รอยรักหักเหลี่ยมตะวัน ตอนที่ 10
เย็นนั้น โอะซะมุอยู่ในห้องทำงานวางจดหมายฉบับหนึ่งลงหลังจากอ่านเสร็จ น้ำเสียงไม่ค่อยพอใจ
“เบื้องบนมีคำสั่งให้เราเปิดเส้นทางให้ซะโต้ขนสินค้าเที่ยวพิเศษ ผ่านคลังสินค้ารถไฟ”
ฮิโระ อาเบะแปลกใจ
“สินค้าเที่ยวพิเศษ”
“พวกซะโต้คงจ่ายค่าปิดหูปิดตาเบื้องบนให้มากดดันตำรวจ เราทำอะไรไม่ได้”
ฮิโระ อาเบะผิดหวัง
“น่าเจ็บใจนัก”
โอะซะมุถอนใจแรง หนักใจมาก
“อนาคตของเมืองนี้คงต้องขึ้นอยู่กับสายเลือดซามูไร...สายเลือดนักรบของจักรพรรดิ ที่คอยปกป้องดูแลเมืองมาตั้งแต่บรรพบุรุษ”
ฮิโระ อาเบะสงสัย
“ท่านโอะซะมุหมายถึง...”
“โอะนิซึกะ”
โอะซะมุเคร่งเครียด นึกเอาใจช่วยโอะนิซึกะผู้เป็นความหวังเดียวของเมือง
โถงบ้านโอะนิซึกะ...แพรวดาวผุดลุกผุดนั่ง รอคอยทาเคชิกลับบ้าน เสียงรถแล่นเข้ามาจอดหน้าบ้าน แพรวดาวชะเง้อมองผ่านหน้าต่าง กังวล สับสน ไม่รู้จะเริ่มต้นคุยกับเขายังไง ไม่นานนัก ทาเคชิเดินเข้ามาในบ้านด้วยสีหน้าอิดโรย โดยมีคัตสึกับเซกิ หิ้วกระเป๋าและเอกสารตามมา แพรวดาวเห็นสีหน้าทาเคชิ รีบส่งยิ้ม ปรี่เข้าไปเอาใจ
“เหนื่อยไหมคะ”
“เห็นหน้าคิมิที่รักก็หายเหนื่อยทันที”
คัตสึกับเซกิ สบตารู้กัน รีบเลี่ยงไป ปล่อยให้คู่รักได้อยู่กันตามลำพัง
“คุณควรพักผ่อนเยอะ ๆ เพราะพรุ่งนี้...” แพรวดาวชะงัก นึกได้ว่าหลุดปากไป
ทาเคชิเลิกคิ้ว มองใบหน้านวลนิ่งของเธอและเห็นคำตอบจากสายตาที่มีแววกังวล ทาเคชิเสียงดุ ไม่ค่อยพอใจ
“ทาโร่บอกคุณ”
“อย่าโทษทาโร่เลยนะคะ ฉันคาดคั้นถามเขาเอง”
“ผมปิดเรื่องบุกถล่มซะโต้ เพราะไม่อยากให้คุณไม่สบายใจ”
“ฉันจะเป็นโอคุซังที่แย่มาก ถ้าไม่รับรู้ทุกข์สุขของโซเรียว”
แพรวดาวคลี่ยิ้มหวานเอาใจ เดินเข้าไปกอดเอวเขาพร้อมกับพิงศีรษะเข้ากับอกกว้างของเขา พยายามสะกดกลั้นน้ำตาไม่ให้รินไหล
“การต่อสู้ของซามูไรเป็นสิ่งมีเกียรติ ภรรยาที่ดีต้องสนับสนุนและอวยพรสามี”
ทาเคชิโอบแขนรัดร่างแพรวดาว เอียงศีรษะของเขาซบบนเรือนผมของเธอกระซิบอย่างฮึกเหิม
“ผมจะกลับมาพร้อมกับชัยชนะ”
แพรวดาวเงยหน้ามองทาเคชิ ราวกับต้องการความมั่นใจ จู่ ๆ แพรวดาวก็เกิดอาการวูบ หน้ามืด ทาเคชิประคองตัวแพรวดาวไว้ด้วยความตกใจ
“เซโกะ...คุณเป็นอะไร”
“ไม่รู้ค่ะ จู่ ๆ ก็หน้ามืด”
ทาเคชิมองแพรวดาวที่ยังมีอาการเวียนหัว ด้วยความเป็นห่วง
ทาเคชิประคองตัวแพรวดาวเข้ามาในห้อง ให้นอนลงบนเบาะนอนอย่างนิ่มนวล
“คุณคงเครียดมากไป ควรจะนอนพักเยอะ ๆ”
แพรวดาวพยักหน้ารับคำเล็กน้อย นิ่งมองทาเคชิที่นั่งเฝ้าอยู่ข้างกาย
“สองเดือนที่เราอยู่ด้วยกัน ฉันได้เรียนรู้วิถีชีวิตของโอะนิซึกะมากมาย โดยเฉพาะหน้าที่ที่ยิ่งใหญ่ของโซเรียว...ผู้นำที่ต้องทำทุกอย่างเพื่อรักษาเกียรติของตระกูล”
