พายุเทวดา ตอนที่ 2
เช้าวันนี้ ขณะที่ดารินนั่งอยู่ในห้องทํางานบนโรงพัก เนตรทรายเข้ามาชวนคุยเรื่องข้อมูลเกาะมุกที่เธอไปสืบมา
“ริน...เรามีข้อมูลเรื่องเกาะมุก”
ดารินเงยหน้ามามอง ท่าทีสนใจ “เนตรเล่าให้ฟังหน่อย เป็นยังไง”
“มันเป็นแดนเถื่อน กฎหมายแทบจะเข้าไปไม่ถึง คนทั้งเกาะไม่มีใครกล้าต่อต้านอิทธิพลเถื่อนของมันสักคนเดียว”
“มัน...ใครเหรอ...” ดารินฉงน
“มันชื่อคงคา...แต่กฎหมายเล่นงานมันไม่ได้ ยังไม่มีหลักฐานชัดเจน...เคยมีคนต่อต้านแล้ว และพยายามสู้
กับพวกมัน แต่ก็...”
ดารินซักทันที “ไม่สําเร็จเหรอ”
“ไม่ใช่ไม่สําเร็จอย่างเดียว ยังตายเรียบเลยละ...หนึ่งในคนเหล่านั้นก็คือพ่อของเธอ...”
ดารินอึ้ง นิ่งงันไป งุนงงจนทําอะไรไม่ถูก
ไม่นานต่อมา ดารินพาตัวเองอยู่ที่สนามยิงปืน และหล่อนยิงปืนเข้าเป้าได้อย่างแม่นยำทุกนัด
เนตรทรายเดินมาหา พูดเย้า “ฉันว่าเธอไปแข่งโอลิมปิกเถอะ...ยิงแม่นซะขนาดนี้”
“ฉันยังไม่พอใจในผลงานของฉัน”
“ไปหัดยิงปืนที่ไหนมาก่อนหน้านี้เหรอ”
“เปล่า...แต่ว่าทุกนัด ฉันคิดว่าฉันกําลังยิงเข้าหัวใจของคนที่มันฆ่าพ่อฉัน...”
เนตรทรายอึ้งไป พูดเตือนเบาๆ “เรื่องมันผ่านไปนานแล้ว เธอน่าจะลืมมันบ้าง”
“ไม่มีทาง”
ดารินพูดจบก็เดินไป เนตรทรายได้แต่มองตาม
ที่ค่ายมวยไทยแห่งนั้น ในวันถัดมา เห็นโค้ชยืนบนเวที ทําหน้าที่เป็นกรรมการด้วย เนตรทรายยืนดูอยู่ข้างเวที ดารินกับคู่ชกเดินเข้าหากัน คู่ชกมีเครื่องป้องกันให้ดารินชกตามเป้าไม่ถูกตัวเอง แต่ดารินออกหมัดคล่องแคล่วมาก จนคู่ชกของดารินหลบแทบไม่ทัน เนตรทรายยืนตาค้างอยู่ข้างเวที
เสร็จจากค่ายมวย ดารินยังคงฝึกซ้อมฟิตร่างกายหนัก คราวนี้หล่อนมาฝึกต่อสู้แบบทหาร ด้วยวิธีการต่อสู้ในทุกสนามฝึกซ้อมต่างๆ อย่างมุ่งมั่น
หลายวันต่อมา ดารินกลับบ้านแล้วโผเก้ากอดมณีผู้เป็นมารดา มณีหน้าเศร้าไป
“หมู่นี้ทําไมไม่ค่อยกลับบ้าน รู้มั้ยว่าแม่เป็นห่วง”
บุญเกิดผู้มีศักดิ์เป็นอายืนมองอยู่ห่างๆ
“รินต้องตามเจ้านายไปประชุมตามจังหวัดต่างๆ ค่ะแม่ เป็นงานเอกสาร ไม่มีอันตรายอะไรหรอกจ้ะ” หญิงสาวจำต้องโกหกเพื่อให้มารดาสบายใจ
มณียิ้มออก “ดีแล้วละ...แม่อยากให้รินลาออกจากตํารวจ”
ดารินรีบปฏิเสธ “อย่าเลยค่ะ รินอยากทํางานที่พ่อรัก...แล้วก็ได้ช่วยเหลือคนอื่นด้วย...รินสัญญาค่ะว่ารินจะระวังตัว ให้มากๆ”
อีกมุมหนึ่งในบ้านเวลาต่อมา บุญเกิดถามดารินด้วยความเป็นห่วง
“ครั้งนี้จะตามนายไปถึงที่ไหนอีกล่ะ...ริน...”
“ชายฝั่งตรงข้ามเกาะมุกค่ะอา”
บุญเกิดตกใจ “อันตรายนะริน”
“ถ้ารินอยากฆ่าเสือ รินก็ต้องเข้าถ้ำเสือ รินไม่กลัวหรอก ค่ะ...รินเชื่อว่าวิญญาณของพ่อคอยคุ้มครองรินอยู่”
เช้าวันต่อมา ทุกคนอยู่ในเรือยอร์ชแล้ว ธงทําหน้าที่ขับเรือ คํารณ คงคาและหยาดฟ้านั่งคุยกัน พลางจิบวิสกี้ พันกับศร ยืนถืออาวุธคุมอยู่หัวเรือกับท้ายเรือ
คำรณเอ่ยขึ้น “ได้เห็นเกาะมุกครั้งนี้ ผมคงพอจะรู้ละครับว่าจะช่วยงานอะไรพ่อกับหยาดได้บ้าง”
“ดีแล้วคํารณ...เกาะมุกต้องเป็นของเรา”
“จะซื้อได้สักกี่แปลงก็ไม่รู้ บางทีคนเรามันก็ไม่ได้อยาก ได้เงิน”
คํารณสวนออกมา “คนโง่สิ ถึงไม่อยากได้เงิน”
“ไม่ได้โง่อย่างเดียวนะ มันหยิ่งด้วย” หยาดฟ้าว่า
“กลัวอะไร...เราไม่ได้ซื้อมันด้วยเงินอย่างเดียว แต่ซื้อมันด้วยไอ้นี่”
คงคาหยิบปืนออกมา “มันไม่เอาเงิน ก็เอาลูกปืนให้มัน” คำรณว่า
คงคาหัวเราะชอบอกชอบใจ หยาดฟ้าเลยพลอยอารมณ์ดีไปด้วย
“ลูกพ่อหัวไวไม่ใช่เล่น แบบนี้สิถึงเป็นพ่อลูกกันได้...ไม่มีอะไรที่มันจะหอมหวานเท่าเงินกับอํานาจอีกแล้วคํารณ”
เรือแล่นทะยานไปในท้องทะเล
ส่วนที่ท่าเรือเกาะมุกยามนั้น บรรยากาศพลุกพล่านผู้คนเดินไปมา ก้องยืนคอยที่ท่าเรือ คอยขนกระเป๋าให้แก่ผู้เดินทาง เฮียม้งขับรถปิคอัพมาจอด แล้วลงจากรถ เดชยืนพิงอยู่ข้างรถสองแถวของตนถามอย่างมีน้ำใจ
“มารับใครเหรอเฮียม้ง”
เฮียม้งด่า “เรื่องของอั๊ว...ลื้ออย่ายุ่ง”
เดชฉุน “อ้าว ถามดีๆ ตามประสาคนอยู่บนเกาะเดียวกัน”
“ไม่มีใครบนเกาะนี้นับญาติกับไอ้พวกเด็กกําพร้าลูกศิษย์วัดอย่างลื้อหรอก”
สิงห์เดินมาทันได้ยินพอดี พูดสวนขึ้น “อ้าว..เฮีย พูดยังงี้ก็สวยสิ”
สิงห์กับเดชยืนอยู่ด้วยกัน เฮียม้งแตะปืนที่เอว เป็นเชิงขู่ ทั้งสองขยับตัวออกห่าง
เรือของคงคาแล่นมาเทียบท่าพอดี
เฮียม้งหันไปเห็นยิ้มออกมา “เสี่ย” รีบเดินไปที่ท่าเรือ
สิงห์กับเดชยืนคุยกัน สิงห์ออกจะหมั่นไส้ไม่หาย
“สังเกตไ อ้เฮียนี่มานานแล้ว ทําเหมือนไม่ใช่คนเกาะมุกคบกับไอ้พวกชายฝั่ง...ทําตัวอวดรํ่าอวดรวย วางอํานาจเหนือคนอื่น”
“บางทีมันอาจเป็ นพวกเดียวกับที่มาแอบขุดสมบัติที่ฐานเจดีย์คืนก่อนก็ได้” เดชว่า
สิงห์พยักหน้าเห็นด้วย
ก้องตรงเข้าไปหากลุ่มของคงคาที่ท่าเรือ
“มีกระเป๋ามั้ยครับท่าน...ผมจะช่วยถือ”
“ขอทานเลยดีมั้ย...ไม่ต้องมาทําเป็นมีน้ำใจหรอกโว้ยน่ารำคาญ หลีกไป” ธงด่า
หยาดฟ้ากระโดดจากเรือมาที่ท่าเรือ แล้วเซ ก้องยื่นมือกางป้องไว้ไม่ให้หยาดฟ้าล้ม หยาดฟ้าเอนตัวไปในอ้อมแขนของก้อง
คํารณเห็นก็ไม่พอใจ “เฮ้ย”
หยาดฟ้าสะบัดอย่างรังเกียจ “สกปรก”
คํารณส่งสายตาให้พัน ธง ศร สั่งสอนก้อง
สามคนย่างเข้าหา ก้องถอยหลังฉาก พันตรงเข้าต่อยก่อน แต่ก้องหลบ ธง ศร พากันเข้ามารุม
สิงห์กับเดชมองจากท่าเรือเห็นเข้าก็วิ่งมา
เฮียม้งบอกเสี่ยคงคาทันที “ไอ้สองตัวนี่ มันพวกเดียวกัน”
“มันไม่เหลือมือลูกน้องผมหรอกเฮีย” คงคาว่า
พวกพัน ธง ศร ต่อสู้กับก้อง สิงห์ และเดช ก้องโมโห พลังเทวดาเริ่มปรากฏ มีพลังมหาศาล เตะต่อยกลุ่มของพันกระเด็นเหมือนมีแรงเป็นช้างสาร เดินหน้าเข้าชน พัน ธง ศรล้มลงไป คํารณชักปืนออกมา คงคารีบห้าม
“อย่า” พูดกับกลุ่มของเดช “หลีกไป ก่อนที่จะไม่มีที่อยู่บนเกาะมุก”
ก้องบ้าพลังแหกปากตะโกนจะวิ่งเข้าไปหา
“อย่า” เดชร้องห้าม ก้องหันมา “หลวงปู่ ไม่ให้มีเรื่อง จําไม่ได้เหรอ”
ก้องได้สติ เริ่มนิ่ง มองดูกลุ่มของคงคา คํารณ หยาดฟ้า และเฮียม้ง เดินไป พัน ธง ศรยังถือปืนเดินถอยหลังพลาง
เตรียมป้องกันตัว
กลุ่มของเดชมองตามอย่างแคลงใจ สิงห์บอก “มันมาทําไมที่นี่...ท่าทางไม่ดี”
“ตามไปสิวะ” เดชบอกกับก้อง “ถ้าเอ็งขืนใช้พลังเทวดาตอนนี้ ข้าว่ายังไม่จําเป็นหรอก หลวงปู่จะเสียใจ”
“ฉันไม่ได้ตั้งใจ แต่มันโมโห พอโมโห มันก็แสดงพลังออกมาเองเลย”
เดชกับสิงห์พยักหน้า สิงห์ ตามพวกมันไปเถอะวะ
บนฝั่งบริเวณหน้าท่าเรือ แลเห็นรถปิกอัพของเฮียม้งแล่นไป คงคานั่งคู่กับม้ง หยาดฟ้ากับคํารณนั่งที่เบาะหลัง ส่วนพัน ธง ศรนั่งที่กระบะหลัง
กลุ่มของเดช สิงห์ ก้อง วิ่งขึ้นมาที่ชายฝั่ง เดชขึ้นนั่งประจําที่คนขับรถสองแถวของตน สิงห์นั่งคู่ไป ส่วนก้อง
นั่งที่ด้านหลัง รถของเดชวิ่งตามไป
เฮียเม้งขับรถไปพลางเล่าเรื่องราวบนเกาะมุกให้ทุกคนฟัง
“บนเกาะนี่คนที่มีอิทธิพลต่อชาวบ้านมีไม่กี่คนหรอกครับเสี่ย ถ้าจัดการไอ้พวกนี้ได้หมด เกาะมุกก็เป็นของเสี่ย
แล้วละครับ”
“ใครบ้างเหรอเฮีย” เสี่ยถาม
“คนแรกก็หลวงปู่ หาญที่วัดเกาะมุกใต้ครับ แต่อย่าเพิ่งไปยุ่งกับท่านเลยครับ เพราะถ้าท่านเป็นอะไรไป คนทั้ง เกาะพร้อมจะตายแทนได้”
คงคา หยาดฟ้า และคํารณหัวเราะร่วนกันอย่างขบขัน คํารณว่า “ท้าทายดีจัง...แล้วคนต่อไปล่ะ”
“ครูใหญ่โรงเรียนเกาะมุกครับ แสบ มันคอย บอกให้คนเกาะมุกหวงแหนที่ดินและทุกสิ่งทุกอย่างบนเกาะมุก”
“ยังงี้ต้องสั่งสอน มันจะได้เลิกวุ่นวาย” คำรณบอกอีก
หยาดฟ้าถามซัก “สองคนเองเหรอ...ที่เป็นตัวปัญหา”
“ยังมีไอ้แก่สนอีกคน ไอ้นี่เป็นคนเก่าแก่ มันพูดอะไรคนก็เชื่อหมด ก่อนจะมีหมอมาประจําที่อนามัย เด็กเกิด
ใหม่ให้มันกวาดยาทั้งนั้น ทุกคนเลยผูกพันกับมันมันพูดอะไร ชาวบ้านก็เชื่อหมด”
เสี่ยคงคาบอก “ฉันอยากรู้จักทั้งสามคน”
หยาดฟ้าฉงน “ทําไมคะเสี่ย”
“ก็ถ้าพวกมันยอมเป็นพวกเรา...เราก็ไม่ต้องเหนื่อยแรง”
“กลัวว่ามันจะโง่แล้วหยิ่ง ไม่สนใจเงิน...พวกเราจะยิ่ง เหนื่อยนะพ่อ” คำรณแย้ง
รถสองแถวรับจ้างของเดชวิ่งตามรถของเม้งไป พัน ธง ศร ซึ่งนั่งอยู่กระบะหลังมองอย่างสงสัย
“ไอ้พวกที่มีเรื่องกับเราตะกี้นี้นี่หว่า” ธงจำได้
“ดี กูจะได้ล้างแค้นมัน” ศรว่า พลางยกปืนขึ้นแล้วยิงใส่รถสองแถวหลายนัด
พวกในรถสองแถวรู้ตัว เดชหักรถหลบ “เอาไงดีวะ”
สิงห์บอก “หลบก่อน”
ศรยังยิงมาอีกหลายนัด กลุ่มของเสี่ยคงคาแปลกใจว่าเกิดอะไรขึ้น
