xs
xsm
sm
md
lg

พายุเทวดา ตอนที่ 9

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


พายุเทวดา ตอนที่ 9

เสี่ยคงคาตื่นนอนกลางดึก เดินออกไปที่นอกห้อง ขณะกำลังดื่มน้ำพลันแก้วตกจากมือ เหมือนมีใครผลัก เสี่ยหน้าเสียมองไปรอบๆ ทันใดนั้นเองอาจารย์คล้ามปรากฏตัวขึ้นให้เห็น คงคาตาเหลือก

“อาจารย์”
คงคาขยับหนี คล้ามเดินปรี่เข้าหา จนหลังคงคาไปติดผนัง คล้ามใช้มือข้างเดียวบีบคอคงคาดิ้นรน คล้ามปล่อยมือ “ทําไมไม่รักษาสัญญา”
คงคางง “สัญญา..อะไร”
“ส่งคนไปหยอดน้ำผึ้งให้แก่กายสังขารของข้า...ถ้ายังไม่อยากตายก็จัดการซะ”
อาจารย์คล้ามวูบหายไป

เงาร่างของคล้ามปรากฏขึ้น หวานใจกําลังเดินมา คล้ามผลัก หวานใจตกใจ
“ว้าย”
กะเทยถึกล้มลงไป พร้อมวิ่งมาพอดีตามเสียงร้องของหวานใจ เงาร่างของคล้ามผลักให้ถอยห่าง เห็นชัดว่าเงาร่างของคล้ามโมโห พร้อมลงไปจุก จนร้องไม่ออก กุมท้อง
กานดาออกมาจากมุมหนึ่งวิ่งถลาขึ้นบันไดมา คล้ามวูบลงบันได ผลักกานดาหงายหลังไป
“ว้าย” กานดาหวีดร้อง
ร่างของกานดากลิ้งหลุนๆ ตกบันได คํารณถลาออกมาจากมุมหนึ่ง
“แม่”
คํารณวิ่งตามไป หยาดฟ้าออกมา ไล่เลี่ยกับคงคา
“กานดา” คงคาตะลึง
“พ่อ พาแม่ส่งโรงพยาบาลเถอะครับ”
คํารณอุ้มกานดาไป คงคาหน้าเสีย ภาพเหตุการณ์ตอนถูกคล้ามจะบีบคอตัวเองผุดเข้ามาในห้วงคิด
พร้อมร้องอย่างตื่นตระหนก “ผีค่ะ ผีแน่ๆ ฮือๆ มีแต่ลม มันจะผลักอิฉันได้ยังไง”

ด้านฤทธิ์ส่งจิตถึงคล้าม “อาจารย์...อาจารย์หายไปไหน ทําไมไม่ช่วยผม ไอ้เทวามันท้าประลองกับผม...อาจารย์”
เงียบกริบไม่มีเสียงตอบใด ฤทธิ์เดินเข้าไปในบ้าน เข้าไปในห้องนอน ถอดเสื้อดูรอยสักยันต์ แต่เห็นเพียงหลังขาวๆ ของตนเอง
“ไม่มีรอยสัก อาจารย์ไม่ได้อยู่กับเรา”
ฤทธิ์ฉงน

ตกตอนกลางคืน เทวานั่งสมาธิโขดหินริมชายหาด
“พี่ฤทธิ์ ออกมาประลองกันสิ ให้รู้กันไปเลย ถ้าผมแพ้พี่ ผมจะไม่กลับมาที่นี่อีกเลย แต่ถ้าผมชนะ พี่ต้องยุติทุกสิ่งทุกอย่างที่เป็นความชั่วร้ายบนเกาะมุก”
เวลาเดียวกัน กระแสลมสลาตันพัดอวลอยู่รอบบ้านฤทธิ์ ใบไม้กิ่งไม้ซัดส่ายไปตามแรงลม
“ไอ้เทวา...กล้าดีนักนะ”
ฤทธิ์ออกไปที่ระเบียง รวมพลังเรียกสายฟ้ามารวมกัน เพื่อหวังจะทําร้ายเทวา แสงฟ้าปรากฏที่บนฟ้า ฤทธิ์มองดู แล้วยิ้มพอใจ
ส่วนที่โขดหิน เทวายืนขึ้น “ผมพร้อมแล้วพี่ฤทธิ์ มาสิ...มัวขี้ขลาดตาขาวอยู่ทําไม...มาสิพี่ฤทธิ์”
ฤทธิ์ หน้านิ่ว โกรธจัด
เสียงเทวาดังขึ้น “ถ้าผมเรียกอีกครั้งพี่ฤทธิ์ไม่ออกมา ผมจะพาน้องทุกคน บุกไปบ้านพี่....”
ลมพัดแรงขึ้น ฤทธิ์ตะโกนเสียงดัง “อาจารย์คล้ามอยู่ไหน..อาจารย์ครับ”
ฤทธิ์เข้าบ้าน ปิดประตู หน้าต่าง
ฤทธิ์นั่งอยู่บนเตียง สีหน้าหวาดกลัว
“ถ้าเราไม่มีพลังเทวดาและพลังมารแล้ว ก็เท่ากับว่าเราไม่เหลืออะไรเลย..เกิดอะไรขึ้นกับเรา”

สิงห์นอนเมาเหล้าอยู่ เดชกับก้องส่ายหน้า เห็นเทวาเดินมา
เดชถาม “ไปสํารวจเกาะมาเหรอ”
“เปล่า...พี่ฤทธิ์ส่งคนมาตีหัวฉัน ดีว่าป้องกันตัวเองได้ ฉันก็เลยท้าทายพี่ฤทธิ์ให้ออกมาประลองกัน แต่เขาไม่มา”
ก้องฉุน “ไอ้ฤทธิ์ เลิกเรียกมันว่าพี่เสียทีเถอะ...นี่ถ้าพี่มนต์มันเริ่มหาเสียงนะ มันจะยิ่งรุนแรงมากกว่านี้”
“ใช่ อาจจะเจ็บตัว..หรือไม่ก็...”
เดชพูดไม่ทันจบ เทวาขัดขึ้น “พวกเราก็ต้องช่วยพี่มนต์...ข้าเชื่อว่าถ้าเราสามัคคีกันใครก็ทําร้ายเราไม่ได้”
ก้องมองไปที่สิงห์ “สามัคคีเหรอวะ ดูโน่น...ไอ้สิงห์ เหมือนศพเข้าไปทุกทีแล้ว มันจะเอาแรงที่ไหนมาสู้”

ตรงทางเดินกลับห้องพัก ดารินเดินเร็วรี่หนีกลุ่มผู้ชาย 4 คน ที่ขี่มอเตอร์ไซค์ตามมา
ชาย 1 ร้องขึ้น “ไม่ยอมให้ออฟกลับบ้านก็ต้องหาความสําราญกันแถวนี้ แหละน้องสาว”
ดารินหันขวับไปทันที ชาย 2 ร้อง “เฮ้ย ฉุดเข้าป่าเลย”
ชายทั้งสี่คนรุมล้อมดาริน แต่ยังไม่ทําอะไร ดารินก็เตะต่อย ใช้วิชามวยไทยและศิลปะการต่อสู้มาสู้ด้วย
กลุ่มชายฉกรรจ์สู้ไม่ได้ รีบขึ้นมอเตอร์ไซค์หนีไป

ดารินนั่งในห้องพัก ปลาดุกถามขึ้น “เข็ดหรือยัง”
“ยัง...ฉันจะอยู่เกาะมุกจนกว่า...ทุกสิ่งทุกอย่างจะดีขึ้น”
ปลาดุกส่ายหน้า “พูดอะไร ไม่เห็นเข้าใจเลย”
“สักวันเธอจะเข้าใจทุกสิ่งทุกอย่างว่าทําไมฉันต้องมาที่นี่ แต่ว่าอย่าเพิ่งถาม..เพราะฉันยังตอบอะไรไม่ได้ตอนนี้”
“เราเพิ่งมาได้ไม่กี่วัน แต่ทําไมเหมือนได้พบกับเรื่องร้ายๆ เต็มไปหมด”
ดารินมองหน้าปลาดุกพูดเสียงขื่น

