หนีก็ล่า ซ่าก็รัก ตอนที่ 9
“เรื่องแนนเป็นน้องพี่วินแนนไม่ทราบค่ะว่าใครเป็นคนโพส ค่ะ แนนจะระวังตัว”
แนนคุยโทรซัพท์กับโจ สีหน้ากังวล
“เย็นนี้เราลองคุยกับคุณพ่อดูว่าควรจะทำยังไง”
“ดีค่ะ “
แนนวางสาย หน้าเครียด
“นุจรีคงไม่ต้องการเธอเรื่องคุณพอลอีกแล้วแนนถึงได้แกล้งโพสเรื่องเธอแบบนี้”
น้ำหวานตั้งข้อสังเกต
“เราไม่มีหลักฐานที่จะไปโทษนุจรี”
เมจิ ยักไหล่
“ไม่สนหลักฐาน..เราว่าไปลุยก๊วนยัยนุชจรีให้รู้เรื่องไปเลย”
“เมจิ เราเป็นนักศึกษา ไม่ใช่นักเลงไม่จำเป็นต้องตบตีกัน”
อีกด้านหนึ่ง นุจรีหันไปดุหลิน น้ำเสียงไม่ค่อยพอใจ“หลินเธอคิดอะไรถึงโพสเรื่องของแนน..ฉันว่ามันแรงไปนะ”
“นุจรี เธอนี่กลัวยัยแนนไปได้ ตอนนี้เธอก็รู้จักคุณพอลแล้ว ไม่จำเป็นต้องพึ่งยัยแนนอีกต่อไป”
พีช พยักหน้าสนับสนุน“จริงด้วย นุจรีเสียฟอร์มหมด”
นุจรีนิ่งคิด แล้วก็ค่อยๆ ยิ้มออกมาได้
วินเดินไปเดินมาอยู่ในบ้านพัก สีหน้าเคร่งเครียด
“ผมว่าคุณต้องหาทางจบเรื่องคุณพ่อคุณซะทีเราจะได้หาทาง เล่นงานนายสมภพ ก่อนที่ทุกคน จะเดือดร้อน”
“ได้ค่ะ”
วินยิ้ม พลางเดินเข้ามานั่งข้างๆ “จริงเหรอครับ”
“จริงซิคะ คุณดีกับฉันมาตลอด ฉันเต็มใจค่ะ”
“คุณน่ารักแบบนี้ ยิ่งทำให้กำแพงอุดมการณ์ของผมสั่นสะเทือน”
“คุณมีแผนยังไง”
วิน ถอนหายใจ“ตอนนี้ยังคิดไม่ออก อืม ผมว่าผมควรจะไปหาอะไรทานข้างนอก ให้สมองมัน แล่นซะหน่อยดีกว่า”
เอ ตาวาว วินพูดต่อ
“คุณช่วยไปเป็นเพื่อนผมหน่อยได้มั้ยครับ”
“คุณแน่ใจเหรอคะ ฉันไม่อยากก่อเรื่องอีก คุณไม่ต้องทำเพื่อฉันหรอก”
“อย่างที่คุณเคยบอก ทีคนเลวใช้ชีวิตอย่างสบาย เราคนดีทำไมจะทำไม่ได้”
ทั้งสองหันมาสบตา แล้วยิ้มให้กัน
ผู้กองวันชาติเดินเข้ามาที่สถานีตำรวจ ตำรวจทั้งหลายต่างทำความเคารพ
“ดีใจที่ผู้กองกลับมาทำงานครับ”
ผู้กองวันชาติ ยิ้มรับ “ขอบใจทุกคน”
จากนั้นผู้กองวันชาติก็เดินเข้ามาในห้องทำงาน พลางเดินไปนั่งที่โต๊ะทำงาน เอามือลูบที่บาดแผล โดนยิง แล้วก็ถอนใจ
เจ้าหน้าที่เดินเข้ามา พร้อมส่งแฟ้มรายงานให้
“นี่ครับ แฟ้มประวัติของนายสมภพ เราตรวจย้อนรอยดู พบว่า นายสมภพเคยติดต่อ กับนาย เกื้อพร ครับ”
“นายเกื้อพร มาเฟียเกี่ยวข้องทั้งบ่อน แล้วก็ยาเสพติด”
“ครับผม สายรายงานว่า มันเพิ่งเปิดรังใหม่ กำลังเร่งตรวจดูอยู่ครับว่าอยู่ที่ไหน”ผู้กองวันชาติ สั่งการทันที
“ผมต้องการรายละเอียดให้มากที่สุด”
แนนเอาจานเสต็กหมู ที่มีผักหลากหลายจัดไว้อย่างสวยงาม มาวางไว้ตรงหน้าโจ
“ดินเน่อร์มาแล้วค่ะ”
“อู น่าทานมาก”
แนนยิ้มเขินๆ “ฝีมือป้านิ่ม แนนแค่ใส่เวฟค่ะ”
แนนเดินมานั่งใกล้ทอม ซึ่งนั่งตรงข้ามกับโจ
“แนน ลูกไม่กลัวพวกนั้นใช่มั้ยแนน”
ทอมถามด้วยความเป็นห่วง
“เรื่องอะไรแนนต้องกลัว”
“แต่ก็ประมาทไม่ได้” โจเตือน
“ไปไหนมาไหนก็ต้องระวังนะลูก”
แนน ยิ้มให้ทอม กับโจ“ค่ะ”
“ผมจะลองปรึกษาผู้กองวันชาติดูระหว่างนี้ผมคงจะต้องรับส่งแนนไปก่อน”
“โอเคค่ะ”
ทอมหันมาทำหน้าล้อลูกสาว “อะไร ไม่มีการเกรงใจ รีบอุ๊บอิ๊บเลยเหรอลูก เอ้า เอาไงเอากัน”
วินกับเอ ปลอมตัว เดินเข้ามาในร้านอาหารหรู พนักงานออกมาต้อนรับแล้วพาไปนั่งที่โต๊ะ “นึกไม่ถึงว่าคุณจะเลือกที่นี่อีก”
“ก็อาหารอร่อย ราคาไม่แพง ผมพอเลี้ยงไหว”
เอแกล้งค้อน “โธ่เอ๊ย นึกว่ามาเพราะคิดถึงวันแรกที่มากับฉัน ที่แท้กลัวจ่ายเยอะ”
“ทำไมผมต้องคิดถึงด้วยครับ ในเมื่อผมอยู่ใกล้มีความสุขกับคุณทุกวัน”
“โห ไปได้เนียนมาก ถือว่าเป็นคำตอบที่ถูกใจไม่ยังงั้นละก็ จะแกล้งสั่งให้เพียบเลย”
วินอดยิ้มขำไม่ได้ เอพลอยขำด้วยในที่สุด
พนักงานถือถาดนำกาแฟมาเสิร์ฟให้วินกับอ ทั้งสองยกแก้วชนกัน
“ขอบคุณค่ะที่เสี่ยงพาฉันออกมา”
“ขอบคุณที่ไม่สั่งเพียบนะครับ”
แล้วทั้งคู่ก็ยิ้มให้กัน พร้อมๆ กับที่เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น วินรีบรับสาย
“ว่าไงเพื่อน”
เสียงโจตอบกลับมา “ฉันอยากจะเจอนาย”
“ได้ ที่อยู่ตามนี้”
“โอเค โอเค. จำได้แล้ว น่าจะหาไม่ยากแล้วเจอกัน”
“อย่าให้ใครตามมานะเพื่อน”
วินกำชับ ก่อนที่จะกดวางสาย
รถของวินแล่นเข้ามาในบ้านพัก ก่อนที่ทั้งคู่จะลงมาจากรถ วินเดินมาหยุดรอตรงหน้ารถ เอ เดินเข้ามาหา วินยิ้ม แล้วเดินเข้ามาโอบเอให้เข้ามาใกล้ เอสบตายิ้มหวานให้
“อะแฮ้ม คิดจะพังกำแพงอุดมการณ์ของคุณเหรอคะ”
วินยิ้ม แล้วพูดเบาๆ “ ผมเห็นเงาอยู่ตรงประตู ผมจะเดินไปดู คุณแกล้งทำลืม ของเดินกลับเข้า ไปในรถ เตรียมให้พร้อม”
วินลอบชูกุญแจรถตรงหน้า เอสูดหายใจ วินขยิบตาให้เริ่ม
“ตายจริง ลืมของไว้ในรถค่ะ”
วินยิ้ม เอเคลื่อนตัวกลับไปที่รถ วินเดินไปที่ตัวบ้าน เอเปิดประตูเข้าไปในรถ พร้อมสตาร์ท อย่าง ตื่นเต้น วินเดินตรงไปที่ตัวบ้าน เห็นเงาคนยืนอยู่ตรงประตู พลางแกล้งเอามือไขว่ไว้ข้างหลัง
“ถ้าแกไม่ออกมา ฉันยิง”
เงาคนก้าวออกมา วินขยับตัว
“เดี๋ยวนี้นายพกปืนแล้วเหรอเพื่อน”
“ใช่ เอาไว้ยิงก้างขวางคอ”
โจยิ้มขำ แล้วทั้งคู่ก็เดินเข้ามาโอบกอดคอกัน
จากนั้นทั้งหมด ก็มานั่งรวมกันอยู่ในห้องรับแขก
“ฉันมาไม่เห็นใครอยู่ ก็เลยเดินตรวจรอบๆกำลังจะออกมา เห็นนายสองคนกำลังจะกุ๊กกิ๊กกัน ฉันก็เลยยืนหลบซะก่อน ไม่อยากขัดจังหวะ”
วินกับเอ หันมายิ้มให้กัน
“คราวหลังนายหลบให้มิดชิดกว่านี้ก็จะดีมาก”
โจยิ้มขำ พลางหยิบโทรศัพท์ ไอโฟนออกมาสองเครื่อง ส่งให้วินกับเอคนละเครื่อง
“ต่อไปนี้นาย,ฉัน คุณพ่อ น้องแนน ติดต่อกันเห็นหน้ากันพูดกัน ได้ตลอดเวลา เพราะเป็นเบอร์ ส่วนกลาง ที่พนักงานในผับของฉันใช้สำหรับธุรกิจ ไม่มีใครตรวจสอบได้”
วินยิ้มดีใจ “เจ๋งมากเพื่อน”
“ดึกแล้ว ฉันขอตัวดีกว่า”
วินเข้ามากอดโจ
“นายไม่ต้องห่วงน้องแนนกับคุณพ่อ”
“ขอบใจเพื่อน ฝากบอกว่า ไม่ต้องห่วงฉันเหมือนกัน”
เอนอนคว่ำอยู่บนเตียง พลางเปิดไอแพดกดดูรูป ที่ถ่ายกับน้อยหน่าและจุ๊บแจง ที่เมืองกาญ
ทันใดนั้นต้องสะดุ้งเมื่อเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น เอยิ้มแล้วกดรับ ภาพของวินปรากฏขึ้นมาบนหน้าจอ
“เห่อ น่าดูนะคุณน่ะ”
“ผมจะเข้ามาเซย์กู๊ดไนท์น่ะครับ ก็เลยเช็คดูก่อนว่าปลอดภัยหรือเปล่า”
เอยิ้ม
“ขืนเข้ามาไม่ปลอดภัยแน่”
“งั้นไม่เอาดีกว่า กู๊ดไนท์นะครับ”
“กู๊ดไนท์ค่ะ”
พลางใช้มือแตะที่ปากตัวเองแล้วส่งจูบ
เอตื่นขึ้นมาในตอนเช้า เห็นวินอยู่ในครัว กำลังนั่งอยู่ที่โต๊ะ มีจานไข่ดาว เบคอน ขนมปัง น้ำส้ม และ กาแฟ วางอยู่พร้อม
“ว้าว อาหารเช้าสุดหรู”
วินลุกขึ้นมาเลื่อนเก้าอี้ให้เอนั่ง เอยิ้มหวานก่อนนั่งลง วินไปนั่งตรงข้าม
“ผมคิดแผนการออกแล้ว”
“ อืม” เอรับคำ พลางตักอาหารเข้าปากไปด้วย
“ผมจะติดต่อนายสุรชัย บอกว่านายสมภพเป็นคนยิงนายสุชาติ”
“คุณคิดว่านายสุรชัยจะเชื่อคุณ”
“ผมมีปืนของนายสมภพ”
เอส่ายหน้า “โธ่เอ๊ย แล้วคุยว่าดูหนังเยอะ ฉันฟังดูแล้วไม่เวิร์ค คุณอาจจะแย่ง ปืนนายสมภพมา ยิงนายสุชาติเองก็ได้”
“แล้วทำไมนายสมภพไม่บอกตำรวจว่าผมแย่งปืนไปยิงนายสุชาติ ผมคิดว่านายสมภพพลาด ตรงนี้ ถึงข้อโต้แย้งจะอ่อน อย่างน้อยอาจทำให้นายสมภพเต้นออกมาก็ได้”
เอ นิ่งไป พลางคิดตามสิ่งที่วินพูด
เลขาเดินเข้ามาส่งเอกสารให้นายสุรชัยในห้องทำงาน แต่แล้วโทรศัพท์ดังขึ้น เลขารีบรับโทรศัพท์
“ไดมอนด์ดิเวลลอปเม้นท์ค่ะจากไหนคะ ค่ะๆๆ”
เลขาหันมารายงาน “จากมือปืนที่ยิงคุณสุชาติค่ะ”
นายสุรชัยรีบคว้าโทรศัพท์มาจากเลขา สีหน้าเคร่งเครียด
ในขณะที่วิน ยืนคุยโทรศัพท์อยู่ตู้สาธารณะ ส่วนเอ คอยมองคนไปมาอย่างระแวดระวัง
“ใช่ผมเองคนที่คุณตั้งรางวัลสิบล้าน”
“คุณคิดจะมอบตัวเอาเงินหรือไง”
“ผมไม่ใช่คนยิงลูกชายคุณ ผมรู้ว่าใครยิง”
“แกจะเล่นตลกอะไร หลักฐานบ่งชัดปืนอยู่ในมือแกกับผู้หญิงของแก พยานทุกคนเห็นหมด”
“ใช่ พยานคนแรกที่ตะโกน คือนายสมภพคนที่ยิงลูกชายคุณ”
นายสุรชัยอึ้งไปอึดใจ วินรีบพูดต่อ
“ปืนที่ผมถืออยู่คือปืนของนายสมภพ นายสมภพกำลังจะยิงผมเพื่อปิดปาก เกิดเหตุชุลมุน ปืนหลุดมาอยู่ในมือผมพอดี”
“คุณนี่เผลอไม่ได้เลยนะผมคุยกับนายสุรชัยเสร็จหันมาไม่เห็นคุณใจหายหมด นึกว่าโดน ใครจับไปแล้ว”
วินตามมาเจเอกำลังเลือกดูเสื้อผ้าอยู่ในห้าง เอแกล้งตีหน้าเศร้า
“เป็นความผิดของเสื้อตัวนี้ ที่ใช้พลังเรียกฉันมา นายสุรชัยว่ายังไงคะ”
ยังไม่ทันที่วินจะตอบ พนักงานเดินเข้ามาต้อนรับ
“สอบถามได้นะคะ”
ทั้งสองหันมามองพนักงาน
“เราไปกันเถอะครับ ผมรู้จักสวนน่ารักอยู่แถวๆนี้”
พูดพลาง วินก็รีบลากมือเอออกไป
“เดี๋ยว น้อง”
เอ พูดพร้อมกับโยนเสื้อให้พนักงานรับไว้ ก่อนที่จะถูกวินลากตัวออกไป
