เรือนริษยา ตอนที่ 9
เรือนรัตนะ เช้าวันใหม่ ภายในห้องนอนนันทนัชรูปรำเพยที่ถูกรณฤทธิ์ฉีกขาด ในสภาพยับเยิน มีเทปใสติดอยู่ทั่วทั้งใบ เพื่อประคองให้เศษรูปที่ถูกฉีกติดอยู่ด้วยกัน บางแห่งก็ขาดแหว่งไปเพราะหาซากไม่เจอ นันทนัชบรรจงสัมผัสที่เศษรูปนั้นอย่างแผ่วเบา เหมือนกลัวจะแหลกสลายไปกับมือฉะนั้น
ความทรงจำในอดีต ลิตรหยิบรูปออกมาใบหนึ่ง ยื่นให้ลูกสาวในชุดนักเรียนมัธยมต้น
“นี่รูป”
“แม่รำเพยของลูกไง”
ตั้งแต่เกิดมานันทนัชไม่เคยได้เห็นหน้าแม่ ไม่เคยเห็นแม้แต่รูปถ่ายเพราะลิตรสั่งเก็บไปหมดทั้งบ้าน ทำเอาเธอน้ำตาร่วงเผาะ
"แม่...แม่รำเพยของนันสวยขนาดนี้เลยเหรอคะพ่อ”
ลิตรพยักหน้า น้ำตาซึม
“ขอบคุณมากค่ะพ่อ นันสัญญาค่ะว่าจะเก็บรักษารูปของแม่ไว้ให้ดีที่สุด ขอบคุณค่ะพ่อ”
นันทนัชกราบที่อกลิตร ลิตรกอดลูกสาวไว้
สายตาของเธอมีคำถามมากมาย
“แม่จ๋า แม่บอกนันหน่อยได้มั้ยจ้ะ สิ่งที่ยัยฤทัยพูด มันไม่ใช่เรื่องจริง”
เสียงหัวเราะร้ายกาจของฤทัย ดังขึ้นมาในหัวของเธอ
“อุ้ยต๊ายตาย นี่นังทิพย์ยังไม่ได้เล่าให้ฟังเหรอ ว่าตอนที่แม่แกตั้งท้องแกน่ะ พ่อแกเป็นผัวพี่สาวแม่แกอยู่ แต่แม่แกไปแย่งผัวพี่สาวมา"
“หยุดนะ! อย่ามาใส่ร้ายแม่ฉัน”
“ใส่ร้ายเหรอ...ฮ่ะๆๆ ขอเปลี่ยนเป็นสาปแช่งดีกว่า นังรำเพยแม่ของแกน่ะ มันสมควรตายแล้ว มันแย่งผัวพี่สาวที่มีพระคุณของตัวเอง มันทำให้คุณนายเรไรต้องตรอมใจตาย มันเนรคุณ เลี้ยงไม่เชื่อง”
เธอนึกอะไรบางอย่างได้
“ใช่...น้าทิพย์ไงที่จะรู้เรื่องทุกอย่าง”
นันทนัชเดินลงมาจากชั้นสอง มุ่งไปหน้าที่หน้าบ้าน เธอรู้สึกได้ว่า มีสายตาของใครบางคนมองอยู่ เธอเตรียมพร้อม ซุกมือลงไปในกระเป๋าถือ สายตาเธอไม่เห็นใคร ก่อนที่ศรีจะยิ้มซื่อเข้ามาดึงมือเธอไว้
“เดี๋ยวค่ะ คุณนัน"
“อ้าวศรี...มีอะไรทำไมโผล่มาเงียบ ๆ แบบนี้”
เธอเอามือออกจากกระเป๋าที่ซุกเตรียมพร้อมไว้
"คุณนันจะออกไปข้างนอกเหรอคะ"
เธอพยักหน้าแทนคำตอบ
ศรีหันไปมองทางหน้าบ้าน ก่อนจะดึงนันทนัชออกไปข้างบ้าน
“อะไรเนี่ย ศรี จะทำอะไร"
เธอพยายามฝืนตัว แต่ศรีไม่ยอม ดันนันทนัชออกไปจนได้
ศรีกึ่งลาก กึ่งจูงนัเธอออกมาที่สวนข้างบ้านซึ่งมองเห็นลานจอดรถของเรือนรัตนะ พร้อมกับพยักเพยิดให้นันทนัช มองไปที่ลานจอดรถ
"คุณนันดูโน่นสิคะ"
เธอมองตามศรีไปที่ลานจอดรถ เห็นฤทัยในชุดคลุมชุดนอน กำลังสั่งการอะไรบางอย่าง กับชายฉกรรจ์หน้าเหี้ยมสองคนที่ยืนรับฟังคำสั่งอยู่ ไม้ยืนคุมเชิง อยู่ใกล้ๆ คอยกวาดตามองระแวดระวังภัยไปทั่วบริเวณบ้าน
ชายฉกรรจ์พยักหน้ารับ แล้วขยับตัว ออกห่างจากฤทัย เผยให้เห็น รถคันหรูของลิตรที่ที่นันทนัชเอาไปใช้นั้น ล้อทั้ง 4 หายไป เธอตกใจ
"ยัยแม่มด มันจะมากไปแล้วนะ"
เธอจะขยับตัวจะเข้าไปเอาเรื่องด้วยความโกรธสุดขีด ศรีต้องดึงไว้สุดกำลัง และพยายามไม่ส่งเสียงดัง
"คุณนันคะ อย่าเข้าไปค่ะ....มันอันตราย"
นันทนัชโมโหสุดขีด
“ศรี ปล่อยฉันนะ”
ไม้ได้ยินเสียงดังแว่วๆ เลยขยับออกมา ดูลาดเลา ศรีดึงเธฮเข้าไปหลบ
"คุณนันค่ะ ฟังศรีก่อนนะคะ ถ้าคุณนันเข้าไปตอนนี้ พวกนั้นต้องทำร้ายคุณนันแน่ๆเลยค่ะ อย่าเข้าไปเลยนะคะ เชื่อศรีเถอะนะคะ”
คำว่าทำร้ายของศรี สะกิดความรู้สึกเจ็บที่แก้ม ข้างที่โดนฤทัยตบเมื่อวาน นันทนัชเอามือลูบแก้มของตัวเองช้าๆ เหมือนจะเตือนสติตัวเอง ให้ใจเย็นๆลง ศรีมองให้แน่ใจ ว่านันทนัช สงบแล้ว จึงค่อยปล่อยตัว เธอเจ็บใจจนพูดอะไรไม่ออก
“ถ้าคุณนันจะไปข้างนอก เดี๋ยวศรีไปเรียกรถให้นะคะ”
ศรี ยิ้มซื่อ จริงใจ ให้กับเธอ จนเธอรู้สึกได้ถึงความห่วงใย ที่ศรีมีให้ตัวเธออย่างจริงใจ เลยพยายามยิ้มตอบ
“ขอบใจจ้ะศรี งั้นเธอไปเรียกรถมาเถอะ นันไม่ออกไปหรอก คราวนี้ยายแม่เลี้ยงนั่นชนะ แต่คราวหน้าฉันไม่ยอมแน่ๆ”
เธอมองไปทางลานจอดรถ อย่างฝากแค้นที่ต้องกลับมาหาทางเอาคืนให้ได้
ไม้เดินกลับมาที่รถ ฤทัยหันมาถาม
"มีอะไรไม้"
ไม้ส่ายหน้า
ไม่มีครับ ผมได้ยินเสียงคนพูด เลยคิดว่านังคุณหนูนั่นมันลงมา แต่พอไปดู ก็ไม่เห็นมีใคร"
ฤทัยมองไปทางเรือนรัตนะ
"ให้มันลงมาตอนนี้ เลยก็ดี รับรองว่าคราวนี้ มันจะต้องเจอของแข็งกว่าเมื่อวานแน่ๆ ต่อไปนี้ชั้นจะไม่รามือให้มันอีกแล้ว ถ้ามันคิดว่าจะมาเสวยสุขอยู่ในเรือนรัตนะแล้วล่ะก้อ มันคิดผิดอย่างไม่น่าให้อภัยเลยล่ะ"
ฤทัย หันมองรถที่ถูกชำแหละ อย่างสะใจ
ทิพย์เดินถือตะกร้าจ่ายกับข้าวออกมจากร้านแฟนต้า นันทนัชเห็นจากในรถแท็กซี่พอดี
"พี่คะ...จอดแป๊บนึงค่ะ"
รถจอด นัทนัชรีบลงจากรถมาหาทิพย์ทันที เธอแปลกใจ
"คุณนัน"
"น้าทิพย์ไปกับนันหน่อยนะคะ นันมีเรื่องอยากคุยด้วย"
ทิพย์ไม่มีโอกาสตอบ เพราะนันทนัชรีบลากทิพย์ขึ้นรถ
บริเวณตลาดชาวบ้าน บรรยากาศสดชื่น คึกคัก ของตลาดสดที่ชาวบ้านนำพืชผล สินค้าทางการเกษตรมาวางขาย ในบรรยากาศเป็นกันเอง ทิพย์เดินเลือกซื้อสินค้า ที่เป็นพืชผักแบบบ้านๆ และสมุนไพรหน้าตาแปลกๆ โดยมีนันทนัช เดินตามด้วยหน้าตาที่หม่นหมอง
ทิพย์ยิ้มอบอุ่น แสนดี
“ตกลงคุณนัน อยากคุยอะไรกับน้าคะ”
“น้าทิพย์ ช่วยเล่าเรื่อง ของพ่อ แม่ แล้วก้อ...ป้าเรไร ให้นันฟังหน่อยได้มั้ยคะ”
ทิพย์อึ้ง หน้าเปลี่ยนไปทันที
เธอมองหน้าทิพย์อย่างขอร้อง โดยไม่ได้สังเกตสีหน้าและแววตาที่แข็งกร้าวที่ผ่านเข้ามาบนใบหน้าของทิพย์ เพียงชั่วพริบตา
“นะคะน้าทิพย์”
ทิพย์แสดงอาการลังเลใจ
"คุณนันคะ...เรื่องพวกนั้นมันผ่านมานานแล้วนะคะ แล้วเรื่องบางอย่าง เราก็ไม่สมควรไปรื้อฟื้นมันขึ้นมาอีก ปล่อยให้มันถูกฝังไปพร้อมกับเวลาที่ผ่านไปแล้วเถอะค่ะ”
นันทนัชสบตาทิพย์ แสดงความมุ่งมั่น
“แต่ถ้าเรื่องทั้งหมด มันเกี่ยวพัน กับเกียรติและศักดิ์ศรีของคนที่เรารักล่ะคะ เราควรจะปล่อยให้มันถูกเหยียบย่ำ ทำลายจากคนชั่ว คนโกงที่คอยสูบเลือด สูบเนื้อและตักตวงผลประโยชน์เข้ากระเป๋าตัวเองเหรอคะ”
ทิพย์มองหน้านันทนัช และพอจะเข้าใจในกลุ่มคนที่พูดถึงอยู่
“นะคะน้าทิพย์ อย่างน้อยก็ขอให้นันได้ฟัง ความจริงทั้งหมด จากปากของน้าทิพย์ คนที่นันรักและเคารพไม่ต่างจาก พ่อกับแม่ของนันเลยนะคะ”
ทิพย์ถอนหายใจอย่างอึดอัด ลำบากใจ เธอยื่นมือไปจับมือทิพย์เบาๆแบบขอความเห็นใจ เธฮสูดลมหายใจ เหมือนจะรวบรวมความรู้สึกทั้งหมด ก่อนจะตัดสินใจ
“ค่ะคุณนัน งั้นน้าจะเล่าทุกอย่างฟัง ตามที่น้ารู้มานะคะ”
ทิพย์เหม่อมองออกไปไกล แสนไกล เหมือนจะดึงความทรงจำทั้งหมดในอดีต กลับมา
“น้ารู้จักกับคุณลิตร พ่อของคุณนันมานานมาก นานก่อนที่คุณลิตรจะรู้จักกับ คุณเรไร คุณรำเพย และเรือนรัตนะ”
27 ปีที่แล้ว ลิตร ในวัยหนุ่ม เดินถือห่อผ้าสีขาวที่ได้รับจากพ่อเฒ่าเข้ามาในห้องเช่าสี่เหลี่ยมแคบๆ สกปรกๆ เขามองไปรอบห้อง อย่างหงุดหงิดใจ ชีวิตสิ้นไร้ไม้ตอก
เสียงทุบประตู ดังขึ้น ลิตรสะดุ้ง หันไปมองที่ประตูหน้าห้องเช่า ที่หน้าประตูห้องลิตร นักเลงปลายแถว หน้าตาเถื่อนๆ 3 คน ทุบประตู เรียก
นักเลง1ร้องเรียก
"ไอ้ลิตร เปิดประตู"
เงียบ ไม่มีเสียงตอบรับจากคนในห้อง นักเลง 2 จับลูกปิดประตูเขย่า พร้อมกับตบประตูเสียงดัง
นักเลง1บอก
"ไอ้ลิตร กูรู้ว่ามึงอยู่ในห้อง เปิดประตู เปิด"
ในห้องเช่าลิตรตกใจ รีบหาที่หลบ แต่ในห้องสี่เลี่ยมเล็กๆนั้น ไม่มีที่ให้ลิตร หลบซ่อนได้ เขาเครียด
นักเลง1
"มึงจะออกมาดีๆ หรือจะให้พวกกูพังประตู เข้าไปลากคอมึงออกมา"
ลิตรตัดสินใจพุ่งไปที่กองเครื่องนอน ใช้หมอน มุ้ง ผ้าห่มพรางตัว ไม่ให้ถูกจับได้ จังหวะที่ลิตรเข้าไปซ่อนตัวในกองผ้าห่ม ประตูห้องเก่าๆ ก็ถูกกระชากออก นักเลงทั้ง 3 เดิน ย่างสามขุมเข้ามาในห้องอย่างเตรียมพร้อมที่จะเล่นงาน ลิตรในกองผ้าห่ม เหงื่อตก ไม่กล้าแม้แต่จะหายใจ
นักเลง 3 บอก
"มันไม่อยู่จริงๆแหละพี่"
นักเลง1 บอก
"ก็รถมอไซค์มันจอดอยู่ที่หน้าห้อง แล้วตัวมันจะไปไหนได้ว่ะ"
"ถึงมันไม่อยู่ ก็ต้องฝากข้อความถึงมันหน่อยนะพี่" นักเลง 2 ว่า
นักเลง1บอก
"เออ...เอาเลย ข้าไปรอข้างนอก"
นักเลงที่เหลือในห้อง 2 คนรื้อค้นของในตู้เสื้อผ้าพลาสติกเก่าๆ แล้วก็พังตู้จนเละเทะ จากนั้นก็มุ่งหน้าไปที่กองเครื่องนอนที่ลิตร ซ่อนตัวอยู่ ลิตร หน้าซีด ตาเหลือก เหงื่อกาฬไหลทะลัก แต่เหมือนมีระฆังช่วยชีวิต เมื่อนักเลง1 โผล่หน้าเข้ามาบอก
"เฮ้ย...พอได้แล้ว เสียเวลา ไปจัดการรายอื่นต่อดีกว่า เดี๋ยวค่อยวนกลับมาทวงมันใหม่"
ลิตรถอนใจอย่างโล่งอก
นักเลงทั้ง 2 คนเดินออกไป ฝากแค้นไว้ด้วยการถีบประตูเป็นรอยเท้า ก่อนจะเดินหัวเราะด้วยความสะใจออกไป ลิตรนั่งฟังจนแน่ใจว่า พวกนักเลงทวงหนี้ ไปหมดแล้ว จึงค่อยๆโผล่หน้าออกมาดูเห็นห้องตัวเองถูกถล่มพังยับเยิน ในสภาพเละเทะยิ่งกว่าเก่า เขาแค้นใจ