“อะไรวะ”
“มันยิงนกมั้งพ่อ” คำรณแดกดัน
“ผู้คนจะแตกตื่น เราจะทํางานยากขึ้น” เสี่ยว่า
รถของเม้งวิ่งไปทางหนึ่ง แล้วจอด คงคาลงมาถามเสียงเขียว
“ยิงอะไรวะ”
ศรรายงาน “ไอ้พวกที่ท่าเรือสิครับเสี่ย มันตามมา มันคงกะมาเล่นงานพวกเรา ผมไม่ไว้ใจก็เลยจัดการซะก่อน”
เม้งออกมาจากรถพอดี คงคาหันมาถาม “ไอ้พวกที่ท่าเรือ เฮียรู้จักมั้ย”
“ลูกศิษย์วัดของหลวงปู่ หาญที่ผมเพิ่งพูดให้ฟังตะกี้นี้ไง ครับเสี่ย”
คํารณ กับหยาดฟ้าลงมาจากรถ
“มันคงคิดเก็บพวกเรา” หยาดฟ้าบอก
“ถ้าไม่เล่นงานมันก่อน มันก็คงหาทางเล่นงานเรา ผมว่าตามไปจัดการมันดีกว่าพ่อ”
เสี่ยคงคาตาวาว คล้อยตามลูกชาย
รถของเดช จอดอยู่ข้างทาง ถูกยิงจนยางแบนไม่สามารถวิ่งต่อไปได้ ทั้งสามลงมา สีหน้าเจ็บใจ
“เอาไงดีวะ” เดชหารือ
ก้องแค้นบอกว่า “มันไม่มาดีแน่...เจ็บใจนัก รู้งี้ช่วยกันใช้พลังเทวดาจัดการมันที่ท่าเรือซะให้หมดก็ดีแล้ว”
สิงห์ปลอบ “ใจเย็น ไอ้ก้อง”
ขาดคํารถปิกอัพของเม้งก็วิ่งมา พัน ธง ศรจัดการกราดปืนยิงใส่ 3 เทวดา สิงห์ ก้อง เดชรีบหลบไปในป่าหญ้าข้างทาง ก้องโมโหสุดชีวิต กําหมัดแน่น พลังเทวดาเกิดขึ้นทั้งสามคน
ร่างกายของสิงห์มีกระแสไฟกระจายไปทั่วตัว ส่วนเดชก็มีน้ำมันผุดพรายขึ้นเต็มตัวแล้ว
กระสุนปืนกราดยิงมาทางก้อง เดช สิงห์ เดชเอาตัวบังไว้ กระสุนลื่นน้ำมันบนตัวของเดช กระเด็นเลยไปกระแสไฟบนร่างของสิงห์กระทบกับน้ำมันเกิดเป็นประกายไฟ ขณะเดียวกันก้องก็ใช้พลังเทวดา เกิดแผ่นดินสะเทือนขึ้นพร้อมกัน ป่าหญ้าแถวนั้นถูกไฟลุกท่วม พุ่งใส่กลุ่มของพัน ธง ศรและกลุ่มคงคา ต่างกระโดดหนี
“บ้าจริงๆ จู่ๆ ก็มีแผ่นดินไหว” หยาดฟ้ากลับคิดอย่างนี้
คํารณตะโกน “หนีเถอะพ่อ”
คํารณ หยาดฟ้ารีบเข้าไปในรถก่อน คงคากับเม้งกระโดดขึ้นตาม กลุ่มของพัน ธง ศรกระโดดขึ้นกระบะท้าย
รถแล่นไปอย่างเร็ว เดช ก้อง สิงห์โผล่หน้าขึ้นมามอง ดวงตาอาฆาตแค้น
ฟากหลวงปู่หาญลืมตาขึ้นจากสมาธิภายในโบสถ์มหาอุตม์วัดเกาะมุกใต้ รับรู้ว่ามีอะไรเกิดขึ้น และจะมีแขกมาเยือนถึงถิ่นที่
บุญกู้เดินมาหาเทวา ทั้งสองมองบนฟ้า
“พวกเราใช้พลังเทวดา...ต้องเกิดเรื่องบนเกาะนี้แน่...ผมจะไปช่วย”
บุญกู้จับแขนไว้ สั่งเด็ดขาด “หลบก่อน”
รถของเม้งแล่นเข้ามาในวัดพอดี เทวากระโดดหลบไปทางหนึ่ง มองมาจากที่ซ่อน เขาเห็นกลุ่มของคงคาลงมาจากรถทั้งหมด ท่าทางไม่น่าไว้ใจ ทุกคนตรงมาหาบุญกู้
“เสี่ยคงคา มาจากฝั่งโน้น อยากมากราบหลวงปู่ น่ะ...ท่านอยู่ไหนเหรอ”
บุญกู้ตอบเสียงเรียบๆ “ในโบสถ์...แต่ว่าอย่าไปกวนท่านเลยดีกว่า ท่านกําลังนั่งกรรมฐาน...เป็นบาปเปล่าๆ”
หยาดฟ้าปากดีใส่ “หน้าตาเป็นยังไงเหรอไอ้ตัวบาปนี่”
บุญกู้มองหน้าหยาดฟ้า ขณะที่เทวาไม่พอใจที่ได้ยินอย่างนั้น
“ผมเองก็ไม่เคยเห็นหรอกครับ...รู้แต่ว่ามันทําให้คนพูดแบบนี้ตกนรกมาเยอะแล้ว”
พัน ธง ศรขยับปืน แต่คงคาห้ามไว้ “ไม่ต้อง...ไปที่โบสถ์กันเถอะ”
ชายชั่วหญิงเลวทั้งหมดยังเดินไปไม่กี่ก้าว หลวงปู่ก็ปรากฏร่างยืนขวางไว้
“มีธุระอะไรกับอาตมารึ”
ทุกคนยกมือไหว้ หลวงปู่บอก “เจริญพรโยม”
“ผมจะมาหาซื้อที่ดินบนเกาะนี้อยากให้หลวงปู่ ช่วยแนะนําหน่อย...ถ้าได้ที่ผืนงามมา ผมจะทําบุญกับหลวง
ปู่ ไม่อั้นเลยครับ”
“เรื่องนี้ อาตมาขอไม่เกี่ยวข้องด้วย”
คํารณหัวเราะในลําคอ “แน่นะ...พูดอย่างนี้ก็ดีแล้ว พระก็อยู่ส่วนพระ อย่ายุ่งเรื่องของคน...ไม่งั้นเจอดีแน่”
คงคาข่มขู่อยู่ในที “ผมถือว่าหลวงปู่ รับปากผมแล้วนะ...ถ้าผิดสัญญาละก็ผมไม่สนหรอกว่าเป็นคนหรือเป็นพระ เพราะถ้าโดนลูกปืนผมไป ไม่ว่าคนหรือพระก็ตายเหมือนกัน”
เทวาหน้าเครียด จะออกจากที่ซ่อน แต่ระงับไว้ได้ พอเฮียเม้งขับรถออกไปเทวารีบออกมา
“น้าบุญกู้ไม่น่าห้ามผม...เห็นมั้ยว่ามันขู่หลวงปู่”
บุญกู้ปลอบ “ใจเย็นๆ เทวา...ถามหลวงปู่ ดีกว่า”
“ไฟร้อน ถ้าไม่เอามือไปจับมัน มือก็ไม่พอง”
หลวงปู่เทศนาธรรมแล้วเดินกลับไป บุญกู้ยกมือไหว้
“น้าบุญกู้ หลวงปู่ พูดเหมือนกับว่าจะปล่อยให้พวกมันมากว้านซื้อที่ดินบนเกาะนี้ยังงั้นแหละ”
ลูกเทวดาเสียงทองมีท่าทีฮึดฮัดขัดใจ
ไม่นานต่อมา ที่ระเบียงอาคารเรียนหลังหนึ่ง ท่ามกลางบรรยากาศอันร่มรื่นของโรงเรียนเกาะมุก ครูประสิทธิ์เดินคุยมากับคงคา คํารณ หยาดฟ้า มีพัน ธง ศร และเม้งเดินประกบตามหลัง สีหน้าของประสิทธิ์ไม่สู้ดีนัก
“คนเกาะมุกอยู่กันอย่างเรียบง่าย ไม่อยากให้ความเจริญเข้ามาถึงเกาะมุกหรอกครับ”
“ครูไม่น่าคิดแทนคนอื่น ผมอยู่เกาะมุก ผมก็ฝันเห็นความเจริญบนเกาะมุก มีนักท่องเที่ยวเข้ามาเที่ยว เงิน
สะพัด คนอยู่ดีกินดีกันทั้งเกาะ ครูเอาสมองส่วนไหนคิดกันเนี่ย” เม้งสอดขึ้นมา
“เฮียเม้งน่าจะเข้าใจนะ...ถ้าความเจริญมา คนเกาะมุก ก็คิดแต่จะกอบโกยเงินทอง ต่อไปก็คงไม่เอื้อเฟื้อกันเหมือนที่เป็นอยู่” ครูประสิทธิ์แย้ง
คงคาโต้ “ครูน่าจะเข้าใจถึงความเปลี่ยนแปลงของโลกนะครับ ความเจริญมันมาจ่ออยู่หน้าเกาะแล้ว ครูจะขวางมัน ได้ยังไง”
คํารณสอดพยายามโน้มน้าว “ช่วยบอกให้ชาวบ้านขายที่ดินให้เราดีกว่า ต่อไปเศรษฐกิจบนเกาะนี้จะดีขึ้นชนิดหน้ามือเป็นหลังมือเลยละ”
ครูประสิทธิ์มองหน้าทุกคนพยายามข่มความไม่พอใจ “มันต้องขึ้นอยู่กับชาวบ้าน ผมตัดสินใจแทนชาวบ้านไม่ได้หรอกครับ”
หยาดฟ้าออกอาการฉุนเฉียวใส่ “จะเรื่องมากอะไรนักหนา กะอีแค่บอกให้ชาวบ้านสนับสนุนความเจริญบนเกาะ แล้วก็ขายที่ให้เรา”
พัน ธง ศรขยับเข้าใกล้
มนต์กับแสงจันทร์เดินมาพอดี ทั้งสองตรงมา
“มีอะไรเหรอครับครู” มนต์ถาม
“ไม่มีอะไรหรอก...เสี่ยเขามาเยี่ยมโรงเรียนน่ะ”
แสงจันทร์มองหน้าทุกคน ไม่พอใจนัก “แต่เราสองคนยืนมองอยู่ห่างๆ ท่าทางเหมือนครูใหญ่กําลังโดนข่มขู่นะคะ”
ประสิทธิ์ปรามดุ “ครูแสงจันทร์...พูดอะไร”
คงคาหันมาทางครูประสิทธิ์ทันที “ผมไม่ได้ข่มขู่ ผมแค่ขอความร่วมมือ ถ้าครูใหญ่ไม่ให้ความร่วมมือ ก็อย่าคิดและตัดสินใจแทนชาวบ้าน ไม่งั้นครูใหญ่น่ะแหละจะเดือดร้อน...
เสี่ยคงคาเดินนําทุกคนไป
“พวกมันมาทําไม ครูใหญ่” มนต์คาใจมากๆ
เทวานั่งคิด ภาพที่คงคาข่มขู่หลวงปู่ ผุดเข้ามาในความคิด เทวาตัดสินใจตรงไปที่จักรยานซึ่งจอดอยู่
แล้วขี่ออกไป บุญกู้เดินมาพอดีร้องเรียก “ไอ้เทวา...กลับมา”
เทวาขี่รถออกไปไกลลิบแล้ว บุญกู้ได้แต่กังวล สีหน้าเจื่อนไป
ตรงบริเวณสามแยกบนเกาะ มีเสียงของสนดังมาก่อน
“ที่ดินบนเกาะมุกเป็ นของปู่ ย่าตายาย ไม่มีใครคิดขายสมบัติของบรรพบุรุษกินหรอก...กลับไปซะเถอะ”
กลุ่มของคงคาอยู่กันพร้อมหน้า คํารณ พัน ธง ศร หน้าตาขุ่นเคือง เห็นเม้งกระซิบกับคงคา มีหยาดฟ้าอยู่ใกล้ๆ
“ไอ้คนนี้แหละครับ ที่ชื่อสน
คงคาพยักหน้า “ที่ดินที่ฉันต้องการซื้อก็ไม่ใช่ของแก ทําไมต้องยุ่งด้วยวะ”
หยาดฟ้าปากดีตามเคย “ถ้าแก่แล้วยังไม่รู้เรื่องก็ช่วยสั่งสอนมันหน่อย จะได้รู้ว่าไม่ควรยุ่งเรื่องของคนอื่น”
สนโต้ “ไม่ใช่คนอื่น คนเกาะมุกเป็นพ่อแม่พี่น้องกัน เป็นญาติกันทั้งนั้น คนนอกเกาะมุกไม่มีวันเข้าใจ”
เม้งมองหน้าสน “อั๊วไม่เคยนับญาติกับลื้อ”
คํารณ พัน ธง ศร หัวเราะที่เม้งฉีกหน้าสน
“ถ้าไม่ใช่ญาติก็ไม่ต้องเกรงใจใช่มั้ยเฮีย...เฮ้ย...ช่วยจัดการตามที่คุณหยาดขอร้องหน่อยสิวะ”
ขาดคํา พัน ธง ศร ตรงเข้าไปที่สนอย่างมุ่งร้าย สนถอยหลังกรูด ชาวบ้านเริ่มถอย สนถูกรุมจนล้มลงไป ชาวบ้านเริ่มทนไม่ได้ กรูกันมาช่วย แต่คงคายิงปืนขึ้นฟ้า เปรี้ยง! ทุกคนถอยกรูดไป
สนถูกรุมจนมีสภาพสะบักสะบอมเลือดกบปาก โงหัวขึ้นแล้วฟุบลงไป
เทวาขี่รถจักรยานมาพอดี เบรกกะทันหันเมื่อได้ยินเสียงปืน
พัน ธง ศรตรงเข้าไปจัดการ เทวาเพ่งไปที่กลุ่มชาวบ้าน เกิดกระแสลมปั่นป่วนขึ้นในทันที ท้องฟ้ามืดครึ้ม
หยาดฟ้าบ่นบ้าอีก “ลมฟ้าอากาศบนเกาะนี้มันเป็นอะไรนะ”
เม้งตะโกนแข่งกับลม “แต่ก่อนก็ไม่เป็นแบบนี้ครับ”
“ยังไงก็ขอสักนัดเถอะครับ มันมืดเหลือเกิน”
พันเล็งปืนไปที่สน ชาวบ้านวิ่งหนี แข่งกับลมพายุที่ปั่นป่วน
เทวามองไป บันดาลลมพัดอย่างรุนแรงกระชากปืนให้ลอยหลุดมือไป ทุกคนตะลึง
คำรณเห็นท่าไม่ดีรีบบอก “พ่อ...กลับเถอะ”
ทุกคนพากันวิ่งขึ้นรถ เช่นเดียวกับกลุ่มชาวบ้านที่วิ่งหนีไปก่อนหน้านี้แล้ว รถของเม้งวิ่งไป
เทวาออกมาประคองสนขึ้น “ลุงสน..ลุงสน”
สนฟุบลงไป จักรยานยนต์ของมนต์มาถึงมีแสงจันทร์ซ้อนท้ายมาด้วย
แสงจันทร์ พ่อ...พ่อ...พ่อจ๋า...
