xs
xsm
sm
md
lg

รอยรักหักเหลี่ยมตะวัน ตอนที่ 10-2

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


รอยรักหักเหลี่ยมตะวัน ตอนที่ 10 (ต่อ)

ซาโตชิวิ่งตามเคนอิจิมาตามทางริมแม่น้ำ ข้างทางรถไฟ ก่อนถามขึ้นด้วยความแปลกใจ
“จะพาฉันไปไหน”
“กลัวเหรอ”
เคนอิจิหยุดวิ่ง ดึงดาบออกมาจากฝัก กระชับดาบในมือมั่น ย่างสามขุมเข้ามาหาซาโตชิอย่างใจเย็น
“แกจะทำอะไร”
เคนอิจิไม่ตอบ ยิ้มเหี้ยม พร้อมกับเงื้อดาบเข้าหา ซาโตชิก้มตัวหลบ กระชากปืนออกมาจะยิงตอบโต้ เคนอิจิเตะปืนในมือซาโตชิกระเด็นออกไป ซาโตชิพุ่งเข้าล็อคตัวเคนอิจิ ทั้งสองยื้อยุดต่อสู้กันสักพัก จนเคนอิจิสะบัดตัวหลุด เตะซาโตชิกลิ้งไม่เป็นท่า
“พ่อฉันต้องฆ่าคนทรยศอย่างแกแน่...ไอ้เคนอิจิ”
“ศพพูดไม่ได้ การตายของแกจะทำให้มิซาว่ากับโอะนิซึกะฆ่ากันเอง ฮ่า ๆ”
“ไอ้สารเลว”
ซาโตชิโกรธแค้นมาก ฮึดลุกขึ้นดึงดาบของตัวเองออกมา ยกขึ้นและวิ่งเข้าไปฟาดฟันกับเคนอิจิผลัดกันรุกและผลัดกันรับอย่างไม่ยอมกัน จังหวะที่ซาโตชิเสียหลัก เคนอิจิไวกว่า ก็ตวัดดาบฟาดลงที่แผ่นหลังซาโตชิ จนตัวแอ่น เคนอิจิก้าวเข้าหาซาโตชิจากด้านหลัง พร้อมเสือกปลายดาบเข้าที่ท้องจนร่างซาโตชิสะดุ้งเฮือก
“นี่คือการตอบแทนที่พวกแกเอาเปรียบฉันมาตลอด...แล้วฉันจะรีบส่งพ่อแกตามไปอยู่ด้วยกันในนรก”
เคนอิจิค่อย ๆ ดึงดาบออกจากร่างซาโตชิช้า ๆ ก่อนกระชากออกสุดแรง ซาโตชิตาเหลือกโพลง ดาบในมือหล่นลงพื้น พร้อม ๆ กับร่างซาโตชิทรุดลงกับพื้นกลิ้งตกลงไปยังแม่น้ำข้างทางรถไฟ...ตูม ทาเคชิวิ่งมาเห็นซาโตชิถูกแทงตกน้ำพอดี
“ซาโตชิ”
ทาเคชิเห็นร่างซาโตชิค่อย ๆ จมหายไป จึงหันกลับมาอีก ไม่เจอเคนอิจิแล้ว

เคนอิจิถือดาบที่อาบเลือดของซาโตชิเดินมาตามทางรถไฟ เพื่อจะหาโอกาสหลบเลี่ยง ชะงัก เมื่อเห็นทาเคชิกระชับดาบแน่น ตรงเข้ามาหาเขาจากเบื้องหน้า
“แกฆ่าซาโตชิทำไม”
“อริตายไปคนนึง แกไม่ดีใจเหรอ”
“เจ้าเล่ห์...แกจะโยนความผิดนี้ให้โอะนิซึกะ”
“ฉลาด...แต่ก็สายไปแล้ว”

ทาเคชิกับเคนอิจิจ้องมองกันนิ่งสักพัก ก่อนเงื้อดาบ พุ่งเข้าปะทะกัน ทาเคชิคำรามขณะออกแรงกดดาบ แต่เคนอิจิพยายามออกแรงต้านไว้ เคนอิจิผลักดาบจนทั้งสองแยกกัน แล้วพุ่งเข้าห้ำหั่นกันอย่างดุเดือด

