xs
xsm
sm
md
lg

หนีก็ล่า ซ่าก็รัก ตอนที่ 1

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


หนีก็ล่า ซ่าก็รัก ตอนที่ 1

วิน ชายหนุ่มวัยยี่สิบต้นๆ ดีกรีนักเรียนนอกทางด้านโฆษณา กำลังหยิบหูฟังสีสันสวยงาม ที่ห้อยไว้เป็นตัวอย่าง มาแนบหูเพื่อเช็คคุณภาพของเสียง พลางขยับตัวเบาๆ เข้ากับจังหวะเพลงโรแมนติก

พลันก็มีมือสวยเอื้อมมาหยิบตัวอย่างอีกอันหนึ่งที่วางไว้ข้างๆ กัน เมื่อวินมองตามไป ก็ถึงกับใจเต้นโครมคราม เพราะเจ้าของมือนั้น สวยน่ารักเกินฝัน
ในขณะที่เจ้าของมือเรียวสวย คือเอ หญิงสาวสวยวัยยี่สิบต้นๆ ที่กำลังเอาหูฟังแนบหูกลับด้านโดยเอาด้านโค้งไว้ข้างล่าง เพื่อไม่ให้ผมยุ่ง พลางขยับตัวตามจังหวะเพลง
วินรู้ตัวว่าจ้องนานเสียมารยาทรีบหันกลับทำไม่รู้ไม่ชี้ ทั้งที่หัวจิตหัวใจ กำลังเต้นโครมคราม แล้วก็แกล้งทำไก๋ไม่มอง พลางขยับหูฟัง แต่แทนที่จะได้ยินเสียงเพลง ได้ยินเสียงหัวใจของตัวเอง วินค่อยๆหันไปมอง แต่เจ้าของมือสวยกลับอันตรธานหายไปแล้ว
วินแอบถอนใจ แต่แล้วสายตา ก็เหลือบเห็นถุงใบหนึ่งวางไว้ที่พื้นข้างๆ ตัว ชายหนุ่มกวาดสายตา
มอง ก็เห็นเอในระยะไกล กำลังเดินอยู่อีกด้านหนึ่ง วินคว้าถุงขึ้นมาแล้วเดินไปหาเอทันที
ในขณะที่เอ ที่กำลังเดินดูของอยู่ ทันใดนั้นก็มีชายสองคนแต่งตัวเรียบร้อย เดินเข้ามาประกบทั้งสองข้าง หญิงสาวขยับตัว แต่กลับถูกผู้ชายหนึ่งในสองเอาปืนจิ้มที่เอว
“เฉยไว้”
เอ สะบัดตัวหนี แต่กลับถูกผู้ชายสองคนนั้น ฉุดแขนไว้คนละข้าง ทันใดนั้นก็มีถุงฟาดเข้าที่หน้าของทั้งคู่โครมใหญ่ จนพวกมันถึงกับกระเด็นไป เอรีบฉวยจังหวะนี้วิ่งหนีออกมาทันที
ในขณะที่วินโชว์ชั้นเชิงเทควันโด ในลักษณะ 2 รุม 1 จนนกระทั่งพลาดท่าถูกยิง จนล้มฟุบลงไป ชายสองคนหนีไป วินขยับตัวลุกขึ้นนั่ง เอามือแตะที่ด้านขวาบริเวณขมับเห็นเลือดติดมือมา สายตาเริ่มพร่าพราย ก่อนที่จะค่อยๆมืด แล้วก็ดับวูบลงไป


“โชคดีนะครับกระสุนถากไปแค่นั้นเอง แต่บังเอิญไปถูกเส้นประสาทเลยทำให้คุณช็อก สลบไป เรียบร้อยแล้วครับ”
หมอเอ่ยกับวิน หลังจากที่ปิดพลาสเตอร์เป็นขั้นตอนสุดท้าย
“ขอบคุณครับ”
พลันเสียงเคาะประตู ก็ดังขึ้น
“เชิญ”
จากนั้นพยาบาลสาว ก็เดินนำหน้านายประสิทธิ์ หนุ่มใหญ่ ที่แต่งกายภูมิฐาน เข้ามาในห้อง นายประสิทธิ์จ้องมาที่วิน จนชายหนุ่มสงสัย
“ขอเวลาผมหน่อยได้มั้ยครับคุณหมอ”
นายประสิทธิ์หันมาคุยกับหมอ หมอพยักหน้าเดินออกพร้อมกับพยาบาล จากนั้นนายประสิทธิ์ก็หันมามองวิน
“สวัสดีครับคุณวิน ผมชื่อประสิทธิ์ ขอบคุณที่ช่วยลูกสาวผม”
“ไม่เป็นไรครับ” วินตอบยิ้มๆ
“ตอนนี้มีนักข่าวมาดักรอคุณอยู่ด้านหน้าเพื่อสัมภาษณ์ความสัมพันธ์ของคุณกับลูกสาวผม” นายประสิทธิ์เอ่ยตรงๆ
“ผมไม่รู้จักลูกสาวคุณด้วยซ้ำ”
“ถ้างั้นคุณคงไม่รังเกียจถ้าผมพาคุณออกไปทางด้านหลัง ผมไม่อยากให้ลูกสาวต้องเสื่อมเสีย”
วินจ้องหน้านายประสิทธิ์ พลางคิดถึงภาพของสาวสวยที่มายืนฟังเพลงอยู่ข้างๆ เขา แล้วก็ตอบอย่างเต็มใจ
“ได้ครับ”
นายประสิทธิ์พยักหน้าอย่างพอใจ

คนขับรถนำรถเก๋งคันหรูของนายประสิทธิ์มาจอดตรงศูนย์การค้าเดิมที่วินจอดรถอยู่ วินกับนายประสิทธิ์ นั่งอยู่ด้วยกันทางด้านหลัง
“ผมต้องขอบคุณอีกครั้งหนึ่งที่ให้ความร่วมมือ”
“เอ้อ ลูกสาวคุณเป็นยังบ้างครับ” วินถามด้วยความสนใจ
“ไม่เป็นไรครับ ก็ตกใจนิดหน่อย”
พูดพลางยื่นเช็คส่งให้วิน
“นี่คือเช็คเงินสดหนึ่งแสนบาท กรุณาอย่าติดต่อผมหรือว่าลูกสาวผมอีก”
วินจ้องหน้านายประสิทธิ์ แล้วปฏิเสธยิ้มๆ
“เก็บเงินของคุณไว้เถอะครับ แล้วกรุณาอย่าให้ผมได้เห็นหน้าคุณอีก”
จากนั้นก็เปิดประตูออกไป ก่อนที่จะปิดอย่างแรง นายประสิทธิ์มองตามวินไปอย่างคาดไม่ถึง

สามเดือนผ่านไป ที่งานเปิดตัวเครื่องดื่มหรูชนิดหนึ่ง ภายในงานหนุ่มสาววัยรุ่นไฮโซกำลังยืนจับกลุ่มสังสรรค์กันอยู่อย่างออกรส
ในขณะที่บนเวที วงดนตรีคลาสสิกขนาดเล็ก ที่มีสาวสวยสีไวโอลินสามคนกับนักเปียโนหนุ่มหนึ่งคน กำลังเล่นเพลงจังหวะสมัยใหม่สุดฮิต วินถือแก้วน้ำส้มเดินผ่านผู้คนไปยังประตูที่เปิดออกไปสู่ระเบียงด้านนอก พลางกวาดสายตามองออกไปยังแม่น้ำ ชายหนุ่มยิ้มแล้วถอนใจ พร้อมๆ กับที่เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น วินรีบรับสาย
“ว่าไงโจ อยู่ที่งานเปิดตัว มีแต่หนุ่มสาวไฮโซลูกคนใหญ่โต คุยอวดแบรนด์เนมกันน่าเบื่อว่ะ”
ในขณะที่อีกด้านหนึ่ง คือโจ ที่เป็นเพื่อนสนิทของวินนั่นเอง
“ปิ๊งสาวคนไหนหรือยัง”
“โห จีบไม่ไหวหรอก นายก็รู้ฉันไม่ชอบพวกคุณหนูที่เอาแต่ถลุงเงินของทางบ้านที่ทำธุรกิจไม่ซื่อ แบบว่าหน้าตาเฉย”
“ฉันมองหาอยู่ว่ะ”
โจ แกล้งทำเสียงจริงจัง แล้วทั้งคู่ก็ขำขึ้นมาพร้อมกัน วินพูดต่อ
“นายก็รู้คุณหนูพวกนี้ไม่สนคนธรรมดาๆ จนๆ บ้าอุดมการณ์ อย่างฉันหรอกเพื่อน”
“ฉันก็ว่ายังงั้น” โจเห็นด้วย “ว่างๆอย่าลืมแวะมาที่คลับมั่ง”
วินรับคำ “โอเค แล้วจะหาเวลาแวะ ไป บาย”
วินวางสายยังอดขำไม่ได้ พลันหูก็แว่วเสียงผู้หญิงคุยโทรศัพท์อยู่ไม่ไกล
“ได้เลย”
เมื่อหันไปตามเสียง ก็เห็นเอกำลังพูดโทรศัพท์ มือข้างหนึ่งถือแก้วน้ำส้มอยู่“เอาไว้จะโทรไปหาแล้วนัดกันอีกที โอเค see you soon”
เอวางสาย แล้วมองมาทางที่วินยืนอยู่ วินจ้องกลับ ก็พบสายตาสวยคู่หนึ่งจ้องตรงมา ใบหน้าสวย
คมคาย วินถึงกับจ้องอย่างลืมตัวแล้วจู่ๆ สาวสวยก็เอ่ยขึ้นมาปลุกให้วินตื่นจากภวังค์“วิวสวยดีนะคะ”
“ครับ”
วินรับคำแบบอึ้งๆ ก่อนที่จะลอบสังเกตเอแบบชัดๆ หญิงสาวอยู่ในชุดแซ็กสั้นสีดำ สายสปาเก็ตตี้คอเสื้อกว้านลึก เอเดินเข้ามายืนใกล้ๆ มีแก้วน้ำส้มอยู่ในมือ พลางกวาดสายตามองวิวรอบๆ ลมพัดจากแม่น้ำพัด มาเฮือกหนึ่ง เอเอามือข้างหนึ่งลูบไหล่ตัวเองเมื่อถูกลม วินเห็นจึงถอดเสื้อนอกคลุมให้ เอ ยิ้มแล้วชำเลืองมอง
“ขอบคุณค่ะ คุณสุภาพบุรุษ”
วินยิ้มให้เอ พลางยกแก้วน้ำส้มในมือขึ้นตรงหน้า ก่อนที่ทั้งคู่ จะยกแก้วชนกัน ต่างคนต่างจิบน้ำ
ในแก้วของตัวเอง แล้วยิ้มให้กัน
“เอ ค่ะ”
เอ เริ่มต้นแนะนำตัวเองก่อน จากนั้นวินก็แนะนำตัวเองบ้าง
“ผม วินครับ”
“แม่น้ำสวย เสียดายที่สกปรกขึ้นทุกวัน”
“ไม่มีใครสนใจหรอกครับ”
เอหันมามองแล้วยิ้มให้ พลางยกแก้วน้ำส้มขึ้นจิบ
“ฟังดูเหมือนคุณเป็นคนมีอุดมการณ์”
วินจ้องเออยู่อึดใจ ก่อนที่จะยิ้มเบาๆ แล้วส่ายหน้า
“ส่ายหน้า แปลว่าฉันพูดผิด”
วิน ยิ้ม “ส่ายหน้าเพราะคิดว่าผมไม่ควรที่จะคุยกับคุณเรื่องไร้สาระพวกนี้ จริงๆแล้วผมไม่ควรจะ
คุยกับคุณเลย”
“อ้าว”
เอ มองวินอย่างสงสัย พลางยืนนิ่งเหมือนรอฟังคำพูดต่อไป
“คุณต้องรู้แน่ๆว่าคุณเป็นคนสวย หลังจากวันนี้ผมคงไม่มีวันได้เจอคุณอีก”
เอ ยิ้ม ดวงตาเป็นประกาย ยิ่งสวยมากขึ้นในสายตาของวิน “แน่ใจหรือว่าอยากเจอ คุณอาจกำลังคุยกับคุณหนูที่เอาแต่ถลุงเงินของทางบ้านที่ทำธุรกิจไม่ซื่อ แบบว่าหน้าตาเฉยนะคะ”
วินอึ้ง อย่างคาดไม่ถึง “อ้อ คุณได้ยิน”
เอยิ้ม พยักหน้าเน้นๆ วินหน้าเจื่อน
“อืม แบบนี้คงไม่ได้เจอคุณชัวร์”
เอยิ้มกลั้น “คุณพูดถูก คุณหนูไฮโซไม่สนคนธรรมดาๆ จนๆ บ้าอุดมการณ์อย่างคุณหรอกค่ะ”
วินพยักหน้า ยอมรับ ในขณะที่เอมองวินอยู่ชั่วอึดใจ แล้วตัดสินใจถาม
“เอ แปลกใจอยู่ว่าคุณหนูคนไหนชวนคุณมา”
“ผมเป็นครีเอทีฟทำโฆษณาเครื่องดื่มที่เปิดตัวคืนนี้ มาเพราะลูกค้าเชิญไม่ใช่คุณหนูชวนมา
หรอกครับ”
เอยิ้ม แล้วทั้งคู่ก็สบตากัน ก่อนที่จะได้ยินเสียงฝีเท้าดังใกล้เข้ามา ก่อนจะหยุดอยู่ข้างๆ เอ
“คุณเอ หลบมาอยู่นี่เอง ผมหาแทบแย่”
ชายหนุ่มไฮโซ ที่ชื่อพอล เดินเข้ามายืนใกล้เอ เอยิ้มให้ ในขณะที่พอลจ้องหน้าวินอย่างสงสัย ด้วยไม่คุ้นหน้าในแวดวงไฮโซ
“ขอตัวนะครับ”
วินเอ่ยขึ้นด้วยท่าทีสุภาพ ก่อนจะเดินผ่านเอกับพอลเข้าไปด้าน หากเอ รีบท้วงขึ้น
“เดี๋ยวค่ะ”
เมื่อวินหันไป เอก็ยื่นเสื้อคืนให้ “ขอบคุณค่ะ”
วิน พยักหน้ารับ แล้วยิ้มให้เจ้าของดวงตาคู่สวย
“กู๊ดบายครับ”
วินก้มหัวให้เล็กน้อย แล้วหันหลังเดินเข้าไปด้านใน เอมองตามวินอย่างครุ่นคิด แววตาเป็นประกาย