แสงจันทร์กอดพ่อไว้ ร้องไห้ เทวาหันมาทางมนต์ มนต์รีบตรงมาหา
เทวาบอก “มนต์ เราจําเป็น ไม่งั้นลุงสนตายแน่”
มนต์บอก “รีบหารถไปส่งที่อนามัยเถอะ”
ต่อจากนั้นไม่นาน ลุงสนบาดเจ็บมีผ้าห้อยที่แขนอยู่ ตามตัวมีรอยแผล มีผ้าพันแผลอยู่ หมอนทีกับแสงดาวนั่งอยู่ข้างๆ โดยที่มุมหนึ่ง ประสิทธิ์พูดกับชาวบ้าน มีมนต์กับแสงจันทร์อยู่ด้วย
ครูประสิทธิ์ประกาศก้อง “การที่พวกมันกล้าข่มขู่พวกเราแล้วทําร้ายลุงสน มันเป็นสัญญาณถึงความรุนแรงแล้วนะพี่น้อง..ต่อไปนี้พวกมันก็คงมารุกรานเราอีกนับครั้งไม่ถ้วน พ่อแม่พี่น้องต้องอย่ากลัวมัน...อย่าขายที่ให้มัน...ไม่งั้นพวก เราจะไม่มีที่อยู่ ที่ดินทํากิน...ที่จะซุกหัวนอนก็ไม่มี
1 ในชาวบ้านถาม “พวกมันเป็นใครหรือลุงสน”
“ข้าก็ไม่รู้ รู้แต่ว่าไอ้เฮีย เม้งมันพามา เห็นว่ามันมาจากชายฝั่งฟากโน้น” สนบอก
“ลุงน่าจะแจ้งความ” นทีว่า
แสงดาวเห็นด้วย “นั่นสิพ่อ...จะได้เอามันเข้าคุก”
“คุกที่ไหนล่ะ เกาะมุกไม่มีกระทั่งโรงพัก...แล้วคิดเหรอว่าที่ชายฝั่งจะเอามันเข้าคุกได้”
แสงจันทร์แย้ง “แต่บ้านเมืองมีขื่อมีแปนะพ่อ”
“ท่าทางมันไม่เกรงกลัวกฎหมายเลย พ่อไม่แน่ใจหรอกว่ากฎหมายจะเอาผิดกับมันได้หรือเปล่า”
ลุงสนว่าหน้าตาแกเครียดจัด
อ่านต่อหน้า 2
พายุเทวดา ตอนที่ 2 (ต่อ)
มนต์ยืนคุยกับเทวาอยู่มุมหนึ่ง
“สงสัยว่าเรื่องราวมันจะไปกันใหญ่”
“ใช่ ถ้าฟังไอ้เดช ไอ้ก้อง ไอ้สิงห์ มันคุยให้ฟังด้วยนะ ฉันแน่ใจเลยว่าพวกมันเล่นเราหนัก เกาะมุกจะต้องกลาย
เป็นแดนเถื่อนเหมือนในอดีตอีกแน่”
ในเวลาเดียวกันนั้นเอง ดารินบอกกับบุญเกิดอย่างมุ่งมั่นจริงจัง
“รินไม่ยอมให้เกาะมุกกลายเป็นแดนเถื่อนได้หรอกค่ะอา พ่อเคยล้างความชั่วบนเกาะมุกมาครั้งหนึ่งแล้ว แต่ไม่ สําเร็จ รินก็ขออาสาดวงวิญญาณของพ่อทํางานต่อจากพ่อให้สําเร็จ”
บุญเกิด ริน...งานอะไรที่มันใหญ่เกินตัวเรา...เราอย่ารับมาเป็ น
ภาระเลย...มันไม่คุ้มกัน...
ดาริน งานปราบปรามเหล่าอธรรม ไม่มีคําว่าใหญ่หรอกค่ะ เพราะมันไม่มีทางใหญ่เกินกว่าหัวใจของเราได้...อย่างดี ก็แค่ตาย”
มณีได้ยินตอนท้ายๆ ส่งเสียงดังมาก่อน “อะไรเลยลูก...ใครตาย ใครเป็นอะไร”
“ไม่มีอะไรหรอกค่ะแม่...รินแค่ขี้เกียจตามนายไปเปิดงานที่ต่างจังหวัดน่ะค่ะ นั่งรถกันทีเกือบตาย”
มณียิ้มบางๆ เนตรทรายเข้ามาพอดี บุญเกิดเห็นก่อน “หนูเนตร”
เนตรไหว้บุญเกิด แล้วไปไหว้ที่อกมณี
มณี หนูเนตรทรายหรือจ๊ะ...
เนตรทราย ค่ะ คุณแม่...รินให้เนตรมาอยู่เป็นเพื่อนคุณแม่ค่ะ...
มณี ทําไมล่ะริน...
“ก็รินเป็นห่วงแม่ไงคะ...อย่างน้อยตอนแม่เข้าห้องน้ำเวลากลางคืน แม่จะได้ไม่ลําบาก...ให้เนตรคอยช่วย
นะคะ”
เนตรทรายส่งสายตากับดาริน เข้าใจกัน
“เนตรไม่มีแม่ค่ะ ได้อยู่ใกล้ๆ คุณแม่ของริน ก็เหมือนได้อยู่กับแม่ของเนตร...ให้เนตรอยู่กับคุณแม่ด้วยคนนะคะ”
เนตรทรายกอดแม่มณีเอาใจ ส่งสายตามายังดารินและบุญเกิด
บุญเกิดพยักหน้าให้ดาริน เป็นทํานองว่าอนุญาตให้ไป
ตกตอนกลางคืน บุญกู้แอบดูกลุ่มเด็กหนุ่มทั้ง 3 คุยกันอยู่ โดยมีมนต์เอ่ยขึ้นก่อน
“พี่ฤทธิ์ต้องระวังตัวนะ พวกมันอยู่ที่ชายฝั่งด้วย พี่ฤทธิ์ทํางานที่นั่นด้วย”
ฤทธิ์มองหน้าน้องๆ “มีใครไปหาเรื่องเขาก่อนหรือเปล่า”
ก้องบอก “ไม่นะพี่ฤทธิ์...ผมแค่จะช่วยผู้หญิงคนหนึ่งที่เขาจะล้มตอนลงจากเรือ เขาก็ให้ลูกน้องมารุมผมเลย นี่ถ้าไม่ได้สิงห์กับเดชช่วยไว้ละก็ ผมคงแย่”
สิงห์เสริม “พวกมันยังตามเอาปืนมายิงเรา กะให้เราตาย นี่ถ้าไม่มีพลังเทวดาช่วยนะพี่ พวกเราคงตายไปหมดแล้ว”
“มันมาข่มขู่ซื้อที่ดินบนเกาะเรา...มันซ้อมลุงสนปางตาย” มนต์ว่า
เทวาเห็นฤทธิ์ฟังเฉย ไม่อนาทรร้อนใจจึงแทรกขึ้น
“พวกเราก็แค่เตือนพี่...ถ้าพี่ไม่เชื่อก็ตามใจ”
ฤทธิ์หัวเราะในลําคอ “ห่วงตัวเองเถอะเทวา เห็นว่าจะไปแข่งร้องเพลงที่งานวัดคืนพรุ่งนี้ด้วยไม่ใช่เหรอ”
“ไม่ต้องห่วงพี่ฤทธิ์ พวกเราไปเชียร์เทวากันหมด มีคนที่เกาะมุกเหมาเรือไปด้วย...ถ้าเกิดอะไรขึ้นก็พวกเยอะ” เดชบอก
ฤทธิ์ยิ้มบอก “งั้นพรุ่งนี้พี่จะไปเชียร์เทวาด้วย...แล้วค่อยกลับเกาะมุกพร้อมกัน”
ทุกคนยิ้มแย้มให้กัน เทวายื่นมือให้ฤทธิ์จับ ฤทธิ์จับมือกับเทวา ทุกคนยิ้มดีใจ
“พี่ฤทธิ์ไปเชียร์ด้วย...ผมต้องชนะแน่ๆ” เทวาดีใจสุดๆ
คืนวันงานที่เทวารอคอยมาถึง บรรยากาศในวัดใต้เต็มไปด้วยความรื่นเริง แสงไฟสว่างไสว เห็นเครื่องเล่นหลายชนิด ทั้ง ชิงช้าสวรรค์ ยิงปืนปาเป้า สาวน้อยตกน้ำ ม้าหมุน แม่ค้าพ่อค้าขายของกันคึกคัก มีคนเดินเที่ยวชมงานกันเป็นจํานวนมาก
บริเวณกลางลานวัดเป็นที่ตั้งของวงดนตรีรําวงย้อนยุค โดยมีพิธีกรกําลังยืนประกาศอยู่บนเวที
“นักร้องประกวดของเราคนต่อไปมาจากเกาะมุก...ฝั่งตรงข้ามกับวัดเรานี่แหละครับ...เอ้า ปรบมือต้อนรับหนุ่มน้อยนามว่าเทวาจากเกาะมุกหน่อยคร้าบ”
เสียงปรบมือดังกราว กลุ่มชาวเกาะมุกยืนปะปนกับคนอื่นๆ อยู่หน้าเวที
เทวาก้าวออกมามาดอย่างหล่อ ดนตรีทําเพลง พอเทวาเริ่มร้องเพลง ก็มีคนออกไปโค้งกัน สาวรําวงเริ่มร่ายรํา
ดารินปลอมตัวเป็นสาวรําวง แต่งหน้าจัด นุ่งสั้นตามแบบของสาวรําวงย้อนยุค
คํารณมาเที่ยวงานนี้ มีลูกน้องทั้งสามตามมาด้วย คำรณนั้นมองมาที่ดารินเป็นตาเดียว สักครู่หนึ่งคํารณซื้อบัตรขึ้นไปรําวงกับดาริน ธงกับพันขึ้นมาเต้นใกล้ๆ คํารณ เพื่อเป็นการคุ้มกันให้ด้วย
พิธีกรดันพูดแทรกขึ้นระหว่างที่เทวากําลังร้องเพลงอยู่
“โอ้โฮวันนี้ดารารําวงคนใหม่ของเราเป็นดาวเด่น มีคนโค้งรําวงด้วยทุกเพลงเลย”
เทวาร้องเพลงไป อดมองมาทางดารินไม่ได้ เทวามองเลยไปที่คํารณ ภาพเหตุการณ์ที่เจอในวัดเมื่อบ่ายวันก่อนผุดขึ้นมา เทวามองจ้องคํารณ ธงและพัน จําได้ทันที
พอเทวามองมาที่ด้านล่าง เห็นศรยืนอยู่ไม่ห่างจากแสงจันทร์นัก
อีกมุมหนึ่ง หยาดฟ้ามากับหวานใจ ทั้งหมดมองขึ้นมาบนเวที เห็นคํารณเต้นรํากับดาริน ด้วยสีหน้ามีความสุข
หวานใจมองอย่างหมั่นไส้ “นี่มันจะรู้มั้ยว่าคุณคํารณเป็นใคร...เสร็จงานแล้วขอหวานดักตบมันสักที จะได้หายคันมือ”
“ไม่มีใครเขามัดมือแกไว้นี่นังหวาน” หยาดฟ้าว่า
หวานใจกับหยาดฟ้ามองไปที่คํารณ เทวาเห็นทุกอย่างเริ่มไม่สบายใจ
แสงจันทร์ แสงดาว และหมอนทียืนเชียร์เทวาอยู่ นทีแอบชําเลืองมองแสงดาวด้วยความน้อยใจ กลุ่มของฤทธิ์ มนต์ เดช ก้อง และสิงห์อยู่บริเวณนั้นด้วย หยาดฟ้ามองไปหล่อนจําฤทธิ์ได้ จึงส่งยิ้มให้ฤทธิ์ เห็นฤทธิ์เก้อๆ ยิ้มตอบ
จังหวะหนึ่งศรแกล้งเป็นโดนเบียดเอาตัวเข้าใกล้แสงจันทร์มากที่สุด ก่อนจะหันไปถามแสงจันทร์
“สนุกมั้ยจ๊ะน้องสาว”
แสงจันทร์ไม่ตอบ เขยิบหนี ศรแกล้งเต้นตามจังหวะบนเวที พยายามโอบกอดแสงจันทร์
นทีเห็นก็ไม่พอใจ “ขอโทษครับ...อย่ารังแกผู้หญิง”
“ยุ่งอะไรด้วยวะ”
ศรยัวะ หันมาต่อยหน้านทีล้มลงไป แสงดาวเห็นนทีเสียท่าก็เข้าช่วย ทั้งเตะทั้งถีบศร คนดูเริ่มแตกตื่น ศรโมโห ตบหน้าแสงดาวล้มควํ่าไป
ก้องกระชากตัวศรมาแล้วต่อยศรล้มควํ่าไปไม่เป็นท่า
พันกับธงหันมาเห็นกระโดดลงมาจากเวทีทันที กลุ่มของมนต์ ฤทธิ์ สิงห์ ก้อง เดช ชกต่อยกับพัน ธง ศร เป็นที่ชุลมุน แสงดาวพาแสงจันทร์หลบออกไป นทีตามไปด้วย
เทวากระโดดลงไปร่วมวงช่วยเหลือพี่น้อง คํารณเห็นท่าไม่ดีชักปืนยิงขึ้นฟ้า เปรี้ยง!
ดารินมองไปทุกที่อย่างระแวง นางรําหายเข้าไปหลังเวทีกันหมด
กลุ่มของฤทธิ์หนีไปทางชายหาด คํารณสั่งสมุน
“เฮ้ย...พวกเอ็งตามไป มันคงหนีไปพ้นหรอก”
ทุกคนวิ่งไป หน้าเวทีเหลือคนไม่มาก
กลุ่มของคํารณวิ่งตามไป ต่างมีปืนอยู่ในมือกันทุกคน
หวานใจถามเจ้านาย “เอาไงดีคะคุณหยาด”
“กลับบ้านไปบอกเสี่ย”
“ค่ะๆๆ”
สองนายบ่าวเดินแกมวิ่งไปทางรถลับตัวไป
ดารินแอบมองเหตุการณ์อยู่ข้างเวทีพึมพำออกมา
“นี่มันแดนเถื่อนชัดๆ เลย”
กลุ่มของเทวาวิ่งหนีมาทางชายหาด มีพัน ธง ศรและคํารณวิ่งตาม ทั้งสี่คนยิงปืนใส่ไม่ยั้ง
ฤทธิ์ตัดสินใจร้องบอกน้องๆ “เฮ้ย ใช้พลังเทวดาเถอะ ไม่งั้นเป็นศพเฝ้าหาดแน่”
ทั้งหกคนประสานพลังกัน คลื่นในน้ำทะเลปั่นป่วน คลื่นม้วนขึ้นสูง แสงประกายไฟจากตัวสิงห์วิ่งไล่ไปตามลําตัว
ร่างกายของเดช มีน้ำมันและกายเป็นสีทองแดง ส่วนเทวาเรียกลมมา
ฤทธิ์แบมือทั้งสองข้างทําให้สายฟ้าปั่นป่วน
เทวาเรียกลมพายุให้พัดมาดังสลาตัน กลุ่มของคำรณวิ่งมา เห็นเหตุการณ์ประหลาดเริ่มตกใจ
ก้องกระทืบเท้าลงบนพื้นทราย แผ่นดินสะเทือนกึกก้อง
“คุณคํารณ มันชักยังไงแล้วนะครับ” ศรว่า
คํารณไม่เชื่อ “มีปืน กลัวอะไรวะ ยิงมันเลยสิ”
ทั้งหมดสาดปืนยิงเข้าใส่กลุ่มของเทวาไม่เลี้ยง จังหวะนี้มนต์หลับตา เมฆสีดําปกคลุมกลุ่มเทวดา จนกลุ่มของพันมองไม่เห็น
เมื่อเมฆหายไป ศร พัน ธง และคํารณก็งุนงง เทวากระโดดลอยตัวแล้วออกอาวุธเร็ว กระโจนเหยียบหัวเหยียบไหล่คนอื่น คนอื่นๆ จัดการต่อสู้กับคํารณ และพวก
พัน ธง และศรกระเด็นออกมาหาสิงห์ เดชและก้อง ทั้งหมดพันตูกัน กลุ่มของพันสู้ไม่ได้บาดเจ็บไปตามๆ กัน
มนต์บอก “พอแล้ว กลับเถอะ เดี๋ยวหลวงปู่ รู้เข้า”
ฤทธิ์ยืนมองเทวาเริ่มยอมรับว่ามีฝีมือมากกว่าที่ตนคิด
กลุ่มของเทวา มนต์ สิงห์ เดช ก้องวิ่งไป ฤทธิ์วิ่งตามไปติดๆ
มนต์หันมา แล้วบันดาลให้ควันดําปกคลุมจนกลุ่มของพันมองไม่เห็นพวกตน
ดารินหลบออกมาจากวัดมองอยู่ที่มุมหนึ่งตรงท่าเรือริมชายหาด เห็นนที แสงดาว แสงจันทร์รอคอยทุกคนด้วยความกังวลใจ
แสงจันทร์บ่น “ไม่น่ามีเรื่องเลย...แล้วนี่ถ้าพวกเทวาเป็นอะไรไป จะทํายังไง”
แสงดาวหมั่นไส้ “จะเป็นอะไร ตายก็ทําศพ เจ็บก็รักษา”
“แสงดาว พูดอะไรไม่ดีเลย”
แสงดาวเถียง “ไม่จริงหรือไง ถามหมอดูสิ ถ้าเจ็บหรือตายจะต้องทํา ยังไง”
หมอนทีห้ามทัพ “ไม่เอาน่าคุณแสงดาว ไม่ใช่เวลาพูดเล่นกันนะ”
ดารินตัดสินใจเดินลงมาที่ชายหาด แสงจันทร์จําได้
“คุณเป็นนักเต้นบนเวทีตะกี้นี้”
ดารินแกล้งบ่นบ้าอย่างสมบทบาท “ใช่..ซวยเป็นบ้าเลย...อุตส่าห์มาสมัครเป็นสาวรําวงวันแรก...ก็เจอดีเข้าแล้ว...ซวยๆๆๆ ซวยที่สุด”
“งานวัดก็ยังงี้แหละ...มีเรื่องกันประจํา...แล้วนี่จะไปไหน”
“ยังไม่รู้เลย”
แสงจันทร์บอกด้วยความเป็นห่วง “กลับบ้านเถอะ ดึกดื่นยังงี้อันตราย”
“บ้านอยู่ทีไหนล่ะครับ” นทีถามอย่างมีน้ำใจ
“ไม่มีบ้าน ไปมันเรื่อยๆ ว่าแต่พวกคุณเถอะจะไปไหนกันเหรอ” ดารินถาม
แสงจันทร์บอก “เกาะมุก”
ดารินตื่นเต้นไม่เก็บอาการ “พวกคุณมาจากเกาะมุกกันเหรอ...แล้วจะไปยังไง ดึกยังงี้มีเรือเหรอ”
“พ่อบอกว่าจะมารับ” แสงจันทร์ว่า
แสงดาวบอกสองคน “รีบไปเถอะ คนเขายิ่งมีเรื่องกันอยู่ เดี๋ยวจะโดนหางเลขไปด้วย...ไปสิ...ยังจะยืนอยู่อีก”
ดารินยิ้มบางๆ แล้วหันหลังกลับ...
