจะดูแลคุณผู้ชายกับคุณหนูแทนคุณรำเพยเอง ถ้าคุณยังเอาแต่คร่ำครวญเรียกหาอยู่แบบนี้ วิญญาณคุณรำเพยอาจจะมีห่วง ปล่อยคุณรำเพยไปเถอะนะคะ"
ลิตรขบกรามแน่น กล้ำกลืนน้ำตา พยักหน้า
ลิตรหลับตาตัดใจใน น้ำตาร่วงเผาะ ทิพย์จับมือลิตรแน่นปลอบใจ ยิ้มดีใจที่สามารถเกลี้ยกล่อมลิตรให้ตัดใจเลิกโหยหายรำเพยได้
เมื่อผ่านเวลาไป นันทนันเติบโตในช่วงวัยต่างกัน
3-4เดือนต่อมา ทิพย์เข็นเลี้ยงนันทนันอยู่ในรถเข็น ในวัยเดินเตาะแตะ เด็กน้อยนั่งเล่นอยู่บนเสื่อใต้ต้นไม้ ชิดมาแอบด้อมๆมองๆอย่างเอ็นดู ลิตรเดินหิ้วกระเป๋ากลับมาจากทำงาน ทิพย์หันไปเห็น รีบลุกวิ่งเข้าไปรับกระเป๋า หมวก ลิตรมองมาที่ลูกสาวที่กำลังนั่งเล่นของเล่น ไม่เดินเข้ามาหา แต่เดินเข้าบ้านไป
ทิพย์เรียกชิดให้ช่วยดูนันทนัช ส่วนตัวเองรีบตามลิตรเข้าบ้านไปปรนนิบัติ
เรือนริษยา ตอนที่ 17 (ต่อ)
ลิตรนั่งดูโฉนดที่ดินของเรไรมากมาย ซึ่งวางกองสุมอยู่บนโต๊ะ เสียงเคาะประตูดังขึ้น
"ทิพย์ค่า"
"เข้ามาซิ"
ทิพย์เปิดประตูเข้ามาพร้อมถาดใส่แก้วกาแฟและน้ำเย็น
"พักดื่มกาแฟสักหน่อยนะคะ"
"พักอะไรล่ะ ฉันจะรีบคิดบัญชีกับโฉนดลูกหนี้เงินกู้ ที่เอาที่ดินมาจำนองกับพี่เรไรให้หมด"
ทิพย์มองกองโฉนด
"นี่โฉนดที่ดินของลูกหนี้ทั้งหมดเลยเหรอคะ"
"ใช่ บางคนติดหนี้ไม่จ่ายมาเป็นปีๆตั้งแต่พี่เรไรตาย หึ คอยดูนะ ฉันจะตามยึดที่ดินมาให้หมด แต่ละโฉนด จุ๊ๆ ที่ดินสวยๆทั้งนั้น ปล่อยขายให้พวกค้าที่ดินเมื่อไหร่ ทิพย์เอ้ย... นายลิตรคนนี้จะรวยมหาศาลเลยทีเดียว หึๆๆ"
ทิพย์ยิ้ม มองลิตรที่ตั้งอกตั้งใจอยู่กับโฉนดเงินทองที่ตัวเองจะหามาได้ จนตอนนี้เขาไม่มีเวลามาโศกเศร้าเสียใจคิดถึงรำเพยอีกแล้ว เขายกกาแฟขึ้นดื่ม มืออีกข้างจับไหล่ที่เมื่อยขบกับการก้มดูเอกสารนานๆ
"เมื่อยเหรอคะ ทิพย์นวดให้นะ"
ทิพย์เดินไปยืนด้านหลังลิตร วาง2มือลงที่ไหล่นวดให้ สัมผัสของทิพย์ทำให้ลิตรอึ้งๆไป ก่อนจะหลับตาลง รู้สึกดี พลางพูด
"คงไม่มีใครดูแลปรนนิบัติฉันได้ดีเท่าทิพย์อีกแล้ว ฉันคิดไม่ผิดจริงๆ ที่พาทิพย์มาอยู่กับฉันที่นี่"
ทิพย์ยิ้ม ฝันหวานว่าจะได้มาแทนที่รำเพยในเร็วๆนี้
เวลาต่อเนื่องมา ภายในห้องนอนที่มืดสลัว...ลิตรนอนฝันร้ายอยู่บนเตียง รำเพยยิงตัวตายตามหลอกหลอน
"รำเพย รำเพย อย่า อย่ายิง รำเพย พี่ขอร้อง อย่า อย่า!"
ลิตรตะโกนลั่นเสียงหลง เสียงทิพย์เคาะประตูอยู่นอกห้อง
"คุณผู้ชายคะ เป็นอะไรไปคะ คุณผู้ชาย"
ทิพย์ลองบิดลูกบิด ปรากฏว่าประตูล็อก...เลยหยิบพวงกุญแจทั้งบ้านที่ตัวเองถือไว้ ไขประตูเปิดเข้ามาในห้อง มือกดเปิดสวิตช์ไฟที่ข้างประตูสว่างขึ้น ก่อนรีบถลาไปหาลิตรที่นอนละเมอเอะอะอยู่บนเตียง
"รำเพยอย่า...อย่า"
"คุณลิตรคะ...คุณลิตร"
ทิพย์ขึ้นเตียงไปเขย่าปลุกลิตร ลิตรลืมตาตื่นขึ้น เห็นเป็นทิพย์ก็ละล่ำละลักบอก
"ทิพย์! ฉัน...ฉันเห็นรำเพยยิงตัวตายต่อหน้าต่อตาฉัน เลือดเต็มไปหมด"
ลิตรพูดพลางกอดทิพย์อย่างผวา ทิพย์กอดตอบ ลูบหลังปลอบ
"แค่ฝันร้ายน่ะค่ะ ไม่มีอะไรๆ คุณกำลังเริ่มต้นใหม่แล้วนะคะ อย่าให้เรื่องร้ายๆ ในอดีตมาทำลายอนาคตที่กำลังเจริญรุ่งเรืองของคุณได้นะคะ ปล่อยให้มันผ่านไปเถอะค่ะ"
ลิตรค่อยๆสงบลงในอ้อมกอดของทิพย์ ทิพย์จะผละออก แต่ลิตรคว้าแขนไว้
