พายุเทวดา ตอนที่ 4
เช้าวันต่อมา เทวาไม่สบายใจมาก พาตัวเองเดินเข้าไปในวัดแห่งหนึ่ง ไม่ไกลจากอพาร์ทเม้นต์นัก ในเขตขัณฑสีมาแห่งนี้บรรยากาศดูสงบร่มรื่น เขาเข้าไปในโบสถ์ มองพระประธานพระพักตร์งามสง่าในนั้น ก้มกราบขอพร
“ผมไม่มีโอกาสได้กราบหลวงปู่ ขอหลวงปู่จงรับรู้และ สื่อพลังมาถึงผมด้วยเถิดครับ”
เทวานั่งสมาธิ
เป็นเวลาเดียวกับที่หลวงปู่หาญนั่งสมาธิอยู่ในโบสถ์มหาอุตม์
เสียงหลวงปู่ดังก้องขึ้น “ขอความกตัญญูที่เจ้ามีต่อหลวงปู่ จงเป็นเกราะคุ้มครองให้เจ้าปลอดภัยตลอดไป”
สิ้นเสียงนั้นร่างของเทวา มีแสงพุ่งมาอาบร่าง ขณะที่เทวายังนั่งสมาธิอยู่อย่างสงบ
เวลาผ่านไปสักระยะ ปลาดุกตามหาเทวาทั่ววัด จนมาถึงโบสถ์ เห็นเทวากราบพระพุทธรูปอยู่
“ตามหาซะทั่ว ดีนะว่าเจอ”
“ตามหาทําไม”
“อ้าว คนอยู่ด้วยกัน ไม่ให้เป็นห่วงกันเหรอ”
“ไม่ได้เป็นแฟนกันซะหน่อย”
ปลาดุกหมั่นไส้ “เออ ไม่ได้อยากเป็นด้วยหรอก...กินอะไรหรือยัง”
“ยัง”
มีเสียงรถหวอดังมา ปลาดุกเอ่ยขึ้น “ไฟไหม้อีกแล้ว เสียงอย่างนี้”
ชาวบ้านพากันวิ่งขนของด้วยท่าทีตระหนกตกใจ มีเปลสนามแบกร่างของคนบาดเจ็บวิ่งปะปนมาด้วย
ดารินอยู่ในกลุ่มอาสาสมัครเปิดรถพยาบาลนําคนเจ็บขึ้นรถท่าทีคล่องแคล่วมาก ดารินขึ้นนั่งไปกับคนเจ็บ
“นายเห็นอย่างฉันเหรอเปล่า” ปลาดุกเอ่ยขึ้น
เทวาพยักหน้า “ไม่น่าเชื่อว่าผู้หญิงอย่างดารินจะเป็นอาสาสมัครช่วยเหลือคน” เขาเผลอยิ้มสุขใจออกมา “ผู้หญิงคนนี้แปลกดี”
ปลาดุกมองเทวาที่เผลอยิ้ม เอามือปัดหน้าให้เทวารู้สึกตัว
“อะไร”
“เพ้อแล้ว...นายนี่ก็แปลกนะ ทําไมถึงชอบผู้หญิงแบบนั้นผู้หญิงมีตั้งมากมายไม่ชอบ”
“ก็ไอ้ที่มีอยู่ตรงนี้น่ะแปลกสุดแล้วละ”
เทวาแดกดันแล้วเดินหนีไป ปลาดุกวิ่งตามไปเซ้าซี้ถามเรื่องคาใจ
“เออ ฉันสงสัยมากเลย เมื่อคืนเสียงแกเพี้ยนหนัก เป็นไรไปวะ หรือว่าเขินดาริน”
“ไม่รู้เหมือนกัน ถ้าเป็นแบบนี้บ่อยๆ คงเลิกร้องเพลงละ”
ทุกคนนั่งปรึกษากันอยู่ในลานวัด
“เราคงไม่มีโอกาสได้พบกับเทวาแล้วนะก้อง คิดถึงมัน...ไอ้มนต์ไม่น่าเลย...ไม่น่าแย่งแสงจันทร์ของไอ้เทวาเลย”
สิงห์บอก “แสงจันทร์เขาเลือกเอง อีกอย่างลุงสนก็ชอบมนต์มากกว่าเทวา”
เดชหน้าเศร้า “น่าสงสารเทวา แต่ข้าก็เชื่อว่าสักวันมันต้องกลับมาที่นี่”
“ใช่ น้าเชื่อว่าหลวงปู่ คอยส่งญาณช่วยเหลือเทวาอยู่”
สิงห์มาช่วยงานร้านเป้าตามเดิม กำลังช่วยเปียล้างจาน เป้ายืนมองออกไปนอกร้าน
“ตั้งแต่เกิดเรืองวันนั้น พ่อไม่ร่าเริงเลย เปียสงสารพ่อ”
“บอกน้าเป้านะ พี่จะไม่ยอมให้ใครเอาร้านนี้ไปได้” สิงห์ให้คำมั่น
“มันมีปืน มีอาวุธ มีอันธพาลเป็นลูกน้องตั้งเยอะ พี่ฤทธิ์ยังไปเข้าพวกกับมันเลยนะ”
สิงห์ถอนใจ ส่ายหน้า “พี่ก็ผิดหวังพี่ฤทธิ์เหมือนกัน”
ทั้งสองล้างจานกัน เป้าหันไปดู เห็นหนุ่มสาวทั้งสองคุยกันหยอกล้อตามประสาคนรัก
เวลาต่อมาเปียทํากับข้าวอยู่ในครัว เป้าเดินมาหาสิงห์ที่กวาดร้านอยู่
“สิงห์ น้ามีเรื่องจะปรึกษา”
“ครับ น้าเป้า”
“เอ็งชอบเปียแค่ไหนวะ”
“เท่าชีวิตของฉันแหละน้า...น้าถามอย่างนี้น้าไม่รังเกียจ เด็กวัดจนๆ อย่างฉันเหรอ”
“ก่อนข้าจะมีเมีย หาเงินมาซื้อร้านนี้ได้ ข้าก็เป็นลูกศิษย์ หลวงปู่ มาก่อน เอ็งน่ะมันรุ่นหลัง แต่ก่อนนะข้าเดินตาม ท่านบิณฑบาตทุกเช้าแหละ”
“จริงหรือน้า”
“เออสิวะ...ถ้าเอ็งรักนังเปี ย รับปากน้าได้มั้ยว่าจะดูแล มัน อย่าให้ใครรังแกมันได้”
สิงห์รีบรับคําด้วยความดีใจ “ถ้ามันเป็นเมียฉัน ฉันก็ต้องดูแลไปจนวันตายแหละ..น้าพูดเหมือนน้าจะยกเปียให้ฉันงั้นแหละ”
“ก็เออสิวะ...ไม่ต้องแต่ง ไม่ต้องมีพิธีมันหรอก...ตั้งแต่ พรุ่งนี้เอ็งมาอยู่ที่ร้านน้าได้เลยนะ”
สิงห์ยิ้มดีใจ แล้วก็กระโดดกอดเป้า หอมแก้มท่าทีทะเล้นๆ แลดูน่าขัน
“ฉันรักน้าเป้าจริงๆ นะ”
เปียออกมาพอดี สิงห์มองไปยิ้มให้ เปียยิ้มเขิน
ที่ท่าเรือเกาะมุก เดชกับก้องมองหน้าสิงห์
“แล้วเอ็งตัดสินใจยังไง”
“ข้าก็อยากมีเมีย..แต่ก็อดห่วงเอ็งสองคนไม่ได้ เทวาก็ไม่อยู่แล้ว มนต์ก็แต่งงานอยู่บ้านลุงสน พี่ฤทธิ์
คงไม่กลับ มาแล้ว ข้าไปอีกคน เอ็งสองคนจะทํายังไง”
“ไม่ต้องห่วงข้าสองคนหรอก ข้าอยู่ได้ สักวันข้าก็จะหาเมียเหมือนเอ็งแหละวะไอ้สิงห์” ก้องว่า
“ข้าว่าน้าเป้าแกต้องมีแผนอะไรสักอย่าง” เดชปรารภ
สิงห์ฉงน “อะไรวะเดช”
เดชบอก “แกคงกลัวกลุ่มไอ้เสี่ยคงคามารังแกอีก แกก็เลยอยากหาคนคุ้มครองลูกสาวแก”
สิงห์กัดกรามอย่างแค้นเคือง “ให้มันมาเลย ไอ้สิงห์ยอมตาย”
เวลานั้นทุกคนนั่งคุยกันอยู่ในบ้าน หยาดฟ้าเอ่ยขึ้นอย่างเคียดแค้น
“เมื่อชาวบ้านมันเรื่องมากนัก ก็อย่าให้มันอยู่เป็นสุขเลยเผามันซะ เป็นที่โล่งๆ เมื่อไหร่มันก็ขายให้เราเองแหละ”
คงคาหัวเราะ “เอางั้นเลยเหรอ”
“หรือเสี่ยว่าไงล่ะ”
คงคาหันไปทางคํารณ “ผมน่ะมันพวกชอบความรุนแรงอยู่แล้วครับพ่อ”
“งั้นก็ลงมือมันคืนนี้เลย...อยากเห็นเหมือนกันถ้าฟ้าตอนกลางคืนแดงเพราะสะท้อนแสงไฟ มันจะสวย
แค่ไหน” เสี่ยใจชั่วว่า
ทุกคนหัวเราะกัน มีเพียงฤทธิ์ที่ยังรู้สึกผิดอยู่ ได้แต่ยิ้มเก้อๆ
ไม่นานต่อมา ที่มุมมืดๆ ในตลาด พัน ธง ศร ช่วยกันราดน้ำมัน คํารณจุดไฟโยนเข้าไป ไฟลุกพรึ่บ ฤทธิ์ยืนอึ้ง ทุกคนรีบวิ่งออกมา ฤทธิ์วิ่งตามไปในความมืด มีเสียงชาวบ้านตะโกนดังรับกันเป็นทอดๆ
ชาวบ้านร้อง “ไฟไหม้ ไฟไหม้ ไฟไหม้”
ทุกคนอยู่ในเรือยอร์ช หยาดฟ้าเปิดแชมเปญฉลอง จุกขวดกระเด็น ฟองฟู่ ออกมา
“ท้องฟ้าเกาะมุกสวยจริงๆ เลยคืนนี้” คงคาว่า
หยาดฟ้าระรื่น “หยาดมีความสุขจังเลยค่ะเสี่ย”
“นี่ถ้ามันไหม้ทั้งเกาะคงสนุกนะพ่อ”
ทุกคนหัวเราะกันด้วยน้ำเสียงสะใจ
บุญกู้เคาะประตูห้องพักบนกุฏิของสิงห์อย่างแรง
“ตื่นเร็วๆๆ”
สิงห์เปิดประตูมางัวเงีย “มีอะไรน้าบุญกู้”
