หนีก็ล่า ซ่าก็รัก ตอนที่ 4
สิ้นเสียงของเอ วินกีรีบวิ่งพรวดเข้าทันที ตามด้วยลุงชุ่ม เห็นเอกระโดดหมุนตัวร้องกรี๊ดอยู่ จุ๊บแจงกับน้อยหน่ายืนอยู่ข้างๆ สีหน้าแปลกใจ
วินกับลุงชุ่มต่างมองกันอย่างสงสัย วินพรวดเข้าไปคว้าตัวเอมาอด
“เกิดอะไรขึ้น”
“แมงงมุม อยู่บนหัวฉัน”
เอตอบ พลางซอยเท้า ใช้มือปัดไปปัดมาตรงหน้า วินมองเห็นใยแมงมุมแล้วก็แมงมุม ที่ตายแล้วตัวหนึ่ง เขารีบเอามือหยิบออก
“ออกแล้ว”
เอผลักวินออกไปห่างตัว พลางทำท่าขยะแขยง
“ยี้”
“โธ่เอ๊ย แค่ใยแมงมุมเอง แมงมุมก็ตายแล้ว แห้งสนิททำเอาตกใจ นี่ไง”
วินจะยกให้ดู เอรีบร้องห้าม
“โน โน โน” พลางยกมือกันไม่ให้เข้ามา “บอกแล้วว่า ฉันแพ้แมงมุม”จุ๊บแจงกับน้อยหน่าต่างหัวเราะชอบใจ ลุงชุ่มเห็นว่าไม่มีอะไรแล้ว จึงรีบบอก“งั้นผมขอตัวนะครับ”
“ขอบคุณครับลุงชุ่ม”
ลุงชุ่มเดินออกไป วินหันมองเอ ซึ่งยืนห่างออกไป กำลังจัดผมเผ้าให้เรียบร้อยอยู่“แพ้เหรอ ดีแล้ว ผมมีวิธีแก้”
ว่าแล้ววินก็กำมือเดินเข้าใกล้ เอร้องโวยวาย
“อย่านะ”
จุ๊บแจง กับน้อยหน่าหัวเราะชอบใจ พลางวิ่งรอบๆ วินกับเออย่างสนุก วินเดินเข้าใกล้ เอ เอถอยกรูด วินยิ้มชอบใจ
“อย่า บอกว่าอย่า”
“วิธีแก้ความกลัว คือเผชิญกับมันครับ”
วินกำมือยื่นมาตรงหน้า สาวเท้าเดินเข้าใกล้เอ
“นี่คุณ บอกว่าอย่า”
วินยิ้มเดินเข้าใกล้อีก เอร้องกรี๊ด ทันใดนั้น เอก็เตะโครมเข้าที่เป้าของวิน วินทรุดตัวลง พลางเอามือกุมเป้า ร้องโอดโอย
“คุณ”
เอไม่สนใจ หันมาทางจุ๊บแจง กับน้อยหน่า
“เด็กๆ เร็ว ไปซื้อหนมกินกัน”
เอวิ่งนำออกไป จุ๊บแจงกับน้อยหน่า วิ่งตามไปหัวเราะกันอย่างสนุก ในขณะที่ วินยังลุกไม่ขึ้น นั่งหน้าบิดเบี้ยวอยู่ที่เดิม
เอพาเด็กสองคนวิ่งมาที่รถ กดกุญแจปลดล็อค ก่อนที่จะเปิดประตูด้านหลังให้ทั้งคู่
“เร็วๆ ขึ้นรถก่อน กินหนมก่อน”
จุ๊บแจงกับน้อยหน่า กระโดดพรวดขึ้นรถ เอปิดประตู แล้วเข้านั่งที่คนขับ สตาร์ทเครื่อง
แต่แล้วร้องกรี๊ด ตกใจ เพราะลุงชุ่ม โผล่มายืนอยู่ตรงด้านคนขับ เอกดหน้าต่างเปิด“ไม่รอคุณวินก่อนเหรอครับ”
“ไปซื้อหนมแป๊บเดียวจ้ะลุงชุ่ม”
จากนั้นเอก็ขับพรวดรถออกไป ลุงชุ่มได้แต่ส่ายหน้ามองตาม
ทางด้านวิน ก็เดินเขยกมายังหน้าบ้าน ลุงชุ่มหันมาทัก
“เป็นอะไรหรือครับคุณวิน”
วินยิ้มอายๆ “สะดุดนิดหน่อยครับ คุณเอกับเด็กๆไปไหนครับ”
“คุณเอ เอารถพาเด็กๆ ไปซื้อหนมน่ะครับ”
วินส่ายหน้า“โธ่เอ๊ยยุ่งอีกแล้ว เดี๋ยวก็ถูกพวกหิวรางวัลหิ้วไปอีกจนได้”“คุณวินขี่รถมอเตอร์ไซด์เป็นมั้ยครับ”
วินยิ้มรับ “เป็นครับ”
วินเข็นรถมอเตอร์ไซด์คันเล็กเก่าๆของลุงชุ่มออกมาหน้าบ้าน ลุงชุ่มเดินตามออกมา“เก่าหน่อยนะครับ”
“วิ่งได้ก็โอแล้วครับ”
“คุณวินจะจอดไว้ที่ห้าง ก็ได้นะครับผมจะให้เด็กไปเอาที่หลัง”
“ครับ”
วินรับคำ พลางสตาร์ทเครื่องบิดออกไป เสียงดังพรืดๆ วิ่งไม่ค่อยเร็ว ลุงชุ่มมองตาม อดขำไม่ได้
วินขี่มอเตอร์ไซด์ วิ่งไปตามถนนอย่างช้าๆ พลางบ่น
“เร็วได้แค่นี้เหรอวะเนี่ย”
หมอโจ๊กเดินตรงเข้ามาหา โจ แนน และทอม ที่นั่งรออยู่ตรงส่วนรับรองคนไข้
“สวัสดีครับคุณพ่อ น้องแนน”
“สวัสดีลูก”
“สวัสดีค่ะ”
หมอโจ๊ก หันไปมา แล้วลดเสียงลง “คุณเอ กับคุณวินเป็นยังไงบ้างครับ”
โจรีบตอบ “ตอนนี้เรียบร้อยดี”
“มีอะไรให้ช่วยบอกได้นะครับ”
“บอกแน่เพื่อน”
หมอโจ๊ก หันมาทางทอม “งั้นเชิญคุณพ่อครับ”
ทอมเดินตามหมอโจ๊กไป โจหันมาคุยกับแนน
“นายวินมันปากแข็ง ใจบอกว่าไม่ปลื้ม แต่ตัวไม่ยอมห่างคุณเอ จนได้เรื่อง”“แนนว่าเป็นเพราะบุพเพสันนิวาสมากกว่า”
“หา เกิดเรื่องเนี่ยนะ ซังเตสันนิวาสมั้ง” โจพูดแบบตลิดตลก
แนนขำ “คิดดูให้ดีนะพี่โจ ถ้าไม่เกิดเรื่อง พี่วินกับพี่เอ จะได้อยู่ใกล้ๆกันแบบนี้เหรอ”
โจนิ่งคิด “อืม น่าคิดแฮะ”
แนนลุกขึ้นคว้าแขนโจ “ไปหาหนมกินดีกว่า พี่โจ”
โจยิ้มรับ “ได้เลย”
แนนดึงแขนโจเดินไปที่คาเฟททีเรีย จู่ๆ โจก็หยุด แนนหันมามอง
“อ้าว หยุดทำไม”
“แนนโตเป็นสาวแล้วนะ เกาะแขนพี่แบบนี้เดี๋ยวคนอื่นจะหาว่า พี่หลอกเด็ก อีกอย่างเดี๋ยวไม่มีหนุ่มกล้ามาจีบนะจะบอกให้”
แนนยักไหล่ “โห แนนไม่สนหรอก ใครไม่มาจีบ แนนก็ควงพี่โจไปก่อน มีคนมาจีบเมื่อไหร่ ค่อยว่ากัน”
โจยิ้ม “ โอเค..”
เอ จุ๊บแจง และน้อยหน่า ต่างก็ถือถุงขนมในมือกันละถุงสองถุง พลาเดินเล่นอย่าง สบายอารมณ์ เอเหลือบเห็นร้านหนังสือ รีบหันมาบอกเด็กๆ
“เข้าไปดูหนังสือกันดีกว่า เด็กๆต้องขยันอ่านโตขึ้นจะได้ฉลาด คิดเป็น ไม่หลงเชื่อใคร รู้มั้ยจ๊ะ”
จุ๊บแจงกับน้อยหน่าพยักหน้า แล้วพากันเข้าไปในร้านหนังสือ
เอ พาจุ๊บแจง กับ น้อยหน่ามาที่ชั้นหนังสือเด็ก
“เอ้าเลือกเอาคนละสองเล่มนะจ๊ะ”
จุ๊บแจง กับน้อยหน่า ต่างไปเลือกหนังสือ เอมองเด็กๆ รู้สึกสุขใจ แต่แล้วสายตาก็เหลือบเห็นชายสองคนจับตาดูอยู่ห่างๆ เอขยับตัวแกล้งทำไม่รู้ไม่ชี้ แกล้งเดินเลือกหนังสือห่างออกไปแบบเนียนๆ
เอ อ้อมชั้นหนังสือมาทางชั้นหนังสือที่จุ๊บแจงกับน้อยหน่าเลือกหนังสืออยู่“ได้หนังสือหรือยังจ๊ะ” เอถามด้วยน้ำเสียงเบาเกือบจะเป็นกระซิบ
น้อยหน่ารีบตอบ “ได้แล้วค่ะ”
“งั้นเราไปกันได้แล้ว”
“พี่เอพูดเบาทำไม” จุ๊บแจงสงสัย
“พี่กำลังเล่นซ่อนแอบ” เอปด “เล่นมั้ยจ๊ะ”
ทั้งคู่พยักหน้า เอได้ทีพูดต่อ
“ติ๊ต่างว่า มีคนกำลังตามหาเรา เราต้องเดินเร็วๆ ตามพี่ให้ทัน โอเค้” จุ๊บแจงกับน้อยหน่ายิ้มพยักหน้าชอบใจ เอหันมาเร่ง
“ มาเร็ว”
จากนั้นเอก็จูงจุ๊บแจงกับน้อยหน่า ออกมาจากร้านหนังสือ พลางกวาดสายตามองข้างหลัง เห็นชายสองคนเดินตามมา
“เร็วๆ”
เอ จูงจุ๊บแจงกับน้อยหน่าให้เดินเร็วๆ จนเกือบจะวิ่ง เด็กสองคนหัวเราะชอบใจ พอเห็นมุมหนึ่งมีกิจกรรมวาดหน้า เอ ก็รีบจูงทั้งคู่เข้าไปนั่งปนกับเด็กและพ่อแม่คนอื่นๆ “เรามาวาดหน้ากันดีกว่า”
“เย้”
จุ๊บแจงกับน้อยหน่าร้องดีใจ เอยิ้ม พลางกวาดสายตาไปมา อย่างระแวดระวัง
เอ แต้มสีบนหน้าของจุ๊บแจงและน้อยหน้า ในขณะที่หน้าของตัวเอง ก็ถูกแต้มสี
เรียบร้อยแล้วเช่นเดียวกัน จุ๊บแจงกับน้อยหน่าหัวเราะชอบชอบใจกันใหญ่ ชายสองคนเดินผ่านมา พลางกวาดสายตามอง เห็นทุกคนวาดหน้ากันหมด ทั้งคู่จำเอ กับเด็กสองคนไม่ได้ เดินเลยไป เอถอนหายใจโล่งอก
ในที่สุดวินก็ขี่มเตอร์ไซค์มาจนถึงห้างสรรพสินค้าจนได้ เขาเลี้ยวเข้ามาจอดตรงบริเวณ ที่จอดรถมอร์เตอร์ไซด์ จอดเสร็จ เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นมาททันที วินกดรับสาย
“คุณเอ อยู่ไหนครับ”
“กำลังมีคนตามฉันอยู่ คุณรีบมาหน่อยซิ”
“คุณพาเด็กไปที่คนเยอะๆ นะครับ ร้านไอติมก็ได้เดี๋ยวผมจะหาคุณเอง”
“โอเค”
เอรับคำ พลางกดวางสาย
“คุณเอ เดี๋ยว โธ่เอ๊ย ยังไม่ทันบอกเลยว่าร้านอะไร”
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นอีกครั้ง วินรีบกดรับ
“ฉันรู้นะว่าคุณบ่น”
“ก็คุณ”
เอรีบบอกชื่อร้าน ก่อนจะวางสาย วินวางสายตาม พร้อมๆ กับรีบพรวดเข้าไปในห้าง
“เดี๋ยวพี่วินจะมากินไอติมกับเราจ้ะ”
เอ หันมาบอกจุ๊บแจงกับน้อยหน่า ทั้งคู่ต่างร้องดีใจ เอเหลือบสายตาเห็นชายสองคน เดินผ่านไปไกล
“ไป เราไปกันดีกว่า”
เอ รีบจูงจุ๊บแจงกับน้อยหน่าเดินออกไปทางด้านตรงข้ามอย่างรวดเร็ว
ในขณะที่วินเดินเข้ามาในร้านไอติม พลางกวาดสายตามองรอบๆ ทว่าไม่เห็นเอ กับเด็กสองคน ที่ใบหน้าถูกแต้มสีจนจำไมได้ วินส่ายหน้าเบาๆ อย่างหงุดหงิด พลางเดินออกไปนอกร้าน ก่อนจะกวาดสายตามองรอบๆ พร้อมๆ กับที่มีมือเล็กๆ เอื้อมมาจับมือวิน วินก้มลงมอง ก็เห็นเด็กหน้าตาเต็มไปด้วยสียิ้มให้
“พี่วิน” จุ๊บแจงเรียกชื่อวินเบาๆ
วินมองแล้วยิ้ม “พี่เอล่ะ”
จุ๊บแจงยกนิ้วจุ๊ป่าก เป็นเชิงให้พูดเบาๆ “ ต้องพูดเบาๆ ค่ะกำลังเล่นซ่อนหาอยู่”
“โอเค.” วินลดเสียงให้เบาตาม.
