รอยรักหักเหลี่ยมตะวัน ตอนที่ 8
ทุ่งดอกดาวเรืองสีเหลืองอร่ามสุดลูกหูลูกตา ทาเคชิกับแพรวดาวเดินกุมมือกันชื่นชมทุ่งดอกดาวเรืองอย่างมีความสุข
“ในที่สุด...ผมก็ได้ใช้ชีวิตสงบสุข อยู่กับคนที่ผมรัก”
“ฉันดีใจที่มีคุณอยู่เคียงข้างฉันค่ะ… อะนะตะ”
“คิมิ...ที่รักของผม”
ทาเคชิกับแพรวดาวสบตากัน ยิ้มหวาน
“ทาเคชิ...” เสียงของอิจิโร่ดังแว่วมา
“พ่อ...”
ทาเคชิหันมองไปรอบ ๆ ทุ่งดอกดาวเรือง ไม่ปรากฏร่างอิจิโร่ หันกลับมาอีกที ก็ไม่เจอแพรวดาวแล้ว
“เซโกะ”
“ทาเคชิ...ช่วยพ่อด้วย”
ทาเคชิชะงัก หันขวับไปมอง ตกใจเมื่อเห็นร่างอิจิโร่ชุ่มโชกไปด้วยเลือด ยืนอยู่ไม่ห่างกันนัก อิจิโร่หน้าตาและท่าทางแสดงออกถึงความทรมานเป็นอย่างมาก
“แกต้องเป็นโซเรียว...แกต้องสืบทอดหน้าที่ปกป้องเมืองนี้ จากอันธพาลชั่ว”
ทาเคชิจะขยับเข้าไปช่วยอิจิโร่ แต่ต้องชะงักด้วยความตกใจ ร่างอิจิโร่เปลี่ยนไป กลายเป็นแพรวดาวร้องไห้ น้ำตานองหน้า
“ทาเคชิ...อย่าทิ้งฉันนะคะ”
“เซโกะ” ทาเคชิงง สับสน “นี่มันอะไรกัน”
ร่างแพรวดาวเปลี่ยนกลับมาเป็นอิจิโร่ที่ชุ่มโชกเลือดท่าทางทรมานแล้วเปลี่ยนกลับมาเป็นแพรวดาวที่ร้องไห้ด้วยความเสียใจ สร้างความสับสนให้กับทาเคชิ
“แกจะทิ้งหน้าที่เพื่อผู้หญิงคนเดียวไม่ได้นะทาเคชิ”
“ฉันรักคุณ...เราจะอยู่ด้วยกันตลอดไป” แพรวดาวร้องบอก
“คุ้มครองเมืองนี้...ด้วยเกียรติของโอะนิซึกะ”
ทาเคชิเต็มไปด้วยความงุนงง เอามือจับศีรษะอย่างปวดหัว ร้องลั่นกับภาพที่เห็นตรงหน้า
“อ๊าก”
ห้องพักฟื้นทาเคชิเช้าวันใหม่...ทาเคชิที่นอนอยู่บนเตียง กระตุกเฮือก แพรวดาวฟุบหลับอยู่ข้างเตียง สะดุ้งตื่นขึ้นมาอย่างรู้สึกได้ รีบมองเขาด้วยความดีใจ
“ทาเคชิ...คุณฟื้นแล้ว”
แพรวดาวลูบตัวทาเคชิด้วยความตื่นเต้น
“ฉันอยู่ตรงนี้ค่ะทาเคชิ”
แพรวดาวเขย่าตัวทาเคชิ เริ่มใจคอไม่ดี เพราะเขายังคงนอนนิ่งไม่ขยับเขยื้อน
“ฉันรู้ว่าคุณได้ยินเสียงฉัน...คุณแค่นอนหลับ...ลืมตาสิคะทาเคชิ ตื่นขึ้นมามองฉัน...”
แพรวดาว เห็นทาเคชิยังคงนอนนิ่งไม่รู้สึกตัว ไม่มีการตอบสนอง เธอใจเสียหน้าสลดลง
“คุณสัญญาจะดูแลฉัน...แล้วทำไมถึงทิ้งฉันไว้คนเดียว...”
แพรวดาวกุมมือทาเคชิบีบแน่น แต่เขายังคงนอนนิ่งไม่รับรู้
“กลับมานะทาเคชิ กลับมาหาคิมิ...ที่รักของคุณนะคะ”
แพรวดาวเสียงเครือน้ำตาคลอด้วยความเศร้า เสียใจ เธอทรุดลงปล่อยโฮข้างทาเคชิ กอดร่างที่ยังไม่ได้สติอย่างปวดร้าวและทรมานใจมาก
คลังรถไฟโอะนิซึกะ...ตำรวจจัดการเอาผ้าห่อร่างไร้วิญญาณของคนร้ายที่ถูกยิงกลางหน้าผาก และถูกเผาจนเกรียม แต่ยังคงเป็นเค้าโครงของใบหน้าอยู่บ้าง โอะซะมุ มองสภาพศพคนร้ายด้วยสีหน้าเคร่งเครียด ฮิโระ อาเบะเข้ามาบอก
“คุณริวมาถึงแล้วครับ”
โอะซะมุหันมองตามฮิโระ อาเบะ เห็น ริว โคจิ มาซาโตะ คาซูมะ รีบปรี่เข้ามาด้วยสีหน้าท่าทางตกใจ
“คนร้ายอยู่ไหน”
ริวชะงักเล็กน้อยเมื่อเห็นศพคนร้าย ฮิโระ อาเบะ เอาผ้าขาวคลุมปิดศพไว้ แล้วให้ตำรวจลูกน้องยกศพออกไป
“คนร้ายถูกยิง...เผาอำพรางศพในเขตโอะนิซึกะ” โอะซะมุบอกเสียงเครียด
มาซาโตะคิดๆ
“มันต้องการเบี่ยงประเด็น ทำให้ตำรวจคิดว่าโอะนิซึกะหักหลังกันเอง”
“ถ้าเป็นฝีมือของโอะนิซึกะ เราคงไม่เสี่ยงทิ้งศพไว้ให้ตำรวจตามมาเจอ” คาซูมะพูดขึ้น
ฮิโระ อาเบะอธิบาย
“ถึงเราจะเจอศพในเขตโอะนิซึกะ แต่เราก็ยังไม่ได้สรุปว่าเป็นฝีมือของใคร”
โคจิมองตามศพที่ถูกยกขึ้นไปไว้ท้ายรถตำรวจ โคจินึกถึงเหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้น เวลานั้น...โอะซะมุเปิดผ้าคลุมสีขาวของร่างทั้งสอง เผยให้เห็นว่าเป็นศพของโกะโร่กับซูจิ พวกทาเคชิตกใจที่เห็นศพทั้งสอง...โคจินึกขึ้นได้
“จัดฉาก...เหมือนศพของโกะโร่ ซูจิ”
“คนที่อยู่เบื้องหลังการตายของคนร้ายรายนี้ ต้องเป็นคนวางแผนลอบฆ่าคุณลุงอิจิโร่และครอบครัวแน่” ริวมั่นใจ
โอะซะมุหน้าเครียด
“ผมก็คิดอย่างนั้น...ขาดแค่หลักฐานที่ยังไม่ชัดเจน”
มาซาโตะเหนื่อยใจ
“กว่ากฎหมายจะหาหลักฐานเอาผิดใครได้ คงมีคนตายอีกนับไม่ถ้วน”
“ความศักดิ์สิทธิ์ของกฎหมาย อยู่ที่เราให้ความเคารพกฎหมาย” โอะซะมุพูดเรียบนิ่ง
ริวแววตามุ่งมั่น
“กฎหมายช้าเกินไป เมืองนี้ถึงต้องพึ่งวิถีนักรบซามุไร จัดการอิทธิพลชั่ว เพื่อความสงบสุขและความถูกต้อง”
“ถ้าทุกคนไม่เคารพกฎหมาย แล้วจะมีกฎหมายไว้เพื่ออะไร ต่อไปสังคมจะอยู่ร่วมกันยังไง”โอะซะมุขัด
โคจิรีบแทรกขึ้น เมื่อเห็นริวกับโอะซะมุเริ่มไม่ยอมกัน
“ท่านโอะซะมุต้องการหลักฐานอะไรบ้าง พวกเรายินดีให้ความร่วมมือเต็มที่”
ริวชะงักด้วยสีหน้าไม่พอใจ โคจิมองริวด้วยแววตาสุขุมลุ่มลึกมากกว่า ริวจำต้องยอมเงียบลง
“ต้องขอสอบปากคำคนของโอะนิซึกะทุกคน...รวมทั้งคุณริวด้วย” โอะซะมุมองริว
“ผมเต็มใจช่วย...ถ้ามันจะทำให้ตำรวจตามจับตัวคนบงการได้เร็วขึ้น เพื่อปิดคดีนี้ซะที”
ริวกับโอะซะมุจ้องหน้ากัน สายตาดุเดือด ไม่ยอมกัน
ริมทางรถไฟ...ริวตบตู้คอนเทนเนอร์โครมอย่างหงุดหงิดมาก มาซาโตะปราม
“ใจเย็นๆ หน่อยสิ”
“ผมพยายามแล้ว...แต่มันทนไม่ไหวจริงๆ ทาเคชิเป็นญาติคนเดียวที่ผมเหลืออยู่ ตำรวจมัวแต่ช้า...หาหลักฐานเอาผิดใครไม่ได้”
“ท่านโอะซะมุทำดีที่สุดแล้ว ถ้าเราไม่เชื่อถือตำรวจแบบท่าน เราคงเชื่อถือใครไม่ได้อีกแล้ว” คาซูมะน้ำเสียงจริงจัง
ริวกดดันมาก หน้าเครียด โคจิเดินไปแตะไหล่
“โกรธไปก็ไม่ช่วยให้อะไรดีขึ้น...มีแต่จะขาดสติ ทุกอย่างจะแย่ลง”
ริวนิ่งพยายามสงบสติอารมณ์ตามคำพูดของโคจิ
“การพยายามมองหาอะไรจากความมืด...อาจทำให้เรามองไม่เห็นอะไรเลย”
“ต้องรอจนกว่าโอะนิซึกะไม่เหลือใครแล้วใช่มั้ย”
“คงอีกไม่นาน...อาสังหรณ์ใจว่าคนร้ายใกล้ตัวเราเข้ามาทุกที”
โคจิหวาดหวั่นและกังวลใจ
ระเบียงริมสวนบ้านมิซาว่ายามค่ำคืน...ริกิยืนอยู่ตรงระเบียง หันขวับมาถามซาโตชิด้วยสายตาดุ
“เอาศพมือปืนนั่นไปโยนไว้ในถิ่นโอะนิซึกะทำไม”
“ผมอยากให้ตำรวจคิดว่าเป็นการล้างแค้นกันเองของพวกโอะนิซึกะ”
“สิ้นคิด”
ริกิตวาดลั่น ซาโตชิหน้าเสีย
“ศพของไอ้โกะโร่ ซุจิ เคยถูกโยนทิ้งที่นั่น แค่นี้ตำรวจก็รู้แล้วว่าเป็นการจัดฉาก”
“ผมมั่นใจว่าไม่มีใครรู้จักมือปืนที่ผมจ้างมา ตำรวจคงพุ่งเป้าไปที่พวกซะโต้ ของไอ้เคนอิจิ คู่แค้นเก่าของโอะนิซึกะ”
ริกิมองซาโตชิอย่างเหนื่อยใจ
“แกเป็นลูกชายโอคะมิซัง หวังจะให้สืบทอดตำแหน่งโซเรียวต่อจากฉัน แต่แกไม่เคยทำให้ภูมิใจ สร้างปัญหาให้ฉันตลอด”
ซาโตชิขรึมขึ้น หน้าเริ่มไม่พอใจ
“ถ้าแกยังทำตัวไม่ได้เรื่องแบบนี้ แผนที่มิซาว่าจะยิ่งใหญ่เหนือโอะนิซึกะ จะไม่มีวันสำเร็จ”
“ในเมื่อผมมันแย่มากในสายตาพ่อ ก็ยกตำแหน่งโซเรียวให้ลูกชายที่เกิดจากโอคุซัง เมียรองของพ่อไปเลยสิ”
“ไอ้ซาโตชิ”
ริกิตบหน้าซาโตชิฉาดใหญ่ ซาโตชิจับแก้ม ไอโกะเปิดประตูเข้ามาพอดี ถึงกับผงะตกใจ เมื่อเห็นริกิกับซาโตชิกำลังทะเลาะกันอยู่ ริกิรีบปรับสีหน้าให้เป็นปกติ เพราะไม่อยากให้ไอโกะรู้เรื่องที่คุยกัน แต่ซาโตชิยังคงหน้าบึ้ง นิ่ง ๆ ริกิหันไปถามไอโกะ
“มีอะไร”
ไอโกะจ้องริกิกับซาโตชิ ท่าทางเอาเรื่อง
โถงบ้านมิซาว่า...ไอโกะโวยวายริกิด้วยความไม่พอใจ
“ทำไมพ่อไม่บอกไอโกะว่าทาเคชิถูกยิง”
ริกิสบตาซาโตชิแวบหนึ่ง ก่อนหันไปอธิบายกับไอโกะด้วยท่าทีใจเย็น
“ไม่อยากให้ตกใจ”
“รู้เรื่องทาเคชิหลังคนอื่น ไม่น่าตกใจกว่าเหรอ”
ซาโตชิแทรกขึ้น
“จะรู้เร็วหรือช้า เธอก็ช่วยอะไรมันไม่ได้”
ไอโกะหันขวับจ้องซาโตชิอย่างไม่พอใจ เหน็บอย่างรู้ทัน
“พี่ซาโตชิอยากให้ทาเคชิตาย เพราะไม่อยากให้มีคนเก่งกว่าพี่”
“ไอโกะ”
ซาโตชิตวาดไอโกะเสียงดัง อารมณ์กรุ่น ๆ เมื่อครู่กลับขึ้นมาอีกครั้ง ริกิรีบตัดบท ไม่อยากให้ลูกทะเลาะกัน
“มีกันอยู่สองคนพี่น้อง จะทะเลาะกันด้วยเรื่องไร้สาระทำไม”
“ทาเคชิสำคัญกับไอโกะ ไม่ใช่เรื่องไร้สาระ”
“เห็นคนอื่นดีกว่าคนในครอบครัว” ซาโตชิสวน
“อีกไม่นานทาเคชิก็จะเป็นครอบครัวเดียวกับไอโกะ” ไอโกะเชิดใส่ซาโตชิ หันไปบอกริกิ “ไอโกะจะไปเยี่ยมทาเคชิที่โรงพยาบาล”
“ยังไม่ฟื้น โอะนิซึกะสั่งห้ามคนนอกเยี่ยม” ริกิเล่า
“ไอโกะไม่ใช่คนนอก” ไอโกะโวย
“ช่วงนี้งานพ่อกำลังยุ่ง รอว่างแล้วค่อยไปพร้อมกัน”
“แต่พ่อคะ...”