“ไฟไหม้ตลาด”
สิงห์ได้สติ “เปีย” วิ่งลงบันไดไปทันที
ก้อง เดช ได้ยินก็โผล่หน้าออกมา
เดชตะโกนบอก “รอด้วยไอ้สิงห์”
สิงห์ ก้อง เดชวิ่งมา เดชตรงไปที่รถ ก้องกับสิงห์กระโดดขึ้นรถ เดชกระชากรถเคลื่อนไป
บุญกู้ตามมา เห็นหลวงปู่หาญยืนอยู่แล้ว
หลวงปู่หาญเอ่ยปริศนาธรรม “ชะตากรรมเกาะมุกหรือนี่”
“หลวงปู่ ช่วยพวกเราด้วยนะครับ”
หลวงปู่หาญไม่ตอบ
ฟากเปียกับเป้ายืนมองร้านของตน ทั้งสองร้องไห้ เป้าน้ำตาซึม ถือปืนยาวอยู่ในมือ สีหน้าแค้นเคืองมากกว่า
เสียดายข้าวของ แต่เปียร้องไห้โฮๆ เห็นชาวบ้านวิ่งหอบข้าวของวิ่งหนีไฟผ่านหน้าไป
“พ่อ...เราจะไม่ขนของเหรอ”
“ทุกอย่างสําคัญหมด พ่อขนไม่ถูกหรอก ถ้าจะถูกไฟไหม้พ่อก็ขอยืนดูมันตรงนี้”
เฮียเม้งเดินมา หัวเราะเยาะ “ขายให้เขาไปก็หมดเรื่องแล้ว ไฟไหม้แบบนี้ แทนที่จะขายได้ราคา เหลือแค่ที่ดินเปล่า จะได้กี่ตังค์”
“เรื่องของกู มึงไปเลยนะ อย่าให้กูเห็นหน้า” เป้ายกปืนขึ้นไล่ “ไป..ไอ้คนขายแผ่นดิน”
เฮียเม้งหัวเราะแล้วเดินไป
อีกมุมหนึ่งเห็นไฟกําลังไหม้บ้านหลังหนึ่ง ชาวบ้านช่วยกันดับไฟ นทีขับรถมา มีอุปกรณ์รักษาพยาบาลมา
ด้วย แสงดาวเห็นเข้าไปช่วย “หมอ...ช่วยชาวบ้านด้วย”
นทีร้องบอก “ถ้ามีคนเจ็บพามาทางนี้นะครับ”
สน มนต์ แสงจันทร์ ประสิทธิ์ช่วยชาวบ้านตักน้ำราดเข้าไปในกองไฟ
“น้ำน้อยแพ้ไฟ ไม่คิดเลยว่าเกาะมุกมันต้องพบกับความพินาศอย่างนี้” ประสิทธิ์ว่า
สนน้ำตาซึม เห็นแสงไฟฉายใบหน้าจนน้ำตาของสน เป็นเงาวาววับ เช่นเดียวกับแสงจันทร์ที่ทั้งเสียใจทั้งแค้นเคือง
รถสองแถวของเดชมาถึงพอดี ทุกคนกรูกันลงจากรถ
ก้องบอก “เอาของมาที่นี่ขนไปที่อื่นก่อนก็ได้”
เดชตรงไปหามนต์หารือกัน “มนต์ ใช้พลังเทวดาช่วยได้มั้ยวะ..เผื่อว่าอาจจะดีขึ้น นายเรียกลมได้ไม่ใช่เหรอ ถึงจะไม่ใช่ลมสลาตันอย่างเทวา แต่ถ้าเราประสานกัน ข้าเชื่อว่าพลังนี้จะส่งถึงเทวาแน่”
ก้องเห็นดีด้วย “ได้ ข้าจะให้แผ่นดินตรงที่ไฟไหม้สะเทือนจนบ้านที่ไฟไหม้ทรุดลง จะได้ไม่ลามไปที่อื่น”
สิงห์ก็เอาด้วย “ส่วนประกายไฟในตัวข้าจะช่วยพลังลมของมนต์ให้หอบลูกไฟไปไกลๆ”
เดชยิ้มดีใจ “น้ำมันจากกายทองข้าจะขับให้ไฟไปไหม้ที่อื่น”
มนต์ เดช สิงห์ ก้องวิ่งไปทางหนึ่ง ทั้งสี่คนจับมือกัน หลับตาประสานพลังเป็นหนึ่งเดียว
ขณะเดียวกันหลวงปู่หาญนั่งสมาธิอยู่ แล้วเงาร่างเหลืองเรืองรองของหลวงปู่ก็หลุดออกไป พบว่ากายหยาบของหลวงปู่หาญยังนั่งสมาธิอยู่ในโบสถ์นั้นเอง
เทวาผวาตื่นกลางดึก ลุกออกไปที่ระเบียง เห็นพลังลมผ่านหน้า เป็นลูกวนเป็นก้อน
เทวามั่นใจ “ต้องมีคนต้องการความช่วยเหลือแน่”
เทวาหลับตารวบสมาธิมั่นแล้วส่งพลังเทวดาออกไป คลื่นลมปั่นป่วนทันที ต้นไม้ที่อยู่ใกล้ๆ พัดแรงเหมือนพายุใหญ่กําลังจะมา ข้าวของปลิวว่อน ปลาดุกตื่นขึ้นมาเห็น
“ฝนจะตกเหรอเทวา”
ปลาดุกล้มตัวลงนอนหลับเหมือนเดิม เทวายังมองท้องฟ้าและลมปั่นป่วนอยู่อย่างนั้น
กระแสจิตถูกส่งมายังน้องน้อยของกลุ่มเทวดา ดารินผวาตื่น เจ็บหน้าอก เลยเดินไปข้างนอก กุมหน้าอก หน้านิ่ว เหมือนต้องการอากาศหายใจ หล่อนแล่นลิ่วมาจนถึงระเบียงหน้าบ้าน สูดลมหายใจแรงๆ
“เป็นอะไร..ทํา..ไม หายใจไม่ออก”
ดารินหลับตา คลื่นลมแรงของเทวาที่ม้วนมาอย่างแรงผ่านหน้าดารินไป
ฝนเริ่มลงเม็ด ดารินผ่อนลมหายใจยาว สีหน้าสบายใจขึ้น
บริเวณมุมลับตาในตลาด ทั้งสี่คนหลับตา กระแสลมจากพลังเทวดาของมนต์ปั่นป่วน เนื้อตัวของเดชเป็นสีทองแดง น้ำมันเยิ้ม ส่วนร่างกายของสิงห์ก็เป็นกระแสไฟวิ่งไปทั่วร่าง ก้องมีกล้ามขึ้นเต็มร่างกระทืบเท้า แผ่นดินสะเทือนเลื่อนลั่น
เปลวไฟซึ่งกําลังโหมไหม้ไปทั่วตลาดอยู่นั้น ถูกลมหอบอุ้มขึ้นไป ลูกไฟลอยขึ้นไปในอากาศเป็นลูกๆ บ้านที่กําลังถูกไฟไหม้สะเทือนหล่นยวบไปในกองไฟ ลมสลาตันพัดมาอย่างแรง หอบลูกไฟให้ลอยไปตกไกลๆ พลันฝนเริ่มปรอยปรายลงมา
แสงจันทร์มองอย่างอัศจรรย์ใจ “พ่อ ฝนตกเป็นไปได้ยังไง”
หากแสงจันทร์หรือใครสังเกตจะพบว่า ตรงขอบฟ้าไกล เงาร่างของหลวงปู่ ปรากฏขึ้นจางๆ ใบหน้าของหลวงปู่ยิ้มน้อยๆ เปี่ยมเมตตาแล้วหายไป
ฝนเริ่มตกแรงขึ้น ทุกคนกระโดดโลดเต้นอย่างดีใจ ชาวบ้านโห่ร้อง
ประสิทธิ์พูดแข่งกับสายฝน “พวกเราเห็นมั้ย ปาฏิหาริย์มีจริงสิ่งศักดิ์สิทธิ์คงไม่ต้องการเห็นไอ้พวกที่ไม่หวังดีต่อ
เกาะมุก ทําอะไรเราได้”
“ฉันเชื่อนะครูใหญ่ บารมีของหลวงปู่ ต้องช่วยเรา” สนว่า
ชาวบ้านหันมาพยักหน้าเห็นด้วยกับสน ชาวบ้าน 1 บอก “ฉันก็เชื่อยังงั้นลุงสน”
ชาวบ้านคนที่พูดนั่งลง กราบแผ่นดินท่ามกลางสายฝน
ชาวบ้านคนอื่นๆ พากันนั่งลง เกือบจะพร้อมๆ กัน และพากันกราบลง คนละที มีบางคนกราบแล้วก็ร้องไห้สะเทือนใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น
มนต์ ก้อง เดช และสิงห์ วิ่งมาถึง หยุดชะงัก
“ข้าอยากให้เทวากับพี่ฤทธิ์มาเห็นภาพตรงนี้เหลือเกิน จะได้รู้ว่าพลังเทวดานั้นศักดิ์สิทธิ์จริงๆ” มนต์ว่าอย่างตื้นตันใจ
เดชบอกทันที “ใช่ พวกเราจะไม่มีวันลืมวันนี้เป็นอันขาด”
ก้องกับสิงห์พยักหน้าให้กัน
“เดี๋ยวข้ามานะ”
สิงห์บอกวิ่งไปผ่านกลุ่มชาวบ้านไปอย่างเร็ว
ที่แท้สิงห์วิ่งมาที่บ้านสองพ่อลูก เปียหันมาเห็นร้องทักอย่างดีใจ
“พี่สิงห์”
สิงห์กับเปียกอดกันกลม หันมาก็เห็นเป้ายกปื นขึ้นฟ้า ยิงออกไปสามสี่นัด
“น้าเป้ายิงใคร เดี๋ยวคนเขาก็ตกใจกันหมดสิ” สิงห์ฉงน
“ข้าขอบใจเทวดาโว้ย...ถ้าเทวดาไม่ประทานฝนให้ตกลงมา มีหรือที่ร้านข้าจะรอด...ไฟมาไม่ถึง”
สิงห์ยิ้ม “ฉันบอกน้าแล้ว ถ้าฉันยังอยู่ ไม่มีใครเอาร้านน้าไปได้”
สามคนไม่รู้ว่าที่มุมหนึ่งเฮียเม้งยืนดูอยู่ในมุมลับตา สีหน้าเครียด
เช้าวันนี้ ทุกคนรวมตัวหารือกันอยู่ที่บ้านสนสีหน้าเครียดตามๆ กัน