"ทิพย์อยู่กับฉันได้มั้ยคืนนี้ อยู่เป็นเพื่อนชั้น"
"ได้ค่ะ ทิพย์จะอยู่เป็นเพื่อนคุณ"
ทิพย์จับหน้าลิตร แล้วเช็ดๆเหงื่อที่หน้าให้ ทำเอาลิตรใจเตลิด ห้ามใจไม่อยู่อีกต่อไป ยื่นหน้าจูบทิพย์ไปทีหนึ่ง ทิพย์นิ่ง
"ทิพย์อยากดูแลฉันใช่มั้ย ชั้นจะรู้ได้ยังไงว่าทิพย์รู้สึกยังไงกับชั้น"
ทิพย์นิ่งฟัง
ลิตรจับคางทิพย์ขึ้นมาเชยดู
"ทิพย์รักชั้นรึเปล่า"
เธอยังนิ่ง
"หรือถ้าทิพย์ไม่ได้มีใจให้ชั้น ชั้นจะได้ปล่อยทิพย์ไป"
ลิตรปล่อยมือออกจากคาง ทิพย์คว้ามือเขามากุมไว้แนบหน้า
"ทิพย์รักคุณค่ะ รักมานานแล้ว รักตั้งแต่คุณยังเป็นนายลิตรผู้ชายธรรมดาๆคนนึง"
ลิตรจับ 2 ไหล่ทิพย์
"ถ้างั้นสัญญาได้มั้ยว่าจะรักและซื่อสัตย์กับชั้นตลอดไป"
"ค่ะ...สัญญา"
"ทิพย์...เต็มใจเป็นของชั้นนะ"
ทิพย์มองหน้าลิตรด้วยหัวใจเปี่ยมล้นไปด้วยความรัก ลิตรจูบทิพย์ ล้มตัวลงนอน
เช้าวันรุ่งขึ้น ทิพย์รีบตื่นมาเลี้ยงนันทนัชวัยเตาะแตะ แต่กลับปล่อยให้เด็กน้อยนั่งเล่นอยู่ตามลำพัง ส่วนตัวเองยืนเหม่อใจลอย ใบหน้ายิ้มราวตกอยู่ในความฝันกับเหตุการณ์เมื่อคืนนี้
ลิตรที่เพิ่งตื่น ยังอยู่ในชุดนอนกางเกงแพรเดินออกมาเห็นทิพย์ยืนอยู่ในสวน...ในยามที่ไม่มีหญิงใดคู่กาย สัมพันธ์ครั้งแรกกับทิพย์ ทำให้ลิตรหลงใหลได้อย่างง่ายดาย
เขาเดินเข้ามาสวมกอดทิพย์ทางด้านหลัง ทิพย์สะดุ้ง
"อุ้ย!"
"อยู่นี่เอง! ฉันตื่นมาไม่เจอทิพย์ ใจเหมือนจะขาด"
"ทิพย์ต้องตื่นมาดูคุณหนูน่ะค่ะ เอ่อ...ปล่อยทิพย์เถอะค่ะ เดี๋ยวใครมาเห็นเข้า"
"ใครจะเห็น นอกจากไอ้ชิด ช่างหัวมัน! ไอ้ขี้ข้าเก่า นี่ถ้าฉันไม่เห็นว่ามันเป็นข้าเก่าเต่าเลี้ยงของพี่เรไรล่ะก็ ฉันเฉดหัวมันออกไปนานแล้ว"
ชิดเดินออกมาจากหลังบ้าน เห็นลิตรยืนกอดทิพย์อยู่ที่มุมไกลก็ตกใจ
"ในที่สุด...ทิพย์ก็เสร็จมันอีกคน"
ลิตรแนบหัวอิงทิพย์อยู่
"เมื่อคืนฉันมีความสุขมาก ทิพย์ทำให้ฉันรู้ว่า โลกนี้มันยังมีความสุขที่ฉันจะหาปรนเปรอตัวเองได้อีกมาก"
"ทิพย์เอ่อ...เป็นเมียคุณแล้ว ทิพย์ฝากชีวิตไว้ด้วยนะคะ"
"อืม...ทิพย์อย่าห่วงเลย ฉันจะรับผิดชอบชีวิตทิพย์ ให้ทิพย์ได้อยู่ในบ้านหลังนี้กับฉันอย่างสุขสบาย ขอให้ทิพย์เอาใจฉัน อยู่เคียงข้างฉัน รอฉันสร้างอำนาจบารมีให้คนยอมรับฉันที่เป็นนายลิตร มหาเศรษฐีที่ทำให้สมบัติของคุณนายเรไรมีกำรี่กำไรยิ่งใหญ่มากกว่าเดิม ไม่ใช่ไอ้ลิตรที่เกาะสมบัติคุณนายเรไรกิน"
"ค่ะ ทิพย์จะอยู่เคียงข้าง รอคุณ"
ลิตรกอดทิพย์ยิ้ม เหมือนว่าจากนี้ชีวิตทิพย์จะจบแบบแฮปปี้แอนดิ้งแล้ว ลูกนั่งมองพ่อกับทิพย์อย่างไร้เดียงสา
ในครัว ทิพย์ใบหน้าเปื้อนยิ้มมีความสุข วางนันทนัชลงในรถหัดเดินเด็กที่วางอยู่ในครัว
"เล่นอยู่ในนี้นะคะคุณหนู อย่าซน เดี๋ยวทิพย์ทำอาหารเช้าให้พ่อลิตรก่อน"
ทิพย์วางนันทนัช ชิดก้าวเข้ามายืนมองหน้าอย่างผิดหวัง
"ทิพย์มีอะไรกับคุณลิตรเหรอ"
ทิพย์ตกใจเล็กน้อยแล้วรีบปรับสีหน้าให้เป็นปกติ
"แล้วมันเรื่องอะไรของชิด"
"ทิพย์ก็เห็นกับตา รู้แก่ใจว่าคุณรำเพยต้องตายยังไง ทิพย์ยังจะยอมปล่อยตัวปล่อยใจไปกับผู้ชายคนนี้อีกเหรอ คิดเหรอว่านายลิตรจะรักทิพย์จริง ผู้ชายคนนี้ไม่เคยรักใครจริงหรอก นอกจากรักตัวเอง
แล้วก็เงิน"
ทิพย์สวนทันที
"แต่ฉันรักเค้า!"
"ว่าไงนะ!"