“อยากไปให้เขาไล่กลับมาก็ตามใจ จะได้อายคนทั้งเมือง”
ซาโตชิหัวเราะเย้ยหยัน ไอโกะแผดเสียงใส่เมื่อถูกขัดใจ
“ไอ้พี่บ้า...อ๊าย”
ไอโกะกระแทกเท้าเดินออกไปด้วยความโมโห ริกิมองไอโกะกับซาโตชิ เหนื่อยใจกับลูกทั้งสองคน
ริกิทรุดนั่งลงบนเก้าอี้ทำงาน หน้าและท่าทางเหนื่อยล้า เสียงเคาะประตูดังขึ้น จูโร่เปิดประตูเข้ามา ก้มศีรษะเคารพ ริกิหน้าเคร่งขรึม สั่ง
“จับตาดูซาโตชิกับไอโกะไว้ ถ้าสองคนนั้นคิดทำอะไรนอกเหนือคำสั่ง จะออกจากบ้าน...ให้รีบมารายงานฉันทันที”
“โซเรียวไม่ไว้ใจคุณหนูไอโกะกับคุณซาโตชิหรือครับ”
“ความใจร้อนของสองคนนั่นคือจุดอ่อน ฉันไม่อยากให้พวกเขาก่อเรื่องจนเสียแผน”
ริกิหันมองรูปที่ถ่ายคู่กับอิจิโร่ สายตาเต็มไปด้วยความแค้นที่รอเวลาชำระ
ห้องพักฟื้นทาเคชิวันใหม่...แพรวดาวหวีผมให้ทาเคชิด้วยสีหน้ามีความสุข
“ฉันเช็ดตัวและเปลี่ยนเสื้อผ้าให้คุณใหม่แล้ว คุณจะได้สดชื่นหายป่วยเร็ว ๆ”
แพรวดาววางหวีไว้ข้างเตียง แล้วหันมาจัดเสื้อผ้าทาเคชิให้เข้าที่
“ถึงฉันจะช่วยคุณแต่งตัวไม่เก่งเหมือน คัตสึ เซกิ ก็อย่าเพิ่งดุนะคะ”
แพรวดาวยังคงยิ้มหวาน ชำเลืองมองภาพวาดสีน้ำดอกซากุระสวยงามตรงหัวเตียง
“ฉันให้คัตสึหารูปดอกซากุระที่คุณชอบมาให้ คุณลืมตามาดูดอกซากุระสิคะ”
แพรวดาวมองตรงไปยังรูปภาพสีน้ำมันดอกซากุระ
“ซากุระจะร่วงพร้อมกันหมดทั้งต้น เป็นสัญลักษณ์ของเลือดนักรบ...คุณต้องฟื้นขึ้นมา ฤดูร้อนปีหน้าเราจะไปยืนดูดอกซากุระร่วงทั้งต้นด้วยกันนะคะ”
แพรวดาวดึงผ้าห่มเลื่อนขึ้นมาห่มให้ทาเคชิ เขายังคงนอนหลับนิ่ง ไม่รู้สึกตัว ไม่รับรู้อะไร แพรวดาวนิ่งมองความรู้สึกเจ็บปวดเสียดแทงใจ...สักพัก เธอเริ่มหน้าเศร้าสลด ทรุดนั่งลงข้างๆเขาอย่างคนหมดแรงอีกครั้ง
“ทาเคชิ...ฟื้นซะทีสิ ฉันรอคุณอยู่นะคะ”
แพรวดาวกุมมือทาเคชิ บีบแน่นจนมือเธอเริ่มสั่น สุดท้าย ก็กลั้นสะอื้นไว้ไม่อยู่ ร้องไห้โฮด้วยความทุกข์ใจ
ริวกับมายูมิยืนนิ่งมองแพรวดาวผ่านกระจกตรงประตูห้องอยู่เงียบ ๆ ด้วยความเป็นห่วงภายในจิตใจของทั้งคู่ก็รู้สึกเศร้าไปด้วย มายูมิสงสารแพรวดาวมาก ทนมองอีกต่อไปไม่ไหว จึงหันหลังเดินออกไป ริวหันมองตาม
“มายูมิ...”
ริวรีบตามไป
มายูมิยืนอยู่ในสวนสวยบริเวณโรงพยาบาล หน้าเศร้า หดหู่ใจ อยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่ง ริวเดินเข้ามาหาด้วยความเป็นห่วง
“ไม่สบายใจเหรอ”
“ฉันสงสารพี่เซโกะ แต่ไม่รู้จะปลอบเธอยังไง”
“แค่รอยยิ้มที่เต็มไปด้วยกำลังใจ ก็ทำให้คนอ่อนแรงลุกขึ้นได้แล้ว”
“มีบางคน...ต้องการรวบรวมความเข้มแข็งกลับคืนมาด้วยตัวเอง”
“โอคุซังเป็นอย่างที่คุณคิด”
“หลังจากรู้ว่าพี่เซโกะผ่านเรื่องร้ายมาหลายครั้งเพราะการช่วยเหลือของโซเรียว ฉันมั่นใจว่าพี่เซโกะเข้มแข็งขึ้น และจะผ่านเรื่องร้ายๆ ครั้งนี้ไปได้ด้วยตัวเอง”
“อะไรทำให้คุณมั่นใจ”
มายูมิหันมาสบตาริว ชะงักเล็กน้อย เผลอพูดออกมาอย่างลืมตัว
“ความรัก...”
“รัก...”
ริวสบตามายูมิ นิ่งงัน ราวกับตกอยู่ในภวังค์เช่นกัน ลมพัดผ่านมาวูบหนึ่ง จนใบไม้แห้งปลิวผ่านเพราะแรงลม ทำให้มายูมิรู้สึกตัว รีบแก้ตัวกลบเกลื่อนความรู้สึกที่ซุกซ่อนไว้ภายใน
“ความรักที่พี่เซโกะมีต่อโซเรียว...จะปลุกหัวใจของคนรักให้ตื่นและฟื้นขึ้นมาอีกครั้ง”
“ถ้าผมนอนไม่ได้สติเหมือนโซเรียว คุณจะดูแลผมเหมือนโอคุซังไหม”
มายูมิอ้ำอึ้ง ไม่กล้าตอบตามเสียงหัวใจตัวเอง ริวถามเอง ก็สับสนเอง จู่ ๆ ก็แกล้งขำเปลี่ยนเรื่อง
“ป่านนี้ว่าที่พ่อตาคงคิดว่าผมฉุดลูกสาวไปแยกอะไหล่ขายแล้ว รีบกลับบ้านก่อนผมจะโดนแพ่นกบาลเถอะ”
“ตาบ้า...คนนะไม่ใช่เครื่องจักร”
ริวทำเนียนหัวเราะ แล้วเดินนำไป มายูมิมองค้อนตามริว ก่อนหน้าสลดลง เหมือนมีเรื่องให้ฉุกคิด
ริวขับรถมาจอดหน้าบ้านมายูมิ หันมาเห็นมายูมิที่สีหน้าดูกำลังครุ่นคิด
“เป็นอะไรไป เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่เลย”
มายูมินิ่งสักพัก จึงตัดสินใจถามตรง ๆ
“คุณแน่ใจเหรอคะว่าจะแต่งงานกับฉัน”
ริวอึ้งไปเล็กน้อย มายูมิจ้องเขม็ง รอคำตอบของเขา ริวเริ่มอ้ำอึ้งพูดอะไรไม่ออก เริ่มสับสน ปากแข็ง
“ผมต้องรักษาสัญญาของโอะนิซึกะ ต้องรักษาเกียรติที่คุณลุงอิจิโร่ให้ไว้กับคุณพ่อคุณ”
“หมายความว่า...การแต่งงานของเราจะเกิดขึ้น เพราะสัญญา”
“เอ้อ...” ริวอึกอัก
“ถ้าวันนั้นมาถึงจริง...เราคงต้องทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุด” มายูมิเสียใจเสียงเครือ “ขอบคุณที่มาส่งนะคะ”
ริวกำลังจะเอ่ยปากพูดต่อ แต่มายูมิรีบเปิดประตูรถ แล้วเดินลงจากรถไปทันที มายูมิรีบเดินห่างออกมาจากรถเขาให้เร็วที่สุด ก่อนที่จะสะกดกลั้นน้ำตาแห่งความเจ็บปวดเอาไว้ไม่อยู่ ริวนั่งนิ่งอยู่ในรถ สับสนกับความรู้สึกของตัวเองเช่นกัน
มายูมิเข้ามาในบ้าน พบฮิโระกับทามาโกะรออยู่
“อาการโอะนิซึกะโซเรียวเป็นยังไงบ้างลูก” ฮิโระเอ่ยถาม
“ยังไม่ฟื้นค่ะ หนูขอตัวนะคะ”
“มายูมิ อ้าว...” ทามาโกะแปลกใจ
มายูมิรีบหนีขึ้นห้องไป โดยไม่สนใจเสียงเรียกของแม่ ทามาโกะกับฮิโระ มองหน้ากัน งง ๆ
ยูมิเปิดผ้าม่านหน้าต่างห้องนอน มองออกไปไม่เห็นรถริวอยู่หน้าบ้านแล้ว เธอหน้าเศร้า แล้วนึกถึงเรื่องราวที่ผ่านมากับริว...นึกถึงตอนที่เธอกับเขาต่อสู้กันในสวนสวยของโรงแรม...แล้วนึกถึงตอนที่ เธอแกล้งเอาขนมโมจิแปะหน้าเขาในงานแต่งงาน...เมื่อนึกถึงเหตุการณ์ที่ผ่านมาเธอบอกตัวเองเศร้าๆ
“จนมาถึงวันนี้...ฉันยังไม่รู้จักตัวตนที่แท้จริงของคุณเลย ริว...คุณรู้สึกยังไงกับฉันกันแน่”
ริวจอดรถซุ่มอยู่บริเวณริมรั้วบ้านทากาฮาชิอีกมุม เขาทอดสายตามองเข้าไปในบ้านมายูมิ อย่างอาลัยอาวรณ์ เขาทอดถอนใจ สับสน ก่อนขับรถออกไป
เคนอิจิอยู่ในห้องทำงานหัวเราะร่าด้วยความสะใจ เมื่อรู้ข่าวทาเคชิยังไม่ฟื้น
“ไอ้ทาเคชิเป็นเจ้าชายนิทรา โอะนิซึกะถึงเวลาหายนะ”
“ยังมีไอ้ริวอีกคนนะครับนาย” ยามะขัดขึ้น
“แค่ไอ้เพลย์บอยจอมกะล่อนคนเดียว จะเด็ดหัวทิ้งเมื่อไหร่ก็ได้”
ชินอิจิเข้ามาในห้อง สีหน้าเจื่อน ๆ โค้งตัวเคารพเคนอิจิ ก่อนรายงาน
“ได้ตัวผู้หญิงที่หนีออกไปจากซ่องกลับมาคนเดียวครับ อีกคนโดนไอ้โยชิฆ่าตายไปแล้ว”
“แกว่าไงนะ”
รอยรักหักเหลี่ยมตะวัน ตอนที่ 8 (ต่อ)
เคนอิจิเงื้อหมัดชกหน้าชินอิจิเปรี้ยง จนล้มคว่ำไปกองกับพื้น เคนอิจิปรี่เข้าไปกระชากคอเสื้อชินอิจิ โมโห เดือดดาลมาก
“รู้มั้ยว่าผู้หญิงของฉันราคาเท่าไหร่ ปล่อยให้ไอ้โยชิลูกน้องแกฆ่าทิ้ง ทั้งที่ยังใช้ไม่คุ้ม ฉันก็เจ๊งกันพอดี”
“มันจวนตัวจริง ๆ ครับนาย นังนั่นกำลังจะไปแจ้งความ โยชิมันกลัวว่าเรื่องถึงตำรวจแล้วนายจะเดือดร้อน”
“เรื่องง่าย ๆ แค่นี้ยังจัดการไม่ได้ เลี้ยงเสียข้าวสุก”