“ก็นี่แหละ...เกาะมุก”

เวลานั้นฤทธิ์เดินอยู่ในป่าช้าเก่าแห่งหนึ่ง บรรยากาศวังเวงน่ากลัว หลวงปู่หาญแบกกลดธุดงค์มา ฤทธิ์ร้องถาม
“หลวงปู่ จะไปไหนครับ”
“ธุดงค์หาความสงบ ให้ห่างไกลจากมารที่มีจิตผูกพยาบาทอาฆาต..เจ้ากําลังเป็นอยู่หรือเปล่าล่ะ เจ้าฤทธิ์”
ฤทธิ์ยังรั้นตามเคย “หลวงปู่ ไม่เมตตาผม ก็ไม่ต้องเสียเวลามาสอนผม”
“พลังเทวดาของเจ้ากําลังจะหมดไป เพราะเจ้าผิดศีลยิ่งเจ้าไปนับถือคล้ามเป็นอาจารย์ เท่ากับเจ้ากําลังยื่นมือให้มันจับแล้วกระชากเจ้าลงสู่อเวจี”
หลวงปู่เดินจากไปด้วยท่าทีสงบ ฤทธิ์มองตามไป

ฤทธิ์สะดุ้งตื่นขึ้นกลางดึก สะบัดหัว “หลวงปู่..ฮึ จะมาเตือนทําไม...คนตายก็อยู่ส่วนคนตายสิ เมื่อหลวงปู่ รักไอ้เทวาและคนอื่นมากกว่าผม ผมก็จะยิ่งทําเลวให้สมกับที่ทุกคนเกลียดชังผม ไม่รักผม”
หลวงปู่ปรากฏกายขึ้นทันทีชี้หน้า
“นั่นมันข้ออ้างของคนพาล...คิดเข้าข้างตัวเอง เพื่อแสวงหาในสิ่งที่ตัวเองโลภ กลับตัวกลับใจเสียใหม่เถอะ เจ้าฤทธิ์”
“ไม่...หลวงปู่ อย่ายุ่งกับผม ออกไป...ออกไป”

ฤทธิ์ปิดหน้าร้องไห้

เช้าวันใหม่ พร้อมเข็นรถให้กานดานั่ง เคลื่อนรถมา กานดาหน้าเศร้าแต่มีรอยแค้นเคืองอยู่ในแววตา หยาดฟ้ากับหวานใจผ่านมาพอดีเปิดฉากถากถาง

“อุ๊ยตาย..คุณพี่ เคราะห์ร้ายยังงี้เชียวหรือคะ จู่ๆ ก็ขาหัก เดินไม่ได้ ทำอีท่าไหนกัน ถึงได้ตกบันได”
กานดาเม้มปาก พร้อมตัดรำคาญ
“คุณผู้หญิงต้องการพักผ่อน”
ถูกหยาดฟ้าแขวะ
“พักผ่อน...นี่มันเพิ่งแปดโมงเช้านะคะคุณพี่...เมื่อคืน นอนไม่หลับเหรอคะ คิดมากเรื่องอะไร แล้วคุณพี่จะไม่ รับประทานอาหารเช้าก่อนหรือคะ”
กานดารำคาญเต็มทน “ฉันจะกินหรือจะนอน มันก็เรื่องของฉัน ถอยไป”
“แหม…ใจเย็น ๆ สิคะ...พิการแล้วก็อย่าหงุดหงิด เดี๋ยว จะพาลเป็นหลายโรคไปนะคะ หยาดเตือนก็เพราะเป็น ห่วง ยังไงเราก็คนบ้านเดียวกัน”
กานดาสั่ง “พร้อม พาฉันไปเดี๋ยวนี้...ฉันไม่อยากพูดกับอีเด็กกำพร้าข้างถนน”
หยาดฟ้ามีปฏิกิริยาขึ้นมาทันที จ้องหน้ากานดาตาวาว
“คุณพี่ กล้าดียังไง ถึงเรียกฉันยังงี้”
“ไม่จริงหรือไง ผัวฉันเห็นหล่อนเดินขอทานอยู่ริมหาด เอามาเลี้ยงดูให้อยู่ดีกินดี แล้วหล่อนก็แว้งกัดฉัน…เนรคุณทุกอย่าง เพราะต้องการแทนที่ฉัน พร้อม ถ้าแก ไม่รู้ว่าอีงูเห่าที่กัดชาวนาตายน่ะหน้าตาเป็นยังไง ก็ดูหน้าผู้หญิงคนนี้ไว้”
พร้อมรับลูกทันที “อิฉันเห็นแล้วค่ะ ลิ้นสองแฉกตวัดไปตวัดมา..น่าเกลียด น่ากลัวเชียวค่ะ”
พร้อมเข็นรถของกานดาไป หยาดฟ้าหันมาทางกะเทยถึกหวานใจ
“ปล่อยให้นังพร้อมมันด่าฉันอยู่ได้ นังหวานใจ”
“ไว้ให้มันอยู่คนเดียวก่อนค่ะ หวานไม่เอามันไว้แน่”
หวานใจกับหยาดฟ้ามองเขม่นตาม หยาดใจแค้นมาก
“เจ็บใจนัก”
หวานใจถามซื่อๆ “ว่าแต่ที่คุณผู้หญิงพูดน่ะเป็นความจริงหรือคะ”
หยาดฟ้าหันขวับมาจ้องหน้าหวานใจ เขม็ง หวานใจรู้ว่าพลาดไปแล้วก็เลยหน้าจ๋อยไป
“ขอโทษค่ะ”
“ฝากไว้ก่อนเถอะนังกานดา”

ขณะที่พร้อมเข็นรถของกานดาไปทางหน้าประตูรั้ว เห็นฤทธิ์เดินเข้ามา ฤทธิ์จะเลี่ยงไปทางอื่น แต่กานดาเรียกไว้
“เดี๋ยว...เดี๋ยว...” ฤทธิ์เดินเฉยไม่หัน “ไม่ได้ยินที่ฉันเรียกเหรอ” สุดท้ายฤทธิ์หันมา พร้อมบอก
“คุณผู้หญิงเรียก มาสิ”
ฤทธิ์เดินมาหากานดา “คุณผู้หญิงมีอะไรให้ผมรับใช้ครับ”
กานดาจ้องหน้าเขม็ง “บอกฉันหน่อย เธอมาที่นี่บ่อยๆ ทำไมกัน”
ฤทธิ์บอก “ผมทำงานให้เสี่ยครับ”
“งานอะไร”
ฤทธิ์อึกอัก คงคา คำรณ เข้ามาพอดี คงคาทักทาย
“อ้าว กำนันฤทธิ์ ว่าไง” แล้วหันมาทางกานดา “นายฤทธิ์เขา ดูแลผลประโยชน์บนเกาะมุกให้ฉัน...เขาเป็นถึงกำนัน เชียวนะคุณ”

กานดาเชิดหน้า

อ่านต่อหน้า 2

พายุเทวดา ตอนที่ 9 (ต่อ)