“นายสุรชัยต้องการขอดูปืนก่อน ถ้าปืนเป็นของนายสมภพจริง ก็จะจัดการกับนายสมภพ”
“เมื่อไหร่คะ”
“ผมจะโทรไปอีกครั้งพรุ่งนี้ เพื่อกำหนดที่นัดพบ”
เอ ขมวดคิ้ว
“อืม ไม่รู้ซิ ง่ายเกินไป ไม่เชื่อคุณลองคิดดูอย่างในหนังก็ได้ ถ้ามีการตกลงกันง่ายๆ ต้องมีเรื่อง ทุกที”
วินนิ่งไปอึดใจ
“จริงของคุณ แต่ยังไงผมก็ต้องเสี่ยงดู ผมอยากให้เรื่องจบเร็วๆ ชีวิตคุณจะได้กลับ เป็นปกติสุข ไม่ต้องลำบากไงครับ”
“จริงด้วย ฉันก็จะได้ไม่ต้องเจอคุณอีก”
เอพูดอย่างหงุดหงิด ก่อนที่จะผลุนผลันเดินออกไป วินส่ายหน้าอย่างไม่เข้าใจ พลางรีบเดิน ตามไป
“คุณอยากไปเยี่ยมคุณพ่อคุณมั้ยครับ”
เอหันมาตาเป็นประกายดีใจ พรวดมาเขย่งหอมแก้มวินฟอดหนึ่ง วินยิ้มตาลอย
โจ ขับรถมาจอดส่งแนน ที่มหาวิทยาลัย
“แล้วตอนเย็นพี่จะมารับ”
“เกรงใจพี่โจจัง ต้องมารับมาส่งทุกวันเลยเหรอคะ”
โจพยักหน้า “อืม ประมาทไม่ได้หรอก”
“แบบนี้แนนก็หนีไปเที่ยวไม่ได้ดิ”
“อยากไปไหน พี่จะพาไป”
แนน ยิ้มแป้น “เย้ อย่างนี้ค่อยยังชั่วหน่อย”
แนน เปิดประตูลงจากรถ แล้วหันมาโบกมือให้โจ
แนน เดินมาก็เจอเมจิ กับน้ำหวานพอดี
“พี่โจมาส่งเหรอ” เมจิถามแนน
“สนเหรอ”
น้ำหวาน มองเมจิล้อๆ
“เมจิ มันสนทุกคนล่ะแนน น่าจะส่งไปเข้าชมรมฮอร์โมนซ่า”
“บ้า ฉันสนแต่ไม่สนองย่ะ”
ทันใดนั้นเทปก็วิ่งเข้ามา สาวๆ แกล้งผลักออกไป
“เป็นไงบ้างชมรมฮอร์โมนซ่า ไปเช็คฮอร์โมนกันมาหรือยัง” เมจิหันไปถามเทป
“ยัง กลัวติดโรค”
“ติดโรคไม่เท่าไหร่ เป็นพ่อเด็กนี่ซิยุ่ง”
น้ำหวาน พยักหน้าเห็นด้วย
“ใช่ โดยเฉพาะเป็นพ่อเด็กที่ไม่ใช่ลูกเรา”
“โห พูดซะฮอร์โมนดับเลย” เทปทำเสียงอ่อย พลางรีบเปลี่ยนเรื่อง “มีข่าวใหม่”
น้ำหวาน แกล้งหันมาแหย่ “ใครไม่อยากฟังยกมือ”
ทุกคนพร้อมใจกันยกมือ แล้วก็หัวเราะชอบใจ
จากนั้นทั้งหมดเดินมานั่งที่ม้านั่งมุมตึกตัวโปรด เทปกวาดสายตารอบๆ อย่างระแวดระวัง “มีอะไรว่ามาเทป” แนนเข้าเรื่อง
“ตอนนี้จะมีสมัครเลือกตั้งประธานนักศึกษาของคณะ ทายซิใครลงสมัครเป็นคนแรก”
เมจิ ยกมือตอบทันที “นุจรี”
“ถูกต้องครับ มีการโปรโมทว่าจะแจกโน่นนี่นั่นเต็มไปหมด แบบนี้ชนะแหงๆ”
น้ำหวาน หันขวับมาทางแนน
“แนน ฉันขอลงชื่อเธอสมัครเป็นประธานนักศึกษาแข่งกับยัยนุจรี”
แนน นิ่งคิดอยู่ชั่วอึดใจ ก่อนตอบ “ได้”
เมจิ ส่ายหน้าช้าๆ “เสียเวลาเปล่า ไม่มีของแจก แพ้ชัวร์”
“ทุกคนที่นี่มีการศึกษา เราเชื่อว่าไม่มีของแจกก็ชนะได้ ถ้าทำให้เขาเห็นว่าเราตั้งใจดี”
เทป พูดแทรกขึ้นมาบ้าง“ไม่ใช่แต่มีแค่ของแจก นุจรีเอาใจชมรมฮอร์โมนซ่า ประกาศว่าเรื่อง เพศสัมพันธ์เป็นสิทธิ ส่วนบุคคล..สังคมไม่ควรยุ่ง เลยได้เสียงไปทั้งชมรม”
แนนหน้าเครียด น้ำหวานกับเมจิ พลอยเงียบไปด้วย“งานใหญ่รออยู่ข้างหน้า พวกเราต้องวางแผนการหาเสียงให้รัดกุม” แนนสรุป
“ไปก่อนนะ แล้วจะมาส่งข่าว”
เทปกับสามสาว เดินแยกกันไปคนละทาง
แนนกับเพื่อนๆ เดินมาก็เจอกับก๊วนของนุจรี ที่กำลังเดินแจกใบปลิวหาเสียงอยู่ “ถ้าลงทะเบียนเข้าชมรมนางฟ้าไฮโซ จะได้ตั๋วฟรีคอนเสิร์ตและบัตรกำนันช้อปปิ้ง”
บิวช่วยเพื่อนหาเสียงเต็มที่
จากนั้นทั้งสองฝ่ายเผชิญหน้ากัน
“ว่าไงสนใจจะลงทะเบียนรับของแจกมั่งมั้ย” บิวหันมาทำเสียงเยาะๆ ใส่แนนกับเพื่อน
“นักศึกษาที่คณะมีเกือบสามพันคนมีปัญญาแจกหมดทุกคนก็ให้รู้ไป”
หลิน หันไปพยักเพยิดกับนุจรี“นักศึกษามาลงเสียงอย่างมากก็แค่พันกว่าคน แจกได้อยู่แล้วใช่มั้ยนุจรี”
“แน่นอน”
“พันคนน่ะแจกได้ แต่ถ้าพลังเงียบอีกสองพันคนโผล่มาลงคะแนนด้วย เธอก็จบ”
แนนพูดเชิดๆ นุจรีหน้าเสีย รีบสะบัดหน้าเดินออกไป“เธอคิดว่าสองพันคนที่เหลือจะออกมาลงเสียงเหรอแนน”
น้ำหวานหันมาถามแนน
“แค่พูดลักไก่ไปเท่านั้นเอง หวังอะไรจากพวกพลังเงียบคงยาก”
เมจิ ส่ายหน้า “ใช่ พลังเงียบสนิท”
“ใครจะไปรู้ นุจรีอาจมีเงินพอที่จะแจกหมดทั้งสามพันคนเลยก็ได้”
วินกับเอ เดินเข้าโรงพยาบาลมา พลางเดินเข้าไปแจ้งที่เคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์
“ขอเยี่ยมคุณประสิทธิ์ ประชาพิบาลธรรมค่ะ”
พยาบาล รีบตอบ “เข้าเยี่ยมได้เฉพาะครอบครัวเท่านั้นค่ะ”
ทันใดนั้น ก็มีนักข่าวคนหนึ่งพรวดเข้ามา
“ห้องคุณประสิทธิ์ครับ”
พยาบาลหันมาบอกนักข่าว “คุณรอก่อน”
นักข่าวยืนรออย่างหงุดหงิด เอตัดสินใจพูด
“ฉันเป็นลูกสาว”
พยาบาลตกใจ“คุณเป็นลูกสาวของ คุณประสิทธิ์”
“ใช่ค่ะ”
นักข่าวมองหน้าเอกับวิน พยาบาลพูดต่อ
“ต้องขอดูบัตรประชาชนค่ะ”
เอกับวิน หันมามองหน้ากัน เอแกล้งค้นกระเป๋า
“รอเดี๋ยวนะคะ หาไม่เจอ”
นักข่าว รีบแทรกเข้ามา วินกับเอเดินถอยออกมา
“นี่คุณซินดี้นัดผมมาทำข่าว .ผมสายแล้วครับ”
“ห้อง 901 ค่ะ”
นักข่าว พยักหน้า “ขอบคุณครับ”
“พวกนักข่าวมาได้ทุกวันไม่รู้จะอะไรกันนักกันหนา”
พยาบาลคนแรกบ่นอุบ อีกคนรีบเสริม
“ก็คุณซินดี้อะไรนั่นน่ะซิ ให้สัมภาษณ์ได้สัมภาษณ์ดี”
พอหันมาอีกที วินกับเอ ก็หายไปแล้ว
“ผมเสียใจด้วยครับ”
เอนั่งอยู่ที่ม้านั่ง ที่สนามหน้าโรงพยาบาล สีหน้าหงุดหงิด วินนั่งข้างๆ
“ถ้าไม่แสดงตัวคงยากที่จะได้เยี่ยมคุณพ่อถ้าแสดงตัวคนก็จำได้อีก”
“ไม่น่าจะยากอย่างที่คิด”
เอ หันมาฟังอย่างตั้งใจ“คุณจะทำยังไงคะ”
“มีรางวัลหรือเปล่าครับ”
“ถ้าคุณไม่รีบบอกมาล่ะก็ เจ็บตัวแน่”
“ผมจำได้ว่าคุณมีกล้องอยู่ไม่ใช่เหรอครับ”
เอมองหน้าวิน แล้วก็ยิ้ม
“เก่งเกินไปแล้วมั้ง ฉันจะทำยังไงกับคุณดี”
“อยากจะหอมแก้ม หรือคิส ได้ทั้งนั้นครับ”
เอยิ้มกว้าง “ไปกันดีกว่าค่ะ”
“ไปไหนเหรอครับ”
“ช้อปปิ้ง ชุดนักข่าว”
วิน ตกใจ “หา”
เอ รีบจูงวินเดินมาที่รถ แต่แล้วก็หยุดกึก เมื่อเห็นซินดี้ เดินออกมาหน้าอาคาร
“นั่นยัยซินดี้นี่”
ครู่เดียว ก็มีรถเก๋งคันหนึ่งมาจอดรับซินดี้ เอรีบหันมาบอกวิน“ช่วยตามไปดูหน่อยได้มั้ยคะ”
วินรีบขึ้นรถ เอรีบขึ้นตาม ก่อนที่รถจะเคลื่อนตัวออกไป
รถเก๋งที่ซินดี้นั่ง เลี้ยวเข้าไปจอดที่หน้าโรงแรม วินขับตามเข้าไปจนถึงลานจอดรถ แล้วเลยไปจอด ห่างออกไป
ซินดี้เปิดประตูรถลงมาพร้อมกับบอย ทั้งสองเดินโอบกันเข้าไปในโรงแรม
“ซินดี้กับนายบอย พี่ชาย”
วิน ส่ายหน้า “แบบนี้ไม่ใช่พี่ชายแล้วครับ”
“ไม่ใช่มาตั้งแต่แรกที่ฉันเห็นนายบอยแล้ว”
“ทำไมคุณไม่บอกคุณพ่อคุณ”
เอหน้าเศร้า “ฉันอยากให้คุณพ่อฉันเจอด้วยตัวเองจะได้รู้สึก”
วินได้แต่พยักหน้าเห็นด้วย
“เราไปกันเถอะค่ะ”
วินขับรถออกมาจากลานจอดรถกำลังจะออกถนนใหญ่ ทันใดนั้นก็มีรถคันหนึ่งเข้ามาดักขวางไว้ เอตกใจร้องกรี๊ด ชายฉกรรจ์สามสี่คนลงมาจากรถ แล้วกรูเข้ามาล้อมรถของวินเอาไว้ หนึ่งในนั้นคือนักข่าวที่เจอ วินกับเอ ตรงเคาน์เตอร์พยาบาลนั่นเอง
“เฮ้ย จับให้ได้ สิบล้านเว้ย”
วินรีบตบเกียร์ถอยหลังแล้วถอยไปอย่างรวดเร็ว พวกมันวิ่งตามมา วินถอยยาว แล้วเบรคพรืด
พร้อมตบเกียร์เดินหน้าพุ่งเข้าหาพวกมันที่พากันวิ่งดาหน้าเข้ามา ก่อนที่จะขับพุ่งชนพวกมันกระเด็นกลิ้งไปกองที่พื้น วินพุ่งรถไปข้างหน้า นักข่าวยืนอยู่ รีบกระโดดหลบ จนกลิ้งไปบนสนาม
“ผมจะไปเลื่อนรถของมัน คุณรีบขับรถออกไป”
วินกับเอ รีบลงรถพร้อมกัน เอพรวดไปทางด้านคนขับ ในขณะที่วิน รีบวิ่งไปที่รถของพวกมัน แล้วรีบสตาร์ทรถถอยรถของมันพรวดออกจากทาง พร้อมๆ กับที่เอ ก็รีบขับรถพรวดผ่านออกไปจอด แล้วจอดรอที่ทาง ออกสู่ถนนใหญ่ วินพรวดไปที่รถ พลางรีบเปิดประตูจะเข้าไป แต่แล้ว
“เดี๋ยวผมมา”
“คุณจะไปไหน”
วินไม่ตอบ แต่รีบพรวดลงรถไป นักข่าวค่อยๆขยับตัวลุกขึ้น แต่เจอวินยืนอยู่ตรงหน้า วินขยำคอเสื้อดึง ตัวขึ้นมา
“อยากได้สิบล้านเหรอ”
พูดพลางก็ชกโครม จนนักข่าวทรุดลงไปอีก
“ เร็วคุณ พวกมันมากันแล้ว”
เอตะโกนเร่ง วินหันไปไอ้พวกสามคนแรกลุกขึ้นมาได้ กำลังวิ่งเข้ามา วินรีบกระโจนขึ้นรถ เอบึ่งรถออกไปทันที
“เกือบไปแล้ว นึกไม่ถึงว่าไอ้นักข่าวนั่นจะจำเราได้”
วินพูดพลางถอนหายใจโล่งอก
“มันจำไม่ได้หรอก มันคงได้ยินตอนที่ฉันบอกพยาบาลว่าเป็นลูกสาวคุณพ่อ”
“ผมว่าเราต้องระวังตัวให้มากกว่านี้นะครับ”
“ค่ะ” เอพยักหน้ารับคำ พลางชี้มือไปข้างหน้า “โน่นอยู่โน่น”
วิน ตกใจ “พวกมันตามมาเหรอครับ”
“ทางเข้าศูนย์การค้า”
“โธ่เอ๊ย คุณ”
เอ ยิ้มอ้อน “ก็ ฉันต้องมีชุดนักข่าวนี่”
“เชื่อเลย ผมว่าคุณแค้นผมมาก เลยวางแผนให้ผมถูกตืบตาย”
เอ ยิ้มขำ วินแกล้งเลี้ยวรถอย่างแรง จนเอเอียงวูบเข้าไปซบอยู่ข้างวิน
หนีก็ล่า ซ่าก็รัก ตอนที่ 9 (ต่อ)
เอ กำลังเลือกเสื้อผ้าอยู่ ในขณะที่วินยืนกวาดสายตาไปมาอยู่ข้างๆ
“เราไม่ควรจะอยู่ที่นี่นานนะครับ”
“รู้แล้วน่า”
