xs
xsm
sm
md
lg

พายุเทวดา ตอนที่ 10

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


พายุเทวดา ตอนที่ 10

ในเวลานั้น รถของเฮียเม้งแล่นมาตามถนนบนเกาะมุก เม้งขับ มีคงคานั่งหน้า คำรณนั่งเบาะหลัง ธง พัน และศร นั่งกระบะหลัง คงคา คำรณ และเม้ง เห็นมอเตอร์ไซค์ของปลาดุกกับดารินขี่อยู่ข้างหน้า

โดยปลาดุกเป็นคนขี่ ดารินซ้อน เม้งเร่งเครื่อง ขับเร็ว และแรงขึ้น จนปลาดุกต้องหลบข้างทาง รถล้ม ปลาดุกหน้าเสียไป สองสาวเจ็บตัวทั้งคู่ ดารินลุกขึ้นมาได้ก่อน
คำรณมองเห็นดารินก็นึกชอบ รีบเปิดประตูลงไป
“เป็นอะไรมากมั้ยครับ”
“ไม่...ต่อไปก็ขับรถให้ดีๆ หน่อย”
เม้งเปิดประตูออกมา “ลื้อมีปัญหาอะไร”
“อ้อ เฮียนี่เอง อยากแกล้งฉันมากใช่มั้ย”
คงคาลงมาจากรถ ส่วนพัน ธง ศรนั่งคุมเชิงอยู่
“เจ็บหรือเปล่า” คงคาเปิดกระเป๋าจะให้ค่าทำขวัญ “เอาเงินไป หาหมอ”
“ไม่ต้อง” ปลาดุกเร็วกว่าฉวยเอาเงินไปทั้งปึก
คำรณฉุน “เฮ้ย นังนี่ เสี่ยเขาให้คนนี้ ไม่ได้ให้แก”
“มันก็เหมือนกันแหละ ฉันมาสองคน นายจะให้คนเดียว ได้ไง ไม่ยุติธรรมนี่หว่า”
“ไปๆ อย่ามีเรื่อง” คงคาตัดบท รุนหลังลูกให้กลับไปที่รถ คำรณยังหันมาส่งยิ้มให้ดาริน ดารินไม่ใส่ใจ ช่วยปลาดุกยกรถขึ้น เม้งขับรถออกไป
ปลาดุกนึกโมโห “ไอ้พวกเห็นคนไม่เป็นคน...ฮึ”

เม้งขับรถมาตามทางพลางพูดขึ้น “นังคนซ้อนทำงานที่ร้านผม...นั่งดริ๊งค์กับแขก แต่ไม่ยอม ให้ออฟ...เล่นตัวมาก แต่ที่ผมยังต้องง้อมันไว้ก็เพราะ แขกติดมัน ถ้าไล่ออกก็กลัวไปหากินร้านคู่แข่ง”
คำรณตาวาว “แบบนี้น่าสน”
คงคาเตือนลูกชาย “คำรณ อย่าเพิ่งทำอะไรตอนนี้ ถ้าเกิดมีอะไรเสียหาย พวกมันจะใช้เป็นเป้าโจมตีเราได้” คำรณนิ่งเงียบ ไม่ดวงตาไม่ยอมเชื่อตามพ่อนัก
เม้งบอกอีก “นังสองคนนี่ไม่ใช่ย่อยนะครับ ขนาดการ์ดผมตัวใหญ่ยัง กะยักษ์ยังล้มมันไม่ได้เลย แถมมันยังเตะการ์ดผมล้มอีกด้วย”
คำรณหัวเราะชอบใจ “เฮียเม้ง พูดซะผมยิ่งอยากรู้จัก”

ต่อมาไม่นาน ทั้งสามคนคุยกันอยู่ในห้อง โดยที่หน้าห้อง มีกลุ่มของพันถืออาวุธ คอยระวังมิให้ใครเข้ามาได้ ลูกน้องของฤทธิ์สองคนอยู่ห่างออกไป
“ถ้าหากว่าเราแพ้มันคราวนี้ การทำงานในเกาะมุกก็จะ ยากขึ้น...อย่าลืมว่าชาวบ้านรักมันมาก คำรณ อะไรมันจะสู้เงินได้ล่ะพ่อ” เสี่ยปรารภขึ้น
“ผมคิดว่าวันนี้จะเอาคนออกไปข่มขู่ไม่ให้พวกชาวบ้าน เลือกมนต์”
คงคาหัวเราะ “นี่แหละคือสิ่งที่ฉันอยากฟังจากปากนายฤทธิ์”

ฤทธิ์มาหาเสียงให้คำรณ นำลูกน้องเข้ามาในหมู่บ้านแห่งหนึ่งบนเกาะมุก ฤทธิ์นั้นไหว้กราดไปทั่ว
ลูกน้อง 1 เอ่ยขึ้น “วันนี้กำนันฤทธิ์มาเยี่ยม ใครมีปัญหาอะไรก็บอกได้เลย ท่านกำนันจะได้มาช่วยเหลือ”
ลูกน้อง 2 บอกอีก “อะไรที่มันเป็นปัญหาจะได้รับการสะสางจัดการให้หมด ไป โอกาสแบบนี้ไม่ได้มีบ่อยนะพี่น้อง” มีชาวบ้านพากันรุมเข้ามา ชาวบ้านสลับกันเล่าให้ฤทธิ์ฟัง แต่ไม่ได้ยินเสียง ฤทธิ์ฟังแล้วพูดปราศัยอยู่ท่ามกลางชาวบ้าน
“เอาละพ่อแม่พี่น้อง ผมพอจะทราบปัญหาแล้ว แต่ อยากจะบอกทุกคนว่าปัญหาจะแก้ได้ก็ต้องให้หลาย ฝ่ายร่วมมือกัน...ทั้งผม ทั้งผู้สนับสนุนของผม และ จากพ่อแม่พี่น้องทุกคนด้วย...หากท่านเลือกคุณคำรณ เป็นผู้ใหญ่บ้าน ผมก็จะทำงานกับผู้ใหญ่บ้านได้เข้าขากัน แต่ถ้าเลือกคนอื่น ปัญหาของพ่อแม่พี่น้องก็คงไม่ ทุเลาลง”
ชาวบ้านมองฤทธิ์อย่างงงๆ ชาวบ้าน 1 เอ่ยขึ้น
“พูดแบบนี้ก็เท่ากับว่าบังคับให้เราเลือกคนที่กำนันต้องการใช่มั้ย”
ชาวบ้านคนอื่นๆ พากันรุมถามเสียงฟังไม่เป็นศัพท์ ฤทธิ์พยายามค้าน แต่ทำไม่ได้

ด้านมนต์ขึ้นรถหาเสียง สวมพวงมาลัยดาวเรืองแห่ไปรอบเมือง มีเทวากับเดชอยู่ข้างๆ สิงห์ ก้อง แสงจันทร์ แสงดาว สน นที ประสิทธิ์ล้วนเป็นหัวคะแนนมาแจกใบปลิว ชาวบ้านต่างพากันรับ
มนต์ เทวา เดช เดินเข้ามาทักทายชาวบ้านอีกกลุ่ม ชาวบ้านทุกคนพากันสวมกอดมนต์อย่างรักใคร่
ชาวบ้าน 2 บอก “พวกเราเลือกครูอยู่แล้ว...สอนให้ลูกเราเป็นคนดี เราก็ ต้องเชื่อว่าครูมนต์เป็นคนดี”
มนต์ยิ้มชื่น “ขอบคุณครับ”
ฝ่ายเทวาแจกใบปลิวส่งให้ชาวบ้านไปเรื่อยๆ จนเห็นมือของใครคนหนึ่งยื่นมารับ เทวาค่อยๆ เงยหน้าขึ้นจึงพบว่าเป็นดารินที่มองตัวเองอยู่ ปลาดุกอยู่ข้างๆ เทวาชักใบปลิวกลับ
ดารินฉุน “ฉันไม่มีสิทธิ์เลือกตั้ง เพราะเป็นคนที่อื่น นายก็เลยไม่ แจกฉัน”
ปลาดุกพยักพเยิด “มีเคือง...มีเคือง...เคลียร์กันเองละกัน”
ปลาดุกเลี่ยงไปทางอื่น เทวาทักถามเบาๆ
”สบายดีเหรอ...อึดอัดมั้ยที่เรารู้จักกันแต่ต้อง ทำเหมือนคนแปลกหน้าต่อกันยังงี้”
“นายบอกฉันเองนะว่าคนที่นี่รังเกียจผู้หญิงอย่างฉัน แต่ตอนนี้ฉันพิสูจน์แล้วว่าทุกคนโอเคกับฉัน มีแต่นาย น่ะแหละ”

แสงดาวอยู่ที่มุมหนึ่งชะงักเมื่อมองเห็นทั้งสองคุยกัน แสงจันทร์มองอยู่พอดีเลยถามขึ้น
“ผู้หญิงคนนี้หรือเปล่าที่ทำงานร้านเหล้าของเฮียเม้ง”
“ใช่...ไม่คิดเลยว่าพี่เทวาจะชอบผู้หญิงแบบนี้ด้วย” แสงดาวน้อยใจ เดินหนีไป แสงจันทร์รีบเดินไปหามนต์ ไหว้ชาวบ้านคู่กับมนต์
เทวางุบงิบคุยกับดาริน
“รู้หรือเปล่าว่าเป็นห่วง”
“ฉันไม่ได้มีญาณวิเศษนี่...จะได้รู้...นายไปได้แล้ว เขาเดินกันไปโน่นแล้ว”
เทวายิ้มสุขใจได้ต่อปากต่อคำ แล้วเดินตามกลุ่มของตนไป ดารินยืนมองตาม มีปลาดุกยืนมองมาที่ดารินจากมุมหนึ่ง

มนต์ แสงจันทร์ สน ประดิษฐ์ แจกใบปลิวให้แก่ชาวบ้านอยู่ที่มุมหนึ่งของตลาด แสงดาวยืนซึมมองไปไร้จุดหมาย
นทีเข้ามาทางด้านหลัง “อาการแบบนี้เหมือนคิดอะไรอยู่ กังวลอะไรเหรอครับ คุณแสงดาว”
แสงดาวหันไป “เป็นจิตแพทย์ตั้งแต่เมื่อไหร่”
“ผมไม่ได้ฉีดยาเป็นอย่างเดียวนะครับ จิตวิทยาผมก็ เรียนมาบ้าง ไม่ต้องเป็นหมออย่างผมหรอก ก็ดูรู้ว่าสติ สตังคุณไม่อยู่กับตัว”
“ฉันไม่ได้เป็นอะไรค่ะหมอ ขอบคุณค่ะ” แสงดาวเดินไป เดชแอบมองอยู่ที่รถสองแถวของเขา ซึ่งใช้เป็นพาหนะในการหาเสียงด้วย มีกระติกนํ้า และขวดนํ้าอยู่ด้วย แสงดาวเดินมาที่รถ เดชส่งนํ้าเย็นๆ ให้ก่อน
“เผื่อจะดีขึ้น”
แสงดาว “อะไรเหรอพี่เดช”
“จะได้เลิกหึงไอ้เทวามัน” แสงดาวจ้องหน้าเดช ไม่พอใจ
“พี่เดชอย่าหาเรื่องฉันดีกว่า” แสงดาววางนํ้าที่เดชส่งให้ลง แล้วเดินหนีไป