"ไอ้พวกหมาหมู่ ไอ้เดนสังคม ฝากไว้ก่อนนะมึง สักวันกูจะเอาคืนจากพวกมึงให้สาสมเลย"
ลิตรตะโกนใส่ ความว่างเปล่าตรงหน้าอย่างโกรธแค้น
บรรยากาศการค้าขายในตลาดตอนเช้า มีชาวบ้านออกมาจับจ่าย ซื้อของกันคึกคัก บริเวณหน้าร้านข้าวแกง มีลูกค้ามายืนรอซื้อกับข้าวถุงอยู่หลายคน ทิพย์ในวัยสาว ประมาณ 20 ต้นๆ กำลังช่วยแม่ตักกับข้าวใส่ถุง มือเป็นระวิง แม่ทิพย์ ขายของไป ก็พูดจาทักทาย ทุกคนที่ผ่านไปมา พ่อเลี้ยงทิพย์ นั่งหน้าตาแดงก่ำยังไม่สร่างเมา แต่สายตาจับจ้องไปที่ลูกเลี้ยงไม่วางตา ลิตรเดินหน้าบึ้ง ผ่านหน้าร้าน ทิพย์ ยิ้มดีใจ รีบตะโกนเรียกไว้
"พี่ลิตร พี่ลิตร"
ลิตรหยุดมองเห็นเป็นทิพย์ จึงยิ้มโปรยเสน่ห์ให้
"วันนี้มาทำงานกับเถ้าแก่เหรอจ้ะ"
ลิตรพยักหน้ารับ แล้วรีบเดินตรงไปที่ร้านขายส่งร้านใหญ่ประจำตลาด แม่ทิพย์ดูไม่ค่อยชอบใจ บรรดาลูกค้าที่สนิทกัน หันมาเมาท์กันต่างๆนาๆ ทิพย์ไม่สนใจ ตักกับข้าวขาย หน้าตาอิ่มเอิบ
ลิตรเดินเลี้ยวเข้าไปในร้าน ผ่านหน้าเมียเถ้าแก่ ซึ่งเป็นสาวใหญ่วัยดึก ที่กำลังนั่งคิดเงินอยู่ที่โต๊ะ
เมียเถ้าแก่เสียงหวาน
"อ้าว ลิตรทำงานแล้วเหรอ หายไปไหนมาหลายวันเลย"
ลิตรหันไปยิ้มโปรยเสน่ห์ให้ แต่ไม่ทันได้พูดะไร เสียงด่าของเถ้าแก่ ก็ดังมาก่อนตัว
"ลื้อหายหัวไปไหนมาตั้งหลายวัน ห่ะไอ้ลิตร งานอั้วชิกหายหมด ลูกค้าสั่งของไว้ก็ไปส่งไม่ได้ ลื้อจะหยุดทำไมไม่บอกอั๊วก่อน"
ลิตรหงุดหงิด
"ลื้อจะบ่นหาอะไรว่ะ ลูกน้องลื้อมีตั้งหลายคนก็ให้คนอื่นทำงานบ้างสิ จะมารอใช้อั๊วคนเดียวไม่ได้นะโว้ย"
ทุกคนตกใจที่ลิตร ขึ้นเสียงใส่ เถ้าแก่โมโหเดือด เสียหน้าที่โดนลิตรตอกกลับอย่างไม่ไว้หน้า
"ถ้าลื้อไม่อยากให้อั๊วใช้งานลื้อ งั้นลื้อก็ไปหางานที่อื่นทำเลย"
ลิตรตกใจ
"โธ่อาลิตร ลื้อน่ะมันขี้เกียจตัวเป็นขน ให้ทำงานก็อู้ เงินทองก็ไว้ใจไม่ได้ สิบบาทยี่สิบบาทลื้อก็เอา คนแบบลื้อใครทำงานด้วยก็ชิกหาย หมดตัว"
เถ้าแก่ร่ายยาวไม่ยอมให้ใครขัด ลิตรตกใจที่โดนไล่ออกกระทันหัน โกรธเถ้าแก่ที่โดนด่าประจาน
"มึงกล้าด่ากูเหรอ ไอ้เถ้าแก่ปากหมา"
ลิตรกระโดดเข้าไปจะทำร้าย เถ้าแก่จะกระโดดหนี ลูกน้องแถวนั้น เข้ามาขวางไว้
"พวกมึงอย่ายุ่ง วันนี้กูจะเหยียบปากไอ้เถ้าแก่หน้าเลือดนี่ ให้กลืนข้าวต้มไม่ลงเลยมึง"
ลูกน้องเถ้าแก่ไม่ยอมหลีก
"เอ็งออกไปดีกว่าไอ้ลิตร อย่ามาทำกร่างแถวนี้เลย คนแถวนี้เค้าไม่ชอบหน้าเอ็งสักเท่าไหร่หรอก"
ลูกน้อง 2 บอก
"หรือว่าเอ็งอยากให้เถ้าแก่ พาเอ็งไปหาเฮียสง เฮียสงเค้าคงอยากถามเรื่องเงินกับเรื่องน้องสาวของเค้าที่เอ็งไปขโมยมา"
ลิตรชะงัก อึ้ง ไม่คิดว่าจะโดนไม้นี้
เถ้าแก่หัวเราะใส่หน้า
"มึงคิดว่าไม่มีใครรู้เรื่องที่มึงไปก่อไว้เหรอไอ้ลิตร มึงน่ะมันตัวชิกหาย ตัวซวย สร้างความเดือดร้อนไปทั่ว มึงออกไปจากร้านกูเลย ไป!"
ลิตรทั้งโกรธ ทั้งอายที่โดนประจานต่อหน้าชาวบ้านมากมายที่มามุงอยู่หน้าร้าน ชาวบ้านต่างซุบซิบ นินทา หัวเราะเยาะสนุกปาก ลิตรหันไปมองตาแข็งกร้าว ฝากแค้นกับทุกคน
"อย่าให้ถึงทีกูบ้าง ก็แล้วกัน"
ลิตรเดินฟึดฟัดออกไป ชาวบ้านแหวกทางให้ลิตรเดินออกไป
ลิตรเดินหัวเสียออกมาจากร้าน โดยไม่มองใคร ทิพย์วิ่งมาดักหน้า พร้อมถุงกับข้าว
"พี่ลิตร มีเรื่องอะไรกันเหรอ เห็นเสียงดังออกมาจากร้าน"
ลิตรไม่ตอบ ชาวบ้านเดินตามหลังมาแล้วหัวเราะเยาะ เขายิ่งหัวเสีย ทิพย์ไม่กล้าเซ้าซี้ เลยรีบส่งถุงกับข้าวให้
"พี่ลิตรเอาข้าวไปกินด้วยนะ วันนี้มีแต่ของชอบของพี่ทั้งนั้นเลย"
ลิตรซาบซึ้งใจจริงๆ เพราะอย่างน้อยในชีวิตเส็งเคร็งก็มีทิพย์ที่ดีกับเขาอย่างเสมอต้น เสมอปลาย ลิตรยิ้มขอบใจ เจอรอยยิ้มของหนุ่มหล่อที่ตัวเองแอบปลื้ม ทำให้เด็กสาวอย่างทิพย์เขินอายจนทำอะไรไม่ถูก
แม่ทิพย์หันมาเห็น และทำลายบรรยากาศแห่งความปลาบปลื้มของทิพย์ ด้วยการประนามลิตร
"นังทิพย์ทำอะไรอยู่ คนยืนรอเต็มร้าน ทำไมไม่มาขาย ไปยืนให้ท่าผู้ชายอยู่ได้"
ทิพย์สะดุ้ง แม่กับพ่อเลี้ยงจ้องตาไม่กระพริบ
"แม่เอ็งเรียกไม่ได้ยินเหรอนังทิพย์"
ทิพย์รีบกลับไปขายของ ลิตรยิ้มให้ทิพย์อีกครั้ง แล้วรีบเดินไป เสียงแม่ทิพย์ด่าก็ลอยมาเข้าหูลิตรจนได้
"ข้าสั่งกี่ครั้งแล้ว ว่าอย่าไปยุ่งกับมัน ผู้ชายเฮงซวยอย่างไอ้ลิตร ใครได้มันไปเป็นผัว มันก็เหมือนตกนรกทั้งเป็น....ถ้าข้าเห็นเอ็งไปยุ่งกับมันอีกละก็ เอ็งโดนดีแน่"
ลิตรหน้าแดงก่ำด้วยความโกรธ เสียงด่าของแม่ทิพย์เหมือนเป็นเชือกเส้นสุดท้ายของความอดทน ที่ถูดตัดขาด ถุงกับข้าวของทิพย์ถูกโดนขว้างลงพื้นอย่างแรงจนแหลกละเอียดลงกับพื้น
ลิตรผลักประตูเข้ามาในห้องด้วยอารมณ์ฉุนเฉียว ตรงเข้าไปลื้อกล่องเหล็กเก่าๆ ออกมา เห็นปืนพกเก่าๆ ที่เป็นสมบัติของพ่อวางอยู่ในกล่อง ลิตรหยิบปืนขึ้นมา มองอย่างหมายมาด
"ยิงมันทิ้งทีละคนเลยดีกว่า เริ่มจากไอ้เฮียสง ไอ้เถ้าแก่เทียน"
เรือนริษยา ตอนที่ 9 (ต่อ)
ลิตรตบลูกโม่ปืนออกมาดู ในรังปืนว่างเปล่า ไม่มีลูกกระสุนสักเม็ด เขาลงบนตักอย่างหงุดหงิด ไม่ได้อย่างใจ
"โธ่...พ่อนะพ่อทิ้งปืนไว้ให้ ทำไมไม่ทิ้งกระสุนไว้ด้วยนะ โธ่โว้ย"
ลิตรทิ้งตัวลงนอนกลางห้องอย่างขัดใจที่ทำอะไรไม่ได้ แต่กระนั้นลิตรก็ยังลูบคลำปืนอย่างใช้ความคิด แล้วเหมือนคิดอะไรได้ ผุดลุกขึ้นนั่ง
ลิตรยกปืนขึ้นดู ยิ้มเจ้าเล่ห์
"แต่คนในร้านทองไอ้สงกับไอ้พวกนายธนาคารมันไม่รู้นี่หว่า ปล้นแม่งเลยดีกว่า"
ลิตรหัวเราะชอบใจกับความคิดที่จะไปปล้นร้านทองของเฮียสงกับปล้นธนาคาร เขารื้อหาหมวกคลุมหัวเก่าๆจนเจอและเอามาครอบหัวตัวเอง แล้วทำเสียงเหี้ยมเลียนแบบโจรในทีวี
"หยุด...นี่คือการปล้น ฮ่า ฮ่า ฮ่า"
ลิตรเดินย่ามใจจะออกจากห้อง ทว่าเดินเตะห่อผ้าสีขาวที่วางระเกะระกะรวมกับขยะในห้อง เขาก้มลงมองคิดถึงคำพ่อเฒ่า
"ถ้ามึงใช้ของในห่อผ้านี้ มึงจะรวย กลายเป็นเศรษฐีอย่างที่มึงต้องการ หึๆ แต่มึงต้องแลกด้วยความตายอย่างทรมาน ลูกสาวมึงจะต้องอยู่อย่างรับกรรมกับบาปที่มึงก่อขึ้น"
ลิตรววางปืน ถอดหมวกที่คลุมหัวอยู่ ก้มลงหยิบห่อผ้านั้นขึ้นมา แกะออกดู
"แล้วไอ้กิ่งไม้ พวกนี้มันใช้งานยังไงล่ะ....พ่อเฒ่า"
ลิตรมองกิ่งไม้อย่างครุ่นคิด
รูปถ่ายของลิตร ในแฟ้มรายงานที่กฤตพนธ์กำลังนั่งอ่านอยู่ถูกปิดลง ภานุมอง ถามอย่างข้องใจ
"เป็นไง เรื่องราวในอดีตของคุณลิตร มีอะไรที่พอจะเป็นข้อมูลสำคัญให้แกเอาไปใช้ได้บ้างมั้ย"
กฤตพนธ์ส่ายหน้า
"ยังไม่มีอะไรเลยว่ะ"
"แล้วนึกยังไงถึงรื้อประวัติของคุณลิตรมาดูเยอะขนาดนี้ หรือว่าแกเองก็เริ่มสงสัยการตายของคุณลิตร เหมือนลูกสาวคนสวยของคนตายแล้วเหมือนกัน"
เขาถอนใจ เพราะสงสัยในความคิดของตัวเองอยู่เหมือนกัน
"นั่นสิ ชั้นก็ยังไม่รู้เหมือนกัน ว่าตัวเองกำลังหาอะไรอยู่ แต่ในระหว่างที่ยังมืดแปดด้านอยู่ ถ้าอย่างน้อยเรารู้เรื่องของคุณลิตรและคนรอบข้างบ้าง บางทีมันอาจจะเป็นประโยชน์ต่อไปข้างหน้าก็ได้"
ภานุยิ้มแซวๆ
"งั้นแก คงต้องใช้เวลาตลอดเดือนนี้ซะล่ะมั้ง กว่าจะอ่านแฟ้มประวัติของคุณลิตร กับคนในเรือนรัตนะครบหมดทุกคน"
แฟ้มเอกสารกองโตวางอยู่บนโต๊ะและที่พื้นห้องทำงาน เขามองอย่างเหนื่อยใจ มือถือของเขาดังขึ้น
"กฤตพนธ์ครับ"
ภายในห้องทำงานของหมวดเมธ
"ผมหมวดเมธครับ ผู้พันกฤตพนธ์"
"ครับ....หมวดมีธุระอะไรหรือเปล่าครับ"
"คือมีเรื่องจะรบกวนผู้พันหน่อยครับ พอดีผลการชันสูตรศพรอบใหม่ของคุณ
ลิตรออกมาแล้ว ผมเลยรีบแจ้งผู้ที่เกี่ยวข้องทุกคนครับ แต่ตอนนี้ผมติดต่อคุณนันทนัชไม่ได้เลยครับ"
เขาพยักหน้ากับโทรศัพท์ ภานุมองอย่างสนใจ อยากรู้
กฤตพนธ์รีบออกตัว
"ถ้าเรื่องคุณนัน หมวดไม่ต้องกังวลครับ เดี๋ยวผมจัดการให้....ได้ครับ ยินดีครับ"
เขากดวางหูจากหมวดเมธ ภานุอ้าปากจะถาม แต่เขากดโทรศัพท์หานันทนัชทันที
ทิพย์นั่งเงียบ เหมือนไม่มีอะไรที่จะเล่าต่อ นันทนัชมองอย่างอึดอัด เพราะอยากรู้เรื่องที่เหลือ
"น้าทิพย์คะ....แล้วเรื่องเป็นยังไงต่อค่ะ พ่อรู้จักกับแม่ รู้จักกับป้าเรไร และเข้ามาอยู่ที่เรือนรัตนะ ได้ยังไงคะ"
ทิพย์สบตาเธอ เหมือนไม่อยากจะพูดถึงเรื่องที่ผ่านมาอีกแล้ว เธอมองคาดคั้น ต้องการคำตอบ จนอีกฝ่ายถอนใจเฮือกใหญ่
"น้าก็ไม่อยู่ในเหตุการณ์ทั้งหมดหรอกนะคะ นายชิดเป็นคนเล่าให้น้าฟัง เรื่องมันเกิดขึ้นนับตั้งแต่นายชิดขับรถของคุณนายเรไรไปเฉี่ยวชนกับรถของคุณลิตรเข้า..."