“สิ่งที่โอะนิซึกะโซเรียวทุกคนต้องทำ ไม่ใช่แค่รักษาเกียรติของตระกูล แต่มันหมายถึงการปกป้องเมืองนี้จากอันธพาลชั่ว ทำให้กลับมาสงบสุขเหมือนเดิม”
ทาเคชิพูดด้วยน้ำเสียงมุ่งมั่น กล้าหาญ แพรวดาวลอบมองทาเคชิด้วยแววตากังวล
บ้านมิซาว่ายามค่ำคืน...ริกิสั่งซาโตชิด้วยน้ำเสียงเข้ม จริงจัง
“พรุ่งนี้...แกกับจูโร่พาคนของเราไปรับของจากเคนอิจิ”
ซาโตริขัดขึ้น
“ให้จูโร่อยู่ดูแลพ่อกับไอโกะที่นี่แหละ ผมจัดการเองได้”
ริกิจะค้าน แต่ซาโตชิตัดบท
“พ่อไม่เชื่อฝีมือผม”
“คนเจ้าเล่ห์อย่างไอ้เคนอิจิมันทำงานดี แต่ไว้ใจไม่ได้”
“ไอ้เคนอิจิไม่ได้มีพิษสงอยู่คนเดียว”
ริกิเหนื่อยใจในความดื้อรั้นของซาโตชิ
“มิซาว่ามีเส้นสายมากกว่าซะโต้ ทำไมพ่อไม่ขนสินค้าเข้ามาเอง”
“ได้สินค้าดีราคาถูก ซ้ำชื่อเสียงยังไม่แปดเปื้อน...เราไม่จำเป็นต้องเหนื่อย”
ซาโตชิคิดตาม ก่อนกระหยิ่มยิ้ม เข้าใจแผนของริกิ จูโร่พูดขึ้น
“เคนอิจิหวังใช้การขนสินค้าครั้งนี้ ล่อพวกโอะนิซึกะมาติดกับ...แต่ถ้าโอะนิซึกะเห็นมิซาว่า...”
“เราก็แค่รอเวลาให้ซะโต้กับโอะนิซึกะฆ่าฟันกันเอง หลังจากนั้น”
ริกิหันไปสบตาซาโตชิ
“รู้ใช่ไหมว่าต้องทำอะไร”
“ผมไม่มีวันลืมความแค้นที่ไอ้เคนอิจิทำกับไอโกะ...ไอ้ทาเคชิกับไอ้ริวกลายเป็นศพเมื่อไหร่ เคนอิจิ ซะโต้ ก็ไม่จำเป็นต้องหายใจ”
ซาโตชิกับริกิยิ้มเหี้ยม แววตาเต็มไปด้วยความอำมหิต
แพรวดาวหลับฝันถึงบ้านของเธอที่เมืองไทย ภาพในฝันบรรยากาศหน้าบ้านเต็มไปด้วยวิถีธรรมชาติแบบไทย และสวนพุ่มดอกดาวเรืองเหลืองอร่าม สวยงาม แพรวดาวก้าวเข้ามายืนหน้าบ้าน มองบ้านด้วยความคิดถึง ก่อนหันไปเห็นพ่อกับน้องชายช่วยกันรดน้ำพรวนดินแปลงผักไม่ไกลนัก พ่อหันมาเห็นแพรวดาว ตะลึง ไม่คาดคิด ละมือจากงาน ปรี่เข้าไปหาทันที
“แพรวดาว”
น้องชายวิ่งตามพ่อเข้าไปกอดแพรวดาวตะโกนด้วยความดีใจ
“เย้...พี่แพรวดาวกลับมาแล้ว”
แม่วิ่งออกมาจากบ้าน เพราะได้ยินเสียงน้องชาย ชะงัก เมื่อเห็นแพรวดาวอยู่ในอ้อมกอดพ่อและน้องชาย แพรวดาวหันไปเห็นแม่
“แม่...”
แม่ถลารีบเข้ามากอดอีกคน ดีใจและคิดถึงลูกมาก
“เรียนจบแล้วใช่ไหมลูก...กลับมาอยู่บ้านเราแล้วสินะ”
แพรวดาวสลด พูดไม่ออก พ่อสังเกตเห็นท่าทางแพรวดาว จึงถามด้วยความแปลกใจ
“มีเรื่องอะไร”
แพรวดาวมองพ่อแม่ รู้สึกผิด ไม่กล้าเล่าให้ฟัง
รอยรักหักเหลี่ยมตะวัน ตอนที่ 10 (ต่อ)
แพรวดาวกราบพ่อแม่ทั้งน้ำตา สารภาพเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดให้ฟัง
“หนูทำให้พ่อแม่ผิดหวัง...ยกโทษให้หนูด้วยนะคะ”
หน้าตาพ่อตึงเครียด โกรธมาก แม่หันมาสบตาพ่อ สายตาอ้อนวอนขอร้องให้ยกโทษให้ลูก พ่อชำเลืองมองแพรวดาวที่ร้องไห้อย่างรู้สึกผิด เริ่มใจอ่อน น้ำเสียงอ่อนลง
“อะไรที่มันผิดพลาดไปแล้วก็ให้ถือเป็นบทเรียน ไม่ต้องเอาความรู้สึกนั้น...กลับมาทำร้ายตัวเอง”
“เรื่องของหนูกับทาเคชิ...”