เดชบ่นตามไป “ผู้หญิงนี่เข้าใจยากจริงๆ”

เหล่าลูกเทวดา เทวา มนต์ เดช ก้อง สิงห์ นั่งคุยหารือกันกันอยู่ในวัด มนต์เอ่ยขึ้น

“พรุ่งนี้ก็รู้ผลแล้วละว่าข้าจะได้เป็นผู้ใหญ่บ้านหรือเปล่า ถ้าไอ้คำรณมันได้ สัญญาได้มั้ยวะว่าพวกเราจะร่วมมือ กันต่อต้านอิทธิพลของพวกมันให้ถึงที่สุด”
“ผมรับปาก” เทวายื่นมือให้มนต์จับ ทุกคนยื่นมือมาแตะกัน บุญกู้ยืนยิ้มอยู่มุมหนึ่ง

ที่ร้านเฮียเม้งคึกคัก ลูกค้าแน่นร้านตามเคย เฮียเม้งส่งเงินซองหนึ่งหนามาก ให้ ชายคนหนึ่ง
“จัดการให้ได้นะ ถ้าใครเลือกคุณคำรณก็แจกไปเลย แต่ถ้ารู้ว่ามันไม่เลือก ก็เตรียมตัวตายได้เลย”
ดารินยักย้ายส่ายสะโพกตามจังหวะเพลง หญิงบริการคนอื่นก็ทำไม่ต่างกัน สายตาของดารินจับจ้องที่ชายคนที่รับเงินไปอยู่ตลอด คำรณกับพวกเดินเข้ามาพอดี ดารินรีบหลบไปทางหนึ่ง ชายที่รับเงินจากเฮียเม้งออกไปนอกร้าน ดารินตรงไปหาเม้ง
“เฮีย ขอกลับห้องหน่อยได้ปะ”
“จะไปไหน”
ดารินบอกคล่องปาก “ไฟแดง...บอกแค่นี้คงไม่อธิบายนะเฮีย มันเรื่องของ ผู้หญิงเขา...หรือว่าเฮียจะให้เลอะเทอะที่นี่ ร้านเฮียจะ ได้เฮงๆๆ”
เม้งร้องลั่น “เฮ้ย...รีบกลับมาก็แล้วกัน...อย่าช้าล่ะ แขกเริ่มเข้ามาแล้ว”
ดารินออกไป คำรณฉวยมือดารินไว้ “เราเพิ่งเจอกันเมื่อกลางวัน จำกันได้มั้ย”
“จำได้” ดารินยิ้มโปรยเสน่ห์ “เดี๋ยวฉันมา” พลางดารินแกะมือคำรณออกอย่างนุ่มนวล ส่งยิ้มให้ เม้งเข้ามาบริการ
“นั่งก่อน นั่งๆๆ คุณคำรณ จะเลือกน้องๆ คนไหนมานั่ง คุยด้วยมั้ยครับ”
คำรณกวาดตาไปที่หญิงบริการแต่ไม่ถูกใจ “ไม่ ฉันจะรอแม่คนนั้น”

ชาย 1 คนที่รับเงินเดินปะปนไปกับคนอื่นๆ ในถนน ดารินเดินตามมา จนสาวเท้าก้าวทันตรงทางเปลี่ยว
“ดีจ้าพี่ชาย...จะรีบไปไหนเหรอจ๊ะ”
“มีอะไรเหรอ พี่รีบ”
ดารินฉวยมือชาย 1 ให้หันมาหาปะเหลาะทันที “พี่หล่อจัง...อดใจไม่ไหวเลยต้องเดินตามมา”
ขาดคำนั้นเองดารินก็กอดชาย 1 หมับ มือดารินที่โอบด้านหลังจ่อที่กระเป๋าเสื้อแจ๊กเก็ต ขณะที่ใบหน้าของดารินยิ้มหวานสบตากับชาย 1 จนชาย 1 สะท้านวาบหวิว
มือของดารินล้วงเงินชาย 1 มาได้ ก็รีบหย่อนลงกระเป๋าตัวเองก่อนจะผละออก
“เสียดายจัง พี่คงมีธุระ ไว้วันหลังก็ได้”
ดารินหอมแก้มชาย 1 เบาๆ แล้วผละไป ชาย 1 มองตามด้วยสายตาละห้อย

ชาย 1 คนที่รับเงินจากเฮียเม้งลงจากมอเตอร์ไซค์ ตรงมาที่ลานหน้าหมู่บ้านแห่งหนึ่งในเกาะมุก เขาตบที่กระเป๋าเสื้อ แล้วหน้าเสีย ล้วงจนแน่ใจว่าไม่มีเงินแน่ รู้ตัวว่าถูกดารินล้วงกระเป๋า ฮึดฮัดอย่างเจ็บใจ
“อี...เจ็บใจนัก”

วันรุ่งขึ้น อันเป็นวันเลือกตั้งผู้ใหญ่บ้าน คงคาวางโทรศัพท์ลง หัวเสียสุดขีด
คำรณถาม “ว่าไงพ่อ”
“แพ้ยับ” คำรณตกใจ
หยาดฟ้าแปลกใจ “หว่านเงินไปตั้งมากมาย ทำไมถึงเป็นยังงี้ หรือว่า เงินไม่ถึงมือพวกชาวบ้าน”
คำรณหน้าเครียด “ไอ้ฤทธิ์มันไม่ช่วยเรา มันเป็นกำนัน มันดูดายได้ไงพ่อ”
หยาดฟ้าเตือน “งานนี้เสี่ยต้องระวังนะคะ จะทำให้เสี่ยงาน เสียผล ประโยชน์มหาศาลบนเกาะมุก”
กานดานั่งรถเข็นเข้ามา มีพร้อมเข็นรถเข้ามาด้วย หยาดฟ้าหันเห็น
“ใครเชิญ”
กานดาย้อน “ฉันควรเป็นคนพูดคำนี้มากกว่า...ฉันต้องการคุยกับลูก ชายฉัน หล่อนเป็นคนอื่น ออกไป”
หยาดฟ้าจ้องหน้ากานดาแล้วเดินไปอย่างไม่พอใจ
“คำรณ แม่รู้ข่าวจากลูกน้องของเราว่าลูกแพ้”
คำรณพาลเสียงดังใส่ทันที “แม่จะมาซํ้าเติมผมทำไม”
“ไม่ได้ซํ้าเติม แต่แม่คิดว่าเป็นการดีแล้ว งานผู้ใหญ่บ้าน ไม่เหมาะกับลูกหรอก ตั้งหน้าตั้งตาทำมาหากินดีกว่า”
คงคาขัดขึ้นมา “ผมว่าคุณอยู่เฉยๆ ดีกว่า งานนี้ลูกเราเป็นคนเลือกเอง ผมไม่ได้บังคับเขา คุณเป็นแม่จะขัดใจลูกทำไม”
กานดาย้อน “ก็คุณเป็นพ่อ ทำไม่ไม่ชี้แนะทางที่ถูกให้ล่ะคะ หรือว่า เป็นเหมือนกันทั่งพ่อ...ทั้งลูก”
คงคาหัวเสีย “ไป...จะไปไหนก็ไป...รำคาญ”

ฤทธิ์อยู่ที่บ้านพัก ถือโทรศัพท์ค้างไว้ พยักหน้าเหมือนเข้าใจเรื่องที่ทางปลายสาย
“ผมพอเข้าใจแล้วครับ เสี่ย ผมจะจัดการมันให้ ส่วนเรื่องตำแหน่งผู้ใหญ่บ้าน เสี่ยไม่ต้องเป็นห่วงนะ ครับ ถึงเราไม่ได้เป็น แต่มันก็ทำงานไม่สะดวกหรอก ผมรับรองว่างานของเสี่ยบนเกาะนี้ไม่เสียแน่”
ฤทธิ์วางสาย พยักหน้าเรียกลูกน้องทั้งสองเข้ามาหา

ริมถนนสายหนึ่งบนเกาะมุก ลูกน้องของฤทธิ์ซ้อมชายที่รับเงินไปอย่างทารุณ ชายคนนั้นใบหน้าเลอะเลือดที่มุมปาก ยกมือไหว้ ตัวสั่นไปหมด เทวาขี่รถมาพอดี เห็นเข้า
“เฮ้ย” เทวาลงมาจากรถ ลูกน้องของฤทธิ์หันมารุมเทวา เทวาต่อยเตะต่อสู้จนลูกน้องต่างได้แผล รีบขี่รถมอเตอร์ไซค์หนีไป
“เป็นไงบ้าง...ไปหาหมอนะ”

ชายที่รับเงินนอนอยู่บนเตียงในอนามัย
“สงสัยว่าคงต้องนอนดูอาการสักคืนก่อน อาจจะชํ้าใน” หมอนทีบอก
“ฝากด้วยนะครับหมอ”
แสงดาวพาลไม่เลิก บอกอย่างไม่ค่อยพอใจ “นี่ถ้าฉันรู้นะว่านายเป็นพวกมัน ฉันไม่ช่วยทำแผลให้ หรอก”
นทีตัดบท “เอาน่า...หน้าที่ของเรานะแสงดาว”
แสงดาวงอน “งั้นหมอก็ดูแลมันต่อละกัน”
“ผมไปก่อนนะครับ” เทวาออกไป แสงดาวเรียกไว้ “เดี๋ยว” แล้วตามไป
นทีหันมาทางคนป่วย “หนักหน่อยนะเรา”

แสงดาวตามเทวาออกมาทันที่หน้าอนามัย
“จะรีบไปไหนเหรอพี่เทวา”
เทวาหันมา แสงดาวเดินไปใกล้ ถามเสียงเครียด “ตกลงไอ้นั่นมันโดนใครทำร้ายมา...พี่แน่ใจแล้วเหรอว่า ไม่ได้ช่วยคนผิด”
“ผิดถูกก็รักษาไปก่อนน่า พี่ไม่อยากเห็นมันตายคาถนน ไปก่อนนะ”
เทวาเดินไปที่มอเตอร์ไซค์ขี่รถออกไปเลย แสงดาวมองตามตาคว่ำ บ่นบ้าตามหลังไป