ที่เรือนคนใช้บ้านเสี่ยคงคาเวลานั้น พร้อมใช้ยาแต้มแผลให้พันผู้เป็นลูกชายร้องโอดโอย
“โอ๊ย...จะฆ่าฉันเหรอแม่”
“แม่น่ะฆ่าเอ็งไม่ได้หรอก แต่ถ้าเอ็งไปเกเรแบบนี้คนอื่นเขาจะฆ่าเอ็ง ไอ้พัน”
พันหน้าเสียไป “แม่...ฉันต้องดูแลคุณคํารณนี่”
พร้อมถอนใจละมือจากพัน “พัน ไปบวชมั้ยลูก ลูกจะได้ไม่ต้องวุ่นวายกับพวกเขา”
“นึกยังไงจะให้ฉันไปบวช” พันแปลกใจ
“เป็นทางเดียวนะที่ลูกจะหนีจากพวกอันธพาล...เชื่อแม่เถอะลูก”
“แล้วทําไมแม่ยังอยู่ที่นี่ ทําไมแม่ไม่ยอมไป”
“แม่สงสารคุณผู้หญิง...ท่านเป็นคนดี แล้วก็มีบุญคุณกับเราถ้าไม่มีคุณผู้หญิง เราสองคนก็คงอดตายกันไปแล้ว”
“ขอฉันคิดดูก่อนนะแม่” พันบอก
เช้าวันต่อมา พวกคนชั่วทั้งหมดสุมหัวคุยกันอยู่ในห้องโถงคฤหาสน์ เสี่ยคงคาฟังจบแล้วเอ่ยขึ้น
“ถ้าเป็นอย่างที่พวกแกเล่ามา...ไอ้พวกนี้น่าจะเป็นพวกเดียวกับที่เคยสู้กับพวกเอ็งที่ท่าเรือเกาะมุก”
“ใช่ๆ ผมจํามันได้ครับเสี่ย” ศรบอก
คํารณก็มั่นใจ “ไม่ผิดแน่ครับ...เราจะทํายังไงดี เอาระเบิดไปขว้างมันให้ตายหมดเลยดีมั้ยครับ”
คงคายกมือห้าม “ถ้ามันมีพลังเหนือมนุษย์ อาวุธก็ทําอะไรมันไม่ได้หรอก จําไม่ได้เหรอที่ไอ้โชติ โจรสลัดมันเล่าวันก่อน..อาวุธสงครามยังทําอะไรมันไม่ได้เลย”
ทุกคนหน้าเสียไปทั้งแถบ หยาดฟ้าหงุดหงิด “แต่เราจะยอมมันไม่ได้นะเสี่ย”
“เรื่องนี้ฉันรู้...ขืนปล่อยไว้มันจะเป็นอุปสรรคต่องานของเราแน่...เราต้องสลายพลังของพวกมัน”
“จะทํายังไงล่ะพ่อ”
“ต้องหาทางรู้จักมัน แล้วก็เอามันมาเป็นพวก คิดดูสิวะได้มันมาสักสองคน เลี้ยงมันด้วยเงินและของดีๆ มีหรือ
ที่มันจะไม่สนใจ แค่สองคนก็ทําให้เรายิ่งใหญ่ได้”
หยาดฟ้ายิ้มร้าย นึกถึงหน้าฤทธิ์ขึ้นมา ทั้งตอนเจอกันที่อู่ซ่อมรถ กับที่หน้าเวทีรําวงเมื่อคืนนี้
“หยาดช่วยเสี่ยได้ค่ะ”
หยาดฟ้าดำเนินแผนการ พาตัวเองมาที่อู่รถของชัยทันที และกำลังลงจากรถเดินมา แสงสะกิดให้ชัยดูบุ้ยใบ้ไปทางหนึ่ง
“เฮียครับ”
ชัยเดินไปหาหยาดฟ้า “รถเป็นอะไรเหรอครับ”
“เปล่า...แต่มีเรื่องให้เฮียชัยช่วยหน่อย”
“บอกมาเลยครับ คุณหยาดฟ้า”
ฝ่ายหลวงปู่หาญนั่งอยู่ตรงหน้าทุกคนภายในโบสถ์ บุญกู้คอยรับใช้อยู่ใกล้ๆ
“เมื่อขัดคําสั่งใช้พลังเทวดาโดยไม่จําเป็น...พวกเจ้าก็ต้องถูกลงโทษ”
“มันไม่ยุติธรรมครับหลวงปู่ ผมช่วยเหลือน้องๆ ไม่ให้ถูกพวกมันฆ่าตาย...หลวงปู่ ยังคิดจะลงโทษพวกเราอีก
เหรอครับ” ฤทธิ์บอก ท่าทีไม่พอใจนัก
“ใช่...ถ้าพวกเจ้าไม่ปฏิบัติสมาธิ...พวกเจ้าก็จะหมดพลังไปเรื่อยๆ และพวกเจ้าก็จะไม่มีวันเอาชนะใครได้อีก”
กลุ่มเทวดามองหน้ากัน ฤทธิ์เถียงอีกประชดอยู่ในที
“แต่พวกเราต้องทํางาน...ไอ้เทวาไม่ได้ทํางานก็ให้มันรับโทษแทนเราสิครับ”
หลวงปู่ยิ้มบางๆ “เจ้าไม่ว่าปู่ ไม่ยุติธรรมนะฤทธิ์”
“ไม่ว่าหรอก...หลวงปู่ อยากทําอะไรก็ทําเถอะครับ...แต่ผมน่ะต้องรีบไปทํางาน”
“ถ้างั้นเทวาก็ฝึกสมาธิกับปู่..ใครกินข้าว คนนั้นก็อิ่ม ใครไม่กินก็หิวต่อไป นั่งสมาธิก็เหมือนกินข้าว...ทําแทนกันไม่ได้”
ฤทธิ์จ้องหน้าเทวา ด้วยสายตาไม่พอใจ “ในที่สุดหลวงปู่ ก็ยอมรับแล้วว่าแอบสอนวิชาให้ไอ้เทวา”
ทุกคนมองหน้าฤทธิ์เขม็ง ฤทธิ์มองตอบตาขวางๆ
หยาดฟ้ารอที่อู่นานแล้ว แต่ฤทธิ์ไม่มาสักที จึงหันไปบอกกับชัย
“ถ้าเขามา ช่วยโทร.บอกฉันด้วย...อย่าลืมล่ะ”
“ครับ คุณหยาดฟ้า...แต่ผมสงสัยว่าไอ้ฤทธิ์มันทําอะไรให้คุณหยาดไม่พอใจหรือครับ”
“เฮียชัย ไม่จําเป็นต้องรู้หรอก นี่มันเรื่องส่วนตัวของฉัน”
เวลาเดียวกัน ภายในโบสถ์มหาอุตม์ หลวงปู่หาญนั่งอยู่ตรงหน้าสองคน เบื้องหลังหลวงปู่ คือพระประธานพระพักตร์งามสง่า เทวากับฤทธิ์นั่งสมาธิกันอยู่ ท่าทางสงบ
“ตั้งใจนะ...วันนี้ปู่ จะประจุพลังธาตุทั้งสี่ให้แก่เจ้าทั้งสองคน...แล้ววันหน้าจะประจุพลังแบบนี้ให้แก่ทุกคนต่อไป”
ฤทธิ์ลืมตาขึ้นมองหน้าหลวงปู่ ระบายยิ้มมุมปากอย่างพอใจ
ด้านสนอยู่ที่บ้าน อาการดีขึ้นมากแล้ว ค่อยๆ ขยับลุกขึ้นนั่ง แสงดาวส่งยาให้พ่อ
“กินซะ หมอนทีบอกว่าให้กินจนหมด”
“ข้าหายแล้ว...ข้าไม่กินหรอก”
แสงดาวบ่น “ลุกก็โอย นั่งก็โอย ยังจะบอกว่าหายอีก...ถ้าหาย ฉันสองคนก็คงไม่ต้องลางานมาดูแลพ่อหรอก”
“ว่าแต่เอ็งสองคนเถอะ เมื่อคืนเป็นอะไรหรือเปล่า เป็นเพราะไอ้เทวาคนเดียว ถึงได้เจ็บตัวกันยังงี้”
แสงจันทร์โต้ “เทวาไม่ได้เป็นคนก่อเรื่องนะพ่อ...พวกมันหาเรื่องก่อน”
ลุงสนพาล “ถ้ามันไม่อุตริไปร้องเพลง พวกเอ็งก็ไม่ต้องไปที่งานมันก็ไม่มีเรื่อง...เอ็งน่ะโตแล้ว น่าจะรู้ว่าคนอย่างไอ้เทวา มันก็เหมือนไม้หลักปักขี้เลน ปักยังไงมันก็ไม่ตั้งตรงหรอกโว้ย คนดีๆ อย่างครูมนต์ ทําไมเอ็งไม่สนใจ”
แสงดาวนิ่งเงียบ แอบดีใจที่พ่อพูดอย่างนี้
“ถ้าพ่อพูดเรื่องนี้อีก ฉันจะไม่พูดกับพ่อ” แสงจันทร์ฉุน
สนโมโห “อ้าว นังแสงจันทร์...ทําไมพูดยังงี้วะ”
แสงจันทร์เดินออกไปเลย แสงดาวกระเถิบเข้าหาสน
“ฉันเห็นด้วยกับพ่อทุกอย่าง เรามาร่วมมือกันมั้ยพ่อ”
สนงง “ร่วมมืออะไรวะ”
แสงดาวเหลียวซ้ายแลขวาก่อนบอก “ก็ร่วมมือทําให้พี่มนต์กับพี่แสงจันทร์ลงเอยกันน่ะสิ”
สนยิ้มออกมาได้ “เออ...เอาสิวะ...นังแสงดาว”
แสงดาวยิ้มสมใจที่พ่อยอมทําตามข้อเสนอของตน
ฟากหลวงปู่หาญนั่งสมาธิอยู่เบื้องหน้าของทั้งสองคนในโบสถ์ มองหน้าฤทธิ์ สลับกับมองหน้าเทวา สองสามครั้ง ก่อนที่หลวงปู่จะนิ่งสงบ
ในห้วงสมาธินั้น ฤทธิ์ก้าวลุยน้ำ พบว่าน้ำเดือดจัด ฤทธิ์ค่อยๆ ย่าง เพราะน้ำเดือดรุนแรงมาก
“โอย ทําไมน้ำมันร้อนอย่างนี้ล่ะหลวงปู่” ฤทธิ์โวยลั่น
ส่วนเทวาลุยน้ำอยู่เช่นกัน น้ำเดือดปุดๆ แต่เทวาอดทน
ฤทธิ์หลุดจากน้ำเดือดมาได้ ก็มาถึงที่โล่งกว้าง ฤทธิ์เดินเหลียวมองไปรอบๆ ฟ้ามืด แล้วในที่สุดก็อยู่ท่ามกลาง
ความมืดสนิท หนาวจนฤทธิ์ต้องห่อตัว ลมหนาวพัดมาพร้อมกับลมแรงเหมือนมีพายุจัด
“หนาว..หนาวเหลือเกิน”
ฤทธิ์เดินบ่นมาเจอเทวา เห็นเทวายืนห่อตัวด้วยความหนาวเช่นกัน
ฤทธิ์บ่นอีก “หลวงปู่ กําลังจะฆ่าเราเหรอวะ”
“หลวงปู่ ประจุธาตุให้เรา ดิน น้ำ ลม ไฟ เราต้องผ่านให้ได้นะพี่ฤทธิ์” เทวาบอก
ลมหนาวกรรโชกรุนแรง ฤทธิ์ไม่ทันระวังตัว ร่างปลิวไปปะทะกับแผ่นหินตรงหน้าผ้าโครมใหญ่
“โอ๊ย ช่วยด้วย...ช่วยด้วย”
เทวาจะเข้าไปช่วย แต่ไม่อาจต้านลมแรงได้
ฉับพลันนั้นเอง หน้าผาถล่มลงมาอย่างแรง หินก้อนใหญ่หล่นทับฤทธิ์ เขาร้องลั่น
“ช่วยด้วย...ช่วยด้วย”
เทวาก็กลิ้งหลบหินที่ถล่มลงมาเช่นกัน
“พี่ฤทธิ์หลบ...หลบไป”
ฤทธิ์ผวา แต่หลบไม่ทัน ก้อนหินทับร่างของฤทธิ์ ฤทธิ์ร้องออกมาเบาๆ แล้วแน่นิ่งไป เทวาหลบทัน มองหินที่หล่นทับร่างฤทธิ์หน้าเสีย
หินจากด้านบนหล่นลงมาอีก แต่เทวาวิ่งหนีได้สําเร็จ
เทวาวิ่งมาในทางที่เปลี่ยวร้าง ไม่มีต้นไม้ มีแต่ทุ่งโล่งๆ ควันไฟลอยวนอ้อยอิ่ง แล้วเทวาก็ชะงักเมื่อเจอกับด่านไฟที่ลุกท่วมเป็นกําแพง...