ด้านในงานเลี้ยง หนุ่มสาวไฮโซ กำลังสนุกอยู่กับการเต้นรำอยู่กลางฟลอร์ มีบริกรสาวเดินถือถาด
คอยบริการแขกที่ยืนอยู่รอบๆ
วินยืนหลบมุมอยู่ในมุมหนึ่ง ถือแก้วไวน์อยู่ในมือ มองจ้องไปที่โต๊ะ ที่มีกลุ่มหนุ่มสาวไฮโซรวมกลุ่ม
อยู่ หนึ่งในนั้น คือเอ ที่ยิ้มหวาน พร้อมๆ กับที่ยกแก้วชนกับเพื่อนๆที่นั่งอยู่ที่โต๊ะนับสิบ ล้วนเป็นสาวสวยและหนุ่มไฮโซ
วินจ้องเอ ตาไม่กระพริบ
“จ้องตาเป็นมันเลยนะพี่วิน”
พิณ ที่นั่งอยู่ข้างๆ แกล้งแหย่
“ก็แค่เช็คซีนดู แค่นั้นเอง”
“อย่าเล้ย หนูเห็นพี่เช็คอยู่คนเดียว”
“ไปดูแลงานลูกค้าให้เรียบร้อยซะไป” วินไล่พิณดื้อๆ
“เสร็จหมดแล้วพี่”
วินมองเห็นเอยิ้มหัวเราะท่ามกลางเพื่อนฝูง พิณอธิบาย
“นั่นคุณเอ ลูกสาวนายประสิทธิ์ เป็นนักธุรกิจเล่เหลี่ยมเล่นไม่ซื่อร่ำรวยหลายพันล้าน
พี่เคยเม้าท์ไว้ไม่ใช่เหรอไม่สนคุณหนูลูกคนรวยพวกไม่ซื่อพวกนี้”
วิน สีหน้าเคร่งเครียด
“นายประสิทธิ์”
พลางย้อนนึกถึงเหตุการณ์ตนที่นายประสิทธิ์ยื่นเช็คเงินสดให้ “แล้วพี่เห็นผู้ชายคนนั้นหรือเปล่า คุณพอลไฮโซเซเลบ ลือกันว่าเป็นแฟนคุณเอ”
พิณขยายความตามข่าวที่ได้ยินมา
“ขอบใจที่บอก เมคชัวร์ว่าลูกค้าแฮปปี้ โอเค”
วินเปลี่ยนเรื่องฉับ ทำทีเป็นไม่สนใจ แล้วก็ลุกเดินออกไปทันที

จากนั้นวินก็มายืนรออยู่หน้าคลับ พนักงานจอดรถขับรถมาจอด แล้วลงมาเปิดประตูรถให้ วินส่งทิปให้พนักงาน แล้วขึ้นรถ พลางถอนใจ แล้วรำพึงกับตัวเองเบาๆ
“วินเอ๊ยวิน เลิกคิดไปได้เลย”
แล้วก็ขับรถออกไปทันที

บรรยากาศในผับคึกคัก ผู้คนมีระดับกำลังดื่มกินเต้นกันอย่างสนุกสนาน โจ ยืนมองด้วยความพอใจ
และเมื่อหันไปเห็นร่างของวินเดินเข้ามา โจก็ยิ้ม ก่อนที่ทั้งคู่จะกอดทักทายกัน โจพาวินเดินไปยืนคุยที่บาร์
“นึกว่างานเปิดตัวอะไรของนายจะเลิกดึกซะอีก”
โจเอ่ยทัก วินไม่ตอบ แต่กลับบอกจุดประสงค์ของการมา
“เฮ้อ อยากดริ๊งว่ะ”
โจโบกมือ แล้วหันไปสั่งบาร์เทนเดอร์ ที่เดินเข้ามารับออเดอร์
“แมคเคเลน สอง นีท “
บาร์เทนเดอร์พยักหน้าแล้วเดินออกไป
“ท่าทางนายเหมือนคนแบกโลก”
โจ ตั้งข้อสังเกต วินได้แต่ถอนใจ บาร์เทนเดอร์เอาสก๊อตยี่ห้อที่สั่งมาให้สองแก้ว โจยกขึ้นจิบ แต่วินกระดกรวดเดียวหมด
“แบบนี้ต้องเจอสาวแน่ๆ”
โจเดา วินพยักหน้า
“คนที่ฉันเคยเล่าให้ฟัง”
“หา”
วินพยักหน้า พลางถอนหายใจ
“เขาจำฉันไม่ได้ซะด้วยซ้ำ แต่งตัวสวยจนฉันเองก็จำเขาไม่ได้ พอพิณเอ่ยชื่อนายประสิทธิ์ขึ้นมาถึง
นึกออก”
“อย่างนี้ต้องอีกหนึ่ง”
โจ เชื้อเชิญ แต่วินรีบปฎิเสธ
“โน แก้วเดียวพอ จบแก้วนี้ถือว่าทุกอย่างจบ สาวสวยคนนี้ จะสลายตัวไปจากความคิดของฉัน”
“เคยได้ยินมั้ย ยิ่งหนียิ่งเจอ”
โจ กระเซ้า วินพยักหน้า ไม่พูดอะไรต่อ

เสียงดนตรีทันสมัยลั่นมาจากรถหรูของพอลที่วิ่งมาจอดหน้าบ้าน พอลกดรีโมทให้ประตูเปิด แล้วขับรถเข้าไป เอ แหงนหน้ามองหน้าต่างชั้นบน เห็นไฟยังเปิดอยู่ พอลขับรถเข้าไปจอดตรงหน้าบ้านหลังใหญ่
ก่อนที่จะดับเครื่องเสียง แล้วเปิดประตูก้าวออกมาจากรถ อ้อมมาเปิดประตูให้เอลงมาจากรถ เอเดินเซเล็กน้อย
เพราะมึนศีรษะ
“แท้งกิ้ว กู๊ดไนท์”
พอลหน้าเหวอ “แค่เนี้ยะ”
เอยิ้ม พลางยกมือแตะที่ปากของตัวเอง ทำท่าส่งจูบให้
“จุ๊บๆ”
พอลขยับตัวเข้าใกล้จนหน้าชิด พลางยิ้มมีความหมาย แต่เอกลับดันอกให้ห่างออก
“กู๊ดไนท์ พอล”
พอลถอนใจ แล้วจำใจเดินถอยออกห่าง
“คบกันมาหกเดือนแล้วนะ เอยังไม่ยอมสนิทกับผมเลย”
เอ ยิ้ม “โห ขนาดให้รีโมทเปิดประตูเข้าบ้านแล้วยังไม่สนิทอีกเหรอ”
“คุณเอให้รีโมทผม เพื่อให้คุณเอเข้าบ้าน ได้สะดวกต่างหาก”
เอไม่เถียง ยื่นมือแบไปตรงหน้า “คืนมา”
พอลยื่นรีโมทคืนให้เอ แล้วยิ้มเจื่อนๆ “กู๊ดไนท์”
จากนั้นก็ขึ้นรถ แล้วสตาร์ทเครื่อง เสียงเพลงดังกระหึ่มขึ้นมาอีกครั้ง ก่อนที่ขับรถออกไป เอ โบกมือตามหลัง พร้อมๆ กับที่ประตูหน้าบ้านเปิด เอหันไปมอง เห็นนายประสิทธิ์ยืนอยู่ตรงประตูบ้าน เอถอนใจแล้วเดินขึ้นบ้านโดยไม่พูดไม่ทักผู้เป็นบิดา นายประสิทธ์มองตามปิดประตูโครม
เอ ก้าวยาวๆผ่านห้องรับแขก ตรงไปยังบันไดเพื่อขึ้นไปยังห้องนอน หากนายประสิทธิ์รีบเรียกไว้
“เดี๋ยว”
เอหันกลับมาจ้องหน้าบิดา นายประสิทธิ์จ้องหน้าตอบ
“สองล้าน เอ บริจาคสองล้านให้มูลนิธิเด็ก”
เอ ยิ้ม พลางยักไหล่แบบไม่แคร์
“ทำบุญไงคะคุณพ่อ ชาติหน้าจะได้เกิดมาทำธุรกิจแบบซื่อตรงต่อสังคม”.“พ่อจะตัดเงินทั้งหมดในบัญชีของเอ บัตรเครดิตทุกอย่าง”
นายประสิทธิ์ขู่
เอจ้องหน้านายประสทธิ์อึดใจ แล้วยิ้มแบบไม่แคร์
“หนูจะแถลงข่าว ว่ารายได้ของคุณพ่อมาจากไหนบ้าง วิธีไหน”
นายประสิทธ์ถึงกับพูดไม่ออก เอหันหลังเดินต่อไป ได้เพียงสองก้าว ก็เจอสาวสวยหุ่นเซ็กซี่ อายุรุ่นราวคราวเดียวกัน เดินถือถ้วยกาแฟเข้ามาในห้องรับแขก
“ต๊าย คุณเอ เมามาอีกแล้วหรือจ๊ะ เอากาแฟมั้ยจ๊ะ จะเรียกคนมาจัดการให้”
ซินดี้ทักทายเอ ด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูก็รู้ว่าเสแสร้ง
“อย่าดัดจริตซินดี้ เธอแก่กว่าฉันแค่ปีเดียว”
พูดจบ เอก็ก้าวฉับๆขึ้นบันไดชั้นบน ซินดี้ยักไหล่เดินมาหานายประสิทธ์
“กาแฟค่ะป๋า”
นายประสิทธิ์มองซินดี้ ไม่พูดไม่จา แล้วเดินออกไปทันที ซินดี้หันไปค้อนตามหลังเอ แล้วเดินตามนายประสิทธิ์ออกไป

บ้านของวิน เป็นบ้านสไตล์ทันสมัย ไม่หรูหราจนเกินตัว รอบบ้านร่มรื่นด้วยต้นไม้นานาพันธุ์ มีสระว่ายน้ำด้านหนึ่งของบ้าน วินเดินเข้ามาในห้องอาหาร ในขณะที่ทอม ผู้เป็นบิดา ในวัยสี่สิบกว่าๆ นั่งอยู่ที่โต๊ะ บนโต๊ะมีถ้วยกาแฟ จานขนมปัง เบคอนไส้กรอกวางเรียบร้อย แนนน้องสาวของวิน กำลังเอาจานไข่ดาวมาวางไว้ให้
“แท้งกิ้ว”
ทอมหันไปยิ้มให้ลูกสาว
“เวลคัม”
วินนั่งลงที่โต๊ะ พลางเอ่ยทักผู้เป็นบิดา
“ ไฮ แด๊ด”
“ไฮ ซัน”
แล้วพ่อกับลูกก็ยิ้มให้กัน ทอมยกแก้วกาแฟขึ้นจิบ แนนเอาจานไข่มาวางให้วิน
“แท้ง ซิส”
“เวลคัม”
แนนยิ้มให้พี่ชาย ก่อนที่จะเดินย้อนไปที่เคาน์เตอร์ครัว พลางหยิบจานของตนมาวางนั่งทานด้วยกัน เป็นบรรยากาศยามเช้าระหว่างพ่อ-ลูก ที่อบอุ่น และมีความสุข
“ไงลูก อยู่เมืองไทย ทำงานเมืองไทย” ทอมหันมาถามวิน
“อเมซิ่งไทยแลนด์ครับ สยามเมืองยิ้มแต่ไม่ค่อยเห็นใครยิ้มเลย”

“เอาน่า คนไทยไม่เหมือนฝรั่งเจอหน้าใครก็เซย์ไฮทักไปทั่ว ต้องปรับตัวหน่อย”
แนนรีบเสริม
“ใช่ ต้องประจบเยอะๆ ปากกะใจไม่ต้องตรงกัน ไปสายๆ กลับ ดึกๆ จะได้ดูเหมือนขยัน”
วินขำแล้วลุกขึ้นจากโต๊ะ
“นี่ไงสายแล้ว ขอตัวก่อนครับ”
จากนั้นก็หยิบจานไปวางไว้ที่ซิงค์ในครัว เดินผ่านแนน พลางเอามือยีศีรษะน้องสาว
“ขอบใจนะยัยแนน สำหรับมือเช้า”
“อย่าลืม ทิป ค่าจ้าง เอาหมด”
วิน ยิ้มขำ “โอเค ไปแล้วครับพ่อ”
ทอมยกมือชูสองนิ้วให้ลูกชาย “สู้ๆลูก”
วินทำหน้าเซ็งใส่แล้วเดินออกไป แนนหันมาทางบิดา แล้วออกปาก
“หนูเดาได้เลย งานนี้แค่เดือนเดียวต้องถูกไล่ออก”
ทอมถอนหายใจ
“เฮ้อ สงสารวินต้องกลับมาอยู่เมืองไทยเพราะพ่อไม่สบายแท้ๆ”
แนนแกล้งทำหน้างอ “อ้าวแล้วไม่สงสารหนูเหรอ”
“อย่ามั่วนิ่ม หนูอยู่เมืองไทยกับพ่อมาตั้งแต่เกิด ต้องสงสารพ่อมากกว่า”
แนนยิ้ม พลางลุกขึ้นหยิบจานของทอมไปที่ซิงค์ จากนั้นก็เดินเข้ามาข้างๆ ทอม“ฝากบอกป้านิ่มว่าเย็นนี้ทานสเต๊กนะคะ”
“โอเค.”
“ขอบคุณค่ะ”
แนนหอมแก้มทอมแล้วเดินออกไป
“Have a good day ลูก”
ทอมอวยพรลูกสาว ก่อนจะยกกาแฟขึ้นจิบ

วิน พิณ แอน เดินเข้ามาในห้องประชุม ก่อนจะทรุดตัวลงนั่งตรงข้ามกับคุณวิเชียร ซึ่งเป็นกรรมการผู้จัดการเอเจนซี่โฆษณาแห่งนี้
“ผมอยากให้พวกคุณใจเย็นๆกับลูกค้าหน่อย เขาจะมีไอเดียยังไง ก็ฟังๆเห็นด้วยไปก่อน”
วิน พิณ แอน พร้อมในกันถอนหายใจเบาๆ ในจังหวะเดียวกับที่ประตูห้องเปิดผลัวะออก เฮียโต๋ ที่เป็นลูกค้ารายใหญ่เดินเข้ามา
“โทษทีครับ ผมมาสาย”
คุณวิเชียร รีบยิ้มให้อย่างเอาใจ “ไม่เป็นไรครับ”
เฮียโต๋เดินเข้ามายืนตรงหน้าห้องประชุม แทนที่จะนั่งที่หัวโต๊ะ
“ผมอยากได้โฆษณาที่ลดราคาสินค้า นอกจากลดแล้ว ยังมีสิทธิส่งชิ้นส่วนเข้าชิงรางวัลรถมอเตอร์ไซด์ หรือไม่ก็ทอง”
วิเชียรประจบเต็มที่
“กู๊ดไอเดียครับ คนชอบชิงโชคลุ้นรางวัลอยู่แล้ว ผมเห็นบางทีส่งมาเป็นกองๆ ได้รับความสำเร็จมาก”
วิน ที่นั่งอยู่กับพิณ ต่างลอบสบตากันอย่างอ่อนใจเฮียไต๋พูดต่ออย่างอวดภูมิ“ผมเวิร์คไอเดียมาด้วย นึกภาพตามนะครับ ไฮโซกำลังขับรถหรูอยู่ เห็นป้ายลดราคายาสระผม
ของผมลดราคา 5 บาท โฮโซตื่นเต้นมัวแต่มองป้าย ขับรถชนท้ายรถคันหน้าโครม ภาพค้าง เสียงโฆษก พร้อมตัวหนังสือ ยาสระผม ลดพิเศษ 5 บาทพร้อมชิงทอง”
เฮียไต๋ยิ้มอย่างภาคภูมิใจในไอเดียของตน “ผมว่าดีนะครับ”
วิน ที่ทนฟังอยู่นาน รีบแย้งขึ้น
“คุณขายสินค้าระดับไฮโซ ผมว่าแค่ 5 บาท ไฮโซไม่หันจนรถชนหรอกครับ แค่ค่าซ่อมรถ ก็ไม่คุ้มแล้ว เสียฟอร์มอีกต่างหาก”
เฮียโต๋จ้องวิน สีหน้าไม่พอใจย่างแรง คุณวิเชียรรีบประจบ
“ผมว่าไอเดียดีนะครับ สุดยอด”
พูดพลางเหล่มาทางวิน วินยิ้มแห้งๆ แล้วรีบขอตัว
“ขอตัวก่อนนะครับ ปวดฉี่”
พิณ กับ แอน มองหน้ากัน แล้วกลั้นหัวเราะ เมื่อวินเดินออกจากห้อง เฮียโต๋ก็มองหน้าคุณวิเชียร
เป็นเชิงตำหนิ ในขณะที่คุณวิเชียรมองตามวินสีหน้าไม่พอใจ