จุ๊บแจงยิ้มแล้วจูงวินเข้าไปในร้าน ก่อนที่จะพานั่งลงที่โต๊ะ เอกับน้อยหน่านั่งอยู่แล้ว วินจ้องเอ อดขำไม่ได้ เอเลื่อนถ้วยไอติมมาตรงหน้า พลางกวาดสายตาไปนอกร้าน“ขอบคุณครับ”
“เรากำลังเล่นซ่อนแอบกันอยู่ค่ะ” น้อยหน่าพูดเสียงเบา
“พี่เล่นด้วยคนนะ”
น้อยหน่าพยักหน้า เอลอบเอื้อมมือมาจับแขนวิน พลางขยับหน้าโบ้ยไปทางหน้าร้าน
วินมองตาม เห็นชายสองคนเดิน เข้ามาในร้าน กวาดสายตามองเข้ามาในร้าน วินพยักหน้า ก้มลงตักไอติมกิน พวกมันเดินผ่านโต๊ะของวินช้าๆ มายืนหลังวิน มองมายังเอ จุ๊บแจง และน้อยหน่า วินทำก้มหน้ากินไอ้ติมอยู่ อึดใจพวกมันก็เดินผ่านไป และออกไปจากร้าน ในที่สุด วินกวาดตามองตาม หันมาสบตากับเอ เอพยักหน้า
“ใครจะกินเร็วกว่ากัน”
พูดจบ วินก็รีบตักไอติมใส่ปากตุ้ยๆ จุ๊บแจงกับน้อยหน่า รีบทำตาม
“จุ๊บแจง น้อยหน่า สู้ๆ”
เอเชียร์ไปพลางกวาดสายตาออกไปนอกร้าน เห็นชายสองคนเดินผ่านมาอีก คราวนี้ มีอีกสองคนมาสมทบ ต่างชี้ทิศทางแล้วแยกย้ายกันออกไป เอจับตามอง
“เย้ พี่หมดก่อน” วินร้องเสียงดัง
เอสะดุ้งหันมาทุบวิน “เย้ซะดัง ตกใจหมด”
จุ๊บแจงกับน้อยหน่าหัวเราะชอบใจ วินหันมาบอกกับเด็กๆ
“เด็กๆ พี่จะหลับตานับหนึ่ง ถึงยี่สิบทุกคนรีบไป ใครถูกจับ ก่อนถึงรถจะถูกกินตับ หนึ่ง สอง สาม”
จุ๊บแจงกับน้อยหน่า กระโดดลงจากเก้าอี้ แล้วรีบจูงเอออกไป วินลืมตาข้างหนึ่งแอบดู เห็นเด็กๆ กับเอ ออกไปพ้นร้านแล้ว ก็รียกวักมือเรียกพนักงานมาเก็บเงิน
จุ๊บแจง กับน้อยหน่า จูงมือเอคนละข้าง รีบเดินไปหัวเราะไปอย่างสนุกสนาน ในขณะที่เอกวาดสายตามองรอบๆ ไปตลอดทาง
เมื่อมาถึงรอที่จอดอยู่ เอก็กดสัญญาณปลดล็อค แล้วรีบเปิดประตูรถ
“เด็กๆ รีบขึ้นรถเร็วๆ เดี๋ยวพี่วินจับได้นะ”
จุ๊บแจงกับน้อยหน่าหัวเราะกันคิกคัก แล้วก็กระโจนขึ้นรถ เอรีบปิดประตู แล้วเปิดประตูด้านหน้า เตรียมจะเข้าไปในรถ แต่แล้วชายแปลกหน้าสองคน ก็ปราดเข้ามามาดึงเอเอาไว้จนได้
เอดิ้นไปมา พลางร้องโวยวาย
“เอ๊ย ปล่อย”
ชายสองคนดึงเอออกมาจากรถ เอดิ้นไปมา จุ๊บแจงกับน้อยหน่าร้องเสียงดังทันใดนั้นวิน ก็ปราดเข้ามาชกโครมเข้าที่ให้ จนหนึ่งในสองกระเด็นไป เอดิ้นหลุดออกมาได้ อีกคนหนึ่งหันเข้ามาหาวิน วินตั้งท่าสู้ เอยืนดูยังตกใจอยู่
“ขึ้นรถ”
วินหันไปออกคำสั่ง เอพยักหน้า พรวดเข้าไปในรถ สตาร์ทเครื่อง ในขณะที่วายร้ายแปลกหน้าชกวูบ แต่วินหลบหมุนตัว พลางถีบยันมันกระเด็นออกไปกระแทกรถอีกคันหนึ่ง และฟุบลงไปกอง วินรีบพรวดเข้ามาในรถ
“โก โก โก”
เอ พรวดรถออกไป วายร้ายคนแรกพรวดเข้ามาขวาง เอเหยียบคันเร่งจนมิดฝ่าชน จนมันกระเด็นลอยไปโครม
“เยส” วินมองอย่างทึ่ง
และในที่สุด เอก็ขับรถเลี้ยวพรวดออกไปสู่ถนน พลางถอนหายใจโล่งอก
“เด็กๆ เป็นไงมั่ง”
วินหันมองเด็กๆ ที่นั่งอยู่หลังรถ จุ๊บแจงกับน้อยหน่า นิ่งเงียบ แววตาทั้งตื่นเต้น และตกใจ
“รู้สึกว่าจะสนุกกันดี”
“พวกนั้นเล่นกับเราด้วยเหรอคะ” น้อยหน่าถามประสาซื่อ
“ใช่จ้ะ มาขอพี่เล่น พี่ก็เลยให้เล่น”
“แล้วทำไมพี่วินถึงสู้กับพวกนั้นคะ” จุ๊บแจงถามขึ้นมาบ้าง
“พวกนั้นเล่นโกง นับไม่ถึงยี่สิบ”
“อ๋อ” จุ๊บแจงกับน้อยหน่าพยักหน้ารับ
รถของเอแล่นพรวดเข้ามาจอดที่หน้าบ้านพัก ลุงชุ่มเดินเข้ามาหาด้วย สีหน้ากังวล เอ วิน เด็กๆ ก้าวลงมาจากรถ จุ๊บแจงกับน้อยหน่า รีบวิ่งมาหาลุงชุ่ม“พี่เอพาไปเล่นซ่อนหาด้วยค่ะ” จุ๊บแจงรีบอวด
“เอาล่ะ ขอบคุณพี่เอกับพี่วินซิลูก “
จุ๊บแจงกับน้อยหน่า เดินไปยกมือไหว้วินกับเอ
“ขอบคุณค่ะ”
“เก่งมากเลยค่ะ ทั้งสองคน วันหลังเราไปเล่นใหม่นะจ๊ะ”
จุ๊บแจงกับน้อยหน่าพยักหน้า แล้วเดินไปหาลุงชุ่ม “ผมจอดรถมอเตอร์ไซด์ของลุงไว้ที่ห้างนะครับ”
“ครับ ให้คนไปเอาแล้วครับ”
วินยิ้มพยักหน้า ลุงชุ่มพาจุ๊บแจงกับน้อยหน่าเดินไปทางด้านหลัง วินหันทางเอ ตีหน้าเข้ม ยังไม่ทันพูดะไร เอก็ชิงพูดตัดหน้า
“โอเค ความผิดของฉัน”
วินยิ่งตีหน้าเข้ม “นับตั้งแต่วินาทีนี้ คุณอยู่ที่นี่ ห้ามออกไปข้างนอก”
เอรีบยิ้มหวาน “ได้ค่ะ”
ทันที่ที่ขับรถเลี้ยวเข้ามาในซอยบ้านวิน โจก็เห็นรถเจ้าหน้าที่ตำรวจจอดอยู่ โจขับรถมาจอดที่หน้าประตู บีบแตร คนทำสวนมาเปิดประตูให้ โจขับรถเข้าไปในบ้าน ก่อนจะจอดรถตรงหน้าบ้าน ทอม แนน และโจ ลงจากรถ มายืนคุยที่หน้าทางเข้าบ้าน
“ตำรวจส่งคนมาคอยดูซะด้วย” โจพูดขึ้นมาลอยๆ
“จอดโชว์แบบนี้ ใครจะเข้ามาให้จับ” แนนช่วยเสริม
“คงแค่มาขู่ๆ มากกว่า” ทอมสันนิษฐาน “โจ เข้าบ้านก่อนมั้ยลูก”“วันนี้แนนให้พี่โจไปส่งค่ะ”
“อ้าวทำไมไม่ขับรถไป อย่าบอกนะว่าให้พี่โจไปรับอีก”
แนนส่ายหน้า ยิ้มๆ “เย็นนี้น้ำหวานจะมาเที่ยวบ้านค่ะ กลับพร้อมน้ำหวานค่ะ”“เกรงใจพี่โจมั่งนะเรา” ทอมปรามลูกสาว
“ไม่เป็นไรหรอกครับคุณพ่อ กลางวันผมพอว่างครับ”
“ขอบใจนะโจที่พาไปหาหมอ”
หนีก็ล่า ซ่าก็รัก ตอนที่ 4 (ต่อ)
“บ๋าย บาย ค่ะคุณพ่อ”
“บายลูก”
โจกับแนนขึ้นรถ ทอมถอยออกห่าง โจขับรถเคลื่อนออกไป
โจ ขับรถเข้ามาจอดที่มหาวิทยาลัย
“แท้งกิ้วนะคะพี่โจ” แนนเอียงคอ ทำเสียงหวาน
“ชัวร์”
แนน เปิดประตูรถลงไปปิดประตูแล้ว หันมาโบกมือ ก่อนที่จะเดินออกไป โจมองตาม
พลางเหลือบเห็นถุงขนมวางอยู่ที่เบาะหลัง
“อ้าว ลืมขนม”
โจ รีบคว้าถุงขนมจากทางเบาะหลัง แล้วเปิดประตูลงจากรถ
ในขณะที่แนนเดินมายังจุดนัดพบ เจอ น้ำหวาน เมจิ เทป กำลังนั่งคุยกันอยู่ที่โต๊ะม้าหิน ประจำ
“มาแล้วหรือจ๊ะยัยแนน” เมจิร้องทักเมื่อเห็นแนนเดินเข้ามา
“พี่วินเป็นยังไงบ้าง” น้ำหวานถามด้วยความเป็นห่วง
ยังไม่ทันที่แนนจะตอบ เสียงของนุจรี คู่ปรับตัวฉกาจก็สวนเข้ามา“ป่านนี้นั่งกินข้าวซ้อมมืออยู่มั้ง”
ทุกคนหันไป ก็เห็น นุชรี บิว หลิน พีช ยืนอยู่ อย่างพร้อมจะหาเรื่องเต็มที่
“อาหารสุขภาพ”
บิวพูดพร้อมกลั้วหัวเราะ แนนมองกลุ่มคู่ปรับ แล้วทำเหมือนพวกนั้นไม่มีตัวตน
“พี่วินกับพี่เอสบายดี อยู่ในระหว่างการเดินทางพักผ่อน เหมือนฮันนีมูน”