“มันเล่นงานเราหนัก” สนว่า
“ผมว่านะครับ นี่มันแค่เริ่มต้นเท่านั้น ชาวบ้านคงยอมมันในที่สุดแหละ ไม่มีใครว่างพอที่จะต่อสู้กับความ
ถูกต้องหรอก ตราบใดที่ท้องยังหิว” ครูประสิทธิ์บอก
“มันต้องมีวิธีสิครู...อย่างน้อยก็ต่อไปนี้เราต้องจัดเวรยามไว้คอยป้องกันเหตุร้าย” แสงดาวฮึดฮัด
แสงจันทร์เห็นด้วย “พี่เห็นด้วยนะแสงดาว ไม่มีอะไรดีเท่ากับป้องกันตัวเอง”
“อนามัยผมพร้อมรับคนเจ็บตลอด 24 ชั่วโมง...ผมเชื่อว่าพวกมันต้องกลับมาเล่นงานเราอีกแน่” นทีว่า
มนต์เอ่ยขึ้น “ถ้างั้นผมจะเรียกประชุมชาวเกาะมุกให้จัดเวรยาม มีระบบป้องกันภัยของพวกเรากันเอง ตอนนี้ชาวบ้านอพยพไปอยู่ที่วัดกันแล้ว หลวงปู่ให้น้าบุญกู้ ช่วยเหลือตามมีตามเกิด”
ทั่วบริเวณลานวัดตอนเช้าวันเดียวกัน มีกลุ่มชาวบ้านนั่งกอดเข่าจับกลุ่มหน้าเศร้า บ้างก็นั่งซึม บ้างก็ยังร้องไห้ มีสมบัติที่หอบขนมาได้วางอยู่ระเกะระกะ ซึ่งส่วนใหญ่ก็เป็นของใช้ในครัวเรือน
บุญกู้ปลอบ “อย่านั่งเสียใจกันเลย เสียแล้วเสียไป หาใหม่ดีกว่าช่วยกันหุงหาอาหารกินกันเถอะ โรงครัวของวัดยัง
อาหารแห้ง ข้าวสารพอเลี้ยงพวกเราอีกหลายวัน”
ประสิทธิ์ สน แสงดาว แสงจันทร์ นที มนต์ เดินมา สนเอ่ยขึ้นอย่างจริงจังหนักแน่น
“เราอยู่ที่เกาะมุกมานับแต่ปู่ ย่าตายายเป็นร้อยปี ไม่เคยพบกับความวิบัติฉิบหายอย่างนี้มาก่อน นี่เป็นเพราะ
คนบนชายฝั่งมาขอซื้อที่จากพวกเรา พอพวกเราไม่ขายมันก็ส่งคนมาเผา...นี่คือสิ่งที่พวกมันให้กับเรา พวกเราจะต้องจําแล้วก็ท่องไว้ว่า เราจะไม่มีวันขายที่ดินแม้ เพียงเท่าฝ่ามือให้แก่พวกมัน ไม่อย่างนั้นมันก็จะยํ่ายี พวกเราได้ทั้งชีวิตลูกหลานวันหน้าของพวกเราจะลําบาก”
ครูประสิทธิ์ถามเสียงดัง “รับปากได้มั้ยพวกเรา”
ชาวบ้านขานรับกันเสียงขรม ชาวบ้าน 1 เสียงดังกว่าใคร “ข้าไม่มีวันขายที่ให้มัน จริงมั้ยพวกเรา”
กลุ่มชาวบ้านเฮรับกัน
แสงจันทร์ แสงดาว นทียิ้มให้กัน ก้อง สิงห์ มนต์ เดช ยืนอยู่ด้านหลัง หลวงปู่หาญเดินมาพอดี กลุ่มของก้องนั่งลงแล้วกราบ ชาวบ้านพากันกราบตาม
“ทุกอย่างเป็ นอนิจจัง ตั้งอยู่ดับไปเป็นธรรมดา บ้านและข้าวของ หรือแม้กระทั่งชีวิตของโยมทุกคนก็เป็นอนิจจัง
ไม่มีอะไรเที่ยง วันนี้อย่าคิดว่าเป็นเรื่องเลวร้าย ขอให้คิดว่ากําลังได้รับธรรมะจากพระพุทธองค์อยู่ ความทุกข์เข้ามาในชีวิตเราได้ มันก็ต้องออกไปได้ ขอเพียงอย่างเดียว จิตใจของพวกโยมอย่าเศร้าหมอง จมอยู่ในความทุกข์ ถ้าจิตใจเศร้าหมองเมื่อไหร่ โยมจะไม่มีวันชนะความ ทุกข์ได้ ช่วยกันหุงหาอาหารเลี้ยงสังขาร อันเป็นเรือนของใจก่อนเถิด กายสบายใจสบายแล้วปัญญาจะเกิด”
ประสิทธิ์เอ่ยขึ้น “ธรรมะของหลวงปู่ ประเสริฐจริงๆ ครับ...พวกเราสาธุ น้อมรับคําสอนของหลวงปู่ พร้อมๆกัน”
ทุกคนยกมือที่พนมอยู่ขึ้นเหนือหัว เปล่งเสียงพร้อมกัน
“สาธุ”
คงคาได้รับโทรศัพท์จากฌฮียเม้งที่โทร.มารายงาน
“อะไรนะเฮียเม้ง...เป็นไปได้ยังไง”
หยาดฟ้ากับคํารณหันขวับไปไปที่คงคาทันที เห็นคงคาหน้าเครียดปิดโทรศัพท์หันมาหาสองคน
“เฮียเม้งบอกว่าไฟไหม้ตลาดหมด”
“ก็ดีแล้วนี่เสี่ย” หยาดฟ้าระรื่น
“แต่ร้านของไอ้เป้าที่เธออยากได้ ไฟไม่ไหม้”
“เป็นไปได้ยังไง ห่างกันไม่ถึงร้อยเมตร”
“ฝนตกลงมาก่อน ไฟก็เลยดับ”
“หยาดไม่อยากเชื่อว่าจะเป็ นความจริง”
“นั่นสิพ่อ มันน่าจะอยู่ในนิยายมากกว่า”
พร้อมพากานดาเข้ามา “ฉันไปที่ตลาดมา เห็นคนเกาะมุกอพยพกันมาที่ชายฝั่ง”
คงคาย้อนถาม “แล้วเกี่ยวอะไรกับฉันล่ะกานดา”
หยาดฟ้าหัวเราะเยาะ “ประสาท”
“ไฟไหม้เกาะมุก ฉันหวังว่าคงไม่ใช่ฝี มือพี่และทุกคนที่นี่หรอกนะ”
“เพ้อเจ้อน่าแม่...ใครเขาจะไปทํายังงั้น แม่กลับไปนอนเถอะ”
กานดาหันมามองคํารณน้อยใจจนน้ำตาคลอ
“คํารณ รู้มั้ยว่าความทุกข์ที่สุดในหัวใจของคนเป็นแม่ก็คือเลี้ยงลูกให้ดีแล้วไม่ได้ดี...แกก็เป็นคนหนึ่งที่ทําให้แม่เป็นอย่างนั้น”
คงคาสั่งเสียงเฉียบขาด “พร้อม...พาคุณผู้หญิงออกไป”
“คุณผู้หญิงขา ไปพักที่เรือนเล็กเถอะค่ะ”
พร้อมประคองกานดาออกไป พอพ้นห้อง หยาดฟ้าก็รีบถามขึ้นอย่างร้อนใจ
“เสี่ย...แสดงว่าไอ้พวกเกาะมุกสงสัยเรา...นี่มันจะซัดทอดมาถึงเราหรือเปล่าเสี่ย”
“ถ้าเธอริจะทําชั่วก็จงเชื่อมั่นในความชั่วของเธอหยาดฟ้า”
หยาดฟ้าอึ้งนิ่งงั้นไป คงคาเดินผ่านหน้าทุกคนไป
ฤทธิ์รู้เรื่องแล้ว บอกกับทุกคน
“ถ้าเป็นอย่างทีเสี่ยเล่า แสดงว่าน้องๆ ของผมใช้พลังเทวดาช่วยให้เกาะมุกรอดพ้นจากการถูกไฟไหม้”
“หมายความว่าพลังเทวดาของแต่ละคนมีไม่เหมือนกัน” คำรณสงสัย
“ใช่ ถ้าหากประสานพลังกัน จะบันดาลให้เป็นไปตามที่ต้องการ ศัตรูไม่สามารถเอาชนะได้”
คงคาถอนใจแล้วพูดอย่างหนักแน่น “ดี ที่นายบอกฉันตามตรง หวังว่านายจะเป็นพวกของฉันตลอดไป แล้วฉันนี่แหละจะเอาน้องของพวกแกมาเป็นพวกให้ได้ พลังเทวดาจะได้ประสานกันไม่ได้ เมื่อนั้นพลังเทวดาก็ไม่มีความหมาย”
ฤทธิ์นิ่งงันไป
อ่านต่อหน้า 2
พายุเทวดา ตอนที่ 4 (ต่อ)
วันนี้ดารินเข้าสำนักงานตำรวจฯ นั่งดูแฟ้มอาชญากรอยู่ในห้องทำงาน เนตรทรายเดินมาหา
“ได้ข่าวเกาะมุกมั้ย”
ดารินถามด้วยเสียงอันร้อนรน “เกิดอะไรขึ้นกับเกาะมุก”
เนตรทรายบอก “ไฟไหม้ตลาดบนเกาะวอดเกือบหมด...หน่วยข่าวกรองวิเคราะห์ว่าน่าจะเกิดจากอิทธิพลของไอ้เสี่ยคงคา”
ดารินปิ ดแฟ้ มอาชญากรทันที แล้วเดินไป
“อ้าว จะไปไหนล่ะริน”
ดารินไม่ตอบ เดินออกไปอย่างว่องไว
ดารินร้อนใจมาก พาตัวเองมานั่งอยู่ต่อหน้าปลาดุกกับเทวา ที่นั่งอยู่ในร้านกาแฟ ตรงหน้ามีแก้วเครื่องดื่มอยู่
“ไม่คิดกลับเกาะมุกเหรอ”
เทวาไม่ตอบ ใบหน้าของแสงจันทร์ผุดเข้ามาในห้วงคิด
“ตอนนี้เกาะมุกเกิดเรื่องใหญ่”
เทวา อะไรเหรอ
ดาริน ไฟไหม้ตลาดบนเกาะวอดเรียบ..