ริว เซกิ พาลูกน้องโอะนิซึกะตามมาถึง ปะทะกับยามะ โคเฮ ชินอิจิพาลูกน้องซะโต้กรูเข้ามาต่อสู้ ทาเคชิกับเคนอิจิต่อสู้กัน ฝีมือดาบของทาเคชิมีชั้นเชิงและเหนือกว่าเคนอิจิมาก เคนอิจิถูกดาบทาเคชิกรีดหลายแผล เริ่มอ่อนล้า เหลียวมองหาทางหนีทีไล่ เห็นลูกน้องตัวเองล้มตายกันมากมาย ริวจัดการลูกน้องซะโต้คนหนึ่งได้ จึงพุ่งเข้ามาสมทบทาเคชิ หวังช่วยเล่นงานเคนอิจิ
“ฆ่ามันเลยทาเคชิ”
เคนอิจิเจ้าเล่ห์รีบตะโกนด่า
“พี่น้องโอะนิซึกะรุมคนไม่มีทางสู้ ใครรู้คงหมดความนับถือ”
ทาเคชิจ้องหน้า
“ฉันคนเดียวก็ฆ่าแกได้”
“ฉันมันตายยาก...ไม่เหมือนพ่อแม่ของพวกแกสองคน”
ทาเคชิเงื้อดาบในมือ เตรียมจะปลิดชีวิตเคนอิจิ แต่ริวยกมือห้าม เมื่อรู้สึกฉุกใจขึ้นมา
“พ่อแม่ฉันประสบอุบัติเหตุ มาเกี่ยวอะไรด้วย”
“น่าสงสาร...ตอนนั้นแกยังเด็กเกินไปที่จะรู้”
เคนอิจิแสยะยิ้มร้าย นึกถึงเหตุการณ์ในอดีต

หน้าบ้านโอะนิซึกะในอดีต...อิจิโร่ ทาเคชิ ริว เดินมาส่งพ่อแม่ริวที่รถ
“ให้ริวเรียนเคนโด้กับทาเคชิที่นี่แหละ ไม่ต้องตามไปหรอก”
“ขอบคุณที่ให้ยืมรถนะพี่อิจิโร่ งานเลี้ยงเลิกแล้วผมจะรีบกลับ”
แม่หันมากำชับริว
“อย่าดื้อกับลุงอิจิโร่นะลูก”
“ครับแม่”
แม่หอมแก้มริว ยิ้มอบอุ่น แล้วขึ้นรถไปกับพ่อ อิจิโร่ ทาเคชิ ริว ยืนมองจนรถของพ่อแม่ริวแล่นออกไป อิจิโร่จึงพาทาเคชิกับริวเดินกลับเข้าบ้าน...เคนอิจิแอบซุ่มมองตามรถพ่อแม่ริว สีหน้าเจ็บใจ ที่ทำงานพลาด เขาได้รับคำสั่งให้ไปตัดสายเบรกรถ ลอบฆ่าอิจิโร่ แต่บังเอิญวันนั้นรถพ่อแม่ริวเสีย ก็เลยมาเอารถอิจิโร่ไปใช้...

ริมถนน ข้างเหวลึกในอดีต...โคจิขับรถเข้ามา และเบรกรถจนฝุ่นตลบ อิจิโร่พาทาเคชิกับริวลงมาจากรถ เห็นตำรวจหามร่างที่คลุมผ้าขาวทั้งสองร่างมาวางคู่กันริมถนน ใกล้จุดที่รถประสบอุบัติเหตุตกเหว อิจิโร่ตรงเข้าไปเปิดผ้าขาวที่คลุมร่างทั้งสอง เผยให้เห็นใบหน้าของพ่อแม่ริว เสียชีวิตแล้ว อิจิโร่อึ้ง ไม่คาดคิด
“พ่อ แม่”
ริววิ่งเข้าไปกอดร่างพ่อกับแม่ร้องไห้โฮด้วยความเศร้าเสียใจ ทาเคชิเข้าไปลูบหลังปลอบริว เศร้าและสงสารริวมาก ตำรวจเข้ามาบอก
“รถประสบอุบัติเหตุพุ่งตกเหวครับ”
ริวร้องไห้โฮ
“ฮือ...พ่อครับ...แม่ครับ...ฟื้นสิ...แล้วผมจะอยู่กับใคร ฮือ...”

อิจิโร่พยักหน้ารับรู้ข้อมูลจากตำรวจ โดยไม่พูดอะไร ได้แต่มองริวด้วยความสงสารที่ต้องกำพร้าพ่อแม่

รอยรักหักเหลี่ยมตะวัน ตอนที่ 10 (ต่อ)