“ลูกเห็นแล้วไม่ใช่หรือ ว่าโลกของเรากับเขาแตกต่างกันยังไง”
แพรวดาวนิ่ง ราวกับยอมรับความจริง แม่กุมมือแพรวดาว พูดเตือนสติ
“ทุกคนมีสิทธิ์ที่จะฝัน หรือหลงอยู่ในโลกของความฝันชั่วเวลาหนึ่ง แต่สุดท้ายเราก็ต้องตื่นมาอยู่ในโลกที่แท้จริง...นั่นก็คือการยอมรับความจริง”
“ผู้หญิงของนักรบ คือจุดอ่อนที่สำคัญที่สุดของนักรบ...ถ้าลูกรักทาเคชิ ลูกก็ต้องตัดใจจากเขา”
แพรวดาวสับสน ว้าวุ่นใจมาก
เช้าวันใหม่...แพรวดาวสะดุ้งเฮือก ตกใจตื่นขึ้นมาจากฝัน เธอสำรวจตัวเองด้วยความเหนื่อยหอบ งุนงง
“ฝัน”
แพรวดาวนึกทบทวนความฝัน หันมองจนทั่วห้อง ตกใจ นึกขึ้นได้
“สายแล้ว...”
แพรวดาวรีบลุกจากที่นอน ออกไปหาทาเคชิทันที
ในห้องแต่งตัว...ทาเคชิยืนหันหลัง เปลือยท่อนบน กำลังแต่งตัว แพรวดาวเปิดประตู รีบเข้ามาในห้อง ก้มศีรษะขอโทษทาเคชิอย่างรู้สึกผิด
“ขอโทษค่ะ ฉันตื่นสาย”
“ผมไม่ปลุก เพราะอยากให้คุณนอนพักผ่อนเยอะ ๆ”
“แต่วันนี้เป็นวันสำคัญของโอะนิซึกะ ฉันต้องแต่งตัวให้คุณ”
ทาเคชิหันหน้ามาหาแพรวดาว ทั้งที่ยังไม่ได้ใส่เสื้อ แพรวดาวอึ้งมองอกเปลือยเปล่าของทาเคชิ ไม่ทันตั้งตัว แล้วรีบก้มตาก้มตาหยิบเสื้อมาสวมให้ทาเคชิอย่างเขิน ๆ ทาเคชิแอบยิ้ม มองแพรวดาวแต่งตัวให้เขาไป เขินไป แพรวดาวติดกระดุมเสื้อให้ถึงกระดุมเม็ดสุดท้าย จู่ ๆ ก็รู้สึกใจหายวาบ นิ่งงัน ทาเคชิเป็นห่วง
“คุณหน้ามืดอีกหรือ”
“คุณเคยเล่าให้ฉันฟังว่า ทุกครั้งที่พ่อคุณพาคนออกไปจัดการพวกอันธพาล แม่คุณจะแอบร้องไห้เสมอ”
“ผมไม่อยากให้คุณทุกข์ใจเหมือนแม่...แต่สุดท้ายผมก็ทำให้คุณ...”
แพรวดาวโผเข้ากอดเอวทาเคชิ พยายามรวบรวมความเข้มแข็งบอกเขา
“ฉันมั่นใจว่าคุณต้องได้รับชัยชนะ ฉันจะส่งกำลังใจให้คุณค่ะอะนะตะ ฉันจะเข้มแข็งและรอคุณกลับมา”
แพรวดาวยิ้มมั่นใจ สบตาเขา ทาเคชิรู้สึกโล่งใจ ก่อนเชยคางเธอขึ้น แนบจุมพิตที่หน้าผากของเธอ ให้สัญญาหนักแน่น
“ผมจะกลับมาหาคุณ...คิมิที่รัก”
ทาเคชิค่อย ๆ ผละจากตัวแพรวดาว ก้าวออกจากห้อง ท่าทางนิ่งขรึมมาก แพรวดาวน้ำตาปริ่มมองตาม แล้วรีบกระพริบไล่น้ำตา พยายามที่จะเข้มแข็งเพื่อทาเคชิ
ในห้องเก็บป้ายบรรพบุรุษ...บรรยากาศภายในห้องทุกคนอยู่ในชุดพร้อมรบ นั่งคุกเข่าอย่างพร้อมเพรียง สีหน้าและท่าทางขึงขัง จริงจังมาก ทาเคชิหยิบดาบประจำตระกูลลงมาจากแท่น และคุกเข่าลงเบื้องหน้า ก่อนจะยกดาบขึ้นชูเหนือศีรษะประกาศก้อง
“เราจะไม่ยอมให้ความอยุติธรรมอยู่เหนือความถูกต้อง ถึงเวลาที่โอะนิซึกะสายเลือดซามูไร...นักรบแห่งจักรพรรดิ จะลุกขึ้นมาต่อสู้และปกป้องเมืองนี้จากพวกอันธพาลที่คิดทำลายเมืองของเรา”
ริว ทาโร่ โคจิ ลูกน้องโอะนิซึกะ ก้มศีรษะทำความเคารพต่อป้ายบรรพบุรุษพร้อมเพรียงกัน