"ฉันรักเค้า...รักๆๆๆได้ยินไหม! แล้วถ้าไม่มีฉัน ใครจะเลี้ยงคุณหนู เด็กกำพร้าแม่คนนี้จะเป็นยังไง คิดดูซี"
ชิดจำนน...เถียงอะไรไม่ออก
"ถ้าอย่างงั้น ฉันจะขอภาวนาให้ทิพย์นะ ขออย่าให้ชีวิตของทิพย์ต้องตกนรกเหมือนคุณนายเรไรและคุณรำเพยอีกคนเลย"
ชิดเดินออกไป ทิพย์มั่นใจว่า การมีนันทนัชจะช่วยปกป้องตัวเองได้
"ฉันไม่ตกนรกหรอก เพราะฉันมีนางฟ้าตัวน้อยๆคอยปกป้องฉันอยู่"
เด็กน้อยยังเดินเล่นอยู่กับรถหัดเดิน
ผ่านเวลา 7-8 ปี กิจการโรงสีรุ่งเรือง ใหญ่โต ร่ำรวยยิ่งกว่าเดิม มีคนงานทำงานมากมาย...มีเครื่องสีข้าว...มีเครื่องไม้เครื่องมือมากมาย
ลิตรเดินสวมหมวกใส่แว่นกันแดดท่าทางเป็นเศรษฐีนายทุนเดินเข้ามาในโรงสีดูกิจการตัวเองด้วยสีหน้าพออกพอใจ โดยมีสมุทรชัยเดินถือแฟ้มบัญชีตามมาด้วย พร้อมเซลส์ของบริษัท
"เดือนนี้เรามีลูกค้าต่างประเทศที่สั่งซื้อข้าวจากเรากี่ราย" ลิตรถามเซลส์ของบริษัท
"5รายครับ ยอดสั่งซื้อค่อนข้างสูง หลาย10ล้านบาทครับ"
"อืม...รีบปิดการขาย แล้วเตรียมสัญญาให้เรียบร้อย อย่าให้โรงสีไอ้เปียงมันแย่งไปได้"
"แต่ได้ข่าวว่าเฮียเปียงแอบยื่นราคาต่ำกว่าเรา"
"เรื่องนั้นไม่ต้องห่วง เดี๋ยวฉันจัดการเอง"
ลิตรหันมาคุยกับสมุทรชัย
"เรื่องที่ดิน คุณสมุทรชัยช่วยดูให้ผมหน่อย ใครที่เอามาจำนองแล้วไม่มีจ่าย จัดการยึดมาให้หมด บอกพวกมันนะว่าถ้าไม่ยอมย้ายออกไป ฉันจะส่งคนไปไล่ที่"
"ครับคุณลิตร"
ลิตรเดินออกจากโรงสีไป สมุทรชัยนึกขยาดความเลือดเย็นของลิตร
เวลากลางคืน เฮียเปียงเจ้าของโรงสีคู่แข่งของลิตรเดินควงพาร์ตเนอร์สาวออกมาจากไนต์คลับ
แต่ต้องชะงักเมื่อเห็นลิตรเดินมาขวางทาง โดยมีลูกน้องประกบซ้ายขวา
"เฮ้ยไอ้ลิตร...มาขวางทางอั๊วทำเตี่ยไรวะ หลีกๆๆ"
ลิตรยิ้มๆ ควักเงินฟ่อนใหญ่ออกมายัดใส่อกเสื้อพาร์ตเนอร์สาว
"เอาไปใช้ฟรีๆนะหนู แล้วไปซะ พี่มีธุระจะคุยกับเฮียเค้า"
พาร์ตเนอร์สาวดีใจ ไม่เคยได้ติ๊ปเยอะแบบนี้มาก่อน
"จะรีบไปเดี๋ยวนี้แหละค่ะเสี่ยลิตร"
พาร์ตเน่อร์สาวรีบกุมเงินที่หน้าอกเดินผละไป
"อ้าวเฮ้ย...จะไปไหน หมดอารมณ์เลยกู" เสี่ยหันมาชี้หน้าลิตร "มึงจะทำอะไรของมึงห่ะไอ้ลิตร"
ลิตรกำมือที่ชี้ของเฮียเปียงแล้วหัก
"ชี้หน้ากูเหรอห่ะ!"
"อ๊าก...มืออั๊ว"
ลิตรให้ลูกน้องหิ้วเฮียเปียงเข้าไปในตรอกข้างๆ แล้วจัดการรุมซ้อม กระทืบ
"คิดจะแย่งลูกค้ากูเหรอห่ะไอ้เปียง! มึงไม่อยากแก่ตายก็ลองดู…ลอง! ลองเซ็นสัญญากับมัน กูจะตามกระทืบมึง เผาโรงสีมึงให้ราบเป็นหน้ากลองเลย"
"ไม่เซ็นแล้วๆ เอาลูกค้าลื้อคืนไป อั๊วไม่แย่งแล้ว พอแล้ว อย่าทำอั๊ว"
ลิตรเงื้อขาที่จะกระทืบค้าง ก่อนวางขาลง
"จำไว้นะมึง ถ้ามึงไม่ทำตามคำพูด กูพาลูกน้องไปลุยมึงแน่"
ลิตรจัดเสื้อผ้าตัวเอง เดินออกจากตรอกไปอย่างสบายใจ แล้วก็จ๊ะเอ๋เข้ากับคู่ขาเก่า คือ ฤทัยที่กำลังเดินจะมาจับแขกที่ไนต์คลับ ลุคของฤทัยในตอนนี้จะไม่สวยและสาวเหมือนตอนเป็นนักร้องในตอนเจอลิตรครั้งแรก ด้วยเวลาที่ผ่านไปทำให้เห็นริ้วรอย และมีความทรุดโทรม แต่ก็พยายามแต่งตัวและแต่งหน้าจัด เมื่อเปลี่ยนอาชีพมาเป็นผู้หญิงขายตัว จับแขกตอนกลางคืน การแต่งตัวเอาให้ดูออกว่าเป็นอีตัว
"คุณลิตร"
"ฤทัย"
"แหม...ก็ฤทัยไงคะ ไม่เจอกันนาน ทำจำกันไม่ได้ ฤทัยยังคิดถึงอยู่เสมอนะ"
ลิตรเข้ามานั่งดื่มในไนต์คลับ มีฤทัยคลอเคลียไม่ห่าง
"คุณหายไปไหนมาคะ ไม่มาหาฤทัยเลย"
"ผมมัวแต่ยุ่งเรื่องธุรกิจของผมน่ะครับ เลยไม่มีเวลาเป็นส่วนตัวซักเท่าไหร่"
ฤทัยนัวเนีย
"แหม ฤทัยได้ข่าวว่าคุณลิตรมีกิจการใหญ่โต คงไม่สนใจนักร้องตัวเล็กๆ ที่ตั้งหน้าตั้งตารอคุณอยู่ทุกลมหายใจ"
ลิตรยิ้มขำ
"ปากหวานนะคุณเนี่ย"
"ไม่ได้หวานแค่ปากนะคะ แต่ฤทัยยังหวานไปทั้งตัว"
ลิตรหัวเราะในคออย่างชอบใจที่ตอนนี้เงินของเขาซื้อใครก็ได้ ฤทัยยื่นหน้าเข้ามาใกล้ ลิตรเคลิ้ม ยื่นหน้าจูบ
ทิพย์เดินลงบันไดมาจากชั้นบนมาชะเง้อรอลิตร นาฬิกาข้างผนัง บอกเวลาตี 2 แล้ว เธอทั้งห่วงทั้งหึง
"ดึกป่านนี้แล้วยังไม่กลับบ้าน มัวไปกกนังนักร้องคนไหนอีก"
เสียงรถเข้ามาจอดหน้าบ้าน ทิพย์โล่งอก รีบเดินลงบันไดจะออกไปรับ แต่เสียงเปิดประตูดังเข้ามา
"กลับเสียดึกเชียวค่ะ เอ่อ..."