คำรณมองแม่อย่างแปลกใจ

“ทำไมแม่จะต้องอยากรู้ด้วย” กานดาตวัดสายตามองหน้าลูกชายอย่างน้อยใจ
“แม่ไม่มีสิทธิ์รู้อะไรในบ้านหลังนี้เลยเหรอ คำรณ”
“ก็รู้ได้ แต่แม่ก็น่าจะรู้ว่านี่เป็นงานของพ่อ”
คงคาตัดรำคาญ ”คำรณก็รู้ว่าแม่เขาป่วยเป็นโรคประสาท จะไปเซ้าซี้กับ เขาทำไม พูดไปเขาก็ไม่รู้เรื่องหรอก...เข้าบ้านเถอะ”
“ครับพ่อ” คงคาเดินตามคำรณไป กานดานํ้าตาคลอ พูดเบาๆ กับพร้อม
“ฉันไม่ใช่แม่เขาเหรอพร้อม”
พร้อมไม่กล้าพูดอะไร หวานใจกับหยาดฟ้าก็เข้ามา หยาดฟ้าหัวเราะหยัน
“ทีนี้รู้หรือยังล่ะว่าคุณผู้หญิงเป็นเมียสุดที่รักของเสี่ยหรือ ว่าถูกลดชั้นลงไปเป็นผู้อาศัยแล้ว”
หยาดฟ้าสะใจเดินเชิดหน้าชูคอเข้าไปในบ้าน หวานใจวางท่าเชิดตามเจ้านายผ่านหน้าพร้อมไป
มือของกานดาที่วางอยู่ที่เท้าแขนของรถเข็น กำหมัดแน่น เกร็งมือ ใบหน้าของกานดาเครียดจัด

ฤทธิ์นั่งหน้าซีดอยู่ คงคาถามอย่างแปลกใจ
“แกไม่ได้นอนเหรอ ทำไมหน้าซีดอย่างนี้ หา”
ฤทธิ์เอ่ยขึ้น “ไอ้เทวามันท้าทายผม…”
“เทวา...” คงคาทวนคำ
“ก็น้องผม ไอ้คนที่มีพลังเทวดาน่ะครับ ตอนนี้มันกลับ มาแล้ว วิชามันแน่มาก”
คำรณมองหน้าคงคา แล้วถามเสียงเย้ยหยัน
“นายฤทธิ์ก็เลยกลัวมัน”
“ไม่ใช่อย่างนั้นครับคุณคำรณ...แต่ว่าอาจารย์คล้ามท่าน มาเข้าฝันผม...ท่านว่าเสี่ย...เอ้อ...เรื่องสัญญา...”
หยาดฟ้าเข้ามาพอดี นั่งที่ข้างเสี่ยคงคา คำรณมองอย่างไม่ค่อยชอบนัก
คงคางงๆ “สัญญา”
ฤทธิ์บอก “ก็เรื่องหยอดนํ้าผึ้งให้แก่สังขารของอาจารย์”
คงคามีสีหน้าเหมือนนึกออก “อ้อ...ถ้างั้นก็เป็นหน้าที่ของแกก็แล้วกัน...เอาพวกไอ้พัน ไปเป็นเพื่อนก็ได้”
“ไม่เป็นไรครับเสี่ย ผมไปเองได้..ขอเรือเร็วให้ผมใช้สักวัน ก็พอ”
“แล้วจะไปเมื่อไหร่”
“พรุ่งนี้ครับ”
หยาดฟ้าเอ่ยขึ้น “ถ้างั้น วันนี้นายฤทธิ์ช่วยจัดการเก็บส่วยบนเกาะมุกมาให้ด้วย...หวังว่าอำนาจของกำนันเกาะมุก คงทำให้งาน นี้ไม่ยุ่งยากสำหรับนายฤทธิ์นะ”
ฤทธิ์สบตาหยาดฟ้า รับคำ “ครับ คุณหยาด...ผมจะกลับไปทำให้คุณหยาดวันนี้เลย”

ที่วัดเกาะมุกใต้ บุญกู้เดินสวนทางกับเทวา เห็นเทวาตรงดิ่งไปทางหนึ่ง ไม่ทักทาย บุญกู้แปลกใจ
“จะรีบไปไหนวะเทวา” เทวาไม่หันมา “ท่าทางยังงี้ไม่ ค่อยดีแล้วโว้ย” บุญกู้ยกมือไหว้ไปที่เจดีย์
“หลวงปู่ช่วย ไอ้เทวาด้วยนะครับ”
เทวามาหยุดยืนอยู่หน้าเจดีย์
“หลวงปู่ครับ ผมทราบว่าญาณของหลวงปู่อยู่ที่นี่ ผมมาขอพึ่งบารมี ผมคิดว่าผมจะคุยกับพี่ฤทธิ์ให้ รู้เรื่อง บางทีพี่ฤทธิ์อาจจะกลับตัวกลับใจก็ได้”
ภาพของหลวงปู่หาญปรากฏเป็นเงาจางๆ ที่เจดีย์
“ปู่พูดมันยังไม่ฟัง แล้วมันจะฟังเจ้ารึ เทวา”
เทวากราบลงที่พื้น หน้าผากจรดดิน เสียงบุญกู้ดังขึ้นมาจากด้านหลัง
“ขนาดหลวงปู่เลี้ยงมันมา มันยังร่วมมือกับคนอื่นฆ่า หลวงปู่ได้ แล้วเอ็งเป็นใครล่ะไอ้เทวา”
เทวาหันมาทางด้านหลังก็เห็นบุญกู้ยืนอยู่
“เดิมพันไงครับ...ถ้าผมแพ้ ผมจะไปจากที่นี่ แล้วจะไม่ กลับมาอีกเลย...แต่ถ้าผมชนะ พี่ฤทธิ์ต้องยุติความเลวร้ายทุกอย่าง”

แววตาของ เทวา สลาตัน เต็มไปด้วยความมุ่งมั่นมาดหมาย

ณ โซน อบายมุขบนเกาะมุก ที่ร้านสนุกเกอร์ มีคนเล่นสนุ้กอยู่กลุ่มหนึ่ง ฤทธิ์กับพวกลูกน้องเดินเข้ามา ฤทธิ์บอกเจ้าของร้าน

“เสี่ยคงคาให้มาเก็บค่าเช่า”
“อะไรกันกำนัน...ก็ที่นี่มันร้านของผม ผมทำธุรกิจของผม ผมต้องแบ่งให้คนอื่นด้วยเหรอ” เจ้าของร้านไม่ยอม
ชายคนอื่นๆ เห็นท่าไม่ดี พากันระวังตัวและเตรียมพร้อม
“ถ้าไม่จ่าย ก็เลิกกิจการไป แล้วก็ไสหัวไปจากเกาะมุก” ฤทธิ์บอก
“ยังงี้มันก็ข่มขู่กันนี่หว่า”
“ถ้าใช่..มีอะไรมั้ย” ลูกน้องของฤทธิ์ตรงเข้ากระชากตัวเจ้าของร้านมาแล้วซ้อมอย่างไม่นับ คนเล่นสนุกเกอร์อื่นๆ ทำท่าจะช่วย แต่ฤทธิ์จ้องหน้า ทำให้ทุกคนวิ่งกรูกันออกไป
“ช่วยด้วยๆๆๆ” รถมอเตอร์ไซค์ของมนต์ผ่านมาพอดี มีแสงจันทร์ซ้อนท้ายมาด้วย มนต์หยุดรถ แล้วตรงไปที่ในร้าน
“พี่ฤทธิ์”
ลูกน้องหยุด ชายเจ้าของร้านมีใบหน้าเลอะปากและจมูก น่าเวทนา
“นายอย่ามายุ่งกับธุรกิจของฉัน”
“ของพี่หรือของเสี่ยคงคา...นี่พี่เป็นสมุนรับใช้มัน ทำทุก อย่างให้มันยังงี้เชียวเหรอ ทำไมพี่ไม่คิดถึงจิตใจของคน เกาะมุกบ้าง”
“คนเราถ้าเงินซื้อได้ ความเป็นคนก็ลดน้อยลงทุกที” แสงจันทร์ด่าซ้ำ
ฤทธิ์ไม่พอใจ ตวาดเสียงดัง “หยุด อย่ายุ่งกับเรื่องของฉัน...อย่าหาว่าฉันไม่เตือนนะ มนต์”
“ถ้าผมได้เป็นผู้ใหญ่บ้าน ผมจะไม่ยอมให้ใครมาใช้ อำนาจที่นี่ได้”
มนต์กับแสงจันทร์ออกไป ฤทธิ์มองตามอย่างอาฆาต ลูกน้อง 1 จับใบหน้าของ ชายเจ้าของร้านให้เงยขึ้น
“เงินค่าคุ้มครอง...เอามา”