เทวาตกใจ “เธอรู้ได้ยังไง”
“ก็มีเพื่อนจะไปหากินที่นั่น เจอเหตุการณ์นี้ซะก่อนเลยเผ่นกลับ...เทวาไปเกาะมุกกับฉันเถอะ บางทีเราจะได้ ร่วมมือกันหากิน”
เทวามีท่าทีปฏิเสธทันที “ไม่ได้...ผมบอกคุณแล้วไงว่าคนที่เกาะมุกไม่ต้อนรับคนมีอาชีพแบบคุณ”
ดารินยิ้ม ไม่สะทกสะท้านกับคําพูดของเทวา กลับพูดอ่อนหวานจนชวนให้ปลาดุกหมั่นไส้
“เธอยังไม่รังเกียจฉันเลย คนเกาะมุก็ต้องไม่รังเกียจฉัน ด้วยเหมือนกัน”
“สรุปง่ายนี่”
“เขาว่าคนเกาะมุกใจดี...ฉันเชื่อนะ”
“เชื่อง่ายอีก”
“ตกลงไปมั้ย”
เทวามองออกไปนอกร้าน ภาพที่แสงจันทร์ต่อว่าตนที่ชายหาดก่อนวันแต่งงานผุดเข้ามาในหัวโดยเฉพาะตอนที่แสงจันทร์บอกว่าเกลียดเทวา
สุดท้ายเทวาบอกไปว่า “ไม่”
“ต่อไปอิทธิพลของคนที่อื่นคงเข้าไปในเกาะมุกหมด ฮึ ความสวยงามแบบเกาะมุกคงไม่เหลือแล้วละ...ฉัน ผิดหวังเธอจริงๆ นะเทวา”
“ผมก็ผิดหวังคุณเหมือนกัน”
“ผิดหวังฉันเรื่องอะไร”
“ทําไมคิดแต่เรื่องจะไปทํามาหากินที่เกาะมุก...ไม่คิดอย่างอื่นบ้างเลยเหรอ”
“ห่วงฉันหรือห่วงเกาะมุกกันแน่”
“หมายความว่าไง”
“ก็สงสัยว่าเป็นห่วงฉัน กลัวฉันโดนคนเกาะมุกขับไล่ หรือว่าห่วงเกาะมุก กลัวว่าเกาะมุกจะมีมลทินเพราะฉัน”
“คิดเอาเองแล้วกัน” เทวาบอก
ปลาดุกไม่ได้พูดเลยได้แต่มองหน้าคนนั้นคนนี้อยู่ตลอดเวลา
ดารินงอน น้อยใจ เทวาก็มองออกไปนอกร้านท่าเดียว ปลาดุกถามอย่างเหลืออด
“จะทะเลาะกันอีกนานมั้ย”
ดารินลุกขึ้น เปิดกระเป๋าวางแบงค์ห้าร้อยไว้บนโต๊ะ เดินออกไป
เทวาหันมาดูร้อง “อ้าว”
“ไม่ต้องอ้าวแล้ว...หล่อนโกรธไม่เห็นเหรอ”
“แค่ไม่กลับบ้าน โกรธด้วยเหรอวะนังปลาดุก”
“อย่ามาเรียกเขาว่านังนะ...ไม่ชอบ”
ที่ลานวัดเกาะมุกใต้ กลุ่มชาวบ้านเข้าคิวกันรับอาหารซึ่งมีแสงดาวกับแสงจันทร์ช่วยบริการอยู่
อีกมุมหนึ่งประสิทธิ์ สนและนทีคุยกันอยู่
“ผมว่าที่รกร้างว่างเปล่าด้านหลังเกาะยังมีอีกเยอะ จะให้ชาวบ้านช่วยกันปลูกบ้านพออยู่กันไปก่อนแล้วค่อยขยับขยาย” สนปรารภ
“ดีเหมือนกันครับ อยู่แออัดกันอย่างนี้ โอกาสที่โรคติดต่อจะแพร่เชื้อเป็นไปได้ง่าย” หมอบอก
“ลุงสนกับหมอดูไม่ออกเหรอว่าชาวบ้านไม่ได้ต้องการบ้าน...แต่ต้องการเงิน” ครูประสิทธิ์ท้วง
“ทําไมครูใหญ่สรุปอย่างนั้น”
“สูญเสียที่อยู่อาศัยก็ยังไม่เท่ากับสูญเสียที่ทํากินหรอก นอนน่ะนอนตรงไหนก็ได้ แต่ถ้าไม่มีที่ทํามาหากิน จะเอาเงินที่ไหนใช้ ต่อไปวันหน้าจะเป็นยังไง...ผมว่าจะชวนพวกเราไปขอรับบริจาคจากหน่วยงานต่างๆ บนฝั่ง”
“ครูใหญ่พูดน่าคิด” หมอนทีเห็นดีด้วย
กลุ่มของหยาดฟ้า ฤทธิ์ ธง พัน ศรเข้ามาในวัด ทุกคนหันไปมอง
แสงดาวถือทัพพีตักอาหารค้างไว้ ตะโกนบอก
“ไอ้พวกที่มันเผาบ้านเรากลับมาแล้ว...อย่าไปยอมมันนะพวกเรา”
ชาวบ้านหันมาเป็นตาเดียว ท่าทีโกรธมาก
พัน ธง ศรแตะปืนที่เอว แต่ไม่กล้าดึงออกมา หยาดฟ้ายิ้มหวาน
“ค่อยๆ พูดกันนะคะ ฉันมาดี...มาเยี่ยมพวกเราจริงๆ นะ”
มนต์ ก้อง เดช สิงห์ เดินมาเป็นแผง บุญกู้อยู่ด้านหลัง
“มีอะไรก็ว่ามา เสร็จธุระแล้วจะได้กลับไป...แล้วก็อย่ามาเหยียบที่นี่อีก รวมถึงพี่ฤทธิ์ด้วย” มนต์บอก
ฤทธิ์โกรธ “ไอ้มนต์ เอ็งกล้าไล่ข้าเหรอ”
เดชบอก “เป็นความต้องการของพี่อยู่แล้วไม่ใช่เหรอ”
ก้องเสริม “ว่ามาเลยดีกว่า”
“พวกเรากําลังกินข้าว...มาขัดจังหวะ ถ้าโมโหหิวขึ้นมาแล้วตาลาย ฆ่าตายหมด” สิงห์ว่า
ชาวบ้านหัวเราะกันครืน หยาดฟ้าเอ่ยขึ้น
“ก็ได้...พวกเราเห็นใจชาวบ้านทุกคนที่สูญเสียที่อยู่อาศัยทรัพย์สิน...ขณะที่กิจการของพวกเราที่ชายฝั่งก็ต้องการแรงงานมาร่วมงานกับเราจํานวนมาก...ถ้าตอนนี้ใครไม่มีอาชีพที่จะเลี้ยงครอบครัวได้ ก็มาสมัครงานกับเราได้ เรายังมีสวัสดิการเงินกู้สําหรับปลูกบ้าน ลงทุนและค่า รักษาพยาบาลด้วย ไม่ต้องทนใช้บริการอนามัยหัวเมืองแบบบนเกาะ”
หมอนทีไม่พอใจ แสงดาวแหวใส่เปิดศึกก่อน
“อย่ามาทําตัวเป็นนักบุญเลย..ก่อนหน้านี้ทําไมถึงไม่เป็นอย่างนี้ล่ะ...โน่น จําพ่อฉันได้มั้ย” แสดงดาวมองไปที่สน “เคยถูกไอ้พวกอันธพาลเศษสวะ” คราวนี้ชี้ที่กลุ่มของพัน “ทําร้ายจนเกือบตาย...ไฟไหม้เมื่อคืนก่อนคงไม่ทําให้พวกแกเปลี่ยนจากคนชั่วเป็นคนดีได้หรอก”
แสงดาวโกรธขึ้นมาเป็นริ้วๆ ชี้หน้ากราด จะเข้าไป แต่แสงจันทร์กับนทีดึงไว้
“หมอปล่อย พี่แสงจันทร์อย่า...ฉันเกลียดมัน ฉันอยากฆ่ามัน”
“ฉันไม่โกรธเธอหรอก..คนเรามีสิทธิ์มองคนอื่นผิดได้เสมอ” หยาดฟ้ากวาดตามองชาวบ้าน “ถ้าไปทํางานกับฉัน ทุกคนจะได้อยู่ดี กินดี มีบ้าน มีชีวิตที่ดีขึ้น ฉันกล้าสัญญา เพราะฉันมีเงิน...ฉันจะใช้เงินของฉันบันดาลความสุข ให้พวกท่านทั้งหลาย”
หยาดฟ้าเดินกลับไป พัน ธง ศรเดินตามไป
ก่อนไปฤทธิ์หันมาสบตากับน้องๆ ซึ่งต่างก็มองฤทธิ์อย่างแค้นเคือง
ทุกคนอยู่ในห้องโถงคฤหาสน์เสี่ยคงคาแล้ว เสี่ยกับคํารณปรบมือชื่นชมหยาดฟ้า
“เก่งมากหยาดฟ้า...ฉลาดจริงๆ”
หยาดฟ้ายิ้มภูมิใจ “หยาดมั่นใจว่าพวกมันต้องหนีมาสมัครงานกับเรามากมาย ไม่มีใครหรอกที่จะยอมลําบาก..เชื่อหยาดสิ”
คํารณเยาะ “เตรียมต้อนรับพวกมันได้”
“หยาดจะไปต้อนรับพวกมันเอง”
“ให้หวานใจไปด้วยนะคะ...คุณหยาด” กะเทยถึกอ้อน
“ตามใจแก”
หวานใจดี๊ด๊ายิ้มพอใจ คำรณเอ่ยขึ้น “แล้วคิดแผนต่อไปหรือเปล่าว่าถ้าพวกมันไม่มาล่ะ”
“พ่อกําลังคิดหาทางอยู่...นายฤทธิ์ เดี๋ยวนายไปธุระกับฉัน ไอ้ธง ไอ้ศรไปกับฉัน ส่วนไอ้พันดูแลคํารณ”
“ครับเสี่ย” พันรับคำ
เรือโจรสลัดของโชติจอดอยู่มุมหนึ่งห่างจากฝั่ง
โดยที่บริเวณชายฝั่งลับตาคน โชติ คงคากับฤทธิ์ยืนคุยกันอยู่ ธงกับศรอยู่ห่าง ๆ คุมเชิงอยู่
“ไอ้พวกพลังเทวดานี่ ผมไม่กลัวมันแล้วล่ะครับเสี่ย...ถึงผมจะเคยแพ้พวกมันมา..แต่ตอนนี้ผมพบอาจารย์ดีท่านหนึ่ง ท่านรู้จักพลังเทวดาดี”
ฤทธิ์ตื่นเต้น มองหน้าคงคา “พาฉันไปพบหน่อยได้มั้ย” คงคาบอก
โชติทําเล่นตัว คงคาเปิดกระเป๋าเงินส่งเงินให้ปึกใหญ่
“ถ้าอาจารย์ของนายเยี่ยมจริง นายจะได้จากฉันมากกว่า นี้อีกหลายเท่า”
“มันแน่นอนอยู่แล้วครับเสี่ย...แต่เราต้องนั่งเรือไปไกลอยู่เหมือนกัน ท่านอยู่ในถ้ำที่เกาะหัวสิงห์ ทั้งเกาะมีท่าน อาศัยอยู่คนเดียว”
คงคารำพึง “เคร่งขนาดนั้นเชียวเหรอ”
โชติเดินนําไปในป่าบนเกาะหัวสิงห์ เห็นคงคากับฤทธิ์เดินตามมา มีธงกับศรประกบตามหลัง
โชติบอก “เคร่งหรือไม่ เดี๋ยวเสี่ยก็จะได้เห็น”
โชติเดินนำไป คงคากระซิบกับฤทธิ์ ธงกับศรอยู่ไม่ห่าง
คงคาสั่ง “นายฤทธิ์ลองใช้พลังของนายประลองกับมันดูหน่อยสิ...อยากรู้ว่ามันจะแน่จริงหรือเปล่า”
ฤทธิ์รับปากอย่างไม่ค่อยเต็มใจนัก “ครับ เสี่ย”
ขาของทั้งสี่คนก้าวเดินไป
ไม่นานต่อมา คงคากับฤทธิ์ตามหลังโชติมาถึงหน้าถ้ำ ธงกับศรเดินตามปิดหลัง พลันงูตัวเขื่องก็เลื้อยมาขวางหน้าทุกคนท่าทีคล้ายไม่ยอมให้เข้าไปในถ้ำ
“งู”
คงคาตะลึงดึงปืนออกมาจะยิง เช่นเดียวกับธงและศรที่พร้อมซ้ำแต่โชติห้ามไว้
“อย่าครับ เสี่ย เขาเป็นบริวารของอาจารย์...บอกเขาดีๆ ก็ได้...” โชติพูดกับงู “พวกเรามาพบอาจารย์...เป็นศิษย์ของ อาจารย์...เรามาดี”
งูแผ่แม่เบี้ยจ้องหน้าโชติ แล้วก็ลดหัวลง เลื้อยผ่านไป ธงกับศรลดปืนลง
ลมกรรโชกแรงที่หน้าปากถ้ำ ร่างคงคาแทบจะหลุดไปตามลม
“เฮ้ย นี่มันอะไรกันวะไอ้โชติ”
“อยู่เฉยๆ ครับเสี่ย” โชติตะโกนเสียงดัง “อาจารย์ครับ..อาจารย์ผมไอ้โชติครับ...ลูกศิษย์ของอาจารย์น่ะครับ”
มือของธงกับศรที่กุมปืน ถูกลมกรรโชกมาพัดปืนหลุดลอยจากมือไปปะทะผนังเขาปากถ้ำ ปืนระเบิดเป็นเสียงปืนหลายนัด ธงกับศรมีท่าทีหวาดกลัวมาก
“เสี่ยกลับเถอะครับ” ธงบอก
“แค่นี้ก็กลัวแล้วเหรอครับ” โชติหยัน
ลมสงบลง มีเสียงดังกึกก้องออกมาจากด้านใน “เข้ามา”
อ่านต่อหน้า 3
พายุเทวดา ตอนที่ 4 (ต่อ)
เมื่อเข้ามาในถ้ำ ทุกคนต้องตกตะลึงพรึงเพริดกับภาพตรงหน้า เมื่อเห็นร่างของคล้ามนอนอยู่บนแท่นหิน สภาพเหมือนคนตายไม่มีผิด
คงคาถามเสียงสั่น “นี่หรือวะไอ้โชติ”
โชติไม่ตอบ แต่นั่งลงกราบร่างของคล้าม
“กราบท่านซะสิ”
คงคากับฤทธิ์ ธง ศรจําใจนั่งลงแล้วยกมือไหว้ พลันร่างของคล้ามก็ลุกพรวดขึ้นจนทุกคนตกใจ
คงคาร้องลั่น “เฮ้ย”
คล้ามเอ่ยขึ้น “พวกมึงต้องการอะไรจากกู ถึงได้ดั้นด้นมาถึงที่นี่”
“เจ้านายผมกําลังเดือดร้อน ต้องการความช่วยเหลือจากอาจารย์ครับ”
คล้ามมองหน้าคงคา ขณะเดียวกันฤทธิ์ก็หลับตา กําหนดจิต เกิดประกายสายฟ้าดังเปรี้ยงปร้างอยู่นอกถ้ำ แสงฟ้าปรากฏเข้ามาในถ้ำ สะท้อนกับผนังถ้ำงามระยิบระยับ สายฟ้ายังพุ่งเข้าหาตัวคล้าม แต่ไม่ถูก คล้ามยกมือต้านพลังของฤทธิ์แล้วปัดมาที่ฤทธิ์
ร่างฤทธิ์ล้มลงทันที “โอ๊ย”
คล้ามตวัดฝ่ามือ ร่างของฤทธิ์ก็กลิ้งไปตามพื้น ฤทธิ์ลุกนั่งนิ่งประสานจิต แต่พอลืมตาขึ้นก็ต้องตกใจเมื่อเห็นฝูงงูจํานวนมาก กําลังเลื้อยยั้วเยี้ยพุ่งเข้ามาหา
“โอย กลัวแล้ว ...กลัวแล้ว”
คล้ามหัวเราะสะใจ ตวัดฝ่ามือเข้าหาตัว ร่างของฤทธิ์ก็กลิ้งมาที่เดิม ฤทธิ์ตัวสั่นนั่งลงกราบคล้ามยอมรับเป็นอาจารย์
“ผมผิดไปแล้วครับ อาจารย์...ต่อไปผมจะไม่ล่วงเกินอาจารย์อีกแล้วครับ...ยกโทษให้ผมด้วยครับ”
คล้ามเห็นจากวิชาก็รู้ทันที “เอ็งเป็นศิษย์ไอ้หาญหรือ”
“ครับ ผมโตมากับหลวงปู่หาญ...อาจารย์รู้จักด้วยรึครับ”
“มันกับข้าเป็ นเพื่อนกันมา เป็นศิษย์อาจารย์เดียวกัน...อายุมันก็พอๆ กับข้า ห้าร้อยกว่าปี”
คงคาตกใจ “ห้าร้อยกว่าปี...แล้วทําไม...”