เคนอิจิต่อยชินอิจิอีกเปรี้ยงจนหน้าหงาย กระหน่ำเตะทั้งที่ชินอิจิยังกองอยู่กับพื้นอย่างบันดาลโทสะ
“สมองมีไว้คิด ไอ้โง่ โง่ โง่”
ยามะกับโคเฮ สบตากัน กลืนน้ำลายฝืดคอ หวั่นเกรงอารมณ์ร้ายของเจ้านาย ชินอิจิพยายามยันกายลุกขึ้นอย่างทุลักทุเล เลือดไหลซึมมุมปาก เขาพยายามก้มศีรษะขอโทษ
“ผมขอโทษครับนาย”
“ไสหัวไปไกล ๆ ฉันไม่อยากเห็นหน้าแก”
เคนอิจิผลักชินอิจิถลาไปติดประตู ตะเพิดไล่เสียงดัง ชินอิจิเก็บกด เริ่มไม่พอใจเคนอิจิมากขึ้น รีบลุกออกไป
ในร้านซูชิเล็ก ๆ...ชินอิจิกระแทกตัวนั่งตรงโต๊ะมุมสงบในร้านอย่างอารมณ์เสีย ทั้งเจ็บและแค้นเคนอิจิมาก เจ้าของร้านเข้ามาโค้งตัวต้อนรับชะงักเล็กน้อยเมื่อเห็นใบหน้าบวมช้ำ และสภาพสะบักสะบอมของเขา
“สาเกร้อน...” ชินอิจิสั่งเสียงดุ
เจ้าของร้านรีบก้มศีรษะรับคำ แล้วรีบเลี่ยงไปอย่างกลัว ๆ โคจิเข้ามานั่งร่วมโต๊ะกับชินอิจิ เก้าอี้ฝั่งตรงข้าม โดยไม่ได้รับเชิญ ชินอิจิเงยหน้าขึ้นมาเจอโคจิ ขยับตัวเล็กน้อยอย่างเตรียมพร้อมถ้ามีเรื่องกัน
“ฉันมาดี”
โคจิพูดกับชินอิจิ สีหน้าเรียบนิ่ง เจ้าของร้านเอาสาเกเข้ามาเสิร์ฟ กำลังจะรินสาเกให้ แต่โคจิโบกมือไล่ เจ้าของร้านจึงรีบเลี่ยงไป โคจิรินสาเกใส่ถ้วยสาเก 2 ถ้วย แล้วยกสาเกถ้วยหนึ่งวางให้ชินอิจิตรงหน้า ชินอิจิมองถ้วยสาเกด้วยสายตาระแวง โคจิรู้ทัน
“กลัวยาพิษ...โอะนิซึกะไม่เคยใช้วิธีสกปรก วิถีนักรบต้องสู้กันซึ่ง ๆ หน้า”
“ต้องการอะไร”
“แค่แลกเปลี่ยนทัศนคติ”
“อะไร”
“นายที่ดีกับนายเลว ๆ ต่างกันตรงหัวใจที่เปี่ยมเมตตา เกียรติที่ลูกน้องของโอะนิซึกะได้รับ...มาจากผู้นำที่มีคุณธรรม”
โคจิยกถ้วยสาเกของตัวเองขึ้นดื่มจนหมด แล้ววางถ้วยเปล่าลง
“ฉันเลี้ยง”
โคจิวางเงินบนโต๊ะ
“ที่เหลือ...ถือเป็นการช่วยค่าทำแผล”
โคจิลุกออกไปด้วยท่าทางนิ่ง ขรึม ชินอิจิมองเงินบนโต๊ะ เครียด ไม่เข้าใจว่าโคจิต้องการอะไรกันแน่
ในสวนสวยบ้านโอะนิซึกะ...ริวครุ่นคิดตาม ขณะฟังโคจิรายงาน
“ไอ้ชินอิจิมันอึ้ง เมื่อเราพูดถึงความเลวของเคนอิจิที่กระทำต่อลูกน้อง แต่มันพยายามเก็บอาการไว้”
“สมกับเป็นมือดีของเคนอิจิ”
“สำหรับซะโต้...มีฝีมือแค่ไหน ถ้าทำงานพลาดก็ไม่ต่างอะไรกับสุนัข”
“ความเจ็บแค้นที่ชินอิจิมีต่อเคนอิจิจะมีประโยชน์กับเราในอนาคต...”
ริวกับโคจิสบตากัน มีแผนบางอย่างในใจ
ทาโร่เปิดประตูเดินเข้ามาในห้องพักฟื้นทาเคชิอย่างเงียบเชียบ เห็นแพรวดาวนั่งฟุบหลับอยู่ข้างเตียง มือของเธอกุมมือข้างหนึ่งของทาเคชิไว้ ไม่ยอมปล่อยแม้ยามหลับ ทาโร่เฝ้ามองแพรวดาวด้วยความเป็นห่วง ก่อนหยิบผ้าห่มผืนหนึ่งที่ปลายเตียงมาคลุมห่มให้อย่างแผ่วเบา แพรวดาวละเมอ
“ทาเคชิ...”
ทาโร่ชะงักนิดหนึ่ง หยุดฟังว่าเธอจะพูดอะไร
“กลับมาหาฉันนะทาเคชิ...กลับมา...”
แพรวดาวสะอื้นละเมอ น้ำตารินจากหางตาอย่างไม่รู้สึกตัว ทาโร่ยื่นมือไปปาดน้ำตาให้เจ็บปวดหัวใจ แต่สงสารแพรวดาวมากเหลือเกิน เขานึกถึงวันที่สาบานตนต่อหน้าป้ายบรรพบุรุษตระกูลโอะนิซึกะ
“ผม ทาโร่ ซาซากิ ขอสาบาน...จะจงรักภักดีต่อโอะนิซึกะโซเรียวด้วยชีวิต วิญญาณ หัวใจ และจะไม่มีวันทรยศหักหลังโซเรียว ตราบจนลมหายใจสุดท้ายของชีวิต”
ทาโร่มองแพรวดาว ครุ่นคิดทำอะไรสักอย่าง
บ้านมิซาว่ายามค่ำคืน...ไอโกะแต่งตัวสวย เตรียมจะออกไปข้างนอก ตวาดจูโร่และลูกน้องมิซาว่าที่ยืนขวางทาง ด้วยอารมณ์โมโห
“หลีกไปนะ ฉันจะไปเยี่ยมทาเคชิ”
“โอะนิซึกะโซเรียวยังไม่ฟื้น ไปตอนนี้ก็ไม่มีประโยชน์นะครับ” จูโร่ขัดขึ้น
“ไม่ต้องมายุ่งเรื่องส่วนตัวของฉัน บอกให้หลีกไป”
ไอโกะอาละวาดเหวี่ยงกระเป๋าสะพายทุบจูโร่และลูกน้องมิซาว่าให้หลบทาง แต่ก็ไม่มีใครยอมหลบ ต่างยืนนิ่งปล่อยให้ไอโกะทำร้ายอยู่อย่างนั้น ซาโตชิเข้ามาเห็นพอดี
“มีเรื่องอะไรกัน”
“พี่ซาโตชิก็ถามพวกมันดูสิ”
ไอโกะฟ้องซาโตชิอย่างเหนื่อยหอบ ซาโตชิจ้องจูโร่เขม็ง ต้องการคำตอบ จูโร่อึกอัก ไม่กล้าพูด
ริกิยืนนิ่งหันไปทางสวนข้างบ้าน หันไปตอบซาโตชิกับไอโกะด้วยสีหน้าเรียบ
“พ่อเป็นคนสั่งเอง”
ซาโตชิกับไอโกะถามพร้อมกัน
“ทำไม”
ซาโตชิกับไอโกะชะงักมองกันอย่างไม่ค่อยถูกกันเท่าไหร่ ริกิยังคงตอบทั้งสองอย่างใจเย็น
“สถานการณ์ของเมืองตอนนี้ไม่ค่อยน่าไว้ใจ อันธพาลกลุ่มใหม่เกิดขึ้นทุกวัน เราต้องปลอดภัยไว้ก่อน”
“พ่อก็สั่งให้คนของเราช่วยกันล่าตัวคนร้ายที่ลอบยิงทาเคชิมาสิคะ ไอโกะจะได้ไปไหนมาไหน โดยที่พ่อไม่ต้องห่วง”
“นั่นเป็นเรื่องที่ตำรวจกับโอะนิซึกะต้องจัดการเอง”
ซาโตชิหงุดหงิด
“ผมไม่เข้าใจ...ทำไมผมถึงถูกห้ามออกจากบ้านด้วย”
“ถือเป็นการป้องกันเอาไว้ก่อน” ริกิจ้องซาโตชิ “แกชอบทำอะไรที่คาดไม่ถึงเสมอ”
ซาโตชิถึงกับอึ้งไปนิดหนึ่งเพราะรู้ว่าริกิหมายถึงอะไร
“คำสั่งพ่อถือเป็นเด็ดขาด โอะนิซึกะโซเรียวฟื้นเมื่อไหร่ค่อยว่ากันอีกที”
ริกิหันกลับไปยังสวนริมระเบียง เป็นทำนองไล่ทั้งสองคน เพื่อจบการสนทนา ไอโกะกับซาโตชิหงุดหงิดมาก แต่ก็ไม่กล้าขัดคำสั่งพ่อ
ห้องพักฟื้นทาเคชิ...แพรวดาวค่อย ๆ รู้สึกตัวตื่นขึ้น เห็นดอกดาวเรืองดอกหนึ่งวางทับกระดาษโน้ตเล็ก ๆ บนเตียง ข้างตัวเธอกับทาเคชิ เธอหยิบดอกดาวเรืองขึ้นมา และหยิบกระดาษโน้ตขึ้นมาอ่าน
“ดอกดาวเรือง...เจ้าสาวของพระอาทิตย์ เปรียบดังแสงสว่างที่ปลุกแสงแห่งตะวัน” หญิงสาวทวนคำ “แสงสว่างที่ปลุกแสงแห่งตะวัน”
แพรวดาวหันมองทาเคชิที่นอนนิ่งไม่ได้สติอยู่บนเตียงอย่างครุ่นคิด เธอนึกถึงเมื่อครั้งที่พบกระดาษสีชมพูที่ทาเคชิแอบส่งกลอนให้
“คืนเดือนแรมแซมดาวเพียงพราวพร่าง
หนึ่งกระจ่างกลางใจให้ใฝ่ฝัน
บนทางรักนักรบแห่งตะวัน
สว่างจันทร์ส่องใจในคืนเพ็ญ…”
แพรวดาวหันมองหน้าทาเคชิ นึกทบทวนบทกลอนอย่างนึกขึ้นได้
“ทาเคชิ...นักรบแห่งตะวัน ดาวเรือง...แสงสว่างที่ปลุกแสงแห่งตะวัน...ฉันเป็นเจ้าสาวของพระอาทิตย์”
แพรวดาวเอาดอกดาวเรืองใส่มือทาเคชิ ท่องกลอนที่เขาเคยแต่งให้อย่างจำขึ้นใจ
“คืนเดือนแรมแซมดาวเพียงพราวพร่าง
หนึ่งกระจ่างกลางใจให้ใฝ่ฝัน
บนทางรักนักรบแห่งตะวัน
สว่างจันทร์ส่องใจในคืนเพ็ญ”
แพรวดาวกุมมือทาเคชิ ถือดอกดาวเรืองร่วมกัน พยายามพร่ำพูดปลุกให้เขาได้สติ
“ได้ยินเสียงฉันไหมคะทาเคชิ...เห็นแสงดาวที่กำลังนำทางคุณกลับมาไหม...”
ทาเคชิยังคงนอนนิ่ง ไม่ได้สติ แพรวดาวเริ่มใจเสีย น้ำตาคลอ เสียงพร่า
“ฉันคือแสงสว่างกลางใจคุณ...ตามเสียงหัวใจคุณกลับมาสิคะ”
แพรวดาวบีบมือทาเคชิจนสั่น เศร้าก่อนระเบิดอารมณ์อย่างสุดกลั้น
“ได้ยินฉันไหมอะนะตะ ตื่นขึ้นมาหาคิมิที่รักของคุณสิคะ ฉันขอสั่งให้คุณฟื้นขึ้นมาเดี๋ยวนี้”
แพรวดาวทรุดลงนอนกอดแนบอกทาเคชิ ร้องไห้โฮปานจะขาดใจ
“ฟื้นขึ้นมาสิอะนะตะ...ฟื้นสิคะ...”