“โรแมนติกน่าดู” เมจิทำหน้าเคลิ้ม
พีช รีบพูดแทรกขึ้นมาทันที “ตายแล้ว ยังงั้นหนูน้ำหวานของเรา ก็อกหักน่ะซิจ๊ะ”น้ำหวาน เชิดหน้า แล้วตอบนิ่งๆ“ฉันยอมรับความจริง ไม่เที่ยวอิจฉาตบตีใครต่อใครหรอก”
พลันเสียงโจก็ดังแทรกขึ้นมา
“แนน”
ทุกคนหันไป เห็นโจยืนถือขนมอยู่ พีช นุจรี หลิน บิว ต่างมองโจ ตาเป็นประกาย “แนนลืมขนมจ้ะ”
แนนยิ้มเชิดใส่พีช นุจรี หลิน บิว เดินเข้าไปหาโจ ก่อนที่จะดึงมือโจมาทางน้ำหวาน เทป และเมจิ
“น้ำหวาน เมจิ เทป นี่พี่โจ พี่โจคะ น้ำหวาน เทป เมจิ เพื่อนสนิทแนนค่ะ”ทุกคนต่างยกมือไหว้ โจรับไหว้
“ยินดีที่ได้รู้จักทุกคนครับ”
พีช นุจรี หลิน บิว รีบแย่งกันเข้ามาหาโจ
“สวัสดีค่ะพี่โจ”
แนนปราดเข้าไปยืนขวาง
“พี่โจคะ นี่ หลิน พีช นุจรี บิว ไม่ใช่เพื่อนสนิทของแนนค่ะ”
หลิน พีช บิว นุจรี หุบยิ้มแทบไม่ทัน แนนได้ทีออกปากไล่
“เอ้า ไปได้แล้ว ชิ่วๆๆ นี่พี่ชายฉันย่ะไม่ใช่ของสารธารณะ”
หลิน พีช บิว นุจรี มองค้อนไปค้อนมา แล้วพากันออกไป โจมองตามพลางยิ้มขำ “พี่ไปก่อนนะแนน”
“ขอบคุณนะคะพี่โจ อุตส่าห์เอาขนมมาให้”
โจยิ้ม “พี่ไปก่อนนะครับทุกคน”
ทุกคนต่างโบกมือ คล้อยหลังที่โจเดินผละไป น้ำหวานรีบเบียดเข้ามา“น้ำหวานจองพี่โจนะแนน”
“นี่เธอจองหมดเลยนะยะ” เมจิแซว
เทปรีบเสริม “มีใครที่ไม่จองดีกว่า”
แล้วทั้งหมด ก็หัวเราะออกมาพร้อมกัน
ทางด้านวินเก็บเสื้อผ้าบางชิ้นลงกระเป๋า พลันเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น วินลุกเดินไปเปิด เห็นเอยืนยิ้มอยู่หน้าห้อง หิ้วตระกร้าปิคนิคใบเล็กๆ ในมือ พร้อมๆ กับจุ๊บแจงและน้อยหน่า “ทำอะไรอยู่คะ”
“ไม่มีอะไรครับ เก็บของนิดหน่อย”
“ฉันกับเด็กๆจะไปปิคนิคกันเด็กๆให้มาชวนคุณด้วย”วินมองจุ๊บแจงกับน้อยหน่า ซึ่งยืนมองวินเฉยอยู่ เอหันไปส่งสัญญาณ จุ๊บแจงกับน้อยหน่ารีบพยักหน้าพร้อมกัน วินมองแล้วอมยิ้ม
“ขอบใจนะจ๊ะเด็กๆ”
จุ๊บแจงกับน้อยหน่ายิ้มให้วิน วินมอง เอนึกรู้ว่าเอเป็นคนชวน เอ ยิ้ม ทำไก๋ทำไม่รู้เรื่อง
ที่สวนดอกไม้สวย ทุกคนตั้งท่าถ่ายรูปกันอย่างสนุกสนาน
จุ๊บแจงกับน้อยหน่า วิ่งไล่วนรอบๆ เอกับวิน ซึ่งนั่งอยู่บนผืนผ้าพลาสติคที่ปูไว้ บนผืนผ้ามีจานสองใบของเด็กวางอยู่พร้อมแก้วน้ำ ขวดน้ำอัดลม และอาหาร ซึ่งมีทั้งแซนด์วิชและชิบมันทอดวางอยู่ตรงกลาง จุ๊บแจงกับน้อยหน่าวิ่งวนอยู่สองรอบแล้วพากันวิ่งห่างออกไป “อย่าไปไกลน๊ะเด็กๆ”
เอบอกกับจุ๊บแจงกับน้อยหน่า พลางหันมาเห็นวินมองอยู่ “เด็กสองคนนี่น่ารักสุดๆ”วินยิ้ม
“ครับ รู้สึกว่าคนเราจะยุ่งกับชีวิตมากจนลืมความน่ารักของเด็กๆซึ่งอยู่รอบตัวเรา”“บางคนนอกจากไม่สนใจแล้ว ยังรังแกเด็กอีกด้วย”
วินพยักหน้า พลางถอนใจ จนเอสงสัย
“มีอะไรคะ”
“ไม่มีอะไรหรอกครับ ผมแค่เสียดายที่ยังไม่มีโอกาสได้ทำอะไร ให้กับเด็กๆบ้านเรา นอกจากคิด”
“ยังไม่สายเกินไปนี่คะ”
“ครับ”
เอยิ้ม พลางยกจานแซนด์วิชส่งให้ วินเอื้อมมือจะรับจากแซนด์วิช แต่กลับเลยมาจับมือเอ เอจ้องมอง พลางยิ้มหวาน
วินดึงเอเข้ามาใกล้ ทั้งสองสบตากัน เอค่อยๆ ซบลงที่อกของวิน วินยิ้มอย่าง มีความสุข
พลันก็ได้ยินจุ๊บแจงร้องกรี๊ดเสียงดัง วินตกใจ เห็นเอยังนั่งที่เดิม ที่แท้ก็แค่เคลิ้มไปตามเคย
เอร้องเสียงหลง “แย่แล้ว เด็กๆ”
จากนั้นทั้งคู่ ก็วิ่งพรวดออกไป เห็นน้อยหน่านั่งอยู่กับพื้น จุ๊บแจงนั่งข้างๆ จับที่ขา ของน้อยหน่า สีหน้าตระหนก
“อะไรจ๊ะ” เอถามด้วยความเป็นห่วง
“งูกัดน้อยหน่าค่ะ”
วินรีบกระชากเข็มขัดออกจากเอว ก่อนที่จะนำมารัดต้นขาของน้อยหน่าอย่างรวดเร็ว“รีบไปที่รถ เร็วเข้า”
วินอุ้มน้อยหน่าวิ่งพรวดเข้ามาในโรงพยาบาล
“เด็กถูกงูกัดครับ เด็กถูกงูกัดครับ” วินร้องบอกพยาบาลอย่างร้อนรน
“ทางนี้ค่ะ”
พยาบาลเข็นรถคนป่วยเข้ามา วินรีบวางน้อยหน่าลง พยาบาลรีบเข็นเข้าไปด้านใน วินมองตาม เอกับจุ๊บแจง ที่วิ่งตามเข้ามา ทั้งหมดได้แต่มองหน้ากันสีหน้ากังวล
ลุงชุ่มกับแก้วเดินเข้ามาอย่างร้อนรน เอโอบจุ๊บแจงอยู่ในวงแขนนั่งอยู่ที่โซฟา จุ๊บแจงเห็นแก้วก็รีบวิ่งไปหา เอกับวินรีบลุกขึ้น
“หมอกำลังดูอาการอยู่อย่างใกล้ชิดเพื่อประเมินให้ได้ใกล้เคียงที่สุดว่าเป็นงูชนิดไหน”
วินรีบบอก ในขณะที่เอหน้าซีด
“เป็นความผิดของฉันเองที่ชวนเด็กๆไปปิคนิค”“โอ๊ย ไม่เป็นไรครับคุณเอ เดี๋ยวมันก็ลุกขึ้นวิ่งปร๋อเหมือนเดิม ลูกผมอึดครับ"
“คุณเอกับคุณวิน กลับไปผักผ่อนดีกว่าค่ะ”
แก้วหันมาบอกวินกับเอ ในขณะที่ลุงชุ่มพูดต่อ
“ผมจะอยู่เองครับ แก้วจะได้พาจุ๊บแจงกลับบ้านจะได้เตรียมอาหารเย็นด้วย”
วินส่ายหน้า “ไม่ต้องเลยครับ ผมกับคุณเอ จะอยู่รอดูจนกว่าน้อยหน่าจะปลอดภัย”
เอพยักหน้าเห็นด้วย “เอ ไม่ไปไหนหรอกค่ะ”
“เราไม่มีบัตรประชาชนอะไรมาเลยครับสถานการณ์ฉุกละหุก ผมกรอกข้อความให้ก็แล้วกันนะครับ”
โจบอกเจ้าหน้าที่ที่ประจำเคาน์เตอร์ เอรีบเสริม“ผู้ป่วยเป็นเด็กไม่มีประวัติเป็นคนร้ายหรือหนีคดีอะไรหรอกค่ะ”
“ถ้าเป็นเรื่องรักษาพยาบาล ไม่ต้องห่วงนะครับเราไม่ต้องเบิกประกัน เราจ่ายสด เลยครับ”
“คงไม่มีปัญหาหรอกนะคะ”
พยาบาลยิ้มให้อย่างสุภาพ
“กรณีฉุกเฉินแบบนี้คงได้ แต่รบกวนส่งสำเนามาให้ฝ่ายทะเบียนจะขอบคุณมากค่ะ”
“ยินดีครับ”
วินลอบสบตากับเอ แล้วกรอกรายละเอียดบนใบขึ้นทะเบียนคนป่วย
ที่หน้าห้องผู้ป่วย จุ๊บแจงนั่งอยู่ในวงแขนของเอ วินนั่งอยู่ข้างๆ ในขณะที่ลุงชุ่มและแก้ว นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม
“คุณหมอมาแล้ว”
ทุกคนผุดลุกขึ้นยืน สีหน้ากังวล
“ปลอดภัยแล้วครับ”
ทุกคนต่างถอนหายใจโล่งอก หมอพูดต่อ
“แกต้องพักอยู่ที่นี่ดูอาการอีกนิด เพื่อความมั่นใจ”
“เราไปเยี่ยมได้มั้ยคะ” เอหันมาถามหมอ
“ได้ครับ แต่แกหลับอยู่น่ะครับ”
“ไม่เป็นไรค่ะ ฉันอยากจะคอยดูแก”
วินเห็นความตั้งใจของเอ เลยช่วยเสริม
“ครับ แกตื่นมาอยู่คนเดียว เดี๋ยวจะกลัวน่ะครับ”...