“ใจดีนัก หรือว่าเป็นพวกเดียวกับไอ้พวกเสี่ยคงคา...ฮึ ยิ่งสงสัยอยู่ด้วย”

อ่านต่อหน้า 2

พายุเทวดา ตอนที่ 10 (ต่อ)

เทวาจอดมอเตอร์ไซค์ซุ่มอยู่หน้าปากทางเข้าบ้านเช่าของดาริน เห็นดารินแต่งตัวจะไปทำงานออกมาพอดี เทวาดึงตัวมาหา ดารินตั้งท่าจะตอบโต้ แต่เทวากอดทั้งตัวลากเข้ามาในมุมลับตาคน

“เอะอะก็จะต่อยเตะท่าเดียวเลยเหรอแม่คนสวย”
“ปล่อยนะ...ปล่อย”
ดารินดิ้น ยกเข่าขึ้นตีเข้าที่เป้าของเทวาจังๆ เทวากุมเป้าหน้านิ่วตัวงอ
“โอ๊ย...แค่...อยากรู้...อะไรบางอย่าง”
“อะไรล่ะ”
ปลาดุกเดินเกร่มาเห็นทั้งสองคนก็ฉากหลบ
“โห บอกเราว่ารีบไปร้านเฮียเม้ง ที่แท้ก็นัดพบหนุ่ม ยัยรินเอ๊ย”

บริเวณชายหาดมุมสงบไร้ผู้คน เทวากับดารินยืนอยู่ตรงนั้น ดารินสารภาพแล้วว่าเป็นคนเอาเงินชายคนดังกล่าวมา
“นายอยากได้เงินก้อนนั้นเหรอ”
“เปล่า...ผมไม่ใช่คนหน้าเงิน”
“แล้วฉันใช่รึไง...ตอบมานะ” ดารินจ้องหน้า “นายก็คิดกับฉัน เหมือนคนอื่นบนเกาะมุก”
เทวายักไหล่ “ช่วยไม่ได้...ก็เธอทำตัวให้คนเขาเข้าใจอย่างนั้นเอง... ที่ถามเนี่ยก็เป็นห่วง ไม่อยากให้เธอวุ่นวายกับเรื่องบ้าๆ บนเกาะนี้เท่านั้นเอง...ไม่อยากใช้คำว่าเป็นห่วงหรอก นะ...เพราะคงไม่มีสิทธิ์...เธอมันเก่งนี่...เก่งจนผมเอง ยังแปลกใจ...ผู้หญิงสวยๆ จะทำอะไรได้ตั้งหลายอย่าง”
“ที่ฉันยุ่ง ฉันไม่ได้ต้องการเงิน...ทำไมนายไม่คิดบ้างว่า ถ้าฉันไม่ทำแบบนั้น นายมนต์ พี่นายจะได้เป็น ผู้ใหญ่บ้านมั้ย...นายควรจะขอบใจฉันด้วยซํ้า เทวา ก็บอกแล้วไงว่าเป็นห่วง...หรือว่า...ไม่ต้องการ”
เทวาสบตาฉวยมือดารินมากุม ดวงตาดารินสะท้าน แต่ค่อย ๆ ดึงมือตัวเองออก
“ฉันมันผู้หญิงไม่ดี...อย่ามายุ่งกับฉันเลย” ดารินเดินหนี เทวาก้าวตามมา
คลื่นที่ซัดสาดสู่ฝั่ง เทวารวบตัวดารินมากอดไว้ แล้วจูบ ดารินตกใจผลักไส แต่ทำทีว่าคล้อยตาม แต่แล้วก็ต่อยท้องเทวาจนตัวงอ
“นายนี่ฉวยโอกาสเก่งเหมือนกันนะ”
เทวาบอกหน้าตาเฉย “ตั้งใจ...ไม่ได้ฉวยโอกาส”
ดารินเม้ง “ยังจะมีหน้ามาพูดอีก”
“ผมคนชัดเจน...ปากกับใจตรงกัน...มา จะไปส่ง”
เทวาฉวยมือดารินกุมไว้แน่น ดึงไป พลางพูด
“ดาริน...ผมรักษาสัญญาเสมอ รับปากคุณไว้ว่าจะไม่ บอกใครว่าเรารู้จักกัน ทั้งที่อึดอัดจะแย่แล้ว”
ดารินสบตา แล้วเสไปมองทางอื่น มือเทวายังกุมมือของดารินไว้แน่น สองคนเดินไปด้วยกัน

เช้าวันต่อมา สนบอกกับแสงจันทร์ด้วยความเป็นห่วง มนต์อยู่ด้วย
“เจ้ามนต์จะต้องไปเป็นผู้ใหญ่บ้าน เดินทางไปโรงเรียน คนเดียวมันอันตราย พ่อว่าจะให้เหมารถเจ้าเดชให้มัน รับส่งเรากับน้อง”
“ทำไมล่ะพ่อ...ฉันขี่รถไปโรงเรียนได้”
สนอึดอัด แต่ก็โพล่งออกมา “พ่อว่ามันอันตราย เชื่อพ่อเถอะแสงจันทร์”
แสงดาวออกมาจากในห้อง “แต่ฉันคงไม่ต้องมั้ง เพราะฉันไม่ได้เป็นเมียผู้ใหญ่บ้าน”
มนต์บอก “ทั้งสองคนนั่นแหละ พวกมันยิ่งเป็นอันธพาลกันอยู่ด้วย ทำตามที่พ่อแนะนำแหละ”
มีเสียงแตรรถดังมา แสงดาวชะโงกหน้าลงไปข้างล่าง ก็เห็นเดชยืนอยู่ข้างรถหน้าบ้าน เดชส่งยิ้มให้ สีหน้าสดใส
แสงดาวบ่น “นี่พ่อจัดการเสร็จแล้วถึงบอกเราสองคนใช่มั้ย”
“เปล่า โน่น คนจัดการ” สนพยักพเยิดไปที่มนต์ ซึ่งยืนยิ้มให้แสงดาวกับแสงจันทร์อยู่

ไม่นานต่อมาเดชขับรถมาตามถนน แสงดาวกับแสงจันทร์นั่งข้างหลัง
แสงดาวบ่นตามประสา “นี่เขาไม่จอดรับใครเลยเหรอ”
“ก็เหมาแล้วนี่...ว่าไปก็ดีนะ ไม่รู้ว่าพวกมันจะแค้นพี่มนต์ หรือเปล่า...แสงดาว ถ้าหากวันไหนพี่ไม่ได้ไปโรงเรียน เธอต้องนั่งข้างหน้านะ เดชจะได้ดูแลเธอได้”
“ไม่ต้องห่วงฉันหรอก ห่วงตัวพี่เถอะ” แสงดาวมองออกไปนอกรถ แสงจันทร์ส่ายหน้ายิ้มๆ
มีรถมอเตอร์ไซค์ฮาเล่ย์สามคันขี่ตามกันมา แล้วเร่งเครื่องมาเสมอสองแถว เดชมองที่กระจกมองข้าง และมองหลังอย่างระวัง
แสงจันทร์เห็นท่าไม่ดี “ระวังนะ”
เป็น พัน ธง และศร ที่ขี่รถมอเตอร์ไซค์ตีคู่มา มองที่แสงดาวกับแสงจันทร์ สายตาไม่น่าไว้วางใจ รถมอเตอร์ไซค์ทั้งสามคนแซงหน้าไป เดช รู้สึกไม่สบายใจเอาเลย

เดชจอดรถที่หน้าโรงเรียน ครูใหญ่ประสิทธิ์ยืนรับนักเรียนอยู่หน้าโรงเรียน แสงจันทร์ลงจากรถ แสงดาวยังนั่งอยู่
แสงจันทร์หันไปบอก “ไปนั่งหน้า”
แสงดาวค้อน “ทำไมพี่ต้องบังคับฉัน”
“ไม่เห็นเหรอว่าพวกมันเข้ามาก่อกวนบนเกาะแล้ว”
แสงดาวจำใจลงมา เปิดประตูขึ้นนั่งคู่กับเดช แสงจันทร์หันไปไหว้ประสิทธิ์ รถของเดชแล่นไป
“ครูใหญ่ขาให้หนูยืนเองก็ได้ค่ะ”
“ไม่ต้องหรอก...ครูแสงจันทร์รีบหลบไปก่อนเถอะ”
แสงจันทร์หน้าเสีย “ทำไมคะ มีอะไรเหรอ”
“อย่าเพิ่งไว้ใจอะไร ภาษิตที่ว่าแพ้เป็นพระอาจใช้ ไม่ได้ตอนนี้ก็ได้”

แสงจันทร์เครียดหน้าเสียหนัก มองตามรถสองแถวที่วิ่งห่างออกไป ใจหวิวๆ โดยประหลาด

มนต์มาที่วัด สิงห์เมาแอ่นอยู่มุมหนึ่งยกมือไหว้ทักเสียงอ้อแอ้

“ว่าไงขอรับ ท่านผู้หญ่าย”
“ทำไมเมาแต่เช้าเลยวะไอ้สิงห์”
บุญกู้อยู่ด้วย บอกหน่ายๆ ปนสงสาร “เป็นอย่างนี้ทุกวัน...ตั้งแต่เมียมันหายไป...ไอ้สิงห์ผิดผู้ผิดคนไปเลย...นี่ตั้งแต่เมื่อคืนแล้วนะ มันบอกกินฉลอง ให้เอ็ง กินแล้วก็พรํ่าถึงแต่นังเปีย”
มนต์สงสารส่ายหน้า เทวาเดินมาพอดี
“พอดี มาหานาย...มีเรื่องปรึกษา”
“ว่าไปพี่มนต์ ถ้าช่วยได้ ยินดีอยู่แล้ว”
“นายเป็นผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านให้พี่หน่อยได้มั้ย”
เทวารีบปฏิเสธ “ขอเถอะ เรื่องนี้”
บุญกู้มองทั้งสองคน กลัวผิดใจกัน สิงห์ก็มองมาที่มนต์
“ทำไมวะ”
“บอกตรงๆ นะพี่มนต์...ผมอยากช่วยอยู่ข้างนอก เผื่อมี อะไรจะได้ช่วยนายได้เต็มที่ ถ้ามีตำแหน่งคํ้าคออยู่...มันทำอะไรลำบาก”
มนต์ยอมรับเหตุผล “ก็จริงของนาย”
สิงห์ยืนขึ้นโซเซ อาสา “ข้าช่วยได้...ไอ้ขี้เมาคนนี้ช่วยได้ แต่เอ็งต้องรับปากข้า ว่าจะตามเปียคืนมาให้ข้า”
“เอาสิ...ข้าเชื่อมั่นเอ็ง แต่เอ็งต้องรับปากก่อนนะโว้ยว่า จะไม่เมาในเวลางาน”
สิงห์ยกมือขึ้น “สัญ...ญา...” สิงห์เซทำท่าจะล้ม แต่ก็ไม่ล้ม
บุญกู้ส่ายหัว “ไอ้ผู้ช่วยเอ๊ย เอาตัวเองให้รอดก่อนเถอะวะ”
เทวากับมนต์หัวเราะกัน
“เออพี่มนต์ ผมว่าให้เดชเป็นผู้ช่วยพี่อีกคนก็ดีนะ มัน คล่องแล้วก็หัวไว”
“เออ ได้...ขอบใจเทวา”