ปัจจุบัน...ริวอึ้ง นึกทบทวนถึงเหตุการณ์วัยเด็ก ขณะที่พวกโอะนิซึกะ กับพวกซะโต้ยังคงต่อสู้กัน พวกซะโต้เริ่มน้อยลงเรื่อย ๆ ริวคำรามด้วยความโกรธแค้น เมื่อรู้ว่าพ่อกับแม่ไม่ได้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุอย่างที่เคยเข้าใจ
“แกฆ่าพ่อแม่ฉัน”
ริวจะพุ่งเข้าหา เคนอิจิผงะเล็กน้อย รีบยกดาบขึ้นห้ามเอาไว้ พยายามพูดถ่วงเวลา แต่สายตามองหาทางหนีรอด
“เดี๋ยว ฉันยังมีความลับที่พวกแกไม่รู้”
ทาเคชิจ้องหน้า
“ถ้าเป็นเรื่องแกฆ่าพ่อแม่ฉัน ก็ไม่ต้องเสียเวลาบอก”
“ฉันเป็นคนลงมือ แต่ไม่ใช่คนบงการ”
ทาเคชิกับริวสบตากัน ริวกระชากเสียงถามอย่างร้อนใจ
“ใคร”
“มีกี่ตระกูลที่ครอบครองที่ดินของเมืองนี้ ถ้าไม่ใช่โอะนิซึกะก็ต้องเป็น...”
“มิซาว่า”
ทาเคชิอุทานออกมาด้วยความตกใจ เคนอิจิหัวเราะลั่น สะใจมาก
“ฉลาดสมเป็นโซเรียวแห่งโอะนิซึกะ แต่ก็คิดช้าทุกที”
ทาเคชิกับริวต่างไม่เข้าใจเหตุผลและการกระทำของริกิ เคนอิจิกวาดสายตามองหาทางหลบหนี เห็นรถไฟบรรทุกสินค้าขบวนหนึ่งกำลังแล่นตรงมาบนรางรถไฟบริเวณที่พวกโอะนิซึกะกับซะโต้กำลังต่อสู้กัน
“ลุงริกิเป็นเพื่อนรักพ่อ แล้วทำไม...” ทาเคชิงุนงง
“อยากรู้ก็ไปถามเจ้าตัวสิ”
ริวเครียดแค้น
“ฉันถามแน่...แต่ต้องกรีดเลือดแกไปขอขมาดวงวิญญาณของตระกูลโอะนิซึกะก่อน”
ริวเงื้อดาบพุ่งเข้าหาเคนอิจิ เป็นช่วงเวลาเดียวกับที่รถไฟบรรทุกสินค้ากำลังวิ่งมาพอดี เคนอิจิเตรียมพร้อมอยู่แล้ว โดดขึ้นไปเกาะโหนตรงประตูรถไฟอย่างรวดเร็ว และผิวปากส่งสัญญาณให้ลูกน้องซะโต้แยกย้ายกันหนี ทาโร่ตะโกนบอก
“พวกซะโต้กำลังจะหนี”
ยามะ โคเฮ ชินอิจิ ลูกน้องซะโต้คนอื่นวิ่งแตกกระจายไปคนละทิศละทาง โดยมีทาโร่ โคจิ คัตสึ เซกิ ลูกน้องโอะนิซึกะไล่ล่าตามไป เคนอิจิโบกมืออำลาทาเคชิกับริว ยิ้มเยาะเย้ย บนรถไฟที่แล่นไกลออกไปเรื่อย ๆ
“ไอ้เคนอิจิ”
ริววิ่งตามเคนอิจิด้วยความแค้น แต่ยิ่งวิ่ง รถไฟก็ยิ่งไกลห่างออกไป ริววิ่งตามรถไฟไม่ทัน ทาเคชิตามมาแตะบ่า ทั้งสองยืนมองเคนอิจิหนีรอดไปได้ด้วยความแค้นใจมาก

โถงบ้านโอะนิซึกะ...แพรวดาวนั่งหลับ อยู่มุมหนึ่ง รอทาเคชิกลับบ้าน ทาเคชิยื่นหน้าเข้ามาจุมพิตที่หน้าผากของเธออย่างแผ่วเบา แพรวดาวรู้สึกตัว ตื่นขึ้นมาเจอดีใจมาก
“คุณกลับมาแล้ว”
ทาเคชิยิ้มเครียด ๆ ดึงตัวแพรวดาวเข้ามาสู่อ้อมกอด แพรวดาวซบหน้าบนอกของเขาสักพัก ก่อนจะดันตัวออกห่าง กวาดสายตาไปทั่วร่างของเขาลูบตัวอย่างค้นหา
“คุณบาดเจ็บตรงไหนหรือเปล่าคะ”
“ฝีมืออย่างเคนอิจิ ทำอะไรผมไม่ได้หรอก”
ทาเคชิพูดเหมือนน่ายินดี แต่สีหน้ากลับเคร่งเครียด
“เกิดอะไรขึ้นคะ”