“ด่านไฟ...หลวงปู่ ครับ ผมจะยอมตายมากกว่าจะยอมถอนออกจากสมาธิ”
เทวาก้าวไปที่กําแพงเพลิงไฟ หลับตา
“ขอพลังจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์และบุญบารมีที่ผมได้ สะสมไว้จนช่วยผมให้ปลอดภัยด้วยเถิด”
เทวาตัดสินใจวิ่งเข้าหากําแพงไฟอย่างแน่วนิ่ง
อ่านต่อหน้า 3
พายุเทวดา ตอนที่ 2 (ต่อ)
ร่างฤทธิ์หอบหายใจหนักหน่วง แล้วก็ค่อยๆลืมตาขึ้น พลันรู้ว่าตัวเองไม่ตาย ก็ผวาไปหาหลวงปู่
“หลวงปู่...หลวงปู่ ช่วยผมด้วย...ผมกลัว...ผมกลัว”
ฤทธิ์เขย่าร่างของหลวงปู่อยู่อย่างนั้นจนหลวงปู่ค่อยๆ ลืมตาขึ้น
“เจ้าผ่านได้ไม่ครบทุกด่าน ประจุธาตุในกายของเจ้า ล้มเหลว”
“ล้มเหลว” ฤทธิ์หันมองมาที่เทวา เห็นนั่งสมาธินิ่ง “แล้ว...แล้วไอ้เทวาล่ะครับ”
เทวาลืมตาขึ้น ท่าทีนิ่งสงบ มองดูเนื้อตัวตัวเอง แล้วยกมือไหว้หลวงปู่ สีหน้าปีติอย่างเห็นได้ชัด
“กายของเจ้าได้รับการประจุธาตุครบทั้งดิน น้ำ ลม ไฟ ใครก็เอาชนะเจ้าไม่ได้ เว้นแต่...ตัวเจ้าเอง” หลวงปู่บอก
เทวาฉงน “ตัวผม...หมายความว่ายังไงครับ”
หลวงปู่อธิบาย “หากเจ้าไม่รักษาศีลห้าให้บริสุทธิ์ พลังเทวดาและประจุธาตุที่อยู่ในกายของเจ้าก็จะหมดไป...พลังเทวดาของทุกคน เจ้าสามารถเรียกมาใช้ได้ เหมือนเจ้าเป็นเจ้าของพลังเทวดานั้น”
ฤทธิ์อึ้ง “แม้แต่สายฟ้าของผมหรือหลวงปู่”
“ใช่”
ฤทธิ์ขยับถอยห่างหลวงปู่ สีหน้ากลายเป็นน้อยใจ เกลียดชังขึ้นมาทันที
“หลวงปู่ ไม่ยุติธรรม”
ฤทธิ์เดินออกไปทันที เทวาร้องเรียก “พี่ฤทธิ์”
เทวาจะตามออกไป แต่หลวงปู่ห้ามไว้ พร่ำสอน
“อย่า...บุญวาสนาของแต่ละคนมีมาไม่เท่ากัน เมื่อเจ้าฤทธิ์ใช้อารมณ์เป็นที่ตั้ง ยึดถือตัวเองเป็นใหญ่ ก็เท่ากับ
ว่ากําลังเดินไปสู่ทางเสื่อม ป่วยการที่จะไปพูดอะไรให้เขาเข้าใจ...จงใช้ประจุธาตุและพลังเทวดาเพื่อประโยชน์ของคนอื่นให้มากที่สุดนะเทวา”
“ครับ หลวงปู่ ผมจะทําอย่างที่หลวงปู่สอน”
เทวากราบลง
ฤทธิ์เดินไปสีหน้าบึ้งตึง บุญกู้จะเรียกแต่ก็เปลี่ยนใจ เทวาเดินมาพอดีเลยถามเทวา
“เจ้าฤทธิ์ทําไม่สําเร็จใช่มั้ย...” เทวาพยักหน้า “แล้วหลวงปู่ ว่ายังไง”
“หลวงปู่ จะประจุธาตุให้พวกเราจนครบ แต่ก็แล้วแต่ว่าจะรับกันได้หรือไม่ครับน้าบุญกู้”
เย็นย่ำลงทุกที เดชเห็นฤทธิ์เดินดุ่มมาที่ท่าเรือ รีบเข้าไปหา
“พี่ฤทธิ์ เป็นไงบ้าง หลวงปู่ ให้พี่ทําอะไร”
ฤทธิ์มองหน้าเดช แล้วไม่ตอบ เดินไปที่ท่าเรือ สิงห์ตามมาสมทบ
“เกิดอะไรขึ้นวะ”
“ไม่รู้ว่ะ”
ก้องอยู่ที่ท่าเรือเห็นฤทธิ์ตรงมาก็ลุกขึ้นยืนทักทาย
“พี่ฤทธิ์จะไปไหนเหรอ”
“ฝั่งโน้น...”
“นี่มันเย็นแล้วนะ ทําไมไม่ไปเช้า”
“เรื่องของข้า”
ก้องนิ่งอึ้งไป มองฤทธิ์อย่างแปลกใจ
เย็นแล้วข๊ะที่ฤทธิ์เดินเข้ามาที่อู่ซ่อมรถ ชัยรีบบอก
“มีคนมารอพบเอ็ง”
ฤทธิ์มองไปก็เห็นหยาดฟ้าส่งยิ้มหวานมาให้
ต่อมาไม่นานหยาดฟ้าขับรถมาตามทาง มีฤทธิ์นั่งอยู่ข้างๆ
“เสี่ยคงคาต้องการพบเธอ”
“เสี่ยคงคา...ผมไม่เคยรู้จัก”
“คนที่นี่ไม่มีใครไม่รู้จักเสี่ยคงคา เธอมาจากไหนเหรอ”
“ผมมาจากเกาะมุก”
หยาดฟ้ายิ้ม “พวกฉันกําลังอยากรู้จักคนเกาะมุก”
ฤทธิ์หันมามองหน้า หยาดฟ้าไม่ใส่ใจ ขับรถต่อไป
ไม่นานต่อมา หยาดฟ้าเดินนําฤทธิ์เข้ามานั่งรอในห้องรับแขกหรูหราในคฤหาสน์เสี่ยคงคา ฤทธิ์มองไปรอบๆ ตื่นตาตื่นใจ
“อยากมีบ้านสวย ๆก็ต้องมีเงิน ถ้ามีเงินก็เนรมิตได้ทุกอย่าง...เธออยากมีบ้านสวยๆ มั้ย”
“ก็...ครับ”
หยาดฟ้าชวนคุย “เกาะมุกเป็นเกาะที่สวยงาม...ฉันเคยไปเที่ยว”
ตรงมุมหนึ่งในบ้าน คงคา คํารณ และลูกน้องยืนอยู่ห่างๆ มองมาที่ฤทธิ์
“ไม่ผิดแน่ครับ เสี่ย ไอ้คนนี้แหละครับที่มีเรื่องกับพวกเรา คืนก่อน” ศรบอก
คํารณย้ำจำได้เช่นกัน “ใช่พ่อ...ไอ้นี่แหละ”
คงคายิ้มแล้วเดินเข้าไปในห้อง หยาดฟ้าลุกขึ้นแนะนำ
“นี่ไงเสี่ยคงคา...ผู้กว้างขวางของที่นี่”
ฤทธิ์ยกมือไหว้
คงคาทักทาย “คืนก่อนเธอมาก่อเรื่องกับพวกฉันในงานวัด”
ฤทธิ์เริ่มระแวง ขยับตัว ลูกน้องทั้งสามเริ่มขยับพร้อมปกป้องเจ้านาย
“วันนี้ พ่อกะเอาคืนมันใช่มั้ย” คำรณบอก
“ผมไม่ได้ตั้งใจ แล้วก็ไม่ได้เป็นฝ่ ายหาเรื่องก่อนด้วย”
คงคาหัวเราะ “อย่าขวัญสิ...ฉันยังไม่ได้ว่าอะไรนายเลย...ว่าแต่นายชื่ออะไร”
“ชื่อฤทธิ์ครับ”
“ยินดีที่รู้จักนายฤทธิ์”
คงคายื่นมือให้ฤทธิ์ ฤทธิ์ลังเล แล้วก็ยื่นมือมาสัมผัสกับมือของคงคา
“คืนนี้เลี้ยงฉลองเพื่อนใหม่กันหน่อยดีมั้ย” หยาดฟ้ายิ้มแย้ม
คํารณเห็นดีด้วย “ดีเลยคุณหยาดฟ้า”
พร้อมแอบมองที่มุมหนึ่ง สีหน้าไม่ดี พันหันมาเห็นแม่ พร้อมรีบเดินจ้ำหนีไป
พร้อมมุ่งหน้าไปหากานดาที่เรือนหลังเล็ก เจอหวานใจยืนขวางไว้
“หลีกไป...ฉันจะไปหาคุณผู้หญิง”
“จะคาบข่าวเรื่องอะไรไปบอกล่ะยะ”
“เรื่องของฉัน”
พร้อมผลักหวานใจ หวานใจพร้อมจะหาเรื่องตอบโต้ แต่กานดาเดินมาก่อน
“หยุดนะ...หวานใจ เธอไม่มีสิทธิ์มาที่เรือนของฉัน”
หวานใจเชิดหน้าใส่ไม่ยำเกรง “ค่ะ คุณผู้หญิง ถ้ายังงั้นก็เตือนแม่พร้อมด้วยว่าอย่าไปยุ่มย่ามที่เรือนใหญ่”
“ฉันใช้พร้อมไปเอง...ถ้าเธอห้ามพร้อมก็เท่ากับเธอห้ามฉัน...หวังว่าเธอคงเข้าใจนะว่าเธอกับฉันน่ะมันต่างกัน”
หวานใจกระแทกเสียงใจ “ค่ะ คุณผู้หญิง”
หวานใจเดินไป พร้อมรีบบอกกานดา
“คนแปลกหน้าอีกแล้วค่ะ เห็นว่ามาจากเกาะมุก...เป็นพวกที่มีเรื่องกับคุณคํารณคืนก่อนที่งานวัด”
กานดาตกใจ “นี่จะก่อเรื่องอะไรกันอีกนะ...พร้อม ช่วยบอกคํารณมาพบฉันหน่อย”
“ตอนนี้คงไม่ได้แล้วละค่ะ พากันออกไปข้างนอกหมดแล้ว ไว้อิฉันจะสั่งไอ้พันให้เรียนคุณคํารณนะคะ”
กานดาพยักหน้ารับรู้เศร้าๆ
เวลานั้นมณีนอนลงบนเตียง มีเนตรทรายช่วยห่มผ้าให้ ดารินเข้ามาเบาๆ เงียบๆ เนตรทรายหันไปส่งสัญญาณว่าเดี๋ยวตามออกไป
ต่อมาดารินกับเนตรทรายนั่งคุยกันสีหน้าเครียด
“คําสั่งออกแล้วเหรอ”
“ใช่..ระงับทุกอย่าง...มีผลต่อราชการตํารวจของเธอด้วยนะริน”
“ระงับไม่ให้ฉันไปจัดการกับไอ้คงคา ทั้งที่มีข้อมูลว่ามันอยู่เบื้องหลังขบวนการค้ายาเสพติดแล้วก็ทําผิด
กฎหมายอีกหลายอย่าง หัวหน้ากําลังทําให้ฉันหมดศรัทธา”
เนตรทรายส่ายหน้าในความมุทะลุของเพื่อนสาว “เธอนี่ใจร้อนจัง...หัวหน้าเขาคงมีเหตุผลน่า”
ดารินมองออกไปด้านนอก “ถึงยังไง ฉันก็จะไปให้ได้...ไปด้วยกันมั้ยเนตร”
เนตรทรายหน้าเอ๋อไป “ไปไหน”
“เกาะมุก” เนตรทรายส่ายหน้า “ถ้าไม่ไป ฉันฝากแม่ด้วย”
ดารินมีสีหน้ามุ่งมั่นมาก เนตรทรายเตือน “คิดดีแล้วเหรอริน...จะไปเมื่อไหร่”
“คืนนี้”
เนตรทรายตกใจทวนคําเบาๆ “คืนนี้...กว่าจะถึงก็มิดึกเหรอ”
จริงดังที่เนตรทรายกังวล ดารินเดินเข้ามาในโรงแรมกลางดึก หล่อนปลอมตัวด้วยเสื้อผ้าดูเป็นหญิงสาวทํางานกลางคืน แต่งหน้าจัดจ้าน
พนักงานต้อนรับตรงเคาน์เตอร์ มองดารินเหมือนไม่ต้องการต้อนรับ
“ห้องเต็มหมดแล้วค่ะ”
ดารินส่งบัตรเครดิตยื่นให้ “ฉันมั่นใจว่าห้องที่มีราคาแพงที่สุดยังไม่ได้ขาย...กรุณาจัดการให้ฉันด้วย”
พนักงานอึกอัก “แต่...”