ทิพย์ต้องพูดค้าง...เมื่อเห็นลิตรเดินโอบฤทัยเข้าบ้านมาด้วยอาการเมาหัวร่อต่อกระซิกกัน
"คุณลิตรอ่ะ ขับรถฉวัดเฉวียนยังกับงูเลื้อย กว่าจะมาถึงบ้านได้ เล่นเอาใจของฤทัยหล่นตุ๊บไปอยู่ที่ตาตุ่มเลยค่ะ"
"ไหนจ๊ะ ใจของฤทัยอยู่ที่ตาตุ่มตรงนี้เหรอ ผมช่วยเก็บให้นะ"
ลิตรพูดพลางยื่นมือไปลูบขาฤทัย ทิพย์เห็นแล้วใจเหมือนจะขาดให้ได้
"อ้าย..ฮิๆๆ คุณลิตรเล่นอะไรก็ไม่รู้ ..จั๊กจี๋นะ...ฤทัยขนลุกไปหมดแล้ว"
"ขนลุกตรงไหน ผมมองไม่เห็น ต้องพาขึ้นไปดูให้ชัดๆ...บนห้อง"
"บ้าๆๆ ก็เร็วๆซีค้า ฤทัยอยากให้ดูจะแย่อยู่แล้ว ฮิๆๆ"
ฤทัยดึงแขนลิตรจะพาไปที่บันได ต้องชะงักเมื่อเจอทิพย์ยืนดักหน้า
"ว้าย!ผีหรือคนเนี่ยะ โผล่มาได้ ไม่ให้ซุ่มให้เสียง ฤทัยตกใจแทบช็อคอ่ะ"
ฤทัยทำดัดจิตเข้ากอดลิตออดอ้อน ทิพย์กำ 2 มือแน่นพูดอย่างสุดเจ็บช้ำ
"นี่มันอะไรกันคะ คุณหิ้วแม่คนนี้กลับมาบ้านทำไม"
"อย่ามายุ่ง! นี่ไม่ใช่เรื่องของทิพย์"
สายตากร้าวของลิตร ทำเอาทิพย์อึ้งไป
"อ๋อ...ชื่อทิพย์เหรอจ๊ะ แม่คนใช้"
ทิพย์ตวัดสายตาขวับไป
"ฉันไม่ใช่คนใช้นะ"
ฤทัยทำตกใจ
"ว้าย! ดุด้วยอ่ะ แล้วเธอเป็นอะไรในบ้านหลังนี้ไม่ทราบห่ะ"
"ฉันเป็น..."
ลิตรตวาดขดจังหวะขึ้นเสียก่อน
"หุบปากนะ! อย่าพ่นอะไรออกมา ตอนนี้ฉันไม่มีอารมณ์จะมาเถียงด้วย"
เธอแทบไม่เชื่อหู ลิตรด่าเธอต่อหน้าผู้หญิงอื่น
"คุณลิตร"
"ฮิ รู้หรอกน่าว่าตอนนี้คุณมีอารมณ์อยากจะทำอะไร หลีกซี แม่คนใช้"
ฤทัยกวาดมือแหวกทิพย์ออกให้พ้นทาง ทิพย์เซไปชนกับขอบโต๊ะ
"อุ้ย!"
ฤทัยรีบดึงลิตรเดินขึ้นบันไดไป
"นำไปซีคะ ห้องคุณอยู่ตรงไหน ฤทัยไปไม่ถูก กลัวหลงทางฮิๆๆ"
แต่ทิพย์ไม่ยอม...ก้าวตามมา
"ฉันไม่ให้แกขึ้นไป"
ทิพย์ก้าวขึ้นบันไดตามมาคว้าชายกระโปรงฤทัยได้ ฤทัยแอบดีดขาหลังถีบทิพย์
"อ้าย!"
ทิพย์กลิ้งตกจากบันไดไปนอนกับพื้น โชคดีตกแค่ 3 ขั้นเลยไม่เป็นอะไรมาก
ฤทัยหันมาเบะปากสมน้ำหน้า ขณะที่ลิตรมึนๆไม่ได้หันมาสนใจ เดินนำฤทัยหายขึ้นไปยังชั้นบน
ทิพย์ตบพื้นร้องไห้ออกมาอย่างเจ็บใจและเสียใจ
"ทำไมถึงทำกับทิพย์ยังงี้คุณลิตร"
เช้าวันรุ่งขึ้น ฤทัยหน้าแฉล่มเปิดประตูห้องนอนของลิตรแง้มออก เธอใส่แค่เสื้อเชิ้ตของลิตรตัวเดียว กระดุมเสื้อเม็ดบนไม่ได้ติด หัวยุ่งๆบ่งบอกว่าเพิ่งลุกจากเตียง เธอวาดสายตาไปทั่วบ้าน
"จ๊ะเอ๋! เรือนรัตนะ! ใหญ่โตสมคำร่ำลือจริงๆ นี่แหละสิ่งที่ปรารถนาของฉัน คุณผู้หญิงแห่งเรือนรัตนะ ฮ่ะๆๆ"
ฤทัยเดินออกจากประตูมาหมุนทำท่าเริงร่าแล้วตกอยู่ในความฝัน ฤทัยหมุนกลับแล้วต้องชะงัก
"อุ้ย ตาเถร!"
ทิพย์นั่งพิงเสาหลับอยู่ตรงข้ามประตูห้อง ฤทัยเท้าเอวมอง
"ถึงกับมานอนเฝ้าหน้าห้องเลยเหรอยะ คงไม่ใช่คนใช้ธรรมดาแล้วม้าง"
ฤทัยพูดพลางก้าวเข้าไปใช้เท้าเขี่ยๆทิพย์
"นี่...แกๆกลางวันเป็นคนใช้ กลางคืนเป็นยามเหรอยะ ถึงมานั่งเฝ้าอยู่หน้าห้องเนี่ยะ"
ทิพย์ลืมตาตื่นขึ้นมาเห็นฤทัยใส่เสื้อเชิ้ตของลิตรก็ลุกขึ้นลุยโวยทันที
"แกเอาเสื้อของคุณลิตรมาใส่ทำไม ถอดออกเดี๋ยวนี้นะ"
"อุ้ยตาย! จะให้ฉันถอดตรงนี้เลยเหรอ เตือนไว้ซะก่อนนะ ข้างในฉันไม่ได้ใส่อะไรเลย ล่อนจ้อนขาวจั๊วะ เฮ่อ...เมื่อคืนคุณลิตรคลั่งไคล้ฉัน ไม่หยุดเลยนะ ฮิๆๆ"
ทิพย์สุดจนทนฟัง เงื้อมือตบหน้าฤทัย
"อีโสโครก!"