เดชขับรถมาตามถนนมุ่งหน้าไปยังอนามัย แสงดาวนั่งทื่ออยู่ข้างๆ
“นั่งตัวแข็งเชียว ไม่เอาไปขายหรอก”
“ก็ลองดูสิ”
เดชขำ “ดุจัง”
แสงดาวหันไปมองหน้า เดชมองไปเห็นรถมอเตอร์ไซค์ของพัน ธง และศรย้อนศรกลับมา เดชตกใจ ผวาหักหลบข้างทาง ทันใดนั้นเอง พัน ธง ศรยิงปืนใส่รถ
“มันย้อนกลับมาเล่นงานเรา” แสงดาวหน้าซีด “ออกไป”
แสงดาวเปิดประตู แล้วพลิกตัวกลิ้งไปหลบหลังรถ เดชพุ่งตัวออกตาม เดชฉุดแสงดาววิ่งเข้าไปในป่าเบื้องหน้า พัน ธง ศรถือปืนวิ่งตามไป

เดชพาแสงดาวหนีไปในป่า ถูกทั้งสามยิงปืนใส่ตลอดเวลา ทั้งสองหลบไปตามทาง เดชตัดสินใจใช้พลังเทวดา ผลักแสงดาวหลบไปอยู่หลังต้นไม้ เดชหลับตาเรียกพลังจากสมาธิ เนื้อตัวของเขาเป็นสีทอง แสงเรืองๆ ปรากฏทั่วกาย นํ้ามันเยิ้ม
พัน ธง ศรยิงใส่ แต่เมื่อลูกปืนใกล้จะถึงตัวของเดช ลูกปืนก็แฉลบไปหมด
แสงดาวมองดูอย่างอัศจรรย์ พัน ธง ศรยิงจนกระสุนหมด มองหน้ากันแล้วรีบวิ่งหนีไป
เดชมองตาม สีทองเรืองๆ บนตัวเริ่มหายไป ร่างกายเป็นปกติ หันมาก็เห็นแสงดาวนั่งตัวสั่นอยู่
เดชหัวเราะ “ว่าไง คนเก่ง...เจอของจริงเข้าตัวสั่นเป็นลูกนกตกนํ้า เลยเหรอ”
แสงดาวตอบเดชเสียงสั่น “ฉันเพิ่ง...เพิ่งได้เห็นพลังเทวดาแบบใกล้ๆ วันนี้เอง”
เดชบอกขำๆ “อย่าตกใจ เพราะนั่นเป็นของดี ช่วยคุ้มครองให้เรา ปลอดภัย”
พลางเดชยื่นมือให้แสงดาวจับ แสงดาวยอมจับมือเดชลุกขึ้น

ทั้งหมดรู้เรื่องแล้ว นั่งคุยกัน มุมใครมุมมัน แต่ต่างก็สนใจร่วมพูดคุย
“ผมคาดการณ์ไม่ผิด...พวกมันเล่นเราแน่”
“แล้วทำไมมันถึงไม่เล่นงานมนต์ หรือว่า...” สนไม่กล้าพูดต่อ
“มันกะเก็บให้หมดทุกคนสิลุงสน...แผ่นดินเกาะมุกเดือด แน่...พี่คิดว่าจะทำยังไงต่อไปพี่มนต์”
มนต์บอกแน่วนิ่ง “เราต้องทำทุกอย่างตามกฎหมาย”
สิงห์สร่างเมานิดๆ แหลมเข้ามา “คิดว่าช่วยเอ็งได้เหรอ...เมื่อมันเล่นเราหนัก เราก็เล่น มันหนัก”
“ข้าเห็นด้วยกับไอ้สิงห์...เอ็งไม่ได้พูดเพราะเมานะโว้ย” ก้องแซว
“ไม่ๆๆ ข้าไม่ได้เมา นี่ข้าพูดจากหัวใจข้าเลย...หัวใจที่ แค้น...มันแน่นอยู่ในนี้”
สิงห์มีสีหน้าเจ็บปวด นึกถึงเปีย
เดชตบไหล่สิงห์ “เออ พวกข้าเข้าใจเอ็ง เมื่อมันเล่นแบบนี้ ก็เห็นทีจะต้องตาต่อตา ฟันต่อฟันแล้วละ”
หมอนทีท้วง “ค่อยๆ คิดดีกว่านะครับ ผมว่าอะไรก็ตาม ถ้าเสี่ยงเกิน ไปก็อย่าเพิ่งทำ”
แสงดาวหมั่นไส้ “หมอไม่ได้ถูกมันไล่ยิง หมอไม่เข้าใจความรู้สึกของเรา”
แสงจันทร์เห็นด้วยกับหมอนที “แต่พี่เห็นด้วยกับคุณหมอ...ทำไมไม่ใช้ความเป็น ผู้ใหญ่บ้านเจรจาเรื่องนี้ล่ะ”
“ลองดูสิ ยิ่งถ้ามันรู้ว่าเรารู้ทันมัน มันจะได้ไม่กล้าทำอะไร รุนแรงอย่างนี้อีก” ประสิทธิ์หนักใจ
มนต์พยักหน้าเห็นด้วย “ผมไปเอง...ผมเชื่อว่าพี่ฤทธิ์ไม่ทำอะไรผมหรอก”
ก้องแย้ง “แต่ข้าว่า...”
มนต์ยกมือห้าม “ให้ข้าไปเถอะ หลังจากนี้ค่อยว่ากันใหม่” แสงจันทร์มองสามีด้วยความเป็นห่วง
“ผมจะไปส่ง” เดชกับมนต์เดินไป
เทวาบอก “ผมว่าจะตามไปห่างๆ ทุกคนว่าไง”
สนเห็นด้วย “ดีแล้วเทวา...สองหัวดีกว่าหัวเดียว...ยามนี้เราต้อง ช่วยกัน”

เวลานั้นเม้งคุมพนักงานจัดโต๊ะอยู่ รถสองแถวของเดชขับผ่านหน้าไป เม้งจำได้
“นั่นมันทางไปบ้านกำนันนี่หว่า” เม้งผละจากงาน ตรงไปที่โทรศัพท์ กดโทร.พูดโทรศัพท์กับใครบางคน ดารินยืนอยู่มุมหนึ่ง หันไปบอกพนักงาน
“เดี๋ยวมานะ”
ดารินขี่มอเตอร์ไซค์ไป รถของเทวาขี่ตามมาห่างๆ แล้วตีคู่ไปกับดาริน
“จะไปไหน”
“แล้วนายล่ะจะไปไหน”
“ผมจะไปบ้านกำนันฤทธิ์”
“ฉันก็มีธุระผ่านไปทางนั้นเหมือนกัน”
เทวาขี่รถนำไปก่อน ดารินขี่ตามช้าๆ ไม่นานก็เห็นมอเตอร์ไซค์อีกคันขี่ตามหลังมา มีก้องขี่ สิงห์ซ้อนท้ายอยู่ ดารินปล่อยให้ขี่แซงตัวเองไป

สีหน้าหมวดสาวในคราบสาวนั่งดริ๊งเต็มไปด้วยความสงสัย

อ่านต่อหน้า 3

พายุเทวดา ตอนที่ 10 (ต่อ)

มนต์ยืนอยู่หน้าบ้านฤทธิ์แล้ว ลูกน้องทั้งสองของฤทธิ์เล็งปืนไปที่มนต์พร้อมยิงทุกเมื่อ มนต์พูดท้าทายเสียงดัง

“ไปบอกกำนันว่าผู้ใหญ่มนต์มาพบ ต้องการปรึกษางาน กำนันฤทธิ์กลัวอะไร ถึงไม่ยอมออกมาพบหน้า...พี่ฤทธิ์ ผมมาอย่างน้องที่เคยเคารพพี่มาตลอด วันนี้เรามาพูด กันตามประสาพี่น้องที่เติบโตมาด้วยกัน...หรือว่าไม่กล้า ออกมา”
ฤทธิ์โผล่ออกมา จ้องหน้ามนต์
“มีอะไร”
มนต์ด่า “ไอ้หน้าตัวเมียหน้าไหนมันส่งลูกน้องชั้นสวะไปยิงไอ้เดช ทำแบบนี้ทำไม นี่มันไม่ใช่วิธีของนักเลงหรือลูกผู้ชาย มันเป็นวิธีการของคนขี้ขลาดตาขาว...บอกไอ้เสี่ยคงคา กับลูกน้องของมันด้วยว่าให้เอาผ้าถุงมาใส่หรือไม่ก็คลุม หัวซะ”
ฤทธิ์โกรธจัด “ไอ้มนต์ มันจะมากไปแล้วนะโว้ย อย่าลามปามไปถึงเสี่ย”
“พี่นับถือมันมากยังงี้เชียวเหรอ ผมไม่คิดเลย ผมประกาศ ไว้ตรงนี้เลยนะว่าอย่าให้มีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นบนเกาะมุก อีก ไม่อย่างนั้นผมจะไม่ให้อภัยพี่เลย”
“หมดธุระหรือยัง ถ้าหมดก็กลับไปได้แล้ว”
เดชยืนอยู่ข้างนอกข้างรถ คอยคุ้มกันมนต์
มนต์คาดคั้น “รับปากผมก่อนสิพี่ฤทธิ์”
“เออ ข้ารับปากว่าเรื่องแบบนั้นจะไม่มีวันเกิดขึ้นอีก...”
มนต์บอก “ขอบใจ”
ฤทธิ์พูดต่อ “ ไม่...ข้าหมายความว่าเอ็งจะไม่มีวันได้ตอบแทนข้า อย่างที่พูดหรอกไอ้มนต์” มนต์หันมาหา “เพราะเอ็งจะตายก่อนที่จะได้ทำอย่างที่พูด” ฤทธิ์หัวเราะเยาะ
มนต์โกรธจัด “ไอ้ฤทธิ์”
ขาดคำ เสียงปืนก็ดังขึ้น ลูกน้องของฤทธิ์รัวปืนใส่ มนต์กลิ้งหลบ พลังเทวดาถูกเรียกมาใช้ ควันสีเทาเป็นสีเมฆหมอกปกคลุมตัวของมนต์ไว้ เดชวิ่งเข้ามา เนื้อตัวเป็นสีทองแดง ขวางกลุ่มหมอกควันไว้ กระสุนเลยเดชไปหมด ก้องกับเทวามาถึง ก้องกระทืบเท้า แผ่นดินสะเทือนเลื่อนลั่น ตรงเข้าชกต่อยลูกน้องของฤทธิ์จนล้มไป
ส่วนสิงห์ก็ตรงเข้าหาลูกน้องของฤทธิ์ ซึ่งมีกระแสไฟพุ่งเป็นแสงออกทั่วตัว ลูกน้องพากันหลบหนี กลุ่มของพัน ธง ศรใช้อาวุธหนักเป็นอาวุธสงครามยิงกราด แต่ทำอะไรเดช ก้องและสิงห์ไม่ได้ ก้องกระทืบเท้าจนพันกับธงล้มลงไป สิงห์ปราดเข้าหา กระแสไฟในร่างกายสิงห์ช็อตตัวของพัน กับธงจนแน่นิ่งไป
มนต์แปลกใจ “พวกมึงมาได้ยังไง” สิงห์กับก้องยังไม่ทันตอบ ก็เหลียวมองไปรอบๆ
ก้องถามขึ้น “ไอ้เทวาล่ะ มันมาก่อนข้าอีกนะโว้ย”
ศรซึ่งล้มลงไป ผวาลุกขึ้นจะยิงปืนใส่ แต่ก้องเห็นตวัดปลายเท้าเตะเข้าปลายคางจนแน่นิ่งไปทันที
มนต์ตกใจ “ไอ้ฤทธิ์ก็หายไปด้วย”
ทั้งหมดวิ่งกรูกันออกไป เหลียวมองไปรอบๆ ทุกคนเห็นแสงฟ้าคำรามอยู่ห่างๆ มีลมสลาตันลอยวนจนพัดทุกสิ่งทุกอย่างหมุนวนเหมือนลมบ้าหมู
“ข้าว่าที่หาด” มนต์บอก ทุกคนวิ่งกรูไปอย่างรวดเร็ว