แพรวดาวถามด้วยความแปลกใจ

ในห้องเก็บป้ายบรรพบุรุษ...ริวเดินเข้ามาหยุดยืนตรงหน้าป้ายบรรพบุรุษ ใบหน้าเครียดและสับสนมาก เขาค่อย ๆ ทรุดตัวคุกเข่าลงอย่างหมดเรี่ยวแรง เนิ่นนาน ก่อนเงยหน้ามองป้ายวิญญาณของพ่อแม่ ด้วยสายตาที่เจ็บปวด เสียใจมาก ริว คิดถึงเหตุการณ์ในวัยเด็ก

ในอดีต...พ่อขับรถไปตามถนน แม่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามคนขับ ส่วนริวในวัยเด็กนั่งอยู่เบาะหลัง ทั้งสามกำลังร้องเพลงประสานเสียงกันสามคน ริวกับแม่ปรบมือกันตามจังหวะเพลง ริวหันไปขอปรบมือกับพ่อ พ่อขับรถมองทางอย่างระมัดระวัง ก่อนหันมาปรบมือกับริว แล้วหันกลับไปขับรถต่อ ทั้งสามยังคงร้องเพลงประสานเสียงกัน บรรยากาศสนุกสนานและอบอุ่นมาก

หน้าบ้านโอะนิซึกะในอดีต...พ่อก้มหน้าก้มตาตรวจเช็คความผิดปกติของเครื่องยนต์ ตรงกระโปรงหน้ารถ โดยมีแม่กับริวยืนมองอยู่ข้าง ๆ พ่อเงยหน้าขึ้น ปิดฝากระโปรงรถ หันมาบอกทุกคนอย่างหมดหวัง
“หม้อน้ำรั่ว...สงสัยต้องยืมรถพี่อิจิโร่ออกไปงานเลี้ยง”
แม่พยักหน้ารับรู้ ริวยิ้ม ๆ ยังไม่ค่อยรู้เรื่องอะไร

ห้องเก็บป้ายบรรพบุรุษปัจจุบัน...ริวใจหาย เมื่อภาพความทรงจำในอดีตปรากฏให้เขาโหยหาคิดถึงอีกครั้ง ริวมองป้ายพ่อแม่แล้วถึงกับน้ำตาคลอเบ้า
“ผมไม่เคยรู้เลยว่าเกิดอะไรขึ้น...”
ริวนึกถึงตอนที่เคนอิจิบอกความจริงเรื่องการตายของพ่อแม่เขา
“ฉันได้รับคำสั่งให้ไปตัดสายเบรกรถ ลอบฆ่าอิจิโร่ แต่บังเอิญวันนั้นรถพ่อแม่แกเสีย ก็เลยมาเอารถอิจิโร่ไปใช้...”
ริวกำหมัดแน่น ความแค้นอัดอยู่ในอก เขาก้มศีรษะลงต่ำเคารพป้ายชื่อของพ่อแม่ พร้อมกับน้ำตาลูกผู้ชายไหลริน
“ผมขอสาบานต่อหน้าดวงวิญญาณพ่อแม่ ผมจะล้างแค้นคนที่ฆ่าพวกท่านให้ได้”
ริวพึมพำครั้งแล้วครั้งเล่า ด้วยหัวใจที่เจ็บปวดระคนแค้น

ในห้องนอนทาเคชิ...แพรวดาวยกมือขึ้นทาบอกด้วยความตกใจ เมื่อรู้เรื่องจากทาเคชิ
“ไม่น่าเชื่อว่ามิซาว่าโซเรียว จะเป็นคนบงการฆ่าครอบครัวโอะนิซึกะทุกคน”
“ผมคิดเสมอว่าอาริกิไม่มีความจริงใจให้พวกเรา แต่ไม่นึกว่าเขาจะชั่วช้าสั่งฆ่าเพื่อนรักที่เป็นพี่น้องร่วมสาบานได้ลงคอ วันนี้มิซาว่าไปช่วยไอ้เคนอิจิเล่นงานพวกเรา”
ทาเคชิยังคงเคร่งเครียด นึกเจ็บใจเคนอิจิไม่หาย
“ผมไม่น่าปล่อยไอ้เคนอิจิรอดไปได้”
“แล้วผู้หญิงกับยาเสพติดที่ซะโต้ขนเข้ามาล่ะคะ”

“อาโคจิส่งไปให้ท่านโอะซะมุแล้ว พรุ่งนี้ตำรวจจะรายงานข่าวจับกุมแก๊งค้ามนุษย์ข้ามชาติ แต่ไม่พาดพิงถึงใคร”

รอยรักหักเหลี่ยมตะวัน ตอนที่ 10 (ต่อ)