น้ำตาแพรวดาวหยดลงบนหน้าอกด้านซ้ายของทาเคชิ
ค่ำนั้น ทาโร่รดน้ำพรวนดินแปลงดอกดาวเรืองอย่างตั้งใจ เขาก้มลงที่ต้นดาวเรืองต้นหนึ่ง เอามือเชยดอกดาวเรืองขึ้นมองหน้าเศร้าน้ำตาคลอในความรักของตัวเอง แต่แล้วเขากลับยิ้มได้...เมื่อรู้สึกได้ว่าตัวเองกำลังทำให้คนที่ตัวเองรักมีความสุขที่สุด
เช้าวันใหม่...แพรวดาวเผลอหลับไปทั้งที่ยังนอนกอดทาเคชิไว้อย่างนั้น ทาเคชิกระสับกระส่ายเริ่มรู้สึกตัวพูดเสียงแผ่ว
“เซโกะ...”
แพรวดาวชะงักงันตื่นขึ้น ไม่แน่ใจว่าตัวเองหูฝาดไปหรือเปล่า
“คิมิ...”
แพรวดาวน้ำตารื้นด้วยความตื่นเต้น เมื่อเห็นทาเคชิขยับตัว ค่อย ๆ ลืมตาตื่นขึ้น
“ทาเคชิฟื้นแล้ว...ฉันไม่ได้ฝันไปจริง ๆ”
แพรวดาวโผเข้ากอดทาเคชิ น้ำตาแห่งความดีใจรินไหลไม่ขาดสาย ทั้งสองกอดกันความรักและคิดถึงอย่างสุดซึ้ง...ทาโร่นิ่งมองภาพแพรวดาวกับทาเคชิกอดกันด้วยความดีใจ จากประตูห้องที่แง้มอยู่เล็กน้อย เขายิ้มเศร้า ยินดีกับความรักของทั้งสองคน ทาโร่ปิดประตู หันหลังเดินจากไปเงียบ ๆ ตามลำพัง
ทาเคชิกอดแพรวดาวไว้ ขณะนั่งพิงหลังบนเตียง ทั้งสองมองดอกดาวเรืองที่ถือไว้ร่วมกัน
“ผมได้ยินเสียงคุณ...เซโกะ คุณนำทางผมกลับมา”
แพรวดาวซบหน้าอยู่ในอ้อมอกเขา ยิ้มดีใจ
“ผมอยากเห็นคุณยิ้ม...อยากเห็นคุณหัวเราะ...แต่ผมกลับทำให้คุณร้องไห้”
ทาเคชิมองเข้าไปในดวงตาแดงกล่ำ บวมช้ำ ที่ผ่านการร้องไห้อย่างหนักของแพรวดาวด้วยความเสียใจ
“ฉันเต็มใจค่ะ ถ้าน้ำตาของฉันทำให้คุณฟื้น”
“คิมิที่รักของผม”
ทาเคชิยกมือไล้ข้อนิ้วไปตามแก้มนวลของแพรวดาวอย่างแผ่วเบา แพรวดาวยังคงซาบซึ้งและตื้นตันใจกับการฟื้นของเขา น้ำตาพาลไหลรินอีกครั้ง ทาเคชิใช้ข้อนิ้วปาดน้ำตาที่หยดลงมา ประคองแก้มของเธอ สายตาจดจ้องหญิงสาวตรงหน้าอันเป็นที่รัก แพรวดาวมองเขาน้ำตาคลอ แววตาเปี่ยมไปด้วยความรักที่มีต่อชายตรงหน้าเช่นกัน ทาเคชิโน้มหน้าเข้าหาแพรวดาว ประทับจูบที่หน้าผากของเธออย่างแผ่วเบา ทะนุถนอม แพรวดาวหลับตาพริ้ม รับรู้ความรู้สึกอบอุ่นผ่านจากรอยจูบนั้น ริวเปิดประตูเข้ามาพร้อมโคจิ ทาโร่
“โอ๊ะโอ๋...พอฟื้นปั๊บ ก็แสวงหาแรงใจเลยเหรอ” ริวแซว
แพรวดาวรีบผละจากจุมพิตของทาเคชิอย่างเขินอาย
“ในที่สุด...โซเรียวของฉันก็ฟื้นซะที”
ริวยิ้มทะเล้นเดินเข้ามา โดยมีโคจิกับทาโร่เดินตามมายืนอยู่ปลายเตียง ทาเคชิมองริวด้วยสายตาดุ ที่เข้ามาขัดจังหวะ
“รีบเข้ามาทำไม”
“ก็กลิ่นความรักมันหอมหวนไปทั่วโรงพยาบาลจนน่าหมั่นไส้ ฉันต้องรีบมาก่อนมดขึ้น”
แพรวดาววางดอกดาวเรืองไว้ตรงโต๊ะหัวเตียง ทาโร่อมยิ้มนิด ๆ แอบดีใจ โคจิมองดอกดาวเรือง เห็นท่าทางทาโร่ นึกรู้ ทาเคชิหันมาถามริว
“ได้ตัวคนร้ายไหม”
“มันตายแล้ว...ตำรวจกำลังชันสูตรศพและตามเก็บหลักฐาน”
“คงไม่เหลืออะไรให้ตามแล้ว”
“คนของเรากำลังสืบอยู่อีกทางหนึ่ง ถ้าพิสูจน์ได้ว่าเป็นฝีมือของซะโต้ งานนี้ได้นองเลือด ฆ่ากันทั้งเมืองแน่ ฉันไม่ปล่อยมันไว้หรอก”
แพรวดาวหน้าเสีย รู้สึกอึดอัด ไม่อยากฟังเรื่องที่ทาเคชิกำลังพูดกับริว
“ฉันขอตัวไปเดินเล่นข้างนอกนะคะ”
ทาเคชิเห็นสีหน้าแพรวดาว เข้าใจทันที เขาหันไปสั่งทาโร่
“ดูแลโอคุซังให้ฉันด้วย”
“ครับโซเรียว”
ทาโร่โค้งตัวรับคำ โคจิมองทาโร่กับแพรวดาวอย่างไม่สบายใจ
ในสวนสวยบริเวณโรงพยาบาล...แพรวดาวเดินมองธรรมชาติโดยรอบอย่างผ่าน ๆ เล่าความรู้สึกในใจให้ทาโร่ฟัง
“สำหรับฉัน...มันเป็นเรื่องยากที่จะต้องทนฟังเรื่องการเข่นฆ่าล้างแค้น จะชั่วจะดี...คนที่ตายก็เป็นมนุษย์ มีเลือด มีเนื้อ มีญาติพี่น้องที่เสียใจ ถ้าเค้าต้องจากไป”
“วิถีนักรบ...ก้าวเข้ามาแล้วต้องอยู่กับมันให้ได้ อีกไม่นานโอคุซังก็จะเข้าใจ”
แพรวดาวนิ่งไป นึกสะท้อนใจถึงวันที่เรียนจบ และต้องเดินทางกลับเมืองไทย
“ไม่หรอกทาโร่...อีกไม่นาน ทุกอย่างก็จะจบลงแล้ว”
“จบ...” ทาโร่ชะงัก
“เมื่อต้องมาอยู่ในที่ๆ ไม่ใช่ที่ของเรา...ในที่สุดเราก็ต้องไป”
แพรวดาวพูดมีนัยบางอย่าง ทาโร่สงสัย ไม่เข้าใจ
ในห้องพักฟื้น...หมอตรวจอาการทาเคชิเสร็จแล้วจึงหันไปรายงานอาการคนเจ็บกับริว
“แผลเริ่มแห้งแล้ว แต่ต้องระวังไม่ให้ติดเชื้อ หมอแนะนำให้พักฟื้นอยู่ที่โรงพยาบาลอีกสักสองสามวัน”
ริวพยักหน้ารับ และโค้งตัวขอบคุณ หมอกับพยาบาลเดินออกจากห้อง สวนกับไอโกะที่ถลาเข้ามาในห้อง ตรงเข้าไปกอดทาเคชิด้วยความตื่นตระหนก
“ทาเคชิเป็นยังไงบ้างคะ เจ็บมากไหม ไอโกะเป็นห่วงคุณมากแต่ริวสั่งห้ามคนนอกเยี่ยม ไอโกะไม่ใช่คนนอกสำหรับทาเคชินะคะ”
ไอโกะจับมือทาเคชิขึ้นมากุม ระล่ำระลักถามและตัดพ้อเขาทันที ไม่นานนัก ริกิกับซาโตชิก็เดินผ่านประตูห้อง ตามเข้ามา ทาเคชิก้มศีรษะเคารพริกิ ริวกับโคจิจึงโค้งตัวตาม
“ขอบคุณที่กรุณามาเยี่ยม”
“โชคดีจริง ๆ ที่กระสุนไม่โดนจุดสำคัญ”
“ถ้าต้องตายเพราะมือปืนกระจอก คงเสียชื่อโอะนิซึกะโซเรียว” ริวแทรกขึ้น
ซาโตชิตาวาววับ กัดฟันมองทาเคชิด้วยความเจ็บใจ ที่จัดการทาเคชิไม่ได้แต่แกล้งถาม
“รู้รึยังว่ามันเป็นคนของใคร”
“อีกไม่นาน พวกเราคงรู้คำตอบ”
ทาเคชิกับซาโตชิจ้องมองกัน ต่างคนต่างรู้แก่ใจว่าไม่ชอบหน้ากัน ริกิตัดบท
“ปลอดภัยก็ดีแล้ว ไม่อยากให้ไอโกะมาเยี่ยมว่าที่คู่หมั้นตอนไม่มีสติ กลัวไอโกะจะตกใจ”
“คงต้องนอนพักอีกหลายวัน ไอโกะจะมาอยู่ดูแลทาเคชิเอง” ไอโกะพูดสวนทันที
“อย่าลำบากเลย”
ทาเคชิรีบปฏิเสธ เพราะไม่อยากให้ไอโกะมาแทนที่แพรวดาว
“อีกไม่นานก็จะหมั้นและแต่งงานกันแล้ว น่าจะให้โอกาสไอโกะบ้าง” ริกิพูดแกมบังคับ
“แต่...” ทาเคชิหนักใจ
“ใจคอจะไม่แบ่งเวลาให้ว่าที่คู่หมั้นบ้างรึไง” ริกิเสียงเข้ม
ทาเคชิพูดไม่ออก หันมองริวอย่างสิ้นหวัง จึงพยักหน้ารับคำริกิอย่างจำใจ ไอโกะยิ้มกริ่ม ได้โอกาส
แพรวดาวกับทาโร่ กำลังเดินกลับเข้าไปหาทาเคชิ แพรวดาวชะงัก เมื่อเจอไอโกะยืนดักรออยู่
“คุณไอโกะ”
ไอโกะก้าวเข้ามาหาแพรวดาว ทาโร่เตรียมตัว กลัวไอโกะจะเข้ามาทำร้ายแพรวดาว
“กลับบ้านไปได้แล้ว” ไอโกะสั่งเสียงเข้ม
แพรวดาวเงยหน้ามองไอโกะอย่างประหลาดใจ
“ทาเคชิให้ฉันอยู่ดูแลเขาที่นี่ ส่วนแกไสหัวกลับไปซะ”