“งั้นตามสบายเลยนะครับ ผมขอตัวก่อน”
หมอยิ้มให้อย่างสุภาพ
“ขอบคุณนะคะ คุณหมอ”
หมอพยักหน้าแล้วเดินจากไป
น้อยหน่า ยังคงหลับสนิทอยู่บนเตียง ในขณะที่ทุกคนเฝ้าดูอาการอยู่รอบๆ พร้อมด้วยพยาบาลหนึ่งคน
“ผมกลับก่อนนะครับเผื่อว่าจะมีใครมาหาที่บ้าน”
วินพยักหน้ารู้กันกับลุงชุ่ม แก้วรีบพูด
“ค่ะ จะได้พาจุ๊บแจงกลับบ้านด้วย”
“หนูจะอยู่กับน้อยหน่า” จุ๊บแจงโยเย
“ให้จุ๊บแจงอยู่กับเราก็ได้ค่ะ หนูคอยดูเอง”
“งั้นเอาตามนี้ก็แล้วกันครับ” วินรีบสรุป
“อย่าซนนะจุ๊บแจง”
คล้อยหลังที่ลุงชุ่มกับแก้วเดินออกจากห้องไป จุ๊บแจงก็พูดเสียงดังขึ้นมา
“พี่วินกับพี่เอออกทีวี”
วินกับเอ หันไปดูจอทีวี ที่อยู่ตรงข้ามกับเตียงผู้ป่วย เห็นภาพตัวเองอยู่ในจอ ขณะถือปืนยิงกราดทุกคน พยาบาลจ้องตาไม่กระพริบ วินกับเอ ต่างลอบสบตากัน โชคดีที่ทีวีเปิดแบบไม่มีเสียง เพื่อไม่ให้รบกวนคนไข้
วินรีบหันไปทางพยาบาล
“อ๋อ โฆษณาน่ะครับ”
“ค่ะ โฆษณายากันยุงน่ะค่ะ”
“ครับ ประมาณว่า ยิงยุงร้ายให้ตาย”
“สบายทั้งครอบครัว”
วินกับเอ ช่วยกันพูดเสริม พลางหันมายิ้มให้กัน พยายาลพลอยยิ้มชอบใจไปด้วย
“ดีค่ะ หล่อสวยทั้งคู่เลย”
“ขอบคุณครับ”
คล้อยหลังที่พยาบาลเดินออกไป วินกับเอ ก็ถอนหายใจ โล่งอก
ทางด้านโจ กำลังยืนด้านหน้าทักทายลูกค้าอยู่ที่หน้าคลับ พลางกวักมือเรียกพนักงานให้มาพาลูกค้าไปด้านใน แต่แล้วก็ต้องแปลกใจ เมื่อหันมาเห็นนายสมภพเดินเข้ามา พร้อมกับ ไอ้เม่นและลูกน้องอีกหนึ่งคน
“สวัสดีครับคุณโจ ผมสมภพ แขกที่อยู่ในวันมีเรื่องยิงกัน”
โจยิ้ม “ผมจำได้ครับ คุณสมภพ ยินดีต้อนรับครับนายสมภพกวาดตามองเห็นกล้องตรวจการณ์ตามจุดต่างๆ
“มีกล้องเยอะดีนะครับ น่าจะมีภาพตอนเกิดเรื่อง”
“ครับ แต่เหตุการณ์ชุลมุนมาก มีแต่คนบังกันหมด ตำรวจตรวจดูแล้ว ไม่เห็นอะไรมากไปกว่าเดิม”
โจตอบตามความจริง
“แต่ก็โชคดีที่ยังได้ภาพคนร้าย”
“ครับ”
“งั้นผมขอตัวไปสนุกก่อนนะครับ”
“ยินดีครับ มื้อนี้ผมเลี้ยงครับ”
“ขอบคุณมาก”
นายสมภพกับไอ้เม่น แ ละลูกน้องอีกคนเดินเข้าไปด้านใน โจมองตาม ก่อนที่จะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดสายโทร. ออก
ในขณะที่วันชาติ กำลังนั่งตรวจดูแฟ้มอยู่บนโต๊ะ พลางกดรับสาย
“ไงครับคุณโจ ได้ข่าวคุณวินเพื่อนคุณแล้วหรือยัง ผมยังไม่ได้เอาเรื่องคุณเลยนะ ที่คุณโกหกผมว่าคุณวินเป็นแค่แขกประจำ ทั้งๆที่คุณรู้จักครอบครัวคุณวินเป็นอย่างดี”
โจยิ้ม “ขอบคุณครับ แต่ผู้กองก็ทราบดีอยู่แล้วว่าเอาเรื่องผมไม่ได้ กฎหมายคุ้มครองสิทธิ สามารถให้ผมเก็บความลับของลูกค้าได้”
“เอาละ คุณมีอะไรก็ว่ามา”
“ผมอยากจะทราบว่า เรื่องของนายสมภพมีเรื่องกับนายสุชาติ ก่อนเหตุยิงกัน ผู้กอง คืบหน้าไปถึงไหนแล้วครับ”
“เฮ้อ รู้สึกว่าจะเจอทางตัน มีคนพบศพบาร์เทนเดอร์ พยานที่คุณบอกว่าเห็นนายสุชาติ
กับนายสมภพมีเรื่องกันนะครับ”
โจได้ฟัง ถึงกับเงียบไป
เอ เอามือลูบผมน้อยหน่าเบาๆ มองด้วยความสงสาร เอมองภาพเอด้วยความรู้สึก
ที่ลึกซึ้งมากขึ้น เอหันมาซบที่อกวิน สะอื้นเบาๆ วินโอบปลอบไว้ในอ้อมแขน หากเพียงชั่วอึดใจเดียว เอ ที่เหมือนรู้ตัว ค่อยๆ ถอยออก
“ขอโทษค่ะ ฉัน เพียงแต่คิดว่าถ้าน้อยหน่าเป็นอะไรไป ฉันคง”“เรื่องร้ายผ่านไปแล้วครับ”
เอพยักหน้าหันมาโอบจุ๊บแจง พาจุ๊บแจงไปนั่งที่โซฟา วินจ้องเออย่างเห็นใจ และด้วยความรู้สึก ที่ยิ่งล้ำลึกมากขึ้น
จุ๊บแจงนอนหลับอยู่บนโซฟาในอ้อมแขนของเอ ที่นั่งหลับพิงอกของวินอยู่ วินเองก็หลับเช่นกัน
เอค่อยๆ ลืมตาขึ้นมา เห็นตัวเองอยู่ในอ้อมแขนของวิน เอขยับตัวลุกขึ้นจากออกของ วิน พลางหันมามองวินแล้วยิ้มน้อยๆ หันไปมองที่เตียงเห็นน้อยหน่ายังหลับอยู เอตัดสินใจเอนตัวลงนอนตามเดิม
วินค่อยๆลืมตาขึ้น พลางยิ้มอย่างมีความสุข แล้วหลับต่อเหมือนกัน
ผู้กองวันชาติเดินเข้ามาในห้อง ก่อนที่จะนั่งลงที่โต๊ะทำงาน เปิดแฟ้มตรวจดู พร้อมๆ กับที่เสียงเคาะประตูดังขึ้น เจ้าหน้าที่เดินเข้ามาทำควเคารพแล้วรายงาน“โรงพยาบาลที่กาญจนบุรีแจ้งว่าผู้ต้องหาสองคนที่ยิงนายสุชาติอยู่ที่นั่น เจ้าหน้าที่
ตำรวจกำลังดำเนินการอยู่ครับ”
ผู้กองวันชาติลุกขึ้นพรวด “บอกให้คุมตัวไว้ให้ได้ เราจะเดินทางไปรับตัวเดี๋ยวนี้” เจ้าหน้าที่ขยับตัว เตรียมเดินออกไป ผู้กองวันชาติรีบเรียกไว้
“เดี๋ยว”
เจ้าหน้าที่หันกลับมา
“อย่าเพิ่งให้นักข่าวรู้ เดี๋ยวคนร้ายจะรู้ตัว”
ทางด้านวิน เดินถือถุงอาหารเช้า เดินกลับมายังห้องพักของน้อยหน่า ด้วยสีหน้า
สดชื่น แต่แล้วก็ต้องชะงัก เมื่อเหลือบไปเห็นเจ้าหน้าที่ตำรวจสองสามคน ยืนคุยกับพยาบาลคนที่เห็นทั้งคู่ในทีวี ตรงเคาน์เตอร์ลงทะเบียน
วินรีบก้าวยาวไปที่ห้องพักของน้อยหน่า
น้อยหน่าค่อยๆลืมตาขึ้น ก็ เห็นเอกับจุ๊บแจง ยืนอยู่ข้างเตียง
“พี่เอ”
“โอ๋ๆ นะ”
เอ ยื่นมือไปกอดน้อยหน่าเอาไว้ จุ๊บแจงยืนยิ้มดีใจที่น้องหายดี
หนีก็ล่า ซ่าก็รัก ตอนที่ 4 (ต่อ)
ในขณะที่พยาบาล เดินนำตำรวจสามนายมาตามทางเดิน เพื่อไปยังห้องน้อยหน่า
เจ้าหน้าที่พยักหน้าให้พยาบาลรีบไป จากนั้นทั้งสามคนต่างชักปืนออกมา แล้วหันมาส่งสัญญาณให้กัน คนหนึ่งพรวดนำเข้าไป อีกสองคนตาม ทั้งสามคนพรวดเข้ามาในห้อง แต่แล้วก็ต้องผิดหวัง เพราะมีแต่ความว่างเปล่า
วินอุ้มน้อยหน้าวิ่งนำมาที่รถ เอจูงจุ๊บแจงวิ่งตามมา เอ รีบเปิดประตูรถด้านหลังให้วิน วางร่างของน้อยหน่าเข้าไปทางเบาะหลัง
“จุ๊บแจงมาดูน้องนะลูก”
จุ๊บแจงรีบขึ้นไปนั่งที่เบาะหลัง ในขณะที่วินอ้อมไปทางด้านคนขับ
“คีย์”
เอ โยนกุญแจให้วินรับ จากนั้นก็ขึ้นรถปิดประตู วินรีบสตาร์ทเครื่องรถ แต่ไม่ติด“ไหนว่าตรวจรถเป็น”
วินหันมาเอ พลางพยายามสตาร์ทอีกที เครื่องติด วินพรวดรถออกไป หันมามอง เอ ทั้งสองหายใจโล่งอก
“เราเล่นซ่อนแอบอีกเหรอคะ” จุ๊บแจงถามซื่อๆ
“ใช่แล้วจ้ะ”
“อ๋อ”
จุ๊บแจงยิ้มออกมาได้ วินเหยียบรถตะบึงไป
“หมายความว่ายังไงผู้ต้องหาหนีไปได้”
ผู้กองวันชาติโวยวายเสียงเข้ม เมื่อได้รับรายงานจากเจ้าหน้าที่
“เราไปถึงทันทีที่ได้รับแจ้ง แต่ดูเหมือนว่าผู้ต้องหาออกไปก่อนแล้วครับ”
“ทางโรงพยาบาลไม่มีข้อมูลเลยเหรอครับ”
“เป็นข้อมูลเท็จครับ”
“อะไรไม่มีบัตรประจำตัว อะไรเลยเหรอ”
“เป็นอุบัติเหตุฉุกเฉิน ทางโรงพยาบาลก็เลยผ่อนปรนครับ กว่าพยาบาลจะจำ ผู้ต้องหาได้ก็ช้าไปแล้วครับ”
เจ้าหน้าที่รีบอธิบาย
“ผมเชื่อว่า ทางคุณตั้งด่านสกัดไว้แล้ว”
“ครับ ผู้ต้องหาไม่มีทางออกไปจากเมืองกาญได้นอกจากจะใช้ ฮ. บินผ่านไป”ผู้กองวันชาติเดินงุ่นง่านไปมา
ทีมงานพาพอลกับผู้จัดการเดินเข้ามาในห้องแต่งตัว “เชิญพี่พอลทำผมแต่งหน้าก่อนนะครับ”
ในห้องแต่งตัว กำลังเปิดมีทีวีที่มีข่าวเรื่องราวของเอกับวินอยู่พอดี พอลหยุดฟังอย่างตื่นเต้น
เสียงนักข่าวรายงาน
“พบเบาะแสผู้ต้องหายิงนายสุชาติปรากฏตัวป้วนเปี้ยนอยู่แถวกาญจนบุรี ตำรวจ กำลังตามตัวอย่างเร่งรีบ”
พอลจ้องอย่างคาดไม่ถึง
เมื่ออยู่ตามลำพังกับผู้จัดการ พอลก็เปิดประเด็น