เสียงเล่าของทิพย์ค่อยๆหายไป ตามด้วยเสียงบ่นโวยวาย ของเรไรค่อยๆดังขึ้นมาแทน
รถSUVคันใหญ่วิ่งมาตามถนนสวยๆ เสียงบ่นของเรไรค่อยๆดังขึ้น
"คอยดูนะ ต่อไปนี้ชั้นจะไปกลับไปเหยียบที่นั่นอีกแล้ว"
เรไรพูดอย่างหงุดหงิด
"ไปทีไรก็เจอแต่พวกหิวเงิน คอยจ้องแต่จะสูบเลือด เชือดเนื้อชั้นให้หมดเนื้อ หมดตัว อดยากหิวโซกันมาชาติปางไหน ก็ทนกันได้ พอเห็นชั้นเข้าหน่อยละ แหม....ยกโขยงกันมารีดไถทั้งตำบล"
รำเพยพูดเรียบๆไม่ได้ตั้งใจขัด
"แต่คนที่มาหาเราก็เป็นญาติพี่น้องทั้งนั้นนะคะ แล้วเค้าก็ท่าทางลำบากกันทุกคน... แล้วคุณพี่ก็ไม่ได้จ่ายเงินให้ใครเลยนี่คะ"
เรไรชะงัก เหมือนโดนเบรก แต่ไม่ยอมหยุด
"ก็ชั้นมันไม่ได้ โง่และก็ใจอ่อนเหมือนเธอนี่ยะ แม่รำเพย ที่พอใครเค้ามานับญาติด้วย ก็หน้าใหญ่เที่ยวเอาข้าวของเงินทอง ไปแจกจ่ายคนทั้งหมู่บ้าน ทำเหมือนตัวเองหาเงินมาได้เอง เงินที่หล่อนกินใช้อยู่ทุกวันนี้ มันก็เงินที่ชั้นหามาเองทั้งนั้น"
รำเพยจ๋อยที่ถูกพี่สาวเล่นงาน
"ลองเผลอให้มันไปสักคนนึงสิ เดี๋ยวมันก็แห่มากันหมดทั้งหมู่บ้าน พูดแล้วเจ็บใจ..."
เรไรหยุด ไอเบาๆเหมือนระคายคอรำเพยรินน้ำอุ่นใส่แก้วส่งให้พี่สาว
"น้ำค่ะ...จะได้หายระคายคอ พี่เรไรพูดมาตั้งแต่ออกจากหมู่บ้าน คงจะเจ็บคอแย่แล้ว" รำเพยพูดเสียงเรียบตามแบบฉบับของเธอ ไม่ได้ประชดประชันแต่อย่างไร
"นี่เธอว่าชั้นพูดมาก บ่นมากหรือย่ะ"
ปากบ่นว่า แต่มือเรไรก็รับแก้วน้ำมาจากรำเพย ด้วยความเคยชิน ต่อการปฎิบัติดูแลที่ได้รับจากรำเพยมาตลอด ชิดลอบมองกระจกหลังและแอบยิ้ม แต่ไม่รอดพ้นสายตาคมกริบของเรไร
"หัวเราะอะไรไอ้ชิด เดี๋ยวเถอะแก"
ชิดหัวเราะแหะๆ ไม่กล้าต่อปากต่อคำ
ลิตรขี่มอเตอร์ไซค์คันเก่ามาตามถนนด้วยความเร็ว อีกมือกุมห่อผ้าไว้แน่น แววตาลิงโลดที่จะได้ร่ำรวยซะที
ในจังหวะที่รถมอเตอร์ไซค์ของลิตรเลี้ยวออกถนนใหญ่มา เขาเผลอตัวก้มลงมองห่อผ้าที่กำไว้แนบอก ทำให้รถวิ่งกินเลนไป รถSUVคันหรูของเรไร สวนมาพอดี เสียงแตรกดไล่ ลิตรร้องลั่นเมื่อได้ยินเสียงแตรรถที่กำลังขับสวนมา
"เฮ้ย"
รถเสียหลักแฉลบลงข้างทาง รถล้ม ร่างลิตรกลิ้งถไลลงข้างทาง
ภายในรถ เรไรหวีดร้อง
"ว้ายตายแล้ว"
เรไรตกใจร้องลั่น ขณะที่รำเพยนั่งตกใจปิดปาก เห็นลิตรนอนเจ็บคว่ำหน้าอยู่กับพื้นข้างทาง
"จอดรถซีนายชิด รีบลงไปดูหน่อยว่าตายหรือเปล่า"
นายชิดเลยรีบปราดเข้ามาจอดริมทาง แล้วรีบลงจากรถมาเปิดประตู
"โอ้ย....ทำไมถึงโง่ขนาดนี้นะ ขับรถไม่ดูทางเลย นี่ถ้าเกิดมาตายกับรถชั้นล่ะก้อ ชั้นขายรถทิ้งแน่ๆเลย"
รำเพยชะโงกตัวออกไปมอง พร้อมกับรบเร้าให้เรไรออกไปดูเหตุการณ์ด้วย
"คุณพี่คะ เราลงไปดูเค้าหน่อยมั้ยคะ อย่างน้อยก็แสดงน้ำใจให้เค้าเห็นหน่อย ว่าเราไม่ได้ดูดาย นะคะคุณพี่"
เรไรลังเล เพราะกลัวคนเจ็บตายแล้ว ต้องมาวุ่นวายด้วย
"หล่อนอย่ามาวุ่นวายหน่อยเลย รำเพย ถ้าขืนเราลงไป เกิดมันตายขึ้นมา เราก็ซวยกันพอดี ปล่อยให้นายชิดจัดการไปเถอะ ฉุกเฉินยังไง เราจะได้บอกว่าไม่รู้เรื่อง"
รำเพยยังไม่ยอมแพ้ ชะโงกตัวไปดู
"คุณพี่คะ เค้ายังไม่ตายหรอกค่ะ เราลงไปดูเถอะค่ะ"
เรไรชะโงกตัวไปดู เห็นลิตรยังขยับตัวได้ ก็ใจชื้นขึ้น แต่ยังไม่วายบ่น
"โฮ้ย....ชั้นล่ะเบื่อความใจอ่อนของหล่อนจริงๆ"
เรไรถอนใจ แต่เปิดประตูแห่งโชคชะตา ลงไป
ริมถนน เรไร...ในมาดเศรษฐีนีแต่งตัวดี ใส่เครื่องทองราคาแพงก้าวลงจากรถ เดินเข้ามายืนมองลิตรด้วยท่าทางตกอกตกใจ
"คุณ! เป็นยังไงบ้าง"
นายชิดจะเข้ามาช่วยพยุง แต่ลิตรหันมาปัดมือเสียก่อน
"ไม่ต้อง! ฉันยังไม่ตาย"
ลิตรพูดพลางยันตัวลุกขึ้นนั่งปัดเนื้อตัว มองไปที่ห่อผ้า รีบคว้าห่อผ้าขาวมากุมไว้ แต่พอจะลุกขึ้น...ต้องกัดฟันกรอกเมื่อพบว่าเข่าข้างหนึ่งถลอกจนกางเกงขาดมีเลือดไหลออกมา เรไรชักรู้สึกหมั่นไส้ท่าทางอวดเก่งของลิตร เยาะใส่
"หึ ไม่เป็นไร! ดูซิขาเจ็บถลอกปอกเปิก ยังจะทำเป็นปากเก่งอีก"
ลิตรเงยหน้าขึ้นมองจะสวนคืน แล้วต้องชะงัก เมื่อมองผ่านเลยจากหน้าเรไร ไปยังรำเพยที่ก้าวลงจากรถมายืนมองตกใจอยู่ข้างหลัง
ลิตรตะลึงราวกับต้องมนต์สะกด ทำเอาเรไรชักเขินอาย คิดว่ามองตัวเอง
"หน้าฉันมีอะไร...ทำไมถึงมองฉันยังงี้"
"หรือว่า...ผมจะตายไปแล้วจริงๆ ถึงได้เห็นนางฟ้ามายืนอยู่ตรงหน้า"
ทำเอาสาวแก่อย่างเรไรถึงกับยกมือทาบอก หัวใจเต้นแรง เลือดสูบฉีด หน้าแดงเขินอาย ขณะที่รำเพยรีบหลบตาหนีเพราะรู้ว่าลิตรหมายถึงตัวเอง
"ต๊าย! พูดจาอะไรไม่รู้ มาชมกันต่อหน้าแบบนี้ นางฟงนางฟ้าอะไร ไม่ใช่หรอก"
"ใช่...คุณใช่นางฟ้าของผมจริงๆ โอ๊ะ!"