ฤทธิ์กับเทวายืนเผชิญหน้ากันที่ชายหาด แต่อยู่ห่างกันพอประมาณ ลมสลาตันบังเกิดขึ้นบนท้องฟ้า นํ้าในทะเลเป็นคลื่นคลั่ง สาดซัดขึ้นสูง มนต์ ก้อง เดช สิงห์วิ่งมา
“เทวา”
ฤทธิ์แผดเสียงใส่ “พวกมึงไม่เกี่ยว...งานนี้กูกับไอ้เทวาเท่านั้น”

ดารินซุ่มอยู่ที่พุ่มไม้มองลงไปยังชายหาด แสงฟ้าของฤทธิ์อ่อนพลังหายไป ฤทธิ์ มองที่ท้องฟ้า เช่นเดียวกับทุกคนที่เห็นอย่างเดียวกัน แสงฟ้าพาดสายแล้วหายไปดื้อๆ
ฤทธิ์ตกใจ “หา...แสงฟ้าของข้า”
เทวาพุ่งตัวเข้าหาอย่างแรง ทั้งสองต่อสู้กันด้วยลีลามวย ฤทธิ์เพลี่ยงพลํ้า ถูกเทวานั่งคร่อมได้แล้วต่อยใบหน้าอยู่ฝ่ายเดียว ฤทธิ์หลบ เรียกหาคล้าม
“อาจารย์ช่วยผมด้วย...ช่วยด้วย”
กลุ่มของมนต์มองหน้ากัน สงสัย พลันร่างกายของฤทธิ์มีแสงสีทองปรากฏ เนื้อตัวของฤทธิ์มีรอยสักเต็มตัว ใบหน้าของคล้ามซ้อนอยู่บนใบหน้าของฤทธิ์ เทวาเงื้อหมัดค้างด้วยความตกใจ เป็นจังหวะที่คล้ามซึ่งแฝงร่างของฤทธิ์อยู่ ใช้พลังผลักเทวาจนกระเด็นไปล้มลงไปที่ทราย
กลุ่มของมนต์ตกใจจะเข้าไปช่วย แต่ฤทธิ์รีบปรามไว้
“ถ้าเข้ามา พวกมึงตายหมดแน่” คล้ามแฝงร่างฤทธิ์ เนื้อตัวฤทธิ์มีแต่รอยสัก เดินหน้าเข้าหาเทวา ฤทธิ์พูดออกมาด้วยเสียงคล้าม
“เอามาสิ พายุสลาตันของเอ็ง เอามาสู้กับ ข้า...เอามา”
เทวารวบรวมพลังเรียกลมสลาตันมา คล้ามปรากฏซ้อนร่างฤทธิ์ เรียกพลังไฟมา ลูกไฟลอยวนอยู่ท่ามกลางพายุสลาตัน ทุกคนมองอย่างตะลึง
สิงห์เอ่ยขึ้น “ถ้ามันพัดไปไหม้บ้านคนล่ะวะ”
ฤทธิ์เอ่ยขึ้นอีกมันเป็นเสียงคล้าม “พายุสลาตันของเจ้าจะยิ่งทำให้ไฟนรกของ ข้าโหมไหม้ยิ่งขึ้น มันสามารถเผาทุกสิ่งทุกอย่างบนโลก นี้ได้” เทวานิ่งอึ้ง นึกถึงภาพที่หลวงปู่หาญอยู่ที่ขอบฟ้ามองมาและบอก “รวมพลังกันสิ...รวมพลังกันเข้า” ขณะลูกไฟของคล้ามลอยเข้าหา แต่เทวาใช้พายุสลาตันพัดลูกไฟลอยออกห่าง แต่คล้ามก็ทำให้เข้ามาอีกครั้ง
มนต์ สิงห์ ก้อง เดช จับมือประสานกัน แผ่นดินสะเทือนเลื่อนลั่น นํ้าในทะเลมีคลื่นคลั่งถั่งโถมปั่นป่วน
เดชบอก “ข้าจะไปช่วยไอ้เทวาเอง” เดชวิ่งไปที่เทวา กายเป็นสีทอง ตรงเข้าต่อสู้กับฤทธิ์ ก้องเข้าช่วย ก้องปล่อยหมัดแต่ละทีสะเทือนเลื่อนลั่น มนต์ร่ายเวทย์ หมอกควันปกคลุมลูกไฟจนไม่เห็น ฤทธิ์ล้มลงไป คล้ามผุดออกจากร่างของฤทธิ์ มาต่อสู้กับทุกคน
“ฝีมือของพวกเอ็งยังอ่อนหัดนัก...ข้าจะให้บทเรียนกับ พวกเอ็ง”
คล้ามหัวเราะลั่น ไฟลอยขึ้นลูกแล้วลูกเล่าบนท้องฟ้า แลดูน่ากลัว
เทวาเพ่งไปที่ลูกไฟ ลมสลาตันพัดออกห่างไป
ดารินมองอยู่ “เราเคยเรียกฝนได้ ลองสิ ฝนๆๆๆ”
พลันฝนก็ตกลงมา ดับลูกไฟจนหมด ไม่มีเหลือ ดาริน มองสายฝนอย่างตื่นตาแกมตกใจที่รู้ว่าตนเองทำได้
กลุ่มของมนต์ เทวา เดช สิงห์ ก้อง ก็กรูกันเข้าไปหาฤทธิ์ คล้ามวูบหายไป ฤทธิ์ถูกทั้งสี่คนรุมจนหมอบไปกับพื้นทรายท่ามกลางสายฝนที่ตกกระหนํ่า
เทวาบอกทิ้งท้าย “ถ้าพี่ฤทธิ์คิดสักนิดว่าหากพลังเทวดาของพวกเรา ประสานกัน ก็ไม่มีทางสู้พวกเราได้”

ฤทธิ์กลับมาบ้านนอนซมอยู่บนเตียง คล้ามปรากฏร่างขึ้นตรงหน้า ฤทธิ์ผวาลุกขึ้น
“ทำไมอาจารย์ทิ้งผม”
“ข้าไม่ได้ทิ้ง แต่ข้ารู้ว่าไอ้หาญมันช่วยลูกศิษย์ของมัน อยู่ ข้าก็เลยตามหามัน หวังว่าจะได้ล้างแค้น แต่หา มันไม่เจอ...เราต้องสลายพลังเทวดาของพวกมัน ให้ได้ เพราะที่ข้าจับได้ก็คือ มีพลังเทวดาเพิ่มขึ้น มัน เรียกฝนได้ ถ้ามันฝึกอีกนิดเดียว ฝนที่ตกลงมาจะ กลายเป็นฝนอย่างที่มันต้องการได้”
ฤทธิ์งง “ยังจะมีฝนแบบไหนอีกล่ะอาจารย์”
“ฝนกรด ถูกใครก็ตายทันที ถ้าประสานกับพลังสลาตัน เข้าด้วยก็จะยิ่งมีพิษรุนแรง หรืออาจจะเป็นฝนที่ตกลง มาเป็นกรวดร้อนๆ หรือเป็นเข็มเล่มเล็กๆ ก็ได้”
ฤทธิ์หน้าเสียไปทันที เสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้น ฤทธิ์หยิบขึ้นดูหน้าจอก็เห็นเป็นเสี่ยคงคาโทร.เข้ามา
“ครับเสี่ย”
เสี่ยคงคาเดินพูดโทรศัพท์ในสนามหน้าบ้านตัวเอง
“เมื่อพวกไอ้พันมันฆ่าไอ้มนต์ไม่ได้ ก็ต้องเป็นหน้าที่ ของนายแล้วละนายฤทธิ์”
ฤทธิ์ย้อนถาม “เสี่ยต้องการอย่างนั้นหรือครับ”
คงคาตวาดใส่ทันที “ถ้ามันอยู่ แล้วเมื่อไหร่ คำรณจะได้เป็นผู้ใหญ่บ้านล่ะ รีบจัดการด่วนที่สุดนะนายฤทธิ์”
ฤทธิ์หน้าซีด รับคำเสียงอ่อย “ครับเสี่ย”
คล้ามบอกกับฤทธิ์เสียงเหี้ยม “พลังเทวดาจะมีอานุภาพเมื่อผู้ใช้มีสติ มีสมาธิตั้งมั่น การจัดการกับพวกมันต้องทำยามมันเผลอ...หรือยามที่มันขาดสติ จึงจะเล่นงานมันได้”

ฤทธิ์พยักหน้าช้าๆ ดวงตาเหี้ยมอำมหิต

คืนนี้มีงานเลี้ยงฉลองตำแหน้งผู้ใหญ่บ้านของมนต์ ที่วัดเกาะมุกใต้ บรรยากาศอึกทึก บนเวทียังไม่มีการแสดง แม่ค้าขายของกันมากมาย ผู้คนเดินผ่านไปมา เทวาอยู่ข้างเวทีประกวดร้องเพลง