“คุณเอ ยังไม่ยอมติดต่อเข้ามาหาผมซะที คิดดูถ้าผมพาเอ เข้ามอบตัวได้เท่ากับ เงินรางวัลต้องเป็นของผมใช่มั้ย ส้มหล่นเต็มๆ”
“แถมยังดังอีกตะหาก” ผู้จัดการรีบเสริม
“ผมต้องหาทางใช้สื่อ กล่อมเอให้ติดต่อผมให้ได้”
“แต่ต้องใจเย็นนะคะ ถ้ามากไปคนจะอ่านเกมออกเรื่องอยากได้เงินรางวัล สื่อบางคนชอบปั่นเรื่องอยู่แล้ว”
ผู้จัดการเตือนด้วยความเป็นห่วง
“ก็ได้ ถ้ามีคนถามค่อย ใช้โอกาสให้เป็นประโยชน์”
พลันเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น ก่อนที่ทีมงานเข้ามา จะเดินเข้ามา
“พร้อมถ่ายแล้วครับ พี่พอล”
“โอเค”
“บ้าที่สุด ข่าวมันรั่วออกไปได้ยังไง”
ผู้กองวันชาติโวยวายอย่างหงุดหงิด“คงเป็นพวกที่ห้อยอยู่ตามสถานีน่ะครับ พวกนี้หูตาไว”“เดี๋ยวไอ้พวกบ้าเงินรางวัลก็แห่กันมาที่นี่ ยุ่งกันใหญ่”
วินขับรถเข้ามาในบ้าน ก็เห็นลุงชุ่มกับแก้ว ยืนรออยู่แล้ว วินอุ้มน้อยหน่า ซึ่งอาการดีขึ้นแล้ว ส่งให้แก้วอุ้มต่อ
“จุ๊บแจงไปกับแม่ก่อนลูก พักก่อนแล้วค่อยมาใหม่” ลุงชุ่มหันมาบอกจุ๊บแจงจุ๊บแจงเดินไปหาแก้ว ทั้งสามพากันออกไป
“ลูกน้องผมโทรมาบอก ทีวีออกข่าวตอนนี้ตำรวจรู้ว่าคุณสองคนอยู่ที่กาญแล้วครับ”
วินพยักหน้า “พยาบาลเห็นผมตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว ลุงชุ่มคิดว่าที่นี่ปลอดภัยมั้ยครับ”
“ครับ” ลุงชุ่มยิ้ม ก่อนจะพูดต่อ “ถ้าคุณ เอ ไม่ออกไปช้อปปิ้ง”
เอยิ้มเขิน “ไม่ไปแล้วค่ะ”
ทางด้านทอม แนน โจ ที่เดินเข้ามาในบ้าน แนนบ่นแบบขัดใจ“นักข่าวพวกนี้เร็วชะมัดยาด”
“แต่ผมเชื่อว่าที่บ้านสวนน่าจะมิดชิดพอนะครับ ผมไปยังเกือบหลง”
“เราต้องหาทางไปเยี่ยมนายวินซะหน่อย” ทอมเสนอ
“จะดีเหรอคะพ่อ”
พลันเสียงโทรศัพท์ของโจก็ดังขึ้น โจรีบกดรับสาย
“ไงเพื่อน โทรหานายตั้งแต่มีข่าว”
“ไม่ได้เปิดเครื่องไว้”
“นายเป็นอะไรหรือเปล่าถึงไปโรงพยาบาล” โจอดเป็นห่วงไม่ได้“เรื่องมันยาว สรุปทุกคนสบายดี โทรมาบอกจะได้ไม่ต้องเป็นห่วง”“ตอนนี้ฉันอยู่ที่บ้านนาย จะคุยกับคุณพ่อมั้ย”
“โอเค”
โจส่งสายให้ทอม ทอมรับสายมา ก่อนจะพูดด้วยความเป็นห่วง“ระวังตัวหน่อยนะลูก อ๋อ โจมารับพ่อกับแนนไปโรงพยาบาล อยู่ ทอมส่งโทรศัพท์ให้แนน
“พี่วินเหรอ ขอพูดกับพี่เอหน่อยดิ”
“อ้าว ขอบใจนะที่ไม่คุยกับพี่”
แนนหัวเราะ “แนนรู้ว่าพี่วินเจ๋งอยู่แล้ว”
วินส่งโทรศัพท์ให้ เอ “ว่าไงจ๊ะ แนน”
“พี่วินดูแลพี่เอ ดีหรือเปล่าคะ”
เอ หันไปมองหน้าวิน ยิ้มๆ
ในขณะที่นายสุรชัย ที่รู้ข่าว ก็รีบสั่งการทันที“ส่งพวกเราไปที่กาญ แล้วลากเอาตัวคนที่ฆ่าลูกข้ามาให้ได้”
ไอ้อ๊อดพยักหน้า “แล้วลูกสาวนายประสิทธิ์”“ถ้าอุบัติเหตุเกิดโดนลูกหลง มันก็เป็นเรื่องเศร้า”
ไอ้อ๊อดเดินออกไป สุรชัยยิ้มอย่างเลือดเย็น
วินเดินออกมาด้านหน้าระเบียง เห็นเอยืนมองวิวอยู่ วินรีบเดินเข้ามาหา
“แดดยังร้อนอยู่ ระวังจะไม่สบายนะครับ”
เอหันมาถอนใจ “ฉันก่อเรื่องไม่หยุดเลยใช่มั้ยคะ”
“คุณก็เหมือนกับคนทั่วไป มองโลกในแง่ดี โลกเราเดี๋ยวนี้แย่ลง คนไม่เคารพ กฎหมาย กฎหมายไม่เคารพคน”
เอ ถอนใจ วินพูดต่ออย่างพยายามไม่ให้บรรยากาศตึงเครียดจนเกินไป“โดยเฉพาะเรื่องที่คุณเตะผมตรงจุดสำคัญถือเป็นความผิดร้ายแรง ผมยังจุกไม่หาย”
เอขำ ค่อยคลายความกังวลขึ้นมาได้บ้าง
“ขออบคุณค่ะ ที่ทำให้ฉันหัวเราะ”
ทั้งสองต่างยิ้มให้กัน วินเห็นเอรู้สึกดีขึ้น ก็พลอยยิ้ม พลันเสียงของลุงชุ่มก็แทรกขึ้นมา
“ขอโทษครับ”
ทั้งสองหันไป เห็นลุงชุ่ม กับชายฉกรรจ์อีกสามคน เอมาเกาะแขนวิน เบี่ยงตัว หลบข้างหลัง
“ผมพาลูกน้องมาช่วยระวังแถวนี้ คุณวินกับคุณเอ รู้จักไว้จะได้ไม่ตกใจ”“ขอบคุณทุกคนนะครับ”
“ขอบคุณค่ะ”
“ไม่ว่าตำรวจหรือใครได้ตัวไอ้สองคนนั่นเอ็งต้องชิงตัวพวกมันมาให้ได้”
นายสมภพสั่งการ
“ครับลูกพี่” ไอ้เม่นรับคำ
“คราวนี้ห้ามพลาดนะเว้ย กะแค่ศพของไอ้บาร์เทนเดอร์ ยังเก็บไม่มิดให้ตำรวจเจอจนได้”
นายสมภพตำหนิอย่างขัดใจ
“อย่าห่วงน่าพี่ ตำรวจสันนิษฐานว่าเป็นการชิงทรัพย์ธรรมดา ไม่ใช่ถูกอุ้ม พี่สบายใจได้”
สมภพยังไม่หายโมโห รีบสะบัดมือไล่ ไอ้เม่นหน้าจ๋อยเดินออกไป
วินเดินมาที่ห้องของ พลางเคาะประตู ครู่เดียวประตูเปิดก็ถูกเปิดออก
“อาหารค่ำครับผม”
“เด็กๆมาด้วยหรือเปล่าคะ”
“น้อยหน่ายังหลับยาว จุ๊บแจงอยู่ดูน้องครับ แค่คุณกับผม หวังว่าคงไม่เป็นไร”
เอ ยิ้มพยักหน้า
วินพาเอออกมาที่หน้าระเบียง ตรงหน้าคือโต๊ะอาหารที่จัดไว้อย่างสวยงาม มีแสงไฟห้อย
ประดับประดา ให้ยบรรยากาศแปลกตาจากที่เคย
เอ ยิ้มออกมาได้ วินรีบพูดอวด
“ฝีมือผมเอง คราวที่แล้วคุณ คราวนี้ตาผมมั่ง เชิญครับ”
วินผายมือเชิญ เอเดินไปที่โต๊ะ
“โห ลงทุนลงแรงน่าดู จำได้หรือเปล่าว่าฉันไม่ใช่คุณหนูคนที่คุณปลื้ม”
เออดที่จะเหน็บไม่ได้
วินยิ้ม “ไม่ต้องตกใจหรอกครับผมยังไม่ได้ปลื้มเหมือนเดิม”
พูดพลางขยับเก้าอี้ให้นั่ง
“แน่ใจนะ” เอถามย้ำพร้อมๆ กับทรุดตัวลงนั่ง
“แน่ซิครับ”
วินขยับเก้าอี้แล้วอ้อมไปนั่นที่เก้าอี้ตรงข้าม เอยกแก้วขึ้น
“สำหรับคุณที่ไม่ปลื้มฉัน”
“สำหรับคุณ คนที่ผมไม่ปลื้ม”
หลังจากอิ่มจากอาหารมื้อค่ำ วินก็เดินมาส่งเอ ที่หน้าห้องนอน
“คุณจัดบรรยกาศซะสวย ทำให้ฉันกินมากเกินความจำเป็น ถือว่าเป็นความผิดของคุณ”
“ดีครับ เป็นธรรมดาของคนที่ไม่ชอบหน้ากันต้องแกล้งกันน่ะครับ”
เอยิ้ม ก่อนจะพูดต่อ
“พรุ่งนี้ครบสามวัน ต้องโทรไปหาคุณพ่อฉัน อย่าลืมซ้อมบทโจรเรียกค่าไถ่ให้โหดๆหน่อยก็แล้วกัน”
“รับรองเลยครับ คุณพ่อคุณต้องหนาวแน่”
เอยิ้ม แล้วก็เปลี่ยนเป็นหน้าจ๋อย จนวินสงสัย
“คุณเป็นคนบอกให้ผมโหด แล้วทำไมหน้าจ๋อยแบบนั้นล่ะครับ”
“ฉันกลัวว่าคุณพ่อจะห่วงเงินมากกว่าฉันน่ะซิ”
วินมองเอด้วยความเห็นใจ พลางลดเสียงพูดให้เบาลง
“คือคนอเมริกันถ้าเพื่อนรู้สึกไม่ดี เขาว่ากอดเพื่อนจะช่วยทำให้รู้สึกดีขึ้นนะครับ”
เอนิ่งคิดอยู่ครู่เดียว แล้วก็พยักหน้า วินดึงเอเข้ามาในอ้อมกอด เอซบที่อกของวิน
ที่ตู้โทรศัพท์สาธารณะที่อยู่ไม่ไกลจากบ้านพักเท่าไรนัก วินถือหูโทรศัพท์อยู่ มีผ้าปิดอยู่ตรงที่
พูด แต่แล้วก็เริ่มลังเล หันมาพูดกับเอ
“ผมว่าคุณบอกความจริงกับพ่อคุณดีกว่า ว่าไม่ได้ถูกเรียกค่าไถ่”
เอส่ายหน้า “โน”
วินถอนใจ เอฉวยจังหวะนี้ รีบกดเบอร์ที่แป้นให้ แล้วเอียงหูเข้ามาใกล้เพื่อจะฟังด้วย
“ซินดี้ ขอสายคุณพ่อ”
“ต๊าย ตาย หนูเอ ไม่เป็นไรใช่มั้ยคะ ซินดี้จะรีบไปเรียกป๋านะคะ”
ซินดี้ส่งเสียงดัดจริตมาตามสาย ก่อนจะวางโทรศัพท์ แล้วรีบพรวดไปที่ห้องของนายประสิทธิ์
“แปลกมาก ปกติไม่เคยดีแบบนี้”
เอบ่นกับตัวเองเบาๆ วินจ้องหน้าเอ ที่อยู่ใกล้แค่คืบ จนนายประสิทธิ์ทักทายมาทางสาย
“เอ หรือลูก”
เอนิ่งพูดไม่ออกอยู่ชั่วอึดใจ “เอมีเวลาไม่มากค่ะ”
เอพยักเพยิด ทำมือทำไม้ให้วินพูด วินรีบกรอกเสียงไปตามสาย
“ฮัลโหล สวัสดีครับ”
เอรีบเอามือปิดโทรศัพท์ แล้วพูดเสียงเบา จนเกือบจะเป็นกระซิบ
“คุณโหดกว่านี้หน่อยได้มั้ย”
วินนึกได้ รีบปรับเสียงโหด “10 ล้าน ห้ามบอกตำรวจ ไม่ยังงั้นลูกสาวนายตาย”
นายประสิทธิ์ หน้าเครียด “แก แกแตะลูกสาวฉันแม้แต่..”