คล้ามสวนออกมา “พลังสมาธิและการภาวนาอย่างเคร่งครัดทําให้คําอธิษฐานที่จะเป็นอมตะเป็ นจริง...แต่ข้าละสังขารไปแล้ว”
ฤทธิ์อึ้ง “หมายความว่า...”
“ใช่...ข้าตายแล้ว แต่ที่นั่งคุยกับพวกเอ็งได้ ก็ด้วยจิตอันแข็งแกร่งที่ประคองสังขารให้คงอยู่ เดินเหินไปไหนมา ไหนได้” ผู้คงฤทธิ์บอก
“แล้วทําไมอาจารย์ถึงไม่คงสังขารมนุษย์เหมือนหลวงปู่”
“มันไม่คล่องตัว ข้าอยู่ในถ้ำบนเกาะหัวสิงห์ กว่าสังขารของข้าจะเดินทางไปที่ใดก็ต้องใช้เวลา เว้นแต่ถอดจิตไป แต่นี่ข้าอยากไปไหนก็ได้ ปรากฏเป็นร่างแบบใดก็ขึ้นอยู่กับความปรารถนาของจิต”
คงคาทึ่งสุดๆ “อัศจรรย์จริงๆ ครับ...ผมขอฝากตัวเป็นศิษย์ของอาจารย์”
คล้ามหัวเราะ ร่างที่พูดคุยอยู่หายไปในทันที กลายเป็นศพบนแท่นหินต่อหน้าต่อตา ทุกคนนิ่งเงียบ ต่างมองหน้ากัน
มองจากมุมสูงลงมา แลเห็นคล้ามนอนหงายมองเพดานพูดอยู่ ใบหน้าตรงมองเพดานถ้ำอย่างเดียว
“พวกเอ็งต้องสัญญาว่าจะไม่ทิ้งข้า...ทุกเดือนจะต้องส่งคนมาหยอดน้ำผึ้งให้แก่กายสังขารของข้า...รับปากข้าได้หรือไม่”
“ได้ครับ” คงคารับคำทันที
“โชติ เอาน้ำผึ้งที่มันหยอดปากข้า” คล้ามสั่ง
โชติมองซ้ายขวาก็เห็นหินย้อยก้อนหนึ่ง มีน้ำผึ้งไหลย้อยมาตลอดเวลา ถ้วยที่ทําจากกะลามะพร้าวรองให้น้ำผึ้งหยดมาที่ละหยด คงคากับฤทธิ์มองอย่างหวาดๆ
คล้ามเอ่ยขึ้น “ไอ้หาญ...เพื่อนผู้กลายเป็นศัตรู...ต่อไปนี้มันจะได้รู้ว่าความแค้นของคน ต่อให้ตายแล้วเกิดอีกสิบชาติร้อยชาติ ก็ยังไม่หาย”
คล้ามหัวเราะเสียงตํ่าๆ โชติได้น้ำผึ้งพอประมาณ ก็ส่งให้ฤทธิ์
“เร็ว นายฤทธิ์...หรือเอ็งสองคนก็ได้”
ธงกับศรส่ายหน้าพร้อมกัน ฤทธิ์คว้ากะลาน้ำผึ้งมา แล้วตรงไปที่ศพของคล้าม
ดวงตาคล้ามหลับ แต่ปากค่อยๆ อ้าออก ควันสีขาวพวยพุ่งออกจากปาก ฤทธิ์ค่อยๆเทน้ำผึ้งลงไปในปาก
ถ้ำที่อับแสงมีประกายระยิบระยับ ควันขาวลอยอวล ทุกคนมองอย่างอัศจรรย์
ร่างของคล้ามกางแขนออกแล้วลอยขึ้นสู่ที่สูง หัวเราะเสียงตํ่าๆ กังวานไปทั้งถ้ำสะท้านไปทั้งเกาะสิงห์
“ต้องการให้ข้าช่วยอะไรบอกมา”
คงคา กําจัดพลังเทวดาของไอ้พวกที่เกาะมุก ผมต้องการที่ดินบนเกาะมุกมาทําธุรกิจครับอาจารย์
คล้าม แล้วข้าจะได้อะไรแลกเปลี่ยน...
คงคา เงิน อํานาจ ผู้หญิง และความจงรักภักดีของผมกับพวกผมจะส่งคนมาทําหน้าที่กรอกนํ ้าผึ ้งในอาจารย์ทุกเดือน ครับ...
คล้ามหัวเราะพอใจ คล้าม คืนนี ้ข้าจะจัดการกับไอ้หาญเอง...พวกเอ็งคอยดูฝี มือข้า
คล้ามลอยอยู่บนอากาศภายในถํ ้า หัวเราะก้อง
เมื่ออกมาถึงชายฝั่งคงคาบอกกับฤทธิ์ท่าทีเคร่งเครียด ธงกับศรอยู่ไม่ห่าง
คงคา ฤทธิ์นายกลับไปที่เกาะมุกนะ...ไปอยู่หลวงปู่ ของนาย..
ฤทธิ์ คนที่นั่นไม่ค่อยต้อนรับผม...เสี่ยจะให้ผมไปทําไม
คงคา ก็ถ้านายไม่ไป เราจะรู้เหรอว่าอาจารย์คล้ามโกหกเราหรือเปล่า...แล้วนายค่อยกลับมารายงานฉัน...
ฤทธิ์อึ ้งไป พยักหน้าแบบจํายอม
ขณะเดียวกัน ที่สํานักงานเสี่ยคงคงบนชายฝั่ง
หยาดฟ้าแต่งตัวใหม่สวยงามเย้ายวน นั่งอยู่ที่โต๊ะทำงาน เห็นชาวบ้านหลายคนนั่งอยู่ในออฟฟิศแล้ว และก็ยังมีมาเพิ่ม กะเทยถึกหวานใจคอยต้อนรับเปิดประตู พร้อมเสิร์ฟน้ำให้ พันคุมเชิงอยู่มุมหนึ่ง
หยาดฟ้าบอกกับชาวบ้านที่นั่งอยู่ตรงหน้า
“เงินทองเราก็มีไม่มากหรอก แต่อยากช่วยเหลือน่ะ...ขายที่ให้เราสิ...แล้วจะได้มีเงินใช้ ขายเสร็จแล้วก็ทํางานให้เรา...คุณก็ยังใช้ชีวิตอยู่บนเกาะมุกเหมือนเดิม”
ชาวบ้าน 1 ในนั้นถาม “ไม่ไล่เรานะครับ”
หยาดฟ้าหัวเราะเจ้าเล่ห์ โน้มน้าวชาวเกาะ “ถ้าเราไปทําธุรกิจที่นั่น เราก็อยากมีคนดูแลธุรกิจให้เรา ฉันอาจจะเอาที่ตรงนั้นทําร้านสะดวกซื้อ ร้านอาหาร คุณก็ดูแลให้เรา รับเงินเดือนจากเรา สุขสบายไม่ต้อง ลงทุน แถมคนอื่นยังเข้าใจว่าเป็นธุรกิจของคุณเองด้วย”
ชาวบ้านในออฟฟิศนิ่งฟัง หันมามองอย่างสนใจ ชายที่นั่งตรงหน้าหยาดฟ้ารับข้อเสนอ
“ผมสนใจครับ พรุ่งนี้ผมจะเอาโฉนดมาให้ ว่าแต่ให้ ราคาผมแพงหรือเปล่าล่ะ”
“ยุติธรรมที่สุดค่ะ”
พันอยู่ที่มุมหนึ่ง มันระบายยิ้ม มองทุกคนพร้อมอารักขาหยาดฟ้า
เสี่ยคงคากลับถึงบ้านตอนค่ำเล่าให้หยาดฟ้า คํารณฟัง คํารณหัวเราะ บอกกับคงคาผู้เป็นพ่อ
“พ่อนี่รอบคอบดีจัง”
“มันต้องรอบคอบสิ...ยิ่งมันมีวิชาเหนือเรา มันก็ต้องมีเล่ห์เหลี่ยมมากกว่าเรา...ดูอย่างหยาดสิ ใช้ปัญญา หลอกเอาที่ดินพวกมันมาได้เกือบทั่งเกาะแล้ว ภายในวันเดียว”
“วิเศษจริงๆ แต่ไม่ใช่ว่าป่านนี้พอมันกลับไปเกาะมุกก็โดนพวกไอ้สนปั่นหัวจนเปลี่ยนใจล่ะ”
หยาดฟ้าหัวเราะ “เปลี่ยนไม่ได้หรอกค่ะ หยาดให้เซ็นเอกสารสัญญาจะซื้อจะขายกันทุกคนแล้ว อีกอย่างก็แกล้งมีเมตตาต่อพวกมัน...ให้มันพักโรงแรมริมหาด ที่นอนนุ่มๆ แอร์เย็นๆ มีอาหารดีๆ กิน ไม่เปลี่ยนพวกมันให้กลายเป็นพวกเราก็ให้รู้ไปสิ”
คงคาหัวเราะสะใจ “แบบนี ้เรียกว่าใช้ทั้งเล่ห์กลทางธุรกิจแล้วแถมวิชาไสยศาสตร์อีกนะ” เสี่ยหันมาบอกกับคํารณ “เออ คํารณ ถ้าหากว่าอาจารย์คร้ามเอาชนะหลวงปู่หาญได้ พ่อจะให้เอ็งเรียนวิชาจากอาจารย์คล้าม..ต่อไปจะได้ไม่มีใครรังแกลูกพ่อได้”
คํารณยิ้มภูมิใจ “ครับพ่อ”
ฟากฤทธิ์เข้ามาในวัดตามแผนของเสี่ยคงคา ก้องจับตัวฤทธิ์ไว้
“มาทําไม พี่ฤทธิ์..จะมาก่อเรื่องอะไรอีกล่ะ”
ฤทธิ์ฮึดฮัด “ปล่อยข้า...ข้ามาดี ข้าจะมาขอขมาหลวงปู่”
ก้องได้ยินก็ยอมปล่อย แต่ดวงตายังไม่ค่อยวางใจ เดชเดินมาพอดี พร้อมกับสิงห์
สิงห์บอก “งั้นฉันจะไปจัดดอกไม้ธูปเทียนให้พี่ขอขมาหลวงปู่ นะ”
เดชแขวะ “หวังว่าพี่จะทําด้วยใจ”
สิงห์ เดช ก้อง มองฤทธิ์อย่างไม่เชื่อ
บุญกู้เดินมาสมทบทันได้ยินพอดี “ไม่ต้องหรอก แค่สิบนิ้วก็พอ หลวงปู่ รอพบพวกเอ็งทุก
คนอยู่ที่โบสถ์”
ฤทธิ์เจื่อนไปนิดๆ ไม่รู้ว่าหลวงปู่จะมาไม้ไหน
ต่อมาไม่นานทุกคนกราบหลวงปู่ ซึ่งนั่งอยู่ตรงหน้า
“หลวงปู่ ครับ ผมมากราบขอขมาหลวงปู่ ไม่ว่าผมจะเคยล่วงเกินหลวงปู่ ทั้งทางกาย ทางวาจาหรือว่าทางใจ ผมขอให้หลวงปู่ อภัยให้ผมด้วยเถิดครับ”