ทางด้าน เอ ที่ยังคงนอนหลับสบายอยู่บนเตียง พลันโทรศัพท์มือถือที่วางอยู่ที่โต๊ะข้างเตียง
ก็สั่นครืดๆ เอรีบใช้มือไขว่ควานหา แล้วกดรับสาย ทั้งที่ตายังปรือ
“ฮัลโหล โอเค. โอเค. เจอกัน”
เอวางสาย แล้วก็คลุมโปงต่อ

พิณ กับ แอน หัวเราะกันเสียงขรม
“ขอโทษครับ ปวดฉี่”
พิณแกล้งยกคำพูดของวินมาแหย่ วินยิ้ม แอนเล่าต่อให้เพื่อนร่วมงานอีกสองสามคน ที่นั่งอยู่ด้วยกันฟัง ทั้งหมดนั่งคุยกันอยู่ในร้านอาหารใกล้ๆ กับออฟฟิศ
“เฉิ่มเป็นบ้า ลดแค่ 5 บาท ไฮโซที่ไหนจะหัน ทิปคนเสิร์ฟยังเกิน”
พิณรีบท้วง “ฉันว่าเฮียโต๋ ไม่เคยทิป”
แล้วทั้งหมดหัวเราะกันอย่างเห็นเป็นเรื่องขำ ในขณะที่วินได้แต่ยิ้มน้อยๆ แล้วจู่ๆ ก็มีเสียงหนึ่งดังแทรกขึ้นมา
“ว่าไงพิณ”
เมื่อทั้งหมดหันไปมอง ก็พบกับเจ ซึ่งเป็นครีเอทีฟอีกกรุ๊ปหนึ่งยืนอยู่ “หวัดดี พี่เจ มาคนเดียวเหรอ”
“มากับ ทัช กับ ฝุ่น อยู่โต๊ะโน้น ไงคุณ วิน”
วินพยักหน้ายิ้มให้ เจพูดต่อ
“นี่พิณ บ่ายนี้ทีมพี่มีถ่ายภาพนิ่ง คุณพอล ขวัญใจเราแน่ะ”
พิณตาวาว “จริงเหรอ สินค้าอะไร”
“รองเท้าแบรนด์ต่างประเทศน่ะ ทีมพี่ทีมอินเตอร์ ทำแต่แบรนด์ต่างประเทศ” พูดพลางปรายตามองมาทางวิน
“น่าอิจฉา” แอนพูดขึ้นบ้าง เจยิ้มกวนๆ
“ความจริงกลุ่มคุณวิน น่าจะได้ทำสินค้าอินเตอร์มั่งนะ คุณวิน อุตส่าห์จบมาจากนอก”
พิณกับแอนชำเลืองมองวิน
“ขอบคุณที่เป็นห่วงครับ ตอนอยู่เมืองนอก ก็ทำแบรนด์พวกนี้อยู่แล้วครับ แต่ที่คุณคิดว่าทำ
แบรนด์นอกแล้วจะเป็นทีมอินเตอร์น่ะ ผมว่าคุณเข้าใจผิดแล้วครับ”
เจมองหน้าอย่างไม่พอใจ ดึงเก้าอี้ที่ว่างนั่งลง พลางมองหน้าวินอย่างขัดอารมณ์“ผมเข้าใจผิดยังไง ก็สินค้าผมเป็นสินค้าอินเตอร์
พิณกับแอนมองหน้ากันสีหน้าไม่ค่อยดี วินพูดต่อ
“ใช่ สินค้าเป็นอินเตอร์ แต่กลุ่มเป้าหมายเป็นคนไทย โฆษณาออกมาเป็นภาษาไทย ถ้าจะอินเตอร์ต้องหมายถึงทำให้ คนต่างประเทศดู เช่น อเมริกา ยุโรป ถ้า เอเซียก็ ประมาณญี่ปุ่น เกาหลี
หรือว่า จีน โฆษณาต้องออกมาตามพฤติกรรมผู้ซื้อและภาษาของแต่ละชาติโดยตรงเพื่อให้คนของประเทศนั้นเข้าใจ”
“อย่างน้อยสินค้าผมก็เป็นแบรนด์อินเตอร์บัทเจทเยอะกว่า” เจไม่ยอมแพ้
วิน ยิ้มเหยียดๆ “ขอแสดงความยินดีด้วย”
พิณรีบสวนขึ้นมาเพื่อเปลี่ยนบรรยากาศ
“งั้นพิณแวะไปดูคุณพอลถ่ายรูปนะ จะขอลายเซ็นซะหน่อย”
“ได้ พี่ขอตัว”
เจลุกขึ้นเดิน พลางมองหน้าวิน ด้วยความไม่พอใจ วินจ้องตอบอย่างไม่ยอมแพ้ เมื่อคล้อยหลังเจ แอนก็รีบท้วงขึ้น
“โธ่ พี่วิน ไปขัดทำไมก็ไม่รู้ เขาอยากคุยโวก็ให้คุยไป”
“พี่ขัดอะไรที่ไหน หวังดีต่างหาก ขืนไปคุยกับฝรั่งถูกฝรั่งหัวเราะเยาะตาย ขายหน้าคนไทยเปล่าๆ พี่ขอตัวก่อนนะ”
พิณกับแอนพูดขึ้นมาพร้อมกัน“ปวดฉี่”
วินหันมายิ้มแล้วเดินออกไป พิณกับแอนส่ายหน้า ในความตรงจนมากเกินไปของวิน



ทางด้านเจ เดินมานั่งที่โต๊ะของตัวเอง มีฝุ่นกับทัช นั่งอยู่ก่อนแล้ว
“หมั่นไส้นายวิน จบนอกจะเก่งซักแค่ไหน”
ฝุ่นคล้อยตาม “นั่นนะซิ ผมเจอมาหลายคนแล้วไม่เก่งเท่าไหร่หรอกพี่”
ทัช รีบเสริม
“ผมว่าคนไทยเก่งกว่านะพี่ ดูอย่างหนังซิหนังฝรั่งเรื่อง เอเวนเจอร์ อวาทาร์ ทุนบิ๊กทำเงินทั่วโลก สองสามหมื่นล้าน มาฉายเมืองไทย ยังแป้ก เจอหนังไทยทุนเล็กๆทำรายได้บ้านเราเยอะกว่าอีก ผมว่าคนดูเมืองไทย รสนิยมดีกว่าฝรั่งเยอะ”
“ใช่ ผมว่านะ ไม่เห็นต้องไปเรียนเมืองนอกให้เมื่อยเลย”
เจแค่นยิ้ม “นั่นน่ะซิ ไอ้พวกนักเรียนนอก เผลอๆ ก็ไปลุยจ๊อบผัดก๋วยเตี๋ยวขาย ไม่ได้ไปลงไปเรียน
หรอก”
แล้วทั้งหมด ก็หัวเราะขึ้นมาพร้อมกัน
“พี่ไปก่อนนะ แล้วเจอกัน มื้อนี้พี่เลี้ยง”
พูดพลาง เจก็ลุกเดินออกไปจากโต๊ะ ทัชหันมาทางฝุ่น
“เฮ้ย ถามจริง”
ฝุ่นข้องใจ “ถามไร”
“ถ้านายได้ทุนไปเรียนเมืองนอก นายไปมั้ยวะ”
“ใครไม่ไปก็โง่แล้ว ลุยจ๊อบผัดก๋วยเตี๋ยวยังเอาเลย”
พูดจบฝุ่นก็หัวเราะเสียงดัง ทัชหัวเราะตาม

ที่ร้านอาหารหรู อีกแห่ง แก้วน้ำผลไม้หลากสี เคลื่อนเข้ามาชนกันตรงกลาง เสียงเชียร์สดใสหลาย เสียงดังขึ้น ทุกคนต่างยกแก้วขึ้นจิบ
“คิดจะกลับไป อเมริกาหรือเปล่า”
เจ้าของคำถามคือโม ที่หันมาทางเอ
“ไม่แน่ แต่ตอนนี้ยัง”
“ทำงานให้พ่อ you เหรอ” วุ้นถามขึ้นบ้าง
เอส่ายหน้าเบาๆ “ โน ฉันจะทำงานของฉันเอง”
วุ้น ตาโต “ล้อเล่นน่าพ่อเธอออกรวย เงินเยอะแยะทำไมต้องทำด้วย”
พิงค์ พยักหน้าคล้อยตาม “ใช่”
“ฉันไม่ชอบใช้เงินที่พ่อฉันได้มาในทางผิดๆ”
คำตอบของเอ ทำเอาทุกคนเงียบกริบ พลางหันมามองหน้าคนตอบ เอยิ้มให้เพื่อนๆโมแกล้งกระเซ้า“เอ๊ะนี่แอบว่าพวกเราหรือเปล่าจ๊ะ”
วุ้นหันมาทางเอ

“ใช้ๆ ไปเหอะเอ ไม่มีใครสนหรอก บางคนยังเทิดทูนอนุโมทนาด้วยซ้ำ ว่าพวกเราทำบุญมาแต่ชาติ
ปางก่อน”
“พวกเราวางโปรแกรมว่าจะไปช็อปปิ้งที่ฝรั่งเศสกันอีก ไปด้วยกันนะเอ” พิ้งค์เอ่ยชวน
“คราวนี้คงไม่” พูดพลางลุกขึ้น แล้วยิ้มให้เพื่อน “ขอตัวดีกว่า”
โม รีบท้วง “เดี๋ยว จะรีบไปไหนจ๊ะ”
เอ ยิ้ม ไม่ตอบ แต่เลือกที่จะหยิบถาดพร้อมบิลค่าอาหาร ก่อนจะหันมาบอกกับเพื่อน
“มื้อนี้ฉันเอง”
“แท้งกิ้วจ้ะ”
“บาย ทุกคนนะจ๊ะ”
เอลุกขึ้นเดินไป เพื่อนๆ ต่างมองตามอย่างงงงวย
เอเดินตรงมาที่พนักงานสาวที่ยืนห่างออกมา แล้วส่งถาดบิลให้ พลางเปิดกระเป๋าหยิบธนบัตรส่งให้“ฝากดูแลโต๊ะนั้นด้วยนะจ๊ะ ที่เหลือน้องเก็บไว้”
พนักงานสาวยกมือไหว้แล้วรับเงินไว้ “ขอบคุณค่ะ”
เอยิ้ม แล้วเดินออกไป พนักงานสาวนับเงินค่าอาหารทีละใบไว้มือขวา ในมือซ้ายยังเหลือแบงค์ร้อย อีกหลายใบ
ในขณะที่กลุ่มเพื่อน ที่ยังนั่งอยู่ที่โต๊ะอาหาร หันมามองหน้ากันแล้วส่ายหน้า
“ยายเอ กลับมาจากเมืองนอกคราวนี้ ทำตัวแปลกไม่เหมือนก่อน”
โมสรุป วุ้นวิเคราะห์
“คงเครียดมั้ง กลับมาเจอพ่อมีกิ๊กรุ่นเดียวกันพอดี”
“สงสัยคงวีนน่าดู”
พิงค์ รีบขยายความ
“วีนแตกเลยล่ะ ได้ข่าวว่าสองวันก่อนบริจาคให้มูลนิธิเด็กประชดพ่อตั้งสองล้านแน่ะ”
วุ้นตาโต
“โห ตั้งสองล้าน ถ้าเป็นฉันละจะประชดด้วยการช้อปปิ้งให้มันไปเลย”
แล้วทั้งหมดก็หัวเราะขึ้นมาพร้อมกัน

ที่สตูดิโอถ่ายโฆษณา ทีมงานพาพอลกับเอเดินเข้ามาด้านใน
“รอสักครู่นะครับ”
ทีมงานเดินออกไป พอลหันมาทางเอ ที่เดินเข้ามาพร้อมกัน
“ขอบใจนะ ที่เอ มาเป็นเพื่อนพอล”
“ไม่เป็นไร เอไม่มีอะไรทำ จนถึงเย็น”
พอล แกล้งทำหน้างอ “โห นึกว่ามาเพราะอยากอยู่ใกล้ผม วันหลังไม่ไปรับ ปล่อยให้อยู่คนเดียว
น่าจะดี”
“จะให้กลับก็ได้นะ”
“โห อารมณ์น่าดู”
พอล พูดจบ เป็นจังหวะเดียวกับที่ทีมงานเดินกลับเข้ามา
“เชิญทางนี้ครับ คุณพอล”
พอลยิ้มผายมือให้ เอ
“เลดี้”
เอยิ้มรับ “แท้งกิ้ว”
แล้วเอก็เดินนำออกไป พอลแอบถอนใจเบาๆ
จากนั้นทีมงาน ก็พา พอล กับ เอ เข้ามาในสตูดิโอ มีทีมงานพร้อมอุปกรณ์การถ่ายดูวุ่นวาย เจ รีบเดินเดินเข้ามาทัก
“สวัสดีครับ ผมเจ”
พอลยิ้มให้ แล้วรีบแนะนำ “ครับ นี่คุณเอครับ”
“สวัสดีครับ คุณเอเป็นนางแบบหรือครับ”
เอ ส่ายหน้ายิ้มๆ “เปล่าค่ะ”
พอล รีบอวด “สวยกว่านางแบบครับ เคยเดินแบบมาแล้ว”
เอออกตัว “การกุศลน่ะค่ะ ไม่ใช่ตัวจริง”
“ผมมีไอเดีย แทนที่จะเป็นคุณพอลคนเดียว เป็นคุณพอลกับคุณเอก็ดีนะครับ”
พอลคคล้อยตาม “พอลว่าดีนะ เอ รับรองดังแน่”
แต่เอกลับปฎิเสธ “ไม่ค่ะ ขอบคุณ”
พอลยักไหล่กับเจ
“แหม น่าเสียดาย งั้นผมต้องรบกวน คุณเอ นั่งรอซักครู่นะครับ ขอตัวคุณพอลก่อน”
“เชิญค่ะ”
เจกวักมือเรียกทีมงาน
“เชิญคุณพอล ด้านโน้นเลยครับ”
พอล หันมาทางเอ “ see you later”
เอ พยักหน้ารับ ทีมงานพาพอลออกไป เจรีบหันมาทางเอ
“ผมขอเบอร์โทรศัพท์คุณ เอ ไว้ได้มั้ยครับ เผื่อมีงานจะได้เชิญมา”
“เอ ไม่สนใจเรื่องนี้ค่ะ”
เจยิ้มเขิน “งั้นเชิญคุณ เอตามสบายครับ”
เจ พูดพลางเดินออกไป เอยิ้ม พลางถอนใจ แอบเบื่อเล็กน้อย

เจ เดินเข้ามาในห้องทีมงาน ทัช กับ ฝุ่น เดินเข้ามาสมทบ
“แฟนคุณพอลสวยน่าดู” ทัชออกปากชม
เจยักไหล่
“ก็โอเค จะให้เบอร์พี่ อยากเป็นนางแบบ แต่พี่ไม่สน”
พูดจบ เจก็เดินออกไป ฝุ่น กับ ทัช มองหน้ากัน
“โห ดูยังไงวะไม่สวย” ฝุ่นบ่นเบาๆ
“แบบนี้ ขอเบอร์แล้วเขาไม่ให้มากกว่า” ทัชแอบเดา แล้วทั้งคู่ก็มองไปทางเอด้วยสายตาละห้อย