ลิตรก้าวเดินไปหา แต่ทรุดลงเพราะขาเจ็บ เรไรคว้าแขน ประคองไว้ ลิตรเงยหน้ามองสบตา เรไรก็ตกหลุมรักหนุ่มรูปหล่ออย่างลิตรในทันที
"ในเมื่อคุณเห็นฉันเป็นนางฟ้าของคุณ ฉันจะทำให้คุณผิดหวังได้ยังไง ฉันจะพาคุณไปโรงพยาบาล แล้วก็รับผิดชอบดูแลรักษาคุณให้ดีที่สุด จนกว่าคุณจะหาย"
ลิตรเผยยิ้มส่งให้เรไรทันที เรไรอึ้งมองลิตรราวกับถูกยาเสน่ห์
รถของเรไรแล่นเข้ามาจอดหน้าทางเข้าห้องฉุกเฉิน เธอเปิดประตูลงไป บุรุษพยาบาลรีบวิ่งเข้ามาต้อนรับ และประคองลิตรลงนอนบนเตียง
เขามองไปรอบๆ เพราะในชีวิตไม่เคยเข้าโรงพยาบาลหรูขนาดนี้มาก่อน แต่มือยังกำห่อผ้าไว้แน่น
เรไรมอง อาการของลิตรแล้วยิ้ม
"ชั้นบอกแล้วไง ว่าจะดูแลเธอให้ดีที่สุด"
บุรุษพยาบาลเข็นเตียงลิตรเข้าไปในห้องฉุกเฉิน
บริเวณลานจอดรถโรงพยาบาล ชิดกับรำเพย ช่วยกันทำเช็ดทำความสะอาดรถ เพราะเลือดและฝุ่นจากตัวของลิตร เปื้อนที่เบาะที่นั่งมา ชิดเป็นห่วงเจ้านายแบบ
"คุณรำเพยครับ คุณว่าแปลกมั้ยครับ ที่คุณเรไรยอมให้เจ้าหนุ่มจรจัดนั่น นั่งรถมาด้วยแบบนี้"
รำเพยนิ่งไป เพราะตัวเธอเองก็แปลกใจอยู่เหมือนกัน เพราะปกติเรไรจะไม่ยอมช่วยใครง่ายๆ ถ้าไม่มีอะไรตอบแทน แต่ไม่กล้าพูดตรงๆแบบที่คิด
"ไม่มีอะไรหรอกมั้งนายชิด คุณพี่คงจะสงสารนายคนนั้นน่ะ ที่ต้องมาเจ็บตัวแบบนี้"
รำเพยนึกถึงสายตาคมกร้าว วาววับที่จับจ้องมาที่ตัวเองแล้วก็ได้ถอนใจ ด้วยความหวั่นไหวกับสายตาคู่นั้น
ชิดทำความสะอาดรถต่อ ด้วยความรู้สึกแปลกๆที่ยังคาใจอยู่
หมอประจำห้องฉุกเฉินกำลังรับฟังคำสั่งของเรไร อย่างพินอบพิเทา ลิตรแอบสังเกต และเก็บข้อมูลด้วยความอยากรู้
"เข้าใจนะหมอ ต้องดูแลดีที่สุด เย็บแผลอย่าให้มีแผลเป็น นอนพักในห้องพิเศษ มีพยาบาลพิศษดูแลตลอด และอาหารอย่างดีที่สุด รู้มั้ย"
"ได้ครับคุณเรไร ทางเราจะดูแล คุณลิตรอย่างดีที่สุดอย่างที่คุณเรไรต้องการครับ"
ลิตรหันมามองหมอด้วยความรู้สึกที่อธิบายไม่ได้ เพราะนี่เป็นครั้งแรกในชีวิตที่มีคนเรียกเค้าว่า คุณลิตร และเป็นคนระดับสูงที่มีความรู้ ความสามารถเป็นที่นับหน้าถือตาอย่างหมอในโรงพยาบาลหรูแบบนี้ ลิตรหันไปมองหน้าเรไรอย่างสงสัย ว่าผู้หญิงคนนี้เป็นใคร มีความสำคัญขนาดไหน เธอหันมาเจอสายตาของลิตร
ลิตรส่งยิ้มขอบคุณจริงใจ ให้กับเรไร รอยยิ้มสดใส จริงใจของหนุ่มหล่อรุ่นน้อง ยิ่งทำหัวใจของสาวเทื้ออย่างเรไรเต้นระรัว เธอยิ้มตอบ
ในเวลาเย็น เรไรทิ้งตัวลงบนโซฟาอย่างมีความสุข ใบหน้าหล่อเหลาและรอยยิ้มแสนอบอุ่นของลิตรยังวนเวียนอยู่ในสายตา รำเพยยกน้ำเย็น กับผ้าขนหนูผืนเล็กแช่เย็น หอมกรุ่นเข้ามาปรนนิบัติเรไรอย่างรู้หน้าที่
เรไรรับมาอย่างเหม่อลอย
รำเพยมองอย่างพี่สาวอย่างแปลกใจ เพราะปกติหญิงเหล็กอย่างเรไรจะไม่เสียเวลานั่งเพ้อฝัน ยิ้มกริ่มอยู่คนเดียวแบบนี้
"คุณพี่จะเอาบัญชีมาตรวจก่อนมั้ยคะ หรือว่าจะให้นายชิด เตรียมรถออกไปเก็บดอกเหมือนทุกวันคะ"
เรไรยิ้มฝันหวาน ไม่สนใจรำเพย จนเธอต้องเรียกสติ เสียงดังขึ้น
"คุณพี่คะ คุณพี่เรไร"
เรไรสะดุ้งเบาๆ รำเพยสะดุ้งแรงกว่า เพราะกลัวถูกเรไรดุ ที่ทำให้ตกใจ
เรไรยิ้มแย้ม อารมณ์ดีถาม
"เธอว่าไงนะรำเพย"
เธอเพิ่งมองเห็นน้ำกับผ้าเย็นที่น้องสาวเอามาให้
"อ้อ...ขอบใจนะ เธอจะไปไหนก็ไปเถอะ แล้วก็บอกนายชิดด้วยว่าวันนี้ชั้นจะพัก ไม่ออกไปไหนแล้ว"
"ค่ะคุณพี่....งั้นเดี๋ยวรำเพยเตรียมอาหารเย็นไว้ให้นะคะ"
เรไรพยักหน้ารับ แล้วก็หันกลับไปสู่อารมณ์กรึ่มๆในหัวใจอีกครั้ง รำเพยมองด้วยความเป็นห่วง ไม่รู้ว่าพี่สาวจอมแกร่งของตัวเองเป็นอะไร
ตอนเช้าวันใหม่ ลิตรหน้าซีดๆ มีไข้ เพราะแผลอักเสบ หมอเข้ามาตรวจ
"คุณลิตรยังมีไข้อยู่นะครับ ส่วนแผลเย็บที่เข่าก็ดูดีอยู่นะครับ ไม่มีอาการอักเสบหรือติดเชื้อ อีกสักวันสองวันก็กลับบ้านได้"
ลิตรยกมือไหว้ขอบคุณหมอ
"ขอบคุณครับ"
หมอ ตกใจ เพราะคิดว่าลิตรเป็นคนของเรไร เลยเกรงใจ
"ไม่เป็นไรครับคุณลิตร เป็นหน้าที่ของผมอยู่แล้วที่ต้องดูแลคนไข้ และที่สำคัญคุณเรไรฝากฝังให้ดูแลคุณลิตรอย่างดี ทางโรงพยาบาลก็ยินดีอยู่แล้วครับ ถ้าคุณลิตรต้องการอะไรเพิ่มเติมก็แจ้งพยาบาลได้เลยนะครับ"
หมอเดินออกจากห้องไป พยาบาลเข้ามาทำความสะอาดบาดแผล ให้ลิตร เขาตัดสินใจสอบถามสิ่งที่ข้องใจกับพยาบาล ที่ดูท่าทางจะช่างพูด
"คุณพยาบาลครับ คุณเรไรเธอเป็นใครเหรอครับ ทำไมคุณหมอถึงได้เกรงใจแบบนี้"
พยาบาลมองลิตร แล้วก็อธิบายให้ฟัง
"โอ้ย..ไม่ใช่แค่คุณหมอคนเดียวนะคะ คนทั้งโรงพยาบาลแหละคุณ ก็คุณเรไรเธอคอยช่วยเหลือคนในโรงพยาบาลเวลาที่ขัดสนน่ะค่ะ"
ลิตรมองแบบงงๆ
"นอกจากคุณเรไรเธอจะเป็นเจ้าของโรงสีที่ใหญ่ที่สุดของที่นี่แล้ว เธอยังทำธุรกิจเกี่ยวกับที่ดิน ให้เงินช่วยทำบุญกับโรงพยาบาล แล้วก้อปล่อยกู้... เอ้ยไม่ใช่ค่ะ เธอยังช่วยเหลือเวลาที่คนในโรงพยาบาลขัดสน หรือฝืดเคืองเรื่องเงินๆทองๆน่ะคะ"
ลิตรฟังทุกคำพูดของพยาบาลอย่างตั้งใจ
บริเวณตลาด เรไรนั่งดูโฉนดที่ดิน โดยมีชาวบ้านที่มาจ่ายเป็นค่าดอกเบี้ยและ มากู้เงินนั่งต่อคิวอยู่ด้วยความเกรง และกลัว ชิดยืนดูอยู่ใกล้ๆ
เรไรเสียงเข้ม
"ที่ตาบอดแล้วก็อยู่ลึกเข้าไปในดงขนาดนี้ ใครเค้าจะให้แกกู้ห่ะไอ้ศร แกเอาของแกคืนไปเลย"
เรไรโยนโฉนดกลับไปให้หนุ่มชาวบ้านอย่างไม่ใส่ใจ ศร เด็กหนุ่มท่าทางขี้ยา ไม่ค่อยพอใจ ป้าขวัญ เจ้าของที่คนหนึ่งเดินเข้ามานั่งตรงหน้าเรไร
เรไรเปิดบัญชีไล่ดูพร้อมกดเครื่องคิดเลข
"มาได้สักทีนะยายขวัญ แกค้างอยู่ 4 เดือน... ทั้งต้นทั้งดอก หมื่นห้า"
ป้าขวัญตกใจ หน้าเสีย
"คุณนายขา ป้ามีมาแค่ 4 พันเอง คุณนายเอาไปก่อนได้มั้ย แล้วที่เหลือป้าจะค่อยๆจ่ายให้นะจ้ะ"
"ไม่ได้ ป้าพูดแบบนี้มากี่ครั้งแล้ว ถ้าไม่จ่ายวันนี้ ชั้นก็ต้องยึดบ้านกับที่ของป้า ไปหาเงินมาซะ ไม่งั้นก็ย้ายออกไปได้เลย"
เรือนริษยา ตอนที่ 9 (ต่อ)
ขวัญตกใจ พูดไม่ออก ชาวบ้านรอบๆ ตกใจหันมองกัน บ้างก็ซุบซิบนินทา
ป้าขวัญอ้อนวอน
"คุณนายขา ขอป้าสักครั้งเถอะ เงินที่กู้ไปก็เอาไปลงทุนทำมาหากิน แต่มันก็ไม่ได้กำไรเลย ป้าจนปัญญาจริงๆจ้ะ ไม่รู้จะหันหน้าไปพึ่งใครแล้ว"
ขวัญเริ่มร้องไห้ เรไรมองอย่างไร้อารมณ์ เพราะเคยเจอเรื่องแบบนี้มาตลอดชีวิตการทำงาน
ชาวบ้านเริ่มฮือฮากันดังขึ้น บางคนก็ปลอบป้าขวัญ
"ชั้นก็ทำมาหากินเหมือนกันนะป้า เงินทองที่ให้ยืมไป ชั้นก็ต้องทำงานหนักหามาเหมือนกัน ไม่ได้ไปลักวิ่งชิงปล้นใครมา"
เรไรมองไปรอบๆ ตั้งใจพูดให้ทุกคนฟัง
"แต่สัญญาก็ต้องเป็นสัญญา จ่ายครบชั้นก็คืนโฉนดให้ แต่ถ้าจ่ายไม่ได้ ชั้นก็ต้องยึด เท่านั้นเอง"
ชาวบ้านรอบๆ อึ้งๆ ศรที่ยืนฟังอยู่ ทนไม่ไหว ตะโกนด่า
"แต่ป้าแกลำบากอยู่นะคุณนาย น่าจะช่วยแกหน่อยนะ จะใจยักษ์ ใจมารไปถึงไหน"
ชาวบ้านต่างพากันตกใจที่ศรกล้าหือกับเรไร
"เงินทองเยอะแยะ ตายไปก็เอาไปไม่ได้ แบ่งๆให้คนอื่นใช้บ้างเหอะ"
"ไอ้ศร ไอ้เด็กเมื่อวานซืน เรื่องของคนอื่นไม่เกี่ยวกับแก แล้วเงินทองข้าวของของชั้น ชั้นจะแบ่งแยก แจกจ่ายให้ใคร หรือจะเก็บไว้ในหลุมศพใคร มันก็เรื่องของชั้น ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับไอ้กุ๊ย ขี้ยา ข้างถนนแบบแก น้ำหน้าอย่างแก สลึงนึงก็ไม่มีทางได้จากชั้น"