ดารินมองหน้าอมยิ้ม “หรือจะให้เสี่ยคงคาไล่เธอออก”
พนักงานยิ้มแหย ลนลาน “อุ๊ย ขอโทษค่ะ ดิฉันจะจัดการให้เดี๋ยวนี้แหละค่ะ”
ดารินนั่งที่โซฟาตัวหนึ่ง พนักงานเอาเวลคัมดริ๊งมาต้อนรับ ดารินรับเครื่องดื่มมา เป็นจังหวะที่คํารณเดินออกมาพร้อมกับธงและศร คํารณมองดารินแต่จําไม่ได้ ด้วยดารินปลอมตัวมาในลุคแตกต่างจากคืนที่เป็นสาวรําวง
“พักที่นี่เหรอจ๊ะคนสวย”
“ค่ะ...กําลังรอสามีอยู่” ดารินว่า
ศรอึ้ง “มีผัวแล้ว”
“น่าเสียดาย” ธงบ่น
ศรกับธงหัวเราะกัน คํารณบอก “ถ้าเลิกกับผัวเมื่อไหร่ อย่าลืมนึกถึงพี่นะจ๊ะคนสวย”
คํารณกับลูกน้องหัวเราะกัน คงคาเดินมากับหยาดฟ้าและฤทธิ์ มีพันเดินตามหลังมาอีกที
“รีบไปเถอะคํารณ” คงคาบอก
หยาดฟ้ามองดูดารินอย่างดูแคลน “โรงแรมนี้ให้ผู้หญิงหากินเข้ามาได้ด้วยเหรอ”
พนักงานมองมาที่ดาริน รู้สึกว่าตัวเองพลาดไป ดารินยืนขึ้นยิ้มให้หยาดฟ้ า
“มีข้อห้ามให้ผู้หญิงที่หากินสุจริตเข้าพักที่นี่ด้วยเหรอคะ”
“ฉันหมายถึงผู้หญิงอาชีพพิเศษอย่างหล่อน”
“ดีใจจังที่คุณมองดิฉันออก...อาชีพดิฉันพิเศษจริงๆ ด้วยค่ะ หาคนทํางานอย่างดิฉันยากมาก อยากทราบมั้ยคะ
ว่าดิฉันทํางานอะไร” ดารินนึกสนุกยั่วหยาดฟ้าเล่น
หยาดฟ้าตาวาวมองดารินอย่างชิงชังรังเกียจ “ไปกันเถอะค่ะเสี่ย”
“อ้าว ไม่อยากรู้เหรอคะว่าฉันทําอาชีพอะไร”
ทุกคนเดินออกไป เว้นแต่คํารณและธงกับศร
“คนอื่นไม่อยากรู้ แต่ฉันอยากรู้”
ดารินยิ้มยั่วคำรณ “อาชีพพิเศษไง...ส่วนจะพิเศษแค่ไหน วันหลังก็ลองใช้บริการได้นะคะ”
ดารินรับกุญแจจากพนักงานแล้วเดินไป พนักงานยกกระเป๋าของดารินตามไป คํารณสะกิดถามพนักงาน”
“เพิ่งมาพักเหรอ...ห้องไหน”
“ห้องเพ้นท์เฮ้าส์ชั้นบนสุดครับ”
คํารณมีสีหน้าทึ่งทวนคำ “เพ้นท์เฮ้าส์” ขณะมองตามตาเป็นประกาย
ดารินหายเข้าไปในลิฟต์ โดยมีพนักงานตามเข้าไป
ดารินเดินเข้าไปในห้องพัก พนักงานตามมา ดารินเปิดกระเป๋าส่งแบงก์พันให้ทิป พนักงานอึ้งไป ยกมือไหว้
“โรงแรมที่นี่หรูจัง ใครเป็นเจ้าของเหรอ” ดารินชวนคุย
“คุณคงคาครับ” พนักงานบอก
“ท่าทางจะรวยมาก...เขาทําธุรกิจโรงแรมอย่างเดียวเหรอ”
“ไม่หรอกครับ ธุรกิจทุกอย่างที่นี่เป็นของคุณคงคา หรือไม่คุณคงคาก็ต้องมีหุ้นอยู่ด้วย”
“ขนาดนั้นเลยเหรอ” ดารินหัวเราะ “แบบนี้ใครมีปัญหากับเขาก็แย่เลยสิ”
“ก็ทํานองนั้นแหละครับ”
“โรงแรมเงียบจัง ไม่มีคนเข้าพักเลยเหรอ” พนักงานยิ้ม “ฉันถามเพราะต้องการความปลอดภัย”
“ไม่ค่อยมีหรอกครับ...นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่จะพักที่โรงแรมอื่นกันหมด”
“ทําไม”
“บางทีคุณคงคาก็สั่งไม่ให้คนพักครับ...ผมคงพูดอะไรมากไม่ได้ ขอโทษด้วยนะครับ”
พนักงานจะเดินออกไป ดารินบอกพนักงาน
“ฉันมาหาที่เงียบๆ เขียนหนังสือ...ไม่อยากให้ใครรบกวน”
“ครับผม” พนักงานออกไป
ดารินกวาดตาไปทั่วห้อง
“ธุรกิจทุกอย่างที่นี่เป็นของนายคงคาหมด นี่มันกะกินรวบทั้งชายฝั่งแล้วก็เกาะมุกเลยเหรอ...แล้วโรงแรม
ไม่ค่อยมีคนเข้าพัก แถมยังไม่เปิดให้พักอีกด้วย มันจะเป็นอะไรไม่ได้ นอกจากเป็นแหล่งพักของผิดกฎหมาย”
หมวดสาวแกร่งบอกกับตัวเองอย่างมั่นใจ
กลุ่มของฤทธิ์ คํารณ พัน ธง ศร และคงคา เดินมาตรงชายหาดหน้าโรงแรม ฤทธิ์เหลียวซ้ายแลขวา
“เอ๊ะ คุณหยาดฟ้ าล่ะครับ”
คงคากับพวกยิ้มให้กันอย่างมีเลศนัย “ตะกี้ยังอยู่ตรงนี้เลย”
ทุกคนแกล้งมองหา ยกเว้นฤทธิ์ที่เล็งหาด้วยสายตาจริงจัง ฤทธิ์เห็นคลื่นซัดเข้าสู่ฝั่ง บรรยากาศรอบตัวมีแต่ความมืด จู่ๆ มีเสียงหยาดฟ้าร้องขอความช่วยเหลือ
“ช่วยด้วย..ช่วยด้วย”
ทุกคนหันไปก็เห็นหยาดฟ้าถูกอันธพาลกุมตัวมา มีมีดจ่อคอดูน่ากลัว
อันธพาล 1 “วางอาวุธให้หมด ไม่งั้นนังนี่ตายแน่”
อันธพาล 2 ตะคอกดังลั่น “วาง”
คงคา พัน ธง ศร คํารณ ต่างก็หยิบปืนมาวางไว้ที่ตรงหน้า
อันธพาล 2 สั่ง “ถอยไป” ทุกคนถอย “ถอยไปอีก”
ทุกคนทําตามที่อันธพาลสั่ง อันธพาล 2 เข้ามาเก็บอาวุธทั้งหมด
“ทีนี้ละ ยอมเป็นเมียพี่หรือเปล่า”
อันธพาล 1 แกล้งจูบและจะปล้ำ หยาดฟ้ากรีดร้องออกมา อันธพาลแกล้งต่อยท้อง
หยาดฟ้าทรุดตัวงอลงนั่ง พัน ธง ศรจะขยับเข้าไปแต่อันธพาล 2 ชี้ปลายกระบอกปืนมาใส่ แล้วแกล้งยิงเฉี่ยวๆ ไป
ทุกคนหลบ อันธพาล 1 ลากตัวหยาดฟ้าไป
“ถอยไป”
อันธพาล 1 ลากตัวหยาดฟ้าไป อันธพาล 2 เก็บอาวุธที่พื้นเสียงของหยาดฟ้าดังมา
“ช่วยด้วย...ช่วยด้วย”
ฤทธิ์สีหน้าไม่ดี คงคาบอก “ฤทธิ์ นายต้องช่วยหยาดฟ้าได้ ช่วยหน่อยสิวะ...นายต้องการได้อะไร ฉันให้นายได้ ขออย่างเดียวอย่าให้ น้องสาวฉันเป็นอะไร”
อันธพาล 2 ยิงปืนขึ้นฟ้าและแกล้งยิงมาทางทุกคน แต่ไม่ให้ถูก ทุกคนหลบกันจ้าละหวั่น
ฤทธิ์ตัดสินใจใช้พลังเทวดา หงายมือขึ้น ประกายสายฟ้าปรากฏที่มือทั้งสองข้าง
ทุกคนยืนมองอย่างตะลึง สายฟ้าผ่าเปรี้ยงลงมาหลายครั้ง
ดารินออกมาที่ระเบียง มองสายฟ้าที่อยู่บนฟ้า ด้วยสีหน้าแปลกใจ
เสียงปืนดังมา ดารินหลบเข้าไปในห้อง แล้วกลับออกมาพร้อมกล้องส่องทางไกล ดารินมองไปข้างล่าง
ดารินมองลงไปดูเหตุการณ์ อันธพาลเห็นฤทธิ์เดินเข้าหา ก็ยิงปืนใส่ ผลักหยาดฟ้าล้มไป อันธพาลยิงปืนใส่ฤทธิ์
หลายครั้ง แต่พลังสายฟ้าทําให้ลูกปืนสะท้อนไปในทิศทางต่างๆ
กลุ่มของคงคาหมอบอยู่ แต่ก็แอบดูอยู่ตลอด
อันธพาลยิงจนลูกปืนหมด ก็โยนทิ้งปืน ฤทธิ์เดินเข้าใส่ ชูมือขึ้น แสงจากสายฟ้าส่องประกายเต็มฝ่ามือ
อันธพาล 1 ร้องลั่น “อย่า...เสี่ยช่วยผมด้วย”
อันธพาล 2 ยกมือยอมแพ้ “อย่าทําอะไรผมนะครับ..ผมกลัวแล้ว”
คงคากับพวกลุกขึ้นปรบมือ เช่นเดียวกับหยาดฟ้า
“หมายความว่ายังไง” ฤทธิ์ฉงน
คงคาตรงมาจับมือฤทธิ์ หัวเราะร่าเริง
“ขอบใจที่ทําให้พวกฉันเห็นความวิเศษในตัวนาย ต่อไปนี้ นายมาทํางานกับฉันเถอะ อยากได้อะไรก็จะได้ ไม่ต้อง
ไปทํางานที่อู่ซ่อมรถอีกแล้ว”
ฤทธิ์ลังเล “แต่ผม...”
หยาดฟ้ากลัวว่าฤทธิ์จะเปลี่ยนใจ จึงส่งยิ้มหวานให้
“ถ้าเธอไม่ตกลง ฉันจะเสียใจไปตลอดชีวิต”
หยาดฟ้าสบตาฤทธิ์ซึ้งๆ ฤทธิ์สบตาแล้วก็มองหน้าคงคา เห็นกลุ่มของคํารณ พัน ธง ศรอยู่ด้านหลังคงคา
ฝ่ายดารินกลับเข้ามาในห้อง รู้สึกไม่ปลอดภัย เดินไปล็อกประตู คล้องโซ่ แล้วมองไปตามเพดานสแกนทีละจุดอย่างรอบคอบ
ดารินเดินออกจากลิฟต์ พนักงานยกกระเป๋าเห็นพนักงานที่เคาน์เตอร์มองมาพอดี
“จะไปไหนหรือครับ คุณผู้หญิง”
“ทําไมสามีฉันไม่มาซะที ฉันจะรอที่หน้าโรงแรม”
พนักงานยกกระเป๋าหันไปสบตาพนักงานหน้าเคาน์เตอร์
พอดารินเดินออกไป พนักงานที่เคาน์เตอร์ก็กดโทรศัพท์ทันที
ดารินตัดสินใจขับรถออกจากลานจอดรถของโรงแรม ซึ่งแทบจะไม่มีรถคันอื่นอยู่เลย หน้าโรงแรมเงียบ
เหมือนไม่ใช่โรงแรมหรู รถของดารินแล่นออกไป รถของคํารณก็แล่นสวนเข้ามา
พนักงานหน้าเคาน์เตอร์วิ่งออกมา รีบรายงาน
“ออกไปแล้วค่ะ น่าจะสวนทางกับคุณคํารณ”
“ฉันโทร.มาบอกเธอแล้วใช่มั้ยว่าให้ดูมันไว้”
พนักงานยกกระเป๋าออกมาเป็นคนบอก “เห็นบอกว่าจะไปรอสามีครับ”
“ไม่ได้เรื่องสักคน”
คํารณหงุดหงิดอารมณ์เสีย กลับไปที่รถ แล้วขับออกไป
ด้านหยาดฟ้าอยู่หน้าบ้านเสี่ยคงคา หันมาถามทั้งสามคน
“คุณคํารณล่ะ”
“ไปหาผู้หญิงที่โรงแรม” พันบอก
“นังคนที่มันบอกว่าทําอาชีพพิเศษน่ะเหรอ”
“ครับ”
“แล้วพวกแกก็ให้เขาไป โดยที่แกไม่คอยดูแล ฉันจะฟ้องเสี่ย ถ้าคุณคํารณเป็นอะไรไปนะ พวกแกตายแน่”
ธงบ่น “โธ่ ก็คุณคํารณไปหาผู้หญิงนี่ครับ ผมจะตามไปเป็นก.ข.ค. ได้ไงล่ะ”
“แกนี่โง่สิ้นดี ใครหน้าไหนมันจะกล้ามาพักโรงแรมเงียบๆ ร้างๆ แบบนี้ แพงก็แพง ถ้ามันไม่โง่เหมือนแก
มันก็ต้องบ้า หรือไม่มันก็มีแผนมาลากคอพวกแกเข้าตะราง”
ธง กับศรมองหน้ากัน “ถ้างั้นพวกผมไปตามเองครับ”
“แกไปกับเจ้าศร ส่วนพันอยู่ดูแลเสี่ยทางนี้”
หยาดฟ้าสั่งเสร็จก็เดินเข้าบ้านไป ธงกับศรรีบวิ่งไปที่รถซึ่งจอดอยู่ที่ลานหน้าบ้าน
ดารินขับรถมาตามถนนเลียบหาด มองทางกระจกมองหลังก็เห็นรถของคํารณแล่นจี้ตามมา จึงแกล้งเลี้ยวไปเส้นทางหนึ่ง คํารณขับตามไปไม่ลดละ ดารินเริ่มไม่สบายใจ
สีหน้าคํารณ เริ่มย่ามใจ “คิดว่าจะหนีพ้นเหรอ สวยๆ ยังงี้ไม่ปล่อยให้หลุดมือหรอก ถึงจะมีผัวแล้วก็เถอะ”
รถของดารินขับอย่างเร็ว ถูกรถของคํารณเบียดเข้าแซงกะจะปาดหน้า แต่ดารินตัดสินใจชนจนหน้ารถของคํารณปัดไปทางหนึ่งแล้วพุ่งชนต้นไม้ข้างทางอย่างแรง ร่างคํารณกระแทกอัดกับพวงมาลัย ฟุบลงไป
ดารินขับรถมาเร็วราวกับจะบิน สีหน้าตื่นตระหนก
บุรุษพยาบาลเข็นรถพาคํารณเพื่อไปยังห้องฉุกเฉินของโรงพยาบาล เห็นใบหน้าของคํารณมีเลือดเลอะซึมออกมาจากศีรษะ รถเข้าไปในห้องฉุกเฉิน ประตูปิดลง
คงคาหน้าเครียด หยาดฟ้าเอ่ยขึ้น “หยาดสังหรณ์ใจอยู่แล้วเลยให้ไอ้ธงกับไอ้ศรตามไป นี่ถ้าไม่ไปพบป่านนี้ก็คงยังไม่ถึงมือหมอหรอกค่ะเสี่ย”
“คํารณคิดจะไปทําอะไรเขาละสิ ผู้หญิงคนนั้นเลยกลัว ก็เลยขับหนี ไม่มีอะไรหรอกน่า”
“หยาดรู้ว่าเสี่ยไม่ได้คิดเหมือนที่พูดออกมา...คิดจะทําอะไรก็ทําเถอะ หยาดถือว่ามันเป็นศัตรูของเรา”
ธงกับศรยืนหน้าเครียด ข้างๆ ฤทธิ์ คงคาตรงเข้ามาหาฤทธิ์
“เห็นหรือยังนายฤทธิ์ ศัตรูของฉันมีมากมาย นี่มันคงคิดปองร้ายลูกชายฉัน...ถ้านายฤทธิ์คิดจะมาอยู่กับฉัน เป็นคนคอยดูแลปกป้องฉันกับลูก นายฤทธิ์ต้องการอะไรฉัน หาให้หมด ไม่ว่าจะเป็นเงิน อํานาจ หรือว่าผู้หญิง”
หยาดฟ้าสบตาฤทธิ์อมยิ้ม คงคาเห็นสายตาของฤทธิ์ที่สบตาหยาดฟ้าก็เดาได้ว่าฤทธิ์พอใจหยาดฟ้า
“วันนี้มันเล่นงานลูกชายฉัน วันหน้ามันก็คงเล่นงานหยาดฟ้า น้องสาวฉัน”
หยาดฟ้าโน้มน้าว “นั่นสิ นายฤทธิ์จะใจร้ายไม่ทํางานให้พวกเราเหรอ”
ฤทธิ์นิ่งไปครู่หนึ่งก็พยักหน้า “ครับ”
คงคายื่นมือให้ฤทธิ์จับ ทั้งสองจับมือกัน คงคายิ้มสมใจ
“มันต้องอย่างนี้สินายฤทธิ์”
พันนําพร้อมกับกานดาเข้ามา กานดาเหลียวหาลูก “คํารณล่ะ”
“มันก็แค่ขับรถเร็ว หัวแตก ตื่นเต้นอะไรกันนักหนา”
“แค่นั้นเหรอ เอ๊กซเรย์หรือยัง กลัวว่าจะกระทบกระเทือน คุณต้องให้หมอตรวจด้วยนะ”
“กลับไปก่อน พรุ่งนี้ค่อยมาใหม่ หมอยังไม่ให้เยี่ยม” คงคาตัดบทท่าทีรำคาญ
หยาดฟ้ายิ้มหยันที่เห็นคงคาไม่ใส่ใจเมียเอกสักนิด
อ่านต่อหน้า 4
พายุเทวดา ตอนที่ 2 (ต่อ)
กานดามองหน้าหยาดฟ้าอย่างชิงชัย ก่อนจะละสายตาหันมาทางสามี
“ฉันขอร้อง อย่าให้ลูกไปพัวพันกับเรื่องไม่ดีเลยนะคุณ”
คงคาโกรธ “พร้อม เมื่อเย็นให้คุณผู้หญิงกินยาระงับประสาทหรือยัง”
“เอ้อ...”