วินเดินมายังห้องรับรอง เมื่อชงกาแฟเสร็จ หันมาก็ต้องใจเต้นโครมคราม เมื่อเห็นเอ ยืนอยู่ตรงหน้า ทั้งสองมองหน้ากัน
“คุณสุภาพบุรุษนี่เอง”
วิน ตกใจ เพราะคาดไม่ถึง “เออ คุณ”
“คุณหนูไฮโซที่เอาแต่ถลุงเงินของทางบ้านที่ จุดๆๆๆ มา”
วินยิ้มขำ ทั้งสองต่างยิ้มให้กัน
“ที่แท้คุณแค้น เลยตามมาเล่นงานผม”
“ใช่ กำลังใช้พลังจ้องทำให้คุณหัวใจวายอยู่”
วิน แกล้งตีหน้ากังวล “มิน่าหัวใจผมเหมือนจะหยุดเต้น”
เอ มองหน้าวินนิ่ง “ฉันรู้ว่าคุณไม่ปลื้มฉัน”
“คุณก็ไม่ปลื้มผมเหมือนกัน” วินย้อน
“ใครบอก ฉันยังไม่รู้จักคุณพอที่จะปลื้มหรือไม่ปลื้ม”
วินยิ้ม ”เป็นความผิดผมเองที่ไม่ปลื้มคุณ”
เอฟังแล้วอดขำไม่ได้
“เอาเป็นว่าทั้งคุณและฉันต่างก็มีการศึกษา คงไม่ต้องถึงกับด่ากราดตบตีทุกครั้งที่เจอกัน ว่ามั้ย หรือถ้าไม่อยากทัก ไม่อยากคุยก็เดินไปคนละทาง คุณไปซ้ายฉันไปขวาโอเคมั้ย”
วินยกมือตะเบ๊ะแข็งขัน“เยส แมม”
เออดยิ้มไม่ได้ วินยิ้มตอบ

เอ นั่งที่โต๊ะ วินเอาน้ำมาเสิร์ฟ แล้วนั่งลงตรงข้าม
“ที่แท้คุณทำงานที่นี่”
“ครับ น้องสาวผมบอกว่า อย่างมากเดือนเดียวผมต้องถูกไล่ออก”
เอแกล้งพูดประชด “กวนแบบนี้ ฉันว่าไม่ถึงเดือน”
วินยิ้ม พร้อมๆ กับที่ประตูเปิดออก ทีมงานเดินเข้ามา
“คุณเอ อยู่นี่เอง คุณพอลให้ผมมาตามครับ”
วินยิ้มจ้องเอไม่วางตา เอยิ้ม แล้วหันไปทางทีมงาน
“ช่วยรอข้างนอกได้มั้ยคะ”
ทีมงานพยักหน้ารับแล้วเดินออกไป เอลุกขึ้น วินลุกตาม
“ขอบคุณสำหรับน้ำ หวังว่าเราคงไม่ต้องเจอกันอีก”
“ด้วยความยินดีครับ”
เอ พูดยิ้มๆ แล้วเดินออกไป วินนึกรู้ว่าเอ ไม่ได้ตั้งใจจะหมายความตามที่พูด พลางยิ้มกับตัวเอง หัวใจเต้นโครมครามมากขึ้นกว่าเดิม
จากนั้นวิน ก็กลับมาในห้องทำงาน พลางเดินไปเดินมาดูภาพสเก็ตสเตอรี่บอร์ด ที่วางพิงอยู่ตรง กระดานตรงหน้า ก่อนที่ประตูห้อง จะถูกเคาะ แล้วถูกเปิดออก พร้อมกับที่พิณเดินเข้ามา
“พี่วิน สาวสวยที่เจอในงานเปิดตัวมากับคุณพอล อยู่ที่สตูถ่ายรูปแน่ะ”
น้ำเสียงของพิณตื่นเต้น ในขณะที่วินเพียงแต่รับคำสั้นๆ ทำเหมือนไม่สนใจ
“อืม”
พลางเดินไปนั่งที่เก้าอี้ตรวจดูคอมพิวเตอร์แลบท็อปของตนตรงหน้า
“ไม่ออกไปทักทายหน่อยเหรอ” พิณถามย้ำ
วินปล่อยตัวพิงพนักเก้าอี้มองพิณ
“เจอแล้ว ในห้องรับรองลูกค้า”
“แล้ว”
“พิณ เอ้อ ก็รู้อยู่แล้วว่าไม่ใช่สเป็กพี่”
พิณเดินเข้ามานั่งเก้าอี้ตรงข้าม พลางจ้องวิน
“ไม่รู้ซิ เขาสวยน่ารักออก พิณเห็นแล้วยังชอบเลย พิณว่านะ พ่อส่วนพ่อไม่เกี่ยวกับลูกนะ”
วินหันกลับมาจ้องหน้าพิณ แล้วรีบปฎิเสธ “ โน โน โน”
“ปอดน่ะซิ กลัวอกหักไม่ว่า” พิณแกล้งล้อ วินรีบเปลี่ยนเรื่อง
“แอน กับ เป้ ไปห้องตัดต่อยังไม่กลับเหรอ”
“ยังค่ะ แต่โทรมาชวนกินข้าวเย็น พี่วินจะแฮงค์ด้วยกันมั้ย”
วินรับคำ “โอเค.”
“งั้นพิณไปก่อน”
พูดจบ พิณก็ลุกขึ้นเดินออกไป วินหันไปที่หน้าจอคอมพิวเตอร์ ตั้งใจจะนั่งทำงานต่อ แต่อดไม่ได้ที่
จะนึกถึงคำพูดของเอ
“ฉันรู้ว่าคุณไม่ปลื้มฉัน”
“คุณก็ไม่ปลื้มผมเหมือนกัน”
เปล่านี่ ฉันยังไม่รู้จักคุณพอที่จะปลื้มหรือไม่ปลื้ม”
วินเอนหลังพิงพนักเก้าอี้ พลางถอนใจ

ค่ำวันเดียวกัน วินกลับมาถึงบ้าน เดินเข้ามาในห้องนั่งเล่น ก็เห็นทอมกำลังนั่งเล่นเปียโนอยู่ ทอม
หันมาเห็นลูกชาย ก็หยุดเล่น
“กลับแล้วหรือลูก ทานข้าวหรือยัง แนนสั่งป้านิ่มให้ทำสเต๊กกับสลัดไว้แน่ะ”
วินเดินเข้ามา แล้วตอบบิดา “ทานกับน้องๆที่ทำงานแล้วครับ”
ก่อนจะเอ่ยถามทอม “คุยกับหมอว่าไงบ้างครับ”
“อาจจะต้องผ่าตัด”
วินยิ้มเดินเข้ามานั่งที่เก้าอี้เปียโน เอามือกดคีย์สองสามตัว
“แต่ไม่ต้องห่วงพ่อหรอก” ทอมใช้มือตบที่หัวใจตัวเองเบาๆ “พ่อสู้อยู่แล้ว”
“เยส”
ทอมกดนิ้วบนแท่นคีย์บอร์ด พร้อมร้องเพลง ท่อน วี วิล วี วิล ร็อก ยู วินร้องตามไปด้วย จากนั้น
ทั้งสอง ก็หยุดร้อง แล้วหันมายิ้มให้กัน
“พ่อครับ ตอนพ่อเจอมั่มมี้ เป็นยังไงครับ”
ทอมมองหน้าวินแล้วตอบด้วยความภูมิใจ
“อืม มั่มมี้สวยบาดใจ พ่อปิ๊งเลย”
“แล้วคุณพ่อแน่ใจได้ยังไงว่า in love” วินถามพร้อมทำเสียงล้อ“ของแบบนี้ ตัวเองเท่านั้นที่จะตอบได้ ถามทำไมเหรอ”
วินยักไหล่นิดๆ “ก็ แค่ถามเฉยๆ ครับ”
ทอมมองหน้าลูกชายแบบจับสังเกต
“โอ๊ะโอ แบบนี้แสดงว่าปิ๊งสาวแน่ๆ”
วินได้แต่ยิ้ม
“ซัน สารภาพมาซะดีๆ”
“แค่แว้บๆ เท่านั้นครับแด๊ด”
ทอมดีดนิ้วลงไปบนเปียโน แล้วร้องเพลง Hello ของ Lionel Richie หนึ่งท่อน วินยิ้ม
“ฮัลโหล ฮัลโหล”
แนนส่งเสียงมาก่อนที่ตัวจะเดินเข้ามา ทอมหยุดร้องเพลง
“แนน มานี่ลูก”
แนนเดินเข้ามาใกล้ “สองคนนี้อารมณ์ดีอะไรกันเหรอคะ”
“พี่ชายแกปิ๊งสาว”
วินส่ายหน้า แต่ก็อดยิ้มไม่ได้
แนนจ้องวินอย่างจะจับพิรุธ “บอกมาเดี๋ยวนี้ว่าใคร”
วินยิ้ม “ยังไม่รู้เลยว่าใคร คุณพ่อคิดไปเอง"
“ผู้หญิงเมืองไทยชอบอิจฉาตบตี พี่ต้องระวังให้ดี เจอใครต้องบอกก่อนแนนจะได้ดูให้”
วิน ยิ้ม พลางลุกขึ้น แล้วลูบหัวแนนด้วยความเอ็นดู
“แล้วพี่จะบอก โอเค”


จากนั้นวินก็เดินออกไป ทอมดีดเปียโนเพลง Can’t take my eyes off you ตรงท่อน ไอ เลิฟ ยู เบ บี้
แนนพลอยร้องไปด้วย แล้วทั้งพ่อ กับลูกสาว ก็หัวเราะอย่างมีความสุข

วินเดินเข้ามาในห้องนอน พลางเปิดคอมพิวเตอร์ที่โต๊ะทำงาน แล้วนั่งทำงานต่อ พร้อมๆ กับที่เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น วินรีบกดรับ
“ว่าไงพิณ อย่าบอกนะว่า ลูกค้าขอแก้งานอีก”
พิณตอบมาทางปลายสาย
“ใจเย็นน่า พิณส่งเมลไปให้ เปิดหรือยัง”
“รูปโป๊เหรอ”
“เว่อร์น่า แค่ส่งอะไรไปให้ดู ขำๆน่ะ แค่นี้นะ”
พิณวางสาย วินยิ้ม พลางรีบกดเปิดเมลดู เห็นมีไฟล์แนบส่งมาด้วย วินเปิดไฟล์ออก แล้วก็เห็นรูป
ของเอ ในมุมต่างๆ ในลักษณะแบบถ่าย แต่ละรูปสวย ซึ้งวินถึงกับตาลอย โทรศัพท์ดังขึ้น วินสะดุ้ง รีบรับ
“ว่าไง ชอบมั้ยล่ะ” พิณถามเสียงล้อๆ มาทางปลายสาย
“ไปเอามาจากไหน”
“ทีมงานสตูดิโอ พวกนั้นแอบถ่ายกันมา”
“ระวังอย่าให้หลุดออกไปในเน็ตล่ะ จะถูกฟ้องเอา”
“พิณขู่ไปแล้ว พวกนั้นเลยรีบให้ไฟล์พิณมา พิณลบไปหมดแล้ว แค่ส่งให้พี่นี่แหละฝันหวานนะจ๊ะ”
พิณวางสาย วินวางสายตาม พลางจ้องรูปเอ ที่หน้าจอ คอมพิวเตอร์ ก่อนที่เสียงเคาะประตู
จะปลุกให้ตื่นจากภวังค์
“yeah”
แนนเดินเข้ามา
“ว่าไง sist”
“พรุ่งนี้แนนจะพาคุณพ่อไปหาหมอ พี่โจมีเพื่อนเป็นหมอศัลยกรรมทางด้านหัวใจ จะแนะนำให้รู้จัก”
“แล้ว” วินยิ้มให้น้องสาวด้วยความเอ็นดู
“แนนมีเรียนพอดี โดดไม่ได้”
“พี่จัดการเอง สบายมาก”
แนนยิ้มให้พี่ชาย “แท้งกิ้วค่ะ”
“เฮ้ ทำไมต้อง แท้งกิ้ว คุณพ่อพี่เหมือนกัน”
“ You the best, กู๊ดไนท์ค่ะ”
วินดึงน้องสาวเข้ามากอด “มานี่ มา Hug หน่อยซิ”
แนนเข้ามากอดวิน วินกอดแนนเบาๆ แต่แล้วแนนมองข้ามไหล่วินไป เห็นรูปเอในคอมพิวเตอร์พอดี
แนนจ้องเขม็ง
“โห สาวสวยที่ไหนเนี่ย”
แนนรีบผละออกจากวงแขนวิน แล้วเดินพรวดมาดูที่จออย่างตื่นเต้น
“เอ้อ รูปที่ทำงาน งานโฆษณาน่ะ ไปนอนได้แล้ว ไป กู๊ดไนท์”
“ไม่เชื่อหรอก”
“กู๊ด ไนท์” วินจงใจเน้นคำ
แนนหน้างอที่โดนขัดใจ แต่ก็ออกไปในที่สุด วินลอบถอนใจ แล้วจู่ๆ แนนโผล่แต่หน้ามาที่ประตู
“สวยดี อย่าให้ปิ๋วนะพี่วิน”
พูดจบแนนก็หลบออกไป วินยิ้มขำ มองรูปเอ แล้วถอนใจ ก่อนที่จะตัดสินใจกดที่คอมพิวเตอร์แล้วภาพของเอ ก็ดับหายไป

เช้าวันรุ่งขึ้น วินพาทอมเดินเข้ามายังบริเวณห้องโถงของโรงพยาบาล ในขณะที่โจยืนรออยู่แล้ว
“สวัสดีครับคุณพ่อ”
ทอมรับไหว้แล้วเข้ามาโอบไหล่โจ
“ขอบใจนะโจ นายเดวิด เป็นไงบ้าง”
“คุณพ่อสบายดีครับ ตอนนี้อยู่อังกฤษครับ”
“ถ้ากลับมาแล้วบอกให้โทรหาพ่อด้วย”
“เยส เซ่อร์”
“เฮ้..โบร” วินทักทายโจด้วยศัพท์ของวัยรุ่นที่สนิทกัน ก่อนที่กอดกัน ตามธรรมเนียมของฝรั่ง
“คุณหมอมาแล้ว” โจหันมาเห็นหมอเดินตรงมา “ไงไอ้หมอ สบายดี”
“สบายดีเว้ย”
“นี่คุณพ่อของคุณวิน เพื่อนคุณพ่อฉัน”
หมอหนุ่มยกมือไหว้ทอม พลางแนะนำตัวเอง “หมอโจ๊กครับคุณพ่อ”
“หวัดดีลูก”
“นี่วินเพื่อนสนิท”
วิน หันมายิ้มให้หมอโจ๊ก “ขอบคุณครับคุณโจ๊กที่ช่วยเทคแคร์เรื่องคุณพ่อ”
“ด้วยความเต็มใจครับ โจกับผมซี้กันอยู่แล้ว”
โจ หันมาบอกกับทอม “ผมต้องขอตัวก่อนครับคุณพ่อ”
“ตามสบายลูก”
“เฮ้โจ๊ก คุณพ่อเป็นอะไรนายโดนอัด” โจไม่วายแหย่เพื่อนแบบขำๆ ก่อนจะหันมาบอกลาเพื่อนซี้
“เจอกันวิน”
วินพยักหน้าโจเดินออกไป หมอโจ๊กหันมาคุยกับทอม
“คุณพ่อมากับผม คุณวินรออยู่ที่นี่นะครับ”
“ขอบใจหมอ”
จากนั้นก็ทอมเดินไปพร้อมกับหมอโจ๊ก ส่วนวินนั่งลงที่โซฟาที่ห้องโถงนั่นเอง