“ขอให้ดวงวิญญาณบรรพบุรุษอวยพรให้ลูกหลานโอะนิซึกะได้รับชัยชนะกลับมา”
ทุกคนพูดกันพร้อมเพรียง
“ขอให้ดวงวิญญาณบรรพบุรุษอวยพรให้ลูกหลานโอะนิซึกะได้รับชัยชนะกลับมา”
“ฉันเชื่อด้วยจิตที่มุ่งมั่นทำความดี วิญญาณบรรพบุรุษจะคุ้มครองพวกเราให้ปลอดภัย”
เหล่าลูกน้องโอะนิซึกะส่งเสียงเฮ เรียกขวัญและกำลังใจ ทาเคชิหยิบดาบสั้นเหน็บตรงข้างเอว และกระชับดาบยาวไว้ในมือ...ทาเคชิ ริว ทาโร่ โคจิ และลูกน้องโอะนิซึกะทุกคนหน้าตามุ่งมั่นและฮึกเหิม ประตูถูกเลื่อนเปิดออก ทุกคนหันไปมองด้วยความแปลกใจ เห็นแพรวดาวถือกระเช้าใส่ผ้าเช็ดหน้าปักลายดอกซากุระหลายผืน เดินเข้ามาในห้อง เหล่าลูกน้องก้มศีรษะทำความเคารพแพรวดาว ทาเคชิชะงัก
“เซโกะ”
“กลีบดอกซากุระร่วง...เปรียบเหมือนนักรบที่เสียสละชีวิตอย่างมีเกียรติ แต่ฉันเอาผ้าเช็ดหน้าดอกซากุระมาให้พวกเรา นักรบของโอะนิซึกะจะไม่มีวันร่วงหล่นจากต้น”
แพรวดาวเดินไปหาทาเคชิ ยื่นผ้าเช็ดหน้าดอกซากุระให้เขากับมือ
“โซเรียวจะนำพาโอะนิซึกะให้ปลอดภัย และได้รับชัยชนะ...”
ทาเคชิรับผ้าเช็ดหน้าดอกซากุระ และกุมมือแพรวดาวขึ้นมาจุมพิตราวกับให้สัญญาเรียกเสียงฮือฮาหมั่นไส้จากริว คัตสึ เซกิ และลูกน้องโอะนิซึกะเป็นอย่างมาก
“สวย เก่ง สมเป็นนายหญิงของโอะนิซึกะที่สุด” ริวชม
ทาโร่ลอบมองแพรวดาว ลึก ๆ แอบหวังอยากได้คำอวยพรจากแพรวดาวบ้าง โคจิสบตาทาโร่ราวกับตั้งใจเตือนสติ ทาโร่จึงหลบสายตาลงอย่างรู้ตัว แพรวดาวหันไปยื่นดอกซากุระให้ริวแอบกระซิบบอกริวเบา ๆ
“ฝากดูแลทาเคชิด้วยนะคะ”
ริวก้มศีรษะขอบคุณ กระซิบตอบ
“ไม่ต้องห่วงครับคุณพี่สะใภ้”
แพรวดาวยิ้มหวานขอบคุณริว ก่อนเอาผ้าเช็ดหน้าดอกซากุระไปอวยพรให้โคจิ คัตสึ เซกิ และเหล่าลูกน้องโอะนิซึกะทุกคนต่างดีใจและก้มศีรษะขอบคุณแพรวดาว ทาโร่เดินเลี่ยงออกไปจากห้องอย่างเงียบ ๆ อย่างเจียมตัว
ทาโร่เดินออกมาจากห้อง เหงา ๆ เศร้า ๆก่อนมาหยุดยืนทอดถอนใจ มองเหม่อออกไปยังบริเวณสวนสวยเบื้องหน้า
“คุณทาโร่”
ทาโร่ชะงัก หันไปเห็นแพรวดาวเดินเข้ามาหา เขาก้มศีรษะเคารพเธอ
“โอคุซังมีอะไรจะใช้ผมหรือครับ”
แพรวดาวยิ้มหวาน ยื่นผ้าเช็ดหน้าดอกซากุระผืนสุดท้ายในกระเช้าใส่มือทาโร่น้ำเสียงอ่อนโยน
“ฉันขออวยพรให้คุณทาโร่ปลอดภัยกลับมานะคะ”
“ขอบคุณโอคุซังมากครับ”
ทาโร่อึ้ง ไม่คาดคิด มองมือแพรวดาวที่จับกุมมือเขาอยู่ แพรวดาวค่อย ๆ ถอนมือออกจากมือทาโร่ ยิ้มให้กำลังใจ ก่อนหันหลังเดินจากไป ทาโร่มองผ้าเช็ดผ้าดอกซากุระในมืออย่างตื่นเต้น ดีใจที่ได้รับคำอวยพรจากแพรวดาว
รอยรักหักเหลี่ยมตะวัน ตอนที่ 10 (ต่อ)
โคจิเดินเข้ามาหามาซาโตะกับคาซูมะ สีหน้าจริงจัง
“ถ้าเกิดอะไรขึ้น...พวกนายมีหน้าที่ทำให้ตระกูลโอะนิซึกะคงอยู่ตลอดไป”