“หลวงปู่ ไม่เคยยึดเอาความโกรธหรือความไม่พอใจผู้หนึ่งผู้ใดเป็นที่ตั้ง เพราะจะขวางจิตอันเป็ นสมาธิของหลวงปู่ หากเจ้าทําดี ยึดมั่นในความดีก็เท่ากับว่าเจ้ามีมงคลคุ้มครองตัวเองแล้ว”
กลุ่มของเดชอมยิ้ม ฤทธิ์รับคำ “ครับ หลวงปู่”
หลวงปู่บอกอีก “เมื่อมาแล้วก็นั่งสมาธิกับหลวงปู่ ซะ จะได้เอามงคลเข้าตัว”
ทุกคนนั่งขัดสมาธิ เดชเอ่ยขึ้น “คิดถึงเทวานะ...นี่ถ้ามันอยู่ มันก็คงมีความสุขที่ได้นั่งสมาธิต่อหน้าหลวงปู่ ในโบสถ์มหาอุตม์หลังนี้”
ฤทธิ์หันมามองหน้าเดชนิดหนึ่ง ไม่ค่อยพอใจที่เดชเอ่ยถึงเทวา
คืนเดียวกันปลาดุกพาดารินเข้ามาในห้องพัก แปลกใจที่ไม่เห็นเทวา
“อ้าว ไปไหน”
ดารินถามปลาดุก “ไม่ใช่หนีกลับไปเกาะมุกแล้วนะ”
“ไม่หรอก...ฉันรู้ว่านายเทวาอยู่ที่ไหน” ปลาดุกบอก
เทวานั่งสมาธิอยู่ที่ในโบสถ์ซึ่งเปิดไฟสว่างไสว ปลาดุกกับดารินค่อยๆ เข้ามาไม่ให้รบกวนสมาธิเทวา หมวดสาวมองที่หน้าพระพุทธรูปอย่างเลื่อมใส
เวลาผ่านไปสักระยะ ปลาดุกออกอาการหาวง่วงนอน ขณะที่ดารินนั่งหลับตาสงบ ส่วนเทวาพนมมือคุกเข่า แล้วอธิษฐานจิต
“ขอบุญกุศลที่ผมนั่งสมาธินี้จงเป็นพุทธานุภาพไปยังเกาะมุก ขอให้หลวงปู่ จงรอดพ้นจากภยันตรายทั้งปวง ขอให้พี่น้องทุกคนชนะอุปสรรคด้วยเถิด”
เทวากราบลงอีกครั้ง หันมาอีกทีก็เห็นปลาดุกหาวอ้าปากกว้าง ดารินตีปลาดุกเผียะเบาๆ
“เป็นผู้หญิงหาวแบบนี้หมดสวยเลย”
“ไม่ได้อยากสวย อยากหล่อตะหาก”
ดารินส่ายหน้าหันมาหาเทวา “ไม่คิดเลยว่านายจะเป็นคนธรรมะธรรมโมด้วย”
“ผมน่ะเด็กวัดเก่านะคุณ...แล้วนี่มาทําไม”
ดารินอ้อนในที “มาไม่ได้เหรอ”
“คิดถึงก็บอกมาตรงๆ ดีกว่า” เทวดาเสียงทองสัพยอก
“แค่มาทวงสัญญาว่าจะไปเกาะมุกเมื่อไหร่”
เทวาลุกเดินหนีออกไปจากโบสถ์ดื้อๆ ปลาดุกหมั่นไส้
“ฉันบอกเธอแล้วว่านายเทวากวนบาทาที่สุดในโลก...บทจะเดินหนีก็เดินไปซะเฉยๆ ไม่มีมารยาท”
ดารินไม่ฟังปลาดุกวิ่งตามเทวาไป ปลาดุกตามออกไป
ดารินวิ่งมาทันเทวาก็ฉุดให้เขาหันมา
“ทําไมต้องเดินหนีฉันด้วย...หา”
เทวาเซไป รวบตัวดารินเข้ามาอยู่ในอ้อมกอดปลาดุกตกใจ อ้าปากค้าง ดีว่าปิดปากทัน ดารินยิ่งดิ้น ยิ่งทุบ เทวายิ่งกอดแน่นเข้า
“ปล่อยฉัน...ไอ้บ้าเอ๊ย”
เทวาก้มลงจูบดาริน ถูกดารินผลักไส เทวาจ้องหน้า
“ทําไม...ผู้หญิงอย่างคุณหวงตัวด้วยเหรอ”
ดารินเลือดขึ้นหน้า เผลอหลุดออกจากอินเนอร์หญิงบริการ “ฉันก็มีพ่อมีแม่ มีศักดิ์ศรีนะนายเทวา นายจะทําแบบนี้ไม่ได้”
เทวาเหวอไป ปล่อยดาริน ดารินตบหน้าเทวา
“ขอโทษ ผมนึกว่าคุณจะ...”
ดารินสวนอย่างรุนแรว “ถึงฉันจะมีอาชีพยังไง คุณก็ไม่มีสิทธิ์ทํากับฉันอย่างนี้”
“ถ้าเปลี่ยนจากผมเป็นคนอื่นล่ะ”
“ถามทําไม”
“คอยดูนะ ถ้าผมมีเงิน ผมจะซื้อบริการจากคุณ”
ดารินจ้องหน้าเทวาโกรธเป็นที่สุด “นายดูถูกฉันมากไปแล้วนะ”
“ผมจะอุดหนุนคุณนะ...คุณไม่น่าโกรธผม”
“โกรธสิ...ก็...”
ดารินพูดไม่ออก เพราะเทวาเข้าใจว่าเธอเป็นหญิงขายบริการมาตลอด
“ฉันกลับดีกว่า...”
“ผมกับปลาดุกจะไปส่ง...”
“ไม่ต้อง...ฉันคงไม่โชคร้ายไปมากกว่านี้แล้วละ”
“โชคดีต่างหาก รู้มั้ยคุณคือจูบแรกในชีวิตผมเลยนะ...ที่ผมจะไปส่งคุณน่ะ ไม่ได้กลัวคุณจะเป็นอันตรายหรอกนะ แต่กลัวคุณเคลิ้มกับรสจูบผม จนกลับบ้านไม่ถูกต่างหาก”
ดารินโมโห ทุบเทวาไม่นับ เทวาได้ที ดึงตัวดารินมากอดอีกครั้ง ดารินดิ้นรนใหญ่
“จําไว้ ถ้าทุบผมอีก ผมจะทํายิ่งกว่าจูบ”
ดารินตะลึง ค่อยๆ สงบลง เทวาก้มหน้าไปจะจูบอีก ดารินกระทืบเท้าใส่รองเท้าของเทวา ส้นสูงกระแทกหลังเท้าเทวาอย่างแรง
“โอ๊ย...”
เทวาตัวงอ เจ็บสุดชีวิต ดารินได้ที ต่อยท้องเทวาจนลงไปกองกับพื้น เทวาโอดโอยจุกไปหมด
ดารินวิ่งหนีไป ปลาดุกทําอะไรไม่ถูกจะมาหาเทวา แต่เทวากลับหน้านิ่ว พูดด้วยความลําบาก
“ไปส่ง...ดา...ริน...แทน...ฉัน...ด้วย”
อ่านต่อหน้า 4
พายุเทวดา ตอนที่ 4 (ต่อ)
สองสาวอยู่ตรงลานจอดรถของอพาร์ตเมนต์ ปลาดุกส่งดารินขึ้นรถ เปิดประตูค้างไว้ สาวทอมถามอย่างคาใจ
“ทําไมผู้หญิงอาชีพพิเศษอย่างเธอถึงหวงตัวด้วย”
ดารินเชิดหน้า “ฉันจะมีอาชีพอะไร ฉันก็มีศักดิ์ศรี”
“งั้น ถามอีกคํา...ถ้าเทวาทําเพราะรักเธอล่ะ เธอจะโกรธมั้ย คุณดาริน”
ดารินนิ่งอึ้ง ดวงตาและมุมปากเผลอระบายยิ้มโดยไม่รู้ตัว
“ไม่รู้...อย่าถามเซ้าซี้ไม่อยากตอบ”
ดารินปิดประตู กระชากรถออกไปอย่างแรง ปลาดุกกระโดดหลบแทบไม่ทัน
“เฮ้ย” สาวทอมตะโกนตามหลัง “แบบนี้ชัวร์...หลงรักเพื่อนฉันใช่มั้ย”
ดารินอยู่ในรถ ยิ้มอยู่คนเดียว เอามือลูบริมฝี ปาก ภาพที่ถูกเทวาจูบหน้าโบสถ์ และตอนที่หล่อนตกอยู่ในอ้อมกอดเทวา ผุดเข้ามาในห้วงคิด
“บ้าจริงๆ...คนบ้า...บ้าๆๆๆ” ดารินบ่นบ้ากับตัวเองท่าทีน่าขัน
กลางดึกคืนนั้น ศพของคล้ามลุกขึ้นตั้งตรง ลําตัวแข็งเหมือนท่อนไม้ ตั้งฉากยืนนิ่งในถํ้า ร่างของคล้ามลอยจากแท่นหินไปที่มุมหนึ่งของถ้ำ
“บริวารแห่งข้า...ผีทั้งร้อยแปดตนจงมา”
พลันเห็นงูสารพัดชนิดปรากฏขึ้นมากมาย แล้วค่อยๆ กลายเป็นเงาร่างดำๆ คล้ายร่างของคน
คล้ามหัวเราะพอใจ “ข้าจักปลุกให้พวกเจ้ามีพลัง จงสิงสู่มัน กัดกินร่างกายมัน ดูดเลือดจากกายมัน แล้วก็ทําให้มันตาย”
คล้ามร่ายเวทย์ เป่าพรวดไปที่เงาดําที่ผนังถ้ำ เงาดําลอยขึ้นหายไปในเบื้องบน
คล้ามลอยกลับมาที่แท่นหิน ค่อยๆ นอนลงเป็นศพอีกครั้งหนึ่ง
ขณะเดียวกัน ภายในโบสถ์มหาอุตม์ ทุกคนนั่งสมาธิกันอยู่ ประตูถูกทุบรัวเสียงดังสนั่น ฤทธิ์
ลืมตาขึ้นก่อน
หลวงปู่พูดโดยไม่ลืมตา “ฤทธิ์อย่าถอนออกจากสมาธิ...หลับตา นั่งสมาธิต่อ”
“ผมนั่งต่อไปไม่ได้แล้ว ใจไม่เป็นสมาธิแล้วครับหลวงปู่”
เสียงประตูยังถูกทุบเหมือนเดิม หลังคาก็สะเทือนไหวเหมือนมีคนเดินเหยียบ เสียงด้านนอกเหมือนเสียงคํารามของสัตว์
หลวงปู่หาญหลับตานิ่ง เห็นใบหน้าของคล้ามในห้วงสมาธิ คล้ามหัวเราะสะใจ ชี้มือมาที่หลวงปู่
“กูรอคอยวันนี้มานานแล้ว...ไอ้หาญ...ต่อให้มึงอยู่ในผ้าเหลืองก็อย่าคิดว่าจะหนีกูพ้น”