วินนั่งอ่านหนังสือแมกกาซีนฆ่าเวลา พลิกไปมาแล้ววางลง ลุกขึ้นยืน มองไปยังป้ายที่เขียนว่าไป
คาเฟทีเรีย วินเดินเลี้ยวไปตามทาง ในขณะเดียวกัน เอก็เดินมาอีกทางหนึ่ง พร้อมกับพยาบาลสาว ก่อนที่จะหยุดที่ห้องหนึ่ง จากนั้นพยาบาลสาว ก็พาเอเข้ามาในห้อง ที่มีหญิงชรานอนอยู่บนเตียง
“คุณยายยุพาคะ วันนี้คุณเอ จะมาอยู่เป็นเพื่อนอ่านหนังสือให้คุณยายฟังนะคะ”
คุณยายยุพามองเอ เอ เดินไปนั่งข้างเตียงจับมือคุณยาย
“ สวัสดีค่ะคุณยาย”
คุณยายยิ้มอย่างมีความสุข เอมองคุณยายแล้วหยิบหนังสือเปิดอ่าน โดยไม่เห็นว่า วินเดินย้อน
กลับมา แล้วผ่านห้องไปอีกครั้ง

วินลุกขึ้นเมื่อหมอโจ๊กพาทอมกลับมา
“ไงครับคุณหมอ”
“ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงรอให้ร่างกายแข็งแรงพร้อมการผ่าตัดเท่านั้นครับ”
“พ่อบอกแล้วไม่เชื่อ” ทอมหันมาบอกลูกชาย
“อีกนานแค่ไหนครับ ถึงจะผ่าตัดได้”
“ถ้าจะให้ชัวร์น่าจะประมาณเดือนครึ่ง ระหว่างนี้กรุณาพาคุณพ่อมาตรวจตามตารางที่กำหนด
ไว้นะครับ”
หมอโจ๊กอธิบายขั้นตอนให้วินฟัง
“ได้ครับ ขอบคุณมากครับ”
“ขอบใจมากโจ๊ก แล้วเจอกัน”
“ครับคุณพ่อ สวัสดีครับ”
หมอโจ๊กไหว้ ทอมตบไหล่โจ๊กเป็นเชิงขอบใจ ก่อนจะหันไปบอกกับลูกชาย
“ไป วิน”
คล้อยหลังวินกับทอม เอก็เดินเข้ามาทักทายหมอโจ๊ก
“สวัสดีค่ะคุณโจ๊ก”
หมอโจ๊กหันมาเห็นเอ เดินมากับพยาบาลคนเดิม
“สวัสดีครับคุณเอ มาอ่านหนังสือให้คนป่วยฟังหรือครับ”
“ค่ะ”
พยาบาล รีบเสริม “มาบริจาคเงินให้โรงพยาบาลด้วยค่ะ”
“ขอบคุณครับคุณเอ”
“เอ ต้องไปก่อนนะคะ แล้วเจอกันค่ะ”
หมอโจ๊ก กับพยาบาลต่างมองตามจนเอพ้นไป หมอโจ๊กหันทางถามพยาบาลเบาๆ
“เท่าไหร่”
“สองล้านค่ะ”

วินพาทอมเข้ามานั่งในร้านกาแฟ พนักงานเอากาแฟมาเสิร์ฟ แล้วเดินผละไป ทั้งสองต่างยกแก้ว
ชนกัน
“เพื่อหัวใจที่แข็งแรง”
วินบอกกับผู้เป็นบิดา
“เยส ตกลงว่าลูกเจอสาวจริงหรือเปล่า” จู่ๆ ทอมก็ถามโพล่งขึ้นมาดื้อๆ
“หา ยายแนนบอกแน่ๆ”
ทอมยิ้ม
“พ่อรู้ว่าหนุ่มสาวสมัยนี้มีอิสระในเรื่องความรัก ลูกเองก็แบบว่า อเมริกันไสตล์ แต่ลูกต้องระวัง อย่าไปรังแกใครเข้า ถ้าไม่ชอบจริงก็อย่าไปยุ่ง เราต้องยึดถือความเป็นสุภาพบุรุษ”
ทอมอดที่จะสั่งสอนลูกชายไมได้
“ครับผม”
“ลูกผู้ชายเจ็บได้ ไม่เป็นไร แต่อย่าไปทำใครเจ็บ”
“งานนี้ผมว่าผมเจ็บตัวมากกว่า” วินหน้าเจื่อน
“หา ตกลงว่ามี” ทอมคาดคั้น
วิน ยิ้ม “เอาไว้ชัวร์ๆแล้วจะบอกครับ”
“โอเค ไปกันดีกว่า ลูกจะได้กลับไปทำงาน”
“ครับ”
วินรับคำ แล้วทั้งคู่ ก็ลุกขึ้น แล้วเดินออกจากร้านไป

วินกลับเข้ามาในออฟฟิศ กำลังยืนดูภาพสเก็ตโฆษณาที่วางเรียงไว้ตรงหน้าห้อง พิณพรวดเข้ามา หน้าตาบูดบึ้ง
“เฮ้ ลูกค้าว่าไง ผ่านมั้ย”
“ผ่านบ้าอะไร จะฟันพิณน่ะซิ”
“ล้อเล่นน่า”
“พิณนึกว่ากินข้าวไป คุยเรื่องงานไป ที่ไหนได้พอกินเสร็จ ก็จะเข้าห้องน้ำ บอกว่าบนห้องสะดวกกว่า คุยเรื่องงาน ก็สะดวกกว่า พิณไม่ทันคิดพอขึ้นไปก็เกิดเรื่อง”
“แล้วพิณบอกคุณวิเชียรแล้วยัง” วินถามด้วยความเป็นห่วง
“คุณวิเชียรบอกว่าเป็นการเข้าใจผิด ขอให้คิดว่าเรื่องงานสำคัญกว่า”
“พี่จัดการเอง”
“อย่าเลยพี่วิน” พิณท้วง
แต่วินไม่ฟัง พลางเดินพรวดออกไปจากห้องไปทันที

เมื่อเดินเข้ามาในห้องทำงานของคุณวิเชียร์ วินก็เปิดฉากฉะทันที
“ตกลงลูกค้าสำคัญกว่าลูกน้อง”
“คุณวิน เอเจนซี่คืองาน งานคือเอเจนซี่ เรื่องงานก็ต้องมีการเทคแคร์ลูกค้ากันบ้าง พวกแอคเคาน์เอคเซคคิวทีฟ รู้หน้าที่ของตัวเองดี อาจจะมีเกินเลยเข้าใจผิดกันบ้าง ที่ไหนประเทศไหนก็เป็นแบบนี้ทั้งนั้น คุณก็รู้”
“แต่ไม่ถึงขั้นข่มขืนนะครับ” วินไม่ยอมแพ้
“เว่อร์ไปแล้วคุณวิน คุณพิณน่าจะรู้ดีว่าไม่ควรขึ้นไป”
วินจ้องหน้าคุณวิเชียรอย่างไม่เชื่อหูตัวเอง หากพยายามข่มใจไว้
“ขอโทษผมมีงาน”
คุณวิเชียร์เอ่ยเป็นเชิงไล่ วินระงับอารมณ์แล้วเดินออกไปจากห้อง ก่อนที่จะเดินกลับเข้ามาใน
ห้องทำงานของตัวเองอีกครั้ง
“พิณไม่เป็นไรหรอกค่ะพี่วิน เป็นความผิดของพิณเองที่ไม่ระวังตัว พิณไม่อยากมีปัญหาเรื่องงาน”
“มีเจ้านายแบบนี้พี่ว่าพิณหางานใหม่ดีกว่า”
วินเสนอแนะ
“พิณดูอยู่เหมือนกัน แต่ตอนนี้ยังต้องการที่นี่อยู่ พิณไม่เหมือนพี่นี่ จะออกเมื่อไหร่ก็ได้”
วิน พยักหน้า “โอเค พี่เข้าใจเอาเป็นว่าคราวหน้าพี่ไปพรีเซ้นท์งานด้วย”
“ขอบคุณค่ะพี่วิน”
พิณยิ้มให้วินอย่างซาบซึ้งในความเป็นห่วง

ในขณะที่เอ กำลังเดินตรงมายังห้องของนายประสิทธิ์
“ขอโทษค่ะ ท่านกำลังมีแขก”
เลขาหน้าห้องท้วงขึ้น เอหันมายิ้มให้ แล้วเดินผ่านเข้าไปหน้าตาเฉย
“ขอบใจ”
เอเปิดประตูห้องทำงานเข้าไป ในขณะที่นายประสิทธิ์กำลังคุยงานอยู่กับนายสมภพ ตามลำพัง
สองต่อสอง นายประสิทธิ์ หันมามองเอ ด้วยความไม่พอใจ แต่แกล้งตีสีหน้ายิ้มแย้ม
“ขออภัยครับคุณสมภพ นี่ คุณเอ ลูกสาวผมเอง”
นายสมภพ มองเอ อย่างตะลึงในความสวย “ไม่เป็นไรครับ เชิญตามสบายครับ”
“ขอบคุณค่ะ”
“มีอะไรด่วนหรือลูก”
เอแกล้งยิ้มหวาน
“อ๋อ เอ แค่มาบอกว่า ช่วยเข้าบัญชีให้เอด้วยนะคะ เอเพิ่งบริจาคให้โรงพยาบาลสองล้าน”
นายประสิทธ์พูดไม่ออก เอหันทางทางนายสมภพ
“ขอโทษค่ะคุณสมภพ”
จากนั้นเอก็เดินออกไป นายประสิทธิ์ถอนใจ สมภพหันมามองแล้วยิ้มๆ
“ผมยินดีให้ค่าคอมมิชชั่นสามล้าน ถ้าคุณช่วยให้ผมได้งานในการประมูลครั้งนี้ ถือว่าช่วยคุณบริจาค สองล้าน และเหลือกำไรอีกหนึ่งล้าน”
“คุณสมภพ ผมบอกแล้วว่า โปรเจ็กต์คอนโดที่ว่า อยู่ในมือบริษัทไดมอนด์ดีเวลลอปเม้นท์ ของคุณ สุชาติไปเรียบร้อย ไม่มีทางแก้ไขได้แล้วครับ”
นายสมภพชักสีหน้าไม่พอใจ แล้วรีบยืนขึ้น
“ผมคิดว่าคุณจะเอียงไปทางคุณสุชาติหลายครั้งแล้วนะครับ”
นายประสิทธิ์ รีบโบกไม้โบกมือปฎิเสธ
“คุณสมภพ นี่เป็นเรื่องธุรกิจ ใครเสนอก่อน ย่อมได้ก่อน ไม่ใช่เป็นเรื่องส่วนตัว คุณมาช้าเอง”
นายสมภพยิ้ม กลบเกลื่อนความไม่พอใจ “ได้ครับ คุณประสิทธิ์”
จากนั้นก็เดินออกจากห้อง นายประสิทธิ์ยิ้มอย่างไม่สนใจ

เมื่อออกจากที่ทำงานของบิดา เอก็เดินเข้ามาในร้านเบเกอรี่ภายในโรงแรมหรู พนักงานพาเอมา
นั่งที่โต๊ะ ซึ่งคุณหญิงอัญชลีนั่งรออยู่แล้ว
“สวัสดีค่ะคุณแม่”
“นั่งซิจ๊ะลูก”
เอ นั่งลง “คุณแม่สบายดีนะคะ”
“ สบายดีที่สุด ตั้งแต่เลิกกับพ่อของลูก” คุณหญิงอัญชลีแกล้งเหน็บขำๆ ทำเอาเอหัวเราะร่วน“แล้วคุณเอล่ะ สบายดี”
“สบายมากค่ะคุณแม่”
พนักงานเดินเข้ามาพร้อมส่งเมนูให้ ทั้งสองรับเมนูมาสั่ง ครู่เดียวทั้งเครื่องดื่ม และขนม ก็ถูกนำมา
เสิร์ฟจนเต็มโต๊ะ ทั้งสองนั่งทานกันไป คุยกันไป
“คุณแม่ไม่รู้ว่าคุณเอ ทนยัยซินดี้ได้ยังไง”
เอยิ้ม “ซินดี้แก่กว่าเอปีเดียว เอ ทันเชิงอยู่แล้วค่ะห่วงแต่คุณแม่มากกว่า”
“ห่วงเรื่องอะไรจ๊ะ คุณแม่ไม่บ้าวิ่งไปหาเรื่องตบตียัยซินดี้ เรียกเรตติ้งหรอกจ้ะ คุณแม่ว่าคุณเอย้ายมา อยู่กับคุณแม่ดีกว่า”
เอยิ้ม พลางส่ายหน้า “ไม่หรอกค่ะ เอมีแผนที่จะจัดการกับคุณพ่อก่อน”
“น่าเสียดาย คุณพ่อเอ ตอนเจอคุณแม่ใหม่ๆ เป็นคนดีโปร่งใส ไม่ใช่แบบนี้”
“หนูรู้ค่ะ หนูถึงต้องอยู่จัดการเปลี่ยนคุณพ่อให้ได้”
“คุณเอ ใช้ตังค์แบบนี้ คุณพ่อเขาไม่ระงับบัญชีของหนูเหรอ”


เอยักไหล่ “ไม่กล้าระงับหรอกค่ะ กลัวเอแถลงข่าวเปิดโปง แต่เอใช้ตังค์จากบัญชีของเอ ที่คุณปู่
กับคุณย่า จัดไว้ให้ ส่วนบัญชีของคุณพ่อ เอแค่เอาเงินมาบริจาคแหลกลาญเท่านั้นเอง”
“ถ้าลูกขาดเหลือ บอกแม่ได้นะจ๊ะ”
“ขอบคุณค่ะ”
“แม่ว่าคุณพ่อเอ คงคลั่งซะก่อนที่จะกลับตัวกลับใจ”
คุณหญิงอัญชลีสรุป

วินกับพิณเดินตรงมายังห้องประชุมพร้อมกัน
“เห็นว่าลูกค้าเป็นบริษัทรับเหมาก่อสร้างใหญ่ อยากให้เราออกแบบ เอกสารสรุปรายจ่ายประจำปี”
พิณหันมาบอกวิน วินพยักหน้ารับ ก่อนที่จะเปิดประตูเข้ามาในห้องประชุม ในขณะที่คุณสุชาติ
นั่งรออยู่ก่อนแล้ว พิณรีบแนะนำทั้งคู่ให้รู้จักกัน
“นี่คุณวินค่ะ และนี่คุณสุชาติ จากไดมอนด์ดิเวลลอปเม้นท์”
“ยินดีที่ได้รู้จักครับ”
คุณสุชาติ ที่อายุอานามไล่เลี่ยกับวินพยักหน้ารับ
“ผมต้องการงานคุณภาพระดับอินเตอร์”
พิณ รีบบรรยายสรรพคุณ
“คุณวินจบโฆษณาและทำงานที่เอมริกามาหลายปี มีประสบการณ์และผลงานที่เชื่อถือได้ค่ะ”
คุณสุชาติ ยิ้มเหยียดๆ
“ผมเองก็จบอเมริกามาเหมือนกัน พอจะรู้ว่างานดีๆเป็นยังไง”
“ดีครับ จะได้ไม่ต้องอธิบายกันนาน คุณสุชาติทราบอยู่แล้วใช่มั้ยครับ ว่ารายงานประจำปี ตามกฎหมาย ต้องเป็นตัวเลขที่ถูกต้อง ตามความเป็นจริงเท่านั้น”
สุชาติพยักหน้ารับ พลางวางมาด อย่างคนอวดร่ำอวดรวย-