วินกวาดสายตามองเห็น เด็กนักเรียนหญิงสองคนกับเด็กนักเรียนชายอีกสามคน ยืนช่วยกันเลือก ตุ้มหูอยู่ วินยิ้มนึกถึงความหลังตอนที่เอมาช่วยเลือกตุ้มหูให้
“นี่คุณ ผมว่าคุณน่าจะไปเลือกตุ้มหูให้เด็กๆพวกนั้นนะ”
เอ หันไปมอง แล้วก็ยิ้มตาม “นึกถึงความหลังตอนที่ฉันเลือกให้คุณใช่มะ”
“ครับ”
“งั้นไปกันเถอะ”
“เลือกตุ้มหูให้ใครจ๊ะ”
เอถามเด็กผู้หญิงที่กำลังยืนเลือกตุ้มหูอยู่ เด็กกลุ่มนั้นหันมามองสีหน้าเป็นมิตร
“เลือกให้เพื่อนค่ะ เป็นของขวัญวันเกิด”
“พี่ช่วยเลือกด้วยคนได้มั้ยจ๊ะ”
“ได้ค่ะ แต่อย่าเอาแพงมากนะคะ พวกหนูมีงบน้อย”
เด็กๆต่างหัวเราะขำกัน ไม่ได้คิดว่าเป็นเรื่องน่าอาย เอยิ้ม “น้ำใจสำคัญที่สุดจ้ะ”วินมองเอกับกลุ่มเด็กอย่างสุขใจ ครู่หนึ่งเอก็ส่งตุ้มหูให้เด็กหญิง เด็กหญิงรับมายกตรวจดูราคา
“พี่เลือกเก่งมากเลย ไม่แพงด้วย ขอบคุณมากนะคะ”
“ขอบคุณที่ให้พี่ช่วยเลือกนะจ๊ะ”
เด็กๆ ยกมือไหว้ของคุณ วินกับเอพากันเดินไปด้วยสีหน้าเปี่ยมสุข วินมองเอด้วยสายตาลึกซึ้ง เอ หันมามองสบตากันพอดี
“หนุกจัง ขอบคุณนะคะ”
วินยิ้มพลางจับมือของเอขึ้นมาจูบที่หลังมือเบาๆ เอมองอย่างสงสัย
“อะไรคะ”
“ความชื่นชมจากใจให้กับคุณ วูบหนึ่งผมคิดว่าคุณต้องซื้อตุ้มหูให้เด็กๆพวกนั้น”
เอยิ้ม “ฉันไม่อยากใช้เงินของฉันทำลายน้ำใจบริสุทธิ์ของเด็กๆที่ ตั้งใจจะให้กับเพื่อน ของเขาหรอกค่ะ”
“ผมถึงชื่นชมคุณไงครับ”
“วูบหนึ่งฉันก็คิดว่าคุณอาจจะซื้อให้เหมือนกัน ฉันก็ชื่นชมคุณ”
วินยกมือของเอขึ้นมาจูบอีกครั้ง เอยิ้มหวานให้
เอ ใส่ชุดนักข่าวทำท่าเดินแบบแฟชั่น ที่ไหล่สะพายกล้องพร้อม หมุนไปหมุนมา อยู่ตรงหน้าวิน ซึ่งนั่งอยู่บนโซฟา
“ไง พอผ่านมั้ยคะ”
วินส่ายหน้า “ผมว่าไม่ผ่าน”
“ทำไมล่ะ”
“คุณเหมือนเดินแบบโฆษณาขายกล้องมากกว่า นักข่าวต้องดิบกว่านี้”
“ก็ ฉันนักข่าวรุ่นใหม่ รู้ไว้ด้วย”
วินส่ายหน้าไม่ยอมรับ พลันเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น เอรีบกดรับสาย
“สวัสดีค่ะคุณแม่ คุณพ่อเหรอคะเกิดอะไรขึ้นกับคุณพ่อคะ”
คุณหญิงอัญชลี ตอบกลับมาทางปลายสาย
“เปิดทีวีเร็วเข้าคุณเอ พ่อของคุณเอ อาการดีขึ้นแล้ว”
เอ หันไปบอกวิน “ทีวีค่ะ ทีวี มีข่าวคุณพ่อ”
วินคว้ารีโมทเปิด เห็นภาพของนายประสิทธิ์ นั่งอยู่บนเตียง มีซินดี้อยู่ใกล้ๆ มีนักข่าวรุมล้อม รวมทั้งนักข่าวคนที่ไปจับวินกับเอด้วย
“นั่นไอ้นักข่าวคนที่มาเล่นงานเรา”
“แล้วหนูจะโทรกลับนะคะ”
เอ วางสาย พลางจ้องไปที่ทีวี ในขณะที่ภาพในจอ นายประสิทธิ์กำลังให้สัมภาษณ์นักข่าวอยู่“ผมดีขึ้นแล้วครับ แต่คงตามใจหมอ พักที่นี่อีกอาทิตย์หนึ่ง”
นักข่าวรีบยิงคำถาม “คุณซินดี้บอกว่าท่านเครียดเรื่องธุรกิจจนเกิดโรคหัวใจฉับพลัน”
“ยุคนี้ใครไม่เครียดเรื่องธุรกิจก็บ้าแล้วครับ”
“มีข่าวว่าท่านทำธุรกิจแบบไม่โปร่งใสมีรายได้ปีหนึ่งหลายร้อยล้าน”
นายประสิทธิ์ ตอบยิ้มๆ แบบทีเล่นทีจริง
“ยุคนี้ใครโปร่งใสก็บ้าอีกนั่นละครับ”
วิน หันมาบอกเอ
“รู้สึกว่าคุณพ่อคุณจะดีขึ้นมากดูดีทีเดียว”
“ดี พรุ่งนี้เราไปโทรศัพท์เรียกเงินตามแผนเดิม”
วิน หน้าเหวอ“อ้าว คุณ”
“ไม่เป็นไรหรอกน่า คุณไม่รู้จักคุณพ่อดีเท่าฉัน”
“เฮ้อ งั้นผมขอตัวก่อนนะครับ ปวดท้องฉี่”
พูดพลางวินก็ลุกเดินออกไป เอมองตาม อย่างเสียอารมณ์
เอ เดินเข้ามาที่สวนหลังบ้าน เห็นวินกำลังยืนรดน้ำต้นไม้อยู่
“คุณโกรธฉันเหรอ”
“เปล่าครับ แค่ไม่เข้าใจคุณเป็นบางครั้งเรื่องคุณพ่อของคุณ”
เอ หน้าสลด
“ฉันขอโทษที่เอาเรื่องคุณพ่อมาให้คุณปวดหัว ฉันรับรองว่าเรื่องฉันกับคุณพ่อของฉันไม่ใช่เรื่อง ร้ายแรงต่อใครเด็ดขาด เป็นแค่เรื่องเงินและความโลภของคุณพ่อฉันเท่านั้นเอง”
วินถอนใจ “ก็ได้ครับ”
“งั้นดีกันนะ”
วินยิ้ม “ยังครับ ต้องเจอนี่ก่อน”
วินเอาสายยางฉีดน้ำใส่ เอร้องโวยวาย พลางเข้ามาแย่งยื้อสายยาง แล้วฉีดกลับจนเปียกปอน ด้วยกันทั้งคู่
แนน เดินมากับ น้ำหวาน เมจิ ไปที่ลานจอดรถของมหาวิทยาลัย
“แหมอิจฉาคนมีคนมารับมาส่ง” เมจิแกล้งแซว
“อย่ามาทำเป็นพูดมาก เธอก็อยากเจอพี่โจเหมือนกัน”
เมจิยิ้ม “ก็แค่ดูเฉยๆ พี่โจของเธอไม่เสียหายหรอกน่า”
ทันใดนั้นก็มีก๊วนนักศึกษาชายสามคน กับหญิงสองคน มายืนขวาง
“นี่ไง คนที่หาว่าชมรมพวกเราไม่มีสมอง มีแต่เรื่องผสมพันธุ์”
แนนยิ้ม แล้วพูดเชิดๆ
“คนมีสมอง ใครเขาคิดแต่เรื่องผสมพันธุ์ตอนเรียนมั่งล่ะ”
นักศึกษาหญิงในทีม รีบแย้งทันควัน“ใครจะทำยังไงคิดยังไงเป็นสิทธิ์ส่วนบุคคลคนอื่นไม่ควรยุ่ง ไม่ควรมาตัดสิน ว่าผิดหรือโง่”
เมจิก้าวมายืนข้างหน้า “พูดมากน่า จะเอายังไง”
แนนดึงเมจิไว้ “อย่าเมจิ “ พูดพลางดึงเมจิมาข้างหลัง ส่วนตัวเองออกมายืนข้างหน้าแทน “เอาเป็นว่าพวกนายฉลาดที่สุดก็แล้วกัน พวกเราไปกันเถอะ”
นักศึกษาชายอีกคน รีบสวนขึ้นมา “เดี๋ยว ยังไปไม่ได้ ต้องขอโทษก่อน”
“ทำไมต้องขอโทษ ฉันไม่ได้ว่านาย ฉันไม่ได้ชี้ที่ตัวนายหรือใคร ที่ฉันพูดเป็นข้อสันนิษฐาน ซึ่งอาจถูก หรือผิดก็ได้อยู่ที่ใครจะเลือกเชื่อหรือไม่เชื่อเป็นสิทธิ์ของแต่ละบุคคล แต่ตอนนี้นายกำลังขวางสิทธิ์ ของฉันชัวร์ๆ”
“ขวางแล้วทำไม”
“อยากรู้มาถามพี่ดิ”
ทุกคนหันไปตามเสียง เห็นโจยืนจ้องมาที่นักศึกษากลุ่มนั้นด้วยสายตาเคร่งเครียด
“พี่โจ”
นักศึกษากลุ่มนั้นมองโจชั่วอึดใจ ก็แยกกันไป น้ำหวาน เมจิ ต่าง ยกมือตีกัน สะใจ
“โชคดีที่พี่โจ มาทันเวลาพอดี ไม่ยังงั้นแนนอัดไปแล้ว”
แนนหันมาบอกโจ ขณะที่โจขับรถ จะพามาส่งที่บ้าน
“อย่าเลย เดี๋ยวพวกนั้นจะกลายเป็นคนพิการหมดอนาคต”
“ใช่ รู้จักแนนจอมโหดน้อยไปซะแล้ว”
ขณะที่ขับรถเข้ามาในซยบ้านนั้นเอง โจสังเกตเห็นรถจอดซุ่มอยู่ ท่าทางผิดปกติ
“ตั้งแต่เรื่องของแนนลงเน็ตมีคนมาจอดรถแถวนี้วนเวียนไม่ซ้ำหน้า”
“มันคงคิดว่าพี่วินจะมาหาแนนกับคุณพ่อมั้ง”
“หรือไม่ก็คอยตามแนนกับคุณพ่อ เมื่อเช้าตอนพี่ไปส่งแนนที่มหาวิทยาลัยก็มีคนตาม”
แนน ตาโต “โห แนนไม่ทันสังเกตเลย”
“ปล่อยให้มันตามไปเถอะ เดี๋ยวก็เบื่อไปเอง”
“มันไม่รู้ว่าเดี๋ยวนี้พวกเราสามารถคุยกันได้ตลอดเวลาด้วยโทรศัพท์ที่พี่โจจัดให้”
แนนพูดขำๆ
แนน เอาน้ำมาเสิร์ฟให้โจที่โต๊ะอาหาร
“Thank you”
“โน Thank you ที่มารับมาส่งค่ะ”
ทอมมองทั้งคู่ผลัดกันขอบคุณกันไปมา ก็พูดขึ้นมาบ้าง
“พรุ่งนี้พ่อขับรถไปโรงพยาบาลเองก็ได้นะลูก”
“ไม่เป็นไรหรอกครับ ผมมารับคุณพ่อดีกว่า”
แนน ยิ้มให้ทั้งคู่“แนนเข้าสาย แนนรอคุณพ่อตรวจเสร็จพี่โจจะได้ไปเที่ยวเดียว”
“ดีมาก”
“เดี๋ยวก่อนครับ” จู่ๆ โจก็ท้วงขึ้น
“มีอะไรอีกล่ะพี่โจ”
“จริงๆแล้ว เราให้ วินกับคุณเอ มาที่โรงพยาบาลก็ได้ไม่มีใครรู้แน่นอน”
“เย้ จริงด้วย” แนนยิ้มดีใจ
“ไอเดียดีมากโจ”
ทอมจับมือกับโจ แนนเอื้อมเข้ามาจับด้วย บรรยากาศภายในบ้านเริ่มแจ่มใสขึ้น
เอ เดินเข้ามาในครัว เห็นวินกำลังวุ่นวายทำอาหารอยู่ ก็เดินเข้าไปใกล้ๆ
“เย็นนี้มีอะไรทานเอ่ย”
“สปาเก๊ตตี้ ซีฟู้ดครับ”
“ถ้าไม่อร่อยไม่ยอมด้วย ต้องพาไปกินข้าวข้างนอก มีสี่สาวไฮโซ คอยเลี้ยงอยู่แล้ว อยากดัง กันนัก ต้องถลุงให้เต็มที่”
“ลองดูก่อนครับแล้วค่อยว่ากันทีหลัง”
เอยิ้มแล้วเดินไปนั่งที่โต๊ะ พลางเปิดไอแพดเช็คข่าวไปด้วย
“บ้าที่สุด”
วิน รีบหันมาทันที “เกิดอะไรขึ้นครับ”
“คุณพอล โพสเรื่องที่ฉันบอกว่ากำลังหาหลักฐานเล่นงานคนร้าย ตอนนี้นักข่าวขอนัดสัมภาษณ์เป็นการใหญ่”
“คุณพอลคงเป็นห่วงคุณมากมั้ง”
เอทำหน้าจ๋อยๆ“นี่ คุณไม่ต้องมาประชดหรอก ฉันผิดเอง”
ทันใดนั้นเสียงโทรศัพท์ ก็ดังขึ้น วินกดรับสาย
“ว่าไงโจ โอเค โอเค. กู๊ดไอเดีย ขอบใจเพื่อน”
วินวางสาย แล้วหันไปทำกับข้าวต่อ ในขณะที่เอยังอารมณ์เสียไม่เลิก
“เชิญนักข่าวมาให้มากที่สุด”
พอลหันมาสั่งกำชับกับผู้จัดการ ขณะนั่งคุยกันอยู่ที่คอนโดของพอล
“คุณพอลทำได้ดีค่ะ งานนี้ต้องกระแสแรงแน่นอน ดังอีกแล้วค่ะ”
“คนจะดัง มันก็ต้องดัง”
พลันเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น พอลกดรับสาย
“พอลพูดครับ คุณนุจรี”
“ค่ะ นุจเอง คุยได้มั้ยคะ”
พอลหันมาทำหน้าเบื่อกับผู้จัดการ “คุณนุจรี มีธุระอะไรเหรอครับ”
“นุจแค่อยากจะบอกว่า ชื่นชมคุณพอลมากที่สละเวลามาเล่นละครของเรานุจจะตั้งใจซ้อม ไม่ให้คุณพอลต้องผิดหวัง”
“ได้ครับ ดีครับ แล้วพบกันครับ”
พอลวางสาย พลางทำหน้ารำคาญ ผู้จัดการรีบหันมาถาม
“ใครเหรอคะ”
“เด็กที่มหาลัยที่ผมไปอาสาเล่นละครการกุศลไม่น่าเล้ย นี่ถ้าไม่ใช่คุณหญิงอัญชลีเป็นคนถาม
ล่ะก็ ไม่ไปอยู่แล้วไร้สาระจริงๆ”
“คุณหญิงอัญชลี คุณแม่คุณเอน่ะเหรอคะ”
พอลพยักหน้า“ใช่”
“เราน่าจะเอาเรื่องคุณหญิงอัญชลี สนิทกับคุณในฐานะแม่คุณเอมาเล่นข่าวนะคะ”