ยังไม่ทันจบประโยค วินก็รีบพูดสวน
“เงียบ มาทำเป็นห่วงใยอะไรกันตอนนี้ ฉันรู้นะว่านายไม่ได้สนใจลูกสาวนายหรอก”
วินวางสายโครม เอ องหน้าวิน “นี่ คุณพูดเรื่องอะไรของคุณ”
“เอ้อ ผมได้ยินคุณพ่อคุณโวยวาย ผมก็เลยผสมโรงให้มันโดนใจหน่อยเท่านั้นเอง”
เอพยักหน้า ในขณะที่วินยืดยิ้มวางมาด
“ฉันไม่สนเรื่องนั้นหรอก คุณไม่ได้บอกว่าจะเอาเงินเมื่อไหร่ที่ไหนต่างหาก”
วินอึ้ง ที่ทำพลาด “ โธ่เอ๊ย”
“เชื่อเลย”
บอยเดินไปเดินมาอยู่ในห้องพักในโรงแรมอย่างร้อนใจ ทันใดนั้นเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น บอย
รีบพรวดพรวดไปเปิดประตู ซินดี้ก้าวเข้ามาในห้องอย่างตื่นเต้น
“ว่าไง”
“10 ล้าน พรุ่งนี้ศูนย์การค้า..” ซินดี้เอ่ยชื่อศูนย์การค้าหรู “ชั้น1 หน้าห้องน้ำชายตอนบ่ายสอง”
“ไอ้โจรบ้ามันคิดอะไรของมันวะ ศูนย์การค้าคนเยอะแยะ”
บอยข้องใจ
“นายประสิทธิ์เป็นคนต่อรอง”
“นายประสิทธิ์ถือเงินไปเหรอ” บอยซักต่อ
“คนขับรถถือเงิน โจรไม่ยอมให้นายประสิทธิ์ถือเงินไป”
“ศูนย์การค้าคนเยอะ ทำงานลำบาก”
บอยหน้าเครียด เดินไปเดินมาทั่วห้อง
“ตกลงว่าไง จะลงมือหรือเปล่า”
“ยังไงก็ต้องเสี่ยงดู”
“เก่งมาก”
ซินดี้พูดพลางเข้าไปซบ ที่อกบอย
“โธ่เอ๊ย เป็นโจรยังไง ยอมให้คนอื่นเป็นคนเลือกสถานที่”
เอโวยวายทันที ที่วินวางหูโทรศัพท์
“คุณพ่อคุณเป็นคนจ่ายเงิน ไม่เคยได้ยินเหรอครับลูกค้าต้องมาก่อนเสมอ”
“โอย ขำมากเลย” เอประชด พลางสะบัดหน้าท่าทางหงุดหงิด
“กอดมั้ยครับ อาจจะรู้สึกดีขึ้น”
เอ หยุดหันขวับมาจ้องหน้าวิน “ขอเปลี่ยนเป็นตบได้ปะ”
วินยิ้ม “จริงๆแล้วที่ศูนย์การค้าเราจะหนีได้ง่ายกว่านะครับ ถ้าเกิดคุณพ่อคุณตุกติก เราก็แวบหายไปกับฝูงชน ผมน่ะคิดเป็นนะครับ”
เอมองค้อน “โอเค คนเก่ง”
เอนอนกระสับกระส่ายอยู่บนเตียง ก่อนที่จะตัดสินใจเดินออกมาข้างนอกระเบียง พลันหูก็
แว่วได้ยินเสียงกุกกักๆ เอหันไปก็เห็นวินเดินออกมา
“สูดอากาศยามดึกหรือครับ”
“เปล่า แค่ออกมาสาปแช่งคุณ ระบายอารมณ์”
“มิน่า ผมเลยนอนไม่หลับ แต่คิดว่าคุณคิดถึงผมเลยออกมาดู”
เอหลุดยิ้มออกมาจนได้“คุณคงดีใจพรุ่งนี้รับเงิน ฉันกลับบ้าน คุณก็ไม่ต้องวุ่นกับฉันอีก”
“ผมรับรองว่าจะรีบโอนเงินเข้าบัญชีของคุณทันที”
“กลัวฉันจะตามมาทวง หรือว่าไม่อยากเจอหน้า”
วินยิ้ม “ไม่ใช่ทั้งสองอย่างครับ พ่อคุณบิ๊กน่าจะเคลียร์เรื่องได้เร็วกว่า อีกอย่างคุณน่าจะ
ปลอดภัยกว่าอยู่กับผม”
“แต่คงไม่สนุกเท่าอยู่กับคุณหรอก” เอพูดพลบางถอนหายใจเฮือก
“อ๊ะ แน่อยู่แล้ว”
สองคนต่างยิ้มให้กัน แล้วจู่ๆ วินก็เปลี่ยนเรื่อง
“คุณหิวมั้ย ผมทำแซนด์วิชอร่อยกว่าของคุณนะจะบอกให้”
“โห ไม่คุยเลย”
วินใช้มีดตัดแซนด์วิชออกเป็นสองส่วน ใส่จาน แล้วยกมาวางไว้ที่โต๊ะ ก่อนที่จะหย่อนก้นนั่งลง
ที่เก้าอี้ตรงข้ามกับเอ
เอ หยิบแซนด์วิชเข้าปากหนึ่งชิ้น
“อืม อร่อยนี่ คิดจะแกล้งให้ฉันอ้วนเหรอเปล่า”
“แน่อยู่แล้วในเมื่อผมปลื้มไม่ได้ เรื่องอะไรผมจะให้คนอื่นมาปลื้ม”
“แมวหวงก้าง”
วินหัวเราะ “ยังดีที่คุณไม่บอกว่าหมาหวงก้าง”
เอจ้องวินอย่างพยายามจับความรู้สึก หากวินทำไก๋ หยิบแซนด์วิชเข้าปาก ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้
“น้องแนนเล่าว่าครอบครัวคุณต้องแยกกันอยู่ คุณต้องอยู่เมืองนอกกับคุณแม่”
“ครับ คุณแม่ผมต้องอยู่ใกล้คุณย่าท่านไม่ค่อยแข็งแรง คุณพ่อผมก็ต้องอยู่ใกล้กับคุณปู่คุณย่าของท่าน ต่างคนต่างมีห่วง น้องแนนเลยต้องอยู่กับคุณพ่อ แบ่งกันคนละคน”
“ห่างกันเกือบครึ่งโลก ไม่น่าเชื่อ”
วินหันมามองเอ “คุณเองอยู่ห่างครอบครัวเหมือนกัน”
“ เราอยู่ห่างกัน เพราะไม่ชอบกัน ไม่ได้ทำเพราะห่วงใครหรือต้องดูแลใครเหมือนอย่างของคุณ”
เอพูดประชดตัวเอง วินมองหน้าเอนิ่ง
“คุณจะกลับมาอยู่ที่นี่เลยหรือเปล่า”
“ครับ”
“แน่ใจเหรอ ที่โน่นน่าจะสุขสบายกว่าเยอะ”
“จริงครับ แต่ผมถือว่าผมเป็นคนไทย ผมอยากจะใช้ชีวิตที่เหลือทำอะไรให้กับแผ่นดินของผมมั้ง”
เอ มองวินเหมือนไม่เชื่อสิ่งที่วินพูด
“ทุกวันนี้ทุกคนต่างคิดแต่ผลประโยชน์ใส่ตัว คุณจะเปลี่ยนความคิดคนพวกนั้นได้ยังไง”
“เปลี่ยนไม่ได้หรอกครับ ผมทำได้ก็แต่เริ่มที่ตัวผมเท่านั้น”
“อ้อ เช่นอยู่ห่างลูกหลานคนทำลายสังคมให้มากที่สุดอย่างฉัน”
เอไม่วายเหน็บ วินจ้อหน้างเอ พลางถอนหายใจ
หนีก็ล่า ซ่าก็รัก ตอนที่ 4 (ต่อ)
เข้าวันรุ่งขึ้น วินเดินออกมาที่รถ เจอลุงชุ่มรอพร้อมอยู่แล้ว
“คุณวินจะให้ผมจัดคนให้มั้ยครับเผื่อไว้”
“ไม่ต้องครับ คุณพ่อคุณเอ ไม่อยากให้คุณเอได้รับอันตรายอยู่แล้ว มีคนเอาเงินมาส่ง เรารับเงิน เรื่องจบ”
ลุงชุ่มพยักหน้ารับ พร้อมๆกับที่เสียงเอดังแทรกขึ้นมา
“พร้อมแล้วค่ะ”
วินกับลุงชุ่มหันไปพร้อมกัน เห็นเออยู่ในชุดกางเกงยีน เสื้อยึด ใส่แว่นดำทรงทันสมัย เดินเข้า
มาใกล้
“คนถูกผู้ร้ายจับ ดูสวยแบบนี้เหรอครับ”
เอยิ้ม “ขอบคุณค่ะ”
“ผมแปลว่า คุณน่าจะไปเปลี่ยนนะครับ”
“ไม่เป็นไรหรอกน่า มีแค่คนขับรถคุณพ่อ ไม่มีใครรู้เรื่องซะหน่อยว่าฉันถูกจับจริงๆ”
วินพูดไม่ออก เอรีบตัดบท
“รีบไปกันดีกว่าค่ะ”
พูดพลางเอก็เปิดรถเข้าไปนั่ง วินเลยต้องเข้าไปในรถแล้วขับออกไป ลุงชุ่มมองตา จุ๊บแจงกับ
น้อยหน่า วิ่งเข้ามาเกาะลุงชุ่ม
“พี่เอกับพี่วินไปไหนน่ะพ่อ”
“ไปเบิกตังน่ะลูก”
วินกับเอเดินเข้ามาในศูนย์การค้าชื่อดัง ทั้งคู่ต่างใส่แว่นดำอำพรางตัว เอเกาะแขนวิน พลาง
กวาดสายตามองรอบๆ
“จุดนัดพบที่ไหนนะ”
“หน้าห้องน้ำชาย ชั้น 1 นั่นไง”
ทั้งคู่มองตรงไปที่จุดนัดพบ ก็เห็นชายกลางคนถือกระเป๋าเดินทาง ที่มีล้อลากยืนอยู่
“คุณรู้จักมั้ย” วินหันมาถามเอ
“นายวิรัช คนของคุณพ่อ”
“คุณอยู่นี่ ผมจะไปเอาเงิน ถ้ามีการตุกติกผมอยากให้คุณหนีกลับไปก่อน”
“คุณบอกไปแล้วไม่ใช่เหรอว่าถ้าตุกติกฉันตาย”