สีหน้าแววตาที่เอาจริงของเรไร ทำให้ชาวบ้านทุกคนหงอ ไม่กล้าแม้แต่จะสบตา
"แล้ว ถ้าใครมีปัญหา ไม่พอใจ คิดว่าชั้นใจยักษ์ ใจมาร ก็ไม่ต้องมาเอาเงินชั้น"
เรไรรวบสมุดกับกระเป๋าและซองโฉนด เดินออกมา ไม่มองหน้าใคร ชิดเดินตาม ด้วยความระแวดระวัง
ชาวบ้านที่มารอกู้เงิน เข้าไปด่าทอ ศร ด้วยความไม่พอใจ
-ตัดไป-
เรไรเดินมาอย่างหงุดหงิด ชิดเดินตามห่างๆ
เรไรท้อใจแอบถอนใจ
"ชิด ชั้นนี่มันเป็นยักษ์ เป็นมารไปแล้วจริงๆเหรอ"
ชิดตอบเบาๆ
"ถ้าคุณเป็นยักษ์ เป็นมารจริงๆ คุณจะช่วยผม จะดูแลคุณรำเพย แล้วก็ช่วยคนอีกเยอะแยะ เหรอครับ อย่างนายลิตรที่คุณเรไรช่วยไว้เมื่อวาน ก็น่าจะบอกได้นะครับ ว่าคุณเรไรเป็นคนยังไง"
ชื่อของลิตร ทำให้เรไร เริ่มยิ้มออก สดชื่น
"ชิด แกไปโทรหารำเพยที บอกให้ทำกับข้าวกับปลาอร่อยๆใส่ปิ่นโต ไปที่โรงพยาบาลที แกไปโทร.ที่ร้านเจ็กใช้ก็ได้ เดี๋ยวชั้นไปรอแกที่รถ แล้วเราไปโรงพยาบาลกัน"
เรไรกลับมาเป็นหญิงผู้ทรงอำนาจคนเดิม สั่งการชิดรวดเดียวอย่างมั่นใจ ก่อนจะเดินออกไป
ชิด มองตามอย่างแปลกใจ
ลิตรนอนมองเพดานห้องพักคนไข้อย่างเซ็งๆ เสียงเคาะประตูดังขึ้น ลิตรหันไปมอง รำเพยเปิดประตูเข้ามาพร้อมกับปิ่นโต เถาใหญ่ ลิตรยิ้มสดชื่น ดีใจ กำลังจะอ้าปากทักทาย เรไรก็เดินตามเข้ามา หน้าตายิ้มแย้มไม่แพ้ลิตร
รำเพยเดินหลบเข้าไปจัดอาหารอีกมุมนึง ลิตรมองตาม
เรไรเดินตรงมาหาลิตร
"เป็นไงบ้าง นายลิตร ดีขึ้นหรือยัง"
ลิตรรีบหันกลับมา โปรยยิ้มหว่านเสน่ห์ใส่เรไร
"ดีขึ้นแล้วครับคุณนายเรไร"
"เธอไม่เป็นไรก็ดีแล้วนายลิตร ชั้นจะได้เบาใจ"
"ไม่ต้องห่วงหรอกครับ คนอย่างผมกระโหลกหนา ไม่ตายง่ายๆหรอก"
"ตายจริง พูดจาเป็นมงคลเลย ที่ชั้นช่วยเธอก็เพราะเห็นว่าเธอได้รับบาดเจ็บหรอกนะ ไหนดูสิ หมอเค้าแผลเป็นไงบ้าง"
เรไรเข้ามาสำรวจ จับเนื้อ จับตัว ดูบาดแผล เรไรยิ้มชื่นใจ หัวใจเต้นแรง ที่ได้สัมผัสกล้ามเนื้อแข็งแรง ล่ำสัน และอบอุ่นของชายหนุ่มรุ่นน้อง ระหว่างที่เรไรถึงเนื้อ ถึงตัว ลิตรกลับมองข้ามไหล่ ไปที่รำเพย เป็นจังหวะที่รำเพยเงยหน้าขึ้นมาพอดี สายตาของทั้งคู่ประสานกัน
รำเพยรีบหลบสายตาลิตร จนเผลอทำของหล่นพื้น เสียงดัง ลิตรยิ้มเก้อ
เรไรสะดุ้ง หันไปต่อว่า
"อะไรกัน ซุ่มซ่ามจริง ทำงานนิดๆหน่อยๆแค่นี้ ถึงกับทำเป็นมือไม้อ่อน"
รำเพยลนลาน รีบเก็บข้าวของให้เรียบร้อย ลิตรมองอย่างสงสาร
เรไรส่งเสียงหวาน ปลอบประโลม
"ตกใจรึเปล่าจ้ะลิตร"
เรไรเอื้อมมือไปลูบหลังมือลิตร เขาจับสังเกต ประเมินความต้องการของเรไร ยิ้มหวานให้ด้วยชั้นเชิงของชายหนุ่มที่รอบจัด
"โถ โถ โถ ขวัญเอ้ย ขวัญมานะ...น้องสาวชั้นก็ไม่ได้เรื่องแบบนี้แหละจ้ะ ชอบทำเสียเรื่องทุกทีเลย..." เธอหันมาพูดกับรำเพย "เสร็จหรือยัง จัดของแค่นี้ทำเป็นอ้อยสร้อย นายลิตรเค้าหิวแย่แล้ว"
"คุณนายเรไรเอาอะไรมาเหรอครับ"
"ข้าวเย็นแสนอร่อยฝีมือชั้นเองจ้ะ"
รำเพยแอบอมยิ้มกับตัวเองที่พี่สาวอยากเอาใจลิตรขนาดนี้
"ชั้นว่าอาหารโรงพยาบาลคงไม่อร่อย หรอก ชั้นเลยเอามาให้เธอเอง กินข้าวอร่อยๆ จะได้หายเร็วๆ"
รำเพยยกถาดใส่อาหาร หน้าตาน่ากินมาวางไว้ให้ ลิตรยื่นมือข้างที่ไม่เจ็บออกไปจะรับจากมือรำเพย แต่เรไรชิงตัดหน้าไปก่อน
"นายลิตร มือเจ็บแบบนี้ กินเองไม่สะดวกหรอก มา เดี๋ยวชั้นทำให้"
เรไร ตักข้าวจากถาด ป้อนให้ลิตร เขาตกใจ รำเพยทำหน้าไม่ถูก
"เอ้า ลิตรลองชิมดู แกงเขียวหวานชาววังกับหมูฝอยสูตรพิเศษที่หากินที่ไหนไม่ได้อีกแล้วนะ รับรองว่าอร่อยจนลืมอิ่มแน่ๆ อะ อะ อ้ำ อย่างนั้น เก่งจังเลย กินเยอะๆนะจะได้หายเร็วๆ"
ลิตรจำใจต้องฝืนกินอาหารอาหารที่เรไรป้อน เรไรหน้าตามีความสุข รำเพยหน้าแดงด้วยความกระดากใจ รีบเดินออกไปนอกห้อง พยาบาลเดินสวนรำเพยเข้ามาในห้อง มองยิ้ม
"อุ้ย...ดีจังเลยค่ะ วันนี้คุณแม่มาเยี่ยมเหรอค่ะ มาป้อนข้าวให้เหมือนเด็กๆ เลยนะคะ"
เรไรทิ้งช้อนดัง เคล้ง หันไปมอง พยาบาลเห็นเป็นเรไร ตกใจ แทบช็อก เรไรเจ็บปวดอย่างอธิบายไม่ถูก
ภายในเรือนรัตนะ ภายในห้องนอน เรไรนั่งมองหน้าตัวเองในเวลากลางคืน เธอยกมือที่หยาบกร้าน เพราะการทำงานหนักมาตลอดเวลาหลายสิบปี ขึ้นมาดูตรงหน้าโต๊ะกระจกใบใหญ่ แต่ไม่มีเครื่องสำอาง หรือเครื่องประทินโฉมอะไรวางอยู่เลย มีแต่รูปถ่ายของเรไรกับรำเพยวางอยู่ เธอหยิบรูปนั้นมาดู เห็นความแตกต่างระหว่างวัยอย่างชัดเจน รำเพยในรูปยิ้มสดใส ขณะที่เรไรยิ้มเคร่งขรึม
เช้าวันใหม่ที่โรงพยาบาล ชิดเดินถือผลไม้ นำเข้ามา รำเพยถือเถาปิ่นโตชุดใหญ่เข้ามา ลิตรยิ้มให้ รำเพยไม่สบตา แยกไปจัดอาหารเหมือนเคย
เรไรในชุดใหม่ที่สดใสขึ้น รวบผมสบายๆ ไม่เคร่งขรึม ทำให้ดู สวยและสดใสกว่าเดิม ลิตรเผลอมองด้วยความแปลกใจ ปนชอบใจ เพราะเรไรดูสวยกว่าเดิม
ลิตรชมตามประสาผู้ชายเจ้าชู้ ปากหวาน
"วันนี้คุณนายเรไรดูสวยกว่าทุกวันเลยนะครับ"
เรไรยิ้มชอบใจ ลิตรเลยตั้งใจหยอดไปถึงรำเพย เพราะหวังว่าจะได้ยินเสียรำเพยบ้าง
"คุณน้องสาววันนี้ก็ดูสดใสนะครับ วันนี้เป็นวันดีอะไรหรือเปล่าครับ"
รำเพยสะดุ้ง ทำอะไรไม่ถูก เพราะไม่คิดว่าลิตรจะโยนคำชมมาถึงเธอด้วย เรไรหัวเราะชอบใจ มีความสุข ที่การเปลี่ยนแปลงเพียงเล็กน้อย ทำให้เธอดูดีขึ้นในสายตาลิตร
"แหม....ปากหวานจริงนะพ่อคนไข้ วันนี้เป็นไงบ้างล่ะ คุณหมอว่ายังไงบ้าง"
ลิตรรายงานตามที่หมอบอกไว้
"แผลที่เย็บไว้เรียบร้อยดีแล้วครับ ดูอาการอีกวันสองวัน ถ้าไม่มีอะไร พรุ่งนี้ก็ให้กลับบ้านได้ครับ"
เรไรทำท่าหัวเราะอารมณ์ดี เหมือนเด็กสาววัยรุ่น
"แหม....ท่องมาอย่างดีเลยนะ น่าร๊ากจริงๆ"
รำเพยกับชิด ตกใจกับท่าทางของเรไร ต่างแอบสบตากัน
"เป็นคนไข้ที่น่ารักแบบนี้ต้องมีรางวัลให้ นี่ทั้งสองคนน่ะปอกผลไม้ให้หน่อยสิ เลือกเอาลูกที่อร่อยๆนะ คนไข้คนเก่งของชั้นจะได้หายเร็วๆ"
รำเพยพยักหน้ารับ ชิดช่วยรำเพยปอกผลไม้ ลิตรแอบมองรำเพยเป็นระยะ แต่รำเพยไม่หันมามองเลย
รำเพยส่งจานผลไม้ให้ชิด เพื่อเอาไปให้เรไร เรไรรับผลไม้มา คะยั้นคะยอให้ลิตรกิน
"เอ้า....มาแล้วแอปเปิ้ลเนื้อหวานฉ่ำ สำหรับคนไข้ปากหวาน อะ อะอ้าม แหมอ้าปากกว้างขนาดนี้ ยังหล่อเลย"
เรไรยังจ๊ะจ๋ากับลิตรไม่ขาดปาก ชิดกับรำเพย กระอัก กระอ่วนใจ
ภายในตลาด เวลาเย็น ชาวบ้านกลุ่มนึงนั่งรอ เรไรที่เดิม เมื่อเธอเดินมา ชาวบ้านฮือฮา ชมเชยกันไม่ขาดปาก
ชาวบ้านหญิง1บอก
"ต๊าย....คุณนายขาวันนี้เป็นวันอะไรค่ะ ทำไมคุณนายดูสาว ดูสวยกว่าทุกที"
"ใช่ค่ะ สวยกว่าดาราในทีวีอีกนะคะ" ชาวบ้านหญิง2 บอก
เรไรยิ้มถูกใจ หยอกกับชาวบ้านอารมณ์ดี
"ไม่ต้องมาแกล้งชมชั้นเลยย่ะ ยังไงชั้นก็ไม่ลดดอก ลดต้นให้หรอกนะ ใครจ่ายดอก เข้ามาก่อน ไอ้พวกจะกู้ รอทีหลัง"
ชาวบ้านเริ่มขยับเข้ามา ไอ้ศรหน้าตาเมายาได้ที่กับเพื่อนขี้ยา 2 คนโผล่เข้ามา ศรโยนซองโฉนดแผ่นเดิมลงกลางวง
"อีคุณนายหน้าเลือด มึงเอาเงินมาให้กูเดี๋ยวนี้ แล้วมึงจะเอาไอ้ที่ดินเฮงซวยของพ่อกูไปทำอะไร ก็เรื่องของมึง เอาเงินมาให้กู"
เรไรลุกพรวด ด้วยความโกรธ ชี้หน้า
"ไอ้ศร มึงอย่ามายุ่งกับกู เงินของกูมีไว้สำหรับคน ไม่ได้มีไว้ให้พวกขี้ยา หมาขี้เรื้อนข้างถนน ที่ไม่มีอนาคตแบบพวกมึงเอาไปเสวยสุขหรอกนะ"
ศรโมโหที่โดนด่า เดินตรงเข้ามาจะกระชากกระเป๋าของเรไร
"อีเรไร อี..."