ตกเย็น วินกับพิณเดินคุยกันออกมาด้วยกันที่ลานจอดรถ
“ตรวจข้อมูลของคุณสุชาติให้ดี ขอมาให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้นะพิณ”
“โอเคค่ะ” พิณรับคำ
“เย็นนี้ไปแฮงค์ที่ไหนล่ะ”
“ไม่หรอกค่ะ ต้องไปเยี่ยมคุณแม่ พี่วินล่ะ”
วินยกนาฬิกาขึ้นดู “ว่าจะไปช็อปปิ้งซื้อตุ้มหูให้ยายแนนซะหน่อย”
พิณแกล้งกระเซ้า “โห อิจฉาน้องแนน งั้นเจอกันพรุ่งนี้ค่ะ”
“บาย”
พิณเดินแยกออกไป ในขณะที่วินเดินไปที่รถของตนเอง

จากนั้นวิน ก็เดินเข้ามาในศูนย์การค้า เจอพนักงานสาวพอดีเลยหยุดถาม
“แผนกตุ้มหูครับ”
“เชิญทางนี้ค่ะ”
พนักงานสาวเดินนำไป วินเดินตาม อีกด้านหนึ่งเอ กำลังเดินช็อปปิ้งอยู่ พลันสายตาก็เหลือบเห็น วินเดินอยู่ตรงเคาน์เตอร์ตุ้มหู แผนกผู้หญิง เอจ้องมองวินแล้วยิ้ม ก่อนที่จะเดินปรี่เข้ามาทัก
“ไฮ คุณอุดมการณ์”
วินหันมาเห็น เอ ยืนอยู่ข้างหลัง วินใจเต้น แต่พยายามทำสงบใจ
“นี่คุณเป็นพวกตามหลอนหรือครับ”
เอขำ เดินเข้ามาหมุนแป้นตุ้มหูเล่นไปมา วินได้แต่มองเคลิ้ม
“ซื้อให้คุณหนูไฮโซคนไหนเหรอ” เอถามล้อๆ
“คุณไม่รู้จักหรอกครับ”
เอหุบยิ้ม วินรีบขยายความ
“คุณหนูไฮโซแนน น้องสาวผมเองครับ”
“อ้อ”
“คือ ช่วงนี้ยายแนนดูแลให้ป้านิ่มทำอาหารเช้าทั้งอาทิตย์ เลยต้องมีค่าจ้างนิดหน่อย”
เอยิ้ม “แบบนี้ต้องสองคู่แล้วค่ะ”
วิน พยักหน้าเห็นด้วย “นั่นน่ะซิครับ”
“เลือกได้หรือยังคะ”
“ยังเลยครับ ไม่แน่ใจว่าแบบไหนกำลังอินเทรนด์วัยรุ่น”
“เอางี้ ฉันช่วยเลือกให้ แต่เนื่องจากคุณไม่ปลื้มฉัน ต้องมีค่าเลือก คุณต้องเลี้ยงดริ๊งฉัน”
เอยื่นข้อเสนอ ทำเอาวินแปลกใจ ด้วยคิดไม่ถึง ใจเต้นตึกตัก เอเอียงคอ ทำหน้าเข้ม เหมือนกำลังต่อรองธุรกิจ
“เดี๋ยวครับ ขอเช็คตังค์ในกระเป๋าดูก่อนว่าพอหรือเปล่า”
เอ หัวเราะคิก “ทำเป็นขี้เหนียวไปได้ ถ้าไม่พอจะให้ยืม”
“แบบนี้ใครเหนียวกันแน่”
วินส่ายหน้างงๆ เอยิ้มพอใจ

จากนั้นทั้งคู่ก็พากันเข้ามาในค็อฟฟี่ช้อปแห่งหนึ่ง ทั้งสองยกแก้วน้ำผลไม้ขึ้น“สำหรับตุ้มหูสวยสองคู่”
เอยิ้ม แล้วทั้งคู่ก็จิบน้ำในแก้วตัวเอง“ยายแนนต้องรู้แน่เลยว่าไม่ใช่ฝีมือผมเลือก คงไม่ว่าอะไรนะครับ ถ้าผมจะบอกว่าเป็นฝีมือคุณ”
“เกิดเจ้าตัวไม่ชอบละก็ ฉันแย่เลย”
“ช่วยไม่ได้ครับ ผมไม่เกี่ยว”
วินจ้องเอ หัวใจเต้นโครมคราม

วินกับเอเดินตรงไปที่พนักงานที่ให้บริการจอดรถ พนักงานเข้ามารับบัตรของทั้งสอง ไป
“ขอบคุณสำหรับดริ๊ง หวังว่าคงไม่ทำให้คุณกระเป๋าฉีก”
วิน ยิ้ม พลางตบกระเป๋ากางเกง “ยังพอมีเหลือครับ”
เอ ขำ วินมองใบหน้าสวยตรงหน้า
“คราวหน้าผมจะเตรียมตังค์มาให้เยอะๆ เผื่อว่าคุณเกิดโหดขึ้นมาแกล้งให้ผมเลี้ยงข้าว”
เอ เอียงคอยิ้มจ้องหน้าวินอย่างนึกไม่ถึง ทั้งคู่สบตากันอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่เอจะเสทำให้เห็นเป็นเรื่อง
ล้อเล่น
“สำหรับคนที่ไม่ชอบหน้ากัน ต้องถล่มให้หนัก”
“อย่าถึงกับให้ผมต้องล้มละลาย ก็โอเค”
จบประโยคของวิน รถของเอ ก็แล่นมาจอดตรงหน้าพอดี พนักงานเปิดประตูรถค้างไว้ เอแกล้ง
ตีหน้าเข้ม
“คราวหน้าคุณกระเป๋าฉีกแน่”
เอพูดยิ้มๆ แล้วเดินไปที่รถ ส่งทิปให้พนักงาน แล้วก้าวเข้าไปในนั่งรถ วินเดินผ่านพนักงานเข้าไป
ปิดประตูรถให้ เอเปิดกระจกรถลงมา
“แต่คุณอาจโชคดี ไม่เจอฉันอีกก็ได้”
เอยิ้มหวานให้ ก่อนที่จะเลื่อนกระจกปิด เคลื่อนรถออกไป วินได้แต่มองตามใจเต้น อดยิ้มกับตัวเอง
ไม่ได้

หลังจากแยกกับวินแล้ว เอก็ขับรถมาตามถนน ทันใดนั้นมีรถตู้เข้ามาปาดหน้าแบบกระชั้น จนเอต้องเหยียบเบรคจนตัวโก่ง รถตู้จอดเลยไปประมาณ 10 เมตร ชายสามคนลงมาจากรถตู้ เดินเข้ามา คนหนึ่งเอาปืนจ่อตรงหน้ารถ
“ลงมา”
เอ เปิดประตูลงมา สองคนร้าย รีบคว้าแขนเอไว้คนละข้าง แต่เอก็ออกแรงสะบัดจนหลุด
“ฉันเดินเองได้น่า”
มือปืนพยักหน้า หนึ่งในสามออกคำสั่ง
“เอาตัวไปขึ้นรถ”
อีกคนสองคนคุมตัวเอ เดินไปที่รถตู้ พลันก็มีรถอักคันหนึ่งแล่นพรวดเข้ามา เอถอยออกมาสองก้าว
สองคนร้ายเลยกลายเป็นเป้านิ่ง ถูกรถชนโครม จนกระเด็นลงไปข้างทาง วินเปิดประตูรถออกมา มือปืนยกปืนจะกราดยิง
แต่วินกระโจนเข้าใส่ก่อนที่มันจะเหนี่ยวไก
เอ ยืนลุ้น เพียงอึดใจเดียว วินก็ชกมันคว่ำลงไป พร้อมๆ กับเสียงร้องของเอดังขึ้น วินรีบหันไป เห็น เอ ถูก
คนร้ายสองคนคว้าไว้คนละข้าง
“ปล่อยผู้หญิงซะ”
วินเดินเข้ามาใกล้เผชิญหน้า ในจณะที่เอร้องเสียงหลง
“ระวัง”
วินขยับตัวแต่ก็ไม่ทันการ เมื่อมือปืนที่เพิ่งถูกวินชกคว่ำไป เอาปืนทุบโครม วินทรุด แล้วก็หมอสติไป เอจ้องมองพวกมันด้วยสายตาดุดัน

วินกระพริบตาถี่ๆ หูแว่วได้ยินเสียงของเอดังอยู่ข้างๆ
“คุณ คุณ”
วินค่อยๆ ลืมตาขึ้น ใบหน้าของเออยู่ ที่ตรงหน้าพร่ามัว และค่อยๆชัดขึ้น วินขยับตัวลุกขึ้น รู้สึกว่าตนเอง
กำลังนอนหนุนตักของเออยู่ วินเลยเปลี่ยนใจนอนต่อ เอเหล่มองเขินๆ พลางจับไหล่ของวินให้ลุกขึ้นแล้วดันออกไป วิน
ขยับตัวหันมาทางเอ
“คุณเป็นยังไงมั่ง”
“มึนตึ้บ”
“ขอบคุณที่ เอ้อ พยายามจะช่วย แต่คุณ โผล่มาได้ยังไง” เอไม่วายสงสัย
“ตอนคุณขับรถออกไป ผมเห็นรถพวกมันตามคุณดูท่าแล้วไม่ใช่สเป็กคุณ ผมก็เลยตามมา”
เอถอนใจ “เฮ้อ คงเป็นไอ้พวกเรียกค่าไถ่อีกนั่นแหละ”
“อืม ผมนึกว่าเป็นพวกที่ถูกคุณหักอกซะอีก”
วินแกล้งกระเซ้า เอเขวี้ยงค้อนให้วงใหญ่ พลางนั่งพิงกำแพง วินขยับตัวไปนั่งพิงกำแพงใกล้ๆ กวาดสายตามองไปทั่วบริเวณ ทันใดนั้นเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น ทั้งสองต่างมองหน้ากัน แล้วหันไปทางมุมห้อง
“กระเป๋าของฉัน”
เอพรวดไปเปิดกระเป๋า แล้วคว้าโทรศัพท์ขึ้นมากดรับ
“ฮัลโหล”
“เอ หรือลูก” เสียงนายประสิทธิ์ทักทายมาตามปลายสาย
“คุณพ่อ”
“ลูกอยู่ไหน” นายประสิทธิ์ถามด้วยความเป็นห่วง
“ลูกถูกจับมาค่ะ ถูกขังอยู่ ไม่รู้ว่าอยู่ที่ไหน”
นายประสิทธิ์เงียบไปชั่วอึดใจ “ไม่ต้องตกใจ เดี๋ยวพ่อจะส่งคนไปรับ”
พูดจบก็วางสายทันที เอวางสายตาม พลางหันมาบอกวิน
“คุณพ่อบอกว่าเดี๋ยวจะส่งคนมารับ”
วินนึกแปลกใจ เอ มองหน้าวิน ต่างคนต่างคิดไม่ตกว่าเกิดอะไรขึ้น

ทางด้านนายประสิทธิ์หลังจากวางสายจากเอ ก็รีบต่อสายถึงนายสุชาติต่อทันที
“มีคนโทรมาบอกผมว่าลูกสาวผมถูกจับ ผมโทรไปหาลูกสาวผม สรุปว่าเป็นเรื่องจริง”
“ต้องเป็นไอ้สมภพแน่ มันไม่พอใจที่คุณให้โครงการกับผม” นายสุชาติตั้งข้อสังเกต
นายประสิทธิ์รีบแย้ง “แต่ยังไม่มีการเซ็นรับรองเป็นทางการ”
“ผมจัดการเอง ขอเวลาชั่วโมงเดียว”
“ผมบอกลูกสาวผมว่าจะส่งคนไปรับ ภายในหนึ่งชั่วโมง”
นายสุชาติพยักหน้า “ได้ หนึ่งชั่วโมง”
นายประสิทธิ์วางสาย ด้วยสีหน้าเคร่งเครียด

ในขณะที่วินกับเอ นั่งพิงกำแพงห้องขังอยู่ข้างๆ กัน
“เดี๋ยวเราจะไปทานข้าวกันที่ไหนดีครับ” วินแกล้งถามอย่างพยายามให้เห็นเป็นเรื่องตลก
“บ้าเหรอ”
“อ้าว ก็คุณบอกว่าคุณพ่อจะส่งคนมารับภายในหนึ่งชั่วโมง”
เอ นิ่งเงียบ วินพูดต่อ “ดูเหมือนว่าคุณไม่ค่อยเชื่อคุณพ่อคุณเท่าไหร่”
ทันใดนั้นเสียงปืนดังเติดกันหลายนัด เอกรีดร้อง แล้วรีบพรวดเข้าหลบข้างตัววิน วินขยับตัวบังไว้
เมื่อเสียงปืนเงียบลง ทั้งสองต่างมองหน้ากัน พลันไฟก็ดับพรึบ แล้วเสียงปืนดังขึ้น แล้วก็เงียบลง ไฟเปิดพรึบขึ้นมาอีกครั้ง
ทั้งสองต่างมองหน้ากันอย่างแปลกใจเมื่อเห็นประตูห้องขังเปิดอ้าอยู่

วินเดินนำเอ ออกมาจากห้องขัง พบว่าเป็นโรงงานร้าง ไม่มีใครอยู่ มองไปเห็นประตูด้านหน้าเปิดอยู่เช่นกัน
“รีบเผ่นกันเถอะครับ”
วินคว้ามือเอ แล้วพากันวิ่งออกไปทางประตูด้านหน้าอย่างรวดเร็ว ก่อนจะพบว่ามีรถเก๋งจอดอยู่หนึ่งคัน
วินพรวดเข้าไปมองดู เห็นกุญแจคาอยู่ในรถ
“เร็วครับ”
จากนั้นทั้งคู่ ก็รีบพรวดขึ้นรถ จากนั้นวินก็ขับบึ่งออกไปทันที

ขณะที่นั่งอยู่ในรถ เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น เอรีบกดรับสาย
“โอเค”
เอวางสาย จากนั้นก็หันมาบอกกับวิน “พวกมันบอกว่ารถของเราจอดอยู่ที่ศูนย์การค้า”
วินพยักหน้า แล้วรีบขับรถมาที่ลานจอดรถของศูนย์การค้า ก่อนจะจอดรถตรงหน้ารถของเอ
“กู๊ดบายรอบที่สองครับ หวังว่าคงถึงบ้านซะที”
“ขอบคุณ ที่มาช่วย หวังว่าคุณคงไม่เจ็บมาก”
วินยิ้ม “พรุ่งนี้คงระบมนิดหน่อย ขอบคุณที่เลือกตุ้มหูให้นะครับ”
เอ ยิ้มแล้วก็ขึ้นรถของตัวเอง แล้วขับออกไป วินยิ้มมองตาม พลางเอามือคลำที่หัวเล็กน้อย แล้วขึ้นรถขับ
ตามออกไป

“ไอ้สุชาติ มันรู้ได้ยังไงว่าเราคุมตัวลูกสาวนายประสิทธิ์ไว้ที่ไหน”
นายสมภพตะคอกถามเจ้าเม่นสมุนมือขวาเสียงดัง
“มันต้องมีคนแบคอัพระดับบิ๊กแน่พี่”
“บิ๊กแค่ไหนข้าไม่สน ข้าต้องเก็บมันให้ได้”
สมภพคำรามด้วยความแค้น