ฝ่ายเทวานั่งที่โขดหิน มองไปที่ท้องฟ้า ส่งกระแสจิต เทวาหงายมือบนเข่าทั้งสองข้าง แบบนั่งสมาธิ
ฤทธิ์รับรู้ หันขวับไปที่ท้องฟ้านอกร้าน เห็นคลื่นลมปั่นป่วนอยู่ภายนอก
“เทวา” ฤทธิ์พึมพำเครียดจัดบอกกับลูกน้อง
“พอแล้ว ไปที่อื่น” ลูกน้องส่งเงินที่เพิ่งรีดจากเจ้าของร้านสนุกเกอร์ได้ส่งให้ฤทธิ์ ฤทธิ์รับไปก้าวเร็วๆ พลางมองท้องฟ้า
“กล้าท้าทายข้ารึ” ฤทธิ์หันไปบอกลูกน้อง “มีคนท้าทายพลัง เทวดาของข้า”

รถของฤทธิ์แล่นมาอย่างเร็ว
ลูกน้อง 1 ถาม “ถ้ากำนันเพลี่ยงพลํ้าก็ให้ผมซํ้าได้เลยใช่มั้ยครับ”
“เออ ซํ้ามัน...เวลาต่อสู้ ใจมันจะจดจ่ออยู่ที่ข้า เอ็งใช้ จังหวะนั้นแหละ ยิงมันเลย...ไม่ต้องนับ”
ลูกน้องทั้งสองทั้งสองยิ้มเหี้ยม ฤทธิ์ซึ่งนั่งอยู่เบาะหลัง ยิ้มเหี้ยมเช่นกัน

ด้านสิงห์เมาแอ่นเดินโซเซมา แล้วหยุดที่หน้าร้านของเป้า ทุบประตูเรียกเสียงดัง ปนสะอื้น
“เปีย...เปียจ๋า...เปิดประตูให้พี่สิ...เปีย...พ่อเป้า..พ่อเป้า”
สิงห์หมดหวัง หันหน้าเหี่ยวมา ค่อยๆ นั่งลง พิงประตูร้านค้า รถของฤทธิ์ผ่านมาพอดี รถหยุดตรงหน้าสิงห์ ฤทธิ์เปิดประตูลงมาเห็นเข้า
“ไอ้สิงห์”
สิงห์ตาวาวไม่ยอมรับฤทธิ์ ตั้งท่าจะทำร้ายฤทธิ์
“ข้ามาดี...อย่านะไอ้สิงห์ ข้ากับเอ็งพี่น้องกัน”
“ถุย...พี่น้องกัน...ทุกวันนี้เอ็งอยู่สุขสบายเคยนึกถึงพวก ข้าบ้างมั้ย...เอ็งข่มขืนเมียข้า ทำให้พ่อตาข้าผูกคอตาย ยังจะกล้าบอกว่าเป็นพี่ข้าอีกเหรอวะ ไอ้ฤทธิ์”
“แล้วแต่เอ็งจะคิด...ถ้าเอ็งอยากเจอนังเปีย ก็ตามข้ามา”
ฤทธิ์เดินกลับจะขึ้นรถ พอเปิดประตู สิงห์ก็ถลามาหา
“พี่ฤทธิ์ ไอ้พี่ฤทธิ์ เปียอยู่ไหน...บอกมาสิวะ เปียอยู่ไหน”
สิงห์ตามฤทธิ์เข้าไปในรถ รถแล่นทะยานไป

ดารินกับปลาดุกยืนมองเหตการณ์จากมุมลับตาคน ด้วยสีหน้าสงสัย

“นายสิงห์เมาออกอย่างนั้น จะพาไปไหน”
ดารินไม่ตอบ แต่ตรงไปที่จักรยานคันหนึ่งที่จอดอยู่ริมป่าหญ้า ปลาดุกขี่ ดารินซ้อน ปลาดุกปั่นจักรยานไปอย่างเร็ว ชายคนหนึ่งโผล่ออกมาจากป่าหญ้าโวยลั่น

“เฮ้ย...ข้าปวดท้องแป๊บเดียว จักรยานโดนขโมยแล้ว... เอาของข้ามา...เฮ้ย”

อ่านต่อหน้า 3

พายุเทวดา ตอนที่ 9 (ต่อ)

รถแล่นมาตามทาง สิงห์ถามฤทธิ์ นํ้าเสียงอ้อแอ้ยังเมามายอยู่ แต่ดวงตายิ้มมีความหวัง

“พี่จะพาข้าไปหาเปียใช่มั้ย”
“ใช่ แต่ข้าขอพูดธุระกับใครบางคนก่อน”
“ใคร”
“เดี๋ยวเอ็งก็จะได้เห็น...ระหว่างเจรจากัน เอ็งอย่าออกไป ล่ะจะเจ็บตัวฟรี”
สิงห์มองฤทธิ์อย่างสงสัย
“ทำไมวะ ไอ้พี่ฤทธิ์”
“เออน่า”
ลูกน้องของฤทธิ์ที่นั่งอยู่เบาะหน้าทั้งคู่ หันมาสบตากันอย่างมีความหมาย
รถแล่นไปอย่างเร็ว ฤทธิ์มองไปเห็นกระแสลมปั่นป่วนอยู่เบื้องหน้า ก็หน้าเครียด นิ้วมือของฤทธิ์ถูกันวนไปมา กังวลอย่างเห็นได้ชัด