หลวงปู่นิ่งฟังอย่างสงบ ฤทธิ์ลืมตาเหลียวมองไปรอบๆ เสียงดังโครมครามยังดังมาจากรอบโบสถ์ เหมือนมีคนมาทุบโบสถ์พร้อมกันเป็นร้อยคน
“ทุกคนนั่งสมาธิต่อไป ทุกลมหายใจเข้าออกอย่าทิ้งการภาวนา พุทธคุณจะทําให้พวกเจ้าปลอดภัย” หลวงปู่บอก
ฤทธิ์นิ่งมองหลวงปู่นิ่ง มีรอยยิ้มสะใจน้อยๆ ปรากฏที่มุมปาก
ฝ่ายบุญกู้เหลียวมองไปรอบๆ เห็นเงาดําปรากฏอยู่มุมนั้นมุมนี้ ทั่วลานวัด
“อะไรวะ”
รอบกายของบุญกู้มีแต่เสียงทุบสั่นสะเทือนไปทั่ววัด
บุญกู้ย้ายร่างหลังค่อมของตนไปอย่างหวาดระแวง แล้วก็ต้องตกใจสุดขีดเมื่อเห็นฝูงงูหลายตัวเลื้อยมาทางตน บุญกู้วิ่งพลางร้องตะโกน
“ช่วยด้วย...ช่วยด้วย”
งูเลื้อยเข้าหาแล้วกลายเป็นเงาดํา วูบใส่ร่างของบุญกู้ เงาดําที่อยู่ตามมุมต่างๆ กลายเป็นควันดําแล้ววูบใส่ร่างของบุญกู้ไม่หยุดยั้ง บุญกู้ดิ้นรน เจ็บหน้าอก หน้านิ่วแล้วก็กุมท้อง
“โอ๊ย...ช่วยด้วย”
ประตูโบสถ์เปิดออก หลวงปู่หาญก้าวมายืนมองไปที่บุญกู้ซึ่งดิ้นรนครวญครางอยู่ไม่ห่างจากโบสถ์เท่าไหร่นัก
ฤทธิ์โผล่หน้าออกมาดู หลวงปู่ห้าม “อย่าออกมาข้างนอก”
“น้าบุญกู้เป็นอะไรครับหลวงปู่”
เดช สิงห์ ก้อง ลืมตาขึ้น พรวดพราดออกไป คราวนี้หลวงปู่กลับไม่ห้าม
“เอามันมาที่หน้าโบสถ์นี่” หลวงปู่ว่า
เดช สิงห์ ก้อน อุ้มบุญกู้มาตรงหน้าหลวงปู่หาญ หลวงปู่ท่องคาถาเป่าพรวดไปที่ร่างของบุญกู้ บุญกู้ดิ้นรนโอดโอย
“โอ๊ย...โอ๊ย” เสียงผีเป็นเสียงชาย แหบๆ ตํ่าๆ “กูจะฆ่ามัน...กูจะฆ่าทุกคน...กูจะฆ่าทุกคนที่นี่...กูจะฆ่าให้หมด...”
จากนั้นหลวงปู่หันมาทางหนุ่มๆ “เอาน้ำมนต์ให้ปู่ ที...หน้าพระน่ะ”
เดชเข้าไปตักน้ำมนต์จากโอ่งที่อยู่หน้าพระพุทธรูปส่งให้ หลวงปู่ราดน้ำมนต์ลงบนศีรษะของบุญกู้ บุญกู้ดิ้นทุรนทุรายน่าเวทนาสักครู่แล้วก็แน่นิ่งไป พร้อมๆ กับเห็นเงาดําวูบออกแล้วลอยไปตามสายลม
ฤทธิ์หน้าเสียไป เพราะรู้ว่าคล้ามทําไม่สําเร็จ
เวลาเดียวกันมองจากมุมสูงลงมาภายในถ้ำที่เกาะหัวสิงห์ คล้ามลืมตาขึ้น เบิกตาโพลง เงาดําลอยเข้ามาในถ้ำแล้วหายไปในผนัง คล้ามผุดลุกขึ้น
“กูไม่มีวันยอมแพ้มึง ไอ้เพื่อนทรยศ”
สนหน้าเครียดอยู่ มีเสียงของประสิทธิ์พูดดังเข้ามา สนหันไปมองครูประสิทธิ์ที่เดินเข้ามาหาทุกคน
“ไม่มีใครอยู่ที่ลานวัดตั้งแต่เมื่อคืนแล้วละลุงสน”
สนงง “ไปไหน อยู่ที่โรงเรียนของครูใหญ่รึ”
ทุกคนต่างมีสีหน้ากังวล
ครูประสิทธิ์บอก “เปล่า มีชาวบ้านเล่าว่าไปนอนที่โรงแรมริมหาดของเสี่ยคงคา เมื่อเช้าก็คนเกาะมุกยืนรอเรือกันเต็มท่าเรือ”
แสงจันทร์แปลกใจ “ไปไหนกัน”
“เอาโฉนดไปขายที่ดินให้พวกมัน” ประสิทธิ์บอก
ทุกคนอ่อนแรง แสงดาวเครียด “ครูพูดไม่ผิด...ในที่สุดทุกคนก็แพ้เงิน”
มนต์เอ่ยขึ้น “ผมจะไปที่วัด...บางทีอาจได้คําตอบอะไรเพิ่มบ้าง”
ทุกคนอยู่ตรงลานวัด ฤทธิ์ถามคาดคั้นเอากับหลวงปู่ มีเดช ก้องอยู่ข้างๆ ส่วนสิงห์ดูแลบุญกู้ที่นอนอยู่มุมหนึ่งบนแคร่
“เมื่อคืนหลวงปู่ ไม่ให้ผมไปช่วยน้าบุญกู้ แล้วทําไมไอ้พวกนั้นมันถึงได้รับอนุญาตจากหลวงปู่ ล่ะครับ ในที่สุดหลวงปู่ ก็เป็นเหมือนเดิม รักลูกศิษย์ไม่เท่ากัน”
เดชสุดทน “พี่ฤทธิ์ อย่าก้าวร้าวหลวงปู่”
ฤทธิ์โมโห “เอ็งไม่ต้องยุ่ง ไอ้เดช”
ก้องจ้องหน้า “คิดว่าพวกผมกลัวพี่เหรอ...พี่ออกไปซะ พี่ตั้งใจมาหาเรื่องพวกเรา พี่ต้องการทําร้ายหลวงปู่ และทุกคนที่นี่ใช่มั้ย”
ฤทธิ์โวยลั่น “ไอ้ก้องอย่าหาเรื่องข้านะโว้ย”
สิงห์ตะโกนมา ท่าทางเอาเรื่อง “ไม่ได้หาเรื่อง...แต่ร้อยวันพันปี ไม่เคยมีใครส่งอะไรมา อย่างเมื่อคืน...พี่มาคืนเดียวก็เกิดเรื่องจะอธิบายว่าไง”
ฤทธิ์ปฏิเสธลั่น “ข้าไม่รู้ไม่เห็นอะไรทั้งนั้น ...ข้าต้องการฟังคําตอบจากหลวงปู่ ไม่ใช่จากพวกเอ็ง”
มนต์เดินเข้ามาพอดี ยืนฟังหลวงปู่อบรมฤทธิ์ “เพราะปู่ รักเอ็งไงเจ้าฤทธิ์ ปู่ ถึงไม่ยอมให้เอ็งออกไปข้าง นอกตลอดเวลา จิตของเจ้าไม่ได้เป็นสมาธิเลย..แต่มันวอกแวกและส่งจิตออกนอกตลอดเวลา จะให้ปู่พูดมั้ยว่าเจ้าส่งจิตไปถึงใคร”
หลวงปู่มองหน้าฤทธิ์ ดวงตาที่เปี่ยมเมตตากลายเป็นดวงตาของคนรู้ทัน
ฤทธิ์ผละเดินออกไป มนต์กระชากฤทธิ์ให้หันมา แล้วต่อยหน้าฤทธิ์อย่างแรง ฤทธิ์ล้มไป
“ไอ้มนต์”
มนต์จ้องตาบอก “ขอให้พี่ฤทธิ์จําไว้ ไม่จําเป็ นต้องใช้พลังเทวดา พี่ฤทธิ์ก็ไม่มีวันชนะพวกเราได้...กลับไปซะ ถ้าพี่ฤทธิ์คิดว่าที่อื่นมีความสุขสบายมากกว่าที่วัดเกาะมุกใต้”
ฤทธิ์คลําคางที่เจ็บอยู่ เดินออกไปจากวัด ทุกคนมองตาม
มนต์นั่งคุกเข่ากราบหลวงปู่ “ให้อภัยผมด้วยครับหลวงปู่ ที่ผมวู่วามไปหน่อย”
“ยังน้อยไปว่ะมนต์ ข้าละอยากกระทืบมันให้จมดินเลย” สิงห์ว่า
มนต์แลกใจ “ชาวบ้านไปไหนหมด”
ทุกคนนิ่งถอนใจ เดชบอก “กลายเป็นคนของมันไปหมดแล้ว”
ทุกคนซึมไปถนัดตา
“มันใช้ไสยศาสตร์ น้าบุญกู้รับเคราะห์แทนพวกเรา” ก้องว่า
มนต์เดินไปหาบุญกู้ เห็นชายหลังค่อมผู้อารีหน้าเศร้า น้ำตาไหล
“น้าบุญกู้เจ็บมากมั้ย”
“ไม่เจ็บหรอกมนต์ แต่มันอยู่ในนี้” บุญกู้ทุบที่อกตัวเอง “น้าเจ็บใจ...พวกเทวดาอย่างเอ็งก็ไม่รักไม่สามัคคีกัน...ชาวบ้านก็ยอมให้พวกมันหลอก เกาะเล็กๆ ยังรักษาไว้ไม่ได้ ต่อไปจะรักษาประเทศชาติที่ปู่ย่าตายายยอมตายเพื่อให้ลูกหลานได้อยู่อาศัยหรือ...น้าเจ็บใจ...น้าเจ็บใจ”
บุญกู้พยายามลุกขึ้นทุบที่อกตัวเอง เดชกับก้องต้องยื้อมือไว้ ต่างร้องไห้สะเทือนใจ เดชปลอบ
“อย่า น้าบุญกู้...เจ็บตัวเปล่า...น้าเชื่อฉันเถอะ ธรรมะต้องชนะอธรรม...หลวงปู่ ก็เคยสอนไว้ไงน้า”
สิงห์ ก้อง มนต์น้ำตาคลอ หลวงปู่เดินเลี่ยงไปด้วยท่าทีสงบ
ทุกคนเข้ามาในโบสถ์ หลวงปู่หาญมองหน้าขณะเอ่ยขึ้น
“อยากจะบอกอะไรกับพวกเจ้าไว้ บางทีชีวิตของปู่ อาจจะไม่ได้ยืนยาวแล้วก็ได้”
“ทําไมหลวงปู่ พูดอย่างนั้นล่ะครับ” เดชทักท้วง
“ศัตรูของปู่ เผยโฉมออกมาแล้ว ปู่นึกว่ามันหายไปจากโลกนี้แล้ว เมื่อคืนมันส่งผีร้อยแปดตนมาเล่นงาน แต่บุญกู้รับเคราะห์แทนเรา...อีกอย่างที่พวกเราไม่เป็นอะไร ก็เพราะมีคนส่งพลังพุทธคุณมาช่วยเราไว้”
มนต์ฉงนสงสัย “ใครครับ หลวงปู่”
หลวงปู่บอก “เทวา”