โคจิแตะไหล่เพื่อนทั้งสองคนด้วยมาดสุขุมที่สุด แล้วเดินร่วมขบวนโอะนิซึกะออกไป แพรวดาวยืนมองรถตู้หลายคันของพวกทาเคชิแล่นเป็นขบวนออกไปทีละคัน ด้วยหัวใจเต้นระทึก พอรถตู้ทั้งหมดลับไป แพรวดาวจึงลอบถอนใจ สีหน้าแปรเปลี่ยนเป็นวิตกกังวล มืออายะโกะแตะลงบนไหล่แพรวดาวอย่างนิ่มนวล แพรวดาวหันไปเห็นรอยยิ้มปลอบใจของอายะโกะซึ่งมองเธออย่างเข้าใจ
“คุณแม่ของคุณทาเคชิก็เคยปั้นหน้าขรึมให้กำลังใจท่านอิจิโร่อย่างนี้ ทั้งที่ในใจมีแต่ความเป็นห่วง เป็นกังวล”
“ผู้หญิงของนักรบ ทำได้แค่ให้กำลังใจใช่ไหมคะ”
อายะโกะยิ้มอบอุ่น ก่อนแนะนำ
“โอคุซังอยากจัดดอกไม้แก้เครียดไหมคะ คุณแม่ของคุณทาเคชิชอบทำเพื่อฆ่าเวลารอท่านอิจิโร่กลับมา”
แพรวดาวสองจิตสองใจ
บรรยากาศบริเวณคลังสินค้ารถไฟยามค่ำคืน รถไฟโบกี้บรรทุกสินค้าแบบตู้คอนเทนเนอร์ จอดอยู่มากมายหลายขบวน ยามะใช้กล้องส่องทางไกล ส่องขบวนรถไฟบรรทุกสินค้าขบวนหนึ่งที่อยู่ไกลพอสมควร กำลังแล่นช้า ๆ เข้ามาที่ชานชาลาในคลังสินค้ารถไฟหัวรถไฟขบวนดังกล่าว มีธงสัญลักษณ์ของซะโต้โบกสะบัดอยู่อย่างชัดเจน ยามะลดกล้องส่องทางไกลลง แล้วหันมารายงานเคนอิจิที่ยืนรออยู่มุมหนึ่งด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
“มาแล้วครับ”
เคนอิจิกระหยิ่มยิ้ม อย่างรอคอย ขบวนรถของซาโตชิแล่นเข้ามาจอดอีกมุม เคนอิจิ ยามะ โคเฮ ชินอิจิ หันไปมองพวกซาโตชิที่กำลังก้าวลงจากรถด้วยความแปลกใจ
“มิซาว่า” โคเฮพึมพำ
เคนอิจิสั่งชินอิจิ
“พาคนไปตรวจความเรียบร้อยสิ”
“ครับนาย”
ชินอิจิก้มศีรษะรับคำ แล้วเดินเลี่ยงไปด้วยความเสียดายที่ไม่ได้อยู่ฟังการสนทนาของเคนอิจิกับซาโตชิ...ซาโตชิเดินนำลูกน้องมิซาว่า เดินสวนชินอิจิเข้ามาถามเคนอิจิอย่างวางอำนาจ
“ของมาถึงหรือยัง”
เคนอิจิพยักเพยิดสายตาให้ซาโตชิมองไปทางรถไฟบรรทุกสินค้าที่แล่นเข้ามาจอดชานชาลา อย่างไม่ค่อยพอใจ สายตาซาโตชิเห็นชินอิจิและลูกน้องซะโต้ รายล้อมโบกี้บรรทุกสินค้า เพื่อรอตรวจเช็คของ
“ผู้หญิงกับยาล็อตนี้เป็นของมิซาว่าครึ่งหนึ่ง”
“ไม่คิดว่ามิซาว่าโซเรียวจะส่งลูกชายมาเพราะไม่ไว้ใจ”
“ฉันมาช่วยให้งานเสร็จเร็วขึ้นเท่านั้น”
ซาโตชิหัวเราะเสียงเยือกเย็น แล้วชะงัก เมื่อเคนอิจิจ้องตอบกลับมาด้วยสายตาแข็งกระด้าง แฝงความน่าหวาดกลัว เคนอิจิกับซาโตชิประสานตากันเขม็ง อย่างไม่ยอมกัน ลูกน้องของทั้งสองรู้สึกได้ถึงบรรยากาศที่เคร่งเครียด
บริเวณเนินสูงมุมซ่อนตัว ไกลออกมาจากคลังสินค้ารถไฟ ทาเคชิ ริว ทาโร่ โคจิ คัตสึ เซกิ ลูกน้องโอะนิซึกะแอบซุ่มมองพวกซะโต้อยู่ โคจิพูดขึ้นอย่างมั่นใจ
“โบกี้บรรทุกสินค้าที่เพิ่งเข้ามาจอด ต้องเป็นของซะโต้แน่”
“มุมนี้มืดไปหน่อย เลยไม่รู้ว่าใครเข้ามาสมทบพวกซะโต้” ทาโร่บอก
ริวสงสัย
“อาจเป็นคนที่มารับของ หรือจะเป็น...”