พอลรีบห้าม “เฮ้ย ไม่ได้ ไม่ได้ คุณหญิงอัญชลีรู้จักคนเยอะ ขืนเล่น ผมดับแน่ๆ”
“งั้นก็เอาแค่เรื่อง เล่นละครนักศึกษาก็พอ”
พอลพยักหน้า แต่ยังรำคาญนุจรีไม่หาย
“คุณช่วยไปเช็คหน่อยซิ ว่ายัยนุจรีเป็นใคร เห็นคนบอกว่าเป็นลูกสาวไฮโซเหมือนกัน ถ้าไม่ใช่ จะได้ไล่ๆไปซะให้พ้น”
ในบณะที่นายสมภพ กำลังยืนสั่งการอยู่ที่เซฟเฮ้าส์
“พวกเอ็งต้องรีบหาตัวพวกมันให้เจอ มันบอกว่ามันรู้ตัวคนร้าย มันจะเล่นกับข้า”
ไอ้เม่น รีบรายงาน
“พวกเราก็ระดมกำลังหาอยู่ครับพี่ นักข่าวที่ผมเลี้ยงไว้ เกือบได้ ตัวมันแล้วแต่มันอัดนักข่าว ซะงอม หนีรอดไปได้ ตอนนี้ผมก็ให้คนเฝ้าบ้านมันตลอด น้องสาวหรือพ่อมันไปไหน ไม่พ้นพวกเราแน่นอน”
นายสมภพเดินไปเดินมาอย่างใช้ความคิด
“เอ็งหาทางติดต่อคนของนายสุรชัยซื้อมันด้วย ให้ข้าจัดการก่อนแล้ว มันค่อยเอาศพไปให้ นายสุรชัย งานนี้มันได้สองต่อไม่เอาก็บ้าแล้ว”
วินกับเอ นั่งทานข้าวกันอย่างเงียบๆ วินคอยชำเลืองมอง แต่เอไม่สนใจ “ไหนคุณเคยบอกว่าเราต่างมีการศึกษา เราพูดกันดีๆก็ได้ แล้วทำไมตอนนี้คุณหน้าหงิกใส่ผม”
“ ก็คุณว่าฉันนี่ จะให้ฉันยิ้มได้ยังไง”
“ก็คุณไปบอกคุณพอลทำไมว่ารู้ตัวคนร้าย”
เอยังไม่ยอมมองหน้าวิน “ก็ฉันบอกแล้วไงว่าเป็นความผิดของฉัน โอเคมั้ยล่ะ”
“ผมน่ะโอเค คุณนั่นแหละไม่โอเค”
“แล้วยังไงคุณถึงจะโอเค”
“ต้องยิ้มให้ผม ถึงจะโอเค” วินพยายามพูดกวนๆ
“คุณก็ไม่ได้ยิ้มเหมือนกัน”
“คุณหงิกก่อน คุณก็ต้องยิ้มก่อน”
เอ แยกเขี้ยวให้พร้อมพูดรอดไรฟันออกมา “พอใจหรือยัง”
วินแกล้งแยกเขี้ยวยิ้มเหมือนกัน “เยส คุณโจออกไอเดียมา ว่าให้ผมไปพบคุณพ่อกับน้องแนนที่
โรงพยาบาลพรุ่งนี้”
เอตาโต “จริงเหรอคะ ฉันไปด้วย”
โจ แนน ทอม เดินออกมาจากบ้าน มาขึ้นรถเตรียมตัวไปโรงพยาบาล
“ผมเห็นพวกมันมาดักแต่เช้า เดี๋ยวพวกมันก็คงตามเรามา “ โจตั้งข้อสังเกต
แนนถอนหายใจ “แน่ล่ะ ก็คุณพอลเล่นโพสข้อความ เรื่องพี่เอรู้ตัวว่าใครเป็น คนร้ายแถมด้วย อีกหนึ่ง”
“พวกนี้ไม่ไหวเลย อยากดังโดยไม่สนว่าเพื่อนจะเดือดร้อน”
แนนพยักหน้ารับ “เป็นธรรมดาของคนบ้านเรายุคนี้แล้วค่ะ”
“พ่อเชื่อว่าวิน กับคุณเอ รู้ดีว่าควรจะทำยังไง”
ทอมพูดจบ โจก็ขับรถเคลื่อนออกไปทันที อึดใจก็เห็นรถพวกไอ้เม่นขับตามมา
“พวกมันตามมาแล้ว”
แนนหันไปมอง “พวกมันกัดไม่ปล่อยเลยจริงๆ แนนโบกมือให้พวกมันดีกว่า”
วินกับเอปลอมตัวใส่วิก ใส่แว่นดำมารอที่โรงพยาบาล วินยกหูโทรศัพท์สาธารณะขึ้นมาหมุน เอ สะพายกระเป๋าใบโต
“สายคุณสุรชัย ได้ แล้วเจอกัน”
วินวางสาย เอรีบเดินเข้ามาถาม “ว่ายังไงคะ”
“ได้สถานที่มาแล้วครับ”
“ที่ไหนคะ”
“สนามไดรฟกอล์ฟ สองทุ่ม คืนนี้”
“ฉันยังคิดว่าคุณไม่ควรไปอยู่ดี”
วินยกนาฬิกาขึ้นดู “ใกล้เวลาแล้วครับ เราไปกันดีกว่า”
จากนั้นทั้งคู่ก็เดินมาตรงเคาน์เตอร์พยาบาลด้านหน้า พยาบาลคนที่รู้จักเอยืนอยู่ แต่จำเอไม่ได้
“คุณหมอโจ๊กฝากของไว้ให้คุณเอหรือเปล่าคะ”
พยาบาลพูดเสียงเบาๆ “คุณเอ”
“ค่ะ”
พยาบาลยิ้ม พลางหยิบถุงเหมือนถุงช้อปปิ้งส่งให้
“ขอบคุณค่ะ”
“โชคดีนะคะ”
เอพยักหน้ารับ แล้วรีบเดินออกไปพร้อมกับวิน
วินกับเอเดินมาจนกระทั่งถึงหน้าห้องน้ำ ก่อนที่จะเดินหลบไปยังกำแพง เอเปิดถุงหยิบเสื้อคลุม สีขาวส่งให้วิน
“นี่คะ เดี๋ยวเจอกันนะคะ”
วินพยักหน้า แล้วทั้งคู่ก็แยกกันเข้าห้องน้ำไป ก่อนที่ทั้งคู่จะออกมาในชุดหมอกับนางพยาบาล
แล้วพาเดินไปตามทางเดิน ผ่านห้องคนป่วย
“เราเข้าไปอ่านหนังสือให้คุณยายยุพาก่อนดีมั้ยคะ” เอเสนอ
“ดีเหมือนกันครับ”
“จริงเหรอคะ”
“ครับ เชิญครับ”
จากนั้นทั้งคู่ก็เดินเข้ามาในห้อง เห็นเตียงว่างเปล่า เอกับวินมองหน้ากันสงสัย บังเอิญพยาบาล คนหนึ่งเดินเข้ามาพอดี
“คุณเอ”
“คุณนิภา”
“หมอโจ๊ก บอกไว้แล้วค่ะว่าคุณจะมา ให้ดิฉันคอยช่วยดู แหม เหมือนหมอกับพยาบาล มากเลยค่ะ”
เอยิ้ม “ค่ะ เอ้อ คุณยายยุพาย้ายไปไหนแล้วคะ”
“เอ้อ คุณยายยุพา เสียไปเมื่อสองวันก่อนแล้วค่ะ”
เอ ตกใจ หันมาซบที่อกวิน วินโอบเอไว้ รู้สึกเศร้าใจเช่นกัน
รถของโจเข้ามาจอดที่หน้าตึกในโรงพยาบาล โจมองกระจกหลัง เห็นพวกไอ้เม่นขับเลยจอด ห่างออกไป จากนั้นทั้งหมดลงจากรถ โจ กวาดตามองพวกมัน แนนอดไม่ได้แกล้งโบกมือให้พวกมันอีก
ทั้งหมดขำแล้วเดินเข้าไปด้านใน
ในขณะที่พวกมันสามคน ก็ลงมาจากรถ ท่าทางหงุดหงิด
“เอ็งสองคนตามเข้าไปดูพวกมัน”
ทอม แนน โจ เดินเข้าไปในอาคาร ก็เห็นหมอโจ๊กเดินมาพอดี
“สวัสดีทุกคนครับ”
หมอโจ๊กขยิบตาให้ทุกคน
“วันนี้ผมขอให้ทุกคนอยู่ฟังอาการของคุณพ่อพร้อมๆ กันเลยนะครับ จะได้คอยช่วยกันดู”
โจ รีบรับมุก “ได้ครับ ด้วยความยินดี”
“เชิญครับ ทางนี้ครับ”
หมอโจ๊กเดินนำออกไป ทุกคนต่างลอบสบตากัน โจกวาดมองรอบๆ แต่ไม่เห็นพวกไอ้เม่นตามเข้ามา
หมอโจ๊ก เดินนำทุกคนเข้ามาในห้อง ก็เห็นหมอกับพยาบาลหญิง ยืนหันหลัง กำลังช่วยกัน จัดเตียงคนป่วยและอุปกรณ์การตรวจ
“เป็นไงครับ อุปกรณ์พร้อมหรือยัง”
หมอกับพยาบาลหญิงหันมา
“พี่วิน พี่ เอ”
แนนวิ่งเข้าไปหาสองคนอย่างรวดเร็ว พลางโอบคนทั้งสองไว้คนละข้าง ทุกคนต่างยิ้ม อย่างมีความสุข
“อิจฉาสองคนนี้จัง ได้ผจญภัยดุเดือดตื่นเต้น”
แนนทำหน้าตาตื่นเต้นประกอบคำพูด
เอยิ้ม แล้วค่อยๆ หุบยิ้มลง “แต่พี่เป็นห่วงแนน ทำให้แนนต้องเดือดร้อนไปด้วย”
“ต้องโทษคุณพอล”
วินทำมือให้แนนหยุดพูด
“ต้องขอโทษพี่เอด้วยนะคะ ไม่ได้มีเจตนาว่าคุณพอล”
เอโอบแนนไว้ “เรื่องจริง พี่เจอคุณพอลต้องอัดซะหน่อย”
“พวกมันก็ได้แต่ตามทำอะไรไม่ได้หรอกครับคุณเอไม่ต้องคิดมาก” โจพยายามพูดให้กำลังใจ
“ขอบคุณค่ะ คุณโจใจดีจังไม่เหมือนบางคน พอรู้เรื่องหน้าหงิกเลย”
ทุกคนหันมามองวิน วินยิ้มทำไม่รู้ไม่ชี้
“วิน ต้องคอยดูแลคุณเอให้ดีนะลูก มีกันแค่สองคน”
เอยิ้มให้ทอมอย่างซึ้งใจ “ขอบคุณค่ะคุณพ่อ”“นัดมาเจอกันที่นี่ได้ตามสบายเลยนะครับไม่ต้องเกรงใจ” หมอโจ๊กเสนอ
“ฉันไม่เกรงใจนายอยู่แล้ว” โจอดแซวหมอไม่ได้
จากนั้นทั้งหมดก็แยกย้ายกัน วินกับเอ ขับรถมาตามทาง โดยไม่ทันได้เปลี่ยนชุด เห็นรถแท๊กซี่ คันหนึ่งจอดอยู่ข้างทาง มีคนมุงรอบจนรถติดยาวเหยียด
“สงสัยมีชนกัน”
จู่ๆ ก็มีคนมาเคาะที่กระจกหน้าต่างรถข้างวิน วินกดหน้าต่างเปิด
“คุณหมอคะ มีคนกำลังจะคลอดลูกในรถ แท๊กซี่ค่ะ
วินกับเอ หันมามองหน้ากัน
“ช่วยหน่อยเถอะค่ะ”
วินรู้สึกตัวตั้งสติได้ รีบหันมาบอกเอ “รีบโทรแจ้งรถพยาบาลครับ”
หญิงคนที่เคาะประตู พาวินแหวกคนมุง มาที่รถแท็กซี่ คนขับรีบบอก
“ทางนี้ครับ”
วินเงอะงะเดินเข้าไป เห็นหญิงสาว ที่มีเสื้อฝนคลุมทับอยู่ตั้งแต่เอวลงมา กำลังร้องครวญคราง พลางหายใจถี่ วินหันมาถามคนขับแท็กซี่
“ผ้าผืนใหญ่กว่านี้มีมั้ย”
“มีแต่เสื้อกันฝนของผมนี่และครับ”
วินหันรีหันขวาง ในที่สุดก็ตัดสินใจนั่งลงตรงปลายเท้าของหญิงสาว
“ทุกคนถอยห่างหน่อยครับ”
วินเงอะงะเพราะทำอะไรไม่ถูก หญิงท้องมองหน้าวิน พลางหายใจแรงขึ้น วินฝืนยิ้มให้ พอดีเอ เปิดประตูทางด้านหัวของหญิงสาวเข้ามา วินรีบหันไปกระซิบถาม
“ทำไงดีครับ”
“คอยรับเด็กก็แล้วกัน”
วินตกใจ “หา”
“คอยรับเด็ก”
เอ จับมือของหญิงท้องไว้
“ใจเย็นนะจ๊ะ หายใจเป็นจังหวะ แล้วเบ่ง หนึ่ง สอง สาม เบ่ง”
วินมองเอ ทั้งแปลกใจ ทั้งทึ่ง
“คุณ คอยรับเด็ก”
“ครับ”
วินตั้งใจเอามือกางคอยรับเด็ก เอนับต่อ
“หนึ่ง สอง สาม เบ่ง”
ทันใดนั้น วินก็ร้องลั่น
“มาแล้วครับ เด็กมาแล้วครับ”
พร้อมๆ กับเสียงไซเรนของรถพยาบาลดังแว่วใกล้เข้ามา
หนีก็ล่า ซ่าก็รัก ตอนที่ 9 (ต่อ)
เด็กร้องไห้จ้าอยู่ในอ้อมกอดของบุรุษพยาบาลซึ่งยืนใกล้ๆ หญิงสาวผู้เป็นแม่ ที่นอนอยู่บนเตียง
ของรถพยาบาลเรียบร้อย วินกับเอ หันมามองหน้ากัน แล้วถอนหายใจโล่งอก
ครู่หนึ่งก็มีคนตะโกนขึ้นมา “นักข่าวมา”
นักข่าววิ่งเข้า พลางตะโกนถาม “ไหนครับ ใครเป็นคนทำคลอดเด็กขอถ่ายรูปหน่อย”
“อยู่นี่ครับ” คนขับแท็กซี่ตะโกนบอก
นักข่าวพรวดเบียดคนเข้ามาชน จนวินกับเอ จนเซ วินรีบหันไป
“อย่าเบียดเข้ามาครับ”
ปรากฏว่าเป็นนักข่าวคนที่ตามไปจับวินกับเอ ที่โรงแรมเมื่อวานนี้เอง นักข่าวเห็นทั้งคู่ก็ตกใจ
“เฮ้ย”
วินชกโครม จนนักข่าวหงายทรุดไป วินรีบบอก
“บอกแล้วว่าอย่าเบียด อย่าเบียด เดี๋ยวเด็กหายใจไม่ออก”
ทุกคนรีบถอยออก วินรีบจูงมือเอหลบออกไปได้อย่างหวุดหวิด
ทีมงานถ่ายแบบแฟชั่น กำลังวุ่นวายกับการจัดเตรียมสถานที่ ฯลฯ ในขณะที่พอล กำลังนั่งให้ ช่างแต่งหน้าอยู่
พอลแต่งหน้าเสร็จ เดินออกก็เจอกับผู้จัดการ ที่เดินเข้ามาพอดี
“เชิญทางนี้ค่ะคุณพอล”