"อ๊าย! แกซิอีกระจอก"
ฤทัยหันมาตบคืนทันควัน ทิพย์จับแก้มหันขวับมาขบเขี้ยวแววตาโกรธจัดอย่างลืมตัว
"อย่ามายุ่งกับคนของชั้นนะ"
"ต๊าย! พูดออกมาได้มา ที่ห้องแกไม่มีกระจกส่องดูกะลาหัวตัวเองรึไงยะ เป็นแค่คนใช้ แต่พลีกายให้เจ้านายหวังไต่เต้าเป็นคุณนาย ฮ่ะๆๆ ฝันเฟื่องเรื่องยี่เก แถวไนต์คลับฉัน เค้าเรียกอีตัวหน้าตาแบบแกว่าไงรู้มั้ย...เค้าเรียกว่าที่ปลดปล่อยของเสียย่ะ อีชักโครก"
"มึง!"
ทิพย์ราวกับเสียสติ ด้านมืดในใจเข้าครอบงำจิตใจทันที เงื้อมือตบฤทัยไม่ยั้งอย่างลืมตัว
"ไปให้พ้นนะ ออกไปจากบ้านหลังนี้ อย่ามายุ่งกับคุณลิตรของฉัน เค้าเป็นของฉัน ได้ยินไหม"
ฤทัยสู้แรงบ้าคลั่งของทิพย์ไม่ได้ ล้มลงไปชนโต๊ะ ข้าวของร่วง ทิพย์เข้าไปซ้ำ
"อ๊าย...ช่วยด้วยๆ คุณลิตรขา...คุณลิตร!
ฤทัยร้องตะโกนลั่น แต่มือควานไปเจอเข้ากับตุ๊กตาไม้ที่ร่วงจากโต๊ะ คว้าไว้เงื้อจะฟาดหัวทิพย์
แต่ลิตรได้ยินเสียง เปิดประตูออกมาเสียก่อน...
"ทิพย์! เป็นบ้าอะไร หยุดนะทิพย์"
ฤทัยรีบปล่อยตุ๊กตาจากมือ ทำร้องสำออยสู้ทิพย์ไม่ได้
"คุณลิตรช่วยฤทัยด้วยค่ะ มันรังแกฤทัยค่ะ"
ลิตรจับมือทิพย์ที่กำลังจิกทึ้งหัวฤทัยราวกับจะฉีกทึ้งให้ตายคามือ
"หยุดทิพย์...ฉันบอกให้หยุด"
เสียงตบตีเอะอะที่ดังมาอยู่นอกห้อง ทำให้นันทนัชในวัย 8 ขวบ ตกใจ งัวเงียตื่น นั่งขยี้ตาบนเตียงนอน ก่อนจะก้าวลงจากเตียงไป
ลิตรพยายามแยกทิพย์ที่กำลังบ้าคลั่งจากฤทัย
"ปล่อยฤทัยเดี๋ยวนี้ทิพย์...ปล่อย"
"ทิพย์จะสั่งสอนมัน บ้านหลังนี้ ผู้หญิงชั้นต่ำจะมาทำแปดเปื้อนไม่ได้"
"คุณลิตรช่วยด้วย...ฤทัยเจ็บค่ะ โอ๊ย"
ลิตรโมโห ผลักทิพย์เต็มเหนี่ยว พลั่ก!
"ทิพย์…ฉันบอกให้ปล่อย"
นันทนัชเปิดประตูห้องออกมาเห็นพอดี
"อ๊าย"
"น้าทิพย์!"
นันทนัชยืนตะลึงมองค้างอยู่ที่ประตูห้อง ขณะที่ทิพย์ล้มหงายกระเด็นมือหลุดจากฤทัย ลิตรถลาเข้าไปประคองตัวฤทัยขึ้น
"เป็นยังไงบ้างฤทัย"
"ฤทัยปวดหัวค่ะ ปวดมากค่ะคุณลิตรขา หนังหัวเหมือนจะฉีกออกเป็นเสี่ยงๆ"
ฤทัยร้องคร่ำครวญอ้อนลิตรแบบจะตายเสียให้ได้
"เรื่องอะไรกัน อยู่ๆมาตบตีกันแบบนี้"
"ฤทัยก็ไม่รู้ ฤทัยเดินออกมาจากห้องก็เจอนังคนใช้นี่ดักตบเอาๆ ฤทัยไม่ได้ทำอะไรเลย"
"ตอแหล! นังคนนี้ ปากสกปรก มันด่าว่าทิพย์"
ฤทัยรีบสวน
"เธอนั่นแหละด่าฉัน ยัยนี่มันดูถูกฤทัยค่ะ ว่ามาขายตัวให้คุณมาทำตัวให้คุณปลดปล่อยของเสียถึงบ้าน...เหมือนชักโครก"
"ทิพย์! เธอกล้าดูถูกฉันอย่างงี้เหรอ"
"เอ่อ...ทิพย์ปล่าวนะคะ"
แต่ลิตรไม่ฟัง เงื้อมือตบหน้าทิพย์เต็มแรงอีกครั้ง
"อ๊าย!"
ทิพย์ล้มถลาลง เลือดกลบปากมึน ลิตรปรี่เข้าจะซ้ำ
"ฉันเกลียดที่สุด คนดูถูกฉัน โดยเฉพาะคนที่ฉันเก็บมาเลี้ยงอย่างเธอ"
"พ่อตีน้าทิพย์ทำไมคะ"
ลิตรชะงักเห็นนันทนัชวิ่งเข้ามาโอบกอดทิพย์ไว้ สายตาฤทัยมองจ้องมาที่นันทนัชอย่างแปลกใจ
"นั่นใครอีกคะ"
"เธอล่ะเป็นใคร" นันทนัชถาม
"หยุดนะยัยนัน! อย่าก้าวร้าวกับแขกของพ่อนะ"
"คุณพ่อไปหิ้วผู้หญิงคนนี้มาจากบาร์ไหนอีกล่ะคะ"
"ฉันบอกให้หยุด"
ลิตรเงื้อมือจะตบนันทนัชอีกคน แต่ยั้งมือไว้ไม่อยากตบตีลูก
นันทนัชเงยหน้ามอง
"ตบหนูให้ตายคามือไปเลยค่ะ"
"แกไปเลยนะ พาน้าทิพย์ของแกไปให้พ้นหน้าฉันเดี๋ยวนี้ ไป"
"เราไปกันเถอะค่ะน้าทิพย์"
นันทนัชประคองทิพย์ลุกเดินไป ทิพย์จำต้องไปไม่อยากทะเลาะให้นันทนัชรู้ความลับเรื่องมีอะไรกับลิตร แต่แอบชำเลืองมองมาที่ฤทัยอย่างแค้น ลิตรยืนหัวเสีย ฤทัยทำออเซาะเข้ามากอดโอบเอว
เรือนริษยา ตอนที่ 17 (ต่อ)
ภายในห้องนอน นันทนัชกำลังนั่งเช็ดเลือดให้ทิพย์
"เจ็บมากไหมคะน้า"
"นิดหน่อยค่ะ"
ปากบอกว่าไม่เป็นไร แต่ในสีหน้านิ่งๆนั้นแววตาแอบแค้น