ทาเคชิเอ่ยคิด นึกสงสัยเหมือนริว
“มิซาว่า”
“ไม่มีหลักฐาน ก็เอาผิดพวกซะโต้ไม่ได้...เราต้องเข้าไปดูว่าโบกี้ขบวนนั้นเป็นสินค้าของซะโต้” ริวแนะ
ทาเคชิมองหน้าริว
“แกไปกับฉัน”
“แต่มันเสี่ยงเกินไป ให้ผมเข้าไปคนเดียวดีกว่าครับ” ทาโร่ขัดขึ้น
“ทาโร่อยู่ช่วยอาโคจิทางนี้แหละ” ทาเคชิแย้ง
โคจิหนักใจในความดื้อรั้นของทาเคชิ
“ทันทีที่เจอผู้หญิงกับยาเสพติด ฉันจะรีบส่งสัญญาณให้อาโคจิพาคนของเราบุกเข้าไป”
“เล่นงานไอ้เคนอิจิได้ ก็เหมือนได้กวาดล้างคนชั่วให้หมดไปจากเมืองนี้” ริวบอกน้ำเสียงจริงจัง
ทาเคชิกับริว สบตากัน สายตามุ่งมั่น เอาจริง โคจิ ทาโร่ สบตากันเครียด ไม่กล้าขัดคำสั่ง
บริเวณคลังสินค้า...โคเฮรีบเข้ามารายงานเคนอิจิ
“คนของเราเห็นพวกโอะนิซึกะซุ่มอยู่ทางทิศตะวันออกครับ”
“พวกมันกำลังเข้ามาติดกับ บอกทุกคนให้เตรียมตัว”
โคเฮก้มศีรษะรับคำ แล้วรีบวิ่งไป เคนอิจิยิ้มเหี้ยม เมื่อทุกอย่างเป็นไปตามแผน ชินอิจิลอบมองเคนอิจิ กังวล ไม่รู้จะแอบส่งข่าวให้พวกทาเคชิรู้ยังไง ยามะเข้ามาถาม
“นายจะถล่มพวกมันเลยเหรอครับ”
มุมซุ่มตัว ซาโตชิโบกมือห้ามลูกน้อง
“ปล่อยให้ซะโต้กับโอะนิซึกะฆ่ากันเอง อยู่เฉย ๆ รอเก็บพวกที่รอดชีวิต แล้วยึดสินค้าทั้งหมดมาเป็นของเรา”
ซาโตชิหัวเราะร้าย แววตาอำมหิตมาก
ท้ายโบกี้บรรทุกสินค้า ทาเคชิย่องมาจัดการลูกน้องซะโต้คนหนึ่ง จนลูกน้องสลบเหมือดไป จึงส่งสัญญาณให้ริวที่ซุ่มอยู่อีกทางหนึ่ง ริวพุ่งเข้ามาจัดการกับลูกน้องซะโต้ด้านของตัวเอง แล้วส่งสัญญาณมือโอเคให้ทาเคชิ ทั้งสองคนรีบหลบเข้าไปตรวจค้นในโบกี้บรรทุกสินค้าทันที
ทาเคชิกับริวพุ่งเข้าไปในโบกี้บรรทุกสินค้า อย่างเงียบ ๆ เห็นลังไม้มากมายวางเรียงซ้อนกันเต็มไปหมด จึงสุ่มเปิดลังไม้ลังหนึ่ง ริวเห็นกระดาษมากมายวางสุมไว้ เขาแหวกดูด้านล่างครู่หนึ่งต้องชะงักเห็นห่อยาเสพติดมากมายซุกซ่อนอยู่ภายใน ทาเคชิดึงดาบสั้นที่เหน็บเอว กรีดห่อยาเสพติดออกดู เป็นผงสีขาวอัดแน่นข้างใน ริวตกใจ
“ยาเสพติด”
ขณะเดียวกันนั้นเสียงที่พยายามกลั้นสะอื้นของผู้หญิงดังขึ้น ทาเคชิกับริวหันขวับไปทางมุมมืดในโบกี้ สายตาเริ่มคุ้นเคยกับความมืด เห็นผู้หญิงสิบกว่าคนนั่งเบียดกันด้วยความหวาดกลัวและตื่นตระหนก บางคนพยายามกลั้นเสียงสะอื้น สภาพแต่ละคนน่าสงสารมาก ทาเคชิกับริวอึ้ง มองผู้หญิงเหล่านั้นด้วยความสงสาร
“ไม่ต้องกลัว...เรามาช่วย”
ทันใดนั้นเสียงเคนอิจิดังขึ้น
“เอาชีวิตตัวเองให้รอดก่อนเถอะโอะนิซึกะโซเรียว”