พอลพยักหน้าเดินตามออกไปมุมหนึ่งห่างจากทีมงาน
“มีอะไรเหรอปุ๊ก”
“ได้เรื่องของคุณนุจรีมาแล้วค่ะ”
“ว่าไง” พอลอยากรู้เต็มที่
“ลูกสาวไฮโซ มีชื่อค่ะ อยู่มหาลัยปีสุดท้าย เป็นลูกสาวคนเดียว พ่อเป็นนักธุรกิจร่ำรวย อันดับไม่ต่ำกว่าห้าสิบของประเทศ”
พอลตาโต “โห นึกไม่ถึงจริงๆ”
“ปุ๊กว่า ถ้าคุณนุจรีนี่สนใจคุณพอลจริงๆ ล่ะก็ แจ๊คพ็อตแน่ๆ”
พอลนิ่งคิด แล้วค่อยๆ ยิ้มอย่างพอใจ
เอเดินเข้ามาในห้องครัว เห็นวินกำลังจัดโต๊ะอยู่ วินหันมายิ้มให้
“วันนี้ทานแซนด์วิชง่ายๆหน่อยนะครับ ผมต้องเตรียมตัวไปพบกับนายสุรชัย”
“นี่คุณจะไม่เปลี่ยนใจเหรอ” เอไม่วายเป็นห่วง
“ครับ นัดแล้วก็ต้องไป เรื่องจะได้จบ”
“คุณคงอยากให้เรื่องจบๆ ใช่มะ”
วินยิ้ม “ครับ คุณจะได้ไม่ต้องเห็นหน้าผมอีกไงครับ”
“ดี” เอสะบัดหน้า แล้วลุกพรวดไปจากโต๊ะทันที
“เดี๋ยวครับ ผมพูดเล่น”
วินเดินตามมาเคาะประตูห้องนอนของเอ
“คุณเอครับ คุณเอ”
เอยืนอยู่หลังประตูด้านใน ตะโกนออกมา “อย่ามายุ่ง จะไปไหนก็ไป”
วินส่ายหน้า งุนงง “อะไรของเขาเนี่ย”
จากนั้นวิน ก็โทรศัพท์หาโจ
“ฉันมีเรื่องให้นายช่วย”
“ได้เลย”
“คืนนี้ฉันจะไปพบนายสุรชัย”
โจ ตกใจ “นายจะบ้าเหรอ”
“ฉันมีปืนของนายสมภพ พอจะมีน้ำหนัก”
โจถอนหายใจ ”ฉันบอกแกแล้วไง ผู้กองวันชาติคิดว่าไม่ควร หลักฐานเรื่องปืนยังอ่อน”
“ฉันนัดไปแล้ว ยังไงก็ต้องลองดู”
“เอ้าตามสบายเพื่อน ระวังตัวหน่อยก็แล้วกัน นายสุรชัยอาจยิงนายทิ้งก็ได้”
วินพยักหน้า “ฉันรู้ แต่ฉันมีแผนอยู่แล้ว”
“เออ นายเก่ง แล้วคุณเอว่าไง”
วิน ถอนหายใจ“ไม่รู้ดิ อยู่ๆอารมณ์เสีย ไม่พูดกับฉัน”
“คุณเอ ก็คงคิดว่านายอยากจบเรื่องเร็วๆ จะได้ไม่ต้องยุ่งกับเขาอีกมั้ง”
“เฮ้ย ฉันกลัวว่าเขาจะเป็นอันตรายเว้ย ถึงได้อยากให้จบๆ”
“โอเค จะให้ทำอะไรก็บอกมา”
“ฟังให้ดีเพื่อน”
วินมาเคาะประตูอีก เสียงเงียบเหมือนเดิม
“ผมจะรีบกลับมานะครับ ถ้าเกิดว่ามีเหตุฉุกเฉิน โทร. หาโจ นะครับ คุณโจทราบว่าจะทำยังไง”
เอยังคงเงียบ แต่เดินไปเดินมาอยู่ในห้เอง ท่าทางหงุดหงิด วินรออึดใจ ในที่สุดก็เดินออกไป ครู่เดียวเอก็เปิดประตูออกมา มองไปรอบๆ อย่างขัดใจ แล้วกลับเข้าไปในห้อง ปิดประตูดังโครม
รถแท๊กซี่เข้ามาจอดที่หน้าตึกบริษัทนายประสิทธิ์ วินก้าวลงมาจากรถ พลางกวาดสายตามอง รอบด้าน ครู่เดียวก็มีรถตู้วิ่งเข้ามา ก่อนที่จะจอดตรงหน้าวิน ไอ้อ๊อดกับ สมุนสองสามคนของมัน รีบลงมา
ไอ้อ๊อดตะโกนสั่ง “ขึ้นรถ”
วินกวาดสายตามอง แล้วขึ้นรถไปแต่โดยดี ไอ้อ๊อดรีบขึ้นตาม ก่อนที่รถจะเคลื่อนตัวออกไป
นายสุรชัยไดร์กอล์ฟอยู่ ไอ้อ๊อดกับสมุน ก็พาวินเข้ามา
“ลองหน่อยมั้ยครับ คุณวิน”
นายสุรชัยออกปากชวน สมุนรีบส่งไม้ให้วิน วินรับมา พลางปรายตามองนายสุรชัย ก่อนที่จะสวิงลูกกอล์ฟออกไป ด้วยท่าที่สวยงาม
“ไม่เลว” นายสุรชัยออกปากชม “ผมหวังว่าคุณเอาหลักฐานมาด้วย”
วินไม่ตอบ แล้วกลับพูดย้อนกลับไป“ผมเชื่อว่าระดับคุณคงมีสมาร์ทโฟนหรือไม่ก็ไอแพด. ผมส่งรูปปืนของนายสมภพ มาทางเมล ของบ ริษัทคุณแล้ว”
นายสุรชัยยิ้ม พลางเดินไปที่โต๊ะ แล้วหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดดู
“ผมจะรู้ได้ยังไงว่าเป็นปืนของนายสมภพ”
“ผมถ่ายตรงส่วนที่มีเลขทะเบียนตอกไว้ ระดับคุณน่าจะเช็คดูได้”
นายสุรชัยมองที่โทรศัพท์
“ต้องใช้เวลาอย่างน้อยหนึ่งวัน”
วินพยักหน้า “ได้ แล้วผมจะโทร. มาหลังจากพรุ่งนี้”
วินโยนไม้กอล์ฟให้สมุนคนหนึ่งของนายสุรชัย
“เจ้านายจะปล่อยมันไปเหรอครับ”
วินรีบหันมาบอก
“ผมมีหลักฐานว่าผมมาที่นี่ ถ้าผมเป็นอะไรไปคุณต้องเดือดร้อนแน่ๆ”
“มันลักไก่ครับนาย” ไอ้อ๊อดรีบรายงานเอาใจ
วินยิ้มนิดๆ “ลองเปิดดูอีเมลของบริษัทดูอีกก็ดี”
นายสุรชัยยิ้ม พลางกดโทรศัพท์ดู ก่อนที่จะโยนโทรศัพท์ให้ไอ้อ๊อดดู หน้าจอ ปรากฏเป็นรูป
ของไอ้อ๊อด ที่จับให้วินขึ้นรถตู้
นายสุรชัยรับสั่งการ “ส่งคุณวินให้ถึงที่ ดูให้ปลอดภัยด้วย ข้าไม่อยากเดือดร้อน”
ไอ้อ๊อดมองวินอย่างแค้นใจ
จากนั้นรถตู้พาวินมาส่งวินที่เดิม ก่อนที่โจจะขับรถอีกคันมารับ
“ไปเพื่อน ป่านนี้คุณเอ เป็นห่วงแย่แล้ว”
วินยิ้ม พลางรีบขึ้นรถโจแล้วพรวดออกไป
“คุณเอ โทรมาหานายมั่งหรือเปล่า”
โจ ส่ายหน้า “เปล่านี่ ทำไม”
“ไม่มีอะไร ตอนฉันออกมา คุณเอ ไม่ยอมพูดกับฉัน ฉันเลยสั่งไว้ถ้าฉุกเฉินให้โทรมาหานาย”
“ฉันว่า นายโทรไปหาเลย ดีที่สุด”
โจ หยิบโทรศัพท์ส่งให้ วินยกโทรศัพท์ขึ้น กำลังจะกด โจรีบบอก
“มีรถตามมาว่ะเพื่อน”
“นายแน่ใจเหรอ”
“แน่ใจซิเพื่อน ฉันก็ดูหนังเยอะเหมือนนายนั่นแหละเห็นมันมาตามมาหลายโค้งแล้วฉันบอกแล้ว ว่านายสุรชัยไว้ใจไม่ได้”
“นายสุรชัยเห็นรูปที่นายส่งไปให้มันไม่กล้าหรอก”
“มีหนอนบ่อนใส่ในก๊วนของนายสุรชัยชัวร์”
โจวิเคราะห์ ก่อนที่จะเลี้ยวรถไปทางหนึ่ง รถตู้ของมันตามติดๆ
“ท่าทางมันเอาจริงว่ะ”
วินหน้าเครียด โจiรีบขับหนีรถตู้ของพวกมัน
“สงสัยคงได้สนุกอีกแล้ว”
“หาตึกร้างข้างหน้าเลี้ยวเข้าไป”
โจเหยียบจนมิดเกียร์ จนถึงทางเข้าตึกร้างแห่งหนึ่ง ก็รีบเลี้ยวพรวดเข้าไป รถตู้เลี้ยวตามเข้ามา ก่อนที่จะจอดพรืด ไอ้เม่นกับสมุนลงจากรถ เห็นรถของโจท้ายโผล่ออกมาจากซอกตึก
“กระจายกำลังค้นให้ทั่วเว้ย” ไอ้เม่นสั่งการ
ในขณะที่วินกับโจ ซุ่มดู อยู่ พร้อมๆ กับที่คว้าไม้หน้าสามกันขึ้นมาคนละท่อน
“แยกกันดีกว่าเพื่อน”
วินหันมาบอก โจพยักหน้ารับ
“โอเค”
สมุนไอ้เม่นสองคน ถือปืนกราดเข้ามาตามมุมตึกอย่างระมัดระวัง แต่พอพ้นมุมตึกก็เจอไม้
หน้าสามของวินฟาดโครมเข้าให้ มันทรุดไปหนึ่ง อีกหนึ่งตวัดปืนใส่ แต่วินคว้าไว้ทัน เสียงปืนดังเปรี้ยง
ทั้งสองต่างยื้อยุดดันกันไปมา วินชกเปรี้ยง มันกระเด็นไป ปืนหลุดจากมือ มันตะกายจะคว้าปืน วินตามเข้าไป เตะโครม มันหงายไป พวกมันอีกสามคนพรวด เข้ามาพอดี
“เฮ้ยหยุด”
วินหันมายกมือ จังหวะเดียวกับที่โจ เข้ามาทางด้านหลัง ฟาดด้วยไม้หน้าสาม จนพวกมัน แตกกระจาย วินโดดเข้าใส่ เกิดการตะลุมบอนกันขึ้น โจกับวินซัดพวกมันจนหมอบกันหมด ก่อนที่จะรีบวิ่งกลับมา ที่รถ โจสตาร์ทเครื่อง แต่แล้วไอ้เม่น ก็พรวดเข้ามาตรงหน้ารถ พลางถือปืนส่อง
“ลงมาจากรถ”
วินกับโจ ลงมา พวกมันต่างถือปืนส่องมาที่ทั้งคู่ แต่แล้วสมุนคนหนึ่งก็พรวดเข้ามา พร้อมตะโกนเสียงดัง
“มีรถมาพี่”
ไอ้เม่นหันไปตวาด “มาแล้วทำไม มึงก็ไล่พวกมันไปซิวะ”
“รถตำรวจน่ะพี่”
“อ้าวไอ้บ้า ถอยเว้ย”
พวกมันต่างพรวดออกไปขึ้นรถตู้แล้วขับพรวดหนีออกไปอย่างรวดเร็ว วินหันมองหน้าโจ
“ฉันโทรไปบอกผู้กองวันชาติ เขาอยากคุยกับนายด้วย”
รถตำรวจสองคนวิ่งเข้ามาถึง ผู้กองวันชาติ ลงมาจากรถ
“สวัสดีครับคุณ วิน”
วิน ยิ้มให้ “ยินดีที่ได้พบกันอีกครับ”
“ถ้าไม่รังเกียจ ผมอยากจะคุยด้วย”
“วันหลังได้มั้ยครับ”
ผู้กองวันชาติยิ้ม พลางหันมาทางโจ “คุณโจช่วยขับรถตามมานะครับ”
“อย่าเร็วนะครับ ผมอาจจะตามไม่ทัน”
“คุณ เอ ไม่ยอมรับสาย”
วินหันมาบอกกับโจ ที่ขับรถตามรถของผู้กองวันชาติอยู่
“แกทำไมไม่ฝากข้อความวะ คุณเอเขาไม่รู้จักเบอร์ฉัน ใครจะไปรับวะ”
วินยิ้มแหยๆ “เออว่ะ”
วินรีบกดโทร. ออกอีก รออึดใจได้ยินเสียงให้ฝากข้อความ
“คุณเอครับ ผมเองครับ ทุกอย่างเรียบร้อยครับ ผมคงกลับดึกหน่อยนะครับ ไม่ต้องเป็นห่วงครับ”
วินวางสาย
“งานนี้ คุณเอ เลิกคุยกับนายแหงๆ”
ทางด้านเอ มองโทรศัพท์ตรงหน้า แล้วบ่นกับตัวเอง
“ใครห่วงนาย เว่อร์แล้ว “
บ่นเสร็จแล้วยิ้มออกมาได้
ผู้กองวันชาติกับเจ้าหน้าที่เดินนำวินกับโจเข้ามาในเซฟเฮ้าส์ ที่มีลักษณะคล้ายโกดังเก็บของ
“เชิญครับ”
วินกับโจ เดินไปนั่งด้วยกันด้านหนึ่ง ผู้กองวันชาติกับเจ้าหน้าที่ นั่งอยู่อีกด้านหนึ่ง
“ดีใจที่คุณวินกับคุณเอ ปลอดภัยมาถึงทุกวันนี้”
“ทำไงได้ครับ ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน”
วินพูดเหน็บๆ ผู้กองวันชาติยิ้ม
“คุณวินไม่น่าโทษทางการ คุณวินก็รู้ว่าหลักฐานมันมัดแน่น มีแต่ผมเท่านั้นที่รู้ว่าคุณวินไม่ผิด ไม่ใช่เพราะหลักฐานแต่เป็นเพราะคุณช่วยชีวิตผมไว้”
“ผมอาจจะแกล้งช่วยคุณก็ได้”
“เอาเป็นว่าผมจะหาทางช่วยคุณทุกวิถีทางอย่างคืนนี้เป็นต้น”
วินพยายามฝืนยิ้ม “ขอบคุณครับ”
“แต่ผมมีเรื่องอย่างจะขอร้องให้คุณช่วย”
ผู้กองวันชาติพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง
วินเดินมาเคาะประตูห้องนอนเอ
“คุณเอ ครับ”
“นอนแล้ว ไม่ได้ยิน” เอตะโกนออกมาจากในห้อง น้ำเสียงยังงอนๆ
“ไม่ได้ยิน แล้วจะตอบได้ยังไงครับ”
“ไม่รู้ ช่วยไปไกลๆหน่อยได้มั้ยอารมณ์ไม่ดี”