แพรวดาวนึกถึงเรื่องริว พูดพลางถอนใจเป็นห่วง
“คุณริวคงจะเศร้ามาก ที่รู้ว่าการตายของพ่อแม่ไม่ใช่อุบัติเหตุ”
“เวลาจะทำให้ริวดีขึ้นเอง”
“แล้วเรื่องการตายของคุณซาโตชิล่ะคะ”
“เคนอิจิตั้งใจจัดฉากเพื่อโยนความผิดให้ผม...แต่ตอนนี้ตำรวจยังหาศพไม่เจอ”
ทาเคชิพูดอย่างหนักใจ รู้ว่าปัญหาใหญ่คือการเผชิญหน้ากับมิซาว่าในฐานะศัตรู แพรวดาวเห็นสีหน้าทาเคชิ เป็นห่วงและไม่สบายใจไปด้วย

บ้านมิซาว่าเช้าวันใหม่...ริกิกับไอโกะกำลังทานอาหารเช้าด้วยกัน ท่าทางริกิหงุดหงิด เป็นกังวล เหมือนรอคอยอะไรบางอย่าง ไอโกะสังเกตเห็น แต่ไม่ได้ถาม จูโร่ปรี่เข้ามา ก้มศีรษะ ยังไม่ทันได้รายงาน ริกิถามทันที
“ซาโตชิกลับมาแล้วใช่ไหม”
จูโร่พูดไม่ออก เคนอิจิตามเข้ามาด้วยท่าทางสะบักสะบอม บาดเจ็บ ไอโกะหันไปเห็นเคนอิจิ ตกใจ กรีดร้องลั่น
“อ๊าย...แก...ไอ้ชั่ว อย่าเข้ามานะ”
ไอโกะคว้าข้าวของบนโต๊ะอาหารเขวี้ยงเข้าใส่เคนอิจิ จนจูโร่กับสาวใช้ต้องพากันเข้ามาห้าม
“คุณหนูใจเย็น ๆ นะครับ”
“ไล่มันออกไป อย่าให้มันเข้ามาในบ้านฉัน”
ริกิพยักเพยิด สั่งให้จูโร่ลากตัวไอโกะเลี่ยงออกไปก่อน ไอโกะพยายามดิ้นรนขัดขืน แผดเสียง ขณะถูกกึ่งลากกึ่งจูงตัวออกไป
“ปล่อยนะ ฉันเกลียดมัน...ฉันจะฆ่ามัน”

จูโร่ดึงไอโกะมาหน้าห้อง ไอโกะยังคงดิ้นขัดขืน ไม่ยอมแพ้
“ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นะ...ปล่อย”
ไอโกะหันไปกัดแขนจูโร่ จนร้องลั่นด้วยความเจ็บปวดจนต้องปล่อยมือจากไอโกะ
“โอ๊ย”
ไอโกะสะบัดแขนหลุดเงื้อมือตบสาวใช้ฉาดใหญ่ จนสาวใช้เซถลาไปล้มทับจูโร่
“ว้าย...”
ไอโกะแย่งดาบที่จูโร่พกติดตัว แล้วรีบหนีไปทันที

ริกิกระชากคอเสื้อเคนอิจิ ถามด้วยความโมโห
“แกมาที่นี่ทำไม แล้วซาโตชิหายไปไหน”
“คุณซาโตชิ...”
เคนอิจิแสร้งทำหน้าสลด ก่อนตัดสินใจบอกริกิ
“คุณซาโตชิตายแล้วครับ”
“อะไรนะ”
ริกิช็อค ตกใจมาก ไม่อยากเชื่อหูตัวเอง ไอโกะถือดาบเข้ามา ชะงัก ตกใจเช่นกัน
“ตอนต่อสู้...ซะโต้กำลังเสียท่าให้โอะนิซึกะ คุณซาโตชิพาคนของมิซาว่าเข้าไปช่วย ทาเคชิใช้ดาบแทงคุณซาโตชิแล้วผลักร่างทิ้งน้ำ...ผมพยายามเข้าไปช่วยแล้ว แต่ไม่ทัน”
ไอโกะเข้ามาได้ยินพอดี
“ไม่จริง...พี่ซาโตชิต้องไม่ตาย ไม่...ไม่...อ๊าย”
ริกิตกใจ
“ไอโกะ”

ไอโกะกรีดร้องสุดเสียง ช็อคมาก ก่อนล้มทั้งยืน ดาบในมือร่วงหล่น ริกิปรี่เข้าไปประคองรับร่างไอโกะที่แน่นิ่งหมดสติไว้ได้ทัน ก่อนค่อย ๆ ทรุดตัวลงไปนั่ง หัวใจแทบแตกสลาย ทำอะไรไม่ถูก เมื่อรู้ข่าวซาโตชิ เคนอิจิแอบยิ้ม ทุกอย่างเป็นไปตามแผน