“คนที่จะสั่งโอคุซังได้ มีโซเรียวคนเดียวเท่านั้น” ทาโร่ขัดขึ้น
“งั้นก็รีบขึ้นไปถามทาเคชิ จะได้หน้าหงายกลับมา” ไอโกะจ้องแพรวดาว “ผู้หญิงอย่างแกมันก็แค่ดอกไม้ริมทาง เขาเบื่อแล้วก็เขี่ยทิ้ง ไม่มีทางเผยอขึ้นมาเทียบฉันได้หรอก”
แพรวดาวมองใบหน้าเชิดสูงของไอโกะ ข่มความโกรธ พูดตอบโต้กลับไปบ้าง
“ฉันจะขึ้นไปถามทาเคชิที่รัก ถ้าเขาอยากให้กลับ ฉันก็จะกลับ”
“อ๊าย...นังหน้าด้าน ห้ามเรียกทาเคชิว่าที่รักนะ” ไอโกะโกรธ
“ฉันขัดคำสั่งทาเคชิไม่ได้หรอกค่ะ เวลาอยู่ด้วยกัน เขาให้ฉันเรียกอะนะตะ ส่วนเขาก็เรียกฉันว่าคิมิที่รักตลอดเวลา”
“นังสารเลว”
ไอโกะเงื้อมือจะปรี่เข้าไปตบแพรวดาวด้วยความโกรธ ทาโร่ปรี่เข้ามาคว้าข้อมือไอโกะ ปกป้องแพรวดาว
“คุณไม่มีสิทธิ์ทำร้ายโอคุซัง”
“ปล่อยฉันนะไอ้บ้า” ไอโกะขู่อาฆาต “ฉันได้เป็นโอะคะมิซังเมื่อไหร่ จะเฉดหัวแกออกไปจากโอะนิซึกะ”
“ไม่จำเป็น...วันที่คุณเป็นโอะคะมิซัง ผมจะออกไปจากโอะนิซึกะเอง”
ทาโร่ปล่อยมือไอโกะ แล้วหันไปบอกแพรวดาว
“ขึ้นไปหาโซเรียวเถอะครับ”
“อย่าบังอาจหันหลังให้ฉันนะ กลับมาเดี๋ยวนี้” ไอโกะโกรธจี๊ด
ทาโร่รีบพาแพรวดาวเดินหนีไป ไม่สนใจเสียงกรีดร้องของไอโกะ
แพรวดาวกับทาโร่กลับเข้ามาในห้อง พบริกิกับซาโตชิ ทั้งสองจึงก้มศีรษะแสดงความเคารพริกิ
“บอกให้ผู้หญิงคนนี้กลับไปได้แล้ว เดี๋ยวก็มีเรื่องกับไอโกะอีก”
ทาเคชิแก้ต่างแทนทันที
“โอคุซังของผมไม่เคยก่อเรื่องกับใคร”
ซาโตชิจ้องหน้าทาเคชิ
“หวังว่าโอะนิซึกะโซเรียวจะรักษาคำพูด”
ทาเคชิหน้าตึง จ้องซาโตชิด้วยความไม่พอใจ โคจิจึงต้องรีบเข้ามาไกล่เกลี่ย
“ให้โอคุซังดูแลโซเรียว จนกว่าคุณหนูไอโกะจะกลับมาเถอะนะครับ”
ริกิไม่พอใจ แต่ก็เดินออกไปจากห้องเงียบ ๆ โดยมีซาโตชิ ริว โคจิ เดินตามออกไป เมื่ออยู่กันตามลำพัง ทาเคชิจึงหันไปอธิบายกับแพรวดาว
“ผมปฏิเสธลุงริกิไม่ได้ เข้าใจผมด้วยนะคิมิที่รัก”
แพรวดาวอึ้งไปสักพัก น้อยใจแต่ก็เข้าใจ
“ฉันจะมาเยี่ยมคุณพร้อมกับคุณริว”
“ผมจะรอคุณทุกวัน” ทาเคชิยิ้มซาบซึ้งใจ
“พักผ่อนเยอะ ๆ นะคะ จะได้หายเร็ว ๆ”
“ผมอยากกลับไปนอนกอดคุณที่บ้านตอนนี้เลยด้วยซ้ำ”
แพรวดาวอมยิ้ม เขิน ๆ เตรียมจะหมุนตัวจากไป แต่ถูกทาเคชิคว้ามือไว้
“ขอผมกอดให้ชื่นใจก่อนได้ไหม”
แพรวดาวยอมให้ทาเคชิดึงตัวไปกอดอย่างว่าง่าย ทั้งสองกอดกันแนบแน่น ทาเคชิกระซิบเสียงแนบแก้มแพรวดาว
“ใครจะอยู่ที่นี่ก็ไม่สำคัญ เพราะหัวใจของผมอยู่กับคุณเสมอ...คิมิ”
“ค่ะอะนะตะ”
ทั้งสองสบตากันหวานสุดซึ้ง ในรักที่เชื่อมั่นกันและกัน
รอยรักหักเหลี่ยมตะวัน ตอนที่ 8 (ต่อ)
เคนอิจิกระชากคอเสื้อโคเฮเข้ามาถามทวนอีกครั้ง อย่างไม่เชื่อหูตัวเอง
“มันฟื้นแล้ว”
“พวกโอะนิซึกะดีใจกันมาก มิซาว่าโซเรียวก็รีบไปยินดีถึงโรงพยาบาล
“โธ่เว้ย”
เคนอิจิเหวี่ยงโคเฮ จนเซเสียหลักไปทางหนึ่ง ยามะหลุบสายตาต่ำ กลัวจะโดนหางเลขไปด้วย
“มันจะฟื้นขึ้นมาทำไม มันจะกลับมาขวางทางฉันอีกทำไม”
เคนอิจิหงุดหงิดและอารมณ์เสียมาก ชินอิจิแอบลอบมองเคนอิจิ นับวันจะยิ่งไม่ชอบใจความโมโหร้ายของเจ้านาย
บ้านโอะนิซึกะ...แพรวดาวคอยช่วยอายะโกะกับฟุมิโกะทำอาหารในครัวอย่างขะมักเขม้น
“หั่นแบบนี้ใช่มั้ยคะ”
อายะโกะยิ้มรับอย่างเกรงใจ ฟุมิโกะล้างเนื้อไก่ใส่จานมาวาง แพรวดาวรีบออกตัว
“วางไว้ตรงนี้แหละ เดี๋ยวฉันจัดการเอง”
ฟุมิโกะเงอะงะ สบตาอายะโกะ ทำตัวไม่ถูก อายะโกะหันไปบอกแพรวดาวด้วยความเป็นห่วง
“โอคุซังเพิ่งกลับมาเหนื่อย ๆ น่าจะพักผ่อนนะคะ”
“เสร็จงานในครัวแล้วยังมีงานจัดดอกไม้ต่อ”
ฟุมิโกะขัดขึ้น
“โซเรียวคงไม่สบายใจ ถ้ารู้ว่าโอคุซังทำงานมากเกินไป”
แพรวดาวสลดลง คิดถึงทาเคชิ อายะโกะหันไปส่งสายตาดุฟุมิโกะ ที่ทำให้แพรวดาวไม่สบายใจ ฟุมิโกะยิ้มเจื่อน ไม่ได้ตั้งใจ ทาโร่ยืนแอบมองแพรวดาวอยู่ข้างประตูด้วยความเป็นห่วง
ริววางถ้วยน้ำชาที่เพิ่งจิบลง ครุ่นคิด เมื่อรู้เรื่องจากทาโร่
“โอคุซังคงไม่อยากคิดมาก ก็เลยหาอะไรทำ”
“โอคุซังเข้าใจโซเรียวดีแล้วไม่ใช่หรือครับ”
“เข้าใจ...แต่ก็คงไม่มีใครสบายใจ ที่คนอื่นอยู่กับคนรักของเรา”
ริวเห็นใจแพรวดาว นึกสะท้อนใจถึงตัวเอง
“ถ้ารักแล้วเป็นทุกข์...ทำไมทุกคนยังโหยหาความรักไม่สิ้นสุด”
“มองรักต่างมุม สุขและทุกข์ของแต่ละคนจึงไม่เท่ากัน”
ริวมองทาโร่อย่างไม่เชื่อสายตา
“พูดเหมือนกำลังมีความรัก”
“เอ่อ...เคยอ่านเจอในหนังสือครับ”
ทาโร่รีบแก้ตัว ไม่อยากให้ริวจับพิรุธได้
“สงสารโซเรียว ป่านนี้คงเฉาเพราะคิดถึงโอคุซัง”
ริวเห็นใจทาเคชิ แต่ไม่รู้จะช่วยยังไง
ในห้องพักฟื้น...ทาเคชิลอบถอนใจเบื่อหน่าย เมื่อไอโกะคอยเอาอกเอาใจอยู่ข้างเตียงไม่ยอมห่าง
“ไอโกะให้แม่บ้านทำขนมโมจิที่ทาเคชิชอบทานมาด้วย...ลองชิมหน่อยสิคะ”
“ผมยังไม่อยากทาน”
แอปเปิ้ลไหมคะ เดี๋ยวไอโกะปอกให้”
ทาเคชิส่ายหน้าปฏิเสธ
“คนหมดสตินาน ๆ เพิ่งฟื้น ต้องดื่มน้ำเยอะ ๆ นะคะ”
ไอโกะกำลังจะไปรินน้ำ ทาเคชิรีบตัดบท
“ถ้าผมอยากได้อะไรจะบอกคุณเอง...ขอบคุณ”
ทาเคชิเบือนหน้ามองออกไปนอกหน้าต่าง คิดถึงแพรวดาว ไอโกะมองทาเคชิอย่างนึกน้อยใจ แต่ยังไม่ละความพยายาม
“นั่งรถเข็นออกไปสูดอากาศข้างนอกดีกว่าค่ะ เดี๋ยวไอโกะไปเอารถเข็น”
“ผมบาดเจ็บ ไม่ได้พิการ ไม่ต้อง...”
ไอโกะรีบผลุนผลันออกไป ไม่ทันได้ฟัง ทาเคชิมองตามอย่างอ่อนใจ
สวนสวยในโรงพยาบาล...ไอโกะ พาทาเคชิออกมาสูดอากาศบริสุทธิ์ ใบหน้าของเธอยิ้มแย้ม มีความสุขที่ได้อยู่กับเขา
“อากาศตอนนี้กำลังสบาย ทาเคชิคงจะสดชื่นขึ้น”
ไอโกะพูดพลางสูดลมหายใจเข้าปอดลึก ๆ สีหน้าสดชื่นมาก ทาเคชิอึดอัด ไม่ค่อยพอใจ
“ขยับตัวมากแผลจะอักเสบ”
“ให้คัตสึ เซกิ มาเข็นสิ คุณจะได้ไม่เหนื่อย”
“สำหรับทาเคชิ... ไอโกะเต็มใจทำให้ทุกอย่าง”
ไอโกะยิ้มให้ทาเคชิอย่างจริงใจ แววตาเต็มไปด้วยความรักที่มีต่อเขา ทาเคชินิ่งมองไอโกะ ระแวงว่าจะมาไม้ไหน ผีเสื้อตัวหนึ่งบินมาเกาะบนพุ่มไม้ใกล้บริเวณที่ไอโกะยืนอยู่
“ผีเสื้อ”
ไอโกะมองผีเสื้อ ตื่นเต้นมาก ทาเคชิประชดนิดๆ
“ไม่เคยเห็นเหรอ”
“ไม่เคยลืม...”