“ใช่ แต่คุณยังกลัวเลยว่าคุณพ่อคุณจะห่วงเงินมากกว่าคุณ ผมยังต้องกอดให้คุณสบายใจเลย”
“รู้แล้วน่า โอเค. ถ้าคุณพ่อฉันตุกติกฉันไม่ต้องรอคุณ” เอสรุป“ดีมาก เดี๋ยวนะส่วนมากคนจะจ่ายเงินต้องขอดูตัวประกัน คุณต้องยืนให้เห็นตัวหน่อย”
เอพยักหน้า “ได้ แต่ต้องขู่ด้วยว่า คุณมีคนของคุณจับตามองอยู่”
“โอเค แต่ยังไงคุณก็ต้องระวังเผื่อมีคนจำได้ เข้ามาคว้าคุณไปซะก่อน”
“โอเค โอเค ไปได้แล้ว”
วินเดินออกไปที่นายวิรัช แต่อดไม่ได้ที่จะหันกลับมามองเอ เห็นเอยืนโบกมือให้ วินหันกลับ
เดินต่อจนไปถึง จนไปยืนอยู่ต่อหน้านายนายวิรัช ทั้งสองต่างจ้องกัน
วินปั้นหน้าขรึม ทำเสียงเข้ม ”ผมมารับเงิน”
“คุณหนูอยู่ไหน”
“มองไปทางด้านหลังผม”
“ผมมองไม่เห็น”
วินหันไปแต่ไม่เห็นเออยู่ที่จุดเดิม แต่เมื่อกวาดสายตาไปมา ก็เห็นเอยืนอยู่ตรงกลางระหว่าง
ชายฉกรรจ์สองคน
“นั่นไง ระหว่างคนล่ำบึกของผมสองคน” วินพูดสวมรอยหน้าตาเฉย
“ปล่อยตัวคุณหนูมาก่อน”
“พอผมรับเงิน เดินไปหาคนของผมจากนั้นคุณเอ เอ๊ย คุณหนูของคุณ ก็จะถูกปล่อยกลับมา”
นายวิรัชจ้องมองไปที่เอ วินรีบส่งเสียงเร่ง
“เร็วเข้า ก่อนที่ผมจะเปลี่ยนใจ”
นายวิรัชส่งกระเป๋าใส่เงินให้ วินรีบรับมา
“ถ้ามีอะไรผิดปกติ คุณหนูของคุณไม่รอด”
นายวิรัชพยักหน้า วินรีบเดินกลับไปหาเอ นายวิรัชจ้องตาไม่กระพริบ วินหันมามองนายวิรัช
แล้วหันไปมองเอที่ยังยืนอยู่ข้างชายฉกรรจ์สองคน
“อุตส่าห์หาคนมายืนด้วย เนียนมาก”
จากนั้นวินก็เดินยิ้มเข้าไปหาเอ พลางขยับมือที่ถือกระเป๋าให้ดู เอตีหน้าเฉยสั่นหน้า วินเดินยิ้ม
เข้าไปจนใกล้
“ได้เงินมาเรียบร้อยครับ”
ทันใดนั้นไอ้ป่าน ก็โผล่ออกมาจากด้านหลังของเอ
“ดีมาก ส่งเงินมา ไม่ยั้งงั้นนังนี่ดับ”
วินส่งกระเป๋าเงินให้ ไอ้ป่านรับไว้
“แกได้เงินแล้วก็รีบไปซะ”
“เรื่องยังไม่จบ แกสองคนตามมา”
ไอ้ป่าน และเพื่อนอีกคน คุมตัววินกับเอออกไป
ในขณะที่นายวิรัชมองดู จนทุกคนลับสายตาไป จึงดึงโทรศัพท์ออกมากดโทร.ออก
“เป็นอย่างที่ท่านคาดการณ์ไว้ครับ พวกมันไม่ยอมปล่อยคุณเอ”
ไอ้ป่านกับพวก คุมเอ กับวิน มาที่ลานจอดรถ รถตู้เข้ามาจอดพรืด ประตูรถเปิด
“ขึ้นรถ เร็วเข้า” ไอ้ป่านสั่งการ
วินกับเอ ถูกดันขึ้นไปบนรถ ก่อนที่ไอ้ป่านกับพวก จะรีบตามขึ้นไป พร้อมกับปิดประตูโครม
รถเคลื่อนพรวดออกไปอย่างรวดเร็ว
รถตู้เลี้ยวเข้ามาจอดพรืดกลางสวนเปลี่ยว ทุกคนลงจากรถ เอกับวินต่างสบตากัน
“ลากตัวมันเข้าไปในสวน แล้วเก็บซะ” ไอ้ป่านออกคำสั่งเสียงเข้ม
มือปืนสองคนดันวินกับเอออกไป ไอ้ป่านยิ้มอย่างพอใจ พร้อมๆ กับที่บอยก้าวออกมาจากที่ซ่อน
ตัว
“เอ็งทำได้ดีมากไอ้ป่าน เรารวยแล้วเว้ย เรารับเงิน พ่อมันเจอศพกับผู้ร้ายเรารอดสบายๆ”
แล้วทั้งสองคนก็หัวเราะเสียงดังอย่างสะใจ
วินกับเอ เดินนำหน้า ในขณะที่มือปืนสองคนถือปืนเดินตามประกบด้านหลัง
“หยุด”
มือปืนคนแรกสั่ง วินกับเอหยุดเดิน พลางหันมามองพวกมัน พวกมันยกปืนขึ้น
“เดี๋ยวเพื่อน ตามหลักสากลต้องมีการร่ำลากันก่อนตาย”
สองมือปืนหันมามองหน้ากัน แล้วพยักหน้า.
“อย่าช้า”
วินหันมามองเอ“คุณคงไม่หาว่าผมแต๊ะอั๋ง ถ้าผมจะเอาตัวบังคุณไว้ คุณจะได้ไม่ต้องเห็นพวก
มันยิงคุณ”
เอ พยักหน้า วินโอบเอไว้ในวงแขน เอซบที่อก
“ผมขอโทษที่ผมปลื้มคุณไม่ได้”
“ดีแล้วเพราะถ้าคุณเลิกอุดมการณ์ของคุณแล้วมาปลื้มฉัน ฉันก็คงผิดหวัง”
“หมายความว่าถ้าผมไม่ปลื้มคุณ คุณถึงจะปลื้มผม”
เอพยักหน้า “ประมาณนั้น”
“โอเค ถ้างั้นผมก็ไม่ปลื้มคุณต่อไป”
จบประโยคของวิน เสียงมือปืนก็ดังแทรกขึ้นมาทันที
“ เฮ้ย หมดเวลาแล้วเว๊ย ปลื้มไม่ปลื้มอยู่ได้ งงฉิบเป๋ง”
วินสบตาเอ ต่างคนต่างยิ้มให้กัน
“ยินดีที่ได้รู้จักคุณ”
“เช่นกันค่ะ”
ทั้งคู่มองสบตากัน ก่อนที่ใบหน้าจะค่อยๆ เคลื่อนเข้าหากันจนริมฝีปากจดกันในที่สุด ดวงตา
ของทั้งคู่หลับสนิท ทันใดนั้นเสียงปืนก็ดังขึ้น วินสะดุ้งเฮือก ในขณะที่เอร้องกรี๊ด
“คุณเป็นอะไรหรือเปล่า”
“เปล่า กระสุนคงอยู่ที่คุณไม่ถึงฉัน”
“ดีแล้วครับ”
“คุณวิน คุณวิน ฉัน ฉัน.รั..”
เอยังพูดไม่ทันจบประโยค เสียงของไอ้ป่านก็รีบดังแทรกขึ้นมา
“เลิกหวานกันได้แล้วเว้ย”
วินกับเอหันมาเจอไอ้ป่านยืนอยู่
“ยังไม่ตายเหรอคะ”
“ รู้สึกว่าจะยังนะครับ” วินตอบเสียงแผ่ว
ทันใดนั้น เอก็ทุบวินเป็นการใหญ่
“แล้วทำไมคุณทำเสียงเหมือน กำลังจะตาย”
“ก็ผมนึกว่าผมจะตายนี่ครับ”
ทันใดนั้นกระเป๋าเงิน ก็หล่นตุบมาตรงหน้า เอกับวินหยุดเถียงกัน
“พ่อเธอนี่แสบมาก ยอมให้ลูกตายไม่ยอมเสียเงิน”
เอกับวินหันมามองหน้ากัน ก่อนที่จะหันไปมองที่กระเป๋าเงินที่เปิดกว้างจนกระดาษกระจาย
ออกมา เห็นฟ่อนเงิน ที่มีเพียงธนบัตรปะหน้าอยู่เท่านั้น ทว่าไส้ในมีแต่กระดาษ วินเห็นหน้าเอซีดเผือดด้วยความผิดหวัง ที่พ่อห่วงเงินมากกว่าห่วงชีวิตของตนเอง
ร่างของวินกับเอ ถูกผลักเข้ามาในห้องพักในโรงแรม ประตูปิดโครม เอเดินไปมา สีหน้า
หงุดหงิด ไม่พอใจ
“ไม่น่าเชื่อ พ่อฉันไม่ยอมจ่ายเงิน พ่อฉันไม่สนว่าคุณจะฆ่าฉันหรือเปล่า”
“เดี๋ยวก่อนครับ พวกนั้นเป็นคนร้ายไม่ใช่ผม”
“ไม่น่าเชื่อจริง พ่อฉันเห็นค่าของเงินมากกว่าชีวิตฉัน”
“ไม่จริงหรอกครับ ผมคิดว่าคุณพ่อคุณรู้ทันคนร้ายมากกว่าถ้าคนร้ายได้เงินเมื่อไหร่
ต้องฆ่าปิดปากคุณแน่”
“ก็ ก็ เราไม่ได้เป็นคนร้ายจริงๆนี่” เอเถียง
“แต่คุณพ่อคุณไม่รู้ ว่าคุณเป็นต้นเหตุ”
“นี่คุณ”
วินไม่สนใจ รีบพูดต่อทันที
“จะว่าไปแล้ว เพราะคุณพ่อคุณไม่จ่ายเงิน เราถึงยังมีชีวิตรอด”
เอนิ่งคิด แล้วเริ่มคล้อยตาม
“เอ้อ ตอนที่เสียงปืนดังรู้สึกว่าคุณเกือบจะบอกอะไรผมน้า”
จู่ๆ วินก็เปลี่ยนเรื่อง พร้อมทำหน้าทะเล้น.
เอ หันมามองค้อน กลบเกลื่อน
“ฉันพูดไปยังงั้นเอง ไหนๆ คุณก็อุตส่าห์เอาตัวรับกระสุนแทนฉัน”
“นึกแล้วอยู่เหมือนกัน ว่าไม่จริงใจ” วินประชด
“นี่..”