เคนอิจิ ยามะ โคเฮ ชินอิจิ ลูกน้องซะโต้นับสิบพุ่งเข้ามารายล้อมทาเคชิกับริว พร้อมอาวุธปืนในมือ เหล่าผู้หญิงกรีดร้องด้วยความตกใจ กลัวมาก ทาเคชิกับริว ชะงัก ตกใจ จำต้องยอมจำนนอยู่ตรงนั้น
รอยรักหักเหลี่ยมตะวัน ตอนที่ 10 (ต่อ)
แพรวดาวนั่งเหม่อ ใจลอยอยู่ในโถงบ้าน ขณะมือถือกรรไกรค้างไว้ กำลังจะตัดโดนนิ้วตัวเอง แทนที่จะโดนดอกไม้ที่เธอถืออยู่ อายะโกะกับฟุมิโกะที่นั่งจัดดอกไม้อยู่ข้าง ๆ หันมาเห็นพอดี ฟุมิโกะร้องขึ้นด้วยความตกใจ
“โอคุซัง”
แพรวดาวสะดุ้ง รู้สึกตัว เป็นจังหวะเดียวกับที่ฟุมิโกะคว้ากรรไกรออกไปจากมือแพรวดาว อายะโกะรีบเตือน
“ถือของมีคม อย่าเหม่อนะคะ”
“ขอโทษค่ะ...ฉันใจลอยไปหน่อย”
ฟุมิโกะหันมาแซวอายะโกะ
“สงสัยการจัดดอกไม้แก้เครียดของป้า จะยิ่งทำให้เครียดกว่าเดิม อุ๊ย”
อายะโกะหยิกฟุมิโกะจนร้องเสียงหลง ฟุมิโกะยิ้มแหย ๆ
“โอคุซังยังไม่ทานอะไรตั้งแต่เย็น ป้าไปทำซุปร้อน ๆ ให้ดีไหม”
“ฉันทานอะไรไม่ลง”
“เข้มแข็งนะคะ เดี๋ยวโซเรียวก็กลับมาพร้อมกับชัยชนะ”
อายะโกะกุมมือแพรวดาวแน่นอย่างให้กำลังใจ แพรวดาวฝืนยิ้มรับ ทั้งที่ไม่ยังคงไม่สบายใจ
มุมซ่อนตัวโอะนิซึกะ...ทาโร่นิ่วหน้ามองไปด้านหน้าด้วยความไม่สบายใจ
“โซเรียวกับคุณริวเข้าไปนานแล้วนะ”
คัตสึเห็นด้วย
“เงียบผิดปกติ...เอายังไงดีครับท่านโคจิ”
โคจินิ่วหน้าครุ่นคิด จึงตัดสินใจร้องสั่ง
“บุก”
ทาโร่ คัตสึ เซกิ และลูกน้องพยักหน้ารับทราบ เหล่าลูกน้องโอะนิซึกะแต่ละจุด เคลื่อนที่ออกจากที่ซ่อน พุ่งตัวเองบุกเข้าไปยังบริเวณที่โบกี้บรรทุกสินค้าจอดอยู่ทันที
มุมซาโตชิกับลูกน้องซุ่มอยู่ ลูกน้องหันมารายงานซาโตชิที่เฝ้ามองสถานการณ์อยู่
“โอะนิซึกะบุกแล้วครับ”
“เตรียมตัวให้พร้อม รอโอกาสของเรา”
ซาโตชิแสยะยิ้ม อย่างรอคอย
โคจินำคนของโอะนิซึกะบุกเข้าไปใกล้บริเวณโบกี้บรรทุกสินค้า...ซาโตชิเฝ้ามองพวกโอะนิซึกะอยู่จุดซุ่มดู ยิ้มเยือกเย็น แววตาเหี้ยม
อีกด้านหนึ่ง ทาเคชิกับริว ถูกพวกเคนอิจิคุมตัวอยู่ กังวลใจที่เห็นพวกโอะนิซึกะบุกเข้ามา ทาเคชิกับริว สบตากัน คิดหาทางช่วยพวกตน ชินอิจิที่จับตัวริวอยู่ ล็อคตัวริวแน่นขึ้น ราวกับส่งสัญญาณบางอย่าง ริวชะงักหันไปสบตาชินอิจิ ยิ้มมีเลศนัย รู้ว่ากำลังมีหนทาง จังหวะหนึ่งริวถองศอกเข้าใส่ชินอิจิที่ล็อคแขนเขาไว้ ชินอิจิทำทีทรุดลง ลูกน้องคนอื่นพุ่งจะเข้าไปจัดการริว ทาเคชิตวัดขาเตะยามะจากด้านหลัง จนยามะหงายท้อง ไม่ทันตั้งตัว ทาเคชิกับริว ต่อสู้กับลูกน้องซะโต้ชุลมุน เคนอิจิตะโกนลั่น
“จับตัวมันให้ได้”
ทาเคชิเอียงตัววูบ คว้าหมับเข้าที่ปืนของเคนอิจิ พยายามยื้อแย่ง