ชิดกระโดดเข้ามาขวางไว้ เพื่อนของศร 2 คน เข้ามาช่วยกันดึงชิดไว้ ศรพยายามจะกระชากกระเป๋าของเธอ เรไรสู้ยิบตา ทั้งเตะทั้งถีบ ทั้งด่า ชาวบ้านเพิ่งหายตกใจ เข้ามาช่วย เรไรกับชิดไว้ ไอ้ศรกับเพื่อนถูกชาวบ้านผู้ชายลากออกไป เรไรมองตามอย่างโกรธแค้น
ชาวบ้านหญิงถาม
"คุณนายเป็นอะไรหรือเปล่าจ้ะ"
เรไรมองสำรวจตัวเอง แล้วหันไปมองชิดที่เจ็บนิดหน่อย แต่ไม่มีบาดแผล
ชาวบ้านหญิงบอก
"ไอ้พวกขี้ยานี่มันน่ากลัวจริงๆ มันไม่สนหน้าอินทร์หน้าพรหมที่ไหนเลย โชคดีนะ ที่มีคนอยู่กันเยอะ ถ้าคุณนายอยู่กับไอ้ชิด แค่ 2 คน สงสัยจะแย่นะ"
ชาวบ้านชายบอก
"ใช่จ้ะ คุณนายน่าจะมีลูกน้องตามมาอีกหลายๆคนนะ เอาไอ้พวกที่โรงสีมาก็ได้ จะได้ปลอดภัย"
ชาวบ้านเออออ ตามๆกัน เรไรมองหน้าคนพูด แล้วคิดตาม
"นั่นสิ ชั้นต้องหาคนมาเพิ่มแล้ว"
เรไรนึกถึงหน้าคนที่จะมาช่วย
วันรุ่งขึ้น ลิตรในชุดใหม่นั่งรอคุณหมอเข้ามาพูดคุย ก่อนจะกลับบ้าน เรไรเดินเข้ามาด้วยหน้าตายิ้มแย้ม เหมือนทุกวัน เขามองข้ามไปข้างหลัง เหมือนจะรอให้ใครอีกคน เรไรมองตาม
"มองหาใครเหรอจ้ะ นายลิตร"
"เอ่อ...เปล่าครับ วันนี้คุณนายมาคนเดียวเหรอครับ"
"แหม...ไม่เอาล่ะ เลิกเรียกคุณนง คุณนายสักทีเถอะจ้ะ ใครๆก็เรียกชั้นแบบนี้ เบื่อจะตายอยู่แล้ว"
ลิตรหน้าตาเจ้าเล่ห์
"แล้วคุณ...จะให้ผมเรียกว่ายังไงล่ะครับ"
เรไรยิ้ม
"เรียกว่าคุณพี่สิจ้ะ"
ลิตรยิ้ม เจ้าชู้ กรุ่มกริ่ม
"ได้ครับ คุณพี่"
เรไรยิ้มหน้าบาน
"ดีจ้ะ ว่าง่ายๆอย่างนี้แหละจ้ะ ดีแล้ว"
"คุณพี่ดีกับหมาจนตรอกอย่างผมขนาดนี้ ให้หนักหนากว่านี้ ผมก็ทำได้ครับ"
"ต๊าย ดูพูดเข้า ทำไมถึงดูถูกตัวเองแบบนี้ล่ะ"
"ผมพูดความจริงครับ ผมมันคนต่ำต้อย ตกงาน บ้านช่องก็ไม่มี อนาคตก็ไม่มี สภาพผมก็ไม่ได้ต่างจากหมาข้างถนนเลยคับ"
ลิตรทำหน้าโศก เรไรขยับเข้าใกล้ ทำเป็นลูบหลัง ลูบไหล่ปลอบใจ
"โถพ่อคุณ อย่าให้ร้ายตัวเองแบบนี้สิ พี่ไม่สบายใจเลยนะ เอาอย่างนี้มั้ย ไหนๆพี่ก็ช่วยเหลือเธอมาแล้ว จะมาทิ้งกันไปอย่างนี้ ก็ไม่ค่อยจะสบายใจนะ เอาเป็นว่าเดี๋ยวเธอออกจากโรงพยาบาลแล้ว ไปทำงานกับพี่มั้ย รับรองว่ามีทั้งที่อยู่ ที่กิน เงินเดือนเงินดาวน์ก็ดี ถ้าเธอตั้งใจทำงานดีๆ ก็มีเงินพิเศษเพิ่มให้อีกนะ สนใจมั้ยล่ะ งานสบาย เงินดีแน่"
เรไรทิ้งท้ายอย่างมีความนัย ลิตรยิ้มรับแบบรู้ทัน แต่ยังไม่ยอมรับปาก
"ผมว่ามันคงไม่เหมาะนะครับ เพราะพี่ยังไม่รู้เลยว่าผมมีความสามารถขนาดไหน จะช่วยงานพี่ได้หรือเปล่ายังไม่รู้เลย แค่พี่ช่วยออกค่ารักษาให้ผมตั้งเยอะ ผมไม่กล้ารบกวนพี่แล้วล่ะครับ"
เรไรไม่ยอมแพ้
"ยังไม่ตอบต้องพี่ตอนนี้ก็ได้ กลับไปคิดที่บ้านสักวันสองวันก็ได้นะ แล้วค่อยมาให้คำตอบพี่ พี่รอได้"
รำเพยกับชิดเดินเข้ามาพอดี
"จัดการเรื่องค่าใช้จ่ายเรียบร้อยแล้วค่ะคุณพี่ อีกเดี๋ยวคุณหมอจะเข้ามาแนะนำวิธีล้างแผล แล้วก็ดูแลแผลที่เย็บไว้ค่ะ"
ลิตรมองนิ่ง ตกอยู่ในภวังค์กับเสียงอันไพเราะที่หวังจะได้ยินมาหลายวันแล้ว เรไรหันมาแนะนำ
"อ้อ...ลิตร นี่น้องสาวพี่เอง ชื่อรำเพย เจอกันตั้งหลายวันแล้ว ยังไม่ได้รู้จักกันเลย"
ลิตรสะดุ้งตั้งแต่ได้ยินชื่อรำเพย
"รำเพย" ลิตรพึมพำ
รำเพยยกมือไหว้ ด้วยมารยาท ลิตรรับไหว้ด้วยมืออันสั่นเทา เหงื่อตก ใจสั่นแทบคุมตัวเองไม่อยู่ หวนคิดถึงพ่อเฒ่า
พ่อเฒ่าคว้ามือไว้ ลิตรมองมือที่เกร็งดำราวกับปีศาจแล้วมองหน้าพ่อเฒ่าที่กำลังจ้องตาเขาเขม็ง
"คิดให้ดีไอ้ลิตร โอกาสครั้งเดียวในชีวิตของมึงมาถึงแล้ว ฮ่ะๆๆ"
ลิตรยิ้มที่มุมปาก แววตากร้าวไม่หวั่นเกรงบาปเวรใดทั้งสิ้น
ลิตรเดินนำเรไรกับชิดเข้ามาในห้องเช่าเก่าๆของตัวเอง เธอไปรอบห้อง แล้วทำหน้าย่น
"เนี่ยเหรอ บ้านลิตร อี้ย"
ลิตรมองไม่ค่อยพอใจ อย่างน้อยที่นี่ก็เป็นที่ซุกหัวนอนของเขามานานหลายปี
"ครับคุณพี่ บ้านคนจนมันก็แบบนี้ล่ะครับ"
"นี่มันเล็ก เก่า แล้วก็สกปรกมาก จนไม่น่าจะเป็นบ้านคนอยู่เลยนะ ฮึ้ย...ห้องนายชิดยังกว้างขวางน่าอยู่กว่าที่นี่เป็นร้อยเท่า นี่ยังไม่เทียบกับเรือนรัตนะของพี่นะ... แต่ก็ไม่เป็นไร เพราะลิตรจะอยู่ที่นี่อีกแค่ 2 วันเท่านั้นนี่นะ
ชิดมองอย่างสงสัย"
ลิตรถอนใจ "ผม..."
เรไรตัดบท
"ฟังนะลิตร ถ้าเธอคิดว่าพี่มีบุญคุณกับเธอ เพราะฉะนั้นเธอก็ห้ามปฏิเสธเด็ดขาด"
ลิตรอ้ำอึ้ง
"ผมว่าอย่าเพิ่งเลยนะครับ ผมเกรงใจพี่จริงๆ แล้วอีกอย่างผมไม่เคยทำงานโรงสีมาก่อน ไม่รู้ว่าต้องทำอะไรบ้าง กลัวว่าไปแล้วจะไปสร้างปัญหาให้พี่มากกว่า"
ชิดฟัง และเก็บข้อมูล
"เรื่องนั้น เธอไม่ต้องกังวลแทนพี่ พี่รู้ว่างานแบบไหนที่เหมาะกับเธอ"
เรไรมองหน้าลิตร ยืนยันความตั้งใจ
เรือนริษยา ตอนที่ 9 (ต่อ)
ในเวลากลางคืน ลิตรเดินมาในป่า มืด ที่ไม่รู้จัก เสียงพ่อเฒ่า ดังขึ้นมาในความมืด
"ชะตาชีวิตมึงมีทางให้เลือกอยู่2ทาง มึงเลือกทางของมึงเองได้ คิดให้ดีไอ้ลิตร โอกาสครั้งเดียวในชีวิตของมึงมาถึงแล้ว ฮ่ะๆๆ"
ลิตรมองรอบตัว หาที่มาของเสียง รำเพยวิ่งออกมาจากมุมมืด
"พี่ลิตร ช่วยด้วย"
ลิตร เห็นรำเพยอยู่ตรงหน้า แต่เข้าไปหาไม่ได้ เหมือนมีกระจกใสบานใหญ่กั้นไว้ เขาพยายามตะโกนเรียกสุดเสียง
"รำเพย ทางนี้ พี่อยู่ทางนี้"
รำเพยยังหันซ้าย หันขวา หาทางไม่เจอ เธอร้องไห้ คร่ำครวญ อย่างน่าสงสาร
"พี่ลิตร พี่ลิตร"
ลิตรจะวิ่งไปหา รำเพยหายไป เหลือแต่ประตูสีขาวบานใหญ่ 2 บาน ตรงหน้า เสียงร้องไห้ของรำเพยดังออกมา จากประตูบานหนึ่ง ในสองบานตรงหน้า ลิตรเอื้อมมือไปที่ประตูบานนึง
ภายในห้องนอน ลิตรสะดุ้งตื่น มองไปรอบตัว เห็นห้องว่างเปล่าของตัวเอง ลิตรนิ่งคิด หลับตาไม่ลงอีกแล้ว
เช้าวันใหม่ ลิตรขี่รถมอเตอร์ไซค์มาวนอยู่ที่หน้าเรือนรัตนะ บริเวณหน้าบ้านไกลจากตัวบ้านมาก มองเห็นบ้านไม่ชัดเจน เพราะมีตันไม้ใหญ่บังสายตาไว้ เสียงคนพูดดังแว่วออกมา ลิตร รีบเข็นรถ ไปแอบไว้ แล้วซุ่มดู
ชิดยกโต๊ะเล็กๆปูผ้าขาวออกมาตั้งไว้ แล้วเดินกลับเข้าไป รำเพยในชุดสวยสดใส เดินถือถาดอาหารใส่บาตร นำป้านวลออกมา แสงแดดตอนเช้ายิ่งทำให้ภาพของรำเพยในสายตาของลิตรดูงดงาม อย่างหาที่ติไม่ได้ ต่างกับรำเพยในความฝันเมื่อคืนอย่างสิ้นเชิง ลิตรตัดสินใจอะไรบางอย่างได้
เวลาต่อมา ลิตรขี่รถเข้ามาถึงหน้าห้อง ด้วยความกระหยิ่มยิ้มย่อง กับเรื่องที่ตั้งใจไว้
"โผล่หัวมาได้แล้วเหรอ ไอ้ลิตร" เฮียสงว่า
ลิตรหันมามองตามเสียงเรียก แล้วตกใจ แทบช็อก
"เฮียสง"
ลูกน้องเฮียสงเดินออกมา ล็อกตัวลิตรไว้ เขาดิ้นรน พยายามจะเป็นอิสระ
"เฮ้ย...ปล่อยกู ปล่อยสิโว้ย"
เฮียสงเดินมาตบหน้าลิตรอย่างแรง ด้วยแรงแค้น
"ไอ้สารเลว นี่ที่มึงทำกับลูกสาวกู"
ลิตรเจ็บ จนเลือดขึ้นหน้า พยายามจะสะบัดให้หลุด
"ปล่อยกูสิ แน่จริงมึงมาสู้กับกูตัวตัวสิโว้ย อย่าใช้วิธีหมาหมู่"
เฮียสง ตบหน้าอย่างแรงซ้ายที ขวาทีด้วยความแค้น ลิตรได้แต่ดิ้นรน ทั้งเจ็บ ทั้งแค้นที่โดนหยามด้วยการตบหน้า เขาถุยน้ำลายใส่หน้าเฮียสง เฮียสงโกรธ กำมัดแน่นกำลังจะเหวี่ยงเข้าไปที่หน้าหล่อๆของลิตร เรไรเดินเข้ามา พร้อมกับเสียงทรงอำนาจ
"หยุดนะ"
เฮียสงหันมามอง ตกใจปนแปลกใจ ลดเสียงนอบน้อมลงทันที
"คุณเรไร"