ไอโกะยิ้มมองผีเสื้อ พูดเสียงเบาเพื่อไม่ให้ผีเสื้อตกใจ
“ความทรงจำเกี่ยวกับผีเสื้อ...ก็คือความทรงจำวัยเด็กของไอโกะกับทาเคชิ”
ทาเคชิชำเลืองมองผีเสื้อ พยายามนึกถึงอดีตที่เคยมีร่วมกับไอโกะ
สวนสวยบ้านโอะนิซึกะในอดีต...ไอโกะวัย 8 ขวบนั่งร้องไห้อยู่ในสวนที่เต็มไปด้วยดอกไม้นานาพันธุ์ มีผีเสื้อบินมาเกาะดอกไม้มากมาย สวยงามมาก ทาเคชิในวัย 10 ขวบ ผ่านมาเจอ จึงเข้ามาถามด้วยความแปลกใจ
“ไอโกะ...ร้องไห้ทำไม”
“ไอโกะสะดุดล้มตอนไล่จับผีเสื้อ”
ทาเคชิมองหาบาดแผลที่ตัวไอโกะอย่างเป็นห่วง
“เจ็บตรงไหน ไปหาหมอเถอะ”
“เจ็บใจที่จับผีเสื้อไม่ได้”
ไอโกะพูดน้ำเสียงงอน ๆ ทาเคชิอึ้งไปสักพัก แล้วขำไอโกะ เพราะเข้าใจว่าเธอร้องไห้เพราะบาดเจ็บ
“ผีเสื้อเป็นแมลงรักอิสระ ยิ่งไล่ตาม มันก็ยิ่งบินหนี”
ทาเคชิเดินไปยังแปลงดอกไม้ที่มีผีเสื้อสีสันสวยงามเกาะ และบินอยู่รอบ ๆ แล้วแบมือของเขายื่นออกไปช้า ๆ นิ่ง รอเวลา ผีเสื้อตัวหนึ่งบินมาเกาะบนมือเขา ไอโกะตาโต ตื่นเต้นมาก ทาเคชิส่งสายตาให้ไอโกะเงียบ ห้ามเสียงดัง แล้วค่อย ๆ เลื่อนมือที่มีผีเสื้อเกาะนิ่งอยู่บนฝ่ามือ หันไปให้ไอโกะดู
“อยู่เฉย ๆ เดี๋ยวผีเสื้อก็บินมาเกาะเอง”
ไอโกะมองทาเคชิด้วยแววตาทึ่ง และชื่นชม
ปัจจุบัน...ไอโกะเงยหน้ามองผีเสื้อบินหนีไปจากพุ่มไม้
“เคยได้ยินคนเปรียบเปรยว่า...ความรักเหมือนผีเสื้อ ยิ่งไล่ตามก็ยิ่งบินหนี หยุดเมื่อไหร่ มันก็จะมาหาเราเอง”
ไอโกะหันมายิ้มหวานให้ทาเคชิ แววตาเป็นประกายที่เปี่ยมด้วยรัก
“รักก็คือรัก...คือความรู้สึกที่คนหนึ่งมีให้อีกคน ไม่ใช่คำเปรียบเปรยจากจินตนาการของคนอื่น”
“ความรู้สึกที่ไอโกะมีให้ทาเคชิ ก็เรียกว่ารักได้ใช่ไหม”
ทาเคชิอึกอัก พูดไม่ออก
“แม่เสีย...ไอโกะก็มีแต่พ่อกับพี่ซาโตชิคอยให้ความรักและตามใจทุกอย่าง ไอโกะชินกับการได้รับความรัก จนมาเจอทาเคชิ...จึงรู้ว่าการรักใครสักคนมันเป็นยังไง”
น้ำเสียงอ่อนโยนของไอโกะ ทำให้ทาเคชินิ่งฟัง
“ถึงเราสองคนจะถูกหมั้นหมายเพราะคำสัญญาของพ่อกับลุงอิจิโร่ แต่ความรู้สึกที่ไอโกะมีต่อทาเคชิ เกิดจากหัวใจของไอโกะเอง”
ไอโกะยื่นมือไปกุมมือทาเคชิ แววตาอ้อนวอน
“ไอโกะอาจจะเอาแต่ใจ งานบ้านงานเรือนก็ไม่ได้เรื่อง แต่ไอโกะก็จะพยายามทำทุกอย่างให้ดีที่สุดเพื่อทาเคชิ”
ไอโกะหน้าตามุ่งมั่น จริงจัง ทาเคชิมองรู้สึกสับสน
มุมทานอาหาร บ้านมิซาว่ายามเย็น...ซาโตชิวางตะเกียบลงอย่างอดไม่ได้ แล้วพูดกับริกิ ขณะทานอาหารร่วมกัน
“พ่อไม่น่าปล่อยให้ไอโกะอยู่กับทาเคชิตามลำพัง”
“เป็นว่าที่คู่หมั้นกัน อยู่ดูแลกันก็ไม่แปลก”
“ผมกลัวไอโกะจะร้องไห้กลับมาอีก”
“วันนี้ไอโกะมีความสุขที่ได้อยู่ดูแลคนรัก แกก็ควรยินดีกับน้อง”
“ผมเกลียดไอ้ทาเคชิ...และถ้ามันทำไอโกะเจ็บอีก ผมไม่ปล่อยมันไว้แน่”
ริกิวางตะเกียบ ทานไม่ลง เอือมระอาซาโตชิ
“หัดทำอะไรด้วยสมองแทนอารมณ์บ้าง...แค่ทาเคชิยอมให้ไอโกะอยู่ดูแลแทนโอคุซังของมัน ก็เท่ากับมิซาว่าถือไพ่เหนือโอะนิซึกะ”
ซาโตชิครุ่นคิดตามริกิ
ทาโร่ตัดดอกดาวเรืองที่บานสวยหลายดอกในแปลง หวังจะเอาไปให้แพรวดาว
“ดาวเรืองสวยจังเลยค่ะ”
ทาโร่ชะงักเล็กน้อย เมื่อหันไปเจอแพรวดาวเดินเข้ามาหยุดตรงหน้าเขา
“โอคุซัง”
“ขอบคุณนะคะ”
ทาโร่งง ไม่เข้าใจว่าแพรวดาวพูดเรื่องอะไร แพรวดาวยื่นกระดาษโน้ตให้ ทาโร่รับไปเปิดอ่าน
“ดอกดาวเรือง...เจ้าสาวของพระอาทิตย์ เปรียบดังแสงสว่างที่ปลุกแสงแห่งตะวัน”
แพรวดาวมองทาโร่ สายตาซาบซึ้งขอบคุณ
“คุณเป็นบอดี้การ์ดติดตามฉันตลอดเวลา ทำไมฉันจะไม่รู้ว่าเป็นลายมือคุณ”
“ผมขอโทษที่ทำแบบนั้นครับ”
ทาโร่ก้มศีรษะขอโทษอย่างรู้สึกผิด แพรวดาวรีบโค้งตัวตอบทันที
“ไม่ใช่ค่ะ...ฉันมาขอบคุณคุณทาโร่ที่ช่วยเตือนสติ ให้ฉันใช้ความรักปลุกทาเคชิฟื้นขึ้นมาอีกครั้ง”
ทาโร่รำพึงด้วยความดีใจ
“ผมดีใจที่เห็นโอคุซังมีความสุข”
สีหน้าแพรวดาวแปลกใจ ทาโร่รีบแก้ตัว
“โอคุซังกับโซเรียวมีความสุข สมาชิกทุกคนก็ยินดีด้วยครับ”
“ทาเคชิให้คุณดูแลดาวเรืองแปลงนี้เหรอคะ”
ทาโร่ชำเลืองมองแปลงดอกดาวเรือง อึกอัก ก่อนจำใจยิ้มรับให้แพรวดาวเข้าใจว่าเป็นของทาเคชิ
“ดอกดาวเรืองของคุณทาโร่ทำให้ฉันมีทางช่วยทาเคชิ ทำให้ทาเคชิฟื้นกลับมาปลุกหัวใจฉันให้สว่างไสวอีกครั้ง”
แพรวดาวยิ้มมองแปลงดอกดาวเรืองอย่างสุขใจ ทาโร่ลอบมองหญิงสาวแววตาขมขื่น แต่ก็ยังยิ้มเมื่อเห็นเธอมีความสุข
ทาโร่เปิดประตูบ้านเข้ามา ชะงัก เมื่อเจอโคจิยืนขรึมจ้องมองเขาอยู่มุมหนึ่ง โคจิเอ่ยขึ้นทันที น้ำเสียงเรียบ
“แกกำลังหาเรื่องเจ็บตัว”
“ผมมีความสุขครับ”
“แผลในใจ มีแต่เจ้าของหัวใจที่รู้”
ทาโร่สบตาโคจิ ท่าทางจริงจังหนักแน่น
“พ่อไม่ต้องห่วง...ผมไม่มีสิทธิ์คิดถึงใจตัวเอง เพราะเลือดและลมหายใจของผม มอบให้โอะนิซึกะไปหมดแล้ว”
โคจิหน้าเครียด
ค่ำนั้น...ไอโกะจะดึงผ้าห่มมาห่มให้ทาเคชิที่นอนอยู่บนเตียงอย่างเอาใจ แต่เขารีบดึงผ้าห่มขึ้นไปห่มเอง
“ผมห่มเองได้...ไอโกะดูแลผมมาทั้งวันแล้ว พักผ่อนเถอะ”
“ค่ะ”
ไอโกะรับคำเสียงจ๋อย เดินไปนั่งตรงเงียบ ๆ ไม่กล้ากวนเขา ทาเคชิแอบมองรู้สึกสงสารแต่ไม่รู้จะช่วยยังไง ก่อนหันมามองดอกดาวเรืองในแจกันข้างหัวเตียง คิดถึงแพรวดาว
แพรวดาวนั่งอยู่บนเบาะนอนของตัวเอง มองเบาะนอนของทาเคชิที่ปูคู่กัน ด้วยสายตาเหงา ๆ ระคนเศร้า เธอนึกถึงคืนแรกที่นอนห้องเดียวกับเขา
“โอคุซังต้องเรียนรู้อะไรบ้างคะ”
“อย่างแรก...เวลาผู้ชายเมืองนี้รู้สึกสนิทสนมกับผู้หญิงคนนึงเป็นพิเศษ เค้าจะเรียกแทนตัวเธอว่า คิมิ ส่วนผู้หญิงจะเรียกแทนตัวผู้ชายที่เป็นสามีด้วยความยกย่องว่า อะนะตะ”
“คิมิ...อะนะตะ” แพรวดาวทวนคำ
“นอนได้แล้วคิมิ...ที่รักของผม”
ทาเคชิดึงมือแพรวดาวขึ้นมาจูบที่หลังมือเบา ๆ อย่างนิ่มนวล
แพรวดาวยิ้มเคลิ้มคนเดียว สักพักจึงรู้สึกตัว หันมองไปรอบ ๆ มีแต่ความว่างเปล่า ไร้เงาทาเคชิ ยิ่งทำให้ใจหาย เธอเปลี่ยนไปนอนบนเบาะนอนของเขา ใช้มือลูบสัมผัสเบาะนอนแผ่วเบา แนบใบหน้าของเธอลงบนหมอนอย่างนิ่มนวล ราวกับต้องการซึมซับไออุ่นของทาเคชิผ่านเบาะนอนของเขายิ้มอุ่นใจ ค่อย ๆ เคลิ้มหลับไป
ในครัวบ้านพักโคจิเช้าวันใหม่...ทาโร่ทำข้าวต้มหมูคนเดียวในครัวอย่างตั้งใจ เขานึกถึงวันที่แพรวดาวกับเขาช่วยกันทำข้าวต้มหมูอย่างสนุกสนาน ทาโร่ทำข้าวต้มไป อมยิ้มไปคนเดียว มีความสุขมาก
โคจินั่งจิบน้ำชาอยู่ ชำเลืองมองไปยังครัวด้านหลัง สีหน้าไม่สบายใจ ไม่นานนัก ทาโร่ยกถาดที่ใส่ข้าวต้มสองถ้วยและขวดพริกไทย ออกมาอย่างอารมณ์ดี โคจิกำลังจะพูดกับทาโร่เรื่องที่ตนไม่สบายใจ ทาโร่รีบยกถ้วยข้าวต้มหมูวางให้อย่างไม่รอช้า
“ข้าวต้มหมูสูตรพิเศษ...เผ็ดร้อนอย่างพ่อต้องเหยาะพริกไทยเยอะ ๆ”
ทาโร่คว้าขวดพริกไทยมาเหยาะเยอะ ๆ แกล้งโคจิ...ละอองพริกไทยคลุ้ง จนโคจิจามไม่หยุด
“ทานให้หมดนะครับ”
ทาโร่อมยิ้มขำพ่อ รีบยกถาดใส่ข้าวต้มอีกถ้วยเดินออกไป โคจิถูจมูกฟึดฟัด เจ็บใจที่โดนทาโร่แกล้ง โคจิหันกลับมามองข้าวต้มหมู สองจิตสองใจ สุดท้าย...ลองตักขึ้นมาชิม
มุมทานอาหาร บ้านโอะนิซึกะ...แพรวดาวเงยหน้าขึ้นมาบอกทาโร่ หลังจากชิมข้าวต้มหมู
“อร่อยมากค่ะ...คุณทำเป็นด้วยเหรอ”
“จำได้ตอนช่วยโอคุซังทำคราวก่อนครับ”
“เคยช่วยฉันแค่ครั้งเดียว แต่ทำได้อร่อยขนาดนี้...เก่งมากค่ะ”
“ทานเยอะ ๆ นะครับ”
แพรวดาวยิ้มรับ มองข้าวต้มหมูในถ้วย พลางนึกขึ้นได้
“ยังมีข้าวต้มอีกไหมคะ”
ทาโร่มองแพรวดาวด้วยความแปลกใจ
ห้องพักทาเคชิ ในโรงพยาบาล...พยาบาลรูดม่านที่กั้นเตียงออก หลังจากเช็ดตัวเปลี่ยนเสื้อผ้าให้เขาใหม่แล้ว ไอโกะยืนรออยู่ รีบเดินเข้าไปอยู่ข้าง ๆ ทาเคชิ มองพยาบาลสาวอย่างไม่ค่อยไว้ใจ หวง ๆ พยาบาลหันไปเอาถาดยามาวางไว้ ข้างกล่องอาหารน่าทานหลายอย่างบนโต๊ะหัวเตียง ถามทาเคชิ
“ยาหลังอาหารค่ะ...คุณทานอะไรหรือยัง”
“ผมไม่หิว”
“ไอโกะให้คนไปซื้อของโปรดทาเคชิมาเยอะแยะ ทานสักหน่อยสิคะ”
ทาเคชิส่ายหน้า หงุดหงิด ไม่อยากทาน พยาบาลเลี่ยงออกจากห้อง สวนกับทาโร่เปิดประตูให้แพรวดาวเข้ามาพอดี ที่มือแพรวดาวถือปิ่นโตอาหารมาด้วย ทาเคชิหันไปเห็นแพรวดาว สีหน้าหงุดหงิดแปรเปลี่ยนเป็นยิ้มชื่นขึ้นทันที
“เซโกะ”
แพรวดาวยิ้มให้ทาเคชิ แต่พอเหลือบไปเห็นไอโกะจ้องเขม็งด้วยสายตาขุ่นเคือง จึงรีบบอกจุดประสงค์ของตน
“ฉันเอาข้าวต้มหมูมาให้ค่ะ”
ไอโกะสวนทันที
“ทาเคชิมีของกินอร่อยเยอะแล้ว เอาข้าวต้มจืดชืดของหล่อนกลับไปเถอะ”
ทาเคชิแทรกขึ้น
“ผมอยากทานอาหารไทยฝีมือเซโกะ”
“เอ่อ...คือฉัน...”