วินถอนหายใจ จากนั้นก็ทำทีถือขวดน้ำผลไม้ ทำเป็นร้องเพลง มือหนึ่งถือโทรศัพท์ส่องหน้าตัวเอง ร้องเพลงตามเสียงเพลงที่มาจากโทรศัพท์ ครูเดียวเอก็เปิดออกมา ถือโทรศัพท์อยู่ในมือ
“โอย หนวกหู มีอะไรก็ว่ามา”
วินหยุดร้อง พลางทรุดเข่าลงเหมือนจะขอแต่งงาน
“นี่ คิดจะทำอะไร”
“ผมก็แค่อยากจะขอโทษคุณ ที่ไม่เชื่อคุณเรื่องนายสุรชัย ทำให้คุณต้องเป็นห่วง”
“อ๊ะ อ๊ะ พูดผิดพูดใหม่ได้นะ ใครเป็นห่วงฉันแค่รำคาญเท่านั้นเอง ลุกขึ้นได้แล้วคุณจะ ขอ แต่งงานหรือไง”
วินยิ้มลุกขึ้นยืน “ผมขอโทษที่ทำคุณรำคาญ”
“ก็ได้”
“ผมมาคิดดูแล้ว ผมไม่สนว่าเรื่องจะจบหรือไม่จบแล้วครับ”
“อ้าว ทำไมล่ะ” เอชักแปลกใจ
“ก็ผมจะได้อยู่ใกล้ๆคุณนานๆไงครับ”
เอแกล้งค้อน “อะไร ใครอยากให้คุณอยู่ใกล้ แค่นี้นะฉันจะไปนอนต่อกำลังหลับสบาย”
“ครับ”
เอหันหลังเดินเข้าห้องนอนไป วินได้แต่มองตาม พลางถอนใจ ก่อนที่จะเดินมาเข้ามาในห้อง รับแขก แต่แล้วเสียงเอก็ดังขึ้นมา
“นี่”
พอวินหันกลับไป เอก็กระโดดพรวดมากอดคอเอาไว้ พลางแกล้งปั้นหน้าเข้ม
“คราวหลังห้ามทำอะไรบ้าๆ แบบนี้ อีกนะ”
วินยิ้มขำ “ครับผม”
“แล้วคุณรอดมาได้ยังไง”
“นายโจโทรไปบอกผู้กองวันชาติให้มาช่วยไม่งั้นคงไม่ได้กลับมาหาคุณ”
“สมน้ำหน้า”
“ตอนผมไปเจอพวกนั้น ใจผมห่วงแต่คุณ” วินทำเสียงอ้อน
“ฉันก็ห่วงคุณ”
เอกอดซบอกวิน ครู่หนึ่งก็ถอยออกมา ทั้งสองต่างยิ้มสบตากัน
“ผมมีข่าวดีครับ”
เอตาวาว “มีข่าวดีด้วยเหรอ”
“ครับ คือว่าผู้กองวันชาติ บอกว่าเขารู้ว่าเราไม่ผิด”
“อืม ก็ดี”
“แต่ไหนๆ เราก็เป็นผู้ต้องหาคดีฆ่าคนแล้วช่วยสวมรอยป็นคนค้ายาเสพติดรายใหญ่ไปเลย”
เอถึงกับอึ้ง
“หา เนี่ยนะ ข่าวดี”
“ผมนึกว่าคุณจะชอบ ได้ผจญภัยมากขึ้นไง”
วินอดไม่ได้ที่จะล้อเอ
“หนีพวกที่ตามถือว่าเป็นการผจญภัย แต่เดินเข้าไปหาพวกผู้ร้ายถือว่าบ้า”
เอ ผลักวินลงไปนั่งที่โซฟา แล้วเดินเข้าไปในครัว วินรีบลุกขึ้นมาแล้วเดินตาม
“ฟังก่อนซิครับ มันเป็นทางเดียวที่ทั้งคุณกับผมจะพ้นคดีปลอดภัย คุณก็จะได้ช็อปปิ้งอย่างสบาย ไม่ต้องคอยวิ่งหนีใคร ว่างๆก็ตามหลอนผม เลี้ยงข้าวผม หรือให้ผมเลี้ยงข้าวไงครับ”
เอ หยุดหันหน้ามาเผชิญกับวิน
“ฉันกลัวว่าจะไม่รอดไปถึงจุดนั้นน่ะซิ”
“ผมไม่ยอมให้คุณเป็นอะไรหรอกครับ”
เอแกล้งเชิดหน้า เบ้ปาก“เชอะ คุณจะเอาอะไรมารับประกัน”
“ชีวิตผมไงครับ”
วินพูดจริงจัง จนเอถึงกับพูดไม่ออก “แต่”
“แต่ทำไมครับ”
“แต่คุณ คุณ เอ้อ ไม่รู้ล่ะ ฉันปลอดภัยแล้วคุณเดี้ยง ฉันไม่เอา”
เอโมโห พลางเดินเข้าห้องปิดประตูโครม วินคิดไม่ตกว่าจะอธิบายยังไงดี
ในขณะที่หมอโจ๊ก กำลังเดินไปที่ห้องทำงาน พยาบาลคนหนึ่ง ก็พรวดเข้ามาเกาะแขน“คุณหมอคะ ข่าวคุณเอ มอบตัวค่ะ”
หมอโจ๊กตกใจ “หา”
ภาพของวินกับเอขึ้นปรากฏที่หน้าจอทีวี มีเสียงนักข่าวรายงาน
“ไม่น่าเชื่อว่าผู้ต้องหาคดีฆ่านายสุชาติ ได้มอบตัวแล้ว แต่ปฏิเสธตลอดข้อหา ทางการอ้างว่าได้ ติดตาม สอบสวนเบื้องลึกอยู่ก่อนแล้วและได้พบหลักฐานว่า ผู้ต้องหามีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการค้ายาเสพติด รวมถึงธุรกิจผิดกฏหมายอีกหลายลักษณะ และมีผลประโยชน์ขัดกัน จึงเป็นที่มาของการวางแผนสังหารนายสุชาติ อย่างเลือดเย็น ผู้ต้องหาทั้งสองยืนกรานปฎิเสธทุกกรณี”
โจวางรีโมทลง แนนหันมาบอกกับทอม ที่นั่งอยู่ที่หน้าเปียโน
“โห นี่ถ้าคุณพ่อไม่บอกให้รู้ก่อนว่าเป็นแผนการของตำรวจ แนนช็อกแน่ๆ”
ทอมถอนหายใจ “หวังว่าคงสำเร็จ จะได้หมดเรื่องหมดราวซะที”
“แบบนี้ไม่ยิ่งอันตรายเหรอคะ”
โจยิ้ม “ไม่ต้องห่วงมากหรอกจ้ะ ผู้กองวันชาติมีแผนรองรับไว้แล้ว ได้ยินว่าจะมีการฝึกสองคน นั่นให้รู้จักการต่อสู้สารพัด”
แนนตาโต “โว่ว เข้มข้นน่าดู ยังกะหนังสายลับ พี่เอ เป็น Salt แบบแอนเจลีน่า โจลี ซีไอเอ
อเมริกัน พี่วินเป็น เจมส์บอนด์”
ทางด้านนายสุรชัย ก็ถึงกับเครียด พลางหันไปถามไอ้อ๊อด ที่เดินเข้ามาในห้องทำงาน
“เอ็งเห็นข่าวแล้วใช่มั้ย”
“ครับท่าน”
สุรชัยพูดเสียงเข้ม “มันแน่มาก มันคิดใช้ตำรวจคุ้มกะลาหัว เอ็งต้องหาทางเล่นงานมันให้ได้”
“ผมว่าเราต้องใจเย็นก่อนนะท่าน ตอนนี้ตำรวจกำลังสอบย้อนหลังว่า คุณสุชาติอาจจะมีส่วน เกี่ยวข้องกับขบวนการค้ายาครับ”
นายสุรชัย ถึงกับตกใจ
“อะไรวะ อยู่ๆเรื่องกลายเป็นแบบนี้ได้ยังไง”
“ผมว่าสถานการณ์แบบนี้ ท่านควรจะแถลงข่าวยกเลิกการให้รางวัลนำจับนะครับ ไม่ยังงั้นจะกลาย เป็นว่าท่านมีนอกมีใน มีเอี่ยว มีเกี่ยว มีลุ้น มีวุ่น มีวายสารพัด”
นายสุรชัยเงียบ พลางใช้ความคิดอย่างเคร่งเครียด แค้นใจ ก่อนจะตัดสินใจ
“ก็ได้ข้าจะประกาศยกเลิกการให้รางวัล แล้วค่อยๆหาทางเล่นงานมัน”
“แต่ว่า”
“อย่าให้ครึกโครมซิวะ อย่าให้เรื่องมาถึงข้า”
“ก็ได้ครับ ผมจะจัดให้”
ไอ้อ๊อดเดินออกไป นายสุรชัยทำหน้าเครียด
ไอ้อ๊อดเดินตามทางเดินในตึก พลางดึงโทรศัพท์ขึ้นมาโทร. ออก แล้วพูดเสียงเบาๆ “คุณสมภพเห็นข่าวแล้วใช่มั้ยครับ”
“ใช่ พวกมันจะเอายังไงกันแน่”
“ผมไม่รู้เหมือนกัน แต่คุณก็พ้นคดีแล้วถือว่างานผมจบ”
“ยังก่อน ผมสงสัยว่ามีบางอย่างไม่ชอบมาพากล ลองสืบเรื่องดูแล้วมารายงานผม”
ไอ้อ๊อด พยักดหน้ารับคำสั่ง “ได้เลยครับ เงินถึงงานก็เดินอยู่แล้ว”
“เป็นยังไงบ้างครับ เรื่องที่เราสร้างขึ้นคุณสองคนพอจะรับกันได้มั้ยครับ”
ผู้กองวันชาติ ถามวินกับเอ ที่ยังคงกบดานอยู่ในเซฟเฮ้าส์
“ผมอยากจะลองเป็นผู้ร้ายเลวสุดๆมานานแล้วครับ”
วินตื่นเต้น แต่เอส่ายหัวดิก
“เอ รับไม่ได้ค่ะ”
“อ้าวคุณ เราคุยกันแล้วนะว่าจะช่วยผู้กองเพื่อจับนายสมภพเราจะได้พ้นผิด”
“เอ รับไม่ได้เรื่องรูปเอค่ะ รูปนี้ มุมแก่ไปหน่อย คราวหน้าช่วยเลือกรูปดีๆได้มั้ยคะ”
ผู้กองวันชาติกับวิน หันมามองหน้ากัน วินถึงกับส่ายหัว
“โห เรื่องขั้นคอขาดบาดตาย คุณคิดได้แค่เนี้ย”
“นี่ ไหนๆจะตายแล้ว ขอตายสวยๆหน่อยไม่ได้เหรอไง”
ผู้กองวันชาติ ยิ้มให้เอ
“เอาไว้คราวหน้าก่อนทำข่าวผมจะส่งรูปมาให้คุณเอเลือกเลยครับ”
หนีก็ล่า ซ่าก็รัก ตอนที่ 9 (ต่อ)
“ผมเองก็งงไปหมดแล้ว นี่ดีนะว่าผมไม่ซวยไปด้วย เพราะผมเป็นคนชวนคุณเอ ไปที่เอเจนซี่ โฆษณาของเจ้าหมอนั่น”
พอลบอกกับแก๊ง 4 สาวไฮโซ เพื่อนเอ ทั้งหมดนั่งคุยกันอยู่ที่ร้านอาหารหรูแห่งหนึ่ง
เมย์ฟังที่พอลพูดแล้วก็ยิ่งงง “ตกลงสองคนนั่น รู้จักกันมาก่อนที่จะเกิดเรื่องยังงั้นเหรอ”
“น่าจะใช่นะ” โมพยักหน้า “ฉันนึกออกแล้ว ตอนที่เราไปฝึกตีกอล์ฟ ก็เห็นยัยเอ คุยกับนายคนนี้”
“พูดขึ้นมา ผมก็นึกออกเหมือนกัน ผมเห็นนายวินที่งานเปิดตัวของลูกค้า คงเจอกันตั้งแต่ตอนนั้น”
โมตาโต “ที่แท้แบบนี้เอง แบบนี้เขาเรียกว่าบุพเพสันนิวาส”
“บุพเพอะไรกันเป็นความซวยของยัยเอมากกว่า ที่เจอคนแบบนั้น พูดอะไรเกรงใจคุณพอลมั่งซิ”
พิ้งค์ทำเสียงดุใส่โม
“ไม่เป็นไรหรอกครับ คงเป็นเคราะห์ของคุณเอจริงๆครับ”
“กลัวว่ายัยเอ จะทำให้เสียชื่อมาถึงคุณพอลน่ะซิคะ” วุ้นอดห่วงไม่ได้
“ทำไงได้ครับ ลูกผู้ชายก็ต้องยืนหยัดเคียงข้างคนรักของตน”
โมแอบเบ้ปาก แล้วพูดประชด “ยัยเอ ได้ยินคงชื่นใจนะคะ”
“แบบนี้เราจะทำยังไงกับกองทุน ประกาศยกเลิกดีมั้ย"
เมย์หันมาถาม พิ้งค์รีบส่ายหน้า
“ยังไม่ได้ เสียเชิงหมด รอไปก่อน ยัยเอไม่ได้หนีใครอีกแล้วนี่ ตัวเลขคงไม่วิ่งแล้วล่ะ”
“งั้นดื่มค่ะ”
ทุกคนต่างยกแก้วขึ้นชนกัน โมลอบมองหน้าทุกคน แล้วก็ยิ่งเหนื่อยใจ
ที่กองบังคับการกรมตำรวจ นักข่าวยืนรอกันอยู่กันหน้าอาคาร ในขณะที่ทีมหนึ่งกำลัง รายงาน ข่าวอยู่ต่อหน้ากล้อง
“ได้รับการยืนยันแน่นอนแล้วว่าสองผู้ต้องหาคดีฆ่านายสุชาติได้รับสิทธิ์ประกันตัวด้วยวงเงินคนละ
ห้าล้านบาทรวมทั้งสิ้น สิบล้านบ้าน ซึ่งนายประสิทธิ์ได้ยื่นขอประกันตัวคุณเอเพียงคนเดียว แต่คุณเอ ลูกสาวนายประสิทธิ์ ได้ยืนยันอย่างเด็ดขาดว่า นายประสิทธิ์ต้องประกันตัวนายวินผู้ต้องหาร่วมด้วย ตนถึงจะยินยอม”
เมื่อนายประสิทธิ์มาถึง นักข่าวก็วิ่งกรูไปทันที
“นายประสิทธิ์มาถึงแล้วค่ะ”
นักข่าวรายงานสถานการณ์สดๆ กล้องแพนไป เห็นมีรถหรูเข้ามาจอด ก่อนที่นายประสิทธิ์ จะลงมาจากรถ โดยมีซินดี้เกาะแขนตามลงมาติดๆ นักข่าววิ่งเข้ามาสัมภาษณ์กันวุ่นวาย
“ท่านคิดว่าลูกสาวท่านผิดจริงอย่างที่ข้อกล่าวหาหรือเปล่าครับ”
“คือว่า”
นายประสิทธิ์ยังไมทันได้ตอบ ซินดี้ก็รีบดึงมือนักข่าว ให้ถือมาไมค์มาทางตน
“โอย ไม่จริงหรอกค่ะ หนูเอเป็นคนดี ใช่มั้ยคะ ป๋าขา”
นักข่าวดึงไมค์จากซินดี้ แล้วหันไมค์มาทางนายประสิทธิ์
“ขอความคิดเห็นหน่อยครับ”
“ผมไม่เชื่อว่าลูกสาวผมผิด ผมมาประกันตัวลูกสาวผมและจะนำทนายความที่เก่งที่สุด สู้คดี”
.