รถของฤทธิ์จอดที่ริมถนน ฤทธิ์หันมาบอกสิงห์
“อย่าออกไปไหนนะ ถ้าเห็นอะไรก็ไม่ต้องพูดทั้งนั้น แล้ว ข้าจะเล่าให้ฟัง”
ฤทธิ์ออกไปนอกรถ ลูกน้องคนหนึ่งออกมายืนข้างรถ ฤทธิ์กำชับเบาๆ
“อย่าลืมนะโว้ย ส่องให้มันเป็นศพลอยทะเลไป เลย”
“ครับนาย”
“แล้วไอ้นี่ด้วย ถ้ามันเรื่องมากโวยวายอะไรขึ้นมา เอ็ง สองคนก็ไม่ต้องเกรงใจข้า”
“ครับนาย” ลูกน้องหันไปมองสิงห์ ก็เห็นใบหน้าสิงห์แนบกระจกมองไปที่ชายหาด
สิงห์เห็นฤทธิ์เดินไปที่โขดหิน สิงห์เพ่งมองไป เห็นเทวาหันมา
“เทวา” สิงห์หน้าซีด
เทวากระโดดลงมาจากโขดหินตรงมาหา
“ผมดีใจที่พี่ฤทธิ์มาตามคำขอของผม”
“นายมีอะไรเทวา”
“เพื่อเห็นแก่ความดีของหลวงปู่ ผมขอร้องให้พี่เลิกทำ ตัวรับใช้ไอ้เสี่ยคงคา เลิกทำความชั่วร้ายทุกอย่างบน เกาะมุกแห่งนี้”
“เหตุผล”
“การทำความดีต้องมีเหตุผลด้วยเหรอพี่...ถ้าคนเรามัวหา เหตุผลของการทำดีแล้ว โลกนี้คงอยู่ยาก”
ฤทธิ์หัวเราะ ตรงไปตบไหล่เทวา ท่าทีสนิทสนม
“ไอ้น้องรัก...เอ็งนี่คารมคมคายไม่ใช่เล่น...แต่พี่ขอเวลา หน่อยได้มั้ย...ให้พี่สะสางปัญหาบางอย่างก่อน”
“ปัญหาอะไร”
“ก็นำความเจริญมาให้เกาะมุกไง...นายคิดว่าความดีทำ ให้คนอิ่มได้มั้ย หยุดท้องที่มันร้องเพราะความหิวได้มั้ย แต่ถ้าเรายอมเป็นพวกไอ้คงคา เรายังดูดเงินมันมาทำ ให้ท้องทุกคนอิ่มได้”
เทวาแย้ง “นั่นมันแค่ความเชื่อของพี่”
“นายเรียกมันว่าความเชื่อได้ไง...ทั้งที่มันเป็นความจริง”
“ไม่ใช่ครับ...มันไม่ใช่ความจริง”
“นายไม่เชื่อเหรอเทวา”
“ไม่เชื่อ...เพราะความจริงที่ผมเห็นก็คือ คนเกาะมุกยังหิว ยังอด ยังถูกเบียดบังผลประโยชน์ ไม่ว่าจะเป็นที่ดินทำกิน บ้านเรือนที่อยู่อาศัย แม้จะมีบางคนที่ท้องอิ่มขึ้นมา บ้าง แต่ก็ต้องแลกกับการไปขายตัว ไปเป็นเด็กเสิร์ฟใน ร้านเหล้าให้พวกขี้เมาแทะโลม... นี่เหรอความเจริญที่ พี่ฤทธิ์ต้องการ”
ฤทธิ์เริ่มประนีประนอมเพราะไม่อยากต่อสู้กับเทวา
“นายพูดก็ถูก” ฤทธิ์แสร้งตีหน้าเศร้าเล่าความเท็จ “เอาเถอะพี่สัญญาว่าพี่ จะห่างจากมันมาให้ได้ พี่ถลำลึกไปมากแล้ว เหมือน เดินอยู่บนเส้นด้าย ข้างล่างก็มีปลาฉลามคอยอ้าปากรอ ให้พี่พลัดตกลงไป...มีแต่ตายกับตายเท่านั้น”
เทวาหลงกล “ผมจะรอคอยวันนั้นครับพี่ฤทธิ์ และหวังว่าพี่ฤทธิ์จะทำ สำเร็จ”
“ขอบใจเทวา...ขอบใจ”
ฤทธิ์กอดเทวาไว้
จังหวะนี้สิงห์ผลักประตูออกมา ลูกน้องของฤทธิ์ดึงตัวไว้
“ไอ้เทวามันเป็นพวกเดียวกับไอ้ฤทธิ์เหรอวะ...โธ่ พวกข้า ไม่น่าโง่เลย” สิงห์เข้าใจผิดตามแผนฤทธิ์

ดารินกับปลาดุกขี่จักรยานมาถึง ทั้งสองหอบเหนื่อย สองสาวมองไป เห็นฤทธิ์ผละจากเทวาออกมา โบกมือให้กัน สีหน้าของดารินสงสัย เช่นเดียวกับปลาดุก
“ไหนใครบอกว่ากำนันฤทธิ์ตั้งตัวเป็นศัตรูกับกลุ่มของ นายเทวาไง”
ดารินไม่ตอบ แต่สีหน้าสงสัยเช่นกัน
ฤทธิ์เดินมา ทั้งสองรีบหลบ ฤทธิ์ไม่ได้สนใจ เดินมาที่รถ มองไปที่ชายหาดก็เห็นเทวาเดินกลับไปอย่างสบายใจ
“เอ็งนัดเทวามาทำไม...หาไอ้พี่ฤทธิ์”
“เทวาต่างหากที่มันนัดข้า” ฤทธิ์โกหก
สิงห์มองอย่างตะลึง “นัดทำไม...มันคุยอะไรกับเอ็งวะ...บอกสิวะ” สิงห์เขย่าตัวฤทธิ์คาดคั้น “บอกสิวะ..บอกมา...ไอ้พี่ฤทธิ์”
“เทวามันอยากให้ข้าพามันไปพบเสี่ยคงคา”
“พบทำไม” ฤทธิ์หัวเราะอารมณ์ดี ตบไหล่สิงห์ ราวกับสิงห์เป็นเด็กหนุ่มที่ไร้เดียงสา
“ไอ้สิงห์...เอ็งลืมคิดไปหรือวะว่าเงินกับอำนาจมันไม่เข้า ใครออกใคร...คนตกงานไม่มีศักดิ์ศรีอย่างไอ้เทวาน่ะ ซื้อมันด้วยเศษเงินเล็กๆ น้อยๆ มันก็ยอมเป็นพวกแล้ว”
สิงห์ยืนนิ่ง ตาแดงผิดหวัง มองไปที่ชายหาด เห็นคลื่นซัดสาดเข้าสู่ฝั่ง ฤทธิ์หัวเราะ ดีใจที่ทำให้น้องๆ เทวดาแตกคอกันได้ ฤทธิ์กับลูกน้องเปิดรถเข้าไปนั่ง แล้วรถก็ขับไป ปล่อยสิงห์ให้ยืนนํ้าตาไหลอยู่ลำพัง
“กูไม่คิดเลยว่ามึงจะเป็นคนยังงี้ ไอ้เทวา”

ปลาดุกกับดารินมองหน้ากันอย่างสงสัย

คืนนั้น บรรดานักท่องเที่ยวเดินกันขวักไขว่ อยู่ที่ถนนย่านโลกีย์ และอบายมุข สองข้างทางมีแต่แสงสีของแหล่งเที่ยวยามราตรี