“กลับไปได้แล้ว ก่อนจะไม่มีที่ซุกหัวนอนทั้งแม่ทั้งลูก”
พันอึกอัก “เอ้อ เสี่ยครับ”
“ไม่ต้องพูดอะไร พาเมียฉันกับแม่แกกลับบ้านไป เจ้าพัน”
“ครับเสี่ย”
พันก้มหัวเป็นเชิงขอร้องให้กานดายอมกลับ สุดท้ายกานดาเดินกลับไป ฤทธิ์มองตามอย่างสงสัย
หยาดฟ้าคุยกับฤทธิ์ ตรงมุมหนึ่งในความมืดหน้าโรงพยาบาล
“ฉันเป็นญาติกับเสี่ยคงคา ก็เป็นลูกพี่ลูกน้องกันน่ะนายฤทธิ์ พ่อแม่ฉันตายหมด เสี่ยก็เลยเอามาอุปการะ รู้มั้ย
ตั้งแต่วันแรกจนถึงวันนี้ นังกานดาเมียเสี่ย มันทําทุกวิถีทางที่จะกลั่นแกล้งฉัน หาเรื่องฉัน เพื่อให้เสี่ยไล่ฉันออกไปจากบ้าน...นายฤทธิ์รู้อย่างนี้แล้ว สัญญาได้มั้ยว่าจะดูแลฉัน ไม่ยอมให้เขารังแกฉัน”
ฤทธิ์สบตาหยาดฟ้า “ครับ ผมรับปาก ต่อไปนี้จะไม่มีใครรังแกคุณหยาดฟ้าได้เป็นอันขาด”
หยาดฟ้าแกล้งยิ้มอายๆ “ฉันไม่คิดเลยว่าจะได้พบเพื่อนผู้แสนดีอย่างเธอ”
“เช่นกันครับคุณหยาด”
เช้านี้ เทวายืนอยู่ที่ชายหาด มนต์เดินมาหา
“มาอยู่นี่เอง มีไรเหรอ”
“มนต์ ผมอยากไปตามพี่ฤทธิ์ ผมรู้สึกไม่ดีเลยที่พี่ฤทธิ์หายไปทั้งคืน”
“พี่ฤทธิ์เป็นคนเก่ง เขาจะกลับมาเองแหละ นายรีบกลับวัดเถอะ น้าบุญกู้จะเป็นห่วง”
“ครับ แล้วนายจะไปไหนเหรอมนต์”
มนต์ยิ้ม “ว่าจะไปรับแสงจันทร์ไปหาซื้อของที่ฝั่งโน้นหน่อย ถ้าเจอพี่ฤทธิ์ พี่จะบอกให้พี่ฤทธิ์รีบกลับมานะ”
แสงจันทร์เดินมาถึงพอดี เทวามองแล้วสบตากับแสงจันทร์
“ไปกันเถอะครับ”
แสงจันทร์มองมาที่เทวา “ไปด้วยกันมั้ยเทวา”
“ไม่ดีกว่า...ตามสบาย”
เทวาเดินกลับไปแสงจันทร์มองตาม มนต์รีบบอกตัดบท
“ไปกันเถอะ ต้องซื้อของตั้งหลายอย่าง”
ทั้งสองเดินไป แสงจันทร์อดหันไปมองไม่ได้ เป็นจังหวะเดียวกับที่เทวาหันมาพอดี ทั้งสองสบตากันแวบหนึ่งแล้วต่างคนต่างเดินไป
ขณะเดียวกันภายในห้องทำงานสารวัตร ที่สํานักงานตํารวจแห่งชาติ
ดารินกับเนตรทรายนั่งอยู่ตรงหน้าสารวัตร
“ดิฉันอยากทราบเหตุผลที่ท่านไม่อนุมัติให้ดิฉันทํางานนี้”
“ขอเวลาให้ข้อมูลมีความชัดเจนมากกว่านี้อีกหน่อยเถอะหมวด”
“ถ้าจะรอให้หลักฐานแน่นกว่านี ้ก็ต้องสืบค่ะ สารวัตรให้ ดิฉันไปทํางานนี้นะคะ” ดารินยืนยันความคิด
“ไม่” สารวัตรบอกทันที
“ทําไม...”
“ผมบอกคุณแล้ว...อีกอย่างคุณก็ยังมีคดีคั่งค้างที่จะต้องสะสางให้เสร็จก่อน”
ดารินท้วง “นานไป คนชั่วจะลอยนวลนะคะท่าน”
สารวัตรตัดความ “เอาเถอะ เมื่อพร้อม ผมจะอนุมัติให้หมวดไปทันทีเลย”
“อีกนานมั้ยคะ”
เนตรทรายเห็นดารินชักจะอารมณ์ขึ้น รีบเตือนสติเพื่อน
“ริน...ฉันว่าเธอช่วยฉันทําคดีเก่าๆ ก่อนดีกว่า”
ดารินหันมาเห็นเพื่อนหน้าซีดๆ ก็เลยพยักหน้าเลยตามเลย
“งั้นก็ได้ ดิฉันถือว่าท่านอนุมัติแล้ว เพียงแต่รอเวลาเท่านั้น ขอบคุณค่ะ”
ดารินยืนขึ้นทําความเคารพเช่นเดียวกับเนตรทราย
ที่อู่ซ่อมรถ ชัยมองหน้าทั้งสองคน แล้วถามขึ้น
“เป็นอะไรกับเจ้าฤทธิ์มันล่ะ”
“ผมเป็นน้องชายพี่ฤทธิ์ครับ” มนต์บอก
แสงจันทร์ถาม “คือเมื่อคืนเขาไม่ได้กลับบ้านที่เกาะมุกน่ะค่ะ”
ชัยส่ายหน้า “เขาไม่ได้ทํางานที่นี่แล้วละครับ...”
“อ้าว แล้วเขา...” มนต์งง
“ตอนนี้น่าจะไปทํางานให้กับเสี่ยคงคาแล้วล่ะ ถ้าเข้าเป็นพวกเดียวกับเสี่ยคงคาแล้วก็คงจะหลุดออกมายาก...
ผมคงพูดอะไรมากไม่ได้”
ชัยเดินหันหลังกลับ มนต์กับแสงจันทร์มองหน้ากัน
สนบอกกับมนต์ที่แวะมาหาที่บ้าน อย่างขัดใจปนแค้นเคือง
“เสี่ยคงคา...ฮึ มันจะเป็นใครล่ะ ก็ไอ้คนที่ซ้อมพ่อจนปางตายนั่นไง...ไม่คิดเลยว่าไอ้เจ้าฤทธิ์มันจะเห็นดี เห็นงามไปกับไอ้พวกอันธพาลพวกนี้ได้”
แสงจันทร์ท้วง “พี่ฤทธิ์คงถูกหลอก”
“ใครจะหลอกคนอย่างมันได้ ฉลาดเป็นกรด เว้นแต่ว่ามันสมัครใจเอง...นี่มันคงหวังเอาไอ้ฤทธิ์เป็นพวก จะได้
มากว้านซื้อที่ดินบนเกาะมุกได้ง่าย...ฮึ ไม่มีทางหรอก”
“ถ้าเป็นอย่างที่พ่อว่า...คนเกาะมุกก็ไม่ควรนับถือพี่ฤทธิ์ อีกต่อไป หลวงปู่ คงเสียใจนะพี่มนต์”
คำพูดของแสงดาวทำเอามนต์นั่งซึมไปถนัดตา เขาทอดสายตามองออกไปไกล
เย็นนั้นทุกคนนั่งคุยกันอยู่ตรงลานวัด เทวาเอ่ยขึ้น
“ถ้าเป็นอย่างที่ลุงสนพูด ฉันก็เสียใจ ฉันอาจทําให้พี่ฤทธิ์ต้องไปเข้าร่วมแก๊งกับพวกมัน”
สิงห์ปลอบ “ไม่เกี่ยวกับเอ็งหรอก เทวา อย่าคิดมากเลยว่ะ”
“เดี๋ยวพี่ฤทธิ์ เจอพิษสงพวกมันเข้าก็กลับมาเองแหละ” เดชว่า
ก้องเสริม “ใช่...สักวันพี่ฤทธิ์ก็คงคิดได้”
“แต่ข้ากลัวว่า พวกมันจะใช้พี่ฤทธิ์มาหาผลประโยชน์บนเกาะมุกน่ะสิ”
บุญกู้ถอนใจ บอกกับทุกคน “ถ้าเจ้าฤทธิ์ไปเสียคน พลังเทวดาของพวกเอ็งก็เหลือน้อย จะเอาปัญญาที่ไหนไปสู้กับพวกมัน”
กลุ่มเทวดาทั้งห้าคน เห็นปัญหาอย่างที่บุญกู้พูด
ค่ำนั้น สองพี่น้องคุยกันอยู่ในบ้าน แสงดาวบอกกับแสงจันทร์เรื่องที่ได้ยินมา
“ฉันได้ยินพวกพี่สิงห์พูดกันว่าที่พี่ฤทธิ์ไปอยู่ที่ชายฝั่ง ก็เพราะทะเลาะกับพี่เทวา”
แสงจันทร์เถียง “ไม่จริง เทวาไม่เคยหาเรื่องใครก่อน”
แสงดาวประชด “ดูพี่จะรู้จักพี่เทวามากจังนะ”
แสงจันทร์ย้อน “ก็คงมากกว่าเธอ พี่เลยมั่นใจว่าเทวาไม่ใช่ต้นเหตุที่ทําให้พี่ฤทธิ์หนีไปเข้ากับพวกอันธพาล”
“พี่นี่แปลกนะ...พี่มนต์รักพี่มาก แต่พี่กลับไปสนใจคนไม่มีอนาคตอย่างพี่เทวา...พี่มนต์เขาบกพร่องตรงไหน”
“เรื่องของพี่”
แสงจันทร์เดินหนีไป สนออกมาจากมุมหนึ่ง พูดตามไป
“น้องมันพูดถูกนะแสงจันทร์”
แสงจันทร์หันมา มองพ่อด้วยสายตาผิดหวัง “เรื่องนี้ขอฉันเป็นคนตัดสินใจเอง”
“ได้ แต่ต้องให้ข้าตายเสียก่อน ข้าถึงจะยอมให้เอ็งแต่งงานกับไอ้เทวา มันจะเอาอะไรเลี้ยงเอ็ง วันๆ
ก็เห็นเอาแต่ร้องเพลง”
แสงจันทร์มองพ่อด้วยความน้อยใจ เสียใจจนน้ำตาคลอ แสงดาวหันมาสบตาพ่อ
แสงจันทร์ยืนเหม่อมองทะเล เช็ดน้ำตาป้อยๆ แสงดาวเดินเข้ามาหา
“พี่แสงจันทร์ ฉันขอโทษ ฉันไม่น่าพูดเลย ทําให้พ่อ...”
แสงจันทร์รีบตัดบท “ไม่เป็นไร แสงดาว...พี่รู้ว่าพ่อชอบครูมนต์ ไม่ได้ชอบเทวา”
“ฉันถามจริงๆ นะพี่ พี่เทวาเขาเคยบอกรักพี่บ้างมั้ย เขาเคยคิดจะแต่งงานอยู่กินกับพี่บ้างหรือเปล่า”
แสงจันทร์มองหน้าน้องแล้วส่ายหน้าช้าๆ
“แล้วพี่จะแน่ใจได้ไงว่าพี่เทวาเขารักพี่”
แสงจันทร์อึ้งไปหน้าหมองไปถนัดตา
ทะเลกว้างใหญ่สุดสายตา คลื่นขาวซัดสู่ฝั่งเป็นระลอก แสงจันทร์กับเทวายืนคุยกันอยู่ริมชายหาดยามเย็น
“พ่อจะให้ฉันแต่งงานกับครูมนต์...พี่จะว่ายังไง”
เทวาอึ้งไป “แล้วแสงจันทร์ว่ายังไงล่ะ”
“ฉันถามพี่...ถ้าพี่รักฉันจริง พี่ก็พาฉันหนีไปที่ไหนก็ได้ เราไปใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน”
“พี่ทําอย่างนั้นไม่ได้หรอกแสงจันทร์...หลวงปู่ ท่านต้องโกรธพี่”
แสงจันทร์งอน “กี่ปี มาแล้วที่ฉันไม่เคยมีใครอยู่ในหัวใจเลย นอกจากพี่แล้วทําไมพี่ถึงไม่กล้าที่จะทําอะไรสักอย่าง ให้ใครๆ เขารู้ว่าเรารักกัน...พี่เองก็รู้ใช่มั้ยว่าครูมนต์เขาคิดยังไงกับฉัน”
เทวาพยักหน้า แสงจันทร์โมโหผลักเทวา ทุบตีพัลวันร้องไห้พร่างพรูความรู้สึก
“รู้...แต่ก็ปล่อยให้เขาเข้ามาในชีวิตฉัน...พี่ไม่รักฉันพี่ก็บอกมาตรงๆ ดีกว่า...อย่าให้ฉันต้องโง่อยู่คนเดียวเลย”
“แสงจันทร์ ฟังพี่ก่อน”
“ไม่ฟัง”
เทวาจะกอดและปลอบใจ แต่แสงจันทร์ผลักไสจนวิ่งหนีไปได้ แสงจันทร์ร้องไห้วิ่งไป เทวาได้แต่ยืนมองหลังของแสงจันทร์ที่วิ่งห่างตนออกไป
คืนนั้นเทวานั่งอยู่ตรงหน้าหลวงปู่ภายในโบสถ์ สีหน้าสับสนว้าวุ่นหนัก
“หลวงปู่ ครับ...ระหว่างความรักกับมิตรภาพที่มีต่อเพื่อนผมควรเลือกอะไรครับ”
หลวงปู่มองหน้าเทวายิ้มบางๆอย่างคนมีเมตตาและเข้าใจโลก
“ความรักแบบไหนที่จะทําให้เราเห็นแก่ตัวน้อยที่สุดและความรักของเราจะช่วยพยุงความดีไว้ได้นั่นแหละคือ ทางเลือกที่ถูกต้อง”
เทวากราบหลวงปู่
เทวาเดินมาหามนต์ ซึ่งยืนซึมอยู่มุมหนึ่งในวัด
“มนต์..ผมฝากแสงจันทร์ด้วยนะ”
“ฉันก็อยากพูดเรื่องนี้กับนายเหมือนกัน...ฉันรู้นะว่านายรักแสงจันทร์...ฉันผิดที่มาทีหลัง...ฉันสัญญาว่าจะไม่ยุ่ง
เกี่ยวกับแสงจันทร์อีก”
“ผมต่างหากที่ต้องพูดแบบนี้กับพี่...ผมไม่มีอนาคต ไม่มีอะไรที่จะทําให้ผู้หญิงคนหนึ่งซึ่งผมรักมากภาคภูมิใจ
ในตัวผมได้ อีกอย่างถ้าผมเลือกแต่งงานกับแสงจันทร์ แล้ว ใครล่ะจะสืบทอดวิชาจากหลวงปู่ และดูแลหลวงปู่”
“ฉันเหมือนคนเห็นแก่ตัวนะเทวา...อย่าเลย...ฉันว่า...”