"ทำไมพ่อเปลี่ยนไป ทำไมพ่อทำแบบนี้กับน้าต่อหน้าผู้หญิงคนนั้น ทั้งๆ ที่น้าดูแลรับใช้พ่อมา"
"คุณลิตรก็คงจะควงแค่ประเดี๋ยวประด๋าว พอเบื่อแล้วก็เลิกเหมือนผู้หญิงคนอื่นๆ"
ทิพย์ หัวใจเจ็บช้ำ ทุกวันนี้ตัวเองเป็นเหมือนเมียเก็บกะลาก้นครัว ลิตรกลับมามีนิสัยเดิมเรื่องผู้หญิงหลังจากรวยขึ้น
"เพราะอย่างงี้ใช่มั้ยคะ แม่ถึงต้องฆ่าตัวตาย"
ทิพย์ยื่นมือไปลูบไหล่นันทนัช ในความเมตตานั้นแอบแฝงความชั่วร้ายอยู่
"ไม่เอาค่ะ อย่าไปคิดอย่างนั้น ถึงแม่ไม่อยู่ น้าสัญญาจะดูแลคุณหนูให้ดีที่สุด"
"นันไม่เข้าใจพ่อ ทำไมพ่อไม่สนใจนัน ไม่เคยคุย ไม่เคยถามว่าหนูเป็นยังไงบ้าง พ่อลืมรึเปล่าว่ายังมีหนูอยู่ในบ้านนี้"
นันทนัชพูดเสร็จก็กอดซบตักทิพย์ร้องไห้ ทิพย์ลูบหัวช้าๆ สีหน้าแอบโกรธๆช้ำใจ เสียงในใจเธฮบอก
"ไม่ใช่แค่ลูกหรอก คุณลิตรก็ลืมไปแล้วว่ามีเมียคนนี้อยู่ในบ้านเหมือนกัน"
ลิตรเดินออกจากบ้านมา โดยมีฤทัยควงแขนแบบคลอเคลียไม่ห่าง
"คุณลิตรจะรีบไปไหนล่ะคะ"
"ผมจะไปทำงาน แต่ก่อนหน้านั้นผมจะไปส่งคุณ ถึงเวลาที่คุณจะต้องกลับแล้ว"
ฤทัยไม่พอใจ แต่ต้องกลบเกลื่อน
"แต่ว่า...ฤทัยยังไม่อยากกลับนี่คะ ขอฤทัยอยู่ที่นี่กับคุณไม่ได้เหรอคะ ฤทัยขาดคุณไม่ได้"
เธออ้อนเต็มที่เพื่อความสุขสบายของตัวเอง
"หมายความว่ายังไงที่คุณจะอยู่ที่นี่"
"ก็ให้ฤทัยอยู่ที่นี่ อยู่ดูแลปรนนิบัติคุณในฐานะเมียของคุณ"
"เมียฉันมีคนเดียวเท่านั้นคือ รำเพย"
ลิตรเสียงแข็งบอกถึงการที่ไม่เคยลืมรำเพยแม้จะใช้ชีวิตเสเพลเพียงใด
"แต่ว่า..."
"ไม่ต้องพูดอะไรทั้งนั้น การมานอนกับผมไม่ได้หมายความว่าคุณจะมาเป็นเมียผม คุณได้เป็นแค่คู่นอนเท่านั้น ยังไงคุณก็ต้องกลับ แต่ถ้าไม่กลับกับผม คุณก็ต้องกลับเอง"
ลิตรจับแขนของฤทัยแล้วเดินไปจากตรงนั้น เธอเหมือนตกสวรรค์
"คุณลิตรนะคุณลิตร คิดเหรอว่าฤทัยจะยอมให้คุณเห็นฤทัยเป็นแค่คู่นอนชั่วครั้งชั่วคราวเท่านั้น"
ฤทัยระบายอารมณ์ไม่พอใจแล้วจะเดินตามไป แต่ทิพย์ก็เอ่ยให้ต้องชะงัก
"เพียงแค่ข้ามคืน เธอก็หมดค่า หมดราคาในสายตาคุณลิตรแล้ว ช่างน่าเวทนาจริงๆ คงฝันสินะว่าคุณลิตรจะยกย่องแกเป็นเมีย ได้ยินเต็มสองหูแล้วสินะว่าเขาเห็นแกเป็นแค่คู่นอนชั่วครั้งชั่วคราว"
"ฉันไม่ยอมแพ้แค่นี้หรอก ยังไงฉันก็ต้องเข้ามาอยู่ในบ้านหลังนี้ในฐานะเมียคุณลิตรให้ได้"
ฤทัยประกาศก้องแล้วรีบเดินตามลิตรไป ทิพย์มองตามไปด้วยความสะใจ อย่างน้อยก็ดีใจที่ลิตรไมได้คิดยกย่องฤทัยแต่อย่างใด
ตอนเย็น ลิตรกลับมาจากโรงสี กระเป๋าใส่เอกสารที่ดิน ถูกวางลงที่โต๊ะ เขาถอดหมวก ทิ้งตัวลงนั่งเอนหลับตากับเก้าอี้ที่โต๊ะทำงาน
ทิพย์ค่อยๆเปิดประตูเข้ามาเงียบๆ เดินพร้อมถ้วยชา
"ชาร้อนๆ ค่ะ"
"ขอบใจ"
ทิพย์พยายามเอาอกเอาใจ เดินไปนวดคอบ่าไหล่ให้ หวังจะให้ผ่อนคลาย
"เหนื่อยมั้ยคะวันนี้ ทิพย์จะคลายเมื่อยให้ค่ะ"
ทิพย์นวดอย่างแผ่วเบา ทำให้ลิตรผ่อนคลาย ลิตรหยุดความรู้สึกผ่อนคลาย จับมือของทิพย์
"พอเถอะ ชั้นดีขึ้นแล้ว ทิพย์ไปพักเถอะ"
ทิพย์ลังเลเหมือนไม่อยากไป
"เดี๋ยวชั้นจะออกไปข้างนอก เธอไม่ต้องรอนะ"
ลิตรขยับตัวกำลังจะเดินออกจากห้อง
"เอ่อ...จะไปไหนคะ ไม่พักเหรอคะ เหนื่อยมาทั้งวัน"
ลิตรหยุดแล้วหันมามองนิ่งๆ เหมือนมีแววตาที่ซ่อนความโหดร้ายไว้อยู่
"ชั้นบอกให้เธอไปพัก"
ทิพย์ทำใจทำตาม
"ค่ะ"
ฤทัยเดินมาตามทางเดินเพื่อกลับบ้านเช่า หน้าตาเครียดเมื่อคิดถึงเรื่องที่ลิตรปฏิเสธจะให้เธอเข้าไปอยู่ในเรือนรัตนะ แม้จะมีแววตาของความท้อแท้อยู่บ้าง ทว่าเธอกลับมามุ่งมั่น ยังไงเธอก็ต้องถีบตัวจากสลัมนี้ไปให้ได้
เสียงร้องกระจองอแงของกนกกรกับรณฤทธิ์จากข้างในบ้านดังแทรกขึ้นมาให้ฤทัยต้องตกใจ
"ลูกแม่!"