แสงดาวกับหมอนทีเดินอยู่ด้วยกัน เดชแอบมองอยู่มุมหนึ่งด้วยสายตาของชายหนุ่มที่แอบรักหญิงสาว
สิงห์เดินมาตบไหล่เดชหันไป
“อะไรวะ สิงห์ ข้าเห็นเอ็งแอบมองนังแสงดาวหลายหนแล้วนะ ชอบมันเหรอ”
“เปล่า”
“แน่นะ…ข้าว่าข้ามองไม่ผิด”
เดชเปลี่ยนเรื่อง “รีบไปเถอะ ผู้ใหญ่มนต์ไปทางโน้นแล้ว”
เดชกับสิงห์เดินไป เดชอดหันมามองแสงดาวไม่ได้ แสงดาวสบตาเดชแวบหนึ่ง เดชเดินไป

เดช มนต์ สิงห์ เดินทักทายชาวบ้าน ปลาดุกในชุดนักมวยหญิง เตรียมขึ้นชก ดารินอยู่ข้างเวทีเป็นพี่เลี้ยงให้
“ไม่ทำงานเหรอวันนี้”
“งานฉันน่ะเหรอ กว่าพวกขี้เมามากันก็ดึกดื่นค่อนคืน ปลาดุกต่อยเสร็จแล้ว ยังกลับไปทันเลย”
“งั้นก็อยู่เชียร์เราด้วยนะ หรือว่าจะเชียร์เวทีโน้น”
สองสาวหันไปทางเวทีประกวดร้องเพลง เทวามองมาพอดี เทวากับดารินสบตากัน ระบายยิ้มให้กัน สื่อกำลังใจ
มองจากจากมุมสูงลงมา เห็นบรรยากาศงานวัดที่จัดขึ้นอย่างใหญ่โต

กลุ่มชายโฉดหญิงชั่วสุมหัวกันอยู่ในบ้านฤทธิ์
คงคาเอ้ยขึ้น “ไอ้มือปืนที่นายจ้างมา มั่นใจเหรอ ฤทธิ์”
“ครับ ที่ผมเลือกใช้พวกมันก็เพราะถ้ามีอะไรเกิดขึ้น จะ ได้ไม่โยงไปหาเสี่ย”
“เรื่องนั้นคงไม่น่าห่วงมั้ง ว่าแต่มือดีแน่เหรอ”
“ครับ คุณหยาด”
คำรณพูดเย้ยหยัน “หวังว่าพรุ่งนี้ฉันคงได้สมัครผู้ใหญ่บ้านอีกรอบนะนาย ฤทธิ์”
“ครับ คุณคำรณ”

เทวากำลังประกวดร้องเพลงอยู่ ลีลานํ้าเสียงเป็นที่ชื่นชอบของคนดูมาก มนต์ สิงห์ เดช ก้องยืนดูปะปนกับชาวบ้านจำนวนมาก ห่างไปอีกมุม ปลาดุกกำลังต่อยมวยกับคู่ชกหญิง ปลาดุกหันมาที่มุมดารินยืนอยู่ แต่ไม่เห็น
“หายไปไหน ไวจัง”
คู่ชกต่อยเข้าปลายคางของปลาดุก ปลาดุกล้มลงทันที คนดูเฮกันทั้งสนาม กรรมการบนเวทีนับ ปลาดุกแพ้น็อก
ที่เวทีประกวดร้องเพลง เทวากำลังร้องเพลงต่อ
ไม่มีใครรู้ว่าบนชิงช้าสวรรค์ มือปืน แต่งตัวเป็นชาวบ้าน มองลงไปข้างล่าง เห็นบรรยากาศของงานวัด โดยที่เวทีประกวดร้องเพลง มนต์กำลังคล้องพวงมาลัยให้เทวา คนดูปรบมือกันลั่น
ตรงปากกระบอกปืน เห็นศีรษะของมนต์อยู่ในกล้องเล็งปืน ขณะที่มนต์กำลังเดินกลับลงมาจากเวที เสียงปืนดังขึ้นเปรี้ยง มนต์ล้มลงคาเวที
เทวาโยนไมค์ทิ้ง วิ่งมา “พี่มนต์”
มองจากจากมุมสูง เห็นผู้คนแตกตื่น แสงจันทร์วิ่งฝ่าฝูงชนมาที่เวทีกับแสงดาว แสงดาวละจากนทีวิ่งสวนผู้คนมา นทีวิ่งตามมา ส่วนประสิทธิ์ก้าวขาไม่ออก ยืนตะลึง เห็นผู้คนที่วิ่งกันอยู่รอบตัว
บนเวที แสงจันทร์ร้องไห้ครํ่าครวญน่าเวทนา “พี่มนต์...พี่มนต์”
สิงห์ เดช ก้อง ตกใจ มองไปก็เห็นชายมือปืนอยู่บนชิงช้าสวรรค์เพียงคนเดียว เช่นเดียวกับดาริน ซึ่งอ่านวิถีกระสุนตามวิสัยตำรวจ
“ปืนยิงจากที่สูง...โน่นบนชิงช้า” สิงห์วิ่งไปกับก้อง ก้องจับชิงช้าสวรรค์เขย่า มือปืนสั่นไปหมด
สิงห์บอก “กูเอง” มือปืนลงมาถึงพอดี จะยิงใส่ก้อง แต่สิงห์ตะบันหมัดไป ประกายไฟออกจากปลายหมัด ร่างของมือปืนล้มไปปะทะเหล็ก เกิดเป็นประกายไฟซ็อต กระแสไฟช็อตทำให้เกิดเป็นประกายวูบวาบมุมนั้นมุมนี้ของงานวัดแล้วไฟก็ดับพรึบลง

วันต่อมา แสงจันทร์อยู่ในอาการเศร้าโศก ร้องไห้สะอึกสะอื้นตลอดเวลา สนส่ายหน้ารู้สึกผิด
“ข้าไม่น่าเลย...ไม่น่าเลย ไม่น่าสนับสนุนให้มันสมัคร ผู้ใหญ่บ้านเลย ไม่งั้นมันก็คงไม่ตาย”
แสงจันทร์ยิ่งร้องไห้หนัก เทวาบอก
“ลุงสนไม่ผิดหรอกครับ...คนผิดคือคนทำต่างหาก”
แสงดาวแหวใส่สวนกลับ “พี่พูดยังงี้ ฉันก็อยากรู้เหมือนกันว่าพี่จะล้างแค้นให้พี่มนต์หรือเปล่า”
“ทำไมถามพี่ยังงี้ล่ะแสงดาว” เทวายั๊ว
“กลัวว่าพอเงินถือมือถึงปาก ไอ้ที่อยากแก้แค้นก็ลืมหมด”
เทวาโกรธ “อย่าดูถูกพี่...เพราะพี่ยังมีความเป็นคนอยู่ ไม่มีอะไร เปลี่ยนแปลงพี่ได้หรอก”
แสงดาวย้อน “แม้แต่เงินและอำนาจ”
เทวาตอบหนักแน่น “ใช่...และพี่ก็เชื่อว่านี่คือสิ่งที่วิญญาณของมนต์ต้องการ”

ร้านค้าเครื่องสังฆภัณฑ์ ตลอดจนร้านเครื่องใช้ในงานศพ ถูกฤทธิ์สั่งห้ามไม่ให้ขาย หรือบริการกลุ่มของเทวาทั้งสิ้น เวลานั้น ก้อง เดช สิงห์ เดินกลับเข้ามาในวัดด้วยสีหน้าเศร้า สนถามหน้าเครียด
“ได้เรื่องมั้ยวะ”
“ขนาดรูปถ่าย ร้านกรอบรูปยังไม่ทำให้เลย”
เดชเสริม “ร้านสังฆภัณฑ์มันก็ไม่ยอมขายอะไรให้เรา พระเองยังไม่กล้ารับนิมนต์มาสวดศพพี่มนต์เลย”
แสงจันทร์เสียใจร้องไห้หนักขึ้น มีแสงดาวนั่งปลอบใจอยู่ไม่ห่าง
เทวาแค้นหนัก “มันเล่นหนักยังงี้เชียวเหรอ”
สิงห์เอ่ยขึ้น “น้าบุญกู้บอกว่าให้ไปจัดงานที่วัด ไอ้มนต์จะได้อยู่กับ หลวงปู่ด้วย”
สนสลดใจ “เป็นไปได้เหรอ วัดเกาะมุกไม่มีเมรุเผาศพ ตอนหลวงปู่ ตาย ข้ายังนึกว่าต้องสร้างเมรุลอย แต่ศพหลวงปู่ไม่เน่า ก็เลยไม่ต้องทำ”
สิงห์บอก “ฉันก็ไม่รู้ น้าบุญกู้บอกมาอย่างนี้”

คงคารู้สึกสะใจกับการตายของมนต์มาก
“มันไม่รอดหรอก ฉันก็เพิ่งรู้ว่าไอ้ปืนดีๆ มีค่ากว่าพลัง เทวดาซะอีก ไม่คิดเลยว่าไอ้กำนันฤทธิ์จะทำสำเร็จ”
“อย่างนี้ผมก็เตรียมตัวสมัครผู้ใหญ่บ้านได้แล้วละสิ” คำรณยิ้มย่อง
“ใช่ๆๆ คราวนี้เรื่องกระสุนที่จะใช้ในการเลือกตั้งต้อง มากกว่าครั้งที่แล้ว”
หยาดฟ้าบอก “แจกไปเลย หัวละพัน...ทั้งเกาะก็ใช้ไม่กี่สิบล้านหรอก คุ้มจะตาย”
“ต่อให้เป็นร้อยล้านก็คุ้ม เพราะเราจะได้ผลประโยชน์ จากที่นั่นอีกไม่รู้กี่เท่า”
คำรณยิ้มกริ่ม กานดากับพร้อมเข้ามา หยาดฟ้าทำหน้าเซ็ง
“คำรณ แม่แอบฟังมานานแล้ว แม่ขอละ…ถ้าคนอื่น คิดชั่ว ทำชั่ว ลูกของแม่ก็ไม่จำเป็นต้องชั่วตามเขา”
หยาดฟ้าแหวใส่ ถลามาตรงหน้ากานดา
“ว่าใคร ในเมื่อห้องนี้นอกจากคุณคำรณแล้วก็เหลือ เสี่ยคงคากับฉัน...แกว่าฉันชั่วใช่มั้ยนังประสาท”
“ถ้าชั่วจริงก็รับไปสิ...หรือว่าจะปฏิเสธล่ะว่าเธอไม่ได้ อยู่เบื้องหลังการฆาตกรรมผู้ใหญ่มนต์”
คงคาปราดมาที่กานดา บีบคอ แต่ไม่ได้ออกแรง
“ถ้าเธอเอาเรื่องนี้ไปพูด ฉันจะฆ่าเธอ แกด้วยนังพร้อม”
พร้อมก้มหน้าตัวสั่น