ดารินแต่งตัวเด่นสะดุดตาผู้คน เดินปะปนกับคนอื่นๆ มีปลาดุกแต่งตัวออกแนวทอมฮะชัดเจน ไม่ห้าวมาก แต่ดูน่ารัก เสียงเมามายของสิงห์ดังขึ้น
“ถุย ไอ้คนทรยศ...ต่อไปนี้กูจะไม่เชื่อใครอีกแล้วในโลกนี้ ต่อให้พระอินทร์เหาะลงมาเขียวๆ ยืนตรงหน้ากูก็ไม่เชื่อ ไอ้เทวา กูไม่คิดเลยว่ามึงจะชั่ว มึงจะเลวยังงี้”
เฮียเม้งออกมาไล่ แขกในร้านเหล้าของเฮียเม้งมองกันเป็นตาเดียว
“จะเมาก็ไปเมาที่อื่น อย่ามาสร้างความรำคาญให้ร้านอั๊ว” เม้งจับตัวสิงห์จะผลักไป แต่สิงห์ปัดออกห่าง
“อย่ายุ่งกับข้า...ไอ้เม้ง...ไอ้ลูกสมุนสู...นัข”
เม้งของขึ้น “อ้าว ไอ้นี่...เฮ้ย จัดการซิ”
การ์ดร้านเหล้าของเม้ง ตัวใหญ่ๆ เป็นนักกล้ามดาหน้ากันมาสองคน จับสิงห์โยนไปที่ถนน นักท่องเที่ยวแตกฮือกันหมด ดารินกับปลาดุกเดินผ่านมาพอดี
“อ้าว..เฮ้ย คนเมา เขาจะสู้พวกนายได้ไง...รังแกคนไม่มี ทางสู้นี่หว่า”
นักกล้ามหันมามองหน้าเม้ง
“ลื้อเข้าข้างมัน ก็ออกไปจากร้านอั๊ว ไม่ต้องทำ” เม้งบอก
ดารินตอบอย่างไม่แคร์
“ถ้าแขกร้านเฮีย หนีไปร้านที่ฉันไปทำงานด้วย อย่ามาว่า กันนะ”
ปลาดุกเข้ามาประคองสิงห์
“เมาแล้วกลับวัด...ไปพี่สิงห์” ปลาดุกฉุดสิงห์ขึ้นมา แต่สิงห์ก็ทิ้งตัวลงอีก ร้องไห้โฮๆ
“ไอ้เทวา...มึงมันเลว มึงมันก็ไม่ต่างจากไอ้กำนันฤทธิ์”
นักกล้าม 1 หันมาทางเม้ง “เฮีย มันเอ่ยชื่อหัวหน้าเราด้วย”
เม้งส่งสัญญาณให้จัดการกับสิงห์
“เอ็งก็ทำให้มันเงียบสิวะ”
นักกล้าม 2 ดึงเสื้อของสิงห์ขึ้นมา “ไป”
สิงห์โวยลั่น “กูไม่ไป จนกว่าจะกระชากหน้ากากไอ้เทวาให้คนทั้ง เกาะเขาได้รู้ว่ามันเป็นคนยังไง ถุย...กูมันโง่...โง่ๆ หลงเชื่อว่ามันไม่ได้เลวเหมือนไอ้ฤทธิ์”
ขาดคำของสิงห์ นักกล้าม 1 ก็ต่อยสิงห์ลงไปกอง
เม้งหยามหยัน “เมาเหมือนหมา ไม่เหลือคราบนักเลงเทวดาเลยว่ะ” เม้งหัวเราะสะใจ
นักกล้ามจะตามซํ้า นักท่องเที่ยวเริ่มวิ่งหนีกันไปคนละทาง มีบ้างที่ยืนดูอยู่ห่างๆ แต่ดารินกับปลาดุกตรงเข้าใช้แม่ไม้มวยไทยจัดการกับนักกล้ามทั้งสองจนลงไปกองในพริบตา
เม้งกลืนนํ้าลายเอื้อก ตะลึงไม่คิดว่าการ์ดตัวใหญ่ จะพ่ายแพ้ผู้หญิงบอบบางทั้งสองคน
แสงดาว กับแสงจันทร์ผ่านมาพอดี เห็นสิงห์นั่งสะบัดหัวเพราะยังงงกับการถูกต่อยอยู่ แทบหายเมา
“พี่สิงห์...นี่มันอะไรกัน”
ปลาดุกหันมาทางสองสาว
“พากลับไปซะ ก่อนที่จะถูกนักเลงร้านนี้มันยำตาย”
แสงจันทร์สงสัย “เรื่องมันเป็นยังไงมายังไงกันเหรอ”
“ฉันไม่รู้หรอก รู้แต่ว่าเพื่อนฉันที่ชื่อเทวา ไม่ได้เลวเหมือน นายขี้เมานี่พูด...แค่นี้แหละ”
ดารินบอกแล้วยักไหล่ หันยักย้ายส่ายสะโพกเข้าไปในร้านเหล้า โดยไม่ลืมทิ้งตาให้บรรดาขี้เมาในร้าน
เสียงเพลงดังขึ้น ดารินก็เคลื่อนไหวร่างกายตามจังหวะเพลงได้อย่างพลิ้วชวนมอง ขี้เมาต่างพากันพอใจ เฮียเม้งมองตามแล้วส่ายหัวบ่นเบาๆ
“แขกติดมันยังงี้ อั๊วจะไล่ได้ไงวะ”
มนต์ขี่มอเตอร์ไซค์ผ่านมาหน้าร้านพอดี แสงจันทร์บอก
“พี่มนต์ เอาพี่สิงห์ไปที่บ้านก่อน...ฉันสองคนจะตามไป”

ที่บ้านของสน มนต์รู้เรื่อง แต่ส่ายหน้าไม่เชื่อที่สิงห์บอก สน แสงดาว แสงจันทร์มองมนต์แล้วมองสิงห์
“ฉันไม่เชื่อหรอกพ่อ เทวาไม่ใช่คนอย่างนั้น”
“ไม่เชื่อข้าหรือวะมนต์...ถึงข้าเมา ข้าก็จำทุกสิ่งทุกอย่าง ที่ข้าเห็นได้นะโว้ย...มันมีลับลมคมในกัน ปรึกษาหารือกัน ไอ้ฤทธิ์มันยืนยันว่าไอ้เทวาต้องการให้ไอ้ฤทธิ์พามัน ไปหาไอ้เสี่ยคงคา”
มนต์ส่ายหน้าอีก “หัวเด็ดตีนขาดข้าก็ไม่เชื่อ”
“ทำไมวะ” สนถาม
แสงจันทร์กับแสงดาวมองมนต์
“ฉันเชื่อของฉันก็แล้วกัน” มนต์ลุกไป สิงห์มองตามด้วยสายตาของคนใจน้อย
“เออ กูมันขี้เมา พูดจาอะไรก็ไม่มีคนเชื่อถือ”
สิงห์ลุกขึ้นแล้วเซ แสงจันทร์รีบจับแขนสิงห์ไว้ไม่ให้ล้ม
“นอนที่นี่ก็ได้ พรุ่งนี้ค่อยกลับ”
แสงดาวเดินตามมนต์ไป
“ไม่ต้องยุ่งกับกู” สิงห์สะยัดออก เดินไปแต่ไม่ตรงทาง ปากก็พรํ่าบ่นไป

“กูมันขี้เมา กูมันคนไม่มีศักดิ์ศรี ไม่มีใครเชื่อกู”

อ่านต่อหน้า 4

พายุเทวดา ตอนที่ 9 (ต่อ)

ฟากมนต์ยืนคิดอะไรอยู่คนเดียว แสงดาวยืนอยู่ด้านหลังเยื้องออกไป

“ใครไม่เชื่อพี่สิงห์ แต่ฉันเชื่อ”
มนต์หันกลับมา “ทำไม”
“ฉันต่างหากล่ะที่ต้องเป็นฝ่ายถามพี่มนต์” แสงดาวย้อน
“ถ้าไอ้เทวามันเห็นแก่ตัว เห็นแก่ได้อย่างที่ไอ้สิงห์พูด มัน คงไม่หนีไปจากเกาะมุก แต่ที่มันไปก็เพราะมันเสียสละให้พี่ได้แต่งงานกับพี่สาวของเธอไงล่ะ แสงดาว”
แสงจันทร์ยืนฟังอยู่ที่มุมหนึ่งภายในบ้าน สนอยู่ไม่ห่าง
“เอามาวัดได้ด้วยเหรอ...คนขี้ขลาดหนีปัญหา ใครจะนับ ว่าเป็นคนดีก็นับไปเถอะ แต่ฉันไม่”
แสงดาวสะบัดตัวจะเดินเข้าบ้าน มนต์รีบมาคว้าตัวแสงดาวไว้
“ยอมรับความจริงสิแสงดาว เธอกับพี่ก็มีส่วนผิดที่ทำให้ แสงจันทร์ต้องแต่งงานกับพี่ ทั้งๆ ที่เขาไม่ได้รักพี่เลย”
แสงดาวรีบเอามือแตะปากมนต์ ไม่ให้พูด
ส่วนที่ในบ้าน แสงจันทร์นํ้าตาไหลพราก เดินเช็ดนํ้าตาไป
แสงดาวเข้ามาในบ้านเจอพี่สาว “พี่แสงจันทร์”
แสงดาวยืนอึ้ง รู้สึกผิด มนต์ตามเข้ามา สนถอนใจ
“ทุกคนก็มีส่วนผิดทั้งนั้น...แต่ในฐานะพ่ออย่างข้า ข้าก็ ถือว่าข้าทำดีที่สุดแล้ว อย่างน้อยนังแสงจันทร์ก็ได้แต่งงานกับครูมนต์ ไม่ใช่คนหลักลอยอย่างไอ้เทวา”
มนต์ยืนอึ้ง ระบายลมหายใจ
“แล้วทำไมพ่อไม่คิดบ้างว่าที่พี่เทวาจะเข้าเป็นพวกกำนัน ฤทธิ์ก็เพื่อสร้างหลักฐานให้แก่ตัวเอง จะได้ไม่เป็นคน หลักลอยไร้สาระอย่างที่พ่อเข้าใจ” แสงดาวเดินปึงปังออกไป
สนโมโห “นังแสงดาว”