วินเดินเข้ามาที่คลับของโจ ในขณะที่เจ้าของคลับยืนอยู่หลังบาร์ กำลังตรวจเช็คเครื่องดื่มอยู่
เมื่อหันมาเห็นวิน โจก็แกล้งแหย่
“บาร์ยังไม่เปิดเพื่อน”
วินเดินเข้ามานั่งที่หน้าบาร์
“ดริ๊ง” โจหมายถึงเครื่องดื่มผสมแอบกอฮอร์ วินส่ายหน้า
“โค้ก”
“เพิ่งเลิกงานเหรอ” โจ ถามพลางยื่นโค้กเสิร์ฟให้เพื่อน
“ไปช้อปปิ้งมา ซื้อตุ้มหูให้ยายแนน”
“เหรอ เอ๊ะ ยังไม่ถึงวันเกิดแนนนี่”
“ยัง แค่ทิปนิดหน่อย”
โจยิ้ม วินยกโค้กดื่มวางแก้วถอนใจ โจจ้องสังเกต
“มีอะไรว่ามาเพื่อน”
“เจอสาว”
“คุณหนูไฮโซ”
โจเดา วินพยักหน้า
“นายยังไม่ได้บอกเขาว่านายคือคนที่ช่วยเขาไว้”
วินส่ายหน้า
“ฉันไม่อยากทวงบุญคุณใคร เขาไม่รู้น่ะดีแล้ว”
“จากเหตุการณ์ที่นายเล่าให้ฟัง ฉันว่านายมีปัญหาแล้วเพื่อน”
วินถอนหายใจ“นั่นนะซิ ฉันพยายามลืม แต่กลับยิ่งเจอ”
“ฉันว่านะ เขาคงแค้นนายเพราะนายไปว่าเขาเป็นไฮโซ มีเชื้อไม่โปร่งใส เขาก็เลยแก้แค้น ด้วยการ ทำให้นายหลงรัก แล้วหักอกนายเพื่อความสะใจ”
คราวนี้วินถึงกับขำ “นายนี่เน่าสุดๆ”
“หรือนายคิดว่าเขาชอบนาย” โจถามจี้ใจดำ
วินส่ายหน้า
“หา หา ใช่มะ ฉันว่านายห่างไว้เป็นดี ไม่ยังงั้นนายเสร็จแน่”
วินยกแก้วโค้กขึ้นกระดกพรวด พลางพยักหน้าเห็นด้วย
“ไปก่อนแล้วเพื่อน คืนนี้เจอกัน”
โจรับคำ “โอเค.”
วินเดินออกไป โจมองตาม

ที่ร้านอาหาร พนักงานเอาเครื่องดื่มมาเสิร์ฟ ที่โต๊ะของวิน ซึ่งมีแนน ทอม โจ นั่งอยู่พร้อมหน้ากัน
ต่างคน ต่างเปิดดูเมนูไปด้วย
“ตามสบายนะยายแนน เต็มที่ไปเลย”
“แน่นอนอยู่แล้ว”
โจ ยิ้ม แล้วแกล้งแหย่แนน “กินมากระวังอ้วนนะแนน”
“แหมพี่โจอย่าขัดคอ แนนกินยังไงก็ไม่อ้วน นึกออกแล้ว พี่โจบอกว่าจะพาแนนไปกินข้าว
ยังไม่เห็นพาไปซะที”
“โห ซวยเรา นึกว่าลืมไปแล้วซะอีก”
หลังจากที่อิ่มจากอาหารแล้ว วินก็ส่งกล่องของขวัญให้แนน
“โห พามาเลี้ยงแล้วมีของขวัญด้วย เนื่องในโอกาสอะไรคะเนี่ย”
“แค่ขอบใจที่แนนต้องเหนื่อยดูแลพี่เพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่งคนนอกเหนือจากคุณพ่อ”
แนนยิ้มหวาน
“อืม ถ้ายังงั้นน่าจะเป็นสองกล่องนะพี่วิน”
“ผู้หญิง ได้คืบเอาศอก” โจไม่วายเหน็บขำๆ
แนนแกะกล่องของขวัญออกมา “โห ตุ้มหู สองคู่แน่ะ ขอบคุณนะคะพี่วินกล่องเดียวสองคู่ ถือว่าโอเค
แท้งกิ้วค่ะ”
วินยิ้มพยักหน้า แนนยกขึ้นมาตรวจดู
“ว้าว สวยซะด้วย เลือกเก่งนี่พี่วิน”
“มีสาวช่วยเลือกให้”
“จริงเหรอ” แนนยกตุ้มหูขึ้นมาพิจารณา “สาวพี่วินรสนิยมเลิศน่าดู”
โจรีบเสริม
“ไม่เลิศได้ไงล่ะ ไฮโซอันดับต้นๆ ของเมืองไทยเลยนะ”
แนนตาวาว “จริงเหรอพี่วิน คนในคอมใช่มะ”
โจหันขวับมามองหน้าวิน “มีรูปด้วยเหรอเพื่อน”
วินอ้อมแอ้มปฎิเสธ “บังเอิญเกี่ยวกับเรื่องงาน”
แนนรีบบอก “ไม่เชื่อ”
ทอมตัดบท “โอเค โอเค แนน เลิกแซวพี่เขาได้แล้ว”
แนนหยุด ทอมตบไหล่วินเบาๆ วินได้แต่ยิ้มไม่พูด
“วิน พรุ่งนี้วันหยุด กินเสร็จแล้วไปต่อที่ผับดีมั้ย ให้คุณพ่อร้องเพลงซักหน่อย” โจเสนอ
“เย้ แนนไปด้วย”
วิน ส่ายหน้า “ไม่ไหวหรอก พรุ่งนี้ฉันมีสอนกอล์ฟเด็กๆ”
แนนหน้าง้ำ “โห..เซ็งอะ”

นายประสิทธิ์จอดรถ แล้วรีบลงจากรถ เดินพรวดๆ เข้าประตูบ้าน ซินดี้ออกมาต้อนรับ
“กลับมาแล้วเหรอคะ ป๋าขา”
“อย่าเพิ่ง”
นายประสิทธิ์ตะคอกด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด แล้วดินผ่านหน้าซินดี้เข้าบ้านไป ซินดี้มองตาม ด้วยความขัดใจ

ในขณะที่เอนั่งทำงานอยู่ที่โต๊ะทำงานในห้องนอน เสียงเคาะประตูดัง ตามมาด้วยเสียงนายประสิทธิ์
“เอ เปิดประตูหน่อยลูก”
เอ เดินไปเปิดประตู นายประสิทธิ์ รีบถามด้วยความร้อนใจ
“ลูกไม่เป็นไรใช่มั้ย”
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ไอ้พวกที่จับหนูไปคงคิดแค่จะขู่พ่อเท่านั้น”
“เอ ไปไหนต้องระวังตัวหน่อยนะลูก พ่อจะส่งคนมาคอยดู”
นายประสิทธิ์พูดด้วยความเป็นห่วง
“เอ ไม่เอาค่ะ เอาเป็นว่า คุณพ่อทำยังไงก็ได้อย่าให้เรื่องของคุณพ่อมากระทบกับ เอ”
พูดจบเอ ก็ปิดประตูใส่ นายประสิทธิ์ได้แต่ถอนใจ ในใจนึกเป็นห่วงลูกสาว

ที่สนามไดรฟ์กลอ์ฟ โม พิงค์ วุ้น เดินเข้ามาในสนาม ต่างอยู่ในชุดเตรียมมาตีกอล์ฟ พอลเข้ามา
ทักทาย
“มากันแล้วเหรอสาวๆ อ้าว คุณ เอ ล่ะ”
“เอ มีธุระเดี๋ยวจะตามมาเอง”
“โอเค..มาลองดูก่อน ที่นี่มีโปรเก่งๆ ผมนัดไว้ให้แล้ว ถ้าชอบก็เรียน ไม่ชอบก็ไม่เป็นไร”
พิงค์ เบ้ปาก “ไม่ไหวหรอก เล่นกอล์ฟเมืองไทย แดดแรงผิวเสียหมด”
“ก็แค่หัดเล่น พอตีเป็นก็บินไปตีที่ต่างประเทศก็ได้นี่นา” วุ้นเสนอทางออก
“พวกเธอนี่ไม่รู้เรื่องเลย ต่างชาติถือว่าประเทศไทยเป็นสวรรค์ของนักกอล์ฟเลยนะจะบอกให้”
“ใช่ มีแคดดี้สาวๆ คอยดูแล หนุ่มแก่ทั้งหลายถึงตั้งหน้าตั้งตาเล่นกอล์ฟกันพรึบ”
พิ้งค์พูดแบบติดตลก

จากนั้นพนักงานสาว ก็พาโปรกอล์ฟเข้ามาคนหนึ่ง พอลเข้าไปทักทายสนิทสนม
“ไง โปร ผมพาสาวๆ มาให้สอนหน่อย”
“ยินดีครับ”
“สอนอย่างอื่นด้วยหรือเปล่าคะ” โมถามพร้อมส่งตาหวานให้โปรรูปหล่อ
“งั้นเชิญที่ช่องไดร์ฟเลยดีกว่าครับ”



จากนั้นโปรหนุ่มรูปหล่อ ก็ยืนจับวงให้โม ในขณะที่พิงค์ วุ้น พอล ซ้อมตีอยู่ตามลำดับช่อง
“ เอ มาแล้ว”
วุ้น ร้องทักเสียงดัง
พอลหยุดตีหันไปก็เห็นพนักงานสาวพาเอเข้ามาถึงพอดี เอ เดินเข้ามาในชุดกลางวันเก๋ๆ แบบสบายๆ
“ลองหน่อยมั้ยครับคุณเอ”
“ตามสบายค่ะ วันนี้ เอ ขอดูก่อนดีกว่าค่ะ”
“งั้นเดี๋ยวผมมา”
“เชิญค่ะ”
พอลเดินออกไป วุ้นเดินถือไม้เข้ามา
“ไง วุ้น ชอบมั้ย” เอเอ่ยปากถามเพื่อนสาว
“ยากเป็นบ้า ไม่กล้าตีแรง กลัวเล็บเสีย”
“ก็เพิ่งเริ่มนี่ ต้องซ้อมอีกหน่อย”
“ไม่รู้จะไหวหรือเปล่า อายเด็กด้านโน้น ตีกันเก่งๆ”
เอหันไปมองดู วุ้นพูดเบาๆ
“ฉันว่าไปให้โปรคนนั้นสอนดีกว่า หล่อด้วย”
เอเพ่งมองไป พลางอดยิ้มไม่ได้ เพราะโปรที่วุ้นเอ่ยถึง ก็คือวินนั่นเอง

วินกำลังยืนคุมเด็กๆ อายุประมาณ 10-12 ขวบประมาณ 5 คนไดร์ฟกอล์ฟอย่างตั้งใจ วินเดินตรวจ ไปตามช่องต่างๆที่เด็กกำลังสวิงอยู่ แล้วตรงไปที่เด็กคนหนึ่ง พลางแก้การจับไม้ให้ถูกต้อง แล้วดูเด็กสวิง จนลูก
กระดอนไปไกล
“กู๊ด ช๊อต”
วิน ตะโกนอย่างดีใจ พร้อมๆ กับเสียงของเอดังสวนขึ้นมา
“อย่าบอกนะว่าคุณถูกไล่ออกจากงานแล้ว”
วินหันมา เห็นอยืนยิ้มอยู่ตรงหน้า ดวงตาวินเป็นประกาย
“ดูจากเสื้อผ้าคุณคงไม่ได้มาไดรฟ์กอล์ฟอย่าบอกนะครับว่าคุณเป็นเจ้าของสนามมาไล่ผม”
เอยิ้ม “ไม่ใช่หรอกค่ะ คุณไม่รู้เหรอที่เมืองไทย กอล์ฟเป็นกิจกรรมอย่างหนึ่งของคนไฮโซ”
“โอ้ สงสัยว่าผมคงต้องเลิกเล่นซะแล้ว ไฮโซไม่พอ”
เอยิ้มขำ “ฉันว่ามีใครรอคุณอยู่แน่ะ”
วินหันไป ก็เห็นเด็กๆ จับกลุ่มยืนมองมาที่เอ เด็กหญิง คนหนึ่ง เดินมาที่วิน พลางจ้องเอแล้วทำมือป้อง
ปากเหมือนจะกระซิบถาม วินทรุดตัวลงไปหันหูให้เตรียมฟัง เอจ้องเขม็ง เห็น ด.ญ. กระซิบเบาๆ เห็นวินยิ้มแล้วก็กระซิบกลับไป เด็กหญิงหันไปหาพวกส่ายหน้า
“โอ้วว” น้ำเสียงผิดหวัง เอมองอย่างสงสัย จากนั้นเด็กๆ ก็แยกย้ายไปเข้าช่องของตนตีกอล์ฟต่อ เด็กหญิงกระซิบถามวินอีก วินกระซิบกลับ เด็กหญิงพยักหน้า แล้วเดินกลับไปซ้อมต่อ เอ เหล่มองวิน
“เด็กถามอะไรคุณ”
“อ๋อ กอล์ฟสวิง ชิปปิ้ง”
“ไม่เชื่อ”
วินยิ้มยักไหล่ พนักงานสาวเดินเข้ามา
“คุณวินคะ เชิญที่ออฟฟิศหน่อยค่ะ”
“ได้ครับ” พลางหันมาทางเอ “ขอตัวก่อนนะครับ”
วินยิ้มแล้วเดินตามพนักงานสาวไป
เอมองตามวิน แต่แล้วเหมือนนึกออก หันมาทางเด็กหญิงที่ถามวิน ซึ่งกำลังตีกอล์ฟอยู่ที่ช่องของตน
เอ ยิ้มแล้วเดินไปหาเด็กหญิง
“เก่งจังเลยจ้ะ”
เด็กหญิงหันมา เอ ยิ้มกวักมือเรียก เด็กหญิงเดินเข้ามาหา
“หนูถามอะไรครูวินจ๊ะ”
“หนูถามว่าพี่เป็นแฟนครูวินหรือเปล่าค่ะ”
เอ ยิ้มขำ “แล้วครูวินบอกว่ายังไงจ๊ะ”
“ครูวินบอกว่าไม่ใช่ค่ะ”
“อ้อ แล้วอะไรอีกจ๊ะ”
“หนูถามว่าพี่เป็นใคร ครูวินบอกว่าพี่เป็นนางฟ้ามาตามหลอนครูวินค่ะ”
เอหน้าตูม

ในขณะที่พอลเดินเข้ามาตรงช่องของตน ไม่เห็น เอ หันไปถามวุ้น ที่อยู่ช่องถัดไป
“คุณ เอไปไหนแล้ว คุณวุ้น”
วุ้นหยุดตี “อ้าว วุ้นมัวแต่ตี ไม่เห็นเลยค่ะ”
แล้วทั้งคู่ก็กวาดสายตามองหา “อยู่ช่องโน้นแน่ะค่ะ”
“ไหนครับ”
“โน่นค่ะ คุยกับเด็กอยู่ตรงโน้น”
พอลมองตามแล้วเดินออกไป