“คุณผู้หญิงขา กลับเรือนเล็กเถอะค่ะ”

อ่านต่อหน้า 4

พายุเทวดา ตอนที่ 10 (ต่อ)

หยาดฟ้าโพล่งขึ้นในจังหวะนี้

“ก่อนที่เสี่ยจะลงมือ ฉันนี่แหละจะฆ่าแกก่อนนังกานดา”
คำรณหน้าเครียด ปราดเข้ากระชากตัวหยาดฟ้าแล้วเหวี่ยงไปทางหนึ่ง
“ว้าย คุณคำรณ”
คำรณตวาดใส่หน้า “คนที่จะพูดและทำกับแม่ผมได้มีคนเดียวเท่านั้นคือพ่อ คนอื่นไม่มีสิทธิ์”
คงคาละมือจากคอของกานดา หันมาห้ามคำรณ เมื่อเห็นสีหน้าคำรณถมึงทึงพร้อมจะเอาเรื่องหยาดฟ้า เลยร้องห้าม
“อย่า...หยาดฟ้าออกไปก่อน...ไปสิ”
หยาดฟ้าไม่ฟัง “ไม่ค่ะ หยาดจะต้องพูดกับเสี่ยให้รู้เรื่องก่อน คุณคำรณ กับนังนี่จะต้องออกไปต่างหากล่ะ”
“ก็ได้...คนอื่นออกไปก่อน”
พร้อมพากานดาออกไป กานดาเหลือบมองหยาดฟ้าด้วยความสะใจ คำรณออกไปด้วย
ก่อนจะพ้นประตูกานดาเล่นละครทันที “คำรณ...แม่จะเป็นลม” กานดาแกล้งทำท่าจะเป็นลม
คำรณตกใจ “แม่” คำรณกับพร้อมประคองกานดาออกไป พอพ้นประตู หยาดฟ้าก็พูดขึ้น
“นังแก่นั่นช่างสำออย เจ้ามารยาเหมือนกันนะคะเสี่ย ถามจริง ๆ เถอะ ตอนหนุ่มสาวไปตกบ่วงเสน่ห์มันได้ไง”
คงคาตวาด “หยุด”
หยาดฟ้าตะบึงตะบอนใส่ “หยาดไม่มีสิทธิ์พูดอะไรเลยเหรอ ในเมื่อหยาดเป็น...”
คงคาสวนกลับทันที “เธอจะเป็นอะไรก็ช่าง..แต่เธอไม่มีสิทธิ์ก้าวร้าวกานดา”
หยาดฟ้าโมโห “เสี่ยเข้าข้างมัน ไหนเสี่ยบอกว่าเบื่อมันเต็มทีไงคะ”
“ฉันจะเบื่อหรือรัก เธอก็ไม่มีสิทธิ์วุ่นวายกับกานดา”
“โอเคค่ะ หยาดจะได้จำไว้ว่าหยาดไม่มีความหมายสำหรับเสี่ย...แต่เสี่ยก็ระวังไว้ด้วยว่าจะตายในคุก เพราะความปากสว่างของนังแก่เมียเสี่ย”
หยาดฟ้าเดินปึงปังออกไป คงคาส่ายหน้ากลุ้มใจ

ที่บริเวณป่าหลังวัดเกาะมุกใต้ บรรยากาศเป็นไปอย่างโศกเศร้า โลงศพของมนต์ตั้งอยู่ แสงจันทร์นั่งอยู่ข้างโลง ซบหน้ากับโลงศพร้องไห้ แสงดาวเวทนาพี่สาวเข้าไปนั่งข้างๆ
“สงบจิตสงบใจเสียบ้างเถอะ วิญญาณพี่มนต์ได้ไป สู่สุคติ ไม่ต้องห่วงคนข้างหลัง”
บุญกู้ช่วยปลอบ “ใช่ แสงจันทร์เอ๊ย เกิดแก่เจ็บตายเป็นเรื่องธรรมดา ใครก็หนีไม่พ้นหรอก”
สนลอก “รีบจัดการศพเจ้ามนต์เถอะ..ไม่งั้นก็จะยิ่งเสียใจกันไป มากกว่านี้”
บุญกู้ออกความเห็น “ฉันว่าจะฝังศพมนต์ไว้ก่อน...รอให้ทุกสิ่งทุกอย่าง เรียบร้อย ค่อยเผาตามประเพณี...วิญญาณเจ้ามนต์ คงไม่ไปไหนหรอก หากความยุติธรรมยังไม่เกิดขึ้น บนเกาะมุก”
เทวา สิงห์ ก้อง เดชหน้าเครียด ประสิทธิ์ นที นำชาวบ้านมากลุ่มหนึ่ง ดารินกับปลาดุกก็มาด้วย
ประสิทธิ์เอ่ยขึ้น “พวกชาวบ้านที่ไม่กลัวอิทธิพลกำนันฤทธิ์ขอมาร่วม งานศพมนต์ด้วย”
“ฉันว่าจะฝังไว้ก่อนนะครูใหญ่” บุญกู้บอก
ประสิทธิ์เห็นดีด้วย “ก็ดีเหมือนกัน...ฉันเห็นด้วย”
แสงดาวมองไปที่ดารินตาขวางแล้วเอ่ยถามขึ้น
“คนนอกเกาะก็มากับเขาด้วยเหรอ”
ดารินหันมาบอกทุกคน
“เราสองคนถึงมาจากที่อื่น แต่ก็ผูกพันกับผู้ใหญ่ ได้เห็น คุณมนต์ตั้งใจที่จะทำให้คนเกาะมุกมีความสุข...ฉันอยากมา ร่วมพิธีด้วย คุณคงไม่ว่าอะไรนะ”
หมอนทีปรามแสงดาว “แสงดาว...ไม่เอาน่า”
แสงดาวสวนออกมา “ถ้าเป็นอย่างที่ว่า ก็ไม่เป็นไร แต่ฉันมีสิทธิ์ถาม เพราะ ฉันกับพี่เดชถูกมันลอบฆ่าเกือบตาย เพราะฉะนั้นฉันย่อมมีสิทธิ์ไม่ไว้ใจคนอื่น” แสงดาวจงใจกระทบดารินเน้นคำว่า...คนอื่น
“ผมว่าเป็นเรื่องดี บางทีวิญญาณของพี่มนต์อาจดลใจให้ คนที่คิดดีต่อเขามาที่นี่ตอนนี้ก็ได้” เทวาว่า
บุญกู้สรุป “ถ้างั้นก็จัดการเถอะ..เดี๋ยวพระอาทิตย์จะตกเสียก่อน พรุ่งนี้นิมนต์พระมารับบาตร แล้วค่อยกรวดนํ้าให้มัน”

เวลาต่อมา เห็นชาวบ้านพากันโปรยดินลงไปในหลุมที่ขุดวางโลงไว้แล้ว แสงจันทร์นั่งอยู่ปากหลุม โปรยดินไป ร้องไห้ครํ่าครวญไป ทุกคนพากันซึมเศร้า บางคนร้องไห้ออกมาโดยไม่อาย

เทวาบอกวิญญาณมนต์ “พี่มนต์ พี่อย่าทิ้งพวกเรานะ...พี่ต้องอยู่ช่วยพวกเรา”

ยามคํ่า ฤทธิ์กับลูกน้องมารอรับหยาดฟ้าที่ท่าเรือเกาะมุก เห็นหยาดฟ้าเดินมา ฤทธิ์กับลูกน้องยืนรออยู่แล้ว
“คุณหยาดมาเกาะมุกกะทันหัน...มีธุระอะไรด่วนหรือ เปล่าครับ...ถ้าไม่มีอะไรสำคัญ ผมแนะนำให้กลับไปก่อน...ศพไอ้มนต์ยังไม่ได้จัดการอะไรเลย ผมน่ะสั่งห้าม คนช่วยเหลืองานศพมันตามคำสั่งของเสี่ย ผมยังกลัวว่า ชาวบ้านจะไม่พอใจ”
หยาดฟ้าไม่แคร์ “ใครกลัวก็กลัวไป แต่ฉันไม่กลัว...พาฉันไปพักผ่อนก่อน”
“ครับ” ฤทธิ์สังเกตเห็นหยาดฟ้ามีเพียงกระเป๋าใบเล็กๆ เท่านั้น เหมือนไม่ได้ตั้งใจมา
“คุณหยาดจะกลับคืนนี้เลยหรือเปล่าครับ...ผมจะได้จัด เรือไว้บริการ”
หยาดฟ้ามองหน้าฤทธิ์ “ฉันหนีร้อนมาพึ่งเย็น นายฤทธิ์จะไล่ฉันกลับอีกเหรอ”
ฤทธิ์อึ้งไป ไม่กล้าถามอะไรต่อ
ไม่นานต่อมาหยาดฟ้านั่งที่เก้าอี้ตัวหนึ่งในบ้านฤทธิ์เอ่ยขึ้น “ฉันจะพักอยู่ที่นี่สักสองวัน...ช่วยหาเสื้อผ้าง่าย ๆ ให้ ฉันเปลี่ยนด้วย...วันพรุ่งนี้ค่อยหาเสื้อผ้าทีมีขายบนเกาะมุกใส่”
ฤทธิ์เอาใจ “จะให้ผมส่งคนไปซื้อที่ฝั่งโน้นก็ได้นะครับ”
“ไม่ต้องหรอก...ร้อนจัง อยากอาบนํ้า...ขอผ้าเช็ดตัวหน่อย”
ฤทธิ์รู้สึกอึดอัด ด้วยมีใจชอบหยาดฟ้าอยู่แล้ว
“รู้มั้ยว่าทำไมฉันถึงหนีร้อนจากบ้านเสี่ยคงคามาพึ่งความเย็นที่บ้านนายฤทธิ์”
“ไม่ทราบครับ”
หยาดฟ้าตีหน้าเศร้า นํ้าตาคลอ
“ชีวิตฉันเป็นกําพร้า พ่อแม่ไม่มี...เข้าใจว่าชีวิตฉันกับเธอ คงไม่ต่างกัน...ไม่มีอะไรเจ็บปวดเท่ากับการที่เราไม่มี ใครเป็นที่พึ่งของเราได้...คิดว่าเสี่ยคงคาจะรักจะจริงจัง กับฉัน แต่เปล่าเลย เขาไม่เคยจริงใจกับใคร...แม้กระทั่ง นายฤทธิ์...ฉันสงสารเธอ จึงปกป้องทุกอย่าง ในที่สุดเขา ก็ขับไสไล่ส่งฉัน เหมือนฉันเป็นสัตว์เลี้ยงของเขา”
ฤทธิ์มองหน้าหยาดฟ้าทันที เชื่อตามที่หยาดฟ้าบอก
“คุณหยาด” หยาดฟ้าสะอื้นแล้วโผเข้าหาฤทธิ์ ฤทธิ์กอดไว้
“เขาบอกว่าถ้าเธอทำงานให้เขาสำเร็จเมื่อไหร่ เขาจะฆ่า เธอ...เขาว่าเธอโง่ เธอยอมเป็นเครื่องมือให้เขา ลับหลัง เธอเขาก็ก่นด่าเหยียดหยาม ฉันทนไม่ได้ ฉันรักเธอ... ได้ยินมั้ยว่าฉันรักเธอ”
ฤทธิ์คราง “คุณหยาด”
ทั่งสองสบตากันซึ้งๆ หยาดฟ้าบอกอีก
“ฉันรักเธอตั้งแต่แรกเห็น”
ฤทธิ์เคลิ้มคล้อยโน้มหน้าลงจูบหยาดฟ้า