ทั้งสองคนใส่ชุดนอน เตรียมเข้านอน มนต์กอดแสงจันทร์ที่มองออกไปข้างนอก
“ไม่ว่าจะมีอะไรเกิดขึ้น พี่ก็พูดได้คำเดียวเท่านั้น ไม่มีวัน เปลี่ยนเป็นอย่างอื่น...พี่รักแสงจันทร์ยิ่งกว่าชีวิตของพี่”
แสงจันทร์พยักหน้าตอบเสียงเครือ “ฉันเชื่อพี่...แต่ฉันไม่อยากเห็นพี่น้องของพี่ทุกคนต้อง แตกคอกันเพราะคำพูดของพี่สิงห์”
“พี่เชื่อว่าคงเป็นแผนของกำนันฤทธิ์ที่ต้องการสลายพลัง เทวดา...ต่อไปพวกมันจะทำอะไรก็ได้บนเกาะนี้”
แสงจันทร์หันมาทันที “จริงสิ...พี่ต้องทำให้ทุกคนเข้าใจนะ ไม่งั้นเข้าทางพวก มันแน่”
มนต์ถอดเสื้อใส่นอนออก แล้วคว้าเสื้อยืดมาใส่ รีบขึ้นรถมอเตอร์ไซค์ขับออกไป

ฤทธิ์ยืนอยู่ที่ระเบียงบ้านพัก มองดูทะเลยามคํ่าคืนเบื้องหน้า บอกตัวเองอย่างลำพอง
“พวกนักเลงเทวดาแตกคอกัน พลังเทวดาก็ไม่มี ความหมาย หลวงปู่คงขัดขวางอะไรผมไม่ได้อีกแล้ว... ต่อไปนี้ ผมจะนับอาจารย์คล้ามเป็นอาจารย์ของผมคน เดียว...คนเดียวเท่านั้น”
ฟ้าร้องครืนๆ แล้วผ่าเปรี้ยง ฤทธิ์กวาดตามองไปทั่วแผ่นฟ้า ร่างของฤทธิ์เหมือนมีแสงวาบทั่วร่าง เมื่อก้มมองก็เห็นแสงวาบขึ้นตามรอยสักที่ขึ้นอยู่เต็มตัว ฤทธิ์หัวเราะลั่น ดีใจ
“จิตผมสื่อกับญาณของอาจารย์ได้...พรุ่งนี้ครับอาจารย์ พรุ่งนี้ผมจะไปหาอาจารย์ที่ถํ้า”
ฤทธิ์ยิ้มดีใจ รอยสักค่อยๆ เลือนหายไป

ที่วัดตอนนั้น ก้องโกรธจัดดันร่างสิงห์ซึ่งยังไม่สร่างเมาไปติดเจดีย์
“ถ้ามึงขืนว่าไอ้เทวาอีก กูจะฆ่ามึง ไอ้สิงห์”
สิงห์ผลักก้องออก แต่ก้องขืนตัวไว้ เงื้อหมัดจะต่อยสิงห์ เดชรีบเข้ามาห้าม
“ไอ้ก้อง เดี๋ยวมันจะตายเสียก่อน...มากูพูดกับมันเอง” เดชกระชากตัวสิงห์เข้ามาหา
“ไอ้สิงห์ ไหนมึงเล่าซิว่าทำไมมึงถึงว่าเทวามันเป็นพวก เดียวกับกำนันฤทธิ์”
“ก็มันนัดเจอกันที่ชายหาด พูดคุยสนิทสนม เอ็งคิดดูสิ ไอ้ฤทธิ์กับไอ้เทวามันกอดกัน ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้มันทำท่า ว่าจะฆ่ากันตาย แล้วพวกมึงจะให้กูเข้าใจว่าไง” เดชอึ้งไป ปล่อยมือจากสิงห์
บุญกู้ซึ่งยืนอยู่มุมหนึ่งเอ่ยขึ้น
“ถามข้าสิ...ข้าเลี้ยงพวกเอ็งมา ข้าไม่โกหกพวกเอ็งหรอก”
“ว่าไป น้าบุญกู้” ก้องบอก
เทวาเข้ามา บอกเสียงดัง
“ถามกูดีกว่า...พวกมึงจะได้หายสงสัย” ทุกคนหันขวับมาที่เทวา “กูนัดกับไอ้พี่ฤทธิ์...กะไปเจรจากับมัน ให้มันเลิกทำเรื่อง ชั่วๆ บนเกาะนี้ซะที ไม่เชื่อก็ถามน้าบุญกู้ดูสิ”
บุญกู้พยักหน้า “เรื่องจริง น้ายังห้ามมันเลย แต่มันไม่ฟัง”
“รู้มั้ยว่าไอ้พี่ฤทธิ์บอกกูว่าไง...มันบอกกูว่าขอเวลาสักพัก มันจะกลับตัว มันถลำเข้าไปลึกแล้วจะค่อยๆ เลี่ยงออกมา แต่มันกลับไปบอกไอ้สิงห์อีกอย่าง...ทีนี้ให้กูถามบ้าง ไอ้สิงห์ ทำไมมึงถึงมากับมันได้ ทั้งที่มันทำระยำตำบอนกับเมียมึงจนมึงเป็นไอ้ขี้เมายังงี้”
สิงห์อึ้งไป อึดอัดอย่างเห็นได้ชัด
เดชคาดคั้น “ว่าไงไอ้สิงห์”
มนต์ขี่มอเตอร์ไซค์เข้ามาพอดี จอดแล้วรีบตรงมา
“ข้าว่าทุกคนตกเป็นเหยื่อไอ้ฤทธิ์หมดแล้ว...เลิกทะเลาะ กันเถอะวะ มาทะเลาะกันต่อหน้าเจดีย์ เอ็งว่าหลวงปู่ ไม่ได้ฟังเราอยู่เหรอ”
สิงห์มองหน้าเทวา รู้สึกผิดเอ่ยออกมา “ไอ้เทวา กูขอโทษ”
เทวาบอก “ไม่เป็นไร ไอ้สิงห์” ทั้งสองโผเข้ากอดกัน
เดช มนต์ ก้อง บุญกู้ ยิ้มดีใจ

เงาร่างของหลวงปู่ปรากฏขึ้นจางๆ ซ้อนอยู่กับพระเจดีย์ ใบหน้าของหลวงปู่ยิ้มบางๆ

ในวันต่อมา ฤทธิ์พาตัวเองมาอยู่หน้าถํ้าที่เกาะหัวสิงห์แล้ว ฝูงนกบินออกมาจากปากถํ้า แล้วบินวนอยู่เหนือหัวของฤทธิ์

ฤทธิ์ถอยห่างออก ดวงตาระแวง จนกระทั่งสะดุดหกล้ม ก้นกระแทกกับพื้น
เสียงคล้ามดังขึ้น “สู้มันสิ...เอาวิชามนตราปักษีที่ข้าสอนให้สู้กับมัน”
ฤทธิ์ได้สติ ขยับปากท่องคาถา แล้วอ้าปาก เห็นนกบินออกมามากมาย ต่อสู้กับนกที่บินออกมาจากถํ้า ฤทธิ์ตื่นตะลึงเมื่อเห็นขนนกร่วงลงเต็มพื้นหน้าถํ้า แล้วค่อยๆ ซึมหายไปในพื้น
“เข้ามาได้” เสียงคล้ามดังขึ้น
ฤทธิ์ก้าวเข้าไปในถํ้า