มนต์รู้สึกผิด เทวารีบสรุป “ให้ครูใหญ่เป็นเถ้าแก่ไปสู่ขอแสงจันทร์ซะ ลุงสนแกจะได้สบายใจ แกไม่ชอบผม ถึงผมแต่งงานกับลูกสาวแก ชีวิตครอบครัวของผมก็คงไม่มีความสุขหรอก”
มนต์อึ้งไป
ขณะที่เทวานั่งสมาธิอยู่ที่โขดหินริมชายหาด แสงจันทร์เดินมาหยุดที่หน้า เทวาลืมตาขึ้นช้าๆ
แสงจันทร์เอ่ยขึ้น “วันนี้ครูประสิทธิ์มาเป็นเถ้าแก่สู่ขอฉันจากพ่อแล้ว ฉันจะมาขอคํายืนยันจากพี่เป็นครั้งสุดท้าย...พี่ตัดสินใจว่ายังไง ถ้าพี่จะพาฉันหนีไปจากเกาะมุก ฉันก็พร้อม”
“มนต์รักเธอมาก เขาจะเป็นสามีที่ดีของเธอนะแสงจันทร์”
แสงจันทร์มองเทวาน้อยใจ ถอยหลังช้าๆ น้ำตาพรั่งพรู
“ฉันเกลียดพี่...ฉันไม่ต้องการคําตอบแบบนี้ทําไมพี่ต้องทําร้ายฉันด้วย...ฮือๆๆ” แสงจันทร์วิ่งเตลิดไป
เทวาเรียกไว้ “แสงจันทร์”
แสงจันทร์วิ่งร้องไห้ไปตามชายหาด เทวาหน้าเศร้า
ฟากมนต์ยืนอยู่หน้ารั้วคฤหาสน์เสี่ยคงคา พันพาฤทธิ์มาพบที่หน้าประตู
“พี่ฤทธิ์ ผมจะแต่งงาน อยากเชิญพี่ไปร่วมงานด้วย”
“นายจะแต่งกับใคร”
“ครูแสงจันทร์”
ฤทธิ์หัวเราะ “แล้วไอ้เทวาล่ะ นายนึกยังไงถึงได้แย่งผู้หญิงของมัน”
“ผมไม่ได้แย่งแต่เทวาไม่ยอมแต่งกับแสงจันทร์ เธอก็เลยตัดสินใจแต่งงานกับผม”
ฤทธิ์ชอบใจ “สะใจดีว่ะ..ฉันขอให้แกโชคดี แต่ฉันคงไปร่วมงานแต่งนายไม่ได้หรอก...ฉันมีงานต้องทํา แค่นี้นะ”
ฤทธิ์เดินเข้าไปเลย
พันหันมาบอกมนต์ “เสร็จธุระแล้วก็กลับไปซะ”
มนต์มองเข้าไปในรั้วคฤหาสน์ แล้วหันหลังกลับ โดยไม่รู้ว่าคงคาแอบมองมาจากที่หน้าบ้าน
เสี่ยคงคาเดินนำเข้ามาในบ้านก่อน บอกกับหยาดฟ้า
“ยังไงก็ต้องทําให้สําเร็จ หยาดต้องช่วยเสี่ยนะ”
“หยาดช่วยเสี่ยทุกเรื่องอยู่แล้วค่ะ”
ธง ศรมองมาที่คนทั้งสอง คงคาเข้าไปใกล้หยาดฟ้า กระซิบพอได้ยินกันสองคน
“ไอ้ฤทธิ์มันชอบเธอ ใช้เสน่ห์ของเธอให้มันยอมเราสิ”
หยาดฟ้ายิ้มอย่างเข้าใจ คำรณหันไปเห็น “มันมากันแล้วพ่อ”
พันเดินนําฤทธิ์เข้ามา คงคาแกล้งถาม “ใครเหรอนายฤทธิ์”
“น้องชายผมครับ”
“ทําไมราศีถึงผิดกันนัก น้องชายดูสง่า สงสัยว่านายจะเสียสละให้น้องมาทั้งชีวิตหรือไม่หลวงปู่ ของนายก็รัก
ลูกศิษย์ไม่เท่ากัน”
คําพูดเสี้ยมของคงคาจี้ใจดําฤทธิ์จังๆ “ใช่ครับเสี่ย ผมมันไม่ใช่ศิษย์โปรด”
“เธอก็เลยไม่ได้อะไรเหมือนที่น้องๆ ได้” หยาดฟ้าเสริม
ฤทธิ์นิ่ง คงคาเข้าไปตบไหล่ปลอบใจ
“เลิกคิดเรื่องนั้นได้เลยนะนายฤทธิ์ เพราะต่อไปนี้นายจะมีทุกสิ่งทุกอย่างตามที่นายต้องการ..ขอเพียงสิ่งแลก
เปลี่ยนเล็กๆ น้อย ๆเท่านั้น”
ฤทธิ์กวาดตามอง เห็นทุกคนอยู่ในท่าทีที่เหนือกว่า ดวงตาของคํารณและลูกน้องข่มฤทธิ์อย่างชัดแจ้ง
“อะไรครับ”
“ถ่ายพลังเทวดาที่นายมีอยู่ให้กับลูกชายของฉันสิ” คงคาบอก
ฤทธิ์อึ้ง “คุณคํารณ”
“ในเมื่อนายมีพลังเทวดาได้ แล้วทําไมฉันจะมีไม่ได้” คำรณว่า
พันหันมาทางเสี่ย “ให้เราสามคนด้วยนะเสี่ย เราจะได้ช่วยงานเสี่ยได้ไงล่ะครับ”
“ใช่...เอ็งสามคนด้วย...ว่าไงนายฤทธิ์” คงคาถาม
ฤทธิ์อ้ำอึ้ง หยาดฟ้าสบตาคงคา “ให้ฤทธิ์ลองคิดดูสักคืนหนึ่งก็แล้วกัน”
หยาดฟ้าสบตากับฤทธิ์ เหมือนว่าพร้อมจะเป็นพวกของฤทธิ์ตลอดเวลา
บ้านเสี่ยคงคาภายนอก ในคํ่าคืนเดือนมืดตกอยู่ในความเงียบสงัด ฤทธิ์นั่งซึมอยู่ที่เตียงในห้องนอน เสียงเคาะประตูดังขึ้น แล้วหยาดฟ้าก็เข้ามา
“คุณหยาด” ฤทธิ์ลุกหนี “เข้ามาในห้องผม มันไม่ดีนะครับ”
“บ้านฉัน...ฉันจะไปไหนมาไหนก็ได้...ฉันนอนไม่หลับเป็นห่วงเธอ”
“ห่วงผม” ฤทธิ์ฉงน
“ใช่...กลัวว่าจะตัดสินใจผิดแล้วชีวิตเธอจะดิ่งลงเหว”
“หมายความว่ายังไงครับ”
“เข้ามาอยู่ที่นี่ตั้งหลายวันแล้ว เธอยังไม่รู้อีกเหรอว่าอิทธิพลเสี่ยคงคาน่ะมากแค่ไหน ไม่ได้มีเฉพาะริมหาด
เกาะมุกและในจังหวัดนี้เท่านั้น เครือข่ายนักเลงของเสี่ยคงคามีทั่วประเทศ หากเธอไม่ยอมรับเงื่อนไขของเสี่ย ก็หมายถึงว่าชีวิตเธอจะไม่มีความสุขไปจนวันตาย...แล้วก็อย่าเชื่อมั่นพลังเทวดาของเธอนักเลย ผู้วิเศษที่สยบเงินของเสี่ยคงคายังมีอยู่ทั่วประเทศ เหนือฟ้าก็ยังมีฟ้า”
หยาดฟ้าเข้าไปนั่งใกล้ๆ แตะมือที่ตัวฤทธิ์ สบตาซึ้งๆ
“เพราะฉันรู้สึกดีกับเธอหรอกนะ ฉันถึงเข้ามาเตือน...ฝันดีนะจ๊ะ”
หยาดฟ้าโปรยเสน่ห์แล้วออกไปจากห้อง ทิ้งให้ฤทธิ์นั่งนิ่งหมกมุ่นครุ่นคิด
ที่โรงเรียนเกาะมุก ตอนกลางวันวันต่อมา ประสิทธิ์ทักทายแสงจันทร์ซึ่งนั่งเหม่ออยู่ที่โต๊ะทํางานในห้องพักครู
“พรุ่งนี้จะถึงวันสําคัญแล้วนะครูแสงจันทร์ ทําไมไม่ลาไปเตรียมงาน”
แสงจันทร์บอก “งานไม่ได้มีอะไรมากหรอกค่ะครูใหญ่...รับพรจากหลวงปู่ ผูกข้อไม้ข้อมือ แล้วก็เลี้ยงฉลองกันที่ชายหาดตอนกลางคืนเท่านั้นเอง อ้อ มีใส่บาตรพระตอนเช้าพรุ่งนี้”
“ฟังดูก็เยอะเหมือนกันนะ...กลับไปเตรียมงานเถอะพรุ่งนี้เจ้าสาวจะได้สวยๆ”
แสงจันทร์ไหว้ประสิทธิ์ “ขอบคุณมากค่ะครูใหญ่ แต่ว่าพ่อกับแสงดาวเตรียมให้หมดแล้ว”
“อ้าวเหรอ...นายสนนี่ท่าทางจะถูกใจครูมนต์เหลือเกิน เลยจัดการให้ทุกอย่าง”
สีหน้าของแสงจันทร์หม่นไปทันที
เทวานั่งอยู่ที่โคนต้นต้นโพธิ์ในลานวัด เขาเพิ่งถอนออกจากสมาธิ
บุญกู้กวาดลานวัดอยู่มุมห่างๆ สิงห์ เดช ก้องเข้ามา แล้วคุยกับบุญกู้เสียงไม่ดังนัก
“สงสารเทวามันนะ ไอ้มนต์ไม่น่าเลย แย่งคนรักของมันไปได้ยังไงกัน” สิงห์เปิดประเด็น
ก้องเสริม “นั่นสิ กินข้าวหม้อเดียวกันแท้ๆ ไม่น่าหักหลังกันเลย”
เดชถอนใจ “ถ้าหากว่าเทวาขัดแย้งกับมนต์จะเกิดอะไรขึ้น”
บุญกู้หยุดกวาดบอกกับทุกคน “พลังเทวดาก็จะยิ่งไม่มีความหมายน่ะสิ”
ทั้งสามมองหน้าบุญกู้ทันที เดชรีบซัก “แล้วจะทํายังไงล่ะน้าบุญกู้”
“ไม่รู้โว้ย” บุญกู้ก้มหน้าก้มตากวาดลานวัดต่อไป
ที่บ้านของเสี่ยคงคายามนั้น ฤทธิ์บอกกับทุกคน
“ผมไม่แน่ใจหรอกว่าจะทําได้หรือเปล่า เพราะหลวงปู่ ยังไม่เคยสอนให้ถ่ายพลัง แต่ผมจะลองทําดู”
คงคายิ้ม “ต้องยังงั้นสิ”
ฤทธิ์บอกตามตำรา “ถ้าจะให้ได้ผล ทุกคนจะต้องถือศีลแปดสักเจ็ดวัน”
คํารณโวยวายทันที “ศีลแปด นี่แกจะให้ฉันอดเหล้าอดข้าวเย็นเหรอวะ ไม่เอาๆๆ ถ้าพลังเทวดาของนายแน่จริง นายก็ต้องทําให้พวกฉันได้ เว้นแต่ว่านายแหกตา...ถึงตอนนั้นฉันก็อยากรู้เหมือนกันว่าพลังเทวดาบ้าบอของนายกับลูกปืน อะไรศักดิ์สิทธิ์กว่ากัน”
พัน ธง ศร รับลูก แกล้งยกปืนที่เหน็บอยู่ มาควงหมุนและแกล้งเล็งไปที่ฤทธิ์
แสงดาวช่วยขยับพวงมาลัยที่ห้อยคอแสงจันทร์ให้เข้าที่ แสงจันทร์แต่งชุดไทยสวยงาม มีรอยเจิมหน้าผาก
ให้รู้ว่าผ่านการรดน้ำสังข์มาแล้ว
แสงดาวบ่นออกมาในจังหวะหนึ่ง “ไม่เห็นพี่เทวามางานพี่เลย”
“ช่างเขาเถอะ...เขาจะมาหรือไม่มาก็ไม่เกี่ยวกับเรา”
“ฉันสงสารพี่...ฉันไม่น่าพูดให้พ่อตัดสินใจให้พี่ต้องแต่งงานกับครูมนต์เลย”
“มันเปลี่ยนแปลงอะไรไม่ได้แล้วละแสงดาว นึกว่าพี่ไม่ได้สร้างบุญมากับพี่เทวา”
มนต์เดินมาพอดี มีกลุ่มของเดชตามมาด้วย มนต์แต่งชุดเจ้าบ่าวหล่อเหลา มีพวงมาลัยคล้องที่คอเหมือนกัน
“สงสัยว่าเทวาจะมางานคืนนี้” มนต์ว่า
“ทําไมต้องคืนนี้” แสงดาวฉงน
“หลวงปู่ ใช้ให้นั่งสมาธิอยู่ในโบสถ์ไม่ให้ไปไหน” เดชบอก
ก้องเสริม “อย่าเข้าใจมันผิดนะ ยังไงมันก็เพื่อนพวกเรา”
“ถ้ามันไม่มา ไอ้สิงห์นี่แหละจะลากคอมันมาเอง...ไม่ต้องห่วงนะ”
แสงจันทร์ยิ้มออก แต่เมื่อหันมาเห็นสายตาของมนต์ก็เงียบไป
ทางด้านหวานใจยืนเฝ้าอยู่หน้าห้องที่ใช้ถ่ายพลัง เป็นเวลาเย็นใกล้คํ่า
ภายในห้องแลเห็นฤทธิ์นั่งสมาธิอยู่เบื้องหน้าทุกคน มีคํารณ พัน ธง ศรนั่งสมาธิอยู่ ทุกคนเหงื่อแตกเต็ม
ตัว ประกายแสงฟ้าลอยวนอยู่เหนือศีรษะของทุกคน
กานดากับพร้อมเดินมาด้วยกันที่หน้าห้องแล้ว
“ห้องนี้หรือเปล่า”
หวานใจขัดขึ้น “คุณผู้หญิงจะทําอะไรคะ”
“ฉันมาหาลูกฉัน แกอย่ายุ่งนังหวานใจ”
“อุ๊ย เข้าไปไม่ได้ค่ะ เสี่ยสั่งห้ามไม่ให้ใครเข้าออกห้องนี้”
กานดาร้อนใจใหญ่โต “ทําอะไรกัน..หา...เปิด...เปิดเดี๋ยวนี้นะ”
หยาดฟ้ามาถึงพอดี “ถ้าเปิดละก็ เสี่ยคงไม่ยอม”
“อย่ายุ่ง นี่มันบ้านของฉันนะ ไม่ใช่บ้านของหล่อน”
คงคาเข้ามา บอกเสียงดัง “เดี๋ยวพิธีในห้องก็ไม่ศักดิ์สิทธิ์หรอก”
กานดาสงสัย “พิธีอะไร”
“ขึ้นชื่อว่าพิธีก็ต้องเป็นของดีสิ...ไม่ใช่พิธีขับไล่ผีบ้ามันออกจากตัวเธอหรอกน่า” คงคาแดกดันเมีย
หยาดฟ้าชอบใจหัวเราะหยัน “กลัวว่าถ้าเปิดไปจะยิ่งบ้าหนักขึ้นสิคะเสี่ย”
พร้อมถลึงตาใส่หยาดฟ้า หวานใจเท้าสะเอวหมับพร้อมจะเอาเรื่องพร้อมเช่นกัน
ส่วนในห้องพิธี ประกายสายฟ้าตกลงบนศีรษะของทุกคน ร่างของทุกคนสั่น กระแสไฟในรูปแบบสายฟ้ า
เวียนรอบไปยังทุกคนในในห้อง เกิดเสียงฟ้าผ่าดังสนั่นหวั่นไหว
ทุกคนที่อยู่ภายนอกห้องตกใจ กานดาแทบเป็นลม พร้อมรับไว้ได้
“คุณผู้หญิงคะ...คุณผู้หญิง”
หยาดฟ้าบอก “พานายแกไปพักผ่อนได้แล้วนังพร้อม ก่อนจะขาดใจตายซะตรงนี้”
พร้อมประคองกานดาไป คงคากับหยาดฟ้ารีบเปิดประตูเข้าไปในห้อง หวานใจแอบมองดูไป
ประตูปิดลง
ภายในห้อง ฤทธิ์ฟุบลงกับพื้น คํารณ พัน ธง ศรยืนขึ้น
“สําเร็จแล้วใช่มั้ย” คงคาถามท่าทีตื่นเต้น
“ยังไม่รู้ครับ ของแบบนี้มันต้องลอง”
คํารณหัวเราะร่าเริง ธงบอก “ไปลองที่ชายหาดดีกว่าครับ คุณคํารณ”
“ดีๆ”
หยาดฟ้าประหลาดใจ “แล้วทําไมนายฤทธิ์...”
คงคาตัดบท “มันคงหมดพลังน่ะ ช่างมันเถอะ ไปที่ชายหาดกัน”
เทวายืนอยู่ในเรือข้ามฟาก มองไปที่ท้องฟ้า เห็นสายฟ้าฟาดสาย แล้วผ่าเปรี้ยง น้ำทะเลป่านป่วนเกิดเป็นคลื่นมรสุม
“นี่มันสายฟ้าพี่ฤทธิ์นี่”
เทวารำพึง มองไปที่ท้องฟ้า สีหน้ามีแววกังวลฉายชัด
อ่านต่อตอนที่ 3