ลูกน้องเฮียสงแปลกใจ จนคลายมือจากลิตร เขาสะบัดตัว พุ่งตรงเข้าไปหา เฮียสงด้วยหมัดลุ่นๆ 2 หมัดเต็ม
ทั้งลิตร ทั้งเฮียสง ลงไปกองที่พิ้น เรไรมองชิด ฝ่ายชิดรีบเข้าดึงตัวลิตรไว้ เฮียสงผุดลุกขึ้นมาจะเอาคืน
เรไรเสียงเข้ม
"พอแล้ว เฮีย"
เฮียสง ไม่ยอมจะถลันเข้าไปหาลิตร เรไรก้าวเข้ามาขวางหน้า เฮียสง ชะงัก
"ชั้นไม่รู้ว่า ที่ผ่านมาเฮียสงมีเรื่องอะไรกับนายลิตร แต่ต่อไปนี้ นายลิตรเป็นคนของชั้น เพราะฉะนั้นเฮียสงน่าจะรู้ดี ว่าชั้นไม่ชอบให้ใครมาวุ่นวายกับคนของชั้น...ถ้าเฮียยังมีหนี้อะไรที่ยังค้างกันอีก ให้มาเก็บกับชั้น อย่ามายุ่งกับคนของชั้นอีก เข้าใจมั้ย"
เฮียสง ฮึดฮัด ขัดใจ เรไรจ้องเขม็ง
"ครับ คุณเรไร"
ลิตรอ้าปากค้าง แทบไม่เชื่อสายตาว่าผู้หญิงตัวเล็กๆแบบเรไรจะมีอำนาจ มีอิทธิพลมากมาย จนสยบคนร้ายกาจแบบเฮียสงได้ง่ายแบบนี้
เรไรพูดเรียบๆ
"ไปลิตร เก็บของแล้วก็ไปกันสักที ยังมีงานต้องทำอีกเยอะ"
"ครับคุณนายเรไร ต่อไปนี้ผมจะตั้งใจทำงานให้คุณนายอย่างเต็มที่ สมกับทีคุณนายกรุณาผมครับ" ลิตรพูดพลางหันไปมองเฮียสง
เรไรยิ้มพอใจ
"ดีมากจ้ะ งั้นเรารีบไปเถอะ ลิตรไม่รอ เพราะรู้ว่าถ้ายังอยู่แบบนี้ โดนเฮียสงเอาตายแน่ ลิตรรีบเข้าห้องทันที
ในห้องลิตรรีบเข้าไปเก็บสำคัญของบางอย่างในห้อง รวมทั้งปืนและห่อผ้าที่พ่อเฒ่าให้มา
รถคันหรูของเรไรจอดลงที่ด้านหน้าโรงสี ลิตรเปิดประตูลงไปมองด้วยความตื่นตา ตื่นใจ ไม่คิดว่าผู้หญิงแก่ คนที่ทำท่าว่าจะมาติดพันเสน่ห์ของตัวเอง จะเป็นเจ้าของกิจการใหญ่โต ขนาดนี้ เรไรเห็นลิตร ดูตื่นเต้นกับความร่ำรวยของตัวเอง ก็รู้สึกดีใจหันไปสั่งชิด
"ชิด เดี๋ยวพาลิตร ไปดูที่พักแล้วก็พาไปรู้จักกับบุญเค้านะ เค้าจะได้สอนงานที่โรงสีให้ ส่วนเรื่องออกไปเก็บดอกเบี้ยน่ะ ชิดก็สอนลิตรเค้าหน่อยนะ พรุ่งนี้จะได้ไม่งง"
"ครับ"
เรไรเดินออกไปทางสำนักงาน ลิตรมองตาม
"ชั้นต้องนอนที่โรงสีนี้เหรอ ชิด แล้วชิดนอนที่ไหน"
"ที่เรือนรัตนะ"
ลิตรมองชิดอย่างอิจฉา
"ทำไมชิดถึงได้อยู่ที่เรือนรัตนะ"
ชิดมองลิตร อย่างพิจารณาว่า ลิตรต้องการอะไร เขามองอย่างคาดคั้นหาคำตอบ
"ไม่รู้เหมือนกัน ต้องถามคุณเรไรเอาเอง"
ชิดพูดเสร็จ ก็ออกเดินนำลิตรไปดูโรงสี
ภายในโรงสี เวลาเย็นต่อเนื่อง ชิดพาลิตรเดินไปดูส่วนการทำงานต่างๆ พร้อมกับอธิบายให้ฟัง
เขาฟังผ่านๆ ไม่ค่อยใส่ใจ ชิดพาเดินมาจนถึง ลานตากข้าว มีคนทำงานกันอยู่ประปราย ชิดยกมือไหว้บุญ ซึ่งมีอายุมากแล้ว เป็นคนเก่าคนแก่ของเรไร ขณะที่ลิตรเฉยๆ
"น้าบุญครับ นี่ลิตรคนงานใหม่ของคุณเรไร คุณเรไรอยากให้มาทำงานที่นี่ช่วงเช้า ส่วนตอนบ่ายๆก็ให้ออกไปเก็บเงินกับเธอด้วย ฝากน้าบุญช่วยดูทีนะ"
บุญให้เกียรติ เพราะเป็นคนใกล้ชิดเรไร
"ได้ๆ นายชิด ไม่ต้องห่วง เดี๋ยวผมดูเอง"
ลิตรมองชิดอย่างอิจฉาเป็นครั้งที่สอง ที่หัวหน้าคนงานคราวพ่อให้เกียรติชิด
บุญเรียกลิตรอย่างใจดี แต่ลิตรไม่ค่อยพอใจ เพราะไม่อยากทำงานหนัก
"มา มา ไอ้หนุ่ม เอ็งทำอะไรเป็นบ้าง"
ลิตรเซ็ง
ภายในเรือนรัตนะ เวลาเย็น รำเพยกำลังติดลูกไม้เนื้อดี ชิ้นบางเข้ากับเสื้อ เรไรเดินนำชิดที่ช่วยถือกระเป๋าเดินเข้ามา รำเพยวางมือ รีบไปยกน้ำ ผ้าเย็น และของว่างออกมาต้อนรับ เรไรยิ้มให้น้องสาว
"เหนื่อยมั้ยคะคุณพี่ อยากทานอะไรเป็นพิเศษมั้ยคะ"
เรไรหัวเราะอย่างเอ็นดู
"เธอนี่มันน่ารักแบบนี้นี่เองเนอะ พี่ถึงได้เอ็นดูเธอมากกว่าพี่น้องคนอื่นๆ ไม่ต้องทำอะไรให้วุ่นวายหรอก รำเพย พี่กินเหมือนเดิมแหละ ... ชิดก็ไปพักไปได้แล้ว แล้วเดี๋ยวพรุ่งนี้ตอนเช้าก็แวะไปดูลิตรหน่อย แล้วค่อยกลับมารับชั้นนะ"
ชิดพยักหน้ารับคำสั่ง ส่งกระเป๋าให้ รำเพยรอจนชิดออกไป ถึงหันมาถามเรไรแบบเกรงใจ
"คุณลิตรเค้าเป็นอะไรอีกหรือเปล่าคะ ทำไมคุณพี่ต้องให้นายชิดแวะไปดูอีกล่ะคะ"
"เปล่านี่...ลิตรเค้าสบายดี อ๋อ...พี่ลืมบอกเธอไป พี่รับลิตรเข้ามาทำงานกับพี่แล้ว ตอนนี้ก็ให้ช่วยงานแล้วก็นอนที่โรงสี"
รำเพยอึ้งเล็กน้อย ด้วยความรู้สึกกังวลใจผสมกับความดีใจแบบบอธิบายไม่ได้ ที่เรไรกลับไปรับลิตรมาทำงานด้วย
"แล้วคุณพี่จะให้คุณลิตรทำงานหน้าที่อะไรคะ"
"พี่จะให้เค้ามาเป็น ผู้ช่วยส่วนตัวจ้ะ"
เรไรยิ้มมีความสุขกับความสำเร็จของตัวเอง
คนงานในโรงสีทำงานกันอย่างตั้งอก ตั้งใจ ลิตรหน้าตาเหมือนเพิ่งตื่นอน เดินเข้ามาในกลุ่มคนงาน
บุญบ่นฮุบ
"เฮ้ย...ไอ้ลิตร ไปไหนมาว่ะ เค้าเริ่มทำงานกันตั้งนานแล้ว หรือว่าไม่มีใครบอกเอ็งว่า ที่นี่ทำงานกันตั้งแต่ 8 โมงเช้า นี่เกือบสิบโมง ไปมุดหัวที่ไหนมาว่ะ"
ลิตรทำหน้าเบื่อๆ
ลิตรตอบห้วน
"ไปกินข้าวมา"
"เอ็งนี่มันไม่ได้เรื่องเลยโว้ย ทำงานวันแรกก็สายป่านนี้ ไป ไป รีบไปทำงานเลย"
ลิตรเดินเข้ากลุ่ม หน้าตาไม่พอใจ ทำงานแบบขอไปที
"งานเฮงซวยแบบนี้กูทำไม่นานหรอก คนอย่างกูมันต้องเป็นใหญ่กว่านี้"
ลิตรพึมพำกับตัวเองแบบมาดหมาย ชิดแอบยืนดูอยู่ สีหน้าไม่แสดงความรู้สึกใดๆ
เวลาบ่าย ลิตรนั่งรอเรไรอยู่ในชุดใหม่ ที่ตั้งใจแต่งให้ดูดี รถเรไรแล่นเข้ามาจอด
ลิตรรีบวิ่งไปหา เปิดประตู ขึ้นรถไป นั่งข้างชิดบนรถ
"เป็นไงบ้างลิตร ทำงานวันแรก"
"อ๋อ...ก้อเหนื่อยครับ เพราะผมไม่เคยทำงานแบกหาม ยกของอะไรหนักแบบนี้เลย แต่น้าบุญให้ทำอะไร ผมก็ทำทุกอย่างเลยครับคุณพี่ เริ่มทำงานตั้งแต่ เจ็ดโมงเช้า ทำงานมาเรื่อย ได้พักกินข้าว ก่อนคุณพี่มาแป๊บเดียวครับ"
เรไรไม่พอใจ
"อะไรนะ ไอ้บุญมันให้เธอทำงานหนักแบบนี้เลยเหรอ ไม่ได้ล่ะ พี่ไม่ได้ให้เธอมาทำงานเป็นกุลีในโรงสีสักหน่อย เดี๋ยวตอนเย็นพี่เข้าไปจัดการให้เอง"
ลิตรหันไปยกมือไหว้ขอบคุณ ประจบประแจง ชิดชักกังวล
ลิตรตามเรไรไปเก็บดอกเบี้ยในตลาดมาหลายวัน เขาแอบมองเงินในกระเป๋าเรไร ชิดยืนคุมเชิงอยยู่ห่างๆ
ในที่นาของชาวบ้าน เรไรเข้ามาไล่ที่ชาวบ้านที่ขาดจ่ายดอกเบี้ย ชาวบ้านร้องไห้ แต่เรไรไม่สนใจ
เรไรแวะไปที่เช่านา ชาวบ้านเอาเงินมาจ่ายค่าเช่า พร้อมกับขนของกิน ส้มสุกลูกไม้ ของแปลกๆมาให้เรไร ยกมือไหว้ขอบคุณ ดูเกรงใจและให้เกียรติเรไร ลิตรช่วยถือกระเป๋า อยู่ใกล้เรไรเข้าไปอีกนิดนึง ชิดยังคงยืนรักษาระยะ อยู่เท่าเดิม
วันใหม่ ลิตร เรไร และชิดมุ่งหน้าไปยังคิวรถ ศรกับเพื่อน 2 คนเดินพาเท้าสกปรกมาขวางทาง เขามองเรไร เท้าจรดหัว
“ไอ้ศร ไอ้ขี้ยา ถนนอื่นไม่มีเดินแล้วหรือไง เสือกสะเออะมาขวางทางเดินชั้น" เรไรพูดเหยียด
ไอ้ศรเมายา ขยับเข้าหาเรไร
ศรชี้หน้า
“อีเรไร อีปากตลาด อีหน้าเลือด วันนี้กูจะเอาเงินมึงมาให้ได้”
ทันทีที่ศรพูดจบ เพื่อนทั้ง 2 คน ก็พุ่งเข้าหากระเป๋าของเรไรทันที ลิตรที่ยืนระวังอยู่ เอาร่มที่ถือมาสำหรับกางให้เรไร ทิ่มเข้าไปที่เพื่อนศร1อย่างแรง
"ไปห่างๆเลยไอ้กุ๊ย"
เพื่อนศร1ล้มลงด้วยความเจ็บปวด อีกคนไม่สนใจตรงเข้าไปกกระชากกระเป๋าเรไร
เรไรตกใจร้อง
“ว้าย"
ชิดปรี่เข้ามากระชากตัวเพื่อน2 ให้ห่างออกจากเรไร เธอทั้งเตะ ทั้งจิก ทั้งข่วน ชิดก็ต่อยไม่ยั้ง โดนบ้าง ไม่โดนบ้าง เพื่อน2 สู้กลับอย่างไม่ยอมแพ้ กลายเป็น 2 รุม 1
ศรเห็นเพื่อน2เสียที จะเข้าไปช่วย ลิตรกระชากกลับมา แล้วปล่อยหมัดขวาตรงเข้าดั้งจมูกศรอย่างแรง
"โอ้ย...”