ฤทธิ์ค่อย ๆ บรรจงหยอดนํ้าผึ้งใส่ปากศพคล้าม พลันร่างคล้ามทะลึ่งลุกขึ้นนั่งอย่างเร็ว ฤทธิ์ผงะ คล้ามฉวยมือของฤทธิ์ไว้ตวาดลั่น
“ถ้าขืนตกใจง่ายอย่างนี้ จะต่อสู้กับใครได้...จำไว้ ต้องมี สติอยู่ตลอดเวลา”
ฤทธิ์ยกมือไหว้
“อาจารย์ผมกลัว...อาจารย์ช่วยผม สอนวิชาให้ผมเอา ชนะศิษย์ของหลวงปู่ทุกคนให้ได้”
“ถ้าสอนก็ต้องใช้เวลานาน...เพียงแค่เจ้ารับปากข้าว่า จะมาหยอดนํ้าผึ้งให้ข้าเป็นประจำ ข้าก็จะอยู่กับเจ้า คอยช่วยเหลือเจ้า แฝงร่างเจ้าตลอดเวลา”
ฤทธิ์ยิ้มดีใจ “จริงๆ นะครับ อาจารย์”
ฤทธิ์ยกมือไหว้ แล้วทรุดตัวลงไหว้อีกครั้ง คล้ามเชิดหน้าอมยิ้มพอใจ

บริเวณมุมธรรมชาติสวย ๆ บนเกาะ ปลาดุกนั่งคุยอยู่กับเทวาตรงนั้น
“ถือว่าเป็นบทเรียนละกัน..ทีหลังจะทำอะไรก็ต้องให้มี พยานรู้เห็น ฉันเตือนนาย ก็เพราะกลัวว่านายจะเสียคน พวกมันยิ่งเจ้าเล่ห์อยู่ด้วย”
“ขอบใจ...ดารินเป็นยังไงบ้าง...ฝากด้วยนะ”
“ไม่รับปาก...ทำไมนายไม่บอกเขาเองล่ะ กล้า ๆหน่อยสิ รักเขาชอบเขาก็บอกไปเลย”
“อย่ามาทำเป็นรู้ดี ไอ้ปลาดุก”
เทวาแกล้งมองไปทางอื่น หลบสายตา แต่ปลาดุกรู้ทัน หัวเราะเบาๆ
“นายปิดฉันไม่ได้หรอก...นายไม่ต้องห่วงรินหรอก นายเชื่อมั้ยว่าชั้นเชิงหมัดมวยเขาเยี่ยมกว่าฉันอีก”
เทวาแปลกใจ “เป็นไปได้ไง”
“ก็ไม่รู้สิ”
สีหน้าเทวาเต็มไปด้วยความสงสัย

ทุกคนนั่งคุยกันอยู่ตรงมุมหนึ่งในโรงเรียน สนเอ่ยขึ้น
“ถ้ามันเคยใช้เล่ห์เหลี่ยมกับข้าได้ มันก็ต้องใช้กับมนต์ได้ เหมือนกัน...ยิ่งคราวนี้คู่แข่งเป็นถึงลูกชายเสี่ยคงคา มันคงไม่อยากเห็นลูกชายมันแพ้หรอก”
“แต่เราก็ต้องช่วยกันทำให้มันแพ้ เกาะมุกเป็นของเรา นะพ่อ เรารู้จักบ้านทุกหลังบนเกาะ คนเกาะมุกต้อง เลือกเรา” แสงดาวว่า
ประสิทธิ์กังวล “ผมกลัวว่าเขาไม่เลือกเรา แล้วก็ไม่เลือกฝ่ายโน้น แต่ เลือกเงิน...ยอมขายเสียงให้พวกมัน”
นทีเอ่ยขึ้น “ผมว่านะ งานนี้ต้องครูแสงจันทร์แล้วละ ครูมนต์ทำ อะไรไม่ได้ เพราะลาออกจากราชการไปสมัคร ผู้ใหญ่บ้านแล้วนี่…”
แสงจันทร์สงสัย “ยังไงเหรอคะ คุณหมอ”

วันต่อมา ครูแสงจันทร์กำลังสอนเด็กๆ อยู่ในห้องเรียนเรื่องการใช้สิทธิ์เลือกตั้ง
“บอกผู้ปกครองของพวกเราทุกคนเลยนะ ถ้าเรารับเงิน เขาก็เท่ากับเราขายเสียงของเราให้แก่เขาไป...เมื่อเขา ได้เป็นผู้ใหญ่บ้าน เขาก็สามารถใช้งบประมาณที่ควรจะ นำมาพัฒนาเกาะมุกให้เจริญก้าวหน้าไปใช้ส่วนตัว... เพราะอะไรทราบมั้ยคะ...ก็เพราะเงินที่เขาเอามาจ่าย คุณพ่อคุณแม่ของเรานั้นมหาศาล เขาก็ต้องเอาคืน เข้าใจมั้ยคะ”
นักเรียนรับพร้อมกัน “เข้าใจครับ” / “เข้าใจค่ะ” แสงจันทร์ยิ้มพอใจ

เทวา สิงห์ เดช ก้องแจกใบปลิวหาเสียงของมนต์อยู่ที่ท่าเรือเกาะมุก มนต์ยืนไหว้ขอคะแนนคนที่ขึ้นลงที่ท่าเรือ
“ฝากด้วยนะครับ คนบ้านเดียวกัน ใจซื่อมือสะอาด เรียกใช้ได้ตลอดเวลาครับ”
ชาวบ้านทักทายพูดคุยกับมนต์อย่างกันเอง
ดารินกับปลาดุกยืนมองจากบนฝั่งลงไปที่ท่าเรือ
“ไม่ว่าการเลือกตั้งที่ไหน เล็กหรือใหญ่ก็มีภาพเดียวกัน จริงมั้ยปลาดุก”
“ใช่ ตอนหาเสียงละก็ไหว้เป็นฝักถั่วเลย แต่พอได้แล้ว หายจ้อย”

ที่ท่าเรือ กลุ่มของคงคาเดินมาเผชิญหน้ากับกลุ่มของมนต์ ทั้งสองฝ่ายมองกันด้วยสายตาไม่เป็นมิตร ต่างก็คุมเชิงไปมา
สุดท้ายคงคาเอ่ยขึ้น “ไปโว้ย...ก่อนที่ข้าจะอดใจไม่ไหว”
พัน ธง ศรมองกลุ่มของมนต์อย่างกวนๆ ก้องขยับจะตามไปเตะ พันหันมา ชักปืน
คำรณปราม “อย่า...ไว้ให้การเลือกตั้งผ่านไปก่อน กูไม่เก็บพวกมัน ไว้แน่”
สิงห์ตะโกนตามหลัง “อย่าลืมก็แล้วกันโว้ย...จะรอ”
พันจะซํ้าอีก แต่ธง ศร ตบไหล่พันเป็นเชิงให้ใจเย็น ทุกคนเดินไป
“มันพูดเหมือนมันจะได้” เดชว่า
“ดูพวกมันมั่นใจมาก เราต้องรีบช่วยกันสกัดพวกมัน ไม่ งั้นเกาะมุกลุกเป็นไฟแน่”
มนต์พยักหน้ารับ แววตามุ่งมั่น

“ข้าไม่ยอมให้เป็นยังงั้นหรอก ไม่มีวัน”

อ่านต่อ ตอนที่ 10
กำลังโหลดความคิดเห็น