น่าน - พ่อเมืองน่านสั่งช่วยประสานพ่อแม่ที่ลูกชายเสียชีวิตเหตุระเบิดที่ประเทศอิสราเอล ครอบครัวเตรียมเดินทางไปรับศพที่กรุงเทพฯ เผยเพิ่งทำงานได้เพียงเดือนเดียว ยังไม่ได้ชำระหนี้เงินกู้นอกระบบที่กู้เดินทางไปทำงานก็มาเสียชีวิตก่อน ขอช่วยตามหาหลานชายที่สะใภ้พาไปเลี้ยงที่เชียงใหม่กลับมาเคารพศพผู้เป็นพ่อด้วย
จากเหตุการณ์ที่มีแรงงานไทยในอิสราเอล คือ นายนรากร กิตติยังกุล ชาวเขาเผ่าม้ง อ.ปัว จ.น่าน ที่เสียชีวิตจากการถูกโจมตีด้วยจรวดเมื่อวันที่ 23 กรกฎาคมที่ผ่านมา ที่เมืองโมชาฟ เนติฟฮาซาวา เขต Hof - Ashkelon ห่างจากกรุงเทลอาวีฟประมาณ 70 กิโลเมตรไปทางใตนั้น
ล่าสุด นายอุกริช พึ่งโสภา ผู้ว่าราชการจังหวัดน่าน มอบหมายให้ น.ส.สุกัญญา ดารามาศ แรงงานจังหวัดน่าน และนางชโลบล ขจรผดุงกิตติ จัดหางานจังหวัดน่าน เข้าเยี่ยมครอบครัวนายนรากร ที่บ้านเลขที่ 133 หมู่ 3 ต.ป่ากลาง อ.ปัว ซึ่งได้พบกับนายบัญชา กิตติยังกุล อายุ 63 ปี บิดา พร้อมด้วยญาติพี่น้อง เพื่อประสานเรื่องการรับศพกลับบ้าน แจ้งสิทธิประโยชน์ พร้อมสอบถามข้อเท็จจริงตลอดจนข้อมูลผู้ตาย
ซึ่งทราบว่านายนรากรเป็นบุตรคนที่ 5 จากจำนวนพี่น้องทั้งหมด 10 คน สมัครงานที่สำนักงานจัดหางานกรุงเทพมหานคร แล้วเดินทางไปทำงานที่ประเทศอิสราเอล ด้านแรงงานด้านการเกษตร (ในไร่องุ่น) ซึ่งเป็นการเดินทางไปเป็นแรงงานจากประเทศที่ทำข้อตกลงส่งแรงงานระหว่างรัฐต่อรัฐ โดยนายนรากรเดินทางไปทำงานได้เพียง 1 เดือนเท่านั้น
สำหรับความช่วยเหลือจะมีเงินกองทุนเพื่อช่วยเหลือคนหางานไปทำงานต่างประเทศ เมื่อญาติยื่นคำร้องโดยมีใบมรณบัตรประกอบด้วย เบื้องต้นทางรัฐบาลอิสราเอลได้เชิญตัวแทนครอบครัวผู้ตาย 1 คนเพื่อไปรับศพ ซึ่งทางการอิสราเอลจะเป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายให้ทั้งหมด
ขณะที่นายบัญชาและญาติเดินทางมาที่ศูนย์บริการร่วมกระทรวงแรงงานจังหวัดน่าน ที่เทศบาลตำบลปัว เพื่อบันทึกปากคำ พร้อมแสดงหลักฐานว่าเป็นบิดาของผู้ตายจริง เช่น เลข 13 หลักของบิดา และผู้ตาย เลขที่หนังสือเดินทางของผู้ตาย ที่เดินทางไปเมื่อวันที่ 23 มิถุนายน ถึงวันที่ 23 กรกฎาคม 2557 เป็นเวลา 1 เดือน กับบริษัทนายจ้างชื่อ Keder ovadia พร้อมกันนี้ได้มอบเอกสารสำคัญเพื่อเตรียมส่งไปประกอบการรับศพกลับมายังภูมิลำเนา พร้อมขอให้ทางราชการช่วยติดตามเงินเดือนค้างจ่าย และสิทธิประโยชน์กรณีเสียชีวิตจากการไปทำงานอิสราเอลให้ด้วย
โดยนายบัญชาจะไม่เดินทางไปรับศพ แต่จะส่งลูกชาย 2 คนนั่งรถทัวร์ไปคืนนี้ เพื่อไปรอรับศพที่กรุงเทพฯ เพราะทางการอิสราเอลแจ้งว่าศพจะถึงเมืองไทยในเวลา 16.00 น. วันพรุ่งนี้ (25 ก.ค.) หากเอกสารครบก็อาจจะเร็วขึ้น
ส่วนบรรยากาศที่บ้านของนายนรากรเต็มไปด้วยความเศร้าโศกต่อการจากไปอย่างไม่ทันตั้งเนื้อตั้งตัว ญาติๆ ต่างช่วยกันเก็บกวาดทำความสะอาดบ้านเพื่อเตรียมจัดพิธีบำเพ็ญกุศลศพตามศาสนาต่อไป
นายบัญชาเล่าทั้งน้ำตาว่า ตนมีลูกกับภรรยาเก่า 10 คน ผู้ตายเป็นคนที่ 5 ส่วนลูกกับภรรยาใหม่มี 5 คน นายนรากรเดิมทำงานขับรถแท็กซี่อยู่ที่กรุงเทพฯ โดยเป็นลูกคนเดียวที่ทำงานแล้วส่งเสียเลี้ยงดูพ่อ ส่วนแม่เสียชีวิตไปนานแล้ว ต่อมาเมื่อรายได้ไม่ดี จึงไปติดต่อกับกรมจัดหางานขอไปทำงานต่างประเทศ จนได้ไปทำที่อิสราเอล เมื่อวันที่ 23 มิถุนายนที่ผ่านมา ก่อนไปได้กู้เงินนอกระบบไปเป็นทุน 200,000 บาท ยังไม่ทันได้ส่งเงินกลับเมืองไทยแม้แต่บาทเดียวก็มาด่วนจากไปเสียก่อน รู้สึกเศร้าและเสียใจมาก ต่อไปคงจะไม่มีใครส่งเสียดูแลพ่อได้ดีเท่าลูกชายคนนี้
นอกจากนี้ขอฝากสื่อมวลชนช่วยประกาศตามหาลูกของผู้ตาย ชื่อ ด.ช กิตติศักดิ์ กิตติยังกุล หรือน้องแมน อายุน่าจะราว 12 ปี ซึ่งแม่เด็กกับผู้ตายได้เลิกรากันไปแล้ว ทราบข่าวว่าแม่เด็กพาไปอยู่ จ.เชียงใหม่ จึงอยากให้ช่วยส่งข่าวให้ทราบให้กลับมากราบพ่อเป็นครั้งสุดท้าย