เออ้าปากจะพูดอะไรต่อ แต่ประตูห้องถูกเปิดขขึ้นมาก่อน พร้อมๆ กับร่างของไอ้ป่าน ที่โผล่เข้ามา พลางเล็งปืนจ่อมาที่เอ แต่วินพรวดเข้ามาขวาง
“สินค้าเสียหายเดี๋ยวไม่ได้เงินนะเพื่อน”
ไอ้ป่านมองหน้าวิน สีหน้าหงุดหงิด พลางส่งโทรศัพท์ให้เอ
“โทรไปบอกพ่อแกให้เอาเงินส่งมาไม่ยังงั้นแกตาย”
วินหัวเราะ ไอ้ป่านมองหน้าวินงงๆ
“ แกใช้โทรศัพท์มือถือแบบนี้ ตำรวจหาแกเจอแน่”
ไอ้ป่านยิ่งงงหนัก จ้องหน้าวินเขม็ง “แล้วทำไมแกถึงเตือนฉันคิดจะเอาส่วนแบ่งเหรอ”
“ฉันไม่อยากให้ตำรวจมาจับฉันเหมือนกัน ฉันสองคนมีคดีอยู่”
“งั้นเราก็ต้องออกไปหาโทรศัพท์สาธารณะกันหน่อย”
วินกับเอ ลอบสบตากัน ไอ้ป่านเปิดประตู แล้วตะโกนเสียงดัง “เฮ้ย”
ชายฉกรรจ์สองคนเดินเข้ามา
“ลากตัวพวกมันออกไป”
“เชื่อเลย เดี๋ยวนี้แม่งไม่มีโทรศัพท์สาธารณะเลยเหรอวะ”
ไอ้ป่านบ่นอุบ หลังจากที่นั่งรถตู้ตระเวนหาต็โทรัพท์สาธารณะอยู่เป็นนาน เอที่นั่งใกล้กับวิน
ลอบสบตากัน
“เดี๋ยวนี้ลูกเล็กเด็กแดงมีมือถือกันหมดแล้วพี่”
“ส่วนมากจะอยู่ในศูนย์การค้า” วินพูดขึ้นมาลอยๆ
“เอ็งอย่ามาทำแผนสูง คิดหนี ในปั้มน้ำมันก็มี ไปเว้ย”
ไอ้บอยสั่งการเสียงเข้ม
จากนั้นรถตู้ของไอ้ป่าน ก็เลี้ยวเข้ามาในปั๊ม ก่อนที่จะจอดเอี๊ยดเข้ามุมหนึ่ง ทั้งหมดลงจากรถ
ไอ้ป่านชี้ที่เอ
“แก โทรไปหาพ่อแก”
วินรีบพูดแทรกขึ้น “เชิญตามสบาย ผมไปฉี่ก่อน”
“ฉันไปด้วย”
ไอ้ป่านหงุดหงิด “อะไรวะ ข้าไม่ใช่รถทัวร์นะเว้ย”
“ก็ฉันปวดนี่” เอเถียง
“ฉี่เสร็จค่อยโทรก็ได้นี่เพื่อน” วินเสนอ
“ฉันก็ปวดเหมือนกันพี่” สมุนของไอ้ป่านเอาด้วย
“ไอ้เวร มึงปวดกะเขาด้วยเหรอ”
ไอ้ป่านคุมเอกับวินไปที่ตู้สาธารณะ โดยมีสมุนสองคนประกบติด แต่ที่ตู้โทรศัพท์มีชายคนหนึ่ง
กำลังใช้โทรศัพท์อยู่
“เฮ้ย จัดการไล่มันไป”
“ก่อเรื่องเดี๋ยวตำรวจมาจะยุ่งนะเพื่อน” วินปราม
สมุนไอ้ป่านชะงัก หันมามอง รอฟังคำสั่ง ไอ้ป่านมองวินหมั่นไส้
“เอ็งนี่รู้ไปหมดเลยนะ”
“เรียนสูงก็แบบนี้ละครับ การศึกษาทำให้คนฉลาด”
เอกลั้นขำ ในขณะที่ไอ้ป่านหน้าเครียด พลางตัดสินใจ “รอมันก่อน”
วินขยิบตาให้ เอยิ้มให้ ชายคนใช้โทรศัพท์ ยังคงพูดไม่ยอมเลิกรา จนไอ้ป่านทนไม่ไหว
“เฮ้ยเอ็งไปลากมันออกมาได้แล้ว วันๆมัวแต่คุยไม่ต้องทำมาหากิน”
สมุนไอ้ป่านเดินเข้าไปกระชากหูโทรศัพท์จากมือคนที่ยืนในตู้ แล้ววางหูโครม ผู้ชายคนนั้นหัน
มามองงงๆ แล้วรีบเผ่นออกไป
“เอ้า นังคุณหนู โทรไปหาไอ้คุณพ่อได้แล้ว”
ไอ้ป่านหันมาสั่งเอ
เอกับวิน หันมามองหน้ากัน
“คุณพ่อเหรอคะ ขอบคุณมากที่ห่วงเงินมากก็กว่าหนู”
เอกรอกเสียงไปตามสาย ก่อนที่จะส่งโทรศัพท์ให้ป่าน “คุยกันเอง”
ไอ้ป่านรับสายมาคุยต่อ “พรุ่งนี้เอาเงินมาให้ครบ”
จากนั้นก็วางหูโครม แล้วหกันมาสั่งการต่อ “คุมตัวพวกมันให้ดี”
สมุนสองคนปราดเข้ามาประกบเอกับวินตามคำสั่ง
“ได้เรื่องมั้ยวะ”
ไอ้เม่น ที่นั่งรออยู่ในรถตู้ถามสมุนเสียงเข้ม หลังจากที่สั่งการให้สมุนไปถาม รปภ. ที่นั่งอยู่
ประจำตู้
“ครับ มีคนกลุ่มนึงจับผู้หญิงกับผู้ชายขึ้นรถตู้ไปครับ”
“ใครวะ พวกไอ้อ๊อดคนของนายสุรชัยเหรอ”
“ไม่ใช่ครับ คนของเราที่ประกบไอ้อ๊อด บอกว่าไอ้อ๊อดเพิ่งมาถึงโรงแรมที่กาญเมื่อกี้นี้เอง”
“หรือว่าตำรวจได้ตัวไปแล้ว เราไปดูที่สถานีตำรวจดีกว่า”
ไอ้เม่นรีบสั่งการ
สมุนคนเดิมของไอ้เม่นเดินจากสถานีตำรวจมาที่รถตู้ที่จอดอยู่ ก่อนที่จะรายงานไอ้เม่น ที่นั่งรอ
อยู่ในรถ
“ตำรวจยังไม่ได้ตัวพวกมันครับ”
“มีมือที่สามเข้ามาสอด. พวกเอ็งออกไปตระเวณหาพวกมันให้ได้ ใครขวางเก็บซะ”
ทางด้านวินกับเอ ก็ถูกดันเข้ามาขังในห้องเดิมอีกครั้ง
“เราต้องหาทางหนีไปจากที่นี่ คราวนี้ถ้ามันได้เงินหรือไม่ได้เงิน มันไม่ปล่อยเราแน่”
เอ เดินไปเดินมาแล้วนั่งลงที่เตียง วินเดินไปนั่งข้างๆ
“ไหนๆก็ไม่รอดแล้ว คุณมีความในใจอยากจะบอกผมก็เชิญได้เลยนะครับ จิตใจจะได้สบายไม่มีห่วง”
เอจ้องหน้าวิน วินพยักหน้าพร้อมรับฟังเต็มที่ เออดยิ้มไม่ได้
“คุณปลื้มฉันไม่ได้ คุณจะอยากรู้ไปทำไม”
“การที่ผมปลื้มคุณไม่ได้ เป็นข้อแม้ของผมเอง แต่การที่ได้รู้ว่าผู้หญิงสวยน่ารักอย่างคุณมีความรู้สึกที่ดีต่อผม แสดงว่าผมเป็นผู้ชายที่โชคดีไงครับ”
“สรุปเป็นเพราะฉันโชคไม่ดีเอง ที่คุณไม่ปลื้มฉัน”
วินส่ายหน้าเบาๆ
“เป็นเพราะผมโชคไม่ดีมากกว่า ที่ตั้งข้อแม้ให้กับตัวเองมากไป”
“ไม่บอกดีกว่า” เอยิ้มชอบใจแล้วพูดต่อ “ขอบใจที่ชวนคุย จนทำให้ฉันหายกลัว”
“อย่างคุณมีกลัวใครด้วยเหรอครับ”
“ฉันก็เป็นแค่ผู้หญิงคนหนึ่ง ที่มีความกลัวและอยากได้รับการปกป้องจากผู้ชายเหมือนผู้หญิงทุกคนเหมือนกัน”
เอพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“งั้นผมจะปกป้องคุณเองครับ”
“แม้ว่าคุณจะไม่ปลื้มฉัน” เอย้อน
“ปกป้องคุณไม่ใช่เพราะผมปลื้มคุณ หรือเพื่อให้คุณปลื้มผมนะครับ”
“ฉันรู้ค่ะ” พูดพลาง เอก็เอนตัวเข้ามาพิงอกของวิน “ฉันแค่อยากหาที่พิงสบายๆคุณคงไม่หาว่าฉันจะทำให้คุณหลงนะ”
“ไม่ว่าหรอกครับ เพราะหลงไปเรียบร้อยแล้ว”
เอ ยิ้มหลับตาพริ้ม วินยิ้มตาม ทันใดนั้นมีเสียงก้องมาในหัว
“โน โน โน”
วินถอนใจ
ประตูห้องถูกเปิดออก สมุนของไอ้ป่านถือจานอาหารเข้ามาสองจาน
“กินข้าวซะ”
เอสะบัดหน้า “ไม่กิน”
“ดี เอ็งล่ะ” หันมาถามวิน
“กินครับพี่”
สมุนไอ้ป่านส่งให้วินหนึ่งจาน
“ผมขอสองจานเลยได้ปะ”
“ไม่ให้เว้ย”
คล้อยหลังที่สมุนไอ้ป่านเดินหัวเราะออกไป เอก็หันมามองวิน
“คุณกล้ากินเหรอ”
“พวกมันไม่ใส่ยาพิษฆ่าเราหรอกครับ ต้องให้ได้เงินก่อน”
“ฉันหมายถึง คุณกินลงเหรอ”
วินยิ้ม “ครับ ผมจะต้องกินเพื่อความอยู่รอด จะได้ปกป้องสาว”
เอค้อนวิน “โธ่เอ๊ย หิวก็บอกมาเหอะ ไม่ต้องมีดราม่า”
“ หิวครับ”
วินสารภาพเสียงอ่อย.
“พวกมันยังฉลาดให้เรามาพักที่โรงแรมตำรวจคงคาดไม่ถึง “
วินพูดพลางเดินไปหยุดตรงหน้าต่าง ค่อยๆแง้มม่านออกดู ก่อนจะพูดต่อ
“พวกมันยืนระวังเพียบ ผมว่าคุณพักนอนเอาแรงไว้จะดีกว่า เกิดมีวิ่งขึ้นมาจะได้ไปรอด”
เอ พยักหน้า ขึ้นไปนั่งบนเตียง เอนตัวพิงหัวเตียงไว้
“คุณจะให้ผมเล่านิทานให้ฟังก่อนนอนหรือเปล่า”
เอยิ้ม “ไหนลองซิ”
“มีชายคนหนึ่งหลงไหลสาวสวย แต่สาวสวยเป็น...”
วินยังเล่าไม่ทันจบ เอก็รีบร้องห้าม
“ไม่ต้องดีกว่า”
ประตูห้องโรงแรมห่างออกไปถูกเปิดออก ลูกน้องไอ้เม่นออกมายืนหน้าประตู แล้วก็ตะลึง
ตาค้าง เมื่อเห็นสมุนไอ้ป่านคุมเอกับวิน ออกมาขึ้นรถตู้ที่จอดอยู่
“ไอ้สองคนนั่นนี่หว่า”
จากนั้นสมุนของไอ้เม่น ก็รีบพรวดเข้าไปในห้องอย่างรวดเร็ว
รถตู้ของไอ้ป่านมาจอดข้างๆโครงการก่อสร้างที่รกร้าง จากนั้นทุกคนลงมาจากรถ
“มาแล้วลูกพี่”
สมุนไอ้ป่านหันมาบอกลูกพี่ ทันทีที่เห็นรถเก๋งคันหนึ่งวิ่งเข้ามาช้าๆ ในบริเวณก่อสร้างแล้วจอด “นายวิรัช” เอรำพึงกับตัวเองเบาๆ
นายวิรัชเปิดท้ายรถแล้วหยิบกระเป๋าอย่างเดิมออกมา ก่อนที่เดินไปที่ถังขยะหย่อนกระเป๋า
เงินลงไป จากนั้นก็กลับขึ้นรถขับออกไป
ไอ้ป่านรีบหันไปสั่งสมุน“เอ็งไปหยิบกระเป๋าเงินมา”
สมุนได้ป่านรีบวิ่งไปที่ถังขยะ แต่แล้วก็ต้องหยุดชะงัก เพราะมีรถตู้พรวดเข้ามาอีกด้านหนึ่ง
ประตูรถตู้เปิดออก พวกไอ้เม่นกับสมุนเดินลงมาจากรถ ท่าทางอุกอาจ
“เฮ้ยหยุด ส่งสองคนนั่นมาไม่ยังงั้นพวกเอ็งดับ” ไอ้เม่นตะโกนสั่ง
“บ้าที่สุด พ่อแกเล่นตุกติกอีกแล้ว คราวนี้ฉันไม่ปล่อยแกแน่”
ไอ้ป่านบ่นอย่างหงุดหงิด ก่อนที่จะตวัดปืนใส่เอ วินรีบปราดเข้าไปคว้าตัวเอ และเอาตัวเองบังไว้ ในขณะที่แก๊งไอ้ป่าน กับแก๊งไอ้เม่น ดวลปืนกันสนั่น
วินฉวย โอกาสกระแทกพวกมันคนหนึ่ง แล้วพเอวิ่งออกมา พวกมันสาดกระสุนไล่ตามอย่างถี่
ยิบ แต่ในที่สุดก็หลุดพ้นสายตาพวกมันไปได้
“พี่ ไอ้สองตัวนั่นหายไปแล้ว” สมุนไอ้เม่นตะโกนบอกลูกพี่
“รีบตามสองตัวนั่นไป” ไอ้เม่นสั่งการเสียงเข้ม
จากนั้นพวกไอ้เม่น ก็ยิงกราดแล้วขึ้นรถตู้พรวดออกไป ไอ้ป่านโผล่มามองอย่างตื่นเต้น
“พวกมันไม่รู้เรื่องเงิน ไม่ใช่พวกของพ่อนังนั่นนี่หว่า”
จบตอนที่ 4