“พวกหนูมาเรียนกับครูวินทุกเสาร์ อาทิตย์เหรอจ๊ะ”
เอยังคงถามเด็กหญิงต่อ
“ไม่ค่ะ แล้วแต่ว่าคุณครูจะว่างค่ะ”
“ครูวินคิดค่าสอนแพงมั้ยจ๊ะ”
“ครูวินสอนฟรีค่ะ”
ยังไม่ทันจะพูดอะไรต่อ เสียงพอลก็ดังขึ้น
“คุณเอมาอยู่นี่เอง”
“อ๋อ มาดูเด็กน่ะค่ะ ไปซ้อมต่อได้แล้วจ้ะ”
เด็กหญิงยิ้มแล้วเดินกลับไป เอลุกขึ้น
“ไปกันเถอะค่ะ”
เอเดินกลับไปที่ พอลเดินตาม เอเดินผ่านออฟฟิศ เห็นวินคุยอยู่กับผู้จัดการสนามอยู่
เอ เดินผ่านไปยังที่กลุ่มของตน
จากนั้นทุกคนตีกอล์ฟกันอยู่อย่างสนุกสนาน โดยเฉพาะพอล ที่พยายามโชว์ฟอร์ม เอมองไปยัง
กลุ่มเด็กๆ เห็นวินโบกมือให้เด็กๆ แล้วหิ้วถุงกอล์ฟเดินออกไปจากสนาม เด็กๆอยู่ซ้อมกันต่อ เอ สีหน้าครุ่นคิด
“ขอบคุณ คุณพอลมากนะคะ”
วุ้นเอ่ยกับพอล หลังจากพักดื่มน้ำเรียบร้อยแล้ว
“ยินดีครับ ขอโทษนะครับที่ผมมีถ่ายโฆษณาไม่ยังงั้นจะพาไปทานข้าวร้านอร่อย”
“ตามสบายค่ะคุณพอล” โมยิ้มให้พอล
“งั้นบ๋าย บาย ครับทุกคนแล้วเจอกันนะครับ คุณเอ”
“ตามสบายค่ะ”
พอลเดินออกไป วุ้นหันมาทางเอ
“นี่ ยายเอ ฉันเห็นนะยะ ชี้ให้ดูโปรหล่อแวบเดียว ยายเอไปคุยปร๋อแล้ว”
“จริงเหรอ ยายเอ” โมรีบถามทันที
“เว่อร์น่า ฉันเคยเจอแล้วก็แค่ทักกัน”
“เจอที่ไหนยะ ทำไมไม่เห็นรู้เลย” พิ้งค์คาดคั้น
“เจอที่งานเปิดตัวเครื่องดื่ม ไปกับคุณพอล”
“ไปเถอะ ฉันหิวข้าวแล้ว” โมตัดบท
“วันนี้ขอตัวนะ ฉันมีธุระ”
เอ พูดพร้อมกับลุกขึ้นเดินออกไป
“ยาย เอ แยกตัวอีกแล้ว”
โมแอบบ่นเบาๆ-

วินเดินเข้าบ้านมา ทอมกับแนนนั่งอยู่ในห้องรับแขก พร้อมกับอาจารย์โสภา และหลานสาวชื่อ
น้ำหวาน
“เข้ามาซิ วิน” ทอมหันมาทักลูกชาย วินเดินเข้ามา ทอมเอ่ยแนะนำ“นี่อาจารย์โสภา รุ่นเดียวกับพ่อ ตอนนี้สอนอยู่ที่มหาวิทยาลัยของแนน”
“สวัสดีครับ”
“นี่น้ำหวาน หลานอาจารย์ เพื่อนหนูเองค่ะ” แนนแนะนำบ้าง
น้ำหวานยกมือไหว้วิน ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่
“สวัสดีจ้ะ”
“อาจารย์โสภา มาชวนพ่อให้ไปเล่นคอนเสิร์ตการกุศล”
“อาจจะไม่มีใครบริจาคเงินนะครับอาจารย์”
วินแกล้งแหย่ อาจารย์โสภาพูดขำๆ
“ทำไงได้ คุณทอมเล่นฟรีก็ต้องชวนไว้ก่อน ถ้ายังไงขอเชิญวินด้วยนะ”“ขอบคุณครับ ยินดีที่ได้รู้จักทุกคนครับผม ต้องขอตัวก่อนนะครับ”
“ตามสบายลูก เชิญอาจารย์ทางนี้ครับ ผมอยากขอรายละเอียดเรื่องงานซักหน่อย” ทอมพาอาจารย์โสภาไปยังห้องเปียโน ในขณะที่น้ำหวานหันมากระซิบกับแนน
“พี่ชายเธอ เท่เป็นบ้าเลย”
“เสียใจด้วย พี่ชายฉันเจอสาวแล้ว ไฮโซด้วย”
น้ำหวานตาโต

ในขณะที่เอ ยืนแปรงฟันอยู่ หน้ากระจกในห้องน้ำ พลันภาพในกระจกก็แปรเปลี่ยนเป็นภาพของวิน
“ตาบ๊อง ว่าเราตามหลอน”
ภาพวินในกระจกหัวเราะชอบใจ เอพลอยยิ้มขำไปด้วย
“กวนชะมัดยาด”
จากนั้นใบหน้าของวินก็หายไป เอแปรงฟันเสร็จแล้วเดินออกไปจากห้องน้ำ

เอ เดินเข้ามายังล็อบบี้ของโรงแรมหรู พลางกวาดสายตามองไปรอบๆ ก็เห็นหญิงสาวคนหนึ่ง ยืนขึ้นจากเก้าอี้ กางแขนออก แล้ว เดินเข้ามาหา
“ยาย เอ”
“เฮ้ จินนี่”
แล้วทั้งคู่ก็โผเช้ากอดกันอย่างดีใจ “ไปดื่มอะไรนั่งคุยกันก่อนดีกว่าแล้วค่อยพาไปช้อปปิ้ง”
“ดีเหมือนกัน ไอตื่นสายหิวเป็นบ้า”
จากนั้นทั้งสองสาวต่างหัวเราะกัน
พนักงานเสิร์ฟถือถาดซึ่งมีน้ำผลไม้สองแก้ว มายังที่โต๊ะของเอกับจินนี่ แล้วเสิร์ฟลงบนโต๊ะ
สองสาวต่างยกแก้วขึ้นชนกัน
“เชียร์”
“เชียร์”
“ว่าไงจ๊ะยู ได้ข่าวว่ามีแฟนเป็นหนุ่มไฮโซเซเลบเหรอ เร็วเหมือนกันนะกลับมาแค่หกเดือนเอง”
จู่ๆ จินนี่ก็ถามขึ้น
เอ ยิ้ม สายหน้า “โน แค่คุยกันถูกคอเท่านั้น”
“เจมส์เขาอกหักเลยนะ ตอนเธอกลับมาเนี่ยยังหวังว่าเธอจะกลับไปอยู่เอมริกา”
“คงไม่หรอก คิดว่าจะอยู่ที่นี่”
“เอ๊ะ เจอใครล่ะซิ”
เอ ยิ้มไม่ตอบรับ แต่ก็ไม่ปฎิเสธ
“แบบนี้ชัดเลย he เป็นใคร บอกมาให้หมด”
“ ไม่รู้เหมือนกันว่าเป็นใคร”
“อ้าว” จินนี่หน้าเหวอ
“ที่รู้แน่ๆ เขาไม่มีวันชอบฉันหรอก”
“ทำไมเขาถึงจะไม่ชอบเธอ เธอทั้งสวยทั้งรวยทั้งฉลาด ไม่ฉาบฉวยไฮโซเหมือนคุณหนูเจ้า
ปัญหาทั้งหลาย”
“เหตุผลสำคัญคือฉันเป็นคุณหนูที่มีคุณพ่อมีชื่อเสียงในทางไม่ซื่อน่ะซิ”
“อืม ก็จริงนะ” จินนี่เริ่มคล้อยตาม
“ขอบใจนะยะ”

เอ พาจินนี่ออกมาเดินช้อปปิ้ง พลางเดินคุยไปตามทาง
“ความจริงคุณพ่อเธอเป็นคนไม่ซื่อ แต่เธอไม่เกี่ยวนี่”
“ใครเขาจะเชื่อ ว่าฉันไม่ได้ถลุงเงินที่คุณพ่อฉันหามา”
เอพูดพลางแอบถอนหายใจเบาๆ
“อืม จริงซินะ มีพวกลูกหลานคนพวกนี้เยอะ ที่เอาเงินพ่อที่หากินไม่ซื่อมาอวดรวยข่มชาวบ้าน”
เอ พยักหน้า
“เธอแน่ใจนะ ว่าเขาไม่ใช่แค่พูดเพื่อสร้างภาพตัวเอง”
“โน เขาพูดออกมาเลยว่าเขาจะไม่สนคุณหนูอย่างฉัน”
จินนี่ ยิ้มให้เพื่อนสาว
“เฮ้ย ฉันเจอมาเยอะแล้ว อุดมกง อุดมการณ์ พอเจอ หน้าสวยๆ หน้าหวานๆ หรือเงิน ก็ลืมหมด ไม่ยังงั้นคุณหนูไฮโซพวกนั้นจะหาคนแต่งงานได้เหรอ”
“ก็กำลังดูอยู่เหมือนกัน ว่าจะอุดมการณ์ซักแค่ไหน” เอ ยิ้มเหมือนมีแผนการณ์ในใจ
“นี่เธอคิดจะหว่านเสน่ห์เอาชนะล่ะซิ เสียเวลาเปล่า เกิดเขาอุดมการณ์ขึ้นมาจริง เธอก็อกหัก
งานนี้มีแต่เสียกับเสีย”
“ฉันไม่สนเรื่องอกหัก แค่อยากจะเจอคนจริงเท่านั้น”
จินนี่ส่ายหน้า “เธอนี่ร้ายนะจ๊ะ เกิดเขาทิ้งอุดมการณ์แล้วมาชอบเธอล่ะ”
“ก็คงน่าเสียดาย เพราะฉันไม่สนผู้ชายแบบนั้น”
เอ ยืนยันเสียงแข็ง

จากนั้นเอ กับ จินนี่เดินเข้ามาในห้องล็อบบี้โรงแรมเดิม
“ขอบใจมากนะจ๊ะสำหรับทุกอย่าง”
เอส่งถุงที่ถือมาให้จินนี่
“ฉันอิจฉาเธอนะจินนี่ เธอเป็นคุณหนูไฮโซที่คุณพ่อเป็นคนตรงไปตรงมาคนเดียวที่ฉันรู้จัก”
“เธอก็เป็นคุณหนูไฮโซ ที่ไม่ใช้เงินของคุณพ่อที่ไม่ตรงไปตรงมาคนเดียวที่ฉันรู้จักเหมือนกัน”
แล้วทั้งคู่ก็โผเข้ากอดกันอีกครั้ง ก่อนที่จะผละออกมา
“อย่าไปสนใจว่าคนจะคิดยังไง เธอรู้ว่าเธอเป็นคนดีก็พอแล้ว แล้วถ้าตาอุดมการณ์บ้าบอคนนี้ ไม่รู้จักค้นหาว่าตัวตนของเธอเป็นยังไงแล้วละก็ เฟอร์เกต อิท”.
“ใช่ ยังไงฉันก็มีเจมส์รออยู่ที่โน่นทั้งคน”
แล้วทั้งสองต่างหัวเราะขึ้นมาพร้อมกัน
“บ๊าย บาย นะจ๊ะ แล้วเจอกันก่อน ไอ กลับ”
เอ รับคำ “โอเค.”
จินนี่เดินออกไปจากล็อบบี้ ขึ้นไปยังห้องพักบนโรงแรม เอ มองตาม แต่แล้วก็มีเสียงชายหนุ่ม
ดังขึ้นจากบริเวณที่นั่งด้านหลัง
“สวัสดีครับ คุณ เอ”
เอ หันมามอง
“ผมสมภพครับ”
เอ มองยิ้มให้ “ฉันจำคุณได้ค่ะ”
“เชิญนั่งก่อนมั้ยครับ”
“ไม่เป็นไรค่ะ ดิฉันกำลังรีบ มีอะไรคะ”
“ถ้าคุณไม่รังเกียจ ผมอยากจะมีส่วนร่วมกับคุณเรื่องการบริจาคเงินให้มูลนิธิเด็ก”
เอยิ้ม “เชิญติดต่อที่มูลนิธิเด็กได้เลยค่ะ”
“คือผม”
“ดิฉันไม่เกี่ยวข้องกับธุรกิจใดๆ ของคุณประสิทธิ์ คงช่วยอะไรคุณไม่ได้ขอโทษนะคะ”
เอพูดอย่างตรงไปตรงมา แล้วรีบเดินออกไป นายสมภพมองอย่างไม่สบอารมณ์ ในขณะที่เม่น
ซึ่งเป็นสมุนมือขวาเดินเข้ามา
“ทำเป็นหยิ่ง วันนึงต้องเจอดี”
“จะให้ผมจัดการมั้ยครับ”
“ใจเย็นไว้ นายประสิทธ์มันเส้นแข็งเหมือนกัน ไอ้สองตัวที่คิดจับลูกสาวมันไปเรียกค่าไถ่เมื่อ
สามสี่เดือนก่อนหายสาบสูญไปแล้ว ยังไม่มีใครหาเจอ”

ในระหว่างที่แนนนั่งรอทอมอยู่ที่ห้องโถงที่โรงพยาบาล เห็นโจเดินเข้ามา แนนรีบลุกขึ้นทักทาย “อ้าว พี่โจ มาทำอะไรคะ”
“อ๋อ เผอิญที่โทรมาคุยกับหมอโจ๊ก หมอโจ๊กบอกว่าแนนพาคุณพ่อมาตรวจเช็คพี่ว่างก็เลยแวะมา”
“ดีจัง”
“นึกว่าวันหยุด วินจะพาคุณพ่อมาซะอีก”
“บังเอิญมีทีมงานโทรมาตอนเช้า ว่าสปอตโฆษณามีปัญหา พี่วินเลยต้องเข้าไปดูที่ห้องตัดต่อค่ะ”
แนนเล่าตามสิ่งที่ได้ยินมา
“วันหลังถ้าจะมา บอกพี่ก็ได้นี่ พี่จะไปรับ”
“เกรงใจพี่โจ ผับเลิกดึก กว่าจะตื่น”
“พี่ตื่นเช้าอยู่แล้ว พี่ไม่ใช่ใครอื่น โอเค”
แนน ยิ้มรับ “โอเค นั่นคุณพ่อมาแล้ว”
หมอโจ๊กกับทอมเดินมาคู่กัน
“ไง หมอ”
“เรียบร้อยดีเพื่อน”
“สวัสดีค่ะคุณหมอ”
เสียงทักทายดังมาจากด้านหลัง ทั้งหมดหันมา ก็เจอ เอ ยืนอยู่ แนน มองอย่างชื่นชม โจ มอง ตะลึงในความสวย ในขณะที่ทอม ก็ทึ่งไปเหมือนกัน
“สวัดดีครับคุณ เอ วันนี้มาสายนะครับ”
“ค่ะ ช้าหน่อย พาเพื่อนมาจากอเมริกาไปช้อปปิ้งมาน่ะค่ะ”
แนน รีบแทรกขึ้นมาทันที “พี่ชายหนู ก็ เพิ่งมาจากอเมริกาค่ะ”
เอ หันมามองแนน พลางยิ้มให้ แนนมองเอ และนึกชอบขึ้นมาทันที
“แนน อย่าเสียมารยาทลูก”
เอ หันมายิ้มให้ทอมอย่างสุภาพ “ไม่เป็นไรหรอกค่ะ”
หมอโจ๊ก รีบแนะนำ
“อ้อ คุณ เอ ครับ นี่คุณพ่อทอม คุณโจเพื่อนซี้ผมและน้องแนน”
เอ ยกมือไหว้ทอม และ โจ ก่อนที่จะหันมารับไหว้แนน ที่มองอย่างไม่วางตา
“พี่เอ สวยจัง เป็นนางแบบหรือเปล่าคะ หน้าคุ้นๆ”
“ไม่ใช่หรอกค่ะ”
“มีคนมาชวนเยอะ แต่คุณเอยังเล่นตัวอยู่”
เอ ยิ้ม แล้วจู่ๆ แนนก็โพล่งขึ้น
“แนนจำได้แล้ว ว่าเคยเห็นพี่เอที่ไหน”
“ ที่ไหนเหรอคะ”
“แนนเห็นรูปพี่เอในคอมพิวเตอร์ของพี่วินค่ะ”

ประโยคบอกเล่าซื่อๆ ของแนน ทำเอาเอถึงกับอึ้ง เพราะคาดไม่ถึง อะไรโลกจะกลมขนาดนี้!

อ่านต่อตอนที่ 2
กำลังโหลดความคิดเห็น