ในห้องรับรองภายในอาคารบังคับการกรมตำรวจเอยังคงยืนกรานกับนายประสิทธิ์
“หนูไม่กลับค่ะ หนูกับคุณวินจะเผชิญเหตุการณ์นี้ด้วยกันให้ถึงที่สุด เพราะเราไม่ผิด แต่คุณพ่อหากิน อย่างโปร่งใสเมื่อไหร่ หนูอาจจะกลับบ้านก็ได้”
วิน ที่ยืนอยู่ข้างๆ วางหน้าเข้ม
“โถ คุณเอ ขา กลับบ้านเราเถอะค่ะ นะคะ”
ซินดี้อยากมีส่วนร่วม เอ หันมาทำตาดุใส่
“นี่ ซินดี้ อย่ากระแดะ”
นายประสิทธิ์ จ้องหน้าเอ
“ถ้าลูกไม่ฟังละก็ พ่อจะถอนประกันนายคนนี้”
จบประโยคของนายประสิทธิ์ เสียงคุณหญิงอัญชลีก็แทรกขึ้นมาทันที
“ฉันก็จะประกันตัวทั้งสองคน”
คุณหญิงอัญชลี เดินเข้ามาพร้อมทนายความประจำตัว ท่าทางภูมิฐาน เอยิ้ม พลางรีบก้าวเข้ามาโอบมารดา โดยไม่สนนายประสิทธิ์ ซินดี้หน้าเสีย
“คุณหญิง”
นายประสิทธิ์หันมาทักคุณหญิงอัญชลี แต่คุณหญิงไม่ทักตอบ หันมาทางเอ
“ไปกันเถอะลูก”
เอ หันมาดึงวินออกไปด้วย
“เดี๋ยว พ่อขอคุยด้วยก่อน”
นายประสิทธิ์ แยกมาคุยกับเอตามลำพังอีกห้องหนึ่ง
“เรื่องโจรเรียกค่าไถ่ เป็นยังไงมายังไง พ่อจ่ายเงินไปแล้ว แต่ทำไมมันถึงหาว่าหักหลัง ส่งนิ้วปลอม มาให้พ่อ พ่อตกใจจนไม่สบาย”
เอ สะดุ้งตกใจ แต่รีบตีหน้าเฉย
“แต่มีคนมาแย่งเงินไปจริงนะคะ มันเล่นงานเอ แต่คุณวินมาช่วย ไว้ทัน แต่ช่างเถอะค่ะ ตอนนี้หนู ปลอดภัยแล้ว หนูต้องไปแล้วค่ะ”
เอรีบเปิดประตูออกไป นายประสิทธิ์ตามออกมา เอรีบเดินไปหาคุณหญิงอัญชลี
“ไปกันได้แล้วค่ะ”
เอกับคุณหญิงอัญชลีและวินพร้อมทนายความพากันเดินออกไป นายประสิทธิ์ได้แต่มองตาม พลางถอนใจเบาๆ ซินดี้แอบส่งค้อนตาม
จากนั้นนักข่าว ก็วิ่งกรูตามมาสัมภาษณ์ความคืบหน้าจากผู้กองวันชาติ
“การที่นายประสิทธิ์นำเงินสิบล้านมาประกันตัวผู้ต้องหาออกไป เท่ากับว่าคนรวย อยู่เหนือกฎหมาย หรือเปล่าครับ”
ผู้กองวันชาติ ส่ายหน้าเบาๆ
“ไม่ใช่แบบนั้น โชคของเราไม่ดี ที่ไม่พบอาวุธปืนที่ใช้สังหารนายสุชาติทำให้คดีมีจุดอ่อน”
“จริงหรือเปล่าคะว่านายสุชาติกับผู้ต้องหามีส่วนพัวพันกับองค์กรผิดกฎหมาย เป็นการฆ่า ตัดตอนกันเอง”
“ผมยังให้คำตอบไม่ได้ในตอนนี้ครับ ขอตัวก่อน”
“คุณแม่คะ คุณแม่จำคุณวินได้ใช่มั้ยคะ”
เอหันมาทางมารดา หลังจากที่พากันเดินออกมาที่หน้าอาคาร วินรีบยกมือไหว้คุณหญิงอัญชลี“จำได้จ้ะ ลูกชายคุณทอมในงานการกุศล”
“ขอบคุณ คุณหญิงที่ช่วยกรุณานะครับ”
คุณหญิงอัญชลียิ้ม “แค่ดูแลคุณเอให้ดีก็พอแล้ว”
“ มัมมี่อะ” เอเขิน
“อย่างดีที่สุดเลยครับ”
คุณหญิงอัญชลียิ้มอย่างพอใจ “แล้วยังไงกันต่อจ๊ะ”
“เรามีเรื่องต้องทำอีกเยอะ ตอนนี้คุณแม่ได้ยินได้ฟังอะไรมาก็ไม่ต้องตกใจนะคะ”
“ยังมีเรื่องให้ตกใจอีกเหรอคะ”
“ตอนนี้แค่กำลังเริ่มภาคสองค่ะ”
คุณหญิงอัญชลีถอนหายใจเฮือก
ในขณะที่วิน กำลังขับรถมุ่งตรงไปเซฟเฮาส์ตามเส้นทางที่ได้มา เห็นเอนั่งเงียบอยู่ ก็หันมาถาม
“มีอะไรไม่สบายใจเหรอครับ”
“คุณพ่อบอกว่าไม่ได้ส่งใครตามไปเอาเงินค่าไถ่ตัวฉันกลับมาอย่างที่ฉันคิด”
วินมองหน้าเออย่างแปลกใจ
“เป็นไปได้ยังไงครับ มีเรากับคุณพ่อคุณเท่านั้นที่รู้เรื่อง”
“อืม แปลกมาก หลังจากคดีของเราจบ ฉันจะต้องหาตัวให้ได้ว่าใครมาชิงเงินค่าไถ่ตัวฉันไป และพวกมันรู้ได้ยังไง”
รถของวินเข้ามาจอดหน้าเซฟเฮ้าส์ ครู่หนึ่งรถของผู้กองวันชาติ ก็เข้ามาจอดใกล้ๆ ผู้กองวันชาติ รีบเดินเข้ามาหาทั้งคู่
“ตอนนี้เท่ากับว่าคุณสองคนถือว่าบริสุทธิ์ จนกว่าจะขึ้นศาล นายสุรชัยกับนายประสิทธิ์ได้แถลงข่าว ยกเลิกเงินรางวัลไปแล้ว”
“ค่อยยังชั่วหน่อย พวกนักล่าทั้งหลายคงสลายตัวกันหมด”
“พวกคุณพอจะไปไหนมาไหนได้สบายขึ้นแต่ก็ต้องระวังตัวไว้เป็นดี”
“พวกนักล่าเงินรางวัลอาจจะหยุด แต่นายสมภพไม่หยุดแน่ เพราะรู้ตัวดีว่าเป็นคนยิง”
เอยังไม่คลายความกังวล วินยิ้ม พลางรีบอธิบาย
“ดี จะได้ตกหลุมพรางตามแผนของเราที่วางไว้ เรื่องจะได้จบเร็วๆ”
ผู้กองวันชาติเดินนำวินกับเอ เข้ามาในเซฟเฮ้าส์ มีเจ้าหน้าที่สองสามคนมาด้วย “คุณสองคนต้องอยู่ที่นี่ จนกว่าเราจะดำเนินเรื่องเสร็จ”
วินกับเอ หันมามองหน้ากัน
“ตราบใดที่มีเคเบิ้ล ทีวี กับอินเตอร์เน็ต ความเร็วสูงสำหรับแฟนผม”
วินแกล้งล้อเอ
“ในระหว่างนี้เราจะได้เตรียมพวกคุณให้พร้อมทุกรูปแบบ”
เอรีบส่งยิ้มหวานให้ผู้กองวันชาติ
“หมายถึงพวกชุดเสื้อผ้าอะไรแบบนี้เหรอคะ ได้ค่ะ พร้อมไปช้อปปิ้งเมื่อไหร่บอกได้เลย”
วินเผลอหลุดขำออกมาเบาๆ เอหันมองค้อน
“เรื่องนี้สำคัญนะจะบอกให้ จะเป็นผู้ร้ายก็ต้องมีไสตล์หน่อย แล้วมีอะไรอีกคะ”
“ก็มีการต่อสู้ขั้นพื้นฐาน แล้วก็ให้รู้จักวิธีใช้ปืนที่ถูกต้องยิงให้หวังผลได้”
เอ ทำเสียงตื่นเต้น “เยส คือหนีมามากแล้วค่ะ จะได้เอาคืนมั่ง
ผู้กองวันชาติ รีบอธิบาย
“เอ้อ เอาไว้ป้องกันตัว ไม่ได้ไปไล่ยิงใครนะครับ”
“ไม่รู้ล่ะ ใครแหลมเป็นโดน” เอพูด พลางหันมาทางวิน แกล้งทำตาดุ “คุณด้วย ระวังตัวให้ดี”
สายวันรุ่งขื้น เอเดินเข้ามาในห้องครัว ก็เห็นผู้กองวันชาติกับวิน กำลังนั่งดื่มกาแฟกันอยู่
“สวัสดีครับคุณเอ”
“ผู้กองมาแต่เช้า”
“ครับ วันนี้จะมีครูฝึกมา”
เอเดินเลยไปนั่งที่เก้าอี้ว่าง
“วันนี้ฉันจะไปช้อปปิ้งหน่อยนะคะ”
ผู้กองวันชาติ รีบท้วง
“ผมว่าอย่าเพิ่งเลยครับ คุณเองก็ยังเชื่อว่านายสมภพยังไม่ยอมหยุด รอก่อนดีกว่าครับ”
“ถ้าผู้กองกลัว..ผู้กองก็ไปขนเสื้อผ้ามาให้ฉันเลือก”
“โห ทางการไม่มีงบให้คุณมาช้อปปิ้งหรอกครับ” วินหันมาทำเสียงล้อเอ
“ยากอะไร ลงบัญชีสี่สาวไฮโซไง อยากดังนักนี่”
วิน กับผู้กองวันชาติพยักหน้าพร้อมกัน
“ผมว่าดีนะครับผู้กอง ทางการไม่เปลือง คุณเอ มีความสุขงานของผู้กองราบรื่น”
“ถ้างั้นก็ โอเค แต่ไม่รู้ว่าคนของผมจะช้อปถูกใจคุณเอหรือเปล่า”
เอ ยิ้ม แล้วรีบบอก
“ไม่เป็นไรค่ะ ฉันจะให้ดีไซเนอร์ที่ฉันรู้จักช้อปให้ คนของคุณแค่ไปขนมา”
วิน ส่ายหัวเบาๆ “เชื่อหรือยังครับเซียนแค่ไหน”
เอยิ้ม พลางจิบน้ำส้มอย่างสบายอารมณ์
วินกับเอ เดินเข้ามาในห้องฝึกซ้อม เห็นผู้กองวันชาติ ยืนอยู่กับ หญิงสาวหุ่นเซ็กซี่คนหนึ่ง วินมองอย่างสงสัย เอเห็นวินมองนานเลยแกล้งเอาศอกกระแทกสีข้าง
“นี่คือ คุณ กานดา จะมาแนะนำเรื่องการต่อสู้ระยะประชิดตัว”
ผู้กองวันชาติรีบแนะนำ เอหันมากระซิบกับวินเบาๆ
“หุ่นแบบนี้ต้องถนัดเรื่องประชิดตัวชัวร์”
วินยิ้มชอบใจ พลางจ้องตาไม่กระพริบ เอหมั่นใส้ เลยแกล้งหันมาถาม
“คุณวินเป็นเทควันโดใช่มั้ยคะ”
วิน สะดุ้งตกใจ
“หา คือ .เอ้อ” พลางมองไปทางกานดา “เรียนมานิดเดียวครับ ส่วนมากจะวิ่ง”
“คุณกานดาเอาให้เต็มที่เลยนะคะ ระวังตัวด้วย ฉันเห็นคุณวินสู้กับพวกมันมาแล้ว ร้ายกาจมาก”
กานดายิ้ม “ขอบคุณค่ะ ดิฉันจะระวังตัว”
“คุณเอ แกล้อเล่นน่ะครับ”
เอมองร่างของวินที่ถูกทุ่มกระเด็นไปกับพื้นอย่างพอใจ แต่ครั้นพอเห็นวินโดนเยอะเข้า ก็ชักหน้าเสีย “เดี๋ยวค่ะ เดี๋ยว”
จากนั้นก็รีบเข้าไปห้ามกานดา
“ฉันว่าพอแล้วนะคะ คุณวินจะแย่เอา”
“แค่นี้คุณวินไม่เป็นไรหรอกค่ะ”
กานดาพูดจบก็พรวดเข้าไปหาวิน พลางล็อกแขนและล็อกคอวินจากด้านหลัง ใบหน้าของกานดา ข้ามไหล่ มาแนบกับแก้มด้านหนึ่งของวิน เอจ้องตาเขม็ง พลางจินตนาการไปว่า เห็นกานดาหอมแก้มวิน เอรีบพรวดเข้าไปล็อกคอกานดาทางด้านหลังพยายามดึงกานดาออกมา กานดาตกใจขยับศอก มาทางด้านหลัง บังเอิญกระแทกหน้าของเออย่างจัง เอค่อยๆ ล้มลงไป วินกับกานดาตกใจ วินปราดพรวดเข้ามา เห็นเอนอนหมดสติอยู่