บริเวณโบกี้บรรทุกสินค้า พอโอะนิซึกะเคลื่อนตัวเข้ามาใกล้โบกี้หลายขบวนที่จอดเรียงรายอยู่ เหล่าลูกน้องซะโต้ก็ปรากฏตัว พุ่งเข้ามาเล่นงานพวกโอะนิซึกะทันที ทาโร่ตะโกนบอก
“กับดัก”
โคจิตะโกนลั่น
“จัดการพวกมัน”
ทาโร่ คัตสึ เซกิ ลูกน้องโอะนิซึกะ เฮโลกันเข้าไปต่อสู้กับพวกซะโต้อย่างไม่เกรงกลัว ทาโร่ โคจิ และลูกน้องโอะนิซึกะสู้กันอย่างสุดชีวิต จนลูกน้องซะโต้ล้มร่วงกันไปหลายคน
ทาเคชิต่อสู้กับเคนอิจิ แล้วกระชากปืนจากเคนอิจิมาได้ ทำให้ปืนลั่นขึ้นฟ้า เปรี้ยง...ริวหันขวับด้วยความตกใจ พอเห็นทาเคชิไม่เป็นอะไรจึงโล่งอก หันไปสู้กับยามะ โคเฮ อย่างไม่ยอมแพ้ คัตสึกับเซกิ พาลูกน้องโอะนิซึกะวิ่งกรูเข้ามา คัตสึออกคำสั่ง
“คุ้มครองโซเรียว”
ลูกน้องโอะนิซึกะ ต่างกรูเข้ามาต่อสู้กับลูกน้องซะโต้อย่างไม่เกรงกลัว
ซาโตชิกับลูกน้องมองการต่อสู้ อย่างไม่ค่อยแน่ใจ
“ท่าทางซะโต้กำลังจะแย่ครับ”
“ถ้าโอะนิซึกะชนะ สินค้าของเราก็จะถูกส่งไปให้ตำรวจยึดเป็นของกลาง”
ซาโตชิครุ่นคิดตัดสินใจ
“เราต้องเข้าไปช่วยพวกซะโต้”
“แต่ท่านริกิให้เรามารับของอย่างเดียว”
“นี่เป็นคำสั่งของฉัน”
ซาโตชิเสียงดุกร้าว เอาจริง แล้วพุ่งออกไปช่วยพวกซะโต้ทันที เหล่าลูกน้องมิซาว่าจำต้องตามเจ้านายออกไปอย่างขัดไม่ได้
พวกโอะนิซึกะต่อสู้กับซะโต้อย่างไม่ยอมแพ้กัน ทาโร่กับโคจิพาลูกน้องโอะนิซึกะเข้ามาสมทบอีก ทำให้ซะโต้เริ่มอ่อนกำลัง จู่ ๆ ซาโตชิก็พาลูกน้องมิซาว่าโผล่ออกมาทางด้านหลัง ล้อมพวกโอะนิซึกะไว้ แล้วพุ่งเข้ามาเล่นงานโอะนึกะทางด้านหลัง ทาเคชิกับริว หันไปเห็นซาโตชิปราดเข้ามาช่วยเคนอิจิ อึ้ง ไม่คาดคิด
“ซาโตชิพาคนเข้ามาล้อมพวกเรา...มันเป็นพวกเดียวกับเคนอิจิ” ริวบอกอย่างตะลึง
“เพิ่งรู้เหรอไอ้พวกโง่” ซาโตชิยิ้มหยัน
เคนอิจิกำลังจะเสียท่าทาเคชิ ซาโตชิปราดเข้ามารับดาบทาเคชิ ก่อนจะผลักดาบสุดแรงดันตัวทาเคชิให้เสียหลักไป ทาโร่พุ่งเข้าไปคอยคุ้มกันทาเคชิด้วยความเป็นห่วง โคจิหันไปอีกที เห็นเคนอิจิกระชากตัวซาโตชิหลบไปทางด้านหลัง โคจิรีบบอก
“ซาโตชิกับเคนอิจิหนีไปแล้ว”
ทาเคชิคิดหาทางไล่ตาม รีบหันไปบอกริวและทาโร่
“ช่วยสกัดไว้...ฉันจะฝ่าวงล้อมออกไป”
“จะไปไหนครับ” ทาโร่เป็นห่วง
“เดี๋ยวก็รู้”
ลูกน้องมิซาว่าเงื้อดาบกรูเข้ามาหาทาเคชิ ทาโร่กับริวช่วยกันเงื้อดาบสกัดไว้ และต่อสู้อย่างไม่ยอมกัน การต่อสู้ของโอะนิซึกะ โดนมิซาว่ากับซะโต้ล้อมกรอบเล่นงาน แต่ก็สู้ไม่ถอย ไม่ยอมแพ้ ทาเคชิเลี่ยงหลบออกไป ริว มองตามด้วยความเป็นห่วง จะตามไปช่วย แต่ยังติดพันต่อสู้กับลูกน้องซะโต้ที่เข้ามาขวางทาง
อ่านต่อตอนที่ 10-2