ทั้งสองนัวเนียกัน แรงปรารถนาในใจนำพาชายโฉดหญิงชั่วดำดิ่งสู่ห้วงกามารมณ์

ฟาก เสี่ยคงคา คำรณ และลูกน้องทั้งสามเดินขึ้นสะพานปลาท่าเรือเกาะมุกมา เฮียเม้งมารอรับอยู่ที่ท่ารถ

คงคาถามทันที “หยาดฟ้าล่ะ”
“เอ...ผมไม่เห็นเลยครับ”
“มีคนเห็นว่าเขามาที่นี่...ยังเข้าใจว่ามาหานายเม้ง...หรือว่า...” คงคาหน้าเครียดใช้ความคิด
คำรณเอ่ยขึ้น “พ่อ...เราจะไปตามหาคุณหยาดหรือจะไปดูให้แน่ใจว่า ไอ้มนต์มันตายจริงหรือเปล่า..ผมอยากเห็นกับตาให้มันสะใจ”
คงคาเห็นด้วย “เออ...จริงสิ...เม้งรู้มั้ยว่ามันจัดงานศพที่ไหน”
“เห็นชาวบ้านพูดกันว่าฝังไว้ที่วัดเกาะมุก”
ทางด้านฤทธิ์กับหยาดฟ้านัวเนียกันอยู่บนเตียง หยาดฟ้าเคลิ้มไปกับเรือนร่างกำยำของฤทธิ์ แต่แล้วก็ต้องผงะ เมื่อเห็นใบหน้าของฤทธิ์ มีใบหน้าของคล้ามซ้อนอยู่ หยาดฟ้าตกใจ ตะลึง แต่พูดอะไรไม่ออก เนื้อตัวของฤทธิ์มีก็รอยสักขึ้นเต็มไปหมด
หยาดฟ้าหลับตาด้วยความรังเกียจ ตัวสั่นไปหมด...หยาดฟ้าตัดสินใจผลักฤทธิ์ออกห่าง กระถดหนี
ฤทธิ์ฉงน “อะไร เป็นอะไรครับ คุณหยาด”
“ฉัน...ฉันขอโทษ ฉันยังไม่พร้อม...นายฤทธิ์อย่าทำอะไร ฉันเลยนะ”
ฤทธิ์จ้องหน้าหยาดฟ้า ใบหน้าคล้ามซ้อนเข้ามาที่ฤทธิ์ ส่งเสียงออกมา
“สะดีดสะดิ้งนัก...ฉันรอคอยเวลานี้มานาน แค่ไหนแล้ว...รู้มั้ย” คล้ามในร่างฤทธิ์กระชากร่างของหยาดฟ้าเข้าหา หยาดฟ้าร้องไห้ ผลักไส แต่ก็สู้แรงของฤทธิ์ไม่ได้
ร่างของฤทธิ์นอนทับทาบร่างของหยาดฟ้าอยู่ ขยับโยกไปตามแรงปรารถนา ส่วนหยาดฟ้าเม้มปาก แน่น นํ้าตาไหลพราก ตัวสั่นสะท้านด้วยแรงกลั้นสะอื้น

เวลาพลบค่ำ ชาวบ้านพากันเดินออกจากบริเวณหลังวัด เห็นหลุมศพที่เพิ่งกลบใหม่ๆ กลุ่มของเทวา ดาริน ก้อง สิงห์ เดช ปลาดุก บุญกู้ยืนอยู่ข้างๆ หลุมศพด้วยความอาลัย
รถของเม้งแล่นสวนทางกับกลุ่มชาวบ้านเข้ามา
ก้อง มาทำไมกันวะ..
สิงห์ เป็นไรก็เป็นกัน กูไม่กลัวมันหรอก...
คงคา คำรณ เม้ง พัน ธง ศร ลงมาจากรถ ต่างมีอาวุธติดที่เอวกันทุกคน
คงคา ไม่ต้องแปลกใจที่พวกฉันมา...ฉันก็แค่จะมาแสดงความ เสียใจกับนายมนต์เขาหน่อย..โถ เพิ่งได้เป็นผู้ใหญ่บ้าน ยังไม่ได้แต่งตั้งรับรองอย่างเป็นทางการเลย ก็มาด่วน ตายไปซะ...เป็นอะไรตายล่ะ เคราะห์ร้ายจริงๆ
แสงดาว อยากรู้เหรอว่าพี่มนต์เป็นอะไรตาย...โดนหมาลอบกัด ตายน่ะสิ...หมาจรจัด เกิดมาไม่มีใครสั่งสอน มันก็เลย เลวมาตั้งแต่เกิด เลวทั้งสายพันธุ์เลยมั้ง...
คำรณโมโห คำรณ นังนี่...ปากเสีย
แสงดาว เป็นหมาเหรอ ถึงได้เดือดร้อน.. คงคายกมือห้าม
คงคา อย่าทะเลาะกันเลย...แล้วนี่ได้ข่าวว่าฝัง...ทำไมไม่จัดงาน ศพตามประเพณีให้สมเกียรติกับตำแหน่งผู้ใหญ่บ้าน หน่อยล่ะครับ...
แสงจันทร์ ไม่มีวัดไหนเขาให้เราจัดงานศพผู้ใหญ่มนต์
คงคาหัวเราะ ถามกวนๆ คงคา อ้าว ทำไมล่ะ ไม่มีเงินจัดงานเหรอ ทำไมไม่บอกล่ะ เรื่องแค่นี้พอช่วยกันได้
แสงจันทร์ ขอบคุณ เงินน่ะมีค่ะ แต่วัดเขาว่าง จัดงานศพสุนัขลอบ กัดสายพันธุ์เลวๆ หมดเลยค่ะ...นี่ยังไม่รู้เลยว่าอีกกี่ชาติ จะขจัดเสนียดออกจากเกาะมุกได้หมด...
คงคาเริ่มไม่เก็บอารมณ์ พัน ธง ศรก็เริ่มขยับอาวุธ ก้อง สิงห์ เดชก็พร้อมที่จะตอบโต้
สนไล่นิ่มๆ “คุณกลับไปเถอะ ให้พวกเราอยู่กันตามลำพัง พวกเราไม่ ต้องการความเห็นอกเห็นใจจากใครทั้งนั้น...ไม่เชื่อถาม ดูสิครับ”
ทุกคนนิ่งขึง พร้อมเอาเรื่อง ฝ่ายคำรณเห็นดารินกับปลาดุกก็ยิ้มให้
“ไม่รู้ว่าเธอรู้จักผู้ใหญ่มนต์ด้วย”
“ฉันก็เดินตามชาวบ้านเขามาน่ะค่ะเสี่ย...เดี๋ยวก็จะกลับ แล้ว...ไปกันเถอะปลาดุก”
“ไปสิ” ดารินกับปลาดุกหันไปหาทุกคน ยกมือไหว้กราด
“ฉันกลับก่อนนะจ๊ะ”
เม้งพูดกับดารินนํ้าเสียงไม่พอใจ “เจอกันที่ร้าน แล้วอย่าให้ฉันรู้นะว่าเธอหนีงานมาแบบนี้ ไม่งั้นก็ไปหากินที่อื่น” ดารินยิ้มหวาน “จ้ะ เสี่ย..กําลังจะกลับไปแต่งตัวเดี๋ยวนี้แหละจ้ะ”
คำรณมองดาริน ยิ้มให้พึงพอใจในความงามและเสน่ห์ของดาริน
“เดี๋ยวเจอกันที่ร้านนะจ๊ะ”
ดารินยิ้มให้ โปรยเสน่ห์ เทวามองตาขวางด้วยความหึงหวงไม่พอใจ
ดารินกับปลาดุกเดินไปแล้ว คงคาเอ่ยขึ้น
“เมื่อผู้ใหญ่มนต์ตายไป คำรณลูกชายฉันยินดีเสียสละ เป็นผู้ใหญ่บ้านแทน ถ้าเลือกตั้งคราวหน้าก็อย่าลืมลง คะแนนรับรองลูกชายฉันหน่อย...เกาะมุกมันจะได้เจริญ กว่านี้ซะที”
เทวาสวนออกมา “คงจะไม่ได้มั้งครับ”
คงคาย้อนถามเสียงขุ่นไม่พอใจ “ทำไม”
“อย่าคิดจะเอาใครมาแทนที่ผู้ใหญ่มนต์เลยครับ ผู้ใหญ่ บ้านเกาะมุก ต้องเป็นคนเกาะมุกเท่านั้นคนอื่นไม่เกี่ยว”
“แล้วใครบนเกาะมุกล่ะที่จะทำหน้าที่นี้ได้ดีกว่าคำรณ ไหนบอกหน่อยสิ...ก็ไม่มี”
คำรณ พัน ธง และศรหัวเราะขำกัน
“ไม่มี...รับรองว่าไม่มี”
“ผมนี่แหละจะสมัครเป็นผู้ใหญ่บ้าน ทำหน้าที่สืบทอด ความตั้งใจของมนต์ต่อไป”
คำรณหน้าซีด แสงดาวกับแสงจันทร์ นที และทุกคนเฮกัน สะใจ
เดชสะใจกว่าใคร “มันต้องอย่างนี้สิวะไอ้เทวา”
ก้องเชียร์ลั่น “ถ้าเอ็งสมัครนะ รับรองว่าคะแนนเสียงตรึม...หล่อๆ ดีๆ สมัครแล้วได้ชัยชนะไม่เสียเงินซื้อเสียงสักบาท”

เหล่าคนชั่วหน้าเครียดไปทั้งแถบ กลุ่มของเทวาหัวเราะกันครืน ด้วยความสะใจ

ติดตามอ่านตอนที่ 11
กำลังโหลดความคิดเห็น