แพรวดาวกำลังจะปฏิเสธว่าไม่ใช่ฝีมือตน ทาโร่รีบแทรก
“โอคุซังตื่นแต่เช้า ตั้งใจทำให้โซเรียวเป็นพิเศษเลยครับ”
แพรวดาวหันไปหาทาโร่จะค้าน แต่เขาส่งสายตาบอกประมาณว่าให้เล่นไปตามน้ำ
“งั้น...ทานเลยนะคะ”
แพรวดาวจัดแจงเปิดปิ่นโต ตักข้าวต้มใส่ถ้วยและช้อนที่เตรียมมา ทาเคชิยิ้มรอ ไอโกะหมั่นไส้ที่ทาเคชิเข้าข้างแพรวดาวอย่างออกนอกหน้า จึงถลาเข้าไปแย่งถ้วยข้าวต้มจากมือแพรวดาว
“ให้ไอโกะป้อนนะคะ”
ทาเคชิจะไม่ยอม
“ไอโกะ”
“คุณพ่อสั่งให้ไอโกะคอยดูแลทาเคชิในฐานะว่าที่คู่หมั้น และว่าที่เมียหลวง...โอะคะมิซังของโอะนิซึกะ ถ้าไอโกะดูแลไม่ดีคุณพ่อจะตำหนิได้”
ทาเคชินิ่ง เถียงไม่ออก ได้แต่สบตาแพรวดาว ขอความเห็นใจ ไอโกะตักข้าวต้มมาเป่า ก่อนป้อนทาเคชิอย่างเอาใจ
“ระวังร้อนนะคะ”
ทาเคชิจำใจทานข้าวต้มที่ไอโกะป้อน อย่างไม่ค่อยเต็มใจนัก แพรวดาวมองทาเคชิทานข้าวต้มที่ไอโกะป้อน ดีใจที่อย่างน้อยทาเคชิก็ทานได้ ทาโร่เห็นสีหน้าหมองของแพรวดาว รู้สึกสงสารและอึดอัดใจแทน ไอโกะแอบยิ้มกริ่ม สะใจที่ถือไพ่เหนือกว่าทาเคชิกับแพรวดาว
ในห้องน้ำ...แพรวดาวก้มหน้าก้มตาล้างมือตรงอ่างล้างหน้า พอเงยหน้าขึ้นมามองกระจก ต้องตกใจเมื่อเห็นไอโกะยืนจ้องอยู่ทางด้านหลังของเธอ แพรวดาวหันขวับไป
“คุณไอโกะ”
ไอโกะยื่นมือไปปิดประตูที่แง้มอยู่ให้ปิดลง เบา ๆ แพรวดาวใจคอไม่ดี ไม่รู้ว่าไอโกะจะทำอะไร
“เธอไม่ควรมาที่นี่”
ไอโกะพูดกับแพรวดาว น้ำเสียงเย็น ร้ายลึก
“ฉันแค่มาเยี่ยมทาเคชิ”
“ทาเคชิมีฉันดูแลเป็นอย่างดี ไม่จำเป็นต้องมีเธอ”
“คนที่สั่งฉันได้ คือโอะนิซึกะโซเรียวเท่านั้น”
ไอโกะผลักตัวแพรวดาวให้หันกลับไปมองกระจกเงา จ้องมองแพรวดาวด้วยสายตาเย้ยหยัน และเหนือกว่า
“เห็นความแตกต่างระหว่างผู้หญิงสองคนในกระจกมั้ย”
แพรวดาวนิ่วหน้าไม่เข้าใจ
“เรายืนเสมอกัน...แต่ศักดิ์ศรีของฉันเหนือกว่าเธอทุกด้าน ทั้งชาติตระกูลและตำแหน่งเมียหลวงของทาเคชิ ฐานะเมียรองอย่างเธอไม่มีสิทธิ์เทียบเท่าฉัน ความต่ำต้อยของเธอจะสืบทอดไปยังสายเลือดชั่วลูกหลาน”
แพรวดาวจะขยับตัวหนีไม่อยากฟัง แต่ถูกไอโกะล็อคตัวให้นิ่งไว้
“ไอโกะแปลว่าลูกสาวอันเป็นที่รักพระอาทิตย์ คู่ควรกับนักรบแห่งพระอาทิตย์มากกว่าเศษดาวกระจอกอย่างเธอ”
ไอโกะยิ้มร้ายเยาะเย้ยแพรวดาว ก่อนเปิดประตูเดินออกไป แพรวดาวอึ้ง เครียด
รอยรักหักเหลี่ยมตะวัน ตอนที่ 8 (ต่อ)
ทาเคชิถามแพรวดาวด้วยความแปลกใจ
“คุณเพิ่งมา จะรีบกลับทำไม”
แพรวดาวชำเลืองมองเห็นสายตาร้าย เยาะเย้ยของไอโกะ ก่อนตอบทาเคชิ
“หมอบอกให้คุณพักผ่อนเยอะ ๆ จะได้หายเร็ว ๆ”
“คุณไม่ได้รบกวนอะไรผม”
“ฉันรับปากป้าอายะโกะไว้ว่าจะรีบกลับไปช่วยงานที่บ้าน”
“โอคุซังของผมไม่จำเป็นต้องทำ”
ไอโกะขัดขึ้น
“แม่บ้านที่ดีของสามี ก็ต้องคอยดูแลบ้านสิคะ โอคุซังทำถูกแล้วที่รู้หน้าที่ของตัวเอง”
ทาเคชิจ้องไอโกะ สายตาดุไม่พอใจ ไอโกะเชิดหน้าใส่ อย่างไม่ยอมแพ้ แพรวดาวไม่อยากให้เกิดเรื่องทะเลาะกัน จึงรีบโค้งตัวลาทาเคชิ
“แล้วฉันจะมาเยี่ยมใหม่นะคะ”
ทาโร่โค้งตัวลาทาเคชิ ก่อนเปิดประตูให้แพรวดาว พร้อมกับเดินออกไปด้วยกัน ทาเคชิมองตามด้วยสายตาอาลัยอาวรณ์ ยังไม่อยากให้แพวดาวกลับ
แพรวดาวเดินซึมออกมาจากโรงพยาบาล ทาโร่พูดด้วยอย่างรู้ทัน
“คุณหนูไอโกะคงพูดอะไรที่ทำให้โอคุซังไม่สบายใจ นอกจากแย่งข้าวต้มไปป้อนโซเรียว”
“ขอแค่ทาเคชิทานได้ ใครจะป้อนก็ไม่สำคัญ”
แพรวดาวพลางนึกขึ้นได้
“คุณทาโร่ไม่น่าบอกทาเคชิว่าฉันเป็นคนทำข้าวต้ม”
“คนป่วยจะหายเร็วขึ้น ถ้าได้กำลังใจจากคนรัก...อย่าคิดมากเลยครับ”
“นอกจากทาเคชิก็มีคุณทาโร่ที่ดีกับฉันมาตลอด ฉันไม่รู้จะขอบคุณคุณยังไง”
“ขอบคุณด้วยรอยยิ้มสิครับ...แค่เห็นโอคุซังยิ้ม โลกใบนี้ก็งดงามที่สุด”
แพรวดาวเงยหน้ามองทาโร่ ค่อย ๆ คลี่ยิ้มให้ ทาโร่ยิ้มตอบ อิ่มเอิบใจที่ได้เห็นรอยยิ้มของแพรวดาว
ในห้องนอน...แพรวดาวจัดโต๊ะทำงานของทาเคชิ เพื่อหาอะไรทำให้ตัวเองไม่เหงา หน้าตาของเธอสดใสขึ้น ไม่เศร้าเหมือนก่อนหน้านี้ มือแพรวดาวปัดโดนหนังสือเล่มหนึ่งของทาเคชิตกลงพื้น เธอก้มลงเก็บหนังสือ ชะงัก เมื่อเห็นรูปของเธอนั่งอ่านหนังสืออยู่ใต้ต้นซากุระ กับดอกซากุระแห้ง สอดอยู่ในหนังสือเล่มนั้น
“รูปฉัน”
แพรวดาวมองรูปและดอกซากุระอย่างไม่แน่ใจ ว่าเป็นดอกซากุระของเธอที่ให้ริวหรือเปล่า ก่อนมองไปที่ลิ้นชักโต๊ะทาเคชิด้วยความสงสัย แต่ลังเลที่จะจะลาบละล้วงเรื่องส่วนตัวของเขา ในที่สุด แพรวดาวตัดสินใจตรงเข้าไปเปิดลิ้นชักโต๊ะเห็นดาวกระดาษหลายสีหลายขนาด ถูกเก็บไว้ในลิ้นชัก แพรวดาวอึ้ง น้ำตาคลอ ไม่คาดคิด
“ทาเคชิ...คุณคือเจ้าของดาวกระดาษ”
แพรวดาวยิ้มทั้งน้ำตา ดีใจที่ได้รู้ความจริง
ค่ำนั้น ทาเคชินั่งเหม่อมองแสงดาวระยิบระยับบนท้องฟ้า คิดถึงแพรวดาว ไอโกะวางหนังสือแฟชั่นที่อ่านอยู่ ลุกเข้ามาต่อว่าทาเคชิอย่างหมดความอดทน
“มัวแต่คิดถึงนังนั่น จนไม่คุยกับไอโกะเลย”
ทาเคชิหันกลับมามองไอโกะ ถอนใจออกมาเบา ๆ
“เราอยู่ด้วยกันทั้งวัน จะให้พูดอะไรอีก”
ทาเคชิพลิกตัวหันหลังให้ไอโกะ ไม่อยากต่อล้อต่อเถียง ไอโกะไม่ยอม ก้าวฉับ ๆ อ้อมไปเผชิญหน้ากับทาเคชิ
“ฉันพยายามเรียนทุกอย่างที่เมียหลวงต้องทำ รักและเอาใจคุณสารพัดแต่คุณกลับทำท่าทางรังเกียจฉัน ไม่เคยมีใจให้ฉัน”
ไอโกะพูดด้วยความปวดร้าว น้ำตาแห่งความน้อยใจรินไหล ทาเคชินิ่งงัน เป็นสุภาพบุรุษเกินกว่าจะวิจารณ์ไอโกะตรง ๆ
“ฉันด้อยกว่านังเซโกะตรงไหน คุณถึงได้รักหลงมัน จนมองไม่เห็นความรักที่ฉันมีให้คุณ”
“เซโกะไม่เกี่ยว”
“มันแย่งหัวใจคุณไปจากฉัน ฉันเกลียดมัน”
“ผมยอมรับว่าสนใจเซโกะ แต่เซโกะขอร้องให้ผมเลิกยุ่งกับเธอหลังงานแต่งลูกสาวท่านโอะซะมุ เราตกลงจะไม่เจอกันอีก...จนเคนอิจิจับตัวเซโกะไป”
“คุณจะไม่เจอกันอีก”
ไอโกะอึ้งนิ่ง ช็อค เพราะตัวเองเป็นต้นเหตุทำให้ทาเคชิกับแพรวดาวใกล้ชิดกันมากขึ้น นึกถึงเหตุการณ์ในอดีตที่เธอไปขอให้เคนอิจิจัดการแพรวดาว แล้วเคนอิจิปล้ำเธอ...ไอโกะเซถอยหลังแทบหมดแรง เพิ่งรู้ตัวว่าตกกับดักเคนอิจิ ทำให้แพรวดาวกับทาเคชิได้ใกล้ชิดกัน ไอโกะพูดเบาแผ่วเหมือนช็อค
“คุณเคยตั้งใจจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับผู้หญิงคนนั้นอีกแล้ว”
“ใช่...ถ้าเคนอิจิไม่จับตัวเซโกะไป แพรวดาวจะไม่มีวันมาเป็นโอคุซังของผม”
ทาเคชิเห็นท่าทางไอโกะ เข้าใจว่าไอโกะเสียใจเรื่องเขากับแพรวดาว จึงพยายามอธิบาย
“ผมต้องปกป้องเซโกะ เพื่อรับผิดชอบที่ทำให้เธอตกอยู่ในอันตราย ทันทีที่เรียนจบ เซโกะก็จะกลับเมืองไทย”
น้ำเสียงทาเคชิเศร้าลง เมื่อนึกถึงวันที่แพรวดาวเดินทางกลับ ไอโกะแทบไม่ได้ยินประโยคสุดท้ายของทาเคชิ น้ำตาไหลนอง ร้องไห้ให้กับความโง่เขลาของตัวเอง เธอพูดเสียงเบาจนทาเคชิแทบไม่ได้ยิน
“เพราะฉัน...ฉันทำตัวเอง”
“คุณพูดอะไรนะ”
ทาเคชิมองไอโกะร้องไห้ คิดว่าเธอรับไม่ได้ในสิ่งที่เขาพูด จู่ ๆ ไอโกะก็คว้ากระเป๋าถือและกุญแจรถ ร้องไห้วิ่งออกไปจากห้อง
“ไอโกะ...”