ในห้องเก็บป้ายบรรพบุรุษ บ้านโอะนิซึกะ...ริวนั่งคุกเข่าต่อหน้าป้ายบรรพบุรุษอย่างอ่อนเพลีย ไม่ได้นอนทั้งคืน เสียงดนตรีโคโตะดังขึ้น เป็นจังหวะเพลงนุ่มนวล ทำนองปลอบใจ ริวไม่สนใจ สายตาจดจ้องแต่ป้ายชื่อพ่อแม่ ยังคงเจ็บปวดกับความจริงที่เพิ่งรับรู้ เสียงดนตรีโคโตะยังดังแว่วมาเรื่อย ๆ จนเขาเริ่มสะดุดหู ริวนิ่งฟังเสียงดนตรีสักพัก สองจิตสองใจ ก่อนตัดสินใจลุกเดินตามเสียงดนตรีออกไป

ริวก้าวเดินมาตามระเบียงทางเดิน เสียงดนตรีโคโตะยังดังคลอมา เขาหันมองหาที่มาของเสียงเพลงด้วยความสงสัยแล้วหยุดฟังเสียงดนตรีสักพัก จึงเดินเข้าไปในสวน

มายูมิบรรเลงโคโตะของริวอยู่ตามลำพัง ในสวน ริวเดินมาหยุดอยู่มุมหนึ่ง เห็นมายูมิกำลังบรรเลงดนตรีอย่างตั้งใจและมีสมาธิมาก ริวนิ่งฟังเสียงดนตรี ท่าทางที่เคร่งเครียดค่อย ๆ ผ่อนคลายลง เคลิ้มฟังไปจนมายูมิเล่นจบเพลง
“สบายใจขึ้นไหมคะ”
มายูมิเอ่ยขึ้น ขณะหันหน้ามาหาริวที่กำลังงุนงง ว่าเธอรู้ได้ยังไงว่าเขายืนอยู่ตรงนั้น มายูมิยิ้ม ๆ แล้วก้มศีรษะให้
“ขอโทษนะคะ ที่ฉันเอาโคโตะของคุณมาเล่นโดยไม่ได้ขออนุญาต”
“ตามสบาย”
ริวตอบด้วยน้ำเสียงเกร็ง ๆ ไม่ร่าเริงเหมือนที่เคยเป็น ทำท่าจะหันหลังกลับ มายูมิรีบรั้งไว้
“จะรีบไปไหนคะ”
“ผม...” ริวคิดไม่ออก
“ไปเดินเล่นเป็นเพื่อนฉันหน่อยได้ไหม”
ริวมองมายูมิด้วยความแปลกใจ ว่ามาไม้ไหน มายูมิยิ้มหวาน แสดงให้เขาเห็นถึงความจริงใจที่ชวน

โถงบ้านโอะนิซึกะ...ฟุมิโกะรีบเข้ามารายงานแพรวดาวด้วยความตื่นเต้น
“คุณริวยอมออกไปกับคุณมายูมิแล้วค่ะ”
แพรวดาวตื่นเต้นไปด้วย
“จริงเหรอ”
“ทำตัวเป็นแม่สื่ออีกแล้วใช่ไหม คุณพี่สะใภ้คนสวยของนายริว”
ทาเคชิเข้ามา แพรวดาวกับฟุมิโกะสะดุ้งเล็กน้อยที่ถูกจับได้ ฟุมิโกะรีบโค้งตัวให้ทาเคชิ แล้วเลี่ยงไปทันที
“ฉันไม่อยากให้คุณริวทุกข์ใจนี่คะ พอเล่าเรื่องคุณริวให้น้องมายูมิฟัง เธอก็ยินดีมาช่วยทันที” แพรวดาวอธิบาย
“มายูมิคงเป็นห่วงริวมาก”
“แต่ก็ปากแข็งทั้งคู่ ถ้าคุณริวกับน้องมายูมิเปิดใจกัน ป่านนี้ก็คง...”
“ความรักเป็นเรื่องของคนสองคน เวลาจะพิสูจน์ทุกอย่างเอง”
“คุณคิดว่าคุณริวจะดีขึ้นไหมคะ”
“เมื่อผู้ชายได้อยู่กับคนที่ตัวเองรัก จะไม่มีเรื่องร้ายใดทำร้ายเขาได้”

ทาเคชิพูดพลางยื่นแขนข้างหนึ่งไปสวมกอดแพรวดาวไว้ด้วยความรัก แพรวดาวยิ้มหวาน เอียงศีรษะพิงแขนของทาเคชิอย่างอุ่นใจ

รอยรักหักเหลี่ยมตะวัน ตอนที่ 10 (ต่อ)