ทุกคนตื่นเต้น ก้องถามขึ้นว่า “แสดงว่าหลวงปู่ ติดต่อกับเจ้าเทวาได้หรือครับ”
“ไม่ เว้นแต่ว่ามันจะส่งจิตมาถึง หลวงปู่ ถึงจะรับได้”
สิงห์สงสัย “แล้วจะมีวิธีไหนที่จะดึงมันกลับมาได้หรือเปล่า...พวกเราต้องเผชิญกับไอ้พวกเสี่ยคงคา แถมยังเจอดีกับเรื่องคุณไสยอีก”
หลวงปู่หาญบอก “คืนอมาวสีที่จะมาถึงนี่แหละ ปู่ จะให้พวกเจ้าช่วยกันทําพิธีเพื่อส่งจิตถึงเทวา...และบางที...” หลวงปู่มองออกไปนอกโบสถ์ พูดเสียงเบาลง “น้องเล็กของพวกเจ้าที่ปู่ ให้คนอื่นไปเลี้ยงตั้งแต่แบเบาะอาจจะกลับมาด้วย...เธอเป็นเด็กผู้หญิง ปู่ไม่อยากให้อยู่ในวัด พี่น้องจึงต้องพลัดพราก ไม่ครบเจ็ดคน”
มนต์คาใจ “พวกเราร่วมมือกันอยู่แล้ว แต่ผมสงสัยว่าศัตรูของปู่เป็นใครกัน”
หลวงปู่หาญนิ่งไปครู่หนึ่ง “เจ้าคล้าม...เคยรํ่าเรียนวิชาในสํานักเดียวกับปู่ เมื่อห้าร้อยปี ที่แล้ว...มันอยากได้วิชาพายุเทวดาแต่อาจารย์ของปู่ ไม่ยอมสอนให้ เพราะเจ้าคล้ามฝักใฝ่ไสยศาสตร์ อาจารย์ของปู่ เกรงว่าจะเอาไปทําร้ายคนอื่น เป็นเหตุให้เจ้าคล้ามเข้าใจว่าปู่ แอบเอาวิชาไว้คนเดียว...พวกเจ้าจะต้องหมั่นปฏิบัติ อย่าผิดศีล พลังเทวดาจะได้คุ้มครองพวกเจ้าทุกคน”
คงคารู้เรื่องตะคอกถามฤทธิ์ด้วยความโมโหสุดขีด
“ไม่สําเร็จ...ขนาดอาจารย์คล้ามยังเล่นงานมันไม่ได้หลวงปู่ ของนายวิเศษมาจากไหนกัน”
คํารณเยาะ “แล้วอย่างนี้พ่อยังจะให้ผมไปเรียนวิชากับอาจารย์คล้ามอีกเหรอครับ”
“มันต้องมีคําตอบให้เราสิ” หยาดฟ้าว่าสีหน้าครุ่นคิด
คงคาหันมาบอกกับฤทธิ์ “ฉันจะไปที่เกาะหัวสิงห์...ไอ้ธง ไอ้ศรไปกับข้า”
ธงกับศรส่ายหน้า ธงปฏิเสธ “ให้ไอ้พันไปเถอะครับ ผมอยู่ดูแลทางนี้ให้เสี่ยเอง”
คงคาด่า “ขี้ขลาดตาขาวนัก...ไม่ต้องไปกันให้หมดแหละ ข้าไปกับไอ้ฤทธิ์สองคนก็ได้ ส่วนเอ็งไปช่วยหยาดฟ้าที่สํานักงาน ถ้าชาวบ้านคนไหนมันบิดพลิ้วตุกติกก็จัดการเลยนะ ฉันอนุญาต”
ธง พัน ศรมีท่าทีโล่งอก คํารณหันมาทางพ่อ
“กว่าจะไปจะมาก็ไกลกันมาก ทําไมพ่อไม่รับอาจารย์มาอยู่ใกล้ๆ เราล่ะ จะได้หาทางเล่นงานไอ้พวกเกาะมุกได้ง่ายๆ”
คงคาเห็นด้วยกับลูกชาย “ก็น่าคิด...”
บ่ายวันนั้น ทั้งสามลัดเลาะมาตามป่าบนเกาะสิงห์
คงคาถามอย่างแปลกใจ “ไอ้โชติ ครั้งที่แล้ว เอ็งไม่ได้พาข้ามาทางนี้นี่หว่า”
“ทางนี้แหละครับ ผมจําทางเดินได้ แต่ว่าป่าสองข้างทางจะแปลกหูแปลกตาไป”
ฤทธิ์งง “ทําไมล่ะนายโชติ”
“ก็แล้วท่านอาจารย์จะบันดาลให้เป็นไปน่ะสิครับ...รับรองน่าว่าเดินตามผมไม่หลงทางหรอก”
โชติเดินนําไป ฤทธิ์กับคงคาสบตากันไม่ไว้ใจโชติทั้งสองคน
ทั้งสามอยู่หน้าถ้ำแล้ว คงคาเหลียวมองไปรอบๆ กลัวเจองู แต่ในขณะที่กําลังมองหางูอยู่นั้น นกตัวหนึ่งขนาดใหญ่ ราวเหยี่ยวก็บินโฉบมาผ่านหน้าคงคาไปนิดเดียว
คงคาแหกปาก “เฮ้ย” ดึงปืนออกมาจะยิง โชติห้าม
“เสี่ย ผมเคยบอกเสี่ยแล้วไง”
โชติขึ้นเสียงกับคงคา คงคาหน้าเสียไปหน่อยหนึ่ง
“อย่าโกรธผมนะเสี่ย ไม่งั้นเราจะตายกันหมด..แค่เสี่ยคิดทําร้ายเขา เขาก็จะมากันมากมาย”
ฤทธิ์แหงนมองท้องฟ้าแล้วต้องตกใจ เห็นฝูงนกบินมาเต็มท้องฟ้า เริ่มโฉบมาด้านล่าง
คงคาร้องลั่น “นายฤทธิ์ ช่วยฉันด้วย...ช่วยด้วย”
ฤทธิ์ดึงคงคามาอยู่ใกล้ตน พร้อมจะใช้พลังเทวดาจัดการกับฝูงนก
เสียงคล้ามดังขึ้น “เข้ามาได้”
ลมพัดกรูออกมาจากปากถ้ำปั่นป่วน แล้วดึงทุกคนเข้าไปข้างใน
คงคาตกใจร้องลั่น “เฮ้ย”
ร่างทั้งสามคนถูกลมดูดดึงไปข้างในถ้ำ
ร่างของคงคา ฤทธิ์ และโชติล้มกลิ้งไปตามพื้นถ้ำ ตรงหน้าศพของคล้ามที่ลุกขึ้นนั่งฉับพลัน
“มาหาข้าทําไม”
“เสี่ยเขาสงสัยว่าทําไมอาจารย์จึงจัดการไม่สําเร็จ” โชติถามแทน
“ใครก็ทําไม่สําเร็จหรอก ยกเว้นจะลวงไอ้หาญออกมาจากเกาะนั้น”
คงคาฉงน “ทําไม”
“เกาะมุกเป็นเกาะศักดิ์สิทธิ์ มีพลังของเทพปกปักรักษาอยู่ ถึงแม้พวกเจ้าจะคิดทําอะไรก็จะสําเร็จแต่เพียงช่วงสั้นๆ ต่อไปก็ต้องพ่ายแพ้แก่คนเกาะมุก”
คงคามองหน้าฤทธิ์ สีหน้าหวาดหวั่น “ไม่มีทางอื่นเลยเหรอ”
คล้ามบอก “มี ต้องทําให้พลังแห่งความศักดิ์สิทธิ์สูญสลายไปจากเกาะมุก”
“ผมไม่เข้าใจ” เสี่ยงคงคางง
คล้ามอธิบาย “ทําให้คนเกาะมุกมันไม่อยู่ในศีลในธรรม ทําให้มันพากันโลภ ทําให้มันตกอยู่ในห้วงแห่งอบายมุข...เมื่อนั้นพลังของมารก็จะชนะ”
คงคายิ้มหันมาสบตากับฤทธิ์ มองเห็นหนทาง
“ผมเข้าใจแล้ว..มีอีกเรื่องหนึ่ง ผมต้องการให้อาจารย์สอนวิชาต่างๆให้แก่พวกผม เพื่อจะได้เอาชนะพลังเทวดาของลูกศิษย์หลวงปู่หาญ”
คล้ามบอก “ได้สิ”
“อาจารย์ไปกับผมนะครับ ผมรับรองว่าจะดูแลอาจารย์ให้ดีที่สุด จะได้ต่อสู้กับศัตรูของอาจารย์ได้อย่างเต็มที่ไงครับ”
คล้ามหัวเราะเสียงดังกึกก้อง สะท้อนไปทั้งถํ้า
“พวกเอ็งกลับไปได้แล้ว”
คงคาอิดออด “อาจารย์”
คล้ามตวาด “กลับไป”
ร่างของคล้ามนอนลงแล้วกลายเป็นศพเหมือนเดิม
“กลับกันเถอะเสี่ย ไม่มีใครบังคับอาจารย์ได้หรอก” โชติบอก
เห็นเรือประมงจอดอยู่ที่ใกล้ชายฝั่ง คงคา โชติ ฤทธิ์ ลุยน้ำและเกลียวคลื่นขึ้นมาที่ชายหาด ทุกคนตะลึงเมื่อเห็นคล้ามยืนอยู่ แต่งตัวชุดเดียวกับที่อยู่ในถ้ำ
โชติถามทันที “อาจารย์...มาได้ยังไงกันครับ”
“เอ็งเชิญข้ามาที่นี่ไม่ใช่รึ”
คงคายิ้มดีใจ เช่นเดียวกับฤทธิ์ ทั้งสองยกมือไหว้
“ขอบคุณอาจารย์มากเลยครับ”
“ถึงผมจะมีพลังเทวดา แต่ผมก็ขอฝากตัวเป็นศิษย์ของอาจารย์ด้วยคนนะครับ” ฤทธิ์ว่า
คล้ามหัวเราะ “ข้าต้องการทําให้พวกเอ็งรู้ว่าเพราะข้าตายไป แล้วนี่แหละ ข้าถึงไปไหนมาไหนได้ หากเอ็งต้องการพบข้าก็ส่งจิตมา ข้าก็จะมา เว้นแต่ว่า...ไม่มีใครเติมน้ำผึ้งให้ข้า...ข้าก็จะมาในรูปกายสังขารแบบนี้ไม่ได้”
คล้ามจ้องหน้าคงคา แล้ววูบมาหาคงคาถึงในทะเล กระชากคอเสื้อตะคอกใส่หน้า
“ฝากตัวเป็นศิษย์ข้าแล้ว รับปากข้าแล้วว่าจะให้คนไปเติมน้ำผึ้งในกายสังขารข้า...อย่าบิดพลิ้ว ไม่งั้นตายหมด”
คล้ามขู่พร้อมกับจ้องหน้าคงคาถมึงทึง ดวงตาเป็นสีเลือด แล้วค่อยๆ วูบหายไป คงคาตกตะลึงเช่นเดียวกับคนอื่นๆ
อ่านต่อตอนที่ 5