ฤทัยรีบวิ่งเข้าไปในบ้านของตัวเอง เห็นผัวแมงดากำลังรัวมือตีลูกทั้งสองไม่ยั้งมือ
"หยุดตีลูกนะ"
ฤทัยเข้าไปห้ามผัวแมงดา ความโกรธที่เห็นลูกถูกตี ฤทัยจึงเหวี่ยงผัวแมงดาให้ล้มไปที่พื้น ได้แผล
"มึงทำให้กูเจ็บตัวอีฤทัย"
"แล้วพี่ตีลูกทำไม"
"ถ้ามึงไม่อยากให้กูตีลูก ถ้าอย่างนั้นมึงก็โดนเองแล้วกัน"
ผัวแมงดาระดมตบฤทัยซ้ายขวาอย่างอุตลุด ท่ามกลางเสียงร้องด้วยความเจ็บปวดของฤทัย และเสียงร้องของกนกกรและรณฤทธิ์ที่กระจองอแงประสานกับเสียงร้องของฤทัย
ฤทัยนั่งรออยู่หน้าเรือนรัตนะในสภาพหน้าตาบอบช้ำจากการโดนผัวแมงดาตบตีมา น้ำตาแห่งความเจ็บปวดเสียใจไหลออกมา
แสงไฟจากรถของลิตรจะสาดมาที่เธอ เสมือนแสงสว่างกำลังเข้ามาในชีวิตเธอแล้ว ฤทัยรีบเช็ดน้ำตาแห่งความอ่อนแอทิ้ง ขณะที่ลิตรก้าวลงจากรถมาก็เห็นคนนั่งอยู่หน้าบ้าน
"ฤทัย"
ฤทัยโผเข้ากอดลิตรแน่น ถึงเวลาต้องเล่นละครฉากใหญ่เพื่อความสุขสบายของตัวเอง ต้องบีบน้ำตาเป็นการด่วน
"คุณลิตรต้องช่วยฤทัยนะคะ ฤทัยไม่มีที่พึ่งที่ไหนแล้ว ฤทัยไม่รู้จะหันหน้าไปพึ่งใคร มีแต่คุณลิตรคนเดียวเท่านั้น"
"เกิดอะไรขึ้น บอกผมมาสิ"
ลิตรก็สังเกตเห็นใบหน้าที่บอบช้ำของฤทัย
"หน้าคุณไปโดนอะไรมา"
"คือว่า..."
"อย่าบอกนะว่าคุณโดนผู้ชายที่ไหนซ้อมมา หรือเขาเป็นสามีคุณ"
"เปล่าค่ะ ฤทัยไม่มีสามี"
"ถ้าไม่ใช่แล้วทำไมหน้าคุณมีสภาพแบบนี้ได้"
" คือว่า...ฤทัยค้างค่าเช่าบ้านมาหลายเดือน เจ้าของบ้านเลยส่งคนมาทวงหนี้ พอฤทัยไม่มีเงินให้ พวกมันก็ซ้อมฤทัย หน้าฤทัยถึงเป็นแบบนี้ คุณลิตรต้องช่วยฤทัยนะคะ เห็นใจฤทัยเถอะค่ะ"
"ช่วย"
"ก็ช่วย ด้วยการให้ฤทัยย้ายเข้ามาอยู่ในบ้านคุณลิตร ฤทัยไม่มีที่พึ่งที่ไหนแล้ว" ลิตร"เอ่อ..."
ลิตรพูดไม่ออก เจอการร้องขอแบบไม่ให้ทันตั้งตัว
"ขืนคุณลิตรไม่ช่วยฤทัย มีหวังฤทัยโดนพวกมันซ้อมจนตายแน่ ถือว่าช่วยลูกนกลูกกาอย่างฤทัยด้วยเถอะนะคะ หรือคุณอยากให้ฤทัยตาย"
" เอ่อ...ก็ได้"
คำตอบของลิตรทำให้ฤทัยดีใจ จนกระโดดตัวลอย
"จริงๆ นะคะ ขอบคุณคุณลิตรมากค่ะ ฟ้ามาโปรดฤทัยแล้ว พ่อพระของฤทัย ฤทัยดูคนไม่ผิดจริงๆ"
"แต่ต้องมีข้อแม้…"
"ข้อแม้อะไรคะ"
"ก็ที่ผมให้คุณย้ายเข้ามาอยู่กับผมในบ้านนี้ เพราะผมสงสารคุณ แต่ไม่ได้หมายความว่าเป็นการผูกมัดกัน ผมยังมีอิสระจะคบกับผู้หญิงคนไหนก็ได้ จำเอาไว้ว่าผมไม่ชอบผู้หญิงที่ตามหึงหวง ทำตัวเป็นเจ้าข้าวเจ้าของผม มันน่ารำคาญ"
ฤทัยฉลาดพอจะทำเป็นใจกว้าง แต่ต้องข่มความรู้สึกจริง ด้วยการยอมจำนนกับข้อเสนอ ดีกว่าอยู่ห้องเช่าแคบๆ และต้องถูกซ้อมจนตายเมื่อไรไม่รู้
"เรื่องแบบนี้ฤทัยเข้าใจค่ะ สัญญาว่าจะไม่ทำให้คุณรำคาญใจเลย"
"เข้าใจอะไรง่ายๆ แบบนี้ ผมชอบ จะได้อยู่กันยืด พรุ่งนี้คุณย้ายเข้ามาแล้วกัน"
ฤทัยพึงพอใจ อย่างน้อยก็สมหวังในการเข้ามาอยู่ในเรือนรัตนะ
ทิพย์ลุกขึ้นยืนด้วยสีหน้าโล่งใจ เมื่อเห็นลิตรเดินกลับเข้าบ้านมา
"ดึกแล้ว ทำไมยังไม่นอนอีกทิพย์"
"ทิพย์รอคุณลิตรอยู่ค่ะ"
"รอฉัน"
"ค่ะ ทิพย์เป็นห่วงคุณลิตรนี่คะ"
ลิตรเริ่มรำคาญ
"ฉันไม่ใช่เด็กแล้วนะที่เธอจะต้องมาห่วงใยตลอดเวลา ฉันจะไปไหนมาไหนมันก็เรื่องของฉัน นี่เธอคิดว่า เธอเป็นเมียฉันหรือไง"
"ก็..."