ริวเดินตามมายูมิมาถึงบริเวณลานกว้างในสวนหลังบ้าน หันมองรอบ ๆ ด้วยความแปลกใจ ว่าเธอพามาที่นี่ทำไม
“พาผมมาที่นี่ทำไม”
มายูมิเดินไปหยิบว่าวติดลมอันหนึ่งที่ซ่อนอยู่ตรงพุ่มไม้ออกมา ริวเห็นว่าวในมือมายูมิเขียนชื่อ “ริว” เป็นภาษาญี่ปุ่น
“ว่าว มีชื่อผมอยู่ด้วย”
“พ่อชอบพาฉันมาเล่นว่าว เวลาที่ท่านไม่สบายใจ”
“ผมสบายดี”
ริวพูดด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง ไม่ยอมรับ
“ว่าว...อาศัยแรงของลมช่วยให้ลอยขึ้นไปบนฟ้า แต่ก็ต้องขึ้นอยู่กับตัวว่าวว่าจะมีโครงสร้าง น้ำหนัก และการออกแบบที่ดีหรือไม่”
ริวทำหูทวนลมไม่สนใจ แต่ความจริงยังคงตั้งใจฟังสิ่งที่มายูมิพยายามจะบอก
“พ่อบอกว่า คนสมัยก่อนเล่นว่าวเพื่อทำนายว่าจะโชคดีหรือโชคร้ายจากว่าวที่ลอยอยู่บนท้องฟ้า คุณอยากลองบ้างมั้ย”
มายูมิยื่นว่าวให้ ริวมองว่าวที่เขียนตัวอักษรชื่อเขาอย่างลังเล แต่เมื่อรู้สึกได้ถึงความปรารถนาดีของมายูมิ เขาจึงรับว่าวจากมือเธอมาด้วยท่าทางอ่อนโยน มายูมิยิ้ม ดีใจที่เขายอมรับความปรารถนาดีของเธอ

มายูมิรอเวลาจากกระแสลม แล้วจึงช่วยริวปล่อยว่าวขึ้นสู่ท้องฟ้า ริวกระตุกสายป่านว่าวโต้ลม ว่าวลอยสูงอยู่บนท้องฟ้าไกลออกไปเรื่อย ๆ มายูมิเฝ้ามองด้วยความตื่นเต้นไปด้วย ริวเหลือบมองมายูมิ ก่อนจะคอยชักสายป่านว่าวเดินเข้าไปหา
“มาเล่นด้วยกันสิ”
มายูมิมองริว งง ๆ ว่าจะเล่นด้วยกันยังไง ริวขยับเข้ามาโอบตัวมายูมิจากด้านหลัง แล้วจับมือเธอให้กระตุกสายป่านว่าวด้วยกัน มายูมิใบหน้าร้อนผ่าว เขิน ๆ อยู่ในอ้อมกอดเขา ริวเริ่มสดชื่นและคลายทุกข์ เมื่อได้อยู่กับผู้หญิงที่ตัวเองรัก มายูมิแก้เขิน ด้วยการหันไปสนใจว่าวบนท้องฟ้า ก่อนที่จะใจสั่นจนทำอะไรไม่ถูก
“ว่าวของคุณลอยสูงมาก แสดงว่าคุณกำลังจะโชคดี”
“ตอนเด็ก ๆ ลุงอิจิโร่เคยสอนผมกับทาเคชิว่า อย่าทำตัวเหมือน ว่าวติดลมบน”
“หมายความว่าไงคะ”
“อย่าเพลินกับความสำเร็จที่สูงขึ้น จนคิดว่าจะไม่มีวันตกลงมาง่าย ๆ เพราะนั่นคืออันตรายถึงชีวิต”
ริวเงยหน้ามองว่าวที่ติดลมอยู่บนท้องฟ้า
“นอกจากพ่อแม่...ยังมีลุงอิจิโร่ที่รักและห่วงใยผมเหมือนลูกแต่ทุกคนต้องตายเพราะไอ้ริกิ”
มายูมิเห็นท่าทางริวเริ่มเครียดอีก จึงหาทางเปลี่ยนเรื่อง
“อุ๊ย...ว่าวจะตกแล้ว”
ริวหันกลับไปสนใจกระตุกว่าวอีกครั้ง คอยผ่อนหนักผ่อนเบาให้ว่าวโต้ไปตามแรงลม มายูมิแกล้งแย่งว่าวมาเล่นคนเดียว ริวไม่ยอม พยายามแย่งกลับ มายูมิวิ่งหนี ไม่คืนให้ริวง่าย ๆ ริววิ่งไล่ตาม ทั้งสองหัวเราะ ยิ้มแย้มให้กัน มายูมิมัวแต่วิ่งหนีริว จนสะดุดขาตัวเองล้มลง
“โอ๊ย”
“มายูมิ” ริวรีบมาประคอง “เป็นอะไรรึเปล่า”
“เจ็บข้อเท้า...สงสัยข้อเท้าเคล็ด”