ทาเคชิหนักใจ
เคนอิจิยิ้มกริ่ม มองพนักพนันมากมายในบ่อนผ่านกระจกใสในห้องรับรองวีไอพี อย่างอารมณ์ดี ไอโกะผลักประตูเข้ามาโดยไม่ฟังเสียงคัดค้านของชินอิจิ
“เดี๋ยวครับคุณหนูไอโกะ”
เคนอิจิหันมาเห็นไอโกะปรี่เข้ามายืนประจันหน้า สายตาไอโกะมองเคนอิจิด้วยความเกลียดชัง ชินอิจิรีบเลี่ยงออกไปอย่างรู้หน้าที่
“ลมคิดถึงหอบเมียสุดรักมาเหรอจ้ะ”
“ไอ้ชั่ว”
ไอโกะฟาดฝ่ามือลงบนแก้มเคนอิจิฉาดใหญ่
“ไอ้คนหลอกลวง”
ไอโกะเงื้อมือจะตบเคนอิจิอีกครั้ง แต่ถูกเขาคว้ามือไว้ และบิดจนร่างเธอเซถลาเข้าอ้อมกอดเขา เคนอิจิโกรธมาก
“เป็นบ้าอะไรขึ้นมา”
“ไอ้คนเจ้าเล่ห์ แกใช้นังเซโกะเป็นเหยื่อล่อทาเคชิมาฆ่า เพราะแก...นังเซโกะถึงได้เป็นโอคุซังได้อยู่กับทาเคชิ”
ไอโกะตะโกนด่าทั้งน้ำตา
“แกหลอกให้ฉันมานอนกับแก แต่กลับส่งคนไปฆ่าทาเคชิ ไอ้เลว”
ไอโกะสะบัดตัวหลุดจากการเกาะกุมของเคนอิจิ จึงฟาดฝ่ามือลงบนแก้มเขาอีก เคนอิจิเงื้อมือฟาดกลับเข้าที่หน้าของเธอ จนล้มฟุบลงไปกองกับพื้น ไอโกะเงยหน้า กำลังจะยันตัวลุกแต่เคนอิจิก็ก้าวเข้ามาชี้หน้าเธออย่างกราดเกรี้ยว
“อย่ามาออกฤทธิ์ที่นี่ ผมไม่ใช่ลูกน้องคุณ”
ไอโกะสะอื้นไห้
“แก...แกตบฉัน”
“รีบไปฟ้องพ่อเธอสิ จะได้กระอักเลือดที่รู้ว่าได้ใครเป็นลูกเขย”
ไอโกะเลือดขึ้นหน้า ยันตัวลุกขึ้นพุ่งเข้าหาหมายจะสู้ เคนอิจิถอยหลบ ก่อนจะตบสวนจนร่างไอโกะล้มทรุดฮวบลงไปอีกครั้ง เคนอิจิก้าวเข้าหาท่าทีคุกคาม ไอโกะถอตัวถอยกรูด ด้วยความเจ็บปวด เลือดกบปากเสียงสั่น
“แกจะทำอะไร”
“สั่งสอนให้รู้ว่าใครเป็นใคร จะได้ไม่กล้าหือกับผัวอีก”
“อย่านะ...อย่า”
เคนอิจิกระชากตัวไอโกะโยนลงไปบนโซฟา ไอโกะพยายามพลิกตัวหลบ ถูกมือเคนอิจิคว้าคอเสื้อฉีกลงมาเป็นทางยาว
“อ๊าย...”
ไอโกะร้องโหยหวน พยายามผลักดันร่างเคนอิจิที่โถมทับเข้ามา ทั้งกัดทั้งข่วนสู้ เคนอิจิบีบขากรรไกรของเธอให้รับจูบหนักหน่วง ไอโกะน้ำตาริน...กรีดร้องในลำคอ
ไอโกะนอนคู้ตัวอยู่บนโซฟา เสื้อผ้าขาดลุ่ย ร้องไห้ด้วยความอับอายและอดสู เคนอิจิใส่เสื้อผ้าให้ตัวเองเสร็จ จึงหันกลับมามองด้วยสายตาดุดัน
“จำไว้ ผมไม่ใช่ที่รองรับอารมณ์ของคุณ”
ไอโกะสะอื้นฮักด้วยความหวาดกลัว พยายามดึงเสื้อมาปิดร่างตัวเอง ไม่กล้าสบตาเคนอิจิ
เรื่องทาเคชิถูกยิง ไม่ใช่ฝีมือผม กลับไปถามพ่อคุณเอง”
เคนอิจิเปิดประตูเดินออกไป ไอโกะตกใจ หวาดกลัว พยายามเก็บกลั้นอารมณ์แห่งความอัปยศนี้
รถไอโกะขับรถพุ่งมาในถนนเปลี่ยวด้วยความเร็ว จู่ ๆ ก็เบรกรถเสียงดังลั่น ไอโกะในสภาพเนื้อตัวฟกช้ำ เสื้อผ้าขาดรุ่ย พยายามคุมสติตัวเองด้วยการบีบพวงมาลัยแน่นขึ้นจนมือสั่น หน้าไอโกะที่ตื่นตระหนกและเจ็บปวด รับไม่ได้กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ครู่หนึ่งเธอก็ปล่อยโฮออกมาอย่างหมดสภาพ เอามือทุบพวงมาลัยอย่างบ้าคลั่ง และกรีดร้องราวกับต้องการระบายความเจ็บปวดภายในใจออกมา
“อ๊าย...”
ไอโกะก้มหน้าร้องไห้กับพวงมาลัย อย่างเจ็บปวดและทุกข์ทรมานใจที่สุด
บ้านโอะนิซึกะวันใหม่...อายะโกะรีบเข้ามาโค้งตัวต้อนรับทาเคชิด้วยความดีใจ
“ยินดีต้อนรับโซเรียวกลับบ้านค่ะ หายดีแล้วใช่ไหมคะ”
ริวชิงตอบตัดหน้า
“คนมันดื้อครับป้า ขู่หมอฟ่อ ๆ จะกลับบ้านให้ได้”
“ฉันหายแล้ว อยากกลับมาพักผ่อนที่บ้าน”
“อยากพักหรือทนคิดถึงสุดที่รักไม่ได้กันแน่”
ทาเคชิแปลกใจที่ไม่เห็นแพรวดาว จึงถามอายะโกะ
“เซโกะไม่อยู่เหรอ”
“คือ โอคุซัง...”
อายะโกะทำทีอึกอัก มองขึ้นไปบนห้อง ไม่กล้าพูด
“เซโกะไม่สบายหรือเปล่า”
ทาเคชิรีบเดินขึ้นไปบนห้องด้วยความเป็นห่วงแพรวดาว อายะโกะกับริวหันมายิ้มให้กัน เข้าแผน
ทาเคชิรีบเปิดประตูเข้ามาอย่างร้อนใจ
“เซโกะ”
ทาเคชิอึ้ง เมื่อในห้องนอนของเขา เต็มไปด้วยดาวกระดาษหลากสีหลากขนาด ถูกร้อยด้วยเชือกห้อยเป็นสายรุ้งมากมาย และปลายสายรุ้ง มีรูปแพรวดาวในอิริยาบถต่าง ๆที่ทาเคชิเคยแอบถ่ายไว้ในมหาวิทยาลัยห้อยอยู่ด้วย สวยงามมาก ทาเคชิตะลึง จนพูดไม่ออก
“นี่มัน...”
ทาเคชิเดินก้าวเข้ามาในห้อง มองดาวกระดาษ และหยิบรูปแพรวดาวเข้ามา ยิ้มอย่างจำได้ดี ทาเคชิเดินดูรูปของแพรวดาวแต่ละใบอย่างตื่นเต้น จนมาหยุดอยู่ที่กระดาษโน้ตสีชมพูอ่อน ที่ทาเคชิแอบสอดให้แพรวดาว ทาเคชิอมยิ้ม อ่านกลอนในกระดาษอย่างจำได้ขึ้นใจ
“คืนเดือนแรมแซมดาวเพียงพราวพร่าง
หนึ่งกระจ่างกลางใจให้ใฝ่ฝัน
บนทางรักนักรบแห่งตะวัน
สว่างจันทร์ส่องใจในคืนเพ็ญ…”
เสียงแพรวดาวดังขึ้น
“คืนเดือนแรมแซมดาวสกาวฟ้า
หนึ่งดารากลางใจให้ห่วงหา
แม้นทางรักนักรบไร้จันทรา
ดาริกาพรายพร่างส่องทางใจ”
ทาเคชิตื่นเต้น เมื่อได้ยินเสียงต่อกลอนของแพรวดาว แพรวดาวก้าวออกมาจากมุมหนึ่งในห้อง เดินเข้ามาหา
“ฉันเคยสงสัยมาตลอด ว่าใครคือเจ้าของดาวกระดาษปริศนา...ใจหนึ่งคิดว่าเป็นคนอื่น แต่อีกใจก็ภาวนาขอให้เป็นคุณ”
“คุณรู้”
แพรวดาวสบตาทาเคชิ หวานซึ้ง
“ฉันรู้แล้วว่าผู้ชายคนนี้หลงรักฉันแค่ไหน”
“ผมรักคุณมากเท่าที่ผู้ชายคนหนึ่งจะรักผู้หญิงคนหนึ่งได้ ถึงจะรู้ว่าไม่มีสิทธิ์ เพราะคุณมีเจ้าของหัวใจแล้ว”
แพรวดาวนิ่งไปสักพัก ก่อนตัดสินใจบอกความจริงกับทาเคชิ
“ไม่มีใครรอฉันอยู่เมืองไทยนอกจากพ่อแม่และน้องชายฉัน...ฉันเรียกคุณว่าอะนะตะ เพราะฉันอยากเรียกคุณว่าที่รัก ไม่ใช่เพราะคุณสั่ง”
ทาเคชิตาโต ดีใจมาก
“เซโกะ...”
“ฉันตั้งใจบอกความจริงว่าไม่เคยมีแฟนในคืนวันเกิด แต่คุณถูกยิงเสียก่อน ฉันรู้สึกผิดและละอายใจมาตลอดที่โกหกคุณ”
“ผมเฝ้าจีบคุณมาแรมเดือน แต่คุณก็ใจแข็งไม่ยอมรับรัก จนผมคิดว่าไม่มีวันเอาชนะผู้ชายคนนั้นได้”
“คุณไม่ต้องเอาชนะใคร เพราะคุณคือผู้ชายคนเดียวในหัวใจฉันค่ะอะนะตะ”
ทาเคชิดึงร่างแพรวดาวมากอดด้วยความดีใจ
“ผมดีใจที่ได้ยินคำนี้จากปากคุณ...คิมิที่รัก”
แพรวดาวกอดเอวทาเคชิ และเอียงศีรษะซบไหล่เขาอย่างสุขใจ ทั้งสองกอดกันแนบแน่น โล่งอก ด้วยรักที่เข้าใจกันและกัน
ริกิเคาะประตูห้องนอนไอโกะเรียกเบา ๆ
“ไอโกะ...เปิดประตูให้พ่อหน่อย”
เงียบไม่มีเสียงตอบ ริกิยิ่งสงสัย จึงเปิดประตูเข้าห้องไปโดยไม่รอเสียงตอบ ในห้องมีแต่แสงสลัว เพราะปิดผ้าม่านมิดชิดทั้งหมด ริกิเห็นไอโกะนอนหันหลังให้ ซุกหน้าอยู่กับหมอนบนเบาะนอน จึงถามด้วยความเป็นห่วง
“ไม่สบายหรือเปล่า”
ไอโกะตอบโดยไม่หันหลังกลับมา น้ำเสียงอู้อี้ ลอย ๆ
“หนูปวดหัว อยากนอนพัก”
“ทำไมไม่หาหมอ”
ไอโกะเงียบ พยายามกลั้นสะอื้นจนตัวสั่น ริกิสงสัย จึงจับไหล่ไอโกะให้หันมาเพื่อจะอังมือลงบนหน้าผาก แต่เธอฝืนตัวไม่ยอม ริกิจึงต้องใช้แรงดึงไหล่ให้หันมา ไอโกะหันมา ใบหน้าฟกช้ำ มีร่องรอยถูกทำร้ายตามตัว ริกิตกใจ
“เกิดอะไรขึ้น...ใครทำอะไรลูก”
ไอโกะปล่อยโฮ แล้วโผเข้ากอดริกิร่ำไห้สะอึกสะอื้นราวจะขาดใจ ริกิกัดฟันถาม
“ไอ้ทาเคชิทำร้ายลูกใช่มั้ย”
ไอโกะส่ายหน้ากับอกของเขา ยิ่งทำให้ริกิอารมณ์เดือดพล่าน หมดความอดทน จับไหล่ลูกสาวเขย่าคาดคั้นเอาความจริง
“บอกพ่อมาเดี๋ยวนี้ ใครทำร้ายไอโกะ”
ไอโกะยิ่งปล่อยโฮหนักกว่าเดิม ปิดปากแน่น ไม่กล้าบอกความจริง ริกิจึงลุกขึ้นและดึงแขนให้ลุกตาม
“ถ้าลูกไม่บอก พ่อจะพาไปบ้านโอะนิซึกะ ไปถามไอ้ทาเคชิให้รู้เรื่อง”
ไอโกะปฏิเสธทั้งน้ำตา ฝืนตัวเองไว้ไม่ให้ถูกพ่อลากไปได้
“ยะ...อย่าค่ะ ไม่ใช่ทาเคชิ”
“มันเป็นใคร บอกพ่อมาเดี๋ยวนี้”
ริกิตวาดเสียงดังลั่น จนไอโกะตัวสั่นงันงก
“ไอ้เคนอิจิ...มันข่มขืนหนู”
ไอโกะพรั่งพรูความคับแค้นใจออกมา น้ำตาไหลพราก
“เคนอิจิ”
ริกิตกใจจนเข่าอ่อน ทิ้งตัวลงนั่งบนพื้น ช็อกสุดขีด ไอโกะร้องไห้โฮซบหน้าลงบนตักพ่อ ด้วยความเจ็บปวดและคับแค้นใจเกินเยียวยา ริกิมองลูกสาวสีหน้าและแววตาเจ็บปวดไม่แพ้กัน ทุกสิ่งที่ปูทางให้ลูก ถูกเคนอิจิย่ำยีจนหมดแล้ว
“เล่ามาให้หมดว่าเรื่องมันเป็นยังไง”
ไอโกะยังคงร้องโฮ สะอื้นจนตัวสั่น ริกิกอดลูกไว้ เจ็บปวดราวใจจะขาดไปกับลูก เขาแววตาคลั่งแค้นอำมหิต
จบตอนที่ 8