ลิตรชิงตอบก่อน
"ไม่ใช่ เธอไม่ใช่เมียฉัน"
ทิพย์ฟังด้วยความรู้สึกเจ็บแปลบในหัวใจ ลิตรไม่เคยมองเธอเป็นเมียเลย
"พอได้แล้ว ต่อไปไม่ต้องเป็นห่วงฉันให้มาก ฉันดูแลตัวเองได้ แล้วถ้าจะมีคนมาคอยดูแลฉันคนๆ นั้นก็คงจะเป็นฤทัย"
ทิพย์ตกใจ
"หมายความว่ายังไงคะ ผู้หญิงคนนั้นมาเกี่ยวอะไรด้วย"
"ตั้งแต่พรุ่งนี้ฤทัยจะย้ายเข้ามาอยู่ในเรือนรัตนะหลังนี้"
ทิพย์เสียงดังเพราะลืมตัว
"ไม่ได้นะคะ"
"ทำไมจะไม่ได้ เธอเป็นเจ้าของบ้านหรือไง ฉันต่างหากเป็นเจ้าของบ้าน ฉันมีสิทธิ์ตัดสินใจ และฉันก็ตัดสินใจไปแล้วให้เขาเข้ามาอยู่"
ทิพย์จำต้องตั้งสติ และหาทางคัดค้านโดยดึงนันทนัชเข้ามาเป็นตัวช่วย
"ทำไมคุณไม่นึกถึงใจคุณหนูนันบ้างว่าคุณหนูจะคิดยังไงกับการกระทำของตัวเอง อย่าเลยนะคะ ผู้หญิงคนนั้นไม่ได้รักคุณจริงหรอก"
"ยังไงฉันก็ตัดสินใจไปแล้ว อย่าขวางฉันให้ยาก"
ลิตรประกาศก้องแล้วเดินเข้าห้องนอนตัวเองไป ทิพย์ทรุดตัวกองกับพื้นในสภาพหมดเรี่ยวแรง น้ำตาไหลด้วยความเจ็บปวด เมื่อลิตรไม่เคยเห็นค่าในตัวของเธอ
เช้าตรู่วันใหม่ ฤทัยเดินเข้ามาในเรือนรัตนะ โดยมีกนกกรในวัย 12 ขวบ และรณฤทธิ์ วัย 11 ขวบเดินตามหลังมาด้วย ขณะที่ลิตรยืนรออยู่แล้ว ทิพย์กับนันทนัชวัย 8 ขวบเดินออกมายืนมองอยู่ที่มุมหนึ่งทางด้านใน สีหน้าโกรธ เจ็บ เสียใจทั้งคู่
ฤทัยเข้าไปกราบแทบอกลิตร
"ขอบคุณมากนะคะคุณลิตรที่เมตตาฤทัย ฤทัยจะไม่ลืมบุญคุณครั้งนี้"
"เอาเถอะ แต่อย่าลืมข้อแม้ที่บอกไปล่ะ"
"ค่ะ ฤทัยไม่ลืมแน่นอน"
กนกกรกับรณฤทธิ์ยืนตะลึงมองกับความใหญ่โตของบ้านอยู่ ลิตรแปลกใจที่เห็นเด็กสองคนที่มาพร้อมฤทัย
"เด็กสองคนนี่เป็นใคร อย่าบอกนะว่าเป็นลูกคุณ"
"เอ่อ...ไม่ใช่นะคะ "
"ถ้าอย่างนั้นเด็กสองคนนี่"
ฤทัยชิงตอบ
"คือว่า...เป็นหลานฤทัยเองค่ะ เป็นลูกของน้องสาวที่ฤทัยเอามาเลี้ยงแทนแม่ของเขา แต่ถึงจะเป็นหลาน แต่ฤทัยก็เลี้ยงและรักพวกเขาเหมือนลูก เด็กพวกนี้จึงเรียกฤทัยว่าแม่"
"อย่างนั้นเหรอ"
"ค่ะ อ้าวนี่ กิ๊บกับรณ ยืนเฉยอยู่อีก ยังไม่รีบขอบคุณพ่อลิตรซะ"
ฤทัยพูดพลางมองจิกกนกกรกับรณฤทธิ์ให้ทำดีๆหลังจากที่ตกลงกันไว้แล้ว ทั้ง 2เลยยกมือไหว้อย่างอ่อนน้อม
"ขอบคุณค่ะ - ขอบคุณครับพ่อลิตร"
แต่กนกกรทำเยอะ โผเข้ากอดแขนลิตร
"กิ๊บจะเป็นเด็กดี จะเชื่อฟังพ่อลิตรนะคะ จะไม่ทำให้พ่อลิตรต้องกลุ้มใจเพราะหนูเลย กิ๊บสัญญาค่ะ"
ลิตรยิ้มน้อยๆ ยกมือจับหัวกนกกรเบาๆอย่างเอ็นดู
นันทนัช สุดแสนเสียใจส่ายหน้า
"พ่อไม่เคยทำกับนันแบบนั้นเลย ... ไม่เคย..."
น้ำตานันทนัชไหลเผาะเดินไปอีกทาง ลิตรพาทุกคนเดินขึ้นบ้านไป ทิพย์มองตามฤทัยอย่างแค้น
นันทนัชเดินหนีออกมาคุกเข่าอยู่ที่ต้นรำเพย ร้องไห้ เสียใจ รู้สึกอ้างว้าง เหมือนกำลังสูญเสียความรักไป
"แม่ทิ้งนันกับพ่อแบบนี้ได้ยังไง ทำไมไม่พาหนูไปอยู่กับแม่ หนูไม่อยากอยู่บ้านนี้แล้ว"
นันทนัชร้องไห้ ทิพย์เดินเข้ามาโอบไว้
"คุณหนูต้องอยู่บ้านนี้ค่ะ อยู่เพื่อเราจะรักษาสมบัติของคุณพ่อคุณแม่ไว้ อย่าให้ใครหน้าไหนมาแย่งชิงเอาไป แม้แต่ความรัก"
นันทนัชโผมาหาทิพย์
"หนูรักน้าค่ะ หนูไม่มีใครแล้วนอกจากน้า น้าทิพย์อย่าทิ้งหนูนะคะ"
"น้าจะไม่มีวันทิ้งคุณหนู เราสองคนจะอยู่สู้กับมัน คุณหนูต้องสู้ ต้องแย่งคุณพ่อคืนมาจากพวกมันให้ได้"
"ทำไมหนูต้องแย่งคะ ในเมื่อพ่อเป็นพ่อของหนู หรือว่า พ่อรักผู้หญิงคนอื่นมากกว่าลูกของตัวเอง"
"คุณพ่อไม่ได้รัก แต่คงกำลังหลง ผู้หญิงคนนั้นก็ไม่ได้รักคุณพ่อจริงๆหรอกค่ะ แต่มันทำทุกอย่างเพื่อจะได้เขามาอยู่ในบ้านหลังนี้ แล้ววันนึงมันคงจะทำทุกอย่างเพื่อต้องการจะครอบครองที่นี่"
ทิพย์จับตัวนันทนัชให้ประจันหน้า
"สัญญานะคะ ว่าเราจะสู้ด้วยกัน"
เธอถูกเสี้ยมก็เกลียดพวกฤทัยกับลูกทันที ตั้งแต่วันนั้น
จบตอนที่ 17