ศรกองกับพื้น เอามือกุมจมูก เพื่อน1 คว้าไม้ที่กองอยู่แถวนั้น ฟาดไปที่หลังของลิตรสุดแรง จนไม้หัก
ลิตรล้มหน้าคว่ำ
"ว้าย...ลิตร"
เรไรพยายามจะไปช่วยลิตร แต่เพื่อน2 ไม่ยอมปล่อย ชิดก็ติดพันอยู่กับเรไร เลยช่วยลิตรไม่ได้ ลิตรพยายามพยุงตัวขึ้นมา ศรได้ทีเตะเข้าไปกลางตัว ทั้งที่มือยังกุมดั้งจมูกอยู่ ลิตรกระเด็นไปตามแรงเตะ
ศรกับเพื่อน1 ตรงไป หาลิตร เรไร เห็นท่าไม่ดี กรี๊ดร้องดังลั่น
"ช่วยด้วย ช่วยด้วย"
เสียงร้องของเรไรดังไปถึงคิวรถ ลูกหนี้เรไรที่นั่งอยู่ที่คิวรถ หันมาเห็น รีบวิ่งมาช่วย แต่โชคไม่เข้าข้างลิตร
เพื่อน1 หิ้วปีกลิตรขึ้นมา ศรเหวี่ยงหมัดเข้าเบ้าตาลิตรอย่างจัง เรไรหันไปบอกชิด
"ชิด ไปช่วยลิตรสิ ไป"
ชิดเก้ๆกัง พอเพื่อน 1 มันก็หันไปเล่นงานเรไร ทั้งจิก ทั้งดึงกระเป๋า เลยไม่กล้าปล่อย ศรกำหมัดอีกครั้ง คราวนี้เล็งที่จมูกโด่งเป็นสันของลิตร ศรเหวี่ยงหมัดเข้ามา ลิตรถีบสวนออกไป ปลายหมัดเฉียดหน้าไป แต่ก็เรียกเลือดจากมุมปากของลิตรได้ ลิตรพยายามสะบัดตัวจากเพื่อน1ศรลุกได้ จะเข้ามาเอาคืน
ลูกหนี้เรไร 2 คนวิ่งเข้ามาจับตัวศรไว้ อีก 3 คนกำลังวิ่งเข้ามา เพื่อน 2 ที่ยื้อยุดอยู่กับเรไร กับชิด เห็นคนมาช่วยเรไรเลยตกใจ ปล่อยเรไร แล้ววิ่งหนีไม่คิดชีวิต
เพื่อน 1 เห็นเพื่อน 2 หนี กับเห็นลูกหนี้ที่เข้ามาช่วย แต่ละคนท่าทางน่ากลัว ก็รีบปล่อยลิตร แล้วโกยอ้าวตามกันไป
"ลิตร เป็นไงบ้าง”
เรไรรีบวิ่งเข้ามาประคองลิตร ชิดเข้าช่วยอีกแรง
ลิตรใบหน้ายับเยิน มีเลือดออกตามที่ปาก หัวคิ้ว พยายามยิ้มให้เรไร
"พี่เรไรเจ็บมากมั้ยครับ"
เรไรปลื้มใจ ที่ลิตรเป็นห่วงตัวเอง
"พี่ไม่เป็นไรหรอก แต่ลิตรสิเลือดออกเต็มหน้าเลย...โธ่เอ้ย ลิตรรับเคราะห์แทนพี่แท้ๆ"
"เราพาลิตรไปทำแผลก่อนเถอะครับคุณเรไร" ชิดบอก
เรไรพยักหน้ารับ
"ชิด พยุงลิตรหน่อยนะ"
เรไรลุกขึ้นจากลิตรเดินไป ศรยังถูกพวกคิวรถจับตัวอยู่
เรไรเงื้อมือฟาดหน้าศร เต็มเหนี่ยว เสียงดังสนั่น จนชิดกับลิตร ยังสะดุ้ง
เรไรเสียงเหี้ยม
"มึงกล้ามากไอ้ศร ที่มาหาเรื่องกู คราวนี้มึงบอกลาโลกนี้ได้เลย เพราะกูไม่เคยให้โอกาสใคร ซ้ำสอง....” เรไรบอกกับลูกหนี้คิวรถ “เอาตัวมันไปให้คนของชั้นที่โรงสี พวกเค้ารู้ว่าต้องทำยังไง เสร็จแล้วชั้นจะยกหนี้ให้ทั้งหมด”
พวกลูกหนี้ที่คิวรถพยักหน้ารับ ศรเข่าอ่อนทรุดลงกับพื้น ร้องไห้ขอชีวิต เรไรไม่สนใจ ผู้ชายทุกคนในที่นั้น ต่างก็หวาด เกรงความเหี้ยมเกรียมของเรไร ลิตรมองตาค้าง กลัวเรไรขึ้นมาจับใจ
เรไรหันมาเห็นหน้าลิตร แล้วยิ้มหวานเหมือนเคย
“ไม่ต้องกลัวพี่หรอกจ้ะลิตร ลิตรเป็นคนของพี่ ช่วยพี่ไว้ ไม่มีอะไรต้องกลัว ไปเถอะ ไปทำแผลที่เรือนรัตนะของพี่”
ชิดปะคองลิตรออกไป เรไรเดินตาม เสียงร้องโหยหวนขอชีวิตของศร ยังดังตามหลังมา
รถของเรไรแล่นเข้ามาจอดที่หน้าเรือนรัตนะ เธอเปิดประตูลงมา ลิตรทีรอยฟกช้ำตามลงมา มองไปที่เรือนรัตนะอย่างตกตะลึง เป็นครั้งแรกที่ได้เห็นในระยะใกล้แบบนี้ เธอเดาความรู้สึกลิตรออก
"เป็นไงจ้ะ เรือนรัตนะ บ้านของพี่เอง สวยมั้ยล่ะ"
ลิตรเริ่มแผนการณ์ทันที
“สวยครับ สวยมาก แต่คนที่อยู่ที่นี่ กลับสวยและมีน้ำใจงดงามมากกว่าเรือนนี้ไม่รู้ตั้งกี่เท่าครับ”
ลิตรโปรยเสน่ห์ใส่เรไรอย่างตั้งใจ จนเธอเคลิ้มฝัน ป้านวล เดินเข้ามา ทำลายบรรยากาศทุกอย่างทิ้งหมด
"อ้าว....ทำไมวันนี้คุณเรไรกลับเร็วจังค่ะ... อุ้ย แล้วนั่นพ่อไปโดนอะไรมา ถึงได้ ปากเจ่อ หน้าแหกยับเยินขนาดนี้”
เรไรได้สติ กลับไปสั่งการป้านวล
"เค้าหน้าแหก ปากเจ่อ ก็เพราะช่วยชั้นไว้น่ะสิยายนวล ไป ไป บอกคุณรำเพยให้ออกมาช่วยทำแผลให้ลิตรเค้าหน่อย"
ป้านวล รีบกลับเข้าไป เรไรเดินนำลิตรเข้าบ้าน
"ไปลิตร เข้าทำแผลในบ้านก่อน"
จิตใจลิตรไม่อยู่กับตัว ตั้งแต่ได้ยินชื่อรำเพย นางฟ้าที่ปักใจ ได้แต่เหลียวมองหาไปทั่วบ้าน เรไรกลับชอบใจ คิดว่าลิตรสนใจบ้านของตัวเอง
รำเพย ป้านวล กับเด็กรับใช้ ยกของออกมาวางไว้ที่ชุดรับแขก ลิตรจ้องรำเพยดั่งถูกมนตร์สะกด รำเพยเองก็รู้ตัว เลยได้แต่หลบตา ไม่กล้ามองหน้า
"รำเพย ช่วยทำแผลให้ลิตรหน่อยเถอะ พี่ไปอาบน้ำก่อน วันนี้มีแต่เรื่องปวดหัว เหนื่อยใจจริงๆ"
เรไรเดินบ่นหายเข้าไป ลิตรเดินเหมือนลอยเข้าไปนั่งข้างรำเพย แล้วก็จ้องตาไม่กระพริบ เธอประหม่า หยิบจับทำอะไรไม่ถูก ลิตรดีใจเหมือนขึ้นสวรรค์ที่ได้อยู่นางฟ้าในใจ ขนาดนี้
รำเพยเอาสำลีชุบน้ำอุ่นๆ ค่อยๆเช็ดไปทั่วใบหน้าของลิตร เพื่อทำความสะอาด สิ่งสกปรก ก่อนเป็นขั้นแรก ด้วยมืออันสั่นเทา เพราะความเขินอาย เขายื่นหน้าเข้าใกล้ จนรำเพยรู้สึกได้ถึงลมหายใจอบอุ่นของลิตร เธอก้มหน้า ไม่กล้าสบตา หัวใจสั่นระรัว
รำเพยหยิบสำลีชิ้นใหม่ มาชุบแอลกอฮอล์ แต่ด้วยความตื่นเต้น ทำให้มือสั่นจนทำพลาด แอลกอฮอล์หกลงพื้น ป้านวล เห็นอาการริ่มรู้สึกได้ถึงอะไรบางอย่างที่ไม่เหมาะ ไม่ควร จึงรีบเข้าแทรกแซงสถานการณ์
“เดี๋ยวป้าทำให้ก็ได้ค่ะ คุณรำเพย แผลแค่นี้ ไม่ยากหรอกค่ะ”
"จ้ะป้า ขอบใจนะ งั้นชั้นไปเตรียมของว่างให้คุณพี่ก่อนนะ"
รำเพย รีบลุกออกไป ลิตรมองตามพยายามจะเรียกไว้
"เดี๋ยวก่อนสิครับ คุณรำเพย"
ป้านวลเข้ามาดักหน้า แล้วช่วยทำแผลให้
“อยู่นิ่งๆสิจ้ะ แผลแค่นี้ไม่เจ็บหรอก”
ลิตรทำหน้าเซ็ง โอกาสดีๆหลุดลอยไป
ภายในห้องอาหารของเรือน เรไร รำเพย ลิตรนั่งกินข้าวเย็นที่โต๊ะอาหารด้วยกัน เรไรตักกับข้าวเอาใจลิตร
ป้านวลกับเด็กรับใช้แปลกใจ รำเพยกับชิด ก้มหน้าไม่อยากมอง
ลิตรอึดอัด กลัวรำเพยเข้าใจผิด
“ลองชิมสิจ้ะลิตร กับข้าว ฝีมือรำเพย แม่คนนี้เค้ามีฝีมือนะ กับข้าวกับปลา งานบ้าน งานเรือนเค้าเก่งมาก"
ลิตรอยากกินเอาใจคนทำก็อยาก แต่ก็ไม่อยากกินข้าวที่เรไรตักให้ กลัวรำเพยเข้าใจผิด เรไรเห็นท่าลิตรประดักประเดิด ก็แปลกใจ
“ทำไมไม่กินล่ะ หรืออาหารไม่ถูกปาก”
"เปล่าครับ กับข้าวน่ากินทุกอย่างเลยครับ แต่ผมกินไม่ค่อยสะดวก"
เรไรมองหน้าลิตร
“อ้าวเหรอ...นี่เจ็บขนาดกินข้าวไม่ได้เลยเหรอ” เรไรพูดกับรำเพย “เธอนี่มันไม่ได้เรื่องเลยนะรำเพย ทำแผลยังไง ลิตรเค้าถึงเจ็บปาก จนกินไม่ได้ขนาดนี้”
รำเพยจ๋อย โดนพี่สาวว่า ลิตรมองรำเพยอย่างสงสาร ที่โดนว่าโดยไม่มีความผิด เรไรลุกขึ้นมาดูในระยะประชิด
“ไหนดูสิ ก็ไม่เป็นอะไรมากนี่หน่า หรือจะไปให้หมอที่โรงพยาบาลดูมั้ย”
ลิตรหันกลับมาสนใจเรไร เริ่มทำสำออย
“ไม่ต้องถึงมือหมอหรอกครับ แค่นอนพักสบายๆ กินข้าว กินยาแก้ปวด ก็น่าจะดีขึ้นครับ... ตอนนี้ผมก็เริ่มปวดหัวตุ๊บๆแล้วด้วย ผมขอไปหลบนอนตรงระเบียงสักแป๊บนึงนะครับ จะได้ไม่เกะกะคุณพี่”
ลิตรทำท่าจะลุกไป
“ว้าย...ไม่ได้ ไม่ได้ เธอเจ็บเพราะช่วยพี่ พี่จะให้เธอลำบากอีกได้ยังไงล่ะ ไปชิด พาลิตรไปนอนที่เรือนเธอนะ ห้องที่ว่างอยู่น่ะ....อ้อ ยายนวลให้ใครไปทำความสะอาดไว้ทีนะ แล้วรำเพยก็ทำข้าวเย็นที่กินง่ายๆให้ลิตรเค้าด้วยนะ ไปสิ”
เรไรออกคำสั่ง เข้ม ทุกคนในโต๊ะแตกกระเจิง กลายเป็นวุ่นวายเพราะลิตรคนเดียว เรไรเข้าไปนั่งข้างลิตร อย่างเอาใจ ลิตรแอบยิ้ม สมใจ
กลางดึก ลิตรเดินฝ่าความมืด จากเรือนของชิดมา ยืนอยู่หน้าเรือนรัตนะที่ดูสวย สง่า อยู่ท่ามกลางแสงจันทร์
“สักวัน ที่นี่จะต้องเป็นของกูทั้งหมด”
มุมสวยๆอีกมุมของตลาด ทิพย์หยุดเล่า เพราะเธอเองก็เคยมีความรู้สึกแบบนี้กับเรือนรัตนะ และคนที่อยู่เรือนรัตนะ นันทนัชมองทิพย์ยังไม่เข้าใจ เพราะดูเหมือนทิพย์ก็จะมีความลับอะไรซุกซ่อนอยู่
"น้าทิพย์เป็นอะไร หรือเปล่าคะ"
"เปล่าค่ะ"
เสียงมือถือของนันทนัชดังขึ้น เธอหยิบมาดู ภาพหน้าจอ เป็นชื่อ กฤตพนธ์
"ค่ะ...คุณกฤต"
ภายในที่ทำงานของกฤตพนธ์ เขาโล่งใจ
"โฮ้ย...ในที่สุดก็รับโทรศัพท์สักทีนะครับ ผมโทร.หาคุณตั้งแต่เช้า"
“เห็นแล้วค่ะ ตั้ง 5 สายไม่ได้รับ แล้วคุณกฤตมีธุระอะไรด่วนหรือเปล่าคะ ถึงยิงมาถี่ขนาดนี้”
กฤตพนธ์นิ่ง อึ้ง เพราะยังหาคำตอบนี้ให้ตัวเองไม่ได้
“มีครับ เป็นเรื่องสำคัญด้วย แต่ที่สำคัญไม่แพ้กันก็คือ ผมเป็นห่วงคุณ”
เธอยิ้มชื่นกับโทรศัพท์ รู้สึกอบอุ่นหัวใจ และมีกำลังใจที่จะต้องต่อสู้กับอะไรหลายอย่างๆที่กำลังจะตามมา
“ขอบคุณนะคะคุณกฤต สำหรับน้ำใจคุณมีให้ชั้น ตอนนี้ชั้นกำลังต้องการพลังใจในการรับรู้เรื่องราวบางอย่างอยู่ ซึ่งไม่รู้ว่ามันจะออกเป็นแบบไหน แต่ชั้นว่าอย่างน้อยมันน่าจะทำให้ทุกอย่างในชีวิตชั้น ชัดเจนขึ้น”
"คุณกำลังทำอะไรเสี่ยงๆอยู่หรือเปล่าคุณนัน"
เธฮหัวเราะ
“เปล่าค่ะ ตอนนี้ชั้นปลอดภัยดี ชั้นอยู่กับคนที่ชั้นไว้วางใจได้มากที่สุดในชีวิตเลยล่ะคะ แล้วเรื่องสำคัญอีกเรื่องของคุณคือเรื่องอะไรคะ”
กฤตพนธ์อมพนำ
"เรื่องสำคัญมากขนาดนี้ บอกกันทางโทรศัพท์ไม่ได้หรอกครับ เอาเป็นว่าเดี๋ยวผมไปรับคุณ แล้วเราค่อยนั่งคุยกันให้เป็นเรื่องเป็นราวดีกว่านะครับ"
ภานุมองเพื่อนรัก
กฤตพนธ์ นิ่งฟังหน้าตาชื่นบาน ยิ้มกับโทรศัพท์
“ครับ แล้วเดี๋ยวเจอกันครับ”
เขากดวางสาย นัทนัชสงสัยเรื่องสำคัญของกฤตพนธ์ เธอเดินเข้าไปหาทิพย์ ยิ้มเย็น ซ่อนความอำมหิต
จบตอนที่ 9