ริวมองข้อเท้ามายูมิด้วยความเป็นห่วง




ริวให้มายูมิขี่หลัง เดินผ่านชายป่าอันอุดมสมบูรณ์ไปด้วยต้นไม้น้อยใหญ่นานาพันธุ์ และนกมากมายหลายชนิดที่พากันส่งเสียงร้องดุจดนตรีจากธรรมชาติ เขาหันมองรอบตัว รู้สึกได้ถึงความสดชื่นของธรรมชาติที่ไม่มีการปรุงแต่ง
“มนต์วิเศษจากธรรมชาติ”
ริวสูดอากาศรอบ ๆ อย่างชุ่มปอด สีหน้าสดชื่นขึ้นมาก
“รู้สึกดีขึ้นใช่ไหมคะ”
ริวหันไปยิ้มให้
“ขอบคุณ...ที่พยายามทำให้ผมรู้สึกดีขึ้น”
“ฉันอยากให้กำลังใจ ให้คุณผ่านช่วงเวลาแย่ ๆ ไปเร็วที่สุด”
ริวเดินช้าลง ฉุกคิดถึงเรื่องพ่อแม่ขึ้นมาอีก มายูมิขยับตัว เหมือนต้องการลงจากหลัง ริวจึงหยุดเดินเพื่อย่อตัวให้เธอลงยืนอย่างนิ่มนวล
“ข้อเท้าฉันเจ็บน้อยลงแล้ว...ฉันเดินเองได้” เธอก้มศีรษะเล็กน้อย “ขอบคุณที่ให้ฉันขี่หลังมานะคะ”
ริวยิ้มรับ เงียบ ๆ มายูมิเป็นห่วง
“คุณยังแค้นคนที่ทำให้พ่อกับแม่คุณเสียชีวิตใช่ไหม”
ริวไม่ตอบ สีหน้าเครียดขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
“ความแค้นเหมือนยาพิษ ยิ่งคิดมันก็ยิ่งซึมเข้าไปในใจ จนเปลี่ยนตัวเราให้เป็นคนอื่น สิ่งเดียวที่จะถอนพิษได้ ก็คือการให้อภัย”
“สำหรับผม...การให้อภัยคนชั่ว คือการหลอกตัวเอง”
“ต้องมีคนตายอีกเท่าไหร่ ความแค้นถึงจะสิ้นสุด”
“ไม่ใช่แค่การล้างแค้น...”
มายูมิเงยหน้าขึ้นสบตาริวอย่างไม่เข้าใจ
“โอะนิซึกะมีหน้าที่ปกป้องเมืองนี้ให้พ้นจากอำนาจชั่ว ถ้ากำจัดคนชั่วไม่ได้ก็ต้องมีคนอื่น...สูญเสียคนในครอบครัวเหมือนผม”
ริวพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง ตั้งใจทำเพื่อหน้าที่ แม้จะยังเจ็บปวดกับการได้รู้ความจริงครั้งนี้ มายูมิไม่สบายใจ เป็นห่วงริว

พุ่มหญ้าริมแม่น้ำ...มือหนึ่งปรากฏขึ้น พยายามจิกยึดหญ้าเพื่อดึงตัวเองขึ้นมา ซาโตชิโผล่ขึ้นมาจากพุ่มหญ้า เนื้อตัวเปียกชุ่ม เสื้อผ้าขาดวิ่น เต็มไปด้วยบาดแผลฉกรรจ์ เขาพยายามคืบคลานขึ้นมาบนถนนอย่างทุลักทุเล บาดเจ็บสาหัส ซาโตชิ คิดถึงเหตุการณ์ก่อนหน้านี้...เขาถูกเคนอิจิหักหลัง
“ศพพูดไม่ได้ การตายของแกจะทำให้มิซาว่ากับโอะนิซึกะฆ่ากันเอง ฮ่า ๆ”
ซาโตชินึกแค้นที่ถูกเคนอิจิหักหลัง
“มิซาว่ากับโอะนิซึกะต้องรู้แผนชั่วของไอ้เคนอิจิ”
ซาโตชิกัดฟันฝืนทนความเจ็บปวด ยันตัวเองลุกขึ้น เดินโซเซไปยังริมถนน พยายามยามโบกรถที่แล่นผ่านไปมา แต่ไม่มีรถคันไหนจอดรับ ซาโตชิโมโห

“ไอ้พวกไม่มีน้ำใจ”
 
จบตอนที่ 10  
กำลังโหลดความคิดเห็น