เอ ค่อยๆลืมตาขึ้นมา เห็นหน้ากานดาอยู่ตรงหน้ายิ้มอย่างเย้ยหยัน เอกระพริบตาถี่ๆ กานดา ยิ้มกวนอีก
“ไง ซ่านักเหรอ”
เอ ฉุกกึกตบโครมเข้าให้ กานดาคว้ามือไว้ทัน แต่จริงๆ แล้วเอคิดไปเอง เพราะคนที่คว้ามือเอไว้ ก็คือวิน ที่มองหน้าเองงๆ
“เฮ้ คุณตบผมทำไม”
เอ ตกใจ
“คุณ คุณ ฉันนึกว่า คุณ” จากนั้นก็ค่อยๆดึงมือออก “สงสัยเบลอไปหน่อย”
“คุณกานดาฝากขอโทษ เขาตกใจที่คุณกระโดดขี่คอเขาน่ะ คุณกานดาบอกว่าคุณห่วง ผม มากไปหน่อย”
เอ แกล้งค้อน
“เว่อร์ฉันเห็นคุณโดนทุ่มจนน่วมมากกว่าเกิดเป็นอะไรไปเรื่องยุ่งไม่จบอีก”
“แต่คุณไม่เป็นไรแล้วใช่มั้ย”
เอขยับตัว ส่งมือให้วิน วินดึงขึ้นยืนด้วยกัน
“หิวแล้ว ไปหาอะไรทานดีกว่า”
“ผมไปด้วย”
“โน คุณไปซ้อมกับคุณกานดาของคุณเถอะ ฉันกินคนเดียว”
เอ เข้ามาในครัว ทำแซนด์วิช วินเดินตามเข้ามา เอทำไม่รู้ไม่ชี้ วินเลยแกล้งทำเฉยแต่มายืน ตรงข้ามโต๊ะกินข้าว
“ผมทำแซนด์วิชให้ทานมั้ยครับ”
“ไม่ต้อง”
“ของผมอร่อยนะครับ”
“โธ่เอ๊ย แค่แซนด์วิชหมูๆใครทำไม่อร่อยก็แย่แล้ว”
จากนั้นทั้งคู่ก็แข่งกันทำแซนด์วิช เอทำสร็จก่อน แต่พอกัดคำแรก ก็ทำหน้าเบ้ เพราะไม่มีรสชาติ แต่รีบกลบเกลื่อน แล้วยิ้มลอยหน้าใส่วิน วินยิ้มขำ แล้วก็ก้มหน้าทำต่อ
เอเดินหน้าเบ้ออกมา ก่อนที่จะเอาแซนด์วิชทิ้งถังขยะ พอหันมาเจอวินพอดี เอสะดุ้ง แต่แกล้งตีหน้ายิ้ม
“คงอร่อยมากนะครับ หมดเร็ว”
“แน่นอน”
“ผมทำมาเผื่อ ถ้าคุณเอยังไม่อิ่มเชิญนะครับ”
เอมองแซนด์วิชในมือวิน แล้วกลืนน้ำลายเอื๊อก
“ก็ได้ ไม่อยากให้เสียน้ำใจ”
วินกับเอ เดินเข้ามาในห้องซ้อม เห็นผู้กองวันชาติ ยืนอยู่กับหญิงสาวราวสี่สิบ บนโต๊ะด้านหน้ามีหุ่น วิก และอุปกรณ์แต่งหน้าอยู่หลายอย่าง
ผู้กองวันชาติ แนะนำ “คุณวิน คุณเอ ครับ รู้จักอาจารย์ตุ๊กตาครับ”
วินกับเอ ยกมือไหว้
“อาจารย์ตุ๊กตาจะมาสอนการปลอมตัวอย่างง่ายๆเผื่อคราวจำเป็นครับ”
เอ ยิ้มชอบใจ
“ดีค่ะ เอชอบ จะได้มีหลายหน้า หลายบุคลิก แก้เซ็ง”
“อะไรที่เกี่ยวกับการแต่งหน้า แต่งตัวล่ะก็ คุณเอชอบหมดล่ะครับ”
เอ มองค้อน “ดีแล้ว ต่อไปนี้ฉันจะไม่แต่งหน้าตอนอยู่กับคุณ อย่าบ่นว่าไม่สวยก็แล้วกัน”
“เชิญเลยครับอาจารย์”
อาจารย์ตุ๊กตา รีบอธิบาย
“อุปกรณ์ง่ายๆ เช่น วิก หนวด ไฝ คอนแทคเลนซ์ สีสันของลิปสติก ไสตล์การแต่งหน้า ทรงผม แค่นี้ก็ทำให้ใบหน้าคนเปลี่ยนไปได้อย่างไม่น่าเชื่อ ยิ่งรู้จักเลือกเสื้อผ้าด้วยยิ่งเพอร์เฟ็กต์”
เอ หันมาทำเสียงเย้ยๆ ใส่วิน
“เห็นมั้ยว่าเสื้อผ้าสำคัญแค่ไหน”
ที่ห้องประชุมภายในเซฟเฮ้าส์ ภาพของนายเกื้อพร ถูกวางลงมาบนโต๊ะ ผู้กองวันชาติ อธิบาย
“นี่คือนายเกื้อพร มีธุรกิจผิดกฎหมายอยู่ในมือมากมาย เราพบว่า นายสุชาติเป็นหนึ่งในองค์กร ของนายเกื้อพร”
วินหันมามองหน้าเอ
“ผมยังไม่เห็นเลยว่า นายเกื้อพรจะยอมรับผมยังไงถ้าผมเป็นคนยิงนายสุชาติ”
“เพราะว่า นายสุชาติโกงเงินของนายเกื้อพร นายเกื้อพรสืบรู้และ คิดกำจัดนายสุชาติอยู่แล้ว ผมคิดว่านายเกื้อพรต้องสนใจคุณแน่ๆ”
วินเริ่มเข้าใจลางๆ
“เพราะการที่ผมยิงนายสุชาติตาย ทำให้นายเกื้อพรอยากรู้ว่าผมเป็นคู่ค้าหรือคู่แข่งของนายสุชาติ”
“ถูกต้อง ถ้าเป็นคู่ค้า นายเกื้อพรก็ต้องชวนคุณ ถ้าเป็นคู่แข่งนายเกื้อพรก็ต้องฆ่าคุณ ยังไงนายเกื้อพร มาหาคุณตามแผนของเราแน่นอน”
วิน ยิ้มแห้งๆ “แผนดีเกินไปหรือเปล่าเนี่ย”
“ไม่เห็นจะทำให้นายสมภพสารภาพได้ยังไง” เอยังไม่เข้าใจอยู่ดี
“ได้ซิครับ เพราะเราสืบรู้มาว่า นายสมภพหาทางที่จะเข้าองค์กรของนายเกื้อพรอยู่”
“พอผู้กองปล่อยข่าวว่าผมเป็นคนยิงนายสุชาติจริง นายสมภพจะต้องสงสัย แล้วจะต้องสาวเรื่อง จนพบว่านายเกื้อพรสนใจผม”
ผู้กองวันชาติพยักหน้า“ถูกต้องครับ”
“ฉันก็ยังไม่เห็นอีกนั่นแหละ ว่าจะทำให้นายสมภพสารภาพได้ยังไง”
วินหันมาทางเอ
“นายสมภพต้องหาทางมาบอกนายเกื้อพรว่า ตัวเองเป็นคนยิงนายสุชาติไม่ใช่ผม เพื่อให้นายเกื้อพร เชื่อถือยอมรับเข้าองค์กรไงครับ”
“ถ้าพวกคุณสามารถเอาคลิปตรงนี้มาได้ นายสมภพก็จบ” ผู้กองวันชาติสรุป
เอตาโต “โห เห็นภาพชัดเจนเลย แบบนี้ค่อยมีกำลังใจหน่อย”
พลันเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น เจ้าหน้าที่เข้ามารายงานเบาๆ กับผู้กองวันชาติ วินกับเอ ต่างมองหน้ากัน
“เจ้าหน้าที่รายงานว่า ดีไซเนอร์ของคุณเอ ส่งชุดมาถึงแล้วครับ”
“งั้นขอตัวไปดูชุดก่อนนะคะ”
เอ ลุกขึ้นรีบออกไป วินกับผู้กองวันชาติต่างยิ้มให้กัน
“เห็นคุณ เอ แบบนี้ผมก็สบายใจหน่อย สงสารแก”
วิน พยักหน้า “ครับ คุณเอ เคยแต่สุขสบาย ต้องมาลำบากเพราะผม”
“ผมว่าเราควรปล่อยๆคุณเอ เรื่องช้อปปิ้งบ้างก็ได้นะครับ อยากจะไป ก็ให้แกไป”
“ดีครับ”
“คุณวินแน่ใจนะครับ ว่าเรื่องค่าใช้จ่ายตรงนี้ไม่มีปัญหา”
วินยิ้ม สะใจ “แน่ใจครับ เต็มที่ไปเลยครับ”
วินในชุดนอนเดินเข้ามาก็เห็น เอแต่งชุดนอนกำลังดูทีวีออย่างตั้งใจ บนตักมีโถข้าวโพดคั่ววางอยู่
“ศึกษาลีลานางร้ายเหรอครับ”
“แน่นอน”
“ไม่น่ายากนะครับ ยืนกรี๊ดๆ เสียงดังเข้าไว้”
เอ หันมามองค้อน
“บ้า ฉันไม่กรี๊ดกร๊าดน่าเกลียดแบบนั้นหรอก”
“คุณกรี๊ดกร๊าดยังไงก็ยังสวยเลือกได้อยู่ครับ”
เอ เริ่มยิ้มขึ้นมาได้ “แล้วคุณล่ะลีลาผู้ร้ายแบบไหน”
“ผมเป็นคนร้ายระดับบิ๊ก ดุ โหด อำมหิตแต่ตามใจคุณเอทุกอย่าง”
เอกระโดดพรวดเข้ามากอดคอวิน
“คุณเป็นคนร้ายที่น่ารักที่สุด”
“มีรางวัลมั้ยครับ”
เอ ยิ้มจับหน้าวินหันมา แล้วค่อยๆ ยื่นหน้าเข้ามาใกล้จะหอมแก้ม วินยิ้ม แต่แล้ว
“โห ชุดนี้เท่น่าดู”
เอหันหน้ากลับไปที่ทีวี วินได้แต่เอียงหน้าค้างเก้อ
“เรื่องใหญ่ครับท่านคนของผมรายงานว่าคุณสุชาติ อยู่ในองค์กรของนายเกื้อพร”
ไอ้อ๊อดกระกืดกระหอบเข้ามาราบงานนายสุรชัยในห้องทำงาน
“นายเกื้อพร มาเฟียใหญ่ มีอิทธิพลทางการเมืองลูกข้าไปยุ่งกับมันได้ยังไง”
“โครงการที่คุณสุชาติประมูลได้ ก็คงเป็นเพราะอิทธิพลของนายเกื้อพรน่ะครับ”
“ก็ไม่เห็นเป็นอะไรนี่หว่า ใครๆ ก็ทำกัน”
“ปัญหาก็คือวิธีที่นายเกื้อพรเรียกคืน ก็คือให้เป็นเป็นตัวแทนระบายยาเสพติดหรือของผิดกฎหมาย”
นายสุรชัยถึงกับถอนใจไอ้อ๊อดรายงานต่อ
“มีข่าวลือว่าไอ้วินอาจเป็นคนที่นายเกื้อพรส่งมาจัดการกับคุณสุชาติโดยใช้ผู้หญิงก่อการ วิวาท บังหน้าครับ ซึ่งถ้าเป็นจริงการจัดการกับไอ้วินเท่ากันเป็นศัตรูกับนายเกื้อพรนะครับท่าน”
สุรชัยหน้าเครียด “เอ็งไปสืบมาให้รู้แน่ๆ ชัดๆ”
“ครับท่าน”
ไอ้อ๊อดพยักหน้ารับ แล้วรีบเดินออกไป
วินออกมาจากประตูในชุดสูทเก๋ เห็นผู้กองวันชาติ กับเจ้าหน้าที่ สองสามคน รวมทั้งกานดา ยืนอยู่ ตรงหน้ามีรถหรูคันหนึ่งจอดอยู่ วินเดินลงมาทักทายทุกคน
“คุณเอ ล่ะครับ”
“กำลังตรวจชุดอยู่มั้งครับ”
“ กำลังนินทาฉันอยู่เหรอ”
ทุกคนหันไป เห็นเอในชุดกางเกงกับแจ็คเกตสีเข้มใส่แว่นดำเหมือนนักฆ่ามาเฟียสาว เอค่อยๆ เดินลงมาเกาะแขนวิน
“ฉันพร้อมแล้วค่ะ”
“เมื่อคุณไปถึงจุดหมาย จะพบว่าทุกอย่างเตรียมพร้อมไว้แล้ว ขอให้โชคดีนะครับ”
วิน รับคำ “ครับ”
“ขอบคุณมากนะคะคุณกานดา”
กานดายิ้มพยักหน้า วินเปิดประตูรถให้เอขึ้นนั่ง ตัวเองอ้อมไปด้านคนขับ แล้วจับรถออกไป
“คุณคิดว่าสองคนนี่พร้อมแล้วหรือยัง”
ผู้กองวันชาติหันมาถามกานดา
“พูดถึงฝีมือ ไม่มีวันพร้อมหรอกค่ะ แต่พูดถึงไหวพริบและหัวใจ เต็มร้อยค่ะ”
จบตอนที่ 9